เชื่อว่ามีมนุษย์อยู่อาศัยอยู่ถาวรในอาณาเขตประเทศไทยปัจจุบันมาแล้วประมาณ 40,000 ปี เดิมชาวมอญ เขมรและมลายูปกครองพื้นที่ดังกล่าว โดยมีอาณาจักรใหญ่ เช่น ฟูนาน ทวารวดี หริภุญชัย จักรวรรดิเขมร และตามพรลิงก์ ส่วนบรรพบุรุษไทยสยามปัจจุบันซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มชาวไท-ไตเป็นกลุ่มที่อาศัยอยู่ในแถบเดียนเบียนฟูในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึง 8 และเริ่มเข้ามาอยู่อาศัยในอาณาเขตประเทศไทยปัจจุบันในคริสต์ศตวรรษที่ 11 รัฐของชาวไทเกิดขึ้นจำนวนมากในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ประมาณปี 1780 พ่อขุนบางกลางหาวรวบรวมกำลังกบฏต่อเขมร และตั้งอาณาจักรสุโขทัย เหนือขึ้นไป พญามังรายทรงตั้งอาณาจักรล้านนาในปี 1839 มีศูนย์กลางอยู่ที่เชียงใหม่ ทรงรวบรวมแว่นแคว้นขึ้นในแถบลุ่มแม่น้ำปิง ส่วนบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างมีการตั้งสหพันธรัฐในบริเวณเพชรบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรีและอยุธยาในคริสต์ศตวรรษที่ 11 นักประวัติศาสตร์กระแสหลักมักเลือกนับสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของคนไทย
อาณาจักรอยุธยาก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1893 ต่อมาเป็นใหญ่แทนจักรวรรดิเขมร และแทรกแซงอาณาจักรสุโขทัยอย่างต่อเนื่องจนสุดท้ายถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอยุธยา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงจัดการปกครองโดยแบ่งพลเรือนกับทหารและจตุสดมภ์ซึ่งบางส่วนใช้สืบมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงริเริ่มระบบเจ้าขุนมูลนาย ทำให้ประชากรส่วนใหญ่เป็นไพร่ใช้แรงงานปีละ 6 เดือน กรุงศรีอยุธยาเริ่มติดต่อกับชาติตะวันตกเมื่อ พ.ศ. 2054 หลังจากนั้นในปี 2112 กรุงศรีอยุธยาตกเป็นประเทศราชของราชวงศ์ตองอูแห่งพม่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอิสรภาพในอีก 15 ปีให้หลัง กรุงศรีอยุธยายังติดต่อกับชาติตะวันตก จนรุ่งเรืองถึงขีดสุดในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ความขัดแย้งภายในติด ๆ กันหลายรัชกาลในราชวงศ์บ้านพลูหลวง และการสงครามกับราชวงศ์คองบอง (อลองพญา) จนส่งผลให้เสียกรุงครั้งที่สองเมื่อปี 2310 หลังจากนั้นบ้านเมืองแตกออกเป็นชุมนุมต่าง ๆ เจ้าตากทรงรวบรวมแผ่นดินและขยายอาณาเขต หลังเกิดความขัดแย้งช่วงปลายรัชกาล พระองค์และพระราชโอรสทั้งหลายทรงถูกสำเร็จโทษโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ผู้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นในปี 2325
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงสถาปนาอำนาจปกครองเหนือประเทศลาวและกัมพูชาปัจจุบันและยุติสงครามกับพม่า ต่อมากรุงรัตนโกสินทร์ถูกครอบงำด้วยปัญหาความพยายามแผ่อิทธิพลของชาติตะวันตกโดยมีการบรรลุสนธิสัญญาต่าง ๆ เช่น สนธิสัญญาเบอร์นี สนธิสัญญาเบาว์ริง ตามด้วยสนธิสัญญาไม่เป็นธรรมอีกหลายฉบับ เป็นการเริ่มต้นการทำให้ประเทศทันสมัยและกลายเป็นตะวันตก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเริ่มการรวมศูนย์อำนาจแทนให้เจ้าท้องถิ่นปกครองแบบเดิม เลิกทาสและไพร่ และจัดระเบียบการปกครองแบบกระทรวง มีการยอมแลกดินแดนหลายครั้งเพื่อแลกกับการแก้ไขสนธิสัญญาต่าง ๆ ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ประเทศสยามถือฝ่ายสัมพันธมิตร
ภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ไม่เป็นผล มีส่วนให้เกิดการปฏิวัติในปี 2475 อันนำมาซึ่งการปกครองระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและทำให้คณะราษฎรมีบทบาททางการเมือง ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศไทยถูกญี่ปุ่นบุกครองและลงนามเป็นพันธมิตรทางทหารกับญี่ปุ่น หลังสงครามยุติในปี 2488 ประเทศไทยสามารถบอกเลิกสถานะสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตรได้ทำให้ไม่ตกอยู่ในสภาพผู้แพ้สงคราม ระหว่างสงครามเย็น ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับสหรัฐเต็มตัว และรัฐประหารในปี 2500 ทำให้คณะราษฎรหมดอำนาจและมีการรื้อฟื้นพระราชอำนาจ สงครามเวียดนามเร่งให้เกิดการพัฒนาและความเหลื่อมล้ำในประเทศ ทำให้เกิดการสำนึกทางการเมืองของชนชั้นกลาง "เหตุการณ์ 14 ตุลา" ปี 2516 นำมาซึ่ง "ยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน" ช่วงสั้น ๆ ซึ่งสิ้นสุดลงด้วยรัฐประหารในปี 2519 การก่อการกำเริบคอมมิวนิสต์ยุติในปี 2523
ขณะเดียวกันระบอบการปกครองของไทยสลับกันระหว่างเผด็จการทหารและประชาธิปไตยระบบรัฐสภาอยู่เรื่อย ๆ เศรษฐกิจของไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว ปี 2540 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเฉียบพลัน ในพุทธทศวรรษ 2540 เป็นต้นมา ประเทศไทยตกอยู่ในวิกฤตการณ์การเมืองระหว่างฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านทักษิณ ชินวัตรเป็นหลัก โดยมีรัฐประหารล่าสุดในปี 2557
การศึกษาประวัติศาสตร์ไทย
การแบ่งยุคสมัย
การจัดแบ่งยุคทางประวัติศาสตร์ของไทยนั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงแสดงพระทัศนะไว้ในพระนิพนธ์เรื่อง "ตำนานหนังสือพระราชพงศาวดาร" ในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาเมื่อ พ.ศ. 2457 ถึงการแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ของไทยไว้ว่า "เรื่องพระราชพงศาวดารสยาม ควรจัดแบ่งเป็น 3 ยุค คือ เมื่อกรุงสุโขทัยเป็นราชธานียุค 1 เมื่อกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานียุค 1 เมื่อกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานียุค 1" ซึ่งการลำดับสมัยทางประวัติศาสตร์แบบเส้นตรง (Linear) โดยวางโครงเรื่องผูกกับกำเนิดและการล่มสลายของรัฐ กล่าวคือใช้รัฐหรือราชธานีเป็นศูนย์กลางเช่นนี้ ยังคงมีอิทธิพลอยู่มากต่อการเข้าใจประวัติศาสตร์ไทยในปัจจุบัน
นักวิชาการให้เหตุผลในการเลือกเอาอาณาจักรสุโขทัยเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไทยไว้ 2 เหตุผล ได้แก่ 1) วิชาประวัติศาสตร์มักยึดการเริ่มมีภาษาเขียนเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ เมื่อประกอบกับการประดิษฐ์อักษรไทยในรัชกาลพ่อขุนรามคำแหงมหาราช จึงเหมาะสมเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไทย และ 2) สะดวกในการนับเวลาและเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกัน เพราะนักประวัติศาสตร์มีหลักฐานความสืบเนื่องกันตั้งแต่สมัยสุโขทัยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน ทว่า เหตุผลทั้งสองประการก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับกันอย่างเป็นเอกฉันท์นัก
ในปัจจุบัน มีข้อเสนอใหม่ ๆ เกี่ยวกับโครงเรื่องประวัติศาสตร์ไทยขึ้นมาบ้าง ที่สำคัญคือ ศ. นิธิ เอียวศรีวงศ์ได้เสนอถึงหัวข้อสำคัญที่ควรเป็นแกนกลางของประวัติศาสตร์แห่งชาติไทยไว้ 8 หัวข้อ
ปัญหาการศึกษาประวัติศาสตร์ไทย
สุจิตต์ วงษ์เทศ นักวิชาการประวัติศาสตร์ ให้ความเห็นว่า การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยเป็นประวัติศาสตร์ของราชสำนัก ตัดประวัติศาสตร์ท้องถิ่นต่าง ๆ ออกไปหมด
การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยยังถูกตั้งคำถามว่าเป็นการยัดเยียดให้นักเรียนเกิดความรักชาติ และมีเวลาเรียนถึง 1,200 ชั่วโมงต่อปีซึ่งมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก รวมทั้งมีการปลูกฝังอคติเกลียดชังประเทศเพื่อนบ้าน
ยุคก่อนประวัติศาสตร์และรัฐโบราณในประเทศไทย
หลักฐานยุคก่อนประวัติศาสตร์
นักโบราณคดีชาวฮอลันดา ดร. เอช. อาร์. แวน ฮิงเกอเรน ได้ขุดค้นพบเครื่องมือหินเทาะซึ่งทำขึ้นโดยมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ บริเวณใกล้สถานีบ้านเก่า จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีข้อสันนิษฐานว่ามนุษย์เหล่านี้อาจเป็น มนุษย์ชวาและมนุษย์ปักกิ่ง ซึ่งอยู่อาศัยเมื่อประมาณ 5 แสนปีมาแล้ว อันเป็นหลักฐานในยุคหินเก่า
เดวิด วัยอาจ (David Wyatt) เขียนว่า มีมนุษย์อยู่อาศัยในบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปัจจุบันตั้งแต่ 40,000 ปีมาแล้ว โดยเริ่มจากการเก็บของป่าล่าสัตว์: 5 จนเริ่มมีการกสิกรรมเมื่อ 10,000–20,000 ปีก่อน พบว่ากลุ่มชาติพันธุ์ดังกล่าวอยู่กันกระจัดกระจายตั้งแต่ที่ราบจีนตอนกลางลงไปถึงคาบสมุทรอินโดนีเซีย มีเทคโนโลยีการปลูกข้าวและประดิษฐ์เรือมีกราบกันโคลงทำให้แล่นไปได้ถึงญี่ปุ่นและแอฟริกาตะวันออก มีการหล่อขวานสำริดอายุ 5,000 ปี เหล็กหล่ออายุ 3,000 ปีรวมทั้งเครื่องปั้นดินเผา: 5–6 ทั้งนี้ เชื่อว่าแหล่งโบราณคดีในบ้านเชียงและที่ราบสูงโคราชเป็นหลักฐานการปลูกข้าวและหล่อสำริดที่อาจมีอายุเก่าแก่ที่สุดในทวีปเอเชีย: 5
รัฐโบราณ
อาณาจักรฟูนานเป็นอาณาจักรแรกสุดและทรงอำนาจที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจริญขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล โดยมีอาณาเขตครอบคลุมภาคกลางของประเทศไทยและทั้งประเทศกัมพูชาปัจจุบัน โดยมีเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการค้าทางทะเลและเกษตรกรรม มีการติดต่อการค้าอย่างใกล้ชิดกับอินเดียและเป็นฐานสำหรับนักเผยแผ่ศาสนาฮินดู: 5
ต่อมา ชาวมอญอาศัยช่วงที่ฟูนานเสื่อมลงตั้งอาณาจักรของตนในคริสต์ศตวรรษที่ 6 อาณาจักรทวารวดีตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนกลางและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยปัจจุบัน แต่รายละเอียดต่าง ๆ ยังไม่ค่อยทราบกันดีนัก: 30 โดยตั้งขึ้นเพื่อการค้าขายทางบกระหว่างอ่าวเมาะตะมะและอ่าวไทยผ่านด่านเจดีย์สามองค์ แต่มีการแผ่ขยายทางทิศตะวันออกไปถึงกัมพูชา ทางเหนือไปถึงเชียงใหม่และทางเหนือของประเทศลาว พอทราบว่ามีกลุ่มเมืองหนึ่งอยู่แถบนครปฐมและสุพรรณบุรี กลุ่มหนึ่งตั้งอยู่ที่ลพบุรี และอีกกลุ่มหนึ่งแถบที่ราบสูงโคราช: 32–3 ซึ่งคนไทในสมัยนั้นก็อาศัยอยู่ตามชายขอบของทวารวดี: 35 ประมาณต้นคริสต์ศตวรรษที่ 9 ชาวมอญตั้งอาณาจักรหริภุญไชยที่ลำพูน ซึ่งต่อมาเป็นศูนย์กลางทางศาสนาพุทธและวัฒนธรรม ส่วนชาวเขมรตั้งอาณาจักรใหญ่มีศูนย์กลางอยู่ที่อังกอร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 9: 7 ในคริสต์ศตวรรษที่ 8 รัฐมอญรับศาสนาพุทธผ่านผู้เผยแผ่ศาสนาจากเกาะลังกา และเผยแผ่ต่อให้จักวรรดิเขมร แม้มอญครอบงำทางวัฒนธรรมในภูมิภาค แต่มักตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าและเขมรอยู่เนือง ๆ ผลทำให้ในคริสต์ศตวรรษที่ 9 จักรวรรดิเขมรครอบงำลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาปัจจุบันทั้งหมด: 7 จักรวรรดิเขมรมีการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่จำนวนมากเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตริย์ แต่การหมกมุ่นกับการก่อสร้างมากเกินไปทำให้เศรษฐกิจของรัฐเสื่อมลง: 7
อาณาจักรตามพรลิงก์เป็นรัฐมลายูที่ควบคุมการค้าผ่านช่องแคบมะละกาที่ทรงอำนาจที่สุด เจริญขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 10 ตามพรลิงก์รวมเข้ากับอาณาจักรศรีวิชัยซึ่งเป็นสมาพันธรัฐทางทะเลที่มีอยู่ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 7 ถึง 13 ตามพรลิงก์รับศาสนาพุทธ แต่อาณาจักรมลายูที่อยู่ใต้ลงไปรับศาสนาอิสลาม ทำให้เกิดพรมแดนศาสนาระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แผ่นดินใหญ่กับคาบสมุทรมลายู: 5
การเข้ามาตั้งถิ่นฐานของคนไท
เดวิด วัยอาจเขียนว่า บรรพชนของคนไท-ไตที่อาศัยอยู่ในอินเดียตะวันออกเฉียงเหนือ พม่า ยูนนานใต้ ไทยและลาวปัจจุบัน คือ กลุ่มไท-ไตที่อยู่แถบเดียนเบียนฟูในคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึง 8: 9 โดยเชื่อว่าเป็นกลุ่มไท-ไตที่เดิมอาศัยอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำแดงที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้สุดของจีน และถูกจีนและเวียดนามแผ่แรงกดดันทางทหารและการปกครองเข้ามาจนประชากรกลุ่มหนึ่งเคลื่อนลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้: 9–10 พบว่าอาณาจักรน่านเจ้าที่อยู่ทางเหนือของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แผ่นดินใหญ่ ไม่ใช่อาณาจักรของคนไท-ไต แต่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์กลุ่มไท-ไตในแง่ที่ช่วยกั้นอิทธิพลของจีนจากทิศเหนือ และรับศาสนาพุทธและวัฒนธรรมอินเดียทางทิศตะวันตก: 20–1 และช่วยส่งเสริมการขยายตัวของกลุ่มไท-ไต: 9
มีการกล่าวถึงชาวไทยสยามครั้งแรกในนครวัดในคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยเรียกว่า "เสียม" หรือคนผิวน้ำตาล: 3 พบว่าคนไท-ไตในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11–12 อาศัยอยู่แถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและตอนกลางของแม่น้ำโขงในลาว: 40 ลพบุรีซึ่งเป็นเมืองมอญถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิเขมรในคริสต์ศตวรรษที่ 11: 41 ลพบุรีเป็นศูนย์กลางของเสียม (สยำ) หรือเป็นเมืองที่รับผิดชอบการบริหารจัดการชาวเสียม: 42
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11–12 ชาวไท-ไตตั้งรัฐใหม่ ๆ ทางเหนือของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แผ่นดินใหญ่ มีคำกล้าวอ้างว่าชาวไท-ไตปล้นสะดมและจับเชลยของเจ้านายไท-ไตหลายพระองค์ ผู้ปกครองที่พ่ายต่อชาวไท-ไตต่างเกรงกลัวยอมส่งเครื่องราชบรรณาการและให้เชื้อพระวงศ์อภิเษกสมรสด้วย ย่างเข้าคริสต์ศตวรรษที่ 13 ชาวไท-ไตต่าง ๆ ยังอยู่กันเป็นแว่นแคว้นไม่มีการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง ในช่วงนี้เมืองของชาวไท-ไตมีขนาดพอ ๆ กันไม่มีเมืองใดใหญ่กว่าเมืองอื่น และตั้งอยู่รอบจักรวรรดิเขมรและอาณาจักรพุกาม ไปจนถึงตอนเหนือของลาว: 48–9
เมื่อจักรวรรดิเขมรและอาณาจักรพุกามเสื่อมอำนาจเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 ทำให้เกิดรัฐใหม่ขึ้นเป็นจำนวนมากในเวลาไล่เลี่ยกัน อาณาจักรของชาวไทกินอาณาบริเวณตั้งแต่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดียปัจจุบันจนถึงทิศเหนือของลาว และลงไปถึงคาบสมุทรมลายู: 38–9 ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 13 มีประชากรชาวไทอาศัยอยู่มั่นคงในอดีตดินแดนแกนกลางของอาณาจักรทวารวดีและอาณาจักรลพบุรี จนถึงดินแดนนครศรีธรรมราช แต่ไม่มีบันทึกรายละเอียดการเข้ามาของชาวไท: 50–1
อาณาจักรของคนไท
เมื่อสิ้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 คนไท-ไตเริ่มย้ายจากหุบเขามาอยู่ที่ลุ่ม ทำให้เกิดรัฐเล็ก ๆ จำนวนมากที่แย่งชิงอาณาเขตกัน และเริ่มเข้ามาแทนที่สองจักรวรรดิใหญ่ คือ พุกามและพระนคร: 53 นครรัฐของไทค่อย ๆ เป็นอิสระจากจักรวรรดิเขมรที่เสื่อมอำนาจลง กล่าวกันว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (ครองราชย์ 1792–1822) ทรงสถาปนาราชอาณาจักรสุโขทัยเมื่อปี 1781 นักประวัติศาสตร์ทราบลำดับเหตุการณ์ในช่วงแรกของอาณาจักรน้อยมาก แต่พอทราบว่าในรัชกาลพ่อขุนศรีอินทราทิตย์มีเหตุให้กรุงสุโขทัยรบกับเมืองฉอด ซึ่งขุนรามทรงประกอบวีรกรรมชนช้างชนะข้าศึก: 74 พ่อขุนรามคำแหง (ครองราชย์ 1822–1841) ทรงเป็นผู้นำชาวไทที่มีความโดดเด่นและทะเยอทะยาน ทรงขยายอาณาเขตโดยใช้การทหารและการทูตผสมกัน ทั้งนี้ อาณาเขตอันกว้างขวางของกรุงสุโขทัยนั้นไม่ได้เกิดจากการเดินทัพไปหักตีเอาเมืองต่าง ๆ แต่เป็นเขตอิทธิพลที่มีผู้นำเข้าสวามิภักดิ์ และเขตอิทธิพลของสุโขทัยทางใต้ก็เกิดจากนครศรีธรรมราชที่เข้าสวามิภักดิ์ด้วย: 78–79 พญาลิไท (ครองราชย์ 1841–1889/90) ทรงสืบราชสมบัติต่อมา แต่หลายเมืองเอาใจออกห่างทันที การที่สุพรรณบุรีแยกตัวออกทำให้กั้นระหว่างกรุงสุโขทัยกับดินแดนสวามิภักดิ์ที่อยู่ใต้ลงไป และนำไปสู่ชุดเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความเจริญของกรุงศรีอยุธยา: 86
พญามังราย (ครองราชย์ 1802–1860) ทรงสืบราชสมบัติเป็นเจ้าผู้ครองหิรัญนครเงินยางเชียงลาว (เชียงแสน) ทรงพิชิตดินแดนเพื่อนบ้านแล้วขยายอำนาจลงทิศใต้ โดยตั้งเมืองเชียงรายขึ้นในปี 1805 รวมทั้งเข้ายึดครองเชียงของและฝาง ในเวลาต่อมา พระองค์เข้าเป็นพันธมิตรกับพญางำเมือง (ครองราชย์ 1801–1841) แห่งแคว้นพะเยาและพ่อขุนรามคำแหงแห่งสุโขทัย ด้วยเหตุผลด้านความทะเยอทะยานในการขยายอำนาจและร่วมกันรับมือภัยคุกคามจากมองโกลทางเหนือ ทั้งนี้ ทั้งสามพระองค์ทรงเห็นแก่อัตลักษณ์ร่วมไท-ไต: 61–62 พญามังรายทรงพิชิตหริภุญไชยได้ในปี 1824 นับเป็นเจ้าผู้ครองดินแดนทางเหนือได้ทั้งหมด ระหว่างปี 1835 ถึง 1854 มองโกลกับเชียงรุ่งรบกัน จนสุดท้ายทั้งสองสงบศึกโดยเชียงรุ่งและเชียงใหม่ส่งบรรณาการให้แก่ราชสำนักจีน: 65–66
อาณาจักรอยุธยา
ประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 อาณาจักรอยุธยาเป็นอาณาจักรของคนไทขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับล้านนาและสุโขทัย ท่ามกลางแว่นแคว้นจำนวนมากในภาคกลางของประเทศไทยปัจจุบัน นับเป็นครั้งแรกที่กษัตริย์ไทมีความทะเยอทะยานก่อตั้งมากกว่าชุมชนเมืองเล็ก ๆ: 89 ศูนย์กลางของอาณาจักรอยุธยาเป็นในจักรวรรดิเขมรเดิม แคว้นลพบุรีรอดพ้นจากการพิชิตดินแดนของสุโขทัย โดยยังรักษาอิทธิพลเหนือที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก: 92–3 ในช่วงเวลานั้นแคว้นสุพรรณบุรีควบคุมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ชัยนาททางเหนือจนถึงชุมพรทางใต้: 94–5
พระเจ้าอู่ทอง (ครองราชย์ 1893–1912) ทรงก่อตั้งอาณาจักรอยุธยาในปี 1893 พระองค์ทรงยกทัพไปตีนครธม เมืองหลวงของจักรวรรดิเขมร จนสามารถปกครองเมืองได้ช่วงสั้น ๆ: 102 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ครองราชย์ 1913–31) ทรงหันไปสนพระทัยกับหัวเมืองเหนือ และทำสงครามกับสุโขทัยตลอดรัชกาล จนบังคับให้สุโขทัยยอมรับอำนาจเหนือของอยุธยาได้: 102 มีวิกฤตการสืบราชสมบัติอยู่เนือง ๆ ระหว่างราชวงศ์สุพรรณบุรีและลพบุรีอยู่หลายชั่วคน จนราชวงศ์สุพรรณบุรีชนะในปี 1952: 15 ในรัชกาลสมเด็จพระอินทราชา (ครองราชย์ 1952–67) กรุงศรีอยุธยาเข้าไปแทรกแซงการเมืองภายในสุโขทัย เริ่มจากลดฐานะเจ้าผู้ครองเป็นเจ้าสวามิภักดิ์ เข้าไปตัดสินปัญหาการสืบราชสมบัติ จนผนวกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยาในปี 1987: 104 ในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (ครองราชย์ 1967–91) นครธมถูกกองทัพอยุธยาตีแตก จนปกครองนครธมในฐานะหัวเมืองประเทศราชช่วงสั้น ๆ ก่อนถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง: 105–6 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (ครองราชย์ 1991–2031) ทรงรับช่วงการสงครามกับล้านนาต่อ พระองค์ยังทรงสร้างระบบควบคุมกำลังคนทำให้กรุงศรีอยุธยาได้เปรียบเหนือดินแดนเพื่อนบ้าน โดยมีระบบการควบคุมไพร่ปีละหกเดือนให้สังกัดขุนนางท้องถิ่น: 107 ระบบราชการเริ่มใช้ตามรูปแบบของจักรวรรดิเขมร คือ สร้างความห่างเหินระหว่างกษัตริย์กับราษฎร และควบคุมขุนนางด้วยเอกสารลายลักษณ์อักษรแทนการสวามิภักดิ์: 108–9 พระองค์ยังทรงออกกฎหมายจัดลำดับชั้นและแบ่งแยกหน้าที่ในสังคมที่ซับซ้อน ทรงตั้งจตุสดมภ์และเพิ่มตำแหน่งกลาโหมและมหาดไทย: 30
ประมาณปี 2000–2010 ราชอาณาจักรอยุธยาควบคุมคาบสมุทรมลายูและฝั่งทะเลเบงกอล คือ ทวายและตะนาวศรี ทำให้สามารถควบคุมการค้านานาชาติ ทำให้เรือสินค้าไม่ต้องอ้อมแหลมมะละกา: 129–30 การยึดครองมะละกาของโปรตุเกสในปี 2054 ทำให้อยุธยาเริ่มการติดต่อกับชาติตะวันตก โปรตุเกสส่งทูตเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับทั้งจัดหาปืนและอาวุธให้: 132 ในช่วงนี้เองกรุงศรีอยุธยาเริ่มพัฒนาวัฒนธรรมของตนเองโดยมีรูปแบบการแสดงออกทางภาษา วรรณคดีและพิธีกรรม และมีภูมิหลังจากมอญ เขมรและไท-ไตผสมกัน ซึ่งนับเป็นเอกลักษณ์นิยามความเป็น "สยาม" ต่างจากไทยวนล้านนาและลาวล้านช้าง: 134 ครั้นพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ (ครองราชย์ 2074–93) แห่งตองอูพิชิตอาณาจักรมอญโบราณที่หงสาวดีและตีเมืองเชียงกรานซึ่งเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระไชยราชาธิราช (ครองราชย์ 2077–90) ทรงยกทัพไปชิงเมืองคืน: 137 สมเด็จพระไชยราชาธิราชยังทรงกังวลกับล้านนาด้วยจึงยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่สองครั้งแต่ไม่สามารถยึดเมืองหลวงได้: 137–8 หลังสิ้นรัชกาลเกิดการชิงราชสมบัติกัน ท้าวศรีสุดาจันทร์ยกขุนวรวงศาธิราชชู้รักของพระนางให้เป็นพระมหากษัตริย์ แต่ทรงราชย์ได้หกสัปดาห์ ก็ถูกบรรดาขุนนางสมคบกันลอบปลงพระชนม์และยกสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (ครองราชย์ 2091–2108 และ 2110–1) ให้สืบราชสมบัติ พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ทรงยกกองทัพเรือนแสนมาล้อมกรุงศรีอยุธยาในปี 2092 แต่ไม่สำเร็จ: 139 พระเจ้าบุเรงนอง (ครองราชย์ 2094–2124) ทรงยกทัพมาตีอาณาจักรอยุธยาอีกครั้ง หลังสามารถควบคุมอาณาจักรล้านนาทั้งหมดไว้ได้: 141–3 ครั้งนี้พระมหาธรรมราชาเป็นผู้สนับสนุนพม่า และสุดท้ายสมเด็จพระมหาจักรพรรดิต้องยอมตามข้อเรียกร้องของพม่าและส่งพระราเมศวร พระราชโอรส เป็นองค์ประกัน: 142 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิพยายามอภิเษกสมรสทางการเมืองกับล้านช้าง แต่พระมหาธรรมราชาส่งข่าวให้พม่าชิงตัวเจ้าหญิงอภิเษก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิส่งกองทัพไปตีพิษณุโลกเพื่อตอบโต้ แต่ถูกอุบายทำให้ถอนทัพกลับไป: 144 ในปี 2111–2 พระเจ้าบุเรงนองส่งกองทัพขนาดใหญ่มาตีกรุงศรีอยุธยาอีก กรุงศรีอยุธยารับศึกได้หนึ่งปีแต่สุดท้ายเสียกรุงให้แก่พม่าในวันที่ 8 สิงหาคม 2112: 145–7
พม่าให้สมเด็จพระมหาธรรมราชา (ครองราชย์ 2112–33) ปกครองกรุงศรีอยุธยาในฐานะเจ้าประเทศราช อาณาจักรอ่อนแอลงจนถูกกัมพูชาถือโอกาสบุกเข้ามากวาดต้อนผู้คนถึง 6 ครั้งในรอบสองทศวรรษ: 156 พระนเรศวรทรงแสดงพระปรีชาสามารถทางทหารในการต่อสู้กับกัมพูชา และเสด็จไปร่วมปราบรัฐฉานกับกองทัพพม่า: 157–8 หลังจากนั้น พระนเรศวรถูกลอบปองร้ายจากราชสำนักพม่าจึงยกทัพกลับบ้านเกิด ทรงรบป้องกันบ้านเมืองจากพม่าและกัมพูชาสามครั้งในช่วงปี 2128–30: 158 ในปี 2135 พระมหาอุปราชาของพม่ายกทัพมาทางกาญจนบุรี สมเด็จพระนเรศวร (ครองราชย์ 2133–48) ยกทัพไปรับศึกที่หนองสาหร่ายและชนช้างชนะพระมหาอุปราชา ผลของศึกทำให้กรุงศรีอยุธยาเป็นอิสระมั่นคง: 158–9 หลังจากสมเด็จพระนเรศวรยึดหัวเมืองชายทะเลของพม่าและกัมพูชา และได้ล้านนามาอยู่ในอำนาจแล้ว พระองค์ทรงทำสงครามลึกเข้าไปในแผ่นดินพม่าอีกตลอดรัชกาล และสวรรคตขณะทรงยกทัพไปตีรัฐฉานเพื่อชิงตัดหน้าการรวบรวมอำนาจของพม่าใหม่: 163
หลังจากนั้น การค้าต่างประเทศของกรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ สาเหตุเพราะมีความสัมพันธ์อันดีกับโปรตุเกส ฟิลิปปินส์ (ในการปกครองของสเปน) จีน ญี่ปุ่นและรีวกีว และควบคุมเมืองตะนาวศรีและทวายฝั่งอ่าวเบงกอล: 163–4 สมเด็จพระเอกาทศรถ (ครองราชย์ 2148–53) ทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างชาติ ทรงส่งทูตไปฮอลันดาเป็นคณะแรกในปี 2151 และไปเมืองกัวของโปรตุเกสในอินเดียในปี 2149: 171 สมเด็จพระนารายณ์ (ครองราชย์ 2199–2231) ทรงขึ้นครองราชย์ได้ด้วยความช่วยเหลือของคนต่างด้าว: 175 ในรัชกาลของพระองค์ทรงอนุญาตให้เผยแผ่ศาสนาคริสต์ และมีคณะเยซูอิตมาช่วยเหลือราชสำนักอยุธยาในด้านการช่าง ทรงส่งทูตไปยังราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสในปี 2223: 179 และคอนสแตนติน ฟอลคอนซึ่งมีพื้นเพเป็นนักแสวงโชคชาวกรีก ค่อย ๆ ไต่เต้าตำแหน่งราชการในพระคลัง จนสุดท้ายเป็นสมุหนายกซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของขุนนางฝ่ายพลเรือน: 177, 180 ในปี 2231 เกิดการปฏิวัติเนื่องจากอิทธิพลของฟอลคอนในราชสำนักและความประพฤติเสื่อมเสียของคนต่างด้าวที่มีอยู่นานแล้ว สุดท้ายสมเด็จพระเพทราชา (ครองราชย์ 2231–48) เถลิงราชสมบัติแทน: 185–6 ผลทำให้บาทหลวงคริสต์ถูกจำคุก และชาวคริสต์ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้าย แต่ชาติอื่นที่มิใช่ฝรั่งเศสยังอยู่กันปกติ และไม่นานบาทหลวงฝรั่งเศสก็มีอิสระในการเผยแผ่ศาสนาอีกครั้ง: 186
ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ (ครองราชย์ 2251–75) ชาวจีนเริ่มมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองเพิ่มขึ้น: 196–7 หลังสิ้นรัชกาล เกิดการแก่งแย่งราชสมบัติซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (ครองราชย์ 2275–2301) ได้ครองราชบัลลังก์ ทรงพยายามแก้ไขปัญหาดุลอำนาจระหว่างพระมหากษัตริย์กับเจ้านายและขุนนางผู้ใหญ่ กล่าวคือ เพิ่มตำแหน่งเจ้าทรงกรมเพื่อให้มีไพร่ที่บังคับน้อยลง ผลทำให้การควบคุมคนเกิดความแตกแยก: 198–9 คนรุ่นหลังยกให้รัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเป็นยุคทอง เพราะทรงทำนุบำรุงศาสนาพุทธ และส่งสมณทูตไปลังกาหลายคณะ: 200 และทรงทำให้กรุงศรีอยุธยามีบทบาทในระดับนานาชาติอีกครั้ง ทรงแทรกแซงกัมพูชาจนยกเจ้าที่นิยมอยุธยาเป็นพระมหากษัตริย์ได้สำเร็จ และรับผู้อพยพชาวมอญหงสาวดี: 201 ในทศวรรษสุดท้าย เกิดการแข่งขันชิงอำนาจกันมโหฬารระหว่างตระกูลขุนนางที่ต้องการขยายอำนาจในกิจการการค้าระหว่างประเทศและกำลังคน: 204–5 ในปี 2300 ราชวงศ์โก้นบองของพม่าฟื้นฟูอำนาจหลังตองอูถูกมอญพิชิตไปก่อนหน้านี้ พระเจ้าอลองพญา (ครองราชย์ 2295–2303) ทรงยกทัพมาตีอาณาจักรอยุธยาแต่ล้มเหลวเพราะสวรรคตกลางคัน: 208–9 สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (ทรงราชย์ 2301–10) ทรงสนองต่อการขอความช่วยเหลือจากเชียงใหม่ด้วยการส่งกำลังเล็ก ๆ ไปช่วยเหลือแต่ไปไม่ทัน: 211 ในปี 2308 พระเจ้ามังระ (ครองราชย์ 2306–19) ทรงส่งกองทัพใหญ่มาตีกรุงศรีอยุธยาเป็นสองทาง สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ทรงใช้ยุทธศาสตร์ตั้งรับในกรุงและรอฤดูน้ำหลากเป็นหลัก แต่พม่าสามารถเตรียมการรับมือได้จึงไม่ได้ล่าถอยไป หลังการล้อมกรุงนานปีกว่า สุดท้ายกรุงศรีอยุธยาจึงเสียเป็นครั้งที่สองเมื่อปี 2310: 210–2
ความรุ่งเรืองและเสื่อมของอาณาจักรล้านนา และล้านนาในฐานะประเทศราช
ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 และ 15 อาณาจักรล้านนามีความขัดแย้งกับดินแดนเพื่อนบ้านหลายแห่ง และอยู่ในภาวะสงครามภายในบ่อยครั้ง: 112–3 ล้านนาใช้ระบบส่งผู้แทนส่วนกลางไปควบคุมเขตกึ่งเอกเทศหลายร้อยเขต ซึ่งเจ้าล้านนาประสบความสำเร็จมากน้อยไม่เท่ากันในการสร้างเอกภาพในอาณาจักร: 114 พญากือนา (ครองราชย์ 1910–28) ทรงตั้งศาสนาพุทธนิกายลังกาวงศ์และตั้งวัดสวนดอก ซึ่งจะเป็นพลังชี้นำทางปัญญาและวัฒนธรรมในอาณาจักร รวมทั้งพัฒนาความสำนึกเรื่องอัตลักษณ์ของชาวไทยวน: 115–6 ในรัชกาลพญาแสนเมืองมา (ครองราชย์ 1928–44) และพญาสามฝั่งแกน (ครองราชย์ 1944–53) เกิดการแก่งแย่งบัลลังก์กัน และมีการชักศึกภายนอก คือ สุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา: 116–7 ในปี 1947–8 ล้านนาสามารถต้านทานกองทัพขนาดใหญ่จากยูนนานได้สำเร็จ: 117 พระเจ้าติโลกราช (ครองราชย์ 1985–2030) ทรงได้รับยกย่องว่าเป็นพระมหากษัตริย์ล้านนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทรงใช้เวลาทศวรรษแรกปราบปรามผู้ชิงบัลลังก์ทั้งหลาย: 117–8 ในปี 1992 พระองค์ยังทรงครองอำนาจเหนือนครน่านหลังเอาใจออกห่างโดยร่วมมือกับแพร่และหลวงพระบาง: 118 ระหว่างปี 1985 ถึง 2029 ทรงผลัดกันเป็นฝ่ายบุกและตั้งรับในสงครามกับกรุงศรีอยุธยาโดยต่างฝ่ายต่างไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้: 118–21 หลังรัชกาลพญาเกศเชษฐราช (ครองราชย์ 2069–81 และ 2086–8) อาณาจักรล้านนาเข้าสู่ยุคเสื่อมเพราะการสืบราชสมบัติที่ไม่ราบรื่นและขุนนางมีอำนาจเหนือพระมหากษัตริย์: 125–6 หลังจากนั้นมีการแทรกแซงทางการเมืองจากทั้งกรุงศรีอยุธยาและล้านช้าง ขุนนางบางส่วนยกให้สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ล้านช้างขึ้นครองราชย์ช่วงสั้น ๆ: 126–7
ราชวงศ์มังรายสิ้นสุดลงเมื่อเชียงใหม่ตกเป็นของพม่าในปี 2101 พม่าเป็นผู้แต่งตั้งเจ้าผู้ครองล้านนาในฐานะประเทศราช และมีการเกณฑ์ทหารและเสบียงเพื่อทำสงครามกับกรุงศรีอยุธยา: 187 หลังพม่าขาดเอกภาพหลังพระเจ้านันทบุเรงเสด็จสวรรคตในปี 2142 เจ้าเชียงใหม่ถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือในศึกกับล้านช้าง จึงทรงยอมอยู่ภายใต้อำนาจของกรุงศรีอยุธยาในช่วงสั้น ๆ: 188 พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงส่งทัพไปยึดหัวเมืองเหนืออีกครั้งในปี 2156 แต่ปล่อยให้ล้านนาแตกออกเป็นเมืองเล็กน้อย: 188–9 หลังเจ้าพลศึกศรีสองเมือง (ครองราชย์ 2158–74) ประกาศอิสรภาพต่อพม่าไม่สำเร็จ พม่าเริ่มเปลี่ยนมาตั้งเจ้าเมืองเชียงใหม่ขึ้นปกครองโดยตรง: 189 ในปี 2204 สมเด็จพระนารายณ์ยกทัพมาตีเชียงใหม่และลำปางได้ แต่ไม่สามารถยึดครองเมืองไว้ได้: 190 หลังจากนั้น พม่าส่งเจ้ามาปกครองเป็นอุปราชเหมือนก่อน บ้านเมืองยากจนและประชากรน้อยลงเพราะถูกขูดรีดภาษีและเกณฑ์คนไปมาก และตกเป็นเหยื่อของดินแดนใกล้เคียง: 190–1 ระหว่างปี 2270 ถึง 2306 แม้ว่าพม่าจะยังควบคุมดินแดนส่วนใหญ่ของล้านนาไว้ได้ แต่กลุ่มผู้นำในเมืองเชียงใหม่แข็งเมืองต่อพม่า: 191–2, 209
กรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
การรวมแผ่นดิน
หลังกรุงศรีอยุธยาแตกในปี 2310 บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะอนาธิปไตย พม่าที่ติดพันในการสงครามกับจีนจึงเหลือกองทหารเล็ก ๆ ไว้รักษากรุงเก่าเท่านั้น บ้านเมืองแตกออกเป็น 5 ชุมนุม ได้แก่ ชุมนุมเจ้าพิมายที่นครราชสีมา ชุมนุมเจ้าพิษณุโลก ชุมนุมเจ้าพระฝางที่เมืองสวางคบุรี (ฝาง) ชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราช และชุมนุมเจ้าตาก เจ้าตากเริ่มสร้างฐานอำนาจที่จันทบุรีแล้วใช้เวลาไม่ถึงปีขยายอำนาจทั่วภาคกลางของประเทศไทยปัจจุบัน: 220–1 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (ครองราชย์ 2310–25) หลังปราบดาภิเษกแล้ว ทรงเลือกกรุงธนบุรีเป็นราชธานีซึ่งมีทำเลเหมาะแก่การค้าทางทะเล ทรงใช้เวลาอีกสามปีรวบรวมหัวเมืองที่เคยขึ้นกับกรุงศรีอยุธยาเป็นหนึ่งอีกครั้ง: 223 พระองค์ยังทรงขยายอิทธิพลไปยังดินแดนใกล้เคียง หัวเมืองมลายูตรังกานูและปัตตานีส่งเครื่องราชบรรณาการให้กรุงธนบุรี ทรงผลักดันเจ้ากัมพูชาให้ขึ้นครองราชย์ และทรงให้ความช่วยเหลือแก่พระเจ้ากรุงเวียงจันในการสงคราม นอกจากนี้ ยังทรงขับทหารพม่าออกจากล้านนาได้ในปี 2319 ทำให้ล้านนาเป็นประเทศราชของกรุงธนบุรีนับแต่นั้น: 224–5 จากนั้นโปรดให้ยกทัพไปปราบหัวเมืองตะวันออก โดยนครเวียงจันถูกตีแตกในปี 2321 และมีการอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐาน: 227–8 ในช่วงปลายรัชกาล มีบันทึกว่าพระองค์มีพระสติฟั่นเฟือนเพราะบังคับให้พระสงฆ์กราบไหว้และสั่งลงโทษพระสงฆ์ที่ไม่ยอมตาม อย่างไรก็ดี น่าจะเป็นเรื่องแต่งเติมเพราะพระองค์เป็นคนนอกไม่มีพื้นเพเป็นตระกูลผู้ดีเก่ากรุงศรีอยุธยามากกว่า: 229–30 ปลายปี 2324 กลุ่มชนชั้นนำต่างคิดเห็นว่าควรปลดสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเสีย ครั้นปี 2325 เกิดกบฏพระยาสรรค์ เจ้าพระยาจักรีที่กำลังยกทัพไปปราบกบฏในกัมพูชาในปีเดียวกันจึงยกทัพกลับมารักษาความสงบในกรุง และสำเร็จโทษสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี: 230–1
กรุงเทพมหานคร
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (ครองราชย์ 2325–52) ปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี และทรงย้ายเมืองหลวงมายังกรุงเทพมหานคร ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีการขนย้ายอิฐกำแพงกรุงศรีอยุธยาเดิมมาสร้างเป็นกำแพงพระนครแห่งใหม่ด้วย: 233–4 พระองค์ทรงให้ปฏิรูปการปกครองคณะสงฆ์ มีการออกกฎคณะสงฆ์ สังคายนาพระไตรปิฏก ทรงให้ฟื้นฟูขนบธรรมเนียมอย่างกรุงศรีอยุธยาซึ่งถือเป็นยุคทอง โปรดให้จัดทำประมวลกฎหมาย ชื่อ กฎหมายตราสามดวง ซึ่งใช้กันในกรุงรัตนโกสินทร์ต่อมาอีกหนึ่งศตวรรษ: 234–5 ในปี 2328 พระเจ้าปดุง (ครองราชย์ 2324–62) แต่งทัพออกเป็น 9 ทัพ ยกมาตีกรุงเทพมหานคร 5 ทิศทาง เรียก สงครามเก้าทัพ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงใช้ยุทธศาสตร์กระจายกำลังไปรับศึกนอกพระนครได้เป็นผลสำเร็จ พม่ายกทัพมาอีกครั้งในปลายปี 2328 และต้นปี 2329 เรียก สงครามท่าดินแดง แต่ก็ถูกตีกลับไปเช่นกัน: 240–5 กรุงเทพมหานครยังส่งทัพไปช่วยล้านนาจากพม่าได้สามครั้ง: 246–7 ทรงให้พระยากาวิละ (ต่อมาเป็นพระเจ้ากาวิละ) ต้นราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน เป็นเจ้าครองล้านนาในฐานะประเทศราชของกรุงเทพมหานครสืบต่อไป: 251–2 พระยากาวิละรวบรวมผู้คนเพื่อมาตั้งรกรากในเชียงใหม่ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้อีกครั้ง และขยายอาณาเขตไปทางทิศเหนือจนตีได้เชียงแสนและหัวเมืองแถบลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน นับได้ว่าสามารถฟื้นฟูอาณาจักรล้านนาโบราณได้สำเร็จ: 252–3 กรุงเทพมหานครยังพยายามขยายอิทธิพลเข้าไปในกัมพูชาและลาว โดยใช้วิธีแบ่งแยกและปกครอง คือ แบ่งล้านช้างออกเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ เพื่อทำให้อ่อนแอจนไม่สามารถแข่งขันกับกรุงเทพมหานครได้: 257 แยกสงขลาออกจากเจ้านครศรีธรรมราชแล้วส่งขุนนางส่วนกลางไปปกครองโดยตรง กับทั้งลดฐานะของเจ้านครศรีธรรมราชเป็นเจ้าเมือง และแบ่งแยกกลันตันและตรังกานู: 259
รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (ครองราชย์ 2352–67) ถือเป็นยุคทองแห่งศิลปะ และสงบสุขเกือบตลอดรัชกาล กัมพูชากลายเป็นสนามรบระหว่างกรุงเทพมหานครและเวียดนาม สุดท้ายเวียดนามครอบงำกัมพูชาอยู่หลายสิบปีหลังปี 2356 แต่กรุงเทพมหานครเข้าควบคุมพื้นที่กว้างขวางขึ้นในกัมพูชา: 257–9 หลังจากอิทธิพลของอังกฤษในภูมิภาคเพิ่มขึ้นจากการได้มะละกา เกาะหมาก (ปีนัง) และสิงคโปร์ ในปี 2364 ข้าหลวงใหญ่อังกฤษประจำอินเดียส่งจอห์น ครอว์เฟิร์ดเข้ามาเจรจาค้าขาย แต่ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันกลับไป: 271, 273
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครองราชย์ 2367–94) รัฐบาลอังกฤษในอินเดียส่งเฮนรี เบอร์นีเข้ามาเจรจากับกรุงเทพมหานคร โดยขอให้ส่งเสบียงช่วยเหลือหรือไม่ก็วางตนเป็นกลางในสงครามอังกฤษ–พม่าครั้งที่หนึ่ง (2367–9) อังกฤษกลายมามีอาณาเขตติดต่อกับกรุงเทพมหานครหลังยึดดินแดนทางตะวันออกเฉียงใต้ของพม่าไว้ได้: 279–80 ราชสำนักยอมตกลงสนธิสัญญาเบอร์นีในปี 2369 หลังมีข่าวว่าอังกฤษชนะพม่า เนื้อหาของสนธิสัญญา อังกฤษยอมรับอำนาจของกรุงเทพมหานครเหนือไทรบุรี กลันตัน ตรังกานูและปัตตานี แลกกับที่กรุงเทพมหานครยอมรับอิสรภาพของเปรักและสลังงอร์ และลดการเก็บภาษีจำนวนมากกับวาณิชต่างประเทศเหลือค่าธรรมเนียมปากเรืออย่างเดียว: 281 ในปี 2376 สหรัฐส่งทูตเข้ามาทำสนธิสัญญาโรเบิร์ต ซึ่งนับเป็นสนธิสัญญาแรกระหว่างสหรัฐกับชาติเอเชีย
ฝ่ายเจ้าอนุวงศ์ (ครองราชย์ 2348–71) แห่งเวียงจันหลังทราบข่าวกรุงเทพมหานครเตรียมรับศึกอังกฤษ ก็หมายฉวยโอกาสโจมตีกรุงเทพมหานครเพื่อกวาดต้อนผู้คนไปไว้ในราชอาณาจักร ในปี 2369 ก่อกบฏโดยยกทัพเข้ามายึดนครราชสีมา ฝ่ายกรุงเทพมหานครหยุดยั้งการบุกเอาไว้ได้ และส่งกองทัพไปตีกรุงเวียงจันได้สำเร็จ: 283–4 แต่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวยังไม่พอพระทัยที่จับเจ้าอนุวงศ์ไม่ได้ และมีพระราชประสงค์ให้ทำลายเวียงจันให้สิ้นซาก ในปี 2370 มีการส่งกองทัพอีกกองหนึ่งขึ้นไปตีกรุงเวียงจันที่เจ้าอนุวงศ์ตีกลับคืนไปได้อีกครั้ง ครั้งนี้มีการทำลายอาคารบ้านเรือนทั้งหมดจนสิ้นซาก และกวาดต้อนผู้คนมาอยู่ในแถบภาคกลางของประเทศไทยปัจจุบัน คณะสำรวจฝรั่งเศสอีกสี่สิบปีถัดมาบันทึกว่าเวียงจันยังเป็นเมืองร้าง: 284–5 หลังจากนั้นอีกหลายสิบปี กรุงเทพมหานครยังกวาดต้อนชาวลาวเข้ามาตั้งรกรากในที่ราบสูงโคราช ผลทำให้หัวเมืองลาวอีสานเพิ่มขึ้นประมาณ 40 เมืองซึ่งเกิดจากชาวลาวที่กวาดต้อนมา: 285–6 ฝ่ายมลายูทางใต้ กรุงเทพมหานครปรับนโยบายเป็นให้เจ้ามลายูปกครองกันเองหลังเกิดกบฏขึ้น 2 ครั้งในปี 2374 และ 2381 จากนั้นในภูมิภาคดังกล่าวก็มีระเบียบและความมั่นคงพอสมควร: 287–9 ฝ่ายทางตะวันออก กรุงเทพมหานครรบกับเวียดนามเพื่อแย่งชิงอิทธิพลเหนือกัมพูชาอีกครั้ง เรียก อานัมสยามยุทธ (2376–90) สุดท้ายทั้งสองตกลงกันโดยให้เจ้ากัมพูชาส่งเครื่องราชบรรณาการให้ทั้งสองอาณาจักร: 290–2
หลังจากสงครามฝิ่นครั้งที่หนึ่งในจีน (2382–5) ชาติตะวันตกเริ่มก้าวร้าวมากขึ้น และระหว่างปี 2392–3 มีคณะทูตจากอังกฤษและสหรัฐเข้ามาเรียกร้องให้กรุงเทพมหานครยกเลิกข้อกีดกันทางการค้าและตั้งศาลกงสุลแต่ถูกปัดกลับไป สาเหตุจากประจวบกับช่วงที่กำลังมีความกังวลเรื่องการแก่งแย่งราชสมบัติ: 301–2 อย่างไรก็ดี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงภัยคุกคามของชาติตะวันตก ดังที่มีกระแสพระราชดำรัสก่อนเสด็จสวรรคตว่า "การศึกสงครามข้างญวนข้างพม่าก็เห็นจะไม่มีแล้ว จะมีอยู่ก็แต่พวกข้างฝรั่ง": 305
การเผชิญหน้ากับมหาอำนาจตะวันตก
การปฏิรูปและการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครองราชย์ 2394–2411) ทรงได้รับการยกให้ขึ้นครองราชสมบัติพร้อมกับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเกลี่ยอำนาจของพระอนุชา: 310–1 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงความขัดเคืองของทูตอังกฤษที่กลับไปมือเปล่าในช่วงปลายรัชกาลก่อน จึงทรงติดต่อฮ่องกง: 311 ต้นปี 2398 รัฐบาลสหราชอาณาจักรในกรุงลอนดอนส่งคณะทูตซึ่งมีเซอร์จอห์น เบาว์ริงเป็นหัวหน้าเข้ามาเจรจา มีการบรรลุสนธิสัญญาเบาว์ริง ในเวลาสองสัปดาห์ถัดมา มีเนื้อหาจำกัดพิกัดภาษีขาเข้า ให้คนต่างด้าวพำนักและเป็นเจ้าของที่ดินรอบ ๆ พระนครได้ การให้สิทธิสภาพนอกอาณาเขต และการยกเลิกการผูกขาดการค้าของราชการ: 311–3 ภายในหนึ่งทศวรรษหลังจากนั้น กรุงเทพมหานครยังลงนามสนธิสัญญาทำนองเดียวกันกับอีก 12 ประเทศ เป็นการริเริ่มความสัมพันธ์แบบพหุภาคีเพื่อหวังให้ชาติเหล่านั้นถ่วงดุลอำนาจกันเอง: 314–5 ปริมาณการค้าโดยรวมเพิ่มขึ้นจาก 5.6 ล้านบาทในปี 2393 เป็น 10 ล้านบาทในปี 2411 กรุงเทพมหานครเปลี่ยนโฉมโดยมีการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมและตัดถนนใหม่: 318–9 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงริเริ่มการปฏิรูป ตั้งแต่การพิมพ์ราชกิจจานุเบกษา ทรงเลิกธรรมเนียมโบราณ ทรงให้ราษฎรถวายฎีกา และให้ผู้หญิงเลือกคู่เองได้ และเริ่มจ้างชาวต่างประเทศในงานพิเศษบางอย่าง ทั้งนี้ พระองค์ทรงตระหนักดีว่าการเปลี่ยนแปลงจะต้องเป็นไปอย่างช้า ๆ หากพระองค์จะได้รับความร่วมมือจากขุนนางผู้ใหญ่ที่กุมอำนาจในระบบราชการเป็นเวลาหลายชั่วคนแล้ว: 322, 324
หลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตกระทันหันด้วยโรคมาลาเรีย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครองราชย์ 2411–53) จึงสืบราชสมบัติทั้งที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยมมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หลังบรรลุนิติภาวะแล้ว ทรงริเริ่มการปฏิรูปเป็นชุด โดยมีการตั้งศาลพิเศษเพื่อชำระคดีของศาลกรมต่าง ๆ ที่ค้างอยู่ ทรงรวมศูนย์อำนาจการจัดทำงบประมาณและสัมปทานค้าฝิ่นและบ่อนเบี้ย ทรงตั้งสภาที่ปฤกษาราชการแผ่นดินและปรีวีเคาน์ซิล ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มหรือคู่แข่งตระกูลบุนนาค ทรงออกกฎหมายค่อย ๆ ลดการมีทาสเพื่อทำลายระบบการควบคุมคนและเศรษฐกิจของชนชั้นขุนนาง: 329–30 ในปี 2417 ความพยายามปฏิรูปทำให้เกิดความขัดแย้งกับอำนาจเก่าอย่างหนัก เกิดความขัดแย้งกับวังหน้าอย่างรุนแรงจนเกือบเกิดสงครามกลางเมือง สุดท้ายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสามารถจำกัดอำนาจของวังหน้าได้แต่ทรงยอมยุติการปฏิรูปไปก่อน: 331–3 พระองค์ทรงเริ่มใช้วิธีส่งข้าหลวงต่างพระองค์ไปปกครองหัวเมืองเหนือ หัวเมืองตะวันออกเฉียงเหนือและหัวเมืองใต้เริ่มตั้งแต่ปี 2413 เพื่อพยายามทำให้ดินแดนเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของสยาม: 334–5
ในช่วงนี้ฝรั่งเศสมีความพยายามแสวงหาดินแดนใหม่เพิ่มขึ้น เริ่มจากการทำสัญญากับสยามในปี 2410 ให้กัมพูชาเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศสและเริ่มส่งคณะสำเร็จไปลุ่มแม่น้ำโขง: 337 ในปี 2430 มีการปรับคณะรัฐบาลโดยให้ตั้งกรมขึ้นมา 12 กรมที่มีฐานะเท่ากันตามอย่างรัฐบาลสหราชอาณาจักร ซึ่งมีการยกฐานะเป็นกระทรวงในปี 2432: 347 ช่วงปี 2430–6 ฝรั่งเศสพยายามขยายอิทธิพลเหนือลาว ในปี 2436 เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 คือ มีเหตุการณ์ไล่ตัวแทนฝรั่งเศสออกจากหลวงพระบาง มีการเรียกร้องเอาดินแดนลาวฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขง และเมื่อกองทัพสยามในพื้นที่ต่อสู้ทหารฝรั่งเศสที่พยายามเข้าควบคุมพื้นที่นั้น รัฐบาลฝรั่งเศสสบช่องจะประกาศสงครามกับสยาม และส่งเรือรบมายังปากแม่น้ำเจ้าพระยา สุดท้ายพระเจ้าอยู่หัวทรงยอมตามคำขาดของฝรั่งเศส เช่นเดียวกับการจ่ายค่าปรับและการยกบางส่วนของแคว้นน่านและจันทบุรีให้ฝรั่งเศส: 352–5 ในปี 2439 ฝรั่งเศสและบริเตนตกลงให้สยามมีเอกราชและเป็นรัฐกันชนระหว่างพม่าของบริเตนและอินโดจีนของฝรั่งเศส
ในทศวรรษสุดท้ายของการครองราชย์ สยามพยายามให้พิจารณาสนธิสัญญาไม่เป็นธรรม แต่ผลเป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยต้องมีการลงนามสัญญาอีกหลายฉบับในปี 2446–9 เพื่อให้ฝรั่งเศสถอนทหารออกจากจันทบุรีและตราด เช่นเดียวกับการทำสัญญากับบริเตนในปี 2452 เพื่อแลกหัวเมืองประเทศราชมลายูแก่บริเตนกับการเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตของคนในบังคับบริเตน: 358–9 ในปี 2436 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีมหาดไทยในขณะนั้น ทรงริเริ่มระบบมณฑลเทศาภิบาลที่นครราชสีมาเป็นที่แรก แล้วส่งข้าหลวงจากส่วนกลางไปปกครองโดยตรงแทนผู้ปกครองสืบทอดในหัวเมือง มีการสร้างทางรถไฟไปภาคอีสานและภาคเหนือ การปรับปรุงกฎหมายสยามโดยยึดตามประมวลกฎหมายนโปเลียนของฝรั่งเศส: 363–5 อย่างไรก็ดี ในปี 2445 เกิดกบฏขึ้นในราชอาณาจักร 3 ครั้ง เพื่อต่อต้านการโอนอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง: 372–3 ในปี 2448 มีการปฏิรูปแบบค่อยเป็นค่อยไป จนสามารถแทนที่ระบบการเกณฑ์แรงงานแบบเก่ามาใช้ระบบเงินรัชชูปการและการเกณฑ์ทหารสมัยใหม่แทน: 365–6 ผลของการเลิกระบบไพร่ทำให้ราษฎรทำการเกษตรเพิ่มขึ้น ปริมาณการส่งออกข้าวของสยามเพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 1 ล้านเกวียนในคริสต์ทศวรรษ 1850 เป็นกว่า 11 ล้านเกวียนในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19: 375 ในปี 2441 เริ่มมีการตั้งโรงเรียนในหมู่บ้านต่าง ๆ โดยใช้ตำราเรียนและหลักสูตรเดียวกันที่ส่วนกลางกำหนดแทนการศึกษาในวัดแบบเดิม นับเป็นการเริ่มหล่อหลอมให้เกิดรัฐชาติที่มีเอกภาพ: 378–9 นอกจากนี้ ชาวจีนยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ด้วย โดยจำนวนชาวจีนเพิ่มขึ้นจาก 230,000 คนในปี 2368 เป็น 792,000 คนในปี 2453 ชาวจีนเหล่านี้ประสมประสานวัฒนธรรมกลายเป็นส่วนหนึ่งของสยาม และมีบทบาทในเศรษฐกิจสมัยใหม่ของอาณาจักร: 380–1
รัฐชาติสมัยใหม่
การพัฒนาราชอาณาจักรสยามในรัชกาลที่ 5 ไม่ได้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ คือ สังคมเข้าสู่สมัยใหม่เร็วช้าไม่เท่ากัน ทำให้เกิดช่องว่างทางสังคม: 393 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครองราชย์ 2453–68) ทรงสร้างให้เกิดสำนึกความเป็นชาติอย่างน้อยก็ในหมู่ชนชั้นนำ ในปี 2454 ทรงตั้งกองเสือป่าซึ่งสมาชิกหลุดพ้นจากกรอบราชการและนับถือประมุข: 396–7 ในปีเดียวกัน เกิดเหตุการณ์คณะนายทหารชั้นผู้น้อยคบคิดกันเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยมีแนวคิดต่อต้านสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่ยังไม่ทันวางแผนเสร็จก็ถูกจับได้เสียก่อน: 397, 399 พระองค์ทรงตอบโต้ด้วยการแต่งตั้งเสนาบดีซึ่งเป็นข้าราชการที่ได้รับการศึกษาในทวีปยุโรป ทรงตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหางบประมาณขาดดุลและทรงใช้วิธีประชาสัมพันธ์และโฆษณาชวนเชื่อซึ่งใช้มาจนสิ้นรัชกาล: 400–2 คือ ทรงใช้พระปรีชาทางวรรณศิลป์เผยแพร่พระราชนิพนธ์ทางสื่อต่าง ๆ โดยย้ำแนวคิดสำคัญส่งเสริมวิถีชีวิตแบบตะวันตก ทรงริเริ่มธรรมเนียมอย่างตะวันตก เช่น นามสกุล กีฬาที่เล่นเป็นหมู่คณะโดยเฉพาะอย่างยิ่งฟุตบอล ธรรมเนียมผัวเดียวเมียเดียว ทรงส่งเสริมการศึกษาแผนใหม่ โดยสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี 2459 และทรงให้การศึกษาระดับประถมเป็นภาคบังคับ: 402–3 ทั้งยังทรงเผยแพร่แนวคิดชาตินิยมทางการเมืองและชาตินิยมทางเศรษฐกิจที่ประสงค์ให้กำจัดอิทธิพลของชาวจีนในเศรษฐกิจสยาม: 404 ทรงพยายามส่งเสริมให้ราษฎรรู้จักสมาคมกันโดยไม่แบ่งวรรณะ รู้จักตัดสินโดยยึดหลักเสียงข้างมาก และกระตุ้นการอภิปรายสาธารณะในสื่อต่าง ๆ: 406 ด้านกิจการทหาร ทรงจัดหาเรือรบที่ทันสมัย และในปี 2460 ราชสำนักเล็งเห็นว่าการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอาจก่อให้เกิดประโยชน์ในการเลิกสนธิสัญญาไม่เป็นธรรม จึงประกาศสงครามกับฝ่ายมหาอำนาจกลางในวันที่ 22 กรกฎาคม 2460: 407 ผลทำให้ชาติตะวันตกยอมแก้ไขสนธิสัญญาในช่วงปี 2463–9 ให้สยามได้รับอิสระในการจัดเก็บภาษีอากรและยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขต: 408–9 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการปกครองจะทำให้สยามพินาศล่มจมจึงปฏิเสธข้อเสนอแนะให้ใช้ระบอบรัฐธรรมนูญเสียทุกครั้ง: 412 ในด้านเศรษฐกิจ รายได้ของรัฐที่ลดลงจากราคาผลผลิตการเกษตรที่ตกต่ำ และรายจ่ายส่วนพระองค์ที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ งบประมาณจึงขาดดุลเช่นนี้ไปจนสิ้นรัชกาล ทำให้ต้องมีการกู้เงินต่างประเทศมาเป็นระยะ ๆ: 413
รัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครองราชย์ 2468–78) บ้านเมืองเต็มไปด้วยความไม่สงบและปัญหาเศรษฐกิจ ความพยายามลดงบประมาณทำให้เกิดการทะเลาะกันในหมู่ข้าราชการทำให้เกิดภาพไร้ประสิทธิภาพ: 416–7 หนังสือพิมพ์สะท้อนความคิดเห็นของมหาชนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล พระองค์ทรงเร่งสถาปนาอภิรัฐมนตรีสภาเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้า พระองค์ยังทรงมีแนวคิดทดลองประชาธิปไตยในสยาม อย่างไรก็ดี ความพยายามให้ทดลองการปกครองตนเองระดับเทศบาลมีผลเล็กน้อยจนมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง: 421 ช่วงคริสต์ทศวรรษ 1920 มีกลุ่มนักเรียนต่างประเทศซึ่งมีแนวคิดต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่โดดเด่นได้แก่ ปรีดี พนมยงค์ และแปลก ขีตตะสังคะ เริ่มพบปะกันอย่างลับ ๆ เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในปี 2472 ผลสะเทือนถึงสยามทำให้ราคาข้าวตกลง รัฐเสียรายได้ และเกิดวิกฤตค่าเงินบาท: 426–7 ในปี 2475 รัฐบาลดำเนินมาตรการ เช่น ปลดข้าราชการออกจำนวนมาก ระงับการเลื่อนขั้น และเพิ่มการเก็บภาษี ผลทำให้เกิดชนชั้นกลางได้รับผลกระทบมากเมื่อเทียบกับคนจีน ชนชั้นสูงและเจ้า และเกิดความไม่พอใจ: 428 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพิจารณาความเป็นไปได้ของรัฐบาลจากการเลือกตั้ง มีการทูลเกล้าฯ ถวายรัฐธรรมนูญฉบับร่างโดยเนื้อหามีใจความว่า จะให้โอนอำนาจบริหารเป็นของนายกรัฐมนตรีจากการแต่งตั้ง มีสภานิติบัญญัติควบคุมตรวจสอบโดยมีสมาชิกมาจากการเลือกตั้งและแต่งตั้งอย่างละกึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ดี เจ้านายในคณะอภิรัฐมนตรีสภาคัดค้านร่างรัฐธรรนนูญดังกล่าว จึงไม่ได้ดำเนินการอย่างไรต่อ: 429, 431
ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
การปฏิวัติ พ.ศ. 2475 และรัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา
วันที่ 24 มิถุนายน 2475 กลุ่มบุคคลที่เรียกคณะราษฎรก่อการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง ผลทำให้ระหว่างปี 2478–2500 เป็นช่วงเวลาที่พระมหากษัตริย์ไม่ได้ปกครอง และพระมหากษัตริย์ทรงไม่มีบทบาททางสังคมอีกจนพ้นช่วงดังกล่าว: 440 คณะราษฎรเริ่มวางแผนปฏิรูปการเมืองแต่เป็นไปอย่างช้า ๆ: 442–3 หลังจากนั้น คณะราษฎรเกิดขัดแย้งกันเอง โดยฝ่ายพลเรือนมีอำนาจน้อยกว่าฝ่ายทหาร คณะราษฎรแตกกันเป็น 5 ฝ่าย และหลังเกิดวิกฤต 3 ครั้งในปี 2476 สุดท้ายฝ่ายทหารหนุ่มชนะ: 444–5 พระมหากษัตริย์และกลุ่มกษัตริย์นิยมพยายามเอาชนะคณะราษฎรทุกวิถีทาง เกิดเป็นเครือข่ายต่อต้านการปฏิวัติที่มีพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลาง เริ่มจากกฎหมายปิดสภาฯ, เดือนตุลาคม 2476 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดชทรงนำทหารในต่างจังหวัดกบฏ แต่ก่อการไม่สำเร็จ: 17–27 ความขัดแย้งระหว่างพระองค์กับรัฐบาลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และหลังจากรัฐบาลปฏิเสธการต่อรองเพื่อปรับเปลี่ยนพระราชอำนาจและรูปแบบการปกครอง พระองค์ทรงสละราชสมบัติในวันที่ 2 มีนาคม 2477 (นับแบบเก่า): 448 รัฐบาลกราบบังคมทูลพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล (ต่อมาเป็นพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร, ครองราชย์ 2478–89) ขณะยังทรงพระเยาว์และกำลังศึกษาในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นพระมหากษัตริย์และแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ คณะรัฐมนตรีในช่วงแรก ๆ สั่นคลอนแต่อยู่ร่วมกันได้เพราะบุคลิกของพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) และในปี 2478 รัฐบาลสามารถเจรจาจนสยามมีอำนาจอธิปไตยอย่างสมบูรณ์: 452–3
จอมพล ป. พิบูลสงครามและสงครามโลกครั้งที่สอง
ในปี 2481 จอมพล แปลก พิบูลสงคราม ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เขาจัดการความนิยมของรัฐบาลด้วยการควบคุมสื่อและตรวจพิจารณา มีการจับนักโทษการเมืองและเคลื่อนไหวต่อต้านราชวงศ์: 455, 457 ภายในปีแรก รัฐบาลออกกฎหมายต่อต้านชาวจีนหลายฉบับ และสงวนบางอาชีพให้เฉพาะชาวไทยซึ่งเป็นความคิดชาตินิยมทางเศรษฐกิจ ออกรัฐนิยม 12 ประการ รวมทั้งการเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นไทย และควบคุมวิถีชีวิตประจำวันต่าง ๆ โดยอ้างว่าเพื่อให้ต่างประเทศมองว่าไทยเป็นประเทศสมัยใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2483 ไทยส่งกำลังรุกเข้าไปในลาวและกัมพูชา ถึงแม้จะแพ้ในยุทธนาวีเกาะช้าง แต่ทางบกสามารถยึดดินแดนได้ จนญี่ปุ่นเข้ามาเป็นตัวกลาง โดยมีการบรรลุอนุสัญญายกดินแดนลาวและกัมพูชาบางส่วนให้ไทย: 462 หลังจากนั้นประเทศไทยเตรียมรับศึกญี่ปุ่น แต่ชาติมหาอำนาจอังกฤษและสหรัฐต่างไม่สามารถช่วยรักษาความมั่นคงของไทยได้: 462–3
วันที่ 8 ธันวาคม 2484 ญี่ปุ่นเคลื่อนทัพผ่านประเทศไทย มีการปะทะกับญี่ปุ่นหลายจุด จอมพล ป. เห็นว่าการขัดขืนเปล่าประโยชน์ จึงสั่งหยุดยิง ยินยอมให้กองทัพญี่ปุ่นเดินทางผ่านประเทศไทยโดยแลกกับให้ญี่ปุ่นยอมรับเอกราชของไทย: 463, 465 ต่อมารัฐบาลเห็นญี่ปุ่นได้ชัยตามสมรภูมิต่าง ๆ ก็เชื่อว่าญี่ปุ่นจะชนะสงคราม จึงเข้าเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นและประกาศสงครามต่อสหรัฐและสหราชอาณาจักร ฝ่ายเสนีย์ ปราโมช เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐในเวลานั้น ปฏิเสธยื่นคำประกาศสงครามไปยังสหรัฐ และก่อตั้งขบวนการเสรีไทย เดือนพฤษภาคม 2485 รัฐบาลนำกำลังเข้ายึดครองรัฐฉาน สถาปนาเป็นสหรัฐไทยเดิม ขณะเดียวกันญี่ปุ่นยังมอบดินแดนมลายูที่ยกให้บริเตนในปี 2452 แก่ไทยด้วย: 466–7 อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นเริ่มเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำในปี 2487 ไทยประสบปัญหาขาดแคลนสินค้าจำเป็น การเพิ่มภาษีและเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ทั้งยังเผชิญกับการทิ้งระเบิดทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตร: 467–8 เดือนกรกฎาคม 2487 จอมพล ป. พิบูลสงครามแพ้มติในสภาผู้แทนราษฎรจึงลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ เหตุผลหนึ่งคือ ส.ส. ต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับฝ่ายสัมพันธมิตรและเห็นว่าจอมพล ป. คือสายสัมพันธ์ในอดีตกับญี่ปุ่น และเลือกควง อภัยวงศ์เป็นนายกรัฐมนตรีแทน: 470 ช่วงปลายสงคราม รัฐบาลพยายามอย่างยิ่งที่จะให้รอดพ้นจากข้อเรียกร้องของฝ่ายสัมพันธมิตร โดยพยายามเสนอขบวนการเสรีไทยในประเทศให้ฝ่ายสัมพันธมิตรใช้เพื่อต่อต้านญี่ปุ่น และไทยพึ่งความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐ: 472–3
หลังสงครามโลก
หลังญี่ปุ่นยอมจำนนในเดือนสิงหาคม 2488 ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ให้เหตุผลว่าการประกาศสงครามต่อสหรัฐและสหราชอาณาจักรไม่ชอบด้วยกฎหมาย และปฏิเสธข้อตกลงทั้งหมดระหว่างรัฐบาลจอมพล ป. กับญี่ปุ่น ด้านควง อภัยวงศ์ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะไปมีส่วนกับญี่ปุ่นระหว่างสงคราม: 473–4 รัฐบาลสหราชอาณาจักรมีข้อเรียกร้องยืดยาวต่อไทย แต่ถูกรัฐบาลสหรัฐใช้อิทธิพลข่มไว้ สุดท้าย มีการตกลงความตกลงสมบูรณ์แบบซึ่งให้ไทยคืนดินแดนที่ได้มาระหว่างสงครามแก่เจ้าของเดิมและการขายข้าวให้สหราชอาณาจักรเพื่อแลกกับการได้รับเสียงสนับสนุนให้เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติเท่านั้น ในปี 2489 ศาลฎีกายุติคดีจอมพล ป. ที่เกี่ยวข้องกับสงคราม และวันที่ 9 มิถุนายน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลต้องพระแสงปืนสวรรคตอย่างมีปริศนา: 467–8 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลเดชสืบราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดช (ครองราชย์ 2489–2559) ในช่วงปี 2489–2490 รัฐบาลฝ่ายที่สนับสนุนปรีดีเสื่อมอำนาจอย่างรวดเร็ว เพราะสังคมมองว่ารัฐบาลไม่สามารถคลี่คลายคดีได้
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 คณะทหารรัฐประหาร มีการถอนรากถอนโคนฝ่ายซ้าย โดยเฉพาะผู้สนับสนุนของปรีดี: 480 ส่วนหนึ่งอ้างเหตุไขคดีสวรรคตไม่ได้ด้วย รัฐบาลจอมพล ป. หวนคืนสู่อำนาจอีกครั้งในปี 2491 และใช้นโยบายปราบปรามชาวจีน มลายู และนักการเมืองภาคอีสาน เดือนเมษายน 2491 เกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงของชาวบ้านดุซงญอ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งรัฐบาลใช้กำลังปราบปรามอย่างหนัก: 486 ในปี 2492 ปรีดีและพันธมิตรซึ่งประกอบด้วยทหารเรือและอดีตสมาชิกเสรีไทยพยายามเพื่อยึดอำนาจคืน แต่ไม่สำเร็จ จึงถูกเรียกว่า กบฏวังหลวง นับแต่นั้นพันธมิตรทางการเมืองของปรีดีก็หมดอำนาจลงอย่างสิ้นเชิง
หลังจากเหตุการณ์กบฏแมนฮัตตันและกบฏสันติภาพในปี 2494 พลตรี เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ และ พลตรี สฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ค่อย ๆ มีอำนาจมากขึ้นแทนจอมพล ป.: 488, 490 บทบาทของสหรัฐในเวลานั้นมองว่าไทยเป็นรัฐที่ต้องได้รับการปกป้องเพื่อกันการแผ่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์ ประเทศไทยเข้าร่วมรบในสงครามเกาหลีในปี 2497 เป็นประเทศหลักในองค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยได้รับเงินอุดหนุนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ความช่วยเหลือทางเทคนิค และการปรับปรุงกองทัพและตำรวจจากสหรัฐ: 493–4 ช่วงปี 2498–2500 จอมพล ป. เริ่มผ่อนปรนการควบคุมการเมืองอย่างเข้มงวดและให้จดทะเบียนพรรคการเมืองได้ ในช่วงนั้นจอมพล ป. และ พล.ต.อ. เผ่าซึ่งเป็นพันธมิตรกันเห็นว่าพวกตนกำลังแพ้ให้กับกลุ่มจอมพลสฤษดิ์และกลุ่ม "ศักดินา" จึงพยายามดึงตัวปรีดีกลับประเทศ แต่ถูกรัฐบาลสหรัฐขัดขวาง นอกจากนี้ จอมพล ป. ยังเกิดขัดแย้งกับพระเจ้าอยู่หัวในหลายโอกาส จอมพลสฤษดิ์ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเนื่องจากลาออกจากคณะรัฐมนตรีในเดือนสิงหาคม 2500 จนในวันที่ 13 กันยายน จอมพลสฤษดิ์นำกองทัพรัฐประหาร: 496–9
ระบอบสฤษดิ์และยุคถนอม-ประภาส
หลังรัฐประหารปี 2500 พลเอก ถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่รัฐบาลถูกค้านในสภาผู้แทนราษฎรอย่างหนักจนไม่สามารถทำงานอย่างราบรื่น จอมพลฤษฎดิ์มีความเห็นว่าพฤติกรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สื่อมวลชนที่ขาดการควบคุม และข้อพิพาทแรงงานและการประท้วงล้วนบ่อนทำลายประเทศ: 508–9 ในปี 2501 เขายกเลิกรัฐธรรมนูญและออกคำสั่งสภาปฏิวัติ และสั่งจับผู้วิจารณ์รัฐบาลหลายร้อยคน เขาตอกย้ำภาพความสะอาดและความเป็นระเบียบ โดยจัดการปัญหาอาชญากรรมอย่างเฉียบขาด สังคมไทยหลายภาคส่วนยอมรับผู้นำเบ็ดเสร็จแบบดังกล่าว: 510 เขายังเปลี่ยนจากความจงรักภักดีต่อรัฐและรัฐธรรมนูญมาเป็นความภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งย่อมทำให้รัฐบาลในพระมหากษัตริย์มีความชอบธรรมตามไปด้วย: 511 เขาฟื้นฟูบทบาททางสังคมของสถาบันพระมหากษัตริย์ และยังพยายามสร้างความชอบธรรมตามวิถีประชาธิปไตยด้วยการดำเนินนโยบายพัฒนาชนบท ส่งเสริมการลงทุนของเอกชนและต่างชาติเพื่อยกฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศ: 513–4 หลังขบวนการปะเทดลาวซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์ค่อย ๆ มีอำนาจเพิ่มขึ้นในลาว รัฐบาลยอมรับข้อตกลงของสหรัฐในการคุ้มครองไทย และให้สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศ: 516–7
หลังจอมพลสฤษดิ์ถึงแก่อสัญกรรมในปี 2506 มีการสืบทอดตำแหน่งผู้นำประเทศเข้าสู่ยุคถนอม-ประภาส ประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องในสงครามเวียดนามมากขึ้น อย่างไรก็ตาม วัยอาจระบุว่าไม่ใช่ว่าประเทศไทยสละความเป็นกลางหรือความเป็นอิสระในนโยบายต่างประเทศ แต่ประเทศไทยใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์กับสหรัฐเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนคือสร้างมิตรกับฝ่ายที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ในลาวและกัมพูชา และต่อต้านอิทธิพลของเวียดนามในสองประเทศนี้: 523–4 เมื่อรัฐบาลไทยและสหรัฐเข้าไปตอบโต้ปฏิบัติการของเวียดนามในลาวและกัมพูชา เวียดนามเหนือและจีนตอบโต้ด้วยการส่งเสริมการต่อต้านรัฐบาลในประเทศไทย: 524 ระหว่างปี 2507–11 มีการส่งทหารอเมริกันเข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจนมีเจ้าหน้าที่เกือบ 45,000 คน มีเครื่องบินรบเกือบ 600 ลำ: 524 จนถึงปี 2510 ไทยส่งกองทัพครบทั้งสามเหล่าทัพเข้าร่วมปฏิบัติการในเวียดนามใต้ โดยในปี 2512 มีทหารไทยในเวียดนาม 11,000 นายซึ่งคิดเป็นร้อยละ 14 ของกำลังพลทั้งหมด: 525 ผลกระทบของการเข้ามาของทหารอเมริกันนี้ยังเปลี่ยนความสัมพันธ์ของชาวนาในชนบท และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำกองทัพกับผู้นำธุรกิจเชื้อสายไทย-จีน คนหนุ่มสาวในชนบทเข้าเมืองเพื่อหางานทำ เร่งโอกาสทางการศึกษาและการเข้าถึงสื่อมวลชน: 526–7 นอกจากนี้ ชาวนาในชนบทยังเกิดสำนึกเรื่องความไม่เสมอภาคทำให้เกิดความไม่พอใจรัฐบาล ปลายปี 2507 เริ่มเกิดการก่อการกำเริบคอมมิวนิสต์เริ่มจากภาคอีสาน แล้วลามไปภาคเหนือและใต้
ในช่วงเดียวกัน จำนวนประชากรไทยเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และเศรษฐกิจของประเทศเริ่มเปลี่ยนจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม จำนวนคนหนุ่มสาวที่ได้รับการศึกษาดีมีเพิ่มขึ้นนำไปสู่การขยายชนชั้นกลางที่เป็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ชนชั้นกลางเหล่านี้มีอัตลักษณ์ของตนเองโดยมีลักษณะอนุรักษนิยมทางการเมือง พร้อมกับยึดถือค่านิยมที่เน้นเสรีภาพอย่างตะวันตก: 537 การที่รัฐบาลเข้าไปมีอำนาจในหมู่บ้านชนบททำให้เกิดความไม่พอใจ เพราะชาวบ้านถูกทหารและตำรวจข่มเหง หรือถูกข้าราชการฉ้อโกง มีการต่อต้านรัฐบาลควบคู่ไปกับการดำเนินงานของสหภาพชาวนาและกรรมกร: 539–40
ในปี 2511 ท่ามกลางแรงกดดันจากนักศึกษาในประเทศและสหรัฐ จอมพลถนอมจึงประกาศรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีสภาผู้แทนราษฎรจากการเลือกตั้งคู่กับวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง จอมพลถนอมชนะการเลือกตั้งในปี 2512 และได้ตั้งรัฐบาลอีกสมัย แต่ความขัดแย้งในสภา และกิจกรรมทางการเมืองที่เกิดจากการผ่อนปรนการจำกัดการแสดงออก ทำให้รัฐบาลตื่นภัยว่าอาจเป็นความล่มสลายของความสามัคคีในชาติ เช่นเดียวกับฐานะของจอมพลถนอมและประภาสในกองทัพที่มีอนาคตไม่แน่นอน เดือนพฤศจิกายน 2514 จอมพลถนอมยุบสภาและยกเลิกพรรคการเมือง นำประเทศกลับสู่ยุคกองทัพครอบงำอีกครั้ง: 540–1 จอมพลถนอมใช้วิธีสร้างผู้นำให้เข้มแข็งที่เคยใช้ได้ผลมาก่อน แต่ในช่วงนั้นชนชั้นกลางและชาวนาต้องการส่วนแบ่งอำนาจทางการเมืองมากขึ้น เหตุการณ์ในเดือนตุลาคม 2516 ที่มีการจับกุมนักศึกษาที่แจกใบปลิวต่อต้านรัฐบาล ทำให้มีการเดินขบวนใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วมนับแสนคนในกรุงเทพมหานคร รัฐบาลใช้กำลังเข้าปราบปรามจนมีผู้เสียชีวิต 77 คน สุดท้ายจอมพลถนอมและประภาสถูกบีบให้ลาออกจากลี้ภัยออกนอกประเทศ
ประชาธิปไตยลุ่ม ๆ ดอน ๆ
ผลจากเหตุการณ์ 14 ตุลาทำให้เกิด "ยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน" หรือ "การทดลองประชาธิปไตย" การแสดงความเห็นต่างที่ถูกเก็บกดมาหลายสิบปีกลับมามีปากเสียง เกิดรัฐบาลพลเรือน และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ให้ทั้งสมาชิกรัฐสภามาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เกิดองค์การการเมืองและการดำเนินกิจกรรมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เกิดการประท้วงของกรรมกรและชาวนาไปทั่ว การแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะมีอิสระ งานเขียนของปัญญาชนฝ่ายซ้ายได้รับความนิยม สมัยนายกรัฐมนตรีหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชสามารถเจรจาให้สหรัฐถอนฐานทัพออกจากประเทศและเจรจาสร้างความสัมพันธ์กับสาธารณรัฐประชาชนจีน: 544, 546–7 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในภูมิภาคขณะนั้นประเทศลาวมีการเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์ และคอมมิวนิสต์ชนะสงครามเวียดนาม หลังการเลือกตั้งในปี 2519 ได้รัฐบาลผสมอีกสมัยที่มีความเปราะบาง เกิดขัดแย้งในสภาทำให้รัฐบาลแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้น้อย และนักศึกษาฝ่ายซ้ายเริ่มทำให้ผู้สนับสนุนรู้สึกแปลกแยก สถาบันพระมหากษัตริย์ ชนชั้นนำในเมืองและชนชั้นกลางจำนวนมากเริ่มหันมาสนับสนุนกลุ่มฝ่ายขวาต่าง ๆ เช่น นวพล ลูกเสือชาวบ้าน กลุ่มกระทิงแดง เพราะมองว่านักศึกษาถูกลัทธิคอมมิวนิสต์ชักนำ: 547–8 ในช่วงนี้กลุ่มนักศึกษาฝ่ายซ้ายถูกตอบโต้ด้วยความรุนแรง ในปี 2519 จอมพลถนอมที่บวชเป็นสามเณรเดินทางกลับประเทศ โดยมีสมาชิกราชวงศ์เสด็จไปเยี่ยมที่วัด: 548 เกิดการประท้วงขึ้นรายวันในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ย่างเข้าเดือนตุลาคม 2519 ฝ่ายขวามีปฏิกิริยาต่อการประท้วงโดยการปลุกระดมใส่ร้ายนักศึกษาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ จนสุดท้ายมีการสังหารหมู่นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักวิชาการต่างประเทศมองว่า สถาบันพระมหากษัตริย์มีส่วนส่งเสริมเหตุการณ์จากการสนับสนุนกลุ่มฝ่ายขวาและการเสด็จฯ เยี่ยมพระถนอม: 31 กองทัพเข้ามาครอบงำการเมืองอีกครั้ง และการแสดงออกถูกปิดกั้น: 549
หลังรัฐประหารในปี 2519 มีรัฐบาลขวาจัดที่ใช้อำนาจควบคุมอย่างเข้มงวด นักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้ายหนีเข้าป่าและออกนอกประเทศจำนวนมาก รัฐบาลเริ่มเสียการสนับสนุนจากกองทัพ จนมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีในปี 2520: 552–3 รัฐบาลใหม่พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ลดความรุนแรงของฝ่ายขวาและพยายามนำผู้หลบหนีออกจากป่า ในช่วงนั้นเกิดเหตุการณ์เวียดนามบุกกัมพูชา ทำให้ชายแดนตะวันออกของประเทศมีผู้ลี้ภัยเข้ามานับแสนคน และกลุ่มติดอาวุธบางกลุ่มพยายามโจมตีข้ามชายแดนเข้ามา เมื่อประกอบกับรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ เขาถูกบังคับให้ลาออกก่อนมีรัฐประหารโดยพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ในปี 2523: 553–4 ในสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม มีการใช้นโยบายยันกองทัพเวียดนามที่ชายแดนโดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ รัฐบาลยังสามารถนำผู้ก่อการเริบกลับเข้าสู่สังคมและจัดการเลือกตั้งทั่วไปได้ในปี 2526: 557 ในทศวรรษนั้นเริ่มเห็นได้ชัดว่าพระมหากษัตริย์ทรงมีบทบาททางการเมือง หลังจากทรงสนับสนุนนักศึกษาในปี 2516 ทรงเปลี่ยนมาสนับสนุนกลุ่มฝ่ายขวาในปี 2519 และรัฐบาลธานินทร์ จนสู่รัฐบาลพลเอกเปรม: 558 ปรากฏชัดในครั้งกบฏยังเติร์กในปี 2524 ที่ทรงประกาศสนับสนุนรัฐบาลพลเอกเปรมทำให้กบฏล้มเหลว: 558–9
ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 ถึง 1990 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬารอีกครั้ง กรุงเทพมหานครกลายเป็นเมืองใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก ประเทศมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดในโลก ประเทศเข้าสู่ความเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ซึ่งดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ: 561 พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ชนะการเลือกตั้งในปี 2531 เขาดูแลกองทัพที่เป็นพวกของตน ทำให้กองทัพอีกฝ่ายยึดอำนาจในเดือนกุมภาพันธ์ 2534 นำโดยพลเอก สุจินดา คราประยูร ทีแรกเขาให้สัญญาว่าจะไม่รับอำนาจทางการเมืองแต่สุดท้ายเขาตระบัดสัตย์และเข้าเป็นหัวหน้ารัฐบาลใหม่: 572–3 เหตุการณ์เดินขบวนประท้วงในกรุงเทพมหานครในเดือนพฤษภาคม 2535 ลงเอยด้วยการสั่งปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งให้พลเอกสุจินดาและพลตรี จำลอง ศรีเมือง แกนนำผู้ประท้วง เข้าเฝ้าฯ จากนั้นพลเอกสุจินดาลาออกจากตำแหน่ง กลางปี 2540 เกิดเหตุการณ์ฟองสบู่เศรษฐกิจแตก อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างบาทไทยต่อดอลลาร์สหรัฐลดลงอย่างรวดเร็ว วิกฤตนี้ทำให้รัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชาและพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ล้ม ชวน หลีกภัยกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง รัฐบาลสามารถเจรจาข้อตกลงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ แม้การกู้เงินดังกล่าวจะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทย แต่มีเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าเป็นกองทุนช่วยเหลือคนรวย มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างใหญ่โต: 575–6
ยุคทักษิณและวิกฤตการณ์การเมือง
ประวัติศาสตร์การเมืองไทยหลังปี 2544 ถูกครอบงำด้วยความขัดแย้งระหว่างฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ในปี 2544 พรรคไทยรักไทยซึ่งขณะนั้นมีอายุได้ 3 ปี ชนะการเลือกตั้งทั่วไป นโยบายเศรษฐกิจของเขาที่เรียก ทักษิโณมิกส์ เน้นกระตุ้นการบริโภคในประเทศและการเพิ่มความสามารถการแข่งขันของประเทศ นโยบายของเขายังรวมการเพิ่มสวัสดิการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการสุขภาพถ้วนหน้าซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในชนบท อย่างไรก็ดี การเอื้อพวกพ้องของทักษิณในการเลื่อนยศทหารใกล้ชิดในกองทัพทำให้พลเอกเปรมและพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่พอใจ: 268 การเคลื่อนไหวต่อต้านทักษิณครั้งแรกเริ่มจากนโยบายภาคใต้ เริ่มจากการเปลี่ยนองค์การของกองทัพมาให้ตำรวจคุมในปี 2545 และปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ปล้นปืนในค่ายทหารจังหวัดนราธิวาสแห่งหนึ่งในปี 2547 ชนชั้นกลางในกรุงเทพมหานครเริ่มไม่พอใจนโยบายประชานิยม การวิจารณ์ในสื่อเพิ่มขึ้น: 268 สนธิ ลิ้มทองกุลซึ่งเป็นเจ้าของสื่อคนหนึ่งวิจารณ์ทักษิณทางโทรทัศน์จนรายการของเขาถูกสั่งระงับ จึงหันมาเดินขบวนตามท้องถนนและปลุกเร้าอารมณ์ด้วยการอ้างว่าทักษิณเป็นภัยคุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์: 269 การประท้วงในปี 2548 ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่ในปี 2549 หลังมีเหตุการณ์ขายหุ้นกลุ่มบริษัทชินคอร์ปให้แก่เทมาเส็กโฮลดิงส์ของรัฐบาลสิงคโปร์โดยไม่เสียภาษี ทำให้เริ่มมีการชุมนุมโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กองทัพบางส่วนเล็งเห็นโอกาสในการโค่นทักษิณจึงร่วมมือกับ พธม.: 269 การชุมนุมเน้นกล่าวหาทักษิณว่ามีแผนเปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรัฐและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ: 269 ทักษิณประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์คว่ำบาตรการเลือกตั้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรียกทักษิณไปเข้าเฝ้าและหลังจากนั้นทักษิณประกาศจะถอยออกจากการเมืองแถวหน้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงมีพระราชดำรัสให้ฝ่ายตุลาการมีบทบาทเพิ่มขึ้นใน "การขับเคลื่อนประชาธิปไตย": 269
รัฐประหารในปี 2549 มีผู้นำเป็นกลุ่มนิยมเจ้าอย่างเข้มข้น และอ้างว่ารัฐบาลทักษิณสร้างความแตกแยกและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อย่างไรก็ดี ฝ่ายทหารได้ฉวยประโยชน์จากโอกาสนี้ด้วย โดยมีนายทหารได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจและตำแหน่งสำคัญ ๆ งบประมาณของกองทัพเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 50 ภายในสองปี: 270 เป้าหมายหลักของรัฐบาลทหารคือการกำจัดทักษิณ ลดบทบาทของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง และคืนอำนาจให้แก่ข้าราชการและกองทัพ: 270 กองทัพยังตั้งใจใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อทวงบทบาทควบคุมดูแลการเมืองของประเทศ โดยผ่านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ลดอำนาจของฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ การก่อตั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550: 271 นับตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 กองทัพและพวกนิยมเจ้ายกให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลางความมั่นคงของชาติ และมีการใช้กฎหมายความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์อย่างกว้างขวาง: 374–5 บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการเมืองไทยชัดเจนขึ้นหลังการมีส่วนและสนับสนุนรัฐประหารครั้งนี้: 378
ความพยายามทั้งหลายนี้ไม่อาจกำจัดเสียงสนับสนุนทักษิณในชนบทได้ หลังมีการรื้อฟื้นการปกครองแบบรัฐสภาในเดือนธันวาคม 2550 พรรคไทยรักไทยที่ถูกสั่งยุบพรรคในปี 2549 ได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกในชื่อพรรคพลังประชาชนโดยมีสมัคร สุนทรเวชเป็นหัวหน้า พรรคพลังประชาชนครองอำนาจอยู่พักหนึ่งก็เกิดการประท้วงของ พธม. ด้านกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งถือกำเนิดในเดือนกรกฎาคม 2550 ชุมนุมต่อต้าน พธม. ฝ่าย พธม. อ้างว่าตนกำลังพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ และ นปช. อ้างว่าตนกำลังพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตย: 274 หลังการชุมนุมดำเนินมาจนสิ้นปี ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน หลังจากนั้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคใหญ่อันดับสองในสภา เป็นนายกรัฐมนตรี ในครั้งนั้นพลเอกเปรมและพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก อำนวยความสะดวกหรือสั่งการโดยตรงให้มีการซื้อตัวกลุ่มเพื่อนเนวิน: 87 นปช. ชุมนุมในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยเข้าขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในปี 2552 และในปีต่อมา มีการชุมนุมยืดเยื้อในกรุงเทพมหานครตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม 2553 และปิดฉากลงด้วยเหตุการณ์เผาย่านธุรกิจในเขตราชประสงค์ และเผาอาคารราชการ 4 แห่งในต่างจังหวัด
เมื่ออภิสิทธิ์ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2554 ปรากฏว่ายิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวผู้ไม่มีประสบการณ์การเมืองของทักษิณ นำพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะใช้วิธีประนีประนอมกับพระราชวังและให้กองทัพจัดการตนเอง วิธีนี้ดูเหมือนทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ถูกท้าทายอย่างจริงจังในช่วงแรก ปลายปี 2556 อดีต พธม. ร่วมกับกลุ่มต่อต้านทักษิณและนิยมเจ้าอื่น ๆ เข้าพวกกันตั้งคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย: 374 กลุ่มนี้ได้รับการสนับสนุนทางการเมืองเมื่อพรรครัฐบาลพยายามเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมซึ่งจะให้ประโยชน์แก่ทักษิณ แต่แม้ว่ารัฐบาลจะถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไป กปปส. ยังคงชุมนุมอย่างต่อเนื่องพร้อมกับใช้วาทศิลป์ค้านการเมืองแบบเลือกตั้ง: 374 เห็นได้จากการขัดขวางและทำร้ายร่างกายผู้ออกเสียงลงคะแนนในการเลือกตั้งปี 2557: 375 ฝ่ายตุลาการถอดถอนยิ่งลักษณ์ออกจากตำแหน่ง แต่รัฐบาลรักษาการยังดำรงอยู่ จนมีรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557: 375
คณะผู้ยึดอำนาจปกครองควบคุมรัฐบาล ปราบปรามฝ่ายตรงข้ามอย่างกว้างขวาง มีการแต่งตั้งสภาหุ่นเชิดโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่างรัฐธรรมนูญที่จะกวาดล้างความนิยมของทักษิณได้ดีกว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 พยายามก่อรูปร่างของสังคมด้วยค่านิยมตามที่พวกตนกำหนด: 376 นอกจากเพื่อต่อต้านทักษิณแล้ว กองทัพยังรู้สึกว่าตนต้องควบคุมการเปลี่ยนรัชกาลที่กำลังมาถึง และมีแผนจัดโครงสร้างทางการเมืองเพื่อสงวนอำนาจของอภิชน: 281 ผู้นำรัฐประหารยังเพิ่มบทบาทและอำนาจของกองทัพขณะที่ลดอำนาจของประชาสังคมและการปกครองส่วนท้องถิ่นจากการเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังมีการวางแผนปฏิรูปประเทศ 20 ปี และให้วุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งเป็นผู้ดำเนินการ: 282 เมื่อพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคตในปี 2559 และเข้าสู่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครองราชย์ตั้งแต่ปี 2559) ระเบียบการเมืองเดิมที่ยึดโยงพระมหากษัตริย์ที่มีบารมีหมดไป และกองทัพก้าวเข้ามาเป็นผู้ชี้นำการกระจายอำนาจและผลประโยชน์ในช่วงหลังเปลี่ยนรัชกาลใหม่: 286 นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลทหารที่เรียก ประชารัฐ ทำให้เกิดทุนนิยมแบบลำดับชั้นที่ธุรกิจขนาดใหญ่ของไทยเชื้อสายจีนเข้าไปเลี้ยงดูและชี้นำธุรกิจในท้องถิ่น: 300 มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งเป็นฉบับที่ 20 หลังจากครองอำนาจเกือบห้าปี คสช. ยอมให้จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ผลทำให้เกิดรัฐบาลผสมที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ โดยได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสภา ในปี 2563 เริ่มเกิดการระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย ตามมาด้วยการประท้วงในประเทศไทย พ.ศ. 2563–2564
เชิงอรรถ
- ได้แก่
- การตั้งถิ่นฐานของผู้คน นับตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ถึงยุคประวัติศาสตร์ตอนต้น
- การเข้ามาของอารยธรรมใหญ่ คืออินเดียและจีน
- ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในคริสต์ศตวรรษที่ 13
- ยุคสมัยของการค้า (คริสต์ศตวรรษที่ 15-17)
- ก่อนสมัยใหม่
- รัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยาม
- การปฏิวัติ 2475 และกำเนิดรัฐประชาชาติในทางทฤษฎี
- การปฏิวัติ 14 ตุลาคม 2516
- คำว่า "สยาม" ปรากฏเป็นชื่อเรียกประเทศชัดเจนครั้งแรกในสนธิสัญญาเบาว์ริง ซึ่งมีชื่อเต็มว่า "หนังสือสัญญาทางพระราชไมตรีประเทศอังกฤษแลประเทศสยาม" ชื่อนี้ใช้มาจนมีการเปลี่ยนชื่อเป็นไทยในปี 2482
- กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เป็นตำแหน่งรัชทายาทผู้มีสิทธิสืบราชบัลลังก์ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ครั้งยังเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ทรงตั้งให้กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญเป็นวังหน้า (ดำรงพระยศ 2411–28) นับว่าผิดธรรมเนียมที่พระมหากษัตริย์เป็นผู้แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวด้วยพระองค์เอง
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา. (2542). (พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ: กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร). หน้า 3.
- โกวิท วงศ์สุรวัฒน์. การเมืองการปกครองไทย: หลายมิติ. หน้า 3.
- นิธิ เอียวศรีวงศ์. (2551). ประวัติศาสตร์แห่งชาติ"ซ่อม"ฉบับเก่า "สร้าง"ฉบับใหม่. (2542). (พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: กองทุนเผยแพร่ความรู้สู่สาธารณะ). หน้า 37-67.
- "ไล่ 'สุจิตต์ วงษ์เทศ' ไปเรียนประวัติศาสตร์ไทยอีกรอบ". นิตยสาร WAY. 25 July 2018. สืบค้นเมื่อ 30 January 2023.
- "วิวาทะดราม่า แยกวิชาประวัติศาสตร์ สอนหรือยัดเยียดเด็กรักชาติ?". มติชนสุดสัปดาห์. 2 December 2022. สืบค้นเมื่อ 30 January 2023.
- "แยกวิชาประวัติศาสตร์ ให้เด็กรักชาติ ความผิดปกติ แฝงประเด็นซ่อนเร้น หรือไม่?". ไทยรัฐ. 29 November 2022. สืบค้นเมื่อ 30 January 2023.
- วัลลภา รุ่งศิริแสงรัตน์. (2545). บรรพบุรุษไทย: สมัยก่อนสุโขทัยและสมัยสุโขทัย. โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. . หน้า 2.
- Wyatt, David K. (2556). Thailand: A Short History [ประวัติศาสตร์ไทยฉบับสังเขป] (ภาษาอังกฤษ). แปลโดย ละอองศรี, กาญจนี. มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย. ISBN .
- Barbara Leitch LePoer (1989). Thailand: A Country Study. Federal Research Devision, Library of Congress. ISBN .
- Baker, Chris; Phongpaichit, Pasuk (2017). A History of Ayutthaya. Cambridge University Press. ISBN .
- เกษตรศิริ, ชาญวิทย์ (2548). อยุธยา: ประวัติศาสตร์และการเมือง. โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ISBN .
{{}}
: ตรวจสอบค่า|isbn=
: checksum ((help)) - นิธิ เอียวศรีวงศ์ (2550). การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี. มติชน. ISBN . หน้า 55
- ห้องนิทรรศการ 1 เครื่องราชบรรณาการแก่สหรัฐในแง่ประวัติศาสตร์ ก. สนธิสัญญาทางไมตรีและพาณิชย์ ค.ศ.1833 2015-12-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Smithsonian Institution. สืบค้นเมื่อ 17-12-2553.
- ชัย เรืองศิลป์ (2541). ประวัติศาสตร์ไทยสมัย พ.ศ. 2352-2453 ด้านเศรษฐกิจ. ไทยวัฒนาพานิช. . หน้า 183.
- เพ็ญศรี ดุ๊ก. (2542). การต่างประเทศกับเอกราชและอธิปไตยของไทย. บริษัท เท็กซ์ แอนด์ เจอร์นัล พับลิเคชั่น จำกัด. หน้า 3.
- ใจจริง, ณัฐพล (2556). ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ: ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ. 2475-2500) (1 ed.). ฟ้าเดียวกัน. ISBN .
- อึ๊งภากรณ์, ใจ; ยิ้มประเสริฐ, สุธาชัย; และคณะ (2544). (PDF). คณะกรรมการรับข้อมูลและสืบพยานเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519. ISBN . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-07-19. สืบค้นเมื่อ 2020-07-27.
- Baker, Chris; Phongpaichit, Pasuk (2014). A History of Thailand (3rd ed.). Cambridge University Press. ISBN .
- Veerayooth Kanchoochat & Kevin Hewison. (2016). Introduction: Understanding Thailand’s Politics, Journal of Contemporary Asia, 46:3, 371-387, DOI: 10.1080/00472336.2016.1173305
- Federico Ferrara (2010). Thailand Unhinged: Unraveling the Myth of a Thai-Style Democracy. Singapore: Equinox Publishing.
- Kongkirati, P., & Kanchoochat, V. (2018). The Prayuth Regime: Embedded Military and Hierarchical Capitalism in Thailand. TRaNS: Trans -Regional and -National Studies of Southeast Asia, 6(2), 279-305. doi:10.1017/trn.2018.4
บทอ่านเพิ่มเติม
- กรมศิลปากร (2558). . กรุงเทพ: บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗) จำกัด. ISBN . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-02-14. สืบค้นเมื่อ 2021-09-24.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
echuxwamimnusyxyuxasyxyuthawrinxanaekhtpraethsithypccubnmaaelwpraman 40 000 pi edimchawmxy ekhmraelamlayupkkhrxngphunthidngklaw odymixanackrihy echn funan thwarwdi hriphuychy ckrwrrdiekhmr aelatamphrlingk swnbrrphburusithysyampccubnsungcdxyuinklumchawith itepnklumthixasyxyuinaethbediynebiynfuinchwngkhriststwrrsthi 5 thung 8 aelaerimekhamaxyuxasyinxanaekhtpraethsithypccubninkhriststwrrsthi 11 rthkhxngchawithekidkhuncanwnmakinkhriststwrrsthi 13 pramanpi 1780 phxkhunbangklanghawrwbrwmkalngkbttxekhmr aelatngxanackrsuokhthy ehnuxkhunip phyamngraythrngtngxanackrlannainpi 1839 misunyklangxyuthiechiyngihm thrngrwbrwmaewnaekhwnkhuninaethblumaemnaping swnbriewnlumaemnaecaphrayatxnlangmikartngshphnthrthinbriewnephchrburi suphrrnburi lphburiaelaxyuthyainkhriststwrrsthi 11 nkprawtisastrkraaeshlkmkeluxknbsuokhthyepnrachthaniaehngaerkkhxngkhnithy xanackrxyuthyakxtngkhunemuxpi 1893 txmaepnihyaethnckrwrrdiekhmr aelaaethrkaesngxanackrsuokhthyxyangtxenuxngcnsudthaythukrwmekhaepnswnhnungkhxngxyuthya smedcphrabrmitrolknaththrngcdkarpkkhrxngodyaebngphleruxnkbthharaelactusdmphsungbangswnichsubmacnthungrchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw aelathrngrierimrabbecakhunmulnay thaihprachakrswnihyepniphrichaerngnganpila 6 eduxn krungsrixyuthyaerimtidtxkbchatitawntkemux ph s 2054 hlngcaknninpi 2112 krungsrixyuthyatkepnpraethsrachkhxngrachwngstxngxuaehngphma smedcphranerswrmharachthrngprakasxisrphaphinxik 15 piihhlng krungsrixyuthyayngtidtxkbchatitawntk cnrungeruxngthungkhidsudinrchkalsmedcphranaraynmharach khwamkhdaeyngphayintid knhlayrchkalinrachwngsbanphluhlwng aelakarsngkhramkbrachwngskhxngbxng xlxngphya cnsngphlihesiykrungkhrngthisxngemuxpi 2310 hlngcaknnbanemuxngaetkxxkepnchumnumtang ecatakthrngrwbrwmaephndinaelakhyayxanaekht hlngekidkhwamkhdaeyngchwngplayrchkal phraxngkhaelaphrarachoxrsthnghlaythrngthuksaercothsodyphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk pthmkstriyaehngrachwngsckri phusthapnakrungrtnoksinthrkhuninpi 2325 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkthrngsthapnaxanacpkkhrxngehnuxpraethslawaelakmphuchapccubnaelayutisngkhramkbphma txmakrungrtnoksinthrthukkhrxbngadwypyhakhwamphyayamaephxiththiphlkhxngchatitawntkodymikarbrrlusnthisyyatang echn snthisyyaebxrni snthisyyaebawring tamdwysnthisyyaimepnthrrmxikhlaychbb epnkarerimtnkarthaihpraethsthnsmyaelaklayepntawntk phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwthrngerimkarrwmsunyxanacaethnihecathxngthinpkkhrxngaebbedim elikthasaelaiphr aelacdraebiybkarpkkhrxngaebbkrathrwng mikaryxmaelkdinaednhlaykhrngephuxaelkkbkaraekikhsnthisyyatang insngkhramolkkhrngthihnung praethssyamthuxfaysmphnthmitr phawaesrsthkicfudekhuxngaelakaraekikhpyhaesrsthkickhxngrthbalthiimepnphl miswnihekidkarptiwtiinpi 2475 xnnamasungkarpkkhrxngrabxbrachathipityphayitrththrrmnuyaelathaihkhnarasdrmibthbaththangkaremuxng rahwangsngkhramolkkhrngthisxng praethsithythukyipunbukkhrxngaelalngnamepnphnthmitrthangthharkbyipun hlngsngkhramyutiinpi 2488 praethsithysamarthbxkeliksthanasngkhramkbfaysmphnthmitridthaihimtkxyuinsphaphphuaephsngkhram rahwangsngkhrameyn praethsithyekharwmepnphnthmitrkbshrthetmtw aelarthpraharinpi 2500 thaihkhnarasdrhmdxanacaelamikarruxfunphrarachxanac sngkhramewiydnamerngihekidkarphthnaaelakhwamehluxmlainpraeths thaihekidkarsanukthangkaremuxngkhxngchnchnklang ehtukarn 14 tula pi 2516 namasung yukhprachathipityebngban chwngsn sungsinsudlngdwyrthpraharinpi 2519 karkxkarkaeribkhxmmiwnistyutiinpi 2523 khnaediywknrabxbkarpkkhrxngkhxngithyslbknrahwangephdckarthharaelaprachathipityrabbrthsphaxyueruxy esrsthkickhxngithyetibotxyangrwderw pi 2540 ekidwikvtesrsthkicthikhaenginbathxxntwlngechiybphln inphuthththswrrs 2540 epntnma praethsithytkxyuinwikvtkarnkaremuxngrahwangfaysnbsnunaelatxtanthksin chinwtrepnhlk odymirthpraharlasudinpi 2557karsuksaprawtisastrithykaraebngyukhsmy karcdaebngyukhthangprawtisastrkhxngithynn smedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaphthrngaesdngphrathsnaiwinphraniphntheruxng tananhnngsuxphrarachphngsawdar inphrarachphngsawdarchbbphrarachhtthelkhaemux ph s 2457 thungkaraebngyukhsmythangprawtisastrkhxngithyiwwa eruxngphrarachphngsawdarsyam khwrcdaebngepn 3 yukh khux emuxkrungsuokhthyepnrachthaniyukh 1 emuxkrungsrixyuthyaepnrachthaniyukh 1 emuxkrungrtnoksinthrepnrachthaniyukh 1 sungkarladbsmythangprawtisastraebbesntrng Linear odywangokhrngeruxngphukkbkaenidaelakarlmslaykhxngrth klawkhuxichrthhruxrachthaniepnsunyklangechnni yngkhngmixiththiphlxyumaktxkarekhaicprawtisastrithyinpccubn nkwichakarihehtuphlinkareluxkexaxanackrsuokhthyepncuderimtnkhxngprawtisastrithyiw 2 ehtuphl idaek 1 wichaprawtisastrmkyudkarerimmiphasaekhiynepncuderimtnkhxngprawtisastr emuxprakxbkbkarpradisthxksrithyinrchkalphxkhunramkhaaehngmharach cungehmaasmepncuderimtnkhxngprawtisastrithy aela 2 sadwkinkarnbewlaaelaehtukarnthitxenuxngkn ephraankprawtisastrmihlkthankhwamsubenuxngkntngaetsmysuokhthymacnthungsmyrtnoksinthrcnthungpccubn thwa ehtuphlthngsxngprakarkyngimepnthiyxmrbknxyangepnexkchnthnk inpccubn mikhxesnxihm ekiywkbokhrngeruxngprawtisastrithykhunmabang thisakhykhux s nithi exiywsriwngsidesnxthunghwkhxsakhythikhwrepnaeknklangkhxngprawtisastraehngchatiithyiw 8 hwkhx pyhakarsuksaprawtisastrithy sucitt wngseths nkwichakarprawtisastr ihkhwamehnwa karsuksaprawtisastrithyepnprawtisastrkhxngrachsank tdprawtisastrthxngthintang xxkiphmd karsuksaprawtisastrithyyngthuktngkhathamwaepnkarydeyiydihnkeriynekidkhwamrkchati aelamiewlaeriynthung 1 200 chwomngtxpisungmakepnxndbtn khxngolk rwmthngmikarplukfngxkhtiekliydchngpraethsephuxnbanyukhkxnprawtisastraelarthobraninpraethsithyhlkthanyukhkxnprawtisastr ekhruxngpndinephawthnthrrmbanechiyng 1200 800 pikxn kh s nkobrankhdichawhxlnda dr exch xar aewn hingekxern idkhudkhnphbekhruxngmuxhinethaasungthakhunodymnusyyukhkxnprawtisastr briewniklsthanibaneka cnghwdkaycnburi odymikhxsnnisthanwamnusyehlanixacepn mnusychwaaelamnusypkking sungxyuxasyemuxpraman 5 aesnpimaaelw xnepnhlkthaninyukhhineka edwid wyxac David Wyatt ekhiynwa mimnusyxyuxasyinbriewnexechiytawnxxkechiyngitpccubntngaet 40 000 pimaaelw odyerimcakkarekbkhxngpalastw 5 cnerimmikarksikrrmemux 10 000 20 000 pikxn phbwaklumchatiphnthudngklawxyuknkracdkracaytngaetthirabcintxnklanglngipthungkhabsmuthrxinodniesiy miethkhonolyikarplukkhawaelapradistheruxmikrabknokhlngthaihaelnipidthungyipunaelaaexfrikatawnxxk mikarhlxkhwansaridxayu 5 000 pi ehlkhlxxayu 3 000 pirwmthngekhruxngpndinepha 5 6 thngni echuxwaaehlngobrankhdiinbanechiyngaelathirabsungokhrachepnhlkthankarplukkhawaelahlxsaridthixacmixayuekaaekthisudinthwipexechiy 5 rthobran xanackrfunanepnxanackraerksudaelathrngxanacthisudinexechiytawnxxkechiyngit ecriykhunemuxstwrrsthi 2 kxnkhristkal odymixanaekhtkhrxbkhlumphakhklangkhxngpraethsithyaelathngpraethskmphuchapccubn odymiesrsthkickhunxyukbkarkhathangthaelaelaekstrkrrm mikartidtxkarkhaxyangiklchidkbxinediyaelaepnthansahrbnkephyaephsasnahindu 5 aephnthixinodcinin kh s 900 aesdngckrwrrdiekhmr siaedng thikhrxbkhlumdinaednswnihykhxngpraethsithypccubn siekhiywaekkhuxhriphuyichy aelasiekhiywxxnkhuxxanackrsriwichy txma chawmxyxasychwngthifunanesuxmlngtngxanackrkhxngtninkhriststwrrsthi 6 xanackrthwarwditngxyuinphunthitxnklangaelatawnxxkechiyngehnuxkhxngpraethsithypccubn aetraylaexiydtang yngimkhxythrabkndink 30 odytngkhunephuxkarkhakhaythangbkrahwangxawemaatamaaelaxawithyphandanecdiysamxngkh aetmikaraephkhyaythangthistawnxxkipthungkmphucha thangehnuxipthungechiyngihmaelathangehnuxkhxngpraethslaw phxthrabwamiklumemuxnghnungxyuaethbnkhrpthmaelasuphrrnburi klumhnungtngxyuthilphburi aelaxikklumhnungaethbthirabsungokhrach 32 3 sungkhnithinsmynnkxasyxyutamchaykhxbkhxngthwarwdi 35 pramantnkhriststwrrsthi 9 chawmxytngxanackrhriphuyichythilaphun sungtxmaepnsunyklangthangsasnaphuththaelawthnthrrm swnchawekhmrtngxanackrihymisunyklangxyuthixngkxrinkhriststwrrsthi 9 7 inkhriststwrrsthi 8 rthmxyrbsasnaphuththphanphuephyaephsasnacakekaalngka aelaephyaephtxihckwrrdiekhmr aemmxykhrxbngathangwthnthrrminphumiphakh aetmktkepnemuxngkhunkhxngphmaaelaekhmrxyuenuxng phlthaihinkhriststwrrsthi 9 ckrwrrdiekhmrkhrxbngalumaemnaecaphrayapccubnthnghmd 7 ckrwrrdiekhmrmikarkxsrangsingkxsrangkhnadihycanwnmakephuxechlimphraekiyrtiphramhakstriy aetkarhmkmunkbkarkxsrangmakekinipthaihesrsthkickhxngrthesuxmlng 7 xanackrtamphrlingkepnrthmlayuthikhwbkhumkarkhaphanchxngaekhbmalakathithrngxanacthisud ecriykhuninkhriststwrrsthi 10 tamphrlingkrwmekhakbxanackrsriwichysungepnsmaphnthrththangthaelthimixyurahwangkhriststwrrsthi 7 thung 13 tamphrlingkrbsasnaphuthth aetxanackrmlayuthixyuitlngiprbsasnaxislam thaihekidphrmaednsasnarahwangexechiytawnxxkechiyngitaephndinihykbkhabsmuthrmlayu 5 karekhamatngthinthankhxngkhnith aephnthiaesdngkarkracaythangphumisastrkhxngphuphudphasatrakulkhra ith caehnrupaebbthwipkhxngkaryaythinkhxngephathiphudphasaithtamaemnaaelachxngekhatang 27 edwid wyxacekhiynwa brrphchnkhxngkhnith itthixasyxyuinxinediytawnxxkechiyngehnux phma yunnanit ithyaelalawpccubn khux klumith itthixyuaethbediynebiynfuinkhriststwrrsthi 5 thung 8 9 odyechuxwaepnklumith itthiedimxasyxyuinbriewnlumaemnaaedngthixyuthangtawnxxkechiyngitsudkhxngcin aelathukcinaelaewiydnamaephaerngkddnthangthharaelakarpkkhrxngekhamacnprachakrklumhnungekhluxnlngmathangthistawntkechiyngit 9 10 phbwaxanackrnanecathixyuthangehnuxkhxngexechiytawnxxkechiyngitaephndinihy imichxanackrkhxngkhnith it aetmikhwamsakhytxprawtisastrklumith itinaengthichwyknxiththiphlkhxngcincakthisehnux aelarbsasnaphuththaelawthnthrrmxinediythangthistawntk 20 1 aelachwysngesrimkarkhyaytwkhxngklumith it 9 mikarklawthungchawithysyamkhrngaerkinnkhrwdinkhriststwrrsthi 12 odyeriykwa esiym hruxkhnphiwnatal 3 phbwakhnith itinchwngkhriststwrrsthi 11 12 xasyxyuaethblumaemnaecaphrayaaelatxnklangkhxngaemnaokhnginlaw 40 lphburisungepnemuxngmxythukphnwkekhaepnswnhnungkhxngckrwrrdiekhmrinkhriststwrrsthi 11 41 lphburiepnsunyklangkhxngesiym sya hruxepnemuxngthirbphidchxbkarbriharcdkarchawesiym 42 inchwngkhriststwrrsthi 11 12 chawith ittngrthihm thangehnuxkhxngexechiytawnxxkechiyngitaephndinihy mikhaklawxangwachawith itplnsadmaelacbechlykhxngecanayith ithlayphraxngkh phupkkhrxngthiphaytxchawith ittangekrngklwyxmsngekhruxngrachbrrnakaraelaihechuxphrawngsxphiesksmrsdwy yangekhakhriststwrrsthi 13 chawith ittang yngxyuknepnaewnaekhwnimmikarrwmxanacekhasusunyklang inchwngniemuxngkhxngchawith itmikhnadphx knimmiemuxngidihykwaemuxngxun aelatngxyurxbckrwrrdiekhmraelaxanackrphukam ipcnthungtxnehnuxkhxnglaw 48 9 emuxckrwrrdiekhmraelaxanackrphukamesuxmxanacemuxtnkhriststwrrsthi 13 thaihekidrthihmkhunepncanwnmakinewlaileliykn xanackrkhxngchawithkinxanabriewntngaetthistawnxxkechiyngehnuxkhxngpraethsxinediypccubncnthungthisehnuxkhxnglaw aelalngipthungkhabsmuthrmlayu 38 9 rahwangkhriststwrrsthi 13 miprachakrchawithxasyxyumnkhnginxditdinaednaeknklangkhxngxanackrthwarwdiaelaxanackrlphburi cnthungdinaednnkhrsrithrrmrach aetimmibnthukraylaexiydkarekhamakhxngchawith 50 1 xanackrkhxngkhnithwdmhathatu xuthyanprawtisastrsuokhthy emuxsinkhriststwrrsthi 13 khnith iterimyaycakhubekhamaxyuthilum thaihekidrthelk canwnmakthiaeyngchingxanaekhtkn aelaerimekhamaaethnthisxngckrwrrdiihy khux phukamaelaphrankhr 53 nkhrrthkhxngithkhxy epnxisracakckrwrrdiekhmrthiesuxmxanaclng klawknwa phxkhunsrixinthrathity khrxngrachy 1792 1822 thrngsthapnarachxanackrsuokhthyemuxpi 1781 nkprawtisastrthrabladbehtukarninchwngaerkkhxngxanackrnxymak aetphxthrabwainrchkalphxkhunsrixinthrathitymiehtuihkrungsuokhthyrbkbemuxngchxd sungkhunramthrngprakxbwirkrrmchnchangchnakhasuk 74 phxkhunramkhaaehng khrxngrachy 1822 1841 thrngepnphunachawiththimikhwamoddednaelathaeyxthayan thrngkhyayxanaekhtodyichkarthharaelakarthutphsmkn thngni xanaekhtxnkwangkhwangkhxngkrungsuokhthynnimidekidcakkaredinthphiphktiexaemuxngtang aetepnekhtxiththiphlthimiphunaekhaswamiphkdi aelaekhtxiththiphlkhxngsuokhthythangitkekidcaknkhrsrithrrmrachthiekhaswamiphkdidwy 78 79 phyaliith khrxngrachy 1841 1889 90 thrngsubrachsmbtitxma aethlayemuxngexaicxxkhangthnthi karthisuphrrnburiaeyktwxxkthaihknrahwangkrungsuokhthykbdinaednswamiphkdithixyuitlngip aelanaipsuchudehtukarnthinaipsukhwamecriykhxngkrungsrixyuthya 86 phyamngray khrxngrachy 1802 1860 thrngsubrachsmbtiepnecaphukhrxnghirynkhrenginyangechiynglaw echiyngaesn thrngphichitdinaednephuxnbanaelwkhyayxanaclngthisit odytngemuxngechiyngraykhuninpi 1805 rwmthngekhayudkhrxngechiyngkhxngaelafang inewlatxma phraxngkhekhaepnphnthmitrkbphyangaemuxng khrxngrachy 1801 1841 aehngaekhwnphaeyaaelaphxkhunramkhaaehngaehngsuokhthy dwyehtuphldankhwamthaeyxthayaninkarkhyayxanacaelarwmknrbmuxphykhukkhamcakmxngoklthangehnux thngni thngsamphraxngkhthrngehnaekxtlksnrwmith it 61 62 phyamngraythrngphichithriphuyichyidinpi 1824 nbepnecaphukhrxngdinaednthangehnuxidthnghmd rahwangpi 1835 thung 1854 mxngoklkbechiyngrungrbkn cnsudthaythngsxngsngbsukodyechiyngrungaelaechiyngihmsngbrrnakarihaekrachsankcin 65 66 xanackrxyuthyawdphrasrisrrephchy xuthyanprawtisastrphrankhrsrixyuthya pramanklangkhriststwrrsthi 14 xanackrxyuthyaepnxanackrkhxngkhnithkhnadihy echnediywkblannaaelasuokhthy thamklangaewnaekhwncanwnmakinphakhklangkhxngpraethsithypccubn nbepnkhrngaerkthikstriyithmikhwamthaeyxthayankxtngmakkwachumchnemuxngelk 89 sunyklangkhxngxanackrxyuthyaepninckrwrrdiekhmredim aekhwnlphburirxdphncakkarphichitdinaednkhxngsuokhthy odyyngrksaxiththiphlehnuxthirablumaemnaecaphrayafngtawnxxk 92 3 inchwngewlannaekhwnsuphrrnburikhwbkhumfngtawntkkhxngaemnaecaphrayatngaetchynaththangehnuxcnthungchumphrthangit 94 5 phraecaxuthxng khrxngrachy 1893 1912 thrngkxtngxanackrxyuthyainpi 1893 phraxngkhthrngykthphiptinkhrthm emuxnghlwngkhxngckrwrrdiekhmr cnsamarthpkkhrxngemuxngidchwngsn 102 smedcphrabrmrachathirachthi 1 khrxngrachy 1913 31 thrnghnipsnphrathykbhwemuxngehnux aelathasngkhramkbsuokhthytlxdrchkal cnbngkhbihsuokhthyyxmrbxanacehnuxkhxngxyuthyaid 102 miwikvtkarsubrachsmbtixyuenuxng rahwangrachwngssuphrrnburiaelalphburixyuhlaychwkhn cnrachwngssuphrrnburichnainpi 1952 15 inrchkalsmedcphraxinthracha khrxngrachy 1952 67 krungsrixyuthyaekhaipaethrkaesngkaremuxngphayinsuokhthy erimcakldthanaecaphukhrxngepnecaswamiphkdi ekhaiptdsinpyhakarsubrachsmbti cnphnwkrwmekhaepnswnhnungkhxngkrungsrixyuthyainpi 1987 104 inrchkalsmedcphrabrmrachathirachthi 2 khrxngrachy 1967 91 nkhrthmthukkxngthphxyuthyatiaetk cnpkkhrxngnkhrthminthanahwemuxngpraethsrachchwngsn kxnthukplxyihthingrang 105 6 smedcphrabrmitrolknath khrxngrachy 1991 2031 thrngrbchwngkarsngkhramkblannatx phraxngkhyngthrngsrangrabbkhwbkhumkalngkhnthaihkrungsrixyuthyaidepriybehnuxdinaednephuxnban odymirabbkarkhwbkhumiphrpilahkeduxnihsngkdkhunnangthxngthin 107 rabbrachkarerimichtamrupaebbkhxngckrwrrdiekhmr khux srangkhwamhangehinrahwangkstriykbrasdr aelakhwbkhumkhunnangdwyexksarlaylksnxksraethnkarswamiphkdi 108 9 phraxngkhyngthrngxxkkdhmaycdladbchnaelaaebngaeykhnathiinsngkhmthisbsxn thrngtngctusdmphaelaephimtaaehnngklaohmaelamhadithy 30 pramanpi 2000 2010 rachxanackrxyuthyakhwbkhumkhabsmuthrmlayuaelafngthaelebngkxl khux thwayaelatanawsri thaihsamarthkhwbkhumkarkhananachati thaiheruxsinkhaimtxngxxmaehlmmalaka 129 30 karyudkhrxngmalakakhxngoprtueksinpi 2054 thaihxyuthyaerimkartidtxkbchatitawntk oprtuekssngthutekhamaecriysmphnthimtrikbthngcdhapunaelaxawuthih 132 inchwngniexngkrungsrixyuthyaerimphthnawthnthrrmkhxngtnexngodymirupaebbkaraesdngxxkthangphasa wrrnkhdiaelaphithikrrm aelamiphumihlngcakmxy ekhmraelaith itphsmkn sungnbepnexklksnniyamkhwamepn syam tangcakithywnlannaaelalawlanchang 134 khrnphraecataebngchaewti khrxngrachy 2074 93 aehngtxngxuphichitxanackrmxyobranthihngsawdiaelatiemuxngechiyngkransungepnpraethsrachkhxngkrungsrixyuthya smedcphraichyrachathirach khrxngrachy 2077 90 thrngykthphipchingemuxngkhun 137 smedcphraichyrachathirachyngthrngkngwlkblannadwycungykthphiptiemuxngechiyngihmsxngkhrngaetimsamarthyudemuxnghlwngid 137 8 hlngsinrchkalekidkarchingrachsmbtikn thawsrisudacnthrykkhunwrwngsathirachchurkkhxngphranangihepnphramhakstriy aetthrngrachyidhkspdah kthukbrrdakhunnangsmkhbknlxbplngphrachnmaelayksmedcphramhackrphrrdi khrxngrachy 2091 2108 aela 2110 1 ihsubrachsmbti phraecataebngchaewtithrngykkxngthpheruxnaesnmalxmkrungsrixyuthyainpi 2092 aetimsaerc 139 phraecabuerngnxng khrxngrachy 2094 2124 thrngykthphmatixanackrxyuthyaxikkhrng hlngsamarthkhwbkhumxanackrlannathnghmdiwid 141 3 khrngniphramhathrrmrachaepnphusnbsnunphma aelasudthaysmedcphramhackrphrrditxngyxmtamkhxeriykrxngkhxngphmaaelasngphraraemswr phrarachoxrs epnxngkhprakn 142 smedcphramhackrphrrdiphyayamxphiesksmrsthangkaremuxngkblanchang aetphramhathrrmrachasngkhawihphmachingtwecahyingxphiesk smedcphramhackrphrrdisngkxngthphiptiphisnuolkephuxtxbot aetthukxubaythaihthxnthphklbip 144 inpi 2111 2 phraecabuerngnxngsngkxngthphkhnadihymatikrungsrixyuthyaxik krungsrixyuthyarbsukidhnungpiaetsudthayesiykrungihaekphmainwnthi 8 singhakhm 2112 145 7 phaphyuththhtthirahwangsmedcphranerswrkbphramhaxuprachakhxngphmainpi 2135 n wdsuwrrndararam phmaihsmedcphramhathrrmracha khrxngrachy 2112 33 pkkhrxngkrungsrixyuthyainthanaecapraethsrach xanackrxxnaexlngcnthukkmphuchathuxoxkasbukekhamakwadtxnphukhnthung 6 khrnginrxbsxngthswrrs 156 phranerswrthrngaesdngphraprichasamarththangthharinkartxsukbkmphucha aelaesdciprwmprabrthchankbkxngthphphma 157 8 hlngcaknn phranerswrthuklxbpxngraycakrachsankphmacungykthphklbbanekid thrngrbpxngknbanemuxngcakphmaaelakmphuchasamkhrnginchwngpi 2128 30 158 inpi 2135 phramhaxuprachakhxngphmaykthphmathangkaycnburi smedcphranerswr khrxngrachy 2133 48 ykthphiprbsukthihnxngsahrayaelachnchangchnaphramhaxupracha phlkhxngsukthaihkrungsrixyuthyaepnxisramnkhng 158 9 hlngcaksmedcphranerswryudhwemuxngchaythaelkhxngphmaaelakmphucha aelaidlannamaxyuinxanacaelw phraxngkhthrngthasngkhramlukekhaipinaephndinphmaxiktlxdrchkal aelaswrrkhtkhnathrngykthphiptirthchanephuxchingtdhnakarrwbrwmxanackhxngphmaihm 163 oksapan n rachsankphraecahluysthi 14 aehngfrngess hlngcaknn karkhatangpraethskhxngkrungsrixyuthyaecriyrungeruxngkhunepnladb saehtuephraamikhwamsmphnthxndikboprtueks filippins inkarpkkhrxngkhxngsepn cin yipunaelariwkiw aelakhwbkhumemuxngtanawsriaelathwayfngxawebngkxl 163 4 smedcphraexkathsrth khrxngrachy 2148 53 thrngecriysmphnthimtrikbtangchati thrngsngthutiphxlndaepnkhnaaerkinpi 2151 aelaipemuxngkwkhxngoprtueksinxinediyinpi 2149 171 smedcphranarayn khrxngrachy 2199 2231 thrngkhunkhrxngrachyiddwykhwamchwyehluxkhxngkhntangdaw 175 inrchkalkhxngphraxngkhthrngxnuyatihephyaephsasnakhrist aelamikhnaeysuxitmachwyehluxrachsankxyuthyaindankarchang thrngsngthutipyngrachsankkhxngphraecahluysthi 14 aehngfrngessinpi 2223 179 aelakhxnsaetntin fxlkhxnsungmiphunephepnnkaeswngochkhchawkrik khxy itetataaehnngrachkarinphrakhlng cnsudthayepnsmuhnayksungepntaaehnngsungsudkhxngkhunnangfayphleruxn 177 180 inpi 2231 ekidkarptiwtienuxngcakxiththiphlkhxngfxlkhxninrachsankaelakhwampraphvtiesuxmesiykhxngkhntangdawthimixyunanaelw sudthaysmedcphraephthracha khrxngrachy 2231 48 ethlingrachsmbtiaethn 185 6 phlthaihbathhlwngkhristthukcakhuk aelachawkhristthukptibtixyangohdray aetchatixunthimiichfrngessyngxyuknpkti aelaimnanbathhlwngfrngesskmixisrainkarephyaephsasnaxikkhrng 186 inrchkalsmedcphraecathaysra khrxngrachy 2251 75 chawcinerimmixiththiphlthangesrsthkicaelakaremuxngephimkhun 196 7 hlngsinrchkal ekidkaraekngaeyngrachsmbtisungsmedcphraecaxyuhwbrmoks khrxngrachy 2275 2301 idkhrxngrachbllngk thrngphyayamaekikhpyhadulxanacrahwangphramhakstriykbecanayaelakhunnangphuihy klawkhux ephimtaaehnngecathrngkrmephuxihmiiphrthibngkhbnxylng phlthaihkarkhwbkhumkhnekidkhwamaetkaeyk 198 9 khnrunhlngykihrchkalsmedcphraecaxyuhwbrmoksepnyukhthxng ephraathrngthanubarungsasnaphuthth aelasngsmnthutiplngkahlaykhna 200 aelathrngthaihkrungsrixyuthyamibthbathinradbnanachatixikkhrng thrngaethrkaesngkmphuchacnykecathiniymxyuthyaepnphramhakstriyidsaerc aelarbphuxphyphchawmxyhngsawdi 201 inthswrrssudthay ekidkaraekhngkhnchingxanacknmohlarrahwangtrakulkhunnangthitxngkarkhyayxanacinkickarkarkharahwangpraethsaelakalngkhn 204 5 inpi 2300 rachwngsoknbxngkhxngphmafunfuxanachlngtxngxuthukmxyphichitipkxnhnani phraecaxlxngphya khrxngrachy 2295 2303 thrngykthphmatixanackrxyuthyaaetlmehlwephraaswrrkhtklangkhn 208 9 smedcphrathinngsuriyasnxmrinthr thrngrachy 2301 10 thrngsnxngtxkarkhxkhwamchwyehluxcakechiyngihmdwykarsngkalngelk ipchwyehluxaetipimthn 211 inpi 2308 phraecamngra khrxngrachy 2306 19 thrngsngkxngthphihymatikrungsrixyuthyaepnsxngthang smedcphrathinngsuriyasnxmrinthrthrngichyuththsastrtngrbinkrungaelarxvdunahlakepnhlk aetphmasamarthetriymkarrbmuxidcungimidlathxyip hlngkarlxmkrungnanpikwa sudthaykrungsrixyuthyacungesiyepnkhrngthisxngemuxpi 2310 210 2 khwamrungeruxngaelaesuxmkhxngxanackrlanna aelalannainthanapraethsrach inkhriststwrrsthi 14 aela 15 xanackrlannamikhwamkhdaeyngkbdinaednephuxnbanhlayaehng aelaxyuinphawasngkhramphayinbxykhrng 112 3 lannaichrabbsngphuaethnswnklangipkhwbkhumekhtkungexkethshlayrxyekht sungecalannaprasbkhwamsaercmaknxyimethakninkarsrangexkphaphinxanackr 114 phyakuxna khrxngrachy 1910 28 thrngtngsasnaphuththnikaylngkawngsaelatngwdswndxk sungcaepnphlngchinathangpyyaaelawthnthrrminxanackr rwmthngphthnakhwamsanukeruxngxtlksnkhxngchawithywn 115 6 inrchkalphyaaesnemuxngma khrxngrachy 1928 44 aelaphyasamfngaekn khrxngrachy 1944 53 ekidkaraekngaeyngbllngkkn aelamikarchksukphaynxk khux suokhthyaelakrungsrixyuthya 116 7 inpi 1947 8 lannasamarthtanthankxngthphkhnadihycakyunnanidsaerc 117 phraecatiolkrach khrxngrachy 1985 2030 thrngidrbykyxngwaepnphramhakstriylannathiyingihythisud thrngichewlathswrrsaerkprabpramphuchingbllngkthnghlay 117 8 inpi 1992 phraxngkhyngthrngkhrxngxanacehnuxnkhrnanhlngexaicxxkhangodyrwmmuxkbaephraelahlwngphrabang 118 rahwangpi 1985 thung 2029 thrngphldknepnfaybukaelatngrbinsngkhramkbkrungsrixyuthyaodytangfaytangimxacexachnaxikfayid 118 21 hlngrchkalphyaeksechsthrach khrxngrachy 2069 81 aela 2086 8 xanackrlannaekhasuyukhesuxmephraakarsubrachsmbtithiimrabrunaelakhunnangmixanacehnuxphramhakstriy 125 6 hlngcaknnmikaraethrkaesngthangkaremuxngcakthngkrungsrixyuthyaaelalanchang khunnangbangswnykihsmedcphraichyechsthathirachsungepnphramhakstriylanchangkhunkhrxngrachychwngsn 126 7 rachwngsmngraysinsudlngemuxechiyngihmtkepnkhxngphmainpi 2101 phmaepnphuaetngtngecaphukhrxnglannainthanapraethsrach aelamikareknththharaelaesbiyngephuxthasngkhramkbkrungsrixyuthya 187 hlngphmakhadexkphaphhlngphraecannthbuerngesdcswrrkhtinpi 2142 ecaechiyngihmthuktdkhadcakkhwamchwyehluxinsukkblanchang cungthrngyxmxyuphayitxanackhxngkrungsrixyuthyainchwngsn 188 phraecaxaenaaephalunthrngsngthphipyudhwemuxngehnuxxikkhrnginpi 2156 aetplxyihlannaaetkxxkepnemuxngelknxy 188 9 hlngecaphlsuksrisxngemuxng khrxngrachy 2158 74 prakasxisrphaphtxphmaimsaerc phmaerimepliynmatngecaemuxngechiyngihmkhunpkkhrxngodytrng 189 inpi 2204 smedcphranaraynykthphmatiechiyngihmaelalapangid aetimsamarthyudkhrxngemuxngiwid 190 hlngcaknn phmasngecamapkkhrxngepnxuprachehmuxnkxn banemuxngyakcnaelaprachakrnxylngephraathukkhudridphasiaelaeknthkhnipmak aelatkepnehyuxkhxngdinaedniklekhiyng 190 1 rahwangpi 2270 thung 2306 aemwaphmacayngkhwbkhumdinaednswnihykhxnglannaiwid aetklumphunainemuxngechiyngihmaekhngemuxngtxphma 191 2 209 krungthnburiaelakrungrtnoksinthrtxntnkarrwmaephndin phrabrmrachanusawriysmedcphraecakrungthnburi n wngewiynihy phraxngkhthrngmiphrabrmrachanusawriymakkwaxditphramhakstriyithythukphraxngkh hlngkrungsrixyuthyaaetkinpi 2310 banemuxngtkxyuinphawaxnathipity phmathitidphninkarsngkhramkbcincungehluxkxngthharelk iwrksakrungekaethann banemuxngaetkxxkepn 5 chumnum idaek chumnumecaphimaythinkhrrachsima chumnumecaphisnuolk chumnumecaphrafangthiemuxngswangkhburi fang chumnumecankhrsrithrrmrach aelachumnumecatak ecatakerimsrangthanxanacthicnthburiaelwichewlaimthungpikhyayxanacthwphakhklangkhxngpraethsithypccubn 220 1 smedcphraecakrungthnburi khrxngrachy 2310 25 hlngprabdaphieskaelw thrngeluxkkrungthnburiepnrachthanisungmithaelehmaaaekkarkhathangthael thrngichewlaxiksampirwbrwmhwemuxngthiekhykhunkbkrungsrixyuthyaepnhnungxikkhrng 223 phraxngkhyngthrngkhyayxiththiphlipyngdinaedniklekhiyng hwemuxngmlayutrngkanuaelapttanisngekhruxngrachbrrnakarihkrungthnburi thrngphlkdnecakmphuchaihkhunkhrxngrachy aelathrngihkhwamchwyehluxaekphraecakrungewiyngcninkarsngkhram nxkcakni yngthrngkhbthharphmaxxkcaklannaidinpi 2319 thaihlannaepnpraethsrachkhxngkrungthnburinbaetnn 224 5 caknnoprdihykthphipprabhwemuxngtawnxxk odynkhrewiyngcnthuktiaetkinpi 2321 aelamikarxyechiyphraaekwmrktmapradisthan 227 8 inchwngplayrchkal mibnthukwaphraxngkhmiphrastifnefuxnephraabngkhbihphrasngkhkrabihwaelasnglngothsphrasngkhthiimyxmtam xyangirkdi nacaepneruxngaetngetimephraaphraxngkhepnkhnnxkimmiphunephepntrakulphudiekakrungsrixyuthyamakkwa 229 30 playpi 2324 klumchnchnnatangkhidehnwakhwrpldsmedcphraecakrungthnburiesiy khrnpi 2325 ekidkbtphrayasrrkh ecaphrayackrithikalngykthphipprabkbtinkmphuchainpiediywkncungykthphklbmarksakhwamsngbinkrung aelasaercothssmedcphraecakrungthnburi 230 1 krungethphmhankhr phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk khrxngrachy 2325 52 prabdaphieskepnpthmkstriyaehngrachwngsckri aelathrngyayemuxnghlwngmayngkrungethphmhankhr fngtawnxxkkhxngaemnaecaphraya odymikarkhnyayxithkaaephngkrungsrixyuthyaedimmasrangepnkaaephngphrankhraehngihmdwy 233 4 phraxngkhthrngihptirupkarpkkhrxngkhnasngkh mikarxxkkdkhnasngkh sngkhaynaphraitrpitk thrngihfunfukhnbthrrmeniymxyangkrungsrixyuthyasungthuxepnyukhthxng oprdihcdthapramwlkdhmay chux kdhmaytrasamdwng sungichkninkrungrtnoksinthrtxmaxikhnungstwrrs 234 5 inpi 2328 phraecapdung khrxngrachy 2324 62 aetngthphxxkepn 9 thph ykmatikrungethphmhankhr 5 thisthang eriyk sngkhramekathph phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkthrngichyuththsastrkracaykalngiprbsuknxkphrankhridepnphlsaerc phmaykthphmaxikkhrnginplaypi 2328 aelatnpi 2329 eriyk sngkhramthadinaedng aetkthuktiklbipechnkn 240 5 krungethphmhankhryngsngthphipchwylannacakphmaidsamkhrng 246 7 thrngihphrayakawila txmaepnphraecakawila tnrachwngsecaecdtn epnecakhrxnglannainthanapraethsrachkhxngkrungethphmhankhrsubtxip 251 2 phrayakawilarwbrwmphukhnephuxmatngrkrakinechiyngihmthithukplxythingrangiwxikkhrng aelakhyayxanaekhtipthangthisehnuxcntiidechiyngaesnaelahwemuxngaethblumaemnaokhngtxnbn nbidwasamarthfunfuxanackrlannaobranidsaerc 252 3 krungethphmhankhryngphyayamkhyayxiththiphlekhaipinkmphuchaaelalaw odyichwithiaebngaeykaelapkkhrxng khux aebnglanchangxxkepnxanackrelk ephuxthaihxxnaexcnimsamarthaekhngkhnkbkrungethphmhankhrid 257 aeyksngkhlaxxkcakecankhrsrithrrmrachaelwsngkhunnangswnklangippkkhrxngodytrng kbthngldthanakhxngecankhrsrithrrmrachepnecaemuxng aelaaebngaeykklntnaelatrngkanu 259 rchkalphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly khrxngrachy 2352 67 thuxepnyukhthxngaehngsilpa aelasngbsukhekuxbtlxdrchkal kmphuchaklayepnsnamrbrahwangkrungethphmhankhraelaewiydnam sudthayewiydnamkhrxbngakmphuchaxyuhlaysibpihlngpi 2356 aetkrungethphmhankhrekhakhwbkhumphunthikwangkhwangkhuninkmphucha 257 9 hlngcakxiththiphlkhxngxngkvsinphumiphakhephimkhuncakkaridmalaka ekaahmak pinng aelasingkhopr inpi 2364 khahlwngihyxngkvspracaxinediysngcxhn khrxwefirdekhamaecrcakhakhay aetimidxairepnchinepnxnklbip 271 273 inrchkalphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw khrxngrachy 2367 94 rthbalxngkvsinxinediysngehnri ebxrniekhamaecrcakbkrungethphmhankhr odykhxihsngesbiyngchwyehluxhruximkwangtnepnklanginsngkhramxngkvs phmakhrngthihnung 2367 9 xngkvsklaymamixanaekhttidtxkbkrungethphmhankhrhlngyuddinaednthangtawnxxkechiyngitkhxngphmaiwid 279 80 rachsankyxmtklngsnthisyyaebxrniinpi 2369 hlngmikhawwaxngkvschnaphma enuxhakhxngsnthisyya xngkvsyxmrbxanackhxngkrungethphmhankhrehnuxithrburi klntn trngkanuaelapttani aelkkbthikrungethphmhankhryxmrbxisrphaphkhxngeprkaelaslngngxr aelaldkarekbphasicanwnmakkbwanichtangpraethsehluxkhathrrmeniympakeruxxyangediyw 281 inpi 2376 shrthsngthutekhamathasnthisyyaorebirt sungnbepnsnthisyyaaerkrahwangshrthkbchatiexechiy fayecaxnuwngs khrxngrachy 2348 71 aehngewiyngcnhlngthrabkhawkrungethphmhankhretriymrbsukxngkvs khmaychwyoxkasocmtikrungethphmhankhrephuxkwadtxnphukhnipiwinrachxanackr inpi 2369 kxkbtodyykthphekhamayudnkhrrachsima faykrungethphmhankhrhyudyngkarbukexaiwid aelasngkxngthphiptikrungewiyngcnidsaerc 283 4 aetphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwyngimphxphrathythicbecaxnuwngsimid aelamiphrarachprasngkhihthalayewiyngcnihsinsak inpi 2370 mikarsngkxngthphxikkxnghnungkhuniptikrungewiyngcnthiecaxnuwngstiklbkhunipidxikkhrng khrngnimikarthalayxakharbaneruxnthnghmdcnsinsak aelakwadtxnphukhnmaxyuinaethbphakhklangkhxngpraethsithypccubn khnasarwcfrngessxiksisibpithdmabnthukwaewiyngcnyngepnemuxngrang 284 5 hlngcaknnxikhlaysibpi krungethphmhankhryngkwadtxnchawlawekhamatngrkrakinthirabsungokhrach phlthaihhwemuxnglawxisanephimkhunpraman 40 emuxngsungekidcakchawlawthikwadtxnma 285 6 faymlayuthangit krungethphmhankhrprbnoybayepnihecamlayupkkhrxngknexnghlngekidkbtkhun 2 khrnginpi 2374 aela 2381 caknninphumiphakhdngklawkmiraebiybaelakhwammnkhngphxsmkhwr 287 9 faythangtawnxxk krungethphmhankhrrbkbewiydnamephuxaeyngchingxiththiphlehnuxkmphuchaxikkhrng eriyk xanmsyamyuthth 2376 90 sudthaythngsxngtklngknodyihecakmphuchasngekhruxngrachbrrnakarihthngsxngxanackr 290 2 hlngcaksngkhramfinkhrngthihnungincin 2382 5 chatitawntkerimkawrawmakkhun aelarahwangpi 2392 3 mikhnathutcakxngkvsaelashrthekhamaeriykrxngihkrungethphmhankhrykelikkhxkidknthangkarkhaaelatngsalkngsulaetthukpdklbip saehtucakpracwbkbchwngthikalngmikhwamkngwleruxngkaraekngaeyngrachsmbti 301 2 xyangirkdi phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwthrngtrahnkthungphykhukkhamkhxngchatitawntk dngthimikraaesphrarachdarskxnesdcswrrkhtwa karsuksngkhramkhangywnkhangphmakehncaimmiaelw camixyukaetphwkkhangfrng 305 karephchiyhnakbmhaxanactawntkkarptirupaelakarrwmxanacekhasusunyklang phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw khrxngrachy 2394 2411 thrngidrbkarykihkhunkhrxngrachsmbtiphrxmkbphrabathsmedcphrapineklaecaxyuhw ephuxekliyxanackhxngphraxnucha 310 1 phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwthrngtrahnkthungkhwamkhdekhuxngkhxngthutxngkvsthiklbipmuxeplainchwngplayrchkalkxn cungthrngtidtxhxngkng 311 tnpi 2398 rthbalshrachxanackrinkrunglxndxnsngkhnathutsungmiesxrcxhn ebawringepnhwhnaekhamaecrca mikarbrrlusnthisyyaebawring inewlasxngspdahthdma mienuxhacakdphikdphasikhaekha ihkhntangdawphankaelaepnecakhxngthidinrxb phrankhrid karihsiththisphaphnxkxanaekht aelakarykelikkarphukkhadkarkhakhxngrachkar 311 3 phayinhnungthswrrshlngcaknn krungethphmhankhrynglngnamsnthisyyathanxngediywknkbxik 12 praeths epnkarrierimkhwamsmphnthaebbphhuphakhiephuxhwngihchatiehlannthwngdulxanacknexng 314 5 primankarkhaodyrwmephimkhuncak 5 6 lanbathinpi 2393 epn 10 lanbathinpi 2411 krungethphmhankhrepliynochmodymikarsrangorngnganxutsahkrrmaelatdthnnihm 318 9 phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwthrngrierimkarptirup tngaetkarphimphrachkiccanuebksa thrngelikthrrmeniymobran thrngihrasdrthwaydika aelaihphuhyingeluxkkhuexngid aelaerimcangchawtangpraethsinnganphiessbangxyang thngni phraxngkhthrngtrahnkdiwakarepliynaeplngcatxngepnipxyangcha hakphraxngkhcaidrbkhwamrwmmuxcakkhunnangphuihythikumxanacinrabbrachkarepnewlahlaychwkhnaelw 322 324 hlngphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwesdcswrrkhtkrathnhndwyorkhmalaeriy phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw khrxngrachy 2411 53 cungsubrachsmbtithngthiyngimbrrlunitiphawa odymmismedcecaphrayabrmmhasrisuriywngs chwng bunnakh epnphusaercrachkaraethnphraxngkh hlngbrrlunitiphawaaelw thrngrierimkarptirupepnchud odymikartngsalphiessephuxcharakhdikhxngsalkrmtang thikhangxyu thrngrwmsunyxanackarcdthangbpramanaelasmpthankhafinaelabxnebiy thrngtngsphathipvksarachkaraephndinaelapriwiekhansil sungsmachikswnihyepnkhnhnumhruxkhuaekhngtrakulbunnakh thrngxxkkdhmaykhxy ldkarmithasephuxthalayrabbkarkhwbkhumkhnaelaesrsthkickhxngchnchnkhunnang 329 30 inpi 2417 khwamphyayamptirupthaihekidkhwamkhdaeyngkbxanacekaxyanghnk ekidkhwamkhdaeyngkbwnghnaxyangrunaerngcnekuxbekidsngkhramklangemuxng sudthayphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwthrngsamarthcakdxanackhxngwnghnaidaetthrngyxmyutikarptirupipkxn 331 3 phraxngkhthrngerimichwithisngkhahlwngtangphraxngkhippkkhrxnghwemuxngehnux hwemuxngtawnxxkechiyngehnuxaelahwemuxngiterimtngaetpi 2413 ephuxphyayamthaihdinaednehlannepnswnhnungkhxngsyam 334 5 inchwngnifrngessmikhwamphyayamaeswnghadinaednihmephimkhun erimcakkarthasyyakbsyaminpi 2410 ihkmphuchaepnrthinxarkkhakhxngfrngessaelaerimsngkhnasaerciplumaemnaokhng 337 inpi 2430 mikarprbkhnarthbalodyihtngkrmkhunma 12 krmthimithanaethakntamxyangrthbalshrachxanackr sungmikarykthanaepnkrathrwnginpi 2432 347 chwngpi 2430 6 frngessphyayamkhyayxiththiphlehnuxlaw inpi 2436 ekidwikvtkarn r s 112 khux miehtukarniltwaethnfrngessxxkcakhlwngphrabang mikareriykrxngexadinaednlawfngtawnxxkkhxngaemnaokhng aelaemuxkxngthphsyaminphunthitxsuthharfrngessthiphyayamekhakhwbkhumphunthinn rthbalfrngesssbchxngcaprakassngkhramkbsyam aelasngeruxrbmayngpakaemnaecaphraya sudthayphraecaxyuhwthrngyxmtamkhakhadkhxngfrngess echnediywkbkarcaykhaprbaelakarykbangswnkhxngaekhwnnanaelacnthburiihfrngess 352 5 inpi 2439 frngessaelabrietntklngihsyammiexkrachaelaepnrthknchnrahwangphmakhxngbrietnaelaxinodcinkhxngfrngess inthswrrssudthaykhxngkarkhrxngrachy syamphyayamihphicarnasnthisyyaimepnthrrm aetphlepnipxyangechuxngcha odytxngmikarlngnamsyyaxikhlaychbbinpi 2446 9 ephuxihfrngessthxnthharxxkcakcnthburiaelatrad echnediywkbkarthasyyakbbrietninpi 2452 ephuxaelkhwemuxngpraethsrachmlayuaekbrietnkbkareliksiththisphaphnxkxanaekhtkhxngkhninbngkhbbrietn 358 9 inpi 2436 smedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaph esnabdimhadithyinkhnann thrngrierimrabbmnthlethsaphibalthinkhrrachsimaepnthiaerk aelwsngkhahlwngcakswnklangippkkhrxngodytrngaethnphupkkhrxngsubthxdinhwemuxng mikarsrangthangrthifipphakhxisanaelaphakhehnux karprbprungkdhmaysyamodyyudtampramwlkdhmaynopeliynkhxngfrngess 363 5 xyangirkdi inpi 2445 ekidkbtkhuninrachxanackr 3 khrng ephuxtxtankaroxnxanacekhasusunyklang 372 3 inpi 2448 mikarptirupaebbkhxyepnkhxyip cnsamarthaethnthirabbkareknthaerngnganaebbekamaichrabbenginrchchupkaraelakareknththharsmyihmaethn 365 6 phlkhxngkarelikrabbiphrthaihrasdrthakarekstrephimkhun primankarsngxxkkhawkhxngsyamephimkhuncakimthung 1 lanekwiyninkhristthswrrs 1850 epnkwa 11 lanekwiyninplaykhriststwrrsthi 19 375 inpi 2441 erimmikartngorngeriyninhmubantang odyichtaraeriynaelahlksutrediywknthiswnklangkahndaethnkarsuksainwdaebbedim nbepnkarerimhlxhlxmihekidrthchatithimiexkphaph 378 9 nxkcakni chawcinyngmicanwnephimkhuninchwngnidwy odycanwnchawcinephimkhuncak 230 000 khninpi 2368 epn 792 000 khninpi 2453 chawcinehlaniprasmprasanwthnthrrmklayepnswnhnungkhxngsyam aelamibthbathinesrsthkicsmyihmkhxngxanackr 380 1 rthchatismyihm kxngthharxasasyaminkarswnsnamchykrungparis pi 2462 karphthnarachxanackrsyaminrchkalthi 5 imidepnipxyangsmaesmx khux sngkhmekhasusmyihmerwchaimethakn thaihekidchxngwangthangsngkhm 393 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw khrxngrachy 2453 68 thrngsrangihekidsanukkhwamepnchatixyangnxykinhmuchnchnna inpi 2454 thrngtngkxngesuxpasungsmachikhludphncakkrxbrachkaraelanbthuxpramukh 396 7 inpiediywkn ekidehtukarnkhnanaythharchnphunxykhbkhidknephuxepliynaeplngkarpkkhrxngodymiaenwkhidtxtansmburnayasiththirachy aetyngimthnwangaephnesrckthukcbidesiykxn 397 399 phraxngkhthrngtxbotdwykaraetngtngesnabdisungepnkharachkarthiidrbkarsuksainthwipyuorp thrngtngkhnakrrmkaraekikhpyhangbpramankhaddulaelathrngichwithiprachasmphnthaelaokhsnachwnechuxsungichmacnsinrchkal 400 2 khux thrngichphraprichathangwrrnsilpephyaephrphrarachniphnththangsuxtang odyyaaenwkhidsakhysngesrimwithichiwitaebbtawntk thrngrierimthrrmeniymxyangtawntk echn namskul kilathielnepnhmukhnaodyechphaaxyangyingfutbxl thrrmeniymphwediywemiyediyw thrngsngesrimkarsuksaaephnihm odysthapnaculalngkrnmhawithyalyinpi 2459 aelathrngihkarsuksaradbprathmepnphakhbngkhb 402 3 thngyngthrngephyaephraenwkhidchatiniymthangkaremuxngaelachatiniymthangesrsthkicthiprasngkhihkacdxiththiphlkhxngchawcininesrsthkicsyam 404 thrngphyayamsngesrimihrasdrrucksmakhmknodyimaebngwrrna rucktdsinodyyudhlkesiyngkhangmak aelakratunkarxphipraysatharnainsuxtang 406 dankickarthhar thrngcdhaeruxrbthithnsmy aelainpi 2460 rachsankelngehnwakarekharwmsngkhramolkkhrngthihnungxackxihekidpraoychninkareliksnthisyyaimepnthrrm cungprakassngkhramkbfaymhaxanacklanginwnthi 22 krkdakhm 2460 407 phlthaihchatitawntkyxmaekikhsnthisyyainchwngpi 2463 9 ihsyamidrbxisrainkarcdekbphasixakraelaykeliksiththisphaphnxkxanaekht 408 9 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwthrngehnwakareriykrxngihmikarptirupkarpkkhrxngcathaihsyamphinaslmcmcungptiesthkhxesnxaenaihichrabxbrththrrmnuyesiythukkhrng 412 indanesrsthkic rayidkhxngrththildlngcakrakhaphlphlitkarekstrthitkta aelaraycayswnphraxngkhthiephimkhunepnladb ngbpramancungkhaddulechnniipcnsinrchkal thaihtxngmikarkuengintangpraethsmaepnraya 413 rchkalphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw khrxngrachy 2468 78 banemuxngetmipdwykhwamimsngbaelapyhaesrsthkic khwamphyayamldngbpramanthaihekidkarthaelaakninhmukharachkarthaihekidphaphirprasiththiphaph 416 7 hnngsuxphimphsathxnkhwamkhidehnkhxngmhachnwiphakswicarnrthbal phraxngkhthrngerngsthapnaxphirthmntrisphaephuxaekikhpyhaesrsthkicechphaahna phraxngkhyngthrngmiaenwkhidthdlxngprachathipityinsyam xyangirkdi khwamphyayamihthdlxngkarpkkhrxngtnexngradbethsbalmiphlelknxycnmikarepliynaeplngkarpkkhrxng 421 chwngkhristthswrrs 1920 miklumnkeriyntangpraethssungmiaenwkhidtxngkarepliynaeplngkarpkkhrxng thioddednidaek pridi phnmyngkh aelaaeplk khittasngkha erimphbpaknxyanglb emuxekidphawaesrsthkictktakhrngihyinpi 2472 phlsaethuxnthungsyamthaihrakhakhawtklng rthesiyrayid aelaekidwikvtkhaenginbath 426 7 inpi 2475 rthbaldaeninmatrkar echn pldkharachkarxxkcanwnmak rangbkareluxnkhn aelaephimkarekbphasi phlthaihekidchnchnklangidrbphlkrathbmakemuxethiybkbkhncin chnchnsungaelaeca aelaekidkhwamimphxic 428 phrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhwthrngphicarnakhwamepnipidkhxngrthbalcakkareluxktng mikarthulekla thwayrththrrmnuychbbrangodyenuxhamiickhwamwa caihoxnxanacbriharepnkhxngnaykrthmntricakkaraetngtng misphanitibyytikhwbkhumtrwcsxbodymismachikmacakkareluxktngaelaaetngtngxyanglakunghnung xyangirkdi ecanayinkhnaxphirthmntrisphakhdkhanrangrththrrnnuydngklaw cungimiddaeninkarxyangirtx 429 431 rachathipityphayitrththrrmnuykarptiwti ph s 2475 aelarthbalphrayaphhlphlphyuhesna phrayamonpkrnnitithada kxn hutasingh naykrthmntrikhnaerk prasrytxfungchnhnaphrathinngxnntsmakhm wnthi 24 mithunayn 2475 klumbukhkhlthieriykkhnarasdrkxkarptiwtiepliynaeplngrupaebbkarpkkhrxng phlthaihrahwangpi 2478 2500 epnchwngewlathiphramhakstriyimidpkkhrxng aelaphramhakstriythrngimmibthbaththangsngkhmxikcnphnchwngdngklaw 440 khnarasdrerimwangaephnptirupkaremuxngaetepnipxyangcha 442 3 hlngcaknn khnarasdrekidkhdaeyngknexng odyfayphleruxnmixanacnxykwafaythhar khnarasdraetkknepn 5 fay aelahlngekidwikvt 3 khrnginpi 2476 sudthayfaythharhnumchna 444 5 phramhakstriyaelaklumkstriyniymphyayamexachnakhnarasdrthukwithithang ekidepnekhruxkhaytxtankarptiwtithimiphramhakstriyepnsunyklang erimcakkdhmaypidspha eduxntulakhm 2476 phrawrwngsethx phraxngkhecabwredchthrngnathharintangcnghwdkbt aetkxkarimsaerc 17 27 khwamkhdaeyngrahwangphraxngkhkbrthbalephimkhuneruxy aelahlngcakrthbalptiesthkartxrxngephuxprbepliynphrarachxanacaelarupaebbkarpkkhrxng phraxngkhthrngslarachsmbtiinwnthi 2 minakhm 2477 nbaebbeka 448 rthbalkrabbngkhmthulphrawrwngsethx phraxngkhecaxannthmhidl txmaepnphrabathsmedcphrapremnthrmhaxannthmhidl phraxthmramathibdinthr khrxngrachy 2478 89 khnayngthrngphraeyawaelakalngsuksainpraethsswisesxraelnd epnphramhakstriyaelaaetngtngkhnaphusaercrachkaraethnphraxngkh khnarthmntriinchwngaerk snkhlxnaetxyurwmknidephraabukhlikkhxngphrayaphhlphlphyuhesna phcn phhloythin aelainpi 2478 rthbalsamarthecrcacnsyammixanacxthipityxyangsmburn 452 3 cxmphl p phibulsngkhramaelasngkhramolkkhrngthisxng cxmphl p phibulsngkhramtrwcaethwthharrahwangkrniphiphathxinodcin ekhaepnnaykrthmntrithirngtaaehnngnanthisud inpi 2481 cxmphl aeplk phibulsngkhram idepnnaykrthmntri ekhacdkarkhwamniymkhxngrthbaldwykarkhwbkhumsuxaelatrwcphicarna mikarcbnkothskaremuxngaelaekhluxnihwtxtanrachwngs 455 457 phayinpiaerk rthbalxxkkdhmaytxtanchawcinhlaychbb aelasngwnbangxachiphihechphaachawithysungepnkhwamkhidchatiniymthangesrsthkic xxkrthniym 12 prakar rwmthngkarepliynchuxpraethsepnithy aelakhwbkhumwithichiwitpracawntang odyxangwaephuxihtangpraethsmxngwaithyepnpraethssmyihm ineduxnphvscikayn 2483 ithysngkalngrukekhaipinlawaelakmphucha thungaemcaaephinyuththnawiekaachang aetthangbksamarthyuddinaednid cnyipunekhamaepntwklang odymikarbrrluxnusyyaykdinaednlawaelakmphuchabangswnihithy 462 hlngcaknnpraethsithyetriymrbsukyipun aetchatimhaxanacxngkvsaelashrthtangimsamarthchwyrksakhwammnkhngkhxngithyid 462 3 wnthi 8 thnwakhm 2484 yipunekhluxnthphphanpraethsithy mikarpathakbyipunhlaycud cxmphl p ehnwakarkhdkhuneplapraoychn cungsnghyudying yinyxmihkxngthphyipunedinthangphanpraethsithyodyaelkkbihyipunyxmrbexkrachkhxngithy 463 465 txmarthbalehnyipunidchytamsmrphumitang kechuxwayipuncachnasngkhram cungekhaepnphnthmitrkbyipunaelaprakassngkhramtxshrthaelashrachxanackr fayesniy praomch exkxkhrrachthutithypracashrthinewlann ptiesthyunkhaprakassngkhramipyngshrth aelakxtngkhbwnkaresriithy eduxnphvsphakhm 2485 rthbalnakalngekhayudkhrxngrthchan sthapnaepnshrthithyedim khnaediywknyipunyngmxbdinaednmlayuthiykihbrietninpi 2452 aekithydwy 466 7 xyangirkdi yipunerimepnfayephliyngphlainpi 2487 ithyprasbpyhakhadaekhlnsinkhacaepn karephimphasiaelaenginefxthiphungsung thngyngephchiykbkarthingraebidthangxakaskhxngfaysmphnthmitr 467 8 eduxnkrkdakhm 2487 cxmphl p phibulsngkhramaephmtiinsphaphuaethnrasdrcunglaxxkcaktaaehnng thngni ehtuphlhnungkhux s s txngkarphthnakhwamsmphnthkbfaysmphnthmitraelaehnwacxmphl p khuxsaysmphnthinxditkbyipun aelaeluxkkhwng xphywngsepnnaykrthmntriaethn 470 chwngplaysngkhram rthbalphyayamxyangyingthicaihrxdphncakkhxeriykrxngkhxngfaysmphnthmitr odyphyayamesnxkhbwnkaresriithyinpraethsihfaysmphnthmitrichephuxtxtanyipun aelaithyphungkhwamsmphnthkbrthbalshrth 472 3 hlngsngkhramolk hlngyipunyxmcannineduxnsinghakhm 2488 pridi phnmyngkh phusaercrachkaraethnphraxngkh ihehtuphlwakarprakassngkhramtxshrthaelashrachxanackrimchxbdwykdhmay aelaptiesthkhxtklngthnghmdrahwangrthbalcxmphl p kbyipun dankhwng xphywngslaxxkcaktaaehnngnaykrthmntriephraaipmiswnkbyipunrahwangsngkhram 473 4 rthbalshrachxanackrmikhxeriykrxngyudyawtxithy aetthukrthbalshrthichxiththiphlkhmiw sudthay mikartklngkhwamtklngsmburnaebbsungihithykhundinaednthiidmarahwangsngkhramaekecakhxngedimaelakarkhaykhawihshrachxanackrephuxaelkkbkaridrbesiyngsnbsnunihekhaepnsmachikshprachachatiethann inpi 2489 saldikayutikhdicxmphl p thiekiywkhxngkbsngkhram aelawnthi 9 mithunayn phrabathsmedcphrapremnthrmhaxannthmhidltxngphraaesngpunswrrkhtxyangmiprisna 467 8 phrawrwngsethx phraxngkhecaphumiphlxduledchsubrachsmbtiepnphrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedch khrxngrachy 2489 2559 inchwngpi 2489 2490 rthbalfaythisnbsnunpridiesuxmxanacxyangrwderw ephraasngkhmmxngwarthbalimsamarthkhlikhlaykhdiid khnaphunasamesa ph s 2490 2500cxmphl aeplk phibulsngkhramcxmphl svsdi thnarchtphltarwcexk epha sriyannth wnthi 8 phvscikayn 2490 khnathharrthprahar mikarthxnrakthxnokhnfaysay odyechphaaphusnbsnunkhxngpridi 480 swnhnungxangehtuikhkhdiswrrkhtimiddwy rthbalcxmphl p hwnkhunsuxanacxikkhrnginpi 2491 aelaichnoybayprabpramchawcin mlayu aelankkaremuxngphakhxisan eduxnemsayn 2491 ekidehtukarnchumnumprathwngkhxngchawbandusngyx cnghwdnrathiwas sungrthbalichkalngprabpramxyanghnk 486 inpi 2492 pridiaelaphnthmitrsungprakxbdwythhareruxaelaxditsmachikesriithyphyayamephuxyudxanackhun aetimsaerc cungthukeriykwa kbtwnghlwng nbaetnnphnthmitrthangkaremuxngkhxngpridikhmdxanaclngxyangsineching hlngcakehtukarnkbtaemnhttnaelakbtsntiphaphinpi 2494 phltri epha sriyannth xthibdikrmtarwc aela phltri svsdi thnarcht rthmntrichwywakarkrathrwngklaohm khxy mixanacmakkhunaethncxmphl p 488 490 bthbathkhxngshrthinewlannmxngwaithyepnrththitxngidrbkarpkpxngephuxknkaraephkhyaykhxnglththikhxmmiwnist praethsithyekharwmrbinsngkhramekahliinpi 2497 epnpraethshlkinxngkhkarsnthisyyapxngknphumiphakhexechiytawnxxkechiyngit praethsithyidrbenginxudhnunephuxsrangokhrngsrangphunthan khwamchwyehluxthangethkhnikh aelakarprbprungkxngthphaelatarwccakshrth 493 4 chwngpi 2498 2500 cxmphl p erimphxnprnkarkhwbkhumkaremuxngxyangekhmngwdaelaihcdthaebiynphrrkhkaremuxngid inchwngnncxmphl p aela phl t x ephasungepnphnthmitrknehnwaphwktnkalngaephihkbklumcxmphlsvsdiaelaklum skdina cungphyayamdungtwpridiklbpraeths aetthukrthbalshrthkhdkhwang nxkcakni cxmphl p yngekidkhdaeyngkbphraecaxyuhwinhlayoxkas cxmphlsvsdiidrbkarsnbsnuncakprachachnenuxngcaklaxxkcakkhnarthmntriineduxnsinghakhm 2500 cninwnthi 13 knyayn cxmphlsvsdinakxngthphrthprahar 496 9 rabxbsvsdiaelayukhthnxm praphas hlngrthpraharpi 2500 phlexk thnxm kittikhcr epnnaykrthmntri aetrthbalthukkhaninsphaphuaethnrasdrxyanghnkcnimsamarththanganxyangrabrun cxmphlvsddimikhwamehnwaphvtikrrmkhxngsmachiksphaphuaethnrasdr suxmwlchnthikhadkarkhwbkhum aelakhxphiphathaerngnganaelakarprathwnglwnbxnthalaypraeths 508 9 inpi 2501 ekhaykelikrththrrmnuyaelaxxkkhasngsphaptiwti aelasngcbphuwicarnrthbalhlayrxykhn ekhatxkyaphaphkhwamsaxadaelakhwamepnraebiyb odycdkarpyhaxachyakrrmxyangechiybkhad sngkhmithyhlayphakhswnyxmrbphunaebdesrcaebbdngklaw 510 ekhayngepliyncakkhwamcngrkphkditxrthaelarththrrmnuymaepnkhwamphkditxphramhakstriy sungyxmthaihrthbalinphramhakstriymikhwamchxbthrrmtamipdwy 511 ekhafunfubthbaththangsngkhmkhxngsthabnphramhakstriy aelayngphyayamsrangkhwamchxbthrrmtamwithiprachathipitydwykardaeninnoybayphthnachnbth sngesrimkarlngthunkhxngexkchnaelatangchatiephuxykthanathangesrsthkickhxngpraeths 513 4 hlngkhbwnkarpaethdlawsungepnkhxmmiwnistkhxy mixanacephimkhuninlaw rthbalyxmrbkhxtklngkhxngshrthinkarkhumkhrxngithy aelaihshrthekhamatngthanthphinpraeths 516 7 hlngcxmphlsvsdithungaekxsykrrminpi 2506 mikarsubthxdtaaehnngphunapraethsekhasuyukhthnxm praphas praethsithyekhaipekiywkhxnginsngkhramewiydnammakkhun xyangirktam wyxacrabuwaimichwapraethsithyslakhwamepnklanghruxkhwamepnxisrainnoybaytangpraeths aetpraethsithyichpraoychncakkhwamsmphnthkbshrthephuxbrrluepahmaykhxngtnkhuxsrangmitrkbfaythiimichkhxmmiwnistinlawaelakmphucha aelatxtanxiththiphlkhxngewiydnaminsxngpraethsni 523 4 emuxrthbalithyaelashrthekhaiptxbotptibtikarkhxngewiydnaminlawaelakmphucha ewiydnamehnuxaelacintxbotdwykarsngesrimkartxtanrthbalinpraethsithy 524 rahwangpi 2507 11 mikarsngthharxemriknekhamainpraethsithyxyangtxenuxngcnmiecahnathiekuxb 45 000 khn miekhruxngbinrbekuxb 600 la 524 cnthungpi 2510 ithysngkxngthphkhrbthngsamehlathphekharwmptibtikarinewiydnamit odyinpi 2512 mithharithyinewiydnam 11 000 naysungkhidepnrxyla 14 khxngkalngphlthnghmd 525 phlkrathbkhxngkarekhamakhxngthharxemriknniyngepliynkhwamsmphnthkhxngchawnainchnbth aelasrangkhwamsmphnthrahwangphunakxngthphkbphunathurkicechuxsayithy cin khnhnumsawinchnbthekhaemuxngephuxhangantha erngoxkasthangkarsuksaaelakarekhathungsuxmwlchn 526 7 nxkcakni chawnainchnbthyngekidsanukeruxngkhwamimesmxphakhthaihekidkhwamimphxicrthbal playpi 2507 erimekidkarkxkarkaeribkhxmmiwnisterimcakphakhxisan aelwlamipphakhehnuxaelait inchwngediywkn canwnprachakrithyephimkhunxyangkawkraodd aelaesrsthkickhxngpraethserimepliyncakekstrkrrmmaepnxutsahkrrm canwnkhnhnumsawthiidrbkarsuksadimiephimkhunnaipsukarkhyaychnchnklangthiepnklumkhnklumihykhxngpraeths chnchnklangehlanimixtlksnkhxngtnexngodymilksnaxnurksniymthangkaremuxng phrxmkbyudthuxkhaniymthiennesriphaphxyangtawntk 537 karthirthbalekhaipmixanacinhmubanchnbththaihekidkhwamimphxic ephraachawbanthukthharaelatarwckhmehng hruxthukkharachkarchxokng mikartxtanrthbalkhwbkhuipkbkardaeninngankhxngshphaphchawnaaelakrrmkr 539 40 inpi 2511 thamklangaerngkddncaknksuksainpraethsaelashrth cxmphlthnxmcungprakasrththrrmnuychbbihmthimisphaphuaethnrasdrcakkareluxktngkhukbwuthisphathimacakkaraetngtng cxmphlthnxmchnakareluxktnginpi 2512 aelaidtngrthbalxiksmy aetkhwamkhdaeynginspha aelakickrrmthangkaremuxngthiekidcakkarphxnprnkarcakdkaraesdngxxk thaihrthbaltunphywaxacepnkhwamlmslaykhxngkhwamsamkhkhiinchati echnediywkbthanakhxngcxmphlthnxmaelapraphasinkxngthphthimixnakhtimaennxn eduxnphvscikayn 2514 cxmphlthnxmyubsphaaelaykelikphrrkhkaremuxng napraethsklbsuyukhkxngthphkhrxbngaxikkhrng 540 1 cxmphlthnxmichwithisrangphunaihekhmaekhngthiekhyichidphlmakxn aetinchwngnnchnchnklangaelachawnatxngkarswnaebngxanacthangkaremuxngmakkhun ehtukarnineduxntulakhm 2516 thimikarcbkumnksuksathiaeckibpliwtxtanrthbal thaihmikaredinkhbwnihythimiphuekharwmnbaesnkhninkrungethphmhankhr rthbalichkalngekhaprabpramcnmiphuesiychiwit 77 khn sudthaycxmphlthnxmaelapraphasthukbibihlaxxkcakliphyxxknxkpraeths prachathipitylum dxn paycdaesdnginnithrrskar 44 pi 6 tula phlcakehtukarn 14 tulathaihekid yukhprachathipityebngban hrux karthdlxngprachathipity karaesdngkhwamehntangthithukekbkdmahlaysibpiklbmamipakesiyng ekidrthbalphleruxn aelarththrrmnuychbbihmthiihthngsmachikrthsphamacakkareluxktngthnghmd ekidxngkhkarkaremuxngaelakardaeninkickrrmxyangthiimekhymimakxn ekidkarprathwngkhxngkrrmkraelachawnaipthw karaesdngkhwamkhidehninthisatharnamixisra nganekhiynkhxngpyyachnfaysayidrbkhwamniym smynaykrthmntrihmxmrachwngskhukvththi praomchsamarthecrcaihshrththxnthanthphxxkcakpraethsaelaecrcasrangkhwamsmphnthkbsatharnrthprachachncin 544 546 7 xyangirktam sthankarninphumiphakhkhnannpraethslawmikareliksthabnphramhakstriy aelakhxmmiwnistchnasngkhramewiydnam hlngkareluxktnginpi 2519 idrthbalphsmxiksmythimikhwamepraabang ekidkhdaeynginsphathaihrthbalaekpyhatang idnxy aelanksuksafaysayerimthaihphusnbsnunrusukaeplkaeyk sthabnphramhakstriy chnchnnainemuxngaelachnchnklangcanwnmakerimhnmasnbsnunklumfaykhwatang echn nwphl lukesuxchawban klumkrathingaedng ephraamxngwanksuksathuklththikhxmmiwnistchkna 547 8 inchwngniklumnksuksafaysaythuktxbotdwykhwamrunaerng inpi 2519 cxmphlthnxmthibwchepnsamenredinthangklbpraeths odymismachikrachwngsesdcipeyiymthiwd 548 ekidkarprathwngkhunraywninmhawithyalythrrmsastr yangekhaeduxntulakhm 2519 faykhwamiptikiriyatxkarprathwngodykarplukradmisraynksuksawaepnkhxmmiwnist cnsudthaymikarsngharhmunksuksathimhawithyalythrrmsastr nkwichakartangpraethsmxngwa sthabnphramhakstriymiswnsngesrimehtukarncakkarsnbsnunklumfaykhwaaelakaresdc eyiymphrathnxm 31 kxngthphekhamakhrxbngakaremuxngxikkhrng aelakaraesdngxxkthukpidkn 549 phlexk eprm tinsulannth khwa kbprathanathibdishrth ornld eraekn phlexkeprmepnnaykrthmntri 8 piinrabxb prachathipitykhrungib hlngrthpraharinpi 2519 mirthbalkhwacdthiichxanackhwbkhumxyangekhmngwd nkekhluxnihwfaysayhniekhapaaelaxxknxkpraethscanwnmak rthbalerimesiykarsnbsnuncakkxngthph cnmikarepliyntwnaykrthmntriinpi 2520 552 3 rthbalihmphlexk ekriyngskdi chmannthn ldkhwamrunaerngkhxngfaykhwaaelaphyayamnaphuhlbhnixxkcakpa inchwngnnekidehtukarnewiydnambukkmphucha thaihchayaedntawnxxkkhxngpraethsmiphuliphyekhamanbaesnkhn aelaklumtidxawuthbangklumphyayamocmtikhamchayaednekhama emuxprakxbkbrthbalimsamarthaekikhpyhaesrsthkicid ekhathukbngkhbihlaxxkkxnmirthpraharodyphlexk eprm tinsulannth inpi 2523 553 4 insmyrthbalphlexkeprm mikarichnoybayynkxngthphewiydnamthichayaednodyidrbkarsnbsnuncakshrth rthbalyngsamarthnaphukxkareribklbekhasusngkhmaelacdkareluxktngthwipidinpi 2526 557 inthswrrsnnerimehnidchdwaphramhakstriythrngmibthbaththangkaremuxng hlngcakthrngsnbsnunnksuksainpi 2516 thrngepliynmasnbsnunklumfaykhwainpi 2519 aelarthbalthaninthr cnsurthbalphlexkeprm 558 praktchdinkhrngkbtyngetirkinpi 2524 thithrngprakassnbsnunrthbalphlexkeprmthaihkbtlmehlw 558 9 phuprathwngkbthharinehtukarnphvsphathmil inchwngkhristthswrrs 1980 thung 1990 mikarepliynaeplngxyangmohlarxikkhrng krungethphmhankhrklayepnemuxngihyxndbtn khxngolk praethsmikaretibotthangesrsthkicsungsudinolk praethsekhasukhwamepnpraethsxutsahkrrmihmsungdungdudnklngthuntangchati 561 phlexk chatichay chunhawn chnakareluxktnginpi 2531 ekhaduaelkxngthphthiepnphwkkhxngtn thaihkxngthphxikfayyudxanacineduxnkumphaphnth 2534 naodyphlexk sucinda khraprayur thiaerkekhaihsyyawacaimrbxanacthangkaremuxngaetsudthayekhatrabdstyaelaekhaepnhwhnarthbalihm 572 3 ehtukarnedinkhbwnprathwnginkrungethphmhankhrineduxnphvsphakhm 2535 lngexydwykarsngprabpramphuprathwngxyangrunaerng phrabathsmedcphraecaxyuhwthrngrbsngihphlexksucindaaelaphltri calxng sriemuxng aeknnaphuprathwng ekhaefa caknnphlexksucindalaxxkcaktaaehnng klangpi 2540 ekidehtukarnfxngsbuesrsthkicaetk xtraaelkepliynrahwangbathithytxdxllarshrthldlngxyangrwderw wikvtnithaihrthbalbrrhar silpxachaaelaphlexk chwlit yngicyuthth lm chwn hlikphyklbmadarngtaaehnngnaykrthmntrixikkhrng rthbalsamarthecrcakhxtklngkbkxngthunkarenginrahwangpraeths IMF id aemkarkuengindngklawcachwyphyungesrsthkicithy aetmiesiyngwicarnxyangkwangkhwangwaepnkxngthunchwyehluxkhnrwy mikarchxrasdrbnghlwngxyangihyot 575 6 yukhthksinaelawikvtkarnkaremuxng khwamkhdaeyngthangkaremuxnginpi 2549 2557 epnkhwamkhdaeyngrahwangphusnbsnunaelatxtanthksin chinwtr prawtisastrkaremuxngithyhlngpi 2544 thukkhrxbngadwykhwamkhdaeyngrahwangfaysnbsnunaelakhdkhannaykrthmntri thksin chinwtr inpi 2544 phrrkhithyrkithysungkhnannmixayuid 3 pi chnakareluxktngthwip noybayesrsthkickhxngekhathieriyk thksionmiks ennkratunkarbriophkhinpraethsaelakarephimkhwamsamarthkaraekhngkhnkhxngpraeths noybaykhxngekhayngrwmkarephimswsdikar odyechphaaxyangying okhrngkarsukhphaphthwnhnasungidrbkhwamniymxyangsunginchnbth xyangirkdi karexuxphwkphxngkhxngthksininkareluxnysthhariklchidinkxngthphthaihphlexkeprmaelaphlexk suryuthth culannth imphxic 268 karekhluxnihwtxtanthksinkhrngaerkerimcaknoybayphakhit erimcakkarepliynxngkhkarkhxngkxngthphmaihtarwckhuminpi 2545 aelaptikiriyatxehtukarnplnpuninkhaythharcnghwdnrathiwasaehnghnunginpi 2547 chnchnklanginkrungethphmhankhrerimimphxicnoybayprachaniym karwicarninsuxephimkhun 268 snthi limthxngkulsungepnecakhxngsuxkhnhnungwicarnthksinthangothrthsncnraykarkhxngekhathuksngrangb cunghnmaedinkhbwntamthxngthnnaelaplukeraxarmndwykarxangwathksinepnphykhukkhamsthabnphramhakstriy 269 karprathwnginpi 2548 imprasbkhwamsaercmaknk aetinpi 2549 hlngmiehtukarnkhayhunklumbristhchinkhxrpihaekethmaeskohldingskhxngrthbalsingkhoprodyimesiyphasi thaiherimmikarchumnumodyklumphnthmitrprachachnephuxprachathipity phthm kxngthphbangswnelngehnoxkasinkarokhnthksincungrwmmuxkb phthm 269 karchumnumennklawhathksinwamiaephnepliynpraethsepnsatharnrthaelahminphrabrmedchanuphaph 269 thksinprakasyubsphaaelacdkareluxktngihm sungphrrkhprachathiptykhwabatrkareluxktng phrabathsmedcphraecaxyuhwthrngeriykthksinipekhaefaaelahlngcaknnthksinprakascathxyxxkcakkaremuxngaethwhna phrabathsmedcphraecaxyuhwyngthrngmiphrarachdarsihfaytulakarmibthbathephimkhunin karkhbekhluxnprachathipity 269 rthpraharinpi 2549 miphunaepnklumniymecaxyangekhmkhn aelaxangwarthbalthksinsrangkhwamaetkaeykaelahminphrabrmedchanuphaph xyangirkdi faythharidchwypraoychncakoxkasnidwy odyminaythharidrbaetngtngihdarngtaaehnnginkhnakrrmkarrthwisahkicaelataaehnngsakhy ngbpramankhxngkxngthphephimkhunekuxbrxyla 50 phayinsxngpi 270 epahmayhlkkhxngrthbalthharkhuxkarkacdthksin ldbthbathkhxngnkkaremuxngthimacakkareluxktng aelakhunxanacihaekkharachkaraelakxngthph 270 kxngthphyngtngicichekhruxngmuxtang ephuxthwngbthbathkhwbkhumduaelkaremuxngkhxngpraeths odyphanrththrrmnuychbbihmthildxanackhxngfaybriharaelanitibyyti karkxtngkxngxanwykarrksakhwammnkhngphayinrachxanackr aelaphrarachbyytiwadwykarkrathakhwamphidekiywkbkhxmphiwetxr ph s 2550 271 nbtngaetrthpraharpi 2549 kxngthphaelaphwkniymecaykihsthabnphramhakstriyepnsunyklangkhwammnkhngkhxngchati aelamikarichkdhmaykhwamphidtxxngkhphramhakstriyxyangkwangkhwang 374 5 bthbathkhxngsthabnphramhakstriyinkaremuxngithychdecnkhunhlngkarmiswnaelasnbsnunrthpraharkhrngni 378 khwamphyayamthnghlayniimxackacdesiyngsnbsnunthksininchnbthid hlngmikarruxfunkarpkkhrxngaebbrthsphaineduxnthnwakhm 2550 phrrkhithyrkithythithuksngyubphrrkhinpi 2549 idklbmaepnrthbalxikinchuxphrrkhphlngprachachnodymismkhr sunthrewchepnhwhna phrrkhphlngprachachnkhrxngxanacxyuphkhnungkekidkarprathwngkhxng phthm danklumaenwrwmprachathipitytxtanephdckaraehngchati npch sungthuxkaenidineduxnkrkdakhm 2550 chumnumtxtan phthm fay phthm xangwatnkalngphithkssthabnphramhakstriy aela npch xangwatnkalngphithksrabxbprachathipity 274 hlngkarchumnumdaeninmacnsinpi salrththrrmnuywinicchyyubphrrkhphlngprachachn hlngcaknn smachiksphaphuaethnrasdrlngmtieluxkxphisiththi ewchchachiwa hwhnaphrrkhprachathiptysungepnphrrkhihyxndbsxnginspha epnnaykrthmntri inkhrngnnphlexkeprmaelaphlexk xnuphngs ephacinda phubychakarthharbk xanwykhwamsadwkhruxsngkarodytrngihmikarsuxtwklumephuxnenwin 87 npch chumnuminsmyrthbalxphisiththi odyekhakhdkhwangkarprachumsudyxdphunaxaesiyninpi 2552 aelainpitxma mikarchumnumyudeyuxinkrungethphmhankhrtngaeteduxnminakhmthungphvsphakhm 2553 aelapidchaklngdwyehtukarnephayanthurkicinekhtrachprasngkh aelaephaxakharrachkar 4 aehngintangcnghwd phaphkrungethphmhankhrbangswnekidxkhkhiphyrahwangwikvtkarnkaremuxngeduxnphvsphakhm 2553 emuxxphisiththiyubsphaaelacdkareluxktngihminpi 2554 praktwayinglksn chinwtr nxngsawphuimmiprasbkarnkaremuxngkhxngthksin naphrrkhephuxithychnakareluxktng duehmuxnwaethxcaichwithipranipranxmkbphrarachwngaelaihkxngthphcdkartnexng withiniduehmuxnthaihrthbalyinglksnimthukthathayxyangcringcnginchwngaerk playpi 2556 xdit phthm rwmkbklumtxtanthksinaelaniymecaxun ekhaphwkkntngkhnakrrmkarprachachnephuxkarepliynaeplngptiruppraethsithyihepnprachathipitythismburnaebbxnmiphramhakstriythrngepnpramukh kpps thiimepnprachathipity 374 klumniidrbkarsnbsnunthangkaremuxngemuxphrrkhrthbalphyayamesnxrangphrarachbyytinirothskrrmsungcaihpraoychnaekthksin aetaemwarthbalcathxnrangkdhmaydngklawxxkip kpps yngkhngchumnumxyangtxenuxngphrxmkbichwathsilpkhankaremuxngaebbeluxktng 374 ehnidcakkarkhdkhwangaelatharayrangkayphuxxkesiynglngkhaaenninkareluxktngpi 2557 375 faytulakarthxdthxnyinglksnxxkcaktaaehnng aetrthbalrksakaryngdarngxyu cnmirthpraharemuxwnthi 22 phvsphakhm 2557 375 karprabpramkarprathwngineduxnsinghakhm 2564 khnaphuyudxanacpkkhrxngkhwbkhumrthbal prabpramfaytrngkhamxyangkwangkhwang mikaraetngtngsphahunechidodymiwtthuprasngkhephuxrangrththrrmnuythicakwadlangkhwamniymkhxngthksiniddikwarththrrmnuychbbpi 2550 phyayamkxruprangkhxngsngkhmdwykhaniymtamthiphwktnkahnd 376 nxkcakephuxtxtanthksinaelw kxngthphyngrusukwatntxngkhwbkhumkarepliynrchkalthikalngmathung aelamiaephncdokhrngsrangthangkaremuxngephuxsngwnxanackhxngxphichn 281 phunarthpraharyngephimbthbathaelaxanackhxngkxngthphkhnathildxanackhxngprachasngkhmaelakarpkkhrxngswnthxngthincakkareluxktng nxkcakniyngmikarwangaephnptiruppraeths 20 pi aelaihwuthisphathimacakkaraetngtngepnphudaeninkar 282 emuxphrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchesdcswrrkhtinpi 2559 aelaekhasurchkalphrabathsmedcphrawchireklaecaxyuhw khrxngrachytngaetpi 2559 raebiybkaremuxngedimthiyudoyngphramhakstriythimibarmihmdip aelakxngthphkawekhamaepnphuchinakarkracayxanacaelaphlpraoychninchwnghlngepliynrchkalihm 286 noybayesrsthkickhxngrthbalthharthieriyk pracharth thaihekidthunniymaebbladbchnthithurkickhnadihykhxngithyechuxsaycinekhaipeliyngduaelachinathurkicinthxngthin 300 mikarprakasichrththrrmnuyaehngrachxanackrithy phuththskrach 2560 sungepnchbbthi 20 hlngcakkhrxngxanacekuxbhapi khsch yxmihcdkareluxktngsmachiksphaphuaethnrasdrithyepnkarthwip ph s 2562 phlthaihekidrthbalphsmthimiphrrkhphlngpracharthepnaeknna odyidrbkarsnbsnuncakwuthispha inpi 2563 erimekidkarrabadthwkhxngokhwid 19 inpraethsithy tammadwykarprathwnginpraethsithy ph s 2563 2564echingxrrthidaek kartngthinthankhxngphukhn nbtngaetsmykxnprawtisastrthungyukhprawtisastrtxntn karekhamakhxngxarythrrmihy khuxxinediyaelacin khwamepliynaeplngthisakhyinkhriststwrrsthi 13 yukhsmykhxngkarkha khriststwrrsthi 15 17 kxnsmyihm rthsmburnayasiththirachysyam karptiwti 2475 aelakaenidrthprachachatiinthangthvsdi karptiwti 14 tulakhm 2516 khawa syam praktepnchuxeriykpraethschdecnkhrngaerkinsnthisyyaebawring sungmichuxetmwa hnngsuxsyyathangphrarachimtripraethsxngkvsaelpraethssyam chuxniichmacnmikarepliynchuxepnithyinpi 2482 krmphrarachwngbwrsthanmngkhl wnghna epntaaehnngrchthayathphumisiththisubrachbllngk smedcecaphrayabrmmhasrisuriywngs chwng bunnakh khrngyngepnphusaercrachkaraethnphraxngkhthrngtngihkrmphrarachwngbwrwiichychayepnwnghna darngphrays 2411 28 nbwaphidthrrmeniymthiphramhakstriyepnphuaetngtngphudarngtaaehnngdngklawdwyphraxngkhexngduephimsyam rayphranamphramhakstriyithy khwamimsngbinchayaednphakhitkhxngpraethsithyxangxingphrarachphngsawdarchbbphrarachhtthelkha 2542 phimphkhrngthi 9 krungethph kxngwrrnkrrmaelaprawtisastr krmsilpakr hna 3 okwith wngssurwthn karemuxngkarpkkhrxngithy hlaymiti hna 3 nithi exiywsriwngs 2551 prawtisastraehngchati sxm chbbeka srang chbbihm 2542 phimphkhrngthi 2 krungethph kxngthunephyaephrkhwamrususatharna hna 37 67 il sucitt wngseths iperiynprawtisastrithyxikrxb nitysar WAY 25 July 2018 subkhnemux 30 January 2023 wiwathadrama aeykwichaprawtisastr sxnhruxydeyiydedkrkchati mtichnsudspdah 2 December 2022 subkhnemux 30 January 2023 aeykwichaprawtisastr ihedkrkchati khwamphidpkti aefngpraednsxnern hruxim ithyrth 29 November 2022 subkhnemux 30 January 2023 wllpha rungsiriaesngrtn 2545 brrphburusithy smykxnsuokhthyaelasmysuokhthy orngphimphaehngculalngkrnmhawithyaly ISBN 974 13 1780 8 hna 2 Wyatt David K 2556 Thailand A Short History prawtisastrithychbbsngekhp phasaxngkvs aeplody laxxngsri kaycni mulnithiokhrngkartarasngkhmsastraelamnusysastr mulnithiotoytapraethsithy ISBN 978 616 7202 38 9 Barbara Leitch LePoer 1989 Thailand A Country Study Federal Research Devision Library of Congress ISBN 978 0739715666 Baker Chris Phongpaichit Pasuk 2017 A History of Ayutthaya Cambridge University Press ISBN 9781107190764 ekstrsiri chaywithy 2548 xyuthya prawtisastraelakaremuxng orngphimphmhawithyalythrrmsastr ISBN 9740157273 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a trwcsxbkha isbn checksum help nithi exiywsriwngs 2550 karemuxngithysmyphraecakrungthnburi mtichn ISBN 9789740201779 hna 55 hxngnithrrskar 1 ekhruxngrachbrrnakaraekshrthinaengprawtisastr k snthisyyathangimtriaelaphanichy kh s 1833 2015 12 22 thi ewyaebkaemchchin Smithsonian Institution subkhnemux 17 12 2553 chy eruxngsilp 2541 prawtisastrithysmy ph s 2352 2453 danesrsthkic ithywthnaphanich ISBN 9740841244 hna 183 ephysri duk 2542 kartangpraethskbexkrachaelaxthipitykhxngithy bristh ethks aexnd ecxrnl phbliekhchn cakd hna 3 iccring nthphl 2556 khxfnifinfnxnehluxechux khwamekhluxnihwkhxngkhbwnkarptipksptiwtisyam ph s 2475 2500 1 ed faediywkn ISBN 9786167667188 xungphakrn ic yimpraesrith suthachy aelakhna 2544 PDF khnakrrmkarrbkhxmulaelasubphyanehtukarn 6 tulakhm 2519 ISBN 9748858626 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2020 07 19 subkhnemux 2020 07 27 Baker Chris Phongpaichit Pasuk 2014 A History of Thailand 3rd ed Cambridge University Press ISBN 9781107420212 Veerayooth Kanchoochat amp Kevin Hewison 2016 Introduction Understanding Thailand s Politics Journal of Contemporary Asia 46 3 371 387 DOI 10 1080 00472336 2016 1173305 Federico Ferrara 2010 Thailand Unhinged Unraveling the Myth of a Thai Style Democracy Singapore Equinox Publishing Kongkirati P amp Kanchoochat V 2018 The Prayuth Regime Embedded Military and Hierarchical Capitalism in Thailand TRaNS Trans Regional and National Studies of Southeast Asia 6 2 279 305 doi 10 1017 trn 2018 4bthxanephimetimkrmsilpakr 2558 krungethph bristh rungsilpkarphimph 1977 cakd ISBN 9786162832253 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2020 02 14 subkhnemux 2021 09 24