สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (อังกฤษ: World War I) เป็นสงครามโลกที่กินเวลาตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1914 ถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ซึ่งเป็นความขัดแย้งกันระหว่างสองขั้วมหาอำนาจพันธมิตร ได้แก่ ฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายมหาอำนาจกลาง โดยการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายดำเนินขึ้นในทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และพื้นที่บางส่วนของ เป็นหนึ่งในสงครามที่มีความสูญเสียมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนทหารที่เสียชีวิต 9 ล้านนาย และบาดเจ็บ 23 ล้านนาย รวมทั้งพลเรือนที่เสียชีวิตจากสาเหตุอื่นอีก 5 ล้านคน ในช่วงสงครามมีการกระทำฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอีกหลายล้านคน และสงครามยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่สเปน
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
(เรียงตามเข็มนาฬิกาเริ่มจากภาพบนสุด
| |||||||||
| |||||||||
คู่สงคราม | |||||||||
ฝ่ายมหาอำนาจกลาง: | |||||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||||
|
| ||||||||
กำลัง | |||||||||
8,660,000 คน | รวม : 25,248,321 คน | ||||||||
ความสูญเสีย | |||||||||
เสียชีวิต : 5,525,000 คน บาดเจ็บ : 12,831,500 คน สูญหาย : 4,121,000 คน รวม : 22,477,500 คน | เสียชีวิต : 4,386,000 คน บาดเจ็บ : 8,388,000 คน สูญหาย : 3,629,000 คน รวม : 16,403,000 คน |
ความตึงเครียดทางการทูตที่เพิ่มขึ้นระหว่างมหาอำนาจยุโรปถึงจุดแตกหักเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1914 เมื่อกัฟรีโล ปรินซีป ชาวเซิร์บบอสเนียลอบปลงพระชนม์อาร์ชดยุกฟรันทซ์ แฟรีดีนันท์ รัชทายาทแห่งราชบัลลังก์ออสเตรีย-ฮังการี จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีมองว่าเซอร์เบียต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวและประกาศสงครามเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม รัสเซียเข้าให้การช่วยเหลือเซอร์เบีย และในวันที่ 4 สิงหาคม เยอรมนี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักรเข้าร่วมสงคราม เช่นเดียวกับจักรวรรดิออตโตมันที่เข้าร่วมสงครามในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน กลยุทธ์การรบของเยอรมนีใน ค.ศ. 1914 คือการพิชิตฝรั่งเศสได้สำเร็จชาติแรก จากนั้นจึงย้ายกองกำลังไปยังแนวรบด้านรัสเซีย อย่างไรก็ตาม แผนการนี้กลับ และในช่วงปลาย ค.ศ. 1914 แนวรบด้านตะวันตกจึงกลายเป็นสมรภูมิสนามเพลาะที่ลากยาวจากช่องแคบอังกฤษถึงสวิตเซอร์แลนด์ กลับกันที่แนวรบด้านตะวันออกซึ่งการรบมีความคืบหน้ามากกว่า แต่ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถสร้างความได้เปรียบได้อย่างเด็ดขาด แม้ว่าการรุกจะมีความก้าวหน้า เมื่อสงครามเริ่มขยายไปสู่แนวรบด้านอื่นมากขึ้น บัลแกเรีย โรมาเนีย กรีซ อิตาลี และชาติต่าง ๆ ได้เข้าร่วมสงครามตั้งแต่ ค.ศ. 1915 เป็นต้นมา
ในช่วงต้น ค.ศ. 1917 โดยอยู่ฝ่ายสัมพันธมิตร และต่อมาในปีเดียวกัน บอลเชวิคเถลิงอำนาจในรัสเซียระหว่างการปฏิวัติเดือนตุลาคม เป็นเหตุให้ประเทศเจรจาสงบศึกกับฝ่ายมหาอำนาจกลางเมื่อช่วงต้น ค.ศ. 1918 จากนั้นเยอรมนีได้เปิดการรุกในด้านตะวันตกเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1918 และถึงแม้ว่าการรุกจะประสบผลสำเร็จเบื้องต้น แต่ก็สร้างความอ่อนล้าและความขวัญเสียแก่กองทัพเยอรมันเป็นอย่างมาก จากความสำเร็จของการรุกตอบโต้โดยฝ่ายสัมพันธมิตรในเวลาต่อมาส่งผลให้แนวรบเยอรมันแตกพ่าย ในช่วลปลาย ค.ศ. 1918 บัลแกเรีย จักรวรรดิออตโตมัน และจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการียินยอมเจรจาสงบศึกกับฝ่ายสัมพันธมิตร ปล่อยให้เยอรมนีอยู่โดดเดี่ยวในสงคราม ซึ่งต้องเผชิญกับการปฏิวัติภายในประเทศและความพยายามก่อกบฏของกองทัพ ทำให้ท้ายที่สุดจักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี ทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน
การรบยุติลงจากการสงบศึก 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 และต่อมาการเจรจาสันติภาพปารีสได้กำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ให้กับผู้พ่ายแพ้ โดยที่ปรากฏเด่นชัดที่สุดคือสนธิสัญญาแวร์ซาย การล่มสลายของจักรวรรดิใหญ่อย่างรัสเซีย เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และออตโตมันทำให้เกิดรัฐเอกราชใหม่ขึ้นมาอย่างมากมาย อันประกอบด้วยโปแลนด์ ฟินแลนด์ เชโกสโลวาเกีย และยูโกสลาเวีย ซึ่งจากการไร้ความสามารถในการจัดการความไม่มั่นคงภายหลังสงคราม มีส่วนทำให้เกิดการปะทุขึ้นของสงครามโลกครั้งที่สองในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939
ชื่อ
คำว่า"สงครามโลก" ถูกใช้ครั้งแรกในเดือนกันยายน ค.ศ. 1914 โดยนักชีววิทยาและนักปรัชญาชาวเยอรมัน ผู้กล่าวอ้างว่า "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลักสูตรและลักษณะของ'สงครามในยุโรป'ที่น่ากลัว ... จะกลายเป็นสงครามโลกครั้งแรกตามความหมายของคำนี้" ตามการอ้างอิงจากรายงานบริการโทรเลขในหนังสือพิมพ์อินเดียนาโพลิส สตาร์ เมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1914
ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เหตุการณ์ในปี ค.ศ. 1914 - 1918 เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อว่า มหาสงคราม หรือเรียกอย่างง่าย ๆ ว่า สงครามโลก ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1914 นิตยสารแคนาดาที่มีชื่อว่า แมคลีนส์ ได้เขียนไว้ว่า "บางครั้งสงครามต่าง ๆ ได้ตั้งชื่อเป็นของตัวเอง นี่คือมหาสงคราม" ชาวยุโรปในยุคเดียวกันยังได้เรียกว่า "" หรือ "สงครามเพื่อยุติสงครามทั้งหมด" เนื่องจากการรับรู้ถึงขนาดและการทำล้ายล้างที่ไม่ใครเปรียบเทียบได้ในขณะนั้น ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองได้เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1939 คำดัวกล่าวได้กลายเป็นมาตรฐานมากขึ้นโดยนักประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิบริติช รวมทั้งชาวแคนาดา ที่นิยมใช้คำเรียกว่า "สงครามโลกครั้งแรก" และ"สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง" ของชาวอเมริกัน
ภูมิหลังแห่งสงคราม
พันธมิตรทางการเมืองและการทหาร
ในช่วงศตวรรษที่ 19 ประเทศมหาอำนาจที่สำคัญในทวีปยุโรปได้พยายามจะรักษาสมดุลแห่งอำนาจระหว่างกันเองส่งผลให้เครือข่ายพันธมิตรทางการเมืองและการทหารนั้นมีความซับซ้อน ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการถอนตัวของบริติชจนนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า การเสื่อมถอยของจักรวรรดิออตโตมัน และการเถลิงอำนาจของปรัสเซียในช่วงหลังปี ค.ศ. 1848 ภายใต้การนำโดยอ็อทโท ฟ็อน บิสมาร์ค ชัยชนะในสงครามออสเตรีย-ปรัสเซีย ปี ค.ศ. 1866 ได้สถาปนาให้ปรัสเซียใช้อำนาจครอบงำในเยอรมนี ในขณะที่ชัยชนะเหนือฝรั่งเศสในสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ปี ค.ศ. 1870 - 1871 ได้รวมรัฐเยอรมันต่าง ๆ มาเป็นไรช์เยอรมันภายใต้การนำของปรัสเซีย ความต้องการแก้แค้นของฝรั่งเศสที่มีต่อความพ่ายแพ้ในปี ค.ศ. 1871 ที่เรียกกันว่า และการเข้ายึดอาลซัส-ลอแรนกลับคืนมากลายเป็นเป้าหมายหลักของนโยบายฝรั่งเศสในอีกสี่สิบปีข้างหน้า(ดูที่ )
ในปี ค.ศ. 1873 เพื่อแบ่งแยกฝรั่งเศสและหลีกเลี่ยงสงครามในสองแนวรบ บิสมาร์คได้เจรจากับสันนิบาตสามจักรพรรดิ(German: Dreikaiserbund) ระหว่างออสเตรีย-ฮังการี รัสเซีย และเยอรมนี สิ่งที่เกี่ยวข้องกับชัยชนะของรัสเซียในสงครามปรัสเซีย-ตุรกี ปี ค.ศ. 1877-1878 และมีอิทธิพลในคาบสมุทรบอลข่าน สันนิบาตจึงถูกยุบในปี ค.ศ. 1878 ด้วยเยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการีได้ก่อตั้งทวิพันธมิตรในเวลาต่อมาในปี ค.ศ. 1879 สิ่งนี้ได้กลายเป็นไตรพันธมิตร เมื่ออิตาลีเข้าร่วมในปี ค.ศ. 1882[12]
รายละเอียดในทางปฏิบัติของพันธมิตรเหล่านี้มีจำกัด เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักของพวกเขาคือเพื่อให้แน่ใจว่ามีการร่วมมือกันระหว่างสามมหาอำนาจจักรวรรดิและเพื่อแบ่งแยกฝรั่งเศส ความพยายามของบริติชในปี ค.ศ. 1880 เพื่อแก้ไขความตึงเครียดด้านอาณานิคมกับรัสเซียและการเคลื่อนไหวทางการทูตโดยฝรั่งเศสทำให้บิสมาร์คต้องก่อตั้งสันนิบาตขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1881 เมื่อสันนิบาตได้สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1887 มันได้ถูกแทนที่ด้วยสนธิสัญญาประกันพันธไมตรี ข้อตกลงลับระหว่างเยอรมนีและรัสเซียเพื่อรักษาความเป็นกลาง หากถูกโจมตีโดยฝรั่งเศสหรือออสเตรีย-ฮังการี
ในปี ค.ศ. 1890 จักรพรรดิเยอรมันพระองค์ใหม่ ไคเซอร์ วิลเฮ็ล์มที่ 2 ทรงบีบบังคับให้บิสมาร์คเกษียณราชการและได้รับการโน้มน้าวไม่ต่ออายุสนธิสัญญาประกันพันธไมตรีโดยนายกรัฐมนตรีคนใหม่ สิ่งนี้ทำให้ฝรั่งเศสสามารถต่อต้านไตรพันธมิตรด้วยการเป็นพันธมิตรกันของฝรั่งเศส-รัสเซียในปี ค.ศ. 1894 และความตกลงฉันทไมตรีกับบริติช ในขณะที่บริติชและรัสเซียได้ลงนามในอนุสัญญาอังกฤษ-รัสเซีย ปี ค.ศ. 1907 ข้อตกลงนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการ แต่ด้วยการยุติข้อพิพาทเกี่ยวกับอาณานิคมที่มีมายาวนาน พวกเขาได้ทำให้บริติชได้เข้าสู่ความขัดแย้งในอนาคตที่เกี่ยงข้องกับฝรั่งเศสหรือรัสเซียเท่าที่จะเป็นไปได้ ข้อตกลงทวิภาคีที่ประสานงานกันเหล่านี้ได้กลายเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า ไตรภาคี บริติชได้ให้การสนับสนุนแก่ฝรั่งเศสในการต่อต้านเยอรมนีในช่วงวิกฤตการณ์โมร็อคโกที่สอง ปี ค.ศ. 1911 ได้ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศ(และกับรัสเซีย) และความบาดหมางระหว่างอังกฤษ-เยอรมันได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการแบ่งแยกที่เข้มข้นขึ้นในปี ค.ศ. 1914
การแข่งขันทางอาวุธ
การสร้างไรช์เยอรมันภายหลังจากชัยชนะในสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซียในปี ค.ศ. 1871 ได้นำไปสู่ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของเยอรมนีที่เพิ่มมากขึ้น พลเรือเอก อัลเฟรท ฟ็อน เทียร์พิทซ์ และวิลเฮ็ล์มที่ 2 ที่กลายเป็นจักรพรรดิในปี ค.ศ. 1890 ได้พยายามที่จะใช้สิ่งนั้นเพื่อสร้างไคเซอร์ลีเชอมารีเนอหรือกองทัพเรือจักรวรรดิเยอรมันเพื่อแข่งขันกับราชนาวีของบริติชเพื่อแย่งชิงอำนาจสูงสุดทางทะเลของโลก ในการทำเช่นนี้ พวกเขาได้รับอิทธิพลจาก นักยุทธศาสตร์กองทัพเรือสหรัฐ ผู้ที่โต้แย้งว่าการครอบครองน้ำสีฟ้าของกองทัพเรือนั้นมีความสำคัญต่อสิ่งที่วางแผนไว้ในอำนาจทั่วโลก เทียร์พิทซ์ได้แปลหนังสือของเขาเป็นภาษาเยอรมันและวิลเฮ็ล์มที่ 2 ทรงให้พวกเขาได้อ่านมัน อย่างไรก็ตาม มันยังได้รับแรงผลักดันจากการยกย่องของวิลเฮ็ล์มที่ 2 ที่มีต่อราชนาวีและทรงปรารถนาที่จะเอาชนะ
สิ่งนี้ส่งผลให้เกิด แต่การเปิดตัวของเรือหลวงเดรดนอต ในปี ค.ศ. 1906 ทำให้ราชนาวีมีความได้เปรียบทางเทคโนโลยีเหนือคู่แข่งอย่างเยอรมัน ซึ่งพวกเขาไม่เคยพ่ายแพ้ ในท้ายที่สุด การแข่งขันนั้นได้ใช้ทรัพยากรจำนวนมากไปสู่การสร้างกองทัพเรือเยอรมันที่มีขนาดใหญ่ที่มากพอที่จะต่อต้านบริติช แต่ก็ไม่อาจที่จะเอาชนะได้ ในปี ค.ศ. 1911 นายกรัฐมนตรี เทโอบัลท์ ฟ็อน เบทมัน ฮ็อลเวค ได้ยอมรับความพ่ายแพ้ ซึ่งนำไปสู่ Rüstungswende หรือ 'จุดเปลี่ยนอาวุธยุโธปกรณ์' เมื่อเยอรมนีได้เปลี่ยนค่าใช้จ่ายจากกองทัพเรือมาเป็นกองทัพบกแทน
สิ่งนี้ได้รับแรงผลักดันจากการฟื้นฟูของรัสเซียจากการปฏิวัติ ปี ค.ศ. 1905 โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการเพิ่มการลงทุนในช่วงหลังปี ค.ศ. 1908 ในทางรถไฟและโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคชายแดนตะวันตก เยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการีได้อาศัยการระดมพลทหารที่เร็วขึ้นเพื่อชดเชยจำนวนที่มีน้อยลง ด้วยความกังวลในการปิดช่องว่างนี้ซึ่งนำไปสู่การสิ้นสุดลงของการแข่งขันทางเรือ แทนที่จะลดความตึงเครียดจากที่อื่น เมื่อเยอรมนีได้ขยายกองทัพบกที่มีจำนวนคงที่คือ 170,000 นาย ในปี ค.ศ. 1913 ฝรั่งเศสได้ขยายการเกณฑ์ทหารจากสองถึงสามปี มาตรการที่มีความคล้ายกันที่ถูกดำเนินการโดยประเทศมหาอำนาจในคาบสมุทรบอลข่านและอิตาลีทำให้ออตโตมันและออสเตรีย-ฮังการีมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น จำนวนที่สมบูรณ์เป็นสิ่งที่ยากจะคำนวณ เนื่องจากความแตกต่างในการจัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย ในขณะที่มักจะละเว้นโครงการโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนที่มีการใช้ทางทหาร เช่น ทางรถไฟ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1908 ถึง ปี ค.ศ. 1913 ค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันโดยประเทศมหาอำนาจในยุโรป 6 ประเทศได้เพิ่มขึ้นกว่า 50% ในมุมมองที่แท้จริง
ความขัดแย้งในบอลข่าน
ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1908 ออสเตรีย-ฮังการีได้ยุติในปี ค.ศ. 1908-1909 โดยทำการผนวกอดีตดินแดนของออตโตมันอย่างบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ซึ่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1878 สิ่งนี้ทำให้ราชอาณาจักรเซอร์เบียและผู้อุปถัมภ์ กลุ่ม และกลุ่มนิกายออร์ทอดอกซ์ของจักรวรรดิรัสเซียเกิดความโกรธเกี้ยว บอลข่านได้รับการขนานนามว่า "" ในปี ค.ศ. 1911–1912 เป็นเค้าลางที่สำคัญของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เนื่องจากจุดชนวนลัทธิชาตินิยมในรัฐบอลข่านและปูทางไปสู่สงครามบอลข่าน.
ในปี ค.ศ. 1912 และ 1913 เป็นการสู้รบระหว่างสันนิบาตบอลข่านและจักรวรรดิออตโตมันที่แตกแยก ส่งผลทำให้เกิดสนธิสัญญาลอนดอนซึ่งทำให้จักรวรรดิออตโตมันได้หดตัวลงไปอีก ทำให้เกิดรัฐแอลเบเนียที่เป็นเอกราช ในขณะที่ได้ขยายการถือครองดินแดนของบัลแกเรีย เซอร์เบีย มอนเตเนโกร และกรีซ เมื่อบัลแกเรียได้เข้าโจมตีเซอร์เบียและกรีซในวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 1913 เป็นการจุดชนวนของที่กินเวลาเพียง 33 วัน ในช่วงตอนท้ายก็ต้องสูญเสียส่วนใหญ่ของมาซิโดเนียให้กับเซอร์เบียและกรีซ และดอบรูจาใต้ให้กับโรมาเนีย ทำให้ภูมิภาคแห่งนั้นเกิดความสั่นคลอนต่อไป สามารถที่จะรักษาความขัดแย้งบอลข่านไว้ได้ แต่ครั้งต่อไปจะแพร่กระจายไปทั่วยุโรปและอื่น ๆ
จุดชนวน
การลอบสังหารที่เมืองซาราเยโว
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1914 อาร์ชดยุก ฟรันซ์ แฟร์ดีนันท์ รัชทายาทสืบทอดราชบังลังก์จักรพรรดิแห่งออสเตรีย-ฮังการี ได้เสด็จเยี่ยมเยียนเมืองหลวงบอสเนียคือ ซาราเยโว กลุ่มมือลอบสังหาร 6 คน (Cvjetko Popović, กัฟรีโล ปรินซีป, Muhamed Mehmedbašić, Nedeljko Čabrinović, Trifko Grabež, และ Vaso Čubrilović) จากกลุ่มเยาวชนบอสเนียของกลุ่มนิยมยูโกสลาเวีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้วยอาวุธโดยกลุ่มแบล็คแฮนด์เซอร์เบีย ได้รวมตัวกันบนท้องถนนที่ขบวนรถพระที่นั่งของอาร์ชดยุกจะผ่านไปโดยมีเป้าหมายที่จะลอบปลงพระชนม์ เป้าหมายทางการเมืองของการลอบสังหารคือเพื่อทำลายจังหวัดสลาฟทางตอนใต้ของออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งออสเตรีย-ฮังการีได้ทำการผนวกดินแดนจากจักรวรรดิออตโตมัน เพื่อให้พวกเขารวมชาติเป็นยูโกสลาเวีย
Čabrinović ได้โยนระเบิดใส่รถพระที่นั่งแต่กลับพลาด เลยไปถูกฝูงชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงจนได้รับบาดเจ็บกันทั่วหน้า แต่ขบวนรถพระที่นั่งของแฟร์ดีนันท์ยังเดินหน้าต่อไป มือสังหารคนอื่น ๆ ต่างล้มเหลวในการลงมือ ในขณะที่รถพระที่นั่งได้ผ่านพ้นพวกเขาไป
ในประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อแฟร์ดีนันท์กำลังเสด็จกลับจากการเยี่ยมเยียนผู้บาดเจ็บจากความพยายามลอบปลงพระชนม์ที่โรงพยาบาลในเมืองซาราเยโว ขบวนรถพระที่นั่งได้เลี้ยวผิดทางเข้าสู่ถนนที่ซึ่งปรินซีปยืนอยู่โดยบังเอิญ ปรินซีปจึงชักปืนพกยิงใส่อาร์ชดยุกและดัสเชสโซเฟีย ผู้เป็นพระชายา จนสิ้นพระชนม์ทั้งคู่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สนิทกันเป็นส่วนตัว จักรพรรดิ ฟรันทซ์ โยเซ็ฟ รู้สึกตกพระทัยและพระโสมนัสอย่างมาก ปฏิกิริยาท่ามกลางประชาชนในออสเตรีย แม้กระนั้นจะเบาบาง แทบจะไม่สนใจแต่อย่างใด ตามที่นักประวัติศาสตร์ที่ชื่อว่า Zbyněk Zeman ได้เขียนไว้ในภายหลังว่า "เหตุการณ์ครั้งนี้แทบจะล้มเหลวในการสร้างความประทับใจแต่อย่างใด ในวันอาทิตย์และวันจันทร์ (28 และ 29 มิถุนายน) ฝูงชนในกรุงเวียนนาได้ฟังเพลงและดื่มไวน์ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น" อย่างไรก็ตาม ผลกระทบทางการเมืองของการลอบปลงพระชนม์รัชทายาทนั้นมีความสำคัญและได้รับการอธิบายโดยนักประวัติศาสตร์ที่ชื่อ ในรายการวิทยุบีบีซี 4 ในหัวเรื่องคือ เดือนแห่งความบ้าคลั่ง คือ เอฟเฟกต์ 9/11 เหตุการณ์การก่อการร้ายที่มีความหมายในประวัติศาสตร์ ได้เปลี่ยนแปลงทางเคมีในกรุงเวียนนา"
การขยายความรุนแรงในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
เจ้าหน้าที่ออสเตรีย-ฮังการีได้ให้การสนับสนุนให้เกิดการก่อจลาจลต่อต้านชาวเซิร์บในเมืองซาราเยโวในเวลาต่อมา ซึ่งชาวบอสเนียโครแอต และชาวบอสนีแอกได้สังหารชาวเซิร์บบอสเนีย 2 คน และสร้างความเสียหายให้กับอาคารที่ชาวเซิร์บเป็นเจ้าของ การกระทำความรุนแรงต่อเชื้อชาติเซิร์บก็ยังจัดขึ้นนอกเมืองซาราเยโว ในเมืองอื่น ๆ ในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา โครเอเชีย และสโลวีเนีย ที่ถูกควบคุมโดยออสเตรีย-ฮังการี เจ้าหน้าที่ออสเตรีย-ฮังการีในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาได้จำคุกและส่งผู้ร้ายข้ามแดนชาวเซิร์บที่มีความสำคัญจำนวนประมาณ 5,500 คน 700 คน ถึง 2,200 คนได้เสียชีวิตในคุก ชาวเซิร์บอีก 460 คนถูกตัดสินประหารชีวิต มีการจัดตั้งกองทหารอาสาสมัครชาวบอสนิกที่รู้จักกันในชื่อว่า Schutzkorps และทำการประหัตประหารต่อชาวเซิร์บ
วิกฤตการณ์เดือนกรกฎาคม
การลอบปลงพระชนม์ได้นำไปสู่เดือนของการวางแผนทางการทูตระหว่างออสเตรีย-ฮังการี เยอรมนี รัสเซีย ฝรั่งเศส และบริติช ซึ่งเรียกกันว่า วิกฤตการณ์เดือนกรกฎาคม ออสเตรีย-ฮังการีได้เชื่อมั่นว่า เจ้าหน้าที่เซอร์เบีย (โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของแบล็คแฮนด์) มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการลอบปลงพระชนม์อาร์ชดยุก และต้องการยุติการแทรกแซงของเซอร์เบียในบอสเนียในที่สุด เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ออสเตรีย-ฮังการีได้ออกแถลงการณ์ในการยื่นคำขาดเดือนกรกฎาคมต่อเซอร์เบีย ข้อเรียกร้อง 10 ประการที่ทำให้ไม่สามารถยอมรับโดยเจตนาในความพยายามที่จะกระตุ้นให้เกิดสงครามกับเซอร์เบีย เซอร์เบียได้ออกคำสั่งให้ระดมพลทหารทั่วไป เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม เซอร์เบียได้ยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดของการยื่นคำขาด ยกเว้นข้อที่ 6 ซึ่งเรียกร้องให้ผู้แทนออสเตรียได้รับอนุญาตในเซอร์เบียเพื่อแสดงเจตจำนงในการมีส่วนร่วมในการสอบสวนคดีการลอบปลงพระชนม์ ภายหลังจากนั้น ออสเตรียได้ยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับเซอร์เบียและในวันรุ่งขึ้น ได้ออกคำสั่งให้มีการระดมพลทหารบางส่วน ในที่สุด เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1914 หนึ่งเดือนหลังการลอบปลงพระชนม์ ออสเตรีย-ฮังการีได้ประกาศสงครามกับเซอร์เบีย
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม รัสเซียในการสนับสนุนเซอร์เบีย ได้ประกาศระดมพลทหารบางส่วนเพื่อต่อต้านออสเตรีย-ฮังการี วันที่ 30 กรกฎาคม รัสเซียได้สั่งระดมพลทหารทั่วไป นายกรัฐมนตรีเยอรมนี Bethmann-Hollweg ได้รอจนถึงวันที่ 31 เพื่อรับคำตอบที่เหมาะสม เมื่อเยอรมันได้ประกาศ Erklärung des Kriegszustandes, หรือ "คำแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานะสงคราม" d ไคเซอร์ วิลเฮ็ล์มที่ 2 ทรงขอให้พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ผู้ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง ให้ระงับการระดมพลทหารทั้วไปของรัสเซีย เมื่อถูกปฏิเสธ เยอรมนีได้ยื่นคำขาดเรียกร้องให้หยุดการระดมพลทหาร และให้คำมั่นสัญญาที่จะไม่สนับสนุนแก่เซอร์เบีย อีกด้านหนึ่งก็ส่งไปยังฝรั่งเศส เพื่อขอให้ไม่สนับสนุนแก่รัสเซีย หากต้องมาปกป้องเซอร์เบีย เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ภายหลังจากรัสเซียตอบกลับ เยอรมนีได้สั่งระดมพลทหารและประกาศสงครามกับรัสเซีย นอกจากนี้ยังได้นำไปสู่การระดมพลทหารในออสเตรีย-ฮังการี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม
รัฐบาลเยอรมนีได้ประกาศข้อเรียกร้องให้ฝรั่งเศสยังคงวางตัวเป็นกลาง ในขณะที่พวกเขาได้ตัดสินใจว่าจะใช้แผนการใดในการปรับใช้ มันยากมากที่จะเปลี่ยนปรับใช้ เมื่อกำลังดำเนินการอยู่ แผนชลีเฟน ของเยอรมันที่ได้รับการแก้ไข Aufmarsch II West จะส่งกำลังทหาร 80% ไปทางตะวันตก ในขณะที่ Aufmarsch I Ost และ Aufmarsch II Ost จะส่งกำลังทหาร 60% ในทางตะวันตกและ 40 % ในทางตะวันออก ฝรั่งเศสไม่ได้ตอบโต้ แต่ส่งข้อความแบบผสมโดยสั่งให้ทหารถอนกำลังออกจากชายแดน 10 กม.(6 ไมล์) เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ใด ๆ และในเวลาเดียวกันก็สั่งระดมพลทหารกำลังสำรองของพวกเขา เยอรมันได้ตอบโต้ด้วยระดมพลทหารกองกำลังสำรองของตนเองและนำไปใช้กับ Aufmarsch II West คณะรัฐมนตรีบริติชได้ตัดสินใจ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม เมื่อมีการลงนามในสนธิสัญญา ปี ค.ศ. 1839 เกี่ยวกับเบลเยียมที่ไม่ได้ถูกบังคับให้ต่อต้านเยอรมันในการบุกครองเบลเยียมด้วยกำลังทหาร
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม วิลเฮล์มทรงมีรับสั่งให้นายพล เฮ็ลมูท ฟ็อน ม็อลท์เคอ ยังเกอร์ "เคลื่อนทั้งกองทัพ...สู่ตะวันออก" ภายหลังจากได้รับรู้ว่าบริติชจะวางตัวเป็นกลาง หากฝรั่งเศสไม่ถูกโจมตี(และอาจจะเป็นไปได้ อำนาจยังอยู่ในกำมือ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ซึ่งต้องคอยยับยั้งวิกฤตการณ์ไอร์แลนด์) ม็อลท์เคอได้กราบทูลกับไคเซอร์ว่า ความพยายามที่จะโยกย้ายกำลังคนเป็นล้านนั้นเรื่องที่คาดไม่ถึงและนั่นจะทำให้เป็นไปได้ว่าฝรั่งเศสจะเข้าโจมตีเยอรมันจาก"ทางด้านหลัง" ซึ่งพิสูจน์ได้เลยว่าเป็นความหายนะ แต่วิลเฮล์มได้ยืนยันว่ากองทัพเยอรมันไม่ควรเคลื่อนทัพเข้าไปยังลักเซมเบิร์กจนกว่าพระองค์จะได้รับโทรเลขจากพระเจ้าจอร์จที่ห้า ลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ ซึ่งทำให้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเป็นความเข้าใจผิด ในที่สุดไคเซอร์ทรงรับสั่งกับม็อลท์เคอว่า "ตอนนี้ ท่านจะสามารถทำสิ่งที่ท่านต้องการได้แล้ว"
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม เยอรมันเข้ายึดครองลักเซมเบิร์ก และวันที่ 3 สิงหาคม ได้ประกาศสงครามกับฝรั่งเศส ในวันเดียวกัน พวกเขาได้ยื่นคำขาดไปยังรัฐบาลเบลเยียมเพื่อเรียกร้องสิทธิที่ไม่มีข้อจำกัดสำหรับเส้นทางผ่านส่วนใดส่วนหนึ่งของเบลเยี่ยม ซึ่งถูกปฏิเสธ ช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 4 สิงหาคม เยอรมันได้ทำการบุกครอง สมเด็จพระเจ้าอัลแบร์ทรงมีรับสั่งให้ทหารทำการต่อต้านและเรียกร้องขอความช่วยเหลือภายใต้สนธิสัญญาลอนดอน ปี ค.ศ. 1839 บริติชได้เรียกร้องให้เยอรมนีปฏิบัติตามสนธิสัญญาและเคารพความเป็นกลางของเบลเยียม ซึ่งได้ประกาศสงครามกับเยอรมนีในช่วงวลา 1 ทุ่มของเวลาสากลเชิงพิกัดของวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1914 (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 5 ทุ่ม) ภายหลังจากที่"ได้รับคำตอบที่ไม่น่าพอใจ"
เส้นทางของสงคราม
เปิดฉากความเป็นปรปักษ์
ความสับสนภายในฝ่ายมหาอำนาจกลาง
ยุทธศาสตร์ของฝ่ายมหาอำนาจกลางเสียหายเพราะความผิดพลาดในการติดต่อสื่อสารกัน เยอรมนีให้คำมั่นสนับสนุนออสเตรีย-ฮังการีในการรุกรานเซอร์เบีย แต่ได้มีการตีความความหมายนี้ผิดไป แผนการจัดวางกำลังซึ่งเคยทดสอบมาแล้วในอดีตถูกเปลี่ยนใหม่ในต้นปี ค.ศ. 1914 แต่ยังไม่เคยทดสอบในทางปฏิบัติ ผู้นำออสเตรีย-ฮังการีเชื่อว่าเยอรมนีจะป้องกันปีกด้านทิศเหนือที่ติดกับรัสเซีย อย่างไรก็ตาม เยอรมนีซึ่งเห็นว่าออสเตรีย-ฮังการีมุ่งส่งกำลังทหารส่วนใหญ่ต่อสู้กับรัสเซีย ขณะที่เยอรมนีจัดการกับฝรั่งเศส ความสับสนนี้ทำให้กองทัพออสเตรีย-ฮังการีต้องแบ่งกำลังเพื่อไปประจำทั้งแนวรบรัสเซียและเซอร์เบีย
การทัพเซอร์เบีย
ออสเตรียได้บุกครองและต่อสู้รบกับกองทัพเซอร์เบียที่และ ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ในอีกสองสัปดาห์ต่อมา ฝ่ายโจมตีอย่างออสเตรียได้ถูกผลักดันกลับพร้อมกับความสูญเสียอย่างหนัก ซึ่งถือว่าเป็นชัยชนะที่สำคัญครั้งแรกของฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามและดับความหวังของออสเตรีย-ฮังการีในการเอาชนะอย่างรวดเร็ว เป็นผลทำให้ ออสเตรียต้องรักษากองกำลังขนาดใหญ่ไว้ในแนวรบเซอร์เบียทำให้ความพยายามในการต่อต้านรัสเซียอ่อนแอลง ความพ่ายแพ้ของเซอร์เบียในการบุกครองของออสเตรีย-ฮังการีในปี ค.ศ. 1914 ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในชัยชนะที่สำคัญที่ทำให้เกิดหัวเสียในศตวรรษที่ยี่สิบ การทัพครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกด้วยการใช้การอพยพทางการแพทย์โดยกองทัพเซอร์เบียในฤดูใบไม้ร่วงในปี ค.ศ. 1915 และการทำสงครามต่อต้านอากาศยานในฤดูใบไม้ผลิในปี ค.ศ. 1915 ภายหลังจากเครื่องบินของออสเตรียถูกยิงตกด้วยการยิงจากภาคพื้นดินสู่อากาศ
การรุกของเยอรมันในเบลเยียมและฝรั่งเศส
เมื่อมีการระดมพลใน ค.ศ. 1914 80% ของกองทัพบกเยอรมันตั้งอยู่บนแนวรบด้านตะวันตก โดยส่วนที่เหลือซึ่งทำหน้าที่เป็นกองกำลังป้องกันในด้านตะวันออก ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Aufmarsch II West ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีคือ ตามชื่อของผู้ก่อตั้งแผน นามว่า อัลเฟรท ฟ็อน ชลีเฟิน หัวหน้าคณะเสนาธิการใหญ่ของเยอรมัน ตั้งแต่ ค.ศ. 1891 ถึง ค.ศ. 1906 แทนที่จะโจมตีโดยตรงในการข้ามชายแดนร่วมกัน ปีกขวาของเยอรมันจะกวาดผ่านทางเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม จากนั้นเคลื่อนลงทางตอนใต้ โอบล้อมกรุงปารีสและดักล้อมกองทัพฝรั่งเศสไว้กับชายแดนสวิส ชลีเฟินคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาถึงหกสัปดาห์ หลังจากนั้นกองทัพบกเยอรมันจะโยกย้ายไปทางด้านตะวันออกและเอาชนะรัสเซีย
แผนการนี้ได้รับการปรับปรุงแก้ไขอย่างมากโดยผู้รับช่วงต่อจากเขา เฮ็ลมูท โยฮันเนิส ลูทวิช ฟ็อน ม็อลท์เคอ ภายใต้ชลีฟเฟิน 85% ของกองกำลังเยอรมันในด้านตะวันคกได้รับมอบหมายให้เป็นปีกขวา โดยส่วนที่เหลือยังคงยึดที่มั่นตามแนวชายแดน โดยจงใจให้ปีกซ้ายอ่อนแอ เขาหวังว่าจะหลอกล่อให้ฝรั่งเศสเข้ารุกโจมตี "จังหวัดที่เสียไป" ของอาลซัส-ลอแรน ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นยุทธศาสตร์ที่วางเอาไว้โดย อย่างไรก็ตาม ม็อลท์เคอเริ่มวิตกกังวลว่าฝรั่งเศสอาจจะผลักดันปีกซ้ายแรงเกินไป และเมื่อกองทัพบกเยอรมันได้เพิ่มขนาด ตั้งแต่ ค.ศ. 1908 ถึง ค.ศ. 1914 เขาได้เปลี่ยนแปลงการจัดสรรกำลังระหว่างปีกทั้งสองข้างจาก 85:15 เป็น 70:30 นอกจากนี้ เขายังถือว่าความเป็นกลางของดัตซ์ยังมีความจำเป็นต่อการค้าขายของเยอรมัน และยกเลิกการบุกเข้าไปในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งหมายความว่า ความล่าช้าใด ๆ ในเบลเยียมจะเป็นภัยคุกคามต่อการนำไปปฏิบัติจริงของแผนการทั้งหมด นักประวัติศาสตร์นามว่า Richard Holmes ได้ให้เหตุผลว่า การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้หมายความว่า ปีกขวาไม่แข็งแกร่งพอที่จะบรรลุความสำเร็จอย่างเด็ดขาดและด้วยเหตุนี้จึงนำไปสู่เป้าหมายและเวลาที่ไม่สมจริง
การรุกของเยอรมันช่วงแรกในด้านตะวันตกประสบความสำเร็จอย่างมาก และเมื่อสิ้นเดือนสิงหาคม ฝ่ายสัมพันธมิตรได้จากไป ซึ่งรวมถึงกองกำลังรบนอกประเทศบริติช(BEF) ได้ ในเวลาเดียวกัน การรุกของฝรั่งเศสในอาลซัส-ลอแรนเป็นความล้มเหลวอย่างย่อยยับ โดยมีการสูญเสียมากกว่า 260,000 นาย รวมถึงผู้เสียชีวิต 27,000 นาย ในวันที่ 22 สิงหาคม ในช่วง การวางแผนของเยอรมันได้ให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์อย่างกว้างขวาง ในขณะที่ปล่อยให้ผู้บัญชาการกองทัพบกมีอิสระอย่างมากในการปฏิบัติการที่แนวหน้า สิ่งนี้ใช้ได้ผลดีใน ค.ศ. 1866 ถึง ค.ศ. 1870 แต่ใน ค.ศ. 1914 ฟ็อน คลัดใช้เสรีภาพในการขัดคำสั่ง เปิดช่องว่างระหว่างกองทัพเยอรมันในขณะที่พวกเขาปิดล้อมกรุงปารีส ฝรั่งเศสและอังกฤษได้ใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้เพื่อหยุดยั้งการรุกของเยอรมันทางตะวันออกของกรุงปารีสใน ตั้งแต่วันที่ 5 ถึง 12 กันยายน และผลักดันกองทัพเยอรมันให้ล่าถอยกลับไปประมาณ 50 กิโลเมตร(31 ไมล์)
ใน ค.ศ. 1911 (กองบัญชาการทหารสูงสุด)ของรัสเซียได้ตกลงกับฝรั่งเศสที่จะโจมตีเยอรมนีภายในสิบห้าวันของการระดมพล สิบวันก่อนที่เยอรมันจะเตรียมการป้องกันล่วงหน้า แม้ว่าจะหมายถึงสองกองทัพรัสเซียที่กำลังเข้าสู่ปรัสเซียตะวันออก เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม การทำเช่นนั้นโดยปราศจากองค์ประกอบการสนับสนุนมากนัก แม้ว่ากองทัพที่สองของรัสเซียเกือบที่จะถูกทำลายใน เมื่อวันที่ 26 - 30 สิงหาคม การรุกของพวกเขาทำให้เยอรมันต้องเปลี่ยนเส้นทางให้กับกองทัพภาคที่ 8 จากฝรั่งเศสสู่ปรัสเซียตะวันออก ซึ่งเป็นปัจจัยในชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรในสมรภูมิมาร์น
ในปลายปี ค.ศ. 1914 กองกำลังทหารเยอรมันได้เข้ายึดตำแหน่งป้องกันที่แข็งแกร่งในฝรั่งเศศ เข้าควบคุมกองถ่านหินภายในประเทศของฝรั่งเศส และทำให้มีการสูญเสียมากกว่า 230,000 คน มากกว่าที่พวกเขาเสียไป อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านการสื่อสารและการตัดสินใจในการสั่งการที่น่าสงสัยทำให้เยอรมนีสูญเสียโอกาศที่จะได้รับผลตัดสินชี้ขาด ในขณะที่เยอรมนีล้มเหลวในการบรรลุวัตถุประสงค์หลักในการหลีกเลี่ยงสองแนวรบที่ยาวนาน ดังที่ผู้นำเยอรมันหลายคนได้เข้าใจอย่างชัดเจน สิ่งนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์ ไม่นานภายหลังจากสมรภูมิมาร์น เจ้าชายวิลเฮ็ล์ม มกุฎราชกุมารทรงตรัสกับนักข่าวชาวอเมริกันว่า "เราแพ้สงคราม มันจะดำเนินต่อไปเป็นเวลายาวนาน แต่ได้พ่ายแพ้ไปแล้ว"
เอเชียและแปซิฟิก
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 1914 นิวซีแลนด์เข้ายึดครอง ปัจจุบันคือรัฐเอกราชแห่งซามัว เมื่อวันที่ 11 กันยายน กองกำลังรบนอกประเทศการทหารและเรือของออสเตรียยกพลขึ้นบกที่เกาะนิวบริเตน จึงเป็นส่วนหนึ่งของ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม เรือลาดตระเวนของเยอรมัน SMS Emden จมเรือลาดตระเวนของรัสเซีย Zhemchug ในยุทธนาวีที่ปีนัง ญี่ปุ่นประกาศสงครามกับเยอรมนีก่อนที่จะเข้ายึดครองดินแดนในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นหมู่เกาะทะเลใต้ในการอาณัติ รวมทั้งท่าเรือตามสนธิสัญญาของเยอรมันบนคาบสมุทรซานตงของจีนที่ ภายหลังจากที่เวียนนาได้ปฏิเสธที่จะถอนเรือลาดตระเวน SMS Kaiserin Elisabeth ออกจากชิงเต่า ญีปุ่นก็ประกาศสงครามกับออสเตรีย-ฮังการีเช่นกัน และเรือก็ถูกจมลงที่ชิงเต่า ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1914 ภายในเวลาไม่กี่เดือน กองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรได้เข้ายึดครองดินแดนของเยอรมันทั้งหมดในมหาสมุทรแปซิฟิก เหลือแค่เพียงการเข้าโจมตีเรือพาณิชย์เพียงลำพังและกองกำลังทหารที่ยืนหยัดสู้รบเพียงไม่กี่แห่งในนิวกินี
การทัพแอฟริกา
การปะทะกันครั้งแรก ๆ ของสงครามเกิดขึ้นในกองทัพอาณานิคมอังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมนีในแอฟริกา วันที่ 6-7 สิงหาคม กองทัพฝรั่งเศสและอังกฤษรุกรานและแคเมอรูน อันเป็นดินแดนในอารักขาของเยอรมนี วันที่ 10 สิงหาคม กองทัพเยอรมันในแอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้โจมตีแอฟริกาใต้ การต่อสู้ประปรายและป่าเถื่อนดำเนินต่อไปกระทั่งสงครามสิ้นสุด กองทัพอาณานิคมเยอรมันในแอฟริกาตะวันออกของเยอรมนี นำโดยพันเอก สู้รบในการทัพสงครามกองโจรระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและยอมจำนนสองสัปดาห์หลังสัญญาสงบศึกมีผลใช้บังคับในยุโรป
อินเดียให้การสนับสนุนแก่ฝ่ายสัมพันธมิตร
เยอรมนีได้พยายามใช้ลัทธิชาตินิยมอินเดียและอุดมการณ์รวมกลุ่มอิสลามให้เป็นประโยชน์ ได้ยุยงปลุกปั่นทำให้เกิดการลุกฮือในอินเดีย และส่งคนให้ไปทำภารกิจที่กระตุ้นทำให้อัฟกานิสถานเข้าร่วมสงครามกับฝ่ายมหาอำนาจกลาง อย่างไรก็ตาม ตรงกันข้ามที่บริติชหวาดกลัวต่อการก่อการกำเริบในอินเดีย การปะทุของสงครามได้แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีและความปรารถนาดีได้หลั่งไหลมาสู่บริติชอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ผู้นำทางการเมืองของอินเดียจากคองเกรสแห่งชาติอินเดียและกลุ่มอื่น ๆ ได้กระตือรือร้นที่จะให้การสนับสนุนต่อการทำสงครามของบริติช เนื่องจากพวกเขาเชื่อกันว่าการให้สนับสนุนที่เข้มแข็งสำหรับความพยายามในการทำสงครามจะเป็นสาเหตุที่อินเดียจะได้รับมอบในการปกครองตนเอง(Indian Home Rule)มากยิ่งขึ้น ในความเป็นจริง มีจำนวนมากกว่ากองทัพบริติชในช่วงเริ่มต้นของสงคราม ทหารและคนงานชาวอินเดียประมาณ 1.3 ล้านนาย ซึ่งทำหน้าที่ในยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง ในขณะที่รัฐบาลส่วนกลางและรัฐมหาราชาคอยส่งซับพลายขนาดใหญ่สำหรับอาหาร เงิน และกระสุนอาวุธปืน โดยรวมแล้ว มีทหารจำนวน 140,000 นาย ซึ่งทำหน้าที่ในแนวรบด้านตะวันตกและเกือบ 700,000 นาย ในตะวันออกกลาง จำนวนความสูญเสียของทหารอินเดียทั้งหมดโดยมีผู้เสียชีวิต 47,746 นาย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 65,126 นาย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นมาจากสงคราม เช่นเดียวกับความล้มเหลวของรัฐบาลบริติชในการมอบให้ปกครองตนเองแก่อินเดีย ภายหลังของการสิ้นสุดของการสู้รบ ความท้อแท้และแรงผลักดันก่อให้เกิดการรณรงค์ในการเรียกร้องเอกราชโดยสมบูรณ์ภายใต้การนำโดยมหาตมา คานธี และคนอื่น ๆ
แนวรบด้านตะวันตก
การริเริ่มทำสงครามสนามเพลาะ
กลยุทธ์ทางทหารช่วงก่อนสงครามที่เน้นการทำสงครามแบบเปิดโล่งและพลปืนไรเฟิลแต่ละคนได้รับการพิสูจน์แล้วว่าล้าสมัย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นใน ค.ศ. 1914 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เกิดการสร้างระบบป้องกันที่แข็งแกร่งซึ่งส่วนใหญ่จะป้องกันการรุกของทหารราบจำนวนมาก เช่น ปืนกล และเหนือกว่าสิ่งอื่นใดด้วยปืนใหญ่ที่ทรงพลังยิ่งกว่า ซึ่งได้ครอบงำในสนามรบและทำให้การข้ามพื้นที่แบบเปิดโล่งยากลำบากมากขึ้น ทั้งสองฝ่ายต่างพยายามดิ้นรนเพื่อพัฒนายุทธวิธีสำหรับการเข้ายึดตำแหน่งฐานที่มั่นโดยปราศจากการเผชิญพบกับการสูญเสียอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เทคโนโลยีได้ริเริ่มผลิตอาวุธสำหรับการรุกขึ้นมาใหม่ ๆ เช่น และ
ภายหลังในเดือนกันยายน ค.ศ. 1914 กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายเยอรมันต่างพยายามโจมตีขนาบข้างแต่ละฝ่ายซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ เป็นหนึ่งในรูปแบบของการฝึกซ้อมรบซึ่งเป็นที่รู้จักกันในเวลาต่อมาคือ "การแข่งขันสู่ทะเล" (Race to the Sea) ในช่วงปลาย ค.ศ. 1914 กองทัพที่เป็นฝ่ายปฏิปักษ์ต่างเผชิญหน้ากันตามแนวของตำแหน่งฐานที่มั่นที่ไม่ขาดสายจากช่องแคบถึงชายแดนสวิส เนืองจากโดยปกติแล้ว เยอรมันสามารถที่จะเลือกจุดที่ยืนได ้ พวกเขามักจะครอบครองอยู่บนพื้นที่สูง นอกจากนี้ สนามเพลาะของพวกเขาค่อนข้างจะสร้างได้ดีกว่า เนื่องจากสนามเพลาะของอังกฤษ-ฝรั่งเศสแต่เดิมมีจุดมุ่งหมาย"ชั่วคราว" และจะต้องใช้ในยามจำเป็นเท่านั้นจนกว่าจะสามารถทลายแนวป้องกันของเยอรมัน
ทั้งสองฝ่ายต่างพยายามที่จะทำลายหนทางตันโดยใช้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 22 เมษายน ค.ศ. 1915 ใน เยอรมัน(ละเมิด) ได้ใช้แก๊สคลอรีนเป็นครั้งแรกบนแนวรบด้านตะวันตก ในไม่ช้า แก๊สหลายชนิดได้ถูกใช้อย่างกว้างขวางโดยทั้งสองฝ่าย และถึงแม้ว่าไม่เคยพิสูจน์ว่า เป็นอาวุธที่นำมาซึ่งชัยชนะอย่างเด็ดขาดในการสู้รบ แก๊สพิษกลายเป็นหนึ่งในความน่าสะพรึงกลัวมากที่สุดและเป็นที่จดจำอย่างดีที่สุดของความหวาดกลัวของสงคราม
ความต่อเนื่องของสงครามสนามเพลาะ
ทั้งสองฝ่ายได้พิสูจน์ว่าไม่สามารถส่งผลกระทบอย่างเด็ดขาดในอีกสองปีข้างหน้า ตลอดช่วงปี ค.ศ. 1915 - 17 จักรวรรดิบริติชและฝรั่งเศสได้เผชิญกับความสูญเสียมากกว่าเยอรมนี เนื่องจากทั้งจุดยืนทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่ทั้งสองฝ่ายเลือก ในทางยุทธศาสตร์ ในขณะที่เยอรมันเข้ารุกโจมตีครั้งใหญ่เพียงฝ่ายเดียว ส่วนฝ่ายสัมพันธมิตรได้พยายามหลายครั้งที่จะบุกทะลวงฝ่าแนวรบของเยอรมัน
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1916 เยอรมันเข้าโจมตีตำแหน่งป้องกันของฝรั่งเศสที่ยุทธการที่แวร์เดิง ยืดเยื้อจนถึงเดือนธันวาคม ค.ศ. 1916 เยอรมันได้เปรียบในช่วงแรก ก่อนที่ฝรั่งเศสจะโจมตีตอบโต้กลับจนสามารถผลักดันกลับไปยังใกล้กับจุดเริ่มต้น ความสูญเสียนั้นมีจำนวนมากมายสำหรับฝรั่งเศส แต่เยอรมันกลับนองเลือดอย่างหนักเช่นกัน โดยมีตั้งแต่จำนวน 700,000 นาย ถึง 975,000 นาย การเผชิญประสบความสูญเสียระหว่างสองคู่สงคราม แวร์เดิงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการตัดสินใจอันแน่วแน่และการเสียสละตนเองของฝรั่งเศส
ยุทธการที่แม่น้ำซอมเป็นการรุกของอังกฤษ-ฝรั่งเศสในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1916 ของการรุก(1 กรกฎาคม ค.ศ. 1916) เป็นวันแห่งการนองเลือดในประวัติศาสตร์ของกองทัพบกอังกฤษ ซึ่งประสบความสูญเสียจำนวน 57,470 นาย รวมทั้งจำนวนผู้เสียชีวิต 19,240 นาย ราคาของการรุกแม่น้ำซอมทั้งหมดทำให้กองทัพอังกฤษสูญเสียประมาณ 420,000 นาย ฝรั่งเศสประสบความสูญเสียอีกประมาณ 200,000 คน และเยอรมันประมาณ 500,000 นาย การยิงปืนไม่ใช่เพียงแค่ปัจจัยเดียวที่คร่าชีวิต โรคภัยที่เกิดขึ้นในสนามเพลาะเป็นนักฆ่าที่สำคัญต่อทั้งสองฝ่าย สภาพความเป็นอยู่ทำให้เกิดโรคภัยและการติดเชื้อมากมาย เช่น (Trench foot) (Shell shock) ตาบอด/แผลไหม้จาก เหา (trench fever) Cooties() และไข้หวัดใหญ่สเปน[]
สงครามทางทะเล
เมื่อสงครามเริ่มต้น จักรวรรดิเยอรมันมีเรือลาดตระเวนกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งเรือบางลำในจำนวนนี้ได้ถูกใช้โจมตีการเดินเรือพาณิชย์ฝ่ายสัมพันธมิตรต่อมา ฝ่ายราชนาวีอังกฤษได้พยายามตามล่าเรือรบเหล่านี้อย่างเป็นระบบ แต่ก็ยังอับอายจากความไร้ความสามารถในการคุ้มครองการเดินเรือฝ่ายสัมพันธมิตร ตัวอย่างเช่น เรือลาดตระเวนเบาเยอรมนี เอสเอ็มเอส เอมเดน อันเป็นส่วนหนึ่งของกองเรือเอเชียตะวันออก ประจำการอยู่ในเมืองท่าชิงเตา ได้ยึดหรือทำลายเรือพ่อค้า 15 ลำ ตลอดจนเรือลาดตระเวนเบารัสเซียและเรือพิฆาตฝรั่งเศสอย่างละลำด้วย อย่างไรก็ตาม กองเรือเอเชียตะวันออกของเยอรมนีส่วนใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยเรือลาดตระเวนหุ้มเกราะสองลำ เรือลาดตระเวนเบาสองลำ และเรือขนส่งสองลำ ไม่ได้รับคำสั่งให้โจมตีการเดินเรือแต่อย่างใด และกำลังอยู่ระหว่างแล่นกลับเยอรมนีเมื่อกองเรือเผชิญกับเรือรบฝรั่งเศส กองเรือเยอรมัน พร้อมด้วยเรือเดรสเดิน จมเรือลาดตระเวนหุ้มเกราะได้สองลำใน หากกองเรือดังกล่าวเกือบถูกทำลายสิ้นที่ยุทธนาวีหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1914 โดยมีเพียงเรือเดรสเดินและเรือเล็กอีกไม่กี่ลำเท่านั้นที่สามารถหลบหนีไปได้
หลังสงครามปะทุไม่นาน อังกฤษก็ได้ทำการปิดล้อมทางทะเลต่อเยอรมนี ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์เห็นผลแล้วว่ามีประสิทธิภาพ โดยการปิดล้อมได้ตัดเสบียงของทั้งทหารและพลเรือนที่สำคัญของเยอรมนี แม้ว่าพฤติการณ์ดังกล่าวจะเป็นการละเมิดกฎหมายนานาชาติซึ่งได้รับการยอมรับและประมวลขึ้นผ่านความตกลงระหว่างประเทศหลายครั้งในช่วงสองศตวรรษที่ผ่านมาก็ตาม กองทัพเรืออังกฤษยังได้วางทุ่นระเบิดในเขตเพื่อป้องกันมิให้เรือลำใดออกสู่เขตมหาสมุทร ซึ่งเป็นอันตรายแม้แต่กับเรือของประเทศที่เป็นกลาง และเนื่องจากอังกฤษได้รับปฏิกิริยาจากยุทธวิธีดังกล่าวเพียงเล็กน้อย เยอรมนีจึงคาดหวังว่าสงครามเรือดำน้ำไม่จำกัดขอบเขตของตนจะได้รับปฏิกิริยาเพียงเล็กน้อยแบบเดียวกัน
ค.ศ. 1916 ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นยุทธนาวีครั้งใหญ่ที่สุดในสงคราม และครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นการปะทะกันเต็มอัตราศึกของกองทัพเรือทั้งสองฝ่าย ซึ่งกินเวลาสองวัน คือ 31 พฤษภาคมและ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1916 ในทะเลเหนือนอกคาบสมุทรจัตแลนด์ กองเรือทะเลหลวงของกองทัพเรือเยอรมัน ภายใต้บังคับบัญชาของพลเรือโทไรนาร์ด เชร์ ประจัญกับกองเรือหลวงของราชนาวีอังกฤษภายใต้การนำของพลเรือเอก เซอร์จอห์น เจลลิโค ผลของยุทธนาวีนี้ไม่มีฝ่ายใดแพ้หรือชนะ เมื่อฝ่ายเยอรมันสามารถหลบหนีจากกองเรืออังกฤษที่มีกำลังเหนือกว่า และสร้างความเสียหายแก่กองเรืออังกฤษมากกว่าที่ตนได้รับ แต่ในทางยุทธศาสตร์แล้ว ฝ่ายอังกฤษแสดงสิทธิ์ในการควบคุมทะเล และกองเรือผิวน้ำส่วนใหญ่ของเยอรมนีถูกกักอยู่แต่ในท่ากระทั่งสงครามยุติ
เรืออูของเยอรมนีพยายามตัดเส้นทางเสบียงระหว่างอเมริกาเหนือกับอังกฤษ ธรรมชาติของสงครามเรือดำน้ำ หมายความว่า การโจมตีมักมาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ทำให้ลูกเรือสินค้ามีหวังรอดชีวิตน้อยมาก สหรัฐประท้วง และเยอรมนีเปลี่ยนกฎการปะทะ หลังการจมเรือโดยสาร อันฉาวโฉ่ใน ค.ศ. 1915 เยอรมนีสัญญาว่าจะไม่เลือกโจมตีเรือเดินสมุทรอีก ขณะที่อังกฤษติดอาวุธเรือสินค้าของตน และจัดให้อยู่นอกเหนือการคุ้มครองของ "กฎเรือลาดตระเวน" ซึ่งกำหนดให้มีการเตือนภัยและจัดวางลูกเรือไว้ใน "ที่ปลอดภัย" อันเป็นมาตรฐานซึ่งเรือช่วยชีวิตไม่เป็นไปตามนี้ จนในที่สุด ต้น ค.ศ. 1917 เยอรมนีปรับใช้นโยบายสงครามเรือดำน้ำไม่จำกัดขอบเขต เมื่อตระหนักว่าสหรัฐจะเข้าสู่สงครามในที่สุด เยอรมนีพยายามจะจำกัดเส้นทางเดินเรือของฝ่ายสัมพันธมิตรก่อนที่สหรัฐจะสามารถขนส่งกองทัพขนาดใหญ่ข้ามทะเล แต่เยอรมนีสามารถใช้เรืออูพิสัยไกลออกปฏิบัติการได้เพียงห้าลำ จึงมีผลจำกัด
ภัยจากเรืออูนั้นเริ่มลดลงใน ค.ศ. 1917 เมื่อเรือพาณิชย์ของอังกฤษเริ่มเดินทางในขบวนเรือคุ้มกัน (convoy) ที่มีเรือพิฆาตนำ ยุทธวิธีดังกล่าวทำให้เรืออูค้นหาเป้าหมายยาก และทำให้การสูญเสียลดลงอย่างสำคัญ หลังจากเริ่มมีการใช้และระเบิดน้ำลึก ทำให้เรือพิฆาตที่เสริมเข้ามาอาจโจมตีเรือดำน้ำที่อยู่ใต้น้ำได้โดยมีหวังสำเร็จอยู่บ้าง ขบวนเรือคุ้มกันดังกล่าวทำให้เกิดความล่าช้าในการส่งเสบียง เพราะเรือต้องรอให้ขบวนเรือคุ้มกันมารวมกันครบก่อน ทางแก้ปัญหาความล่าช้านี้ คือ โครงการอันกว้างขวางในการสร้างเรือขนส่งสินค้าแบบใหม่ ส่วนเรือขนส่งทหารนั้นเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเรือดำน้ำและไม่เดินทางไปกับขบวนเรือคุ้มกันในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ เรืออูจมเรือฝ่ายสัมพันธมิตรมากกว่า 5,000 ลำ โดยมีเรือดำน้ำถูกทำลายไป 199 ลำ
เขตสงครามใต้
สงครามในบอลข่าน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับรัสเซีย ออสเตรีย-ฮังการีจึงสามารถแบ่งกองทัพโจมตีเซอร์เบียได้เพียงหนึ่งในสาม หลังประสบความสูญเสียอย่างหนัก ออสเตรียก็สามารถยึดครองเมืองหลวงเบลเกรดของเซอร์เบียได้ช่วงหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การตีโต้ตอบของเซอร์เบียในยุทธการคอลูบารา ได้ขับออสเตรียออกจากประเทศเมื่อถึงปลาย ค.ศ. 1914 ในช่วงสิบเดือนแรกของ ค.ศ. 1915 ออสเตรีย-ฮังการีใช้ทหารกองหนุนส่วนใหญ่สู้รบกับอิตาลี แต่ทูตเยอรมันและออสเตรีย-ฮังการีสามารถชักชวนให้บัลแกเรียเข้าร่วมโจมตีเซอร์เบีย จังหวัดสโลวีเนีย โครเอเชียและบอสเนียของออสเตรีย-ฮังการีเป็นพื้นที่จัดเตรียมทหารให้แก่ออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งรุกรานเซอร์เบียเช่นเดียวกับสู้รบกับรัสเซียและอิตาลี มอนเตเนโกรวางตัวเป็นพันธมิตรกับเซอร์เบีย
เซอร์เบียถูกยึดครองนานกว่าหนึ่งเดือนเล็กน้อย เมื่อฝ่ายมหาอำนาจกลางเริ่มโจมตีทางเหนือตั้งแต่เดือนตุลาคม อีกสี่วันถัดมา บัลแกเรียร่วมโจมตีจากทางตะวันออก กองทัพเซอร์เบีย ซึ่งสู้รบบนสองแนวรบและแน่นอนว่าต้องเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้ ได้ถอยทัพไปยังอัลเบเนีย และหยุดยั้งเพียงครั้งเดียวเพื่อป้องกันการโจมตีของบัลแกเรีย ชาวเซิร์บประสบความพ่ายแพ้ในยุทธการคอซอวอ มอนเตเนโกรช่วยคุ้มกันการล่าถอยของเซอร์เบียไปยังชายฝั่งเอเดรียติกในยุทธการมอยคอแวทส เมื่อวันที่ 6-7 มกราคม ค.ศ. 1916 แต่สุดท้ายก็ส่งผลให้ออสเตรียยึดครองมอนเตเนโกรเช่นเดียวกัน กองทัพเซอร์เบียถูกอพยพทางเรือไปยังกรีซ
ปลาย ค.ศ. 1915 กองทัพฝรั่งเศส-อังกฤษยกพลขึ้นบกที่ซาโลนิกาของกรีซ เพื่อเสนอความช่วยเหลือและกดดันให้รัฐบาลกรีซประกาศสงครามต่อฝ่ายมหาอำนาจกลาง โชคไม่เข้าข้างฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อพระมหากษัตริย์กรีกผู้ทรงนิยมเยอรมนี พระเจ้าคอนแสตนตินที่ 1 ทรงปลดรัฐบาลนิยมสัมพันธมิตรของพ้นจากตำแหน่ง ก่อนที่กองทัพรบนอกประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรจะมาถึง ความร้าวฉานระหว่างพระมหากษัตริย์กรีซและฝ่ายสัมพันธมิตรพอกพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้กรีซถูกแบ่งแยกเป็นภูมิภาคซึ่งยังจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และที่จงรักภักดีต่อรัฐบาลเฉพาะกาลใหม่ของเวนิเซลอสในซาโลนิกา หลังการเจรจาทางการทูตอย่างเข้มข้นและการเผชิญหน้าด้วยอาวุธในกรุงเอเธนส์ระหว่างกองทัพสัมพันธมิตรและฝ่ายนิยมกษัตริย์ ทำให้พระมหากษัตริย์กรีซต้องสละราชสมบัติ และพระราชโอรสพระองค์ที่สอง อเล็กซานเดอร์ เสด็จขึ้นครองราชย์แทน เวนิเซลอสเดินทางกลับมายังกรุงเอเธนส์เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1917 และกรีซ ซึ่งรวมเป็นหนึ่งอีกครั้ง เข้าร่วมสงครามอย่างเป็นทางการโดยอยู่ฝ่ายเดียวกับฝ่ายสัมพันธมิตร กองทัพกรีซทั้งหมดถูกระดมและเริ่มเข้าร่วมในปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายมหาอำนาจกลางบนแนวรบมาซิโดเนีย
หลังจากถูกยึดครอง เซอร์เบียถูกแบ่งออกระหว่างออสเตรีย-ฮังการีและบัลแกเรีย ใน ค.ศ. 1917 ชาวเซิร์บได้ก่อการกำเริบโทพลิคาขึ้น และส่งผลให้พื้นที่ระหว่างเทือกเขาโกบาโอนิคและแม่น้ำเซาท์โมราวาถูกปลดปล่อยชั่วคราว แต่การก่อการกำเริบดังกล่าวถูกบดขยี้โดยกองทัพร่วมบัลแกเรียและออสเตรียเมื่อปลายเดือนมีนาคม ค.ศ. 1917
แนวรบมาซิโดเนียส่วนใหญ่ไม่มีพัฒนาการ กองทัพเซอร์เบียยึดคืนบางส่วนของมาซิโดเนียโดยยึดบิโตลาคืนเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1916 และเฉพาะเมื่อสงครามใกล้ยุติลงแล้วเท่านั้นที่ฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถโจมตีผ่านได้ หลังกองทัพเยอรมันและออสเตรีย-ฮังการีส่วนใหญ่ถอนกำลังออกไปแล้ว กองทัพบัลแกเรียประสบความพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวในสงครามที่ยุทธการโดโบรโพล แต่อีกไม่กี่วันให้หลัง บัลแกเรียก็สามารถเอาชนะกองทัพอังกฤษและกรีกได้อย่างเด็ดขาดที่ยุทธการดอเรียน แต่เพื่อป้องกันการถูกยึดครอง บัลแกเรียได้ลงนามการสงบศึกเมื่อวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 1918 ฮินเดินบวร์คและลูเดินดอร์ฟสรุปว่าสมดุลทางยุทธศาสตร์และปฏิบัติการเอียงไปข้างฝ่ายสัมพันธมิตรแล้วอย่างไม่มีข้อสงสัย และหนึ่งวันหลังบัลแกเรียออกจากสงคราม ระหว่างการประชุมกับเจ้าหน้าที่รัฐ ยืนยันให้มีการเจรจาสันติภาพในทันที
การหายไปของแนวรบมาซิโดเนียหมายความว่าถนนสู่บูดาเปสต์และเวียนนาเปิดกว้างสำหรับกองทัพขนาดกำลังพล 670,000 นาย ภายใต้การบังคับบัญชาของพลเอกเฟรนเช เดเปเร เมื่อบัลแกเรียยอมจำนน ทำให้ฝ่ายมหาอำนาจกลางสูญเสียทหารราบ 278 กองพัน และปืนใหญ่ 1,500 กระบอก ซึ่งเทียบเท่ากับกองพลของเยอรมนีราว 25 ถึง 30 กองพล ซึ่งเคยยึดแนวดังกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ กองบัญชาการทหารสูงสุดของเยอรมนีตัดสินใจส่ง 7 กองพลทหารราบ และ 1 กองพลทหารม้าไปยังแนวหน้า แต่กำลังเหล่านี้ไม่เพียงพอจะสถาปนาแนวรบขึ้นมาใหม่ได้อีก
จักรวรรดิออตโตมัน
จักรวรรดิออตโตมันเข้าร่วมกับฝ่ายมหาอำนาจกลางในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยได้ลงนามเป็นอย่างลับ ๆ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1914 ซึ่งได้ภัยคุกคามต่อดินแดนคอเคซัสของรัสเซีย และการติดต่อคมนาคมของอังกฤษกับอินเดียผ่านทางคลองสุเอซ อังกฤษและฝรั่งเศสได้เปิดแนวรบโพ้นทะเลด้วยการทัพกัลลิโพลีและ ที่กัลลิโพลี จักรวรรดิออตโตมันสามารถขับไล่กองทัพอังกฤษ ฝรั่งเศสและเหล่ากองทัพออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้ แต่การณ์กลับตรงกันข้ามในเมโสโปเตเมีย ซึ่งจักรวรรดิออตโตมันพ่ายแพ้อย่างหายนะจาก (ค.ศ. 1915-16) กองทัพจักรวรรดิอังกฤษรวบรวมทัพใหม่และสามารถยึดกรุงแบกแดดได้ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1917
ห่างไปทางตะวันตก คลองสุเอซได้รับการป้องกันอย่างเป็นผลจากการโจมตีของออตโตมันใน ค.ศ. 1915 และ 1916 ในเดือนสิงหาคม กองทัพเยอรมันและออตโตมันพ่ายแพ้ที่ยุทธการโรมานี หลังชัยชนะนี้ กองทัพจักรวรรดิอังกฤษรุกคืบข้ามคาบสมุทรไซนาย ผลักดันกองทัพออตโตมันให้ถอยกลับไปในยุทธการแมกดาบา (Magdhaba) ในเดือนธันวาคมและยุทธการราฟาตรงชายแดนระหว่างไซนายของอียิปต์และปาเลสไตน์ของออตโตมันในเดือนมกราคม ค.ศ. 1917 ในเดือนมีนาคมและเมษายน ที่ยุทธการกาซาครั้งแรกและครั้งที่สอง กองทัพเยอรมันและออตโตมันหยุดการรุกคืบ แต่ในปลายเดือนตุลาคม การทัพไซนายและปาเลสไตน์ดำเนินต่อ เมื่อกองทัพรบนอกประเทศอียิปต์ของอัลเลนบีชนะยุทธการเบียร์เชบา สองกองทัพออตโตมันพ่ายแพ้อีกไม่กี่สัปดาห์ให้หลังที่ยุทธการสันเขามักอาร์ (Maghar Ridge) และต้นเดือนธันวาคม เยรูซาเลมถูกยึดได้หลังกองทัพออตโตมันอีกกองทัพหนึ่งพ่ายแพ้ที่ยุทธการเยรูซาเล็ม พอถึงช่วงนี้ ฟรีดริช ไฟรแฮร์ เครสส์ ฟอน เครสเซนสไตน์ถูกปลดจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพที่ 8 และแทนที่ด้วย Cevat Çobanlı และอีกไม่กี่เดือนให้หลัง ผู้บัญชาการกองทัพออตโตมันในปาเลสไตน์ เอริช ฟอน ฟัลเคนไฮน์ ถูกแทนที่ด้วยออทโท ลีมัน ฟอน ซันเดอร์ส
โดยปกติแล้วกองทัพรัสเซียด้านคอเคซัสเป็นกองทัพที่ดีที่สุด เอนเวอร์ ปาชา ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพออตโตมัน มีความทะเยอทะยานและใฝ่ฝันจะยึดครองเอเชียกลางอีกครั้ง และดินแดนที่เคยเสียให้แก่รัสเซียในอดีต แต่เขาเป็นผู้บัญชาการที่ไม่มีความสามารถ เขาออกคำสั่งโจมตีรัสเซียในคอเคซัสในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1914 โดยมีกำลังพล 100,000 นาย เขายืนกรานการโจมตีทางด้านหน้าต่อที่ตั้งของรัสเซียที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาในฤดูหนาว ซึ่งทำให้สูญเสียกำลังพลไปถึง 86% ใน
ผู้บัญชาการรัสเซียระหว่าง ค.ศ. 1915-1916 พลเอก สามารถขับไล่พวกเติร์กให้ออกไปจากเขตเทือกเขาคอเคซัสตอนใต้ส่วนใหญ่โดยได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่อง ใน ค.ศ. 1917 เข้าบัญชาการกองทัพรัสเซียแนวรบคอเคซัส เขาวางแผนสร้างทางรถไฟจากจอร์เจียไปยังดินแดนยึดครอง เพื่อที่ว่ากองทัพรัสเซียจะมีเสบียงเพียงพอในการรุกครั้งใหม่ใน ค.ศ. 1917 อย่างไรก็ตาม เดือนมีนาคม ค.ศ. 1917 พระเจ้าซาร์ถูกโค่นล้มหลังการปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ และกองทัพรัสเซียคอเคซัสเริ่มแตกออกจากกัน
ด้วยการยุยงของสำนักอาหรับของสำนักงานต่างประเทศและเครือจักรภพของอังกฤษ จึงเริ่มต้นขึ้นด้วยความช่วยเหลือของอังกฤษในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1916 ด้วย โดย ชารีฟ ฮัสเซน แห่งเมกกะ และจบลงด้วยการยอมจำนนของจักรวรรดิออตโตมันที่ดามัสกัส ฟาครี ปาชา ผู้บัญชาการออตโตมันที่เมดินะ ทำการรบต้านทานเป็นเวลากว่าสองปีครึ่งระหว่างการล้อมเมดินะ
ตามพรมแดนลิเบียของอิตาลีและอียิปต์ของอังกฤษ ชนเผ่าเซนุสซี ซึ่งได้รับการปลุกปั่นยุยงและติดอาวุธโดยพวกเติร์ก ทำสงครามกองโจรขนาดเล็กต่อกองทัพสัมพันธมิตร ฝ่ายอังกฤษถูกบีบให้ต้องแบ่งทหาร 12,000 นายมาต่อสู้ในการทัพเซนุสซี จนกระทั่งกบฏเหล่านี้ถูกบดขยี้ในที่สุดเมื่อกลาง ค.ศ. 1916
การเข้าร่วมของอิตาลี
อิตาลีเป็นพันธมิตรกับเยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการีตั้งแต่ ค.ศ. 1882 โดยเป็นภาคีของไตรพันธมิตร อย่างไรก็ตาม อิตาลีนั้นมีเจตนาของตนบนพื้นที่ของออสเตรียในเตรนตีโน อิสเตรียและ อิตาลีได้แอบทำสนธิสัญญาอย่างลับ ๆ กับฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1902 ซึ่งเป็นการลบล้างพันธมิตรเก่าอย่างสิ้นเชิง ในตอนต้นของสงคราม อิตาลีปฏิเสธที่จะส่งทำเข้าร่วมรบกับฝ่ายมหาอำนาจกลาง โดยให้เหตุผลว่าไตรพันธมิตรเป็นพันธมิตรป้องกัน แต่จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีกลับเป็นผู้เปิดฉากสงครามก่อนเสียเอง รัฐบาลออสเตรีย-ฮังการีเริ่มเจรจาเพื่อพยายามจะให้อิตาลีวางตัวเป็นกลางในสงคราม โดยเสนออาณานิคมตูนิเซียของฝรั่งเศสให้เป็นการตอบแทน ซึ่งทางฝ่ายสัมพันธมิตรก็ยื่นข้อเสนอซ้อนโดยสัญญาว่าจะอิตาลีจะได้ไทรอลใต้ จูเลียนมาร์ช และดินแดนบนชายฝั่งดัลมาเทียหลังออสเตรีย-ฮังการีพ่ายแพ้ ข้อเสนอดังกล่าวทำให้เป็นทางการในสนธิสัญญาลอนดอน หลังถูกกระตุ้นจากการรุกรานตุรกีของฝ่ายสัมพันธมิตรเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 1915 อิตาลีเข้าร่วมกับไตรภาคีและประกาศสงครามต่อออสเตรีย-ฮังการีเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม และประกาศสงครามต่อเยอรมนีอีกสิบห้าเดือนให้หลัง
แม้ว่าในทางการทหาร อิตาลีจะมีความเหนือกว่าด้านกำลังพลก็ตาม แต่ข้อได้เปรียบดังกล่าวเสียไป ไม่เพียงแต่มีสาเหตุจากลักษณะภูมิประเทศสลับซับซ้อนที่เกิดการสู้รบขึ้นเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่ใช้ด้วย จอมพลลุยจิ คาดอร์นา ผู้เสนอการโจมตีทางด้านหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ใฝ่ฝันว่าจะตีเข้าไปสู่ที่ราบสูงสโลวีเนีย ตีเมืองลูบลิยานา และคุกคามกรุงเวียนนา มันเป็นแผนการสมัยนโปเลียน ซึ่งไม่มีโอกาสสำเร็จแท้จริงเลยในยุคของลวดหนาม ปืนกลและการยิงปืนใหญ่ทางอ้อม ประกอบกับภูมิประเทศที่เป็นเนินและภูเขา
บนแนวรบเตรนติโน ออสเตรีย-ฮังการีใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศแบบภูเขา ซึ่งเอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายตั้งรับ หลังจากการล่าถอยทางยุทธศาสตร์ในช่วงแรก ส่วนใหญ่แนวรบก็แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกเลย ขณะที่ทั้งสองฝ่ายสู้รบในระยะประชิดตัวอันขมขื่นตลอดฤดูร้อน ออสเตรีย-ฮังการีตีโต้ตอบที่อัสซิอาโก มุ่งหน้าไปยังเวโรนาและปาดัว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1916 แต่มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย
เริ่มตั้งแต่ ค.ศ. 1915 กองทัพอิตาลีภายใต้การบังคับบัญชาของคาดอร์นา ได้โจมตีประมาณสิบเอ็ดครั้งบนแนวไอซอนโซตามแนวของแม่น้ำชื่อเดียวกัน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของตรีเยสเต ซึ่งการโจมตีทั้งหมดก็ถูกขับไล่โดยกองทัพออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งยึดภูมิประเทศที่สูงกว่า ในฤดูร้อน ค.ศ. 1916 กองทัพอิตาลีสามารถตีเมืองได้ หากหลังจากชัยชนะย่อยครั้งนี้ แนวรบนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี แม้อิตาลีจะโจมตีอีกหลายครั้ง เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง ค.ศ. 1917 ทหารออสเตรีย-ฮังการีได้รับกำลังเสริมขนาดใหญ่จากเยอรมนี ฝ่ายมหาอำนาจกลางเริ่มการรุกเด็ดขาดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 1917 โดยมีทหารเยอรมันเป็นหัวหอก ฝ่ายมหาอำนาจกลางได้รับชัยชนะที่คาปอร์เรตโต กองทัพอิตาลีแตกพ่ายและล่าถอยเป็นระยะทางมากกว่า 100 กิโลเมตร จึงสามารถจัดระเบียบใหม่ได้ และยึดแนวที่แม่น้ำเปียเว และเนื่องจากอิตาลีสูญเสียอย่างหนักในยุทธการคาปอร์เรตโต รัฐบาลอิตาลีจึงสั่งให้ชายอายุต่ำกว่า 18 ปีทุกคนเข้าประจำการ ใน ค.ศ. 1918 ออสเตรีย-ฮังการีไม่สามารถตีผ่านแนวดังกล่าวได้ ในยุทธการหลายครั้งตามแม่น้ำเปียเว และสุดท้ายก็พ่ายแพ้ราบคาบในยุทธการวิตโตริโอ วีนีโตในเดือนตุลาคมปีนั้น ออสเตรีย-ฮังการียอมจำนนในต้นเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918
การเข้าร่วมของโรมาเนีย
โรมาเนียได้เป็นพันธมิตรกับฝ่ายมหาอำนาจกลางตั้งแต่ ค.ศ. 1882 อย่างไรก็ตาม เมื่อสงครามเริ่มต้น โรมาเนียได้ประกาศตนเป็นกลาง โดยให้เหตุผลว่าออสเตรีย-ฮังการีเองที่เป็นฝ่ายประกาศสงครามต่อเซอร์เบีย และโรมาเนียไม่มีข้อผูกมัดที่จะต้องเข้าสู่สงคราม เมื่อฝ่ายไตรภาคีให้สัญญาว่าจะยกดินแดนขนาดใหญ่ทางตะวันออกของฮังการี (ทรานซิลเวเนียและบานัต) ซึ่งมีประชากรโรมาเนียขนาดใหญ่อาศัยอยู่ ให้แก่โรมาเนีย แลกเปลี่ยนกับที่โรมาเนียต้องประกาศสงครามต่อฝ่ายมหาอำนาจกลาง รัฐบาลโรมาเนียจึงสละความเป็นกลาง และวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 1916 กองทัพโรมาเนียได้เปิดฉากโจมตีออสเตรีย-ฮังการี โดยได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากรัสเซีย การรุกของโรมาเนียประสบความสำเร็จในช่วงต้น โดยสามารถผลักดันทหารออสเตรีย-ฮังการีในทรานซิลเวเนียออกไปได้ แต่การตีโต้ตอบของฝ่ายมหาอำนาจกลางขับกองทัพรัสเซีย-โรมาเนีย และเสียกรุงบูคาเรสต์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 1916 การสู้รบในมอลโดวาดำเนินต่อไปใน ค.ศ. 1917 ซึ่งจบลงด้วยการคุมเชิงกันที่มีราคาแพงสำหรับฝ่ายมหาอำนาจกลาง เมื่อรัสเซียถอนตัวจากสงครามในปลาย ค.ศ. 1917 จากผลของการปฏิวัติเดือนตุลาคม โรมาเนียถูกบีบให้ลงนามในการสงบศึกกับฝ่ายมหาอำนาจกลางเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1917
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1918 กองทัพโรมาเนียสถาปนาการควบคุมเหนือเบสซาราเบีย เมื่อกองทัพรัสเซียละทิ้งดินแดนดังกล่าว แม้ว่าสนธิสัญญาถูกลงนามโดยรัฐบาลโรมาเนียและบอลเชวิครัสเซียหลังการประชุมระหว่างวันที่ 5-9 มีนาคม ค.ศ. 1918 ที่ให้กองทัพโรมาเนียถอนกำลังออกจากเบสซาราเบียภายในสองเดือน วันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1918 โรมาเนียผนวกเบสซาราเบียเข้าเป็นดินแดนของตน โดยอาศัยอำนาจอย่างเป็นทางการของมติที่ผ่านโดยสภานิติบัญญัติท้องถิ่นของดินแดนในการรวมเข้ากับโรมาเนีย
โรมาเนียยุติสงครามกับฝ่ายมหาอำนาจกลางอย่างเป็นทางการโดยการลงนามในสนธิสัญญาบูคาเรสต์เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1918 ภายใต้สนธิสัญญาดังกล่าว โรมาเนียมีข้อผูกมัดจะยุติสงครามกับฝ่ายมหาอำนาจกลางและยกดินแดนบางส่วนให้แก่ออสเตรีย-ฮังการี ยุติการควบคุมช่องเขาบางแห่งในเทือกเขาคาร์พาเธียนและยกสัมปทานน้ำมันแก่เยอรมนี ในการแลกเปลี่ยน ฝ่ายมหาอำนาจกลางจะรับรองเอกราชของโรมาเนียเหนือเบสซาราเบีย สนธิสัญญาดังกล่าวถูกละทิ้งในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1918 และโรมาเนียเข้าสู่สงครามอีกครั้งเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 วันรุ่งขึ้น สนธิสัญญาบูคาเรสต์ถูกทำให้เป็นโมฆะตามเงื่อนไขของการสงบศึกที่คองเปียญ มีการประเมินว่าชาวโรมาเนียทั้งทหารและพลเรือนที่เสียชีวิตระหว่าง ค.ศ. 1914 และ 1918 ภายในพรมแดนปัจจุบัน มีถึง 748,000 คน
แนวรบด้านตะวันออก
การปฏิบัติขั้นต้น
ขณะที่สถานการณ์ในแนวรบด้านตะวันตกยังคุมเชิงกันอยู่ สงครามยังดำเนินต่อไปในแนวรบด้านตะวันออก แผนเดิมของรัสเซียกำหนดให้รุกรานกาลิเซียของออสเตรียและปรัสเซียตะวันออกของเยอรมนีพร้อมกัน แม้ว่าการรุกขั้นต้นเข้าไปในกาลิเซียของรัสเซียจะประสบความสำเร็จใหญ่หลวง แต่กองทัพที่ส่งไปโจมตีปรัสเซียตะวันออกถูกขับกลับมาโดยฮินเดินบวร์คและลูเดินดอร์ฟที่ทันเนินแบร์คและทะเลสาบมาซูเรียนในเดือนสิงหาคมและกันยายน ค.ศ. 1914 ฐานอุตสาหกรรมที่ด้อยพัฒนาของรัสเซียและผู้นำทางทหารที่ไม่มีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังนี้ เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1915 รัสเซียล่าถอยเข้าไปในกาลิเซีย และในเดือนพฤษภาคม ฝ่ายมหาอำนาจกลางสามารถตีผ่านแนวรบทางใต้ของโปแลนด์ครั้งใหญ่ วันที่ 5 สิงหาคม ฝ่ายมหาอำนาจกลางยึดวอร์ซอและบีบให้รัสเซียถอยออกจากโปแลนด์
การปฏิวัติรัสเซีย
แม้ความสำเร็จในกาลิเซียตะวันออกระหว่างการรุกบรูซิลอฟเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1916 แต่ความไม่พอใจกับการชี้นำสู่สงครามของรัฐบาลรัสเซียเพิ่มมากขึ้น ความสำเร็จถูกบ่นทอนโดยความไม่เต็มใจของนายพลคนอื่นที่ส่งกำลังของตนเข้าไปสนับสนุนให้ได้รับชัยชนะ กองทัพสัมพันธมิตรและรัสเซียฟื้นฟูชั่วคราวเฉพาะเมื่อโรมาเนียเข้าสู่สงครามเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม กองทัพเยอรมันเข้าช่วยเหลือกองทัพออสเตรีย-ฮังการีพร้อมรบในทรานซิลเวเนียและบูคาเรสต์เสียให้แก่ฝ่ายมหาอำนาจกลางเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ขณะเดียวกัน ความไม่สงบเกิดขึ้นในรัสเซีย ระหว่างที่ซาร์ยังคงประทับอยู่ที่แนวหน้า การปกครองอย่างขาดพระปรีชาสามารถของจักรพรรดินีอเล็กซานดรานำไปสู่การประท้วง และการฆาตกรรมคนสนิทของพระนาง รัสปูติน เมื่อปลายปี ค.ศ. 1916
เมื่อเดือนมีนาคม 1917 การชุมนุมประท้วงในเปโตรกราด ลงเอยด้วยการสละราชบัลลังก์ของซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียและการแต่งตั้งรัฐบาลชั่วคราวของรัสเซียซึ่งอ่อนแอ และแบ่งปันอำนาจกับกลุ่มสังคมนิยม การจัดการดังกล่าวนำไปสู่ความสับสนและความวุ่นวายทั้งที่แนวหน้าและในรัสเซีย กองทัพรัสเซียยิ่งมีประสิทธิภาพด้อยลงกว่าเดิมมาก
สงครามและรัฐบาลได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อย ๆ ความไม่พอใจทำให้พรรคบอลเชวิค ที่นำโดย วลาดีมีร์ เลนิน ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก เขาให้สัญญาว่าจะดึงรัสเซียออกจากสงครามและทำให้รัสเซียกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ชัยชนะของพรรคบอลเชวิคในเดือนพฤศจิกายนนั้น ตามมาด้วยการสงบศึกและการเจรจากับเยอรมนี ในตอนแรก พรรคบอลเชวิคปฏิเสธข้อเสนอของเยอรมนี แต่เมื่อกองทัพเยอรมันทำสงครามต่อไปและเคลื่อนผ่านยูเครนโดยไม่ช้าลง รัฐบาลใหม่จึงต้องยอมลงนามในสนธิสัญญาเบรสท์-ลีตอฟสก์ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 1918 ซึ่งทำให้รัสเซียออกจากสงคราม แต่ต้องยอมยกดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล รวมไปถึงฟินแลนด์ รัฐบอลติก บางส่วนของโปแลนด์และยูเครนแก่ฝ่ายมหาอำนาจกลาง อย่างไรก็ตาม ดินแดนที่เยอรมนีได้รับจากรัสเซียทำให้ต้องแบ่งกำลังพลไปยึดครองและอาจเป็นปัจจัยนำสู่ความล้มเหลวของการรุกฤดูใบไม้ผลิ และสนับสนุนอาหารและยุทธปัจจัยอื่นค่อนข้างน้อย
ด้วยการลงมติยอมรับสนธิสัญญาเบรสต์-ลีตอฟสก์ ไตรภาคีจึงไม่คงอยู่อีกต่อไป ฝ่ายสัมพันธมิตรนำกำลังขนาดเล็กรุกรานรัสเซีย ส่วนหนึ่งเพื่อหยุดมิให้เยอรมนีใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของรัสเซีย และในขอบเขตที่เล็กกว่า เพื่อให้การสนับสนุน "รัสเซียขาว" (ตรงข้ามกับ "รัสเซียแดง") ในสงครามกลางเมืองรัสเซีย กองทัพสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่อาร์ชอันเกลและวลาดิวอสตอก
กองทหารเชคโกสโลวาเกีย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ข้อเสนอริเริ่มการเจรจาสันติภาพของฝ่ายมหาอำนาจกลาง
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1916 หลังจากการสู้รบอย่างดุเดือดสิบเดือนของยุทธการแวร์ดังและการรุกโรมาเนียที่ประสบความสำเร็จ เยอรมนีพยายามจะเจรจาสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตร ไม่นานหลังจากนั้น ประธานาธิบดีสหรัฐ วูดโรว์ วิลสันพยายามเข้าแทรกแซงเป็นผู้ประนีประนอม โดยร้องขอในโน้ตแก่ทั้งสองฝ่ายให้ระบุข้อเรียกร้องของแต่ละฝ่าย คณะรัฐมนตรีสงครามของอังกฤษมองว่าข้อเสนอสันติภาพของเยอรมนีเป็นแผนการสร้างความแตกแยกในฝ่ายสัมพันธมิตร หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว อังกฤษถือโน้ตของวิลสันเป็นอีกความพยายามหนึ่ง โดยส่งสัญญาณว่าสหรัฐใกล้จะเข้าสู่สงครามกับเยอรมนีหลัง "การทำลายล้างด้วยเรือดำน้ำ" ขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตรโต้เถียงกันเรื่องการตอบข้อเสนอของวิลสัน เยอรมนีเลือกจะบอกปัดและสนับสนุน "การแลกเปลี่ยนมุมมองโดยตรง" มากกว่า เมื่อทราบถึงการตอบสนองของเยอรมนี รัฐบาลฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นอิสระจะระบุข้อเรียกร้องที่ชัดเจนในวันที่ 14 มกราคม โดยเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหาย การอพยพประชากรจากดินแดนยึดครอง ค่าเสียหายแก่ฝรั่งเศส รัสเซียและโรมาเนีย และการยอมรับหลักการแห่งเชื้อชาติ ซึ่งรวมไปถึงการให้เสรีภาพแก่ชาวอิตาลี สลาฟ โรมาเนีย เชโกสโลวัก และการสถาปนา "โปแลนด์ที่มีอิสระและรวมเป็นหนึ่ง" ว่าด้วยปัญหาความมั่นคง ฝ่ายสัมพันธมิตรเรียกร้องคำยืนยันที่จะป้องกันหรือจำกัดสงครามในอนาคต และยกเลิกการลงโทษ เป็นเงื่อนไขของทุกการเจรจาสันติภาพ การเจรจาล้มเหลวและไตรภาคีปฏิเสธข้อเสนอของเยอรมนี เพราะเยอรมนีไม่ได้กล่าวถึงข้อเสนอใดเจาะจง วิลสันและไตรภาคีว่าจะไม่เริ่มการเจรจาสันติภาพจนกว่าฝ่ายมหาอำนาจกลางจะอพยพประชากรในดินแดนยึดครองที่เคยเป็นของฝ่ายสัมพันธมิตรและค่าชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ค.ศ. 1917-1918
ความคืบหน้าใน ค.ศ. 1917
เหตุการณ์ใน ค.ศ. 1917 นั้นได้พิสูจน์แล้วว่ามีความเด็ดขาดในการยุติสงคราม แม้ว่าผลจะยังไม่อาจสัมผัสได้กระทั่งปลาย ค.ศ. 1918 การปิดล้อมทางทะเลของกองทัพเรืออังกฤษได้ทำให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวงต่อเยอรมนี เยอรมนีได้โต้ตอบด้วยการออกปฏิบัติการเรือดำน้ำแบบไม่จำกัดขอบเขตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1917 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้อังกฤษขาดแคลนอาหารและต้องออกจากสงคราม นักวางแผนชาวเยอรมันประเมินว่า สงครามเรือดำน้ำแบบไม่จำกัดขอบเขตจะทำให้อังกฤษสูญเสียเรือไปกว่า 600,000 ตันต่อเดือน ขณะที่อังกฤษตระหนักว่านโยบายดังกล่าวมีแนวโน้มจะดึงให้สหรัฐเข้าสู่ความขัดแย้ง การสูญเสียเรือของอังกฤษจะสูงมากเสียจนอังกฤษถูกบีบให้เรียกร้องสันติภาพหลังเวลาผ่านไป 5 ถึง 6 เดือน ก่อนที่การเข้าแทรกแซงของสหรัฐจะมีผลกระทบ ในความเป็นจริง เรืออังกฤษถูกยิงจมไปคิดเป็นน้ำหนักมากกว่า 500,000 ตันต่อเดือนระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงกรกฎาคม และสูงที่สุด 860,000 ตันในเดือนเมษายน หลังเดือนกรกฎาคม ได้มีการนำระบบขบวนเรือคุ้มกันกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการลดภัยคุกคามจากเรืออูลงอย่างยิ่ง อังกฤษปลอดภัยจากการขาดแคลนอาหาร ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีลดลง และทหารสหรัฐเข้าร่วมสงครามเป็นจำนวนมากกว่าที่เยอรมนีเคยคาดไว้ก่อนหน้านี้มาก
วันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1917 ระหว่างการรุกเนวิลล์ กองพลอาณานิคมที่ 2 ของฝรั่งเศสที่เหน็ดเหนื่อย ทหารผ่านศึกยุทธการแวร์เดิง ปฏิเสธคำสั่งที่ได้รับ มาถึงโดยเมาและปราศจากอาวุธ นายทหารไม่อาจหาวิธีการมาลงโทษทหารทั้งกองพลได้ และไม่มีการดำเนินมาตรการรุนแรงในทันที จากนั้น การขัดขืนคำสั่งได้ลุกลามไปยังอีก 54 กองพลของฝรั่งเศส และมีทหารหนีหน้าที่ 20,000 นาย กองทัพสัมพันธมิตรอื่นโจมตีแต่ประสบความสูญเสียมหาศาล อย่างไรก็ตาม ด้วยการดึงดูดสู่ความรักชาติและหน้าที่ เช่นเดียวกับการจับกุมและการพิจารณาครั้งใหญ่ กระตุ้นให้ทหารกลับมาป้องกันสนามเพลาะของตน แม้ว่าทหารฝรั่งเศสปฏิเสธจะเข้าร่วมในการปฏิวัติการรุกต่อไป โรเบร์ต เนวิลล์ถูกปลดจากตำแหน่งบัญชาการในวันที่ 15 พฤษภาคม และแทนที่ด้วยพลเอกฟิลิป เปแตง ผู้ยกเลิกการรุกขนาดใหญ่อันนองเลือดชั่วคราว
ชัยชนะของออสเตรีย-ฮังการีและเยอรมนีที่ยุทธการกาปอเรตโต นำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรที่การประชุมราปัลโลจัดตั้งสภาสงครามสูงสุดเพื่อประสานการวางแผน โดยก่อนหน้านั้น กองทัพอังกฤษและฝรั่งเศสได้ดำเนินการบังคับบัญชาแยกกัน
ในเดือนธันวาคม ฝ่ายมหาอำนาจกลางลงนามสงบศึกกับรัสเซีย ทำให้ทหารเยอรมันจำนวนมากสามารถถูกส่งมาปฏิบัติหน้าที่ในทางตะวันตกได้ ด้วยกำลังเสริมเยอรมนีและทหารสหรัฐที่ไหลบ่าเข้ามาใหม่ ทำให้แนวรบด้านตะวันตกจะเป็นการตัดสินผลของสงคราม ฝ่ายมหาอำนาจกลางทราบว่าตนไม่อาจเอาชนะสงครามยืดเยื้อ แต่พวกเขาตั้งความหวังไว้สูงสำหรับความสำเร็จโดยขึ้นอยู่กับการรุกอยางรวดเร็วครั้งสุดท้าย ยิ่งไปกว่านั้น ผู้นำฝ่ายมหาอำนาจกลางและฝ่ายสัมพันธมิตรต่างเริ่มรู้สึกกลัวต่อความไม่สงบในสังคมและการปฏิวัติในยุโรป ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างก็มุ่งได้รับชัยชนะขั้นเด็ดขาดอย่างรวดเร็ว
ค.ศ. 1917 จักรพรรดิคาร์ลที่ 1 แห่งออสเตรีย ทรงพยายามเจรจาแยกต่างหากอย่างลับ ๆ กับคลูมองโซ โดยมีน้องชายของพระมเหสี ซิกตัส ในเบลเยียม เป็นคนกลาง โดยเยอรมนีไม่รับรู้ด้วย เมื่อการเจรจาล้มเหลว และความพยายามดังกล่าวทราบถึงเยอรมนี ส่งผลให้เกิดหายนะทางการทูตระหว่างสองประเทศ
สหรัฐเข้าสู่สงคราม
สหรัฐเดิมดำเนินนโยบายไม่แทรกแซง เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความขัดแย้งระหว่างประเทศและเป็นนายหน้าสันติภาพ เมื่อเรืออูเยอรมันของอังกฤษ ใน ค.ศ. 1915 ที่มีชาวอเมริกันอยู่บนเรือ 128 คน ประธานาธิบดีวิลสันได้สาบานว่า "อเมริกามีทิฐิมากเกินกว่าจะสู้" และเรียกร้องให้ยกเลิกการโจมตีเรือพลเรือน ซึ่งเยอรมนีก็ยอมตาม วิลสันพยายามเป็นผู้ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทแต่ล้มเหลว เขาเตือนย้ำว่าสหรัฐจะไม่ทนต่อสงครามเรือดำน้ำไม่จำกัดขอบเขต วิลสันได้รับแรงกดดันธีโอดอร์ รูสเวลต์ ผู้ประณามพฤติการณ์ของเยอรมนีว่าเป็น "การกระทำอันเป็นโจรสลัด" ความปรารถนาของวิลสันที่จะได้เข้าร่วมในการเจรจาสันติภาพเมื่อสงครามยุติเพื่อพัฒนาแนวคิดสันนิบาตชาติเองก็เป็นส่วนสำคัญ รัฐมนตรีต่างประเทศของวิลสัน วิลเลียม เจนนิงส์ ไบรอัน ซึ่งความคิดเห็นของเขาได้ถูกเพิกเฉย ได้ลาออกเพราะไม่อาจสนับสนุนนโยบายของประธานาธิบดีได้อีกต่อไป มติมหาชนรู้สึกโกรธกับเหตุวินาศกรรมแบล็กทอมในนครเจอร์ซีย์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งสงสัยว่าเยอรมนีอยู่เบื้องหลัง และเหตุระเบิดคิงส์แลนด์
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1917 เยอรมนีทำสงครามเรือดำน้ำไม่จำกัดขอบเขตอีกครั้ง รัฐมนตรีต่างประเทศบอกแก่เม็กซิโก ผ่านโทรเลขซิมแมร์มันน์ ว่า สหรัฐมีแนวโน้มเข้าสู่สงครามหลังสงครามเรือดำน้ำไม่จำกัดขอบเขตเริ่มขึ้น และเชิญเม็กซิโกเข้าสู่สงครามเป็นพันธมิตรของเยอรมนีต่อสหรัฐ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เยอรมนีจะส่งเงินให้เม็กซิโกและช่วยให้เม็กซิโกได้รับดินแดนเท็กซัส นิวเม็กซิโกและแอริโซนาที่เม็กซิโกเสียไประหว่างสงครามเม็กซิโก-อเมริกาเมื่อ 70 ปีก่อน วิลสันเปิดเผยโทรเลขดังกล่าวให้แก่สาธารณชน และชาวอเมริกันมองว่าเป็นเหตุแห่งสงคราม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสหรัฐจะเข้าสู่สงครามโดยอยู่ข้างเดียวกับฝ่ายพันธมิตร แต่ไม่เคยเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของฝ่ายพันธมิตรเลย โดยเรียกตัวเองว่าเป็น "ประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือ" (Associated Power) สหรัฐมีกองทัพขนาดเล็ก แต่หลังรัฐบัญญัติคัดเลือกทหาร (Selective Service Act) สหรัฐก็มีทหารเกณฑ์มากถึง 2.8 ล้านนาย และภายในฤดูร้อน ค.ศ. 1918 ก็มีการส่งทหารใหม่กว่า 10,000 นายไปยังฝรั่งเศสทุกวัน ใน ค.ศ. 1917 รัฐสภาสหรัฐให้สถานะพลเมืองแก่ชาวเปอร์โตริโก เมื่อพวกเขาถูกเกณฑ์ให้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จากรัฐบัญญัติโจนส์ เยอรมนีคำนวณผิด โดยเชื่อว่าจะใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าสหรัฐจะมาถึง และการขนส่งทหารข้ามมหาสมุทรสามารถถูกหยุดยั้งได้โดยเรืออู
กองทัพเรือสหรัฐได้ส่งกองเรือรบไปยังสกาปาโฟลว์ (Scapa Flow) เพื่อเข้าร่วมกับกองเรือหลวง (Grand Fleet) อังกฤษ, เรือพิฆาตไปยังควีนส์ทาวน์, ไอร์แลนด์ และเรือดำน้ำไปช่วยคุ้มกันขบวนเรือ นาวิกโยธินหลายกรมของสหรัฐถูกส่งไปยังฝรั่งเศส ด้านอังกฤษและฝรั่งเศสต่างต้องการให้หน่วยทหารอเมริกันเข้าเสริมกำลังบนแนวรบที่มีทหารของตนอยู่ก่อนแล้ว และไม่สิ้นเปลืองจำนวนเรือที่มีอยู่น้อยเพื่อขนย้ายเสบียง และไม่ต้องการใช้เรือเพื่อเป็นการขนส่งเสบียง ซึ่งสหรัฐปฏิเสธความต้องการแรก แต่ยอมตามความต้องการข้อหลัง พลเอก ผู้บัญชาการกองกำลังรบนอกประเทศอเมริกา (AEF) ปฏิเสธที่จะแบ่งหน่วยทหารออกเพื่อใช้เป็นกำลังหนุนแก่หน่วยทหารอังกฤษและฝรั่งเศส โดยยกเว้นให้กรมรบแอฟริกัน-อเมริกันถูกใช้ในกองพลฝรั่งเศสได้ หลักนิยมของ AEF กำหนดให้ใช้การโจมตีทางด้านหน้า ซึ่งผู้บัญชาการอังกฤษและฝรั่งเศสเลิกใช้ไปนานแล้ว เพราะสูญเสียกำลังพลมหาศาล
การรุกฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1918
พลเอกเยอรมัน อิริช ลูเดินดอร์ฟ ได้ร่างแผนซึ่งใช้ชื่อรหัสว่า ขึ้นสำหรับการรุกบนแนวรบด้านตะวันตกใน ค.ศ. 1918 การรุกฤดูใบไม้ผลิมีจุดประสงค์เพื่อแยกกองทัพอังกฤษและฝรั่งเศสออกจากกันด้วยการหลอกหลวงและการรุกหลายครั้ง ผู้นำเยอรมนีหวังว่าการโจมตีอย่างเด็ดขาดก่อนที่กองกำลังสหรัฐขนาดใหญ่จะมาถึง ปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 1918 โดยโจมตีกองทัพอังกฤษที่ และสามารถรุกเข้าไปได้ถึง 60 กิโลเมตรอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตลอดสงคราม
ส่วนแนวสนามเพลาะของอังกฤษและฝรั่งเศสถูกเจาะผ่านด้วยยุทธวิธีแทรกซึมที่เป็นของใหม่ ซึ่งถูกตั้งชื่อว่า ยุทธวิธีฮูเทียร์ (Hutier tactics) ตามชื่อพลเอกชาวเยอรมันคนหนึ่ง ก่อนหน้านั้น การโจมตีเป็นรูปแบบการระดมยิงปืนใหญ่อย่างยาวนานและการบุกโจมตีโดยใช้กำลัพลมหาศาล อย่างไรก็ตาม ในการรุกฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1918 ลูเดินดอร์ฟได้ใช้ปืนใหญ่เฉพาะเป็นเวลาสั้น ๆ และแทรกซึมกลุ่มทหารราบขนาดเล็กไปยังจุดที่อ่อนแอ พวกเขาโจมตีพื้นที่สั่งการและพื้นที่ขนส่ง และผ่านจุดที่มีการต้านทานอย่างดุเดือด จากนั้น ทหารราบที่มีอาวุธหนักกว่าจะเข้าบดขยี้ที่ตั้งที่ถูกโดดเดี่ยวนี้ภายหลัง ความสำเร็จของเยอรมนีนี้อาศัยความประหลาดใจของข้าศึกอยู่มาก
แนวหน้าเคลื่อนเข้าไปในระยะ 120 กิโลเมตรจากกรุงปารีส หนักของครุพพ์ยิงกระสุน 183 นัดเข้าใส่กรุงปารีส ทำให้ชาวปารีสจำนวนมากหลบหนี การรุกในช่วงแรกประสบความสำเร็จอย่างงดงามกระทั่งจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 ทรงประกาศให้วันที่ 24 มีนาคมเป็นวันหยุดราชการ ชาวเยอรมันจำนวนมากคิดว่าชัยชนะของสงครามอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังการต่อสู้อย่างหนัก ปรากฏว่าการรุกของเยอรมนีหยุดชะงักไป การขาดแคลนรถถังหรือปืนใหญ่เคลื่อนที่ทำให้ฝ่ายเยอรมันไม่สามารถรวมกำลังกันรุกต่อไปได้ สถานการณ์ดังกล่าวยังเลวร้ายลงไปอีกเมื่อเส้นทางส่งกำลังบำรุงตอนนี้ถูกยืดออกไปอันเป็นผลจากการรุก การหยุดกะทันหันนี้ยังเป็นผลมาจากกำลังจักรวรรดิออสเตรเลีย (AIF) จำนวนสี่กองพลที่ถูกกวดไล่ และสามารถกระทำในสิ่งที่ไม่มีกองทัพใดสามารถทำได้ และหยุดยั้งการรุกของเยอรมนีตามเส้นทางได้ ระหว่างช่วงเวลานี้ กองพลออสเตรเลียที่หนึ่งถูกส่งขึ้นเหนืออย่างเร่งรีบอีกครั้งเพื่อหยุดยั้งการเจาะผ่านครั้งที่สองของเยอรมนี
พลเอกฟอคกดดันให้ใช้กำลังอเมริกาที่มาถึงแล้วเป็นการเข้าสวมตำแหน่งแทนโดยลำพัง แต่เพอร์ชิงมุ่งให้จัดวางหน่วยของสหรัฐเป็นกองกำลังอิสระ หน่วยเหล่านี้ถูกมอบหมายให้อยู่ในการบังคับบัญชาของฝรั่งเศสและจักรวรรดิอังกฤษที่ทหารร่อยหรอลง เมื่อวันที่ 28 มีนาคม สภาสงครามสูงสุดของกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้นที่การประชุมดูล็อง (Doullens) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1917 พลเอกฟอคถูกแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรสูงสุด เฮก และเพอร์ชิงยังคงมีการควบคุมทางยุทธวิธีในส่วนของตนอยู่ ฟอครับบทบาทประสานงาน มากกว่าบทบาทชี้นำ และกองบัญชาการอังกฤษ ฝรั่งเศสและสหรัฐดำเนินการส่วนใหญ่เป็นอิสระต่อกัน
หลังปฏิบัติการมิคาเอล เยอรมนีเริ่ม (Operation Georgette) ต่อเมืองท่าช่องแคบอังกฤษทางเหนือ ฝ่ายสัมพันธมิตรหยุดยั้งการผลักดันโดยเยอรมนีได้รับดินแดนเพิ่มน้อยมาก กองทัพเยอรมันทางใต้เริ่มปฏิบัติการบลอแชร์และยอร์ค ซึ่งพุ่งเป้าไปยังกรุงปารีส ปฏิบัติการมาร์นเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม โดยพยายามจะล้อมแรมส์และเริ่มต้นยุทธการแม่น้ำมาร์นครั้งที่สอง การตีตอบโต้ที่เป็นผลนั้น เป็นจุดเริ่มต้นของการรุกร้อยวัน นับเป็นการรุกที่ประสบความสำเร็จครั้งแรกของฝ่ายสัมพันธมิตรในสงคราม
จนถึงวันที่ 20 กรกฎาคม กองทัพเยอรมันถูกผลักดันข้ามแม่น้ำมาร์นที่แนวเริ่มต้นไกแซร์ชลัชท์ โดยที่ไม่บรรลุจุดประสงค์ใด ๆ เลย หลังขั้นสุดท้ายของสงครามในทางตะวันตกแล้ว กองทัพเยอรมันจะไม่อาจเป็นฝ่ายริเริ่มได้อีก ความสูญเสียของเยอรมนีระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายน ค.ศ. 1918 อยู่ที่ 270,000 คน ในขณะเดียวกัน ในประเทศกำลังแตกออกเป็นเสี่ยง การรณรงค์ต่อต้านสงครามเกิดบ่อยครั้งขึ้น และขวัญกำลังใจในกองทัพถดถอย ผลผลิตทางอุตสาหกรรมทรุดลงอย่างหนัก โดยคิดเป็น 53% ของผลผลิตทางอุตสาหกรรมใน ค.ศ. 1913
ฝ่ายสัมพันธมิตรได้ชัย: ฤดูร้อนและใบไม้ร่วง ค.ศ. 1918
การตีตอบโต้ของฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งรู้จักกันว่า การรุกร้อยวัน เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1918 ใน กองทัพน้อยที่ 3 กองทัพอังกฤษที่ 4 อยู่ทางปีกซ้าย กองทัพฝรั่งเศสที่ 1 อยู่ทางปีกขวา และกองทัพน้อยออสเตรเลียและแคนาดาเป็นหัวหอกโจมตีตรงกลางผ่าน Harbonnières ยุทธการครั้งนั้นมีรถถังมาร์ก 4 และมาร์ก 5 กว่า 414 คัน และทหารกว่า 120,000 นายเข้าร่วม ฝ่ายสัมพันธมิตรรุกเข้าไป 12 กิโลเมตรในดินแดนที่เยอรมนีถือครองในเวลาเพียงเจ็ดชั่วโมง เอริช ลูเดินดอร์ฟ เรียกวันนี้ว่า "วันอันมืดมนของกองทัพเยอรมัน"
หัวหอกออสเตรเลีย-แคนาดาที่อาเมียง ยุทธการซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความล่มจมของเยอรมนี ช่วยดึงให้กองทัพอังกฤษคืบหน้าไปทางเหนือและกองทัพฝรั่งเศสไปทางใต้ ขณะที่การต้านทานของเยอรมนีบนแนวรบกองทัพอังกฤษที่ 4 ที่อาเมียงเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง หลังฝ่ายสัมพันธมิตรรุกเข้าไป 14 กิโลเมตรจากอาเมียง กองทัพฝรั่งเศสที่ 3 ขยายความยาวของแนวรบอาเมียงเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม เมื่อกองทัพถูกส่งไปทางปีกขวาของกองทัพฝรั่งเศสทรา 1 และรุกเข้าไป 6 กิโลเมตร ซึ่งกำลังปลดปล่อย Lassigny กระทั่งการสู้รบดำเนินไปจนถึงวันที่ 16 สิงหาคม ทางใต้ของกองทัพฝรั่งเศสที่ 3 พลเอก Charles Mangin เคลื่อนกองทัพฝรั่งเศสที่ 10 ไปข้างหน้าที่ Soissons เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม เพื่อจับกุมเชลยศึกแปดพันคน ปืนใหญ่สองร้อยกระบอก และที่ราบสูง Aisne ที่มองเห็นและคุกคามที่ตั้งของเยอรมนีทางเหนือของ Vesle เอริช ลูเดินดอร์ฟบรรยายว่านี่เป็น "วันอันมืดมน" อีกวันหนึ่ง
ขณะเดียวกัน พลเอก Byng แห่งกองทัพอังกฤษที่ 3 รายงานว่าข้าศึกบนแนวรบของเขากำลังมีจำนวนลดลงจากการจำกัดการล่าถอย ถูกออกคำสั่งให้โจมตีด้วยรถถัง 200 คัน ไปยัง Bapaume เปิดฉากยุทธการอัลแบร์ (Albert) ด้วยคำสั่งเฉพาะให้ "เจาะแนวรบข้าศึก เพื่อที่จะตีโอบปีกข้าศึกที่อยู่บนแนวรบ" (ตรงข้ามกองทัพอังกฤษที่ 4 ที่อาเมียง) การโจมตีเป็นไปอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะชิงความได้เปรียบจากการรุกที่ประสบความสำเร็จตรงปีก แล้วจากนั้นจึงยุติเมื่อการโจมตีสูญเสียแรงผลักดันเริ่มต้นไป
แนวรบยาว 24 กิโลเมตรของกองทัพอังกฤษ ทางเหนือของอัลแบร์ มีความคืบหน้า หลังหยุดไปวันหนึ่งเมื่อเผชิญกับแนวต้านทานหลักซึ่งข้าศึกได้ถอนกำลังไปแล้ว กองทัพอังกฤษที่ 4 ของรอว์ลินสัน สามารถสู้รบต่อไปทางปีกซ้ายระหว่างอัลแบร์และซอมม์ ซึ่งยืดแนวระหว่างตำแหน่งอยู่หน้าของกองทัพที่ 3 และแนวรบอาเมียง ซึ่งส่งผลให้ยึดอัลแบร์กลับคืนได้ในขณะเดียวกัน วันที่ 26 สิงหาคม กองทัพอังกฤษที่ 1 ซึ่งอยู่ทางปีกซ้ายของกองทัพที่ 3 ถูกดึงเข้าสู่การสู้รบซึ่งยืดกองทัพไปทางเหนือจนพ้นอารัส เหล่าทหารแคนาดาซึ่งกลับอยู่ที่เดิมในทัพหน้าของกองทัพที่ 1 สู้รบจากอารัสไปทางตะวันออก 8 กิโลเมตร คร่อมพื้นที่อารัส-กองเบร์ ก่อนจะถึงการป้องกันชั้นนอกของแนวฮินเดินบวร์ค ก่อนจะเจาะแนวดังกล่าวเมื่อวันที่ 28 และ 29 สิงหาคม วันเดียวกัน เยอรมนีเสีย Bapaume ให้แก่กองพลนิวซีแลนด์แห่งกองทัพที่ 3 และกองทัพออสเตรเลีย ซึ่งยังนำการรุกของกองทัพที่ 4 สามารถผลักดันแนวรบไปข้างหน้าที่อาเมียงและยึดเปรอนน์ (Peronne) และมงแซ็ง-เกียงแต็ง (Mont Saint-Quentin) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ห่างไปทางใต้ กองทัพฝรั่งเศสที่ 1 และที่ 3 รุกคืบอย่างช้า ๆ ขณะที่กองทัพที่ 10 ซึ่งข้ามแม่น้ำ Ailette มาแล้ว และอยู่ทางตะวันออกของ Chemin des Dames ปัจจุบันอยู่ใกล้กับตำแหน่งอัลเบริชของแนวฮินเดนแบร์ก ระหว่างช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม แรงกดดันตามแนวรบยาว 113 กิโลเมตรต่อข้าศึกนั้นเป็นไปอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง แม้กระทั่งทางเหนือในฟลานเดอร์ กองทัพอังกฤษที่ 2 และที่ 5 มีความคืบหน้าจับกุมเชลยศึกและยึดที่มั่นได้ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ประสบความสำเร็จระหว่างเดือนสิงหาคมและกันยายน
วันที่ 2 กันยายน เหล่าแคนาดาโอบล้อมแนวฮินเดนแบร์กด้านข้าง ด้วยการเจาะตำแหน่งโวทัน (Wotan) ทำให้กองทัพที่ 3 สามารถรุกคืบต่อไปได้ ซึ่งส่งผลสะท้อนกลับตลอดแนวรบด้านตะวันตก วันเดียวกันโอแบร์สเตอ เฮเรสไลทุง (OHL) ไม่มีทางเลือกนอกจากสั่งให้หกกองทัพล่าถอยเข้าไปสู่แนวฮินเดนแบร์กทางใต้ หลังกานัลดูนอร์ดบนแนวรบกองทัพที่ 1 ของแคนาดา และถอนกลับไปยังแนวทางตะวันออกของลิส (Lys) ในทางเหนือ ซึ่งถูกยึดครองโดยปราศจากการต่อสู้ ส่วนที่ยื่นออกมาถูกยึดในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตามข้อมูลของลูเดินดอร์ฟฟ์ "เราจำต้องยอมรับความจำเป็น ... ที่จะล่าถอยทั้งแนวรบจากสการ์ป (Scarpe) ถึงเวสเล (Vesle)"
เวลาเกือบสี่สัปดาห์หลังการต่อสู้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม มีเชลยศึกเยอรมันถูกจับกุมได้เกิน 100,000 นาย อังกฤษจับได้ 75,000 นาย และที่เหลือโดยฝรั่งเศส จนถึง "วันอันมืดมนของกองทัพเยอรมัน" กองบัญชาการทหารสูงสุดเยอรมนีตระหนักว่าพ่ายสงครามแล้วและพยายามบรรลุจุดจบอันน่าพอใจ วันหลังการสู้รบ ลูเดินดอร์ฟฟ์บอกพันเอกแมร์ทซ์ว่า "เราไม่อาจชนะสงครามได้อีกต่อไป แต่เราจะต้องไม่แพ้เช่นกัน" วันที่ 11 สิงหาคม เขาเสนอลาออกจากตำแหน่งต่อไกเซอร์ ผู้ทรงปฏิเสธ โดยทรงตอบว่า "ฉันเห็นว่าเราต้องทำให้เกิดสมดุล เราได้เกือบถึงขีดจำกัดอำนาจการต้านทานของเรา สงครามต้องยุติ" วันที่ 13 สิงหาคม ที่สปา (Spa) ฮินเดนแบร์ก ลูเดินดอร์ฟฟ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศฮินทซ์ตกลงว่าสงครามไม่อาจยุติลงได้ในทางทหาร และในวันรุ่งขึ้นสภาราชสำนักเยอรมันตัดสินใจว่า ชัยชนะในสนามรบขณะนี้ยากที่จะเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ออสเตรียและฮังการีเตือนว่า ทั้งสองสามารถทำสงครามได้ถึงเดือนธันวาคมเท่านั้น และลูเดินดอร์ฟฟ์เสนอการเจรจาสันติภาพทันที แด่ไกเซอร์ผู้ทรงสนองโดยทรงแนะนำให้ฮินทซ์มองหาการไกล่เกลี่ยจากสมเด็จพระราชินีแห่งเนเธอร์แลนด์ เจ้าชายรุพเพรชท์เตือนเจ้าชายมักซ์แห่งบาเดนว่า "สถานการณ์ทางทหารของเราบั่นทอนลงอย่างรวดเร็วเสียใจฉันไม่เชื่อว่าเราสามารถยื้อได้ตลอดฤดูหนาวอีกต่อไป และเป็นไปได้ว่าหายนะจะมาเร็วกว่านั้น" วันที่ 10 กันยายน ฮินเดนแบร์กกระตุ้นท่าทีสันติภาพต่อจักรพรรดิชาลส์แห่งออสเตรีย และเยอรมนีร้องต่อเนเธอร์แลนด์ขอการไกล่เกลี่ย วันที่ 14 กันยายน ออสเตรียส่งบันทึกถึงคู่สงครามและประเทศเป็นเลางทั้งหมดเสนอการประชุมสันติภาพในประเทศที่เป็นกลาง และวันที่ 15 กันยายน เยอรมนียื่นข้อเสนอสันติภาพต่อเบลเยียม ข้อเสนอสันติภาพทั้งสองถูกปฏิเสธ และวันที่ 24 กันยายน OHL แจ้งต่อผู้นำในเบอร์ลินว่าการเจรจาสงบศึกหลีกเลี่ยงไม่ได้
เดือนกันยายนเป็นเดือนที่ฝ่ายเยอรมันยังคงสู้รบการปฏิบัติกองระวังหลังอย่างเข็มแข้งและเริ่มการตีโต้ตอบหลายครั้งต่อตำแหน่งที่เสียไป แต่ประสบผลสำเร็จเพียงเล็กน้อย และเพียงชั่วคราวเท่านั้น เมือง หมู่บ้าน ที่สูงและสนามเพลาะในตำแหน่งและกองรักษาด่านที่มีการป้องกันของแนวฮินเดนแบร์กยังเสียแก่ฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง โดยกองทัพอังกฤษเพียงชาติเดียวก็สามารถจับเชลยศึกได้ถึง 30,441 นายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การรุกต่อไปทางตะวันออกขนาดเล็กจะเกิดขึ้นหลังชัยชนะของกองทัพที่ 3 ที่อีวินกูร์ (Ivincourt) ในวันที่ 12 กันยายน กองทัพที่ 4 ที่อีเฟอนี (Epheny) ในวันที่ 18 กันายน และกองทัพฝรั่งเศสยึดได้แอซซีญีเลอก็อง (Essigny-le-Grand) อีกวันหนึ่งให้หลัง วันที่ 24 กันยายน การโจมตีครั้งสุดท้ายของทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสบนแนวรบ 6.4 กิโลเมตรจะเข้ามาในระยะ 3.2 กิโลเมตรของแซ็งก็องแต็ง (St. Quentin) ด้วยกองรักษาด่านและแนวป้องกันขั้นต้นของตำแหน่งซีกฟรีดและอัลเบริชถูกทำลายหมดไป ฝ่ายเยอรมันขณะนี้อยู่หลังแนวฮินเดนแบร์กทั้งหมด ด้วยตำแหน่งโวทันของแนวนั้นได้ถูกเจาะไปแล้วและตำแหน่งซีกฟรีดอยู่ในอันตรายจะถูกโอบจากทางเหนือ เวลานี้ฝ่ายสัมพันธมิตรสบโอกาสโจมตีตลอดทั้งความยาวแนวรบ
การโจมตีตรงแนวฮินเดนแบร์กของฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 26 กันยายน รวมทหารสหรัฐด้วย ทหารอเมริกันที่ยังอ่อนประสบการณ์ประสบปัญหาเกี่ยวกับรถไฟเสบียงสำหรับหน่วยขนาดใหญ่บนภูมิประเทศทุรกันดาร สัปดาห์หนึ่งให้หลังหน่วยฝรั่งเศสและอเมริกันเจาะผ่านในช็องปาญ (Champagne) ที่ยุทธการเนินบลังก์มง (Blanc Mont) บีบให้ฝ่ายเยอรมันถอยไปจากที่สูงที่ควบคุมอยู่ และรุกคืบเข้าใกล้ชายแดนเบลเยียม เมืองเบลเยียมแห่งสุดท้ายที่ได้รับการปลดปล่อยก่อนการสงบศึกคือ เกนต์ (Ghent) ซึ่งฝ่ายเยอรมันยึดไว้เป็นจุดหลังกระทั่งฝ่ายสัมพันธมิตรนำปืนใหญ่ขึ้นมา กองทัพเยอรมันได้ย่นระยะแนวรบของตนและใช้พรมแดนดัตช์เป็นสมอเพื่อสู้รบการปฏิบัติกองหลัง
เมื่อบัลแกเรียลงนามการสงบศึกแยกต่างหากเมื่อวันที่ 29 กันยายน ฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับการควบคุมเซอร์เบียและกรีซ ลูเดินดอร์ฟฟ์ ซึ่งอยู่ภายใต้ความเครียดใหญ่หลวงหลายเดือน มีอาการคล้ายกับป่วย เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเยอรมนีไม่อาจป้องกันได้อย่างสำเร็จอีกต่อไป
ขณะเดียวกัน ข่าวความพ่ายแพ้ทางทหารที่กำลังเกิดขึ้นในไม่ช้าของเยอรมนีแพร่สะพัดไปทั่วกองทัพเยอรมัน ภัยคุกคามการขัดขืนคำสั่งนั้นสุกงอม พลเรือเอกไรนาร์ด เชร์และลูเดินดอร์ฟฟ์ตัดสินใจเริ่มความพยายามครั้งสุดท้ายเพื่อฟื้นฟู "ความกล้าหาญ" ของกองทัพเรือเยอรมัน โดยทราบว่ารัฐบาลของเจ้าชายมาซีมีลันแห่งบาเดนจะยับยั้งการปฏิบัติเช่นนี้ ลูเดินดอร์ฟฟ์ตัดสินใจไม่ถวายรายงาน อย่างไรก็ดี ข่าวการโจมตีที่กำลังเกิดขึ้นในไม่ช้ามาถึงหูกะลาสีที่คีล กะลาสีหลายคนปฏิเสธจะเข้าร่วมการรุกทางทะเลซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ก่อกบฏและถูกจับกุม ลูเดินดอร์ฟฟ์รับผิดชอบความผิดพลาดนี้ ไกเซอร์ปลดเขาในวันที่ 26 ตุลาคม การล่มสลายของบอลข่านหมายความ่วา เยอรมนีกำลังเสียเสบียงอาหารและน้ำมันหลักของตน ปริมาณสำรองได้ใช้หมดไปแล้ว ขณะเดียวกับที่กองทัพสหรัฐมาถึงยุโรปด้วยอัตรา 10,000 นายต่อวัน
โดยได้รับความสูญเสียถึง 6 ล้านชีวิต เยอรมนีได้หันไปหาสันติภาพ เจ้าชายมาซีมีลันแห่งบาเดนมีหน้าที่ในรัฐบาลใหม่เป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมนีในการเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตร การเจรจาทางโทรเลขกับประธานาธิบดีวิลสันเริ่มขึ้นทันที ในความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าเขาจะได้รับข้อเสนอที่ดีกว่ากับอังกฤษและฝรั่งเศส แต่วิลสันกลับเรียกร้องให้ไกเซอร์สละราชสมบัติ ไม่มีการต่อต้านเมื่อฟีลิพพ์ ไชเดมันน์แห่งพรรคสังคมประชาธิปไตย ประกาศให้เยอรมนีเป็นสาธารณรัฐเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน จักรวรรดิเยอรมันล่มสลายลง และเยอรมนีใหม่ คือ สาธารณรัฐไวมาร์ ได้เกิดขึ้นแทน
การสงบศึกและการยอมจำนน
การล่มสลายของฝ่ายมหาอำนาจกลางมาเยือนอย่างรวดเร็ว บัลแกเรียเป็นประเทศแรกที่ลงนามการสงบศึก เมื่อวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 1918 ที่ซาโลนิกิ วันที่ 30 ตุลาคม จักรวรรดิออตโตมันยอมจำนนที่มูโดรส
วันที่ 24 กันยายน อิตาลีเริ่มการผลักดันซึ่งทำให้ได้รับดินแดนที่สูญเสียไปคืนหลังยุทธการคาปอเร็ตโต จนลงเอยในยุทธการวิตโตริโอ เวเนโต อันเป็นจุดจบที่กองทัพออสเตรีย-ฮังการีไม่อาจเป็นกำลังรบที่มีประสิทธิภาพได้อีกต่อไป การรุกนี้ยังกระตุ้นการสลายตัวของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ระหว่างสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม มีการประกาศเอกราชขึ้นในกรุงบูดาเปสต์, ปราก และซาเกร็บ วันที่ 29 ตุลาคม ทางการออสเตรีย-ฮังการีขอสงบศึกกับอิตาลี แต่อิตาลีรุกคืบต่อไป โดยไปถึง, และตรีเยสเต วันที่ 3 พฤศจิกายน ออสเตรีย-ฮังการีส่งธงพักรบขอการสงบศึก เงื่อนไข ซึ่งจัดการโดยโทรเลขกับทางการฝ่ายสัมพันธมิตรในกรุงปารีส มีการสื่อสารไปยังผู้บัญชาการออสเตรียและยอมรับ การสงบศึกกับออสเตรียมีการลงนามในวิลลา กิอุสติ ใกล้กับพาดัว เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ออสเตรียและฮังการีลงนามการสงบศึกแยกกันหลังการล้มล้างราชวงศ์ฮับส์บูร์ก
หลังการปะทุของการปฏิวัติเยอรมัน มีการสถาปนาสาธารณรัฐขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน องค์ไกเซอร์ได้ทรงหลบหนีไปยังเนเธอร์แลนด์ วันที่ 11 พฤศจิกายน มีการลงนามการสงบศึกกับเยอรมนีขึ้นในตู้โดยสารรถไฟในคองเปียญ เมื่อเวลา 11 นาฬิกา ของวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 หรือ "ชั่วโมงที่สิบเอ็ด ของวันที่สิบเอ็ด ของเดือนที่สิบเอ็ด" การหยุดยิงมีผลบังคับ กองทัพซึ่งประจัญกันอยู่บนแนวรบด้านตะวันตกนั้นเริ่มถอนจากตำแหน่งของตน พลทหารแคนาดา จอร์จ ลอว์เรนซ์ ไพรซ์ ถูกยิงโดยพลแม่นปืนชาวเยอรมันเมื่อเวลา 10.57 น. และสิ้นชีวิตเมื่อเวลา 10.58 น. เฮนรี กึนเธอร์ชาวอเมริกันถูกสังหาร 60 วินาทีก่อนการสงบศึกมีผลบังคับขณะเข้าตีกำลังพลเยอรมันที่รู้สึกประหลาดใจ เพราะทราบข่าวว่า กำลังจะมีการสงบศึกขึ้น ทหารอังกฤษคนสุดท้ายที่เสียชีวิต คือ พลทหารจอร์จ เอ็ดวิน เอลลิสัน ผู้เสียชีวิตคนสุดท้ายในสงคราม คือ ร้อยโทโธมัส ผู้ซึ่ง หลังเวลา 11 นาฬิกา กำลังเดินไปยังแนวรบเพื่อแจ้งข่าวแก่ทหารอเมริกันซึ่งยังไม่ถูกแจ้งข่าวการสงบศึกว่า พวกเขาจะละทิ้งอาคารเบื้องหลังพวกเขา
สถานะสงครามอย่างเป็นทางการระหว่างทั้งสองฝ่ายดำรงอยู่เป็นเวลาอีกจนเดือน กระทั่งการลงนามสนธิสัญญาแวร์ซายกับเยอรมนีเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1919 สนธิสัญญากับออสเตรีย ฮังการี บัลแกเรียและจักรวรรดิออตโตมันมีการลงนามภายหลัง อย่างไรก็ดี การเจรจากับจักรวรรดิออตโตมันนั้นตามมาด้วยการขัดแย้งกัน และสนธิสัญญาสันติภาพสุดท้ายระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรกับประเทศซึ่งอีกต่อมาไม่นานจะได้ชื่อว่า สาธารณรัฐตุรกี มีการลงนามเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1923 ที่โลซาน
ในทางกฎหมาย สนธิสัญญาสันติภาพอย่างเป็นทางการไม่เสร็จสมบูรณ์กระทั่งมีการลงนามในสนธิสัญญาโลซานฉบับสุดท้าย ภายใต้เงื่อนไขนั้น กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรถอนออกจากคอนสแตนติโนเปิลเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 1923
ความได้เปรียบของฝ่ายสัมพันธมิตรและตำนานแทงข้างหลัง พฤศจิกายน ค.ศ. 1918
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ฝ่ายสัมพันธมิตรมีกำลังบำรุงที่เป็นคนและยุทโธปกรณ์มากพอที่จะรุกรานเยอรมนี กระนั้น เมื่อมีการสงบศึกนั้น ไม่มีกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรใดข้ามพรมแดนเยอรมนีได้เลย แนวรบด้านตะวันตกยังอยู่ห่างจากกรุงเบอร์ลินเกือบ 1,400 กิโลเมตร และกองทัพเยอรมันยังล่าถอยจากสนามรบอย่างเป็นระเบียบดี ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ฮินเดินบวร์คและผู้นำเยอรมันอาวุโสคนอื่น ๆ เผยแพร่เรื่องเล่าว่า กองทัพของพวกเขามิได้ถูกเอาชนะอย่างแท้จริง ซึ่งต่อมาได้เกิดเป็นตำนานแทงข้างหลัง คือ ถือว่าความพ่ายแพ้ของเยอรมนีนั้นมิได้เกิดจากการขาดความสามารถในการสู้รบต่อไป (แม้ทหารมากถึงหนึ่งล้านนายกำลังเจ็บป่วยจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ค.ศ. 1918 และไม่พร้อมรบ) แต่เป็นเพราะสาธารณชนขาดการสนองต่อ "การเรียกด้วยความรักชาติ" และการก่อวินาศกรรมอย่างเจตนาต่อความพยายามของสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกยิว สังคมนิยมและบอลเชวิค
ผลที่ตามมา
ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง มีจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ต้องล่มสลายไปถึง 4 จักรวรรดิ ได้แก่ จักรวรรดิเยอรมัน จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี จักรวรรดิออตโตมัน และจักรวรรดิรัสเซีย หลายประเทศได้รับเอกราชของชาติกลับคืนมา และในจำนวนหนึ่งก็สถาปนาประเทศของชาติตนขึ้นมา นอกจากนี้ ราชวงศ์ใหญ่ในทวีปยุโรปทั้งสี่ ได้แก่ ราชวงศ์โรมานอฟ ราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น ราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค และราชวงศ์ออตโตมัน ต้องถึงคราวสิ้นสุดจากผลของสงครามเช่นกัน เบลเยียมและเซอร์เบียเป็นประเทศที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วง เช่นเดียวกับฝรั่งเศส ด้วยจำนวนทหารที่เสียชีวิตราว 1.4 ล้านนาย ไม่นับรวมกับความสูญเสียอื่น ๆ ส่วนเยอรมนีและรัสเซียต่างได้รับผลกระทบในทำนองเดียงกัน
สิ้นสุดสงครามอย่างเป็นทางการ
ภาวะของสงครามอย่างเป็นทางการระหว่างทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินต่อไปอีกเจ็ดเดือน กระทั่งการลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซายกับเยอรมนีเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1919 วุฒิสภาสหรัฐมิได้ให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาฉบับนี้ แม้จะมีการสนับสนุนจากสาธารณชนก็ตาม และไม่ได้มีการยุติการมีส่วนร่วมในสงครามอย่างเป็นทางการจนกระทั่งการลงนามใน (Knox–Porter Resolution) เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1921 โดยประธานาธิบดีวาร์เรน จี. ฮาร์ดิง สำหรับจักรวรรดิบริติชแล้ว ภาวะสงครามสิ้นสุดลงภายใต้บทบัญญัติแห่ง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ:
- เยอรมนี เมื่อวันที่ 10 มกราคม 1920
- ออสเตรีย เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1920
- บัลแกเรีย เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1920
- ฮังการี เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1921
- ตุรกี เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1924
อนุสรณ์สถานสงครามบางแห่งลงวันสิ้นสุดสงครามตรงกับวันที่ลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซายใน ค.ศ. 1919 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กองทหารผ่านศึกในต่างประเทศได้กลับบ้านในที่สุด ในทางกลับกัน การระลึกถึงการยุติสงครามส่วนมากจะมุ่งเน้นไปที่การสงบศึก 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918
สนธิสัญญาสันติภาพและเขตแดนของชาติ
ภายหลังสงคราม ทั่วโลกให้ความสนใจกับการศึกษาเหตุแห่งสงครามและองค์ประกอบที่จะพาโลกไปสู่สันติภาพ ส่วนหนึ่งได้นำไปสู่การสร้างสันติภาพและการศึกษาด้านความขัดแย้ง การศึกษาด้านความปลอดภัย รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยทั่วไปการประชุมสันติภาพปารีสได้กำหนดชุดสนธิสัญญาสันติภาพเพื่อยุติสงครามกับฝ่ายมหาอำนาจกลางอย่างเป็นทางการ สนธิสัญญาแวร์ซายใน ค.ศ. 1919 ได้จัดการกับเยอรมนี มีการกำหนดหลักการสิบสี่ข้อของวิลสัน และมีการจัดตั้งสันนิบาตชาติเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1919
ฝ่ายมหาอำนาจกลางจำต้องยอมรับความรับผิดชอบสำหรับ "ความสูญเสียและความเสียหายทั้งหมดต่อรัฐบาลฝ่ายสัมพันธมิตรและชาติสมทบตลอดจนชนชาติของฝ่ายเหล่านั้น เนื่องจากเยอรมนีและพันธมิตรของเยอรมนีได้กระทำสงครามแก่ฝ่ายเหล่านั้นด้วยการรุกราน" ซึ่งปรากฏอยู่ในข้อ 231 ของสนธิสัญญาแวร์ซาย หัวข้อดังกล่าวได้กลายเป็นที่กล่าวถึงในฐานะ "ข้อกำหนดความรับผิดในอาชญากรรมสงคราม" เนื่องจากสร้า
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
sngkhramolkkhrngthihnung xngkvs World War I epnsngkhramolkthikinewlatngaetwnthi 28 krkdakhm kh s 1914 thungwnthi 11 phvscikayn kh s 1918 sungepnkhwamkhdaeyngknrahwangsxngkhwmhaxanacphnthmitr idaek faysmphnthmitraelafaymhaxanacklang odykartxsukhxngthngsxngfaydaeninkhuninthwipyuorp tawnxxkklang aelaphunthibangswnkhxng epnhnunginsngkhramthimikhwamsuyesiymakthisudinprawtisastr dwycanwnthharthiesiychiwit 9 lannay aelabadecb 23 lannay rwmthngphleruxnthiesiychiwitcaksaehtuxunxik 5 lankhn inchwngsngkhrammikarkrathakhalangephaphnthusungsngphlihmiphuesiychiwitxikhlaylankhn aelasngkhramyngepnpccysakhythithaihekidkarrabadthwkhxngikhhwdihysepnsngkhramolkkhrngthihnung eriyngtamekhmnalikaerimcakphaphbnsud sphaphphumipraethshlngkarradmyingpunihyrahwangyuththkarthiaemnasxmm rththngmarkh 5 khamaenwhinednbwrkh eruxhlwng xirisisthiebil xppanghlngchnthunraebidindardaenls phlpunklwikekhxschawbritichswmhnakakknaeksrahwangyuththkarthiaemnasxmm ekhruxngbinkhbilxlbathrxs ed3 khxngykdchtfefil 11wnthi28 krkdakhm kh s 1914 11 phvscikayn kh s 1918 4 pi 3 eduxn aela 2 spdah sthanthithwipyuorp thwipaexfrika tawnxxkklang hmuekaaaepsifik cin mhasmuthrxinediy aelamhasmuthraextaelntiktxnehnuxaelatxnitphlfaysmphnthmitrchna karlmslaykhxngkhxngckrwrrdiinthwipyuorpthnghmd xnidaek ckrwrrdieyxrmn ckrwrrdirsesiy ckrwrrdixxtotmn aelackrwrrdixxsetriy hngkari karptiwtirsesiyaelasngkhramklangemuxngrsesiy sungnaipsukarsthapnashphaphosewiytinphayhlng karlmslaykhxngckrwrrdieyxrmnaelakxtngsatharnrthiwmar sngkhramprakasxisrphaphturkiphayhlngcakkaryudkhrxngkhxngckrwrrdixxtotmn karkxkhwamimsngbaelakarptiwtiidaephkracayipthwthngthwipyuorpaelaexechiy karkxtngsnnibatchati duephimetimcakphlphwngkhxngsngkhramolkkhrngthihnung yipunidrbchingetaaeladinaednxananikhmkhxngeyxrmnxun inmhasmuthraepsifik rwmthngpaela hmuekaamaraechll aelahmuekaaaekhorilndinaedn epliynaeplngkarsthapnapraethsihminthwipyuorpaelatawnxxkklangkaroxnyayxananikhmaeladinaednkhxngeyxrmnihkbpraethsxun aelakhusngkhramfaysmphnthmitr frngess ckrwrrdibritich shrachxanackr aekhnada xxsetreliy xinediysilxn niwsiaelnd aexfrikait rsesiy 1914 17 yipun xitali 1915 18 shrth 1917 18 ebleyiym esxrebiy mxnetenokr oprtueks 1916 18 ormaeniy 1916 18 kris 1917 18 cin 1917 18 syam 1917 18 brasil 1917 18 faymhaxanacklang eyxrmni xxsetriy hngkari ckrwrrdixxtotmn blaekeriy 1915 18 aelaxun phubngkhbbychaaelaphunaphunafaysmphnthmitr aermng pwngkaer chxrch eklmxngos cxmphl epaetng cxrcthi 5 edwid lxyd cxrc cxmphl khitchienxr sar niokhlsthi 2 aehngrsesiy witotriox exmanuexelthi 3 wudorw wilsn oychihiotaaehngyipun hara thakachi xlaebrthi 1 aehngebleyiym pietxrthi 1 aehngesxrebiy efxrdinandthi 1 aehngormaeniy xielfethrixxs ewnieslxs phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw phltri phrayaethphhsdin aelakhnxun phunafaymhaxanacklang ikhesxr wilehlmthi 2 cxmphl hinedinbwrkh phlexk luedindxrf cxmphlerux ethiyrphiths ethoxblth fxn ebthmn hxlewkh ikhesxr frnths oyesfthi 1 ikhesxr kharlthi 1 kharl fxn chetuxrkh xichtwan tisx emhehmdthi 5 emhehmdthi 6 phlctwa aexnaewr phlctwa ekhml sar efxrdinandthi 1 aehngblaekeriy aelakhnxun kalng12 000 000 khn 8 841 541 khn 6 211 922 khn628 964 khn412 953 khn1 440 437 khn128 525 khn136 070 khn 8 660 000 khn 5 615 140 khn 4 743 826 khn 1 234 000 khn 800 000 khn 707 343 khn 380 000 khn 250 000 khn 100 000 khn 1 713 khn 1 284 khn rwm 42 961 450 khn13 250 000 khn 7 800 000 khn 2 998 321 khn 1 200 000 khn rwm 25 248 321 khnkhwamsuyesiyesiychiwit 5 525 000 khn badecb 12 831 500 khn suyhay 4 121 000 khn rwm 22 477 500 khnesiychiwit 4 386 000 khn badecb 8 388 000 khn suyhay 3 629 000 khn rwm 16 403 000 khn bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha khwamtungekhriydthangkarthutthiephimkhunrahwangmhaxanacyuorpthungcudaetkhkemuxwnthi 28 mithunayn kh s 1914 emuxkfriol prinsip chawesirbbxseniylxbplngphrachnmxarchdyukfrnths aefridinnth rchthayathaehngrachbllngkxxsetriy hngkari ckrwrrdixxsetriy hngkarimxngwaesxrebiytxngrbphidchxbekiywkbehtukarndngklawaelaprakassngkhramemuxwnthi 28 krkdakhm rsesiyekhaihkarchwyehluxesxrebiy aelainwnthi 4 singhakhm eyxrmni frngess aelashrachxanackrekharwmsngkhram echnediywkbckrwrrdixxtotmnthiekharwmsngkhramineduxnphvscikayn piediywkn klyuththkarrbkhxngeyxrmniin kh s 1914 khuxkarphichitfrngessidsaercchatiaerk caknncungyaykxngkalngipyngaenwrbdanrsesiy xyangirktam aephnkarniklb aelainchwngplay kh s 1914 aenwrbdantawntkcungklayepnsmrphumisnamephlaathilakyawcakchxngaekhbxngkvsthungswitesxraelnd klbknthiaenwrbdantawnxxksungkarrbmikhwamkhubhnamakkwa aetthngsxngfayyngimsamarthsrangkhwamidepriybidxyangeddkhad aemwakarrukcamikhwamkawhna emuxsngkhramerimkhyayipsuaenwrbdanxunmakkhun blaekeriy ormaeniy kris xitali aelachatitang idekharwmsngkhramtngaet kh s 1915 epntnma inchwngtn kh s 1917 odyxyufaysmphnthmitr aelatxmainpiediywkn bxlechwikhethlingxanacinrsesiyrahwangkarptiwtieduxntulakhm epnehtuihpraethsecrcasngbsukkbfaymhaxanacklangemuxchwngtn kh s 1918 caknneyxrmniidepidkarrukindantawntkemuxeduxnminakhm kh s 1918 aelathungaemwakarrukcaprasbphlsaercebuxngtn aetksrangkhwamxxnlaaelakhwamkhwyesiyaekkxngthpheyxrmnepnxyangmak cakkhwamsaerckhxngkarruktxbotodyfaysmphnthmitrinewlatxmasngphlihaenwrbeyxrmnaetkphay inchwlplay kh s 1918 blaekeriy ckrwrrdixxtotmn aelackrwrrdixxsetriy hngkariyinyxmecrcasngbsukkbfaysmphnthmitr plxyiheyxrmnixyuoddediywinsngkhram sungtxngephchiykbkarptiwtiphayinpraethsaelakhwamphyayamkxkbtkhxngkxngthph thaihthaythisudckrphrrdiwilehlmthi 2 aehngeyxrmni thrngslarachsmbtiemuxwnthi 9 phvscikayn karrbyutilngcakkarsngbsuk 11 phvscikayn kh s 1918 aelatxmakarecrcasntiphaphparisidkahndenguxnikhtang ihkbphuphayaeph odythipraktednchdthisudkhuxsnthisyyaaewrsay karlmslaykhxngckrwrrdiihyxyangrsesiy eyxrmni xxsetriy hngkari aelaxxtotmnthaihekidrthexkrachihmkhunmaxyangmakmay xnprakxbdwyopaelnd finaelnd echoksolwaekiy aelayuokslaewiy sungcakkarirkhwamsamarthinkarcdkarkhwamimmnkhngphayhlngsngkhram miswnthaihekidkarpathukhunkhxngsngkhramolkkhrngthisxngineduxnknyayn kh s 1939chuxkhawa sngkhramolk thukichkhrngaerkineduxnknyayn kh s 1914 odynkchiwwithyaaelankprchyachaweyxrmn phuklawxangwa imtxngsngsyelywahlksutraelalksnakhxng sngkhraminyuorp thinaklw caklayepnsngkhramolkkhrngaerktamkhwamhmaykhxngkhani tamkarxangxingcakraynganbrikarothrelkhinhnngsuxphimphxinediynaophlis star emuxwnthi 20 knyayn kh s 1914 inchwngkxnsngkhramolkkhrngthisxng ehtukarninpi kh s 1914 1918 epnthiruckknodythwipinchuxwa mhasngkhram hruxeriykxyangngay wa sngkhramolk ineduxntulakhm kh s 1914 nitysaraekhnadathimichuxwa aemkhlins idekhiyniwwa bangkhrngsngkhramtang idtngchuxepnkhxngtwexng nikhuxmhasngkhram chawyuorpinyukhediywknyngideriykwa hrux sngkhramephuxyutisngkhramthnghmd enuxngcakkarrbruthungkhnadaelakarthalaylangthiimikhrepriybethiybidinkhnann phayhlngsngkhramolkkhrngthisxngiderimtnkhuninpi kh s 1939 khadwklawidklayepnmatrthanmakkhunodynkprawtisastrkhxngckrwrrdibritich rwmthngchawaekhnada thiniymichkhaeriykwa sngkhramolkkhrngaerk aela sngkhramolkkhrngthihnung khxngchawxemriknphumihlngaehngsngkhramphnthmitrthangkaremuxngaelakarthhar khuaekhngphnthmitrthangthharinpi kh s 1914 itrphakhikhuxsiekhiyw itrphnthmitrkhuxsinatal miephiyngitrphnthmitrethannthiepn phnthmitr xyangepnthangkar swnxun thiidrabuiwepnrupaebbkarsnbsnunxyangimepnthangkar inchwngstwrrsthi 19 praethsmhaxanacthisakhyinthwipyuorpidphyayamcarksasmdulaehngxanacrahwangknexngsngphlihekhruxkhayphnthmitrthangkaremuxngaelakarthharnnmikhwamsbsxn khwamthathaythiyingihythisudkhuxkarthxntwkhxngbritichcnnaipsusingthieriykwa karesuxmthxykhxngckrwrrdixxtotmn aelakarethlingxanackhxngprsesiyinchwnghlngpi kh s 1848 phayitkarnaodyxxthoth fxn bismarkh chychnainsngkhramxxsetriy prsesiy pi kh s 1866 idsthapnaihprsesiyichxanackhrxbngaineyxrmni inkhnathichychnaehnuxfrngessinsngkhramfrngess prsesiy pi kh s 1870 1871 idrwmrtheyxrmntang maepnircheyxrmnphayitkarnakhxngprsesiy khwamtxngkaraekaekhnkhxngfrngessthimitxkhwamphayaephinpi kh s 1871 thieriykknwa aelakarekhayudxalss lxaernklbkhunmaklayepnepahmayhlkkhxngnoybayfrngessinxiksisibpikhanghna duthi inpi kh s 1873 ephuxaebngaeykfrngessaelahlikeliyngsngkhraminsxngaenwrb bismarkhidecrcakbsnnibatsamckrphrrdi German Dreikaiserbund rahwangxxsetriy hngkari rsesiy aelaeyxrmni singthiekiywkhxngkbchychnakhxngrsesiyinsngkhramprsesiy turki pi kh s 1877 1878 aelamixiththiphlinkhabsmuthrbxlkhan snnibatcungthukyubinpi kh s 1878 dwyeyxrmniaelaxxsetriy hngkariidkxtngthwiphnthmitrinewlatxmainpi kh s 1879 singniidklayepnitrphnthmitr emuxxitaliekharwminpi kh s 1882 12 raylaexiydinthangptibtikhxngphnthmitrehlanimicakd enuxngcakwtthuprasngkhhlkkhxngphwkekhakhuxephuxihaenicwamikarrwmmuxknrahwangsammhaxanacckrwrrdiaelaephuxaebngaeykfrngess khwamphyayamkhxngbritichinpi kh s 1880 ephuxaekikhkhwamtungekhriyddanxananikhmkbrsesiyaelakarekhluxnihwthangkarthutodyfrngessthaihbismarkhtxngkxtngsnnibatkhunmaihminpi kh s 1881 emuxsnnibatidsinsudlnginpi kh s 1887 mnidthukaethnthidwysnthisyyapraknphnthimtri khxtklnglbrahwangeyxrmniaelarsesiyephuxrksakhwamepnklang hakthukocmtiodyfrngesshruxxxsetriy hngkari inpi kh s 1890 ckrphrrdieyxrmnphraxngkhihm ikhesxr wilehlmthi 2 thrngbibbngkhbihbismarkheksiynrachkaraelaidrbkaronmnawimtxxayusnthisyyapraknphnthimtriodynaykrthmntrikhnihm singnithaihfrngesssamarthtxtanitrphnthmitrdwykarepnphnthmitrknkhxngfrngess rsesiyinpi kh s 1894 aelakhwamtklngchnthimtrikbbritich inkhnathibritichaelarsesiyidlngnaminxnusyyaxngkvs rsesiy pi kh s 1907 khxtklngniimidthuxwaepnphnthmitrxyangepnthangkar aetdwykaryutikhxphiphathekiywkbxananikhmthimimayawnan phwkekhaidthaihbritichidekhasukhwamkhdaeynginxnakhtthiekiyngkhxngkbfrngesshruxrsesiyethathicaepnipid khxtklngthwiphakhithiprasannganknehlaniidklayepnthiruckkninchuxwa itrphakhi britichidihkarsnbsnunaekfrngessinkartxtaneyxrmniinchwngwikvtkarnomrxkhokthisxng pi kh s 1911 idsngesrimkhwamrwmmuxrahwangsxngpraeths aelakbrsesiy aelakhwambadhmangrahwangxngkvs eyxrmnidephimmakkhun thaihekidkaraebngaeykthiekhmkhnkhuninpi kh s 1914 karaekhngkhnthangxawuth eruxexchexmexs irchlnd eruxrbradbchn Nassau eruxlaaerkkhxngeyxrmnephuxtxbotkarprakttwkhxngerux edrdnxtkhxngbritich karsrangircheyxrmnphayhlngcakchychnainsngkhramfrngess prsesiyinpi kh s 1871 idnaipsukhwamaekhngaekrngthangesrsthkicaelaxutsahkrrmkhxngeyxrmnithiephimmakkhun phleruxexk xlefrth fxn ethiyrphiths aelawilehlmthi 2 thiklayepnckrphrrdiinpi kh s 1890 idphyayamthicaichsingnnephuxsrangikhesxrliechxmarienxhruxkxngthpheruxckrwrrdieyxrmnephuxaekhngkhnkbrachnawikhxngbritichephuxaeyngchingxanacsungsudthangthaelkhxngolk inkarthaechnni phwkekhaidrbxiththiphlcak nkyuththsastrkxngthpheruxshrth phuthiotaeyngwakarkhrxbkhrxngnasifakhxngkxngthpheruxnnmikhwamsakhytxsingthiwangaephniwinxanacthwolk ethiyrphithsidaeplhnngsuxkhxngekhaepnphasaeyxrmnaelawilehlmthi 2 thrngihphwkekhaidxanmn xyangirktam mnyngidrbaerngphlkdncakkarykyxngkhxngwilehlmthi 2 thimitxrachnawiaelathrngprarthnathicaexachna singnisngphlihekid aetkarepidtwkhxngeruxhlwngedrdnxt inpi kh s 1906 thaihrachnawimikhwamidepriybthangethkhonolyiehnuxkhuaekhngxyangeyxrmn sungphwkekhaimekhyphayaeph inthaythisud karaekhngkhnnnidichthrphyakrcanwnmakipsukarsrangkxngthpheruxeyxrmnthimikhnadihythimakphxthicatxtanbritich aetkimxacthicaexachnaid inpi kh s 1911 naykrthmntri ethoxblth fxn ebthmn hxlewkh idyxmrbkhwamphayaeph sungnaipsu Rustungswende hrux cudepliynxawuthyuothpkrn emuxeyxrmniidepliynkhaichcaycakkxngthpheruxmaepnkxngthphbkaethn singniidrbaerngphlkdncakkarfunfukhxngrsesiycakkarptiwti pi kh s 1905 odyechphaaxyangyingkhuxkarephimkarlngthuninchwnghlngpi kh s 1908 inthangrthifaelaokhrngsrangphunthaninphumiphakhchayaedntawntk eyxrmniaelaxxsetriy hngkariidxasykarradmphlthharthierwkhunephuxchdechycanwnthiminxylng dwykhwamkngwlinkarpidchxngwangnisungnaipsukarsinsudlngkhxngkaraekhngkhnthangerux aethnthicaldkhwamtungekhriydcakthixun emuxeyxrmniidkhyaykxngthphbkthimicanwnkhngthikhux 170 000 nay inpi kh s 1913 frngessidkhyaykareknththharcaksxngthungsampi matrkarthimikhwamkhlayknthithukdaeninkarodypraethsmhaxanacinkhabsmuthrbxlkhanaelaxitalithaihxxtotmnaelaxxsetriy hngkarimikhaichcaythiephimmakkhun canwnthismburnepnsingthiyakcakhanwn enuxngcakkhwamaetktanginkarcdhmwdhmukhaichcay inkhnathimkcalaewnokhrngkarokhrngsrangphunthankhxngphleruxnthimikarichthangthhar echn thangrthif xyangirktam tngaetpi kh s 1908 thung pi kh s 1913 khaichcaydankarpxngknodypraethsmhaxanacinyuorp 6 praethsidephimkhunkwa 50 inmummxngthiaethcring khwamkhdaeynginbxlkhan chawemuxngsaraeyowidyunxanopsetxrdwykhaprakaskhxngkarphnwkdinaednkhxngxxsetriyinpi kh s 1908 ineduxntulakhm kh s 1908 xxsetriy hngkariidyutiinpi kh s 1908 1909 odythakarphnwkxditdinaednkhxngxxtotmnxyangbxseniyaelaehxresokwina sungtngaetpi kh s 1878 singnithaihrachxanackresxrebiyaelaphuxupthmph klum aelaklumnikayxxrthxdxkskhxngckrwrrdirsesiyekidkhwamokrthekiyw bxlkhanidrbkarkhnannamwa inpi kh s 1911 1912 epnekhalangthisakhykhxngsngkhramolkkhrngthihnung enuxngcakcudchnwnlththichatiniyminrthbxlkhanaelaputhangipsusngkhrambxlkhan inpi kh s 1912 aela 1913 epnkarsurbrahwangsnnibatbxlkhanaelackrwrrdixxtotmnthiaetkaeyk sngphlthaihekidsnthisyyalxndxnsungthaihckrwrrdixxtotmnidhdtwlngipxik thaihekidrthaexlebeniythiepnexkrach inkhnathiidkhyaykarthuxkhrxngdinaednkhxngblaekeriy esxrebiy mxnetenokr aelakris emuxblaekeriyidekhaocmtiesxrebiyaelakrisinwnthi 16 mithunayn kh s 1913 epnkarcudchnwnkhxngthikinewlaephiyng 33 wn inchwngtxnthayktxngsuyesiyswnihykhxngmasiodeniyihkbesxrebiyaelakris aeladxbrucaitihkbormaeniy thaihphumiphakhaehngnnekidkhwamsnkhlxntxip samarththicarksakhwamkhdaeyngbxlkhaniwid aetkhrngtxipcaaephrkracayipthwyuorpaelaxun cudchnwnkarlxbsngharthiemuxngsaraeyow phaphthaynimiswnekiywkhxngkbkarcbkumkfriol prinsip aemwacamibangkhnechuxwa phaphniaesdngihehnthung Ferdinand Behr phuyundansay epnphuyunduehnehtukarn emuxwnthi 28 mithunayn kh s 1914 xarchdyuk frns aefrdinnth rchthayathsubthxdrachbnglngkckrphrrdiaehngxxsetriy hngkari idesdceyiymeyiynemuxnghlwngbxseniykhux saraeyow klummuxlxbsnghar 6 khn Cvjetko Popovic kfriol prinsip Muhamed Mehmedbasic Nedeljko Cabrinovic Trifko Grabez aela Vaso Cubrilovic cakklumeyawchnbxseniykhxngklumniymyuokslaewiy sungidrbkarsnbsnundwyxawuthodyklumaeblkhaehndesxrebiy idrwmtwknbnthxngthnnthikhbwnrthphrathinngkhxngxarchdyukcaphanipodymiepahmaythicalxbplngphrachnm epahmaythangkaremuxngkhxngkarlxbsngharkhuxephuxthalaycnghwdslafthangtxnitkhxngxxsetriy hngkari sungxxsetriy hngkariidthakarphnwkdinaedncakckrwrrdixxtotmn ephuxihphwkekharwmchatiepnyuokslaewiy Cabrinovic idoynraebidisrthphrathinngaetklbphlad elyipthukfungchnthixyuinbriewniklekhiyngcnidrbbadecbknthwhna aetkhbwnrthphrathinngkhxngaefrdinnthyngedinhnatxip muxsngharkhnxun tanglmehlwinkarlngmux inkhnathirthphrathinngidphanphnphwkekhaip inpramanhnungchwomngtxma emuxaefrdinnthkalngesdcklbcakkareyiymeyiynphubadecbcakkhwamphyayamlxbplngphrachnmthiorngphyabalinemuxngsaraeyow khbwnrthphrathinngideliywphidthangekhasuthnnthisungprinsipyunxyuodybngexiy prinsipcungchkpunphkyingisxarchdyukaeladsechsosefiy phuepnphrachaya cnsinphrachnmthngkhu aemwaphwkekhacaimidsnithknepnswntw ckrphrrdi frnths oyesf rusuktkphrathyaelaphraosmnsxyangmak ptikiriyathamklangprachachninxxsetriy aemkranncaebabang aethbcaimsnicaetxyangid tamthinkprawtisastrthichuxwa Zbynek Zeman idekhiyniwinphayhlngwa ehtukarnkhrngniaethbcalmehlwinkarsrangkhwamprathbicaetxyangid inwnxathityaelawncnthr 28 aela 29 mithunayn fungchninkrungewiynnaidfngephlngaeladumiwnrawkbwaimmixairekidkhun xyangirktam phlkrathbthangkaremuxngkhxngkarlxbplngphrachnmrchthayathnnmikhwamsakhyaelaidrbkarxthibayodynkprawtisastrthichux inraykarwithyubibisi 4 inhweruxngkhux eduxnaehngkhwambakhlng khux exfefkt 9 11 ehtukarnkarkxkarraythimikhwamhmayinprawtisastr idepliynaeplngthangekhmiinkrungewiynna karkhyaykhwamrunaernginbxseniyaelaehxresokwina fungchnbnthxngthnninchwnghlng 29 minayn kh s 1914 ecahnathixxsetriy hngkariidihkarsnbsnunihekidkarkxclacltxtanchawesirbinemuxngsaraeyowinewlatxma sungchawbxseniyokhraext aelachawbxsniaexkidsngharchawesirbbxseniy 2 khn aelasrangkhwamesiyhayihkbxakharthichawesirbepnecakhxng karkrathakhwamrunaerngtxechuxchatiesirbkyngcdkhunnxkemuxngsaraeyow inemuxngxun inbxseniyaelaehxresokwina okhrexechiy aelasolwieniy thithukkhwbkhumodyxxsetriy hngkari ecahnathixxsetriy hngkariinbxseniyaelaehxresokwinaidcakhukaelasngphuraykhamaednchawesirbthimikhwamsakhycanwnpraman 5 500 khn 700 khn thung 2 200 khnidesiychiwitinkhuk chawesirbxik 460 khnthuktdsinpraharchiwit mikarcdtngkxngthharxasasmkhrchawbxsnikthiruckkninchuxwa Schutzkorps aelathakarprahtprahartxchawesirb wikvtkarneduxnkrkdakhm karlxbplngphrachnmidnaipsueduxnkhxngkarwangaephnthangkarthutrahwangxxsetriy hngkari eyxrmni rsesiy frngess aelabritich sungeriykknwa wikvtkarneduxnkrkdakhm xxsetriy hngkariidechuxmnwa ecahnathiesxrebiy odyechphaaecahnathikhxngaeblkhaehnd miswnekiywkhxngkbaephnkarlxbplngphrachnmxarchdyuk aelatxngkaryutikaraethrkaesngkhxngesxrebiyinbxseniyinthisud emuxwnthi 23 krkdakhm xxsetriy hngkariidxxkaethlngkarninkaryunkhakhadeduxnkrkdakhmtxesxrebiy khxeriykrxng 10 prakarthithaihimsamarthyxmrbodyectnainkhwamphyayamthicakratunihekidsngkhramkbesxrebiy esxrebiyidxxkkhasngihradmphlthharthwip emuxwnthi 25 krkdakhm esxrebiyidyxmrbenguxnikhthnghmdkhxngkaryunkhakhad ykewnkhxthi 6 sungeriykrxngihphuaethnxxsetriyidrbxnuyatinesxrebiyephuxaesdngectcannginkarmiswnrwminkarsxbswnkhdikarlxbplngphrachnm phayhlngcaknn xxsetriyidyutikhwamsmphnththangkarthutkbesxrebiyaelainwnrungkhun idxxkkhasngihmikarradmphlthharbangswn inthisud emuxwnthi 28 krkdakhm kh s 1914 hnungeduxnhlngkarlxbplngphrachnm xxsetriy hngkariidprakassngkhramkbesxrebiyaephnthichatiphnthuwithyakhxngxxsetriy hngkari kh s 1910 inpi kh s 1908 emuxwnthi 25 krkdakhm rsesiyinkarsnbsnunesxrebiy idprakasradmphlthharbangswnephuxtxtanxxsetriy hngkari wnthi 30 krkdakhm rsesiyidsngradmphlthharthwip naykrthmntrieyxrmni Bethmann Hollweg idrxcnthungwnthi 31 ephuxrbkhatxbthiehmaasm emuxeyxrmnidprakas Erklarung des Kriegszustandes hrux khaaethlngkarnekiywkbsthanasngkhram d ikhesxr wilehlmthi 2 thrngkhxihphraecasarniokhlsthi 2 phusungepnlukphiluknxng ihrangbkarradmphlthharthwipkhxngrsesiy emuxthukptiesth eyxrmniidyunkhakhaderiykrxngihhyudkarradmphlthhar aelaihkhamnsyyathicaimsnbsnunaekesxrebiy xikdanhnungksngipyngfrngess ephuxkhxihimsnbsnunaekrsesiy haktxngmapkpxngesxrebiy emuxwnthi 1 singhakhm phayhlngcakrsesiytxbklb eyxrmniidsngradmphlthharaelaprakassngkhramkbrsesiy nxkcakniyngidnaipsukarradmphlthharinxxsetriy hngkari emuxwnthi 4 singhakhm rthbaleyxrmniidprakaskhxeriykrxngihfrngessyngkhngwangtwepnklang inkhnathiphwkekhaidtdsinicwacaichaephnkaridinkarprbich mnyakmakthicaepliynprbich emuxkalngdaeninkarxyu aephnchliefn khxngeyxrmnthiidrbkaraekikh Aufmarsch II West casngkalngthhar 80 ipthangtawntk inkhnathi Aufmarsch I Ost aela Aufmarsch II Ost casngkalngthhar 60 inthangtawntkaela 40 inthangtawnxxk frngessimidtxbot aetsngkhxkhwamaebbphsmodysngihthharthxnkalngxxkcakchayaedn 10 km 6 iml ephuxhlikeliyngehtukarnid aelainewlaediywknksngradmphlthharkalngsarxngkhxngphwkekha eyxrmnidtxbotdwyradmphlthharkxngkalngsarxngkhxngtnexngaelanaipichkb Aufmarsch II West khnarthmntribritichidtdsinic emuxwnthi 29 krkdakhm emuxmikarlngnaminsnthisyya pi kh s 1839 ekiywkbebleyiymthiimidthukbngkhbihtxtaneyxrmninkarbukkhrxngebleyiymdwykalngthhar emuxwnthi 1 singhakhm wilehlmthrngmirbsngihnayphl ehlmuth fxn mxlthekhx yngekxr ekhluxnthngkxngthph sutawnxxk phayhlngcakidrbruwabritichcawangtwepnklang hakfrngessimthukocmti aelaxaccaepnipid xanacyngxyuinkamux imwakrniid sungtxngkhxyybyngwikvtkarnixraelnd mxlthekhxidkrabthulkbikhesxrwa khwamphyayamthicaoykyaykalngkhnepnlannneruxngthikhadimthungaelanncathaihepnipidwafrngesscaekhaocmtieyxrmncak thangdanhlng sungphisucnidelywaepnkhwamhayna aetwilehlmidyunynwakxngthpheyxrmnimkhwrekhluxnthphekhaipynglkesmebirkcnkwaphraxngkhcaidrbothrelkhcakphraecacxrcthiha lukphiluknxngkhxngphraxngkh sungthaihepnthiaenchdaelwwaepnkhwamekhaicphid inthisudikhesxrthrngrbsngkbmxlthekhxwa txnni thancasamarththasingthithantxngkaridaelw fungchnthiechiyrinkrunglxndxnaelakrungparisinwnthimikarprakassngkhram emuxwnthi 2 singhakhm eyxrmnekhayudkhrxnglkesmebirk aelawnthi 3 singhakhm idprakassngkhramkbfrngess inwnediywkn phwkekhaidyunkhakhadipyngrthbalebleyiymephuxeriykrxngsiththithiimmikhxcakdsahrbesnthangphanswnidswnhnungkhxngebleyiym sungthukptiesth chwngechatrukhxngwnthi 4 singhakhm eyxrmnidthakarbukkhrxng smedcphraecaxlaebrthrngmirbsngihthharthakartxtanaelaeriykrxngkhxkhwamchwyehluxphayitsnthisyyalxndxn pi kh s 1839 britichideriykrxngiheyxrmniptibtitamsnthisyyaaelaekharphkhwamepnklangkhxngebleyiym sungidprakassngkhramkbeyxrmniinchwngwla 1 thumkhxngewlasaklechingphikdkhxngwnthi 4 singhakhm kh s 1914 miphlbngkhbichtngaet 5 thum phayhlngcakthi idrbkhatxbthiimnaphxic esnthangkhxngsngkhramepidchakkhwamepnprpks khwamsbsnphayinfaymhaxanacklang yuththsastrkhxngfaymhaxanacklangesiyhayephraakhwamphidphladinkartidtxsuxsarkn eyxrmniihkhamnsnbsnunxxsetriy hngkariinkarrukranesxrebiy aetidmikartikhwamkhwamhmayniphidip aephnkarcdwangkalngsungekhythdsxbmaaelwinxditthukepliynihmintnpi kh s 1914 aetyngimekhythdsxbinthangptibti phunaxxsetriy hngkariechuxwaeyxrmnicapxngknpikdanthisehnuxthitidkbrsesiy xyangirktam eyxrmnisungehnwaxxsetriy hngkarimungsngkalngthharswnihytxsukbrsesiy khnathieyxrmnicdkarkbfrngess khwamsbsnnithaihkxngthphxxsetriy hngkaritxngaebngkalngephuxippracathngaenwrbrsesiyaelaesxrebiy karthphesxrebiy ekhruxngrun khxngkxngthphbkesxrebiythimichuxwa Oluj pi kh s 1915 xxsetriyidbukkhrxngaelatxsurbkbkxngthphesxrebiythiaela sungerimtnemuxwnthi 12 singhakhm inxiksxngspdahtxma fayocmtixyangxxsetriyidthukphlkdnklbphrxmkbkhwamsuyesiyxyanghnk sungthuxwaepnchychnathisakhykhrngaerkkhxngfaysmphnthmitrinsngkhramaeladbkhwamhwngkhxngxxsetriy hngkariinkarexachnaxyangrwderw epnphlthaih xxsetriytxngrksakxngkalngkhnadihyiwinaenwrbesxrebiythaihkhwamphyayaminkartxtanrsesiyxxnaexlng khwamphayaephkhxngesxrebiyinkarbukkhrxngkhxngxxsetriy hngkariinpi kh s 1914 idrbkarkhnannamwaepnhnunginchychnathisakhythithaihekidhwesiyinstwrrsthiyisib karthphkhrngniidaesdngihehnepnkhrngaerkdwykarichkarxphyphthangkaraephthyodykxngthphesxrebiyinvduibimrwnginpi kh s 1915 aelakarthasngkhramtxtanxakasyaninvduibimphliinpi kh s 1915 phayhlngcakekhruxngbinkhxngxxsetriythukyingtkdwykaryingcakphakhphundinsuxakas karrukkhxngeyxrmninebleyiymaelafrngess thhareyxrmninturthifkhnsinkhakhnaipyngaenwhnain kh s 1914 khxkhwambntuekhiynwa thripipparis inchwngtnkhxngsngkhramkhadknwakhwamkhdaeyngthiekidkhuncakinewlasn ethann emuxmikarradmphlin kh s 1914 80 khxngkxngthphbkeyxrmntngxyubnaenwrbdantawntk odyswnthiehluxsungthahnathiepnkxngkalngpxngknindantawnxxk chuxxyangepnthangkarwa Aufmarsch II West sungepnthiruckkndikhux tamchuxkhxngphukxtngaephn namwa xlefrth fxn chliefin hwhnakhnaesnathikarihykhxngeyxrmn tngaet kh s 1891 thung kh s 1906 aethnthicaocmtiodytrnginkarkhamchayaednrwmkn pikkhwakhxngeyxrmncakwadphanthangenethxraelndaelaebleyiym caknnekhluxnlngthangtxnit oxblxmkrungparisaeladklxmkxngthphfrngessiwkbchayaednswis chliefinkhadkarnwacaichewlathunghkspdah hlngcaknnkxngthphbkeyxrmncaoykyayipthangdantawnxxkaelaexachnarsesiy aephnkarniidrbkarprbprungaekikhxyangmakodyphurbchwngtxcakekha ehlmuth oyhnenis luthwich fxn mxlthekhx phayitchlifefin 85 khxngkxngkalngeyxrmnindantawnkhkidrbmxbhmayihepnpikkhwa odyswnthiehluxyngkhngyudthimntamaenwchayaedn odycngicihpiksayxxnaex ekhahwngwacahlxklxihfrngessekharukocmti cnghwdthiesiyip khxngxalss lxaern sungxnthicringaelwepnyuththsastrthiwangexaiwody xyangirktam mxlthekhxerimwitkkngwlwafrngessxaccaphlkdnpiksayaerngekinip aelaemuxkxngthphbkeyxrmnidephimkhnad tngaet kh s 1908 thung kh s 1914 ekhaidepliynaeplngkarcdsrrkalngrahwangpikthngsxngkhangcak 85 15 epn 70 30 nxkcakni ekhayngthuxwakhwamepnklangkhxngdtsyngmikhwamcaepntxkarkhakhaykhxngeyxrmn aelaykelikkarbukekhaipinenethxraelnd sunghmaykhwamwa khwamlachaid inebleyiymcaepnphykhukkhamtxkarnaipptibticringkhxngaephnkarthnghmd nkprawtisastrnamwa Richard Holmes idihehtuphlwa karepliynaeplngehlanihmaykhwamwa pikkhwaimaekhngaekrngphxthicabrrlukhwamsaercxyangeddkhadaeladwyehtunicungnaipsuepahmayaelaewlathiimsmcring thharfrngessidbukekhacharcdwydabplaypunin odycblngineduxnsinghakhm frngessidmiphubadecbekinkwa 260 000 nay aelarwmthngphuesiychiwit 75 000 nay karrukkhxngeyxrmnchwngaerkindantawntkprasbkhwamsaercxyangmak aelaemuxsineduxnsinghakhm faysmphnthmitridcakip sungrwmthungkxngkalngrbnxkpraethsbritich BEF id inewlaediywkn karrukkhxngfrngessinxalss lxaernepnkhwamlmehlwxyangyxyyb odymikarsuyesiymakkwa 260 000 nay rwmthungphuesiychiwit 27 000 nay inwnthi 22 singhakhm inchwng karwangaephnkhxngeyxrmnidihkhaaenanaechingklyuththxyangkwangkhwang inkhnathiplxyihphubychakarkxngthphbkmixisraxyangmakinkarptibtikarthiaenwhna singniichidphldiin kh s 1866 thung kh s 1870 aetin kh s 1914 fxn khldichesriphaphinkarkhdkhasng epidchxngwangrahwangkxngthpheyxrmninkhnathiphwkekhapidlxmkrungparis frngessaelaxngkvsidichpraoychncakchxngwangniephuxhyudyngkarrukkhxngeyxrmnthangtawnxxkkhxngkrungparisin tngaetwnthi 5 thung 12 knyayn aelaphlkdnkxngthpheyxrmnihlathxyklbippraman 50 kiolemtr 31 iml in kh s 1911 kxngbychakarthharsungsud khxngrsesiyidtklngkbfrngessthicaocmtieyxrmniphayinsibhawnkhxngkarradmphl sibwnkxnthieyxrmncaetriymkarpxngknlwnghna aemwacahmaythungsxngkxngthphrsesiythikalngekhasuprsesiytawnxxk emuxwnthi 17 singhakhm karthaechnnnodyprascakxngkhprakxbkarsnbsnunmaknk aemwakxngthphthisxngkhxngrsesiyekuxbthicathukthalayin emuxwnthi 26 30 singhakhm karrukkhxngphwkekhathaiheyxrmntxngepliynesnthangihkbkxngthphphakhthi 8 cakfrngesssuprsesiytawnxxk sungepnpccyinchychnakhxngfaysmphnthmitrinsmrphumimarn inplaypi kh s 1914 kxngkalngthhareyxrmnidekhayudtaaehnngpxngknthiaekhngaekrnginfrngess ekhakhwbkhumkxngthanhinphayinpraethskhxngfrngess aelathaihmikarsuyesiymakkwa 230 000 khn makkwathiphwkekhaesiyip xyangirktam pyhadankarsuxsaraelakartdsinicinkarsngkarthinasngsythaiheyxrmnisuyesiyoxkasthicaidrbphltdsinchikhad inkhnathieyxrmnilmehlwinkarbrrluwtthuprasngkhhlkinkarhlikeliyngsxngaenwrbthiyawnan dngthiphunaeyxrmnhlaykhnidekhaicxyangchdecn singnithuxepnkhwamphayaephthangyuththsastr imnanphayhlngcaksmrphumimarn ecachaywilehlm mkudrachkumarthrngtrskbnkkhawchawxemriknwa eraaephsngkhram mncadaenintxipepnewlayawnan aetidphayaephipaelw exechiyaelaaepsifik emuxwnthi 30 singhakhm kh s 1914 niwsiaelndekhayudkhrxng pccubnkhuxrthexkrachaehngsamw emuxwnthi 11 knyayn kxngkalngrbnxkpraethskarthharaelaeruxkhxngxxsetriyykphlkhunbkthiekaaniwbrietn cungepnswnhnungkhxng emuxwnthi 28 tulakhm eruxladtraewnkhxngeyxrmn SMS Emden cmeruxladtraewnkhxngrsesiy Zhemchug inyuththnawithipinng yipunprakassngkhramkbeyxrmnikxnthicaekhayudkhrxngdinaedninmhasmuthraepsifik sungtxmaidklayepnhmuekaathaelitinkarxanti rwmthngthaeruxtamsnthisyyakhxngeyxrmnbnkhabsmuthrsantngkhxngcinthi phayhlngcakthiewiynnaidptiesththicathxneruxladtraewn SMS Kaiserin Elisabeth xxkcakchingeta yipunkprakassngkhramkbxxsetriy hngkariechnkn aelaeruxkthukcmlngthichingeta ineduxnphvscikayn kh s 1914 phayinewlaimkieduxn kxngkalngfaysmphnthmitridekhayudkhrxngdinaednkhxngeyxrmnthnghmdinmhasmuthraepsifik ehluxaekhephiyngkarekhaocmtieruxphanichyephiynglaphngaelakxngkalngthharthiyunhydsurbephiyngimkiaehnginniwkini karthphaexfrika ckrwrrdiaelaxananikhmkhxngolk rawpi kh s 1914 karpathaknkhrngaerk khxngsngkhramekidkhuninkxngthphxananikhmxngkvs frngessaelaeyxrmniinaexfrika wnthi 6 7 singhakhm kxngthphfrngessaelaxngkvsrukranaelaaekhemxrun xnepndinaedninxarkkhakhxngeyxrmni wnthi 10 singhakhm kxngthpheyxrmninaexfrikatawntkechiyngitocmtiaexfrikait kartxsupraprayaelapaethuxndaenintxipkrathngsngkhramsinsud kxngthphxananikhmeyxrmninaexfrikatawnxxkkhxngeyxrmni naodyphnexk surbinkarthphsngkhramkxngocrrahwangsngkhramolkkhrngthihnungaelayxmcannsxngspdahhlngsyyasngbsukmiphlichbngkhbinyuorp xinediyihkarsnbsnunaekfaysmphnthmitr kxngphlthharrabcak sungidthxnkalngxxkcakfrngessineduxnthnwakhm kh s 1915 aelathuksngipyng eyxrmniidphyayamichlththichatiniymxinediyaelaxudmkarnrwmklumxislamihepnpraoychn idyuyngplukpnthaihekidkarlukhuxinxinediy aelasngkhnihipthapharkicthikratunthaihxfkanisthanekharwmsngkhramkbfaymhaxanacklang xyangirktam trngknkhamthibritichhwadklwtxkarkxkarkaeribinxinediy karpathukhxngsngkhramidaesdngihehnthungkhwamcngrkphkdiaelakhwamprarthnadiidhlngihlmasubritichxyangimekhypraktmakxn phunathangkaremuxngkhxngxinediycakkhxngekrsaehngchatixinediyaelaklumxun idkratuxruxrnthicaihkarsnbsnuntxkarthasngkhramkhxngbritich enuxngcakphwkekhaechuxknwakarihsnbsnunthiekhmaekhngsahrbkhwamphyayaminkarthasngkhramcaepnsaehtuthixinediycaidrbmxbinkarpkkhrxngtnexng Indian Home Rule makyingkhun inkhwamepncring micanwnmakkwakxngthphbritichinchwngerimtnkhxngsngkhram thharaelakhnnganchawxinediypraman 1 3 lannay sungthahnathiinyuorp aexfrika aelatawnxxkklang inkhnathirthbalswnklangaelarthmharachakhxysngsbphlaykhnadihysahrbxahar engin aelakrasunxawuthpun odyrwmaelw mithharcanwn 140 000 nay sungthahnathiinaenwrbdantawntkaelaekuxb 700 000 nay intawnxxkklang canwnkhwamsuyesiykhxngthharxinediythnghmdodymiphuesiychiwit 47 746 nay aelaphuidrbbadecb 65 126 nay inchwngsngkhramolkkhrngthihnung khwamthukkhthrmanthiekidkhunmacaksngkhram echnediywkbkhwamlmehlwkhxngrthbalbritichinkarmxbihpkkhrxngtnexngaekxinediy phayhlngkhxngkarsinsudkhxngkarsurb khwamthxaethaelaaerngphlkdnkxihekidkarrnrngkhinkareriykrxngexkrachodysmburnphayitkarnaodymhatma khanthi aelakhnxun aenwrbdantawntk karrierimthasngkhramsnamephlaa snamephlaakhxngkrmthharechchechxrthi 11 in Ovillers la Boisselle bnaemnasxm krkdakhm kh s 1916 klyuthththangthharchwngkxnsngkhramthiennkarthasngkhramaebbepidolngaelaphlpunirefilaetlakhnidrbkarphisucnaelwwalasmy emuxtxngephchiyhnakbsphaphkarnthiekidkhunin kh s 1914 khwamkawhnathangethkhonolyithaihekidkarsrangrabbpxngknthiaekhngaekrngsungswnihycapxngknkarrukkhxngthharrabcanwnmak echn punkl aelaehnuxkwasingxuniddwypunihythithrngphlngyingkwa sungidkhrxbngainsnamrbaelathaihkarkhamphunthiaebbepidolngyaklabakmakkhun thngsxngfaytangphyayamdinrnephuxphthnayuththwithisahrbkarekhayudtaaehnngthanthimnodyprascakkarephchiyphbkbkarsuyesiyxyanghnk xyangirktam inewlatxma ethkhonolyiidrierimphlitxawuthsahrbkarrukkhunmaihm echn aela phayhlngineduxnknyayn kh s 1914 kxngthphfaysmphnthmitraelafayeyxrmntangphyayamocmtikhnabkhangaetlafaysungimprasbkhwamsaerc epnhnunginrupaebbkhxngkarfuksxmrbsungepnthiruckkninewlatxmakhux karaekhngkhnsuthael Race to the Sea inchwngplay kh s 1914 kxngthphthiepnfayptipkstangephchiyhnakntamaenwkhxngtaaehnngthanthimnthiimkhadsaycakchxngaekhbthungchayaednswis enuxngcakodypktiaelw eyxrmnsamarththicaeluxkcudthiyunid phwkekhamkcakhrxbkhrxngxyubnphunthisung nxkcakni snamephlaakhxngphwkekhakhxnkhangcasrangiddikwa enuxngcaksnamephlaakhxngxngkvs frngessaetedimmicudmunghmay chwkhraw aelacatxngichinyamcaepnethanncnkwacasamarththlayaenwpxngknkhxngeyxrmn thngsxngfaytangphyayamthicathalayhnthangtnodyichkhwamkawhnathangwithyasastraelaethkhonolyi emuxwnthi 22 emsayn kh s 1915 in eyxrmn laemid idichaekskhlxrinepnkhrngaerkbnaenwrbdantawntk inimcha aekshlaychnididthukichxyangkwangkhwangodythngsxngfay aelathungaemwaimekhyphisucnwa epnxawuththinamasungchychnaxyangeddkhadinkarsurb aeksphisklayepnhnunginkhwamnasaphrungklwmakthisudaelaepnthicdcaxyangdithisudkhxngkhwamhwadklwkhxngsngkhram khwamtxenuxngkhxngsngkhramsnamephlaa thharpunelkyawhlwngixrichinkarsuxsarsnamephlaa kh s 1916 thngsxngfayidphisucnwaimsamarthsngphlkrathbxyangeddkhadinxiksxngpikhanghna tlxdchwngpi kh s 1915 17 ckrwrrdibritichaelafrngessidephchiykbkhwamsuyesiymakkwaeyxrmni enuxngcakthngcudyunthangyuththsastraelayuththwithithithngsxngfayeluxk inthangyuththsastr inkhnathieyxrmnekharukocmtikhrngihyephiyngfayediyw swnfaysmphnthmitridphyayamhlaykhrngthicabukthalwngfaaenwrbkhxngeyxrmn ineduxnkumphaphnth kh s 1916 eyxrmnekhaocmtitaaehnngpxngknkhxngfrngessthiyuththkarthiaewreding yudeyuxcnthungeduxnthnwakhm kh s 1916 eyxrmnidepriybinchwngaerk kxnthifrngesscaocmtitxbotklbcnsamarthphlkdnklbipyngiklkbcuderimtn khwamsuyesiynnmicanwnmakmaysahrbfrngess aeteyxrmnklbnxngeluxdxyanghnkechnkn odymitngaetcanwn 700 000 nay thung 975 000 nay karephchiyprasbkhwamsuyesiyrahwangsxngkhusngkhram aewredingklayepnsylksnkhxngkartdsinicxnaenwaenaelakaresiyslatnexngkhxngfrngess sphthhareyxrmnthiesiychiwitinaemnasxm kh s 1916 yuththkarthiaemnasxmepnkarrukkhxngxngkvs frngessineduxnkrkdakhmthungeduxnphvscikayn kh s 1916 khxngkarruk 1 krkdakhm kh s 1916 epnwnaehngkarnxngeluxdinprawtisastrkhxngkxngthphbkxngkvs sungprasbkhwamsuyesiycanwn 57 470 nay rwmthngcanwnphuesiychiwit 19 240 nay rakhakhxngkarrukaemnasxmthnghmdthaihkxngthphxngkvssuyesiypraman 420 000 nay frngessprasbkhwamsuyesiyxikpraman 200 000 khn aelaeyxrmnpraman 500 000 nay karyingpunimichephiyngaekhpccyediywthikhrachiwit orkhphythiekidkhuninsnamephlaaepnnkkhathisakhytxthngsxngfay sphaphkhwamepnxyuthaihekidorkhphyaelakartidechuxmakmay echn Trench foot Shell shock tabxd aephlihmcak eha trench fever Cooties aelaikhhwdihysepn aehlngxangxingxacimnaechuxthux sngkhramthangthael phraecacxrcthi 5 dansayhna aelaklumkharachkarekhatrwcsxborngnganphlitxawuthyuthothpkrnkhxngxngkvs kh s 1917 emuxsngkhramerimtn ckrwrrdieyxrmnmieruxladtraewnkracdkracayxyuthwolk sungeruxbanglaincanwnniidthukichocmtikaredineruxphanichyfaysmphnthmitrtxma fayrachnawixngkvsidphyayamtamlaeruxrbehlanixyangepnrabb aetkyngxbxaycakkhwamirkhwamsamarthinkarkhumkhrxngkaredineruxfaysmphnthmitr twxyangechn eruxladtraewnebaeyxrmni exsexmexs exmedn xnepnswnhnungkhxngkxngeruxexechiytawnxxk pracakarxyuinemuxngthachingeta idyudhruxthalayeruxphxkha 15 la tlxdcneruxladtraewnebarsesiyaelaeruxphikhatfrngessxyanglaladwy xyangirktam kxngeruxexechiytawnxxkkhxngeyxrmniswnihy sungprakxbdwyeruxladtraewnhumekraasxngla eruxladtraewnebasxngla aelaeruxkhnsngsxngla imidrbkhasngihocmtikaredineruxaetxyangid aelakalngxyurahwangaelnklbeyxrmniemuxkxngeruxephchiykberuxrbfrngess kxngeruxeyxrmn phrxmdwyeruxedrsedin cmeruxladtraewnhumekraaidsxnglain hakkxngeruxdngklawekuxbthukthalaysinthiyuththnawihmuekaafxlkaelnd ineduxnthnwakhm kh s 1914 odymiephiyngeruxedrsedinaelaeruxelkxikimkilaethannthisamarthhlbhniipid eruxpracybanaehngkxngeruxthaelhlwng Hochseeflotte khxngeyxrmneruxdana U 155 thukcdaesdngiklkbsaphanthawewxrinlxndxn phayhlngcakkarsngbsuk kh s 1918 hlngsngkhrampathuimnan xngkvskidthakarpidlxmthangthaeltxeyxrmni sungepnyuththsastrehnphlaelwwamiprasiththiphaph odykarpidlxmidtdesbiyngkhxngthngthharaelaphleruxnthisakhykhxngeyxrmni aemwaphvtikarndngklawcaepnkarlaemidkdhmaynanachatisungidrbkaryxmrbaelapramwlkhunphankhwamtklngrahwangpraethshlaykhrnginchwngsxngstwrrsthiphanmaktam kxngthpheruxxngkvsyngidwangthunraebidinekhtephuxpxngknmiiheruxlaidxxksuekhtmhasmuthr sungepnxntrayaemaetkberuxkhxngpraethsthiepnklang aelaenuxngcakxngkvsidrbptikiriyacakyuththwithidngklawephiyngelknxy eyxrmnicungkhadhwngwasngkhrameruxdanaimcakdkhxbekhtkhxngtncaidrbptikiriyaephiyngelknxyaebbediywkn kh s 1916 thwikhwamrunaerngkhunepnyuththnawikhrngihythisudinsngkhram aelakhrngihythisudkhrnghnunginprawtisastr sungepnkarpathaknetmxtrasukkhxngkxngthpheruxthngsxngfay sungkinewlasxngwn khux 31 phvsphakhmaela 1 mithunayn kh s 1916 inthaelehnuxnxkkhabsmuthrctaelnd kxngeruxthaelhlwngkhxngkxngthpheruxeyxrmn phayitbngkhbbychakhxngphleruxothirnard echr pracykbkxngeruxhlwngkhxngrachnawixngkvsphayitkarnakhxngphleruxexk esxrcxhn eclliokh phlkhxngyuththnawiniimmifayidaephhruxchna emuxfayeyxrmnsamarthhlbhnicakkxngeruxxngkvsthimikalngehnuxkwa aelasrangkhwamesiyhayaekkxngeruxxngkvsmakkwathitnidrb aetinthangyuththsastraelw fayxngkvsaesdngsiththiinkarkhwbkhumthael aelakxngeruxphiwnaswnihykhxngeyxrmnithukkkxyuaetinthakrathngsngkhramyuti eruxxukhxngeyxrmniphyayamtdesnthangesbiyngrahwangxemrikaehnuxkbxngkvs thrrmchatikhxngsngkhrameruxdana hmaykhwamwa karocmtimkmaodyimmikaretuxnlwnghna thaihlukeruxsinkhamihwngrxdchiwitnxymak shrthprathwng aelaeyxrmniepliynkdkarpatha hlngkarcmeruxodysar xnchawochin kh s 1915 eyxrmnisyyawacaimeluxkocmtieruxedinsmuthrxik khnathixngkvstidxawutheruxsinkhakhxngtn aelacdihxyunxkehnuxkarkhumkhrxngkhxng kderuxladtraewn sungkahndihmikaretuxnphyaelacdwanglukeruxiwin thiplxdphy xnepnmatrthansungeruxchwychiwitimepniptamni cninthisud tn kh s 1917 eyxrmniprbichnoybaysngkhrameruxdanaimcakdkhxbekht emuxtrahnkwashrthcaekhasusngkhraminthisud eyxrmniphyayamcacakdesnthangedineruxkhxngfaysmphnthmitrkxnthishrthcasamarthkhnsngkxngthphkhnadihykhamthael aeteyxrmnisamarthicheruxxuphisyiklxxkptibtikaridephiynghala cungmiphlcakd phycakeruxxunnerimldlngin kh s 1917 emuxeruxphanichykhxngxngkvserimedinthanginkhbwneruxkhumkn convoy thimieruxphikhatna yuththwithidngklawthaiheruxxukhnhaepahmayyak aelathaihkarsuyesiyldlngxyangsakhy hlngcakerimmikarichaelaraebidnaluk thaiheruxphikhatthiesrimekhamaxacocmtieruxdanathixyuitnaidodymihwngsaercxyubang khbwneruxkhumkndngklawthaihekidkhwamlachainkarsngesbiyng ephraaeruxtxngrxihkhbwneruxkhumknmarwmknkhrbkxn thangaekpyhakhwamlachani khux okhrngkarxnkwangkhwanginkarsrangeruxkhnsngsinkhaaebbihm swneruxkhnsngthharnnekhluxnthiiderwkwaeruxdanaaelaimedinthangipkbkhbwneruxkhumkninmhasmuthraextaelntikehnux eruxxucmeruxfaysmphnthmitrmakkwa 5 000 la odymieruxdanathukthalayip 199 la ekhtsngkhramit sngkhraminbxlkhan karkhnsngphuliphycakesxrebiyinilbniths kh s 1914thharblaekeriyinsnamephlaa etriymelngpunyingxakasyanthikalngbinekhamamathharxxsetriy hngkaripraharchiwitchawesxrebiythithukcbepnechlyin kh s 1917 esxrebiysuyesiyprachakrraw 850 000 khn hnunginsikhxngprachakrkxnsngkhram aelathrphyakrkhrunghnungkxnsngkhram emuxtxngephchiyhnakbrsesiy xxsetriy hngkaricungsamarthaebngkxngthphocmtiesxrebiyidephiynghnunginsam hlngprasbkhwamsuyesiyxyanghnk xxsetriyksamarthyudkhrxngemuxnghlwngeblekrdkhxngesxrebiyidchwnghnung xyangirktam kartiottxbkhxngesxrebiyinyuththkarkhxlubara idkhbxxsetriyxxkcakpraethsemuxthungplay kh s 1914 inchwngsibeduxnaerkkhxng kh s 1915 xxsetriy hngkariichthharkxnghnunswnihysurbkbxitali aetthuteyxrmnaelaxxsetriy hngkarisamarthchkchwnihblaekeriyekharwmocmtiesxrebiy cnghwdsolwieniy okhrexechiyaelabxseniykhxngxxsetriy hngkariepnphunthicdetriymthharihaekxxsetriy hngkari sungrukranesxrebiyechnediywkbsurbkbrsesiyaelaxitali mxnetenokrwangtwepnphnthmitrkbesxrebiy esxrebiythukyudkhrxngnankwahnungeduxnelknxy emuxfaymhaxanacklangerimocmtithangehnuxtngaeteduxntulakhm xiksiwnthdma blaekeriyrwmocmticakthangtawnxxk kxngthphesxrebiy sungsurbbnsxngaenwrbaelaaennxnwatxngephchiyhnakbkhwamphayaeph idthxythphipyngxlebeniy aelahyudyngephiyngkhrngediywephuxpxngknkarocmtikhxngblaekeriy chawesirbprasbkhwamphayaephinyuththkarkhxsxwx mxnetenokrchwykhumknkarlathxykhxngesxrebiyipyngchayfngexedriytikinyuththkarmxykhxaewths emuxwnthi 6 7 mkrakhm kh s 1916 aetsudthayksngphlihxxsetriyyudkhrxngmxnetenokrechnediywkn kxngthphesxrebiythukxphyphthangeruxipyngkris play kh s 1915 kxngthphfrngess xngkvsykphlkhunbkthisaolnikakhxngkris ephuxesnxkhwamchwyehluxaelakddnihrthbalkrisprakassngkhramtxfaymhaxanacklang ochkhimekhakhangfaysmphnthmitr emuxphramhakstriykrikphuthrngniymeyxrmni phraecakhxnaestntinthi 1 thrngpldrthbalniymsmphnthmitrkhxngphncaktaaehnng kxnthikxngthphrbnxkpraethsfaysmphnthmitrcamathung khwamrawchanrahwangphramhakstriykrisaelafaysmphnthmitrphxkphunkhunxyangtxenuxng sungsngphlihkristhukaebngaeykepnphumiphakhsungyngcngrkphkditxphramhakstriyaelathicngrkphkditxrthbalechphaakalihmkhxngewnieslxsinsaolnika hlngkarecrcathangkarthutxyangekhmkhnaelakarephchiyhnadwyxawuthinkrungexethnsrahwangkxngthphsmphnthmitraelafayniymkstriy thaihphramhakstriykristxngslarachsmbti aelaphrarachoxrsphraxngkhthisxng xelksanedxr esdckhunkhrxngrachyaethn ewnieslxsedinthangklbmayngkrungexethnsemuxwnthi 29 phvsphakhm kh s 1917 aelakris sungrwmepnhnungxikkhrng ekharwmsngkhramxyangepnthangkarodyxyufayediywkbfaysmphnthmitr kxngthphkristhnghmdthukradmaelaerimekharwminptibtikarthangthhartxfaymhaxanacklangbnaenwrbmasiodeniy hlngcakthukyudkhrxng esxrebiythukaebngxxkrahwangxxsetriy hngkariaelablaekeriy in kh s 1917 chawesirbidkxkarkaeribothphlikhakhun aelasngphlihphunthirahwangethuxkekhaokbaoxnikhaelaaemnaesathomrawathukpldplxychwkhraw aetkarkxkarkaeribdngklawthukbdkhyiodykxngthphrwmblaekeriyaelaxxsetriyemuxplayeduxnminakhm kh s 1917 aenwrbmasiodeniyswnihyimmiphthnakar kxngthphesxrebiyyudkhunbangswnkhxngmasiodeniyodyyudbiotlakhunemuxwnthi 19 phvscikayn kh s 1916 aelaechphaaemuxsngkhramiklyutilngaelwethannthifaysmphnthmitrsamarthocmtiphanid hlngkxngthpheyxrmnaelaxxsetriy hngkariswnihythxnkalngxxkipaelw kxngthphblaekeriyprasbkhwamphayaephephiyngkhrngediywinsngkhramthiyuththkarodobrophl aetxikimkiwnihhlng blaekeriyksamarthexachnakxngthphxngkvsaelakrikidxyangeddkhadthiyuththkardxeriyn aetephuxpxngknkarthukyudkhrxng blaekeriyidlngnamkarsngbsukemuxwnthi 29 knyayn kh s 1918 hinedinbwrkhaelaluedindxrfsrupwasmdulthangyuththsastraelaptibtikarexiyngipkhangfaysmphnthmitraelwxyangimmikhxsngsy aelahnungwnhlngblaekeriyxxkcaksngkhram rahwangkarprachumkbecahnathirth yunynihmikarecrcasntiphaphinthnthi karhayipkhxngaenwrbmasiodeniyhmaykhwamwathnnsubudaepstaelaewiynnaepidkwangsahrbkxngthphkhnadkalngphl 670 000 nay phayitkarbngkhbbychakhxngphlexkefrnech edeper emuxblaekeriyyxmcann thaihfaymhaxanacklangsuyesiythharrab 278 kxngphn aelapunihy 1 500 krabxk sungethiybethakbkxngphlkhxngeyxrmniraw 25 thung 30 kxngphl sungekhyyudaenwdngklawiwkxnhnani kxngbychakarthharsungsudkhxngeyxrmnitdsinicsng 7 kxngphlthharrab aela 1 kxngphlthharmaipyngaenwhna aetkalngehlaniimephiyngphxcasthapnaaenwrbkhunmaihmidxik ckrwrrdixxtotmn thharxxsetreliywingekhacharciklkbsnamephlaakhxngturkiinchwngkarthphklliophli ckrwrrdixxtotmnekharwmkbfaymhaxanacklanginsngkhramolkkhrngthihnung odyidlngnamepnxyanglb ineduxnsinghakhm kh s 1914 sungidphykhukkhamtxdinaednkhxekhsskhxngrsesiy aelakartidtxkhmnakhmkhxngxngkvskbxinediyphanthangkhlxngsuexs xngkvsaelafrngessidepidaenwrbophnthaeldwykarthphklliophliaela thiklliophli ckrwrrdixxtotmnsamarthkhbilkxngthphxngkvs frngessaelaehlakxngthphxxsetreliyaelaniwsiaelndid aetkarnklbtrngknkhaminemosopetemiy sungckrwrrdixxtotmnphayaephxyanghaynacak kh s 1915 16 kxngthphckrwrrdixngkvsrwbrwmthphihmaelasamarthyudkrungaebkaeddidineduxnminakhm kh s 1917 hangipthangtawntk khlxngsuexsidrbkarpxngknxyangepnphlcakkarocmtikhxngxxtotmnin kh s 1915 aela 1916 ineduxnsinghakhm kxngthpheyxrmnaelaxxtotmnphayaephthiyuththkarormani hlngchychnani kxngthphckrwrrdixngkvsrukkhubkhamkhabsmuthrisnay phlkdnkxngthphxxtotmnihthxyklbipinyuththkaraemkdaba Magdhaba ineduxnthnwakhmaelayuththkarrafatrngchayaednrahwangisnaykhxngxiyiptaelapaelsitnkhxngxxtotmnineduxnmkrakhm kh s 1917 ineduxnminakhmaelaemsayn thiyuththkarkasakhrngaerkaelakhrngthisxng kxngthpheyxrmnaelaxxtotmnhyudkarrukkhub aetinplayeduxntulakhm karthphisnayaelapaelsitndaenintx emuxkxngthphrbnxkpraethsxiyiptkhxngxlelnbichnayuththkarebiyrechba sxngkxngthphxxtotmnphayaephxikimkispdahihhlngthiyuththkarsnekhamkxar Maghar Ridge aelatneduxnthnwakhm eyrusaelmthukyudidhlngkxngthphxxtotmnxikkxngthphhnungphayaephthiyuththkareyrusaelm phxthungchwngni fridrich ifraehr ekhrss fxn ekhrsesnsitnthukpldcaktaaehnngphubychakarkxngthphthi 8 aelaaethnthidwy Cevat Cobanli aelaxikimkieduxnihhlng phubychakarkxngthphxxtotmninpaelsitn exrich fxn flekhnihn thukaethnthidwyxxthoth limn fxn snedxrs sultanemhehmdthi 5 thrngthkthaykbckrphrrdiwilehlmthi 2 inkaresdcmayngkhxnsaetntionepil odypktiaelwkxngthphrsesiydankhxekhssepnkxngthphthidithisud exnewxr pacha phubychakarthharsungsudkhxngkxngthphxxtotmn mikhwamthaeyxthayanaelaiffncayudkhrxngexechiyklangxikkhrng aeladinaednthiekhyesiyihaekrsesiyinxdit aetekhaepnphubychakarthiimmikhwamsamarth ekhaxxkkhasngocmtirsesiyinkhxekhssineduxnthnwakhm kh s 1914 odymikalngphl 100 000 nay ekhayunkrankarocmtithangdanhnatxthitngkhxngrsesiythimilksnaphumipraethsepnphuekhainvduhnaw sungthaihsuyesiykalngphlipthung 86 in phubychakarrsesiyrahwang kh s 1915 1916 phlexk samarthkhbilphwketirkihxxkipcakekhtethuxkekhakhxekhsstxnitswnihyodyidrbchychnaxyangtxenuxng in kh s 1917 ekhabychakarkxngthphrsesiyaenwrbkhxekhss ekhawangaephnsrangthangrthifcakcxreciyipyngdinaednyudkhrxng ephuxthiwakxngthphrsesiycamiesbiyngephiyngphxinkarrukkhrngihmin kh s 1917 xyangirktam eduxnminakhm kh s 1917 phraecasarthukokhnlmhlngkarptiwtieduxnkumphaphnth aelakxngthphrsesiykhxekhsserimaetkxxkcakkn ikhesxr wilehlmthi 2 thrngtrwctrakxngthharturkikhxngkxngphlnxythi 15 inkaliesiytawnxxk xxsetriy hngkari pccubnkhux opaelnd ecachayeloxophldaehngbawaeriy phubychakarthharsungsudkhxngkxngthpheyxrmnbnaenwrbdantawnxxk xyuladbthisxngcakdansay dwykaryuyngkhxngsankxahrbkhxngsankngantangpraethsaelaekhruxckrphphkhxngxngkvs cungerimtnkhundwykhwamchwyehluxkhxngxngkvsineduxnmithunayn kh s 1916 dwy ody charif hsesn aehngemkka aelacblngdwykaryxmcannkhxngckrwrrdixxtotmnthidamsks fakhri pacha phubychakarxxtotmnthiemdina thakarrbtanthanepnewlakwasxngpikhrungrahwangkarlxmemdina snamephlaapakhxngrsesiyin yuththkarthisarikhamis kh s 1914 1915 tamphrmaednliebiykhxngxitaliaelaxiyiptkhxngxngkvs chnephaesnussi sungidrbkarplukpnyuyngaelatidxawuthodyphwketirk thasngkhramkxngocrkhnadelktxkxngthphsmphnthmitr fayxngkvsthukbibihtxngaebngthhar 12 000 naymatxsuinkarthphesnussi cnkrathngkbtehlanithukbdkhyiinthisudemuxklang kh s 1916 karekharwmkhxngxitali thharphuekhaxxsetriy hngkariinithrxl xitaliepnphnthmitrkbeyxrmniaelaxxsetriy hngkaritngaet kh s 1882 odyepnphakhikhxngitrphnthmitr xyangirktam xitalinnmiectnakhxngtnbnphunthikhxngxxsetriyinetrntion xisetriyaela xitaliidaexbthasnthisyyaxyanglb kbfrngessin kh s 1902 sungepnkarlblangphnthmitrekaxyangsineching intxntnkhxngsngkhram xitaliptiesththicasngthaekharwmrbkbfaymhaxanacklang odyihehtuphlwaitrphnthmitrepnphnthmitrpxngkn aetckrwrrdixxsetriy hngkariklbepnphuepidchaksngkhramkxnesiyexng rthbalxxsetriy hngkarierimecrcaephuxphyayamcaihxitaliwangtwepnklanginsngkhram odyesnxxananikhmtuniesiykhxngfrngessihepnkartxbaethn sungthangfaysmphnthmitrkyunkhxesnxsxnodysyyawacaxitalicaidithrxlit cueliynmarch aeladinaednbnchayfngdlmaethiyhlngxxsetriy hngkariphayaeph khxesnxdngklawthaihepnthangkarinsnthisyyalxndxn hlngthukkratuncakkarrukranturkikhxngfaysmphnthmitremuxeduxnemsayn kh s 1915 xitaliekharwmkbitrphakhiaelaprakassngkhramtxxxsetriy hngkariemuxwnthi 23 phvsphakhm aelaprakassngkhramtxeyxrmnixiksibhaeduxnihhlng thharxitalikalngfngkhasngphubngkhbbycha aemwainthangkarthhar xitalicamikhwamehnuxkwadankalngphlktam aetkhxidepriybdngklawesiyip imephiyngaetmisaehtucaklksnaphumipraethsslbsbsxnthiekidkarsurbkhunethann aetyngekiywkhxngkbyuththsastraelayuththwithithiichdwy cxmphlluyci khadxrna phuesnxkarocmtithangdanhnaimepliynaeplng iffnwacatiekhaipsuthirabsungsolwieniy tiemuxnglubliyana aelakhukkhamkrungewiynna mnepnaephnkarsmynopeliyn sungimmioxkassaercaethcringelyinyukhkhxnglwdhnam punklaelakaryingpunihythangxxm prakxbkbphumipraethsthiepneninaelaphuekha bnaenwrbetrntion xxsetriy hngkariichpraoychncakphumipraethsaebbphuekha sungexuxpraoychnaekfaytngrb hlngcakkarlathxythangyuththsastrinchwngaerk swnihyaenwrbkaethbcaimmikarepliynaeplngxikely khnathithngsxngfaysurbinrayaprachidtwxnkhmkhuntlxdvdurxn xxsetriy hngkaritiottxbthixssixaok munghnaipyngewornaaelapadw inchwngvduibimphli kh s 1916 aetmikhwamkhubhnaephiyngelknxy erimtngaet kh s 1915 kxngthphxitaliphayitkarbngkhbbychakhxngkhadxrna idocmtipramansibexdkhrngbnaenwixsxnostamaenwkhxngaemnachuxediywkn thangtawnxxkechiyngehnuxkhxngtrieyset sungkarocmtithnghmdkthukkhbilodykxngthphxxsetriy hngkari sungyudphumipraethsthisungkwa invdurxn kh s 1916 kxngthphxitalisamarthtiemuxngid hakhlngcakchychnayxykhrngni aenwrbnikyngimepliynaeplngepnewlanankwahnungpi aemxitalicaocmtixikhlaykhrng emuxthungvduibimrwng kh s 1917 thharxxsetriy hngkariidrbkalngesrimkhnadihycakeyxrmni faymhaxanacklangerimkarrukeddkhademuxwnthi 26 tulakhm kh s 1917 odymithhareyxrmnepnhwhxk faymhaxanacklangidrbchychnathikhapxrertot kxngthphxitaliaetkphayaelalathxyepnrayathangmakkwa 100 kiolemtr cungsamarthcdraebiybihmid aelayudaenwthiaemnaepiyew aelaenuxngcakxitalisuyesiyxyanghnkinyuththkarkhapxrertot rthbalxitalicungsngihchayxayutakwa 18 pithukkhnekhapracakar in kh s 1918 xxsetriy hngkariimsamarthtiphanaenwdngklawid inyuththkarhlaykhrngtamaemnaepiyew aelasudthaykphayaephrabkhabinyuththkarwitotriox winiotineduxntulakhmpinn xxsetriy hngkariyxmcannintneduxnphvscikayn kh s 1918 karekharwmkhxngormaeniy ormaeniyidepnphnthmitrkbfaymhaxanacklangtngaet kh s 1882 xyangirktam emuxsngkhramerimtn ormaeniyidprakastnepnklang odyihehtuphlwaxxsetriy hngkariexngthiepnfayprakassngkhramtxesxrebiy aelaormaeniyimmikhxphukmdthicatxngekhasusngkhram emuxfayitrphakhiihsyyawacaykdinaednkhnadihythangtawnxxkkhxnghngkari thransileweniyaelabant sungmiprachakrormaeniykhnadihyxasyxyu ihaekormaeniy aelkepliynkbthiormaeniytxngprakassngkhramtxfaymhaxanacklang rthbalormaeniycungslakhwamepnklang aelawnthi 27 singhakhm kh s 1916 kxngthphormaeniyidepidchakocmtixxsetriy hngkari odyidrbkarsnbsnunswnhnungcakrsesiy karrukkhxngormaeniyprasbkhwamsaercinchwngtn odysamarthphlkdnthharxxsetriy hngkariinthransileweniyxxkipid aetkartiottxbkhxngfaymhaxanacklangkhbkxngthphrsesiy ormaeniy aelaesiykrungbukhaerstemuxwnthi 6 thnwakhm kh s 1916 karsurbinmxlodwadaenintxipin kh s 1917 sungcblngdwykarkhumechingknthimirakhaaephngsahrbfaymhaxanacklang emuxrsesiythxntwcaksngkhraminplay kh s 1917 cakphlkhxngkarptiwtieduxntulakhm ormaeniythukbibihlngnaminkarsngbsukkbfaymhaxanacklangemuxwnthi 9 thnwakhm kh s 1917 ineduxnmkrakhm kh s 1918 kxngthphormaeniysthapnakarkhwbkhumehnuxebssaraebiy emuxkxngthphrsesiylathingdinaedndngklaw aemwasnthisyyathuklngnamodyrthbalormaeniyaelabxlechwikhrsesiyhlngkarprachumrahwangwnthi 5 9 minakhm kh s 1918 thiihkxngthphormaeniythxnkalngxxkcakebssaraebiyphayinsxngeduxn wnthi 27 minakhm kh s 1918 ormaeniyphnwkebssaraebiyekhaepndinaednkhxngtn odyxasyxanacxyangepnthangkarkhxngmtithiphanodysphanitibyytithxngthinkhxngdinaedninkarrwmekhakbormaeniy ormaeniyyutisngkhramkbfaymhaxanacklangxyangepnthangkarodykarlngnaminsnthisyyabukhaerstemuxwnthi 7 phvsphakhm kh s 1918 phayitsnthisyyadngklaw ormaeniymikhxphukmdcayutisngkhramkbfaymhaxanacklangaelaykdinaednbangswnihaekxxsetriy hngkari yutikarkhwbkhumchxngekhabangaehnginethuxkekhakharphaethiynaelayksmpthannamnaekeyxrmni inkaraelkepliyn faymhaxanacklangcarbrxngexkrachkhxngormaeniyehnuxebssaraebiy snthisyyadngklawthuklathingineduxntulakhm kh s 1918 aelaormaeniyekhasusngkhramxikkhrngemuxwnthi 10 phvscikayn kh s 1918 wnrungkhun snthisyyabukhaerstthukthaihepnomkhatamenguxnikhkhxngkarsngbsukthikhxngepiyy mikarpraeminwachawormaeniythngthharaelaphleruxnthiesiychiwitrahwang kh s 1914 aela 1918 phayinphrmaednpccubn mithung 748 000 khn aenwrbdantawnxxk karptibtikhntn thharrsesiykalngedinthangipyngsnamrb khnathisthankarninaenwrbdantawntkyngkhumechingknxyu sngkhramyngdaenintxipinaenwrbdantawnxxk aephnedimkhxngrsesiykahndihrukrankaliesiykhxngxxsetriyaelaprsesiytawnxxkkhxngeyxrmniphrxmkn aemwakarrukkhntnekhaipinkaliesiykhxngrsesiycaprasbkhwamsaercihyhlwng aetkxngthphthisngipocmtiprsesiytawnxxkthukkhbklbmaodyhinedinbwrkhaelaluedindxrfthithneninaebrkhaelathaelsabmasueriynineduxnsinghakhmaelaknyayn kh s 1914 thanxutsahkrrmthidxyphthnakhxngrsesiyaelaphunathangthharthiimmiprasiththiphaphepnpccythithaihekidehtukarndngni emuxthungvduibimphli kh s 1915 rsesiylathxyekhaipinkaliesiy aelaineduxnphvsphakhm faymhaxanacklangsamarthtiphanaenwrbthangitkhxngopaelndkhrngihy wnthi 5 singhakhm faymhaxanacklangyudwxrsxaelabibihrsesiythxyxxkcakopaelnd karptiwtirsesiy wladimir elnin aemkhwamsaercinkaliesiytawnxxkrahwangkarrukbrusilxfemuxeduxnmithunayn kh s 1916 aetkhwamimphxickbkarchinasusngkhramkhxngrthbalrsesiyephimmakkhun khwamsaercthukbnthxnodykhwamimetmickhxngnayphlkhnxunthisngkalngkhxngtnekhaipsnbsnunihidrbchychna kxngthphsmphnthmitraelarsesiyfunfuchwkhrawechphaaemuxormaeniyekhasusngkhramemuxwnthi 27 singhakhm kxngthpheyxrmnekhachwyehluxkxngthphxxsetriy hngkariphrxmrbinthransileweniyaelabukhaerstesiyihaekfaymhaxanacklangemuxwnthi 6 thnwakhm khnaediywkn khwamimsngbekidkhuninrsesiy rahwangthisaryngkhngprathbxyuthiaenwhna karpkkhrxngxyangkhadphraprichasamarthkhxngckrphrrdinixelksandranaipsukarprathwng aelakarkhatkrrmkhnsnithkhxngphranang rsputin emuxplaypi kh s 1916 emuxeduxnminakhm 1917 karchumnumprathwnginepotrkrad lngexydwykarslarachbllngkkhxngsarniokhlsthi 2 aehngrsesiyaelakaraetngtngrthbalchwkhrawkhxngrsesiysungxxnaex aelaaebngpnxanackbklumsngkhmniym karcdkardngklawnaipsukhwamsbsnaelakhwamwunwaythngthiaenwhnaaelainrsesiy kxngthphrsesiyyingmiprasiththiphaphdxylngkwaedimmak sngkhramaelarthbalidrbkhwamniymnxylngeruxy khwamimphxicthaihphrrkhbxlechwikh thinaody wladimir elnin idrbkhwamniymephimkhunxyangmak ekhaihsyyawacadungrsesiyxxkcaksngkhramaelathaihrsesiyklbmayingihyxikkhrng chychnakhxngphrrkhbxlechwikhineduxnphvscikaynnn tammadwykarsngbsukaelakarecrcakbeyxrmni intxnaerk phrrkhbxlechwikhptiesthkhxesnxkhxngeyxrmni aetemuxkxngthpheyxrmnthasngkhramtxipaelaekhluxnphanyuekhrnodyimchalng rthbalihmcungtxngyxmlngnaminsnthisyyaebrsth litxfsk emuxwnthi 3 minakhm kh s 1918 sungthaihrsesiyxxkcaksngkhram aettxngyxmykdinaednxnkwangihyiphsal rwmipthungfinaelnd rthbxltik bangswnkhxngopaelndaelayuekhrnaekfaymhaxanacklang xyangirktam dinaednthieyxrmniidrbcakrsesiythaihtxngaebngkalngphlipyudkhrxngaelaxacepnpccynasukhwamlmehlwkhxngkarrukvduibimphli aelasnbsnunxaharaelayuththpccyxunkhxnkhangnxy dwykarlngmtiyxmrbsnthisyyaebrst litxfsk itrphakhicungimkhngxyuxiktxip faysmphnthmitrnakalngkhnadelkrukranrsesiy swnhnungephuxhyudmiiheyxrmniichpraoychncakthrphyakrkhxngrsesiy aelainkhxbekhtthielkkwa ephuxihkarsnbsnun rsesiykhaw trngkhamkb rsesiyaedng insngkhramklangemuxngrsesiy kxngthphsmphnthmitrykphlkhunbkthixarchxneklaelawladiwxstxk kxngthharechkhoksolwaekiy swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidkhxesnxrierimkarecrcasntiphaphkhxngfaymhaxanacklang ineduxnthnwakhm kh s 1916 hlngcakkarsurbxyangdueduxdsibeduxnkhxngyuththkaraewrdngaelakarrukormaeniythiprasbkhwamsaerc eyxrmniphyayamcaecrcasntiphaphkbfaysmphnthmitr imnanhlngcaknn prathanathibdishrth wudorw wilsnphyayamekhaaethrkaesngepnphupranipranxm odyrxngkhxinontaekthngsxngfayihrabukhxeriykrxngkhxngaetlafay khnarthmntrisngkhramkhxngxngkvsmxngwakhxesnxsntiphaphkhxngeyxrmniepnaephnkarsrangkhwamaetkaeykinfaysmphnthmitr hlngcakphicarnaxyangrxbkhxbaelw xngkvsthuxontkhxngwilsnepnxikkhwamphyayamhnung odysngsyyanwashrthiklcaekhasusngkhramkbeyxrmnihlng karthalaylangdwyeruxdana khnathifaysmphnthmitrotethiyngkneruxngkartxbkhxesnxkhxngwilsn eyxrmnieluxkcabxkpdaelasnbsnun karaelkepliynmummxngodytrng makkwa emuxthrabthungkartxbsnxngkhxngeyxrmni rthbalfaysmphnthmitrepnxisracarabukhxeriykrxngthichdecninwnthi 14 mkrakhm odyeriykrxngkhachdechykhwamesiyhay karxphyphprachakrcakdinaednyudkhrxng khaesiyhayaekfrngess rsesiyaelaormaeniy aelakaryxmrbhlkkaraehngechuxchati sungrwmipthungkarihesriphaphaekchawxitali slaf ormaeniy echoksolwk aelakarsthapna opaelndthimixisraaelarwmepnhnung wadwypyhakhwammnkhng faysmphnthmitreriykrxngkhayunynthicapxngknhruxcakdsngkhraminxnakht aelaykelikkarlngoths epnenguxnikhkhxngthukkarecrcasntiphaph karecrcalmehlwaelaitrphakhiptiesthkhxesnxkhxngeyxrmni ephraaeyxrmniimidklawthungkhxesnxidecaacng wilsnaelaitrphakhiwacaimerimkarecrcasntiphaphcnkwafaymhaxanacklangcaxphyphprachakrindinaednyudkhrxngthiekhyepnkhxngfaysmphnthmitraelakhachdichkhwamesiyhaythiekidkhunthnghmd kh s 1917 1918 khwamkhubhnain kh s 1917 ekhruxngbinkhbilkhxngeyxrmni ehtukarnin kh s 1917 nnidphisucnaelwwamikhwameddkhadinkaryutisngkhram aemwaphlcayngimxacsmphsidkrathngplay kh s 1918 karpidlxmthangthaelkhxngkxngthpheruxxngkvsidthaihekidphlkrathbihyhlwngtxeyxrmni eyxrmniidottxbdwykarxxkptibtikareruxdanaaebbimcakdkhxbekhtemuxeduxnkumphaphnth kh s 1917 odymiepahmayephuxihxngkvskhadaekhlnxaharaelatxngxxkcaksngkhram nkwangaephnchaweyxrmnpraeminwa sngkhrameruxdanaaebbimcakdkhxbekhtcathaihxngkvssuyesiyeruxipkwa 600 000 tntxeduxn khnathixngkvstrahnkwanoybaydngklawmiaenwonmcadungihshrthekhasukhwamkhdaeyng karsuyesiyeruxkhxngxngkvscasungmakesiycnxngkvsthukbibiheriykrxngsntiphaphhlngewlaphanip 5 thung 6 eduxn kxnthikarekhaaethrkaesngkhxngshrthcamiphlkrathb inkhwamepncring eruxxngkvsthukyingcmipkhidepnnahnkmakkwa 500 000 tntxeduxnrahwangeduxnkumphaphnththungkrkdakhm aelasungthisud 860 000 tnineduxnemsayn hlngeduxnkrkdakhm idmikarnarabbkhbwneruxkhumknklbmaichihm sungmiprasiththiphaphinkarldphykhukkhamcakeruxxulngxyangying xngkvsplxdphycakkarkhadaekhlnxahar khnathiphlphlitphakhxutsahkrrmkhxngeyxrmnildlng aelathharshrthekharwmsngkhramepncanwnmakkwathieyxrmniekhykhadiwkxnhnanimak thharfrngessthikhdkhunkhasngthukying in kh s 1916 wnthi 3 phvsphakhm kh s 1917 rahwangkarrukenwill kxngphlxananikhmthi 2 khxngfrngessthiehndehnuxy thharphansukyuththkaraewreding ptiesthkhasngthiidrb mathungodyemaaelaprascakxawuth naythharimxachawithikarmalngothsthharthngkxngphlid aelaimmikardaeninmatrkarrunaernginthnthi caknn karkhdkhunkhasngidluklamipyngxik 54 kxngphlkhxngfrngess aelamithharhnihnathi 20 000 nay kxngthphsmphnthmitrxunocmtiaetprasbkhwamsuyesiymhasal xyangirktam dwykardungdudsukhwamrkchatiaelahnathi echnediywkbkarcbkumaelakarphicarnakhrngihy kratunihthharklbmapxngknsnamephlaakhxngtn aemwathharfrngessptiesthcaekharwminkarptiwtikarruktxip orebrt enwillthukpldcaktaaehnngbychakarinwnthi 15 phvsphakhm aelaaethnthidwyphlexkfilip epaetng phuykelikkarrukkhnadihyxnnxngeluxdchwkhraw chychnakhxngxxsetriy hngkariaelaeyxrmnithiyuththkarkapxertot naihfaysmphnthmitrthikarprachumraplolcdtngsphasngkhramsungsudephuxprasankarwangaephn odykxnhnann kxngthphxngkvsaelafrngessiddaeninkarbngkhbbychaaeykkn ineduxnthnwakhm faymhaxanacklanglngnamsngbsukkbrsesiy thaihthhareyxrmncanwnmaksamarththuksngmaptibtihnathiinthangtawntkid dwykalngesrimeyxrmniaelathharshrththiihlbaekhamaihm thaihaenwrbdantawntkcaepnkartdsinphlkhxngsngkhram faymhaxanacklangthrabwatnimxacexachnasngkhramyudeyux aetphwkekhatngkhwamhwngiwsungsahrbkhwamsaercodykhunxyukbkarrukxyangrwderwkhrngsudthay yingipkwann phunafaymhaxanacklangaelafaysmphnthmitrtangerimrusukklwtxkhwamimsngbinsngkhmaelakarptiwtiinyuorp dngnn thngsxngfaytangkmungidrbchychnakhneddkhadxyangrwderw kh s 1917 ckrphrrdikharlthi 1 aehngxxsetriy thrngphyayamecrcaaeyktanghakxyanglb kbkhlumxngos odyminxngchaykhxngphramehsi sikts inebleyiym epnkhnklang odyeyxrmniimrbrudwy emuxkarecrcalmehlw aelakhwamphyayamdngklawthrabthungeyxrmni sngphlihekidhaynathangkarthutrahwangsxngpraeths shrthekhasusngkhram shrthedimdaeninnoybayimaethrkaesng ephuxhlikeliyngkarephchiyhnakbkhwamkhdaeyngrahwangpraethsaelaepnnayhnasntiphaph emuxeruxxueyxrmnkhxngxngkvs in kh s 1915 thimichawxemriknxyubnerux 128 khn prathanathibdiwilsnidsabanwa xemrikamithithimakekinkwacasu aelaeriykrxngihykelikkarocmtieruxphleruxn sungeyxrmnikyxmtam wilsnphyayamepnphuiklekliyrangbkhxphiphathaetlmehlw ekhaetuxnyawashrthcaimthntxsngkhrameruxdanaimcakdkhxbekht wilsnidrbaerngkddnthioxdxr rusewlt phupranamphvtikarnkhxngeyxrmniwaepn karkrathaxnepnocrsld khwamprarthnakhxngwilsnthicaidekharwminkarecrcasntiphaphemuxsngkhramyutiephuxphthnaaenwkhidsnnibatchatiexngkepnswnsakhy rthmntritangpraethskhxngwilsn wileliym ecnnings ibrxn sungkhwamkhidehnkhxngekhaidthukephikechy idlaxxkephraaimxacsnbsnunnoybaykhxngprathanathibdiidxiktxip mtimhachnrusukokrthkbehtuwinaskrrmaeblkthxminnkhrecxrsiy rthniwecxrsiy sungsngsywaeyxrmnixyuebuxnghlng aelaehturaebidkhingsaelnd ineduxnmkrakhm kh s 1917 eyxrmnithasngkhrameruxdanaimcakdkhxbekhtxikkhrng rthmntritangpraethsbxkaekemksiok phanothrelkhsimaemrmnn wa shrthmiaenwonmekhasusngkhramhlngsngkhrameruxdanaimcakdkhxbekhterimkhun aelaechiyemksiokekhasusngkhramepnphnthmitrkhxngeyxrmnitxshrth ephuxepnkaraelkepliyn eyxrmnicasngenginihemksiokaelachwyihemksiokidrbdinaednethkss niwemksiokaelaaexriosnathiemksiokesiyiprahwangsngkhramemksiok xemrikaemux 70 pikxn wilsnepidephyothrelkhdngklawihaeksatharnchn aelachawxemriknmxngwaepnehtuaehngsngkhram wilsnprakastdkhwamsmphnthkbeyxrmnixyangepnthangkartxhnarthspha 3 kumphaphnth kh s 1917 xyangirktam aemwashrthcaekhasusngkhramodyxyukhangediywkbfayphnthmitr aetimekhyepnsmachikxyangepnthangkarkhxngfayphnthmitrely odyeriyktwexngwaepn praethsphuihkhwamchwyehlux Associated Power shrthmikxngthphkhnadelk aethlngrthbyytikhdeluxkthhar Selective Service Act shrthkmithhareknthmakthung 2 8 lannay aelaphayinvdurxn kh s 1918 kmikarsngthharihmkwa 10 000 nayipyngfrngessthukwn in kh s 1917 rthsphashrthihsthanaphlemuxngaekchawepxrotriok emuxphwkekhathukeknthihekharwmsngkhramolkkhrngthihnung cakrthbyytiocns eyxrmnikhanwnphid odyechuxwacaichewlaxikhlayeduxnkwashrthcamathung aelakarkhnsngthharkhammhasmuthrsamarththukhyudyngidodyeruxxu thharaexfriknxemriknkalngedinswnsnaminfrngess kxngthpheruxshrthidsngkxngeruxrbipyngskapaoflw Scapa Flow ephuxekharwmkbkxngeruxhlwng Grand Fleet xngkvs eruxphikhatipyngkhwinsthawn ixraelnd aelaeruxdanaipchwykhumknkhbwnerux nawikoythinhlaykrmkhxngshrththuksngipyngfrngess danxngkvsaelafrngesstangtxngkarihhnwythharxemriknekhaesrimkalngbnaenwrbthimithharkhxngtnxyukxnaelw aelaimsinepluxngcanwneruxthimixyunxyephuxkhnyayesbiyng aelaimtxngkaricheruxephuxepnkarkhnsngesbiyng sungshrthptiesthkhwamtxngkaraerk aetyxmtamkhwamtxngkarkhxhlng phlexk phubychakarkxngkalngrbnxkpraethsxemrika AEF ptiesththicaaebnghnwythharxxkephuxichepnkalnghnunaekhnwythharxngkvsaelafrngess odyykewnihkrmrbaexfrikn xemriknthukichinkxngphlfrngessid hlkniymkhxng AEF kahndihichkarocmtithangdanhna sungphubychakarxngkvsaelafrngesselikichipnanaelw ephraasuyesiykalngphlmhasal karrukvduibimphli kh s 1918 phlexkeyxrmn xirich luedindxrf idrangaephnsungichchuxrhswa khunsahrbkarrukbnaenwrbdantawntkin kh s 1918 karrukvduibimphlimicudprasngkhephuxaeykkxngthphxngkvsaelafrngessxxkcakkndwykarhlxkhlwngaelakarrukhlaykhrng phunaeyxrmnihwngwakarocmtixyangeddkhadkxnthikxngkalngshrthkhnadihycamathung ptibtikardngklawerimkhunemuxwnthi 21 minakhm kh s 1918 odyocmtikxngthphxngkvsthi aelasamarthrukekhaipidthung 60 kiolemtrxyangthiimekhyekidkhunmakxntlxdsngkhram thhareyxrmnedinthphphanthimnfayxngkvs sungthukyudidrahwangkarrukvduibimphli kh s 1918 swnaenwsnamephlaakhxngxngkvsaelafrngessthukecaaphandwyyuththwithiaethrksumthiepnkhxngihm sungthuktngchuxwa yuththwithihuethiyr Hutier tactics tamchuxphlexkchaweyxrmnkhnhnung kxnhnann karocmtiepnrupaebbkarradmyingpunihyxyangyawnanaelakarbukocmtiodyichkalphlmhasal xyangirktam inkarrukvduibimphli kh s 1918 luedindxrfidichpunihyechphaaepnewlasn aelaaethrksumklumthharrabkhnadelkipyngcudthixxnaex phwkekhaocmtiphunthisngkaraelaphunthikhnsng aelaphancudthimikartanthanxyangdueduxd caknn thharrabthimixawuthhnkkwacaekhabdkhyithitngthithukoddediywniphayhlng khwamsaerckhxngeyxrmninixasykhwamprahladickhxngkhasukxyumak ekhruxngbinkhbilkhxngxngkvs aenwhnaekhluxnekhaipinraya 120 kiolemtrcakkrungparis hnkkhxngkhruphphyingkrasun 183 ndekhaiskrungparis thaihchawpariscanwnmakhlbhni karrukinchwngaerkprasbkhwamsaercxyangngdngamkrathngckrphrrdiwilehlmthi 2 thrngprakasihwnthi 24 minakhmepnwnhyudrachkar chaweyxrmncanwnmakkhidwachychnakhxngsngkhramxyuiklaekhexuxmaelw xyangirktam hlngkartxsuxyanghnk praktwakarrukkhxngeyxrmnihyudchangkip karkhadaekhlnrththnghruxpunihyekhluxnthithaihfayeyxrmnimsamarthrwmkalngknruktxipid sthankarndngklawyngelwraylngipxikemuxesnthangsngkalngbarungtxnnithukyudxxkipxnepnphlcakkarruk karhyudkathnhnniyngepnphlmacakkalngckrwrrdixxsetreliy AIF canwnsikxngphlthithukkwdil aelasamarthkrathainsingthiimmikxngthphidsamarththaid aelahyudyngkarrukkhxngeyxrmnitamesnthangid rahwangchwngewlani kxngphlxxsetreliythihnungthuksngkhunehnuxxyangerngribxikkhrngephuxhyudyngkarecaaphankhrngthisxngkhxngeyxrmni phlexkfxkhkddnihichkalngxemrikathimathungaelwepnkarekhaswmtaaehnngaethnodylaphng aetephxrchingmungihcdwanghnwykhxngshrthepnkxngkalngxisra hnwyehlanithukmxbhmayihxyuinkarbngkhbbychakhxngfrngessaelackrwrrdixngkvsthithharrxyhrxlng emuxwnthi 28 minakhm sphasngkhramsungsudkhxngkxngkalngfaysmphnthmitrthukcdtngkhunthikarprachumdulxng Doullens emuxwnthi 5 phvscikayn kh s 1917 phlexkfxkhthukaetngtngepnphubychakarkxngkalngfaysmphnthmitrsungsud ehk aelaephxrchingyngkhngmikarkhwbkhumthangyuththwithiinswnkhxngtnxyu fxkhrbbthbathprasanngan makkwabthbathchina aelakxngbychakarxngkvs frngessaelashrthdaeninkarswnihyepnxisratxkn hlngptibtikarmikhaexl eyxrmnierim Operation Georgette txemuxngthachxngaekhbxngkvsthangehnux faysmphnthmitrhyudyngkarphlkdnodyeyxrmniidrbdinaednephimnxymak kxngthpheyxrmnthangiterimptibtikarblxaechraelayxrkh sungphungepaipyngkrungparis ptibtikarmarnerimkhunemuxwnthi 15 krkdakhm odyphyayamcalxmaermsaelaerimtnyuththkaraemnamarnkhrngthisxng kartitxbotthiepnphlnn epncuderimtnkhxngkarrukrxywn nbepnkarrukthiprasbkhwamsaerckhrngaerkkhxngfaysmphnthmitrinsngkhram cnthungwnthi 20 krkdakhm kxngthpheyxrmnthukphlkdnkhamaemnamarnthiaenwerimtnikaesrchlchth odythiimbrrlucudprasngkhid ely hlngkhnsudthaykhxngsngkhraminthangtawntkaelw kxngthpheyxrmncaimxacepnfayrierimidxik khwamsuyesiykhxngeyxrmnirahwangeduxnminakhmaelaemsayn kh s 1918 xyuthi 270 000 khn inkhnaediywkn inpraethskalngaetkxxkepnesiyng karrnrngkhtxtansngkhramekidbxykhrngkhun aelakhwykalngicinkxngthphthdthxy phlphlitthangxutsahkrrmthrudlngxyanghnk odykhidepn 53 khxngphlphlitthangxutsahkrrmin kh s 1913 faysmphnthmitridchy vdurxnaelaibimrwng kh s 1918 thharpunihyxngkvsinthharchangxemriknkhnaedinthangklbcakaenwhna rahwang kartitxbotkhxngfaysmphnthmitr sungruckknwa karrukrxywn erimkhunemuxwnthi 8 singhakhm kh s 1918 in kxngthphnxythi 3 kxngthphxngkvsthi 4 xyuthangpiksay kxngthphfrngessthi 1 xyuthangpikkhwa aelakxngthphnxyxxsetreliyaelaaekhnadaepnhwhxkocmtitrngklangphan Harbonnieres yuththkarkhrngnnmirththngmark 4 aelamark 5 kwa 414 khn aelathharkwa 120 000 nayekharwm faysmphnthmitrrukekhaip 12 kiolemtrindinaednthieyxrmnithuxkhrxnginewlaephiyngecdchwomng exrich luedindxrf eriykwnniwa wnxnmudmnkhxngkxngthpheyxrmn hwhxkxxsetreliy aekhnadathixaemiyng yuththkarsungepncuderimtnaehngkhwamlmcmkhxngeyxrmni chwydungihkxngthphxngkvskhubhnaipthangehnuxaelakxngthphfrngessipthangit khnathikartanthankhxngeyxrmnibnaenwrbkxngthphxngkvsthi 4 thixaemiyngepnipxyangaekhngaekrng hlngfaysmphnthmitrrukekhaip 14 kiolemtrcakxaemiyng kxngthphfrngessthi 3 khyaykhwamyawkhxngaenwrbxaemiyngemuxwnthi 10 singhakhm emuxkxngthphthuksngipthangpikkhwakhxngkxngthphfrngessthra 1 aelarukekhaip 6 kiolemtr sungkalngpldplxy Lassigny krathngkarsurbdaeninipcnthungwnthi 16 singhakhm thangitkhxngkxngthphfrngessthi 3 phlexk Charles Mangin ekhluxnkxngthphfrngessthi 10 ipkhanghnathi Soissons emuxwnthi 20 singhakhm ephuxcbkumechlysukaepdphnkhn punihysxngrxykrabxk aelathirabsung Aisne thimxngehnaelakhukkhamthitngkhxngeyxrmnithangehnuxkhxng Vesle exrich luedindxrfbrryaywaniepn wnxnmudmn xikwnhnung khnaediywkn phlexk Byng aehngkxngthphxngkvsthi 3 raynganwakhasukbnaenwrbkhxngekhakalngmicanwnldlngcakkarcakdkarlathxy thukxxkkhasngihocmtidwyrththng 200 khn ipyng Bapaume epidchakyuththkarxlaebr Albert dwykhasngechphaaih ecaaaenwrbkhasuk ephuxthicatioxbpikkhasukthixyubnaenwrb trngkhamkxngthphxngkvsthi 4 thixaemiyng karocmtiepnipxyangrwderwephuxthicachingkhwamidepriybcakkarrukthiprasbkhwamsaerctrngpik aelwcaknncungyutiemuxkarocmtisuyesiyaerngphlkdnerimtnip aenwrbyaw 24 kiolemtrkhxngkxngthphxngkvs thangehnuxkhxngxlaebr mikhwamkhubhna hlnghyudipwnhnungemuxephchiykbaenwtanthanhlksungkhasukidthxnkalngipaelw kxngthphxngkvsthi 4 khxngrxwlinsn samarthsurbtxipthangpiksayrahwangxlaebraelasxmm sungyudaenwrahwangtaaehnngxyuhnakhxngkxngthphthi 3 aelaaenwrbxaemiyng sungsngphlihyudxlaebrklbkhunidinkhnaediywkn wnthi 26 singhakhm kxngthphxngkvsthi 1 sungxyuthangpiksaykhxngkxngthphthi 3 thukdungekhasukarsurbsungyudkxngthphipthangehnuxcnphnxars ehlathharaekhnadasungklbxyuthiediminthphhnakhxngkxngthphthi 1 surbcakxarsipthangtawnxxk 8 kiolemtr khrxmphunthixars kxngebr kxncathungkarpxngknchnnxkkhxngaenwhinedinbwrkh kxncaecaaaenwdngklawemuxwnthi 28 aela 29 singhakhm wnediywkn eyxrmniesiy Bapaume ihaekkxngphlniwsiaelndaehngkxngthphthi 3 aelakxngthphxxsetreliy sungyngnakarrukkhxngkxngthphthi 4 samarthphlkdnaenwrbipkhanghnathixaemiyngaelayudeprxnn Peronne aelamngaesng ekiyngaetng Mont Saint Quentin emuxwnthi 31 singhakhm hangipthangit kxngthphfrngessthi 1 aelathi 3 rukkhubxyangcha khnathikxngthphthi 10 sungkhamaemna Ailette maaelw aelaxyuthangtawnxxkkhxng Chemin des Dames pccubnxyuiklkbtaaehnngxlebrichkhxngaenwhinednaebrk rahwangchwngspdahsudthaykhxngeduxnsinghakhm aerngkddntamaenwrbyaw 113 kiolemtrtxkhasuknnepnipxyanghnkhnwngaelatxenuxng aemkrathngthangehnuxinflanedxr kxngthphxngkvsthi 2 aelathi 5 mikhwamkhubhnacbkumechlysukaelayudthimnidsungkxnhnaniimprasbkhwamsaercrahwangeduxnsinghakhmaelaknyayn wnthi 2 knyayn ehlaaekhnadaoxblxmaenwhinednaebrkdankhang dwykarecaataaehnngowthn Wotan thaihkxngthphthi 3 samarthrukkhubtxipid sungsngphlsathxnklbtlxdaenwrbdantawntk wnediywknoxaebrsetx ehersilthung OHL immithangeluxknxkcaksngihhkkxngthphlathxyekhaipsuaenwhinednaebrkthangit hlngkanldunxrdbnaenwrbkxngthphthi 1 khxngaekhnada aelathxnklbipyngaenwthangtawnxxkkhxnglis Lys inthangehnux sungthukyudkhrxngodyprascakkartxsu swnthiyunxxkmathukyudineduxnemsaynthiphanma tamkhxmulkhxngluedindxrff eracatxngyxmrbkhwamcaepn thicalathxythngaenwrbcakskarp Scarpe thungewsel Vesle ewlaekuxbsispdahhlngkartxsuerimkhunemuxwnthi 8 singhakhm miechlysukeyxrmnthukcbkumidekin 100 000 nay xngkvscbid 75 000 nay aelathiehluxodyfrngess cnthung wnxnmudmnkhxngkxngthpheyxrmn kxngbychakarthharsungsudeyxrmnitrahnkwaphaysngkhramaelwaelaphyayambrrlucudcbxnnaphxic wnhlngkarsurb luedindxrffbxkphnexkaemrthswa eraimxacchnasngkhramidxiktxip aeteracatxngimaephechnkn wnthi 11 singhakhm ekhaesnxlaxxkcaktaaehnngtxikesxr phuthrngptiesth odythrngtxbwa chnehnwaeratxngthaihekidsmdul eraidekuxbthungkhidcakdxanackartanthankhxngera sngkhramtxngyuti wnthi 13 singhakhm thispa Spa hinednaebrk luedindxrff naykrthmntri aelarthmntritangpraethshinthstklngwasngkhramimxacyutilngidinthangthhar aelainwnrungkhunspharachsankeyxrmntdsinicwa chychnainsnamrbkhnaniyakthicaekidkhunepnswnihy xxsetriyaelahngkarietuxnwa thngsxngsamarththasngkhramidthungeduxnthnwakhmethann aelaluedindxrffesnxkarecrcasntiphaphthnthi aedikesxrphuthrngsnxngodythrngaenanaihhinthsmxnghakariklekliycaksmedcphrarachiniaehngenethxraelnd ecachayruphephrchthetuxnecachaymksaehngbaednwa sthankarnthangthharkhxngerabnthxnlngxyangrwderwesiyicchnimechuxwaerasamarthyuxidtlxdvduhnawxiktxip aelaepnipidwahaynacamaerwkwann wnthi 10 knyayn hinednaebrkkratunthathisntiphaphtxckrphrrdichalsaehngxxsetriy aelaeyxrmnirxngtxenethxraelndkhxkariklekliy wnthi 14 knyayn xxsetriysngbnthukthungkhusngkhramaelapraethsepnelangthnghmdesnxkarprachumsntiphaphinpraethsthiepnklang aelawnthi 15 knyayn eyxrmniyunkhxesnxsntiphaphtxebleyiym khxesnxsntiphaphthngsxngthukptiesth aelawnthi 24 knyayn OHL aecngtxphunainebxrlinwakarecrcasngbsukhlikeliyngimid eduxnknyaynepneduxnthifayeyxrmnyngkhngsurbkarptibtikxngrawnghlngxyangekhmaekhngaelaerimkartiottxbhlaykhrngtxtaaehnngthiesiyip aetprasbphlsaercephiyngelknxy aelaephiyngchwkhrawethann emuxng hmuban thisungaelasnamephlaaintaaehnngaelakxngrksadanthimikarpxngknkhxngaenwhinednaebrkyngesiyaekfaysmphnthmitrxyangtxenuxng odykxngthphxngkvsephiyngchatiediywksamarthcbechlysukidthung 30 441 nayinchwngspdahthiphanma karruktxipthangtawnxxkkhnadelkcaekidkhunhlngchychnakhxngkxngthphthi 3 thixiwinkur Ivincourt inwnthi 12 knyayn kxngthphthi 4 thixiefxni Epheny inwnthi 18 knayn aelakxngthphfrngessyudidaexssiyielxkxng Essigny le Grand xikwnhnungihhlng wnthi 24 knyayn karocmtikhrngsudthaykhxngthngxngkvsaelafrngessbnaenwrb 6 4 kiolemtrcaekhamainraya 3 2 kiolemtrkhxngaesngkxngaetng St Quentin dwykxngrksadanaelaaenwpxngknkhntnkhxngtaaehnngsikfridaelaxlebrichthukthalayhmdip fayeyxrmnkhnanixyuhlngaenwhinednaebrkthnghmd dwytaaehnngowthnkhxngaenwnnidthukecaaipaelwaelataaehnngsikfridxyuinxntraycathukoxbcakthangehnux ewlanifaysmphnthmitrsboxkasocmtitlxdthngkhwamyawaenwrb karocmtitrngaenwhinednaebrkkhxngfaysmphnthmitr sungerimkhunemuxwnthi 26 knyayn rwmthharshrthdwy thharxemriknthiyngxxnprasbkarnprasbpyhaekiywkbrthifesbiyngsahrbhnwykhnadihybnphumipraethsthurkndar spdahhnungihhlnghnwyfrngessaelaxemriknecaaphaninchxngpay Champagne thiyuththkareninblngkmng Blanc Mont bibihfayeyxrmnthxyipcakthisungthikhwbkhumxyu aelarukkhubekhaiklchayaednebleyiym emuxngebleyiymaehngsudthaythiidrbkarpldplxykxnkarsngbsukkhux eknt Ghent sungfayeyxrmnyudiwepncudhlngkrathngfaysmphnthmitrnapunihykhunma kxngthpheyxrmnidynrayaaenwrbkhxngtnaelaichphrmaedndtchepnsmxephuxsurbkarptibtikxnghlng emuxblaekeriylngnamkarsngbsukaeyktanghakemuxwnthi 29 knyayn faysmphnthmitridrbkarkhwbkhumesxrebiyaelakris luedindxrff sungxyuphayitkhwamekhriydihyhlwnghlayeduxn mixakarkhlaykbpwy epnthiaenchdaelwwaeyxrmniimxacpxngknidxyangsaercxiktxip khnaediywkn khawkhwamphayaephthangthharthikalngekidkhuninimchakhxngeyxrmniaephrsaphdipthwkxngthpheyxrmn phykhukkhamkarkhdkhunkhasngnnsukngxm phleruxexkirnard echraelaluedindxrfftdsinicerimkhwamphyayamkhrngsudthayephuxfunfu khwamklahay khxngkxngthpheruxeyxrmn odythrabwarthbalkhxngecachaymasimilnaehngbaedncaybyngkarptibtiechnni luedindxrfftdsinicimthwayrayngan xyangirkdi khawkarocmtithikalngekidkhuninimchamathunghukalasithikhil kalasihlaykhnptiesthcaekharwmkarrukthangthaelsungphwkekhaechuxwaepnkarkhatwtay kxkbtaelathukcbkum luedindxrffrbphidchxbkhwamphidphladni ikesxrpldekhainwnthi 26 tulakhm karlmslaykhxngbxlkhanhmaykhwamwa eyxrmnikalngesiyesbiyngxaharaelanamnhlkkhxngtn primansarxngidichhmdipaelw khnaediywkbthikxngthphshrthmathungyuorpdwyxtra 10 000 naytxwn odyidrbkhwamsuyesiythung 6 lanchiwit eyxrmniidhniphasntiphaph ecachaymasimilnaehngbaednmihnathiinrthbalihmepnnaykrthmntrieyxrmniinkarecrcakbfaysmphnthmitr karecrcathangothrelkhkbprathanathibdiwilsnerimkhunthnthi inkhwamhwnglm aelng waekhacaidrbkhxesnxthidikwakbxngkvsaelafrngess aetwilsnklberiykrxngihikesxrslarachsmbti immikartxtanemuxfiliphph ichedmnnaehngphrrkhsngkhmprachathipity prakasiheyxrmniepnsatharnrthemuxwnthi 9 phvscikayn ckrwrrdieyxrmnlmslaylng aelaeyxrmniihm khux satharnrthiwmar idekidkhunaethn karsngbsukaelakaryxmcann inphaph cxmphlfxkhepnkhnthisxngnbcakthangkhwa danhlngepntuodysarrthifinpakhxngepiyyxnepnsthanthilngnamkarsngbsuk turthifniphayhlngthukichechingsylksninkarsngbsukkhxngepaetngineduxnmithunayn kh s 1940 mnthukyayipyngkrungebxrlinepnrangwl aetenuxngcakkarthingraebidkhxngfaysmphnthmitridyayipyngkhrawinekhl thurinekiy thisungmnthukthalayxyangectnaodykalngexsexsin kh s 1945 karlmslaykhxngfaymhaxanacklangmaeyuxnxyangrwderw blaekeriyepnpraethsaerkthilngnamkarsngbsuk emuxwnthi 29 knyayn kh s 1918 thisaolniki wnthi 30 tulakhm ckrwrrdixxtotmnyxmcannthimuodrs wnthi 24 knyayn xitalierimkarphlkdnsungthaihidrbdinaednthisuyesiyipkhunhlngyuththkarkhapxertot cnlngexyinyuththkarwitotriox ewenot xnepncudcbthikxngthphxxsetriy hngkariimxacepnkalngrbthimiprasiththiphaphidxiktxip karrukniyngkratunkarslaytwkhxngckrwrrdixxsetriy hngkari rahwangspdahsudthaykhxngeduxntulakhm mikarprakasexkrachkhuninkrungbudaepst prak aelasaekrb wnthi 29 tulakhm thangkarxxsetriy hngkarikhxsngbsukkbxitali aetxitalirukkhubtxip odyipthung aelatrieyset wnthi 3 phvscikayn xxsetriy hngkarisngthngphkrbkhxkarsngbsuk enguxnikh sungcdkarodyothrelkhkbthangkarfaysmphnthmitrinkrungparis mikarsuxsaripyngphubychakarxxsetriyaelayxmrb karsngbsukkbxxsetriymikarlngnaminwilla kixusti iklkbphadw emuxwnthi 3 phvscikayn xxsetriyaelahngkarilngnamkarsngbsukaeykknhlngkarlmlangrachwngshbsburk hlngkarpathukhxngkarptiwtieyxrmn mikarsthapnasatharnrthkhunemuxwnthi 9 phvscikayn xngkhikesxridthrnghlbhniipyngenethxraelnd wnthi 11 phvscikayn mikarlngnamkarsngbsukkbeyxrmnikhunintuodysarrthifinkhxngepiyy emuxewla 11 nalika khxngwnthi 11 phvscikayn kh s 1918 hrux chwomngthisibexd khxngwnthisibexd khxngeduxnthisibexd karhyudyingmiphlbngkhb kxngthphsungpracyknxyubnaenwrbdantawntknnerimthxncaktaaehnngkhxngtn phlthharaekhnada cxrc lxwerns iphrs thukyingodyphlaemnpunchaweyxrmnemuxewla 10 57 n aelasinchiwitemuxewla 10 58 n ehnri kunethxrchawxemriknthuksnghar 60 winathikxnkarsngbsukmiphlbngkhbkhnaekhatikalngphleyxrmnthirusukprahladic ephraathrabkhawwa kalngcamikarsngbsukkhun thharxngkvskhnsudthaythiesiychiwit khux phlthharcxrc exdwin exllisn phuesiychiwitkhnsudthayinsngkhram khux rxyothothms phusung hlngewla 11 nalika kalngedinipyngaenwrbephuxaecngkhawaekthharxemriknsungyngimthukaecngkhawkarsngbsukwa phwkekhacalathingxakharebuxnghlngphwkekha sthanasngkhramxyangepnthangkarrahwangthngsxngfaydarngxyuepnewlaxikcneduxn krathngkarlngnamsnthisyyaaewrsaykbeyxrmniemuxwnthi 28 mithunayn kh s 1919 snthisyyakbxxsetriy hngkari blaekeriyaelackrwrrdixxtotmnmikarlngnamphayhlng xyangirkdi karecrcakbckrwrrdixxtotmnnntammadwykarkhdaeyngkn aelasnthisyyasntiphaphsudthayrahwangfaysmphnthmitrkbpraethssungxiktxmaimnancaidchuxwa satharnrthturki mikarlngnamemuxwnthi 24 krkdakhm kh s 1923 thiolsan inthangkdhmay snthisyyasntiphaphxyangepnthangkarimesrcsmburnkrathngmikarlngnaminsnthisyyaolsanchbbsudthay phayitenguxnikhnn kxngthphfaysmphnthmitrthxnxxkcakkhxnsaetntionepilemuxwnthi 23 singhakhm kh s 1923 khwamidepriybkhxngfaysmphnthmitraelatananaethngkhanghlng phvscikayn kh s 1918 ineduxnphvscikayn kh s 1918 faysmphnthmitrmikalngbarungthiepnkhnaelayuthothpkrnmakphxthicarukraneyxrmni krann emuxmikarsngbsuknn immikalngfaysmphnthmitridkhamphrmaedneyxrmniidely aenwrbdantawntkyngxyuhangcakkrungebxrlinekuxb 1 400 kiolemtr aelakxngthpheyxrmnynglathxycaksnamrbxyangepnraebiybdi pccyehlanisngphlihhinedinbwrkhaelaphunaeyxrmnxawuoskhnxun ephyaephreruxngelawa kxngthphkhxngphwkekhamiidthukexachnaxyangaethcring sungtxmaidekidepntananaethngkhanghlng khux thuxwakhwamphayaephkhxngeyxrmninnmiidekidcakkarkhadkhwamsamarthinkarsurbtxip aemthharmakthunghnunglannaykalngecbpwycakkarrabadkhxngikhhwdihy kh s 1918 aelaimphrxmrb aetepnephraasatharnchnkhadkarsnxngtx kareriykdwykhwamrkchati aelakarkxwinaskrrmxyangectnatxkhwamphyayamkhxngsngkhram odyechphaaxyangying phwkyiw sngkhmniymaelabxlechwikhphlthitammaphayhlngsngkhramsinsudlng mickrwrrdithiyingihytxnglmslayipthung 4 ckrwrrdi idaek ckrwrrdieyxrmn ckrwrrdixxsetriy hngkari ckrwrrdixxtotmn aelackrwrrdirsesiy hlaypraethsidrbexkrachkhxngchatiklbkhunma aelaincanwnhnungksthapnapraethskhxngchatitnkhunma nxkcakni rachwngsihyinthwipyuorpthngsi idaek rachwngsormanxf rachwngsohexinthsxlelirn rachwngshaphsbwrkh aelarachwngsxxtotmn txngthungkhrawsinsudcakphlkhxngsngkhramechnkn ebleyiymaelaesxrebiyepnpraethsthiidrbkhwamesiyhayxyanghnkhnwng echnediywkbfrngess dwycanwnthharthiesiychiwitraw 1 4 lannay imnbrwmkbkhwamsuyesiyxun swneyxrmniaelarsesiytangidrbphlkrathbinthanxngediyngkn sinsudsngkhramxyangepnthangkar karlngnaminsnthisyyaaewrsay n hxngkrackkhxngphrarachwngaewrsayemuxwnthi 28 mithunayn kh s 1919 wadody esxr wileliym xxrephn phawakhxngsngkhramxyangepnthangkarrahwangthngsxngfayyngkhngdaenintxipxikecdeduxn krathngkarlngnaminsnthisyyaaewrsaykbeyxrmniemuxwnthi 28 mithunayn kh s 1919 wuthisphashrthmiidihstyabntxsnthisyyachbbni aemcamikarsnbsnuncaksatharnchnktam aelaimidmikaryutikarmiswnrwminsngkhramxyangepnthangkarcnkrathngkarlngnamin Knox Porter Resolution emuxwnthi 2 krkdakhm kh s 1921 odyprathanathibdiwarern ci harding sahrbckrwrrdibritichaelw phawasngkhramsinsudlngphayitbthbyytiaehng inswnthiekiywkhxngkb eyxrmni emuxwnthi 10 mkrakhm 1920 xxsetriy emuxwnthi 16 krkdakhm kh s 1920 blaekeriy emuxwnthi 9 singhakhm kh s 1920 hngkari emuxwnthi 26 krkdakhm kh s 1921 turki emuxwnthi 6 singhakhm kh s 1924 xnusrnsthansngkhrambangaehnglngwnsinsudsngkhramtrngkbwnthilngnaminsnthisyyaaewrsayin kh s 1919 sungepnchwngewlathikxngthharphansukintangpraethsidklbbaninthisud inthangklbkn karralukthungkaryutisngkhramswnmakcamungennipthikarsngbsuk 11 phvscikayn kh s 1918 snthisyyasntiphaphaelaekhtaednkhxngchati aephnthikarepliynaeplngekhtaednkhxnginthwipyuorpphayhlngsngkhramolkkhrngthihnung praman kh s 1923 phayhlngsngkhram thwolkihkhwamsnickbkarsuksaehtuaehngsngkhramaelaxngkhprakxbthicaphaolkipsusntiphaph swnhnungidnaipsukarsrangsntiphaphaelakarsuksadankhwamkhdaeyng karsuksadankhwamplxdphy rwmthungkhwamsmphnthrahwangpraethsodythwipkarprachumsntiphaphparisidkahndchudsnthisyyasntiphaphephuxyutisngkhramkbfaymhaxanacklangxyangepnthangkar snthisyyaaewrsayin kh s 1919 idcdkarkbeyxrmni mikarkahndhlkkarsibsikhxkhxngwilsn aelamikarcdtngsnnibatchatiemuxwnthi 28 mithunayn kh s 1919 faymhaxanacklangcatxngyxmrbkhwamrbphidchxbsahrb khwamsuyesiyaelakhwamesiyhaythnghmdtxrthbalfaysmphnthmitraelachatismthbtlxdcnchnchatikhxngfayehlann enuxngcakeyxrmniaelaphnthmitrkhxngeyxrmniidkrathasngkhramaekfayehlanndwykarrukran sungpraktxyuinkhx 231 khxngsnthisyyaaewrsay hwkhxdngklawidklayepnthiklawthunginthana khxkahndkhwamrbphidinxachyakrrmsngkhram enuxngcaksra