สงครามยุทธหัตถี เป็นสงครามที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2135 ระหว่างกรุงศรีอยุธยากับกรุงหงสาวดี ผลของสงครามครั้งนั้นปรากฏว่าอยุธยาเป็นฝ่ายชนะถึงแม้จะมีกำลังพลน้อยกว่า สงครามครั้งนี้มีความโดดเด่นในการต่อสู้ระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอุปราชามังกยอชวา สงครามนี้เป็นการปลดปล่อยสยามจากการครอบครองของพม่าต่อไปเป็นระยะเวลา 175 ปีจนถึง พ.ศ. 2310 เมื่อพระเจ้ามังระบุกตีสยามซึ่งส่งผลให้การปกครองอยุธยาสิ้นสุดลง
สงครามยุทธหัตถี | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ภาพวาดยุทธหัตถีบนผนังพระอุโบสถวัดสุวรรณดาราราม | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
กรุงศรีอยุธยา | กรุงหงสาวดี | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ พระยาสีหราชเดโชชัย พระยาเทพอรชุน พระยาพระคลัง พระยาท้ายน้ำ | พระมหาอุปราชา † พระเจ้าแปร พระเจ้าตองอู เจ้าเมืองจาปะโร † พระเจ้าเชียงใหม่ | ||||||
กำลัง | |||||||
100,000 คน[] | 250,000 คน[] |
ประวัติสงคราม
ในปี พ.ศ. 2135 พระเจ้านันทบุเรงโปรดให้พระมหาอุปราชามังสามเกียดหรือมังกะยอชวานำกองทัพทหารสองแสนสี่หมื่นคน มาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในครั้งนี้ สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบจึงทรงเตรียมไพร่พล มีกำลังหนึ่งแสนคนเดินทางออกจากบ้านป่าโมกไปสุพรรณบุรี ข้ามน้ำตรงท่าท้าวอู่ทอง และตั้งค่ายหลวงบริเวณตำบลหนองสาหร่าย
เช้าของวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ. 2135 ซึ่งตรงกับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถทรงเครื่องพิชัยยุทธ สมเด็จพระนเรศวรทรงพระคชาธารนามว่าเจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายภูเขาทอง) ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถทรงพระคชาธารนามว่าเจ้าพระยาปราบไตรจักร (พลายบุญเรือง) ซึ่งช้างทรงของทั้งสองพระองค์นั้นเป็นช้างชนะงา คือช้างมีงาที่ได้รับการฝึกให้รู้จักการต่อสู้มาแล้วหรือเคยผ่านสงครามชนช้างชนะช้างตัวอื่นมาแล้ว และเป็นช้างที่กำลังตกมัน ในระหว่างการรบ ช้างทรงของทั้งสองพระองค์ได้วิ่งฝ่ากองทัพพม่ามาจนหลงเข้าไปในแดนพม่า และเข้าไปจนถึงช่วงกลางของทัพหงสาวดี มีเพียงทหารรักษาพระองค์และจาตุรงค์บาทเท่านั้นที่ติดตามไปทัน
สมเด็จพระนเรศวรทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาทรงพระคชสารอยู่ในร่มไม้กับเหล่าท้าวพระยา จึงทราบได้ว่าช้างทรงของสองพระองค์หลงถลำเข้ามาถึงกลางกองทัพพม่า และตกอยู่ในวงล้อมข้าศึกแล้ว แต่ด้วยพระปฏิภาณไหวพริบของสมเด็จพระนเรศวร ทรงเห็นว่าเป็นการเสียเปรียบข้าศึกจึงไสช้างเข้าไปใกล้ แล้วตรัสถามพระมหาอุปราชาด้วยความคุ้นเคยมาก่อนแต่วัยเยาว์ว่า "พระเจ้าพี่เรา จะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปจะไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่ได้ทำยุทธหัตถีแล้ว"
พระมหาอุปราชาได้ยินดังนั้น จึงไสช้างนามว่า พลายพัทธกอ เข้าทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวร พลายพัทธกอซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าได้เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพจนเสียท่า พระมหาอุปราชาได้จังหวะจึงทรงฟันสมเด็จพระนเรศวรด้วยพระแสงของ้าว แต่สมเด็จพระนเรศวรทรงเบี่ยงหลบทัน จึงฟันถูกพระมาลาหนังขาด จากนั้นเจ้าพระยาไชยานุภาพได้ถูกพลายพัทธกอดันไปจนถึงต้นพุทรา เจ้าพระยาไชยานุภาพได้ใช้เท้าหลังยันโคนต้นพุทราชนพลายพัทธกอจนเสียหลัก สมเด็จพระนเรศวรทรงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหาอุปราชาเข้าที่พระอังสะขวา สิ้นพระชนม์อยู่บนคอพระคชาธารกลางสนามรบ
ส่วน สมเด็จพระเอกาทศรถได้ทำยุทธหัตถีกับมางจาชโร เจ้าเมืองจาปะโร ซึ่งขี่ช้างนามว่า พลายพัชเนียง สมเด็จพระเอกาทศรถก็ทรงฟันเจ้าเมืองจาปะโรเสียชีวิตเช่นกัน ทหารพม่าเห็นว่าแพ้แน่แล้ว จึงใช้ปืนระดมยิงใส่สมเด็จพระนเรศวรได้รับบาดเจ็บ ทันใดนั้น ทัพหลวงสยามตามมาช่วยทัน จึงรับทั้งสองพระองค์กลับพระนคร พม่าจึงยกทัพกลับกรุงหงสาวดีไป นับแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกมากล้ำกรายกรุงศรีอยุธยาอีกเป็นระยะเวลาอีกยาวนาน
แต่ในมหาราชวงศ์ระบุว่าการยุทธหัตถีครั้งนี้ ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรบุกเข้าไปในวงล้อมของฝ่ายพม่า ฝ่ายพม่าก็มีการยืนช้างเรียงเป็นหน้ากระดาน มีทั้งช้างของพระมหาอุปราชา ช้างของเจ้าเมืองชามะโรง ทหารฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรก็ระดมยิงปืนใส่ฝ่ายพม่า เจ้าเมืองชามะโรงสั่งเปิดผ้าหน้าราหูช้างของตน เพื่อไสช้างเข้ากระทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวรเพื่อป้องกันพระมหาอุปราชา แต่ปรากฏว่าช้างของเจ้าของชามะโรงเกิดวิ่งเข้าใส่ช้างของพระมหาอุปราชาเกิดชุลมุนวุ่นวาย กระสุนปืนลูกหนึ่งของทหารฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรก็ยิงถูกพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์
การจัดลำดับทัพ
กองทัพพม่า แบ่งออกเป็นสี่กองทัพ คือ
- กองทัพเมืองแปร อุปราชเมืองแปรเป็นนายทัพ
- กองทัพเมืองตองอู อุปราชเมืองตองอูเป็นนายทัพ
- กองทัพหงสาวดี พระมหาอุปราชาเป็นนายทัพ และเป็นทัพหลวง
- กองทัพเมืองเชียงใหม่
ส่วน กองทัพอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงจัดทัพเป็นขบวนเบญจเสนา 5 ทัพ ดังนี้
- ทัพที่ 1 เป็นกองหน้า
- เป็นนายทัพ
- เป็นปีกขวา
- เป็นปีกซ้าย
- ทัพที่ 2 เป็นกองเกียกกาย
- เป็นนายทัพ
- เป็นปีกขวา
- เป็นปีกซ้าย
- ทัพที่ 3 เป็นกองหลวง
- สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นจอมทัพ
- สมเด็จพระเอกาทศรถ
- เจ้าพระยาอัครมหาเสนาธิบดี เป็นปีกขวา
- เจ้าพระยาจักรี เป็นปีกซ้าย
- ทัพที่ 4 เป็นกองยกกระบัตร
- เป็นนายทัพ
- เป็นปีกขวา
- เป็นปีกซ้าย
- ทัพที่ 5 เป็นกองหลัง
- เป็นนายทัพ
- เป็นปีกขวา
- เป็นปีกซ้าย
ผลกระทบ
การตีเมืองทะวายและตะนาวศรี
ศึก ทะวายและตะนาวศรีนั้น เป็นการรบในระหว่างคนต้องโทษกับคนต้องโทษด้วยกัน กล่าวคือ ทางกรุงศรีอยุธยพาพวกนายทัพที่ตามเสด็จไม่ทันในวันยุทธหัตถีนั้น มีถึง 6 คนคือ เจ้าพระยาจักรี และพระยาศรีไสยณรงค์ สมเด็จพระนเรศวรรับสั่งให้ปรึกษาโทษ ลูกขุนปรึกษาโทษให้ประหารชีวิต สมเด็จพระพนรัตน์ป่าแก้วมาถวายพระพรว่าการที่แม่ทัพเหล่านั้นตามเสด็จไม่ทัน ก็เพราะบุญญาภินิหารของพระองค์ ที่จะได้รับเกียรติคุณเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง ด้วยเหตุว่าถ้าพวกนั้นตามไปทันแล้วถึงจะชนะก็ไม่เป็นชื่อเสียงใหญ่หลวง เหมือนที่เสด็จไปโดยลำพัง เมื่อเห็นว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงเลื่อมใสในคำบรรยายข้อนี้แล้ว ก็ทูลขอโทษพวกแม่ทัพเหล่านี้ไว้ สมเด็จพระนเรศวรก็โปรดประทานให้ แต่พวกนี้จะต้องไปตีทะวายและตะนาวศรีเป็นการแก้ตัว จึงให้เจ้าพระยาจักรีเป็นแม่ทัพคุมพลห้าหมื่นไปตีตะนาวศรี พระยาพระคลังคุมกำลังพลหมื่นเหมือนกันไปตีทะวาย ส่วนแม่ทัพอื่นๆ ที่ต้องโทษก็แบ่งกันไปในสองกองทัพนี้คือพระยาพิชัยสงครามกับพระยารามคำแหงไป ตีเมืองทะวายกับพระยาพระคลัง และให้พระยาเทพอรชุนกับพระยาศรีไสยณรงค์ไปตีเมืองตะนาวศรีกับเจ้าพระยาจักรี
ส่วนทางหงสาวดีเมื่อพระเจ้านันทบุเรงเสียพระโอรสรัชทายาทแล้วก็โทมนัส ให้ขังแม่ทัพนายกองไว้ทั้งหมด แต่ภายหลังทรงดำริว่าไทยชนะพม่าในครั้งนี้แล้วก็จะต้องมาตีพม่าโดยไม่ต้องสงสัย ก่อนที่ไทยไปรบพม่าก็จะต้องดำเนินการอย่างเดียวกันกับที่พม่ารบกับไทย กล่าวคือ จะต้องเอามอญไว้ในอำนาจเสียก่อนและเป็นการแน่นอนว่าไทยจะต้องเข้ามาตีทะวาย และตะนาวศรี ด้วยเหตุนี้จึงให้แม่ทัพนายกองที่ไปแพ้สงครามครั้งนี้ไปทำการแก้ตัวรักษา เมืองตะนาวศรีและเมืองทะวาย เป็นอันว่าทั้งผู้รบและผู้รับทั้งสองฝ่าย ตกอยู่ในฐานคนผิดที่จะต้องทำการแก้ตัวทั้งสิ้น
ในการรบทวายและตะนาวศรีครั้ง นี้แม่ทัพทั้งสองคือ เจ้าพระยาจักรีและพระยาคลัง ทำการกลมเกลียวกันเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้สมเด็จพระนเรศวรจะได้แบ่งหน้าที่ให้ตีคนละเมือง ก็ยังมีการติดต่อช่วยเหลือกันและกัน ในที่สุดแม่ทัพทั้งสองก็รบชนะทั้งสองเมืองและบอกเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรได้โปรดเกล้าฯ ให้พระยาศรีไสยณรงค์อยู่ครองเมืองตะนาวศรี ส่วนทางเมืองทะวายนั้นให้เจ้าเมืองทะวายคนเก่าครองต่อไป ชัยชนะครั้งนี้เป็นอันทำให้แม่ทัพทั้งหลายพ้นโทษ แต่ทางพม่าแม่ทัพกลับถูกทำโทษประการใดไม่ปรากฏ แต่อย่างไรก็ดี การที่ชัยชนะทะวายและตะนาวศรีครั้งนี้ ทำให้อำนาจของไทยแผ่ลงไปทางใต้เท่ากับในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
การสิ้นพระชนม์ของพระสุพรรณกัลยา
มีทฤษฎีที่กล่าวว่า ภายหลังจากสงครามยุทธหัตถี พระเจ้านันทบุเรงได้ปลงพระชนม์พระสุพรรณกัลยาด้วยโทสะ ซึ่งการสิ้นพระชนม์นั้นในพงศาวดารรวมถึงคำให้การต่าง ๆ ทั้งของไทยและพม่าต่างก็ให้ข้อมูลต่างกันออกไป โดยพงศาวดารของไทยทั้งสองฉบับ (คำให้การชาวกรุงเก่าและคำให้การขุนหลวงหาวัด) ระบุว่า "พระเจ้าหงสาวดีก็ทรงพระพิโรธ จึงเสด็จไปสู่ตำหนักพระสุวรรณกัลยา เอาพระแสงฟันพระนางสุวรรณกัลยากับพระราชธิดา (หรือพระราชโอรสในคำให้การขุนหลวงหาวัด) ของพระองค์สิ้นพระชนม์ทั้ง ๒ พระองค์"
แม้การสิ้นพระชนม์ของพระสุพรรณกัลยานั้นจะเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าเกิดจากแรงโทสะของพระเจ้านันทบุเรง ตามหลักฐานประเภทคำให้การของไทย แต่มิกกี้ ฮาร์ท (Myin Hsan Heart) นักประวัติศาสตร์ชาวพม่าได้นำเสนอข้อมูลที่แตกต่างออกไป โดยกล่าวถึงเจ้าภุ้นชิ่หรือเจ้าหญิงพิษณุโลกได้ตามเสด็จพระราชมารดาออกมาประทับนอกพระราชวังกัมโพชธานี โดยเจ้าหญิงเจ้าภุ้นชิ่ได้เสกสมรสกับ เจ้าเกาลัด พระโอรสของเจ้าอสังขยา เจ้าเมืองตะลุป ซึ่งเป็นชาวไทใหญ่ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของพระเจ้ามังรายกะยอชวา โอรสองค์ที่สองของพระเจ้านันทบุเรง และมีพระธิดาด้วยกันคือ เจ้าหญิงจันทร์วดี ซึ่งหมายความว่า ในช่วงสงครามยุทธหัตถี พ.ศ. 2135 พระสุพรรณกัลยามิได้ประทับอยู่ในหงสาวดีแต่ทรงประทับอยู่ในอังวะ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2137 พระเจ้าตองอู พระเจ้านยองยัน และพระเจ้าเชียงใหม่ ต่างแยกตัวเป็นอิสระจากหงสาวดี พระเจ้านยองยันได้เข้าครองกรุงอังวะที่เจ้าหญิงพิษณุโลก และพระมารดาอาศัยอยู่ อีกทั้งยังเป็นผลดีแก่ทั้งสองพระองค์ด้วย เนื่องจากพระเจ้านยองยันนั้นเป็นพระโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าบุเรงนอง ทั้งยังมีความคุ้นเคยกับเจ้าอสังขยาบิดาของเจ้าเกาลัด จึงคาดได้ว่า ภายใต้การปกครองของพระเจ้านยองยันพระสุพรรณกัลยารวมถึงเจ้าหญิงพิษณุโลกก็ยังทรงประทับในนครอังวะอย่างปกติสุขจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ โดยมิได้ถูกปลงพระชนม์แต่อย่างใด
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- "เจดีย์ยุทธหัตถี ตั้งอยู่ที่ไหนกันแน่?". ธนาคารสมอง. 17 June 2008. สืบค้นเมื่อ 22 June 2014.[]
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 141-142
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 144-145
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 144
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 145-146
- . ช่อง 9. 21 June 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-07-07. สืบค้นเมื่อ 22 June 2014.
- สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, หน้า 118-121
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 147
- สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, หน้า 121
- สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, หน้า 121-123
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 153-155
- ตำนานนางกษัตริย์. หน้า 293-295
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
sngkhramyuththhtthi epnsngkhramthiekidkhuninpi ph s 2135 rahwangkrungsrixyuthyakbkrunghngsawdi phlkhxngsngkhramkhrngnnpraktwaxyuthyaepnfaychnathungaemcamikalngphlnxykwa sngkhramkhrngnimikhwamoddedninkartxsurahwangsmedcphranerswrmharachkbphramhaxuprachamngkyxchwa sngkhramniepnkarpldplxysyamcakkarkhrxbkhrxngkhxngphmatxipepnrayaewla 175 picnthung ph s 2310 emuxphraecamngrabuktisyamsungsngphlihkarpkkhrxngxyuthyasinsudlngsngkhramyuththhtthiphaphwadyuththhtthibnphnngphraxuobsthwdsuwrrndararamwnthieduxnyi ph s 2135sthanthiyngimepnthiyuti mikarsnnisthanxxk 2 mtiihy khux t hnxngsahray x dxnecdiy c suphrrnburi t dxnecdiy x phnmthwn c kaycnburiphlkrungsrixyuthyaidrbchychnakhusngkhramkrungsrixyuthyakrunghngsawdiphubngkhbbychaaelaphunasmedcphranerswrmharach smedcphraexkathsrth phrayasihrachedochchy phrayaethphxrchun phrayaphrakhlng phrayathaynaphramhaxupracha phraecaaepr phraecatxngxu ecaemuxngcapaor phraecaechiyngihmkalng100 000 khn txngkarxangxing 250 000 khn txngkarxangxing prawtisngkhramtrapracacnghwdsuphrrnburiinpccubn aesdngthungsngkhramyuththhtthirahwangsmedcphranerswrmharachkbphramhaxuprachamngkayxchwa inpi ph s 2135 phraecannthbuerngoprdihphramhaxuprachamngsamekiydhruxmngkayxchwanakxngthphthharsxngaesnsihmunkhn matikrungsrixyuthyahmaycachnasukinkhrngni smedcphranerswrthrngthrabcungthrngetriymiphrphl mikalnghnungaesnkhnedinthangxxkcakbanpaomkipsuphrrnburi khamnatrngthathawxuthxng aelatngkhayhlwngbriewntablhnxngsahray echakhxngwncnthr aerm 2 kha eduxnyi pimaorng ph s 2135 sungtrngkbwnthi 18 mkrakhm ph s 2135 smedcphranerswraelasmedcphraexkathsrththrngekhruxngphichyyuthth smedcphranerswrthrngphrakhchatharnamwaecaphrayaichyanuphaph phlayphuekhathxng swnsmedcphraexkathsrththrngphrakhchatharnamwaecaphrayaprabitrckr phlaybuyeruxng sungchangthrngkhxngthngsxngphraxngkhnnepnchangchnanga khuxchangmingathiidrbkarfukihruckkartxsumaaelwhruxekhyphansngkhramchnchangchnachangtwxunmaaelw aelaepnchangthikalngtkmn inrahwangkarrb changthrngkhxngthngsxngphraxngkhidwingfakxngthphphmamacnhlngekhaipinaednphma aelaekhaipcnthungchwngklangkhxngthphhngsawdi miephiyngthharrksaphraxngkhaelacaturngkhbathethannthitidtamipthn smedcphranerswrthxdphraentrehnphramhaxuprachathrngphrakhchsarxyuinrmimkbehlathawphraya cungthrabidwachangthrngkhxngsxngphraxngkhhlngthlaekhamathungklangkxngthphphma aelatkxyuinwnglxmkhasukaelw aetdwyphraptiphanihwphribkhxngsmedcphranerswr thrngehnwaepnkaresiyepriybkhasukcungischangekhaipikl aelwtrsthamphramhaxuprachadwykhwamkhunekhymakxnaetwyeyawwa phraecaphiera cayunxyuiyinrmimela echiyxxkmathayuththhtthidwykn ihepnekiyrtiysiwinaephndinethid phayhnaipcaimmiphraecaaephndinthiidthayuththhtthiaelw phramhaxuprachaidyindngnn cungischangnamwa phlayphththkx ekhathayuththhtthikbsmedcphranerswr phlayphththkxsungmikhnadihykwaidekhachnecaphrayaichyanuphaphcnesiytha phramhaxuprachaidcnghwacungthrngfnsmedcphranerswrdwyphraaesngkhxngaw aetsmedcphranerswrthrngebiynghlbthn cungfnthukphramalahnngkhad caknnecaphrayaichyanuphaphidthukphlayphththkxdnipcnthungtnphuthra ecaphrayaichyanuphaphidichethahlngynokhntnphuthrachnphlayphththkxcnesiyhlk smedcphranerswrthrngfndwyphraaesngkhxngawthukphramhaxuprachaekhathiphraxngsakhwa sinphrachnmxyubnkhxphrakhchatharklangsnamrb swn smedcphraexkathsrthidthayuththhtthikbmangcachor ecaemuxngcapaor sungkhichangnamwa phlayphcheniyng smedcphraexkathsrthkthrngfnecaemuxngcapaoresiychiwitechnkn thharphmaehnwaaephaenaelw cungichpunradmyingissmedcphranerswridrbbadecb thnidnn thphhlwngsyamtammachwythn cungrbthngsxngphraxngkhklbphrankhr phmacungykthphklbkrunghngsawdiip nbaetnnmakimmikxngthphidklaykmaklakraykrungsrixyuthyaxikepnrayaewlaxikyawnan aetinmharachwngsrabuwakaryuththhtthikhrngni changthrngkhxngsmedcphranerswrbukekhaipinwnglxmkhxngfayphma fayphmakmikaryunchangeriyngepnhnakradan mithngchangkhxngphramhaxupracha changkhxngecaemuxngchamaorng thharfaysmedcphranerswrkradmyingpunisfayphma ecaemuxngchamaorngsngepidphahnarahuchangkhxngtn ephuxischangekhakrathayuththhtthikbsmedcphranerswrephuxpxngknphramhaxupracha aetpraktwachangkhxngecakhxngchamaorngekidwingekhaischangkhxngphramhaxuprachaekidchulmunwunway krasunpunlukhnungkhxngthharfaysmedcphranerswrkyingthukphramhaxuprachasinphrachnmkarcdladbthphcitrkrrmfaphnngyuththhtthi n xnusrnsthanaehngchati kxngthphphma aebngxxkepnsikxngthph khux kxngthphemuxngaepr xuprachemuxngaeprepnnaythph kxngthphemuxngtxngxu xuprachemuxngtxngxuepnnaythph kxngthphhngsawdi phramhaxuprachaepnnaythph aelaepnthphhlwng kxngthphemuxngechiyngihm swn kxngthphxyuthya smedcphranerswrmharachthrngcdthphepnkhbwnebycesna 5 thph dngni thphthi 1 epnkxnghna epnnaythph epnpikkhwa epnpiksaythphthi 2 epnkxngekiykkay epnnaythph epnpikkhwa epnpiksaythphthi 3 epnkxnghlwng smedcphranerswrmharach epncxmthph smedcphraexkathsrth ecaphrayaxkhrmhaesnathibdi epnpikkhwa ecaphrayackri epnpiksaythphthi 4 epnkxngykkrabtr epnnaythph epnpikkhwa epnpiksaythphthi 5 epnkxnghlng epnnaythph epnpikkhwa epnpiksayphlkrathbkartiemuxngthawayaelatanawsri xnusrnkarsurbrahwangnerswrkbmngkayxchwa thihnxngsahray suk thawayaelatanawsrinn epnkarrbinrahwangkhntxngothskbkhntxngothsdwykn klawkhux thangkrungsrixyuthyphaphwknaythphthitamesdcimthninwnyuththhtthinn mithung 6 khnkhux ecaphrayackri aelaphrayasriisynrngkh smedcphranerswrrbsngihpruksaoths lukkhunpruksaothsihpraharchiwit smedcphraphnrtnpaaekwmathwayphraphrwakarthiaemthphehlanntamesdcimthn kephraabuyyaphiniharkhxngphraxngkh thicaidrbekiyrtikhunepnwirburusthiaethcring dwyehtuwathaphwknntamipthnaelwthungcachnakimepnchuxesiyngihyhlwng ehmuxnthiesdcipodylaphng emuxehnwasmedcphranerswrthrngeluxmisinkhabrryaykhxniaelw kthulkhxothsphwkaemthphehlaniiw smedcphranerswrkoprdprathanih aetphwknicatxngiptithawayaelatanawsriepnkaraektw cungihecaphrayackriepnaemthphkhumphlhahmuniptitanawsri phrayaphrakhlngkhumkalngphlhmunehmuxnkniptithaway swnaemthphxun thitxngothskaebngknipinsxngkxngthphnikhuxphrayaphichysngkhramkbphrayaramkhaaehngip tiemuxngthawaykbphrayaphrakhlng aelaihphrayaethphxrchunkbphrayasriisynrngkhiptiemuxngtanawsrikbecaphrayackri swnthanghngsawdiemuxphraecannthbuerngesiyphraoxrsrchthayathaelwkothmns ihkhngaemthphnaykxngiwthnghmd aetphayhlngthrngdariwaithychnaphmainkhrngniaelwkcatxngmatiphmaodyimtxngsngsy kxnthiithyiprbphmakcatxngdaeninkarxyangediywknkbthiphmarbkbithy klawkhux catxngexamxyiwinxanacesiykxnaelaepnkaraennxnwaithycatxngekhamatithaway aelatanawsri dwyehtunicungihaemthphnaykxngthiipaephsngkhramkhrngniipthakaraektwrksa emuxngtanawsriaelaemuxngthaway epnxnwathngphurbaelaphurbthngsxngfay tkxyuinthankhnphidthicatxngthakaraektwthngsin inkarrbthwayaelatanawsrikhrng niaemthphthngsxngkhux ecaphrayackriaelaphrayakhlng thakarklmekliywknepnxyangying thungaemsmedcphranerswrcaidaebnghnathiihtikhnlaemuxng kyngmikartidtxchwyehluxknaelakn inthisudaemthphthngsxngkrbchnathngsxngemuxngaelabxkekhamayngkrungsrixyuthya smedcphranerswridoprdekla ihphrayasriisynrngkhxyukhrxngemuxngtanawsri swnthangemuxngthawaynnihecaemuxngthawaykhnekakhrxngtxip chychnakhrngniepnxnthaihaemthphthnghlayphnoths aetthangphmaaemthphklbthukthaothsprakaridimprakt aetxyangirkdi karthichychnathawayaelatanawsrikhrngni thaihxanackhxngithyaephlngipthangitethakbinrchsmyphxkhunramkhaaehngmharach karsinphrachnmkhxngphrasuphrrnklya mithvsdithiklawwa phayhlngcaksngkhramyuththhtthi phraecannthbuerngidplngphrachnmphrasuphrrnklyadwyothsa sungkarsinphrachnmnninphngsawdarrwmthungkhaihkartang thngkhxngithyaelaphmatangkihkhxmultangknxxkip odyphngsawdarkhxngithythngsxngchbb khaihkarchawkrungekaaelakhaihkarkhunhlwnghawd rabuwa phraecahngsawdikthrngphraphiorth cungesdcipsutahnkphrasuwrrnklya exaphraaesngfnphranangsuwrrnklyakbphrarachthida hruxphrarachoxrsinkhaihkarkhunhlwnghawd khxngphraxngkhsinphrachnmthng 2 phraxngkh aemkarsinphrachnmkhxngphrasuphrrnklyanncaepnthiyxmrbknthwipwaekidcakaerngothsakhxngphraecannthbuerng tamhlkthanpraephthkhaihkarkhxngithy aetmikki harth Myin Hsan Heart nkprawtisastrchawphmaidnaesnxkhxmulthiaetktangxxkip odyklawthungecaphunchihruxecahyingphisnuolkidtamesdcphrarachmardaxxkmaprathbnxkphrarachwngkmophchthani odyecahyingecaphunchiidesksmrskb ecaekald phraoxrskhxngecaxsngkhya ecaemuxngtalup sungepnchawithihy sungepnthipruksakhxngphraecamngraykayxchwa oxrsxngkhthisxngkhxngphraecannthbuerng aelamiphrathidadwyknkhux ecahyingcnthrwdi sunghmaykhwamwa inchwngsngkhramyuththhtthi ph s 2135 phrasuphrrnklyamiidprathbxyuinhngsawdiaetthrngprathbxyuinxngwa cnkrathnginpi ph s 2137 phraecatxngxu phraecanyxngyn aelaphraecaechiyngihm tangaeyktwepnxisracakhngsawdi phraecanyxngynidekhakhrxngkrungxngwathiecahyingphisnuolk aelaphramardaxasyxyu xikthngyngepnphldiaekthngsxngphraxngkhdwy enuxngcakphraecanyxngynnnepnphraoxrsxngkhhnungkhxngphraecabuerngnxng thngyngmikhwamkhunekhykbecaxsngkhyabidakhxngecaekald cungkhadidwa phayitkarpkkhrxngkhxngphraecanyxngynphrasuphrrnklyarwmthungecahyingphisnuolkkyngthrngprathbinnkhrxngwaxyangpktisukhcnkrathngsinphrachnm odymiidthukplngphrachnmaetxyangidduephimsmedcphranerswrmharach mngkayxchwa ecaphrayaprabhngsawdi phraecannthbuerng yuththhtthixangxing ecdiyyuththhtthi tngxyuthiihnknaen thnakharsmxng 17 June 2008 subkhnemux 22 June 2014 lingkesiy phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 141 142 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 144 145 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 144 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 145 146 chxng 9 21 June 2014 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2014 07 07 subkhnemux 22 June 2014 smedc krmphrayadarngrachanuphaph hna 118 121 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 147 smedc krmphrayadarngrachanuphaph hna 121 smedc krmphrayadarngrachanuphaph hna 121 123 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 153 155 tanannangkstriy hna 293 295