สหรัฐอเมริกา (อังกฤษ: United States of America; ย่อเป็น: U.S.A. หรือ USA) โดยทั่วไปเรียก สหรัฐ (United States; ย่อเป็น: U.S. หรือ US) หรือ อเมริกา (America) เป็นสหพันธ์สาธารณรัฐซึ่งตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ประกอบด้วยรัฐ 50 รัฐ เขตปกครองกลาง 1 เขต ดินแดนปกครองตนเองสำคัญ 5 ดินแดน รวมทั้งเขตสงวนอินเดียน 326 เขต และเกาะเล็กรอบนอกประเทศอีก 11 เกาะ สหรัฐมีพรมแดนทางทิศเหนือติดประเทศแคนาดา และทางทิศใต้ติดประเทศเม็กซิโก และยังมีพรมแดนทางทะเลติดประเทศหลายประเทศ การที่มีพื้นที่กว่า 9.8 ล้านตารางกิโลเมตร และประชากรราว 334 ล้านคน ทำให้สหรัฐมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รวมทั้งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในทวีปอเมริกา เมืองหลวงของประเทศคือกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และนครใหญ่ที่สุดคือนิวยอร์กซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ การปกครองส่วนกลางของสหรัฐเป็นแบบสาธารณรัฐภายใต้รัฐธรรมนูญโดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข และแบบประชาธิปไตยเสรีนิยม โดยแบ่งการปกครองเป็น คือ นิติบัญญัติ บริหาร และ มีการให้อำนาจปกครองตนเองแก่รัฐต่าง ๆ ยกเว้นแต่ดินแดนทั้งหลาย และเขตปกครองเหล่านี้ได้รับว่าจะมีการปกครองแบบสาธารณรัฐ
สหรัฐอเมริกา United States of America (อังกฤษ) | |
---|---|
( ตราแผ่นดิน) | |
คำขวัญ: "อินก็อดวีทรัสต์" "เราเชื่อมั่นในพระเจ้า" | |
เมืองหลวง | วอชิงตัน ดี.ซี. 38°53′N 77°01′W / 38.883°N 77.017°W |
เมืองใหญ่สุด | นครนิวยอร์ก 40°43′N 74°00′W / 40.717°N 74.000°W |
ภาษาราชการ | |
อังกฤษ (โดยพฤตินัย) | |
กลุ่มชาติพันธุ์ (ค.ศ. 2020) | มิใช่ฮิสแปนิก หรือ ละติโน:
ฮิสแปนิก หรือ ละติโน:
|
ศาสนา (ค.ศ. 2020) |
|
เดมะนิม | ชาวอเมริกัน |
การปกครอง | สาธารณรัฐรัฐธรรมนูญ ระบบประธานาธิบดี |
โจ ไบเดิน (เดโมแครต) | |
กมลา แฮร์ริส (เดโมแครต) | |
ไมก์ จอห์นสัน (ริพับลิกัน ) | |
จอห์น รอเบิตส์ | |
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา |
• สภาสูง | วุฒิสภา |
• สภาล่าง | สภาผู้แทนราษฎร |
เป็นเอกราช จากบริเตนใหญ่ | |
• ประกาศ | 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 |
• | 1 มีนาคม ค.ศ. 1781 |
3 กันยายน ค.ศ. 1783 | |
21 มิถุนายน ค.ศ. 1788 | |
• | 21 สิงหาคม ค.ศ. 1959 |
• พื้นที่รวม | 9,833,520 ตารางกิโลเมตร (3,796,740 ตารางไมล์) (อันดับที่ 3/4) |
4.66 | |
• พื้นที่ดินรวม | 3,531,905 ตารางไมล์ (9,147,590 ตารางกิโลเมตร) |
ประชากร | |
• ค.ศ. 2021 ประมาณ | 331,893,745 |
• สำมะโนประชากร ค.ศ. 2020 | 331,449,281 (อันดับที่ 3) |
87 ต่อตารางไมล์ (33.6 ต่อตารางกิโลเมตร) (อันดับที่ 185) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2022 (ประมาณ) |
• รวม | 25.03 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 2) |
• ต่อหัว | 75,179 ดอลลาร์สหรัฐ () |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2022 (ประมาณ) |
• รวม | 25.03 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 1) |
• ต่อหัว | 75,179 ดอลลาร์สหรัฐ () |
จีนี (ค.ศ. 2020) | 46.9 สูง |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2021) | 0.921 สูงมาก · อันดับที่ 21 |
สกุลเงิน | ดอลลาร์สหรัฐ ($) (USD) |
เขตเวลา | UTC−4 ถึง −12, +10, +11 |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC−4 ถึง −10 |
ดด/วว/ปปปป | |
ไฟบ้าน | |
ขับรถด้าน | ขวา |
รหัสโทรศัพท์ | |
รหัส ISO 3166 | US |
เว็บไซต์ usa |
อินเดียนดึกดำบรรพ์จากอียิปต์ย้ายถิ่นมาแผ่นดินใหญ่ทวีปอเมริกาเหนือเมื่อ 15,000 ปีก่อน การยึดเป็นอาณานิคมของยุโรปเริ่มในคริสต์ศตวรรษที่ 16 สหรัฐกำเนิดจากสิบสามอาณานิคมของบริเตนตามชายฝั่งตะวันออก ข้อพิพาทหลายครั้งระหว่างบริเตนใหญ่และอาณานิคมหลังสงครามเจ็ดปีนำสู่การปฏิวัติอเมริกาซึ่งเริ่มใน ค.ศ. 1775 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1776 ผู้แทนจาก 13 อาณาเขตลงมติรับคำประกาศอิสรภาพเป็นเอกฉันท์ ขณะที่อาณานิคมกำลังต่อสู้กับบริเตนใหญ่ในสงครามปฏิวัติอเมริกา สงครามยุติใน ค.ศ. 1783 โดยราชอาณาจักรบริเตนใหญ่รับรองเอกราชของสหรัฐ และเป็นสงครามประกาศอิสรภาพต่อยุโรปที่ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกด้วย มีการลงมติรับรัฐธรรมนูญของประเทศใน ค.ศ. 1788 หลัง (Articles of Confederation) ซึ่งมีการลงมติรับในปี 1781 รู้สึกว่าให้อำนาจแก่สหพันธรัฐไม่เพียงพอ ใน ค.ศ. 1791 มีการให้สัตยาบันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสิบครั้งแรก ซึ่งเรียกรวมว่า รัฐบัญญัติสิทธิ ซึ่งออกแบบมาเพื่อประกันเสรีภาพพลเมืองพื้นฐานหลายข้อ
สหรัฐเริ่มขยายดินแดนอย่างแข็งขันทั่วทวีปอเมริกาเหนือตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 19 ขับไล่ ซื้อดินแดนใหม่ และค่อย ๆ รับรัฐใหม่จนขยายทั่วทวีปใน ค.ศ. 1848 ระหว่างครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 19 สงครามกลางเมืองอเมริกานำให้ยุติความเป็นทาสตามกฎหมายในประเทศ เมื่อถึงสิ้นศตวรรษนั้น สหรัฐขยายเข้ามหาสมุทรแปซิฟิก และเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่เริ่มเติบโตอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกใน ค.ศ. 1900 และสงครามโลกครั้งที่หนึ่งยืนยันสถานภาพมหาอำนาจทางทหารโลกของสหรัฐ การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์โดยจักรวรรดิญี่ปุ่นนำสหรัฐเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร ภายหลังสงครามยุติ สหรัฐและสหภาพโซเวียตได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นสองอภิมหาอำนาจโลกนำไปสู่ช่วงเวลาแห่งความขัดแย้ง เป็นผลให้เกิดสงครามเย็นซึ่งกินเวลาหลายทศวรรษ ทว่าไม่มีการสู้รบกันโดยตรง ทั้งสองชาติยังมีส่วนร่วมในการแข่งขันอวกาศนำไปสู่ต้นกำเนิดของอะพอลโล 11ของสหรัฐซึ่งนำมนุษย์เดินทางสู่ดวงจันทร์เป็นครั้งแรก ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมืองซึ่งเริ่มต้นในทศวรรษ 1950 นำไปสู่การออกกฎหมายเพื่อล้มล้างกฎหมายของรัฐ รวมถึงขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติต่อชาวแอฟริกัน-อเมริกัน การสิ้นสุดลงของสงครามเย็นและการล่มสลายของสหภาพโซเวียตใน ค.ศ. 1991 ส่งผลให้สหรัฐกลายเป็นอภิมหาอำนาจเดี่ยวของโลก เหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน นำประเทศเข้าสู่สงครามต่อต้านการก่อการร้ายซึ่งรวมถึงสงครามอัฟกานิสถานและสงครามอิรัก
สหรัฐเป็นหนึ่งในประเทศที่พัฒนามากที่สุดในโลก มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกตาม โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงที่สุดในบรรดารัฐที่มิใช่จุลรัฐ และมีความมั่งคั่งสูงที่สุดในโลก เศรษฐกิจของประเทศคิดเป็นอัตราส่วนสูงถึงหนึ่งในสี่ของจีดีพีโลก สหรัฐได้รับการจัดอันดับสูงสุดในด้านดัชนีการพัฒนามนุษย์, คุณภาพชีวิต, รายได้, การศึกษา, อุตสาหกรรมการผลิต และสิทธิมนุษยชน สหรัฐเป็นประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลก และผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสองของโลก และเป็นผู้นำโลกทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, ปัญญาประดิษฐ์, การแพทย์, การสำรวจอวกาศ และการบันเทิง และยังเป็นมหาอำนาจทางอาวุธนิวเคลียร์และการทหารแนวหน้าของโลก โดยมีค่าใช้จ่ายทางการทหารมากถึงหนึ่งในสามของโลก สหรัฐเป็นผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ, ธนาคารโลก, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ, องค์การนานารัฐอเมริกา, เนโท, องค์การอนามัยโลก รวมทั้งเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สหรัฐมีการทุจริตต่ำแต่มีอัตราการถูกจับสูงที่สุดในโลก สหรัฐเป็นประเทศวัฒนธรรมที่โดดเด่น และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้อพยพพลัดถิ่นเข้ามามากที่สุดในโลก
นิรุกติศาสตร์
ในปี 1507 นักเขียนแผนที่ชาวเยอรมัน ผลิตแผนที่โลกซึ่งเขาได้ตั้งชื่อดินแดนทางซีกโลกตะวันตกในแผนที่ดังกล่าวว่า "อเมริกา" ตามชื่อของนักสำรวจและนักเขียนแผนที่ชาวอิตาเลียน อเมริโก เวสปุชชี หลักฐานเอกสารแรกของวลี "สหรัฐอเมริกา" มาจากจดหมายลงวันที่ 2 มกราคม 1776 ซึ่งสตีเฟน มอยแลน นายทหารผู้ช่วยของจอร์จ วอชิงตันและนายพลแห่งกองทัพภาคพื้นทวีป ส่งถึงพลโท โจเซฟ รีด มอยแลนแสดงความปรารถนาของเขาในการนำ "อำนาจเต็มและเกินพอของสหรัฐอเมริกา" ไปประเทศสเปนเพื่อสนับสนุนในความพยายามของสงครามปฏิวัติ สิ่งพิมพ์เผยแพร่แรกเท่าที่ทราบของวลี "สหรัฐอเมริกา" อยู่ในความเรียงไม่ทราบผู้เขียนในหนังสือพิมพ์ เดอะเวอร์จิเนียกาเซต ในวิลเลียมสเบิร์ก เวอร์จิเนีย เมื่อวันที่ 6 เมษายน 1776
เดิมอดีตอาณานิคมอังกฤษได้ใช้ชื่อเรียกสมัยใหม่ของประเทศในคำประกาศอิสรภาพ ("การประกาศอิสรภาพของสิบสามสหรัฐอเมริกาด้วยน้ำหนึ่งใจเดียวกัน") ประกาศใช้โดย "คณะผู้แทนสหรัฐอเมริกา" เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2319 ส่วนชื่อในปัจจุบันได้รับการสรุปเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2320 เมื่อสภานิติบัญญัติภาคพื้นทวีปที่สองได้ประกาศใช้ข้อบังคับแห่งสมาพันธรัฐ ความว่า "สมาพันธรัฐซึ่งตั้งขึ้นนี้ เรียกว่า "สหรัฐอเมริกา" ถ้อยคำมาตรฐานสั้น ๆ ซึ่งใช้เรียกสหรัฐอเมริกา คือ สหรัฐ (United States) และชื่อเรียกอีกหลายรูปแบบ ได้แก่ the U.S., the USA และ America คำว่า ก็เคยเป็นชื่อที่ได้รับความนิยมในการเรียกสหรัฐอเมริกา ซึ่งมาจากชื่อของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส และยังปรากฏในชื่อ "District of Columbia" อีกด้วย
สำหรับการเรียกสหรัฐอเมริกาของคนไทย ในอดีต เคยเรียกชื่อสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการว่า "สหปาลีรัฐอเมริกา" ส่วนชื่ออื่นที่ใช้เรียกสหรัฐอเมริกา เช่น มะกัน ลุงแซม อินทรี พญาอินทรี เจ้าโลก หรือ ตำรวจโลก
ภาษาศาสตร์
ในภาษาอังกฤษ คำมาตรฐานซึ่งหมายถึงพลเมืองของสหรัฐอเมริกา คือ อเมริกัน (American) ถึงแม้ว่า United States จะเป็นคำคุณศัพท์อย่างเป็นทางการ แต่ทั้งคำว่า American และ U.S. เป็นคำคุณศัพท์อันเป็นที่นิยมมากกว่า ในการระบุถึงสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ อเมริกัน ยังอาจหมายถึง ทวีปอเมริกา อีกด้วย แต่มักจะถูกใช้น้อยมากในภาษาอังกฤษ เพื่อหมายความถึงประชากรซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับสหรัฐอเมริกา
เดิม วลี "สหรัฐอเมริกา" ถือว่าเป็นคำพหูพจน์ (ใช้กับคำกริยา are, were, ...) — รวมทั้งในรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 13 ซึ่งมีผลใช้บังคับในปี พ.ศ. 2408 อีกด้วย แต่คำดังกล่าวได้กลายมาเป็นคำเอกพจน์ (ใช้กับคำกริยา is, was, ...) — หลังจากยุคสงครามกลางเมือง และได้กลายมาเป็นรูปแบบมาตรฐานในปัจจุบัน แต่รูปแบบพหูพจน์ก็ยังคงปรากฏในสำนวน "these United States"
ประวัติศาสตร์
ชนพื้นเมืองและประวัติศาสตร์ยุคก่อนโคลัมบัส
ผู้อยู่อาศัยในทวีปอเมริกาเหนือคนแรก ๆ ย้ายถิ่นจากไซบีเรียโดยทางสะพานบกเบริงและมาถึงอย่างน้อย 15,000 ปีมาแล้ว แม้มีหลักฐานเพิ่มขึ้นที่เสนอว่าอาจมาถึงก่อนหน้านั้นอีก หลังข้ามสะพานบกแล้ว ชาวอเมริกันกลุ่มแรกย้ายลงใต้ โดยอาจตามชายฝั่งแปซิฟิก หรือผ่านหิ้งปลอดน้ำแข็งในแผ่นดินระหว่างหิ้งน้ำแข็งคอร์ดิลเลอร์แรน (Cordilleran) และลอเรนไทด์ (Laurentide) วัฒนธรรมโคลวิสปรากฏประมาณ 11,000 ปีก่อน และถือว่าเป็นบรรพบุรุษของวัฒนธรรมพื้นเมืองสมัยหลังของทวีปอเมริกาส่วนใหญ่ แม้คิดกันตลอดปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 ว่าวัฒนธรรมโคลวิสเป็นตัวแทนของการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งแรกในทวีปอเมริกา แต่ในช่วงปีหลัง ๆ ได้เปลี่ยนมาตระหนักถึงวัฒนธรรมก่อนโคลวิส
ต่อมา วัฒนธรรมพื้นเมืองในทวีปอเมริกาเหนือเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น และบางวัฒนธรรมเช่น วัฒนธรรมมิสซิสซิปปีสมัยก่อนโคลัมบัสในทางตะวันออกเฉียงใต้ พัฒนาการกสิกรรมก้าวหน้า สถาปัตยกรรมใหญ่ และสังคมระดับรัฐ ตั้งแต่ประมาณปี 800 ถึง 1600 วัฒนธรรมมิสซิสซิปปีเฟื่องฟู และนครใหญ่สุด คะโฮเคีย (Cahokia) ถือเป็นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนโคลัมบัสที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุดในสหรัฐปัจจุบัน ในภูมิภาคเกรตเลกส์ทางใต้ มีการก่อตั้งในบางช่วงระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึง 15 และอยู่มาจนสิ้นสงครามปฏิวัติ
การตั้งถิ่นฐานหมู่เกาะฮาวายครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อใดนั้นยังเป็นหัวข้อการถกเถียงที่ยังดำเนินอยู่ หลักฐานโบราณคดีดูเหมือนบ่งชี้ว่ามีนิคมตั้งแต่ปี 124 ระหว่างการเดินเรือครั้งที่สามและครั้งสุดท้าย กัปตันเจมส์ คุกเป็นชาวยุโรปคนแรกที่เริ่มการติดต่อกับฮาวายอยางเป็นทางการ หลังการขึ้นฝั่งครั้งแรกในเดือนมกราคม 1778 ที่ท่าไวเมีย เกาะคาไว คุกตั้งชื่อกลุ่มเกาะนี้วา "หมู่เกาะแซนด์วิช" ตามเอิร์ลที่ 4 แห่งแซนด์วิช รักษาราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทหารเรือของราชนาวีบริติช
นิคมยุโรป
หลังสเปนส่งโคลัมบัสในการล่องเรือเที่ยวแรกของเขาสู่โลกใหม่ ในปี 1492 ก็มีนักสำรวจอื่นตามมา ชาวยุโรปกลุ่มแรกที่มาถึงดินแดนของสหรัฐสมัยใหม่เป็นกองกิสตาดอร์สเปนอย่างควน ปอนเซ เด เลออน ซึ่งเดินทางถึงฟลอริดาครั้งแรกในปี 1513 ทว่า หากคิดดินแดนที่ไม่รวมเข้าด้วยกันของสหรัฐด้วยแล้ว ความชอบจะเป็นของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสซึ่งขึ้นฝั่งที่ปวยร์โตรีโกในการเดินทางปี 1493 ชาวสเปนตั้งนิคมแห่งแรกในฟลอริดาและนิวเม็กซิโกอย่าง และแซนตาเฟ ชาวฝรั่งเศสตั้งอาณานิคมของตนเช่นกันตามแม่น้ำมิสซิสซิปปี การตั้งถิ่นฐานของชาวอังกฤษที่สำเร็จตามชายฝั่งตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือเริ่มด้วยอาณานิคมเวอร์จิเนียในปี 1607 ที่เจมส์ทาวน์ และอาณานิคมพลีมัทของพิลกริมในปี 1620 ผู้ตั้งถิ่นฐานจำนวนมากเป็นกลุ่มคริสต์ศาสนิกชนขัดแย้งที่มาแสวงเสรีภาพทางศาสนา มีการสร้างสภาเบอร์จัสซิส (House of Burgesses) แห่งเวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติที่มาจากการเลือกตั้งแห่งแรกของทวีป ในปี 1619 และข้อตกลงร่วมกันเมย์ฟลาวเออร์ (Mayflower Compact) ซึ่งพิลกริมลงนามก่อนขึ้นฝั่ง และภาคีมูลฐานแห่งคอนเนกติคัด สถาปนาแบบอย่างสำหรับรูปแบบการปกครองตนเองแบบมีผู้แทนและระบอบรัฐธรรมนูญซึ่งจะพัฒนาทั่วอาณานิคมอเมริกา
ผู้ตั้งถิ่นฐานส่วนมากในทุกอาณานิคมเป็นเกษตรกรรายย่อย แต่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมอื่นในไม่กี่ทศวรรษแตกต่างกันตามนิคม พืชเศรษฐกิจมียาสูบ ข้าวเจ้าและข้าวสาลี อุตสาหกรรมการสกัดเติบโตขึ้นในหนังสัตว์ การประมงและการทำไม้ ผู้ผลิตผลิตรัมและเรือ และเมื่อถึงสมัยอาณานิคมตอนปลาย ชาวอเมริกันก็ผลิตหนึ่งในเจ็ดของอุปสงค์เหล็กโลก สุดท้ายนครต่าง ๆ ผุดขึ้นตามชายฝั่งเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นและใช้เป็นศูนย์กลางการค้า ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอังกฤษมีระลอกชาวสกอต-ไอริชและกลุ่มอื่นเข้ามาเสริม เมื่อที่ดินชายฝั่งมีราคาแพงขึ้นทำให้แรงงานสัญญา (indentured servant) ที่เป็นอิสระถูกผลักไปทางทิศตะวันตก
การค้าทาสขนานใหญ่กับไพรวะเทียร์อังกฤษเริ่มต้น การคาดหมายคงชีพของทาสในทวีปอเมริกาเหนือสูงกว่าทางใต้มาก เนื่องจากมีโรคน้อยกว่าและมีอาหารและการปฏิบัติที่ดีกว่า นำให้มีการเพิ่มจำนวนของทาสอย่างรวดเร็ว สังคมอาณานิคมส่วนใหญ่แบ่งแยกกันระหว่างการส่อความทางศาสนาและศีลธรรมของความเป็นทาส และอาณานิคมผ่านรัฐบัญญัติทั้งสนับสนุนและคัดค้านทาส แต่เมื่อย่างเข้าคริสต์ศตวรรษที่ 18 ทาสแอฟริกาก็เป็นแรงงานพืชเศรษฐกิจแทนที่แรงงานสัญญา โดยเฉพาะในภาคใต้
ด้วยการทำให้จอร์เจียเป็นอาณานิคมของบริติชในปี 1732 จึงมีการสถาปนาสิบสามอาณานิคมที่จะกลายเป็นสหรัฐในเวลาต่อมา ทุกอาณานิคมมีรัฐบาลท้องถิ่นและการเลือกตั้งที่เปิดแก่ชายไททุกคน โดยมีการฝักใฝ่สิทธิชนอังกฤษโบราณและสำนึกการปกครองตนเองที่กระตุ้นการสนับสนุนสาธารณรัฐนิยม ด้วยอัตราการเกิดที่สูงมาก อัตราการตายที่ต่ำมากและการตั้งถิ่นฐานอย่างต่อเนื่อง ประชากรอาณานิคมจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว ประชากรอเมริกันพื้นเมืองค่อนข้างน้อยถูกบดบัง ขบวนการฟื้นฟูคริสต์ศาสนิกชน (Christian revivalist) คริสต์ทศวรรษ 1730 และ 1740 ที่เรียก การตื่นใหญ่ (Great Awakening) ช่วยเร่งความสนใจทั้งศาสนาและเสรีภาพในการนับถือศาสนา
ระหว่างสงครามเจ็ดปี (หรือเรียก สงครามฝรั่งเศสและอินเดียน) กำลังบริติชยึดแคนาดาจากฝรั่งเศส แต่ประชากรที่พูดภาษาฝรั่งเศสยังโดดเดี่ยวทางการเมืองจากอาณานิคมทางใต้ 13 อาณานิคมเหล่านี้มีประชากรกว่า 2.1 ล้านคนหรือประมาณหนึ่งในสามของบริเตนในปี 1770 หากไม่นับอเมริกันพื้นเมืองซึ่งถูกพิชิตและขับไล่ แม้มีการเข้ามาใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่อัตราการเพิ่มตามธรรมชาติสูงจนเมื่อถึงคริสต์ทศวรรษ 1770 มีชาวอเมริกันน้อยมากที่เกิดโพ้นทะเล ระยะห่างของอาณานิคมจากบริเตนทำให้มีการพัฒนาการปกครองตนเอง แต่ความสำเร็จของพวกเขาบันดาลให้พระมหากษัตริย์มุ่งย้ำพระราชอำนาจอยู่เป็นระยะ
ในปี 1774 เรือกองทัพเรือสเปน ซานเตียโก ภายใต้ควน เปเรซเข้าและทอดสมอในทางเข้าที่นูตคาซาวน์ (Nootka Sound) แม้ชาวสเปนมิได้ขึ้นฝั่ง แต่ชนพื้นเมืองพายเรือมายังเรือสเปนเพื่อค้าหนังสัตว์แลกกับเปลือกจากแคลิฟอร์เนีย ในเวลานั้น สเปนสามารถผูกขาดการค้าระหว่างทวีปเอเชียและอเมริกาเหนือได้โดยให้ใบอนุญาตจำกัดแก่โปรตุเกส เมื่อชาวรัสเซียเริ่มสถาปนาระบบการค้าหนังสัตว์ที่เติบโตขึ้นในอะแลสกา ชาวสเปนเริ่มคัดค้านรัสเซีย โดยการเดินเรือของเปเรซเป็นครั้งแรก ๆ ที่ไปแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ
หลังมาถึงหมู่เกาะฮาวายในปี 1778 กัปตันคุกแล่นเรือขึ้นเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อสำรวจฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือซึ่งอยู่เหนือกว่านิคมสเปนใน เขาขึ้นบกที่ฝั่งออริกอนที่ประมาณละติจูด 44°30′ เหนือ โดยตั้งชื่อจุดขึ้นบกนั้นว่า ลมฟ้าอากาศเลวบังคับให้เรือของเขาลงใต้ไปประมาณ 43° เหนือก่อนสามารถเริ่มการสำรวจชายฝั่งไปทางเหนือ ในเดือนมีนาคม 1778 คุกขึ้นบกที่เกาะไบล และตั้งชื่อทางเข้าว่า "คิงจอจส์ซาวด์" เขาบันทึกว่าชื่อชนพื้นเมือง คือ นุตคาหรือนูตคา
ผลต่อและอันตรกิริยากับประชากรพื้นเมือง
ด้วยความคืบหน้าของการทำให้เป็นอาณานิคมของยุโรปในดินแดนสหรัฐร่วมสมัย อเมริกันพื้นเมืองมักถูกพิชิตและย้ายถิ่น ประชากรพื้นเมืองของอเมริกาเสื่อมลงหลังชาวยุโรปมาถึง และด้วยหลายสาเหตุ จากโรคอย่างโรคฝีดาษและโรคหัดเป็นหลัก ความรุนแรงมิใช่ปัจจัยสำคัญในการเสื่อมลงโดยรวมในหมู่อเมริกันพื้นเมือง แม้มีความขัดแย้งระหว่างกันเองและกับชาวยุโรปมีผลต่อบางเผ่าและนิคมอาณานิคมต่าง ๆ
ในช่วงแรกของการทำให้เป็นอาณานิคม ผู้ตั้งถิ่นฐานยุโรปจำนวนมากประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร โรคและการโจมตีจากอเมริกันพื้นเมือง อเมริกันพื้นเมืองยังมักก่อสงครามกับเผ่าใกล้เคียงและเป็นพันธมิตรกับชาวยุโรปในสงครามอาณานิคมของตนเอง ทว่า ในเวลาเดียวกัน ชนพื้นเมืองและผู้ตั้งถิ่นฐานจำนวนมากพึ่งพาอาศัยกัน ผู้ตั้งถิ่นฐานแลกเปลี่ยนเอาอาหารและหนังสัตว์ ส่วนชนพื้นเมืองแลกเอาปืน เครื่องกระสุนและสินค้ายุโรปอื่น ชนพื้นเมืองสอนผู้ตั้งถิ่นฐานจำนวนมากว่าจะเพาะปลูกข้าวโพด ถั่วและน้ำเต้าที่ไหน เมื่อใดและอย่างไร มิชชันนารียุโรปและอื่น ๆ รู้สึกว่าเป็นสิ่งสำคัญจะ "ทำให้เจริญ" ซึ่งอเมริกันพื้นเมืองและกระตุ้นให้พวกเขารับเทคนิคเกษตรกรรมและวิถีชีวิตของยุโรป
การเดินเรือเที่ยวสุดท้ายของกัปตันเจมส์ คุกรวมถึงการแล่นตามชายฝั่งทวีปอเมริกาเหนือและอะแลสกาเพื่อแสวงช่องทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นเวลาประมาณเก้าเดือน เขากลับฮาวายเพื่อเติมกำลังบำรุง เดิมสำรวจชายฝั่งเมาวีและเกาะใหญ่ ค้าขายกับคนท้องถิ่นแล้วทอดสมอที่อ่าวเกียลาเคกัวในเดือนมกราคม 1779 เมื่อเรือและพวกของเขาออกจากเกาะ เสาเรือหักในลมฟ้าอากาศเลว บังคับให้พวกเขาหวนคืนในกลางเดือนกุมภาพันธ์ คุกถูกฆ่าในอีกหลายวันต่อมา
เอกราชและการขยายอาณาเขต
สงครามปฏิวัติอเมริกาเป็นสงครามประกาศอิสรภาพอาณานิคมที่สำเร็จครั้งแรกต่อชาติยุโรป ชาวอเมริกันพัฒนาอุดมการณ์ "สาธารณรัฐนิยม" โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะต้องมาจากเจตจำนงของประชาชนโดยแสดงออกผ่านสภานิติบัญญัติท้องถิ่น พวกเขาเรียกร้องสิทธิเป็นชาวอังกฤษและ "ห้ามจัดเก็บภาษีหากไม่มีผู้แทน" ฝ่ายบริติชยืนยันการบริหารจักรวรรดิผ่านรัฐสภา และความขัดแย้งบานปลายเป็นสงคราม
หลังการผ่านเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 1776 ซึ่งเป็นการออกเสียงลงมติเอกราชที่แท้จริง ลงมติรับคำประกาศอิสรภาพในวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งประกาศในคำปรารภยาวว่า มนุษยชาติถูกสร้างขึ้นมาเท่าเทียมกันในสิทธิที่ไม่อาจโอนกันได้และบริเตนใหญ่ไม่คุ้มครองสิทธิเหล่านี้ และประกาศในคำของข้อมติว่าสิบสามอาณานิคมเป็นรัฐเอกราชและไม่สวามิภักดิ์กับพระมหากษัตริย์บริติชในสหรัฐ มีการเฉลิมฉลองวันที่ 4 กรกฎาคมทุกปีเป็นวันประกาศอิสรภาพ ในปี 1777 (Articles of Confederation) สถาปนารัฐบาลอ่อนที่ดำเนินการจนปี 1789
บริเตนรับรองเอกราชของสหรัฐหลังในปี 1781 ในสนธิสัญญาสันติภาพปี 1783 เอกราชของสหรัฐได้รับการรับรองจากชายฝั่งแอตแลนติกไปทางตะวันตกถึงแม่น้ำมิสซิสซิปปี นักชาตินิยมนำปี 1787 ในการเขียนรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐ ให้สัตยาบันในการประชุมรัฐในปี 1788 มีการจัดระเบียบรัฐบาลกลางใหม่เป็นสามอำนาจ โดยหลักการสร้างการตรวจสอบและถ่วงดุลที่มีประโยชน์ ในปี 1789 จอร์จ วอชิงตันซึ่งนำกองทัพปฏิวัติคว้าชัย เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ ในปี 1791 มีการลงมติรับบัญญัติว่าด้วยสิทธิพื้นฐานของพลเมืองซึ่งห้ามการจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคลของรัฐบาลกลางและรับประกันการคุ้มครองทางกฎหมายต่าง ๆ
แม้รัฐบาลกลางทำให้การค้าทาสระหว่างประเทศเป็นความผิดในปี 1808 แต่หลังปี 1820 การใช้ทาสเพาะปลูกผลผลิตฝ้ายที่ได้กำไรสูงปะทุใน พร้อมกับจำนวนประชากรทาสด้วย การตื่นใหญ่ที่สอง (Second Great Awakening) โดยเฉพาะอย่างยิ่งปี 1800–1840 เข้ารีตคนหลายล้านคนสู่โปรเตสแตนท์อีแวนเจลิคัล (evangelical) ในทิศเหนือ เหตุนี้ทำให้เกิดขบวนการปฏิรูปสังคมหลายขบวนการซึ่งรวมการเลิกทาส ในภาคใต้ มีการชวนเข้ารีตเมทอดิสต์ (Methodist) และแบปทิสต์ในหมู่ประชากรทาส
ความกระตือรือร้นของสหรัฐในการขยายดินแดนไปทางทิศตะวันตกทำให้เกิดสงครามอเมริกันอินเดียนยืดเยื้อการซื้อลุยเซียนาซึ่งดินแดนที่ฝรั่งเศสอ้างในปี 1803 ทำให้ประเทศมีพื้นที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ซึ่งประกาศต่อบริเตน กับความเดือดร้อนต่าง ๆ และการต่อสู้เพื่อดึงดูดและเสริมชาตินิยมสหรัฐ ชุดการบุกเข้าทางทหารสู่ฟลอริดานำให้สเปนยกดินแดนดังกล่าวและดินแดนฝั่งอ่าว (Gulf Coast) ในปี 1819 การขยายดินแดนได้รับการช่วยเหลือจากเครื่องจักรไอน้ำ เมื่อเรือจักรไอน้ำเริ่มล่องตามระบบธารน้ำขนาดใหญ่ของอเมริกาซึ่งเชื่อมด้วยคลองสร้างใหม่ เช่น อีรีและไอแอนด์เอ็ม แล้วกระทั่งรางรถไฟที่เร็วกว่าเริ่มลากข้ามดินแดนของประเทศ
ตั้งแต่ปี 1820 ถึง 1850 เริ่มชุดการปฏิรูปซึ่งรวมสิทธิออกเสียงเลือกตั้งของชายผิวขาวในวงกว้างขึ้น นำสู่ความเจริญของระบบพรรคที่สองประชาธิปไตยและวิกเป็นพรรคการเมืองหลังตั้งแต่ปี 1828 ถึง 1854 เส้นทางธารน้ำตาในคริสต์ทศวรรษ 1830 เป็นตัวอย่างของนโยบายกำจัดอินเดียนซึ่งตั้งถิ่นฐานอินเดียนใหม่ทางตะวันตกในเขตสงวนอินเดียน สหรัฐผนวกสาธารณรัฐเท็กซัสในปี 1845 ระหว่างสมัยเทพลิขิตซึ่งมีลักษณะขยายดินแดนปี 1846 กับบริเตนนำให้สหรัฐควบคุมภาคตะวันตกเฉียงเหนือปัจจุบัน ชัยในสงครามเม็กซิโก–อเมริกาลงเอยด้วยการยกแคลิฟอร์เนียของเม็กซิโกและพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคตะวันตกเฉียงใต้ปัจจุบัน
การตื่นทองที่แคลิฟอร์เนียปี 1848–1849 กระตุ้นการย้ายถิ่นไปทางตะวันตกและการสถาปนารัฐทางตะวันตกเพิ่ม หลังสงครามกลางเมืองอเมริกา ระบบรางข้ามทวีปใหม่ทำให้การย้ายถิ่นง่ายขึ้นสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐาน การค้าภายในขยายตัวและความขัดแย้งกับอเมริกันพื้นเมืองเพิ่มขึ้น กว่าครึ่งศตวรรษ การสูญเสียอเมริกันไบซันมีผลกระทบต่อการดำรงอยู่ต่อวัฒนธรรมอินเดียนที่ราบหลายวัฒนธรรม ในปี 1869 นโยบายสันติภาพใหม่มุ่งคุ้มครองอเมริกันพื้นเมืองจากการละเมิด เลี่ยงสงครามเพิ่ม และประกันความเป็นพลเมืองสหรัฐในที่สุด แม้ความขัดแย้งซึ่งรวมสงครามอินเดียนครั้งใหญ่สุดหลายครั้งยังดำเนินต่อไปทั่วตะวันตกจนล่วงเข้าคริสต์ทศวรรษ 1900
สงครามกลางเมืองและสมัยการบูรณะ
ข้อแตกต่างของความเห็นและระเบียบสังคมระหว่างรัฐภาคเหนือและภาคใต้ในสังคมสหรัฐช่วงแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวข้องกับทาสผิวดำ จนสุดท้ายนำสู่สงครามกลางเมืองอเมริกา เดิมทีรัฐเข้าสู่สหภาพสลับกันระหว่างรัฐทาสและรัฐเสรีเพื่อรักษาสมดุลภาคในวุฒิสภา ขณะที่รัฐเสรีมีประชากรมากกว่ารัฐทาสและมีผู้แทนในสภาผู้แทนราษฎรมากกว่า แต่ด้วยมีดินแดนตะวันตกและรัฐเสรีเพิ่มขึ้น ความตึงเครียดระหว่างรัฐทาสและรัฐเสรีสูงขึ้นด้วยการถกเถียงเกี่ยวกับระบอบสหพันธรัฐ การโอนการครอบครองดินแดน ควรขยายหรือจำกัดความเป็นทาสหรือไม่และอย่างไร
อับราฮัม ลินคอล์น ผู้ชนะการเลือกตั้ง ในปี 1860 ประธานาธิบดีคนแรกจากพรรครีพับลิกันซึ่งส่วนใหญ่ต่อต้านความเป็นทาส สุดท้ายการประชุมในสิบสามรัฐทาสประกาศแยกตัวออกและตั้งสมาพันธรัฐอเมริกา ขณะที่รัฐบาลกลางยืนยันว่าการแยกตัวออกไม่ชอบด้วยกฎหมาย สงครามที่เกิดขึ้นให้หลังนั้นทีแรกเป็นสงครามเพื่อรักษาสหภาพ และหลังจากปี 1863 เมื่อกำลังพลสูญเสียเพิ่มขึ้นและลินคอล์นออก (Emancipation Proclamation) เป้าหมายสงครามที่สองกลายเป็นการเลิกทาส สงครามนี้เป็นความขัดแย้งทางทหารที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ ทำให้มีทหารเสียชีวิตประมาณ 618,000 คนและพลเรือนอีกเป็นอันมาก
หลังฝ่ายสหภาพมีชัยในปี 1865 มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐสามครั้ง การแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 13 ห้ามความเป็นทาส การแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 14 มอบความเป็นพลเมืองแก่แอฟริกันอเมริกันที่เคยเป็นทาสเกือบสี่ล้านคน และการแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 15 รับประกันว่าพวกเขามีสิทธิออกเสียงลงคะแนน สงครามและผลลัพธ์นำสู่การเพิ่มอำนาจของรัฐบาลกลางอย่างมากโดยมีเป้าหมายเพื่อบูรณาการและสร้างใหม่ซึ่งรัฐภาคใต้ขณะที่รับประกันสิทธิของทาสที่เพิ่งเป็นไท สงครามและผลนำสู่การเพิ่มอำนาจรัฐบาลกลางอย่างสำคัญ โดยมีเป้าหมายเพื่อบูรณาการใหม่และสร้างใหม่ซึ่งรัฐภาคใต้พร้อมกับรับประกันสิทธิของทาสที่เพิ่งเป็นไท
นักอนุรักษนิยมผิวขาวภาคใต้ซึ่งเรียกตนว่า "ผู้ไถ่" (Redeemer) เข้าควบคุมหลังสิ้นสุดการบูรณะ เมื่อถึงช่วงปี 1890–1910 กฎหมายจิม โครว์พรากสิทธิออกเสียงลงคะแนนคนผิวดำส่วนใหญ่และคนขาวยากจนบางส่วน คนดำเผชิญการแบ่งแยกทางเชื้อชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้ ชนกลุ่มน้อยเชื้อชาติบางครั้งเผชิญการลงประชาทัณฑ์
การปรับให้เป็นอุตสาหกรรม
ในภาคเหนือ การขยายตัวของเมืองและการหลั่งไหลของคนเข้าเมืองจากยุโรปใต้และยุโรปตะวันออกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้มีแรงงานเหลือเฟือสำหรับการปรับประเทศให้เป็นอุตสาหกรรมและการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม โครงสร้างพื้นฐานของประเทศซึ่งมีโทรเลขและทางรถไฟข้ามทวีปกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและการตั้งถิ่นฐานยิ่งใหญ่ขึ้นและการพัฒนาโอลด์เวสต์อเมริกา การประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าและโทรศัพท์ ต่อมายังมีผลต่อการคมนาคมและชีวิตคนเมือง
การสิ้นสุดของสงครามอินเดียนยิ่งขยายพื้นที่ภายใต้การเพาะปลูกโดยใช้เครื่องจักร เพิ่มส่วนเกินสำหรับตลาดระหว่างประเทศ การขยายดินแดนแผ่นดินใหญ่สำเร็จด้วยการซื้ออะแลสกาจากจักรวรรดิรัสเซียในปี 1867 ในปี 1893 ส่วนนิยมอเมริกาในฮาวายล้มราชาธิปไตยและตั้งสาธารณรัฐฮาวาย ซึ่งสหรัฐผนวกในปี 1898 สเปนยกปวยร์โตรีโก กวมและฟิลิปปินส์ให้สหรัฐในปีเดียวกันหลัง
การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วระหว่างปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ช่วยให้นักอุตสาหกรรมโดดเด่นจำนวนมากเฟื่องฟูขึ้น นักธุรกิจใหญ่อย่าง, จอห์น ดี. ร็อกเกอะเฟลเลอร์และแอนดรูว์ คาร์เนกีนำความก้าวหน้าของชาติในอุตสาหกรรมรางรถไฟ ปิโตรเลียมและเหล็กกล้า การธนาคารกลายเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ โดยเจ. พี. มอร์แกนมีบทบาทเด่น ทอมัส เอดิสันและนิโคลา เทสลาทำให้ไฟฟ้ากระจายแพร่หลายสู่อุตสาหกรรม บ้านเรือนและสำหรับการให้แสงสว่างตามถนน เฮนรี ฟอร์ดปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ เศรษฐกิจอเมริกาเฟื่องฟูและกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก และสหรัฐได้สถานภาพมหาอำนาจ การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วนี้กอปรกับความไม่สงบทางสังคมและความเจริญของขบวนการประชานิยม สังคมนิยมและอนาธิปไตย สุดท้ายสมัยนี้สิ้นสุดลงด้วยการมาของสมัยก้าวหน้า (Progressive Era) ซึ่งมีการปฏิรูปสำคัญในสังคมหลายด้าน ซึ่งรวมทั้งสิทธิออกเสียงเลือกตั้งของสตรี การห้ามแอลกอฮอล์ การกำกับสินค้าบริโภค มาตรการป้องกันการผูกขาดที่มากขึ้นเพื่อประกันการแข่งขันและความใส่ใจความเป็นอยู่ของแรงงาน
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ และสงครามโลกครั้งที่สอง
สหรัฐวางตนเป็นกลางตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุในปี 1914 จนถึงปี 1917 เมื่อเข้าร่วมสงครามเป็น "ชาติสมทบ" ร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอย่างเป็นทางการ โดยช่วยเปลี่ยนทิศทางของสงครามต่อฝ่ายมหาอำนาจกลาง ในปี 1919 ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสันรับบทบาทการทูตนำ ณ และสนับสนุนอย่างแข็งขันให้สหรัฐเข้าร่วมสันนิบาตชาติ ทว่า วุฒิสภาปฏิเสธไม่อนุมัติและไม่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาแวร์ซายซึ่งสถาปนาสันนิบาตชาติ
ในปี 1920 ขบวนการสิทธิสตรีชนะการผ่านการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญซึ่งให้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งของสตรี คริสต์ทศวรรษ 1920 และ 1930 มีความเจริญเติบโตของสื่อสารมวลชนประเภทวิทยุและมีการประดิษฐ์โทรทัศน์ขึ้นในยุคแรก ความเฟื่องฟูของทเวนตีร้องคำราม (Roaring Twenties) สิ้นสุดด้วย และการเริ่มต้นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ หลังแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 1932 เขาสนองด้วย (New Deal) ซึ่งรวมการสถาปนาระบบหลักประกันสังคม การย้ายถิ่นใหญ่ของแอฟริกันอเมริกันหลายล้านคนจากภาคใต้ของสหรัฐเริ่มก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและกินเวลาจนถึงคริสต์ทศวรรษ 1960 ขณะที่ชามฝุ่น (Dust Bowl) กลางคริสต์ทศวรรษ 1930 ทำให้ชุมชนกสิกรรมจำนวนมากยากจนและทำให้เกิดการย้ายถิ่นทางตะวันตกระลอกใหม่
ทีแรกสหรัฐวางตนเป็นกลางระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองระหว่างที่เยอรมนีพิชิตทวีปยุโรปส่วนใหญ่ สหรัฐเริ่มจัดหาปัจจัยแก่ฝ่ายสัมพันธมิตรในเดือนมีนาคม 1941 ผ่านโครงการให้ยืม-เช่า วันที่ 7 ธันวาคม 1941 จักรวรรดิญี่ปุ่นเปิดฉากโจมตีอย่างจู่โจมต่อเพิร์ลฮาร์เบอร์ ทำให้สหรัฐเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรสู้รบกับฝ่ายอักษะ ระหว่างสงคราม สหรัฐถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งใน "" แห่งฝ่ายสัมพันธมิตรผู้ประชุมกันวางแผนโลกหลังสงคราม ร่วมกับบริเตน สหภาพโซเวียตและจีน แม้สหรัฐเสียทหารกว่า 400,000 นาย แต่แทบไม่ได้รับความเสียหายจากสงครามและยิ่งมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและทางทหารมากยิ่งขึ้นอีก
สหรัฐมีบทบาทนำในและยัลตากับสหราชอาณาจักร สหภาพโซเวียตและฝ่ายสัมพันธมิตรอื่นซึ่งลงนามความตกลงว่าด้วยสถาบันการเงินระหว่างประเทศใหม่และการจัดระเบียบใหม่หลังสงครามของทวีปยุโรป เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรชนะในทวีปยุโรปแล้ว การประชุมระหว่างประเทศในซานฟรานซิสโกในปี 1945 ได้ออกกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งมีผลใช้บังคับหลังสงคราม สหรัฐพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรกและใช้มันกับญี่ปุ่นในนครฮิโระชิมะและนะงะซะกิ ญี่ปุ่นยอมจำนนในวันที่ 2 กันยายน ยุติสงครามโลกครั้งที่สอง
สงครามเย็นและยุคสิทธิมนุษยชน
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐและสหภาพโซเวียตประชันชิงอำนาจระหว่างสมัยสงครามเย็น ขับเคลื่อนด้วยการแบ่งแยกอุดมการณ์ระหว่างทุนนิยมและคอมมิวนิสต์ ทั้งสองครอบงำกิจการทหารของทวีปยุโรป โดยมีสหรัฐและพันธมิตรนาโต้ฝ่ายหนึ่งและสหภาพโซเวียตและพันธมิตรสนธิสัญญาวอร์ซออีกฝ่ายหนึ่ง สหรัฐพัฒนานโยบายต่อการขยายอิทธิพลตอมมิวนิสต์ ขณะที่สหรัฐและสหภาพโซเวียตต่อสู้ในสงครามตัวแทนและพัฒนาคลังอาวุธนิวเคลียร์ทรงพลัง และสองประเทศเลี่ยงความขัดแย้งทางทหารโดยตรง
สหรัฐมักคัดค้านขบวนการโลกที่สามซึ่งมองว่าโซเวียตสนับสนุน ทหารอเมริกันต่อสู้กำลังคอมมิวนิสต์จีนและเกาหลีเหนือในสงครามเกาหลีปี 1950–1953 การปล่อยดาวเทียมดวงแรกของสหภาพโซเวียตปี 1957 และการปล่อยเที่ยวบินอวกาศที่มีมนุษย์โดยสารครั้งแรกในปี 1961 เริ่ม "การแข่งขันอวกาศ" ซึ่งสหรัฐเป็นชาติแรกที่นำมนุษย์ลงจอดดวงจันทร์ในปี 1969 สงครามตัวแทนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สุดท้ายกลายเป็นการเข้าไปมีส่วนพัวพันเต็มตัวของอเมริกา เช่น สงครามเวียดนาม
ในประเทศ สหรัฐมีการขยายทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและการเติบโตของประชากรและชนชั้นกลางอย่างรวดเร็ว การก่อสร้างระบบทางหลวงระหว่างรัฐแปรสภาพโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในเวลาหลายทศวรรษถัดมา คนหลายล้านคนผละไร่นาและนครชั้นใน (inner city) สู่การพัฒนาเคหะชานเมืองขนาดใหญ่ ในปี 1959 ฮาวายกลายเป็นรัฐที่ 50 และรัฐล่าสุดของสหรัฐที่เพิ่มเข้าประเทศ ขบวนการสิทธิพลเมืองที่เติบโตขึ้นใช้สันติวิธีเผชิญกับการแบ่งแยกและการเลือกปฏิบัติ โดยมีมาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์เป็นผู้นำคนสำคัญและหัวโขน คำวินิจฉัยของศาลและกฎหมายประกอบกันลงเอยด้วยรัฐบัญญัติสิทธิพลเมืองปี 1968 ซึ่งมุ่งยุติการเลือกปฏิบัติทางเพศ ขณะเดียวกัน ขบวนการวัฒนธรรมต่อต้านเติบโตขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจากการค้านสงครามเวียดนาม ชาตินิยมผิวดำและการปฏิวัติทางเพศ
การเปิดฉาก "สงครามต่อความยากจน" โดยประธานาธิบดี ลินดอน บี. จอห์นสัน ขยายการให้สิทธิ์และการใช้จ่ายด้านสวัสดิการ ซึ่งรวมการสร้างเมดิแคร์และเมดิเคด สองโครงการซึ่งให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพต่อผู้สูงอายุและผู้ยากไร้ตามลำดับ และโครงการสแตมป์อาหาร (Food Stamp Program) และช่วยเหลือครอบครัวที่มีเด็กพึ่งพิง (Aid to Families with Dependent Children)
คริสต์ทศวรรษ 1970 และต้นคริสต์ทศวรรษ 1980 เริ่มมีการชะงักทางเศรษฐกิจ หลังประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนได้รับเลือกตั้งในปี 1980 เขาตอบโต้ด้วยการปฏิรูปเน้นตลาดเสรี หลังการล่มสลายของการผ่อนคลายความตึงเครียด เขาเลิก "การจำกัดการขยายตัวของลัทธิที่ไม่พึงปรารถนา" และริเริ่มยุทธศาสตร์ "ม้วนกลับ" ที่ก้าวร้าวขึ้นต่อสหภาพโซเวียต หลังมีการเพิ่มขึ้นของแรงงานสตรีในทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ในปี 1985 สตรีที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่มีงานทำ
ปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 มีการ "ผ่อนคลาย" ความสัมพันธ์กับสหภาพโซเวียต และการล่มลายในปี 1991 ยุติสงครามเย็นในที่สุด เหตุนี้นำมาซึ่งภาวะขั้วเดียว โดยสหรัฐเป็นอภิมหาอำนาจครอบงำของโลกโดยไร้ผู้ต่อกร มโนทัศน์สันติภาพอเมริกา (Pax Americana) ซึ่งปรากฏในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นคำเรียกระเบียบโลกใหม่ยุคหลังสงครามเย็นที่ได้รับความนิยมกว้างขวาง
ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย
หลังสงครามเย็น ความขัดแย้งในตะวันออกกลางจุดชนวนวิกฤตการณ์ในปี 1990 เมื่อประเทศอิรักภายใต้ซัดดัม ฮุสเซนบุกครองและพยายามผนวกประเทศคูเวต กับพันธมิตรของสหรัฐ ด้วยเกรงว่าความไร้เสถียรภาพจากลามไปภูมิภาคอื่น ประธานาธิบดีจอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุชจึงเปิดฉากปฏิบัติการโล่ทะเลทราย การส่งกำลังป้องกันในประเทศซาอุดีอาระเบีย และปฏิบัติการพายุทะเลทรายในขั้นที่เรียก สงครามอ่าว โดยมีกำลังผสมจาก 34 ประเทศนำโดยสหรัฐต่อประเทศอิรัก ยุติด้วยการขับกำลังอิรักออกจากประเทศคูเวตได้สำเร็จ ฟื้นฟูราชาธิปไตยคูเวต
อินเทอร์เน็ตซึ่งกำเนิดในเครือข่ายกลาโหมสหรัฐลามไปเครือข่ายวิชาการระหว่างประเทศ และสู่สาธารณะในปี 1990 มีผลใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมโลก
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ดอตคอม นโยบายการเงินแบบเสถียรภาพภายใต้และการลดรายจ่ายสวัสดิการสังคม คริสต์ทศวรรษ 1990 มีการขยายทางเศรษฐกิจใหญ่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐสมัยใหม่ซึ่งสิ้นสุดในปี 2001 เริ่มตั้งแต่ปี 1994 สหรัฐเข้าสู่ความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) เชื่อมประชากร 450 ล้านคนซึ่งผลิตสินค้าและบริการมูลค่า 17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป้าหมายของความตกลงคือเพื่อกำจัดอุปสรรคการค้าและการลงทุนในสหรัฐ ประเทศแคนาดาและเม็กซิโกในวันที่ 1 มกราคม 2008 การค้าในหมู่ไตรภาคีเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ NAFTA มีผลใช้บังคับ
วันที่ 11 กันยายน 2001 ผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะฮ์โจมตีเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนครนิวยอร์กและอาคารเพนตากอนใกล้กับกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 คน สหรัฐตอบโต้ด้วยการเปิดฉากสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งรวมสงครามในอัฟกานิสถานและสงครามอิรักปี 2003–2011 ในปี 2007 รัฐบาลบุชสั่งเพิ่มกำลังทหารครั้งใหญ่ในสงครามอิรัก ซึ่งลดความรุนแรงและนำสู่เสถียรภาพเพิ่มขึ้นในภูมิภาคอย่างเป็นผล
นโยบายของรัฐบาลซึ่งออกแบบเพื่อส่งเสริมการเคหะที่มีราคาไม่แพง ความล้มเหลวกว้างขวางของบรรษัทภิบาลและธรรมาภิบาลในการกำกับดูแล (regulatory governance) และอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของระบบธนาคารกลาง นำสู่ฟองสบู่การเคหะกลางคริสต์ทศวรรษ 2000 จนลงเอยด้วยวิกฤตการณ์การเงินปี 2008 เป็นการหดตัวทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศนับแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่บารัก โอบามา ประธานาธิบดีแอฟริกันอเมริกันและหลายเชื้อชาติคนแรก ได้รับเลือกตั้งในปี 2008 ท่ามกลางวิกฤต และต่อมาผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและรัฐบัญญัติการปฏิรูปวอลล์สตรีตและคุ้มครองผู้บริโภคด็อดด์-แฟรงก์เพื่อพยายามบรรเทาผลร้าย มาตรการกระตุ้นดังกล่าวอำนวยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการว่างงานลดลงโดยสัมพัทธ์ ด็อดด์-แฟรงก์พัฒนาเสถียรภาพทางการเงินและการคุ้มครองผู้บริโภค แต่มีผลลบต่อการลงทุนธุรกิจและธนาคารขนาดเล็ก
ในปี 2010 รัฐบาลโอบามาผ่านรัฐบัญญัติการบริบาลที่เสียได้ ซึ่งเป็นการปฏิรูปครั้งที่ครอบคลุมที่สุดต่อระบบสาธารณสุขของประเทศในเกือบห้าทศวรรษ ซึ่งรวมการมอบอำนาจ เงินอุดหนุนและการแลกเปลี่ยนประกัน กฎหมายนี้ทำให้ลดจำนวนและร้อยละของผู้ไม่มีประกันสุขภาพลงอย่างสำคัญ โดยมี 24 ล้านคนครอบคลุมระหว่างปี 2016 กระนั้น กฎหมายนี้เป็นที่โต้เถียงเนื่องจากผลกระทบต่อราคาสาธารณสุข เบี้ยประกันภัยและสมรรถภาพทางเศรษฐกิจ แม้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำถึงจุดต่ำสุดในเดือนมิถุนายน 2009 แต่ผู้ออกเสียงลงคะแนนยังคับข้องใจกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ล่าช้า พรรครีพับลิกันซึ่งคัดค้านนโยบายของโอบามา ได้ควบคุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างถล่มทลายในปี 2010 และควบคุมวุฒิสภาในปี 2014
มีการถอนกำลังอเมริกันในประเทศอิรักในปี 2009 และ ปี 2010 และมีการประกาศให้สงครามในภูมิภาคยุติลงอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2011 การถอนกำลังดังกล่าวทำให้การก่อการกำเริบนิกายนิยมบานปลาย นำสู่ความเจริญของรัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์ ซึ่งเป็นผู้สืบทอดของอัลกออิดะฮ์ในภูมิภาค ในปี 2014 โอบามาประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางทูตสมบูรณ์กับประเทศคิวบาเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 1961 ปีต่อมา สหรัฐซึ่งเป็นสมาชิกประเทศพี5+1 ลงนามแผนปฏิบัติการเบ็ดเสร็จร่วม ซึ่งเป็นความตกลงที่มุ่งชะลอการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของประเทศอิหร่าน
ดอนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีผู้มั่งมีที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐและประธานาธิบดีคนแรกที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองและการทหารก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง ได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 ถือเป็นการเลือกตั้งที่มีผลลัพธ์ผิดคาดที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศ เขาเป็นผู้นำประเทศในการระบาดระลอกแรกของไวรัสโคโรนา 2019 ต่อมา ในช่วงต้นทศวรรษ 2020 สหรัฐต้องเผชิญกับความขัดแย้งในประเทศที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่ง การเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ก่อให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่รวมถึงเสียงวิจารณ์ในวงกว้างต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ความขัดแย้งยังทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จากการเสียชีวิตของประชาชนจากเหตุการณ์กราดยิงในหลายพื้นที่ นำไปสู่ประเด็นถกเถียงต่อความเหมาะสมของกฎหมายในการครอบครองและพกพาอาวุธปืน ใน ค.ศ. 2022 ศาลสูงสุดหรือศาลฎีกา (Supreme Court) พิพากษายกเลิกคำตัดสินคดีระหว่างโรกับเวด ที่เคยพิพากษาเมื่อปี 1973 ว่าการทำแท้งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ นำไปสู่การประท้วงในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในสังคมเริ่มกลับมาอีกครั้ง ชาวอเมริกันส่วนมากแสดงการต่อต้านการรุกรานยูเครนของรัสเซียอย่างเปิดเผย รัฐบาลสหรัฐตอบโต้ด้วยการยุติกิจการบริษัทหลายแห่งในรัสเซียและเบลารุส รวมถึงมีการสนับสนุนจากนักการเมืองระดับสูงในการส่งมอบอาวุธช่วยเหลือยูเครนการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 100 ล้านรายและมีผู้เสียชีวิตกว่า 1 ล้านคน ณ ค.ศ. 2023 ถือเป็นภาวะโรคระบาดที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
ภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม
สหรัฐแผ่นดินใหญ่มีพื้นที่ 7,663,940.6 ตารางกิโลเมตร รัฐอะแลสกา ซึ่งมีประเทศแคนาดาคั่นสหรัฐแผ่นดินใหญ่ เป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุด มีขนาด 1,717,856.2 ตารางกิโลเมตร รัฐฮาวายซึ่งเป็นกลุ่มเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกกลาง อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกาเหนือ มีพื้นที่ 28,311 ตารางกิโลเมตร ดินแดนที่มีประชากรอาศัยของสหรัฐ ได้แก่ ปวยร์โตรีโก อเมริกันซามัว กวม หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาและหมู่เกาะเวอร์จินรวมมีพื้นที่ 23,789 ตารางกิโลเมตร
สหรัฐเป็นประเทศใหญ่สุดอันดับสามหรือสี่ของโลกเรียงตามพื้นที่ทั้งหมด (แผ่นดินและผืนน้ำ) รองจากประเทศรัสเซียและแคนาดา และมีอันดับสูงหรือต่ำกว่าจีน การจัดอันดับต่างกันขึ้นอยู่กับว่านับรวมดินแดนที่ประเทศจีนและอินเดียพิพาทหรือไม่ และวัดขนาดทั้งหมดของสหรัฐอย่างไร คือ การคำนวณมีตั้งแต่ 9,522,055.0 กม.2, 9,629,091.5 กม.2 ไปจนถึง 9,833,516.6 กม.2 หากวัดเฉพาะแผ่นดิน สหรัฐจะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามรองจากประเทศรัสเซียและจีน สูงกว่าแคนาดา
ที่ราบชายฝั่งทะเลแอตแลนติกให้ก่อให้เกิดลึกเข้าไปในแผ่นดินและรอยคลื่นพีดมอนต์ (Piedmont)เทือกเขาแอปพาเลเชียนแบ่งชายฝั่งทะเลตะวันออกจากเกรตเลกส์และทุ่งหญ้าภาคกลางตะวันตก (Midwest)แม่น้ำมิสซิสซิปปี–มิสซูรี ระบบแม่น้ำยาวที่สุดอันดับสี่ของโลก ไหลส่วนใหญ่ในทิศเหนือ–ใต้ผ่านใจกลางประเทศ ที่ราบใหญ่ (Great Plains) ซึ่งเป็นทุ่งหญ้าราบอุดมสมบูรณ์แผ่ขยายไปทางทิศตะวันตก โดยมีพื้นที่สูงทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ขวาง
เทือกเขาร็อกกี ณ ขอบทิศตะวันตกของที่ราบใหญ่ แผ่ขยายข้ามประเทศจากเหนือจรดใต้ มีระดับความสูงกว่า 4,300 เมตร ในรัฐโคโลราโด ไปอีกทางทิศตะวันตกเป็นแอ่งใหญ่ (Great Basin) หิน และทะเลทราย เช่น และโมฮาวีและ (Cascade) ทอดใกล้กับชายฝั่งแปซิฟิก เทือกเขาทั้งสองนี้มีระดับความสูงกว่า 4,300 เมตร จุดต่ำสุดและสูงสุดในสหรัฐแผ่นดินใหญ่อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และห่างกัน 135 กิโลเมตร ที่ระดับความสูง 6,194 เมตร ยอดเขาเดนาลี (ยอดเขาแม็กคินเลย์) ในรัฐอะแลสกาเป็นยอดเขาสูงสุดในประเทศและในทวีปอเมริกาเหนือ ภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่มีทั่วไปตลอดกลุ่มเกาะอะเล็กซานเดอร์และหมู่เกาะอะลูเชียนในรัฐอะแลสกา และรัฐฮาวายประกอบด้วยเกาะภูเขาไฟ ภูเขาไฟใหญ่ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนในเทือกเขาร็อกกี เป็นลักษณะภูเขาไฟใหญ่สุดของทวีปอเมริกาเหนือ
เนื่องจากสหรัฐมีขนาดใหญ่และความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ จึงมีลักษณะอากาศหลายชนิด ทางตะวันออกของเส้นเมอริเดียนที่ 100 ลักษณะอากาศมีตั้งแต่ภาคพื้นทวีปชื้นทางเหนือถึงกึ่งเขตร้อนชื้นทางใต้ ที่ราบใหญ่ทางตะวันตกของเส้นเมอริเดียนที่ 100 เป็นกึ่งแห้งแล้ง เขาทางตะวันตกส่วนใหญ่มีลักษณะอากาศแบบแอลป์ ลักษณะอากาศเป็นแบบแห้งแล้งในแอ่งใหญ่ ทะเลทรายในภาคตะวันตกเฉียงใต้ เมดิเตอร์เรเนียนในรัฐแคลิฟอร์เนียชายฝั่ง และภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นภาคพื้นสมุทรในชายฝั่งรัฐออริกอนและรัฐวอชิงตัน และทางใต้ของรัฐอะแลสกา รัฐอะแลสกาส่วนใหญ่เป็นแบบกึ่งอาร์กติกหรือขั้วโลก รัฐฮาวายและปลายใต้สุดของรัฐฟลอริดามีลักษณะอากาศแบบเขตร้อน เช่นเดียวกับดินแดนที่มีประชากรอยู่อาศัยในทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรแปซิฟิก อากาศสุดโต่งเป็นเรื่องไม่แปลก ในรัฐที่ติดอ่าวเม็กซิโกที่มีความเสี่ยงเกิดพายุเฮอร์ริเคน และทอร์เนโดส่วนใหญ่ของโลกเกิดในประเทศนี้ โดยเกิดในบริเวณตรอกทอร์เนโดแถบตะวันตกกลางและภาคใต้เป็นหลัก
สัตว์ป่า
นิเวศวิทยาของสหรัฐนั้นหลากหลายมาก (megadiverse) โดยมีพืชมีท่อลำเลียงประมาณ 17,000 ชนิดในสหรัฐแผ่นดินใหญ่และรัฐอะแลสกา และพบพืชดอกกว่า 1,800 ชนิดในรัฐฮาวาย ซึ่งมีจำนวนน้อยที่พบในแผ่นดินใหญ่ สหรัฐเป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 428 ชนิด นก 784 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 311 ชนิดและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก 295 ชนิด มีการพบแมลงประมาณ 91,000 ชนิดอินทรีหัวขาวเป็นนกประจำชาติและสัตว์ประจำชาติของสหรัฐ และเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเสมอมา
มีอุทยานแห่งชาติ 58 แห่งและอุทยาน ป่าและพื้นที่ที่ดินในสภาพธรรมชาติอื่นที่รัฐบาลกลางจัดการอีกนับหลายร้อยแห่ง เบ็ดเสร็จแล้วรัฐบาลเป็นเจ้าของพื้นที่ประมาณ 28% ของประเทศ ส่วนใหญ่พื้นที่เหล่านี้มีการคุ้มครอง แม้บางส่วนให้เช่าสำหรับการขุดเจาะน้ำมันและแก๊ส การทำเหมือง การทำไม้หรือการเลี้ยงปศุสตว์ ประมาณ 0.86% ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร
ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นวาระแห่งชาติมาตั้งแต่ปี 1970 การโต้เถียงเรื่องสิ่งแวดล้อมรวมถึงการอภิปรายเรื่องน้ำมันและพลังงานนิวเคลียร์ การจัดการกับมลพิษทางอากาศและน้ำ ค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจในการพิทักษ์สัตว์ป่า การทำไม้ และการทำลายป่า และการตอบสนองระหว่างประเทศเกียวกับภาวะโลกร้อน มีหน่วยงานของรัฐบาลกลางและรัฐหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง ที่โดดเด่นที่สุดคือ สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐ (Environmental Protection Agency) ที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งของประธานาธิบดีในปี 1970 ความคิดเรื่องที่ดินในสภาพธรรมชาติได้ก่อรูปการจัดการที่ดินสาธารณะตั้งแต่ปี 1964 ด้วยบทบัญญัติที่ดินในสภาพธรรมชาติ (Wilderness Act)รัฐบัญญัติสิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธุ์ปี 1973 มีเจตนาคุ้มครองชนิดที่อยู่ในข่ายเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์หรือใกล้การสูญพันธุ์และถิ่นที่อยู่ของพวกมัน โดยมีราชการปลาและสัตว์ป่าสหรัฐเป็นผู้ตรวจตรา
ประชากรศาสตร์
ประชากร
เชื้อชาติ/ชาติพันธุ์ (ประมาณของ ACS ปี 2015) | |
---|---|
แบ่งตามเชื้อชาติ: | |
73.1% | |
ผิวดำ | 12.7% |
เอเชีย | 5.4% |
อเมริกันอินเดียนและ | 0.8% |
และ | 0.2% |
3.1% | |
เชื้อชาติอื่น | 4.8% |
แบ่งตามชาติพันธุ์: | |
(ทุกเชื้อชาติ) | 17.6% |
มิใช่ (ทุกเชื้อชาติ) | 82.4% |
สำนักงานสำมะโนสหรัฐประมาณจำนวนประชากรของประเทศเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2016 ไว้ที่ 323,425,550 คน โดยเพิ่มขึ้น 1 คน (เพิ่มสุทธิ) ทุก 13 วินาที หรือประมาณ 6,646 คนต่อวัน ประชากรสหรัฐเพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่าในคริสต์ศตวรรษที่ 20 จากประมาณ 76 ล้านคนในปี 1900 สหรัฐเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับสามของโลกรองจากประเทศจีนและอินเดีย สหรัฐเป็นประเทศอุตสาหกรรมหลักประเทศเดียวที่มีการทำนายการเพิ่มของประชากรขนาดใหญ่ ในคริสต์ทศวรรษ 1800 หญิงเฉลี่ยมีบุตร 7.04 คน เมื่อถึงคริสต์ทศวรรษ 1900 จำนวนดังกล่าวลดลงเหลือ 3.56 คน นับแต่ต้นคริสต์ทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา อัตราการเกิดลดต่ำกว่าอัตราทดแทน 2.1 โดยอยู่ที่บุตร 1.86 คนต่อหญิง 1 คนในปี 2014 การเข้าเมืองที่เกิดต่างด้าวทำให้ประชากรสหรัฐยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยประชากรที่เกิดต่างด้าวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากประมาณ 20 ล้านคนในปี 1990 เป็นกว่า 40 ล้านคนในปี 2010 โดยเป็นการเพิ่มของประชากรหนึ่งในสาม ประชากรที่เกิดต่างด้าวถึง 45 ล้านคนในปี 2015'
สหรัฐมีประชากรหลากหลายมาก โดยกลุ่มบรรพบุรุษ 37 กลุ่มมีสมาชิกกว่า 1 ล้านคนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่สุด (กว่า 50 ล้านคน) รองลงมาได้แก่ (ประมาณ 37 ล้านคน), (ประมาณ 31 ล้านคน) และ (ประมาณ 28 ล้านคน)เป็นกลุ่มเชื้อชาติใหญ่สุด ชาวอเมริกันผิวดำเป็นเชื้อชาติชนกลุ่มน้อยใหญ่สุดของประเทศ (หมายเหตุว่าในสำมะโนสหรัฐ อเมริกันฮิสแปนิกและละติโนนับเป็นกลุ่ม "ชาติพันธุ์" มิใช่กลุ่ม "เชื้อชาติ") และเป็นกลุ่มบรรพบุรุษใหญ่สุดอันดับสามชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเป็นเชื้อชาติชนกลุ่มน้อยใหญ่สุดอันดับสอง โดยกลุ่มชาติพันธุ์ของชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียใหญ่สุดสามอันดับ ได้แก่ ชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ชาวอเมริกันเชื้อสายฟิลิปปินส์ และชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย
สหรัฐมีอัตราเกิด 13 คนต่อ 1,000 คน ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก 5 คน อัตราการเติบโตของประชากรเป็นบวก 0.7% สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ ในปีงบประมาณ 2012 ผู้เข้าเมืองกว่าหนึ่งล้านคน (ส่วนมากเข้าประเทศผ่านการรวมครอบครัว) ได้รับถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายประเทศเม็กซิโกเป็นประเทศต้นทางของผู้อยู่อาศัยใหม่อันดับต้น ๆ ตั้งแต่รัฐบัญญัติการเข้าเมืองปี 1965 ประเทศจีน อินเดียและฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีผู้เข้าเมืองสูงสุดสี่อันดับทุกปีมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1990 ในปี 2012 ผู้อยู่อาศัยประมาณ 11.4 ล้านคนเป็นผู้เข้าเมืองไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในปี 2015 47% ของผู้เข้าเมืองทั้งหมดเป็นฮิสแปนิก 26% เป็นชาวเอเชีย 18% เป็นคนขาว และ 8% เป็นคนดำ ร้อยละของผู้เข้าเมืองซึ่งเป็นชาวเอเชียเพิ่มขึ้นส่วนร้อยละของผู้เป็นฮิสแปนิกลดลง
ชนกลุ่มน้อย (ซึ่งกรมสำมะโนนิยามว่าหมายถึงทุกคนยกเว้นคนผิวขาวที่มิใช่ฮิสปแปนิกและมิใช่หลายเชื้อชาติ) ประกอบเป็น 37.2% ของประชากรในปี 2012 และกว่า 50% ของเด็กอายุน้อยกว่าหนึ่งปี และคาดว่าจะกลายเป็นฝ่ายข้างมากเมื่อถึงปี 2044
ตามการสำรวจซึ่งดำเนินการโดยสถาบันวิลเลียมส์ ชาวอเมริกันเก้าล้านคน หรือประมาณ 3.4% ของประชากรผู้ใหญ่ระบุตนเองว่าเป็นรักร่วมเพศ รักสองเพศหรือ การสำรวจมติมหาชนปี 2016 ยังสรุปว่า 4.1% ของชาวอเมริกันผู้ใหญ่ระบุตนเป็นแอลจีบีที ร้อยละสูงสุดมาจากเขตโคลัมเบีย (10%) ส่วนรัฐที่ตัวเลขต่ำสุด คือ รัฐนอร์ทดาโกตาที่ 1.7% การสำรวจในปี 2013 ศูนย์สำหรับการควบคุมและป้องกันโรคพบว่า 96.6% ระบุตนว่าตรงเพศ ส่วน 1.6% ระบุว่าเป็นเกย์หรือเลสเบียน และ 0.7% ระบุว่าเป็นรักสองเพศ
ในปี 2010 ประชากรสหรัฐประมาณ 5.2 ล้านคนมีบรรพบุรุษเป็นอเมริกันอินเดียนหรือชนพื้นเมืองอลาสก้า (2.9 ล้านคนที่มีเฉพาะของบรรพบุรุษดังกล่าว) และ 1.2 ล้านคนที่มีบรรพบุรุษชนพื้นเมืองฮาวายหรือชาวเกาะแปซิฟิก (0.5 ล้านคนมีเฉพาะบรรพบุรุษดังกล่าว) สำมะโนนับกว่า 19 ล้านคนอยู่ใน "เชื้อชาติอื่น" ซึ่ง "ไม่สามารถระบุได้" ว่าอยู่ในหมวดเชื้อชาติอย่างเป็นทางการห้าหมวดในปี 2010 โดยมีกว่า 18.5% (97%) ของจำนวนนี้มีชาติพันธุ์ฮิสแปนิก
การเติบโตของประชากรฮิสแปนิกและละติโนอเมริกัน (คำดังกล่าวใช้แทนกันได้อย่างเป็นทางการ) เป็นแนวโน้มประชากรศาสตร์ที่สำคัญ สำนักงานสำมะโนระบุชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิก 50.5 ล้านคน ว่ามี "ชาติพันธุ์" แยกต่างหาก 64% ของฮิสแปนิกอเมริกันมีเชื้อสายเม็กซิโก ระหว่างปี 2000 ถึง 2010 ประชากรฮิสแปนิกของประเทศเพิ่ม 43% ขณะที่ประชากรที่มิใช่ฮิสแปนิกเพิ่มเพียง 4.9% การเติบโตส่วนมากมาจากการเข้าเมือง ในปี 2007 12.7% ของประชากรสหรัฐเกิดต่างด้าว ขณะที่ 54% ในจำนวนนี้เกิดในละตินอเมริกา
ชาวอเมริกันประมาณ 82% อาศัยอยู่ในเขตเมือง (รวมชานเมือง) ในจำนวนนี้ประมาณกึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในนครที่มีประชากรกว่า 50,000 คน สหรัฐมีหลายกลุ่มนครที่เรียก เมกะรีจัน (megaregion) เมกะรีจันขนาดใหญ่สุดคือ อภิมหานครเกรตเลกส์ (Great Lakes Megalopolis) ตามด้วยอภิมหานครตะวันออกเฉียงเหนือและแคลิฟอร์เนียใต้ ในปี 2008 มีเทศบาล 273 เทศบาลที่มีประชากรกว่า 100,000 คน มีเก้านครที่มีผู้อยู่อาศัยกว่าหนึ่งล้านคน และสี่นครโลกที่มีประชากรกว่าสองล้านคน (นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส ชิคาโกและฮุสตัน) มี 52 พื้นที่มหานครที่มีประชากรกว่าหนึ่งล้านคน พื้นที่มหานครที่เติบโตเร็วที่สุด 47 จาก 50 พื้นที่อยู่ในภาคตะวันตกหรือภาคใต้ พื้นที่มหานครแซนเบอร์นาร์ดีโน แดลลัส ฮุสตัน แอตแลนตาและฟีนิกซ์ล้วนเติบโตกว่าหนึ่งล้านคนระหว่างปี 2000 ถึง 2008
ศูนย์กลางประชากรอันดับต้น | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
อันดับ | นครแกนกลาง | ประชากรในพื้นที่นครบาล | ภาค | นครนิวยอร์ก ลอสแองเจลิส ชิคาโก แดลลัส | |||
1 | นครนิวยอร์ก | 20,182,305 | |||||
2 | ลอสแองเจลิส | 13,340,068 | |||||
3 | ชิคาโก | 9,551,031 | |||||
4 | 7,102,796 | ||||||
5 | ฮิวสตัน | 6,656,947 | |||||
6 | วอชิงตัน ดี.ซี. | 6,097,684 | |||||
7 | ฟิลาเดลเฟีย | 6,069,875 | |||||
8 | ไมแอมี | 6,012,331 | |||||
9 | แอตแลนตา | 5,710,795 | |||||
10 | บอสตัน | 4,774,321 | |||||
11 | ซานฟรานซิสโก | 4,656,132 | |||||
12 | ฟีนิกซ์ | 4,574,531 | |||||
13 | 4,489,159 | ||||||
14 | ดีทรอยต์ | 4,302,043 | |||||
15 | ซีแอตเทิล | 3,733,580 | |||||
16 | 3,524,583 | ||||||
17 | แซนดีเอโก | 3,299,521 | |||||
18 | 2,975,225 | ||||||
19 | เดนเวอร์ | 2,814,330 | |||||
20 | เซนต์หลุยส์ | 2,811,588 | |||||
ตามการประมาณประชากรปี 2015 จากสำนักสำมะโนสหรัฐ |
ภาษา
+ ภาษาที่คนกว่า 1 ล้านคนพูดที่บ้านในสหรัฐ (ปี 2010) | |||
ภาษา | ร้อยละของ ประชากร | จำนวน ผู้พูด | จำนวนผู้พูด ภาษาอังกฤษ ได้ดีหรือดีมาก |
---|---|---|---|
อังกฤษ (เท่านั้น) | 80% | 233,780,338 | ทุกคน |
รวมทุกภาษา ที่มิใช่อังกฤษ | 20% | 57,048,617 | 43,659,301 |
สเปน (ไม่รวมปวยร์โตรีโกและ) | 12% | 35,437,985 | 25,561,139 |
จีน (รวมภาษากวางตุ้งมาตรฐานและภาษาจีนมาตรฐาน) | 0.9% | 2,567,779 | 1,836,263 |
ตากาล็อก | 0.5% | 1,542,118 | 1,436,767 |
เวียดนาม | 0.4% | 1,292,448 | 879,157 |
ฝรั่งเศส (รวมแต่ไม่รวม) | 0.4% | 1,288,833 | 1,200,497 |
เกาหลี | 0.4% | 1,108,408 | 800,500 |
เยอรมัน | 0.4% | 1,107,869 | 1,057,836 |
ภาษาอังกฤษ (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน) เป็นภาษาประจำชาติโดยพฤตินัย แม้ไม่มีภาษาราชการในระดับสหพันธรัฐ แต่กฎหมายบางฉบับ เช่น ข้อกำหนดการแปลงสัญชาติของสหรัฐ วางมาตรฐานภาษาอังกฤษ ในปี 2010 ประมาณ 230 ล้านคนหรือ 80% ของประชากรอายุตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป พูดภาษาอังกฤษที่บ้านเท่านั้น ภาษาสเปน ซึ่งมีประชากร 12% พูดที่บ้าน เป็นภาษาที่พบมากที่สุดอันดับสองและเป็นภาษาที่สองที่สอนกันแพร่หลายที่สุด ชาวอเมริกันบางส่วนสนับสนุนให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของประเทศ เนื่องจากเป็นภาษาราชการแล้วใน 32 รัฐ
ทั้งภาษาฮาวายและภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการในรัฐฮาวายตามกฎหมายของรัฐ แม้ไม่มีภาษาราชการ แต่รัฐนิวเม็กซิโกมีกฎหมายที่กำหนดการใช้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาสเปน เช่นเดียวกับที่รัฐลุยเซียนากำหนดให้ใช้ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส รัฐอื่น เช่น รัฐแคลิฟอร์เนียมีคำสั่งศาลสูงให้พิมพ์เผยแพร่เอกสารราชการบางชนิดเป็นภาษาสเปน รวมทั้งแบบของศาล หลายเขตอำนาจที่มีผู้ไม่พูดภาษาอังกฤษจำนวนมากมีการผลิตเอกสารรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารสนเทศการเลือกตั้ง ในภาษาที่มีผู้พูดแพร่หลายในเขตอำนาจเหล่านั้น
หลายดินแดนเกาะให้การรับรองอย่างเป็นทางการต่อภาษาพื้นเมืองร่วมกับภาษาอังกฤษ โดยอเมริกันซามัวและกวมรับรอง และ ตามลำดับ หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนารับรองและชามอร์โร ชาติเชอโรคีรับรองภาษาเชอโรคีอย่างเป็นทางการในพื้นที่เขตอำนาจเผ่าเชอโรคีในรัฐโอกลาโฮมาตะวันออก ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการในปวยร์โตรีโกและมีพูดกันแพร่หลายกว่าภาษาอังกฤษที่นั่น
ภาษาต่างด้าวที่สอนกันกว้างขวางที่สุดในทุกระดับในสหรัฐ (ในแง่ของจำนวนผู้ลงทะเบียน) ได้แก่ ภาษาสเปน (ผู้เรียนประมาณ 7.2 ล้านคน) ฝรั่งเศส (1.5 ล้านคน) และเยอรมัน (500,000 คน) ภาษาที่มีสอนแพร่หลายอื่น (โดยมีผู้เรียน 100,000 ถึง 250,000 คน) มีภาษาละติน ญี่ปุ่น ภาษาอิตาลีและจีน 18% ของชาวอเมริกันอ้างว่าตนพูดได้มากกว่าหนึ่งภาษานอกจากภาษาอังกฤษ
ศาสนา
ศาสนาที่นับถือในสหรัฐ (ปี 2014) | ||
ศาสนา | % ของประชากรสหรัฐ | |
---|---|---|
คริสต์ | 70.6 | |
โปรเตสแตนต์ | 46.5 | |
25.4 | ||
14.7 | ||
6.5 | ||
คาทอลิก | 20.8 | |
มอรมอน | 1.6 | |
พยานพระยะโฮวา | 0.8 | |
อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ | 0.5 | |
คริสต์อื่น | 0.4 | |
ยูดาห์ | 1.9 | |
อิสลาม | 1 | |
พุทธ | 0.7 | |
ฮินดู | 0.7 | |
ศาสนาอื่น | 1.8 | |
ไม่มีศาสนา | 22.8 | |
ไม่นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง | 15.8 | |
อไญยนิยม | 4.0 | |
อเทวนิยม | 3.1 | |
ไม่ทราบหรือปฏิเสธไม่ตอบ | 0.6 |
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐครั้งแรกรับประกันการนับถือศาสนาอย่างเสรีและห้ามรัฐสภาผ่านกฎหมายเกี่ยวกับสถาบันศาสนา
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในสหรัฐ ในการสำรวจปี 2013 ชาวอเมริกัน 56% กล่าวว่า ศาสนามี "บทบาทสำคัญมากในชีวิตของพวกเขา" ซึ่งเป็นตัวเลขสูงกว่าของประเทศที่ร่ำรวยอื่นมาก ในการสำรวจมติมหาชนปี 2009 ชาวอเมริกัน 42% กล่าวว่า พวกเขาเข้าโบสถ์ทุกสัปดาห์หรือเกือบทุกสัปดาห์ ตัวเลขดังกล่าวแปรผันตั้งแต่ 23% ในรัฐเวอร์มอนต์ จนถึงสูง 63% ในรัฐมิสซิสซิปปี ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัยและผู้ประพันธ์เรียกสหรัฐว่าเป็น "ชาติโปรเตสแตนต์" หรือ "ก่อตั้งบนหลักการโปรเตสแตนต์" โดยเน้นมรดกลัทธิคาลวินเป็นพิเศษ
สหรัฐเริ่มเคร่งศาสนาน้อยลงเช่นเดียวกับประเทศตะวันตกอื่น การไม่มีศาสนาเติบโตอย่างรวดเร็วในหมู่ชาวอเมริกันอายุต่ำกว่า 30 ปี การสำรวจแสดงว่า ความเชื่อมั่นในศาสนาของชาวอเมริกันโดยรวมเสื่อมลงมาตั้งแต่กลางถึงปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอเมริกันอายุน้อยที่ไม่มีศาสนาเพิ่มขึ้น การศึกษาในปี 2012 บ่งชี้ว่าสัดส่วนประชากรสหรัฐที่นับถือโปรเตสแตนต์ลดลงเหลือ 48% ทำให้ยุติสถานภาพเป็นหมวดศาสนาของฝ่ายข้างมากเป็นครั้งแรก ชาวอเมริกันที่ไม่มีศาสนามีบุตร 1.7 คนเทียบกับคริสต์ศาสนิกชน 2.2 คน ผู้ไม่นับถือศาสนายังมีแนวโน้มสมรสน้อยกว่าคริสต์ศาสนิกชน 37% ต่อ 52%
จากการสำรวจปี 2014 ผู้ใหญ่ 70.6% ระบุตัวเองเป็นคริสต์ศาสนิกชน ลดลงจาก 73% ในปี 2012 โปรเตสแตนต์นิกายต่าง ๆ คิดเป็น 46.5% ในขณะที่นิกายโรมันคาทอลิกคิดเป็น 20.8% เป็นนิกายเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุด ศาสนาอื่นนอกเหนือจากศาสนาคริสต์ที่รายงานทั้งหมดในปี 2014 มี 5.9% ศาสนาอื่น ๆ ได้แก่ ศาสนายูดาห์ (1.9%), ศาสนาอิสลาม (0.9%), ศาสนาฮินดู, (0.7%) ศาสนาพุทธ (0.7%) การสำรวจยังรายงานว่าชาวอเมริกัน 22.8% ระบุตัวเองว่าอไญยนิยม, อเทวนิยมหรือไม่มีศาสนา เพิ่มขึ้นจาก 8.2% ในปี 1990 นอกจากนี้ยังมีชุมชน , ศาสนาบาไฮ, ศาสนาซิกข์, ศาสนาเชน, ลัทธิชินโต, ลัทธิขงจื๊อ, ลัทธิเต๋า, ดรูอิด, พื้นเมืองอเมริกัน, วิคะ, มนุษยนิยม, และเทวัสนิยม
โปรเตสแตนต์เป็นกลุ่มศาสนาคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ มีคริสตจักรแบปทิสต์รวมกันเป็นนิกายโปรเตสแตนต์ที่ใหญ่ที่สุด และสหคริสตจักรแบปทิสต์ใต้ (Southern Baptist Convention) เป็นนิกายโปรเตสแตนต์เดี่ยวที่ใหญ่สุด ชาวอเมริกันประมาณ 26% ระบุตนเป็นโปรเตสแตนต์อีวานเจลิคัล (Evangelical Protestant) ส่วน 15% เป็นสายหลัก (Mainline) และ 7% เป็นคริสตจักรดำดั้งเดิม โรมันคาทอลิกในสหรัฐมีเหง้าในการทำให้ทวีปอเมริกาเป็นอาณานิคมของสเปนและฝรั่งเศส และต่อมาขยายตัวเนื่องจากการเข้าเมืองของชาวไอริช อิตาลี โปแลนด์ เยอรมันและสเปน รัฐโรดไอแลนด์มีร้อยละของคาทอลิกสูงสุดโดยมี 40% ของประชากร นิกายลูเทอแรนในสหรัฐกำเนิดจากการเข้าเมืองจากยุโรปเหนือและประเทศเยอรมนี รัฐนอร์ทและเซาท์ดาโคตาเป็นเพียงสองรัฐที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นลูเทอร์แรนมากกว่า ผู้เข้าเมืองชาวสกอตและสกอตอัลสเตอร์เผยแผ่นิกายเพรสไบทีเรียนในทวีปอเมริกาเหนือ แม้นิกายดังกล่าวได้เผยแผ่ทั่วสหรัฐ แต่กระจุกอยู่ในชายฝั่งตะวันออกเป็นหลัก มีการก่อตั้งกลุ่มผู้นับถือศาสนาปฏิรูปดัตช์ครั้งแรกในนิวอัมสเตอร์ดัม (นครนิวยอร์ก) ก่อนเผยแผ่ไปทางทิศตะวันตก รัฐยูทาห์เป็นรัฐเดียวที่มอรมอนเป็นศาสนาของประชากรส่วนใหญ่ ฉนวนมอรมอนยังขยายไปถึงบางส่วนของรัฐไอดาโฮ เนวาดาและไวโอมิง
เข็มขัดไบเบิล (Bible Belt) เป็นภาษาปากใช้เรียกภูมิภาคในภาคใต้ของสหรัฐซึ่งโปรเตสแตนต์อีวานเจลิคัลซึ่งเป็นอนุรักษนิยมทางสังคมเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมและอัตราการเข้าโบสถ์คริสต์ในนิกายต่าง ๆ ปกติสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ในทางกลับกัน ศาสนามีบทบาทสำคัญน้อยในเขตนิวอิงแลนด์และภาคตะวันตกของสหรัฐ
โครงสร้างครอบครัว
ในปี 2007 ชาวอเมริกันอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป 58% สมรส 6% เป็นม่าย 10% หย่าร้าง และ 25% ไม่เคยสมรส ขณะนี้หญิงส่วนใหญ่ทำงานนอกบ้าน และสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีมากกว่าชาย
อัตราการตั้งครรภ์วัยรุ่นสหรัฐอยู่ที่ 26.5 คนต่อ 1,000 คน อัตราดังกล่าวลดลง 57% จากปี 1991 ในปี 2013 อัตราเกิดวัยรุ่นสูงสุดอยู่ในรัฐแอลาบามา และต่ำสุดในรัฐไวโอมิง การทำแท้งชอบด้วยกฎหมายทั่วทั้งสหรัฐ เนื่องจากคดีระหว่างโรและเวด (Roe v. Wade) คำวินิจฉัยบรรทัดฐานในปี 1973 ของศาลสูงสุดแห่งสหรัฐ แม้อัตราการทำแท้งจะลดลง แต่อัตราทำแท้ง 241 ต่อ 1,000 การคลอดมีชีพและอัตราการทำแท้ง 15 คนต่อ 1,000 คนในหญิงอายุระหว่าง 15–44 ปีก็ยังสูงกว่าอัตราของชาติตะวันตกส่วนใหญ่ ในปี 2013 อายุเฉลี่ยของการคลอดครั้งแรกอยู่ที่ 26 ปีและ 40.6% ของการเกิดเกิดกับหญิงไม่สมรส
มีการประมาณอัตราเจริญพันธุ์รวมของปี 2013 ไว้ที่ 1.86 การเกิดต่อหญิง 1 คน การรับบุตรบุญธรรมในสหรัฐมีทั่วไปและค่อนข้างง่ายจากมุมมองกฎหมายเมื่อเทียบกับประเทศตะวันตกอื่น ในปี 2001 ด้วยการรับบุตรบุญธรรมกว่า 127,000 คน สหรัฐคิดเป็นเกืบอกึ่งหนึ่งของจำนวนการรับบุตรบุญธรรมทั้งหมดทั่วโลกการสมรสเพศเดียวกันชอบด้วยกฎหมายทั่วประเทศและคู่สมรสเพศเดียวกันสามารถรับบุตรบุญธรรมได้ตามกฎหมาย พหุสามีภริยาไม่ชอบด้วยกฎหมายทั่วทั้งสหรัฐ
การเมืองการปกครอง
สหรัฐเป็นสหพันธรัฐเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังมีอยู่มาถึงปัจจุบัน เป็นสาธารณรัฐแบบมีรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน "ซึ่งการถือเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์มากถูกจำกัดโดยที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย" มีการวางระเบียบการปกครองด้วยระบบตรวจสอบและถ่วงดุลที่นิยามตามรัฐธรรมนูญสหรัฐ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ สำหรับ ค.ศ. 2016 สหรัฐจัดอยู่ในอันดับที่ 21 ตามดัชนีประชาธิปไตย และอันดับที่ 18 ในดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน
ในระบบสหพันธรัฐนิยมอเมริกา ปกติพลเมืองอยู่ใต้บังคับแห่งการปกครองสามระดับ คือ สหพันธรัฐ รัฐและ หน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นปกติแบ่งกันระหว่างรัฐบาลเทศมณฑล (county) และ ในเกือบทุกกรณี ข้าราชการฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติมาจากการเลือกตั้งแบบคะแนนเสียงที่เหนือกว่าของพลเมืองแบ่งตามเขต ไม่มีในระดับสหพันธรัฐ และพบน้อยในระดับล่างกว่า
รัฐบาลกลางประกอบด้วยสามอำนาจ ได้แก่
- สภานิติบัญญัติ: รัฐสภาซึ่งใช้ระบบสองสภา ประกอบด้วยวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ออกกฎหมายกลาง ประกาศสงคราม รับรองสนธิสัญญา มีอำนาจผ่านงบประมาณ (power of the purse) และมีอำนาจ ซึ่งสามารถถอดถอนสมาชิกรัฐบาลปัจจุบันได้
- ฝ่ายบริหาร: ประธานาธิบดีเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด สามารถใช้สิทธิยับยั้งร่างกฎหมายก่อนมีผลใช้บังคับ (แต่สามารถถูกรัฐสภาแย้งได้) และแต่งตั้งสมาชิกคณะรัฐมนตรี (โดยการอนุมัติของวุฒิสภา) และข้าราชการอื่น ซึ่งปกครองและใช้บังคับกฎหมายและนโยบายกลาง
- ฝ่ายตุลาการ: ศาลสูงสุดและศาลกลางระดับล่างกว่า ซึ่งผู้พิพากษามาจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดีด้วยการอนุมัติของวุฒิสภา ตีความกฎหมายและยกเลิกกฎหมายที่วินิจฉัยว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
สภาผู้แทนราษฎรมีสมาชิกออกเสียงลงคะแนน 435 คน แต่ละคนเป็นผู้แทนของเขตรัฐสภาเป็นสมัยสองปี ที่นั่งของสภาผู้แทนราษฎรมีการจัดสัดส่วนตามรัฐแบ่งตามประชากรทุกสิบปี ในสำมะโนปี 2010 เจ็ดรัฐมีผู้แทนขั้นต่ำหนึ่งคน ส่วนรัฐแคลิฟอร์เนนีย รัฐที่มีประชากรมากที่สุด มี 53 คน
วุฒิสภามีสมาชิก 100 คน โดยแต่ละรัฐมีสมาชิกวุฒิสภาสองคน ได้รับเลือกตั้งโดยไม่แบ่งเขตมีวาระละ 6 ปี ตำแหน่งวุฒิสภาหนึ่งในสามมีการเลือกตั้งปีเว้นปี ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งวาระละ 4 ปี และอาจได้รับเลือกตั้งได้ไม่เกินสองครั้ง ประธานาธิบดี แต่มาจากระบบคณะผู้เลือกตั้งทางอ้อมซึ่งกำหนดคะแนนเสียงที่จัดสัดส่วนให้แก่รัฐและเขตโคลัมเบีย ศาลสูงสุด ซึ่งมีประธานศาลสูงสุดแห่งสหรัฐเป็นหัวหน้า มีสมาชิกเก้าคน ซึ่งดำรงตำแหน่งตลอดชีพ
รัฐบาลรัฐมีโครงสร้างคล้าย ๆ กัน แต่รัฐเนแบรสกามีสภานิติบัญญัติที่ใช้ระบบสภาเดียวต่างจากรัฐอื่น ผู้ว่าการแต่ละรัฐ (หัวหน้าฝ่ายบริหาร) มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ผู้พิพากาษาและคณะรัฐมนตรีของบางรัฐมาจากการแต่งตั้งของผู้ว่าการของรัฐนั้น ๆ แต่บางรัฐมาจากการเลือกตั้งของประชาชน
ข้อความดั้งเดิมของรัฐธรรมนูญกำหนดโครงสร้างและความรับผิดชอบของรัฐบาลกลางและความสัมพันธ์กับรัฐหนึ่ง ๆ มาตรา 1 คุ้มครองสิทธิ รัฐธรรมนูญมีการแก้ไขเพิ่มเติม 27 ครั้ง การแก้ไขเพิ่มเติมสิบครั้งแรก ซึ่งรวมเรียว่า รัฐบัญญัติสิทธิ (Bill of Rights) และการแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 14 ก่อเป็นรากฐานกลางของสิทธิปัจเจกของชาวอเมริกัน กฎหมายและวิธีดำเนินการปกครองทั้งหมดอยู่ภายใต้และกฎหมายที่ศาลวินิจฉัยว่าละเมิดรัฐธรรมนูญเป็นโมฆะ ศาลสูงสุดสถาปนาหลักการพิจารณาทบทวนโดยศาล แม้มิได้กล่าวไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญ ในคดีระหว่างมาร์บูรีกับเมดิสัน (Marbury v. Madison) ปี 1803
เขตรัฐกิจ
สหรัฐเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐประกอบด้วย 50 รัฐ เขตสหพันธรัฐ ห้าดินแดนและเกาะที่ไม่มีคนอยู่อาศัยสิบเอ็ดเกาะ รัฐและดินแดนเป็นเขตการปกครองหลักในประเทศ แบ่งเป็นเขตย่อยเทศมณฑลและนครอิสระ เขตโคลัมเบียเป็นเขตสหพันธรัฐซึ่งมีเมืองหลวงของสหรัฐ คือ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. รัฐและเขตโคลัมเบียเลือกประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ละรัฐมีผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีเทียบเท่ากับผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาในรัฐสภา เขตโคลัมเบียมีสามคน
เขตรัฐสภามีการกำหนดจำนวนผู้แทนตามส่วนของพลเมืองใหม่ของรัฐหลังสำมะโนประชากรทุกสิบปี แล้วแต่ละรัฐเป็นเขตสมาชิกหนึ่งให้เป็นไปตามการจัดสัดส่วนสำมะโน มีจำนวนผู้แทนราษฎรทั้งหมด 435 คน และสมาชิกรัฐสภาผู้แทนเป็นตัวแทนของเขตโคลัมเบียและห้าดินแดนหลักของสหรัฐ
สหรัฐยังมี (tribal sovereignty) ของชาติอเมริกันอินเดียนในขอบเขตจำกัด เช่นเดียวกับอำนาจอธิปไตยของรัฐ อเมริกันอินเดียนเป็นพลเมืองสหรัฐและดินแดนชนเผ่าอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐสภาสหรัฐและศาลสหพันธรัฐ เช่นเดียวกับรัฐ ชนเผ่ามีอัตตาณัติสูง แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกาศสงคราม มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชองตนเอง หรือพิมพ์และออกเงินตรา
พรรคการเมืองและการเลือกตั้ง
สหรัฐใช้ระบบสองพรรคมาเกือบตลอดประวัติศาสตร์ สำหรับตำแหน่งเลือกตั้งแทบทุกระดับ การเลือกตั้งผู้สมัครรอบแรกที่รัฐจัดการเลือกผู้ได้รับเสนอชื่อของพรรคการเมืองหลักสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปในเวลาต่อมา นับแต่การเลือกตั้งทั่วไป ค.ศ. 1856 พรรคการเมืองหลักได้แก่ พรรคเดโมแครตซึ่งก่อตั้งใน ค.ศ. 1824 และพรรคริพับลิกันซึ่งก่อตั้งใน ค.ศ. 1854 นับแต่สงครามกลางเมือง มีผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีจากพรรคที่สามเพียงคนเดียว คือ อดีตประธานาธิบดีธีโอดอร์ โรสเวลต์ ซึ่งมาจากพรรคก้าวหน้าใน ค.ศ. 1912 ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งผ่านระบบคณะผู้เลือกตั้ง
ภายในอเมริกา พรรครีพับลิกันฝ่ายกลางขวาถือว่าเป็น "อนุรักษนิยม" และพรรคเดโมแครตฝ่ายกลางซ้ายถือว่าเป็น "เสรีนิยม" รัฐภาคตะวันออกเฉียงเหนือและชายฝั่งตะวันตกและรัฐเกรตเลกส์บางรัฐรู้จักกันในนาม "รัฐน้ำเงิน" ค่อนข้างเป็นเสรีนิยม "รัฐแดง" ในภาคใต้และบางส่วนของเกรตเพลนส์และเทือกเขาร็อกกีค่อนข้างเป็นอนุรักษนิยม
โจ ไบเดิน จากพรรคเดโมแครต ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ค.ศ. 2020 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ผู้นำปัจจุบันในวุฒิสภา ได้แก่ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ประธานชั่วคราวแพทริก ลีฮี (Patrick Leahy) จากพรรคเดโมแครต หัวหน้าฝ่ายข้างมาก (Chuck Schumer) และหัวหน้าฝ่ายข้างน้อย (Mitch McConnell) ผู้นำในสภาผู้แทนราษฎร ได้แก่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรแนนซี เพโลซี หัวหน้าฝ่ายข้างมาก สเตนี ฮอยเยอร์ (Steny Hoyer) และหัวหน้าฝ่ายข้างน้อย (Kevin McCarthy)
ในรัฐสภาสหรัฐสมัยที่ 117 พรรคเดโมแครตครองทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ปัจจุบันวุฒิสภามีเดโมแครต 48 คน และอิสระ 2 คนซึ่งประชุมลับกับเดโมแครต รีพับลิกัน 50 คน สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยรีพับลิกัน 221 คนและเดโมแครต 211 คน ในตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ มีรีพับลิกัน 27 คน เดโมแครต 23 คน ในบรรดานายกเทศมนตรี ดี.ซี. และผู้ว่าการดินแดน 5 คน มีรีพับลิกัน 2 คน เดโมแครต 1 คน ก้าวหน้าใหม่ 1 คนและอิสระ 2 คน
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
สหรัฐมีโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซึ่งได้รับการยอมรับ เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และนครนิวยอร์กเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ เป็นสมาชิกจี 7 จี20 และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา เกือบทุกประเทศมีสถานเอกอัครราชทูตในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และหลายประเทศมีสถานกงสุลทั่วประเทศ ในทำนองเดียวกัน เกือบทุกประเทศมีคณะทูตอเมริกันอยู่ อย่างไรก็ตาม อิหร่าน เกาหลีเหนือ ภูฏานและสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ไม่มีความสัมพันธ์ทางทูตอย่างเป็นทางการกับสหรัฐ (แม้สหรัฐยังมีความสัมพันธ์กับไต้หวันและส่งยุทธภัณฑ์ให้)
สหรัฐมี "ความสัมพันธ์พิเศษ" กับสหราชอาณาจักร และความสัมพันธ์เหนียวแน่นกับประเทศแคนาดาออสเตรเลีย,นิวซีแลนด์ฟิลิปปินส์ญี่ปุ่นเกาหลีใต้อิสราเอล และอีกหลายประเทศสหภาพยุโรป รวมถึงประเทศฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนีและสเปน สหรัฐทำงานอย่างใกล้ชิดกับสมาชิกนาโตด้วยกันในประเด็นทางทหารและความมั่นคง และกับประเทศเพื่อนบ้านโดยผ่านองค์การนานารัฐอเมริกัน และข้อตกลงการค้าเสรี เช่น ความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือไตรภาคีกับประเทศแคนาดาและเม็กซิโก ในปี 2008 สหรัฐใช้งบประมาณสุทธิ 25,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการช่วยเหลือพัฒนาอย่างเป็นทางการ ซึ่งมากที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม การให้เงินช่วยเหลือของสหรัฐ 0.18% เมื่อเทียบเป็นสัดส่วนของรายได้มวลรวมประชาชาติของสหรัฐ ทำให้จัดอยู่อันดับสุดท้ายในบรรดารัฐบริจาค 22 ประเทศ ในทางตรงข้าม การให้เงินต่างประเทศของเอกชนโดยชาวอเมริกันค่อนข้างเผื่อแผ่
สหรัฐใช้อำนาจและความรับผิดชอบด้านการป้องกันประเทศระหว่างประเทศอย่างสมบูรณ์สำหรับสามรัฐเอกราชผ่านความตกลงระหว่างประเทศสมาคมอิสระ (Compact of Free Association) กับไมโครนีเซีย หมู่เกาะมาร์แชลล์และปาเลา ประเทศเหล่านี้เป็นชาติเกาะแปซิฟิก ซึ่งเคยเป็นดินแดนในภาวะทรัสตีหมู่เกาะแปซิฟิก (Trust Territory of the Pacific Islands) ที่สหรัฐบริหารหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งได้รับเอกราชในเวลาต่อมา
การคลังภาครัฐ
ภาษีในสหรัฐมีการจัดเก็บในระดับรัฐบาลสหพันธรัฐ รัฐและท้องถิ่น ภาษีเหล่านี้รวมถึงภาษีรายได้, หักจากค่าจ้าง, ทรัพย์สิน, การขาย, นำเข้า, มรดกและการให้ ตลอดจนค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ในปี 2010 ภาษีที่รัฐบาลกลาง รัฐ และเทศบาลจัดเก็บได้คิดเป็น 24.8% ของจีดีพี ช่วงปีงบประมาณ 2012 รัฐบาลกลางจัดเก็บรายได้จากภาษีประมาณ 2.45 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ, เพิ่มขึ้น 147,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6% เมื่อเทียบกับรายได้ 2.30 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของปีงบประมาณ 2011 หมวดหมู่หลักได้แก่ ภาษีรายได้บุคคลธรรมดา (1,132,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 47%) ภาษีหลักประกันสังคม/การประกันสังคม (845,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 35%) และภาษีนิติบุคคล (242,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 10%) ตามการประมาณของสำนักงานงบประมาณของรัฐสภา ภายใต้กฎหมายภาษีปี 2013 ผู้มีรายได้สูงสุด 1% จะจ่ายอัตราภาษีเฉลี่ยสูงสุดนับแต่ปี 1979 ส่วนกลุ่มรายได้อื่นยังอยู่ในอัตราต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
โดยทั่วไปการเก็บภาษีอากรของสหรัฐเป็นแบบก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีรายได้ของรัฐบาลกลาง และเป็นแบบก้าวหน้ามากที่สุดในประเทศพัฒนาแล้ว ผู้มีรายได้สูงสุด 10% จ่ายภาษีของรัฐบาลกลางส่วนใหญ่ และเกือบครึ่งหนึ่งของภาษีทั้งหมด ภาษีหักจากค่าจ้างสำหรับหลักประกันสังคมเป็นภาษีถดถอยแนวราบ โดยไม่มีการเก็บภาษีกับรายได้เกิน 118,500 ดอลลาร์สหรัฐ (สำหรับปี 2015 และ 2016) และไม่เก็บภาษีเลยสำหรับผู้ไม่มีรายได้จากหลักทรัพย์และกำไรส่วนทุน การให้เหตุผลเดิมสำหรับสภาพถดถอยของภาษีหักจากค่าจ้าง คือ โครงการการให้สิทธิ์ไม่ถูกมองเป็นการโอนสวัสดิการ ทว่า ตามข้อมูลของสำนักงานงบประมาณของรัฐสภา ผลลัพธ์สุทธิของหลักประกันสังคม คือ อัตราประโยชน์ต่อภาษีมีพิสัยตั้งแต่ประมาณ 70% สำหรับ 20% ของผู้มีรายได้สูงสุดถึงประมาณ 170% สำหรับ 20% ของผู้มีรายได้ต่ำสุด ทำให้ระบบเป็นแบบก้าวหน้า
ผู้มีรายได้สูงสุด 10% จ่าย 51.8% ของภาษีรัฐบาลกลางทั้งหมดในปี 2009 และผู้มีรายได้สูงสุด 1% ซึ่งมีรายได้ประชาชาติก่อนเสียภาษี 13.4% จ่ายภาษีรัฐบาลกลาง 22.3% ในปี 2013 ศูนย์นโยบายภาษีพยากรณ์ว่าอัตราภาษียังผลของรัฐบาลกลาง 35.5% สำหรับผู้มีรายได้สูงสุด 1%, 29.7% สำหรับผู้มีรายได้สูงสุด 20%, 13.8% สำหรับผู้มีรายได้ปานกลางและ −2.7% สำหรับผู้มีรายได้ต่ำสุด ภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นประเด็นกรณีโต้เถียงที่กำลังดำเนินอยู่มาหลายทศวรรษ ภาษีรัฐและท้องถิ่นแตกต่างกันมาก แต่โดยทั่วไปเป็นแบบถดถอยน้อยกว่าภาษีรัฐบาลกลางเพราะการจัดเก็บภาษีนั้นอาศัยภาษีการขายและทรัพย์สอนแบบถดถอยซึ่งให้กระแสรายได้ที่ลบเลือนได้น้อยกว่า แม้รวมภาษีเหล่านี้ด้วยแล้ว การจัดเก็บภาษีโดยรวมก็ยังเป็นแบบก้าวหน้า
ระหว่างปีงบประมาณ 2012 รัฐบาลกลางใชังบประมาณหรือเกณฑ์เงินสด 3.54 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.7 % เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2011 ที่ใช้ 3.60 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รายจ่ายหมวดหลักในปีงบประมาณ 2012 ได้แก่ เมดิแคร์และเมดิเคด (802,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 23% ของรายจ่าย), หลักประกันสังคม (768,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 22%), กระทรวงกลาโหม (670,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 19%) ดุลยพินิจนอกเหนือจากการกลาโหม (615,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 17%) รายจ่ายบังคับอื่น (461,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 13%) และดอกเบี้ย (223,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 6%)
หนี้สินของชาติทั้งหมดของสหรัฐอยู่ที่ 18.527 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (106% ของจีดีพี) ในปี 2014 สหรัฐมีการจัดอันดับเครดิต AA+ จาก, AAA จาก และ AAA จาก
กองทัพ
ประธานาธิบดีมีตำแหน่งผู้บัญชาการทหาร และแต่งตั้งหัวหน้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะเสนาธิการร่วม กระทรวงกลาโหมของสหรัฐบริหารกองทัพ รวมทั้งกองทัพบก, กองทัพเรือ, เหล่านาวิกโยธิน, และกองทัพอากาศ หน่วยยามฝั่งดำเนินการโดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิในยามสงบและกระทรวงทหารเรือในยามสงคราม ในปี 2008 กองทัพมีกำลังพลประจำการ 1.4 ล้านนาย หรือ 2.3 ล้านนายหากนับรวมกำลังสำรองและกำลังป้องกันชาติ กระทรวงกลาโหมว่าจ้างพลเรือนประมาณ 700,000 คน ไม่นับรวมผู้รับเหมา
ราชการทหารเป็นแบบสมัครใจ แม้อาจมีการเกณฑ์ทหารในยามสงครามผ่านระบบราชการคัดเลือก (Selective Service System) กำลังอเมริกาสามารถวางกำลังได้อย่างรวดเร็วโดยกลุ่มอากาศยานขนส่งขนาดใหญ่ของกองทัพอากาศ เรือบรรทุกอากาศยานประจำการ 11 ลำของกองทัพเรือ และหน่วยรบนอกประเทศนาวิกโยธินในทะเลกับกองเรือแอตแลนติกและแปซิฟิกของกองทัพเรือ กองทัพมีฐานทัพและศูนย์ 865 แห่งนอกประเทศ และมีกำลังพลประจำการกว่า 100 นายใน 25 ประเทศ
งบประมาณทางทหารของสหรัฐในปี 2011 อยู่ที่ 700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 41% เป็นรายจ่ายทางทหารทั่วโลกและเท่ากับรายจ่ายทางทหารของ 14 ชาติที่มีรายจ่ายมากรองลงมารวมกัน อัตรางบประมาณทางทหารอยู่ที่ 4.7% ของจีดีพี ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดอันดับสองในบรรดาประเทศที่มีรายจ่ายทางทหารสูงสุด 15 ประเทศ รองจากประเทศซาอุดีอาระเบีย รายจ่ายกลาโหมของสหรัฐเมื่อเทียบเป็นร้อยละของจีดีพีจัดเป็นอันดับที่ 23 ของโลกในปี 2012 ตามข้อมูลของซีไอเอ สัดส่วนรายจ่ายกลาโหมของสหรัฐโดยทั่วไปลดลงในทศวรรษหลัง จากช่วงสงครามเย็นที่สูงสุดที่ 14.2% ของจีดีพีในปี 1953 และ 69.5% ของรายจ่ายรัฐบาลกลางใน 1954 ลงมาที่ 4.7 % ของจีดีพี และ 18.8 % ของรายจ่ายรัฐบาลกลางในปี 2011
ฐานงบประมาณกระทรวงกลาโหมที่เสนอไว้สำหรับปี 2012 มูลค่า 553,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.2% จากปี 2011 หรือเพิ่ม 118,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการทัพในประเทศอิรักและอัฟกานิสถาน ทหารอเมริกันชุดสุดท้ายที่รับราชการในประเทศอิรักออกจากประเทศในเดือนธันวาคม 2011 ข้าราชการทหาร 4,484 นายถูกฆ่าระหว่างสงครามอิรัก มีทหารสหรัฐประมาณ 90,000 นายกำลังรับราชการอยู่ในประเทศอัฟกานิสถานในเดือนเมษายน 2012 ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2013 มีทหารเสียชีวิต 2,285 นายในสงครามในอัฟกานิสถาน
อาชญากรรมและการบังคับใช้กฎหมาย
การบังคับใช้กฎหมายในสหรัฐเป็นความรับผิดชอบหลักของตำรวจท้องที่ และหน่วยงานของนายอำเภอ (sheriff) โดยมีตำรวจของรัฐบริการกว้างกว่า กรมตำรวจนครนิวยอร์กเป็นตำรวจท้องที่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ หน่วยงานของรัฐบาลกลาง เช่น สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) และราชการพนักงานศาลแขวง (Marshals Service) ของสหรัฐมีหน้าที่ชำนัญพิเศษ ซึ่งรวมการพิทักษ์สิทธิพลเมือง ความมั่นคงของชาติและบังคับใช้คำวินิจฉัยของศาลกลางและกฎหมายกลางของสหรัฐ ในระดับรัฐบาลกลางและในเกือบทุกรัฐ ระบบกฎหมายใช้แบบคอมมอนลอว์ ศาลของรัฐตัดสินคดีอาญาส่วนใหญ่ ศาลกลางรับผิดชอบอาชญากรรมที่กำหนดบางอย่างตลอดจนคดีอุทธรณ์จากศาลอาญาของรัฐ การต่อรองคำรับสารภาพในสหรัฐพบดาษดื่น คดีอาญาส่วนใหญ่ในประเทศระงับด้วยการต่อรองคำรับสารภาพมิใช่การพิจารณาของคณะลูกขุน
ในปี 2015 มีการฆ่าคน 15,696 ครั้ง ซึ่งมากกว่าปี 2014 จำนวน 1,532 ครั้ง หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับแต่ปี 1971 อัตราการฆ่าคนในปี 2015 อยู่ที่ 4.9 คนต่อประชากร 100,000 คน ในปี 2016 อัตราการฆ่าคนเพิ่มขึ้น 8.6% โดยมีการฆ่าคน 17,250 ครั้งในปีนั้น อัตราการชำระคดี (clearance rate) สำหรับการฆ่าคนของประเทศในปี 2015 อยู่ที่ร้อยละ 64.1 เมื่อเทียบกับร้อยละ 90 ในปี 1965 ในปี 2012 มีการฆ่าคน 4.7 คนต่อประชากร 100,000 คนในสหรัฐ ลดลงร้อยละ 54 จากยอดสูงสุด 10.2 ในปี 1980 ในปี 2001–2 สหรัฐมีระดับอาชญากรรมรุนแรงสูงกว่าค่าเฉลี่ย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรุนแรงจากปืนสูงเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอื่น การวิเคราะห์ตามขวางของฐานข้อมูลการตายขององค์การอนามัยโลกจากปี 2010 แสดงว่าสหรัฐ "มีอัตราการฆ่าคนสูงกว่าประเทศรายได้สูงอื่น 7.0 เท่า ซึ่งมีสาเหตุจากอัตราการฆ่าคนด้วยปืนซึ่งสูงกว่าประเทศอื่น 25.2 เท่า" สิทธิความเป็นเจ้าของปืนเป็นหัวข้อการถกเถียงทางการเมืองพิพาท
ตั้งแต่ปี 1980 ถึง 2008 ชายคิดเป็นร้อยละ 77 ของผู้ถูกฆ่า และร้อยละ 90 ของผู้ก่อเหตุ ผิวดำก่อเหตุฆ่าคนร้อยละ 52.5 ของทั้งหมดในช่วงนั้น เป็นอัตราเกือบแปดเท่าของผิวขาว (ซึ่งรวมฮิสแปนิกส่วนใหญ่) และเป็นผู้เสียหายมากเป็นหกเท่าของผิวขาว การฆ่าคนส่วนใหญ่เป็นคนผิวเดียวกัน โดยผู้ถูกฆ่าผิวดำร้อยละ 93 ถูกผิวดำฆ่า และผิวขาว 84% ถูกผิวขาวฆ่า ในปี 2012 รัฐลุยเซียนามีอัตราการฆ่าคนและการทำให้คนตายโดยประมาทสูงสุด และรัฐนิวแฮมพ์เชียร์มีอัตราต่ำสุด รายงานอาชญากรรมเอกรูปของเอฟบีไอประมาณว่ามีอาชญากรรมรุนแรงและอาชญากรรมต่อทรัพย์สิน 3,246 ครั้งต่อผู้อยู่อาศัย 100,000 คนในปี 2012 รวมมีอาชญากรรมทั้งสิ้นกว่า 9 ล้านครั้ง
มีการอนุมัติโทษประหารชีวิตในสหรัฐสำหรับอาชญากรรมรัฐบาลกลางและทหารบางอย่าง และมีใช้ใน 31 รัฐ ไม่มีการประหารชีวิตระหว่างปี 1967 ถึง 1977 บางส่วนเนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลสูงสุดสหรัฐวางข้อกำหนดโทษประหารชีวิตตามอำเภอใจ ในปี 1976 ศาลสูงสุดวินิจฉัยว่าภายใต้พฤติการณ์ที่เหมาะสม อาจบังคับโทษประหารชีวิตได้ตามรัฐธรรมนูญ นับแต่คำวินิจฉัยนั้น มีการประหารชีวิตกว่า 1,300 ครั้ง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสามรัฐ ได้แก่ รัฐเท็กซัส เวอร์จิเนียและโอกลาโฮมา ขณะเดียวกัน หลายรัฐเลิกหรือให้โทษประหารชีวิตเป็นโมฆะ ในปี 2015 สหรัฐมีจำนวนการประหารชีวิตสูงสุดในโลกเป็นอันดับห้า รองจากประเทศจีน อิหร่าน ปากีสถานและซาอุดีอาระเบีย
สหรัฐมีอัตราการกักขังที่มีบันทึกและประชากรเรือนจำทั้งหมดสูงสุดในโลก ตั้งแต่ต้นปี 2008 มีประชากรกว่า 2.3 ล้านคนถูกกักขัง คิดเป็นกว่า 1 คนในผู้ใหญ่ 100 คน ในเดือนธันวาคม 2012 ระบบการดัดสันดานผู้ใหญ่ของสหรัฐรวมควบคุมดูแลผู้กระทำผิดประมาณ 6,937,000 คน ผู้อยู่อาศัยผู้ใหญ่ประมาณ 1 ใน 35 คนในสหรัฐอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลการดัดสันดานอย่างใดอย่างหนึ่งในเดือนธันวาคม 2012 ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดเท่าที่สังเกตมาตั้งแต่ปี 1997 ประชากรเรือนจำเพิ่มขึ้นสี่เท่าตั้งแต่ปี 1980 และรายจ่ายของรัฐและท้องถิ่นด้านเรือนจำและคุกเพิ่มขึ้นสามเท่าของรายข่ายด้านศึกษาธิการในช่วงเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ดี อัตราการจำคุกสำหรับนักโทษทุกคนที่ได้รับโทษจำคุกมากกว่าหนึ่งปีในสถานที่ของรัฐหรือรัฐบาลกลางอยู่ที่ 478 คนต่อ 100,000 คนในปี 2013 และอัตรานักโทษก่อนพิจารณา/ระหว่างพิจรารณาอยู่ที่ 153 คนต่อผู้อยู่อาศัย 100,000 คนในปี 2012 อัตราการกักขังที่สูงของประเทศนี้ส่วนใหญ่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติคำพิพากษาและนโยบายยาเสพติด จากข้อมูลของกรมเรือนจำกลาง ผู้ต้องขังส่วนมากที่ถูกขังในเรือนจำกลางต้องโทษความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดการโอนกิจการของรัฐเป็นของเอกชนซึ่งเรือนจำและราชการเรือนจำซึ่งเริ่มในคริสต์ทศวรรษ 1980 เป็นหัวข้อถกเถียง ในปี 2008 รัฐลุยเซียนามีอัตราการกักขังสูงสุด ส่วนรัฐเมนมีต่ำสุด
เศรษฐกิจ
ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ | ||
---|---|---|
จีดีพีตามตัวเลข | $18.45 ล้านล้าน (Q2 2016) | |
การเติบโตของจีดีพีจริง | 1.4% (Q2 2016) | |
2.6% (2015) | ||
อัตราเงินเฟ้อ ซีพีไอ | 1.1% (สิงหาคม 2016) | |
สัดส่วนการจ้างงานต่อประชากร | 59.7% (สิงหาคม 2016) | |
การว่างงาน | 4.9% (สิงหาคม 2016) | |
อัตราการมีส่วนร่วมแรงงาน | 62.8% (สิงหาคม 2016) | |
หนี้สาธารณะ | $19.808 ล้านล้าน (25 ตุลาคม 2016) | |
มูลค่าสุทธิครัวเรือน | $89.063 ล้านล้าน (Q2 2016) |
สหรัฐมีเศรษฐกิจแบบผสมทุนนิยม ซึ่งขับเคลื่อนโดยทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และผลิตภาพที่สูง จากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของสหรัฐอยู่ที่ 16.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 24% ของผลิตภัณฑ์รวมของโลกที่อัตราแลกเปลี่ยนตลาด และกว่า 19% ของผลิตภัณฑ์รวมของโลกที่อำนาจซื้อเสมอภาค (PPP)
จีดีพีตามตัวเลขของสหรัฐโดยประมาณอยู่ที่ 17.528 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2014 ตั้งแต่ปี 1983 ถึง 2008 การเติบโตของจีดีพีต่อปีแบบทบต้นแท้จริง (real compounded annual GDP growth) อยู่ที่ 3.3% เทียบกับค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 2.3% สำหรับประเทศจี7 ที่เหลือ จีดีพีต่อหัวสหรัฐจัดอยู่อันดับเก้าของโลก และมีจีดีพีต่อหัวที่พีพีพีอันดับหกดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินตราสำรองหลักของโลก
สหรัฐเป็นประเทศผู้นำเข้าสินค้ารายใหญ่สุดและเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่เป็นอันดับสอง แม้การส่งออกต่อหัวจะค่อนข้างต่ำ ในปี 2010 การขาดดุลการค้าทั้งหมดของสหรัฐอยู่ที่ 635,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐประเทศแคนาดา จีน เม็กซิโก ญี่ปุ่น และเยอรมนีเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุด ในปี 2010 น้ำมันเป็นโภคภัณฑ์นำเข้ามากที่สุด ขณะที่อุปกรณ์ขนส่งเป็นสินค้าออกใหญ่ที่สุดของประเทศ ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ถือหนี้สาธารณะต่างชาติรายใหญ่สุดของสหรัฐ ผู้ถือหนี้สหรัฐสูงสุดเป็นองค์การของสหรัฐเอง รวมทั้งบัญชีของรัฐบาลกลางและระบบธนาคารกลางที่ถือหนี้ส่วนใหญ่
ในปี 2009 ประมาณว่าภาคเอกชนประกอบเป็น 86.4% ของเศรษฐกิจ โดยกิจกรรมของรัฐบาลกลางคิดเป็น 4.3% และกิจกรรมของรัฐและรัฐบาลท้องถิ่น (รวมเงินโอนของรัฐบาลกลาง) เป็น 9.3% ที่เหลือ จำนวนลูกจ้างของรัฐบาลทุกระดับมากกว่าลูกจ้างในส่วนการผลิต 1.7 ต่อ 1 ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐถึงระดับการพัฒนาหลังอุตสาหกรรม (postindustrial) แล้วโดยภาคบริการประกอบเป็น 67.8% ของจีดีพี แต่สหรัฐยังเป็นประเทศอุตสาหกรรม สาขาธุรกิจชั้นนำตามรายการรับ (gross business receipt) ได้แก่การค้าส่งและปลีก ส่วนภาคการผลิตเป็นภาคที่มีรายรับสุทธิสูงสุด ในแบบธุรกิจแฟรนไชส์ แมคโดนัลด์และซับเวย์เป็นยี่ห้อที่รู้จักกันแพร่หลายที่สุดในโลกสองยี่ห้อ โคคา-โคล่าเป็นบริษัทน้ำอัดลมที่คนทั่วโลกรู้จักกันดีที่สุด
เคมีภัณฑ์เป็นสาขาการผลิตชั้นนำ สหรัฐเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก และเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่สุดอันดับสอง สหรัฐเป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าและนิวเคลียร์อันดับหนึ่ง ตลอดจนแก๊สธรรมชาติเหลว กำมะถัน ฟอสเฟต และเกลือ
แม้ว่าภาคเกษตรกรรมมีสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของจีดีพี แต่สหรัฐเป็นผู้ผลิตข้าวโพด และถั่วเหลืองรายใหญ่สุดของโลก สหรัฐเป็นผู้ผลิตและปลูกอาหารดัดแปรพันธุกรรมหลัก โดยคิดเป็นกึ่งหนึ่งของพืชไบโอเทคของโลก
การใช้จ่ายของผู้บริโภคมีสัดส่วนเป็น 68% ของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2015 ในเดือนสิงหาคม 2010 มีแรงงานอเมริกัน 154.1 ล้านคน สาขาการจ้างงานใหญ่สุด คือ ภาครัฐบาล 21.2 ล้านคน การจ้างงานภาคเอกชนใหญ่สุดคือ สาธารณสุขและการสังคมสงเคราะห์ จำนวน 16.4 ล้านคน คนงานประมาณ 12% อยู่ในสหภาพ เทียบกับ 30% ในยุโรปตะวันตก ธนาคารโลกจัดสหรัฐอยู่อันดับหนึ่งในด้านความง่ายในการจ้างและไล่คนงาน สหรัฐจัดอยู่อันดับต้นหนึ่งในสามในรายงานความสามารถการแข่งขันโลก (Global Competitiveness Report) เช่นกัน สหรัฐมีรัฐสวัสดิการขนาดเล็กและกระจายรายได้ผ่านการกระทำของรัฐบาลน้อยกว่าชาติยุโรป
สหรัฐเป็นประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าประเทศเดียวที่ไม่รับประกันการหยุดงานโดยจ่ายค่าจ้าง (paid vacation) แก่คนงาน และเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่ไม่มีการหยุดงานเลี้ยงบุตรโดยจ่ายค่าจ้าง (family leave) เป็นสิทธิตามกฎหมาย โดยมีประเทศอื่น เช่น ปาปัวนิวกินี ซูรินาม ไลบีเรีย แม้ปัจจุบันกฎหมายกลางไม่รับประกันการลาป่วย แต่เป็นผลประโยชน์ทั่วไปของคนงานของรัฐบาลและพนักงานเต็มเวลาของบริษัท ตามข้อมูลของกรมสถิติแรงงาน คนงานอเมริกันเต็มเวลา 74% ลาหยุดงานโดยได้รับค่าจ้าง แม้คนงานไม่เต็มเวลาเพียง 24% ได้รับผลประโยชน์เดียวกัน ในปี 2009 สหรัฐมีผลิตภาพกำลังแรงงานต่อบุคคลสูงสุดเป็นอันดับสามในโลก รองจากลักเซมเบิร์กและนอร์เวย์ สหรัฐมีผลิตภาพต่อชั่วโมงสูงสุดเป็นอันดับสี่ รองจากสองประเทศดังกล่าวและเนเธอร์แลนด์
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกปี 2008–2012 มีผลกระทบต่อสหรัฐย่างสำคัญ โดยมีผลผลิตต่ำกว่าศักยะตามข้อมูลของสำนักงบประมาณของรัฐสภา ภาวะดังกล่าวนำมาซึ่งการว่างงานสูง (ซึ่งลดลงแล้วแต่ยังสูงกว่าระดับก่อนภาวะเศรษฐกิจถดถอย) ร่วมกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่ำ การเสื่อมของมูลค่าบ้านอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มการบังคับเอาทรัพย์จำนองหลุดและการล้มละลายของบุคคล วิกฤตหนี้รัฐบาลกลางบานปลาย ภาวะเงินเฟ้อ และราคาปิโตรเลียมและอาหารเพิ่มขึ้น ปัจจุบันยังมีสัดส่วนผู้ว่างงานระยะยาวเป็นสถิติ รายได้ครัวเรือนลดลงอย่างต่อเนื่องและภาษีและงบประมาณรัฐบาลกลางเพิ่มขึ้น
(SIPRI) พบว่า อุตสาหกรรมอาวุธของสหรัฐเป็นผู้ส่งออกอาวุธสำคัญรายใหญ่สุดของโลกตั้งแต่ปี 2005 ถึง 2009 และยังเป็นผู้ส่งออกอาวุธสำคัญรายใหญ่สุดในช่วงระหว่างปี 2010 ถึง 2014 นำหน้าประเทศรัสเซีย จีนและเยอรมนี
รายได้ ความยากจน และความมั่งคั่ง
ชาวอเมริกันมีรายได้ครัวเรือนและจากการจ้างงานเฉลี่ยสูงสุดในบรรดาชาติองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) และในปี 2007 มีรายได้ครัวเรือนมัธยฐานสูงสุดเป็นอันดับสอง ตามข้อมูลของสำนักสำมะโน รายได้ครัวเรือนมัธยฐานคือ 59,039 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2016 แม้ประชากรอเมริกันมีเพียง 4.4% ของประชากรโลก แต่ชาวอเมริกันรวมครอบครองความมั่งคั่ง 41.6% ของโลก และเศรษฐีเงินล้าน (millionaire) ประมาณกึ่งหนึ่งของโลกเป็นชาวอเมริกัน ดัชนีความมั่นคงอาหารโลกจัดอันดับสหรัฐอยู่อันดับหนึ่งในด้านความสามารถมีอาหาร (food affordability) และความมั่นคงอาหารโดยรวมในเดือนมีนาคม 2013 ชาวอเมริกันเฉลี่ยมีพื้นที่อยู่อาศัยต่อเคหสถานและต่อบุคคลสูงกว่าผู้อยู่อาศัยในสหภาพยุโรปกว่าสองเท่า และมากกว่าประเทศสหภาพยุโรปทุกประเทศ ในปี 2013 โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติจัดอันดับดัชนีการพัฒนามนุษย์ของสหรัฐอยู่อันดับ 5 จาก 187 และดัชนีการพัฒนามนุษย์ที่ปรับตามความไม่เสมอภาคแล้วอยู่อันดับที่ 28
หลังการเติบโตชะงักมาหลายปี ในปี 2016 ข้อมูลจากสำมะโนระบุว่า รายได้ครัวเรือนมัธยฐานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังการเติบโตสูงสุดสองปีติดต่อกัน แม้ว่าความไม่เสมอภาคของรายได้ยังสูงสุดโดยผู้มีรายได้สูงสุด 20% มีรายได้มากกว่าครึ่งของรายได้รวมทั้งหมด มีช่องว่างระหว่างผลิตภาพและรายได้มัธยฐานกว้างขึ้นนับแต่คริสต์ทศวรรษ 1970 ทว่า ช่องว่างระหว่างค่าตอบแทนทั้งหมดและผลิตภาพไม่กว้างเท่าอันเนื่องมาจากมีผลประโยชน์ของลูกจ้างเพิ่มขึ้น เช่น ประกันสุขภาพ ผู้มีรายได้สูงสุดร้อยละ 1 มีสัดส่วนรายได้ต่อปีเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจากร้อยละ 9 ในปี 1976 เป็นร้อยละ 20 ในปี 2011 กระทบต่อความไม่เสมอภาคของรายได้อย่างสำคัญ ทำให้สหรัฐเป็นประเทศที่มีการกระจายรายได้กว้างที่สุดในบรรดาประเทศโออีซีดีประเทศหนึ่งผู้มีรายได้สูงสุดร้อยละ 1 คิดเป็นร้อยละ 52 ของการเพิ่มขึ้นของรายได้ตั้งแต่ปี 2009 ถึงปี 2015 ทั้งนี้ นิยามรายได้ว่าเป็นรายได้ตลาดไม่รวมเงินโอนของรัฐบาล
ที่มา: การสำรวจการคลังผู้บริโภคของระบบธนาคารกลางสหรัฐ | 1998 | 2013 | เปลี่ยนแปลง | |
---|---|---|---|---|
ทุกครอบครัว | $102,500 | $81,200 | -20.8% | |
รายได้ต่ำสุด 20% | $8,300 | $6,100 | -26.5% | |
รายได้ต่ำสุดรองลงมา 20% | $47,400 | $22,400 | -52.7% | |
รายได้กลาง 20% | $76,300 | $61,700 | -19.1% | |
รายได้สูงสุด 10% | $646,600 | $1,130,700 | +74.9% |
ความมั่งคั่ง รายได้และภาษี กระจุกสูง กล่าวคือ ประชากรผู้ใหญ่ที่รวยที่สุด 10% ครอบครองความมั่งคั่งครัวเรือนของประเทศ 72% ในขณะที่ผู้มีรายได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยครอบครองเพียง 2% ระหว่างเดือนมิถุนายน 2007 ถึงพฤศจิกายน 2008 ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกทำให้ราคาสินทรัพย์ตกลงทั่วโลก ทรัพย์สินที่ชาวอเมริกันถือครองเสียมูลค่าประมาณหนึ่งในสี่ นับแต่ความมั่งคั่งครัวเรือนสูงสุดในไตรมาสที่สองของปี 2007 ความมั่งคั่งครัวเรือนลดลง 14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่นับจากนั้นเพิ่มขึ้น 14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐกว่าระดับเมื่อปี 2006 เมื่อสิ้นปี 2014 หนี้สินครัวเรือนมีมูลค่า 11.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจาก 13.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อสิ้นปี 2008
มีประชากรไร้บ้านแบบมีและไม่มีที่อยู่อาศัยประมาณ 578,424 คนในสหรัฐในเดือนมกราคม 2014 โดยเกือบสองในสามอาศัยอยู่ในที่อยู่อาศัยฉุกเฉินหรือโครงการเคหะช่วงเปลี่ยนสภาพ ในปี 2011 มีเด็ก 16.7 ล้านคนอาศยอยู่ในครัวเรือนที่ไม่มีความปลอดภัยทางอาหาร เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับระดับปี 2007 แม้เด็กสหรัฐเพียง 1.1% หรือ 845,000 คนกินอาหารลดลงหรือมีรูปแบบการกินถูกรบกวนในช่วงใดช่วงหนึ่งของปีนั้น และแทบทั้งสิ้นไม่เป็นแบบเรื้อรัง ตามรายงานปี 2014 ของกรมสำมะโน ปัจจุบันผู้ใหญ่ตอนต้นหนึ่งในห้าคนยากจน เพิ่มขึ้นจากหนึ่งในเจ็ดในปี 1980
โครงสร้างพื้นฐาน
การขนส่ง
การขนส่งส่วนบุคคลใช้รถยนต์เป็นหลัก สหรัฐมีเครือข่ายถนนสาธารณะของ 6.4 ล้านกิโลเมตร มีระบบทางหลวงที่ยาวที่สุดในโลกแห่งหนึ่งซึ่งยาว 91,700 กิโลเมตร สหรัฐเป็นตลาดรถยนต์ใหญ่สุดอันดับสองของโลก สหรัฐมีอัตราการเป็นเจ้าของยานพาหนะต่อหัวสูงสุดในโลก โดยมี 765 คันต่ออเมริกัน 1,000 คน ประมาณ 40% ของยานพาหนะส่วนบุคคลเป็นรถตู้, รถอเนกประสงค์ (SUV) หรือรถบรรทุกเบา ผู้ใหญ่อเมริกันโดยเฉลี่ย (นับรวมหมดทั้งผู้ขับและผู้ไม่ขับ) ใช้เวลา 55 นาทีขับรถ เดินทาง 47 กิโลเมตรต่อวัน
การเดินทางไปทำงานในสหรัฐใช้ขนส่งมวลชนประมาณ 9% มีการขนส่งสินค้าทางรางอย่างกว้างขวาง แต่มีจำนวนผู้โดยสารค่อนข้างต่ำ (ประมาณ 31 ล้านคนต่อปี) ใช้รถรางระหว่างนครเดินทาง สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะความหนาแน่นของประชากรด้านในแผ่นดินของสหรัฐส่วนใหญ่ต่ำ อย่างไรก็ดี จำนวนผู้โดยสารแอมแทร็ก ซึ่งเป็นระบบรางโดยสารระหว่างนครแห่งชาติ เติบโตเกือบ 37% ระหว่างปี 2000 ถึง 2010 นอกจากนี้ มีการพัฒนารางเบาเพิ่มขึ้นในช่วงปีหลัง ๆ มีการใช้จักรยานไปทำงานเป็นประจำมีน้อยมาก
อุตสาหกรรมสายการบินพลเรือนมีเอกชนเป็นเจ้าของทั้งหมด และส่วนใหญ่เลิกกำกับ (deregulate) ไปตั้งแต่ปี 1978 ขณะที่ท่าอากาศยานสำคัญส่วนมากเป็นของรัฐบาล สายการบินใหญ่สุดในโลกนับจากจำนวนผู้โดยสาร 3 สายเป็นของสหรัฐ; อเมริกันแอร์ไลนส์เป็นที่หนึ่งหลังจากยูเอสแอร์เวย์ซื้อในปี 2013 ในจำนวนท่าอากาศยานที่หนาแน่นที่สุดในโลก 50 แห่ง มี 16 แห่งอยู่ในสหรัฐ รวมทั้งที่หนาแน่นที่สุด ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮาร์ทสฟิลด์–แจ็คสัน แอตแลนตา และอันดับสี่ ท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์ในชิคาโก หลังเหตุโจมตี 11 กันยายน 2001 มีการตั้งการความปลอดภัยขนส่งเพื่อตรวจตราท่าอากาศยานและสายการบินพาณิชย์
พลังงาน
ตลาดพลังงานสหรัฐมีประมาณ 29,000 ชั่วโมงเทระวัตต์ต่อปี การบริโภคพลังงานต่อหัวมี 7.8 ตันเทียบเท่าน้ำมันต่อปี คิดเป็นอัตราสูงสุดอันดับ 10 ในโลก ในปี 2005 พลังงาน 40% มาจากปิโตรเลียม 23% จากถ่านหิน และ 22% มาจากแก๊สธรรมชาติ ส่วนที่เหลือมาจากพลังงานนิวเคลียร์และแหล่งพลังงานหมุนเวียน สหรัฐเป็นผู้บริโภคปิโตรเลียมรายใหญ่สุดของโลก สหรัฐมีแหล่งสำรองถ่านหินทั่วโลก 27% สหรัฐเป็นผู้ผลิตแก๊สธรรมชาติและน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในโลก
พลังงานนิวเคลียร์มีบทบาทจำกัดเมื่อเทียบกับหลายประเทศพัฒนาแล้วอื่นเป็นเวลาหลายทศวรรษ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการรับรู้ของประชาชนเนื่องจากอุบัติเหตุในปี 1979 ในปี 2007 มีการยื่นคำร้องขอเปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่
การประปาและสุขาภิบาล
ปัญหาซึ่งมีผลต่อการประปาในสหรัฐรวมถึงภัยแล้งในภาคตะวันตก การขาดแคลนน้ำ มลภาวะ การลงทุนค้าง ความกังวลเกี่ยวกับการหาน้ำได้ของผู้ยากจนที่สุด และกำลังแรงงานที่กำลังเกษียณอย่างรวดเร็ว คาดหมายว่าความแปรผันได้และความรุนแรงของฝนตกที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเป็นผลให้เกิดทั้งภัยแล้งและอุทกภัยที่รุนแรงขึ้น โดยมีผลลัพธ์ที่อาจร้ายแรงต่อการประปาและมลภาวะที่เกิดจากท่อระบายรวมล้น
ภัยแล้งน่าจะมีผลกระทบเป็นพิเศษต่อชาวอเมริกันร้อยละ 66 ซึ่งชุมชนอาศัยน้ำผิวโลก ในด้านคุณภาพน้ำดื่ม มีความกังวลเกี่ยวกับผลพลอยได้ของการฆ่าเชื้อ ตะกั่ว เพอร์คลอเรตและสารยา แต่โดยทั่วไปน้ำดื่มในสหรัฐมีคุณภาพดี
การศึกษา
การศึกษาสาธารณะของสหรัฐมีรัฐบาลรัฐและท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการ กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐวางระเบียบผ่านการจำกัดเงินอุดหนุนของรัฐบาลกลาง รัฐส่วนใหญ่บังคับให้เด็กเข้าศึกษาตั้งแต่อายุหกหรือเจ็ดขวบ (โดยทั่วไปคืออนุบาลหรือเกรด 1) จนอายุได้ 18 ปี (โดยทั่วไปถึงเกรด 12 จบไฮสกูล) บางรัฐอนุญาตให้นักเรียนออกจากโรงเรียนได้เมื่ออายุ 16 หรือ 17 ปี
เด็กประมาณ 12% ลงทะเบียนในโรงเรียนเอกชนวงแคบหรือไม่นิยมนิกาย (nonsectarian) เด็กประมาณ 2% ได้รับการศึกษาที่บ้าน สหรัฐมีรายจ่ายด้านศึกษาธิการต่อนักเรียนหนึ่งคนมากกว่าประเทศอื่นใดในโลก โดยมีรายจ่ายกว่า 11,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อนักเรียนประถมหนึ่งคนในปี 2010 และกว่า 12,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อนักเรียนไฮสกูลหนึ่งคน นักศึกษาวิทยาลัยสหรัฐประมาณ 80% เข้ามหาวิทยาลัยรัฐ
สหรัฐมีสถาบันอุดมศึกษาเอกชนและรัฐบาลแข่งขันกันจำนวนมาก มหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของโลกส่วนใหญ่ที่องค์การจัดอันดับต่าง ๆ ทำรายการไว้อยู่ในสหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีวิทยาลัยชุมชนท้องถิ่นซึ่งโดยทั่วไปมีนโยบายรับนักศึกษาที่เปิดกว้างกว่า มีโครงการวิชาการสั้นกว่าและค่าเรียนน้อยกว่า ชาวอเมริกันอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป 84.6% จบไฮสกูล 52.6% เข้าวิทยาลัย 27.2% สำเร็จปริญญาตรี และ 9.6% สำเร็จปริญญาบัณฑิต (graduate degree) อัตราการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานอยู่ประมาณ 99% สหประชาชาติกำหนดให้สหรัฐมีดัชนีการศึกษา 0.97% อยู่อันดับที่ 12 ในโลก
สำหรับรายจ่ายสาธารณะในด้านอุดมศึกษา สหรัฐยังตามหลังประเทศ OECD บางประเทศ แต่คิดเป็นรายจ่ายต่อหัวมากกว่าค่าเฉลี่ยของ OECD และมากกว่าทุกประเทศในรายจ่ายภาครัฐและเอกชนรวมกัน ในปี 2012 หนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าชาวอเมริกันที่เป็นหนี้บัตรเครดิต
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
shrthxemrika xngkvs United States of America yxepn U S A hrux USA odythwiperiyk shrth United States yxepn U S hrux US hrux xemrika America epnshphnthsatharnrthsungtngxyuinthwipxemrikaehnux prakxbdwyrth 50 rth ekhtpkkhrxngklang 1 ekht dinaednpkkhrxngtnexngsakhy 5 dinaedn rwmthngekhtsngwnxinediyn 326 ekht aelaekaaelkrxbnxkpraethsxik 11 ekaa shrthmiphrmaednthangthisehnuxtidpraethsaekhnada aelathangthisittidpraethsemksiok aelayngmiphrmaednthangthaeltidpraethshlaypraeths karthimiphunthikwa 9 8 lantarangkiolemtr aelaprachakrraw 334 lankhn thaihshrthmiphunthiihyepnxndbthi 3 khxngolk aelamiprachakrmakepnxndbthi 3 khxngolk rwmthngepnpraethsthimiprachakrmakthisudinthwipxemrika emuxnghlwngkhxngpraethskhuxkrungwxchingtn di si aelankhrihythisudkhuxniwyxrksungepnsunyklangthangesrsthkicaelaemuxngthimiprachakrmakthisudinpraeths karpkkhrxngswnklangkhxngshrthepnaebbsatharnrthphayitrththrrmnuyodymiprathanathibdiepnpramukh aelaaebbprachathipityesriniym odyaebngkarpkkhrxngepn khux nitibyyti brihar aela mikarihxanacpkkhrxngtnexngaekrthtang ykewnaetdinaednthnghlay aelaekhtpkkhrxngehlaniidrbwacamikarpkkhrxngaebbsatharnrthshrthxemrika United States of America xngkvs thngchati traaephndinkhakhwy xinkxdwithrst eraechuxmninphraeca khakhwyxun latin Out of many one latin Providence favors our undertakings latin New order of the ages ephlngchati edxastarsaepngekildaebnenxr source source track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track aesdnglukolk echphaarthaeladi si aesdngshrthaeladinaednkhxngtnemuxnghlwngwxchingtn di si 38 53 N 77 01 W 38 883 N 77 017 W 38 883 77 017emuxngihysudnkhrniwyxrk 40 43 N 74 00 W 40 717 N 74 000 W 40 717 74 000phasarachkarxngkvs odyphvtiny klumchatiphnthu kh s 2020 miichhisaepnik hrux lation 57 8 12 1 phiwda 5 9 exechiy 4 1 0 7 xemriknphunemuxng 0 5 0 2 hisaepnik hrux lation 18 7 sasna kh s 2020 65 42 21 2 khristnikayxun 28 6 1 imrabuedmanimchawxemriknkarpkkhrxngsatharnrthrththrrmnuy rabbprathanathibdi prathanathibdioc ibedin edomaekhrt rxngprathanathibdikmla aehrris edomaekhrt prathansphaimk cxhnsn riphblikn prathansalcxhn rxebitssphanitibyytirthspha sphasungwuthispha sphalangsphaphuaethnrasdrepnexkrach cakbrietnihy prakas4 krkdakhm kh s 1776 1 minakhm kh s 1781 snthisyyaparis3 knyayn kh s 1783 rththrrmnuy21 mithunayn kh s 1788 21 singhakhm kh s 1959 phunthirwm9 833 520 tarangkiolemtr 3 796 740 tarangiml xndbthi 3 4 aehlngna 4 66 phunthidinrwm3 531 905 tarangiml 9 147 590 tarangkiolemtr prachakr kh s 2021 praman331 893 745 samaonprachakr kh s 2020331 449 281 xndbthi 3 khwamhnaaenn87 txtarangiml 33 6 txtarangkiolemtr xndbthi 185 cidiphi xanacsux kh s 2022 praman rwm25 03 lanlandxllarshrth xndbthi 2 txhw75 179 dxllarshrth cidiphi rakhatlad kh s 2022 praman rwm25 03 lanlandxllarshrth xndbthi 1 txhw75 179 dxllarshrth cini kh s 2020 46 9 sungexchdiix kh s 2021 0 921 sungmak xndbthi 21skulengindxllarshrth USD ekhtewlaUTC 4 thung 12 10 11 vdurxn ewlaxxmaesng UTC 4 thung 10dd ww ppppifbankhbrthdankhwarhsothrsphthrhs ISO 3166USewbist usa wbr govbthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha xinediyndukdabrrphcakxiyiptyaythinmaaephndinihythwipxemrikaehnuxemux 15 000 pikxn karyudepnxananikhmkhxngyuorperiminkhriststwrrsthi 16 shrthkaenidcaksibsamxananikhmkhxngbrietntamchayfngtawnxxk khxphiphathhlaykhrngrahwangbrietnihyaelaxananikhmhlngsngkhramecdpinasukarptiwtixemrikasungerimin kh s 1775 emuxwnthi 4 krkdakhm 1776 phuaethncak 13 xanaekhtlngmtirbkhaprakasxisrphaphepnexkchnth khnathixananikhmkalngtxsukbbrietnihyinsngkhramptiwtixemrika sngkhramyutiin kh s 1783 odyrachxanackrbrietnihyrbrxngexkrachkhxngshrth aelaepnsngkhramprakasxisrphaphtxyuorpthiprasbkhwamsaercepnkhrngaerkdwy mikarlngmtirbrththrrmnuykhxngpraethsin kh s 1788 hlng Articles of Confederation sungmikarlngmtirbinpi 1781 rusukwaihxanacaekshphnthrthimephiyngphx in kh s 1791 mikarihstyabnkaraekikhephimetimrththrrmnuysibkhrngaerk sungeriykrwmwa rthbyytisiththi sungxxkaebbmaephuxpraknesriphaphphlemuxngphunthanhlaykhx shrtherimkhyaydinaednxyangaekhngkhnthwthwipxemrikaehnuxtlxdkhriststwrrsthi 19 khbil suxdinaednihm aelakhxy rbrthihmcnkhyaythwthwipin kh s 1848 rahwangkhrunghlngkhxngkhriststwrrsthi 19 sngkhramklangemuxngxemrikanaihyutikhwamepnthastamkdhmayinpraeths emuxthungsinstwrrsnn shrthkhyayekhamhasmuthraepsifik aelaesrsthkicthikhbekhluxncakkarptiwtixutsahkrrmepnswnihyerimetibotxyangrwderw aelaklayepnchatithimikhnadesrsthkicihythisudinolkin kh s 1900 aelasngkhramolkkhrngthihnungyunynsthanphaphmhaxanacthangthharolkkhxngshrth karocmtiephirlharebxrodyckrwrrdiyipunnashrthekhasusngkhramolkkhrngthisxngrwmkbfaysmphnthmitr phayhlngsngkhramyuti shrthaelashphaphosewiytidsthapnatnexngkhunepnsxngxphimhaxanacolknaipsuchwngewlaaehngkhwamkhdaeyng epnphlihekidsngkhrameynsungkinewlahlaythswrrs thwaimmikarsurbknodytrng thngsxngchatiyngmiswnrwminkaraekhngkhnxwkasnaipsutnkaenidkhxngxaphxlol 11khxngshrthsungnamnusyedinthangsudwngcnthrepnkhrngaerk khbwnkareriykrxngsiththiphlemuxngsungerimtninthswrrs 1950 naipsukarxxkkdhmayephuxlmlangkdhmaykhxngrth rwmthungkhcdkareluxkptibtithangechuxchatitxchawaexfrikn xemrikn karsinsudlngkhxngsngkhrameynaelakarlmslaykhxngshphaphosewiytin kh s 1991 sngphlihshrthklayepnxphimhaxanacediywkhxngolk ehtukarnwinaskrrm 11 knyayn napraethsekhasusngkhramtxtankarkxkarraysungrwmthungsngkhramxfkanisthanaelasngkhramxirk shrthepnhnunginpraethsthiphthnamakthisudinolk mikhnadesrsthkicihythisudinolktam odymirayidechliytxhwsungthisudinbrrdarththimiichculrth aelamikhwammngkhngsungthisudinolk esrsthkickhxngpraethskhidepnxtraswnsungthunghnunginsikhxngcidiphiolk shrthidrbkarcdxndbsungsudindandchnikarphthnamnusy khunphaphchiwit rayid karsuksa xutsahkrrmkarphlit aelasiththimnusychn shrthepnpraethsphunaekharayihythisudkhxngolk aelaphusngxxkrayihyxndbsxngkhxngolk aelaepnphunaolkthangwithyasastraelaethkhonolyi pyyapradisth karaephthy karsarwcxwkas aelakarbnething aelayngepnmhaxanacthangxawuthniwekhliyraelakarthharaenwhnakhxngolk odymikhaichcaythangkarthharmakthunghnunginsamkhxngolk shrthepnphukxtngshprachachati thnakharolk kxngthunkarenginrahwangpraeths xngkhkarnanarthxemrika enoth xngkhkarxnamyolk rwmthngepnsmachikthawrkhxngkhnamntrikhwammnkhngaehngshprachachati shrthmikarthucrittaaetmixtrakarthukcbsungthisudinolk shrthepnpraethswthnthrrmthioddedn aelaepnhnunginpraethsthimiphuxphyphphldthinekhamamakthisudinolkniruktisastrinpi 1507 nkekhiynaephnthichaweyxrmn phlitaephnthiolksungekhaidtngchuxdinaednthangsikolktawntkinaephnthidngklawwa xemrika tamchuxkhxngnksarwcaelankekhiynaephnthichawxitaeliyn xemriok ewspuchchi hlkthanexksaraerkkhxngwli shrthxemrika macakcdhmaylngwnthi 2 mkrakhm 1776 sungstiefn mxyaeln naythharphuchwykhxngcxrc wxchingtnaelanayphlaehngkxngthphphakhphunthwip sngthungphloth ocesf rid mxyaelnaesdngkhwamprarthnakhxngekhainkarna xanacetmaelaekinphxkhxngshrthxemrika ippraethssepnephuxsnbsnuninkhwamphyayamkhxngsngkhramptiwti singphimphephyaephraerkethathithrabkhxngwli shrthxemrika xyuinkhwameriyngimthrabphuekhiyninhnngsuxphimph edxaewxrcieniykaest inwileliymsebirk ewxrcieniy emuxwnthi 6 emsayn 1776 edimxditxananikhmxngkvsidichchuxeriyksmyihmkhxngpraethsinkhaprakasxisrphaph karprakasxisrphaphkhxngsibsamshrthxemrikadwynahnungicediywkn prakasichody khnaphuaethnshrthxemrika emuxwnthi 4 krkdakhm ph s 2319 swnchuxinpccubnidrbkarsrupemuxwnthi 15 phvscikayn ph s 2320 emuxsphanitibyytiphakhphunthwipthisxngidprakasichkhxbngkhbaehngsmaphnthrth khwamwa smaphnthrthsungtngkhunni eriykwa shrthxemrika thxykhamatrthansn sungicheriykshrthxemrika khux shrth United States aelachuxeriykxikhlayrupaebb idaek the U S the USA aela America khawa kekhyepnchuxthiidrbkhwamniyminkareriykshrthxemrika sungmacakchuxkhxngkhrisotefxr okhlmbs aelayngpraktinchux District of Columbia xikdwy sahrbkareriykshrthxemrikakhxngkhnithy inxdit ekhyeriykchuxshrthxemrikaxyangepnthangkarwa shpalirthxemrika swnchuxxunthiicheriykshrthxemrika echn makn lungaesm xinthri phyaxinthri ecaolk hrux tarwcolk phasasastr inphasaxngkvs khamatrthansunghmaythungphlemuxngkhxngshrthxemrika khux xemrikn American thungaemwa United States caepnkhakhunsphthxyangepnthangkar aetthngkhawa American aela U S epnkhakhunsphthxnepnthiniymmakkwa inkarrabuthungshrthxemrika nxkcakni xemrikn yngxachmaythung thwipxemrika xikdwy aetmkcathukichnxymakinphasaxngkvs ephuxhmaykhwamthungprachakrsungimmikhwamekiywkhxngkbshrthxemrika edim wli shrthxemrika thuxwaepnkhaphhuphcn ichkbkhakriya are were rwmthnginrththrrmnuyaehngshrthxemrikaaekikhephimetim chbbthi 13 sungmiphlichbngkhbinpi ph s 2408 xikdwy aetkhadngklawidklaymaepnkhaexkphcn ichkbkhakriya is was hlngcakyukhsngkhramklangemuxng aelaidklaymaepnrupaebbmatrthaninpccubn aetrupaebbphhuphcnkyngkhngpraktinsanwn these United States prawtisastrchnphunemuxngaelaprawtisastryukhkxnokhlmbs karsrangihmkhxngsilpinsungaehlngkhinekhdcakwthnthrrmmississippikxnprawtisastr tamthixacprakt phuxyuxasyinthwipxemrikaehnuxkhnaerk yaythincakisbieriyodythangsaphanbkebringaelamathungxyangnxy 15 000 pimaaelw aemmihlkthanephimkhunthiesnxwaxacmathungkxnhnannxik hlngkhamsaphanbkaelw chawxemriknklumaerkyaylngit odyxactamchayfngaepsifik hruxphanhingplxdnaaekhnginaephndinrahwanghingnaaekhngkhxrdilelxraern Cordilleran aelalxernithd Laurentide wthnthrrmokhlwispraktpraman 11 000 pikxn aelathuxwaepnbrrphburuskhxngwthnthrrmphunemuxngsmyhlngkhxngthwipxemrikaswnihy aemkhidkntlxdplaykhriststwrrsthi 20 wawthnthrrmokhlwisepntwaethnkhxngkartngthinthanmnusyaehngaerkinthwipxemrika aetinchwngpihlng idepliynmatrahnkthungwthnthrrmkxnokhlwis txma wthnthrrmphunemuxnginthwipxemrikaehnuxerimmikhwamsbsxnmakkhun aelabangwthnthrrmechn wthnthrrmmississippismykxnokhlmbsinthangtawnxxkechiyngit phthnakarksikrrmkawhna sthaptykrrmihy aelasngkhmradbrth tngaetpramanpi 800 thung 1600 wthnthrrmmississippiefuxngfu aelankhrihysud khaohekhiy Cahokia thuxepnaehlngobrankhdismykxnokhlmbsthiihyaelasbsxnthisudinshrthpccubn inphumiphakhekrtelksthangit mikarkxtnginbangchwngrahwangkhriststwrrsthi 12 thung 15 aelaxyumacnsinsngkhramptiwti kartngthinthanhmuekaahawaykhrngaerkekidkhunemuxidnnyngepnhwkhxkarthkethiyngthiyngdaeninxyu hlkthanobrankhdiduehmuxnbngchiwaminikhmtngaetpi 124 rahwangkaredineruxkhrngthisamaelakhrngsudthay kptnecms khukepnchawyuorpkhnaerkthierimkartidtxkbhawayxyangepnthangkar hlngkarkhunfngkhrngaerkineduxnmkrakhm 1778 thithaiwemiy ekaakhaiw khuktngchuxklumekaaniwa hmuekaaaesndwich tamexirlthi 4 aehngaesndwich rksarachkarrthmntriwakarkrathrwngthhareruxkhxngrachnawibritich nikhmyuorp nksarwcchawxitali khrisotefxr okhlmbs mathungthwipxemrikaaelaekhakhwbkhumkwnahani hlngsepnsngokhlmbsinkarlxngeruxethiywaerkkhxngekhasuolkihm inpi 1492 kminksarwcxuntamma chawyuorpklumaerkthimathungdinaednkhxngshrthsmyihmepnkxngkistadxrsepnxyangkhwn pxnes ed elxxn sungedinthangthungflxridakhrngaerkinpi 1513 thwa hakkhiddinaednthiimrwmekhadwyknkhxngshrthdwyaelw khwamchxbcaepnkhxngkhrisotefxr okhlmbssungkhunfngthipwyrotriokinkaredinthangpi 1493 chawsepntngnikhmaehngaerkinflxridaaelaniwemksiokxyang aelaaesntaef chawfrngesstngxananikhmkhxngtnechnkntamaemnamississippi kartngthinthankhxngchawxngkvsthisaerctamchayfngtawnxxkkhxngthwipxemrikaehnuxerimdwyxananikhmewxrcieniyinpi 1607 thiecmsthawn aelaxananikhmphlimthkhxngphilkriminpi 1620 phutngthinthancanwnmakepnklumkhristsasnikchnkhdaeyngthimaaeswngesriphaphthangsasna mikarsrangsphaebxrcssis House of Burgesses aehngewxrcieniy sungepnsphanitibyytithimacakkareluxktngaehngaerkkhxngthwip inpi 1619 aelakhxtklngrwmknemyflawexxr Mayflower Compact sungphilkrimlngnamkxnkhunfng aelaphakhimulthanaehngkhxnenktikhd sthapnaaebbxyangsahrbrupaebbkarpkkhrxngtnexngaebbmiphuaethnaelarabxbrththrrmnuysungcaphthnathwxananikhmxemrika phutngthinthanswnmakinthukxananikhmepnekstrkrrayyxy aetmikarphthnaxutsahkrrmxuninimkithswrrsaetktangkntamnikhm phuchesrsthkicmiyasub khawecaaelakhawsali xutsahkrrmkarskdetibotkhuninhnngstw karpramngaelakarthaim phuphlitphlitrmaelaerux aelaemuxthungsmyxananikhmtxnplay chawxemriknkphlithnunginecdkhxngxupsngkhehlkolk sudthaynkhrtang phudkhuntamchayfngephuxsnbsnunesrsthkicthxngthinaelaichepnsunyklangkarkha phutngthinthanchawxngkvsmiralxkchawskxt ixrichaelaklumxunekhamaesrim emuxthidinchayfngmirakhaaephngkhunthaihaerngngansyya indentured servant thiepnxisrathukphlkipthangthistawntk karkhathaskhnanihykbiphrwaethiyrxngkvserimtn karkhadhmaykhngchiphkhxngthasinthwipxemrikaehnuxsungkwathangitmak enuxngcakmiorkhnxykwaaelamixaharaelakarptibtithidikwa naihmikarephimcanwnkhxngthasxyangrwderw sngkhmxananikhmswnihyaebngaeykknrahwangkarsxkhwamthangsasnaaelasilthrrmkhxngkhwamepnthas aelaxananikhmphanrthbyytithngsnbsnunaelakhdkhanthas aetemuxyangekhakhriststwrrsthi 18 thasaexfrikakepnaerngnganphuchesrsthkicaethnthiaerngngansyya odyechphaainphakhit dwykarthaihcxreciyepnxananikhmkhxngbritichinpi 1732 cungmikarsthapnasibsamxananikhmthicaklayepnshrthinewlatxma thukxananikhmmirthbalthxngthinaelakareluxktngthiepidaekchayiththukkhn odymikarfkifsiththichnxngkvsobranaelasanukkarpkkhrxngtnexngthikratunkarsnbsnunsatharnrthniym dwyxtrakarekidthisungmak xtrakartaythitamakaelakartngthinthanxyangtxenuxng prachakrxananikhmcungetibotxyangrwderw prachakrxemriknphunemuxngkhxnkhangnxythukbdbng khbwnkarfunfukhristsasnikchn Christian revivalist khristthswrrs 1730 aela 1740 thieriyk kartunihy Great Awakening chwyerngkhwamsnicthngsasnaaelaesriphaphinkarnbthuxsasna rahwangsngkhramecdpi hruxeriyk sngkhramfrngessaelaxinediyn kalngbritichyudaekhnadacakfrngess aetprachakrthiphudphasafrngessyngoddediywthangkaremuxngcakxananikhmthangit 13 xananikhmehlanimiprachakrkwa 2 1 lankhnhruxpramanhnunginsamkhxngbrietninpi 1770 hakimnbxemriknphunemuxngsungthukphichitaelakhbil aemmikarekhamaihmxyangtxenuxng aetxtrakarephimtamthrrmchatisungcnemuxthungkhristthswrrs 1770 michawxemriknnxymakthiekidophnthael rayahangkhxngxananikhmcakbrietnthaihmikarphthnakarpkkhrxngtnexng aetkhwamsaerckhxngphwkekhabndalihphramhakstriymungyaphrarachxanacxyuepnraya inpi 1774 eruxkxngthpheruxsepn sanetiyok phayitkhwn epersekhaaelathxdsmxinthangekhathinutkhasawn Nootka Sound aemchawsepnmiidkhunfng aetchnphunemuxngphayeruxmayngeruxsepnephuxkhahnngstwaelkkbepluxkcakaekhlifxreniy inewlann sepnsamarthphukkhadkarkharahwangthwipexechiyaelaxemrikaehnuxidodyihibxnuyatcakdaekoprtueks emuxchawrsesiyerimsthapnarabbkarkhahnngstwthietibotkhuninxaaelska chawsepnerimkhdkhanrsesiy odykaredineruxkhxngepersepnkhrngaerk thiipaepsifiktawntkechiyngehnux hlngmathunghmuekaahawayinpi 1778 kptnkhukaelneruxkhunehnuxaelatawnxxkechiyngehnuxephuxsarwcfngtawntkkhxngthwipxemrikaehnuxsungxyuehnuxkwanikhmsepnin ekhakhunbkthifngxxrikxnthipramanlaticud 44 30 ehnux odytngchuxcudkhunbknnwa lmfaxakaselwbngkhbiheruxkhxngekhalngitippraman 43 ehnuxkxnsamartherimkarsarwcchayfngipthangehnux ineduxnminakhm 1778 khukkhunbkthiekaaibl aelatngchuxthangekhawa khingcxcssawd ekhabnthukwachuxchnphunemuxng khux nutkhahruxnutkha phltxaelaxntrkiriyakbprachakrphunemuxng dwykhwamkhubhnakhxngkarthaihepnxananikhmkhxngyuorpindinaednshrthrwmsmy xemriknphunemuxngmkthukphichitaelayaythin prachakrphunemuxngkhxngxemrikaesuxmlnghlngchawyuorpmathung aeladwyhlaysaehtu cakorkhxyangorkhfidasaelaorkhhdepnhlk khwamrunaerngmiichpccysakhyinkaresuxmlngodyrwminhmuxemriknphunemuxng aemmikhwamkhdaeyngrahwangknexngaelakbchawyuorpmiphltxbangephaaelanikhmxananikhmtang inchwngaerkkhxngkarthaihepnxananikhm phutngthinthanyuorpcanwnmakprasbpyhakhadaekhlnxahar orkhaelakarocmticakxemriknphunemuxng xemriknphunemuxngyngmkkxsngkhramkbephaiklekhiyngaelaepnphnthmitrkbchawyuorpinsngkhramxananikhmkhxngtnexng thwa inewlaediywkn chnphunemuxngaelaphutngthinthancanwnmakphungphaxasykn phutngthinthanaelkepliynexaxaharaelahnngstw swnchnphunemuxngaelkexapun ekhruxngkrasunaelasinkhayuorpxun chnphunemuxngsxnphutngthinthancanwnmakwacaephaaplukkhawophd thwaelanaetathiihn emuxidaelaxyangir michchnnariyuorpaelaxun rusukwaepnsingsakhyca thaihecriy sungxemriknphunemuxngaelakratunihphwkekharbethkhnikhekstrkrrmaelawithichiwitkhxngyuorp karedineruxethiywsudthaykhxngkptnecms khukrwmthungkaraelntamchayfngthwipxemrikaehnuxaelaxaaelskaephuxaeswngchxngthangtawnxxkechiyngehnuxepnewlapramanekaeduxn ekhaklbhawayephuxetimkalngbarung edimsarwcchayfngemawiaelaekaaihy khakhaykbkhnthxngthinaelwthxdsmxthixawekiylaekhkwineduxnmkrakhm 1779 emuxeruxaelaphwkkhxngekhaxxkcakekaa esaeruxhkinlmfaxakaselw bngkhbihphwkekhahwnkhuninklangeduxnkumphaphnth khukthukkhainxikhlaywntxma exkrachaelakarkhyayxanaekht khaprakasxisrphaph ody cxhn thrmbul sngkhramptiwtixemrikaepnsngkhramprakasxisrphaphxananikhmthisaerckhrngaerktxchatiyuorp chawxemriknphthnaxudmkarn satharnrthniym odyyunynwarthbalcatxngmacakectcanngkhxngprachachnodyaesdngxxkphansphanitibyytithxngthin phwkekhaeriykrxngsiththiepnchawxngkvsaela hamcdekbphasihakimmiphuaethn faybritichyunynkarbriharckrwrrdiphanrthspha aelakhwamkhdaeyngbanplayepnsngkhram hlngkarphanemuxwnthi 2 krkdakhm 1776 sungepnkarxxkesiynglngmtiexkrachthiaethcring lngmtirbkhaprakasxisrphaphinwnthi 4 krkdakhm sungprakasinkhaprarphyawwa mnusychatithuksrangkhunmaethaethiymkninsiththithiimxacoxnknidaelabrietnihyimkhumkhrxngsiththiehlani aelaprakasinkhakhxngkhxmtiwasibsamxananikhmepnrthexkrachaelaimswamiphkdikbphramhakstriybritichinshrth mikarechlimchlxngwnthi 4 krkdakhmthukpiepnwnprakasxisrphaph inpi 1777 Articles of Confederation sthapnarthbalxxnthidaeninkarcnpi 1789 brietnrbrxngexkrachkhxngshrthhlnginpi 1781 insnthisyyasntiphaphpi 1783 exkrachkhxngshrthidrbkarrbrxngcakchayfngaextaelntikipthangtawntkthungaemnamississippi nkchatiniymnapi 1787 inkarekhiynrththrrmnuyaehngshrth ihstyabninkarprachumrthinpi 1788 mikarcdraebiybrthbalklangihmepnsamxanac odyhlkkarsrangkartrwcsxbaelathwngdulthimipraoychn inpi 1789 cxrc wxchingtnsungnakxngthphptiwtikhwachy epnprathanathibdikhnaerkthiidrbeluxktngphayitrththrrmnuyihm inpi 1791 mikarlngmtirbbyytiwadwysiththiphunthankhxngphlemuxngsunghamkarcakdesriphaphswnbukhkhlkhxngrthbalklangaelarbpraknkarkhumkhrxngthangkdhmaytang aemrthbalklangthaihkarkhathasrahwangpraethsepnkhwamphidinpi 1808 aethlngpi 1820 karichthasephaaplukphlphlitfaythiidkairsungpathuin phrxmkbcanwnprachakrthasdwy kartunihythisxng Second Great Awakening odyechphaaxyangyingpi 1800 1840 ekharitkhnhlaylankhnsuopretsaetnthxiaewneclikhl evangelical inthisehnux ehtunithaihekidkhbwnkarptirupsngkhmhlaykhbwnkarsungrwmkarelikthas inphakhit mikarchwnekharitemthxdist Methodist aelaaebpthistinhmuprachakrthas dinaednsungshrthekhathuxsiththiaebngtamewla khwamkratuxruxrnkhxngshrthinkarkhyaydinaednipthangthistawntkthaihekidsngkhramxemriknxinediynyudeyuxkarsuxluyesiynasungdinaednthifrngessxanginpi 1803 thaihpraethsmiphunthiephimkhunekuxbethatw sungprakastxbrietn kbkhwameduxdrxntang aelakartxsuephuxdungdudaelaesrimchatiniymshrth chudkarbukekhathangthharsuflxridanaihsepnykdinaedndngklawaeladinaednfngxaw Gulf Coast inpi 1819 karkhyaydinaednidrbkarchwyehluxcakekhruxngckrixna emuxeruxckrixnaerimlxngtamrabbtharnakhnadihykhxngxemrikasungechuxmdwykhlxngsrangihm echn xiriaelaixaexndexm aelwkrathngrangrthifthierwkwaerimlakkhamdinaednkhxngpraeths tngaetpi 1820 thung 1850 erimchudkarptirupsungrwmsiththixxkesiyngeluxktngkhxngchayphiwkhawinwngkwangkhun nasukhwamecriykhxngrabbphrrkhthisxngprachathipityaelawikepnphrrkhkaremuxnghlngtngaetpi 1828 thung 1854 esnthangtharnatainkhristthswrrs 1830 epntwxyangkhxngnoybaykacdxinediynsungtngthinthanxinediynihmthangtawntkinekhtsngwnxinediyn shrthphnwksatharnrthethkssinpi 1845 rahwangsmyethphlikhitsungmilksnakhyaydinaednpi 1846 kbbrietnnaihshrthkhwbkhumphakhtawntkechiyngehnuxpccubn chyinsngkhramemksiok xemrikalngexydwykarykaekhlifxreniykhxngemksiokaelaphunthiswnihykhxngphakhtawntkechiyngitpccubn kartunthxngthiaekhlifxreniypi 1848 1849 kratunkaryaythinipthangtawntkaelakarsthapnarththangtawntkephim hlngsngkhramklangemuxngxemrika rabbrangkhamthwipihmthaihkaryaythinngaykhunsahrbphutngthinthan karkhaphayinkhyaytwaelakhwamkhdaeyngkbxemriknphunemuxngephimkhun kwakhrungstwrrs karsuyesiyxemriknibsnmiphlkrathbtxkardarngxyutxwthnthrrmxinediynthirabhlaywthnthrrm inpi 1869 noybaysntiphaphihmmungkhumkhrxngxemriknphunemuxngcakkarlaemid eliyngsngkhramephim aelapraknkhwamepnphlemuxngshrthinthisud aemkhwamkhdaeyngsungrwmsngkhramxinediynkhrngihysudhlaykhrngyngdaenintxipthwtawntkcnlwngekhakhristthswrrs 1900 sngkhramklangemuxngaelasmykarburna yuththkarthiekttisebirk rthephnsileweniyrahwangsngkhramklangemuxng ody khxaetktangkhxngkhwamehnaelaraebiybsngkhmrahwangrthphakhehnuxaelaphakhitinsngkhmshrthchwngaerk odyechphaaxyangyingekiywkhxngkbthasphiwda cnsudthaynasusngkhramklangemuxngxemrika edimthirthekhasushphaphslbknrahwangrththasaelarthesriephuxrksasmdulphakhinwuthispha khnathirthesrimiprachakrmakkwarththasaelamiphuaethninsphaphuaethnrasdrmakkwa aetdwymidinaedntawntkaelarthesriephimkhun khwamtungekhriydrahwangrththasaelarthesrisungkhundwykarthkethiyngekiywkbrabxbshphnthrth karoxnkarkhrxbkhrxngdinaedn khwrkhyayhruxcakdkhwamepnthashruximaelaxyangir xbrahm linkhxln phuchnakareluxktng inpi 1860 prathanathibdikhnaerkcakphrrkhriphbliknsungswnihytxtankhwamepnthas sudthaykarprachuminsibsamrththasprakasaeyktwxxkaelatngsmaphnthrthxemrika khnathirthbalklangyunynwakaraeyktwxxkimchxbdwykdhmay sngkhramthiekidkhunihhlngnnthiaerkepnsngkhramephuxrksashphaph aelahlngcakpi 1863 emuxkalngphlsuyesiyephimkhunaelalinkhxlnxxk Emancipation Proclamation epahmaysngkhramthisxngklayepnkarelikthas sngkhramniepnkhwamkhdaeyngthangthharthimiphuesiychiwitmakthisudinprawtisastrshrth thaihmithharesiychiwitpraman 618 000 khnaelaphleruxnxikepnxnmak hlngfayshphaphmichyinpi 1865 mikaraekikhephimetimrththrrmnuyshrthsamkhrng karaekikhephimetimkhrngthi 13 hamkhwamepnthas karaekikhephimetimkhrngthi 14 mxbkhwamepnphlemuxngaekaexfriknxemriknthiekhyepnthasekuxbsilankhn aelakaraekikhephimetimkhrngthi 15 rbpraknwaphwkekhamisiththixxkesiynglngkhaaenn sngkhramaelaphllphthnasukarephimxanackhxngrthbalklangxyangmakodymiepahmayephuxburnakaraelasrangihmsungrthphakhitkhnathirbpraknsiththikhxngthasthiephingepnith sngkhramaelaphlnasukarephimxanacrthbalklangxyangsakhy odymiepahmayephuxburnakarihmaelasrangihmsungrthphakhitphrxmkbrbpraknsiththikhxngthasthiephingepnith nkxnurksniymphiwkhawphakhitsungeriyktnwa phuith Redeemer ekhakhwbkhumhlngsinsudkarburna emuxthungchwngpi 1890 1910 kdhmaycim okhrwphraksiththixxkesiynglngkhaaennkhnphiwdaswnihyaelakhnkhawyakcnbangswn khndaephchiykaraebngaeykthangechuxchatiodyechphaaxyangyinginphakhit chnklumnxyechuxchatibangkhrngephchiykarlngprachathnth karprbihepnxutsahkrrm innkhrniwyxrkepnpratusakhysahrbkarekhaemuxngkhxngchawyuorp inphakhehnux karkhyaytwkhxngemuxngaelakarhlngihlkhxngkhnekhaemuxngcakyuorpitaelayuorptawnxxkxyangthiimekhymimakxn thaihmiaerngnganehluxefuxsahrbkarprbpraethsihepnxutsahkrrmaelakarepliynaeplngwthnthrrm okhrngsrangphunthankhxngpraethssungmiothrelkhaelathangrthifkhamthwipkratunkaretibotthangesrsthkicaelakartngthinthanyingihykhunaelakarphthnaoxldewstxemrika karpradisthhlxdiffaaelaothrsphth txmayngmiphltxkarkhmnakhmaelachiwitkhnemuxng karsinsudkhxngsngkhramxinediynyingkhyayphunthiphayitkarephaaplukodyichekhruxngckr ephimswnekinsahrbtladrahwangpraeths karkhyaydinaednaephndinihysaercdwykarsuxxaaelskacakckrwrrdirsesiyinpi 1867 inpi 1893 swnniymxemrikainhawaylmrachathipityaelatngsatharnrthhaway sungshrthphnwkinpi 1898 sepnykpwyrotriok kwmaelafilippinsihshrthinpiediywknhlng karphthnaesrsthkicxyangrwderwrahwangplaykhriststwrrsthi 19 aelatnkhriststwrrsthi 20 chwyihnkxutsahkrrmoddedncanwnmakefuxngfukhun nkthurkicihyxyang cxhn di rxkekxaeflelxraelaaexndruw kharenkinakhwamkawhnakhxngchatiinxutsahkrrmrangrthif piotreliymaelaehlkkla karthnakharklayepnswnsakhykhxngesrsthkic odyec phi mxraeknmibthbathedn thxms exdisnaelaniokhla ethslathaihiffakracayaephrhlaysuxutsahkrrm baneruxnaelasahrbkarihaesngswangtamthnn ehnri fxrdptiwtixutsahkrrmyanynt esrsthkicxemrikaefuxngfuaelaklayepnesrsthkicihysudkhxngolk aelashrthidsthanphaphmhaxanac karepliynaeplngrwderwnikxprkbkhwamimsngbthangsngkhmaelakhwamecriykhxngkhbwnkarprachaniym sngkhmniymaelaxnathipity sudthaysmynisinsudlngdwykarmakhxngsmykawhna Progressive Era sungmikarptirupsakhyinsngkhmhlaydan sungrwmthngsiththixxkesiyngeluxktngkhxngstri karhamaexlkxhxl karkakbsinkhabriophkh matrkarpxngknkarphukkhadthimakkhunephuxpraknkaraekhngkhnaelakhwamisickhwamepnxyukhxngaerngngan sngkhramolkkhrngthihnung phawaesrsthkictktakhrngihy aelasngkhramolkkhrngthisxng fungchnchumnumknthiwxllstrithhlngehtuhlkthrphytkpi 1929 shrthwangtnepnklangtngaetsngkhramolkkhrngthihnungpathuinpi 1914 cnthungpi 1917 emuxekharwmsngkhramepn chatismthb rwmkbfaysmphnthmitrinsngkhramolkkhrngthihnungxyangepnthangkar odychwyepliynthisthangkhxngsngkhramtxfaymhaxanacklang inpi 1919 prathanathibdiwudorw wilsnrbbthbathkarthutna n aelasnbsnunxyangaekhngkhnihshrthekharwmsnnibatchati thwa wuthisphaptiesthimxnumtiaelaimihstyabnsnthisyyaaewrsaysungsthapnasnnibatchati inpi 1920 khbwnkarsiththistrichnakarphankaraekikhephimetimrththrrmnuysungihsiththixxkesiyngeluxktngkhxngstri khristthswrrs 1920 aela 1930 mikhwamecriyetibotkhxngsuxsarmwlchnpraephthwithyuaelamikarpradisthothrthsnkhuninyukhaerk khwamefuxngfukhxngthewntirxngkharam Roaring Twenties sinsuddwy aelakarerimtnphawaesrsthkictktakhrngihy hlngaefrngklin di orsewltidrbeluxktngepnprathanathibdiinpi 1932 ekhasnxngdwy New Deal sungrwmkarsthapnarabbhlkpraknsngkhm karyaythinihykhxngaexfriknxemriknhlaylankhncakphakhitkhxngshrtherimkxnsngkhramolkkhrngthihnungaelakinewlacnthungkhristthswrrs 1960 khnathichamfun Dust Bowl klangkhristthswrrs 1930 thaihchumchnksikrrmcanwnmakyakcnaelathaihekidkaryaythinthangtawntkralxkihm thiaerkshrthwangtnepnklangrahwangsngkhramolkkhrngthisxngrahwangthieyxrmniphichitthwipyuorpswnihy shrtherimcdhapccyaekfaysmphnthmitrineduxnminakhm 1941 phanokhrngkarihyum echa wnthi 7 thnwakhm 1941 ckrwrrdiyipunepidchakocmtixyangcuocmtxephirlharebxr thaihshrthekharwmkbfaysmphnthmitrsurbkbfayxksa rahwangsngkhram shrththukeriykwaepnhnungin aehngfaysmphnthmitrphuprachumknwangaephnolkhlngsngkhram rwmkbbrietn shphaphosewiytaelacin aemshrthesiythharkwa 400 000 nay aetaethbimidrbkhwamesiyhaycaksngkhramaelayingmixiththiphlthangesrsthkicaelathangthharmakyingkhunxik shrthmibthbathnainaelayltakbshrachxanackr shphaphosewiytaelafaysmphnthmitrxunsunglngnamkhwamtklngwadwysthabnkarenginrahwangpraethsihmaelakarcdraebiybihmhlngsngkhramkhxngthwipyuorp emuxfaysmphnthmitrchnainthwipyuorpaelw karprachumrahwangpraethsinsanfransisokinpi 1945 idxxkkdbtrshprachachatisungmiphlichbngkhbhlngsngkhram shrthphthnaxawuthniwekhliyrkhrngaerkaelaichmnkbyipuninnkhrhiorachimaaelanangasaki yipunyxmcanninwnthi 2 knyayn yutisngkhramolkkhrngthisxng sngkhrameynaelayukhsiththimnusychn prathanathibdiornld eraeknaehngshrth say aelaelkhathikarmihaxil kxrbachxfaehngshphaphosewiyt inkarprachumthiecniwainpi 1985 hlngsngkhramolkkhrngthisxng shrthaelashphaphosewiytprachnchingxanacrahwangsmysngkhrameyn khbekhluxndwykaraebngaeykxudmkarnrahwangthunniymaelakhxmmiwnist thngsxngkhrxbngakickarthharkhxngthwipyuorp odymishrthaelaphnthmitrnaotfayhnungaelashphaphosewiytaelaphnthmitrsnthisyyawxrsxxikfayhnung shrthphthnanoybaytxkarkhyayxiththiphltxmmiwnist khnathishrthaelashphaphosewiyttxsuinsngkhramtwaethnaelaphthnakhlngxawuthniwekhliyrthrngphlng aelasxngpraethseliyngkhwamkhdaeyngthangthharodytrng shrthmkkhdkhankhbwnkarolkthisamsungmxngwaosewiytsnbsnun thharxemrikntxsukalngkhxmmiwnistcinaelaekahliehnuxinsngkhramekahlipi 1950 1953 karplxydawethiymdwngaerkkhxngshphaphosewiytpi 1957 aelakarplxyethiywbinxwkasthimimnusyodysarkhrngaerkinpi 1961 erim karaekhngkhnxwkas sungshrthepnchatiaerkthinamnusylngcxddwngcnthrinpi 1969 sngkhramtwaethninexechiytawnxxkechiyngitsudthayklayepnkarekhaipmiswnphwphnetmtwkhxngxemrika echn sngkhramewiydnam inpraeths shrthmikarkhyaythangesrsthkicxyangtxenuxngaelakaretibotkhxngprachakraelachnchnklangxyangrwderw karkxsrangrabbthanghlwngrahwangrthaeprsphaphokhrngsrangphunthankhxngpraethsinewlahlaythswrrsthdma khnhlaylankhnphlairnaaelankhrchnin inner city sukarphthnaekhhachanemuxngkhnadihy inpi 1959 hawayklayepnrththi 50 aelarthlasudkhxngshrththiephimekhapraeths khbwnkarsiththiphlemuxngthietibotkhunichsntiwithiephchiykbkaraebngaeykaelakareluxkptibti odymimartin luethxr khing cueniyrepnphunakhnsakhyaelahwokhn khawinicchykhxngsalaelakdhmayprakxbknlngexydwyrthbyytisiththiphlemuxngpi 1968 sungmungyutikareluxkptibtithangephs khnaediywkn khbwnkarwthnthrrmtxtanetibotkhunodyidrbkarsnbsnuncakkarkhansngkhramewiydnam chatiniymphiwdaaelakarptiwtithangephs karepidchak sngkhramtxkhwamyakcn odyprathanathibdi lindxn bi cxhnsn khyaykarihsiththiaelakarichcaydanswsdikar sungrwmkarsrangemdiaekhraelaemdiekhd sxngokhrngkarsungihkhwamkhumkhrxngdansukhphaphtxphusungxayuaelaphuyakirtamladb aelaokhrngkarsaetmpxahar Food Stamp Program aelachwyehluxkhrxbkhrwthimiedkphungphing Aid to Families with Dependent Children khristthswrrs 1970 aelatnkhristthswrrs 1980 erimmikarchangkthangesrsthkic hlngprathanathibdiornld eraeknidrbeluxktnginpi 1980 ekhatxbotdwykarptirupenntladesri hlngkarlmslaykhxngkarphxnkhlaykhwamtungekhriyd ekhaelik karcakdkarkhyaytwkhxnglththithiimphungprarthna aelarierimyuththsastr mwnklb thikawrawkhuntxshphaphosewiyt hlngmikarephimkhunkhxngaerngnganstriinthswrrsthiphanma thaihinpi 1985 strithimixayutngaet 16 pikhunipswnihymingantha playkhristthswrrs 1980 mikar phxnkhlay khwamsmphnthkbshphaphosewiyt aelakarlmlayinpi 1991 yutisngkhrameyninthisud ehtuninamasungphawakhwediyw odyshrthepnxphimhaxanackhrxbngakhxngolkodyirphutxkr monthsnsntiphaphxemrika Pax Americana sungpraktinsmyhlngsngkhramolkkhrngthisxng epnkhaeriykraebiybolkihmyukhhlngsngkhrameynthiidrbkhwamniymkwangkhwang prawtisastrrwmsmy ewildethrdesnetxrinolwexxraemnhttnrahwangwinaskrrm 11 knyayn pi 2001wnewildethrdesnetxrthithuksrangaethnthi hlngsngkhrameyn khwamkhdaeyngintawnxxkklangcudchnwnwikvtkarninpi 1990 emuxpraethsxirkphayitsddm husesnbukkhrxngaelaphyayamphnwkpraethskhuewt kbphnthmitrkhxngshrth dwyekrngwakhwamiresthiyrphaphcaklamipphumiphakhxun prathanathibdicxrc exch dbebilyu buchcungepidchakptibtikarolthaelthray karsngkalngpxngkninpraethssaxudixaraebiy aelaptibtikarphayuthaelthrayinkhnthieriyk sngkhramxaw odymikalngphsmcak 34 praethsnaodyshrthtxpraethsxirk yutidwykarkhbkalngxirkxxkcakpraethskhuewtidsaerc funfurachathipitykhuewt xinethxrentsungkaenidinekhruxkhayklaohmshrthlamipekhruxkhaywichakarrahwangpraeths aelasusatharnainpi 1990 miphlihyhlwngtxesrsthkic sngkhmaelawthnthrrmolk enuxngcakphawaesrsthkicfxngsbudxtkhxm noybaykarenginaebbesthiyrphaphphayitaelakarldraycayswsdikarsngkhm khristthswrrs 1990 mikarkhyaythangesrsthkicihysudinprawtisastrshrthsmyihmsungsinsudinpi 2001 erimtngaetpi 1994 shrthekhasukhwamtklngkarkhaesrixemrikaehnux NAFTA echuxmprachakr 450 lankhnsungphlitsinkhaaelabrikarmulkha 17 lanlandxllarshrth epahmaykhxngkhwamtklngkhuxephuxkacdxupsrrkhkarkhaaelakarlngthuninshrth praethsaekhnadaaelaemksiokinwnthi 1 mkrakhm 2008 karkhainhmuitrphakhiephimkhunmaktngaet NAFTA miphlichbngkhb wnthi 11 knyayn 2001 phukxkarrayxlkxxidahocmtiewildethrdesnetxrinnkhrniwyxrkaelaxakharephntakxniklkbkrungwxchingtn di si thaihmiphuesiychiwitekuxb 3 000 khn shrthtxbotdwykarepidchaksngkhramtxtankarkxkarray sungrwmsngkhraminxfkanisthanaelasngkhramxirkpi 2003 2011 inpi 2007 rthbalbuchsngephimkalngthharkhrngihyinsngkhramxirk sungldkhwamrunaerngaelanasuesthiyrphaphephimkhuninphumiphakhxyangepnphl noybaykhxngrthbalsungxxkaebbephuxsngesrimkarekhhathimirakhaimaephng khwamlmehlwkwangkhwangkhxngbrrsthphibalaelathrrmaphibalinkarkakbduael regulatory governance aelaxtradxkebiytasudepnprawtikarnkhxngrabbthnakharklang nasufxngsbukarekhhaklangkhristthswrrs 2000 cnlngexydwywikvtkarnkarenginpi 2008 epnkarhdtwthangesrsthkickhrngihysudinprawtisastrkhxngpraethsnbaetphawaesrsthkictktakhrngihybark oxbama prathanathibdiaexfriknxemriknaelahlayechuxchatikhnaerk idrbeluxktnginpi 2008 thamklangwikvt aelatxmaphanmatrkarkratunesrsthkicaelarthbyytikarptirupwxllstritaelakhumkhrxngphubriophkhdxdd aefrngkephuxphyayambrrethaphlray matrkarkratundngklawxanwykarphthnaokhrngsrangphunthan aelakarwangnganldlngodysmphthth dxdd aefrngkphthnaesthiyrphaphthangkarenginaelakarkhumkhrxngphubriophkh aetmiphllbtxkarlngthunthurkicaelathnakharkhnadelk inpi 2010 rthbaloxbamaphanrthbyytikarbribalthiesiyid sungepnkarptirupkhrngthikhrxbkhlumthisudtxrabbsatharnsukhkhxngpraethsinekuxbhathswrrs sungrwmkarmxbxanac enginxudhnunaelakaraelkepliynprakn kdhmaynithaihldcanwnaelarxylakhxngphuimmipraknsukhphaphlngxyangsakhy odymi 24 lankhnkhrxbkhlumrahwangpi 2016 krann kdhmayniepnthiotethiyngenuxngcakphlkrathbtxrakhasatharnsukh ebiypraknphyaelasmrrthphaphthangesrsthkic aemphawaesrsthkictktathungcudtasudineduxnmithunayn 2009 aetphuxxkesiynglngkhaaennyngkhbkhxngickbkarfunfuesrsthkicthilacha phrrkhriphbliknsungkhdkhannoybaykhxngoxbama idkhwbkhumsphaphuaethnrasdrxyangthlmthlayinpi 2010 aelakhwbkhumwuthisphainpi 2014 mikarthxnkalngxemrikninpraethsxirkinpi 2009 aela pi 2010 aelamikarprakasihsngkhraminphumiphakhyutilngxyangepnthangkarineduxnthnwakhm 2011 karthxnkalngdngklawthaihkarkxkarkaeribnikayniymbanplay nasukhwamecriykhxngrthxislamxirkaelaliaewnt sungepnphusubthxdkhxngxlkxxidahinphumiphakh inpi 2014 oxbamaprakasfunfukhwamsmphnththangthutsmburnkbpraethskhiwbaepnkhrngaerknbaetpi 1961 pitxma shrthsungepnsmachikpraethsphi5 1 lngnamaephnptibtikarebdesrcrwm sungepnkhwamtklngthimungchalxkarphthnaokhrngkarniwekhliyrkhxngpraethsxihran dxnld thrmp prathanathibdiphumngmithisudinprawtisastrshrthaelaprathanathibdikhnaerkthiimmiprasbkarnthangkaremuxngaelakarthharkxnekhadarngtaaehnng idrbeluxktnginkareluxktngprathanathibdipi 2016 thuxepnkareluxktngthimiphllphthphidkhadthisudkhrnghnunginprawtisastrkaremuxngkhxngpraeths ekhaepnphunapraethsinkarrabadralxkaerkkhxngiwrsokhorna 2019 txma inchwngtnthswrrs 2020 shrthtxngephchiykbkhwamkhdaeynginpraethsthisakhythisudkhrnghnung karesiychiwitkhxngcxrc flxyd kxihekidkarprathwngkhrngihyrwmthungesiyngwicarninwngkwangtxkarptibtihnathikhxngecahnathitarwc khwamkhdaeyngyngthwikhwamrunaerngxyangtxenuxng cakkaresiychiwitkhxngprachachncakehtukarnkradyinginhlayphunthi naipsupraednthkethiyngtxkhwamehmaasmkhxngkdhmayinkarkhrxbkhrxngaelaphkphaxawuthpun in kh s 2022 salsungsudhruxsaldika Supreme Court phiphaksaykelikkhatdsinkhdirahwangorkbewd thiekhyphiphaksaemuxpi 1973 wakarthaaethngepnsiththitamrththrrmnuy naipsukarprathwnginhlayphunthi xyangirktam khwamepnxnhnungxnediywkninsngkhmerimklbmaxikkhrng chawxemriknswnmakaesdngkartxtankarrukranyuekhrnkhxngrsesiyxyangepidephy rthbalshrthtxbotdwykaryutikickarbristhhlayaehnginrsesiyaelaeblarus rwmthungmikarsnbsnuncaknkkaremuxngradbsunginkarsngmxbxawuthchwyehluxyuekhrnkarrabadkhxngokhwid 19 sngphlihmiphutidechuxkwa 100 lanrayaelamiphuesiychiwitkwa 1 lankhn n kh s 2023 thuxepnphawaorkhrabadthirayaerngthisudinprawtisastrkhxngpraethsphumisastr phumixakas aelasingaewdlxmphaphthaycakdawethiymaesdngthunglksnaphumipraethskhxngphaphthaybangswnkhxngethuxkekharxkki shrthaephndinihymiphunthi 7 663 940 6 tarangkiolemtr rthxaaelska sungmipraethsaekhnadakhnshrthaephndinihy epnrththiihythisud mikhnad 1 717 856 2 tarangkiolemtr rthhawaysungepnklumekaainmhasmuthraepsifikklang xyuthangthistawntkechiyngitkhxngthwipxemrikaehnux miphunthi 28 311 tarangkiolemtr dinaednthimiprachakrxasykhxngshrth idaek pwyrotriok xemriknsamw kwm hmuekaanxrethirnmaeriynaaelahmuekaaewxrcinrwmmiphunthi 23 789 tarangkiolemtr shrthepnpraethsihysudxndbsamhruxsikhxngolkeriyngtamphunthithnghmd aephndinaelaphunna rxngcakpraethsrsesiyaelaaekhnada aelamixndbsunghruxtakwacin karcdxndbtangknkhunxyukbwanbrwmdinaednthipraethscinaelaxinediyphiphathhruxim aelawdkhnadthnghmdkhxngshrthxyangir khux karkhanwnmitngaet 9 522 055 0 km 2 9 629 091 5 km 2 ipcnthung 9 833 516 6 km 2 hakwdechphaaaephndin shrthcamikhnadihyepnxndbsamrxngcakpraethsrsesiyaelacin sungkwaaekhnada thirabchayfngthaelaextaelntikihkxihekidlukekhaipinaephndinaelarxykhlunphidmxnt Piedmont ethuxkekhaaexpphaelechiynaebngchayfngthaeltawnxxkcakekrtelksaelathunghyaphakhklangtawntk Midwest aemnamississippi missuri rabbaemnayawthisudxndbsikhxngolk ihlswnihyinthisehnux itphanicklangpraeths thirabihy Great Plains sungepnthunghyarabxudmsmburnaephkhyayipthangthistawntk odymiphunthisungthangthistawnxxkechiyngitkhwang ethuxkekharxkki n khxbthistawntkkhxngthirabihy aephkhyaykhampraethscakehnuxcrdit miradbkhwamsungkwa 4 300 emtr inrthokholraod ipxikthangthistawntkepnaexngihy Great Basin hin aelathaelthray echn aelaomhawiaela Cascade thxdiklkbchayfngaepsifik ethuxkekhathngsxngnimiradbkhwamsungkwa 4 300 emtr cudtasudaelasungsudinshrthaephndinihyxyuinrthaekhlifxreniy aelahangkn 135 kiolemtr thiradbkhwamsung 6 194 emtr yxdekhaednali yxdekhaaemkkhinely inrthxaaelskaepnyxdekhasungsudinpraethsaelainthwipxemrikaehnux phuekhaifthiyngpathuxyumithwiptlxdklumekaaxaelksanedxraelahmuekaaxaluechiyninrthxaaelska aelarthhawayprakxbdwyekaaphuekhaif phuekhaifihythixyuinxuthyanaehngchatieylolwsotninethuxkekharxkki epnlksnaphuekhaifihysudkhxngthwipxemrikaehnux enuxngcakshrthmikhnadihyaelakhwamhlakhlaythangphumisastr cungmilksnaxakashlaychnid thangtawnxxkkhxngesnemxriediynthi 100 lksnaxakasmitngaetphakhphunthwipchunthangehnuxthungkungekhtrxnchunthangit thirabihythangtawntkkhxngesnemxriediynthi 100 epnkungaehngaelng ekhathangtawntkswnihymilksnaxakasaebbaexlp lksnaxakasepnaebbaehngaelnginaexngihy thaelthrayinphakhtawntkechiyngit emdietxrereniyninrthaekhlifxreniychayfng aelaphumixakasaebbxbxunchunphakhphunsmuthrinchayfngrthxxrikxnaelarthwxchingtn aelathangitkhxngrthxaaelska rthxaaelskaswnihyepnaebbkungxarktikhruxkhwolk rthhawayaelaplayitsudkhxngrthflxridamilksnaxakasaebbekhtrxn echnediywkbdinaednthimiprachakrxyuxasyinthaelaekhribebiynaelamhasmuthraepsifik xakassudotngepneruxngimaeplk inrththitidxawemksiokthimikhwamesiyngekidphayuehxrriekhn aelathxrenodswnihykhxngolkekidinpraethsni odyekidinbriewntrxkthxrenodaethbtawntkklangaelaphakhitepnhlk stwpa xinthrihwkhawepnnkpracachatikhxngshrthtngaetpi 1782 niewswithyakhxngshrthnnhlakhlaymak megadiverse odymiphuchmithxlaeliyngpraman 17 000 chnidinshrthaephndinihyaelarthxaaelska aelaphbphuchdxkkwa 1 800 chnidinrthhaway sungmicanwnnxythiphbinaephndinihy shrthepnthinthixyukhxngstweliynglukdwynm 428 chnid nk 784 chnid stweluxykhlan 311 chnidaelastwsaethinnasaethinbk 295 chnid mikarphbaemlngpraman 91 000 chnidxinthrihwkhawepnnkpracachatiaelastwpracachatikhxngshrth aelaepnsylksnkhxngpraethsesmxma mixuthyanaehngchati 58 aehngaelaxuthyan paaelaphunthithidininsphaphthrrmchatixunthirthbalklangcdkarxiknbhlayrxyaehng ebdesrcaelwrthbalepnecakhxngphunthipraman 28 khxngpraeths swnihyphunthiehlanimikarkhumkhrxng aembangswnihechasahrbkarkhudecaanamnaelaaeks karthaehmuxng karthaimhruxkareliyngpsustw praman 0 86 ichephuxwtthuprasngkhthangthhar khwayibsnepnstwpracachatikhxngshrthtngaetpi 2016 pyhasingaewdlxmepnwaraaehngchatimatngaetpi 1970 karotethiyngeruxngsingaewdlxmrwmthungkarxphiprayeruxngnamnaelaphlngnganniwekhliyr karcdkarkbmlphisthangxakasaelana khaichcaythangesrsthkicinkarphithksstwpa karthaim aelakarthalaypa aelakartxbsnxngrahwangpraethsekiywkbphawaolkrxn mihnwyngankhxngrthbalklangaelarthhlayhnwynganekiywkhxng thioddednthisudkhux sanknganpkpxngsingaewdlxmshrth Environmental Protection Agency thitngkhuntamkhasngkhxngprathanathibdiinpi 1970 khwamkhideruxngthidininsphaphthrrmchatiidkxrupkarcdkarthidinsatharnatngaetpi 1964 dwybthbyytithidininsphaphthrrmchati Wilderness Act rthbyytisingmichiwitiklsuyphnthupi 1973 miectnakhumkhrxngchnidthixyuinkhayesiyngtxkarsuyphnthuhruxiklkarsuyphnthuaelathinthixyukhxngphwkmn odymirachkarplaaelastwpashrthepnphutrwctraprachakrsastrprachakr echuxchati chatiphnthu pramankhxng ACS pi 2015 aebngtamechuxchati 73 1 phiwda 12 7 exechiy 5 4 xemriknxinediynaela 0 8 aela 0 2 3 1 echuxchatixun 4 8 aebngtamchatiphnthu thukechuxchati 17 6 miich thukechuxchati 82 4 klumbrrphburusihysudaebngtamethsmnthl pi 2000 sungmimakthisud sankngansamaonshrthpramancanwnprachakrkhxngpraethsemuxwnthi 25 emsayn 2016 iwthi 323 425 550 khn odyephimkhun 1 khn ephimsuththi thuk 13 winathi hruxpraman 6 646 khntxwn prachakrshrthephimkhunekuxbsiethainkhriststwrrsthi 20 cakpraman 76 lankhninpi 1900 shrthepnpraethsthimiprachakrmakthisudxndbsamkhxngolkrxngcakpraethscinaelaxinediy shrthepnpraethsxutsahkrrmhlkpraethsediywthimikarthanaykarephimkhxngprachakrkhnadihy inkhristthswrrs 1800 hyingechliymibutr 7 04 khn emuxthungkhristthswrrs 1900 canwndngklawldlngehlux 3 56 khn nbaettnkhristthswrrs 1970 epntnma xtrakarekidldtakwaxtrathdaethn 2 1 odyxyuthibutr 1 86 khntxhying 1 khninpi 2014 karekhaemuxngthiekidtangdawthaihprachakrshrthyngephimkhunxyangrwderwodyprachakrthiekidtangdawephimkhunepnsxngethacakpraman 20 lankhninpi 1990 epnkwa 40 lankhninpi 2010 odyepnkarephimkhxngprachakrhnunginsam prachakrthiekidtangdawthung 45 lankhninpi 2015 shrthmiprachakrhlakhlaymak odyklumbrrphburus 37 klummismachikkwa 1 lankhnepnklumchatiphnthuihysud kwa 50 lankhn rxnglngmaidaek praman 37 lankhn praman 31 lankhn aela praman 28 lankhn epnklumechuxchatiihysud chawxemriknphiwdaepnechuxchatichnklumnxyihysudkhxngpraeths hmayehtuwainsamaonshrth xemriknhisaepnikaelalationnbepnklum chatiphnthu miichklum echuxchati aelaepnklumbrrphburusihysudxndbsamchawxemriknechuxsayexechiyepnechuxchatichnklumnxyihysudxndbsxng odyklumchatiphnthukhxngchawxemriknechuxsayexechiyihysudsamxndb idaek chawxemriknechuxsaycin chawxemriknechuxsayfilippins aelachawxemriknechuxsayxinediy shrthmixtraekid 13 khntx 1 000 khn sungtakwakhaechliykhxngolk 5 khn xtrakaretibotkhxngprachakrepnbwk 0 7 sungkwapraethsphthnaaelwhlaypraeths inpingbpraman 2012 phuekhaemuxngkwahnunglankhn swnmakekhapraethsphankarrwmkhrxbkhrw idrbthinthixyutamkdhmaypraethsemksiokepnpraethstnthangkhxngphuxyuxasyihmxndbtn tngaetrthbyytikarekhaemuxngpi 1965 praethscin xinediyaelafilippinsepnpraethsthimiphuekhaemuxngsungsudsixndbthukpimatngaetkhristthswrrs 1990 inpi 2012 phuxyuxasypraman 11 4 lankhnepnphuekhaemuxngimchxbdwykdhmay inpi 2015 47 khxngphuekhaemuxngthnghmdepnhisaepnik 26 epnchawexechiy 18 epnkhnkhaw aela 8 epnkhnda rxylakhxngphuekhaemuxngsungepnchawexechiyephimkhunswnrxylakhxngphuepnhisaepnikldlng chnklumnxy sungkrmsamaonniyamwahmaythungthukkhnykewnkhnphiwkhawthimiichhispaepnikaelamiichhlayechuxchati prakxbepn 37 2 khxngprachakrinpi 2012 aelakwa 50 khxngedkxayunxykwahnungpi aelakhadwacaklayepnfaykhangmakemuxthungpi 2044 tamkarsarwcsungdaeninkarodysthabnwileliyms chawxemriknekalankhn hruxpraman 3 4 khxngprachakrphuihyrabutnexngwaepnrkrwmephs rksxngephshrux karsarwcmtimhachnpi 2016 yngsrupwa 4 1 khxngchawxemriknphuihyrabutnepnaexlcibithi rxylasungsudmacakekhtokhlmebiy 10 swnrththitwelkhtasud khux rthnxrthdaoktathi 1 7 karsarwcinpi 2013 sunysahrbkarkhwbkhumaelapxngknorkhphbwa 96 6 rabutnwatrngephs swn 1 6 rabuwaepnekyhruxelsebiyn aela 0 7 rabuwaepnrksxngephs inpi 2010 prachakrshrthpraman 5 2 lankhnmibrrphburusepnxemriknxinediynhruxchnphunemuxngxlaska 2 9 lankhnthimiechphaakhxngbrrphburusdngklaw aela 1 2 lankhnthimibrrphburuschnphunemuxnghawayhruxchawekaaaepsifik 0 5 lankhnmiechphaabrrphburusdngklaw samaonnbkwa 19 lankhnxyuin echuxchatixun sung imsamarthrabuid waxyuinhmwdechuxchatixyangepnthangkarhahmwdinpi 2010 odymikwa 18 5 97 khxngcanwnnimichatiphnthuhisaepnik karetibotkhxngprachakrhisaepnikaelalationxemrikn khadngklawichaethnknidxyangepnthangkar epnaenwonmprachakrsastrthisakhy sankngansamaonrabuchawxemriknechuxsayhisaepnik 50 5 lankhn wami chatiphnthu aeyktanghak 64 khxnghisaepnikxemriknmiechuxsayemksiok rahwangpi 2000 thung 2010 prachakrhisaepnikkhxngpraethsephim 43 khnathiprachakrthimiichhisaepnikephimephiyng 4 9 karetibotswnmakmacakkarekhaemuxng inpi 2007 12 7 khxngprachakrshrthekidtangdaw khnathi 54 incanwnniekidinlatinxemrika chawxemriknpraman 82 xasyxyuinekhtemuxng rwmchanemuxng incanwnnipramankunghnungxasyxyuinnkhrthimiprachakrkwa 50 000 khn shrthmihlayklumnkhrthieriyk emkaricn megaregion emkaricnkhnadihysudkhux xphimhankhrekrtelks Great Lakes Megalopolis tamdwyxphimhankhrtawnxxkechiyngehnuxaelaaekhlifxreniyit inpi 2008 miethsbal 273 ethsbalthimiprachakrkwa 100 000 khn miekankhrthimiphuxyuxasykwahnunglankhn aelasinkhrolkthimiprachakrkwasxnglankhn niwyxrk lxsaexneclis chikhaokaelahustn mi 52 phunthimhankhrthimiprachakrkwahnunglankhn phunthimhankhrthietiboterwthisud 47 cak 50 phunthixyuinphakhtawntkhruxphakhit phunthimhankhraesnebxrnardion aedlls hustn aextaelntaaelafinikslwnetibotkwahnunglankhnrahwangpi 2000 thung 2008 sunyklangprachakrxndbtn duaekxndb nkhraeknklang prachakrinphunthinkhrbal phakh nkhrniwyxrk lxsaexngeclis chikhaok aedlls1 nkhrniwyxrk 20 182 3052 lxsaexngeclis 13 340 0683 chikhaok 9 551 0314 7 102 7965 hiwstn 6 656 9476 wxchingtn di si 6 097 6847 filaedlefiy 6 069 8758 imaexmi 6 012 3319 aextaelnta 5 710 79510 bxstn 4 774 32111 sanfransisok 4 656 13212 finiks 4 574 53113 4 489 15914 dithrxyt 4 302 04315 siaextethil 3 733 58016 3 524 58317 aesndiexok 3 299 52118 2 975 22519 ednewxr 2 814 33020 esnthluys 2 811 588tamkarpramanprachakrpi 2015 caksanksamaonshrth phasa phasathikhnkwa 1 lankhnphudthibaninshrth pi 2010 phasa rxylakhxng prachakr canwn phuphud canwnphuphud phasaxngkvs iddihruxdimakxngkvs ethann 80 233 780 338 thukkhnrwmthukphasa thimiichxngkvs 20 57 048 617 43 659 301sepn imrwmpwyrotriokaela 12 35 437 985 25 561 139cin rwmphasakwangtungmatrthanaelaphasacinmatrthan 0 9 2 567 779 1 836 263takalxk 0 5 1 542 118 1 436 767ewiydnam 0 4 1 292 448 879 157frngess rwmaetimrwm 0 4 1 288 833 1 200 497ekahli 0 4 1 108 408 800 500eyxrmn 0 4 1 107 869 1 057 836 phasaxngkvs phasaxngkvsaebbxemrikn epnphasapracachatiodyphvtiny aemimmiphasarachkarinradbshphnthrth aetkdhmaybangchbb echn khxkahndkaraeplngsychatikhxngshrth wangmatrthanphasaxngkvs inpi 2010 praman 230 lankhnhrux 80 khxngprachakrxayutngaethapikhunip phudphasaxngkvsthibanethann phasasepn sungmiprachakr 12 phudthiban epnphasathiphbmakthisudxndbsxngaelaepnphasathisxngthisxnknaephrhlaythisud chawxemriknbangswnsnbsnunihphasaxngkvsepnphasarachkarkhxngpraeths enuxngcakepnphasarachkaraelwin 32 rth thngphasahawayaelaphasaxngkvsepnphasarachkarinrthhawaytamkdhmaykhxngrth aemimmiphasarachkar aetrthniwemksiokmikdhmaythikahndkarichthngphasaxngkvsaelaphasasepn echnediywkbthirthluyesiynakahndihichphasaxngkvsaelafrngess rthxun echn rthaekhlifxreniymikhasngsalsungihphimphephyaephrexksarrachkarbangchnidepnphasasepn rwmthngaebbkhxngsal hlayekhtxanacthimiphuimphudphasaxngkvscanwnmakmikarphlitexksarrthbal odyechphaaxyangyingsarsnethskareluxktng inphasathimiphuphudaephrhlayinekhtxanacehlann hlaydinaednekaaihkarrbrxngxyangepnthangkartxphasaphunemuxngrwmkbphasaxngkvs odyxemriknsamwaelakwmrbrxng aela tamladb hmuekaanxrethirnmaeriynarbrxngaelachamxror chatiechxorkhirbrxngphasaechxorkhixyangepnthangkarinphunthiekhtxanacephaechxorkhiinrthoxklaohmatawnxxk phasasepnepnphasarachkarinpwyrotriokaelamiphudknaephrhlaykwaphasaxngkvsthinn phasatangdawthisxnknkwangkhwangthisudinthukradbinshrth inaengkhxngcanwnphulngthaebiyn idaek phasasepn phueriynpraman 7 2 lankhn frngess 1 5 lankhn aelaeyxrmn 500 000 khn phasathimisxnaephrhlayxun odymiphueriyn 100 000 thung 250 000 khn miphasalatin yipun phasaxitaliaelacin 18 khxngchawxemriknxangwatnphudidmakkwahnungphasanxkcakphasaxngkvs sasna sasnathinbthuxinshrth pi 2014 sasna khxngprachakrshrthkhrist 70 6 70 6 opretsaetnt 46 5 46 5 25 4 25 4 14 7 14 7 6 5 6 5 khathxlik 20 8 20 8 mxrmxn 1 6 1 6 phyanphrayaohwa 0 8 0 8 xisethirnxxrthxdxks 0 5 0 5 khristxun 0 4 0 4 yudah 1 9 1 9 xislam 1 1 phuthth 0 7 0 7 hindu 0 7 0 7 sasnaxun 1 8 1 8 immisasna 22 8 22 8 imnbthuxsasnaidsasnahnung 15 8 15 8 xiyyniym 4 0 4 xethwniym 3 1 3 1 imthrabhruxptiesthimtxb 0 6 0 6 karaekikhephimetimrththrrmnuyshrthkhrngaerkrbpraknkarnbthuxsasnaxyangesriaelahamrthsphaphankdhmayekiywkbsthabnsasna sasnakhristepnsasnathimiphunbthuxmakthisudinshrth inkarsarwcpi 2013 chawxemrikn 56 klawwa sasnami bthbathsakhymakinchiwitkhxngphwkekha sungepntwelkhsungkwakhxngpraethsthirarwyxunmak inkarsarwcmtimhachnpi 2009 chawxemrikn 42 klawwa phwkekhaekhaobsththukspdahhruxekuxbthukspdah twelkhdngklawaeprphntngaet 23 inrthewxrmxnt cnthungsung 63 inrthmississippi phuechiywchay nkwicyaelaphupraphntheriykshrthwaepn chatiopretsaetnt hrux kxtngbnhlkkaropretsaetnt odyennmrdklththikhalwinepnphiess shrtherimekhrngsasnanxylngechnediywkbpraethstawntkxun karimmisasnaetibotxyangrwderwinhmuchawxemriknxayutakwa 30 pi karsarwcaesdngwa khwamechuxmninsasnakhxngchawxemriknodyrwmesuxmlngmatngaetklangthungplaykhristthswrrs 1980 odyechphaaxyangyingchawxemriknxayunxythiimmisasnaephimkhun karsuksainpi 2012 bngchiwasdswnprachakrshrththinbthuxopretsaetntldlngehlux 48 thaihyutisthanphaphepnhmwdsasnakhxngfaykhangmakepnkhrngaerk chawxemriknthiimmisasnamibutr 1 7 khnethiybkbkhristsasnikchn 2 2 khn phuimnbthuxsasnayngmiaenwonmsmrsnxykwakhristsasnikchn 37 tx 52 cakkarsarwcpi 2014 phuihy 70 6 rabutwexngepnkhristsasnikchn ldlngcak 73 inpi 2012 opretsaetntnikaytang khidepn 46 5 inkhnathinikayormnkhathxlikkhidepn 20 8 epnnikayediywthiihythisud sasnaxunnxkehnuxcaksasnakhristthiraynganthnghmdinpi 2014 mi 5 9 sasnaxun idaek sasnayudah 1 9 sasnaxislam 0 9 sasnahindu 0 7 sasnaphuthth 0 7 karsarwcyngraynganwachawxemrikn 22 8 rabutwexngwaxiyyniym xethwniymhruximmisasna ephimkhuncak 8 2 inpi 1990 nxkcakniyngmichumchn sasnabaih sasnasikkh sasnaechn lththichinot lththikhngcux lththieta druxid phunemuxngxemrikn wikha mnusyniym aelaethwsniym opretsaetntepnklumsasnakhristthiihythisudinshrth mikhristckraebpthistrwmknepnnikayopretsaetntthiihythisud aelashkhristckraebpthistit Southern Baptist Convention epnnikayopretsaetntediywthiihysud chawxemriknpraman 26 rabutnepnopretsaetntxiwaneclikhl Evangelical Protestant swn 15 epnsayhlk Mainline aela 7 epnkhristckrdadngedim ormnkhathxlikinshrthmiehngainkarthaihthwipxemrikaepnxananikhmkhxngsepnaelafrngess aelatxmakhyaytwenuxngcakkarekhaemuxngkhxngchawixrich xitali opaelnd eyxrmnaelasepn rthordixaelndmirxylakhxngkhathxliksungsudodymi 40 khxngprachakr nikayluethxaerninshrthkaenidcakkarekhaemuxngcakyuorpehnuxaelapraethseyxrmni rthnxrthaelaesathdaokhtaepnephiyngsxngrththimiprachakrswnihyepnluethxraernmakkwa phuekhaemuxngchawskxtaelaskxtxlsetxrephyaephnikayephrsibthieriyninthwipxemrikaehnux aemnikaydngklawidephyaephthwshrth aetkracukxyuinchayfngtawnxxkepnhlk mikarkxtngklumphunbthuxsasnaptirupdtchkhrngaerkinniwxmsetxrdm nkhrniwyxrk kxnephyaephipthangthistawntk rthyuthahepnrthediywthimxrmxnepnsasnakhxngprachakrswnihy chnwnmxrmxnyngkhyayipthungbangswnkhxngrthixdaoh enwadaaelaiwoxming ekhmkhdibebil Bible Belt epnphasapakicheriykphumiphakhinphakhitkhxngshrthsungopretsaetntxiwaneclikhlsungepnxnurksniymthangsngkhmepnswnsakhykhxngwthnthrrmaelaxtrakarekhaobsthkhristinnikaytang pktisungkwakhaechliykhxngpraeths inthangklbkn sasnamibthbathsakhynxyinekhtniwxingaelndaelaphakhtawntkkhxngshrth okhrngsrangkhrxbkhrw inpi 2007 chawxemriknxayutngaet 18 pikhunip 58 smrs 6 epnmay 10 hyarang aela 25 imekhysmrs khnanihyingswnihythangannxkban aelasaerckarsuksapriyyatrimakkwachay xtrakartngkhrrphwyrunshrthxyuthi 26 5 khntx 1 000 khn xtradngklawldlng 57 cakpi 1991 inpi 2013 xtraekidwyrunsungsudxyuinrthaexlabama aelatasudinrthiwoxming karthaaethngchxbdwykdhmaythwthngshrth enuxngcakkhdirahwangoraelaewd Roe v Wade khawinicchybrrthdthaninpi 1973 khxngsalsungsudaehngshrth aemxtrakarthaaethngcaldlng aetxtrathaaethng 241 tx 1 000 karkhlxdmichiphaelaxtrakarthaaethng 15 khntx 1 000 khninhyingxayurahwang 15 44 pikyngsungkwaxtrakhxngchatitawntkswnihy inpi 2013 xayuechliykhxngkarkhlxdkhrngaerkxyuthi 26 piaela 40 6 khxngkarekidekidkbhyingimsmrs mikarpramanxtraecriyphnthurwmkhxngpi 2013 iwthi 1 86 karekidtxhying 1 khn karrbbutrbuythrrminshrthmithwipaelakhxnkhangngaycakmummxngkdhmayemuxethiybkbpraethstawntkxun inpi 2001 dwykarrbbutrbuythrrmkwa 127 000 khn shrthkhidepnekubxkunghnungkhxngcanwnkarrbbutrbuythrrmthnghmdthwolkkarsmrsephsediywknchxbdwykdhmaythwpraethsaelakhusmrsephsediywknsamarthrbbutrbuythrrmidtamkdhmay phhusamiphriyaimchxbdwykdhmaythwthngshrthkaremuxngkarpkkhrxngxakharrthsphashrth sthanthiprachumkhxngrthspha idaek wuthispha saymux sphaphuaethnrasdr khwamux thaeniybkhaw cwnaelathithangankhxngprathanathibdishrththiprachumkhxngsalsungsud shrthepnshphnthrthekaaekthisudinolkthiyngmixyumathungpccubn epnsatharnrthaebbmirththrrmnuyaelaprachathipityaebbmiphuaethn sungkarthuxesiyngkhangmakepneknthmakthukcakdodythiidrbkarkhumkhrxngtamkdhmay mikarwangraebiybkarpkkhrxngdwyrabbtrwcsxbaelathwngdulthiniyamtamrththrrmnuyshrth sungepnkdhmaysungsudkhxngpraeths sahrb kh s 2016 shrthcdxyuinxndbthi 21 tamdchniprachathipity aelaxndbthi 18 indchniphaphlksnkhxrrpchn inrabbshphnthrthniymxemrika pktiphlemuxngxyuitbngkhbaehngkarpkkhrxngsamradb khux shphnthrth rthaela hnathirthbalthxngthinpktiaebngknrahwangrthbalethsmnthl county aela inekuxbthukkrni kharachkarfaybriharaelanitibyytimacakkareluxktngaebbkhaaennesiyngthiehnuxkwakhxngphlemuxngaebngtamekht immiinradbshphnthrth aelaphbnxyinradblangkwa rthbalklangprakxbdwysamxanac idaek sphanitibyyti rthsphasungichrabbsxngspha prakxbdwywuthisphaaelasphaphuaethnrasdr thahnathixxkkdhmayklang prakassngkhram rbrxngsnthisyya mixanacphanngbpraman power of the purse aelamixanac sungsamarththxdthxnsmachikrthbalpccubnid faybrihar prathanathibdiepnphubychakarthharsungsud samarthichsiththiybyngrangkdhmaykxnmiphlichbngkhb aetsamarththukrthsphaaeyngid aelaaetngtngsmachikkhnarthmntri odykarxnumtikhxngwuthispha aelakharachkarxun sungpkkhrxngaelaichbngkhbkdhmayaelanoybayklang faytulakar salsungsudaelasalklangradblangkwa sungphuphiphaksamacakkaraetngtngkhxngprathanathibdidwykarxnumtikhxngwuthispha tikhwamkdhmayaelaykelikkdhmaythiwinicchywaimchxbdwyrththrrmnuy sphaphuaethnrasdrmismachikxxkesiynglngkhaaenn 435 khn aetlakhnepnphuaethnkhxngekhtrthsphaepnsmysxngpi thinngkhxngsphaphuaethnrasdrmikarcdsdswntamrthaebngtamprachakrthuksibpi insamaonpi 2010 ecdrthmiphuaethnkhntahnungkhn swnrthaekhlifxrenniy rththimiprachakrmakthisud mi 53 khn wuthisphamismachik 100 khn odyaetlarthmismachikwuthisphasxngkhn idrbeluxktngodyimaebngekhtmiwarala 6 pi taaehnngwuthisphahnunginsammikareluxktngpiewnpi prathanathibdidarngtaaehnngwarala 4 pi aelaxacidrbeluxktngidimekinsxngkhrng prathanathibdi aetmacakrabbkhnaphueluxktngthangxxmsungkahndkhaaennesiyngthicdsdswnihaekrthaelaekhtokhlmebiy salsungsud sungmiprathansalsungsudaehngshrthepnhwhna mismachikekakhn sungdarngtaaehnngtlxdchiph xnusawriyethphiesriphaphinnkhrniwyxrkepnsylksnkhxngthngshrthaelaxudmkarnesriphaph prachathipityaelaoxkas rthbalrthmiokhrngsrangkhlay kn aetrthenaebrskamisphanitibyytithiichrabbsphaediywtangcakrthxun phuwakaraetlarth hwhnafaybrihar macakkareluxktngodytrng phuphiphakasaaelakhnarthmntrikhxngbangrthmacakkaraetngtngkhxngphuwakarkhxngrthnn aetbangrthmacakkareluxktngkhxngprachachn khxkhwamdngedimkhxngrththrrmnuykahndokhrngsrangaelakhwamrbphidchxbkhxngrthbalklangaelakhwamsmphnthkbrthhnung matra 1 khumkhrxngsiththi rththrrmnuymikaraekikhephimetim 27 khrng karaekikhephimetimsibkhrngaerk sungrwmeriywa rthbyytisiththi Bill of Rights aelakaraekikhephimetimkhrngthi 14 kxepnrakthanklangkhxngsiththipceckkhxngchawxemrikn kdhmayaelawithidaeninkarpkkhrxngthnghmdxyuphayitaelakdhmaythisalwinicchywalaemidrththrrmnuyepnomkha salsungsudsthapnahlkkarphicarnathbthwnodysal aemmiidklawiwchdecninrththrrmnuy inkhdirahwangmarburikbemdisn Marbury v Madison pi 1803 ekhtrthkic aephnthiekhtesrsthkicekhtesrsthkiccaephaakhxngshrth aesdngrth dinaednaelakarkhrxbkhrxng shrthepnshphnthsatharnrthprakxbdwy 50 rth ekhtshphnthrth hadinaednaelaekaathiimmikhnxyuxasysibexdekaa rthaeladinaednepnekhtkarpkkhrxnghlkinpraeths aebngepnekhtyxyethsmnthlaelankhrxisra ekhtokhlmebiyepnekhtshphnthrthsungmiemuxnghlwngkhxngshrth khux krungwxchingtn di si rthaelaekhtokhlmebiyeluxkprathanathibdishrth aetlarthmiphueluxktngprathanathibdiethiybethakbphuaethnrasdraelasmachikwuthisphainrthspha ekhtokhlmebiymisamkhn ekhtrthsphamikarkahndcanwnphuaethntamswnkhxngphlemuxngihmkhxngrthhlngsamaonprachakrthuksibpi aelwaetlarthepnekhtsmachikhnungihepniptamkarcdsdswnsamaon micanwnphuaethnrasdrthnghmd 435 khn aelasmachikrthsphaphuaethnepntwaethnkhxngekhtokhlmebiyaelahadinaednhlkkhxngshrth shrthyngmi tribal sovereignty khxngchatixemriknxinediyninkhxbekhtcakd echnediywkbxanacxthipitykhxngrth xemriknxinediynepnphlemuxngshrthaeladinaednchnephaxyuphayitxanackhxngrthsphashrthaelasalshphnthrth echnediywkbrth chnephamixttantisung aetkimidrbxnuyatihprakassngkhram mikhwamsmphnthrahwangpraethschxngtnexng hruxphimphaelaxxkengintra phrrkhkaremuxngaelakareluxktng oc ibedin prathanathibdikhnthi 46 tngaetwnthi 20 mkrakhm kh s 2021kmla aehrris rxngprathanathibdikhnthi 49 tngaetwnthi 20 mkrakhm kh s 2021 shrthichrabbsxngphrrkhmaekuxbtlxdprawtisastr sahrbtaaehnngeluxktngaethbthukradb kareluxktngphusmkhrrxbaerkthirthcdkareluxkphuidrbesnxchuxkhxngphrrkhkaremuxnghlksahrbkareluxktngthwipinewlatxma nbaetkareluxktngthwip kh s 1856 phrrkhkaremuxnghlkidaek phrrkhedomaekhrtsungkxtngin kh s 1824 aelaphrrkhriphbliknsungkxtngin kh s 1854 nbaetsngkhramklangemuxng miphusmkhrrbeluxktngprathanathibdicakphrrkhthisamephiyngkhnediyw khux xditprathanathibdithioxdxr orsewlt sungmacakphrrkhkawhnain kh s 1912 prathanathibdiaelarxngprathanathibdimacakkareluxktngphanrabbkhnaphueluxktng phayinxemrika phrrkhriphbliknfayklangkhwathuxwaepn xnurksniym aelaphrrkhedomaekhrtfayklangsaythuxwaepn esriniym rthphakhtawnxxkechiyngehnuxaelachayfngtawntkaelarthekrtelksbangrthruckkninnam rthnaengin khxnkhangepnesriniym rthaedng inphakhitaelabangswnkhxngekrtephlnsaelaethuxkekharxkkikhxnkhangepnxnurksniym oc ibedin cakphrrkhedomaekhrt phuchnakareluxktngprathanathibdi kh s 2020 pccubndarngtaaehnngepnprathanathibdishrthkhnthi 46 phunapccubninwuthispha idaek rxngprathanathibdikmla aehrriscakphrrkhedomaekhrt prathanchwkhrawaephthrik lihi Patrick Leahy cakphrrkhedomaekhrt hwhnafaykhangmak Chuck Schumer aelahwhnafaykhangnxy Mitch McConnell phunainsphaphuaethnrasdr idaek prathansphaphuaethnrasdraennsi epholsi hwhnafaykhangmak setni hxyeyxr Steny Hoyer aelahwhnafaykhangnxy Kevin McCarthy inrthsphashrthsmythi 117 phrrkhedomaekhrtkhrxngthngsphaphuaethnrasdraelawuthispha pccubnwuthisphamiedomaekhrt 48 khn aelaxisra 2 khnsungprachumlbkbedomaekhrt riphblikn 50 khn sphaphuaethnrasdrprakxbdwyriphblikn 221 khnaelaedomaekhrt 211 khn intaaehnngphuwakarrth miriphblikn 27 khn edomaekhrt 23 khn inbrrdanaykethsmntri di si aelaphuwakardinaedn 5 khn miriphblikn 2 khn edomaekhrt 1 khn kawhnaihm 1 khnaelaxisra 2 khn khwamsmphnthkbtangpraeths sanknganihyshprachachatisrangkhuninicklangemuxngaemnhttninpi 1952 shrthmiokhrngsrangkhwamsmphnthrahwangpraethssungidrbkaryxmrb epnsmachikthawrkhxngkhnamntrikhwammnkhngaehngshprachachati aelankhrniwyxrkepnthitngkhxngsanknganihyshprachachati epnsmachikci 7 ci20 aelaxngkhkarephuxkhwamrwmmuxthangesrsthkicaelakarphthna ekuxbthukpraethsmisthanexkxkhrrachthutinkrungwxchingtn di si aelahlaypraethsmisthankngsulthwpraeths inthanxngediywkn ekuxbthukpraethsmikhnathutxemriknxyu xyangirktam xihran ekahliehnux phutanaelasatharnrthcin ithwn immikhwamsmphnththangthutxyangepnthangkarkbshrth aemshrthyngmikhwamsmphnthkbithwnaelasngyuththphnthih shrthmi khwamsmphnthphiess kbshrachxanackr aelakhwamsmphnthehniywaennkbpraethsaekhnadaxxsetreliy niwsiaelndfilippinsyipunekahliitxisraexl aelaxikhlaypraethsshphaphyuorp rwmthungpraethsfrngess xitali eyxrmniaelasepn shrththanganxyangiklchidkbsmachiknaotdwykninpraednthangthharaelakhwammnkhng aelakbpraethsephuxnbanodyphanxngkhkarnanarthxemrikn aelakhxtklngkarkhaesri echn khwamtklngkarkhaesrixemrikaehnuxitrphakhikbpraethsaekhnadaaelaemksiok inpi 2008 shrthichngbpramansuththi 25 400 landxllarshrthinkarchwyehluxphthnaxyangepnthangkar sungmakthisudinolk xyangirktam karihenginchwyehluxkhxngshrth 0 18 emuxethiybepnsdswnkhxngrayidmwlrwmprachachatikhxngshrth thaihcdxyuxndbsudthayinbrrdarthbricakh 22 praeths inthangtrngkham karihengintangpraethskhxngexkchnodychawxemriknkhxnkhangephuxaeph shrthichxanacaelakhwamrbphidchxbdankarpxngknpraethsrahwangpraethsxyangsmburnsahrbsamrthexkrachphankhwamtklngrahwangpraethssmakhmxisra Compact of Free Association kbimokhrniesiy hmuekaamaraechllaelapaela praethsehlaniepnchatiekaaaepsifik sungekhyepndinaedninphawathrstihmuekaaaepsifik Trust Territory of the Pacific Islands thishrthbriharhlngsngkhramolkkhrngthisxng sungidrbexkrachinewlatxma karkhlngphakhrth hnisinrthbalklangshrththiphakhrthbalthuxkhrxngepnrxylakhxngcidiphi tngaetpi 1790 thung 2013 phasiinshrthmikarcdekbinradbrthbalshphnthrth rthaelathxngthin phasiehlanirwmthungphasirayid hkcakkhacang thrphysin karkhay naekha mrdkaelakarih tlxdcnkhathrrmeniymtang inpi 2010 phasithirthbalklang rth aelaethsbalcdekbidkhidepn 24 8 khxngcidiphi chwngpingbpraman 2012 rthbalklangcdekbrayidcakphasipraman 2 45 lanlandxllarshrth ephimkhun 147 000 landxllarshrth hrux 6 emuxethiybkbrayid 2 30 lanlandxllarshrthkhxngpingbpraman 2011 hmwdhmuhlkidaek phasirayidbukhkhlthrrmda 1 132 000 landxllarshrthhrux 47 phasihlkpraknsngkhm karpraknsngkhm 845 000 landxllarshrthhrux 35 aelaphasinitibukhkhl 242 000 landxllarshrthhrux 10 tamkarpramankhxngsanknganngbpramankhxngrthspha phayitkdhmayphasipi 2013 phumirayidsungsud 1 cacayxtraphasiechliysungsudnbaetpi 1979 swnklumrayidxunyngxyuinxtratasudepnprawtikarn odythwipkarekbphasixakrkhxngshrthepnaebbkawhna odyechphaaxyangyingphasirayidkhxngrthbalklang aelaepnaebbkawhnamakthisudinpraethsphthnaaelw phumirayidsungsud 10 cayphasikhxngrthbalklangswnihy aelaekuxbkhrunghnungkhxngphasithnghmd phasihkcakkhacangsahrbhlkpraknsngkhmepnphasithdthxyaenwrab odyimmikarekbphasikbrayidekin 118 500 dxllarshrth sahrbpi 2015 aela 2016 aelaimekbphasielysahrbphuimmirayidcakhlkthrphyaelakairswnthun karihehtuphledimsahrbsphaphthdthxykhxngphasihkcakkhacang khux okhrngkarkarihsiththiimthukmxngepnkaroxnswsdikar thwa tamkhxmulkhxngsanknganngbpramankhxngrthspha phllphthsuththikhxnghlkpraknsngkhm khux xtrapraoychntxphasimiphisytngaetpraman 70 sahrb 20 khxngphumirayidsungsudthungpraman 170 sahrb 20 khxngphumirayidtasud thaihrabbepnaebbkawhna phumirayidsungsud 10 cay 51 8 khxngphasirthbalklangthnghmdinpi 2009 aelaphumirayidsungsud 1 sungmirayidprachachatikxnesiyphasi 13 4 cayphasirthbalklang 22 3 inpi 2013 sunynoybayphasiphyakrnwaxtraphasiyngphlkhxngrthbalklang 35 5 sahrbphumirayidsungsud 1 29 7 sahrbphumirayidsungsud 20 13 8 sahrbphumirayidpanklangaela 2 7 sahrbphumirayidtasud pharaphasienginidnitibukhkhlepnpraednkrniotethiyngthikalngdaeninxyumahlaythswrrs phasirthaelathxngthinaetktangknmak aetodythwipepnaebbthdthxynxykwaphasirthbalklangephraakarcdekbphasinnxasyphasikarkhayaelathrphysxnaebbthdthxysungihkraaesrayidthilbeluxnidnxykwa aemrwmphasiehlanidwyaelw karcdekbphasiodyrwmkyngepnaebbkawhna rahwangpingbpraman 2012 rthbalklangichngbpramanhruxeknthenginsd 3 54 lanlandxllarshrth ldlng 60 000 landxllarshrth hrux 1 7 emuxethiybkbpingbpraman 2011 thiich 3 60 lanlandxllarshrth raycayhmwdhlkinpingbpraman 2012 idaek emdiaekhraelaemdiekhd 802 000 landxllarshrthhrux 23 khxngraycay hlkpraknsngkhm 768 000 landxllarshrthhrux 22 krathrwngklaohm 670 000 landxllarshrthhrux 19 dulyphinicnxkehnuxcakkarklaohm 615 000 landxllarshrthhrux 17 raycaybngkhbxun 461 000 landxllarshrthhrux 13 aeladxkebiy 223 000 landxllarshrthhrux 6 hnisinkhxngchatithnghmdkhxngshrthxyuthi 18 527 lanlandxllarshrth 106 khxngcidiphi inpi 2014 shrthmikarcdxndbekhrdit AA caksaetndardaexndphws AAA cak aela AAA cak kxngthph prathanathibdimitaaehnngphubychakarthhar aelaaetngtnghwhna rthmntriwakarkrathrwngklaohm aelakhnaesnathikarrwm krathrwngklaohmkhxngshrthbriharkxngthph rwmthngkxngthphbk kxngthpherux ehlanawikoythin aelakxngthphxakas hnwyyamfngdaeninkarodykrathrwngkhwammnkhngaehngmatuphumiinyamsngbaelakrathrwngthhareruxinyamsngkhram inpi 2008 kxngthphmikalngphlpracakar 1 4 lannay hrux 2 3 lannayhaknbrwmkalngsarxngaelakalngpxngknchati krathrwngklaohmwacangphleruxnpraman 700 000 khn imnbrwmphurbehma klumocmtieruxbrrthukekhruxngbin khittihxwk ornld eraekn aelaxbrahm linkhxln kbekhruxngbincakehlanawikoythin kxngthpheruxaelakxngthphxakas rachkarthharepnaebbsmkhric aemxacmikareknththharinyamsngkhramphanrabbrachkarkhdeluxk Selective Service System kalngxemrikasamarthwangkalngidxyangrwderwodyklumxakasyankhnsngkhnadihykhxngkxngthphxakas eruxbrrthukxakasyanpracakar 11 lakhxngkxngthpherux aelahnwyrbnxkpraethsnawikoythininthaelkbkxngeruxaextaelntikaelaaepsifikkhxngkxngthpherux kxngthphmithanthphaelasuny 865 aehngnxkpraeths aelamikalngphlpracakarkwa 100 nayin 25 praeths ngbpramanthangthharkhxngshrthinpi 2011 xyuthi 700 000 landxllarshrth khidepn 41 epnraycaythangthharthwolkaelaethakbraycaythangthharkhxng 14 chatithimiraycaymakrxnglngmarwmkn xtrangbpramanthangthharxyuthi 4 7 khxngcidiphi sungepnxtrasungsudxndbsxnginbrrdapraethsthimiraycaythangthharsungsud 15 praeths rxngcakpraethssaxudixaraebiy raycayklaohmkhxngshrthemuxethiybepnrxylakhxngcidiphicdepnxndbthi 23 khxngolkinpi 2012 tamkhxmulkhxngsiixex sdswnraycayklaohmkhxngshrthodythwipldlnginthswrrshlng cakchwngsngkhrameynthisungsudthi 14 2 khxngcidiphiinpi 1953 aela 69 5 khxngraycayrthbalklangin 1954 lngmathi 4 7 khxngcidiphi aela 18 8 khxngraycayrthbalklanginpi 2011 thanngbpramankrathrwngklaohmthiesnxiwsahrbpi 2012 mulkha 553 000 landxllarshrth ephimkhun 4 2 cakpi 2011 hruxephim 118 000 landxllarshrthsahrbkarthphinpraethsxirkaelaxfkanisthan thharxemriknchudsudthaythirbrachkarinpraethsxirkxxkcakpraethsineduxnthnwakhm 2011 kharachkarthhar 4 484 naythukkharahwangsngkhramxirk mithharshrthpraman 90 000 naykalngrbrachkarxyuinpraethsxfkanisthanineduxnemsayn 2012 n wnthi 8 phvscikayn 2013 mithharesiychiwit 2 285 nayinsngkhraminxfkanisthanxachyakrrmaelakarbngkhbichkdhmaykarbngkhbichkdhmayinshrthepnkhwamrbphidchxbkhxngkrmtarwcthxngthinepnhlk karbngkhbichkdhmayinshrthepnkhwamrbphidchxbhlkkhxngtarwcthxngthi aelahnwyngankhxngnayxaephx sheriff odymitarwckhxngrthbrikarkwangkwa krmtarwcnkhrniwyxrkepntarwcthxngthithiihythisudinpraeths hnwyngankhxngrthbalklang echn sankngansxbswnklang exfbiix aelarachkarphnkngansalaekhwng Marshals Service khxngshrthmihnathichanyphiess sungrwmkarphithkssiththiphlemuxng khwammnkhngkhxngchatiaelabngkhbichkhawinicchykhxngsalklangaelakdhmayklangkhxngshrth inradbrthbalklangaelainekuxbthukrth rabbkdhmayichaebbkhxmmxnlxw salkhxngrthtdsinkhdixayaswnihy salklangrbphidchxbxachyakrrmthikahndbangxyangtlxdcnkhdixuththrncaksalxayakhxngrth kartxrxngkharbsarphaphinshrthphbdasdun khdixayaswnihyinpraethsrangbdwykartxrxngkharbsarphaphmiichkarphicarnakhxngkhnalukkhun inpi 2015 mikarkhakhn 15 696 khrng sungmakkwapi 2014 canwn 1 532 khrng hruxephimkhunrxyla 10 8 sungepnkarephimkhunmakthisudnbaetpi 1971 xtrakarkhakhninpi 2015 xyuthi 4 9 khntxprachakr 100 000 khn inpi 2016 xtrakarkhakhnephimkhun 8 6 odymikarkhakhn 17 250 khrnginpinn xtrakarcharakhdi clearance rate sahrbkarkhakhnkhxngpraethsinpi 2015 xyuthirxyla 64 1 emuxethiybkbrxyla 90 inpi 1965 inpi 2012 mikarkhakhn 4 7 khntxprachakr 100 000 khninshrth ldlngrxyla 54 cakyxdsungsud 10 2 inpi 1980 inpi 2001 2 shrthmiradbxachyakrrmrunaerngsungkwakhaechliy aelaodyechphaaxyangyingkhwamrunaerngcakpunsungepnphiessemuxethiybkbpraethsphthnaaelwxun karwiekhraahtamkhwangkhxngthankhxmulkartaykhxngxngkhkarxnamyolkcakpi 2010 aesdngwashrth mixtrakarkhakhnsungkwapraethsrayidsungxun 7 0 etha sungmisaehtucakxtrakarkhakhndwypunsungsungkwapraethsxun 25 2 etha siththikhwamepnecakhxngpunepnhwkhxkarthkethiyngthangkaremuxngphiphath tngaetpi 1980 thung 2008 chaykhidepnrxyla 77 khxngphuthukkha aelarxyla 90 khxngphukxehtu phiwdakxehtukhakhnrxyla 52 5 khxngthnghmdinchwngnn epnxtraekuxbaepdethakhxngphiwkhaw sungrwmhisaepnikswnihy aelaepnphuesiyhaymakepnhkethakhxngphiwkhaw karkhakhnswnihyepnkhnphiwediywkn odyphuthukkhaphiwdarxyla 93 thukphiwdakha aelaphiwkhaw 84 thukphiwkhawkha inpi 2012 rthluyesiynamixtrakarkhakhnaelakarthaihkhntayodypramathsungsud aelarthniwaehmphechiyrmixtratasud raynganxachyakrrmexkrupkhxngexfbiixpramanwamixachyakrrmrunaerngaelaxachyakrrmtxthrphysin 3 246 khrngtxphuxyuxasy 100 000 khninpi 2012 rwmmixachyakrrmthngsinkwa 9 lankhrng mikarxnumtiothspraharchiwitinshrthsahrbxachyakrrmrthbalklangaelathharbangxyang aelamiichin 31 rth immikarpraharchiwitrahwangpi 1967 thung 1977 bangswnenuxngcakkhawinicchykhxngsalsungsudshrthwangkhxkahndothspraharchiwittamxaephxic inpi 1976 salsungsudwinicchywaphayitphvtikarnthiehmaasm xacbngkhbothspraharchiwitidtamrththrrmnuy nbaetkhawinicchynn mikarpraharchiwitkwa 1 300 khrng swnihyekidkhuninsamrth idaek rthethkss ewxrcieniyaelaoxklaohma khnaediywkn hlayrthelikhruxihothspraharchiwitepnomkha inpi 2015 shrthmicanwnkarpraharchiwitsungsudinolkepnxndbha rxngcakpraethscin xihran pakisthanaelasaxudixaraebiy shrthmixtrakarkkkhngthimibnthukaelaprachakreruxncathnghmdsungsudinolk tngaettnpi 2008 miprachakrkwa 2 3 lankhnthukkkkhng khidepnkwa 1 khninphuihy 100 khn ineduxnthnwakhm 2012 rabbkarddsndanphuihykhxngshrthrwmkhwbkhumduaelphukrathaphidpraman 6 937 000 khn phuxyuxasyphuihypraman 1 in 35 khninshrthxyuphayitkarkhwbkhumduaelkarddsndanxyangidxyanghnungineduxnthnwakhm 2012 sungepnxtratasudethathisngektmatngaetpi 1997 prachakreruxncaephimkhunsiethatngaetpi 1980 aelaraycaykhxngrthaelathxngthindaneruxncaaelakhukephimkhunsamethakhxngraykhaydansuksathikarinchwngewlaediywkn xyangirkdi xtrakarcakhuksahrbnkothsthukkhnthiidrbothscakhukmakkwahnungpiinsthanthikhxngrthhruxrthbalklangxyuthi 478 khntx 100 000 khninpi 2013 aelaxtrankothskxnphicarna rahwangphicrarnaxyuthi 153 khntxphuxyuxasy 100 000 khninpi 2012 xtrakarkkkhngthisungkhxngpraethsniswnihyenuxngcakkarepliynaeplngaenwthangptibtikhaphiphaksaaelanoybayyaesphtid cakkhxmulkhxngkrmeruxncaklang phutxngkhngswnmakthithukkhngineruxncaklangtxngothskhwamphidekiywkbyaesphtidkaroxnkickarkhxngrthepnkhxngexkchnsungeruxncaaelarachkareruxncasungeriminkhristthswrrs 1980 epnhwkhxthkethiyng inpi 2008 rthluyesiynamixtrakarkkkhngsungsud swnrthemnmitasudesrsthkictwchiwdthangesrsthkiccidiphitamtwelkh 18 45 lanlan Q2 2016 karetibotkhxngcidiphicring 1 4 Q2 2016 2 6 2015 xtraenginefx siphiix 1 1 singhakhm 2016 sdswnkarcangngantxprachakr 59 7 singhakhm 2016 karwangngan 4 9 singhakhm 2016 xtrakarmiswnrwmaerngngan 62 8 singhakhm 2016 hnisatharna 19 808 lanlan 25 tulakhm 2016 mulkhasuththikhrweruxn 89 063 lanlan Q2 2016 aephnphngraykarsngxxkkhxngshrthpi 2011 shrthepnphusngxxkihyepnxndbsxngkhxngolk shrthmiesrsthkicaebbphsmthunniym sungkhbekhluxnodythrphyakrthrrmchatixudmsmburnaelaphlitphaphthisung cakkhxmulkhxngkxngthunkarenginrahwangpraeths phlitphnthmwlrwminpraeths GDP khxngshrthxyuthi 16 8 lanlandxllarshrth khidepn 24 khxngphlitphnthrwmkhxngolkthixtraaelkepliyntlad aelakwa 19 khxngphlitphnthrwmkhxngolkthixanacsuxesmxphakh PPP cidiphitamtwelkhkhxngshrthodypramanxyuthi 17 528 lanlandxllarshrthinpi 2014 tngaetpi 1983 thung 2008 karetibotkhxngcidiphitxpiaebbthbtnaethcring real compounded annual GDP growth xyuthi 3 3 ethiybkbkhaechliythwngnahnk 2 3 sahrbpraethsci7 thiehlux cidiphitxhwshrthcdxyuxndbekakhxngolk aelamicidiphitxhwthiphiphiphixndbhkdxllarshrthepnengintrasarxnghlkkhxngolk shrthepnpraethsphunaekhasinkharayihysudaelaepnphusngxxkrayihyepnxndbsxng aemkarsngxxktxhwcakhxnkhangta inpi 2010 karkhaddulkarkhathnghmdkhxngshrthxyuthi 635 000 landxllarshrthpraethsaekhnada cin emksiok yipun aelaeyxrmniepnkhukharayihysud inpi 2010 namnepnophkhphnthnaekhamakthisud khnathixupkrnkhnsngepnsinkhaxxkihythisudkhxngpraeths praethsyipunepnphuthuxhnisatharnatangchatirayihysudkhxngshrth phuthuxhnishrthsungsudepnxngkhkarkhxngshrthexng rwmthngbychikhxngrthbalklangaelarabbthnakharklangthithuxhniswnihy inpi 2009 pramanwaphakhexkchnprakxbepn 86 4 khxngesrsthkic odykickrrmkhxngrthbalklangkhidepn 4 3 aelakickrrmkhxngrthaelarthbalthxngthin rwmenginoxnkhxngrthbalklang epn 9 3 thiehlux canwnlukcangkhxngrthbalthukradbmakkwalukcanginswnkarphlit 1 7 tx 1 khnathiesrsthkicshrththungradbkarphthnahlngxutsahkrrm postindustrial aelwodyphakhbrikarprakxbepn 67 8 khxngcidiphi aetshrthyngepnpraethsxutsahkrrm sakhathurkicchnnatamraykarrb gross business receipt idaekkarkhasngaelaplik swnphakhkarphlitepnphakhthimirayrbsuththisungsud inaebbthurkicaefrnichs aemkhodnldaelasbewyepnyihxthiruckknaephrhlaythisudinolksxngyihx okhkha okhlaepnbristhnaxdlmthikhnthwolkruckkndithisud ekhmiphnthepnsakhakarphlitchnna shrthepnphuphlitnamnrayihysudkhxngolk aelaepnphunaekharayihysudxndbsxng shrthepnphuphlitphlngnganiffaaelaniwekhliyrxndbhnung tlxdcnaeksthrrmchatiehlw kamathn fxseft aelaeklux aemwaphakhekstrkrrmmisdswnnxykwa 1 khxngcidiphi aetshrthepnphuphlitkhawophd aelathwehluxngrayihysudkhxngolk shrthepnphuphlitaelaplukxaharddaeprphnthukrrmhlk odykhidepnkunghnungkhxngphuchiboxethkhkhxngolk karichcaykhxngphubriophkhmisdswnepn 68 khxngesrsthkicshrthinpi 2015 ineduxnsinghakhm 2010 miaerngnganxemrikn 154 1 lankhn sakhakarcangnganihysud khux phakhrthbal 21 2 lankhn karcangnganphakhexkchnihysudkhux satharnsukhaelakarsngkhmsngekhraah canwn 16 4 lankhn khnnganpraman 12 xyuinshphaph ethiybkb 30 inyuorptawntk thnakharolkcdshrthxyuxndbhnungindankhwamngayinkarcangaelailkhnngan shrthcdxyuxndbtnhnunginsaminrayngankhwamsamarthkaraekhngkhnolk Global Competitiveness Report echnkn shrthmirthswsdikarkhnadelkaelakracayrayidphankarkrathakhxngrthbalnxykwachatiyuorp shrthepnpraethsesrsthkickawhnapraethsediywthiimrbpraknkarhyudnganodycaykhacang paid vacation aekkhnngan aelaepnephiyngimkipraethsinolkthiimmikarhyudnganeliyngbutrodycaykhacang family leave epnsiththitamkdhmay odymipraethsxun echn papwniwkini surinam ilbieriy aempccubnkdhmayklangimrbpraknkarlapwy aetepnphlpraoychnthwipkhxngkhnngankhxngrthbalaelaphnknganetmewlakhxngbristh tamkhxmulkhxngkrmsthitiaerngngan khnnganxemriknetmewla 74 lahyudnganodyidrbkhacang aemkhnnganimetmewlaephiyng 24 idrbphlpraoychnediywkn inpi 2009 shrthmiphlitphaphkalngaerngngantxbukhkhlsungsudepnxndbsaminolk rxngcaklkesmebirkaelanxrewy shrthmiphlitphaphtxchwomngsungsudepnxndbsi rxngcaksxngpraethsdngklawaelaenethxraelnd phawaesrsthkicthdthxythwolkpi 2008 2012 miphlkrathbtxshrthyangsakhy odymiphlphlittakwaskyatamkhxmulkhxngsankngbpramankhxngrthspha phawadngklawnamasungkarwangngansung sungldlngaelwaetyngsungkwaradbkxnphawaesrsthkicthdthxy rwmkbkhwamechuxmnkhxngphubriophkhta karesuxmkhxngmulkhabanxyangtxenuxng aelakarephimkarbngkhbexathrphycanxnghludaelakarlmlalaykhxngbukhkhl wikvthnirthbalklangbanplay phawaenginefx aelarakhapiotreliymaelaxaharephimkhun pccubnyngmisdswnphuwangnganrayayawepnsthiti rayidkhrweruxnldlngxyangtxenuxngaelaphasiaelangbpramanrthbalklangephimkhun SIPRI phbwa xutsahkrrmxawuthkhxngshrthepnphusngxxkxawuthsakhyrayihysudkhxngolktngaetpi 2005 thung 2009 aelayngepnphusngxxkxawuthsakhyrayihysudinchwngrahwangpi 2010 thung 2014 nahnapraethsrsesiy cinaelaeyxrmni rayid khwamyakcn aelakhwammngkhng karphthnabancdsrrinsanohes rthaekhlifxreniy chawxemriknmirayidkhrweruxnaelacakkarcangnganechliysungsudinbrrdachatixngkhkarephuxkhwamrwmmuxaelakarphthnathangesrsthkic OECD aelainpi 2007 mirayidkhrweruxnmthythansungsudepnxndbsxng tamkhxmulkhxngsanksamaon rayidkhrweruxnmthythankhux 59 039 dxllarshrthinpi 2016 aemprachakrxemriknmiephiyng 4 4 khxngprachakrolk aetchawxemriknrwmkhrxbkhrxngkhwammngkhng 41 6 khxngolk aelaesrsthienginlan millionaire pramankunghnungkhxngolkepnchawxemrikn dchnikhwammnkhngxaharolkcdxndbshrthxyuxndbhnungindankhwamsamarthmixahar food affordability aelakhwammnkhngxaharodyrwmineduxnminakhm 2013 chawxemriknechliymiphunthixyuxasytxekhhsthanaelatxbukhkhlsungkwaphuxyuxasyinshphaphyuorpkwasxngetha aelamakkwapraethsshphaphyuorpthukpraeths inpi 2013 okhrngkarphthnaaehngshprachachaticdxndbdchnikarphthnamnusykhxngshrthxyuxndb 5 cak 187 aeladchnikarphthnamnusythiprbtamkhwamimesmxphakhaelwxyuxndbthi 28 hlngkaretibotchangkmahlaypi inpi 2016 khxmulcaksamaonrabuwa rayidkhrweruxnmthythanaetaradbsungsudepnprawtikarnhlngkaretibotsungsudsxngpitidtxkn aemwakhwamimesmxphakhkhxngrayidyngsungsudodyphumirayidsungsud 20 mirayidmakkwakhrungkhxngrayidrwmthnghmd michxngwangrahwangphlitphaphaelarayidmthythankwangkhunnbaetkhristthswrrs 1970 thwa chxngwangrahwangkhatxbaethnthnghmdaelaphlitphaphimkwangethaxnenuxngmacakmiphlpraoychnkhxnglukcangephimkhun echn praknsukhphaph phumirayidsungsudrxyla 1 misdswnrayidtxpiephimkhunkwasxngethacakrxyla 9 inpi 1976 epnrxyla 20 inpi 2011 krathbtxkhwamimesmxphakhkhxngrayidxyangsakhy thaihshrthepnpraethsthimikarkracayrayidkwangthisudinbrrdapraethsoxxisidipraethshnungphumirayidsungsudrxyla 1 khidepnrxyla 52 khxngkarephimkhunkhxngrayidtngaetpi 2009 thungpi 2015 thngni niyamrayidwaepnrayidtladimrwmenginoxnkhxngrthbal khwammngkhngsuththimthythankhxngkhrxbkhrwshrth thima karsarwckarkhlngphubriophkhkhxngrabbthnakharklangshrth 1998 2013 epliynaeplngthukkhrxbkhrw 102 500 81 200 20 8 rayidtasud 20 8 300 6 100 26 5 rayidtasudrxnglngma 20 47 400 22 400 52 7 rayidklang 20 76 300 61 700 19 1 rayidsungsud 10 646 600 1 130 700 74 9 khwammngkhng rayidaelaphasi kracuksung klawkhux prachakrphuihythirwythisud 10 khrxbkhrxngkhwammngkhngkhrweruxnkhxngpraeths 72 inkhnathiphumirayidtakwakhaechliykhrxbkhrxngephiyng 2 rahwangeduxnmithunayn 2007 thungphvscikayn 2008 phawaesrsthkicthdthxythwolkthaihrakhasinthrphytklngthwolk thrphysinthichawxemriknthuxkhrxngesiymulkhapramanhnunginsi nbaetkhwammngkhngkhrweruxnsungsudinitrmasthisxngkhxngpi 2007 khwammngkhngkhrweruxnldlng 14 lanlandxllarshrth aetnbcaknnephimkhun 14 lanlandxllarshrthkwaradbemuxpi 2006 emuxsinpi 2014 hnisinkhrweruxnmimulkha 11 8 lanlandxllarshrth ldlngcak 13 8 lanlandxllarshrthemuxsinpi 2008 miprachakrirbanaebbmiaelaimmithixyuxasypraman 578 424 khninshrthineduxnmkrakhm 2014 odyekuxbsxnginsamxasyxyuinthixyuxasychukechinhruxokhrngkarekhhachwngepliynsphaph inpi 2011 miedk 16 7 lankhnxasyxyuinkhrweruxnthiimmikhwamplxdphythangxahar ephimkhun 35 emuxethiybkbradbpi 2007 aemedkshrthephiyng 1 1 hrux 845 000 khnkinxaharldlnghruxmirupaebbkarkinthukrbkwninchwngidchwnghnungkhxngpinn aelaaethbthngsinimepnaebberuxrng tamraynganpi 2014 khxngkrmsamaon pccubnphuihytxntnhnunginhakhnyakcn ephimkhuncakhnunginecdinpi 1980okhrngsrangphunthankarkhnsng rabbthanghlwngxinetxrsettsungmikhwamyaw 75 440 kiolemtr karkhnsngswnbukhkhlichrthyntepnhlk shrthmiekhruxkhaythnnsatharnakhxng 6 4 lankiolemtr mirabbthanghlwngthiyawthisudinolkaehnghnungsungyaw 91 700 kiolemtr shrthepntladrthyntihysudxndbsxngkhxngolk shrthmixtrakarepnecakhxngyanphahnatxhwsungsudinolk odymi 765 khntxxemrikn 1 000 khn praman 40 khxngyanphahnaswnbukhkhlepnrthtu rthxenkprasngkh SUV hruxrthbrrthukeba phuihyxemriknodyechliy nbrwmhmdthngphukhbaelaphuimkhb ichewla 55 nathikhbrth edinthang 47 kiolemtrtxwn karedinthangipthanganinshrthichkhnsngmwlchnpraman 9 mikarkhnsngsinkhathangrangxyangkwangkhwang aetmicanwnphuodysarkhxnkhangta praman 31 lankhntxpi ichrthrangrahwangnkhredinthang saehtuswnhnungephraakhwamhnaaennkhxngprachakrdaninaephndinkhxngshrthswnihyta xyangirkdi canwnphuodysaraexmaethrk sungepnrabbrangodysarrahwangnkhraehngchati etibotekuxb 37 rahwangpi 2000 thung 2010 nxkcakni mikarphthnarangebaephimkhuninchwngpihlng mikarichckryanipthanganepnpracaminxymak xutsahkrrmsaykarbinphleruxnmiexkchnepnecakhxngthnghmd aelaswnihyelikkakb deregulate iptngaetpi 1978 khnathithaxakasyansakhyswnmakepnkhxngrthbal saykarbinihysudinolknbcakcanwnphuodysar 3 sayepnkhxngshrth xemriknaexrilnsepnthihnunghlngcakyuexsaexrewysuxinpi 2013 incanwnthaxakasyanthihnaaennthisudinolk 50 aehng mi 16 aehngxyuinshrth rwmthngthihnaaennthisud idaek thaxakasyannanachatiharthsfild aeckhsn aextaelnta aelaxndbsi thaxakasyannanachatioxaehrinchikhaok hlngehtuocmti 11 knyayn 2001 mikartngkarkhwamplxdphykhnsngephuxtrwctrathaxakasyanaelasaykarbinphanichy phlngngan saysngiffakhxngshrthprakxbdwysayyaw 300 000 kiolemtr miphudaeninkarpraman 500 bristh odymi NERC epnphukhwbkhumduael tladphlngnganshrthmipraman 29 000 chwomngethrawtttxpi karbriophkhphlngngantxhwmi 7 8 tnethiybethanamntxpi khidepnxtrasungsudxndb 10 inolk inpi 2005 phlngngan 40 macakpiotreliym 23 cakthanhin aela 22 macakaeksthrrmchati swnthiehluxmacakphlngnganniwekhliyraelaaehlngphlngnganhmunewiyn shrthepnphubriophkhpiotreliymrayihysudkhxngolk shrthmiaehlngsarxngthanhinthwolk 27 shrthepnphuphlitaeksthrrmchatiaelanamndibthiihythisudinolk phlngnganniwekhliyrmibthbathcakdemuxethiybkbhlaypraethsphthnaaelwxunepnewlahlaythswrrs swnhnungepnephraakarrbrukhxngprachachnenuxngcakxubtiehtuinpi 1979 inpi 2007 mikaryunkharxngkhxepidorngiffaniwekhliyraehngihm karprapaaelasukhaphibal pyhasungmiphltxkarprapainshrthrwmthungphyaelnginphakhtawntk karkhadaekhlnna mlphawa karlngthunkhang khwamkngwlekiywkbkarhanaidkhxngphuyakcnthisud aelakalngaerngnganthikalngeksiynxyangrwderw khadhmaywakhwamaeprphnidaelakhwamrunaerngkhxngfntkthiephimkhunxnenuxngcakkarepliynaeplngsphaphphumixakascaepnphlihekidthngphyaelngaelaxuthkphythirunaerngkhun odymiphllphththixacrayaerngtxkarprapaaelamlphawathiekidcakthxrabayrwmln phyaelngnacamiphlkrathbepnphiesstxchawxemriknrxyla 66 sungchumchnxasynaphiwolk indankhunphaphnadum mikhwamkngwlekiywkbphlphlxyidkhxngkarkhaechux takw ephxrkhlxertaelasarya aetodythwipnaduminshrthmikhunphaphdikarsuksamhawithyalyewxrcieniysungthxms ecfefxrsnkxtnginpi 1819 epnmhawithyalykhxngrthaehnghnunginshrth inshrthmikarsuksathirthbalihthunsnbsnunthwnhna aetkmisthabnthiexkchnihthunsnbsnundwy karsuksasatharnakhxngshrthmirthbalrthaelathxngthinepnphudaeninkar krathrwngsuksathikarshrthwangraebiybphankarcakdenginxudhnunkhxngrthbalklang rthswnihybngkhbihedkekhasuksatngaetxayuhkhruxecdkhwb odythwipkhuxxnubalhruxekrd 1 cnxayuid 18 pi odythwipthungekrd 12 cbihskul bangrthxnuyatihnkeriynxxkcakorngeriynidemuxxayu 16 hrux 17 pi edkpraman 12 lngthaebiyninorngeriynexkchnwngaekhbhruximniymnikay nonsectarian edkpraman 2 idrbkarsuksathiban shrthmiraycaydansuksathikartxnkeriynhnungkhnmakkwapraethsxunidinolk odymiraycaykwa 11 000 dxllarshrthtxnkeriynprathmhnungkhninpi 2010 aelakwa 12 000 dxllarshrthtxnkeriynihskulhnungkhn nksuksawithyalyshrthpraman 80 ekhamhawithyalyrth shrthmisthabnxudmsuksaexkchnaelarthbalaekhngkhnkncanwnmak mhawithyalyxndbtn khxngolkswnihythixngkhkarcdxndbtang tharaykariwxyuinshrth nxkcakni yngmiwithyalychumchnthxngthinsungodythwipminoybayrbnksuksathiepidkwangkwa miokhrngkarwichakarsnkwaaelakhaeriynnxykwa chawxemriknxayutngaet 25 pikhunip 84 6 cbihskul 52 6 ekhawithyaly 27 2 saercpriyyatri aela 9 6 saercpriyyabnthit graduate degree xtrakarruhnngsuxkhnphunthanxyupraman 99 shprachachatikahndihshrthmidchnikarsuksa 0 97 xyuxndbthi 12 inolk sahrbraycaysatharnaindanxudmsuksa shrthyngtamhlngpraeths OECD bangpraeths aetkhidepnraycaytxhwmakkwakhaechliykhxng OECD aelamakkwathukpraethsinraycayphakhrthaelaexkchnrwmkn inpi 2012 hnikuyumephuxkarsuksaekin 1 lanlandxllarshrth makkwachawxemriknthiepnhnibtrekhrditwithyasastraelaethkhonolyi