ดวงจันทร์ (อังกฤษ: Moon) เป็นดาราศาสตร์วัตถุที่โคจรรอบโลก เป็นดาวบริวารถาวรดวงเดียวของโลก เป็นดาวบริวารใหญ่ที่สุดอันดับที่ 5 ในระบบสุริยะ และเป็นดาวบริวารขนาดใหญ่สุดเมื่อเทียบกับขนาดของดาวเคราะห์ที่โคจร ดวงจันทร์เป็นดาวบริวารที่มีความหนาแน่นที่สุดเป็นอันดับที่ 2 รองจากไอโอของดาวพฤหัสบดี ซึ่งบางส่วนไม่ทราบความหนาแน่นมากหรือน้อย
ภาพดวงจันทร์ถ่ายจากพื้นโลกเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 | ||||||||||
ลักษณะของวงโคจร | ||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ระยะจุดใกล้โลกที่สุด: | 363,104 กม. 0.0024 หน่วยดาราศาสตร์ | |||||||||
ระยะจุดไกลโลกที่สุด: | 405,696 กม. 0.0027 หน่วยดาราศาสตร์ | |||||||||
กึ่งแกนเอก: | 384,399 กม. (0.00257 หน่วยดาราศาสตร์) | |||||||||
เส้นรอบวง ของวงโคจร: | 2,413,402 กม. (0.16 หน่วยดาราศาสตร์) | |||||||||
ความเยื้องศูนย์กลาง: | 0.0549 | |||||||||
: | 27.321582 วัน (27 วัน 7 ชม. 43.1 นาที) | |||||||||
เดือนจันทรคติ: | 29.530588 วัน (29 วัน 12 ชม. 44.0 นาที) | |||||||||
: | 27.554550 วัน | |||||||||
: | 27.212221 วัน | |||||||||
: | 27.321582 วัน | |||||||||
อัตราเร็วเฉลี่ย ในวงโคจร: | 1.022 กม./วินาที | |||||||||
อัตราเร็วสูงสุด ในวงโคจร: | 1.082 กม./วินาที | |||||||||
อัตราเร็วต่ำสุด ในวงโคจร: | 0.968 กม./วินาที | |||||||||
ความเอียง: | 5.145° กับสุริยวิถี (ระหว่าง 18.29° และ 28.58° กับศูนย์สูตรโลก) | |||||||||
ลองจิจูด ของจุดโหนดขึ้น: | ถอยหลัง 1 รอบใน 18.6 ปี | |||||||||
มุมของจุด ใกล้โลกที่สุด: | ไปข้างหน้า 1 รอบใน 8.85 ปี | |||||||||
ดาวบริวารของ: | โลก | |||||||||
ลักษณะทางกายภาพ | ||||||||||
เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ย: | 3,474.206 กม. (0.273×โลก) | |||||||||
เส้นผ่านศูนย์กลาง ตามแนวศูนย์สูตร: | 3,476.28 กม. (0.273×โลก) | |||||||||
เส้นผ่านศูนย์กลาง ตามแนว: | 3,471.94 กม. (0.273×โลก) | |||||||||
ความแป้น: | 0.00125 | |||||||||
เส้นรอบวงตามแนวศูนย์สูตร: | 10,916 กม. | |||||||||
(พื้นที่ผิว): | 3.793×107กม.² (0.074×โลก) | |||||||||
ปริมาตร: | 2.1958×1010 (0.020×โลก) | |||||||||
มวล: | 7.3477×1022กก. (0.0123×โลก) | |||||||||
ความหนาแน่นเฉลี่ย: | 3,346.4 กก./เมตร³ | |||||||||
ความโน้มถ่วง ที่ศูนย์สูตร: | 1.622 เมตร/วินาที² (0.1654 จี) | |||||||||
ความเร็วหลุดพ้น: | 2.38 กม./วินาที | |||||||||
คาบการหมุน รอบตัวเอง: | 27.321582 วัน () | |||||||||
ความเร็วการหมุน รอบตัวเอง: | 4.627 เมตร/วินาที | |||||||||
ความเอียงของแกน: | 1.5424° (กับสุริยวิถี) | |||||||||
: | 6.687° (กับระนาบวงโคจร) | |||||||||
อัตราส่วนสะท้อน: | 0.12 | |||||||||
อุณหภูมิพื้นผิว: ศูนย์สูตร 85°N |
| |||||||||
ขนาดเชิงมุม: | ตั้งแต่ 29′ถึง 33′ | |||||||||
ลักษณะของบรรยากาศ | ||||||||||
ความหนาแน่นบรรยากาศ: | 107 อนุภาคต่อ ซม.³ (กลางวัน) 105 อนุภาคต่อ ซม.³ (กลางคืน) |
คาดว่าดวงจันทร์ก่อกำเนิดประมาณ 4.51 พันล้านปีก่อน ไม่นานหลังจากโลก คำอธิบายที่ได้รับการยอมรับกว้างขวางที่สุดคือดวงจันทร์ก่อกำเนิดจากเศษที่เหลือจากการชนขนาดยักษ์ระหว่างโลกกับเทห์ขนาดประมาณดาวอังคารชื่อ ธีอา (Theia)
ดวงจันทร์หมุนรอบโลกแบบประสานเวลา จะหันด้านเดียวเข้าหาโลกเสมอคือด้านใกล้ที่มีลักษณะเป็นทะเลภูเขาไฟมืด ๆ ซึ่งเติมที่ว่างระหว่างที่สูงเปลือกโบราณสว่างและหลุมอุกกาบาตที่เห็นได้ชัดเจน เมื่อสังเกตจากโลก เป็นเทห์ฟ้าที่เห็นได้เป็นประจำสว่างที่สุดอันดับสองในท้องฟ้าของโลกรองจากดวงอาทิตย์ พื้นผิวแท้จริงแล้วมืด แม้เทียบกับท้องฟ้าราตรีแล้วจะดูสว่างมาก โดยมีการสะท้อนสูงกว่าแอสฟอลต์เสื่อมเล็กน้อย อิทธิพลความโน้มถ่วงของดวงจันทร์ทำให้เกิดน้ำขึ้นลงมหาสมุทร และทำให้หนึ่งวันยาวขึ้นเล็กน้อย
มีระยะห่างจากโลกเฉลี่ยนับจากศูนย์กลางถึงศูนย์กลางประมาณ 384,403 กิโลเมตร เทียบเท่ากับ 30 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของโลก จุดศูนย์กลางมวลร่วมของระบบตั้งอยู่ที่ตำแหน่ง 1,700 กิโลเมตรใต้ผิวโลก หรือประมาณ 1 ใน 4 ของรัศมีของโลก ดวงจันทร์โคจรรอบโลกในเวลาประมาณ 27.3 วัน เมื่อเปรียบเทียบการแปรคาบโคจรตามมาตรภูมิศาสตร์ระหว่างโลก-ดวงจันทร์-ดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดเป็นเฟสของดวงจันทร์ ซึ่งจะซ้ำรอบทุกๆ ช่วง 29.5 วัน (เรียกว่า คาบไซโนดิก)
เส้นผ่านศูนย์กลางของดวงจันทร์มีค่าประมาณ 3,474 กิโลเมตร หรือประมาณหนึ่งในสี่ของโลก ดังนั้นพื้นผิวของดวงจันทร์มีน้อยกว่า 1 ใน 10 ของพื้นผิวของโลก (ประมาณ 1 ใน 4 ของผืนทวีปของโลกเท่านั้น คิดเป็นขนาดใหญ่ประมาณรัสเซีย แคนาดา กับสหรัฐอเมริกา รวมกัน) มวลรวมของดวงจันทร์คิดเป็นประมาณ 2% ของมวลของโลก และแรงโน้มถ่วงเป็น 17% ของโลก
สัญลักษณ์แทนดวงจันทร์คือ ☾ ปี พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) นีล อาร์มสตรอง และ นักบินอวกาศขององค์การนาซา เป็นมนุษย์ 2 คนแรกที่เหยียบลงบนพื้นดินของดวงจันทร์ กฎหมายอวกาศถือว่าดวงจันทร์เป็นสมบัติร่วมกันของมนุษยชาติ ตามสนธิสัญญาที่ใช้บังคับกิจกรรมของรัฐบนดวงจันทร์ ดวงดาว และวัตถุอวกาศอื่น ๆ ค.ศ. 1979
ชื่อและศัพทมูลวิทยา
ดวงจันทร์เป็นดาวบริวารของดาวเคราะห์ แต่มีความแตกต่างจากดวงจันทร์ดวงอื่นๆ ในระบบสุริยะ เพราะเมื่อเราพูดถึง "ดวงจันทร์" ก็จะหมายถึง ดาวบริวารที่โคจรรอบโลกของเรา
คำว่า จันทร์ นั้นเป็นคำศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต (चंद्र จํทฺร อ่านว่า จัน-ดฺระ หรือคนไทยเราเรียกว่า จัน-ทฺระ) ซึ่งหมายถึงพระจันทร์ ในภาษาไทยเดิมมักเรียกว่า เดือน หรือ ดวงเดือน (ลาว: ເດືອນ เดือน, ไทใหญ่: လိူၼ် เหฺลิน) สำหรับในภาษาอังกฤษ ดวงจันทร์ หรือ Moon (ภาษาอังกฤษใช้อักษรตัวใหญ่ขึ้นต้นคำ) เป็นคำ ตรงกับคำภาษาลาติน คือ mensis เป็นคำที่แยกออกมาจากรากภาษาอินโด-ยูโรเปียนดั้งเดิม และเป็นตัวแทนของการนับเวลา ซึ่งรำลึกถึงความสำคัญของมัน คือ วันจันทร์ ในภาษาอังกฤษ การเรียกดวงจันทร์มีมาจนถึงปี ค.ศ. 1665 เมื่อมีการค้นพบดาวบริวารดวงใหม่ของดาวเคราะห์ดวงอื่น บางครั้งดวงจันทร์จึงถูกเลี่ยงไปใช้ชื่อในภาษาลาตินของมันแทน คือ luna เพื่อที่จะแยกมันออกจากดาวบริวารอื่น ๆ
พื้นผิวของดวงจันทร์
การหมุนสมวาร
ข้างขึ้นข้างแรม
ดวงจันทร์มีการหมุนรอบตัวเองแบบที่เรียกว่า (synchronous rotation) คือคาบการหมุนรอบตัวเองกับคาบการโคจรรอบโลกมีค่าเท่ากัน โดยดวงจันทร์ใช้เวลาโคจรรอบประมาณ 27.3 วัน เป็นผลให้ดวงจันทร์หันด้านเดียวเข้าหาโลก เรียกด้านที่หันเข้าหาเราว่า "ด้านใกล้" (near side) ส่วนด้านตรงข้าม คือ "ด้านไกล" (far side) เป็นด้านที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ อย่างไรก็ตาม ดวงจันทร์มีเล็กน้อย ทำให้เรามีโอกาสมองเห็นพื้นผิวดวงจันทร์ได้มากกว่า 50% อยู่เล็กน้อย ในอดีต ด้านไกลของดวงจันทร์เป็นด้านที่ลึกลับอยู่เสมอ จนกระทั่งถึงยุคที่เราสามารถส่งยานอวกาศออกไปถึงดวงจันทร์ได้ สิ่งหนึ่งที่แตกต่างระหว่างด้านใกล้กับด้านไกล คือ ด้านไกลไม่มีพื้นที่ราบคล้ำที่เรียกว่า "มาเร" (แปลว่าทะเล) กว้างขวางมากเหมือนอย่างด้านใกล้
ดวงจันทร์ใช้เวลาในการหมุนรอบตัวเองที่ได้จังหวะพอดีกับวิถีการโคจรรอบโลก ซึ่งเมื่อเรามองดวงจันทร์จากพื้นโลกจะมองเห็นดวงจันทร์เพียงด้านเดียวตลอดเวลา ในประวัติศาสตร์ยุคแรกของดวงจันทร์ การหมุนของมันช้าและกลายเป็นถูกล็อกอยู่ในลักษณะนี้ เป็นผลมาจากปรากฏการณ์ความฝืด และมีความสัมพันธ์กับปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงบนโลก
เมื่อนานมาแล้ว ขณะที่ดวงจันทร์ยังคงหมุนเร็วกว่าในปัจจุบัน รอบโป่งในปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงมาก่อนแนวโลก-ดวงจันทร์ เพราะว่ามันไม่สามารถดึงรอยโป่งของมันกลับคืนได้อย่างรวดเร็วพอที่จะรักษาระยะของรอยโป่งระหว่างมันกับโลก การหมุนของมันขจัดรอยโป่งนอกเหนือจากแนวโลก-ดวงจันทร์ รอยโป่งที่อยู่นอกเส้นโลก-ดวงจันทร์นี้ทำให้เกิดการบิดเบี้ยวขอหนอน ซึ่งลดความเร็วของการหมุนของดวงจันทร์ลง เมื่อการหมุนของดวงจันทร์ช้าลงจนเหมาะสมกับการโคจรรอบโลก เมื่อนั้นรอยโป่งของมันจึงหันหน้าเข้าหาโลกเสมอ รอยโป่งอยู่ในแนวเดียวกับโลก และรอยบิดของมันก็จึงหายไป นี่คือเหตุผลว่าทำไมดวงจันทร์จึงใช้เวลาในการหมุนรอบตัวเองพอๆ กับการโคจรรอบโลก
มีความผันผวนเล็กน้อย (ไลเบรชัน) ในมุมองศาของดวงจันทร์ซึ่งเราได้เห็น เราจึงมองเห็นพื้นผิวของดวงจันทร์ทั้งหมดประมาณ 59% ของพื้นผิวทั้งหมดของดวงจันทร์
ด้านที่มองเห็นจากโลกจะถูกเรียกว่า "ด้านใกล้" และด้านที่อยู่ตรงข้ามเรียกว่า "ด้านไกล" ด้านไกลของดวงจันทร์ต่างจากด้านมืดของดาวพุธคือ ด้านมืดของดาวพุธเป็นด้านที่ไม่ถูกแสงอาทิตย์ส่องเลย แต่ด้านไกลของดวงจันทร์นั้นบางครั้งก็เป็นด้านที่ได้รับแสงอาทิตย์และหันหน้าเข้าหาโลก ด้านไกลของดวงจันทร์ได้ถูกถ่ายรูปโดยยานลูน่า 3 ของโซเวียตในปีค.ศ. 1959 หนึ่งในลักษณะภูมิประเทศที่ทำให้สังเกตได้ว่าเป็นดวงจันทร์ด้านไกลคือมันมีที่ราบคล้ำหรือ "มาเร" น้อยกว่าด้านใกล้มาก
ทะเลบนดวงจันทร์
พื้นผิวบนดวงจันทร์ที่มองด้วยตาเปล่าเห็นเป็นสีคล้ำ คือที่ราบบนดวงจันทร์หรือเรียกว่า "ทะเล" บนดวงจันทร์ (ภาษาอังกฤษเรียกว่า "มาเรีย" หรือ "มาเร" มาจากศัพท์ภาษาละติน หมายถึง ทะเล) ทั้งนี้เนื่องจากนักดาราศาสตร์ยุคแรกๆ เชื่อว่าพื้นผิวสีคล้ำเหล่านั้นเป็นพื้นน้ำ แต่ปัจจุบันทราบกันแล้วว่าเป็นแอ่งที่ราบกว้างใหญ่เกิดจากลาวาในยุคโบราณ ลาวาที่ระเบิดพวยพุ่งเหล่านี้ไหลเข้าไปในหลุมที่เกิดจากการปะทะของอุกกาบาตหรือดาวหางที่พุ่งเข้าชนดวงจันทร์ (ยกเว้น ซึ่งบนด้านไกลของดวงจันทร์ เป็นแอ่งที่มิได้เกิดจากการปะทะใดๆ เท่าที่รู้จัก) เราพบทะเลบนดวงจันทร์มากบนด้านใกล้ของดวงจันทร์ ส่วนทางด้านไกลมีอยู่ประปรายเพียงประมาณ 2% ของพื้นที่ผิวทั้งหมดเท่านั้น ขณะที่ทางด้านใกล้มีทะเลถึงประมาณ 31% ของพื้นที่ผิว คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการที่บรรยากาศด้านใกล้ของดวงจันทร์มีแหล่งกำเนิดความร้อนมากกว่า ซึ่งพบได้จากแผนที่ภูมิเคมีที่สร้างขึ้นจากสเปกโตรมิเตอร์รังสีแกมมาของ
ภูเขาบนดวงจันทร์
บริเวณที่มีสีอ่อนกว่าบนพื้นผิวดวงจันทร์นั้นเรียกว่า "ภูเขา" (terrae) หรือบางครั้งก็เรียกง่ายๆ เพียงว่า "ที่ราบสูง" เพราะมันเป็นบริเวณที่มีความสูงมากกว่าส่วนที่เป็นทะเล มีแนวเทือกเขาที่โดดเด่นอยู่มากมายบนด้านใกล้ของดวงจันทร์ตามแนวขอบของขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยหินบะซอลต์ สันนิษฐานว่านี่เป็นซากที่หลงเหลืออยู่ของขอบนอกของแอ่งปะทะ ไม่มีเทือกเขาใดของดวงจันทร์ที่เชื่อว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวดาวเหมือนอย่างการเกิดของภูเขาบนโลกเลย
จากภาพที่ถ่ายไว้โดยปฏิบัติการคลีเมนไทน์ (Clementine mission) เมื่อปี ค.ศ. 1994 ทำให้พบว่าบริเวณเทือกเขา 4 แห่งตามขอบของ (Peary crater) ซึ่งกว้าง 73 กิโลเมตร ใกล้ขั้วเหนือของดวงจันทร์ น่าจะถูกแสงอาทิตย์ตลอดช่วงวันอันยาวนานบนดวงจันทร์ เหตุที่ยอดเขาแห่งแสงนิรันดร์ (Peak of Eternal Light) นี้ถูกแสงอาทิตย์ตลอดเวลาน่าจะเป็นไปได้เพราะดวงจันทร์มีความเอียงของแกนเมื่อเทียบกับระนาบสุริยวิถีน้อยมาก ไม่พบว่ามีบริเวณที่ต้องแสงอย่างนิรันดร์ลักษณะเดียวกันนี้ที่บริเวณขั้วใต้ของดาว แม้ว่าจะมีบริเวณขอบของ (Shackleton crater) ที่สะท้อนแสงราว 80% ของวันของดวงจันทร์ ผลสืบเนื่องอีกประการหนึ่งจากการที่แกนเอียงของดวงจันทร์มีค่าน้อยมาก คือมีย่านที่อยู่ในเขตมืดนิรันดร์ที่บริเวณก้นแอ่งมากมายใกล้ขั้วดาว
แอ่งบนดวงจันทร์
พื้นผิวของดวงจันทร์สามารถสังเกตตำแหน่งได้โดยดูจาก ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่อุกกาบาตและดาวหางพุ่งเข้าชนพื้นผิวของดวงจันทร์ มีแอ่งอยู่เป็นจำนวนราวครึ่งล้านแห่งที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่า 1 กิโลเมตร เนื่องจากลักษณะของแอ่งปะทะเกิดขึ้นในอัตราเกือบคงที่ จำนวนแอ่งต่อหน่วยพื้นที่จึงสามารถใช้ในการประมาณอายุของพื้นผิวได้ โดยที่ดวงจันทร์ไม่มีชั้นบรรยากาศ ไม่มีอากาศและกระบวนการทางธรณีวิทยา จึงมั่นใจได้ว่าแอ่งเหล่านี้ดำรงคงอยู่ในลักษณะดั้งเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับแอ่งบนโลก
แอ่งที่ใหญ่ที่สุดบนดวงจันทร์ และอาจจัดว่าเป็นแอ่งปะทะที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่รู้จักกันในระบบสุริยะ คือ (South Pole-Aitken basin) แอ่งนี้อยู่ทางฝั่งด้านไกลของดวงจันทร์ ระหว่างขั้วใต้ของดาวกับแนวศูนย์สูตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว 2,240 กิโลเมตร ลึก 13 กิโลเมตร. สำหรับแอ่งปะทะที่โดดเด่นทางฝั่งด้านใกล้ของดวงจันทร์ ได้แก่ และ
น้ำบนดวงจันทร์
วันที่ 9 ตุลาคม 2009 ครบ 100 วันการส่ง LCROSS ไปโคจรรอบดวงจันทร์ ทางนาซ่าก็ยิงจรวดที่ติดตั้งอยู่บนดาวเทียมพร้อมกับปล่อยให้ตัว ดาวเทียมตกกระทบพื้นดวงจันทร์ นาซ่าก็แถลงผลวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์บนดาวเทียมว่า ฝุ่นที่กระจายขึ้นมานั้นมีน้ำประมาณ 90 ลิตร
การยืนยันนี้ได้มาจากเซ็นเซอร์ NIR (Near Infrared) โดยอาศัยการวัดค่า spectrum ของแสงก่อนการชน และหลังการชน เพื่อเทียบสัดส่วนของพลังงานในย่านต่างๆ พบว่าย่าน 300nm นั้นมีพลังงานสูงขึ้นมาเป็นการยืนยันว่ามี hydroxyl อยู่ในฝุ่นที่ลอยขึ้นมานั้น
ก่อนหน้านี้ข้อมูลจากกล้องฮับเบิลเคยแสดงข้อมูลเบื้องต้นว่าอาจจะมีไฮดรอกซิลในฝุ่นที่ลอยขึ้นมา แต่ช่วงเวลาที่แถลงข่าวนั้นยังไม่มีการยืนยัน
ขนาดหลุมที่เกิดขึ้นจากการพุ่งชนมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20-30 เมตร (60-100 ฟุต)
สำหรับการสังเกตการพวยฝุ่นที่ทางนาซ่าคาดว่าน่าจะใช้อุปกรณ์สมัครเล่นทำ ได้นั้นกลับไม่สามารถทำได้เนื่องจากสภาพอากาศ แต่ทางนาซ่าก็ได้ถ่ายภาพไว้แล้ว
ลักษณะทางกายภาพ
ดวงจันทร์เป็นดาวเคราะห์ที่ประกอบด้วยองค์ประกอบอันหลากหลาย ที่มีความแตกต่างทางอย่างชัดเจนระหว่างส่วนของพื้นผิว ส่วนของเปลือก และส่วนของแกน เชื่อว่าลักษณะทางโครงสร้างเช่นนี้เป็นผลมาจากการก่อตัวขึ้นเป็นส่วนๆ จากที่เกิดขึ้นหลังจากการกำเนิดดาวเคราะห์ไม่นานนัก คือราว 4.5 พันล้านปีที่แล้ว พลังงานที่ใช้ในการหลอมเหลวผิวชั้นนอกของดวงจันทร์เชื่อว่าเกิดจาก ซึ่งให้เกิดระบบการโคจรระหว่างโลกกับดวงจันทร์ขึ้น
โครงสร้างภายใน
สนามแรงโน้มถ่วง
สนามแม่เหล็ก
บรรยากาศ
อุณหภูมิพื้นผิว
แตกต่างอย่างชัดเจนเนื่องจากบนดวงจันทร์ไม่มีชั้นบรรยากาศห่อหุ้มเหมือนบนโลก
กำเนิดและการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา
การก่อตัว
ในยุคแรก ๆ คาดเดากันว่าดวงจันทร์เคยเป็นส่วนหนึ่งของเปลือกโลก แต่เปลือกโลกส่วนนั้นได้กระเด็นออกไปโดยมีสาเหตุจากแรงหนีศูนย์กลาง ทิ้งร่องรอยเป็นแอ่งของมหาสมุทรขนาดใหญ่บนโลก อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะโลกจะต้องหมุนรอบตัวเองเร็วมาก บางคนบอกว่าดวงจันทร์อาจก่อตัวขึ้นที่อื่น แต่พลัดหลงมาอยู่ใกล้โลกจึงถูกโลกจับไว้เป็นดาวบริวาร
บางคนเสนอว่า โลกและดวงจันทร์อาจเกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กันขณะที่ระบบสุริยะก่อตัว แต่ทฤษฎีนี้ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหล็กในดวงจันทร์พร่องไปไหน อีกทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่า ดวงจันทร์อาจก่อตัวจากการสะสมหลอมรวมของดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็ก
ทฤษฎีที่ยอมรับกันมากที่สุดในปัจจุบัน คือ กล่าวว่ามีวัตถุขนาดดาวอังคารโคจรมาชนโลก ในช่วงที่โลกกำลังก่อตัวขึ้นใหม่ ๆ ทำให้เนื้อโลกบางส่วนที่ยังร้อนอยู่กระเด็นออกไป และรวมตัวกันเป็นดวงจันทร์
แรงไทดัลทำให้ดวงจันทร์มีรูปร่างเป็นทรงรีอยู่เล็กน้อย โดยมี (แกนด้านยาว) ของวงรีชี้มายังโลก
ทะเลแม็กม่า
การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา
หินดวงจันทร์
วงโคจรและความสัมพันธ์กับโลก
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ดิถีของดวงจันทร์ในวันนี้ |
วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2567 |
ข้างขึ้น ตอนปลาย คิดเป็นร้อยละ 73 ของดวงจันทร์ทั้งดวง |
การเกิดน้ำขึ้น-น้ำลง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เกิดจากแรงดึงดูดตามกฎแรงดึงดูดระหว่างของนิวตันที่กล่าวไว้ว่า "วัตถุทุกชนิดในเอกภพ จะส่งแรงดึงดูดระหว่างกัน โดยขนาดของแรงดึงดูด จะแปรผันตรงกับผลคูณของมวลทั้งสอง และแปรผกผันกับระยะห่างระหว่างมวลยกกำลังสอง" ดังนั้นเมื่อพิจารณาโลกแล้วพบว่าโลกได้รับแรงดึงดูดจากดาวสองดวง คือ ดวงอาทิตย์ที่แม้อยู่ไกลแต่มีขนาดใหญ่ และดวงจันทร์ที่แม้ขนาดเล็กแต่อยู่ใกล้ โดยแต่ละตำแหน่งที่ดวงจันทร์เคลื่อนที่เปลี่ยนไปทำให้ทิศทางของแรงกระทำเปลี่ยนด้วย ส่งผลให้ของไหล(น้ำและแก๊ส)บนโลก เคลื่อนที่ตามทิศทางของแรงดึงดูดที่มากระทำต่อโลกเกิดเป็นปรากฏการ์ณคือ น้ำขึ้นและน้ำลง ซึ่งนอกจากน้ำบนผิวโลกแล้ว ดวงจันทร์ยังมีผลีต่อน้ำในร่างกายมนุษย์ กล่าวคือ มีผลต่อเลือดและของเหลวในสมอง ซึ่งเป็นคำอธิบายการคลุ้มคลั่งของผู้มีอาการทางจิตในช่วงพระจันทร์เต็มดวง
จันทรุปราคา
จันทรุปราคา เกิดจากการที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ เรียงตัวในแนวเดียวกันตามลำดับ ทำให้เงาของโลก บดบังแสงอาทิตย์ที่จะส่องมายังดวงจันทร์ และทำให้ดวงจันทร์ค่อยๆหายไปทั้งหมด หรือบางส่วน ก่อนจะกลับมาปรากฏใหม่อีกครั้ง ซึ่งจันทรุปราคาที่ดวงจันทร์จะหายไปทั้งหมดเรียกว่า จันทรุปราคาเต็มดวง จันทรุปราคาที่ดวงจันทร์จะหายไปบางส่วนเรียกว่า จันทรุปราคาบางส่วน
การสังเกตดวงจันทร์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การสำรวจดวงจันทร์
ประเทศที่ส่งยานสำรวจอวกาศลงบนดวงจันทร์ คือ โซเวียต (ค.ศ. 1966 โดยปัจจุบันคือรัสเซีย), สหรัฐ (ค.ศ. 1966), จีน (ค.ศ. 2013), อินเดีย (ค.ศ. 2023), ญี่ปุ่น (ค.ศ. 2024)
ประเทศที่ส่งนักบินอวกาศลงเหยียบบนดวงจันทร์ คือ สหรัฐ (ค.ศ. 1969)
ความเชื่อของมนุษย์ต่อดวงจันทร์
ชาวตะวันตกมีเทพนิยายกรีก ที่มีอาร์ทิมิส (Artemis) และ เซลีนี เทพีแห่งดวงจันทร์ และชาวโรมันมี ไดแอนา เป็นเทพีแห่งดวงจันทร์เช่นกัน ส่วนทางตะวันออกเช่น จีน มีเทพธิดาฉางเอ๋อ เป็นเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ ในโหราศาสตร์ไทยมี พระจันทร์ เป็นเทวดาประจำวันจันทร์ และชาวญี่ปุ่น มีการมองดวงจันทร์ว่ามีกระต่ายตำข้าวอยู่บนดวงจันทร์ ในไทยมีความเชื่อเรื่องการอาบน้ำเพ็ญ คือการอาบน้ำในวันพระจันทร์เต็มดวงมีการทำพิธีในวันเพ็ญเดือน 12 โดยเชื่อว่าการอาบน้ำกลางแจ้งในช่วงของวันดังกล่าวจะทำให้ได้รับพลังจากดวงจันทร์เป็นความสิริมงคล
สถานภาพทางกฎหมาย
ถึงแม้ว่าธงจำนวนมากของสหภาพโซเวียตจะถูกโปรยโดยยานลูน่า 2 ในปี 1959 และภายหลังภารกิจลงจอด และธงชาติสหรัฐอเมริกาก็ถูกปักไว้เป็นสัญลักษณ์บนดวงจันทร์ ไม่มีชาติใดได้ครอบครองความเป็นเจ้าของของส่วนใดส่วนหนึ่งของพื้นผิวดวงจันทร์เลย โซเวียตและสหรัฐต่างก็อยู่ร่วมกันใน ซึ่งให้ดวงจันทร์อยู่ภายใต้วงอำนาจเดียวกันกับเขตน่านน้ำสากล (สาธารณสมบัติ) สนธิสัญญานี้ยังจำกัดให้มีการใช้ดวงจันทร์เพื่อจุดประสงค์แห่งสันติภาพ ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นการห้ามการติดตั้งทหารและอีกด้วย (รวมไปถึงอาวุธนิวเคลียร์)
สนธิสัญญาฉบับที่ 2 สนธิสัญญาจันทรา มีจุดประสงค์เพื่อที่จะจำกัดการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติบนดวงจันทร์โดยชาติเพียงชาติเดียว แต่ก็ยังไม่มีชาติใดในกลุ่ม เซ็นสนธิสัญญานี้เลย เอกชนหลายๆ แห่งได้ทำการครอบครองดวงจันทร์ทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดจะพิจารณาความน่าเชื่อถือก็ตาม
ดูเพิ่ม
- ปฏิทินจันทรคติไทย - การนับวันเดือนปี โดยอาศัยดวงจันทร์เป็นเกณฑ์
- ปฏิทินอิสลาม - การนับวันเดือนปี โดยอาศัยดวงจันทร์เป็นเกณฑ์
เชิงอรรถ
- ตัวเลขอย่างละเอียดคือ คาบโคจรแท้จริงเฉลี่ยของดวงจันทร์ (sideral orbit) คือ 27.321661 วัน (27 วัน 7 ชั่วโมง 43 นาที 11.5วินาที) และคาบโคจรเฉลี่ยแบบทรอปิคัล (tropical orbit) อยู่ที่ 27.321582 วัน (27 วัน 7 ชั่วโมง 43 นาที 4.7 วินาที) (Explanatory Supplement to the Astronomical Ephemeris, 1961, at p.107).
- More accurately, the Moon's mean synodic period (between mean solar conjunctions) is 29.530589 days (29d 12h 44m 02.9s) (Explanatory Supplement to the Astronomical Ephemeris, 1961, at p.107).
อ้างอิง
- Spudis, P.D. (2004). . World Book Online Reference Center, NASA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-04-17. สืบค้นเมื่อ 2007-04-12.
- Gillis, J.J.; Spudis, P.D. (1996). "The Composition and Geologic Setting of Lunar Far Side Maria". Lunar and Planetary Science. 27: 413–404. สืบค้นเมื่อ 2007-04-12.
- Shearer, C.; และคณะ (2006). "Thermal and magmatic evolution of the Moon". Reviews in Mineralogy and Geochemistry. 60: 365–518. doi:10.2138/rmg.2006.60.4.
- Taylor, G.J. (2000-08-31). "A New Moon for the Twenty-First Century". Planetary Science Research Discoveries, Hawai'i Institute of Geophysics and Planetology. สืบค้นเมื่อ 2007-04-12.
- Kiefer, W. (2000-10-03). "Lunar Orbiter: Impact Basin Geology". Lunar and Planetary Institute. สืบค้นเมื่อ 2007-04-12.
- Munsell, K. (2006-12-04). . Solar System Exploration. NASA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-09-17. สืบค้นเมื่อ 2007-04-12.
- Martel, L.M.V. (2003-06-04). "The Moon's Dark, Icy Poles". Planetary Science Research Discoveries, Hawai'i Institute of Geophysics and Planetology. สืบค้นเมื่อ 2007-04-12.
- Melosh, H. J. (1989). Impact cratering: A geologic process. Oxford Univ. Press.
- "Nasa Spacecraft Reveal Largest Crater in Solar System - on Mars". สืบค้นเมื่อ 2008-06-26.[]
- Taylor, G.J. (1998-07-17). "The Biggest Hole in the Solar System". Planetary Science Research Discoveries, Hawai'i Institute of Geophysics and Planetology. สืบค้นเมื่อ 2007-04-12.
- "เล่าสู่กันฟัง...เรื่อง "เรื่องราวของพระจันทร์"". culture.go.th. กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 16 March 2023.[]
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
dwngcnthr xngkvs Moon epndarasastrwtthuthiokhcrrxbolk epndawbriwarthawrdwngediywkhxngolk epndawbriwarihythisudxndbthi 5 inrabbsuriya aelaepndawbriwarkhnadihysudemuxethiybkbkhnadkhxngdawekhraahthiokhcr dwngcnthrepndawbriwarthimikhwamhnaaennthisudepnxndbthi 2 rxngcakixoxkhxngdawphvhsbdi sungbangswnimthrabkhwamhnaaennmakhruxnxydwngcnthr hrux 2phaphdwngcnthrthaycakphunolkemuxwnthi 22 krkdakhm ph s 2545lksnakhxngwngokhcrrayacudiklolkthisud 363 104 km 0 0024 hnwydarasastrrayacudiklolkthisud 405 696 km 0 0027 hnwydarasastrkungaeknexk 384 399 km 0 00257 hnwydarasastr esnrxbwng khxngwngokhcr 2 413 402 km 0 16 hnwydarasastr khwameyuxngsunyklang 0 0549 27 321582 wn 27 wn 7 chm 43 1 nathi eduxncnthrkhti 29 530588 wn 29 wn 12 chm 44 0 nathi 27 554550 wn 27 212221 wn 27 321582 wnxtraerwechliy inwngokhcr 1 022 km winathixtraerwsungsud inwngokhcr 1 082 km winathixtraerwtasud inwngokhcr 0 968 km winathikhwamexiyng 5 145 kbsuriywithi rahwang 18 29 aela 28 58 kbsunysutrolk lxngcicud khxngcudohndkhun thxyhlng 1 rxbin 18 6 pimumkhxngcud iklolkthisud ipkhanghna 1 rxbin 8 85 pidawbriwarkhxng olklksnathangkayphaphesnphansunyklangechliy 3 474 206 km 0 273 olk esnphansunyklang tamaenwsunysutr 3 476 28 km 0 273 olk esnphansunyklang tamaenw 3 471 94 km 0 273 olk khwamaepn 0 00125esnrxbwngtamaenwsunysutr 10 916 km phunthiphiw 3 793 107km 0 074 olk primatr 2 1958 1010 0 020 olk mwl 7 3477 1022kk 0 0123 olk khwamhnaaennechliy 3 346 4 kk emtr khwamonmthwng thisunysutr 1 622 emtr winathi 0 1654 ci khwamerwhludphn 2 38 km winathikhabkarhmun rxbtwexng 27 321582 wn khwamerwkarhmun rxbtwexng 4 627 emtr winathikhwamexiyngkhxngaekn 1 5424 kbsuriywithi 6 687 kbranabwngokhcr xtraswnsathxn 0 12xunhphumiphunphiw sunysutr 85 Ntasudechliysungsud100 K220 K390 K70 K130 K230 Kkhnadechingmum tngaet 29 thung 33 lksnakhxngbrryakaskhwamhnaaennbrryakas 107 xnuphakhtx sm klangwn 105 xnuphakhtx sm klangkhun khadwadwngcnthrkxkaenidpraman 4 51 phnlanpikxn imnanhlngcakolk khaxthibaythiidrbkaryxmrbkwangkhwangthisudkhuxdwngcnthrkxkaenidcakessthiehluxcakkarchnkhnadyksrahwangolkkbethhkhnadpramandawxngkharchux thixa Theia dwngcnthrhmunrxbolkaebbprasanewla cahndanediywekhahaolkesmxkhuxdaniklthimilksnaepnthaelphuekhaifmud sungetimthiwangrahwangthisungepluxkobranswangaelahlumxukkabatthiehnidchdecn emuxsngektcakolk epnethhfathiehnidepnpracaswangthisudxndbsxnginthxngfakhxngolkrxngcakdwngxathity phunphiwaethcringaelwmud aemethiybkbthxngfaratriaelwcaduswangmak odymikarsathxnsungkwaaexsfxltesuxmelknxy xiththiphlkhwamonmthwngkhxngdwngcnthrthaihekidnakhunlngmhasmuthr aelathaihhnungwnyawkhunelknxy mirayahangcakolkechliynbcaksunyklangthungsunyklangpraman 384 403 kiolemtr ethiybethakb 30 ethakhxngesnphansunyklangkhxngolk cudsunyklangmwlrwmkhxngrabbtngxyuthitaaehnng 1 700 kiolemtritphiwolk hruxpraman 1 in 4 khxngrsmikhxngolk dwngcnthrokhcrrxbolkinewlapraman 27 3 wn emuxepriybethiybkaraeprkhabokhcrtammatrphumisastrrahwangolk dwngcnthr dwngxathity thaihekidepnefskhxngdwngcnthr sungcasarxbthuk chwng 29 5 wn eriykwa khabisondik esnphansunyklangkhxngdwngcnthrmikhapraman 3 474 kiolemtr hruxpramanhnunginsikhxngolk dngnnphunphiwkhxngdwngcnthrminxykwa 1 in 10 khxngphunphiwkhxngolk praman 1 in 4 khxngphunthwipkhxngolkethann khidepnkhnadihypramanrsesiy aekhnada kbshrthxemrika rwmkn mwlrwmkhxngdwngcnthrkhidepnpraman 2 khxngmwlkhxngolk aelaaerngonmthwngepn 17 khxngolk sylksnaethndwngcnthrkhux pi ph s 2512 kh s 1969 nil xarmstrxng aela nkbinxwkaskhxngxngkhkarnasa epnmnusy 2 khnaerkthiehyiyblngbnphundinkhxngdwngcnthr kdhmayxwkasthuxwadwngcnthrepnsmbtirwmknkhxngmnusychati tamsnthisyyathiichbngkhbkickrrmkhxngrthbndwngcnthr dwngdaw aelawtthuxwkasxun kh s 1979chuxaelasphthmulwithyadwngcnthrepndawbriwarkhxngdawekhraah aetmikhwamaetktangcakdwngcnthrdwngxun inrabbsuriya ephraaemuxeraphudthung dwngcnthr kcahmaythung dawbriwarthiokhcrrxbolkkhxngera khawa cnthr nnepnkhasphthmacakphasasnskvt च द र cth r xanwa cn d ra hruxkhnithyeraeriykwa cn th ra sunghmaythungphracnthr inphasaithyedimmkeriykwa eduxn hrux dwngeduxn law ເດ ອນ eduxn ithihy လ ၼ eh lin sahrbinphasaxngkvs dwngcnthr hrux Moon phasaxngkvsichxksrtwihykhuntnkha epnkha trngkbkhaphasalatin khux mensis epnkhathiaeykxxkmacakrakphasaxinod yuorepiyndngedim aelaepntwaethnkhxngkarnbewla sungralukthungkhwamsakhykhxngmn khux wncnthr inphasaxngkvs kareriykdwngcnthrmimacnthungpi kh s 1665 emuxmikarkhnphbdawbriwardwngihmkhxngdawekhraahdwngxun bangkhrngdwngcnthrcungthukeliyngipichchuxinphasalatinkhxngmnaethn khux luna ephuxthicaaeykmnxxkcakdawbriwarxun phunphiwkhxngdwngcnthrkarhmunsmwar ilebrchnkhxngdwngcnthr khangkhunkhangaerm dwngcnthrmikarhmunrxbtwexngaebbthieriykwa synchronous rotation khuxkhabkarhmunrxbtwexngkbkhabkarokhcrrxbolkmikhaethakn odydwngcnthrichewlaokhcrrxbpraman 27 3 wn epnphlihdwngcnthrhndanediywekhahaolk eriykdanthihnekhahaerawa danikl near side swndantrngkham khux danikl far side epndanthieraimsamarthmxngehnid xyangirktam dwngcnthrmielknxy thaiheramioxkasmxngehnphunphiwdwngcnthridmakkwa 50 xyuelknxy inxdit daniklkhxngdwngcnthrepndanthiluklbxyuesmx cnkrathngthungyukhthierasamarthsngyanxwkasxxkipthungdwngcnthrid singhnungthiaetktangrahwangdaniklkbdanikl khux daniklimmiphunthirabkhlathieriykwa maer aeplwathael kwangkhwangmakehmuxnxyangdanikl dwngcnthrichewlainkarhmunrxbtwexngthiidcnghwaphxdikbwithikarokhcrrxbolk sungemuxeramxngdwngcnthrcakphunolkcamxngehndwngcnthrephiyngdanediywtlxdewla inprawtisastryukhaerkkhxngdwngcnthr karhmunkhxngmnchaaelaklayepnthuklxkxyuinlksnani epnphlmacakpraktkarnkhwamfud aelamikhwamsmphnthkbpraktkarnnakhunnalngbnolk emuxnanmaaelw khnathidwngcnthryngkhnghmunerwkwainpccubn rxbopnginpraktkarnnakhunnalngmakxnaenwolk dwngcnthr ephraawamnimsamarthdungrxyopngkhxngmnklbkhunidxyangrwderwphxthicarksarayakhxngrxyopngrahwangmnkbolk karhmunkhxngmnkhcdrxyopngnxkehnuxcakaenwolk dwngcnthr rxyopngthixyunxkesnolk dwngcnthrnithaihekidkarbidebiywkhxhnxn sungldkhwamerwkhxngkarhmunkhxngdwngcnthrlng emuxkarhmunkhxngdwngcnthrchalngcnehmaasmkbkarokhcrrxbolk emuxnnrxyopngkhxngmncunghnhnaekhahaolkesmx rxyopngxyuinaenwediywkbolk aelarxybidkhxngmnkcunghayip nikhuxehtuphlwathaimdwngcnthrcungichewlainkarhmunrxbtwexngphx kbkarokhcrrxbolk mikhwamphnphwnelknxy ilebrchn inmumxngsakhxngdwngcnthrsungeraidehn eracungmxngehnphunphiwkhxngdwngcnthrthnghmdpraman 59 khxngphunphiwthnghmdkhxngdwngcnthr danthimxngehncakolkcathukeriykwa danikl aeladanthixyutrngkhameriykwa danikl daniklkhxngdwngcnthrtangcakdanmudkhxngdawphuthkhux danmudkhxngdawphuthepndanthiimthukaesngxathitysxngely aetdaniklkhxngdwngcnthrnnbangkhrngkepndanthiidrbaesngxathityaelahnhnaekhahaolk daniklkhxngdwngcnthridthukthayrupodyyanluna 3 khxngosewiytinpikh s 1959 hnunginlksnaphumipraethsthithaihsngektidwaepndwngcnthrdaniklkhuxmnmithirabkhlahrux maer nxykwadaniklmak thaelbndwngcnthr phunphiwbndwngcnthrthimxngdwytaeplaehnepnsikhla khuxthirabbndwngcnthrhruxeriykwa thael bndwngcnthr phasaxngkvseriykwa maeriy hrux maer macaksphthphasalatin hmaythung thael thngnienuxngcaknkdarasastryukhaerk echuxwaphunphiwsikhlaehlannepnphunna aetpccubnthrabknaelwwaepnaexngthirabkwangihyekidcaklawainyukhobran lawathiraebidphwyphungehlaniihlekhaipinhlumthiekidcakkarpathakhxngxukkabathruxdawhangthiphungekhachndwngcnthr ykewn sungbndaniklkhxngdwngcnthr epnaexngthimiidekidcakkarpathaid ethathiruck eraphbthaelbndwngcnthrmakbndaniklkhxngdwngcnthr swnthangdaniklmixyupraprayephiyngpraman 2 khxngphunthiphiwthnghmdethann khnathithangdaniklmithaelthungpraman 31 khxngphunthiphiw khaxthibaythiepnipidmakthisudkhuxkarthibrryakasdaniklkhxngdwngcnthrmiaehlngkaenidkhwamrxnmakkwa sungphbidcakaephnthiphumiekhmithisrangkhuncaksepkotrmietxrrngsiaekmmakhxng phuekhabndwngcnthr briewnthimisixxnkwabnphunphiwdwngcnthrnneriykwa phuekha terrae hruxbangkhrngkeriykngay ephiyngwa thirabsung ephraamnepnbriewnthimikhwamsungmakkwaswnthiepnthael miaenwethuxkekhathioddednxyumakmaybndaniklkhxngdwngcnthrtamaenwkhxbkhxngkhnadihysungetmipdwyhinbasxlt snnisthanwaniepnsakthihlngehluxxyukhxngkhxbnxkkhxngaexngpatha immiethuxkekhaidkhxngdwngcnthrthiechuxwaekidcakkarepliynaeplngkhxngphunphiwdawehmuxnxyangkarekidkhxngphuekhabnolkely cakphaphthithayiwodyptibtikarkhliemnithn Clementine mission emuxpi kh s 1994 thaihphbwabriewnethuxkekha 4 aehngtamkhxbkhxng Peary crater sungkwang 73 kiolemtr iklkhwehnuxkhxngdwngcnthr nacathukaesngxathitytlxdchwngwnxnyawnanbndwngcnthr ehtuthiyxdekhaaehngaesngnirndr Peak of Eternal Light nithukaesngxathitytlxdewlanacaepnipidephraadwngcnthrmikhwamexiyngkhxngaeknemuxethiybkbranabsuriywithinxymak imphbwamibriewnthitxngaesngxyangnirndrlksnaediywknnithibriewnkhwitkhxngdaw aemwacamibriewnkhxbkhxng Shackleton crater thisathxnaesngraw 80 khxngwnkhxngdwngcnthr phlsubenuxngxikprakarhnungcakkarthiaeknexiyngkhxngdwngcnthrmikhanxymak khuxmiyanthixyuinekhtmudnirndrthibriewnknaexngmakmayiklkhwdaw aexngbndwngcnthr phunphiwkhxngdwngcnthrsamarthsngekttaaehnngidodyducak sungekidkhuncakkarthixukkabataeladawhangphungekhachnphunphiwkhxngdwngcnthr miaexngxyuepncanwnrawkhrunglanaehngthimikhnadesnphansunyklangihykwa 1 kiolemtr enuxngcaklksnakhxngaexngpathaekidkhuninxtraekuxbkhngthi canwnaexngtxhnwyphunthicungsamarthichinkarpramanxayukhxngphunphiwid odythidwngcnthrimmichnbrryakas immixakasaelakrabwnkarthangthrniwithya cungmnicidwaaexngehlanidarngkhngxyuinlksnadngedimimepliynaeplngemuxethiybkbaexngbnolk aexngthiihythisudbndwngcnthr aelaxaccdwaepnaexngpathathiihythisudethathiruckkninrabbsuriya khux South Pole Aitken basin aexngnixyuthangfngdaniklkhxngdwngcnthr rahwangkhwitkhxngdawkbaenwsunysutr mikhnadesnphansunyklangraw 2 240 kiolemtr luk 13 kiolemtr sahrbaexngpathathioddednthangfngdaniklkhxngdwngcnthr idaek aela nabndwngcnthr wnthi 9 tulakhm 2009 khrb 100 wnkarsng LCROSS ipokhcrrxbdwngcnthr thangnasakyingcrwdthitidtngxyubndawethiymphrxmkbplxyihtw dawethiymtkkrathbphundwngcnthr nasakaethlngphlwiekhraahkhxmulcakesnesxrbndawethiymwa funthikracaykhunmannminapraman 90 litr karyunynniidmacakesnesxr NIR Near Infrared odyxasykarwdkha spectrum khxngaesngkxnkarchn aelahlngkarchn ephuxethiybsdswnkhxngphlngnganinyantang phbwayan 300nm nnmiphlngngansungkhunmaepnkaryunynwami hydroxyl xyuinfunthilxykhunmann kxnhnanikhxmulcakklxnghbebilekhyaesdngkhxmulebuxngtnwaxaccamiihdrxksilinfunthilxykhunma aetchwngewlathiaethlngkhawnnyngimmikaryunyn khnadhlumthiekidkhuncakkarphungchnmiesnphansunyklangpraman 20 30 emtr 60 100 fut sahrbkarsngektkarphwyfunthithangnasakhadwanacaichxupkrnsmkhrelntha idnnklbimsamarththaidenuxngcaksphaphxakas aetthangnasakidthayphaphiwaelwlksnathangkayphaphhincakdwngcnthr nahnk 253 krm sungidmacakbriewn mhasmuthraehngphayu Oceanus Procellarum inpharakicxaphxlol 12 dwngcnthrepndawekhraahthiprakxbdwyxngkhprakxbxnhlakhlay thimikhwamaetktangthangxyangchdecnrahwangswnkhxngphunphiw swnkhxngepluxk aelaswnkhxngaekn echuxwalksnathangokhrngsrangechnniepnphlmacakkarkxtwkhunepnswn cakthiekidkhunhlngcakkarkaeniddawekhraahimnannk khuxraw 4 5 phnlanpithiaelw phlngnganthiichinkarhlxmehlwphiwchnnxkkhxngdwngcnthrechuxwaekidcak sungihekidrabbkarokhcrrahwangolkkbdwngcnthrkhun okhrngsrangphayin snamaerngonmthwng snamaemehlk brryakas xunhphumiphunphiw aetktangxyangchdecnenuxngcakbndwngcnthrimmichnbrryakashxhumehmuxnbnolkkaenidaelakarepliynaeplngthangthrniwithyakarkxtw inyukhaerk khadedaknwadwngcnthrekhyepnswnhnungkhxngepluxkolk aetepluxkolkswnnnidkraednxxkipodymisaehtucakaernghnisunyklang thingrxngrxyepnaexngkhxngmhasmuthrkhnadihybnolk xyangirktamaenwkhidniimnacaepnipid ephraaolkcatxnghmunrxbtwexngerwmak bangkhnbxkwadwngcnthrxackxtwkhunthixun aetphldhlngmaxyuiklolkcungthukolkcbiwepndawbriwar bangkhnesnxwa olkaeladwngcnthrxacekidkhunmaphrxm knkhnathirabbsuriyakxtw aetthvsdiniimsamarthxthibayidwaehlkindwngcnthrphrxngipihn xikthvsdihnungklawwa dwngcnthrxackxtwcakkarsasmhlxmrwmkhxngdawekhraahnxykhnadelk thvsdithiyxmrbknmakthisudinpccubn khux klawwamiwtthukhnaddawxngkharokhcrmachnolk inchwngthiolkkalngkxtwkhunihm thaihenuxolkbangswnthiyngrxnxyukraednxxkip aelarwmtwknepndwngcnthr aerngithdlthaihdwngcnthrmiruprangepnthrngrixyuelknxy odymi aekndanyaw khxngwngrichimayngolk thaelaemkma karepliynaeplngthangthrniwithya hindwngcnthrwngokhcraelakhwamsmphnthkbolkswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniiddithikhxngdwngcnthrinwnniwncnthrthi 17 mithunayn ph s 2567khangkhun txnplay khidepnrxyla 73 khxngdwngcnthrthngdwngkarekidnakhun nalngswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniid ekidcakaerngdungdudtamkdaerngdungdudrahwangkhxngniwtnthiklawiwwa wtthuthukchnidinexkphph casngaerngdungdudrahwangkn odykhnadkhxngaerngdungdud caaeprphntrngkbphlkhunkhxngmwlthngsxng aelaaeprphkphnkbrayahangrahwangmwlykkalngsxng dngnnemuxphicarnaolkaelwphbwaolkidrbaerngdungdudcakdawsxngdwng khux dwngxathitythiaemxyuiklaetmikhnadihy aeladwngcnthrthiaemkhnadelkaetxyuikl odyaetlataaehnngthidwngcnthrekhluxnthiepliynipthaihthisthangkhxngaerngkrathaepliyndwy sngphlihkhxngihl naaelaaeks bnolk ekhluxnthitamthisthangkhxngaerngdungdudthimakrathatxolkekidepnpraktkarnkhux nakhunaelanalng sungnxkcaknabnphiwolkaelw dwngcnthryngmiphlitxnainrangkaymnusy klawkhux miphltxeluxdaelakhxngehlwinsmxng sungepnkhaxthibaykarkhlumkhlngkhxngphumixakarthangcitinchwngphracnthretmdwngcnthruprakhacnthruprakha ekidcakkarthidwngxathity olk aeladwngcnthr eriyngtwinaenwediywkntamladb thaihengakhxngolk bdbngaesngxathitythicasxngmayngdwngcnthr aelathaihdwngcnthrkhxyhayipthnghmd hruxbangswn kxncaklbmapraktihmxikkhrng sungcnthruprakhathidwngcnthrcahayipthnghmderiykwa cnthruprakhaetmdwng cnthruprakhathidwngcnthrcahayipbangswneriykwa cnthruprakhabangswnkarsngektdwngcnthrswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidkarsarwcdwngcnthrpraethsthisngyansarwcxwkaslngbndwngcnthr khux osewiyt kh s 1966 odypccubnkhuxrsesiy shrth kh s 1966 cin kh s 2013 xinediy kh s 2023 yipun kh s 2024 praethsthisngnkbinxwkaslngehyiybbndwngcnthr khux shrth kh s 1969 khwamechuxkhxngmnusytxdwngcnthrchawtawntkmiethphniyaykrik thimixarthimis Artemis aela eslini ethphiaehngdwngcnthr aelachawormnmi idaexna epnethphiaehngdwngcnthrechnkn swnthangtawnxxkechn cin miethphthidachangexx epnethphthidaaehngdwngcnthr inohrasastrithymi phracnthr epnethwdapracawncnthr aelachawyipun mikarmxngdwngcnthrwamikrataytakhawxyubndwngcnthr inithymikhwamechuxeruxngkarxabnaephy khuxkarxabnainwnphracnthretmdwngmikarthaphithiinwnephyeduxn 12 odyechuxwakarxabnaklangaecnginchwngkhxngwndngklawcathaihidrbphlngcakdwngcnthrepnkhwamsirimngkhlsthanphaphthangkdhmaythungaemwathngcanwnmakkhxngshphaphosewiytcathukopryodyyanluna 2 inpi 1959 aelaphayhlngpharkiclngcxd aelathngchatishrthxemrikakthukpkiwepnsylksnbndwngcnthr immichatiididkhrxbkhrxngkhwamepnecakhxngkhxngswnidswnhnungkhxngphunphiwdwngcnthrely osewiytaelashrthtangkxyurwmknin sungihdwngcnthrxyuphayitwngxanacediywknkbekhtnannasakl satharnsmbti snthisyyaniyngcakdihmikarichdwngcnthrephuxcudprasngkhaehngsntiphaph sungaennxnwacaepnkarhamkartidtngthharaelaxikdwy rwmipthungxawuthniwekhliyr snthisyyachbbthi 2 snthisyyacnthra micudprasngkhephuxthicacakdkarsarwcthrphyakrthrrmchatibndwngcnthrodychatiephiyngchatiediyw aetkyngimmichatiidinklum esnsnthisyyaniely exkchnhlay aehngidthakarkhrxbkhrxngdwngcnthrthnghmdhruxswnidswnhnung aemwacaimmiphuidcaphicarnakhwamnaechuxthuxktamduephimwikiphcnanukrm mikhwamhmaykhxngkhawa dwngcnthr ptithincnthrkhtiithy karnbwneduxnpi odyxasydwngcnthrepneknth ptithinxislam karnbwneduxnpi odyxasydwngcnthrepneknthechingxrrthtwelkhxyanglaexiydkhux khabokhcraethcringechliykhxngdwngcnthr sideral orbit khux 27 321661 wn 27 wn 7 chwomng 43 nathi 11 5winathi aelakhabokhcrechliyaebbthrxpikhl tropical orbit xyuthi 27 321582 wn 27 wn 7 chwomng 43 nathi 4 7 winathi Explanatory Supplement to the Astronomical Ephemeris 1961 at p 107 More accurately the Moon s mean synodic period between mean solar conjunctions is 29 530589 days 29d 12h 44m 02 9s Explanatory Supplement to the Astronomical Ephemeris 1961 at p 107 xangxingSpudis P D 2004 World Book Online Reference Center NASA khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2007 04 17 subkhnemux 2007 04 12 Gillis J J Spudis P D 1996 The Composition and Geologic Setting of Lunar Far Side Maria Lunar and Planetary Science 27 413 404 subkhnemux 2007 04 12 Shearer C aelakhna 2006 Thermal and magmatic evolution of the Moon Reviews in Mineralogy and Geochemistry 60 365 518 doi 10 2138 rmg 2006 60 4 Taylor G J 2000 08 31 A New Moon for the Twenty First Century Planetary Science Research Discoveries Hawai i Institute of Geophysics and Planetology subkhnemux 2007 04 12 Kiefer W 2000 10 03 Lunar Orbiter Impact Basin Geology Lunar and Planetary Institute subkhnemux 2007 04 12 Munsell K 2006 12 04 Solar System Exploration NASA khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 09 17 subkhnemux 2007 04 12 Martel L M V 2003 06 04 The Moon s Dark Icy Poles Planetary Science Research Discoveries Hawai i Institute of Geophysics and Planetology subkhnemux 2007 04 12 Melosh H J 1989 Impact cratering A geologic process Oxford Univ Press Nasa Spacecraft Reveal Largest Crater in Solar System on Mars subkhnemux 2008 06 26 lingkesiy Taylor G J 1998 07 17 The Biggest Hole in the Solar System Planetary Science Research Discoveries Hawai i Institute of Geophysics and Planetology subkhnemux 2007 04 12 elasuknfng eruxng eruxngrawkhxngphracnthr culture go th krmsngesrimwthnthrrm subkhnemux 16 March 2023 lingkesiy