ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
สาธารณรัฐอิรัก | |
---|---|
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | แบกแดด 33°20′N 44°23′E / 33.333°N 44.383°E |
ภาษาราชการ | |
|
|
กลุ่มชาติพันธุ์ (ค.ศ. 2019) | |
ศาสนา | |
เดมะนิม | ชาวอิรัก |
การปกครอง | สหพันธ์ ระบบรัฐสภา สาธารณรัฐรัฐธรรมนูญ |
• | |
• | |
• | |
สภานิติบัญญัติ | สภาผู้แทนราษฎร |
3 ตุลาคม ค.ศ. 1932 | |
• | 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1958 |
• | 15 ตุลาคม ค.ศ. 2005 |
พื้นที่ | |
• รวม | 438,317 ตารางกิโลเมตร (169,235 ตารางไมล์) (อันดับที่ 58) |
4.62 (ใน ค.ศ. 2015) | |
ประชากร | |
• ค.ศ. 2020 ประมาณ | 40,222,503 (อันดับที่ 36) |
82.7 ต่อตารางกิโลเมตร (214.2 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 125) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2020 (ประมาณ) |
• รวม | 399.400 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (46) |
• ต่อหัว | 10,175 ดอลลาร์สหรัฐ () |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2019 (ประมาณ) |
• รวม | 250.070 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 48) |
• ต่อหัว | 4,474 ดอลลาร์สหรัฐ () |
จีนี (ค.ศ. 2012) | 29.5 ต่ำ |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2019) | 0.674 ปานกลาง · อันดับที่ 123 |
สกุลเงิน | ดีนาร์อิรัก (IQD) |
เขตเวลา | UTC+3 () |
ขับรถด้าน | ขวา |
รหัสโทรศัพท์ | |
โดเมนบนสุด | .iq |
|
ประเทศอิรัก (อังกฤษ: Iraq; อาหรับ: الْعِرَاق, อักษรโรมัน: al-ʿIrāq; เคิร์ด: عێراق, อักษรโรมัน: Êraq) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐอิรัก (อังกฤษ: Republic of Iraq; อาหรับ: جُمْهُورِيَّة ٱلْعِرَاق ; เคิร์ด: کۆماری عێراق, อักษรโรมัน: Komarî Êraq) เป็นประเทศในตะวันออกกลาง มีอาณาเขตทางทิศเหนือจรดประเทศตุรกี ทางทิศตะวันออกจรดประเทศอิหร่าน ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จรดประเทศคูเวต ทางทิศใต้จรดประเทศซาอุดีอาระเบีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดประเทศจอร์แดน และทางทิศตะวันตกจรดประเทศซีเรีย กรุงแบกแดด ซึ่งเป็นเมืองหลวง ตั้งอยู่ในกลางประเทศ ราว 97% ของประชากรอิรัก 36 ล้านคนเป็นชาวมุสลิม ส่วนใหญ่มีเชื้อสายซุนนีย์ ชีอะฮ์และเคิร์ด
ประเทศอิรักมีแนวชายฝั่งส่วนแคบวัดความยาวได้ 58 กิโลเมตรทางเหนือของอ่าวเปอร์เซีย และอาณาเขตของประเทศครอบคลุมที่ราบลุ่มแม่น้ำเมโสโปเตเมีย ปลายทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเทือกเขาซากรอส และส่วนตะวันออก สองแม่น้ำหลัก แม่น้ำไทกรีสและยูเฟรตีส ไหลลงใต้ผ่านใจกลางประเทศและไหลลงสู่ชัฏฏุลอะร็อบใกล้อ่าวเปอร์เซีย แม่น้ำเหล่านี้ทำให้ประเทศอิรักมีดินแดนอุดมสมบูรณ์มากมาย
ภูมิภาคระหว่างแม่น้ำไทกรีสและยูเฟรตีสมักเรียกว่า เมโสโปเตเมีย และคาดว่าเป็นบ่อเกิดของการเขียนและ พื้นที่นี้ยังเป็นที่ตั้งของอารยธรรมที่สืบทอดต่อกันมานับแต่ 6 สหัสวรรษก่อนคริสตกาล ในแต่ละช่วงของประวัติศาสตร์ อิรักเป็นศูนย์กลางของ อัสซีเรีย และบาบิโลเนีย นอกจากนี้ยังเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิมีเดีย อะคีเมนิด พาร์เธีย แซสซานิด โรมัน รอชิดีน อุมัยยะฮ์ อับบาซียะห์ มองโกล ซาฟาวิด อาฟชาริยะห์และออตโตมัน และเคยเป็นภายใต้การควบคุมของอังกฤษ
พรมแดนสมัยใหม่ของประเทศอิรักส่วนใหญ่ปักใน ค.ศ. 1920 โดยสันนิบาตชาติ เมื่อจักรวรรดิออตโตมันถูกแบ่งตาม ประเทศอิรักถูกกำหนดให้อยู่ในอำนาจของสหราชอาณาจักรเป็นอาณาเขตในอาณัติเมโสโปเตเมียของอังกฤษ พระมหากษัตริย์สถาปนาขึ้นใน ค.ศ. 1921 และราชอาณาจักรอิรักได้รับเอกราชจากอังกฤษใน ค.ศ. 1932 ใน ค.ศ. 1958 พระมหากษัตริย์ถูกล้มล้างและมีการสถาปนาสาธารณรัฐอิรัก ต่อมาประเทศอิรักถูกควบคุมโดยสังคมนิยมอาหรับตั้งแต่ ค.ศ. 1968 ถึง ค.ศ. 2003 หลังการบุกครองโดยสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร พรรคบะอษ์ของซัดดัม ฮุสเซนถูกโค่นจากอำนาจและมีการจัดการเลือกตั้งรัฐสภาหลายพรรคขึ้น ทหารสหรัฐออกจากอิรักทั้งหมดใน ค.ศ. 2011 แต่การก่อการกำเริบอิรักยังดำเนินต่อไปและทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อนักรบจากสงครามกลางเมืองซีเรียไหลบ่าเข้าประเทศ
ภูมิศาสตร์
อิรักมีพื้นที่ทั้งหมด 437,072 ตารางกิโลเมตร ทิศตะวันออกติดกับ อิหร่าน ทิศเหนือ ติดกับตุรกี ทิศใต้ติดกับคูเวต ทิศตะวันตกติดกับ ซีเรีย และจอร์แดน สภาพทางภูมิศาสตร์ของอิรัก เป็นทะเลทรายร้อยละ 40 ที่ราบสูง ยากแต่การทำการเกษตรทำให้อิรักต้องนำเข้าสินค้าภาคการเกษตรเช่น ข้าวสาลี ข้าวจ้าว ธัญพืช แต่อย่างไรก็ดี อิรักก็มีแม่น้ำไหลผ่าน 2 สาย คือ แม่น้ำไทกริส และแม่น้ำยูเฟรทีส ทำให้ยังพอมีความอุดมสมบูรณ์อยู่บ้าง
ประวัติศาสตร์
รัฐในอาณัติ และ ราชอาณาจักร
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติลงอาณาจักรออตโตมันที่เคยเป็นมหาอำนาจในตะวันออกกลางตกเป็นผู้แพ้สงคราม ดินแดนต่าง ๆ ที่ออตโตมันปกครองก็ถูกแบ่งแยกออกเป็นรัฐต่าง ๆ อิรักเป็นหนึ่งในรัฐที่ถูกแบ่งแยกออกมาโดยอังกฤษที่สามารถยึดครองอิรักจากออตโตมันได้ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1
อังกฤษได้เข้ามาปกครองอิรัก ในฐานะรัฐอารักขาตั้งแต่ ค.ศ. 1920 จนกระทั่งใน ค.ศ. 1932 อังกฤษได้ให้เอกราชแก่อิรักโดยมีปกครองประเทศอิรัก
สาธารณรัฐ และ พรรคบะอษ์
ในปี 1958 เกิดการรัฐประหารที่เรียกว่าการปฏิวัติ 14 กรกฎาคม นำโดยนายพลอับด์ อัล-คาริม กาซิม การก่อจลาจลครั้งนี้เป็นการต่อต้านจักรวรรดินิยมและต่อต้านสถาบันกษัตริย์อย่างรุนแรง และมีองค์ประกอบสังคมนิยมที่เข้มแข็ง ทำให้กษัตริย์ฟัยศ็อลที่ 2 เจ้าชายอับดุลอิลาห์ และนูริ อัล-ซาอิด ถูกปลงพระชนม์กาซิมควบคุมอิรักผ่านการปกครองของทหาร และในปี 1958 เขาเริ่มกระบวนการบังคับลดที่ดินส่วนเกินที่มีพลเมืองเพียงไม่กี่คนเป็นเจ้าของ และให้รัฐจัดสรรที่ดินใหม่ เขาถูกโค่นล้มโดยพันเอกอับดุล สลาม อารีฟ ในการรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1963 หลังจากการเสียชีวิตของฝ่ายหลังในปี 1966 อับดุลเราะห์มาน อารีฟ น้องชายของเขาสืบต่อจากเขา ซึ่งถูกพรรคบะอัธล้มล้างในปี 1968
อาห์เหม็ด ฮัสซัน อัล-บักร์ กลายเป็นประธานาธิบดีจากพรรคบะอษ์คนแรกของอิรัก แต่แล้วการเคลื่อนไหวก็ค่อยๆ เข้ามาอยู่ภายใต้การควบคุมของซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและการควบคุมของสภาบัญชาการการปฏิวัติ (RCC) ซึ่งในขณะนั้นเป็นองค์กรบริหารสูงสุดของอิรัก กรกฎาคม 1979.
หลังจากการโจมตีข้ามพรมแดนกับอิหร่านเป็นเวลาหลายเดือน ซัดดัมได้ประกาศสงครามกับอิหร่านในเดือนกันยายน 1980 ทำให้เกิดสงครามอิรัก–อิหร่าน โดยใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายหลังการปฏิวัติอิหร่านในอิหร่าน อิรักยึดดินแดนบางส่วนทางตะวันตกเฉียงใต้ของอิหร่านได้ แต่อิหร่านยึดคืนดินแดนที่สูญเสียไปทั้งหมดได้ภายในสองปี และอีกหกปีถัดมา อิหร่านก็เป็นฝ่ายรุกในช่วงสงคราม ซัดดัม ฮุสเซนใช้อาวุธเคมีโจมตีชาวอิหร่านอย่างกว้างขวาง ในช่วงสุดท้ายของสงครามอิรัก–อิหร่าน รัฐบาลอิรักของพรรคบะอษ์ ได้เป็นผู้นำการรณรงค์ Al-Anfal ซึ่งเป็นการรณรงค์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่มุ่งเป้าไปที่ชาวเคิร์ดในอิรัก และนำไปสู่การสังหารพลเรือน 50,000–100,000 คน
เนื่องจากอิรักไม่สามารถจ่ายเงินให้กับคูเวตได้มากกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ยืมมาเพื่อใช้สนับสนุนสงครามอิรัก-อิหร่าน และการเพิ่มขึ้นของระดับการผลิตปิโตรเลียมของคูเวตซึ่งทำให้รายได้ลดลง อิรักตีความการที่คูเวตปฏิเสธที่จะลดการผลิตน้ำมันถือเป็นการกระทำที่ก้าวร้าว ในเดือนสิงหาคม 1990 อิรักรุกรานและผนวกคูเวต สิ่งนี้นำไปสู่การแทรกแซงทางทหารโดยกองกำลังที่นำโดยสหรัฐอเมริกาในสงครามอ่าวครั้งแรก กองกำลังพันธมิตรดำเนินการปฏิบัติการทิ้งระเบิดโดยมุ่งเป้าไปที่เป้าหมายทางทหารจากนั้นจึงทำการโจมตีภาคพื้นดินต่อกองกำลังอิรักทางตอนใต้ของอิรักและคูเวตเป็นเวลา 100 ชั่วโมง
กองทัพอิรักได้รับความเสียหายในช่วงสงคราม ไม่นานหลังจากเหตุการณ์สิ้นสุดลงในปี 1991 ชาวอิรักและชาวเคิร์ดได้นำการลุกฮือหลายครั้งเพื่อต่อต้านระบอบการปกครองของซัดดัม ฮุสเซน แต่ถูกปราบปราม คาดว่ามีผู้เสียชีวิตมากถึง 100,000 คน รวมทั้งพลเรือนจำนวนมาก ในระหว่างการลุกฮือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และตุรกี โดยอ้างอำนาจภายใต้ UNSCR 688 ได้จัดตั้งเขตห้ามบินของอิรักขึ้นเพื่อปกป้องประชากรชาวเคิร์ดจากการโจมตี
อิรักได้รับคำสั่งให้ทำลายอาวุธเคมีและชีวภาพของตน และสหประชาชาติพยายามบังคับให้รัฐบาลของซัดดัมปลดอาวุธและตกลงหยุดยิง ความล้มเหลวของรัฐบาลอิรักในการปลดอาวุธและตกลงหยุดยิงส่งผลให้เกิดการคว่ำบาตรซึ่งยังคงมีอยู่จนถึงปี 2003 ผลกระทบของการคว่ำบาตรต่อประชากรพลเรือนในอิรักยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ในขณะที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าการคว่ำบาตรทำให้การเสียชีวิตของเด็กเพิ่มขึ้นอย่างมาก การวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้แสดงให้เห็นว่าข้อมูลที่อ้างถึงโดยทั่วไปนั้นถูกสร้างขึ้นมา และ "ไม่มีการเสียชีวิตของเด็กเพิ่มขึ้นอย่างมากในอิรัก"โครงการน้ำมันสำหรับอาหารก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1996 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการคว่ำบาตร
สหรัฐอเมริกาเข้ายึดอิรัก
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2003 กลุ่มพันธมิตรที่จัดตั้งโดยสหรัฐฯ ได้บุกอิรัก โดยอ้างว่าอิรักล้มเหลวที่จะละทิ้งโครงการอาวุธทำลายล้างสูง การกล่าวอ้างนี้อิงตามเอกสารที่ซีไอเอและรัฐบาลอังกฤษมอบให้ ซึ่งต่อมาพบว่าไม่น่าเชื่อถือ มีข้อถกเถียงกันอยู่ว่าแท้จริงแล้วสหรัฐฯ กำลังดำเนินการตามวัตถุประสงค์ระดับชาติเพื่อขยายขอบเขตอำนาจของตน
หลังจากการรุกราน สหรัฐฯ ได้จัดตั้งกองกำลังผสมชั่วคราวขึ้นเพื่อปกครองอิรัก ในเดือนพฤษภาคม 2003 แอล. พอล เบรเมอร์ ผู้บริหารระดับสูงของ CPA ได้ออกคำสั่งให้แยกสมาชิกพรรคบะอษ์ออกจากรัฐบาลอิรักชุดใหม่ (คำสั่ง CPA 1) และให้ยุบกองทัพอิรัก (คำสั่ง CPA 2)การตัดสินใจดังกล่าวได้สลายกองทัพอิรักนิกายซุนนีซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวซุนนี และไม่รวมอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลของประเทศจำนวนมากรวมทั้งครูโรงเรียน 40,000 คนที่เข้าร่วมพรรคบะอษ์เพียงเพื่อรักษางานไว้ ช่วยทำให้เกิดสภาพแวดล้อมหลังการรุกรานที่วุ่นวาย
การก่อความไม่สงบต่อการปกครองอิรักโดยพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ เริ่มขึ้นในฤดูร้อนปี 2003 ในส่วนของอดีตตำรวจและกองทัพลับของอิรัก ซึ่งก่อตั้งหน่วยรบแบบกองโจร ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2003 กลุ่ม 'ญิฮาด' เริ่มมุ่งเป้าไปที่กองกำลังพันธมิตร กองกำลังติดอาวุธซุนนีต่างๆ ถูกสร้างขึ้นในปี 2003 ตัวอย่างเช่น Jama'at al-Tawhid wal-Jihad ที่นำโดย อบู มูซาบ อัล-ซาร์กาวี การก่อความไม่สงบดังกล่าวรวมถึงความรุนแรงระหว่างชาติพันธุ์ที่รุนแรงระหว่างชาวซุนนีและชีอะห์
กองทัพมะห์ดี ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธชีอะฮ์ที่ก่อตั้งขึ้นในฤดูร้อนปี 2003 โดยมุคตาดา อัล-ซาดร์ ได้เริ่มต่อสู้กับกองกำลังพันธมิตรในเดือนเมษายน 2004และกลุ่มติดอาวุธซุนนีและชีอะห์ต่อสู้กันเอง และต่อต้านรัฐบาลชั่วคราวของอิรักชุดใหม่และต่อต้านกองกำลังพันธมิตร รวมถึงการสู้รบที่ฟัลลูจาห์ครั้งแรกในเดือนเมษายน และการสู้รบที่ฟัลลูจาห์ครั้งที่สองในเดือนพฤศจิกายน กองทัพมาห์ดีจะลักพาตัวพลเรือนชาวซุนนีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ในเดือนมกราคม 2005 มีการเลือกตั้งครั้งแรกนับตั้งแต่การรุกรานเกิดขึ้น และในเดือนตุลาคม 2005 ได้มีการอนุมัติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่, ซึ่งตามมาด้วยการเลือกตั้งรัฐสภาในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม การโจมตีของผู้ก่อความไม่สงบเพิ่มขึ้นเป็น 34,131 ครั้งในปี 2005 จาก 26,496 ครั้งในปี 2004
การเมืองการปกครอง
การแบ่งเขตการปกครอง
ประเทศอิรักแบ่งออกเป็น 19 เขตผู้ว่าการ (อาหรับ: muhafazat, เคิร์ด: Pârizgah) ได้แก่
- (ไม่แสดงในแผนที่ อยู่ทางด้านตะวันออกของเขตผู้ว่าการอัสซุลัยมานียะฮ์หรือหมายเลข 5)
เขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน (Kurdistan Autonomous Region) ซึ่งได้รับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญ มีพื้นที่รวมบางส่วนของเขตผู้ว่าการทางเหนือ และปกครองตนเองในเรื่องราชการภายในส่วนใหญ่
กองทัพ
เศรษฐกิจ
โครงสร้าง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ระบอบเศรษฐกิจของอิรักเป็นแบบสังคมนิยมรวมอำนาจไว้ที่ศูนย์กลางนั่นคือรัฐบาลกลางของอิรัก มีระบบรัฐสวัสดิการมีการแจก ข้าว น้ำตาล ยารักษาโรคบางชนิด นม เสื้อผ้า ให้แก่ประชากรของอิรัก เศรษฐกิจของอิรักค่อนข้างถูกกดดันจากประชาคมโลกโดยเฉพาะในช่วงวิกฤติการณ์อ่าวเปอร์เซีย สงครามอิรัก และช่วงเหตุการณ์ 9/11 ทำให้เศรษฐกิจของอิรักบอบช้ำ แต่ยุทธปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สำคัญของอิรักคือ น้ำมัน อิรักเป็นประเทศที่มีน้ำมันไว้ในครอบครองเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากซาอุดีอาระเบีย โดยผลิตได้วันละ 2.58 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้อิรักกลายเป็นดินแดนที่น่าสนใจอย่างยิ่งโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจน้ำมันจากสหรัฐอเมริกาที่มุ่งหวังเข้าไปกอบโกยทรัพยากรล้ำค่าอย่างทองคำดำในอิรัก
ประชากรศาสตร์
เชื้อชาติ
สังคมของอิรักเป็นสังคมหลากหลายชาติพันธุ์ เป็นเหตุมาจากพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ที่เป็นแหล่งอารยธรรมมาหลายพันปี พลเมืองของอิรักที่นับถือศาสนาอิสลามนั้น ได้แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ มุสลิมชีอะห์(ร้อยละ 65) และ มุสลิมสุหนี่ (ร้อยละ 20) นอกจากนี้ยังมีชาวเคิร์ด อยู่ในบริเวณเคอร์ดิสถาน ชาวเคริ์ดในอิรักมีอยู่ประมาณ 3,700,000 คน นับว่าเป็นคนส่วนน้อยในอิรัก และเนื่องด้วยรูปแบบการปกครองที่ให้สิทธิของชนชาติอาหรับ และผูกขาดอำนาจทางเศรษฐกิจให้กับมุสลิมสุหนี่ ส่งผลให้ กลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างศาสนา และชาติพันธุ์ในอิรัก ทั้งกับมุสลิมด้วยกันเองคือ สุหนี่และชีอะห์ และ ยังปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวคิร์ดกับรัฐบาลกลางของอิรัก เพื่อเรียกร้องสิทธิและความเท่าเทียมอีกด้วย
ภาษา
ภาษาทางการของอิรัก คือ ภาษาอาหรับ และส่วนอื่นคือ ภาษาเคิร์ด
เมืองใหญ่
ศาสนา
ชาวอิรักส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม 96% แบ่งเป็นนิกาย ชีอะห์ 31.5% กับ ซุนนีย์ 64.5% กับ Yazdânism 2.0% ศาสนาคริสต์ 1.2% ศาสนาอื่น ๆ 0.8%
อ้างอิง
- "Iraq". The World Factbook.
- "Why Iraqi Turkmens are excluded from the new government".
- "Surface water and surface water change". Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD). สืบค้นเมื่อ 11 October 2020.
- "Population, total - Iraq | Data".
- "World Economic Outlook Database, October 2020". IMF.org. International Monetary Fund. สืบค้นเมื่อ 14 March 2020.
- "World Economic Outlook Database, October 2020". IMF.org. International Monetary Fund. สืบค้นเมื่อ 14 March 2020.
- "World Economic Outlook Database, October 2018". IMF.org. International Monetary Fund. สืบค้นเมื่อ 7 March 2019.
- "World Bank GINI index". Data.worldbank.org. สืบค้นเมื่อ 17 August 2016.
- Human Development Report 2020 The Next Frontier: Human Development and the Anthropocene (PDF). United Nations Development Programme. 15 December 2020. pp. 343–346. ISBN . สืบค้นเมื่อ 16 December 2020.
- Cleveland, William (2016). A History of the Modern Middle East. Boulder, CO: Westview Press.
- Polk (2005), p. 111
- Simons (1996), p. 221
- Karsh, Efraim (2002). The Iran–Iraq War, 1980–1988. Oxford, Oxfordshire: Osprey Publishing. ISBN .
- Hardy, Roger (22 September 2005). "The Iran–Iraq war: 25 years on". BBC News. สืบค้นเมื่อ 19 June 2011.
- Tyler, Patrick E. "Officers Say U.S. Aided Iraq in War Despite Use of Gas" New York Times 18 August 2002.
- . Human Rights Watch. 14 August 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 June 2015. สืบค้นเมื่อ 25 January 2013.
- Black, George (July 1993) [1993]. Genocide in Iraq: The Anfal Campaign against the Kurds / Western Asia Watch. New York • Washington • Los Angeles • London: Human Rights Watch. ISBN . สืบค้นเมื่อ 10 February 2007.
- Hiltermann, Joost R. (February 1994) [1994]. . Human Rights Watch. ISBN . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 October 2006. สืบค้นเมื่อ 10 February 2007.
- . Agence France-Presse. 8 January 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 January 2009.
- Hiltermann, J. R. (2007). A Poisonous Affair: America, Iraq, and the Gassing of Halabja. Cambridge University Press. pp. 134–135. ISBN . สืบค้นเมื่อ 17 August 2016.
- ; Sadik, Ahmad (6 สิงหาคม 2007). "Iraqi Invasion of Kuwait; 1990". Air Combat Information Group Journal. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 กรกฎาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 27 ตุลาคม 2016.
- Rick Atkinson (1993). Crusade: The Untold Story of the Persian Gulf War. Houghton Mifflin Harcourt. pp. 284–285. ISBN . สืบค้นเมื่อ 17 August 2016.
- . Uruknet.de. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 July 2011. สืบค้นเมื่อ 19 June 2011.
- Ian Black (22 August 2007). "'Chemical Ali'". The Guardian. London. สืบค้นเมื่อ 19 June 2011.
- Iraq surveys show 'humanitarian emergency' 6 สิงหาคม 2009 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน UNICEF Newsline 12 August 1999
- (December 2001). . . 5 (4): 100–115. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 October 2012.
- Spagat, Michael (September 2010). (PDF). . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 11 July 2018. สืบค้นเมื่อ 1 April 2011.
- Dyson, Tim; Cetorelli, Valeria (1 July 2017). "Changing views on child mortality and economic sanctions in Iraq: a history of lies, damned lies and statistics". BMJ Global Health (ภาษาอังกฤษ). 2 (2): e000311. doi:10.1136/bmjgh-2017-000311. ISSN 2059-7908. PMC 5717930. PMID 29225933.
- "Saddam Hussein said sanctions killed 500,000 children. That was 'a spectacular lie.'". Washington Post. สืบค้นเมื่อ 4 August 2017.
- . FactCheck.org. 26 July 2004. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 March 2010.
- Borger, Julian (7 October 2004). "There were no weapons of mass destruction in Iraq". . London: . สืบค้นเมื่อ 28 April 2008.
- "John Simpson: 'The Iraq memories I can't rid myself of'". BBC News. 19 March 2013. สืบค้นเมื่อ 19 March 2013.
- Wood, Ruairidh (2019). "Promoting democracy or pursuing hegemony? An analysis of U.S. involvement in the Middle East". Journal of Global Faultlines. 6 (2): 166–167, 171–172, 174, 179. doi:10.13169/jglobfaul.6.2.0166. ISSN 2397-7825. JSTOR 10.13169/jglobfaul.6.2.0166. S2CID 216721272. สืบค้นเมื่อ 12 February 2023.
- Pfiffner, James (February 2010). "US Blunders in Iraq: De-Baathification and Disbanding the Army" (PDF). Intelligence and National Security. 25 (1): 76–85. doi:10.1080/02684521003588120. S2CID 153595453. สืบค้นเมื่อ 16 December 2013.
- Gordon, Michael R. (17 March 2008). "Fateful Choice on Iraq Army Bypassed Debate". New York Times. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-03-21.
- Pfiffner, James P (February 2010). US Blunders in Iraq: De-Baathification and Disbanding the Army (PDF). (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). Vol. 25 (1st ed.). . pp. 76–85.
- "Can the joy last?". The Economist. 3 September 2011.
- "U.S. cracks down on Iraq death squads". CNN. 24 July 2006.
- Jackson, Patrick (30 May 2007). "Who are Iraq's Mehdi Army?". BBC News. สืบค้นเมื่อ 4 March 2013.
- "Al Qaeda's hand in tipping Iraq toward civil war". Christian Science Monitor. 20 March 2006.
- Thomas Ricks (2006) Fiasco: 414
- http://citypopulation.de/Iraq-Cities.html
- ประเทศอิรัก 2011-05-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จากเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศ
บรรณานุรม
- (1998). "ʿERĀQ-E ʿAJAM(Ī)". Encyclopaedia Iranica, Vol. VIII, Fasc. 5. p. 538.
- Shadid, Anthony 2005. Night Draws Near. Henry Holt and Co., NY, US ISBN
- Hanna Batatu, "The Old Social Classes and the Revolutionary Movements of Iraq", Princeton: , 1978
- , "The Northern Front: A Wartime Diary"' Saqi Books, London, 2004, ISBN
- , being the adventures of an official artist in the garden of Eden, by Donald Maxwell, 1921. (a searchable facsimile at the University of Georgia Libraries; & format)
- , by Louisa Jebb (Mrs. Roland Wilkins) With illustrations and a map, 1908 (1909 ed). (a searchable facsimile at the University of Georgia Libraries; & format)
- (PDF). Ministry of Interior – General Directorate For Nationality. 30 January 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 28 November 2016. สืบค้นเมื่อ 18 February 2013.
- Benjamin Busch, "'Today is Better than Tomorrow'. A Marine returns to a divided Iraq", , October 2014, pp. 29–44.
- Global Arms Exports to Iraq 1960–1990, Rand Research report
อ่านเพิ่ม
- (2002). A History of Iraq. . ISBN .
แหล่งข้อมูลอื่น
บทความนี้ใช้ลิงก์ภายนอกไม่เป็นไปตามนโยบายหรือแนวทางการเขียนของวิกิพีเดีย(June 2021) |
รัฐบาล
- Presidency of Iraq 2019-01-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Cabinet of Iraq
ข้อมูลทั่วไป
- Iraq. The World Factbook. Central Intelligence Agency.
- Wikimedia Atlas of Iraq
- ประเทศอิรัก แหล่งข้อมูลบนเครือข่ายเว็บจัดทำโดย GovPubs ที่หอสมุดมหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์
- คู่มือการท่องเที่ยว ประเทศอิรัก จากวิกิท่องเที่ยว (ในภาษาอังกฤษ)
- ดูข้อมูลทางภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับ ประเทศอิรัก ที่โอเพินสตรีตแมป
- ประเทศอิรัก ที่เว็บไซต์ Curlie
- Iraq profile from the BBC News
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
lingkkhamphasa inbthkhwamni miiwihphuxanaelaphurwmaekikhbthkhwamsuksaephimetimodysadwk enuxngcakwikiphiediyphasaithyyngimmibthkhwamdngklaw krann khwrribsrangepnbthkhwamodyerwthisud 33 N 44 E 33 N 44 E 33 44 satharnrthxirk جمهورية العراق xahrb کۆماری عێراق ekhird thngchati traaephndinkhakhwy الله أكبر xahrb xllxhuxkbr xllxhphuthrngyingihy ephlngchati ematini source source track track track track track track track track track emuxnghlwng aelaemuxngihysudaebkaedd 33 20 N 44 23 E 33 333 N 44 383 E 33 333 44 383phasarachkarxahrbekhirdphasathiidrbkaryxmrbinradbphumiphakhxngkvsetirkemnxarmieniyklumchatiphnthu kh s 2019 75 80 xahrb15 20 ekhird5 xun incl etirkemn andsasna97 4 xislam 61 2 chixah 35 3 sunni 0 9 muslim nikayxun 0 7 immisasna0 5 1 4 xun includes Judaism etc edmanimchawxirkkarpkkhrxngshphnth rabbrthspha satharnrthrththrrmnuy naykrthmntri sphanitibyytisphaphuaethnrasdr rachxanackrxirk3 tulakhm kh s 1932 14 krkdakhm kh s 1958 15 tulakhm kh s 2005phunthi rwm438 317 tarangkiolemtr 169 235 tarangiml xndbthi 58 aehlngna 4 62 in kh s 2015 prachakr kh s 2020 praman40 222 503 xndbthi 36 khwamhnaaenn82 7 txtarangkiolemtr 214 2 txtarangiml xndbthi 125 cidiphi xanacsux kh s 2020 praman rwm399 400 phnlandxllarshrth 46 txhw10 175 dxllarshrth cidiphi rakhatlad kh s 2019 praman rwm250 070 phnlandxllarshrth xndbthi 48 txhw4 474 dxllarshrth cini kh s 2012 29 5 taexchdiix kh s 2019 0 674 panklang xndbthi 123skulengindinarxirk IQD ekhtewlaUTC 3 AST khbrthdankhwarhsothrsphthodemnbnsud iqrththrrmnuyxirk matrathi 4 chbbaerk praethsxirk xngkvs Iraq xahrb ال ع ر اق xksrormn al ʿIraq ekhird عێراق xksrormn Eraq hruxchuxthangkarkhux satharnrthxirk xngkvs Republic of Iraq xahrb ج م ه ور ي ة ٱل ع ر اق ekhird کۆماری عێراق xksrormn Komari Eraq epnpraethsintawnxxkklang mixanaekhtthangthisehnuxcrdpraethsturki thangthistawnxxkcrdpraethsxihran thangthistawnxxkechiyngitcrdpraethskhuewt thangthisitcrdpraethssaxudixaraebiy thangthistawntkechiyngitcrdpraethscxraedn aelathangthistawntkcrdpraethssieriy krungaebkaedd sungepnemuxnghlwng tngxyuinklangpraeths raw 97 khxngprachakrxirk 36 lankhnepnchawmuslim swnihymiechuxsaysunniy chixahaelaekhird praethsxirkmiaenwchayfngswnaekhbwdkhwamyawid 58 kiolemtrthangehnuxkhxngxawepxresiy aelaxanaekhtkhxngpraethskhrxbkhlumthirablumaemnaemosopetemiy playthangthistawntkechiyngehnuxkhxngethuxkekhasakrxs aelaswntawnxxk sxngaemnahlk aemnaithkrisaelayuefrtis ihllngitphanicklangpraethsaelaihllngsuchttulxarxbiklxawepxresiy aemnaehlanithaihpraethsxirkmidinaednxudmsmburnmakmay phumiphakhrahwangaemnaithkrisaelayuefrtismkeriykwa emosopetemiy aelakhadwaepnbxekidkhxngkarekhiynaela phunthiniyngepnthitngkhxngxarythrrmthisubthxdtxknmanbaet 6 shswrrskxnkhristkal inaetlachwngkhxngprawtisastr xirkepnsunyklangkhxng xssieriy aelababioleniy nxkcakniyngekhyepnswnhnungkhxngckrwrrdimiediy xakhiemnid pharethiy aesssanid ormn rxchidin xumyyah xbbasiyah mxngokl safawid xafchariyahaelaxxtotmn aelaekhyepnphayitkarkhwbkhumkhxngxngkvs phrmaednsmyihmkhxngpraethsxirkswnihypkin kh s 1920 odysnnibatchati emuxckrwrrdixxtotmnthukaebngtam praethsxirkthukkahndihxyuinxanackhxngshrachxanackrepnxanaekhtinxantiemosopetemiykhxngxngkvs phramhakstriysthapnakhunin kh s 1921 aelarachxanackrxirkidrbexkrachcakxngkvsin kh s 1932 in kh s 1958 phramhakstriythuklmlangaelamikarsthapnasatharnrthxirk txmapraethsxirkthukkhwbkhumodysngkhmniymxahrbtngaet kh s 1968 thung kh s 2003 hlngkarbukkhrxngodyshrthxemrikaaelaphnthmitr phrrkhbaxskhxngsddm husesnthukokhncakxanacaelamikarcdkareluxktngrthsphahlayphrrkhkhun thharshrthxxkcakxirkthnghmdin kh s 2011 aetkarkxkarkaeribxirkyngdaenintxipaelathwikhwamrunaerngkhunemuxnkrbcaksngkhramklangemuxngsieriyihlbaekhapraethsphumisastraephnthipraethsxirk xirkmiphunthithnghmd 437 072 tarangkiolemtr thistawnxxktidkb xihran thisehnux tidkbturki thisittidkbkhuewt thistawntktidkb sieriy aelacxraedn sphaphthangphumisastrkhxngxirk epnthaelthrayrxyla 40 thirabsung yakaetkarthakarekstrthaihxirktxngnaekhasinkhaphakhkarekstrechn khawsali khawcaw thyphuch aetxyangirkdi xirkkmiaemnaihlphan 2 say khux aemnaithkris aelaaemnayuefrthis thaihyngphxmikhwamxudmsmburnxyubangprawtisastrrthinxanti aela rachxanackr swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniids kh s khristmas kh s 1917 khxng hlngcaksngkhramolkkhrngthi 1 yutilngxanackrxxtotmnthiekhyepnmhaxanacintawnxxkklangtkepnphuaephsngkhram dinaedntang thixxtotmnpkkhrxngkthukaebngaeykxxkepnrthtang xirkepnhnunginrththithukaebngaeykxxkmaodyxngkvsthisamarthyudkhrxngxirkcakxxtotmnidinrahwangsngkhramolkkhrngthi 1 xngkvsidekhamapkkhrxngxirk inthanarthxarkkhatngaet kh s 1920 cnkrathngin kh s 1932 xngkvsidihexkrachaekxirkodymipkkhrxngpraethsxirk satharnrth aela phrrkhbaxs trapracarthxirkphayitlththichatiniymkxsimmiphunthanmacaksylksnchamachkhxngchawemosopetemiyepnswnihy aelahlikeliyngsylksnthirwmklumxahrbdwykarphsmphsanxngkhprakxbkhxngtrapracatrakulsngkhmniym inpi 1958 ekidkarrthpraharthieriykwakarptiwti 14 krkdakhm naodynayphlxbd xl kharim kasim karkxclaclkhrngniepnkartxtanckrwrrdiniymaelatxtansthabnkstriyxyangrunaerng aelamixngkhprakxbsngkhmniymthiekhmaekhng thaihkstriyfysxlthi 2 ecachayxbdulxilah aelanuri xl saxid thukplngphrachnmkasimkhwbkhumxirkphankarpkkhrxngkhxngthhar aelainpi 1958 ekhaerimkrabwnkarbngkhbldthidinswnekinthimiphlemuxngephiyngimkikhnepnecakhxng aelaihrthcdsrrthidinihm ekhathukokhnlmodyphnexkxbdul slam xarif inkarrthpraharemuxeduxnkumphaphnth 1963 hlngcakkaresiychiwitkhxngfayhlnginpi 1966 xbduleraahman xarif nxngchaykhxngekhasubtxcakekha sungthukphrrkhbaxthlmlanginpi 1968 xahehmd hssn xl bkr klayepnprathanathibdicakphrrkhbaxskhnaerkkhxngxirk aetaelwkarekhluxnihwkkhxy ekhamaxyuphayitkarkhwbkhumkhxngsddm husesn sungkhundarngtaaehnngprathanathibdiaelakarkhwbkhumkhxngsphabychakarkarptiwti RCC sunginkhnannepnxngkhkrbriharsungsudkhxngxirk krkdakhm 1979 hlngcakkarocmtikhamphrmaednkbxihranepnewlahlayeduxn sddmidprakassngkhramkbxihranineduxnknyayn 1980 thaihekidsngkhramxirk xihran odyichpraoychncakkhwamwunwayhlngkarptiwtixihraninxihran xirkyuddinaednbangswnthangtawntkechiyngitkhxngxihranid aetxihranyudkhundinaednthisuyesiyipthnghmdidphayinsxngpi aelaxikhkpithdma xihrankepnfayrukinchwngsngkhram sddm husesnichxawuthekhmiocmtichawxihranxyangkwangkhwang inchwngsudthaykhxngsngkhramxirk xihran rthbalxirkkhxngphrrkhbaxs idepnphunakarrnrngkh Al Anfal sungepnkarrnrngkhkhalangephaphnthuthimungepaipthichawekhirdinxirk aelanaipsukarsngharphleruxn 50 000 100 000 khn sddm husesn prathanathibdixirk 1979 2003 enuxngcakxirkimsamarthcayenginihkbkhuewtidmakkwa 14 000 landxllarshrth thiyummaephuxichsnbsnunsngkhramxirk xihran aelakarephimkhunkhxngradbkarphlitpiotreliymkhxngkhuewtsungthaihrayidldlng xirktikhwamkarthikhuewtptiesththicaldkarphlitnamnthuxepnkarkrathathikawraw ineduxnsinghakhm 1990 xirkrukranaelaphnwkkhuewt singninaipsukaraethrkaesngthangthharodykxngkalngthinaodyshrthxemrikainsngkhramxawkhrngaerk kxngkalngphnthmitrdaeninkarptibtikarthingraebidodymungepaipthiepahmaythangthharcaknncungthakarocmtiphakhphundintxkxngkalngxirkthangtxnitkhxngxirkaelakhuewtepnewla 100 chwomng kxngthphxirkidrbkhwamesiyhayinchwngsngkhram imnanhlngcakehtukarnsinsudlnginpi 1991 chawxirkaelachawekhirdidnakarlukhuxhlaykhrngephuxtxtanrabxbkarpkkhrxngkhxngsddm husesn aetthukprabpram khadwamiphuesiychiwitmakthung 100 000 khn rwmthngphleruxncanwnmak inrahwangkarlukhux shrthxemrika shrachxanackr frngess aelaturki odyxangxanacphayit UNSCR 688 idcdtngekhthambinkhxngxirkkhunephuxpkpxngprachakrchawekhirdcakkarocmti xirkidrbkhasngihthalayxawuthekhmiaelachiwphaphkhxngtn aelashprachachatiphyayambngkhbihrthbalkhxngsddmpldxawuthaelatklnghyudying khwamlmehlwkhxngrthbalxirkinkarpldxawuthaelatklnghyudyingsngphlihekidkarkhwabatrsungyngkhngmixyucnthungpi 2003 phlkrathbkhxngkarkhwabatrtxprachakrphleruxninxirkyngepnthithkethiyngknxyu inkhnathiechuxknxyangkwangkhwangwakarkhwabatrthaihkaresiychiwitkhxngedkephimkhunxyangmak karwicyemuxerw niaesdngihehnwakhxmulthixangthungodythwipnnthuksrangkhunma aela immikaresiychiwitkhxngedkephimkhunxyangmakinxirk okhrngkarnamnsahrbxaharkxtngkhunemuxpi 1996 ephuxbrrethaphlkrathbcakkarkhwabatr shrthxemrikaekhayudxirk emuxwnthi 20 minakhm 2003 klumphnthmitrthicdtngodyshrth idbukxirk odyxangwaxirklmehlwthicalathingokhrngkarxawuththalaylangsung karklawxangnixingtamexksarthisiixexaelarthbalxngkvsmxbih sungtxmaphbwaimnaechuxthux mikhxthkethiyngknxyuwaaethcringaelwshrth kalngdaeninkartamwtthuprasngkhradbchatiephuxkhyaykhxbekhtxanackhxngtnxnusawriykhxngsddm husesn phayinctursfiredas krungaebkaedd idthukthxdthxnphayhlngcaksngkhramxirkemuxeduxnemsayn kh s 2003 hlngcakkarrukran shrth idcdtngkxngkalngphsmchwkhrawkhunephuxpkkhrxngxirk ineduxnphvsphakhm 2003 aexl phxl ebremxr phubriharradbsungkhxng CPA idxxkkhasngihaeyksmachikphrrkhbaxsxxkcakrthbalxirkchudihm khasng CPA 1 aelaihyubkxngthphxirk khasng CPA 2 kartdsinicdngklawidslaykxngthphxirknikaysunnisungswnihyepnchawsunni aelaimrwmxditecahnathirthbalkhxngpraethscanwnmakrwmthngkhruorngeriyn 40 000 khnthiekharwmphrrkhbaxsephiyngephuxrksanganiw chwythaihekidsphaphaewdlxmhlngkarrukranthiwunway karkxkhwamimsngbtxkarpkkhrxngxirkodyphnthmitrthinaodyshrth erimkhuninvdurxnpi 2003 inswnkhxngxdittarwcaelakxngthphlbkhxngxirk sungkxtnghnwyrbaebbkxngocr invduibimrwngpi 2003 klum yihad erimmungepaipthikxngkalngphnthmitr kxngkalngtidxawuthsunnitang thuksrangkhuninpi 2003 twxyangechn Jama at al Tawhid wal Jihad thinaody xbu musab xl sarkawi karkxkhwamimsngbdngklawrwmthungkhwamrunaerngrahwangchatiphnthuthirunaerngrahwangchawsunniaelachixah kxngthphmahdi sungepnkxngkalngtidxawuthchixahthikxtngkhuninvdurxnpi 2003 odymukhtada xl sadr iderimtxsukbkxngkalngphnthmitrineduxnemsayn 2004aelaklumtidxawuthsunniaelachixahtxsuknexng aelatxtanrthbalchwkhrawkhxngxirkchudihmaelatxtankxngkalngphnthmitr rwmthungkarsurbthifllucahkhrngaerkineduxnemsayn aelakarsurbthifllucahkhrngthisxngineduxnphvscikayn kxngthphmahdicalkphatwphleruxnchawsunnisungepnswnhnungkhxngkarkhalangephaphnthu ineduxnmkrakhm 2005 mikareluxktngkhrngaerknbtngaetkarrukranekidkhun aelaineduxntulakhm 2005 idmikarxnumtirththrrmnuychbbihm sungtammadwykareluxktngrthsphaineduxnthnwakhm xyangirktam karocmtikhxngphukxkhwamimsngbephimkhunepn 34 131 khrnginpi 2005 cak 26 496 khrnginpi 2004karemuxngkarpkkhrxngkaraebngekhtkarpkkhrxng praethsxirkaebngxxkepn 19 ekhtphuwakar xahrb muhafazat ekhird Parizgah idaek aephnthiaesdngekhtphuwakarkhxngpraethsxirk imaesdnginaephnthi xyuthangdantawnxxkkhxngekhtphuwakarxssulymaniyahhruxhmayelkh 5 ekhtpkkhrxngtnexngekhxrdisthan Kurdistan Autonomous Region sungidrbkarrbrxngodyrththrrmnuy miphunthirwmbangswnkhxngekhtphuwakarthangehnux aelapkkhrxngtnexngineruxngrachkarphayinswnihy kxngthphesrsthkicokhrngsrang aebkaeddswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniid rabxbesrsthkickhxngxirkepnaebbsngkhmniymrwmxanaciwthisunyklangnnkhuxrthbalklangkhxngxirk mirabbrthswsdikarmikaraeck khaw natal yarksaorkhbangchnid nm esuxpha ihaekprachakrkhxngxirk esrsthkickhxngxirkkhxnkhangthukkddncakprachakhmolkodyechphaainchwngwikvtikarnxawepxresiy sngkhramxirk aelachwngehtukarn 9 11 thaihesrsthkickhxngxirkbxbcha aetyuththpccythangesrsthkicthisakhykhxngxirkkhux namn xirkepnpraethsthiminamniwinkhrxbkhrxngepnxndb 2 khxngolkrxngcaksaxudixaraebiy odyphlitidwnla 2 58 lanbarerltxwn sngphlihxirkklayepndinaednthinasnicxyangyingodyechphaaklumthurkicnamncakshrthxemrikathimunghwngekhaipkxbokythrphyakrlakhaxyangthxngkhadainxirkprachakrsastrechuxchati edk chawekhxrdisinxirk sngkhmkhxngxirkepnsngkhmhlakhlaychatiphnthu epnehtumacakphthnakarthangprawtisastrthiepnaehlngxarythrrmmahlayphnpi phlemuxngkhxngxirkthinbthuxsasnaxislamnn idaebngepn 2 klumihy khux muslimchixah rxyla 65 aela muslimsuhni rxyla 20 nxkcakniyngmichawekhird xyuinbriewnekhxrdisthan chawekhridinxirkmixyupraman 3 700 000 khn nbwaepnkhnswnnxyinxirk aelaenuxngdwyrupaebbkarpkkhrxngthiihsiththikhxngchnchatixahrb aelaphukkhadxanacthangesrsthkicihkbmuslimsuhni sngphlih klayepnpyhakhwamkhdaeyngrahwangsasna aelachatiphnthuinxirk thngkbmuslimdwyknexngkhux suhniaelachixah aela yngpyhakhwamkhdaeyngrahwangchawkhirdkbrthbalklangkhxngxirk ephuxeriykrxngsiththiaelakhwamethaethiymxikdwy phasa phasathangkarkhxngxirk khux phasaxahrb aelaswnxunkhux phasaekhird emuxngihy sasna chawxirkswnihynbthuxsasnaxislam 96 aebngepnnikay chixah 31 5 kb sunniy 64 5 kb Yazdanism 2 0 sasnakhrist 1 2 sasnaxun 0 8 xangxing Iraq The World Factbook Why Iraqi Turkmens are excluded from the new government Surface water and surface water change Organisation for Economic Co operation and Development OECD subkhnemux 11 October 2020 Population total Iraq Data World Economic Outlook Database October 2020 IMF org International Monetary Fund subkhnemux 14 March 2020 World Economic Outlook Database October 2020 IMF org International Monetary Fund subkhnemux 14 March 2020 World Economic Outlook Database October 2018 IMF org International Monetary Fund subkhnemux 7 March 2019 World Bank GINI index Data worldbank org subkhnemux 17 August 2016 Human Development Report 2020 The Next Frontier Human Development and the Anthropocene PDF United Nations Development Programme 15 December 2020 pp 343 346 ISBN 978 92 1 126442 5 subkhnemux 16 December 2020 Cleveland William 2016 A History of the Modern Middle East Boulder CO Westview Press Polk 2005 p 111harvp error no target CITEREFPolk2005 Simons 1996 p 221harvp error no target CITEREFSimons1996 Karsh Efraim 2002 The Iran Iraq War 1980 1988 Oxford Oxfordshire Osprey Publishing ISBN 978 1841763712 Hardy Roger 22 September 2005 The Iran Iraq war 25 years on BBC News subkhnemux 19 June 2011 Tyler Patrick E Officers Say U S Aided Iraq in War Despite Use of Gas New York Times 18 August 2002 Human Rights Watch 14 August 2006 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 26 June 2015 subkhnemux 25 January 2013 Black George July 1993 1993 Genocide in Iraq The Anfal Campaign against the Kurds Western Asia Watch New York Washington Los Angeles London Human Rights Watch ISBN 978 1 56432 108 4 subkhnemux 10 February 2007 Hiltermann Joost R February 1994 1994 Human Rights Watch ISBN 978 1 56432 127 5 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 28 October 2006 subkhnemux 10 February 2007 Agence France Presse 8 January 2007 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 1 January 2009 Hiltermann J R 2007 A Poisonous Affair America Iraq and the Gassing of Halabja Cambridge University Press pp 134 135 ISBN 978 0 521 87686 5 subkhnemux 17 August 2016 Sadik Ahmad 6 singhakhm 2007 Iraqi Invasion of Kuwait 1990 Air Combat Information Group Journal ekbcakaehlngedimemux 6 krkdakhm 2013 subkhnemux 27 tulakhm 2016 Rick Atkinson 1993 Crusade The Untold Story of the Persian Gulf War Houghton Mifflin Harcourt pp 284 285 ISBN 978 0 395 71083 8 subkhnemux 17 August 2016 Uruknet de khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 16 July 2011 subkhnemux 19 June 2011 Ian Black 22 August 2007 Chemical Ali The Guardian London subkhnemux 19 June 2011 Iraq surveys show humanitarian emergency 6 singhakhm 2009 thi ewyaebkaemchchin UNICEF Newsline 12 August 1999 December 2001 5 4 100 115 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 28 October 2012 Spagat Michael September 2010 PDF khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 11 July 2018 subkhnemux 1 April 2011 Dyson Tim Cetorelli Valeria 1 July 2017 Changing views on child mortality and economic sanctions in Iraq a history of lies damned lies and statistics BMJ Global Health phasaxngkvs 2 2 e000311 doi 10 1136 bmjgh 2017 000311 ISSN 2059 7908 PMC 5717930 PMID 29225933 Saddam Hussein said sanctions killed 500 000 children That was a spectacular lie Washington Post subkhnemux 4 August 2017 FactCheck org 26 July 2004 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 5 March 2010 Borger Julian 7 October 2004 There were no weapons of mass destruction in Iraq London subkhnemux 28 April 2008 John Simpson The Iraq memories I can t rid myself of BBC News 19 March 2013 subkhnemux 19 March 2013 Wood Ruairidh 2019 Promoting democracy or pursuing hegemony An analysis of U S involvement in the Middle East Journal of Global Faultlines 6 2 166 167 171 172 174 179 doi 10 13169 jglobfaul 6 2 0166 ISSN 2397 7825 JSTOR 10 13169 jglobfaul 6 2 0166 S2CID 216721272 subkhnemux 12 February 2023 Pfiffner James February 2010 US Blunders in Iraq De Baathification and Disbanding the Army PDF Intelligence and National Security 25 1 76 85 doi 10 1080 02684521003588120 S2CID 153595453 subkhnemux 16 December 2013 Gordon Michael R 17 March 2008 Fateful Choice on Iraq Army Bypassed Debate New York Times cakaehlngedimemux 2008 03 21 Pfiffner James P February 2010 US Blunders in Iraq De Baathification and Disbanding the Army PDF phasaxngkvsaebbxemrikn Vol 25 1st ed pp 76 85 Can the joy last The Economist 3 September 2011 U S cracks down on Iraq death squads CNN 24 July 2006 Jackson Patrick 30 May 2007 Who are Iraq s Mehdi Army BBC News subkhnemux 4 March 2013 Al Qaeda s hand in tipping Iraq toward civil war Christian Science Monitor 20 March 2006 Thomas Ricks 2006 Fiasco 414 http citypopulation de Iraq Cities html praethsxirk 2011 05 10 thi ewyaebkaemchchin cakewbistkrathrwngtangpraethsbrrnanurm 1998 ʿERAQ E ʿAJAM i Encyclopaedia Iranica Vol VIII Fasc 5 p 538 Shadid Anthony 2005 Night Draws Near Henry Holt and Co NY US ISBN 0 8050 7602 6 Hanna Batatu The Old Social Classes and the Revolutionary Movements of Iraq Princeton 1978 The Northern Front A Wartime Diary Saqi Books London 2004 ISBN 0 86356 770 3 being the adventures of an official artist in the garden of Eden by Donald Maxwell 1921 a searchable facsimile at the University of Georgia Libraries amp format by Louisa Jebb Mrs Roland Wilkins With illustrations and a map 1908 1909 ed a searchable facsimile at the University of Georgia Libraries amp format PDF Ministry of Interior General Directorate For Nationality 30 January 2006 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 28 November 2016 subkhnemux 18 February 2013 Benjamin Busch Today is Better than Tomorrow A Marine returns to a divided Iraq October 2014 pp 29 44 Global Arms Exports to Iraq 1960 1990 Rand Research reportxanephim 2002 A History of Iraq ISBN 978 0 521 87823 4 aehlngkhxmulxunbthkhwamniichlingkphaynxkimepniptamnoybayhruxaenwthangkarekhiynkhxngwikiphiediyoprdchwy phthnabthkhwamni odykarna lingkthimakekinipxxk hruxlingkphaynxkthiimehmaasmxxk June 2021 eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir wikimiediykhxmmxnsmiphaphaelasuxthiekiywkhxngkbIraq rthbal Presidency of Iraq 2019 01 18 thi ewyaebkaemchchin Cabinet of Iraq khxmulthwip Iraq The World Factbook Central Intelligence Agency Wikimedia Atlas of Iraq praethsxirk aehlngkhxmulbnekhruxkhayewbcdthaody GovPubs thihxsmudmhawithyalyokholraod obledxr khumuxkarthxngethiyw praethsxirk cakwikithxngethiyw inphasaxngkvs dukhxmulthangphumisastrthiekiywkhxngkb praethsxirk thioxephinstritaemp praethsxirk thiewbist Curlie Iraq profile from the BBC News