บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
บทความนี้อาจต้องเขียนใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เป็นไปตามของวิกิพีเดีย หรือกำลังดำเนินการอยู่ คุณช่วยเราได้ อาจมีข้อเสนอแนะ |
สมัยสุโขทัย
- สงครามเจ้าเมืองฉอด เกิดขึ้นในรัชสมัย พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ทรงมีสงครามกับขุนสามชน ทรงชนช้างกับขุนสามชน แต่ช้างทรงพระองค์ได้เตลิดหนี ดังคำในศิลาจารึก ภายหลังจึงทรงเฉลิมพระนามพระโอรสว่ารามคำแหง
สมัยอยุธยา
- ขอมสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 กษัตริย์ขอมเสด็จสวรรคต พระราชโอรสนาม ทรงขึ้นครองราชย์ ทำให้ขอมไม่เป็นไมตรีดังแต่ก่อน สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 จึงมีบัญชาให้สมเด็จพระราเมศวรยกทัพไปตีกัมพูชา และให้สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 หรือ ขุนหลวงพะงั่ว ทรงยกทัพไปช่วย จึงสามารถตีเมืองนครธมแตกได้ พระบรมลำพงศ์สวรรคตในศึกครั้งนี้ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 จึงแต่งตั้ง ปาสัต พระราชโอรสของพระบรมลำพงศ์เป็นกษัตริย์ขอม
- สงครามเมืองเชียงใหม่ พ.ศ. 1933 สมเด็จพระราเมศวรทรงยกกองทัพขึ้นไปยังเมืองเชียงใหม่ ในชั้นแรกนั้นพระเจ้าเชียงใหม่ได้ขอสงบศึกโดยขอเวลา 7 วันแล้วจะนำเครื่องราชบรรณาการมาถวายเพื่อเจริญพระราชไมตรี ในการนี้มุขมนตรีนายทัพนายกองได้ปรึกษาหารือว่า อาจจะเป็นกลอุบายของพระเจ้าเชียงใหม่เพื่อจะได้เตรียมการรับมือกองทัพของกรุงศรีอยุธยา แต่พระองค์ตรัสว่าเมื่อเขาไม่รบแล้วเราจะรบนั้นดูมิบังควรและถึงแม้ว่าพระเจ้าเชียงใหม่จะไม่รักษาสัตย์ก็ใช่ว่าจะสามารถรอดพ้นจากทหารของกรุงศรีอยุธยาไปได้ เมื่อผ่านไป 7 วัน พระเจ้าเชียงใหม่ไม่ได้นำเครื่องราชบรรณาการมาถวาย พระองค์จึงยกกำลังเข้าตีเมืองเชียงใหม่ เจ้าเมืองเชียงใหม่ต้านไม่ได้จึงหนีออกไป แต่สามารถจับนักสร้างพระโอรสพระเจ้าเชียงใหม่ได้ พระองค์ทรงพระกรุณาให้นักสร้างขึ้นครองราชสมบัติอยู่ ณ เมืองเชียงใหม่ และได้กวาดต้อนผู้คนลงมาทางใต้โดยให้ไปอยู่ที่เมืองจันทบูร เมืองนครศรีธรรมราช เมืองพัทลุง และเมืองสงขลา ทำให้ชาวเหนือและชาวใต้มีวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมที่ใกล้เคียงกัน
- สงครามเมืองกัมพูชาธิบดี หลังจากที่สมเด็จพระราเมศวรเสด็จกลับจากการทำศึก ณ เมืองเชียงใหม่แล้ว พระองค์ได้ทรงทำศึกกับเมืองกัมพูชาธิบดีอีกครั้ง เนื่องจากพระยากัมพูชาได้ยกทัพมายังเมืองชลบุรีและกวาดต้อนผู้คนชาวเมืองจันทบูรและเมืองชลบุรีไปยังเมืองกัมพูชาธิบดีประมาณ 6,000 - 7,000 คน ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงยกกองทัพไปยังเมืองกัมพูชาธิบดีอีกครั้ง โดยโปรดเกล้า ฯ ให้พระยาไชยณรงค์เป็นแม่ทัพหน้า เมื่อตีเมืองพระนครได้แล้ว พระยากัมพูชาได้ลงเรือหลบหนีไป แต่สามารถจับพระยาอุปราชพระราชโอรสของพระยากัมพูชาได้ และโปรดเกล้าฯ ให้พระยาไชยณรงค์อยู่รั้งเมืองกัมพูชาธิบดีพร้อมกำลังพล 5,000 คน ต่อมา ญวนยกกำลังมารบ พระองค์จึงให้พระยาไชยณรงค์กวาดต้อนผู้คนมายังกรุงศรีอยุธยา
- สงครามเมืองชากังราว สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ทรงยกกองทัพขึ้นไปยังเมืองชากังราวถึง 4 ครั้ง เนื่องจากเมืองชากังราวเป็นเมืองหน้าด่านของกรุงสุโขทัย โดยครั้งแรกนั้นทรงยกกองทัพไปเมืองปี พ.ศ. 1916 พระยาไสแก้วและพระยาคำแหงเจ้าเมืองชากังราวออกรบต่อพระองค์ การศึกในครั้งนั้นเป็นเหตุให้พระยาไสแก้วเสียชีวิตแต่พระยาคำแหงนั้นสามารถกลับเข้าเมืองได้ แล้วทรงยกทัพกลับกรุงศรีอยุธยา พระองค์ยกทัพขึ้นไปเมืองชากังราวครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 1919 พระยาคำแหงและท้าวผ่าคองคิดกันว่าจะยอทัพหลวงทำมิได้ ครั้งนั้นท้าวผ่าคองเลิกทัพหนีแต่พระองค์ทรงยกทัพตามและสามารถตีทัพท้าวผ่าคองแตก ได้ท้าวพระยาเสนาขุนหมื่นเป็นจำนวนมากแล้วทรงยกทัพหลวงกลับพระนคร พระองค์ยกทัพมาเมืองชากังราวเป็นครั้งที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 1921 ครั้งนั้นพระมหาธรรมราชา (ที่ 2) พระมหากษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยทรงออกรบเป็นสามารถ แต่เห็นจะสู้ทัพจากกรุงศรีอยุธยาไม่ไหว ดังนั้น พระมหาธรรมราชาจึงออกมาถวายบังคม พระองค์ทรงให้พระมหาธรรมราชาครองเมืองต่อไปในฐานะเป็นของกรุงศรีอยุธยาแล้วทรงยกทัพหลวงกลับพระนคร พระองค์ยกทัพไปเมืองชากังราวอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 1931 แต่ไม่ปรากฏว่าทรงยกทัพไปด้วยสาเหตุอันใด ครั้งนั้นทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคตระหว่างการเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา
- ขอมสมัยเจ้าสามพระยา' เมื่อ พ.ศ. 1974 พระเจ้าธรรมาโศก กษัตริย์อาณาจักรเขมร ได้ยกกำลังเข้ามากวาดต้อนผู้ตามหัวเมืองชายแดนของกรุงศรีอยุธยาไป ทำให้สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ได้เสด็จยกทัพไปตีเมืองพระนครหลวง(นครธม) เมื่อ พ.ศ. 1975 พระองค์ตั้งทัพล้อมเมืองพระนครหลวงอยู่ 7 เดือน ก็สามารถตีเอาเมืองพระนครหลวงได้ ครั้งนั้นพระองค์ทรงให้พระอินทราชา พระโอรสปกครองเมืองนครหลวงในฐานะเมืองประเทศราชขึ้นกับกรุงศรีอยุธยา แล้วให้นำ พระยาแก้ว พระยาไทย และรูปภาพ (เทวรูป สมบัติศิลปะของขอม) ทั้งปวงพร้อมทั้งกวาดต้อนผู้คนและสิ่งของสำคัญๆ มายังกรุงศรีอยุธยา ทำให้อิทธิพลของเขมรในด้านการปกครอง ประเพณี ตลอดจนงานศิลปะมาปรากฏชัดในอยุธยา พระอินทราชานั้นครองราชย์เมืองพระนครไม่นานก็สิ้นพระชนม์ เนื่องจากทนภาวะอากาศไม่ได้ กรุงศรีอยุธยาก็ไม่ได้แต่งตั้งผู้ใดขึ้นไปดูแลแทน จึงทำให้ชาวเขมรนั้นไม่อาจกลับมายังที่เมืองพระนครได้ ปล่อยให้เมืองร้างลง ภายหลังเมื่อเขมรมีอำนาจคืนได้จึงมีการย้ายราชธานีไปตั้งที่เมืองพนมเปญ ทำให้เมืองพระนครล่มสลายในที่สุด
- การศึกกับล้านนา (สมัยเจ้าสามพระยา) ในปี พ.ศ. 1985 พระเจ้าติโลกราชแห่งเชียงใหม่ ได้รบกับท้าวช้อยผู้เป็นพระอนุชา ท้าวช้อยแพ้หนีไปอยู่เมืองเทิง(อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย) เจ้าเมืองเทิงได้มาขอสวามิภักดิ์กับกรุงศรีอยุธยาและขอให้ส่งกองทัพไปช่วยรบ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 จึงทรงยกกองทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ของอาณาจักรล้านนาแต่ก็ตีไม่สำเร็จประกอบกับทรงพระประชวรจึงทรงยกกองทัพกลับกรุงศรีอยุธยา พระองค์ทรงยกกองทัพไปตีเชียงใหม่อีกครั้ง เมื่อ พ.ศ. 1987 ทรงตั้งทัพหลวงที่ตำบลปะทายเขษม ครั้งนี้ได้หัวเมืองชายแดนของเชียงใหม่กับเชลยอิก 120,000 คน จึงยกทัพหลวงกลับพระนคร
- สงครามตีเมืองทวาย (สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3) สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 เสด็จไปตีเมืองทวายซึ่งตั้งแข็งเมืองต่อกรุงศรีอยุธยาและทรงได้รับชัยชนะ
- สงครามมะละกา เมื่อ พ.ศ. 2043 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงส่งกองทัพทั้งทางบกและทางเรือไปทำสงครามกับมะละกาถึงสองครั้ง โดยเข้าโจมตีชายฝั่งตะวันออกและตะวันตก แม้ไม่ประสบผลสำเร็จแต่ก็ทำให้มะละกาได้ตระหนักถึงอำนาจของอยุธยาที่มีอิทธิพลเหนือหัวเมืองในคาบสมุทรภาคใต้ โดยมีเมืองนครศรีธรรมราชทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง ใช้เป็นฐานในการควบคุมหัวเมืองต่าง ๆ ในคาบสมุทรแห่งนี้ กษัตริย์มะละกาผู้ปกครอง ปัตตานี ปาหัง กลันตัน และเมืองท่าที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทั้งหมดต้องส่งบรรณาการต่อกษัตริย์อยุธยาทุกปี
- สงครามล้านนา (สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2) พระเมืองแก้ว กษัตริย์เมืองเชียงใหม่แห่งอาณาจักรล้านนา ยกทัพมาตีกรุงสุโขทัย สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ได้ทรงออกทัพขึ้นไปป้องกันทางเหนือ จนกองทัพเชียงใหม่แตกกลับไป พระองค์ได้ทรงยกกองทัพขึ้นไปตีล้านนาอีกหน คราวนี้ทรงตีเมืองลำปางได้
- สงครามเชียงกราน ในรัชสมัยของสมเด็จพระไชยราชาธิราช ได้เกิดสงครามไทยกับพม่า เมื่อปี พ.ศ. 2081 เมื่อพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ แห่งกรุงหงสาวดี ได้ยกกองทัพมาตีเมือง อันเป็นหัวเมืองชายแดนทางทิศตะวันตกของกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระไชยราชาธิราชทรงยกทัพไปตีกลับคืนมา ในการทัพครั้งนี้ พระองค์นำทหารอาสาชาวโปรตุเกสไปด้วย อาสาชาวโปรตุเกสมีความชำนาญในการใช้ปืนไฟ และได้เริ่มใช้ปืนไฟ ในการรบเป็นครั้งแรก กองทัพไทยสามารถยึดเมืองเชียงกรานกลับคืนมาได้
- สงครามล้านนา (สมัยสมเด็จพระไชยราชา) เกิดการผลัดแผ่นดินขึ้นที่เชียงใหม่ พระเมืองเกษเกล้าถูกลอบปลงพระชนม์ บรรดาท้าวพระยาเมืองลำปาง เมืองเชียงราย และเมืองพานได้ ยกกำลังเข้ายึดเมืองเชียงใหม่ได้ แล้วพร้อมใจกันแต่งตั้งพระนางมหาเทวีจิรประภา พระอัครมเหสีพระเมืองเกษเกล้า ขึ้นครองเมืองเชียงใหม่ สมเด็จพระไชยราชาธิราชทรงยกกองทัพไปถึงเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2081 พระนางมหาเทวีจิรประภาได้ออกมาถวายการต้อนรับ และขอเป็นไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา ซึ่งในขณะนั้นพระนางมหาเทวี ฯ ทรงเกรงอานุภาพของพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ ซึ่งได้ขยายอาณาเขตมาจรดเขตของเชียงใหม่ จึงได้ยอมอ่อนน้อมต่อฝ่ายพม่า สมเด็จพระไชยราชาธิราช ทรงพิจารณาเห็นว่า ถ้าปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปเช่นนี้ ในอนาคตพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ จะเข้ามารุกรานกรุงศรีอยุธยา พระองค์จึงได้ยกทัพเข้าตีเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2088 โดยได้ตีนครลำปาง และนครลำพูน พระองค์ได้โปรดเกล้า ฯ ให้พระยาพิษณุโลกเป็นทัพยกไปเชียงใหม่ พระนางมหาเทวี ฯ จึงเห็นสถานการณ์เช่นนั้นแล้ว จึงทรงต้อนรับพระยาพิษณุโลก และทรงยอมเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา

- สงครามพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ (สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) ในปี พ.ศ. 2091 หลังจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิขึ้นครองราชย์ได้เพียงเจ็ดเดือน การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญครั้งนี้เป็นที่กระฉ่อนไปทั่ว จนทราบไปยังพระกรรณพระเจ้าหงสาวดีตะเบ็งชะเวตี้ กษัตริย์พม่าทรงพระราชดำริว่า ทางกรุงศรีอยุธยาผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน เห็นเป็นโอกาสที่จะแผ่อำนาจมายังกรุงศรีอยุธยา จึงได้ยกกองทัพใหญ่มาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ เมืองกาญจนบุรี (บางพงศาวดารบอกว่า พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ได้เสด็จมาทอดพระเนตรกำแพงเมืองอยุธยาก่อนหน้านี้มาครั้งหนึ่งแล้ว เพื่อประเมินกำลังศึก) โดยตั้งค่ายหลวงที่ตำบลกุ่มดอง ทัพพระมหาอุปราชาบุเรงนองตั้งที่เพนียด ทัพพระเจ้าแปรตั้งที่บ้านใหม่มะขามหย่อง ทัพพระยาพะสิม ตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งวรเชษฐ์ ในวันอาทิตย์ ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 4 พ.ศ. 2092 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เสด็จออกไปดูลาดเลากำลังศึก ณ พร้อมกับสมเด็จพระศรีสุริโยทัย พระราเมศวร และพระมหินทร์ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงช้างนามว่าพลายแก้วจักรพรรดิ ได้กระทำยุทธหัตถีกับพระเจ้าแปร ช้างพระที่นั่งเสียที สมเด็จพระสุริโยทัยจึงทรงไสช้างนามว่าพลายสุริยะกษัตริย์ เข้าขวางช้างข้าศึก เพื่อป้องกันสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และได้ทำยุทธหัตถีกับพระเจ้าแปร พระเจ้าแปรได้ทีจึงฟันสมเด็จพระสุริโยทัยด้วยของ้าว สิ้นพระชนม์บนคอช้าง พระราเมศวรและพระมหินทร์ ได้ขับช้างเข้ากันพระศพกลับเข้าพระนคร ในการต่อสู้กับข้าศึกในขั้นต่อไป สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดให้นำปืนใหญ่นารายณ์สังหาร ลงเรือสำเภาแล่นไปตามลำน้ำโจมตีข้าศึกที่ตั้งล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่ อำนาจการยิงของปืนใหญ่ทำให้ฝ่ายพม่าล้มตายเป็นอันมาก ประกอบกับเป็นเวลาใกล้ฤดูฝน และเสบียงอาหารร่อยหรอลง อีกทั้งทางฝ่ายพม่าได้ข่าวว่า มีกองทัพไทยจากหัวเมืองเหนือยกมาสนับสนุน เกรงว่าจะถูกตีกระหนาบ จึงปรึกษากับแม่ทัพนายกองจะยกทัพกลับ แม่ทัพทั้งหลายเห็นควรจะยกทัพกลับทางด่านเจดีย์สามองค์ (กาญจนบุรี) แต่พระเจ้าตเบ็งชเวตี้เห็นว่าทางที่ยกมานั้น ทรงทำลายเสบียงอาหารเสียหมดแล้ว ถ้ายกไปทางนี้จะประสบปัญหาขาดแคลน และจะถูกทหารไทยยกมาซ้ำเติมลำบากอยู่ จึงทรงให้ยกทัพขึ้นไปทางด่านแม่ละเมา (ตาก) เพื่อตีทัพของพระมหาธรรมราชาด้วยไพร่พลนั้นน้อยนัก และจะได้แย่งเสบียงมา เมื่อปะทะกับกองทัพของพระมหาธรรมราชาและพระราเมศวร ไล่ติดตามไปจนเกือบถึงเมืองกำแพงเพชร ฝ่ายพม่าได้ทำอุบายซุ่มกำลังไว้ทั้งสองข้างทาง พอกองทัพกรุงศรีอยุธยาถลำเข้าไป จึงได้เข้าล้อมไว้ จับได้ทั้งพระมหาธรรมราชา และพระราเมศวร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิต้องทรงขอหย่าศึก และไถ่ตัวคืนโดยแลกกับช้างชนะงาสองเชือกคือ พลายศรีมงคล กับพลายมงคลทวีป จากนั้นกองทัพม่าก็ถอยกลับไปยังหงสาวดี ส่วนการพระศพสมเด็จพระสุริโยทัยนั้นเมื่อเสร็จศึกสงครามแล้วโปรดให้ตั้งการพระราชพิธีพระราชทานเพลิง ณ สวนหลวง และให้สถาปนาที่พระราชทานเพลิงเป็นพระอารามเพื่ออุทิศ พระราชกุศลพระราชทาน แด่สมเด็จพระอัครมเหสี ประกอบด้วยพระเจดีย์ พระวิหาร แล้วพระราชทานนามพระอารามอันเป็นพระราชานุสรณ์แห่งสมเด็จพระสุริโยทัยแห่งนี้ว่า วัดสบสวรรค์ ในปัจจุบันชื่อ วัดสวนหลวงสบสวรรค์
- สงครามเขมร (สมัยพระเฑียรราชา) พ.ศ. 2099 ในเดือน 12 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงให้แต่งทัพไปตีเมืองละแวก พระยาองค์ (โอง) สวรรคโลก (เชื่อว่าเป็นคนเดียวกับพระยาสวรรคโลกที่กำจัดขุนวรวงศาธิราช) เป็นทัพหลวง ยกทัพ30,000คน ให้พระมหามนตรีถืออาชญาสิทธิ์ พระมหาเทพถือวัวเกวียน ให้พระยาเยาวเป็นแม่ทัพเรือ แต่ลมพัดไม่เป็นใจทัพเรือจึงตามทัพบกไม่ทัน พระยารามลักษณ์แม่ทัพบกได้เข้าตีเขมรในตอนกลางคืน แต่เสียทีถอยหนีมาถึงทัพใหญ่ ในศึกนี้เสียพระยาองค์ (โอง) สวรรคโลกกับไพร่พลอีกจำนวนมาก
- สงครามช้างเผือก (สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) พระเจ้าบุเรงนอง ผู้ครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งหงสาวดีต่อจากพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ ทราบเรื่องช้างเผือก จึงส่งราชทูตเชิญพระราชสาส์นมาขอพระราชทานช้างเผือกสองเชือก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงให้เหตุผลเชิงปฏิเสธเพราะทรงเห็นด้วยกับพระราเมศวร พระยาจักรี และพระสุนทรสงคราม พระเจ้าบุเรงนองจึงถือสาเหตุนั้น ยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา เมื่อพ.ศ. 2106 ด้วยกำลังพลสองแสนคน จัดเป็นทัพกษัตริย์หกทัพ ได้เตรียมทัพเรือพร้อมปืนใหญ่กับจ้างชาวโปรตุเกสอาสาสมัคร 400 คน เป็นทหารปืนใหญ่ ให้เมืองเชียงใหม่สนับสนุนเสบียงอาหาร โดยลำเลียงมาทางเรือ เปลี่ยนเส้นทางเดินทัพมาทางด่านแม่ละเมา เข้าตีหัวเมืองฝ่ายเหนือของไทยมาตามลำดับเพื่อตัดกำลังที่จะยกมาช่วยกรุงศรีอยุธยา ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาเตรียมตัวป้องกันพระนคร โดยคาดว่าพม่าจะยกกำลังมาทางด่านเจดีย์สามองค์ ทำให้พระเจ้าบุเรงนองตีเมืองกำแพงเพชร สวรรคโลก สุโขทัย พิชัย และพิษณุโลกได้ ครั้นลงมาถึงเมืองชัยนาท กองทัพพม่าก็ได้ปะทะกับกองทัพกรุงศรีอยุธยาของพระราเมศวร แต่ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาต้านทานไม่ได้ต้องถอยกลับเข้ากรุงศรีอยุธยา กองทัพพม่าได้เข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ แล้วระดมยิงปืนใหญ่เข้าในพระนครทุกวัน จนราษฎรได้รับความเดือดร้อนและเสียขวัญ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ต้องเสด็จไปเจรจากับพระเจ้าบุเรงนอง ที่พลับพลาบริเวณตำบลวัดหน้าพระเมรุ กับวัดหัสดาวาส ยอมเป็นไมตรี โดยได้มอบช้างเผือก 4 เชือก พร้อมกับพระราเมศวร พระยาจักรี และพระสุนทรสงครามให้แก่พม่า โดยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงต่อรองขอดินแดนของอยุธยาทั้งหมดที่พระเจ้าบุเรงนองยึดไว้คืน พระเจ้าบุเรงนองก็ถวายคืนแต่โดยดี จากนั้นพม่าก็ถอยกลับไปหงสาวดี
- การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง (สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ - สมเด็จพระมหินทราธิราช) เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรพม่าและอาณาจักรอยุธยา อันเป็นผลมาจากความต้องการของพระเจ้าบุเรงนองซึ่งต้องการได้กรุงศรีอยุธยาเป็นประเทศราช และอาจถือได้ว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากสงครามช้างเผือก ในปี พ.ศ. 2106 ที่ทรงตีกรุงศรีอยุธยาไม่สำเร็จ ความขัดแย้งภายในกรุงศรีอยุธยาระหว่างสมเด็จพระมหาจักรพรรดิกับเจ้าเมืองพิษณุโลก หลังจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิสวรรคต สมเด็จพระมหินทราธิราชก็ขึ้นครองราชย์และทรงบรรชาการรบแทน พระยาจักรี ซึ่งมีพระทัยฝักใฝ่พม่า ได้นำไปสู่ความพินาศของกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2112 และพระยาจักรีก็ถูกแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช จนกระทั่งหลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระมหาธรรมราชา สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอิสรภาพให้กับอาณาจักรอยุธยาในอีก 15 ปีต่อมา
- การตีกรุงศรีอยุธยาของเขมร เมื่อปี พ.ศ. 2113 พระยาละแวกหรือสมเด็จพระบรมราชา กษัตริย์เขมร ซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นของไทยมาก่อน ตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เห็นไทยบอบซ้ำจากการทำสงครามกับพม่า ได้ถือโอกาสยกกำลังเข้ามาซ้ำเติมกรุงศรีอยุธยา โดยยกกองทัพมีกำลัง 20,000 คนเข้ามาทางเมืองนครนายก เมื่อเข้ามาถึงกรุงศรีอยุธยาแล้วได้ตั้งทัพอยู่ที่ตำบลบ้านกระทุ่มแล้วเคลื่อนพลเข้าประชิดพระนคร โดยได้เข้ามายืนช้างบัญชาการรบอยู่ในวัดสามพิหาร และวางกำลังพลรายเรียงเข้ามาถึงวัดโรงฆ้อง ต่อไปถึงวัดกุฎีทอง และนำกำลังพล 5,000 คน ช้าง 30 เชือก เข้ายึดแนวหน้าวัดพระเมรุราชิการามพร้อมกับให้ทหารลงเรือ 50 ลำแล่นเข้ามาปล้นพระนครตรงมุมเจ้าสนุกสมเด็จพระมหาธรรมราชาเสด็จออกบัญชาการรบป้องกันพระนครเป็นสามารถ กองทัพเขมรพยายามยกพลเข้าปล้นพระนครอยู่ 3 วัน แต่ไม่สำเร็จจึงยกกองทัพกลับไปและได้กวาดต้อนผู้คนชาวบ้านนาและนครนายกไปยังประเทศเขมรเป็นจำนวนมาก ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2117 ในขณะที่กองทัพไทยในบังคับบัญชาของสมเด็จพระธรรมราชาธิราชกับพระนเรศ ยกกองทัพไปช่วยพระเจ้าหงสาวดี ไปตีเมืองศรีสัตนาคนหุต พระยาละแวก ถือโอกาสยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกโดยยกมาทางเรือ การศึกครั้งนี้โชคดีเป็นของไทย กล่าวคือขณะที่กองทัพไทยยกไปถึงหนองบัวลำภู เมืองอุดรธานี] สมเด็จพระนเรศวรมหาราชประชวรเป็นไข้ทรพิษ พระเจ้าหงสาวดีโปรดให้กองทัพไทยยกกลับกรุงศรีอยุธยา กองทัพไทยกลับมาได้ทันเวลาที่กรุงศรีอยุธยาถูกโจมตีจากกองทัพเรือเขมร ซึ่งขึ้นมาถึงกรุงศรีอยุธยาเมื่อเดือนอ้าย พ.ศ. 2118 และได้ตั้งทัพชุมนุมพลอยู่ที่ตำบลขนอนบางตะนาวศรี และลอบแฝงเข้ามาอยู่ในวัดพนัญเชิง และใช้เรือ 3 ลำเข้าทำการปล้นชาวเมืองที่ตำบลนายก่าย ไทยใช้ปืนใหญ่ยิงไปยังป้อมค่ายนายก่าย ถูกข้าศึกล้มตายเป็นอันมาก แล้วให้ทหารเรือเอาเรือไปท้าทายให้ข้าศึกออกมารบพุ่ง จากนั้นก็ล่อหลอกให้ข้าศึกรุกไล่เข้ามาในพื้นที่การยิงหวังผลของปืนใหญ่ เมื่อพร้อมแล้วก็ระดมยิงปืนใหญ่ถูกทหารเขมรแตกพ่ายกลับไป
- การรบกับเขมรที่อยู่ไชยบาดาล ในปี พ.ศ. 2121 พระยาจีนจันตุ ขุนนางจีนของกัมพูชา รับอาสาพระสัฎฐามาปล้นเมืองเพชรบุรี แต่ต้องพ่ายแพ้ตีเข้าเมืองไม่ได้จะกลับกัมพูชาก็เกรงว่าจะต้องถูกลงโทษ จึงพาสมัครพรรค พวกมาสวามิภักดิ์อยู่กับคนไทย โดยสมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงชุบเลี้ยงไว้ ต่อมาไม่นานก็ลงเรือสำเภาหนีออกไป เวลานั้นสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมีพระชนมายุได้ 24 พรรษา ตระหนักในพระทัยดีว่า พระยาจีนจันตุเป็นผู้สืบข่าวไปให้เขมร พระองค์จึงเสด็จลงเรือกราบกันยารับตามไป เสด็จไปด้วยอีกลำหนึ่งตามไปทันกันเมื่อใกล้จะออกปากน้ำ พระยาจีนจันตุยิงปีนต่อสู้ สมเด็จพระนเรศวรจึงเร่งเรือพระที่นั่งขึ้นหน้าเรือลำอื่นประทับยืนทรงยิงพระแสงปืนนกสับที่หน้ากันยาไล่กระชั้นชิดเข้าไปจนข้าศึกยิงมา ถูกรางพระแสงปืนแตกอยู่กับพระหัตถ์ก็ไม่ยอมหลบ พระเอกาทศรถเกรงจะเป็นอันตราย จึงตรัสสั่งให้เรือที่ทรงเข้าไปบังเรือสมเด็จพระเชษฐาก็พอดีกับเรือที่ทรงเข้าไป บังเรือสมเด็จพระเชษฐาก็พอดีกับเรือสำเภาของพระยาจีนจันตุได้ลมแล่นออกทะเลไป เนื่องจากเรือรบไทยเป็นเรือเล็กสู้คลื่นลมไม่ไหวจำต้องถอยขบวนกลับขึ้นมาตามลำน้ำพบกับสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่คุมกำลังทหารลงเรือหนุนตามมาที่เมืองพระประแดง ทรงกราบทูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทรงทราบ แล้วเคลื่อนขบวนกลับสู่พระนคร พระปรีชาสามารถในการรบเป็นที่ประจักษ์หลายครั้งหลายคราว ครั้นยิ่งนานวันความกล้าแกร่งของพระนเรศวรยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ความสามมารถในการเป็นผู้นำปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน จนกระทั่งได้รับความนับถือยกย่องโดยทั่วไป แต่การทำสงครามกับเขมรก็ยังไม่จบสิ้น ทั้งนี้เพราะเขมรยังคงเชื่อว่าสยามยังอ่อนแอสามารถที่จะเข้ามาปล้นชิงได้อยู่ พ.ศ. 2123 กษัตริย์กัมพูชาได้ให้พระทศราชาและพระสุรินทร์ราชาคุมกำลังประมาณ 5,000 ประกอบไปด้วยช้าง ม้า ลาดตระเวนเข้ามาในหัวเมืองด้านตะวันออก แล้วเคลื่อนต่อเข้ามายังเมืองสระบุรีและเมืองอื่นๆ หมายจะปล้นทรัพย์จับผู้คนไปเป็นเชลย ประจวบเหมาะกับพระนเรศวรเสด็จลงมาประทับอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาพอดี เมื่อทรงทราบข่าวศึกก็ทรงทูลขอกำลังทหารประจำพระนคร 3,000 คน ทั้งที่มีกำลังพลน้อยกว่าเขมรแต่สมเด็จพระนเรศวรก็สามารถวางกลศึกหลอกล่อ กระทั่งสามารถโจมตีทัพของเขมรให้แตกหนีกลับไปได้ในที่สุด
- การรบที่เมืองคัง เป็นผลมาจากการสวรรคตของพระเจ้าบุเรงนอง พระมหากษัตริย์พม่า ทำให้เจ้าประเทศราชไทยใหญ่กระด้างกระเดื่องต่อพม่า พม่าต้องการปราบปรามเพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างแก่ประเทศราชอื่น ๆ พระเจ้านันทบุเรงทรงต้องการให้มีการแข่งขันในการรบ จึงทรงจัดให้เจ้านายพม่าและสมเด็จพระนเรศวรเข้าตีเมืองคังคนละวัน เจ้านายพม่าทั้งสองไม่สามารถเข้าตีเมืองได้ จนถึงวันที่สาม สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้เส้นทางลับเข้าตีเมืองจนสำเร็จ
- สงครามหลังจากการประกาศอิสรภาพ พ.ศ. 2127 ฝ่ายพระมหาอุปราชาทราบข่าวว่า สมเด็จพระนเรศวรกวาดต้อนคนไทยกลับจึงได้ให้สุรกรรมาเป็นกองหน้า พระมหาอุปราชาเป็นกองหลวงยกติดตามกองทัพไทยมา กองหน้าของพม่าตามมาทันที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตง ในขณะที่ฝ่ายไทยได้ข้ามแม่น้ำไปแล้ว และคอยป้องกันมิให้ข้าศึกข้ามตามมาได้ ได้มีการต่อสู้กันที่ริมฝั่งแม่น้ำ สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงปืนคาบชุดยาวเก้าคืบ ยิงถูกสุรกรรมาแม่ทัพหน้าพม่าตายบนคอช้าง กองทัพของพม่าเห็นแม่ทัพตาย ก็พากันเลิกทัพกลับไป เมื่อพระมหาอุปราชาแม่ทัพหลวงทรงทราบ จึงให้เลิกทัพกลับไปกรุงหงสาวดี พระแสงปืนที่ใช้ยิงสุรกรรมาตายบนคอช้างนี้ได้นามปรากฏต่อมาว่า "พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง" นับเป็นพระแสงอัษฎาวุธ อันเป็นเครื่องราชูปโภค ยังปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้ เมื่อสมเด็จพระนเรศวรเสด็จกลับถึงเมืองแครง ทรงพระราชดำริว่าพระมหาเถรคันฉ่องกับพระยาเกียรติพระยารามได้มีอุปการะมาก สมควรได้รับการตอบแทนให้สมแก่ความชอบ จึงทรงชักชวนให้มาอยู่ในกรุงศรีอยุธยา พระมหาเถรคันฉ่องกับพระยามอญทั้งสองก็มีความยินดีพาพรรคพวกเสด็จเข้ามาด้วยเป็นอันมาก ในการยกกำลังกลับครั้งนี้สมเด็จพระนเรศวรทรงเกรงว่า ข้าศึกอาจยกทัพตามมาอีกถ้าเสด็จกลับทางด่านแม่ละเมา มีกองทัพของนันทสูราชสังครำตั้งอยู่ที่เมืองกำแพงเพชรจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง พระองค์จึงรีบสั่งให้พระยาเกียรติ พระยาราม นำทัพเดินผ่านหัวเมืองมอญลงมาทางใต้ มาเข้าทางด่านเจดีย์สามองค์ เมื่อกลับมาถึงกรุงศรีอยุธยาแล้ว สมเด็จพระมหาธรรมราชาก็พระราชทานบำเหน็จรางวัลแก่พวกมอญที่สวามิภักดิ์ ทรงตั้งพระมาหาเถรคันฉ่องเป็นพระสังฆราชาที่สมเด็จอริยวงศ์ และให้พระยาเกียรติ พระยารามมีตำแหน่งยศได้พระราชทานพานทองควบคุมมอญที่เข้ามาด้วย ให้ตั้งบ้านเรือนที่ริมวัดขมิ้นและวัดขุนแสนใกล้วังจันทร์ของสมเด็จพระนเรศวร แล้วทรงมอบการทั้งปวงที่จะตระเตรียมต่อสู้ข้าศึกให้สมเด็จพระนเรศวรทรงบังคับบัญชาสิทธิขาดแต่นั้นมา
- การรบกับพระยาพะสิม ปี พ.ศ. 2127 หลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพได้ 7 เดือน พระเจ้านันทบุเรงจึงจัดทัพสองทัพให้ยกมาตีไทย ทัพแรกมีพระยาพสิม (เป็นพระเจ้าอาของพระเจ้าหงสาวดี) คุมกำลัง 30,000 นาย โดยยกมาทางด่านเจดีย์สามองค์ ทัพที่สองมีเจ้าเมืองเชียงใหม่ชื่อมังนรธาช่อราชอนุชา ยกทัพบกและเรือมา จากเชียงใหม่มีกำลังพล 100,000 นาย กองทัพพระยาพสิมยกเข้ามาถึงเมืองกาญจนบุรี (ถึงก่อนทัพเจ้าเมืองเชียงใหม่) สมเด็จพระนเรศวรทรงให้พระยาจักรียกทัพเรือไปยิงปืนใหญ่ดักข้าศึกแถวๆเมืองสุพรรณบุรี ทัพพม่าถูกปืนใหญ่แตกพ่ายหนีไปอยู่บนเขาพระยาแมน เจ้าพระยาสุโขทัยยกทัพไปเขาพระยาแมน เข้าตีทัพพระยาพสิมแตกพ่ายหนีกระเจิง เจ้าพระยาสุโขทัยจึงสั่งให้ตามบดขยี้ข้าศึกจนถึงชายแดนเมืองกาญจนบุรี หลังจากทัพพระยาพสิมแตกพ่ายหนีกลับไปได้สองอาทิตย์ กองทัพพระยาเชียงใหม่ได้เดินทัพมาถึงชัยนาท โดยที่ไม่ทราบข่าวการพ่ายแพ้ของพระยาพสิมจึงส่ง แม่ทัพและทหารจำนวนหนึ่งมาตั้งค่ายที่ปากน้ำบางพุทรา ทางสมเด็จพระนเศวรมีรับสั่งให้พระราชมนูยกทัพไปตีข้าศึกที่ปากน้ำบางพุทรา เมื่อไปถึงพระราชมนูเห็นว่ากำลังน้อยกว่ามาก (พม่ามีอยู่ 15,000 คน ไทยมี 3,200 คน) จึงแต่งกองโจรคอยดักฆ่าพม่าจนเสียขวัญถอยกลับไปชัยนาท สุดท้ายทัพพม่าจึงถอยกลับไป
- การรบที่บ้านนายสระเกศ พ.ศ. 2128 พระเจ้าเชียงใหม่ยกกองทัพมาแก้แค้นตั้งอยู่ที่บ้านสระเกษในแขวงเมืองวิเศษชัยชาญ สมเด็จพระนเรศวรกับพระเอกาทศรถยกทัพไปถึงตำบล ก็พบกับกองทัพพม่าซึ่งลงมาเที่ยวรังแกราษฎรทางเมืองวิเศษชัยชาญ จึงได้เข้าโจมตีจนทัพพม่าล่าถอยไป พระเจ้าเชียงใหม่จึงจัดกองทัพยกลงมาอีก สมเด็จพระนเรศวรจึงดำรัสสั่งให้พระราชมนูคุมกองทัพขึ้นไปลาดตระเวนดูก่อน กองทัพพระราชมนูไปปะทะกับพม่าที่บ้านบางแก้ว สมเด็จพระนเรศวรเสด็จขึ้นไปถึงบ้านแห จึงมีดำรัสให้ข้าหลวงขึ้นไปสั่งพระราชมนูให้ทำเป็นล่าทัพกลับถอยลงมา แล้วพระองค์กับพระอนุชาก็รุกไล่ตีทัพพม่าแตกพ่ายทั้งทัพหน้าและทัพหลวงจนถึงค่ายที่ตั้งทัพของพระเจ้าเชียงใหม่ที่บ้านสระเกษ ทัพของพระเจ้าเชียงใหม่จึงแตกกระจัดกระจายไป เมื่อได้ค่ายที่บ้านสระเกศแล้วสมเด็จพระนเรศวรทรงติดตามพระเจ้าเชียงใหม่ขึ้นไปถึงนครสวรรค์ ทรงทราบข่าวว่าพระเจ้าเชียงใหม่นี้หนีไปอาศัยอยู่กับพระมหาอุปราชาที่เมืองกำแพงเพชรแล้ว หากติดตามไปอาจเสียทีพระมหาอุปราชาได้ จึงได้วางกำลังส่วนหนึ่งเป็นหน่วยลาดตระเวนเอาไว้ที่เมืองนครสวรรค์ แล้วยกทัพลงไปสมทบที่ปากน้ำบางพุทธา และถวายรายงานพร้อมคาดการณ์ว่าข้าศึกไม่น่าจะยกพลมาถึงกรุงศรีอยุธยาก่อนฤดูแล้ง ต่อมาสมเด็จพระมหาธรรมราชามีรับสั่งให้เลิกกองทัพเสด็จกลับพระนคร

- พระแสงดาบคาบค่าย ปีพ.ศ. 2129 พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงยังไม่เข็ดหลาบในความพ่ายแพ้ จึงประชุมกองทัพจำนวน 250,000 นาย คนยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ในช่วงต้นเดือนยี่ข้าวในนายังเกี่ยวไม่เสร็จ สมเด็จพระนเรศวรจึงรับสั่งให้เจ้าพระยากำแพงเพชรยกทัพออกไปป้องกันชาวนาที่กำลังเกี่ยวข้าว พอทัพพม่าของพระมหาอุปราชยกทัพมาถึงก็ให้ทัพม้าเข้าตีจนทัพเจ้าพระยากำแพงเพชรแตกพ่ายหนีเข้าเมือง สมเด็จพระนเรศวรทรงพิโรธอย่างมาก เพราะไทยไม่เคยแตกพ่ายแพ้ต่อข้าศึกอาจทำให้ทหารขวัญเสีย พระองค์และสมเด็จเอกาทศรถเสด็จลงเรือพระที่นั่งออกไปรบทันที (สมเด็จพระเอกาทศรถทรงถูกกระสุนปืนแต่ไม่เป็นอะไร เพียงแค่ฉลองพระองค์ขาดเท่านั้น) ผลปรากฏว่าทรงยึดค่ายคืนมาได้ สมเด็จพระนเรศวรมีรับสั่งประหารชีวิตเจ้าพระยากำแพงเพชร แต่โชคดีที่พระบิดาสมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงขอชีวิตเอาไว้ การศึกครั้งนี้พม่าหมายมั่นจะตีกรุงศรีอยุธยาให้ได้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของทหารไทยจึงรักษาที่มั่นเอาไว้ได้เสมอ เสด็จออกปล้นค่ายพม่าซึ่งเป็นทัพหน้าของหงสาวดี ข้าศึกแตกพ่ายถอยหนี พระองค์จึงไล่ตีมาจนถึงค่ายหลวงของพระเจ้าหงสาวดี เสด็จลงจากม้าคาบพระแสงดาบแล้วนำทหารปีนบันไดขึ้นกำแพงข้าศึก แต่ถูกพม่าใช้หอกแทงตกลงมาข้างล่างหลายครั้งจึงเสด็จกลับพระนคร พระแสงดาบนี้มีนามว่า พระแสงดาบคาบค่าย ในพงศาวดารกล่าวว่า พระเจ้าหงสาวดีทรงทราบการกระทำอันห้าวหาญของสมเด็จพระนเรศวรจึงตรัสว่า ถ้าพระนเรศวรออกมาอีกจะต้องจับพระองค์ ให้ได้ถึงแม้ว่าจะใช้ทหารมากมายเพียงใด จึงวางแผนให้ลักไวทำมูนำทหารจำนวน 10,000 นาย ไปดักจับ สมเด็จพระนเรศวรทรงออกไปปล้นค่ายหลวงพม่าอีก พม่าจึงใช้ทหารจำนวนน้อยเข้าล่อให้พระองค์ไล่ตี เข้ามาจนถึงบริเวณที่ลักไวทำมูซุ่มรออยู่ จะเข้ามาจับพระองค์ สมเด็จพระนเรศวรจึงใช้พระแสงทวนแทงลักไวทำมูตายทันที แต่พระองค์ยังถูกล้อมอยู่และสู้กับทหารพม่า จำนวนมากนานร่วมชั่วโมง จนทัพไทยตามมาทันจึงเสด็จกลับพระนครได้ สุดท้ายกองทัพหงสาวดีบอบช้ำจากการสู้รบกับไทยอย่างมากจึงถอยทัพกลับไปเช่นเดิม
- พระมหาอุปราชายกทัพมาครั้งแรก สมเด็จพระนเรศวรเสวยราชย์ได้ 8 เดือนก็เกิดข้าศึกพม่าอีก เหตุที่จะเกิดศึกครั้งนี้คือเจ้าฟ้าไทยใหญ่เมืองคังตั้งแข็งเมืองขึ้นอีก พระเจ้าหงสาวดีตรัสปรึกษาเสนาบดี เห็นกันว่าเป็นเพราะเหตุที่เจ้าเมืองคังได้ทราบว่าปราบกรุงศรีอยุธยาไม่สำเร็จ จึงตั้งแข็งเมืองเอาอย่างบ้างตราบใดที่ยังไม่ปราบกรุงศรีอยุธยาลงได้ ถึงแม้จะปราบเมืองคังได้ เมืองอื่นก็คงแข้งข้อเอาอย่าง แต่ในเวลานั้นพระเจ้าหงสาวดีทรงอยู่ในวัยชราทุพพลภาพ ไม่ทรงสามารถจะไปทำสงครามเอาได้ดังแต่ก่อน จึงจัดกองทัพขึ้นสองทัพ ให้ราชบุตรองค์หนึ่งซึ่งได้เป็นพระเจ้าแปรขึ้นใหม่ ยกไปตีเมืองคังทัพหนึ่งให้พระยาพสิม พระยาพุกามเป็นกองหน้า พระมหาอุปราชาเป็นกองหลวงยกลงมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกทัพหนึ่ง พระมหาอุปราชายกออกจากกรุงหงสาวดีเมื่อเดือน 12 พ.ศ. 2133 มาเข้าทางด่านพระเจดีย์สามองค์ เพื่อตรงมาตีพระนครศรีอยุธยาทีเดียว ฝ่ายทางกรุงศรีอยุธยาครั้งนี้ รู้ตัวช้าจึงเกิดความลำบาก ไม่มีเวลาจะต้อนผู้คนเข้าพระนครดังคราวก่อนๆ สมเด็จพระนเรศวรทรงเห็นว่าจะคอยต่อสู้อยู่ในกรุงอาจไม่เป็นผลดีเหมือนหนหลัง จึงรีบเสด็จยกกองทัพหลวงออกไปกับสมเด็จพระเอกาทศรถ ในเดือนยี่ เมือเสด็จไปถึงเมืองสุพรรณบุรีได้ทรงทราบว่าข้าศึกยกล่วงเมืองกาญจนบุรีเข้ามาแล้ว จึงให้ตั้งทัพหลวงรับข้าศึกอยู่ที่ลำน้ำท่าคอย พอกองทัพพม่ายกมาถึงก็รบกันอย่างตะลุมบอน พระยาพุกามแม่ทัพพม่าคนหนึ่งตายในที่รบ กองทัพพม่าถูกไทยฆ่าฟันล้มตายเป็นอันมาก ที่เหลือก็พากันพ่ายหนี ไทยไล่ติดตามไปจับพระยาพสิมได้ที่บ้านจระเข้สามพันอีกคนหนึ่ง พระมหาอุปราชาเองก็หนีไปได้อย่างหวุดหวิด เมื่อกลับไปถึงหงสาวดีพวก แม่ทัพนายกองก็ถูกลงอาญาไปตามๆ กัน พระมหาอุปราชาก็ถูกภาคทัณฑ์ให้ทำการแก้ตัวในภายหน้า

- สงครามยุทธหัตถี ในปี พ.ศ. 2135 พระเจ้าหงสาวดี นันทบุเรง โปรดให้พระมหาอุปราชา นำกองทัพทหารสองแสนสี่หมื่นคน มาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในครั้งนี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทราบว่า พม่าจะยกทัพใหญ่มาตี จึงทรงเตรียมไพร่พล มีกำลังหนึ่งแสนคนเดินทางออกจากบ้านไปสุพรรณบุรี ข้ามน้ำตรงท่าท้าวอู่ทอง และตั้งค่ายหลวงบริเวณ เช้าของวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถทรงเครื่องพิชัยยุทธ สมเด็จพระนเรศวรทรงช้างนามว่า เจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายภูเขาทอง) ส่วนพระสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงช้างนามว่า เจ้าพระยาปราบไตรจักร (พลายบุญเรือง) ช้างทรงของทั้งสองพระองค์นั้นเป็นช้างชนะงา คือช้างมีงาที่ได้รับการฝึกให้รู้จักการต่อสู้มาแล้วหรือเคยผ่านสงครามชนช้าง ชนะช้างตัวอื่นมาแล้ว ซึ่งเป็นช้างที่กำลังตกมัน ในระหว่างการรบจึงวิ่งฝ่ากองทัพพม่าจนมาถึงช่วงกลางของทัพพม่า มีเพียงทหารรักษาพระองค์และเท่านั้นที่ติดตามไปทัน สมเด็จพระนเรศวรทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาทรงพระคชสารอยู่ในร่มไม้กับเหล่าเท้าพระยา จึงทราบได้ว่าช้างทรงของสองพระองค์หลงถลำเข้ามาถึงกลางกองทัพ และตกอยู่ในวงล้อมข้าศึกแล้ว แต่ด้วยพระปฏิภาณไหวพริบของสมเด็จพระนเรศวร ทรงเห็นว่าเป็นการเสียเปรียบข้าศึกจึงไสช้างเข้าไปใกล้ แล้วตรัสถามด้วยคุ้นเคยมาก่อนแต่วัยเยาว์ว่า "พระเจ้าพี่เราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่จะได้ยุทธหัตถีแล้ว" พระมหาอุปราชาได้ยินดังนั้น จึงไสช้างนามว่า ซึ่งเป็นช้างที่มีขนาดใหญ่เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพเสียหลัก สมเด็จพระนเรศวรทรงตรัสให้กำลังใจเจ้าพระยาไชยานุภาพ พระมหาอุปราชาทรงฟันสมเด็จพระนเรศวรด้วยพระแสงของ้าว แต่สมเด็จพระนเรศวรทรงเบี่ยงหลบทัน จึงฟันถูกพระมาลาหนังขาด จากนั้นเจ้าพระยาไชยานุภาพชนพลายพัทธกอเสียหลัก สมเด็จพระนเรศวรทรงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหาอุปราชาเข้าที่อังสะขวา สิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถทรงฟันเสียชีวิตเช่นกัน ทหารพม่าเห็นว่าแพ้แน่แล้ว จึงใช้ปืนระดมยิงใส่สมเด็จพระนเรศวรได้รับบาดเจ็บ ทันใดนั้น ทัพหลวงไทยตามมาช่วยทัน จึงรับทั้งสองพระองค์กลับพระนคร พม่าจึงยกทัพกลับกรุงหงสาวดีไป นับแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกมากล้ำกรายกรุงศรีอยุธยาอีกเป็นระยะเวลาอีกยาวนาน
- สงครามตีเมืองทะวายและตะนาวศรีศึกทะวายและตะนาวศรีนั้น เป็นการรบในระหว่างคนต้องโทษกับคนต้องโทษด้วยกัน กล่าวคือ ทางกรุงศรีอยุธยพาพวกนายทัพที่ตามเสด็จไม่ทันในวันยุทธหัตถีนั้น มีถึง 6 คนคือ พระยาพิชัยสงคราม พระยารามกำแหง เจ้าพระยาจักรี พระยาพระคลัง และพระยาศรีไสยณรงค์ สมเด็จพระนเรศวรรับสั่งให้ปรึกษาโทษ ลูกขุนปรึกษาโทษให้ประหารชีวิต สมเด็จพระวันรัตสังฆปรินายกมาถวายพระพรบรรยายว่า การที่แม่ทัพเหล่านั้นตามเสด็จไม่ทัน ก็เพราะบุญญาภินิหารของพระองค์ สมเด็จพระนเรศวรที่จะได้รับเกียรติคุณเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง ด้วยเหตุว่าถ้าพวกนั้นตามไปทันแล้วถึงจะชนะก็ไม่เป็นชื่อเสียงใหญ่หลวงเหมือนที่เสด็จไปโดยลำพัง เมื่อเห็นว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงเลื่อมใสในคำบรรยายข้อนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัตก็ทูลขอโทษพวกแม่ทัพเหล่านี้ไว้ สมเด็จพระนเรศวรก็โปรดประทานให้ แต่พวกนี้จะต้องไปตีทะวายและตะนาวศรีเป็นการแก้ตัว จึงให้เจ้าพระยาจักรีเป็นแม่ทัพคุมพลห้าหมื่นไปตีตะนาวศรี พระยาพระคลังคุมกำลังพลหมื่นเหมือนกันไปตีทะวาย ส่วนแม่ทัพอื่นๆ ที่ต้องโทษก็แบ่งกันไปในสองกองทัพนี้คือพระยาพิชัยสงครามกับพระยารามคำแหงไปตีเมืองทะวายกับพระยาพระคลัง และให้พระยาเทพอรชุนกับพระยาศรีไสยณรงค์ไปตีเมืองตะนาวศรีกับเจ้าพระยาจักรี ส่วนทางหงสาวดีนั้น เมื่อพระเจ้าหงสาวดีเสียพระโอรสรัชทายาทแล้วก็โทมนัส ให้ขังแม่ทัพนายกองไว้ทั้งหมด แต่ภายหลังทรงดำริว่าไทยชนะพม่าในครั้งนี้แล้วก็จะต้องมาตีพม่าโดยไม่ต้องสงสัย ก่อนที่ไทยไปรบพม่าก็จะต้องดำเนินการอย่างเดียวกันกับที่พม่ารบกับไทย กล่าวคือ จะต้องเอามอญไว้ในอำนาจเสียก่อนและเป็นการแน่นอนว่าไทยจะต้องเข้ามาตีทะวายและตะนาวศรี ด้วยเหตุนี้จึงให้แม่ทัพนายกองที่ไปแพ้สงครามมาครั้งนี้ไปทำการแก้ตัวรักษาเมืองตะนาวศรีและเมืองทะวาย เป็นอันว่าทั้งผู้รบและผู้รับทั้งสองฝ่าย ตกอยู่ในฐานคนผิดที่จะต้องทำการแก้ตัวทั้งสิ้น ในการรบทะวายและตะนาวศรีครั้งนี้แม่ทัพทั้งสองคือ เจ้าพระยาจักรีและพระยาคลัง ทำการกลมเกลียวกันเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้สมเด็จพระนเรศวรจะได้แบ่งหน้าที่ให้ตีคนละเมือง ก็ยังมีการติดต่อช่วยเหลือกันและกัน ในที่สุดแม่ทัพทั้งสองก็รบชนะทั้งสองเมืองและบอกเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรได้โปรดเกล้าฯ ให้พระยาศรีไสยณรงค์อยู่ครองเมืองตะนาวศรี ส่วนทางเมืองทะวายนั้นให้เจ้าเมืองทะวายคนเก่าครองต่อไป ชัยชนะครั้งนี้เป็นอันทำให้แม่ทัพทั้งหลายพ้นโทษ แต่ทางพม่าแม่ทัพกลับถูกทำโทษประการใดไม่ปรากฏ แต่อย่างไรก็ดี การที่ชัยชนะทะวายและตะนาวศรีครั้งนี้ ทำให้อำนาจของไทยแผ่ลงไปทางใต้เท่ากับในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
- การปราบปรามเขมรและฟื้นฟูหัวเมืองเหนือ ปลายปี พ.ศ. 2136 สมเด็จพระนเรศวรยกกองทัพหลวงไปตีกรุงกัมพูชา มีชัยชนะจับนักเจ้ากรุงกัมพุชาได้ให้ประหารชีวิตเสียใน แล้วกวาดต้อนครอบครัวเขมรมาเป็นเชลยเป็นอันมาก ครั้นเสด็จกลับมาถึงพระนครจึงดำรัสสั่งให้ตั้งหัวเมืองเหนือที่ได้ทิ้งให้ร้างเมื่อเวลาทำสงครามกู้อิสรภาพอยู่ 8 ปีนั้น ให้กลับมามีเจ้าเมืองกรมการปกครองดังแต่ก่อน ทรงตั้งข้าราชการที่มีบำเหน็จความชอบให้ไปเป็นผู้ปกครองคือ พระยาชัยบูรณ์ข้าหลวงเดิมที่ได้ทรงใช้สอยทำศึกมาแต่แรกนั้น ให้เป็นเจ้าพระยาสุรสีห์ไปครองเมืองพิษณุโลก ให้พระศรีเสาวราชไปครองเมืองสุโขทัย ให้พระองค์ทองไปครองเมืองพิชัย ให้หลวงจ่า (แสนย์) ไปครองเมืองสวรรคโลก แล้วเข้าใจว่าส่งครอบครัวเขมรที่ได้มาคราวนั้นไปอยู่ที่หัวเมืองเหนือโดยมาก
- การตีหัวเมืองมอญ ปี พ.ศ. 2137 พระยาลาว เจ้าเมืองเมาะตะมะ เกิดวิวาทกับเจ้าพระยาพะโร เจ้าเมืองเมาะลำเลิง พระยาพะโรกลัวพระยาลาวจะมาตีเมาะลำเลิงจึงให้สมิงอุบากองถือหนังสือมาขอบารมีสมเด็จพระนเรศวรเป็นที่พึ่ง ขอพระราชทานกองทัพไปช่วยป้องกันเมือง สมเด็จพระนเรศวรจึงยอมรับช่วยเหลือพระยาพะโรทันที มีดำรัสสั่งให้พระยาศรีไศลออกไปช่วยรักษาเมืองเมาะลำเลิง ซึ่งแต่บัดนี้ไปได้ยอมมาสวามิภักดิ์เป็นประเทศราชของไทย ฝ่ายข้างพระยาลาวเจ้าเมืองเมาะตะมะ ก็ไปขอความช่วยเหลือทางหงสาวดีบ้าง ทางหงสาวดีให้พระเจ้าตองอูยกทัพมาช่วย แต่กองทัพไทยกับมอญเมาะลำเลิงได้ตีทัพพระเจ้าตองอูแตกไป

- การตีเมืองหงสาวดีครั้งที่ 1 การที่สมเด็จพระนเรศวร ได้หัวเมืองมอญฝ่ายใต้มาเป็นเมืองขึ้น นับว่าเป็นจุดหักเหที่มีนัยสำคัญ ของการสงครามไทยกับพม่า จากเดิม ฝ่ายพม่าเป็นฝ่ายยกทัพมาย่ำยีไทยมาโดยตลอด การได้หัวเมืองมอญฝ่ายใต้ ทำให้ไทยใช้เป็นฐานทัพ ที่จะยกกำลังไปตีเมืองหงสาวดีได้สะดวก สมเด็จพระนเรศวรเสด็จยกกองทัพหลวงไปตีเมืองหงสาวดี ออกจากพระนคร เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น3 ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะแม พ.ศ. 2138 มีกำลังพล 120,000 คน เดินทัพไปถึงเมืองเมาะตะมะ แล้วรวบรวมกองทัพมอญเข้ามาสมทบ จากนั้น ได้เสด็จยกกองทัพหลวงไปยังเมืองหงสาวดี เข้าล้อมเมืองไว้ กองทัพไทยล้อมเมืองหงสาวดีอยู่ 3 เดือน และได้เข้าปล้นเมือง เมื่อวันจันทร์ แรม 13 ค่ำ เดือน 4 ครั้งหนึ่ง แต่เข้าเมืองไม่ได้ ครั้นเมื่อทรงทราบว่า ได้ยกกองทัพลงมาช่วยพระเจ้าหงสาวดีถึงสามเมือง เห็นว่าข้าศึกมีกำลังมากนัก จึงทรงให้เลิกทัพกลับ เมื่อวันสงกรานต์ เดือน 5 ปีวอก พ.ศ. 2139 และได้กวาดต้อนครอบครัวในหัวเมือง มาเป็นเชลยเป็นอันมาก และกองทัพข้าศึกมิได้ยกติดตามมารบกวนแต่อย่างใด
- การตีเมืองหงสาวดีครั้งที่ 2 พ.ศ. 2142 สมเด็จพระนเรศวรทรงมุ่งหมายจะตีเอาเมืองหงสาวดีให้ได้ จึงตระเตรียมทัพยกไปทั้งทางบกและทางเรือ ได้ออกทำการเกลี้ยกล่อมหัวเมืองต่างๆ ให้อ่อนน้อมต่อไทยได้อีกหลายเมือง แม้แต่เชียงใหม่ซึ่งได้ตั้งแข็งเมืองต่อพม่าแล้ว แต่คิดเกรงว่ากรุงศรีสัตนาคนหุตและไทยจะยกทัพไปรุกราน ก็ได้ตัดสินใจยอมอ่อนน้อมมาขอขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยาด้วย ส่วนเมืองตองอูกับเมืองยะไข่เมื่อเอาใจออกห่างจากกรุงหงสาวดีไปแล้ว ก็หันมาฝักใฝ่กับไทยและรับว่า ไทยยกทัพไปตีกรุงหงสาวดีแล้ว ก็จะเข้าร่วมช่วยเหลือพระเจ้ายะไข่นั้นอยากได้หัวเมืองชายทะเล ส่วนพระเจ้าตองอูอยากได้เป็นพระเจ้าหงสาวดีแทน สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงรับเป็นไมตรีกับเมืองทั้งสองนั้น ในระหว่างนั้นภิกษุรูปหนึ่งได้เข้ายุยงพระเจ้าตองอูมิให้อ่อนน้อมแก่ไทย และแจ้งอุบายให้พระเจ้าตองอูคิดอ่านเอาเมืองหงสาวดีเสียเอง พระเจ้าตองอูเห็นชอบด้วยจึงชวนพระเจ้ายะไข่ให้ไปตีเมืองหงสาวดี แล้วพระเจ้าตองอูจะทำทีเป็นยกกองทัพมาช่วยหงสาวดี พอเข้าเมืองได้แล้วก็หย่าศึกกันเสีย และจะแบ่งประโยชน์ให้ตามที่พระเจ้ายะไข่ต้องการ คือจะยกหัวเมืองชายทะเลให้แก่พระเจ้ายะไข่ แต่ครั้งทัพพระเจ้ายะไข่และทัพพระเจ้าตองอูเข้าประชิดเมืองหงสาวดีแล้วก็หาเข้าเมืองไม่ ทั้งนี้เพราะพระเจ้าหงสาวดีเกิดทรงระแวงขึ้น ทัพพระเจ้าตองอูและพระเจ้ายะไข่จึงได้แต่ตั้งล้อมเมืองหงสาวดีไว้ สมเด็จพระนเรศวรทรงเห็นว่าทางกรุงหงสาวดีกำลังปั่นป่วนจึงเสด็จยกทัพหลวงไปตีหงสาวดี แต่ต้องไปเสียเวลาปราบปรามมอญซึ่งพระเจ้าตองอูได้ยุยงให้กระด้างกระเดื่องเป็นเวลาถึง 3 เดือนเศษ จึงเดินทัพถึงเมืองหงสาวดีช้ากว่ากำหนดที่คาดหมายไว้ ทางฝ่ายพระเจ้าตองอูพระเจ้ายะไข่ซึ่งกำลังล้อมเมืองหงสาวดีอยู่ พอได้ทราบข่าวว่าสมเด็จพระนเรศวรยกกองทัพขึ้นไปกำจัดมอญเมืองเมาะตะมะกำลังเดินทัพมาก็เกรงกลัว และแจ้งให้พระเจ้าหงสาวดีทราบ พระเจ้าหงสาวดีก็จำใจอนุญาตให้พระเจ้าตองอูยกทัพเข้าไปในเมืองหงสาวดีได้ และมอบหมายให้พระเจ้าตองอูบัญชาการรบแทนทุกประการ พระเจ้าตองอูจึงทำการกวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สมบัติ รวมทั้งพระเจ้าหงสาวดีไปยังเมืองตองอู ทิ้งเมืองหงสาวดีไว้ให้กองทัพพระเจ้ายะไข่ทำการค้นคว้าทรัพย์ที่ยังเหลืออยู่ต่อไป พอพระเจ้าตองอูออกจากหงสาวดีไปได้ประมาณ 8 วัน กองทัพไทยก็ยกไปถึงเมืองหงสาวดี ครั้นสมเด็จพระนเรศวรได้ทรงทราบว่าพระเจ้าตองอูไม่ซื่อตรงตามคำมั่นที่ได้ให้ไว้ก็ทรงพระพิโรธ จึงเสด็จยกทัพตามขึ้นไปตีเมืองตองอู ได้เข้าล้อมเมืองตองอูอยู่ถึง 2 เดือนก็ไม่อาจตีหักเอาได้ เพราะเมืองตองอูมีชัยภูมิที่ดี ชาวเมืองก็ทำการต่อสู้เข้มแข็ง ประกอบกับฝนตกชุกและทัพไทยขาดเสบียงอาหาร สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกกองทัพกลับคืนกรุงศรีอยุธยา
- การตีเขมรในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์ได้เสด็จยกทัพไปตีเขมร ซึ่งเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา แต่ได้แข็งเมืองมาตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ทำให้เขมรกลับมาเป็นหัวเมืองประเทศราชของกรุงศรีอยุธยาดังเดิม ในตอนต้นรัชสมัยของพระองค์ หัวเมืองประเทศราชทางใต้ คิดกบฏยกทัพไปตีเมืองสงขลาและเมืองพัทลุง พระองค์ได้ส่งกองทัพไปปราบปรามได้ราบคาบ แต่ในขณะเดียวกันก็เสียเมืองเชียงใหม่ และหัวเมืองล้านนาแก่พม่า
- การตีหัวเมืองในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ รวมทั้งสงครามไทย-พม่าที่เมืองไทรโยคเนื่องจากกลุ่มมอญในเมืองเมาะตะมะเป็นกบฎแล้วอพยพลงมาสวามิภักดิ์ต่อไทย พม่ายกกองทัพติดตามเข้ามาเพื่อขอตัวเจ้าเมืองเมาะตะมะที่ถูกจับและกลุ่มมอญ ไทยไม่ยอมจึงเกิดการรบขึ้นที่ไทรโยค อีกทั้งยังบุกเข้าตีหัวเมืองพม่าอีกหลายเมืองได้แก่ เมืองจิตตะกอง สิเรียม ย่างกุ้ง แปร ตองอู หงสาวดี และมีกำลังสำคัญที่ทำให้สมเด็จพระนารายณ์นั้นสามารถยึดหัวเมืองของพม่าได้คือ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) และ
- สงครามแย่งชิงราชสมบัติ เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระทรงพระประชวรหนักใกล้สวรรคตนั้น พระราชทานราชสมบัติให้แก่เจ้าฟ้าอภัย พระเจ้าบรมโกศ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นพระมหาอุปราชอยู่ไม่เต็มพระทัย เพราะปรารถนาจะให้ทรงมอบราชสมบัติแก่เจ้าฟ้านเรนทร (กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์) ซึ่งในขณะนั้นผนวชอยู่ ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ได้เกิดการสู้รบกันระหว่างพระองค์กับพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ คือ เจ้าฟ้าอภัย และเจ้าฟ้าปรเมศร์ อันเนื่องมาจากพระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลมีสิทธิที่จะขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อพระเชษฐาอย่างถูกต้อง แต่เมื่อพระเชษฐาใกล้สวรรคตกลับตัดสินพระทัยยกราชสมบัติแก่ เจ้าฟ้านเรนทร พระโอรสพระองค์ใหญ่ แต่เจ้าฟ้านเรนทรไม่เห็นด้วยชอบด้วย จึงยกราชสมบัติให้แก่เจ้าฟ้าอภัย พระโอรสองค์รอง เป็นเหตุให้เกิดการต่อสู้แย่งชิงราชบัลลังก์จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง กินระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี ภายหลังเหตุการณ์สงบแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงได้ขึ้นครองราชย์ และประหารชีวิตเจ้าฟ้าทั้ง 2 พระองค์

ดินแดนสีเทาอ่อน คือ สยาม
ดินแดนสีเทาเข้ม คือ พม่าและเมืองขึ้น (เวียงจันทน์, หลวงพระบาง ฯลฯ)
ดินแดนสีสนิม คือ ดินแดนที่สาม (กัมพูชา ฯลฯ)
เส้นสีส้ม แสดงการเคลื่อนตัวของทัพพม่า
เส้นสีขาวมีขอบสีเทา แสดงเขตแดนในปัจจุบัน
- การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ในระหว่างที่สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ครองราชย์ พม่าได้ยกกองทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2303 สมเด็จพระเจ้าเอกทัศได้ทรงขอให้พระเจ้าอุทุมพรลาผนวชมาช่วยบัญชาการรบ พระเจ้าอลองพญา กษัตริย์พม่า ที่ยกทัพมาได้รับบาดเจ็บจากปืนใหญ่ ต้องยกทัพกลับ และสิ้นพระชนม์ระหว่างทาง ต่อมาในปี พ.ศ. 2307 พระเจ้ามังระ โอรสของพระเจ้าอลองพญา ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์พม่า และได้ส่งกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีก ให้เกณฑ์กองทัพกว่า 70,000 นาย ยกเข้าตีเมืองไทย 2 ทาง ทางทิศใต้เข้าตีเข้าทางเมืองมะริด ส่วนทางตอนเหนือตีลงมาจากแคว้นล้านนา และบรรจบกันที่กรุงศรีอยุธยาเป็นศึกขนานกันสองข้างโดยได้ล้อมกรุงศรีอยุธยานาน 1 ปี 2 เดือน ก็เข้าพระนครได้ เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310 ในพงศาวดารฉบับหอแก้วและคองบองของพม่า ได้บรรยายให้เห็นว่าในสงครามครั้งนี้ ผู้ปกครองกรุงศรีอยุธยาเองก็ได้เตรียมการและกระทำการรบอย่างเข้มแข็ง มิได้เหลวไหลอ่อนแอแต่ประการใด
สมัยธนบุรี
- การกอบกู้เอกราชของเจ้าตาก เป็นการรวบรวมกองกำลังของเจ้าตาก เพื่อขับไล่กองทัพพม่าที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในกรุงศรีอยุธยา ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง อันส่งผลให้เกิดสภาพจลาจลโดยทั่วไป ราชอาณาจักรอยุธยาเดิมจึงถูกแบ่งออกเป็นชุมนุมต่าง ๆ เป็นอิสระต่อกัน ราวปี พ.ศ. 2309 ก่อนเสียกรุง พระยาตากได้นำทหารในบังคับบัญชาตีฝ่าวงล้อมของกองทัพพม่าไปทางด้านทิศตะวันออกของกรุงศรีอยุธยา เพื่อรวบรวมผู้คนและยุทธปัจจัยต่าง ๆ มาสู้รบกับกองทัพพม่าอีกครั้ง ในระหว่างนั้นยังได้ตั้งตนเป็นเจ้าเมื่อถึงเมืองระยอง เมื่อ เจ้าตาก เตรียมกำลังรบจนพร้อมสรรพแล้ว จึงได้เคลื่อนพลกลับไปยังกรุงศรีอยุธยาทางด้านปากแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อทำการขับไล่ทหารพม่าที่ยังคงเหลืออยู่ออกไปได้สำเร็จ
- การสงครามเพื่อรวบรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่น พ.ศ. 2311 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงให้เตรียมเรือและกำลังจะขึ้นไปตีเมืองพิษณุโลก ครั้นถึงฤดูน้ำนอง สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีก็เสด็จยกกำลังขึ้นไปทางเหนือ เจ้าพิษณุโลกให้หลวงโกษา ยัง คุมกำลังมาตั้งรับบริเวณปากน้ำโพ เมื่อฝ่ายธนบุรีมาถึง ก็ได้มีการรบพุ่งกัน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีถูกปืน กองทัพธนบุรีจึงถอยกลับคืนพระนคร เจ้าพิษณุโลกทราบข่าวก็ตั้งตัวขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แต่อีก 7 วันต่อมา ก็ถึงแก่พิราลัย ชุมนุมพิษณุโลกก็อ่อนแอลง ไม่นานก็ถูกผนวกรวมกับชุมนุมเจ้าพระฝาง ต่อมา สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดให้จัดเตรียมกำลังเพื่อทำลายคู่แข่งทางการเมือง คือ กรมหมื่นเทพพิพิธ เจ้าแผ่นดิน "หุ่นเชิด" ของชุมนุมเจ้าพิมาย กรมหมื่นเทพพิพิธสู้ไม่ได้ พระองค์จึงถูกนำตัวกลับมายังกรุงธนบุรี และทรงถูกประหารระหว่างเดือนตุลาคม-เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2311 ราวเดือน 4 พ.ศ. 2312 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงให้เจ้าพระยาจักรี (แขก) เป็นแม่ทัพใหญ่ คุมกำลัง 5,000 คน ยกไปตีเมืองนครศรีธรรมราชทางบก เมื่อยกไปถึงท่าหมาก แขวงอำเภอลำพูน แม่ทัพธนบุรีไม่สามัคคี ตีค่ายชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราชไม่พร้อมกัน จึงเสียที สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงทราบและประเมินสถานการณ์แล้ว จึงเสด็จยกกองทัพเรือกำลัง 10,000 คน ยกลงไปช่วย ขึ้นบกแล้วเคลื่อนทัพต่อไปจนถึงเมืองไชยา ก่อนจะเข้าตีนครศรีธรรมราช ฝ่ายกองทัพเรือธนบุรีก็ไปถึงเช่นกัน กองทัพธนบุรีจึงตีได้เมืองนครศรีธรรมราช ในปี พ.ศ. 2313 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ทรงยกกองทัพขึ้นไปปราบชุมนุมเจ้าพระฝาง ตีได้เมืองพิษณุโลก แล้วตามไปตีเมืองสวางคบุรี เจ้าพระฝางสู้ไม่ได้ จึงนับได้ว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีปราบปรามชุมนุมต่าง ๆ ลงอย่างราบคาบแล้ว

- การสงครามเพื่อปกป้องแผ่นดิน ครั้นพระเจ้ามังระทราบข่าวว่ามีคนไทยตั้งตนเป็นใหญ่อีกครั้ง จึงได้มีพระบรมราชโองการให้ แมงกี้มารหญ้า เจ้าเมืองทวาย ยกทัพมาปราบปราม กองทัพพม่ายกมาถึงอำเภอบางกุ้ง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของกรุงธนบุรี มีกำลังตามพระราชพงศาวดาร 2,000 คน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จนำยุทธหัทธีออกตีพม่าจนแตกพ่าย กิตติศัพท์ที่ทรงรบชนะ ทำให้พระราชอำนาจทางการเมืองในภาคกลางยิ่งเข้มแข็งยิ่งขึ้น ราวปี พ.ศ. 2311 พระองค์ก็ทรงยกทัพไปตีชุมนุมพิษณุโลกอีก แต่กระสุนปืนต้องถูกพระองค์ จึงต้องยกทัพกลับและรักษาพระองค์ยังพระนคร หลังหายจากพระอาการประชวรแล้ว ในระหว่างปี พ.ศ. 2312-2313 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทรงใช้เวลาในการปราบปรามชุมนุมอื่น ๆ เพื่อรวบรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่น เริ่มจากชุมนุมเจ้าพิมาย ชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราช และชุมนุมเจ้าพระฝางตามลำดับ เมื่อทรงปราบปรามชุมนุมต่าง ๆ ลงอย่างราบคาบแล้ว รัฐบาลจีนก็เริ่มให้การยอมรับสถานะพระมหากษัตริย์ของพระองค์อย่างเป็นทางการ นอกจากการต่อสู้เพื่อรวบรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นแล้ว ยังต้องป้องกันหัวเมืองชายแดนอีกด้วย ตลอดรัชสมัยทรงทำสงครามกับพม่าถึง 9 ครั้ง แต่ก็ทรงได้รับชัยชนะทุกครั้ง
- สงครามครั้งที่ 1 รบพม่าที่บางกุ้ง พ.ศ. 2310 เจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต เจ้าเมืองเวียงจันทน์ มีใจฝักใฝ่พม่า ได้กราบทูลข่าวการตั้งตัวเป็นใหญ่ของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีให้พระเจ้ามังระ ทราบ พระองค์จึงทรงสั่งให้ แมงกี้มารหญ้า เจ้าเมืองทวาย คุมกำลังมาตรวจตราแผ่นดินไทย มีหน้าที่ปราบปรามผู้ที่กำเริบตั้งตนเป็นใหญ่ให้ราบคาบ แมงกี้มารหญ้ายกทัพเข้ามาทางเมืองไทรโยค ในฤดูแล้งปลายปี พ.ศ. 2310 เมื่อทัพมาถึงบางกุ้ง ซึ่งมีค่ายทหารจีนของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีตั้งอยู่ ก็สั่งให้ทหารเข้าล้อมค่ายนั้นไว้ ฝ่ายสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงให้พระมหามนตรี (บุญมา) เป็นทัพหน้า มีตัวพระองค์เป็นทัพหลวง โจมตีข้าศึก แมงกี้มารหญ้าเห็นสู้ไม่ได้ก็ยกทัพถอยไปทางเมืองทวายทางด่านเจ้าขว้าว ทำให้กองทัพไทยสามารถยึดเรือรบ เครื่องศัตราวุธ และเสบียงอาหารเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้เมืองราชบุรียังตกอยู่ใต้การปกครองของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี อีกทั้งยึดได้กองทัพเรือพม่าซึ่งตั้งอยู่ที่นั่นด้วย
- สงครามครั้งที่ 2 พม่าตีเมืองสวรรคโลก พ.ศ. 2313 รบกับพม่าครั้งพม่าตีเมืองสวรรคโลก ไทยสามารถตีแตกไปได้
- สงครามครั้งที่ 3 ไทยตีเมืองเชียงใหม่ครั้งแรก พ.ศ. 2313 - พ.ศ. 2314 เป็นการรบกับพม่าเมื่อฝ่ายไทยยกไปตีนครเชียงใหม่ครั้งแรก แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากขาดเสบียง
- สงครามครั้งที่ 4 พม่าตีเมืองพิชัยครั้งที่ 1 พ.ศ. 2315 โปสุพลา แม่ทัพยกทัพไปช่วยเมืองเวียงจันทน์รบกับหลวงพระบาง ขากลับแวะตีเมืองพิชัย แต่ไม่สำเร็จ ไทยชนะ
- สงครามครั้งที่ 5 พม่าตีเมืองพิชัยครั้งที่ 2 พ.ศ. 2316 พม่ายกมาตีเมืองพิชัย ครั้งที่ 2 แต่พม่าตีไม่สำเร็จ พระยาพิชัย ได้สร้างวีรกรรม พระยาพิชัยดาบหัก
- สงครามครั้งที่ 6 ไทยตีเมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2317 กองทัพไทยชนะ ยึดนครเชียงใหม่กลับจากพม่าได้ เพราะชาวล้านนาออกมาสวามิภักดิ์กับไทย สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงแต่งตั้งให้ พระยาจ่าบ้าน เป็น พระยาวิเชียรปราการ ปกครองนครเชียงใหม่ พระยากาวิละ ซึ่งเป็นต้นราชวงศ์กาวิละ ปกครองนครลำปาง และ พระยาลำพูน เป็น พระยาวัยวงศา ปกครองเมืองลำพูน การครั้งนี้จึงได้ เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน และ น่าน กลับมาเป็นของไทย
- สงครามครั้งที่ 7 รบพม่าที่บางแก้วเมืองราชบุรี พ.ศ. 2317 เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงรู้ข่าวว่าพม่ายกพลตามพวกมอญที่หนีเข้ามาในเขตไทย จึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกทัพมุ่งตรงไปยังราชบุรี โดยทรงบัญชาการทัพด้วยพระองค์เอง ทรงตั้งค่ายล้อมค่ายพม่าและลอบตีตัดทางลำเลียงเสบียงอาหาร โดยได้กำลังสนับสนุนจากพระยายมราช ในที่สุดพม่าจึงต้องยอมแพ้ ชัยชนะในครั้งนี้ส่งผลให้ผู้คนที่หลบซ่อนตามที่ต่าง ๆ เข้ามาสวามิภักดิ์เป็นจำนวนมาก เนื่องจากหมดความกลัวเกรงพม่า นับเป็นสงครามแบบจิตวิทยาโดยแท้
- สงครามครั้งที่ 8 อะแซหวุ่นกี้ตีหัวเมืองเหนือ พ.ศ. 2318 เป็นสงครามที่ใหญ่มาก อะแซหวุ่นกี้เป็นผู้นำที่เชี่ยวชาญศึก มีอัธยาศัยสุภาพ ส่วนทางด้านฝ่ายไทยนั้น มี เจ้าพระยาจักรี (ทองด้วง) และ เจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราช (บุญมา) ในการครั้งนี้พม่ายกพลมา 30,000 คน เข้าล้อมเมืองพิษณุโลก อีก 5,000 คน ล้อมเมืองสุโขทัย ส่วนเมืองพิษณุโลกมีพลประมาณ 10,000 คน เท่านั้น สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงยกทัพไปช่วย และในที่สุดอะแซหวุ่นกี้ต้องยกทัพกลับ เนื่องจากพระเจ้าแผ่นดินพม่าสวรรคต กองทัพพม่าส่วนที่ตามไปไม่ทันจึงถูกกองทัพทหารจับ
- สงครามครั้งที่ 9 พม่าตีเมืองเชียงใหม่ พ.ศ. 2319 พระเจ้าจิงกูจาโปรดให้เกณฑ์ทัพพม่ามอญ 6,000 คน ยกมาตีเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2319 พระยาวิเชียรปราการได้พิจารณาแลเห็นว่า นครเชียงใหม่ไม่มีพลมากมายขนาดที่จะว่าป้องกันเมืองได้ จึงให้ประชาชนพลเรือนอพยพลงมาอยู่ที่เมืองสวรรคโลก สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสุรสีห์คุมกองทัพเมืองเหนือขึ้นไปสมทบกองกำลังพระยากาวิ เจ้าเมืองนครลำปาง ยกไปตีเมืองเชียงใหม่คืนสำเร็จ และทรงให้นครเชียงใหม่เป็นเมืองร้างถึง 15 ปี จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์จึงได้ฟื้นฟูใหม่

- การสงครามเพื่อขยายพระราชอาณาเขต
- การขยายพระราชอาณาเขตไปยังหลวงพระบางและเวียงจันทน์
- การขยายพระราชอาณาเขตไปยังกัมพูชา ในสมัยกรุงธนบุรีได้มีการรวบรวมหัวเมืองต่างๆ เข้ามาในพระราชอาณาจักร ได้แก่ ธนบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ ฉะเชิงเทรา นครนายก ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด นครชัยศรี นครปฐม สุพรรณบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงต่อสู้เพื่อขยายพระราชอาณาจักรเกือบตลอดรัชกาล อาณาเขตของประเทศไทยในสมัยนั้น มีดังนี้
- ทิศเหนือ ได้ดินแดนหลวงพระบาง และเวียงจันทน์
- ทิศใต้ ได้ดินแดนกลันตัน ตรังกานู และไทรบุรี
- ทิศตะวันออก ได้ดินแดนลาว เขมร ทางฝั่งแม่น้ำโขงจรดอาณาเขตญวน
- ทิศตะวันตก จรดดินแดนเมาะตะมะ ได้ดินแดน เมืองทวาย มะริด ตะนาวศรี
การขยายอำนาจเข้าสู่อาณาจักรลาว (เวียงจันทน์และหลวงพระบาง) โดยตรงเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยกรุงธนบุรี เช่นเดียวกับการขยายอำนาจสู่เขมร
สมัยรัตนโกสินทร์

- สงครามเก้าทัพ เป็นสงครามระหว่างอาณาจักรพม่ากับกรุงรัตนโกสินทร์หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เป็นราชธานีแห่งใหม่ เวลานั้นบ้านเมืองอยู่ในช่วงผ่านศึกสงครามมาใหม่ ๆ ประจวบทั้งการสร้างบ้านแปลงเมือง รวมทั้งปราสาทราชวังต่าง ๆ ในปี พ.ศ. 2328 พระเจ้าปดุง กษัตริย์พม่า หลังจากบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์อังวะแล้ว ต้องการประกาศแสนยานุภาพ เผยแผ่อิทธิพล โดยได้ทำสงครามรวบรวมเมืองเล็กเมืองน้อยรวมถึงเมืองประเทศราชให้เป็นปึกแผ่น แล้วก็ได้ยกกองกำลังเข้ามาตีไทย โดยมีจุดประสงค์ทำสงครามเพื่อทำลายกรุงรัตนโกสินทร์ให้พินาศย่อยยับเหมือนเช่นกรุงศรีอยุธยา สงครามครั้งนี้พระเจ้าปดุงได้ยกทัพมาถึง 9 ทัพ รวมกำลังพลมากถึง 144,000 นาย เวลานั้นทางฝ่ายไทย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกรวบรวมกำลังไพล่พลได้เพียง 70,000 นาย จัดกองทัพออกเป็น 4 ทัพโดยให้รับศึกทางที่สำคัญก่อน แล้วค่อยผลัดตีทัพที่เหลือ
- สงครามท่าดินแดง
- สงครามตีเมืองทวาย
- อานามสยามยุทธ เกิดขึ้นระหว่างไทยกับเวียดนามเพื่อแย่งชิงกัมพูชาในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
- สงครามพม่าตีเมืองถลาง ในสมัยรัชกาลที่ 2
- สงครามพม่าตีเชียงใหม่ พ.ศ. 2340 และ 2345
- สงครามเชียงตุง เป็นสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างไทย-พม่า ในสมัยรัชกาลที่ 4
- สงครามปราบฮ่อ เกิดขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปีพ.ศ. 2394 ฮ่อ หรือกองกำลังชาวจีน ที่ต่อต้านราชวงศ์แมนจู ได้ก่อการกบฏโดยเรียกกลุ่มตัวเองว่า เพื่อปลดปล่อยตนเองออกจากการปกครองของราชวงศ์แมนจูที่เป็นใหญ่ยึดครองประเทศจีนอยู่ในขณะนั้น จนเกิดการรบพุ่งกันเป็นการใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2405 พวกไท้ผิงพ่ายแพ้ต้องหลบหนีไปซุ่มซ่อนตัวตามป่าเขาในมณฑลต่าง ๆ ของจีน ทั้งในมณฑลยูนนาน ฮกเอี้ยน กวางไส กวางตุ้ง เสฉวน และส่วนหนึ่งหลบหนีมายังตังเกี๋ย ทางตั้งเกี๋ยจึงดำเนินการปราบปรามทำให้พวกฮ่อต้องหนีมาอยู่ที่เมืองซันเทียน เมื่อปี พ.ศ. 2408 ในสมัยรัชกาลที่ 4 ขณะนั้นพวกฮ่อภายใต้การนำของ "ปวงนันชี" ซึ่งใช้ธงสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ ได้ซ่องสุมกำลังที่ทุ่งไหหิน และได้ประพฤติตนเป็นโจรเที่ยวปล้นบ้านเมืองในดินแดนสิบสองจุไทและเมืองพวน ซึ่งขณะนั้นถือเป็นอาณาเขตของฝ่ายไทย
- วิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยรัชกาลที่ 5
- สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในสมัยรัชกาลที่ 6 สยามได้ประกาศสงครามเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460
- สงครามไทย-ฝรั่งเศส สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ใช้กำลังบุกเข้าประเทศกัมพูชาของฝรั่งเศส
- สงครามมหาเอเชียบูรพา ในช่วงสงคราม รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามเข้าเป็นพันธมิตรทางทหารกับญี่ปุ่น และได้ดินแดนบางส่วนจากพม่า แต่ไม่ค่อยมีบทบาทการรบโดยตรงมากนัก
- เหตุปะทะชายแดนไทย–เวียดนาม
- สมรภูมิบ้านร่มเกล้า เป็นการปะทะตามชายแดนระหว่างไทย–ลาว ฝายไทยสูญเสียหนักกว่าลาวเนื่องจากเข้าตีที่มั่นของลาวที่เหนียวแน่น
- สมรภูมิช่องบก เป็นการปะทะกันระหว่างไทยกับเวียดนามจนนำไปสู่การเจรจาสันติภาพระหว่งไทยกับเวียดนาม ซึ่งเวียดนามสูญเสียหนักกว่าไทยเนื่องจากถูกเครื่องบินไทยF5 โจมตีฐานปืนใหญ่ของเวียดนาม
อ้างอิงและบรรณานุกรม
- ดนัย ไชยโยธา. (2543). พัฒนาการของมนุษย์กับอารยธรรมในราชอาณาจักรไทย เล่ม ๑. โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. หน้า 216.
- Wood p. 113
- Damrong Rajanubhab p. 18
- Thaiwaysmagazine.com - Elephant Duel: The Honorary Combat on Elephant Back 2013-09-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Retrieved 2010-02-06
- Damrong Rajanubhab p. 19
- ดนัย ไชยโยธา. หน้า 219.
- ดนัย ไชยโยธา. หน้า 220.
- อานนท์ จิตรประภาส, หน้า 52-55
- วิบูลย์ วิจิตรวาทการ, หน้า 6
- ชาดา นนทวัฒน์, หน้า 68-69
- อานนท์ จิตรประภาส
- กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, หน้า 80-81
- สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, หน้า 85-88
- อานนท์ จิตรประภาส, หน้า 82-84
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบลัดเล, หน้า 123-124
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 123-124
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 127
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 129-130
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 133
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 135
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 136-137
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 141-142
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 144-145
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 144
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า145-146
- สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, หน้า 118-121
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 147
- สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, หน้า 121
- สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, หน้า 121-123
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 153-155
- วิบูลย์ วิจิตรวาทการ, หน้า 43-47
- สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, หน้า 123-124
- คู่มือนักศึกษาวิชาทหารชาย, หน้า 435
- พิมาน แจ่มจรัส, หน้า 173
- สุเนตร ชุตินธรานนท์. ดร. พม่ารบไทย. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ:มติชน, 2554. หน้า 88
- นิธิ เอียวศรีวงศ์. หน้า 151.
- นิธิ เอียวศรีวงศ์. หน้า 153.
- นิธิ เอียวศรีวงศ์. หน้า 156.
- นิธิ เอียวศรีวงศ์. หน้า 158.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-02-17. สืบค้นเมื่อ 2012-01-17.
- ธีระชัย ธนาเศรษฐ. เปิดวังสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช. สำนักพิมพ์ ธีรกิจ (ประเทศไทย) จำกัด. หน้า 134.
- นิธิ เอียวศรีวงศ์. หน้า 148.
- พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับหมอบลัดเล, หน้า 36-38
- พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับหมอบลัดเล, หน้า 41-49
- พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับหมอบลัดเล, หน้า 50-53
- นิธิ เอียวศรีวงษ์. หน้า 173.
- พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับหมอบลัดเล, หน้า 33-34
- พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับหมอบลัดเล, หน้า 56-58
- พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับหมอบลัดเล, หน้า 56-61
- พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับหมอบลัดเล, หน้า 68
- พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับหมอบลัดเล, หน้า 68-78
- พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับหมอบลัดเล, หน้า
- พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี, หน้า 128-146
- พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี, หน้า 177
- [[] ๙ ทัพ (๑)ห้องสมุด โดย ปถพีรดี]
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul raychuxsngkhraminpraethsithy khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir bthkhwamnixactxngekhiynihmthnghmdephuxihepniptammatrthankhunphaphkhxngwikiphiediy hruxkalngdaeninkarxyu khunchwyeraid hnaxphiprayxacmikhxesnxaena raychuxsngkhraminpraethsithy midngtxipnismysuokhthysngkhramecaemuxngchxd ekidkhuninrchsmy phxkhunsrixinthrathity thrngmisngkhramkbkhunsamchn thrngchnchangkbkhunsamchn aetchangthrngphraxngkhidetlidhni dngkhainsilacaruk phayhlngcungthrngechlimphranamphraoxrswaramkhaaehngsmyxyuthyaxyuthyatxntn 1898 1991 khxmsmysmedcphraramathibdithi 1 kstriykhxmesdcswrrkht phrarachoxrsnam thrngkhunkhrxngrachy thaihkhxmimepnimtridngaetkxn smedcphraramathibdithi 1 cungmibychaihsmedcphraraemswrykthphiptikmphucha aelaihsmedcphrabrmrachathirachthi 1 hrux khunhlwngphangw thrngykthphipchwy cungsamarthtiemuxngnkhrthmaetkid phrabrmlaphngsswrrkhtinsukkhrngni smedcphrabrmrachathirachthi 1 cungaetngtng past phrarachoxrskhxngphrabrmlaphngsepnkstriykhxmsngkhramemuxngechiyngihm ph s 1933 smedcphraraemswrthrngykkxngthphkhunipyngemuxngechiyngihm inchnaerknnphraecaechiyngihmidkhxsngbsukodykhxewla 7 wnaelwcanaekhruxngrachbrrnakarmathwayephuxecriyphrarachimtri inkarnimukhmntrinaythphnaykxngidpruksaharuxwa xaccaepnklxubaykhxngphraecaechiyngihmephuxcaidetriymkarrbmuxkxngthphkhxngkrungsrixyuthya aetphraxngkhtrswaemuxekhaimrbaelweracarbnndumibngkhwraelathungaemwaphraecaechiyngihmcaimrksastykichwacasamarthrxdphncakthharkhxngkrungsrixyuthyaipid emuxphanip 7 wn phraecaechiyngihmimidnaekhruxngrachbrrnakarmathway phraxngkhcungykkalngekhatiemuxngechiyngihm ecaemuxngechiyngihmtanimidcunghnixxkip aetsamarthcbnksrangphraoxrsphraecaechiyngihmid phraxngkhthrngphrakrunaihnksrangkhunkhrxngrachsmbtixyu n emuxngechiyngihm aelaidkwadtxnphukhnlngmathangitodyihipxyuthiemuxngcnthbur emuxngnkhrsrithrrmrach emuxngphthlung aelaemuxngsngkhla thaihchawehnuxaelachawitmiwthnthrrmaelakhnbthrrmeniymthiiklekhiyngknsngkhramemuxngkmphuchathibdi hlngcakthismedcphraraemswresdcklbcakkarthasuk n emuxngechiyngihmaelw phraxngkhidthrngthasukkbemuxngkmphuchathibdixikkhrng enuxngcakphrayakmphuchaidykthphmayngemuxngchlburiaelakwadtxnphukhnchawemuxngcnthburaelaemuxngchlburiipyngemuxngkmphuchathibdipraman 6 000 7 000 khn dwyehtuni phraxngkhcungykkxngthphipyngemuxngkmphuchathibdixikkhrng odyoprdekla ihphrayaichynrngkhepnaemthphhna emuxtiemuxngphrankhridaelw phrayakmphuchaidlngeruxhlbhniip aetsamarthcbphrayaxuprachphrarachoxrskhxngphrayakmphuchaid aelaoprdekla ihphrayaichynrngkhxyurngemuxngkmphuchathibdiphrxmkalngphl 5 000 khn txma ywnykkalngmarb phraxngkhcungihphrayaichynrngkhkwadtxnphukhnmayngkrungsrixyuthyasngkhramemuxngchakngraw smedcphrabrmrachathirachthi 1 thrngykkxngthphkhunipyngemuxngchakngrawthung 4 khrng enuxngcakemuxngchakngrawepnemuxnghnadankhxngkrungsuokhthy odykhrngaerknnthrngykkxngthphipemuxngpi ph s 1916 phrayaisaekwaelaphrayakhaaehngecaemuxngchakngrawxxkrbtxphraxngkh karsukinkhrngnnepnehtuihphrayaisaekwesiychiwitaetphrayakhaaehngnnsamarthklbekhaemuxngid aelwthrngykthphklbkrungsrixyuthya phraxngkhykthphkhunipemuxngchakngrawkhrngthi 2 emuxpi ph s 1919 phrayakhaaehngaelathawphakhxngkhidknwacayxthphhlwngthamiid khrngnnthawphakhxngelikthphhniaetphraxngkhthrngykthphtamaelasamarthtithphthawphakhxngaetk idthawphrayaesnakhunhmunepncanwnmakaelwthrngykthphhlwngklbphrankhr phraxngkhykthphmaemuxngchakngrawepnkhrngthi 3 emuxpi ph s 1921 khrngnnphramhathrrmracha thi 2 phramhakstriyaehngkrungsuokhthythrngxxkrbepnsamarth aetehncasuthphcakkrungsrixyuthyaimihw dngnn phramhathrrmrachacungxxkmathwaybngkhm phraxngkhthrngihphramhathrrmrachakhrxngemuxngtxipinthanaepnkhxngkrungsrixyuthyaaelwthrngykthphhlwngklbphrankhr phraxngkhykthphipemuxngchakngrawxikkhrngemuxpi ph s 1931 aetimpraktwathrngykthphipdwysaehtuxnid khrngnnthrngphraprachwraelaesdcswrrkhtrahwangkaresdcklbkrungsrixyuthyakhxmsmyecasamphraya emux ph s 1974 phraecathrrmaosk kstriyxanackrekhmr idykkalngekhamakwadtxnphutamhwemuxngchayaednkhxngkrungsrixyuthyaip thaihsmedcphrabrmrachathirachthi 2 idesdcykthphiptiemuxngphrankhrhlwng nkhrthm emux ph s 1975 phraxngkhtngthphlxmemuxngphrankhrhlwngxyu 7 eduxn ksamarthtiexaemuxngphrankhrhlwngid khrngnnphraxngkhthrngihphraxinthracha phraoxrspkkhrxngemuxngnkhrhlwnginthanaemuxngpraethsrachkhunkbkrungsrixyuthya aelwihna phrayaaekw phrayaithy aelarupphaph ethwrup smbtisilpakhxngkhxm thngpwngphrxmthngkwadtxnphukhnaelasingkhxngsakhy mayngkrungsrixyuthya thaihxiththiphlkhxngekhmrindankarpkkhrxng praephni tlxdcnngansilpamapraktchdinxyuthya phraxinthrachannkhrxngrachyemuxngphrankhrimnanksinphrachnm enuxngcakthnphawaxakasimid krungsrixyuthyakimidaetngtngphuidkhunipduaelaethn cungthaihchawekhmrnnimxacklbmayngthiemuxngphrankhrid plxyihemuxngranglng phayhlngemuxekhmrmixanackhunidcungmikaryayrachthaniiptngthiemuxngphnmepy thaihemuxngphrankhrlmslayinthisudkarsukkblanna smyecasamphraya inpi ph s 1985 phraecatiolkrachaehngechiyngihm idrbkbthawchxyphuepnphraxnucha thawchxyaephhniipxyuemuxngething xaephxething cnghwdechiyngray ecaemuxngethingidmakhxswamiphkdikbkrungsrixyuthyaaelakhxihsngkxngthphipchwyrb smedcphrabrmrachathirachthi 2 cungthrngykkxngthphiptiemuxngechiyngihmkhxngxanackrlannaaetktiimsaercprakxbkbthrngphraprachwrcungthrngykkxngthphklbkrungsrixyuthya phraxngkhthrngykkxngthphiptiechiyngihmxikkhrng emux ph s 1987 thrngtngthphhlwngthitablpathayekhsm khrngniidhwemuxngchayaednkhxngechiyngihmkbechlyxik 120 000 khn cungykthphhlwngklbphrankhrxyuthyatxnklang 1991 2231 sngkhramtiemuxngthway smysmedcphrabrmrachathirachthi 3 smedcphrabrmrachathirachthi 3 esdciptiemuxngthwaysungtngaekhngemuxngtxkrungsrixyuthyaaelathrngidrbchychnasngkhrammalaka emux ph s 2043 smedcphraramathibdithi 2 thrngsngkxngthphthngthangbkaelathangeruxipthasngkhramkbmalakathungsxngkhrng odyekhaocmtichayfngtawnxxkaelatawntk aemimprasbphlsaercaetkthaihmalakaidtrahnkthungxanackhxngxyuthyathimixiththiphlehnuxhwemuxnginkhabsmuthrphakhit odymiemuxngnkhrsrithrrmrachthahnathiepnsunyklang ichepnthaninkarkhwbkhumhwemuxngtang inkhabsmuthraehngni kstriymalakaphupkkhrxng pttani pahng klntn aelaemuxngthathitngxyuchayfngthnghmdtxngsngbrrnakartxkstriyxyuthyathukpisngkhramlanna smysmedcphraramathibdithi 2 phraemuxngaekw kstriyemuxngechiyngihmaehngxanackrlanna ykthphmatikrungsuokhthy smedcphraramathibdithi 2 idthrngxxkthphkhunippxngknthangehnux cnkxngthphechiyngihmaetkklbip phraxngkhidthrngykkxngthphkhuniptilannaxikhn khrawnithrngtiemuxnglapangidsngkhramechiyngkran inrchsmykhxngsmedcphraichyrachathirach idekidsngkhramithykbphma emuxpi ph s 2081 emuxphraecataebngchaewti aehngkrunghngsawdi idykkxngthphmatiemuxng xnepnhwemuxngchayaednthangthistawntkkhxngkrungsrixyuthya smedcphraichyrachathirachthrngykthphiptiklbkhunma inkarthphkhrngni phraxngkhnathharxasachawoprtueksipdwy xasachawoprtueksmikhwamchanayinkarichpunif aelaiderimichpunif inkarrbepnkhrngaerk kxngthphithysamarthyudemuxngechiyngkranklbkhunmaidsngkhramlanna smysmedcphraichyracha ekidkarphldaephndinkhunthiechiyngihm phraemuxngekseklathuklxbplngphrachnm brrdathawphrayaemuxnglapang emuxngechiyngray aelaemuxngphanid ykkalngekhayudemuxngechiyngihmid aelwphrxmicknaetngtngphranangmhaethwicirprapha phraxkhrmehsiphraemuxngeksekla khunkhrxngemuxngechiyngihm smedcphraichyrachathirachthrngykkxngthphipthungechiyngihm emuxpi ph s 2081 phranangmhaethwicirpraphaidxxkmathwaykartxnrb aelakhxepnimtrikbkrungsrixyuthya sunginkhnannphranangmhaethwi thrngekrngxanuphaphkhxngphraecataebngchaewti sungidkhyayxanaekhtmacrdekhtkhxngechiyngihm cungidyxmxxnnxmtxfayphma smedcphraichyrachathirach thrngphicarnaehnwa thaplxyihsthankarnepnipechnni inxnakhtphraecataebngchaewti caekhamarukrankrungsrixyuthya phraxngkhcungidykthphekhatiechiyngihm emuxpi ph s 2088 odyidtinkhrlapang aelankhrlaphun phraxngkhidoprdekla ihphrayaphisnuolkepnthphykipechiyngihm phranangmhaethwi cungehnsthankarnechnnnaelw cungthrngtxnrbphrayaphisnuolk aelathrngyxmepnpraethsrachkhxngkrungsrixyuthyasmedcphrasurioythy klang ischangekhakhwangchangsmedcphramhackrphrrdi khwa sungkalngesiythichangphraecaaepr say insngkhramphraecataebngchewti citrkrrmprakxb fiphrahtthsmedcphraecabrmwngsethx ecafakrmphrayanrisranuwtiwngs sngkhramphraecataebngchaewti smysmedcphramhackrphrrdi inpi ph s 2091 hlngcaksmedcphramhackrphrrdikhunkhrxngrachyidephiyngecdeduxn karepliynaeplngkhrngsakhykhrngniepnthikrachxnipthw cnthrabipyngphrakrrnphraecahngsawditaebngchaewti kstriyphmathrngphrarachdariwa thangkrungsrixyuthyaphldepliynaephndin ehnepnoxkasthicaaephxanacmayngkrungsrixyuthya cungidykkxngthphihymathangdanphraecdiysamxngkh emuxngkaycnburi bangphngsawdarbxkwa phraecataebngchaewtiidesdcmathxdphraentrkaaephngemuxngxyuthyakxnhnanimakhrnghnungaelw ephuxpraeminkalngsuk odytngkhayhlwngthitablkumdxng thphphramhaxuprachabuerngnxngtngthiephniyd thphphraecaaeprtngthibanihmmakhamhyxng thphphrayaphasim tngxyuthitablthungwrechsth inwnxathity khun 6 kha eduxn 4 ph s 2092 smedcphramhackrphrrdi esdcxxkipduladelakalngsuk n phrxmkbsmedcphrasrisurioythy phraraemswr aelaphramhinthr smedcphramhackrphrrdithrngchangnamwaphlayaekwckrphrrdi idkrathayuththhtthikbphraecaaepr changphrathinngesiythi smedcphrasurioythycungthrngischangnamwaphlaysuriyakstriy ekhakhwangchangkhasuk ephuxpxngknsmedcphramhackrphrrdi aelaidthayuththhtthikbphraecaaepr phraecaaepridthicungfnsmedcphrasurioythydwykhxngaw sinphrachnmbnkhxchang phraraemswraelaphramhinthr idkhbchangekhaknphrasphklbekhaphrankhr inkartxsukbkhasukinkhntxip smedcphramhackrphrrdioprdihnapunihynaraynsnghar lngeruxsaephaaelniptamlanaocmtikhasukthitnglxmkrungsrixyuthyaxyu xanackaryingkhxngpunihythaihfayphmalmtayepnxnmak prakxbkbepnewlaiklvdufn aelaesbiyngxaharrxyhrxlng xikthngthangfayphmaidkhawwa mikxngthphithycakhwemuxngehnuxykmasnbsnun ekrngwacathuktikrahnab cungpruksakbaemthphnaykxngcaykthphklb aemthphthnghlayehnkhwrcaykthphklbthangdanecdiysamxngkh kaycnburi aetphraecatebngchewtiehnwathangthiykmann thrngthalayesbiyngxaharesiyhmdaelw thaykipthangnicaprasbpyhakhadaekhln aelacathukthharithyykmasaetimlabakxyu cungthrngihykthphkhunipthangdanaemlaema tak ephuxtithphkhxngphramhathrrmrachadwyiphrphlnnnxynk aelacaidaeyngesbiyngma emuxpathakbkxngthphkhxngphramhathrrmrachaaelaphraraemswr iltidtamipcnekuxbthungemuxngkaaephngephchr fayphmaidthaxubaysumkalngiwthngsxngkhangthang phxkxngthphkrungsrixyuthyathlaekhaip cungidekhalxmiw cbidthngphramhathrrmracha aelaphraraemswr smedcphramhackrphrrditxngthrngkhxhyasuk aelaithtwkhunodyaelkkbchangchnangasxngechuxkkhux phlaysrimngkhl kbphlaymngkhlthwip caknnkxngthphmakthxyklbipynghngsawdi swnkarphrasphsmedcphrasurioythynnemuxesrcsuksngkhramaelwoprdihtngkarphrarachphithiphrarachthanephling n swnhlwng aelaihsthapnathiphrarachthanephlingepnphraxaramephuxxuthis phrarachkuslphrarachthan aedsmedcphraxkhrmehsi prakxbdwyphraecdiy phrawihar aelwphrarachthannamphraxaramxnepnphrarachanusrnaehngsmedcphrasurioythyaehngniwa wdsbswrrkh inpccubnchux wdswnhlwngsbswrrkhsngkhramekhmr smyphraethiyrracha ph s 2099 ineduxn 12 smedcphramhackrphrrdithrngihaetngthphiptiemuxnglaaewk phrayaxngkh oxng swrrkholk echuxwaepnkhnediywkbphrayaswrrkholkthikacdkhunwrwngsathirach epnthphhlwng ykthph30 000khn ihphramhamntrithuxxachyasiththi phramhaethphthuxwwekwiyn ihphrayaeyawepnaemthpherux aetlmphdimepnicthpheruxcungtamthphbkimthn phrayaramlksnaemthphbkidekhatiekhmrintxnklangkhun aetesiythithxyhnimathungthphihy insukniesiyphrayaxngkh oxng swrrkholkkbiphrphlxikcanwnmaksngkhramchangephuxk smysmedcphramhackrphrrdi phraecabuerngnxng phukhrxngrachyepnkstriyaehnghngsawditxcakphraecataebngchaewti thraberuxngchangephuxk cungsngrachthutechiyphrarachsasnmakhxphrarachthanchangephuxksxngechuxk smedcphramhackrphrrdithrngihehtuphlechingptiesthephraathrngehndwykbphraraemswr phrayackri aelaphrasunthrsngkhram phraecabuerngnxngcungthuxsaehtunn ykkxngthphmatikrungsrixyuthya emuxph s 2106 dwykalngphlsxngaesnkhn cdepnthphkstriyhkthph idetriymthpheruxphrxmpunihykbcangchawoprtueksxasasmkhr 400 khn epnthharpunihy ihemuxngechiyngihmsnbsnunesbiyngxahar odylaeliyngmathangerux epliynesnthangedinthphmathangdanaemlaema ekhatihwemuxngfayehnuxkhxngithymatamladbephuxtdkalngthicaykmachwykrungsrixyuthya faykrungsrixyuthyaetriymtwpxngknphrankhr odykhadwaphmacaykkalngmathangdanecdiysamxngkh thaihphraecabuerngnxngtiemuxngkaaephngephchr swrrkholk suokhthy phichy aelaphisnuolkid khrnlngmathungemuxngchynath kxngthphphmakidpathakbkxngthphkrungsrixyuthyakhxngphraraemswr aetfaykrungsrixyuthyatanthanimidtxngthxyklbekhakrungsrixyuthya kxngthphphmaidekhalxmkrungsrixyuthyaiw aelwradmyingpunihyekhainphrankhrthukwn cnrasdridrbkhwameduxdrxnaelaesiykhwy smedcphramhackrphrrdi txngesdcipecrcakbphraecabuerngnxng thiphlbphlabriewntablwdhnaphraemru kbwdhsdawas yxmepnimtri odyidmxbchangephuxk 4 echuxk phrxmkbphraraemswr phrayackri aelaphrasunthrsngkhramihaekphma odysmedcphramhackrphrrdithrngtxrxngkhxdinaednkhxngxyuthyathnghmdthiphraecabuerngnxngyudiwkhun phraecabuerngnxngkthwaykhunaetodydi caknnphmakthxyklbiphngsawdikaresiykrungsrixyuthyakhrngthihnung smysmedcphramhackrphrrdi smedcphramhinthrathirach epnswnhnungkhxngkhwamkhdaeyngrahwangxanackrphmaaelaxanackrxyuthya xnepnphlmacakkhwamtxngkarkhxngphraecabuerngnxngsungtxngkaridkrungsrixyuthyaepnpraethsrach aelaxacthuxidwaepnphlsubenuxngmacaksngkhramchangephuxk inpi ph s 2106 thithrngtikrungsrixyuthyaimsaerc khwamkhdaeyngphayinkrungsrixyuthyarahwangsmedcphramhackrphrrdikbecaemuxngphisnuolk hlngcaksmedcphramhackrphrrdiswrrkht smedcphramhinthrathirachkkhunkhrxngrachyaelathrngbrrchakarrbaethn phrayackri sungmiphrathyfkifphma idnaipsukhwamphinaskhxngkrungsrixyuthyainpi ph s 2112 aelaphrayackrikthukaetngtngepnsmedcphramhathrrmrachathirach cnkrathnghlngkarsinphrachnmkhxngsmedcphramhathrrmracha smedcphranerswrmharachthrngprakasxisrphaphihkbxanackrxyuthyainxik 15 pitxmakartikrungsrixyuthyakhxngekhmr emuxpi ph s 2113 phrayalaaewkhruxsmedcphrabrmracha kstriyekhmr sungekhyepnemuxngkhunkhxngithymakxn tngaetkhrngsmedcphraramathibdithi 1 ehnithybxbsacakkarthasngkhramkbphma idthuxoxkasykkalngekhamasaetimkrungsrixyuthya odyykkxngthphmikalng 20 000 khnekhamathangemuxngnkhrnayk emuxekhamathungkrungsrixyuthyaaelwidtngthphxyuthitablbankrathumaelwekhluxnphlekhaprachidphrankhr odyidekhamayunchangbychakarrbxyuinwdsamphihar aelawangkalngphlrayeriyngekhamathungwdorngkhxng txipthungwdkudithxng aelanakalngphl 5 000 khn chang 30 echuxk ekhayudaenwhnawdphraemrurachikaramphrxmkbihthharlngerux 50 laaelnekhamaplnphrankhrtrngmumecasnuksmedcphramhathrrmrachaesdcxxkbychakarrbpxngknphrankhrepnsamarth kxngthphekhmrphyayamykphlekhaplnphrankhrxyu 3 wn aetimsaerccungykkxngthphklbipaelaidkwadtxnphukhnchawbannaaelankhrnaykipyngpraethsekhmrepncanwnmak txmaemuxpi ph s 2117 inkhnathikxngthphithyinbngkhbbychakhxngsmedcphrathrrmrachathirachkbphraners ykkxngthphipchwyphraecahngsawdi iptiemuxngsristnakhnhut phrayalaaewk thuxoxkasykkxngthphmatikrungsrixyuthyaxikodyykmathangerux karsukkhrngniochkhdiepnkhxngithy klawkhuxkhnathikxngthphithyykipthunghnxngbwlaphu emuxngxudrthani smedcphranerswrmharachprachwrepnikhthrphis phraecahngsawdioprdihkxngthphithyykklbkrungsrixyuthya kxngthphithyklbmaidthnewlathikrungsrixyuthyathukocmticakkxngthpheruxekhmr sungkhunmathungkrungsrixyuthyaemuxeduxnxay ph s 2118 aelaidtngthphchumnumphlxyuthitablkhnxnbangtanawsri aelalxbaefngekhamaxyuinwdphnyeching aelaicherux 3 laekhathakarplnchawemuxngthitablnaykay ithyichpunihyyingipyngpxmkhaynaykay thukkhasuklmtayepnxnmak aelwihthhareruxexaeruxipthathayihkhasukxxkmarbphung caknnklxhlxkihkhasukrukilekhamainphunthikaryinghwngphlkhxngpunihy emuxphrxmaelwkradmyingpunihythukthharekhmraetkphayklbipkarrbkbekhmrthixyu ichybadal inpi ph s 2121 phrayacincntu khunnangcinkhxngkmphucha rbxasaphrasdthamaplnemuxngephchrburi aettxngphayaephtiekhaemuxngimidcaklbkmphuchakekrngwacatxngthuklngoths cungphasmkhrphrrkh phwkmaswamiphkdixyukbkhnithy odysmedcphramhathrrmrachathrngchubeliyngiw txmaimnanklngeruxsaephahnixxkip ewlannsmedcphranerswrmharachmiphrachnmayuid 24 phrrsa trahnkinphrathydiwa phrayacincntuepnphusubkhawipihekhmr phraxngkhcungesdclngeruxkrabknyarbtamip esdcipdwyxiklahnungtamipthnknemuxiklcaxxkpakna phrayacincntuyingpintxsu smedcphranerswrcungerngeruxphrathinngkhunhnaeruxlaxunprathbyunthrngyingphraaesngpunnksbthihnaknyailkrachnchidekhaipcnkhasukyingma thukrangphraaesngpunaetkxyukbphrahtthkimyxmhlb phraexkathsrthekrngcaepnxntray cungtrssngiheruxthithrngekhaipbngeruxsmedcphraechsthakphxdikberuxthithrngekhaip bngeruxsmedcphraechsthakphxdikberuxsaephakhxngphrayacincntuidlmaelnxxkthaelip enuxngcakeruxrbithyepneruxelksukhlunlmimihwcatxngthxykhbwnklbkhunmatamlanaphbkbsmedcphramhathrrmrachathikhumkalngthharlngeruxhnuntammathiemuxngphrapraaedng thrngkrabthulehtukarnthiekidkhunihthrngthrab aelwekhluxnkhbwnklbsuphrankhr phraprichasamarthinkarrbepnthiprackshlaykhrnghlaykhraw khrnyingnanwnkhwamklaaekrngkhxngphranerswryingephimkhunepnengatamtw khwamsammarthinkarepnphunapraktihehnxyangchdecn cnkrathngidrbkhwamnbthuxykyxngodythwip aetkarthasngkhramkbekhmrkyngimcbsin thngniephraaekhmryngkhngechuxwasyamyngxxnaexsamarththicaekhamaplnchingidxyu ph s 2123 kstriykmphuchaidihphrathsrachaaelaphrasurinthrrachakhumkalngpraman 5 000 prakxbipdwychang ma ladtraewnekhamainhwemuxngdantawnxxk aelwekhluxntxekhamayngemuxngsraburiaelaemuxngxun hmaycaplnthrphycbphukhnipepnechly pracwbehmaakbphranerswresdclngmaprathbxyuthikrungsrixyuthyaphxdi emuxthrngthrabkhawsukkthrngthulkhxkalngthharpracaphrankhr 3 000 khn thngthimikalngphlnxykwaekhmraetsmedcphranerswrksamarthwangklsukhlxklx krathngsamarthocmtithphkhxngekhmrihaetkhniklbipidinthisudkarrbthiemuxngkhng epnphlmacakkarswrrkhtkhxngphraecabuerngnxng phramhakstriyphma thaihecapraethsrachithyihykradangkraeduxngtxphma phmatxngkarprabpramephuximihepntwxyangaekpraethsrachxun phraecannthbuerngthrngtxngkarihmikaraekhngkhninkarrb cungthrngcdihecanayphmaaelasmedcphranerswrekhatiemuxngkhngkhnlawn ecanayphmathngsxngimsamarthekhatiemuxngid cnthungwnthisam smedcphranerswrthrngichesnthanglbekhatiemuxngcnsaercsngkhramhlngcakkarprakasxisrphaph ph s 2127 fayphramhaxuprachathrabkhawwa smedcphranerswrkwadtxnkhnithyklbcungidihsurkrrmaepnkxnghna phramhaxuprachaepnkxnghlwngyktidtamkxngthphithyma kxnghnakhxngphmatammathnthirimfngaemnasaotng inkhnathifayithyidkhamaemnaipaelw aelakhxypxngknmiihkhasukkhamtammaid idmikartxsuknthirimfngaemna smedcphranerswrthrngichphraaesngpunkhabchudyawekakhub yingthuksurkrrmaaemthphhnaphmataybnkhxchang kxngthphkhxngphmaehnaemthphtay kphaknelikthphklbip emuxphramhaxuprachaaemthphhlwngthrngthrab cungihelikthphklbipkrunghngsawdi phraaesngpunthiichyingsurkrrmataybnkhxchangniidnamprakttxmawa phraaesngpuntnkhamaemnasaotng nbepnphraaesngxsdawuth xnepnekhruxngrachupophkh yngpraktxyucnthungthukwnni emuxsmedcphranerswresdcklbthungemuxngaekhrng thrngphrarachdariwaphramhaethrkhnchxngkbphrayaekiyrtiphrayaramidmixupkaramak smkhwridrbkartxbaethnihsmaekkhwamchxb cungthrngchkchwnihmaxyuinkrungsrixyuthya phramhaethrkhnchxngkbphrayamxythngsxngkmikhwamyindiphaphrrkhphwkesdcekhamadwyepnxnmak inkarykkalngklbkhrngnismedcphranerswrthrngekrngwa khasukxacykthphtammaxikthaesdcklbthangdanaemlaema mikxngthphkhxngnnthsurachsngkhratngxyuthiemuxngkaaephngephchrcaepnxupsrrkhtxkaredinthang phraxngkhcungribsngihphrayaekiyrti phrayaram nathphedinphanhwemuxngmxylngmathangit maekhathangdanecdiysamxngkh emuxklbmathungkrungsrixyuthyaaelw smedcphramhathrrmrachakphrarachthanbaehncrangwlaekphwkmxythiswamiphkdi thrngtngphramahaethrkhnchxngepnphrasngkhrachathismedcxriywngs aelaihphrayaekiyrti phrayarammitaaehnngysidphrarachthanphanthxngkhwbkhummxythiekhamadwy ihtngbaneruxnthirimwdkhminaelawdkhunaesniklwngcnthrkhxngsmedcphranerswr aelwthrngmxbkarthngpwngthicatraetriymtxsukhasukihsmedcphranerswrthrngbngkhbbychasiththikhadaetnnmakarrbkbphrayaphasim pi ph s 2127 hlngcakthismedcphranerswrthrngprakasxisrphaphid 7 eduxn phraecannthbuerngcungcdthphsxngthphihykmatiithy thphaerkmiphrayaphsim epnphraecaxakhxngphraecahngsawdi khumkalng 30 000 nay odyykmathangdanecdiysamxngkh thphthisxngmiecaemuxngechiyngihmchuxmngnrthachxrachxnucha ykthphbkaelaeruxma cakechiyngihmmikalngphl 100 000 nay kxngthphphrayaphsimykekhamathungemuxngkaycnburi thungkxnthphecaemuxngechiyngihm smedcphranerswrthrngihphrayackriykthpheruxipyingpunihydkkhasukaethwemuxngsuphrrnburi thphphmathukpunihyaetkphayhniipxyubnekhaphrayaaemn ecaphrayasuokhthyykthphipekhaphrayaaemn ekhatithphphrayaphsimaetkphayhnikraecing ecaphrayasuokhthycungsngihtambdkhyikhasukcnthungchayaednemuxngkaycnburi hlngcakthphphrayaphsimaetkphayhniklbipidsxngxathity kxngthphphrayaechiyngihmidedinthphmathungchynath odythiimthrabkhawkarphayaephkhxngphrayaphsimcungsng aemthphaelathharcanwnhnungmatngkhaythipaknabangphuthra thangsmedcphraneswrmirbsngihphrarachmnuykthphiptikhasukthipaknabangphuthra emuxipthungphrarachmnuehnwakalngnxykwamak phmamixyu 15 000 khn ithymi 3 200 khn cungaetngkxngocrkhxydkkhaphmacnesiykhwythxyklbipchynath sudthaythphphmacungthxyklbipkarrbthibannaysraeks ph s 2128 phraecaechiyngihmykkxngthphmaaekaekhntngxyuthibansraeksinaekhwngemuxngwiesschychay smedcphranerswrkbphraexkathsrthykthphipthungtabl kphbkbkxngthphphmasunglngmaethiywrngaekrasdrthangemuxngwiesschychay cungidekhaocmticnthphphmalathxyip phraecaechiyngihmcungcdkxngthphyklngmaxik smedcphranerswrcungdarssngihphrarachmnukhumkxngthphkhunipladtraewndukxn kxngthphphrarachmnuippathakbphmathibanbangaekw smedcphranerswresdckhunipthungbanaeh cungmidarsihkhahlwngkhunipsngphrarachmnuihthaepnlathphklbthxylngma aelwphraxngkhkbphraxnuchakrukiltithphphmaaetkphaythngthphhnaaelathphhlwngcnthungkhaythitngthphkhxngphraecaechiyngihmthibansraeks thphkhxngphraecaechiyngihmcungaetkkracdkracayip emuxidkhaythibansraeksaelwsmedcphranerswrthrngtidtamphraecaechiyngihmkhunipthungnkhrswrrkh thrngthrabkhawwaphraecaechiyngihmnihniipxasyxyukbphramhaxuprachathiemuxngkaaephngephchraelw haktidtamipxacesiythiphramhaxuprachaid cungidwangkalngswnhnungepnhnwyladtraewnexaiwthiemuxngnkhrswrrkh aelwykthphlngipsmthbthipaknabangphuththa aelathwayraynganphrxmkhadkarnwakhasukimnacaykphlmathungkrungsrixyuthyakxnvduaelng txmasmedcphramhathrrmrachamirbsngihelikkxngthphesdcklbphrankhrsmedcphranerswrthrngphathharrksaphraxngkh aelaexaphraxngkhxxknahnathrngkhabphraaesngdabkhunplnkhayphraecahngsawdi aetphwkphmatxsuaelapxngkniwekhakhayimidphraaesngdabkhabkhay piph s 2129 phraecahngsawdinnthbuerngyngimekhdhlabinkhwamphayaeph cungprachumkxngthphcanwn 250 000 nay khnykthphmatikrungsrixyuthya inchwngtneduxnyikhawinnayngekiywimesrc smedcphranerswrcungrbsngihecaphrayakaaephngephchrykthphxxkippxngknchawnathikalngekiywkhaw phxthphphmakhxngphramhaxuprachykthphmathungkihthphmaekhaticnthphecaphrayakaaephngephchraetkphayhniekhaemuxng smedcphranerswrthrngphiorthxyangmak ephraaithyimekhyaetkphayaephtxkhasukxacthaihthharkhwyesiy phraxngkhaelasmedcexkathsrthesdclngeruxphrathinngxxkiprbthnthi smedcphraexkathsrththrngthukkrasunpunaetimepnxair ephiyngaekhchlxngphraxngkhkhadethann phlpraktwathrngyudkhaykhunmaid smedcphranerswrmirbsngpraharchiwitecaphrayakaaephngephchr aetochkhdithiphrabidasmedcphramhathrrmrachathrngkhxchiwitexaiw karsukkhrngniphmahmaymncatikrungsrixyuthyaihid aetdwykhwamaekhngaekrngkhxngthharithycungrksathimnexaiwidesmx esdcxxkplnkhayphmasungepnthphhnakhxnghngsawdi khasukaetkphaythxyhni phraxngkhcungiltimacnthungkhayhlwngkhxngphraecahngsawdi esdclngcakmakhabphraaesngdabaelwnathharpinbnidkhunkaaephngkhasuk aetthukphmaichhxkaethngtklngmakhanglanghlaykhrngcungesdcklbphrankhr phraaesngdabniminamwa phraaesngdabkhabkhay inphngsawdarklawwa phraecahngsawdithrngthrabkarkrathaxnhawhaykhxngsmedcphranerswrcungtrswa thaphranerswrxxkmaxikcatxngcbphraxngkh ihidthungaemwacaichthharmakmayephiyngid cungwangaephnihlkiwthamunathharcanwn 10 000 nay ipdkcb smedcphranerswrthrngxxkipplnkhayhlwngphmaxik phmacungichthharcanwnnxyekhalxihphraxngkhilti ekhamacnthungbriewnthilkiwthamusumrxxyu caekhamacbphraxngkh smedcphranerswrcungichphraaesngthwnaethnglkiwthamutaythnthi aetphraxngkhyngthuklxmxyuaelasukbthharphma canwnmaknanrwmchwomng cnthphithytammathncungesdcklbphrankhrid sudthaykxngthphhngsawdibxbchacakkarsurbkbithyxyangmakcungthxythphklbipechnedimphramhaxuprachaykthphmakhrngaerk smedcphranerswreswyrachyid 8 eduxnkekidkhasukphmaxik ehtuthicaekidsukkhrngnikhuxecafaithyihyemuxngkhngtngaekhngemuxngkhunxik phraecahngsawditrspruksaesnabdi ehnknwaepnephraaehtuthiecaemuxngkhngidthrabwaprabkrungsrixyuthyaimsaerc cungtngaekhngemuxngexaxyangbangtrabidthiyngimprabkrungsrixyuthyalngid thungaemcaprabemuxngkhngid emuxngxunkkhngaekhngkhxexaxyang aetinewlannphraecahngsawdithrngxyuinwychrathuphphlphaph imthrngsamarthcaipthasngkhramexaiddngaetkxn cungcdkxngthphkhunsxngthph ihrachbutrxngkhhnungsungidepnphraecaaeprkhunihm ykiptiemuxngkhngthphhnungihphrayaphsim phrayaphukamepnkxnghna phramhaxuprachaepnkxnghlwngyklngmatikrungsrixyuthyaxikthphhnung phramhaxuprachaykxxkcakkrunghngsawdiemuxeduxn 12 ph s 2133 maekhathangdanphraecdiysamxngkh ephuxtrngmatiphrankhrsrixyuthyathiediyw faythangkrungsrixyuthyakhrngni rutwchacungekidkhwamlabak immiewlacatxnphukhnekhaphrankhrdngkhrawkxn smedcphranerswrthrngehnwacakhxytxsuxyuinkrungxacimepnphldiehmuxnhnhlng cungribesdcykkxngthphhlwngxxkipkbsmedcphraexkathsrth ineduxnyi emuxesdcipthungemuxngsuphrrnburiidthrngthrabwakhasukyklwngemuxngkaycnburiekhamaaelw cungihtngthphhlwngrbkhasukxyuthilanathakhxy phxkxngthphphmaykmathungkrbknxyangtalumbxn phrayaphukamaemthphphmakhnhnungtayinthirb kxngthphphmathukithykhafnlmtayepnxnmak thiehluxkphaknphayhni ithyiltidtamipcbphrayaphsimidthibancraekhsamphnxikkhnhnung phramhaxuprachaexngkhniipidxyanghwudhwid emuxklbipthunghngsawdiphwk aemthphnaykxngkthuklngxayaiptam kn phramhaxuprachakthukphakhthnthihthakaraektwinphayhnaphaphcitrkrrmphrarachprawtismedcphranerswrmharach txn yuththhtthi wdsuwrrndararam cnghwdphrankhrsrixyuthyasngkhramyuththhtthi inpi ph s 2135 phraecahngsawdi nnthbuerng oprdihphramhaxupracha nakxngthphthharsxngaesnsihmunkhn matikrungsrixyuthyahmaycachnasukinkhrngni smedcphranerswrmharachthrngthrabwa phmacaykthphihymati cungthrngetriymiphrphl mikalnghnungaesnkhnedinthangxxkcakbanipsuphrrnburi khamnatrngthathawxuthxng aelatngkhayhlwngbriewn echakhxngwncnthr aerm 2 kha eduxnyi pimaorng ph s 2135 smedcphranerswrmharachaelasmedcphraexkathsrththrngekhruxngphichyyuthth smedcphranerswrthrngchangnamwa ecaphrayaichyanuphaph phlayphuekhathxng swnphrasmedcphraexkathsrth thrngchangnamwa ecaphrayaprabitrckr phlaybuyeruxng changthrngkhxngthngsxngphraxngkhnnepnchangchnanga khuxchangmingathiidrbkarfukihruckkartxsumaaelwhruxekhyphansngkhramchnchang chnachangtwxunmaaelw sungepnchangthikalngtkmn inrahwangkarrbcungwingfakxngthphphmacnmathungchwngklangkhxngthphphma miephiyngthharrksaphraxngkhaelaethannthitidtamipthn smedcphranerswrthxdphraentrehnphramhaxuprachathrngphrakhchsarxyuinrmimkbehlaethaphraya cungthrabidwachangthrngkhxngsxngphraxngkhhlngthlaekhamathungklangkxngthph aelatkxyuinwnglxmkhasukaelw aetdwyphraptiphanihwphribkhxngsmedcphranerswr thrngehnwaepnkaresiyepriybkhasukcungischangekhaipikl aelwtrsthamdwykhunekhymakxnaetwyeyawwa phraecaphieracayunxyuiyinrmimela echiyxxkmathayuththhtthidwykn ihepnekiyrtiysiwinaephndinethid phayhnaipimmiphraecaaephndinthicaidyuththhtthiaelw phramhaxuprachaidyindngnn cungischangnamwa sungepnchangthimikhnadihyekhachnecaphrayaichyanuphaphesiyhlk smedcphranerswrthrngtrsihkalngicecaphrayaichyanuphaph phramhaxuprachathrngfnsmedcphranerswrdwyphraaesngkhxngaw aetsmedcphranerswrthrngebiynghlbthn cungfnthukphramalahnngkhad caknnecaphrayaichyanuphaphchnphlayphththkxesiyhlk smedcphranerswrthrngfndwyphraaesngkhxngawthukphramhaxuprachaekhathixngsakhwa sinphrachnmxyubnkhxchang swnsmedcphraexkathsrththrngfnesiychiwitechnkn thharphmaehnwaaephaenaelw cungichpunradmyingissmedcphranerswridrbbadecb thnidnn thphhlwngithytammachwythn cungrbthngsxngphraxngkhklbphrankhr phmacungykthphklbkrunghngsawdiip nbaetnnmakimmikxngthphidklaykmaklakraykrungsrixyuthyaxikepnrayaewlaxikyawnansngkhramtiemuxngthawayaelatanawsrisukthawayaelatanawsrinn epnkarrbinrahwangkhntxngothskbkhntxngothsdwykn klawkhux thangkrungsrixyuthyphaphwknaythphthitamesdcimthninwnyuththhtthinn mithung 6 khnkhux phrayaphichysngkhram phrayaramkaaehng ecaphrayackri phrayaphrakhlng aelaphrayasriisynrngkh smedcphranerswrrbsngihpruksaoths lukkhunpruksaothsihpraharchiwit smedcphrawnrtsngkhprinaykmathwayphraphrbrryaywa karthiaemthphehlanntamesdcimthn kephraabuyyaphiniharkhxngphraxngkh smedcphranerswrthicaidrbekiyrtikhunepnwirburusthiaethcring dwyehtuwathaphwknntamipthnaelwthungcachnakimepnchuxesiyngihyhlwngehmuxnthiesdcipodylaphng emuxehnwasmedcphranerswrthrngeluxmisinkhabrryaykhxniaelw smedcphrawnrtkthulkhxothsphwkaemthphehlaniiw smedcphranerswrkoprdprathanih aetphwknicatxngiptithawayaelatanawsriepnkaraektw cungihecaphrayackriepnaemthphkhumphlhahmuniptitanawsri phrayaphrakhlngkhumkalngphlhmunehmuxnkniptithaway swnaemthphxun thitxngothskaebngknipinsxngkxngthphnikhuxphrayaphichysngkhramkbphrayaramkhaaehngiptiemuxngthawaykbphrayaphrakhlng aelaihphrayaethphxrchunkbphrayasriisynrngkhiptiemuxngtanawsrikbecaphrayackri swnthanghngsawdinn emuxphraecahngsawdiesiyphraoxrsrchthayathaelwkothmns ihkhngaemthphnaykxngiwthnghmd aetphayhlngthrngdariwaithychnaphmainkhrngniaelwkcatxngmatiphmaodyimtxngsngsy kxnthiithyiprbphmakcatxngdaeninkarxyangediywknkbthiphmarbkbithy klawkhux catxngexamxyiwinxanacesiykxnaelaepnkaraennxnwaithycatxngekhamatithawayaelatanawsri dwyehtunicungihaemthphnaykxngthiipaephsngkhrammakhrngniipthakaraektwrksaemuxngtanawsriaelaemuxngthaway epnxnwathngphurbaelaphurbthngsxngfay tkxyuinthankhnphidthicatxngthakaraektwthngsin inkarrbthawayaelatanawsrikhrngniaemthphthngsxngkhux ecaphrayackriaelaphrayakhlng thakarklmekliywknepnxyangying thungaemsmedcphranerswrcaidaebnghnathiihtikhnlaemuxng kyngmikartidtxchwyehluxknaelakn inthisudaemthphthngsxngkrbchnathngsxngemuxngaelabxkekhamayngkrungsrixyuthya smedcphranerswridoprdekla ihphrayasriisynrngkhxyukhrxngemuxngtanawsri swnthangemuxngthawaynnihecaemuxngthawaykhnekakhrxngtxip chychnakhrngniepnxnthaihaemthphthnghlayphnoths aetthangphmaaemthphklbthukthaothsprakaridimprakt aetxyangirkdi karthichychnathawayaelatanawsrikhrngni thaihxanackhxngithyaephlngipthangitethakbinrchsmyphxkhunramkhaaehngmharachkarprabpramekhmraelafunfuhwemuxngehnux playpi ph s 2136 smedcphranerswrykkxngthphhlwngiptikrungkmphucha michychnacbnkecakrungkmphuchaidihpraharchiwitesiyin aelwkwadtxnkhrxbkhrwekhmrmaepnechlyepnxnmak khrnesdcklbmathungphrankhrcungdarssngihtnghwemuxngehnuxthiidthingihrangemuxewlathasngkhramkuxisrphaphxyu 8 pinn ihklbmamiecaemuxngkrmkarpkkhrxngdngaetkxn thrngtngkharachkarthimibaehnckhwamchxbihipepnphupkkhrxngkhux phrayachyburnkhahlwngedimthiidthrngichsxythasukmaaetaerknn ihepnecaphrayasursihipkhrxngemuxngphisnuolk ihphrasriesawrachipkhrxngemuxngsuokhthy ihphraxngkhthxngipkhrxngemuxngphichy ihhlwngca aesny ipkhrxngemuxngswrrkholk aelwekhaicwasngkhrxbkhrwekhmrthiidmakhrawnnipxyuthihwemuxngehnuxodymakkartihwemuxngmxy pi ph s 2137 phrayalaw ecaemuxngemaatama ekidwiwathkbecaphrayaphaor ecaemuxngemaalaeling phrayaphaorklwphrayalawcamatiemaalaelingcungihsmingxubakxngthuxhnngsuxmakhxbarmismedcphranerswrepnthiphung khxphrarachthankxngthphipchwypxngknemuxng smedcphranerswrcungyxmrbchwyehluxphrayaphaorthnthi midarssngihphrayasriislxxkipchwyrksaemuxngemaalaeling sungaetbdniipidyxmmaswamiphkdiepnpraethsrachkhxngithy faykhangphrayalawecaemuxngemaatama kipkhxkhwamchwyehluxthanghngsawdibang thanghngsawdiihphraecatxngxuykthphmachwy aetkxngthphithykbmxyemaalaelingidtithphphraecatxngxuaetkipkxngthphkhxngsmedcphranerswrmharachekhasukrunghngsawdiinpi ph s 2142kartiemuxnghngsawdikhrngthi 1 karthismedcphranerswr idhwemuxngmxyfayitmaepnemuxngkhun nbwaepncudhkehthiminysakhy khxngkarsngkhramithykbphma cakedim fayphmaepnfayykthphmayayiithymaodytlxd karidhwemuxngmxyfayit thaihithyichepnthanthph thicaykkalngiptiemuxnghngsawdiidsadwk smedcphranerswresdcykkxngthphhlwngiptiemuxnghngsawdi xxkcakphrankhr emuxwnxathity khun3 kha eduxnxay pimaaem ph s 2138 mikalngphl 120 000 khn edinthphipthungemuxngemaatama aelwrwbrwmkxngthphmxyekhamasmthb caknn idesdcykkxngthphhlwngipyngemuxnghngsawdi ekhalxmemuxngiw kxngthphithylxmemuxnghngsawdixyu 3 eduxn aelaidekhaplnemuxng emuxwncnthr aerm 13 kha eduxn 4 khrnghnung aetekhaemuxngimid khrnemuxthrngthrabwa idykkxngthphlngmachwyphraecahngsawdithungsamemuxng ehnwakhasukmikalngmaknk cungthrngihelikthphklb emuxwnsngkrant eduxn 5 piwxk ph s 2139 aelaidkwadtxnkhrxbkhrwinhwemuxng maepnechlyepnxnmak aelakxngthphkhasukmiidyktidtammarbkwnaetxyangidkartiemuxnghngsawdikhrngthi 2 ph s 2142 smedcphranerswrthrngmunghmaycatiexaemuxnghngsawdiihid cungtraetriymthphykipthngthangbkaelathangerux idxxkthakarekliyklxmhwemuxngtang ihxxnnxmtxithyidxikhlayemuxng aemaetechiyngihmsungidtngaekhngemuxngtxphmaaelw aetkhidekrngwakrungsristnakhnhutaelaithycaykthphiprukran kidtdsinicyxmxxnnxmmakhxkhuntxkrungsrixyuthyadwy swnemuxngtxngxukbemuxngyaikhemuxexaicxxkhangcakkrunghngsawdiipaelw khnmafkifkbithyaelarbwa ithyykthphiptikrunghngsawdiaelw kcaekharwmchwyehluxphraecayaikhnnxyakidhwemuxngchaythael swnphraecatxngxuxyakidepnphraecahngsawdiaethn smedcphranerswrcungthrngrbepnimtrikbemuxngthngsxngnn inrahwangnnphiksuruphnungidekhayuyngphraecatxngxumiihxxnnxmaekithy aelaaecngxubayihphraecatxngxukhidxanexaemuxnghngsawdiesiyexng phraecatxngxuehnchxbdwycungchwnphraecayaikhihiptiemuxnghngsawdi aelwphraecatxngxucathathiepnykkxngthphmachwyhngsawdi phxekhaemuxngidaelwkhyasukknesiy aelacaaebngpraoychnihtamthiphraecayaikhtxngkar khuxcaykhwemuxngchaythaelihaekphraecayaikh aetkhrngthphphraecayaikhaelathphphraecatxngxuekhaprachidemuxnghngsawdiaelwkhaekhaemuxngim thngniephraaphraecahngsawdiekidthrngraaewngkhun thphphraecatxngxuaelaphraecayaikhcungidaettnglxmemuxnghngsawdiiw smedcphranerswrthrngehnwathangkrunghngsawdikalngpnpwncungesdcykthphhlwngiptihngsawdi aettxngipesiyewlaprabprammxysungphraecatxngxuidyuyngihkradangkraeduxngepnewlathung 3 eduxness cungedinthphthungemuxnghngsawdichakwakahndthikhadhmayiw thangfayphraecatxngxuphraecayaikhsungkalnglxmemuxnghngsawdixyu phxidthrabkhawwasmedcphranerswrykkxngthphkhunipkacdmxyemuxngemaatamakalngedinthphmakekrngklw aelaaecngihphraecahngsawdithrab phraecahngsawdikcaicxnuyatihphraecatxngxuykthphekhaipinemuxnghngsawdiid aelamxbhmayihphraecatxngxubychakarrbaethnthukprakar phraecatxngxucungthakarkwadtxnphukhnaelathrphysmbti rwmthngphraecahngsawdiipyngemuxngtxngxu thingemuxnghngsawdiiwihkxngthphphraecayaikhthakarkhnkhwathrphythiyngehluxxyutxip phxphraecatxngxuxxkcakhngsawdiipidpraman 8 wn kxngthphithykykipthungemuxnghngsawdi khrnsmedcphranerswridthrngthrabwaphraecatxngxuimsuxtrngtamkhamnthiidihiwkthrngphraphiorth cungesdcykthphtamkhuniptiemuxngtxngxu idekhalxmemuxngtxngxuxyuthung 2 eduxnkimxactihkexaid ephraaemuxngtxngxumichyphumithidi chawemuxngkthakartxsuekhmaekhng prakxbkbfntkchukaelathphithykhadesbiyngxahar smedcphranerswrcungthrngphrakrunaoprdekla ihykkxngthphklbkhunkrungsrixyuthyakartiekhmrinsmysmedcphraecaprasaththxng phraxngkhidesdcykthphiptiekhmr sungepnpraethsrachkhxngkrungsrixyuthya aetidaekhngemuxngmatngaetrchsmysmedcphraecathrngthrrm thaihekhmrklbmaepnhwemuxngpraethsrachkhxngkrungsrixyuthyadngedim intxntnrchsmykhxngphraxngkh hwemuxngpraethsrachthangit khidkbtykthphiptiemuxngsngkhlaaelaemuxngphthlung phraxngkhidsngkxngthphipprabpramidrabkhab aetinkhnaediywknkesiyemuxngechiyngihm aelahwemuxnglannaaekphmakartihwemuxnginsmysmedcphranaraynmharach thrngykthphiptiemuxngechiyngihm rwmthngsngkhramithy phmathiemuxngithroykhenuxngcakklummxyinemuxngemaatamaepnkbdaelwxphyphlngmaswamiphkditxithy phmaykkxngthphtidtamekhamaephuxkhxtwecaemuxngemaatamathithukcbaelaklummxy ithyimyxmcungekidkarrbkhunthiithroykh xikthngyngbukekhatihwemuxngphmaxikhlayemuxngidaek emuxngcittakxng sieriym yangkung aepr txngxu hngsawdi aelamikalngsakhythithaihsmedcphranaraynnnsamarthyudhwemuxngkhxngphmaidkhux ecaphrayaoksathibdi ehlk aelaxyuthyatxnplay 2231 2310 sngkhramaeyngchingrachsmbti emuxsmedcphraecaxyuhwthaysrathrngphraprachwrhnkiklswrrkhtnn phrarachthanrachsmbtiihaekecafaxphy phraecabrmoks sunginkhnanndarngtaaehnngepnphramhaxuprachxyuimetmphrathy ephraaprarthnacaihthrngmxbrachsmbtiaekecafanernthr krmkhunsuernthrphithks sunginkhnannphnwchxyu phayhlngkaresdcswrrkhtkhxngsmedcphraecaxyuhwthaysra idekidkarsurbknrahwangphraxngkhkbphrarachoxrskhxngsmedcphraecaxyuhwthaysra khux ecafaxphy aelaecafapremsr xnenuxngmacakphraxngkhthrngdarngphraxisriyysthikrmphrarachwngbwrsthanmngkhlmisiththithicakhunkhrxngrachsmbtisubtxphraechsthaxyangthuktxng aetemuxphraechsthaiklswrrkhtklbtdsinphrathyykrachsmbtiaek ecafanernthr phraoxrsphraxngkhihy aetecafanernthrimehndwychxbdwy cungykrachsmbtiihaekecafaxphy phraoxrsxngkhrxng epnehtuihekidkartxsuaeyngchingrachbllngkcnklayepnsngkhramklangemuxng kinrayaewlaimtakwa 1 pi phayhlngehtukarnsngbaelw smedcphraecaxyuhwbrmokscungidkhunkhrxngrachy aelapraharchiwitecafathng 2 phraxngkhaephnthikhraw aesdngesnthangkarekhluxnthphkhxngphmacnthungkrungsrixyuthya dinaednsiethaxxn khux syam dinaednsiethaekhm khux phmaaelaemuxngkhun ewiyngcnthn hlwngphrabang l dinaednsisnim khux dinaednthisam kmphucha l esnsism aesdngkarekhluxntwkhxngthphphma esnsikhawmikhxbsietha aesdngekhtaedninpccubnkaresiykrungsrixyuthyakhrngthisxng inrahwangthismedcphrathinngsuriyasnxmrinthrkhrxngrachy phmaidykkxngthphekhamatikrungsrixyuthya emuxpi ph s 2303 smedcphraecaexkthsidthrngkhxihphraecaxuthumphrlaphnwchmachwybychakarrb phraecaxlxngphya kstriyphma thiykthphmaidrbbadecbcakpunihy txngykthphklb aelasinphrachnmrahwangthang txmainpi ph s 2307 phraecamngra oxrskhxngphraecaxlxngphya idkhunepnkstriyphma aelaidsngkxngthphmatikrungsrixyuthyaxik iheknthkxngthphkwa 70 000 nay ykekhatiemuxngithy 2 thang thangthisitekhatiekhathangemuxngmarid swnthangtxnehnuxtilngmacakaekhwnlanna aelabrrcbknthikrungsrixyuthyaepnsukkhnanknsxngkhangodyidlxmkrungsrixyuthyanan 1 pi 2 eduxn kekhaphrankhrid emuxwnthi 7 emsayn ph s 2310 inphngsawdarchbbhxaekwaelakhxngbxngkhxngphma idbrryayihehnwainsngkhramkhrngni phupkkhrxngkrungsrixyuthyaexngkidetriymkaraelakrathakarrbxyangekhmaekhng miidehlwihlxxnaexaetprakaridsmythnburikarkxbkuexkrachkhxngecatak epnkarrwbrwmkxngkalngkhxngecatak ephuxkhbilkxngthphphmathiyngkhnghlngehluxxyuinkrungsrixyuthya phayhlngkaresiykrungsrixyuthyakhrngthisxng xnsngphlihekidsphaphclaclodythwip rachxanackrxyuthyaedimcungthukaebngxxkepnchumnumtang epnxisratxkn rawpi ph s 2309 kxnesiykrung phrayatakidnathharinbngkhbbychatifawnglxmkhxngkxngthphphmaipthangdanthistawnxxkkhxngkrungsrixyuthya ephuxrwbrwmphukhnaelayuththpccytang masurbkbkxngthphphmaxikkhrng inrahwangnnyngidtngtnepnecaemuxthungemuxngrayxng emux ecatak etriymkalngrbcnphrxmsrrphaelw cungidekhluxnphlklbipyngkrungsrixyuthyathangdanpakaemnaecaphraya ephuxthakarkhbilthharphmathiyngkhngehluxxyuxxkipidsaerckarsngkhramephuxrwbrwmaephndinihepnpukaephn ph s 2311 smedcphraecakrungthnburithrngihetriymeruxaelakalngcakhuniptiemuxngphisnuolk khrnthungvdunanxng smedcphraecakrungthnburikesdcykkalngkhunipthangehnux ecaphisnuolkihhlwngoksa yng khumkalngmatngrbbriewnpaknaoph emuxfaythnburimathung kidmikarrbphungkn smedcphraecakrungthnburithukpun kxngthphthnburicungthxyklbkhunphrankhr ecaphisnuolkthrabkhawktngtwkhunepnphraecaaephndin aetxik 7 wntxma kthungaekphiraly chumnumphisnuolkkxxnaexlng imnankthukphnwkrwmkbchumnumecaphrafang txma smedcphraecakrungthnburioprdihcdetriymkalngephuxthalaykhuaekhngthangkaremuxng khux krmhmunethphphiphith ecaaephndin hunechid khxngchumnumecaphimay krmhmunethphphiphithsuimid phraxngkhcungthuknatwklbmayngkrungthnburi aelathrngthukpraharrahwangeduxntulakhm eduxnphvscikayn ph s 2311 raweduxn 4 ph s 2312 smedcphraecakrungthnburithrngihecaphrayackri aekhk epnaemthphihy khumkalng 5 000 khn ykiptiemuxngnkhrsrithrrmrachthangbk emuxykipthungthahmak aekhwngxaephxlaphun aemthphthnburiimsamkhkhi tikhaychumnumecankhrsrithrrmrachimphrxmkn cungesiythi smedcphraecakrungthnburithrngthrabaelapraeminsthankarnaelw cungesdcykkxngthpheruxkalng 10 000 khn yklngipchwy khunbkaelwekhluxnthphtxipcnthungemuxngichya kxncaekhatinkhrsrithrrmrach faykxngthpheruxthnburikipthungechnkn kxngthphthnburicungtiidemuxngnkhrsrithrrmrach inpi ph s 2313 smedcphraecakrungthnburikthrngykkxngthphkhunipprabchumnumecaphrafang tiidemuxngphisnuolk aelwtamiptiemuxngswangkhburi ecaphrafangsuimid cungnbidwasmedcphraecakrungthnburiprabpramchumnumtang lngxyangrabkhabaelwphaphcitrkrrmkarrbthibangaekwkarsngkhramephuxpkpxngaephndin khrnphraecamngrathrabkhawwamikhnithytngtnepnihyxikkhrng cungidmiphrabrmrachoxngkarih aemngkimarhya ecaemuxngthway ykthphmaprabpram kxngthphphmaykmathungxaephxbangkung sungtngxyuthangthistawntkkhxngkrungthnburi mikalngtamphrarachphngsawdar 2 000 khn smedcphraecakrungthnburiesdcnayuththhththixxktiphmacnaetkphay kittisphththithrngrbchna thaihphrarachxanacthangkaremuxnginphakhklangyingekhmaekhngyingkhun rawpi ph s 2311 phraxngkhkthrngykthphiptichumnumphisnuolkxik aetkrasunpuntxngthukphraxngkh cungtxngykthphklbaelarksaphraxngkhyngphrankhr hlnghaycakphraxakarprachwraelw inrahwangpi ph s 2312 2313 smedcphraecakrungthnburiidthrngichewlainkarprabpramchumnumxun ephuxrwbrwmaephndinihepnpukaephn erimcakchumnumecaphimay chumnumecankhrsrithrrmrach aelachumnumecaphrafangtamladb emuxthrngprabpramchumnumtang lngxyangrabkhabaelw rthbalcinkerimihkaryxmrbsthanaphramhakstriykhxngphraxngkhxyangepnthangkar nxkcakkartxsuephuxrwbrwmaephndinihepnpukaephnaelw yngtxngpxngknhwemuxngchayaednxikdwy tlxdrchsmythrngthasngkhramkbphmathung 9 khrng aetkthrngidrbchychnathukkhrng sngkhramkhrngthi 1 rbphmathibangkung ph s 2310 ecakrungsristnakhnhut ecaemuxngewiyngcnthn miicfkifphma idkrabthulkhawkartngtwepnihykhxngsmedcphraecakrungthnburiihphraecamngra thrab phraxngkhcungthrngsngih aemngkimarhya ecaemuxngthway khumkalngmatrwctraaephndinithy mihnathiprabpramphuthikaeribtngtnepnihyihrabkhab aemngkimarhyaykthphekhamathangemuxngithroykh invduaelngplaypi ph s 2310 emuxthphmathungbangkung sungmikhaythharcinkhxngsmedcphraecakrungthnburitngxyu ksngihthharekhalxmkhaynniw faysmedcphraecakrungthnburicungihphramhamntri buyma epnthphhna mitwphraxngkhepnthphhlwng ocmtikhasuk aemngkimarhyaehnsuimidkykthphthxyipthangemuxngthwaythangdanecakhwaw thaihkxngthphithysamarthyuderuxrb ekhruxngstrawuth aelaesbiyngxaharepncanwnmak nxkcakniemuxngrachburiyngtkxyuitkarpkkhrxngkhxngsmedcphraecakrungthnburi xikthngyudidkxngthpheruxphmasungtngxyuthinndwy sngkhramkhrngthi 2 phmatiemuxngswrrkholk ph s 2313 rbkbphmakhrngphmatiemuxngswrrkholk ithysamarthtiaetkipid sngkhramkhrngthi 3 ithytiemuxngechiyngihmkhrngaerk ph s 2313 ph s 2314 epnkarrbkbphmaemuxfayithyykiptinkhrechiyngihmkhrngaerk aetimsaerc enuxngcakkhadesbiyng sngkhramkhrngthi 4 phmatiemuxngphichykhrngthi 1 ph s 2315 opsuphla aemthphykthphipchwyemuxngewiyngcnthnrbkbhlwngphrabang khaklbaewatiemuxngphichy aetimsaerc ithychna sngkhramkhrngthi 5 phmatiemuxngphichykhrngthi 2 ph s 2316 phmaykmatiemuxngphichy khrngthi 2 aetphmatiimsaerc phrayaphichy idsrangwirkrrm phrayaphichydabhk sngkhramkhrngthi 6 ithytiemuxngechiyngihm khrngthi 2 ph s 2317 kxngthphithychna yudnkhrechiyngihmklbcakphmaid ephraachawlannaxxkmaswamiphkdikbithy smedcphraecakrungthnburi thrngaetngtngih phrayacaban epn phrayawiechiyrprakar pkkhrxngnkhrechiyngihm phrayakawila sungepntnrachwngskawila pkkhrxngnkhrlapang aela phrayalaphun epn phrayawywngsa pkkhrxngemuxnglaphun karkhrngnicungid echiyngihm lapang laphun aela nan klbmaepnkhxngithy sngkhramkhrngthi 7 rbphmathibangaekwemuxngrachburi ph s 2317 emuxsmedcphraecakrungthnburithrngrukhawwaphmaykphltamphwkmxythihniekhamainekhtithy cungoprdekla ihykthphmungtrngipyngrachburi odythrngbychakarthphdwyphraxngkhexng thrngtngkhaylxmkhayphmaaelalxbtitdthanglaeliyngesbiyngxahar odyidkalngsnbsnuncakphrayaymrach inthisudphmacungtxngyxmaeph chychnainkhrngnisngphlihphukhnthihlbsxntamthitang ekhamaswamiphkdiepncanwnmak enuxngcakhmdkhwamklwekrngphma nbepnsngkhramaebbcitwithyaodyaeth sngkhramkhrngthi 8 xaaeshwunkitihwemuxngehnux ph s 2318 epnsngkhramthiihymak xaaeshwunkiepnphunathiechiywchaysuk mixthyasysuphaph swnthangdanfayithynn mi ecaphrayackri thxngdwng aela ecaphrayasursihphisnuwathirach buyma inkarkhrngniphmaykphlma 30 000 khn ekhalxmemuxngphisnuolk xik 5 000 khn lxmemuxngsuokhthy swnemuxngphisnuolkmiphlpraman 10 000 khn ethann smedcphraecakrungthnburithrngykthphipchwy aelainthisudxaaeshwunkitxngykthphklb enuxngcakphraecaaephndinphmaswrrkht kxngthphphmaswnthitamipimthncungthukkxngthphthharcb sngkhramkhrngthi 9 phmatiemuxngechiyngihm ph s 2319 phraecacingkucaoprdiheknththphphmamxy 6 000 khn ykmatiechiyngihm emuxpi ph s 2319 phrayawiechiyrprakaridphicarnaaelehnwa nkhrechiyngihmimmiphlmakmaykhnadthicawapxngknemuxngid cungihprachachnphleruxnxphyphlngmaxyuthiemuxngswrrkholk smedcphraecakrungthnburicungoprdekla ihphrayasursihkhumkxngthphemuxngehnuxkhunipsmthbkxngkalngphrayakawi ecaemuxngnkhrlapang ykiptiemuxngechiyngihmkhunsaerc aelathrngihnkhrechiyngihmepnemuxngrangthung 15 pi cnthungsmykrungrtnoksinthrcungidfunfuihmaephnthiaesdngxanaekhtpraethsithy inrchsmysmedcphraecakrungthnburikarsngkhramephuxkhyayphrarachxanaekht karkhyayphrarachxanaekhtipynghlwngphrabangaelaewiyngcnthn karkhyayphrarachxanaekhtipyngkmphucha insmykrungthnburiidmikarrwbrwmhwemuxngtang ekhamainphrarachxanackr idaek thnburi xangthxng singhburi lphburi xuthythani nkhrswrrkh chaechingethra nkhrnayk chlburi rayxng cnthburi trad nkhrchysri nkhrpthm suphrrnburi rachburi smuthrsakhr smuthrsngkhram ephchrburi kaycnburi aelapracwbkhirikhnth smedcphraecakrungthnburithrngtxsuephuxkhyayphrarachxanackrekuxbtlxdrchkal xanaekhtkhxngpraethsithyinsmynn midngni thisehnux iddinaednhlwngphrabang aelaewiyngcnthn thisit iddinaednklntn trngkanu aelaithrburi thistawnxxk iddinaednlaw ekhmr thangfngaemnaokhngcrdxanaekhtywn thistawntk crddinaednemaatama iddinaedn emuxngthway marid tanawsri karkhyayxanacekhasuxanackrlaw ewiyngcnthnaelahlwngphrabang odytrngekidkhunepnkhrngaerkinsmykrungthnburi echnediywkbkarkhyayxanacsuekhmrsmyrtnoksinthrxanaekhtkhxngpraethsithyrahwangsngkhrammhaexechiyburpha sngkhramekathph epnsngkhramrahwangxanackrphmakbkrungrtnoksinthrhlngcakthiphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach idsthapnakrungrtnoksinthr epnrachthaniaehngihm ewlannbanemuxngxyuinchwngphansuksngkhrammaihm pracwbthngkarsrangbanaeplngemuxng rwmthngprasathrachwngtang inpi ph s 2328 phraecapdung kstriyphma hlngcakbrmrachaphieskkhunepnkstriyxngwaaelw txngkarprakasaesnyanuphaph ephyaephxiththiphl odyidthasngkhramrwbrwmemuxngelkemuxngnxyrwmthungemuxngpraethsrachihepnpukaephn aelwkidykkxngkalngekhamatiithy odymicudprasngkhthasngkhramephuxthalaykrungrtnoksinthrihphinasyxyybehmuxnechnkrungsrixyuthya sngkhramkhrngniphraecapdungidykthphmathung 9 thph rwmkalngphlmakthung 144 000 nay ewlannthangfayithy phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkrwbrwmkalngiphlphlidephiyng 70 000 nay cdkxngthphxxkepn 4 thphodyihrbsukthangthisakhykxn aelwkhxyphldtithphthiehlux sngkhramthadinaedng sngkhramtiemuxngthwayxanamsyamyuthth ekidkhunrahwangithykbewiydnamephuxaeyngchingkmphuchainsmyrtnoksinthrtxntn sngkhramphmatiemuxngthlang insmyrchkalthi 2 sngkhramphmatiechiyngihm ph s 2340 aela 2345 sngkhramechiyngtung epnsngkhramkhrngsudthayrahwangithy phma insmyrchkalthi 4sngkhramprabhx ekidkhuninrchsmykhxngphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw inpiph s 2394 hx hruxkxngkalngchawcin thitxtanrachwngsaemncu idkxkarkbtodyeriykklumtwexngwa ephuxpldplxytnexngxxkcakkarpkkhrxngkhxngrachwngsaemncuthiepnihyyudkhrxngpraethscinxyuinkhnann cnekidkarrbphungknepnkarihy emuxpi ph s 2405 phwkithphingphayaephtxnghlbhniipsumsxntwtampaekhainmnthltang khxngcin thnginmnthlyunnan hkexiyn kwangis kwangtung eschwn aelaswnhnunghlbhnimayngtngekiy thangtngekiycungdaeninkarprabpramthaihphwkhxtxnghnimaxyuthiemuxngsnethiyn emuxpi ph s 2408 insmyrchkalthi 4 khnannphwkhxphayitkarnakhxng pwngnnchi sungichthngsiehluxngepnsylksn idsxngsumkalngthithungihhin aelaidpraphvtitnepnocrethiywplnbanemuxngindinaednsibsxngcuithaelaemuxngphwn sungkhnannthuxepnxanaekhtkhxngfayithy wikvtkarn r s 112 insmyrchkalthi 5 sngkhramolkkhrngthihnung insmyrchkalthi 6 syamidprakassngkhramekharwmkbfaysmphnthmitr emuxwnthi 22 krkdakhm ph s 2460 sngkhramithy frngess smycxmphl p phibulsngkhram ichkalngbukekhapraethskmphuchakhxngfrngesssngkhrammhaexechiyburpha inchwngsngkhram rthbalcxmphl p phibulsngkhramekhaepnphnthmitrthangthharkbyipun aelaiddinaednbangswncakphma aetimkhxymibthbathkarrbodytrngmaknk ehtupathachayaednithy ewiydnam smrphumibanrmekla epnkarpathatamchayaednrahwangithy law fayithysuyesiyhnkkwalawenuxngcakekhatithimnkhxnglawthiehniywaenn smrphumichxngbk epnkarpathaknrahwangithykbewiydnamcnnaipsukarecrcasntiphaphrahwngithykbewiydnam sungewiydnamsuyesiyhnkkwaithyenuxngcakthukekhruxngbinithyF5 ocmtithanpunihykhxngewiydnamxangxingaelabrrnanukrmdny ichyoytha 2543 phthnakarkhxngmnusykbxarythrrminrachxanackrithy elm 1 ox exs phrinting ehas hna 216 Wood p 113 Damrong Rajanubhab p 18 Thaiwaysmagazine com Elephant Duel The Honorary Combat on Elephant Back 2013 09 26 thi ewyaebkaemchchin Retrieved 2010 02 06 Damrong Rajanubhab p 19 dny ichyoytha hna 219 dny ichyoytha hna 220 xannth citrpraphas hna 52 55 wibuly wicitrwathkar hna 6 chada nnthwthn hna 68 69 xannth citrpraphas krmphrayadarngrachanuphaph hna 80 81 smedc krmphrayadarngrachanuphaph hna 85 88 xannth citrpraphas hna 82 84 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbldel hna 123 124 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 123 124 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 127 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 129 130 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 133 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 135 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 136 137 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 141 142 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 144 145 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 144 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna145 146 smedc krmphrayadarngrachanuphaph hna 118 121 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 147 smedc krmphrayadarngrachanuphaph hna 121 smedc krmphrayadarngrachanuphaph hna 121 123 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel hna 153 155 wibuly wicitrwathkar hna 43 47 smedc krmphrayadarngrachanuphaph hna 123 124 khumuxnksuksawichathharchay hna 435 phiman aecmcrs hna 173 suentr chutinthrannth dr phmarbithy phimphkhrngthi 10 krungethph mtichn 2554 hna 88 nithi exiywsriwngs hna 151 nithi exiywsriwngs hna 153 nithi exiywsriwngs hna 156 nithi exiywsriwngs hna 158 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 02 17 subkhnemux 2012 01 17 thirachy thnaesrsth epidwngsmedcphraecataksinmharach sankphimph thirkic praethsithy cakd hna 134 nithi exiywsriwngs hna 148 phrarachphngsawdarkrungthnburi chbbhmxbldel hna 36 38 phrarachphngsawdarkrungthnburi chbbhmxbldel hna 41 49 phrarachphngsawdarkrungthnburi chbbhmxbldel hna 50 53 nithi exiywsriwngs hna 173 phrarachphngsawdarkrungthnburi chbbhmxbldel hna 33 34 phrarachphngsawdarkrungthnburi chbbhmxbldel hna 56 58 phrarachphngsawdarkrungthnburi chbbhmxbldel hna 56 61 phrarachphngsawdarkrungthnburi chbbhmxbldel hna 68 phrarachphngsawdarkrungthnburi chbbhmxbldel hna 68 78 phrarachphngsawdarkrungthnburi chbbhmxbldel hna phrarachphngsawdarkrungthnburi hna 128 146 phrarachphngsawdarkrungthnburi hna 177 lingkesiy 9 thph 1 hxngsmud ody pthphirdi