บทความนี้ต้องการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ โปรดเพิ่มพารามิเตอร์ reason หรือ talk ลงในแม่แบบนี้เพื่ออธิบายปัญหาของบทความ |
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ
|
มหาสีหสุระ (พม่า: မဟာသီဟသူရ, อักษรโรมัน: Maha Thiha Thura; ราวพุทธศักราช 2263-2325) เอกสารไทยเรียก อะแซหวุ่นกี้ (အသည်ဝန်ကြီး) เป็นแม่ทัพแห่งกองทัพพม่าช่วง พ.ศ. 2311–2319 กล่าวได้ว่า เขาคือนักยุทธศาสตร์ทางทหารที่ปราดเปรื่องที่สุดคนหนึ่ง มีชื่อในประวัติศาสตร์พม่าว่า เป็นผู้พิชิตสงครามจีน–พม่าช่วง พ.ศ. 2308–2312 เขาก้าวขึ้นเป็นขุนศึกชั้นนำในรัชกาลของพระเจ้าอาลองบูรา (อลองพญา) คราวที่พระองค์ทำสงครามผนวกดินแดนพม่าช่วง พ.ศ. 2295–2300 ภายหลัง เขาได้บัญชากองทัพพม่าในกรุงศรีอยุธยา ล้านนา หลวงพระบาง และมณีปุระ
มหาสีหสุระ | |
---|---|
เกิด | ราวพุทธศักราช 2263 อาณาจักรตองอู |
เสียชีวิต | พ.ศ. 2325 อังวะ อาณาจักรโก้นบอง |
รับใช้ | ราชวงศ์โก้นบอง |
แผนก/ | กองทัพอาณาจักรพม่า |
ประจำการ | พ.ศ. 2295–2319 |
ชั้นยศ |
|
การยุทธ์ |
|
งานอื่น |
|
ภายหลังการสิ้นพระชนของพระเจ้ามังระ กษัตริย์หลายพระองค์ต่างแสวงหาความสนับสนุนจากผู้กว้างขวางและมากบารมีผู้นี้ เขามีส่วนสำคัญในการช่วยให้ราชสมบัติตกเป็นของพระเจ้าจิงกูจา หลานของเขาเองตามเจตนาของพระเจ้ามังระ แทนที่จะตกแก่โอรสคนอื่นๆ ของพระเจ้าอลองพญาตามพินัยกรรมแรก ต่อมาเขาได้ถูกหลานที่ตัวเองปกป้องระแวงสังสัย จนถูกปลดและเนรเทศไปอยู่ที่เมืองสะกาย กระทั่งพระเจ้าหม่องหม่อง ฉวยโอกาสยึดราชสมบัติและขึ้นครองราชย์แทน พระเจ้ามองมองได้ตั้งเขากลับมาเป็นอัครมหาเสนาบดี ทว่า หกวันให้หลัง พระเจ้าปดุง ก็ได้โค่นล้มหม่องหม่องและขึ้นครองราชย์แทน พระเจ้าปดุงได้เรียกเขาให้กลับมารับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีอีกครั้ง แต่ภายหลังก็ตั้งข้อหาขุนพลเฒ่าเจนศึกผู้นี้ ฐานเป็นกบฏและถูกนำตัวไปประหารในเวลาต่อมา
ภูมิหลัง
ชื่อแรกเกิดของเขาคือ มองตา (မောင်သာ) เขาเกิดใน ห่างจากเมืองอังวะไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 100 ไมล์ ในดินแดนซึ่งปัจจุบันคือชเวโบ ในช่วงที่เขาเกิดนั้นราชวงศ์ตองอูกำลังตกต่ำเนื้องจากปัญหาภายในที่สะสมมาเป็นระยะเวลานาน
มองตาเติบโตขึ้นในช่วงที่อำนาจของพระเจ้าพระเจ้ามหาธรรมราชาธิบดี ถดถอยลงอย่างมาก ในขณะนั้นชาวมณีปุระซึ่งซ่องสุมกำลังกันแถบลุ่มน้ำชีนดวีนกับแม่น้ำอิรวดี ก่อจลาจลไปทั่วทำให้บ้านเกิดของเขาซึ่งอยู่แถวนั้นได้รับผลกระทบไปด้วย ส่วนราชสำนักตองอูก็ไม่สามารถปราบมณีปุระลงได้ ทำให้เหล่ากบฏรุกคืบเข้ากวาดล้างชุมชน จับผู้คนเป็นเชลย และปล้นศาสนสถาน ครั้น พ.ศ. 2278 ชาวมอญในพม่าตอนล่างก็ประกาศไม่ขึ้นกับตองอู และรื้อฟื้นราชอาณาจักรหงสาวดีขึ้นใหม่ เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้อำนาจราชวงศ์ตองอูเสื่อมถอยลง กระทั่งทัพมอญหงสาวดีเข้ายึดเมืองอังวะ และล้มล้างราชวงศ์ตองอูได้เป็นผลสำเร็จในเดือนเมษายน พ.ศ. 2295
แม่ทัพคู่บารมีพระเจ้ามังระ
อะแซหวุ่นกี้เป็นแม่ทัพที่พระเจ้ามังระให้ความใส่พระทัยไม่น้อยไปกว่ามังฆ้องนรธาแม่ทัพอีกนายตั้งแต่สมัยที่พระองค์ยังเป็นราชบุตรมังระอยู่ โดยมักจะติดตามราชบุตรมังระเป็นกองหน้าในแทบทุกสงคราม ไม่ว่าจะเป็นศึกกับมอญ, มณีปุระ รวมไปถึงกรุงศรีอยุธยา ภายหลังการเสียชีวิตของมังฆ้องนรธรา เมื่อพระเจ้ามังระขึ้นครองราชย์แล้วทำให้อะแซหวุ่นกี้กลายเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญ ผู้มีบทบาทมากที่สุดในยุคของพระองค์ พระเจ้ามังระให้ความนับถืออะแซหวุ่นกี้ผู้นี้มากโดยจะแต่งตั้งให้เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ทุกครั้ง ซึ่งอะแซหวุ่นกี้ก็ไม่เคยทำให้พระเจ้ามังระผิดหวังเลย นับตั้งแต่พระองค์มีอายุเพียง15ปี จวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายก็ยังปกป้องราชบุตรของพระองค์เป็นอย่างดี นับได้ว่าเป็นแม่ทัพคู่บารมีของพระเจ้ามังระอย่างแท้จริง สมกับราชทินนามที่ตั้งให้แก่เขาว่า "มหาเสนาบดีผู้กล้าดุจราชสีห์"
สงครามจีน-พม่า (พ.ศ. 2308-2312)
ในการรบกับราชวงศ์ชิงของจีนครั้งนี้ อะแซหวุ่นกี้สามารถสร้างผลงานการรบได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถใช้คนน้อยเอาชนะคนมาก เมื่อเจอกองทัพใดที่แข็งแกร่งก็เลี่ยงไม่ประทะโดยตรงแต่ล่อให้บุกเข้ามาเรื่อยๆจากนั้นหาทางตัดเสบียง และสามารถเอาชนะได้ในทุกครั้ง ถึงแม้ต้าชิงจะบุกมาถึง 4 รอบรวมทหารแล้วมากกว่า140,000นาย แต่ก็ไม่เคยชนะแม่ทัพเฒ่าผู้นี้ได้เลย ในสงครามครั้งนี้ก่อกำเนิดแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่หลายนาย รวมไปถึงแม่ทัพที่รักษาเมืองกองตนอย่างบาลามินดิน, เนเมียวสีหตู รวมถึงเนเมียวสีหบดีที่กลับจากอยุธยามาช่วยกรุงอังวะได้ทันในการบุกครั้งที่4
สุดท้ายเมื่อการต่อสู้ดำเนินมาจนทั้งสองฝ่ายต่างอ่อนล้าเต็มที่ และหาประโยชน์อะไรจากการต่อสู้ที่ยืดเยื้อนี้ไม่ได้ โดยในขณะนั้นกองทัพต้าชิงได้ถูกกองทัพอังวะล้อมกระหนาบเอาไว้แล้วโดยกองทัพของเนเมียวสีหบดีที่กลับมาจากการพิชิตกรุงศรีอยุธยา อะแซหวุ่นกี้พิจรณาแล้วว่าต่อให้ทำลายกองทัพต้าชิงครั้งนี้ไปอีกจักรพรรดิเฉียนหลงก็คงส่งกองทัพมาอีก ดังนั้นอะแซหวุ่นกี้จึงขอเจรจาสงบศึกแม้จะยังไม่ได้รับพระราชานุญาตจากพระเจ้ามังระ และจักรพรรดิเฉียนหลงก็ตามสุดท้ายเกิดเป็นสนธิสัญญากองตน แม้ทั้งพระเจ้ามังระและจักรพรรดิเฉียนหลงจะไม่ทรงพอพระทัยกับการเจรจาโดยพลการของแม่ทัพทั้ง2 แต่เมื่อพิจารณาแล้วก็เห็นโทษมากกว่าคุณจึงไม่ได้ทำโทษร้ายแรงแก่แม่ทัพทั้ง2 หลังจากกลับมาพระเจ้ามังระจึงลงโทษภรรยาของอะแซหวุ่นกี้ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ของพระชายาองค์หนึ่งของพระองค์ด้วย ด้วยการให้ยืนตากแดดและทูลหัวด้วยเครื่องบรรณาการจากจีน นอกจากนี้แล้วอะแซหวุ่นกี้ยังมีศักดิ์เป็นพระสัสสุระ(พ่อตา) ของพระเจ้าจิงกูจา หรือพระเจ้าเซงกูด้วย
หมายพิชิตกรุงธนบุรี (พ.ศ. 2318-2319)
ศึกกรุงธนบุรีครั้งนี้อะแซหวุ่นกี้วัย 72 ปีได้เดินทางมาถึงเมืองพิษณุโลกแล้ว แต่ไม่อาจเอาชัยได้โดยง่ายนักเนื่องจากในขณะนั้นพระเจ้าตากสิน ได้ส่งพระยาจักรี และพระยาสุรสีห์มาป้องกันเมืองพิษณุโลกอันเป็นหัวเมืองใหญ่ด่านสุดท้ายเอาไว้ ซึ่งการต่อสู้ก็เป็นไปอย่างดุเดือดแม้พระยาจักรีจะทรงใช้การแบ่งกำลังทหารแต่งเป็นกองโจรคอยดักซุ่มตัดเสบียงอาหารเป็นที่ได้ผลในช่วงแรก แต่ด้วยประสบการณ์ของแม่ทัพเฒ่าผู้นี้ก็ทำให้สามารถรับมือได้ทุกครั้ง เมื่อการรบไม่อาจหักเอาได้ด้วยกำลังอะแซหวุ่นกี้ก็ได้ใช้แผนเมื่อครั้งสยบกองทัพต้าชิงนั้นคือหลีกเลี่ยงการปะทะกับกองทัพที่แข็งแกร่ง ทำเพียงตรึงเอาไว้ และหาทางตัดเสบียงอาหาร กล่าวคือเมื่อเจอกองทัพของพระยาจักรี ก็ไม่ส่งทัพใหญ่เข้าปะทะด้วยตรงๆ แต่ให้ทหารเข้าปะทะเพื่อตรึงไว้เท่านั้น จากนั้นก็แต่งกองโจรคอยดักปล้นเสบียงอาหารและตัดกำลังเสริมที่จะเข้ามาช่วยพิษณุโลก สุดท้ายการรบระหว่างอะแซหวุ่นกี้ กับพระยาจักรีก็จบลง อะแซหวุ่นกี้สามารถเข้ายึดพิษณุโลกได้แต่ก็ไม่สามารถรุกต่อได้ในทันที ต้องเสียเวลาหาเสบียงอาหารอยู่หลายวัน เนื่องจากเจ้าพระยาจักรีได้แต่งทัพซุ่มมาตัดเสบียงแม่ทัพเฒ่าผู้นี้เอาไว้ตลอดการศึก นับเป็นการสู้รบที่อะแซหวุ่นกี้ทั้งแปลกใจและชื่นชมแม่ทัพศัตรูผู้นี้มาก เมื่อพิชิตเมืองพิษณุโลกอันเป็นหัวใจหลักในแผนป้องกันของกรุงธนบุรีได้แล้ว อะแซหวุ่นกี้จึงได้แบ่งกองทัพออกเป็น 3 สายกวาดต้อนผู้คนและเสบียงไหลบ่าลงมาพร้อมๆกัน ส่วนอะแซหวุ่นกี้เป็นทัพหลวงคอยหนุนทัพต่างๆอีกที ในขณะนี้กองทัพทุกสายพร้อมแล้วที่จะมาบรรจบที่กรุงธนบุรี อีกทางด้านหนึ่งพระเจ้ามังระ ก็ส่งเนเมียวสีหบดียกทัพเข้ายึดหัวเมืองทางเหนือได้ราบคาบ ส่วนทัพทางใต้ก็สามารถยึดเมืองกุย เมืองปราณเอาไว้ได้แล้วเช่นกัน ทั้ง 2 ทัพเตรียมมุ่งสู่กรุงธนบุรีอีกทางหนึ่ง ขณะนั้นสถานการณ์ของกรุงธนบุรีวิกฤตมากเนื่องจากหัวเมืองใหญ่เมืองสุดท้ายอย่างพิษณุโลกแตกแล้ว ทั้งทัพใหญ่ของเนเมียวสีหบดีอีกสายก็ตีเชียงใหม่แตกแล้ว อีกทั้งทัพทางใต้ก็ตีมาถึงเมืองเพชรบุรีแล้วเช่นกัน และกำลังจะไหลบ่าลงมารวมกับทัพของอะแซหวุ่นกี้อีก แต่แล้วเหตุการณ์เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้นเมื่อมีข่าวด่วนจากรุงอังวะใจความว่า พระเจ้ามังระเสด็จสวรรคตแล้ว
ตามบันทึกในพงศาวดารฝ่ายไทย (ฝ่ายเดียว) เล่าว่า อะแซหวุ่นกี้วัย 72 ปี ชื่นชมเจ้าพระยาจักรีท่านนี้มากที่สามารถมองแผนการของเขาออก และต่อสู้ได้อย่างกล้าหาญจนเป็นที่น่าเกรงขามของกองทัพพม่า จึงได้เกิดการพักรบหนึ่งวันเพื่อดูตัว เมื่อได้พบอะแซหวุ่นกี้ก็ยิ่งแปลกใจขึ้นไปอีก เพราะแม่ทัพที่ต่อสู้กับเขาอย่างสูสียังเป็นเพียงแม่ทัพหนุ่ม จึงได้สรรเสริญเจ้าพระยาจักรีว่าภายหน้าจะได้เป็นพระมหากษัตริย์ ซึ่งต่อมาเจ้าพระยาจักรีก็คือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หรือรัชกาลที่ 1 และเนินดินที่อะแซหวุ่นกี้ขอดูตัวเจ้าพระยาจักรี อยู่ที่หน้าสำนักงานเทศบาลเมืองพิษณุโลกในปัจจุบัน (ปัจจุบันทางราชการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 บนเนินนี้)
ประกาศแก่นายกองทั้งปวง
ในหนังสือพระราชพงศาวดารฝ่ายไทย อะแซหวุ่นกี้พูดเชิงตัดพ้อและยกย่องกรุงธนบุรีประมาณว่า พลาดโอกาสครั้งนี้ไป จะหาโอกาสเช่นนี้อีกในภายภาคหน้านั้นยากเสียแล้ว โดยประกาศแก่พวกนายกองทั้งปวงว่า
- “ ไทยเดี๋ยวนี้ฝีมือเข้มแข็งนัก ไม่เหมือนไทยแต่ก่อน และเมืองพิษณุโลกเสียครั้งนี้จะได้เสียเพราะฝีมือทหารแพ้เราทั้งหมดนั้นหามิได้ เพราะเขาอดข้าวขาดเสบียงอาหารจึงเสียเมือง ก็ใครเล่าซึ่งจะมารบเมืองไทยสืบไปภายหน้า หากเป็นแม่ทัพที่มีสติปัญญาและฝีมือแต่เพียงแค่เสมอเรา หรือต่ำกว่าเรานั้น อย่ามาทำสงครามตีเมืองไทยเลย จะเอาชัยชนะเขาเสียมิได้ แม้นมีฝีมือดีกว่าเราจึงจะมาทำศึกกับไทยได้ชัยชนะ ”
ถอนทัพ
ยังไม่ทันที่จะได้รบตัดสินแพ้ชนะกัน อะแซหวุ่นกี้ต้องยกทัพกลับอังวะอย่างกะทันหัน เมื่อทางกรุงอังวะแจ้งข่าวพระเจ้ามังระสวรรคต อะแซหวุ่นกี้จึงต้องนำทัพกลับไปปกป้องพระเจ้าจิงกูจาราชบุตรพระเจ้ามังระ เพื่อป้องกันเหตุความวุ่นวายที่อาจจะมีเนื่องจากอยู่ในช่วงผลัดแผ่นดิน ซึ่งเหล่าบรรดาขุนนางและเสนาอำมาตย์ต่างแตกออกเป็นพวกๆ ให้การสนับสนุนเชื้อพระวงศ์คนละพระองค์ ส่วนอะแซหวุ่นกี้ต้องกลับไปปกป้องราชบุตรของพระเจ้ามังระที่พระองค์ฝากฝังไว้ ครั้งนั้นอะแซหวุ่นกี้มีคำสั่งให้ม้าเร็ว 3 หน่วย วิ่งไปบอกกองทัพทั้ง 3 สายที่ไหล่บ่าสู่กรุงธนุบุรีว่าให้รีบถอนกำลังทั้งหมดกลับมาทันที แต่ม้าเร็วแจ้งทันแค่ 2 กองทัพ อีกหนึ่งกองทัพไปไกลแล้ว อะแซหวุ่นกี้จึงมีคำสั่งให้ประหารม้าเร็วหน่วยนั้นเสีย จากนั้นเร่งกองทัพทั้งกลางวันกลางคืนกลับสู่กรุงอังวะ ทิ้งกองทัพอีก 1 กองที่เหลือไว้ในกรุงธุนบุรีโดยไม่รอ
ถูกถอดยศและลดตำแหน่ง
เมื่อพระเจ้าจิงกูจามีตำแหน่งที่มั่นคงแล้ว ได้ทำสิ่งที่ทำให้แม่ทัพนายกองแห่งราชวงศ์โก้นบองตกใจเป็นอย่างยิ่ง คือพระองค์ได้ทำการถอดยศอะแซหวุ่นกี้แม่ทัพคู่บารมีของพระเจ้ามังระพระบิดาของพระองค์ลง และเนรเทศไปอยู่เมืองสะกายทั้งที่แม่ทัพเฒ่าผู้นี้ยกทัพกลับมาปกป้องตำแหน่ง และรักษาอำนาจในการปกครองสูงสุดให้แก่พระองค์จนมีความมั่นคง เหตุก็อาจเนื่องมาจากทรงระแวงอะแซหวุ่นกี้ที่มีอำนาจและบารมีทางการทหารมากเกินไป หรืออีกนัยหนึ่งคือต้องการแสดงพระราชอำนาจให้ผู้คนทั้งแผ่นดินเห็นว่า ใครคือผู้กุมอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน
บั้นปลายชีวิต
อะแซหวุ่นกี้เป็นผู้สนับสนุนพระเจ้าหม่องหม่องให้รัฐประหารพระเจ้าจิงกูจาที่สืบราชสมบัติจากพระราชบิดา เนื่องจากทนเห็นสภาพบ้านเมืองที่เป็นอยู่ไม่ได้ ต่อมาร่วมมือกับพระเจ้าปดุงปราบดาภิเษก พระเจ้าปดุงขึ้นครองราชย์แล้วโปรดให้คืนตำแหน่งแก่อะแซหวุ่นกี้ตามเดิม แต่ไม่ได้ให้อำนาจทางการทหารไว้ ต่อมาได้ประหารอะแซหวุ่นกี้โดยให้เหตุว่า อะแซหวุ่นกี้ได้สนับสนุนน้องอีกคนของพระเจ้าปดุงยึดอำนาจแต่ไม่สำเร็จ
อ้างอิง
- Htin Aung, p. 181
- Harvey, p. 264
- Kyaw Thet, pp. 268–270
- Myint-U, pp. 88–91
- "ประวัติศาสตร์ไทยรบม่า ตอน ศึกอะแซหวุ่นกี้ 1/2 อ.วีระ ธีรภัทร". 2015-09-21. สืบค้นเมื่อ 2017-05-12.
- "ประวัติศาสตร์ไทยรบพม่า ตอน ศึกอะแซหวุ่นกี้ 2/2 อ.วีระ ธีรภัทร". 2015-09-21. สืบค้นเมื่อ 2017-05-12.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2007-08-30.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-08-08. สืบค้นเมื่อ 2007-08-30.
- "ประวัติศาสตร์ วาระสุดท้ายอาณาจักรอยุธยา 1/3 อ.วีระ ธีรภัทร". 2015-09-17. สืบค้นเมื่อ 2017-05-12.
- "ประวัติศาสตร์ วาระสุดท้ายอาณาจักรอยุธยา 2/3 อ.วีระ ธีรภัทร". 2015-09-17. สืบค้นเมื่อ 2017-05-12.
- "ประวัติศาสตร์ วาระสุดท้ายอาณาจักรอยุธยา 3/3 อ.วีระ ธีรภัทร". 2015-09-18. สืบค้นเมื่อ 2017-05-12.
บรรณานุกรม
- Harvey, G. E. (1925). History of Burma: From the Earliest Times to 10 March 1824. London: Frank Cass & Co. Ltd.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnitxngkartrwcsxbkhwamthuktxngcakphuechiywchayineruxngnn oprdephimpharamietxr reason hrux talk lnginaemaebbniephuxxthibaypyhakhxngbthkhwamemuxwangaethkni ihphicarnaechuxmoyngkhakhxnikbokhrngkarwikibthkhwamnixactxngkartrwcsxbtnchbb prbprungekhrixnghmaywrrkhtxntam WP MOS imcaepntxngaekepn ph s ephraawnkhunpiihmimtrngkn khunsamarthchwyphthnabthkhwamid mhasihsura phma မဟ သ ဟသ ရ xksrormn Maha Thiha Thura rawphuththskrach 2263 2325 exksarithyeriyk xaaeshwunki အသည ဝန က epnaemthphaehngkxngthphphmachwng ph s 2311 2319 klawidwa ekhakhuxnkyuththsastrthangthharthipradepruxngthisudkhnhnung michuxinprawtisastrphmawa epnphuphichitsngkhramcin phmachwng ph s 2308 2312 ekhakawkhunepnkhunsukchnnainrchkalkhxngphraecaxalxngbura xlxngphya khrawthiphraxngkhthasngkhramphnwkdinaednphmachwng ph s 2295 2300 phayhlng ekhaidbychakxngthphphmainkrungsrixyuthya lanna hlwngphrabang aelamnipuramhasihsuraekidrawphuththskrach 2263 xanackrtxngxuesiychiwitph s 2325 xngwa xanackroknbxngrbichrachwngsoknbxngaephnk wbr sngkdkxngthphxanackrphmapracakarph s 2295 2319chnystamuoblcha တပ မ ဗ လ ခ ပ aemthphihy ph s 2295 2303 ka kwlerxusicha က က ယ ရ ဦ စ ခ ပ aemthphsungsud ph s 2303 2319 karyuththsngkhramoknbxng hngsawdi ph s 2295 2300 sngkhramcin phma ph s 2308 2312 prabkbtmnipura ph s 2313 sngkhramphma krungthnburi ph s 2308 2318 2319 nganxunwanci ဝန က esnabdi ph s 2319 wancioblcha ဝန က ဗ လ ခ ပ xkhrmhaesnabdi ph s 2325 phayhlngkarsinphrachnkhxngphraecamngra kstriyhlayphraxngkhtangaeswnghakhwamsnbsnuncakphukwangkhwangaelamakbarmiphuni ekhamiswnsakhyinkarchwyihrachsmbtitkepnkhxngphraecacingkuca hlankhxngekhaexngtamectnakhxngphraecamngra aethnthicatkaekoxrskhnxun khxngphraecaxlxngphyatamphinykrrmaerk txmaekhaidthukhlanthitwexngpkpxngraaewngsngsy cnthukpldaelaenrethsipxyuthiemuxngsakay krathngphraecahmxnghmxng chwyoxkasyudrachsmbtiaelakhunkhrxngrachyaethn phraecamxngmxngidtngekhaklbmaepnxkhrmhaesnabdi thwa hkwnihhlng phraecapdung kidokhnlmhmxnghmxngaelakhunkhrxngrachyaethn phraecapdungideriykekhaihklbmarbtaaehnngxkhrmhaesnabdixikkhrng aetphayhlngktngkhxhakhunphlethaecnsukphuni thanepnkbtaelathuknatwippraharinewlatxmaphumihlngchuxaerkekidkhxngekhakhux mxngta မ င သ ekhaekidin hangcakemuxngxngwaipthangtawntkechiyngehnuxraw 100 iml indinaednsungpccubnkhuxchewob inchwngthiekhaekidnnrachwngstxngxukalngtktaenuxngcakpyhaphayinthisasmmaepnrayaewlanan mxngtaetibotkhuninchwngthixanackhxngphraecaphraecamhathrrmrachathibdi thdthxylngxyangmak inkhnannchawmnipurasungsxngsumkalngknaethblumnachindwinkbaemnaxirwdi kxclaclipthwthaihbanekidkhxngekhasungxyuaethwnnidrbphlkrathbipdwy swnrachsanktxngxukimsamarthprabmnipuralngid thaihehlakbtrukkhubekhakwadlangchumchn cbphukhnepnechly aelaplnsasnsthan khrn ph s 2278 chawmxyinphmatxnlangkprakasimkhunkbtxngxu aelaruxfunrachxanackrhngsawdikhunihm ehtukarnehlanithaihxanacrachwngstxngxuesuxmthxylng krathngthphmxyhngsawdiekhayudemuxngxngwa aelalmlangrachwngstxngxuidepnphlsaercineduxnemsayn ph s 2295aemthphkhubarmiphraecamngraxaaeshwunkiepnaemthphthiphraecamngraihkhwamisphrathyimnxyipkwamngkhxngnrthaaemthphxiknaytngaetsmythiphraxngkhyngepnrachbutrmngraxyu odymkcatidtamrachbutrmngraepnkxnghnainaethbthuksngkhram imwacaepnsukkbmxy mnipura rwmipthungkrungsrixyuthya phayhlngkaresiychiwitkhxngmngkhxngnrthra emuxphraecamngrakhunkhrxngrachyaelwthaihxaaeshwunkiklayepnthipruksakhnsakhy phumibthbathmakthisudinyukhkhxngphraxngkh phraecamngraihkhwamnbthuxxaaeshwunkiphunimakodycaaetngtngihekhaepnaemthphihythukkhrng sungxaaeshwunkikimekhythaihphraecamngraphidhwngely nbtngaetphraxngkhmixayuephiyng15pi cwbcnkrathngwarasudthaykyngpkpxngrachbutrkhxngphraxngkhepnxyangdi nbidwaepnaemthphkhubarmikhxngphraecamngraxyangaethcring smkbrachthinnamthitngihaekekhawa mhaesnabdiphukladucrachsih sngkhramcin phma ph s 2308 2312 inkarrbkbrachwngschingkhxngcinkhrngni xaaeshwunkisamarthsrangphlngankarrbidxyangyxdeyiym samarthichkhnnxyexachnakhnmak emuxecxkxngthphidthiaekhngaekrngkeliyngimprathaodytrngaetlxihbukekhamaeruxycaknnhathangtdesbiyng aelasamarthexachnaidinthukkhrng thungaemtachingcabukmathung 4 rxbrwmthharaelwmakkwa140 000nay aetkimekhychnaaemthphethaphuniidely insngkhramkhrngnikxkaenidaemthphthiyingihyhlaynay rwmipthungaemthphthirksaemuxngkxngtnxyangbalamindin enemiywsihtu rwmthungenemiywsihbdithiklbcakxyuthyamachwykrungxngwaidthninkarbukkhrngthi4 sudthayemuxkartxsudaeninmacnthngsxngfaytangxxnlaetmthi aelahapraoychnxaircakkartxsuthiyudeyuxniimid odyinkhnannkxngthphtachingidthukkxngthphxngwalxmkrahnabexaiwaelwodykxngthphkhxngenemiywsihbdithiklbmacakkarphichitkrungsrixyuthya xaaeshwunkiphicrnaaelwwatxihthalaykxngthphtachingkhrngniipxikckrphrrdiechiynhlngkkhngsngkxngthphmaxik dngnnxaaeshwunkicungkhxecrcasngbsukaemcayngimidrbphrarachanuyatcakphraecamngra aelackrphrrdiechiynhlngktamsudthayekidepnsnthisyyakxngtn aemthngphraecamngraaelackrphrrdiechiynhlngcaimthrngphxphrathykbkarecrcaodyphlkarkhxngaemthphthng2 aetemuxphicarnaaelwkehnothsmakkwakhuncungimidthaothsrayaerngaekaemthphthng2 hlngcakklbmaphraecamngracunglngothsphrryakhxngxaaeshwunki sungmiskdiepnphikhxngphrachayaxngkhhnungkhxngphraxngkhdwy dwykarihyuntakaeddaelathulhwdwyekhruxngbrrnakarcakcin nxkcakniaelwxaaeshwunkiyngmiskdiepnphrasssura phxta khxngphraecacingkuca hruxphraecaesngkudwyhmayphichitkrungthnburi ph s 2318 2319 sukkrungthnburikhrngnixaaeshwunkiwy 72 piidedinthangmathungemuxngphisnuolkaelw aetimxacexachyidodyngaynkenuxngcakinkhnannphraecataksin idsngphrayackri aelaphrayasursihmapxngknemuxngphisnuolkxnepnhwemuxngihydansudthayexaiw sungkartxsukepnipxyangdueduxdaemphrayackricathrngichkaraebngkalngthharaetngepnkxngocrkhxydksumtdesbiyngxaharepnthiidphlinchwngaerk aetdwyprasbkarnkhxngaemthphethaphunikthaihsamarthrbmuxidthukkhrng emuxkarrbimxachkexaiddwykalngxaaeshwunkikidichaephnemuxkhrngsybkxngthphtachingnnkhuxhlikeliyngkarpathakbkxngthphthiaekhngaekrng thaephiyngtrungexaiw aelahathangtdesbiyngxahar klawkhuxemuxecxkxngthphkhxngphrayackri kimsngthphihyekhapathadwytrng aetihthharekhapathaephuxtrungiwethann caknnkaetngkxngocrkhxydkplnesbiyngxaharaelatdkalngesrimthicaekhamachwyphisnuolk sudthaykarrbrahwangxaaeshwunki kbphrayackrikcblng xaaeshwunkisamarthekhayudphisnuolkidaetkimsamarthruktxidinthnthi txngesiyewlahaesbiyngxaharxyuhlaywn enuxngcakecaphrayackriidaetngthphsummatdesbiyngaemthphethaphuniexaiwtlxdkarsuk nbepnkarsurbthixaaeshwunkithngaeplkicaelachunchmaemthphstruphunimak emuxphichitemuxngphisnuolkxnepnhwichlkinaephnpxngknkhxngkrungthnburiidaelw xaaeshwunkicungidaebngkxngthphxxkepn 3 saykwadtxnphukhnaelaesbiyngihlbalngmaphrxmkn swnxaaeshwunkiepnthphhlwngkhxyhnunthphtangxikthi inkhnanikxngthphthuksayphrxmaelwthicamabrrcbthikrungthnburi xikthangdanhnungphraecamngra ksngenemiywsihbdiykthphekhayudhwemuxngthangehnuxidrabkhab swnthphthangitksamarthyudemuxngkuy emuxngpranexaiwidaelwechnkn thng 2 thphetriymmungsukrungthnburixikthanghnung khnannsthankarnkhxngkrungthnburiwikvtmakenuxngcakhwemuxngihyemuxngsudthayxyangphisnuolkaetkaelw thngthphihykhxngenemiywsihbdixiksayktiechiyngihmaetkaelw xikthngthphthangitktimathungemuxngephchrburiaelwechnkn aelakalngcaihlbalngmarwmkbthphkhxngxaaeshwunkixik aetaelwehtukarnehnuxkhwamkhadhmaykekidkhunemuxmikhawdwncakrungxngwaickhwamwa phraecamngraesdcswrrkhtaelw tambnthukinphngsawdarfayithy fayediyw elawa xaaeshwunkiwy 72 pi chunchmecaphrayackrithannimakthisamarthmxngaephnkarkhxngekhaxxk aelatxsuidxyangklahaycnepnthinaekrngkhamkhxngkxngthphphma cungidekidkarphkrbhnungwnephuxdutw emuxidphbxaaeshwunkikyingaeplkickhunipxik ephraaaemthphthitxsukbekhaxyangsusiyngepnephiyngaemthphhnum cungidsrresriyecaphrayackriwaphayhnacaidepnphramhakstriy sungtxmaecaphrayackrikkhuxphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach hruxrchkalthi 1 aelaenindinthixaaeshwunkikhxdutwecaphrayackri xyuthihnasanknganethsbalemuxngphisnuolkinpccubn pccubnthangrachkarsrangphrabrmrachanusawriyrchkalthi 1 bneninni prakasaeknaykxngthngpwng inhnngsuxphrarachphngsawdarfayithy xaaeshwunkiphudechingtdphxaelaykyxngkrungthnburipramanwa phladoxkaskhrngniip cahaoxkasechnnixikinphayphakhhnannyakesiyaelw odyprakasaekphwknaykxngthngpwngwa ithyediywnifimuxekhmaekhngnk imehmuxnithyaetkxn aelaemuxngphisnuolkesiykhrngnicaidesiyephraafimuxthharaepherathnghmdnnhamiid ephraaekhaxdkhawkhadesbiyngxaharcungesiyemuxng kikhrelasungcamarbemuxngithysubipphayhna hakepnaemthphthimistipyyaaelafimuxaetephiyngaekhesmxera hruxtakwaerann xyamathasngkhramtiemuxngithyely caexachychnaekhaesiymiid aemnmifimuxdikwaeracungcamathasukkbithyidchychna thxnthph yngimthnthicaidrbtdsinaephchnakn xaaeshwunkitxngykthphklbxngwaxyangkathnhn emuxthangkrungxngwaaecngkhawphraecamngraswrrkht xaaeshwunkicungtxngnathphklbippkpxngphraecacingkucarachbutrphraecamngra ephuxpxngknehtukhwamwunwaythixaccamienuxngcakxyuinchwngphldaephndin sungehlabrrdakhunnangaelaesnaxamatytangaetkxxkepnphwk ihkarsnbsnunechuxphrawngskhnlaphraxngkh swnxaaeshwunkitxngklbippkpxngrachbutrkhxngphraecamngrathiphraxngkhfakfngiw khrngnnxaaeshwunkimikhasngihmaerw 3 hnwy wingipbxkkxngthphthng 3 saythiihlbasukrungthnuburiwaihribthxnkalngthnghmdklbmathnthi aetmaerwaecngthnaekh 2 kxngthph xikhnungkxngthphipiklaelw xaaeshwunkicungmikhasngihpraharmaerwhnwynnesiy caknnerngkxngthphthngklangwnklangkhunklbsukrungxngwa thingkxngthphxik 1 kxngthiehluxiwinkrungthunburiodyimrxthukthxdysaelaldtaaehnngemuxphraecacingkucamitaaehnngthimnkhngaelw idthasingthithaihaemthphnaykxngaehngrachwngsoknbxngtkicepnxyangying khuxphraxngkhidthakarthxdysxaaeshwunkiaemthphkhubarmikhxngphraecamngraphrabidakhxngphraxngkhlng aelaenrethsipxyuemuxngsakaythngthiaemthphethaphuniykthphklbmapkpxngtaaehnng aelarksaxanacinkarpkkhrxngsungsudihaekphraxngkhcnmikhwammnkhng ehtukxacenuxngmacakthrngraaewngxaaeshwunkithimixanacaelabarmithangkarthharmakekinip hruxxiknyhnungkhuxtxngkaraesdngphrarachxanacihphukhnthngaephndinehnwa ikhrkhuxphukumxanacsungsudinaephndinbnplaychiwitxaaeshwunkiepnphusnbsnunphraecahmxnghmxngihrthpraharphraecacingkucathisubrachsmbticakphrarachbida enuxngcakthnehnsphaphbanemuxngthiepnxyuimid txmarwmmuxkbphraecapdungprabdaphiesk phraecapdungkhunkhrxngrachyaelwoprdihkhuntaaehnngaekxaaeshwunkitamedim aetimidihxanacthangkarthhariw txmaidpraharxaaeshwunkiodyihehtuwa xaaeshwunkiidsnbsnunnxngxikkhnkhxngphraecapdungyudxanacaetimsaercxangxingHtin Aung p 181 Harvey p 264 Kyaw Thet pp 268 270 Myint U pp 88 91 prawtisastrithyrbma txn sukxaaeshwunki 1 2 x wira thirphthr 2015 09 21 subkhnemux 2017 05 12 prawtisastrithyrbphma txn sukxaaeshwunki 2 2 x wira thirphthr 2015 09 21 subkhnemux 2017 05 12 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 03 05 subkhnemux 2007 08 30 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2007 08 08 subkhnemux 2007 08 30 prawtisastr warasudthayxanackrxyuthya 1 3 x wira thirphthr 2015 09 17 subkhnemux 2017 05 12 prawtisastr warasudthayxanackrxyuthya 2 3 x wira thirphthr 2015 09 17 subkhnemux 2017 05 12 prawtisastr warasudthayxanackrxyuthya 3 3 x wira thirphthr 2015 09 18 subkhnemux 2017 05 12 brrnanukrmHarvey G E 1925 History of Burma From the Earliest Times to 10 March 1824 London Frank Cass amp Co Ltd