พระเมืองเกษเกล้า หรือ พญาเกสเชษฐราช (ไทยถิ่นเหนือ: ) ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 12 ในราชวงศ์มังราย แห่งอาณาจักรล้านนา ทรงครองราชย์ในครั้งที่ 1 พ.ศ. 2068 - 2081 (13 ปี) และครั้งที่ 2 พ.ศ. 2086 - พ.ศ. 2088 (2 ปี) ในการครองราชย์ครั้งแรกพระองค์ปกครองได้ 13 ปี พระองค์ก็ถูกยึดอำนาจจากพระโอรสของพระองค์คือ ท้าวซายคำ แต่ท้าวซายคำราชย์ได้แค่ 5 ปี ก็ถูกขุนนางปลดออกจากราชสมบัติ ต่อมาพญาเมืองเกษเกล้าได้ถูกอัญเชิญให้ขึ้นครองราชย์ แต่พระองค์ครองราชย์ได้แค่ 2 ปี พระองค์ก็ทรงเสียพระจริต พระองค์จึงถูกปลงพระชนม์เสีย
พระเมืองเกษเกล้า | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระมหากษัตริย์แห่งล้านนา | |||||
ครั้งที่ 1 | พ.ศ. 2068 - 2081 | ||||
ก่อนหน้า | พญาแก้ว | ||||
ถัดไป | ท้าวซายคำ | ||||
ครั้งที่ 2 | พ.ศ. 2086 - 2088 | ||||
ก่อนหน้า | ท้าวซายคำ | ||||
ถัดไป | พระนางจิรประภาเทวี | ||||
สวรรคต | พ.ศ. 2088 | ||||
พระอัครมเหสี | พระนางจิรประภาเทวี | ||||
พระราชบุตร | ท้าวซายคำ เจ้าจอมเมือง พระนางยอดคำทิพย์ | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | มังราย | ||||
พระราชบิดา | พญาแก้ว |
พระราชประวัติ
การครองราชย์ครั้งแรก
พระเมืองเกษเกล้า หรือ พญาเกสเชษฐราช พระองค์เป็นพระราชโอรสในพระเจ้าศิริธรรมจักรพรรดิ หรือ พญาแก้ว พระราชสมภพที่เมืองน้อย ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ครองราชย์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2068-2081 สถานภาพของพระองค์เมื่อครั้งแรกครองสิริราชสมบัตินั้น พระองค์ยังสามารถใช้ฐานอำนาจเดิมของพระราชบิดา ไม่มีความขัดแย้งของเหล่าขุนนาง เนื่องจากมีปัจจัยต่าง ๆ เช่นการสนับสนุนของเหล่าคณะสงฆ์และมหาเทวีตนย่าซึ่งเป็นฐานอำนาจเดิม เมื่อพระเมืองเกษเกล้าเสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาตามแนวทางเดิมของพระราชบิดา โดยส่งเสริมพระภิกษุสงฆ์สำนักสีหลหรือฝ่ายป่าแดง เนื่องจากพระองค์เคยบวชในสำนักสีหลที่วัดโพธารามมหาวิหาร (วัดเจ็ดยอด) จึงให้พระครูของพระองค์มาประจำที่วัดโพธารามมหาวิหารและแต่งตั้งพระภิกษุฝ่ายสีหลให้รับสมณศักดิ์เป็นสังฆราชและมหาสามี และโปรดให้พระภิกษุอุปสมบทในนิกายสีหล ดังนั้นที่เขียนโดยพระรัตนปัญญาเถระแห่งวัดโพธารามมหาวิหาร ขณะที่พระเมืองเกษเกล้าครองราชย์ได้ 1-2 ปี ได้สรรเสริญพระเมืองเกษเกล้าว่า "...เป็นพระเจ้าธรรมิกราชโดยแท้..."
การถอดออกจากราชสมบัติ
พระเมืองเกษเกล้า ได้เสด็จขึ้นครองราชย์ครั้งแรกในช่วงปี พ.ศ. 2068-2081 ซึ่งช่วงแรกของการครองราชย์ยังมีกลุ่มอำนาจเดิมในสมัยพญาแก้ว ยังไม่พบความขัดแย้งของเหล่าขุนนาง และดูเหมือนว่าครองราชย์ตามปกติเฉกเช่นกษัตริย์องค์ก่อน ความมั่นคงช่วงแรกจึงเกิดจากแรงสนับสนุนของเหล่าพระสงฆ์และมหาเทวีเจ้าตนย่า (นางโป่งน้อย) ซึ่งเป็นฐานอำนาจเดิม ภายหลังเมื่อมหาเทวีเจ้าตนย่าสวรรคตใน พ.ศ. 2077 โดยพระองค์มีพระราโชบายที่จะรวบอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง สร้างความไม่พอใจแก่ขุนนางลำปางที่นำโดย หมื่นสามล้าน ซึ่งเป็นผู่นำไม่พอใจและเกิดการก่อกบฏขึ้นในปี พ.ศ. 2078 โดยขุนนางเมืองลำปางได้เป็นแกนนำการก่อกบฏ ดังข้อความตอนหนึ่งว่า "...เสนาทังหลาย เปนต้นว่า หมื่นสามล้านกินนคร ๑ ลูกหมื่นสามล้านชื่อว่าหมื่นหลวงชั้นนอก ๑ หมื่นยี่อ้าย ๑ จักกะทำคดแก่เจ้าพระญาเกสเชฏฐราชะ พระเปนเจ้ารู้ จิ่งหื้อเอาหมื่นส้อยสามล้านไพข้าเสียวันนั้นแล..." แสดงว่าขุนนางตามภูมิภาค ต่างไม่พอใจพระมหากษัตริย์ และเกิดความขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้น จนในที่สุด พ.ศ. 2081 ขุนนางมีอำนาจเหนือกษัตริย์และได้ร่วมกันปลดพระเมืองเกษเกล้าออก แล้วส่งไปครองเมืองน้อย
การครองราชย์ครั้งที่สองและการสวรรคต
หลังจากเหตุการณ์นั้น เหล่าขุนนางจึงได้อัญเชิญท้าวซายคำขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แทนพระราชบิดา ท้าวซายคำครองราชย์ในปี พ.ศ. 2081 ขณะมีพระชนมายุ 24 พรรษา แต่หลังพระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติได้ไม่นานก็ถูกลอบปลงพระชนม์ ดังตำนานพระธาตุหริภุญชัยได้กล่าวไว้ว่า "...พระยาซายคำถือเมืองได้ ๖ ปี มีลูกหญิงก็หลาย มีลูกชายก็มาก เถิงปีก่าดหม้า เดือน ๑๑ แรมค่ำ ๑ วันอาทิตย์ ไทยระวายยี (พ.ศ. 2086) ชาวดาบเรือนหื้อเสียชีวิตในคุ้มน้อยทั้งมวนแล..." แสดงว่าท้าวซายคำได้ถูกเหล่าขุนนางลอบปลงพระชนม์ในคุ้มพร้อมด้วยครอบครัว โดยตำนานเมืองเชียงใหม่ได้ให้เหตุผลไว้ว่า "...เสวยเมืองบ่ชอบสราชธัมม์ เสนาอามาตย์พร้อมกัน ข้าพ่อท้าวชายเสียในปลีก่าเหม้า สก ๙๐๕ ตัว..."
หลังจากลอบปลงพระชนม์แล้ว ก็ได้นำพระเมืองเกษเกล้าพระราชบิดากลับมาครองราชย์โดยครองราชย์ไม่ถึงสองปี ก็ถูกแสนคราวเหล่าขุนนางไทใหญ่ลอบปลงพระชนม์ในปี พ.ศ. 2088 แผ่นดินล้านนาจึงว่างกษัตริย์และเกิดความแตกแยกถึงขั้นสงครามกลางเมือง และมีการดึงกำลังภายนอกเข้าช่วยด้วย
- กลุ่มแสนคราว เป็นกลุ่มขุนนางในเชียงใหม่ได้ลอบปลงพระชนม์พระเมืองเกษเกล้า แล้วไปอัญเชิญเจ้านายเมืองเชียงตุงที่มีเชื้อสายราชวงศ์มังรายมาครองเมืองเชียงใหม่แต่ไม่ยอมมา จึงได้อัญเชิญเจ้าฟ้าเมืองนายแทน
- กลุ่มหมื่นหัวเคียน เป็นกลุ่มขุนนางที่นำเข้ามารบกับกลุ่มแสนคราวที่เมืองเชียงใหม่ รบกันเป็นเวลาสามวันสามคืน ฝ่ายหมื่นหัวเคียนพ่ายแพ้หนีไปเมืองลำพูน กลุ่มนี้ได้แจ้งให้กรุงศรีอยุธยายกทัพขึ้นมายึดเชียงใหม่ ด้วยเหตุนี้สมเด็จพระไชยราชาธิราชจึงทรงยกทัพมายังเชียงใหม่
- กลุ่มเชียงแสน กลุ่มนี้ประกอบไปด้วย เจ้าเมืองเชียงแสน เจ้าเมืองเชียงราย เจ้าเมืองลำปาง และเจ้าเมืองพาน ซึ่งเป็นกลุ่มของพระนางจิรประภามหาเทวีเอง ได้ทำการกวาดล้างกลุ่มแสนคราวได้สำเร็จ และสนับสนุนพระอุปโย (หรือ พระไชยเชษฐา) แห่งล้านช้างมาครองล้านนา ด้วยพระองค์มีศักดิ์เป็นพระราชนัดดาในพระเมืองเกษเกล้า โดยระหว่างการรอการเสด็จมาของพระไชยเชษฐา เหล่าบรรดาขุนนางจึงได้อัญเชิญพระนางจิรประภา พระอัครมเหสีในพระเมืองเกษเกล้า และพระราชมารดาในท้าวซายคำ ขึ้นเป็นกษัตรีย์พระองค์แรกในแผ่นดินล้านนาในปี พ.ศ. 2088
มหาเทวีจิรประภา พระอัครมเหสีของพระองค์ ได้เสด็จขึ้นครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 2088-2089 เนื่องจากพระองค์มีความเหมาะสมเนื่องจากเคยมีบทบาททางการเมือง ด้วยพระนางเป็นพระอัครมเหสีในพระเมืองเกษเกล้า และพระราชมารดาในท้าวซายคำ รวมระยะเวลากว่า 19 ปี (พ.ศ. 2069-2088) และในช่วงเวลาที่พระนางเสวยราชย์ สันนิษฐานว่าพระนางมีพระชนมายุราว 45-46 พรรษา ซึ่งถือเป็นพระชนมายุที่ถือว่าเหมาะสม ด้วยประสบการณ์และความพร้อมดังกล่าวทำให้มหาเทวีสามารถแก้ไขสภาวะบ้านเมืองให้ลุล่วงไปด้วยดี
พระราชกรณียกิจ
การศาสนา
ในช่วงแรกของการครองราชย์ ขณะที่พระองค์ยังมีสถานะที่มั่นคง พระองค์ได้แต่งตั้งคนใกล้ชิดไปครองเมืองเชียงแสน ซึ่งถือเป็นศูนย์อำนาจทางตอนบนของอาณาจักรล้านนา และเมืองเชียงแสนนี่เองที่เป็นฐานอำนาจของพระเมืองเกษเกล้าสืบมาถึงรัชสมัยของพระนางจิรประภามหาเทวี และสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช ทางด้านการปกครองมีลักษณะปรึกษาร่วมกันกับสิงเมืองและบรรดาขุนนาง เนื่องจากมีหลักฐานที่กล่าวถึง เมื่อพระเมืองเกษเกล้าครองราชย์ได้ไม่ไม่นาน ราชเทวี (ไม่ปรากฏพระนาม) ก็ประสูติราชบุตรองค์หนึ่ง เพื่อความเป็นสิริมงคล จึงได้สร้างพระพุทธรูป "พุทธพิมพาเจ้าราชบุตร" แล้วหารือกับสิงเมืองและเสนาอามาตย์ว่าจะนำพระพุทธรูปไว้ที่ใด เจ้าเมืองเชียงแสนจึงได้เสนอให้ไปไว้ในถ้ำปุ่ม เมืองเชียงแสน
นอกจากนี้พระองค์ยังได้ให้การอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา โดยพระองค์ได้ให้การทำนุบำรุงพระศาสนาในเมืองต่างของล้านนา เช่น เมืองลำพูน เชียงใหม่ และเชียงแสน โดยเฉพาะการสร้างวัดโลกโมฬี ทำนองวัดประจำรัชกาลเลยทีเดียว
การต่างประเทศ
สถานะทางการเมืองในช่วงต้นของพระเมืองเกษเกล้าเป็นที่ยอมรับทางการเมืองระหว่างรัฐ โดยเฉพาะอาณาจักรล้านช้าง ดังพบว่า พระเจ้าโพธิสารราช กษัตริย์แห่งล้านช้างได้ทูลขอ นางยอดคำ หรือ ธิดาของพระเมืองเกศเกล้าเป็นพระอัครมเหสี เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างสองอาณาจักร และผนึกกำลังตอบโต้การขยายตัวของอาณาจักรอยุธยา แต่อย่างไรก็ตามหลังจาก พ.ศ. 2077 ระบอบกษัตริย์และขุนนางของอาณาจักรล้านนาก็เสียสมดุล และเกิดเหตุการณ์การถอดพระองค์ออกจากราชสมบัติ การยกพระราชโอรสของพระองค์ครองราชย์ต่อและถูกลอบปลงพระชนม์ ต่อมาเมื่อพระองค์ครองราชย์อีกครั้งก่อนที่จะถูกลอบปลงพระชนม์ในท้ายที่สุด
ราชตระกูล
พงศาวลีของพระเมืองเกษเกล้า | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
เชิงอรรถ
- พระราชธิดาพระองค์เล็กของพระเมืองเกศเกล้า ภายหลังพระเจ้าบุเรงนองพระตนคำกลับไปยังกรุงหงสาวดีด้วยในรัชกาลของพระเจ้าเมกุฏิสุทธิวงศ์ และเชื่อว่าเป็นคนละพระองค์กันกับ พระตนคำ พระมเหสีของสมเด็จพระเจ้าอภัยพุทธบวร ไชยเชษฐาธิราชแต่อาจจะเป็นพระตนทิพย์มเหสีอีกพระองค์ที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชโปรดให้ดูแลนครเชียงใหม่หลังจากที่พระองค์เสด็จกลับไปหลวงพระบางแล้วและพระตนทิพย์ยังเป็นพระราชธิดาในพระเกศเกล้า
- ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่, หน้า 88 เรียกคนกลุ่มนี้ว่า "หมื่นหัวเคียนแสนหวี" ซึ่งแสดงว่าเป็นขุนนางเมืองแสนหวี และโพกศีรษะ (หัวเคียน)
อ้างอิง
- ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่. หน้า 87
- "พบหม้อใส่แหวนรัตนชาติใน "เมืองน้อย" ที่คุมขังโอรสพระเจ้าติโลกราชผู้ถูกใส่ร้ายจนโดนประหาร". มติชนออนไลน์. 29 มกราคม 2560. สืบค้นเมื่อ 30 มกราคม 2560.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - พระรัตนปัญญาเถระ. ชินกาลมาลีปกรณ์, หน้า 163
- ตำนานพระธาตุหริภุญชัย, หน้า 31
- สรัสวดี อ๋องสกุล. "บทบาททางการเมือง ประวัติ และที่มาของอำนาจมหาเทวีจิรประภา". ขัตติยานีศรีล้านนา. เจ้าวงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่ บรรณาธิการ (เชียงใหม่:วิทอินดีไซน์,2547) หน้า 31-57
- ประวัติศาสตร์ล้านนา. หน้า 177
- สรัสวดี อ๋องสกุล. ปริวรรต. พื้นเมืองเชียงแสน. หน้า 106
- ฮันส์ เพนธ์, บรรณาธิการ. ประวัติพระธาตุเชียงตุง, หน้า 131-132
- ตำนานพระธาตุหริภุญไชย. พิมพ์เป็นอนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พระพิจิตรโอสถ (รอด สุตันตานนท์), 29 พฤษภาคม 2502
- ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับเชียงใหม่ 700 ปี. เชียงใหม่:ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สถาบันราชภัฎเชียงใหม่, 2538
ก่อนหน้า | พระเมืองเกษเกล้า | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าศิริธรรมจักรพรรดิ | กษัตริย์อาณาจักรล้านนา (ครั้งที่ 1) (พ.ศ. 2068 - พ.ศ. 2081) | ท้าวซายคำ | ||
ท้าวซายคำ | กษัตริย์อาณาจักรล้านนา (ครั้งที่ 2) (พ.ศ. 2086 - พ.ศ. 2088) | พระนางจิรประภามหาเทวี |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phraemuxngeksekla hrux phyaeksechsthrach ithythinehnux thrngepnkstriyphraxngkhthi 12 inrachwngsmngray aehngxanackrlanna thrngkhrxngrachyinkhrngthi 1 ph s 2068 2081 13 pi aelakhrngthi 2 ph s 2086 ph s 2088 2 pi inkarkhrxngrachykhrngaerkphraxngkhpkkhrxngid 13 pi phraxngkhkthukyudxanaccakphraoxrskhxngphraxngkhkhux thawsaykha aetthawsaykharachyidaekh 5 pi kthukkhunnangpldxxkcakrachsmbti txmaphyaemuxngekseklaidthukxyechiyihkhunkhrxngrachy aetphraxngkhkhrxngrachyidaekh 2 pi phraxngkhkthrngesiyphracrit phraxngkhcungthukplngphrachnmesiyphraemuxngekseklaphramhakstriyaehnglannakhrngthi 1ph s 2068 2081kxnhnaphyaaekwthdipthawsaykhakhrngthi 2ph s 2086 2088kxnhnathawsaykhathdipphranangcirpraphaethwiswrrkhtph s 2088phraxkhrmehsiphranangcirpraphaethwiphrarachbutrthawsaykha ecacxmemuxng phranangyxdkhathiphywdpracarchkalwdolkomlirachwngsmngrayphrarachbidaphyaaekwphrarachprawtikarkhrxngrachykhrngaerk phraemuxngeksekla hrux phyaeksechsthrach phraxngkhepnphrarachoxrsinphraecasirithrrmckrphrrdi hrux phyaaekw phrarachsmphphthiemuxngnxy pccubnxyuinekhtxaephxpay cnghwdaemhxngsxn khrxngrachykhrngaerkinpi ph s 2068 2081 sthanphaphkhxngphraxngkhemuxkhrngaerkkhrxngsirirachsmbtinn phraxngkhyngsamarthichthanxanacedimkhxngphrarachbida immikhwamkhdaeyngkhxngehlakhunnang enuxngcakmipccytang echnkarsnbsnunkhxngehlakhnasngkhaelamhaethwitnyasungepnthanxanacedim emuxphraemuxngekseklaesdckhunkhrxngrachy phraxngkhidthanubarungphraphuththsasnatamaenwthangedimkhxngphrarachbida odysngesrimphraphiksusngkhsanksihlhruxfaypaaedng enuxngcakphraxngkhekhybwchinsanksihlthiwdophtharammhawihar wdecdyxd cungihphrakhrukhxngphraxngkhmapracathiwdophtharammhawiharaelaaetngtngphraphiksufaysihlihrbsmnskdiepnsngkhrachaelamhasami aelaoprdihphraphiksuxupsmbthinnikaysihl dngnnthiekhiynodyphrartnpyyaethraaehngwdophtharammhawihar khnathiphraemuxngekseklakhrxngrachyid 1 2 pi idsrresriyphraemuxngekseklawa epnphraecathrrmikrachodyaeth karthxdxxkcakrachsmbti phraemuxngeksekla idesdckhunkhrxngrachykhrngaerkinchwngpi ph s 2068 2081 sungchwngaerkkhxngkarkhrxngrachyyngmiklumxanacediminsmyphyaaekw yngimphbkhwamkhdaeyngkhxngehlakhunnang aeladuehmuxnwakhrxngrachytampktiechkechnkstriyxngkhkxn khwammnkhngchwngaerkcungekidcakaerngsnbsnunkhxngehlaphrasngkhaelamhaethwiecatnya nangopngnxy sungepnthanxanacedim phayhlngemuxmhaethwiecatnyaswrrkhtin ph s 2077 odyphraxngkhmiphraraochbaythicarwbxanacekhasusunyklang srangkhwamimphxicaekkhunnanglapangthinaody hmunsamlan sungepnphunaimphxicaelaekidkarkxkbtkhuninpi ph s 2078 odykhunnangemuxnglapangidepnaeknnakarkxkbt dngkhxkhwamtxnhnungwa esnathnghlay epntnwa hmunsamlankinnkhr 1 lukhmunsamlanchuxwahmunhlwngchnnxk 1 hmunyixay 1 ckkathakhdaekecaphrayaeksechtthracha phraepnecaru cinghuxexahmunsxysamlaniphkhaesiywnnnael aesdngwakhunnangtamphumiphakh tangimphxicphramhakstriy aelaekidkhwamkhdaeyngrunaerngyingkhun cninthisud ph s 2081 khunnangmixanacehnuxkstriyaelaidrwmknpldphraemuxngekseklaxxk aelwsngipkhrxngemuxngnxy karkhrxngrachykhrngthisxngaelakarswrrkht hlngcakehtukarnnn ehlakhunnangcungidxyechiythawsaykhakhunepnphramhakstriyaethnphrarachbida thawsaykhakhrxngrachyinpi ph s 2081 khnamiphrachnmayu 24 phrrsa aethlngphraxngkhidesdckhunkhrxngrachsmbtiidimnankthuklxbplngphrachnm dngtananphrathatuhriphuychyidklawiwwa phrayasaykhathuxemuxngid 6 pi milukhyingkhlay milukchaykmak ethingpikadhma eduxn 11 aermkha 1 wnxathity ithyrawayyi ph s 2086 chawdaberuxnhuxesiychiwitinkhumnxythngmwnael aesdngwathawsaykhaidthukehlakhunnanglxbplngphrachnminkhumphrxmdwykhrxbkhrw odytananemuxngechiyngihmidihehtuphliwwa eswyemuxngbchxbsrachthmm esnaxamatyphrxmkn khaphxthawchayesiyinplikaehma sk 905 tw hlngcaklxbplngphrachnmaelw kidnaphraemuxngekseklaphrarachbidaklbmakhrxngrachyodykhrxngrachyimthungsxngpi kthukaesnkhrawehlakhunnangithihylxbplngphrachnminpi ph s 2088 aephndinlannacungwangkstriyaelaekidkhwamaetkaeykthungkhnsngkhramklangemuxng aelamikardungkalngphaynxkekhachwydwy klumaesnkhraw epnklumkhunnanginechiyngihmidlxbplngphrachnmphraemuxngeksekla aelwipxyechiyecanayemuxngechiyngtungthimiechuxsayrachwngsmngraymakhrxngemuxngechiyngihmaetimyxmma cungidxyechiyecafaemuxngnayaethn klumhmunhwekhiyn epnklumkhunnangthinaekhamarbkbklumaesnkhrawthiemuxngechiyngihm rbknepnewlasamwnsamkhun fayhmunhwekhiynphayaephhniipemuxnglaphun klumniidaecngihkrungsrixyuthyaykthphkhunmayudechiyngihm dwyehtunismedcphraichyrachathirachcungthrngykthphmayngechiyngihm klumechiyngaesn klumniprakxbipdwy ecaemuxngechiyngaesn ecaemuxngechiyngray ecaemuxnglapang aelaecaemuxngphan sungepnklumkhxngphranangcirpraphamhaethwiexng idthakarkwadlangklumaesnkhrawidsaerc aelasnbsnunphraxupoy hrux phraichyechstha aehnglanchangmakhrxnglanna dwyphraxngkhmiskdiepnphrarachnddainphraemuxngeksekla odyrahwangkarrxkaresdcmakhxngphraichyechstha ehlabrrdakhunnangcungidxyechiyphranangcirprapha phraxkhrmehsiinphraemuxngeksekla aelaphrarachmardainthawsaykha khunepnkstriyphraxngkhaerkinaephndinlannainpi ph s 2088 mhaethwicirprapha phraxkhrmehsikhxngphraxngkh idesdckhunkhrxngrachyrahwangpi ph s 2088 2089 enuxngcakphraxngkhmikhwamehmaasmenuxngcakekhymibthbaththangkaremuxng dwyphranangepnphraxkhrmehsiinphraemuxngeksekla aelaphrarachmardainthawsaykha rwmrayaewlakwa 19 pi ph s 2069 2088 aelainchwngewlathiphranangeswyrachy snnisthanwaphranangmiphrachnmayuraw 45 46 phrrsa sungthuxepnphrachnmayuthithuxwaehmaasm dwyprasbkarnaelakhwamphrxmdngklawthaihmhaethwisamarthaekikhsphawabanemuxngihlulwngipdwydiphrarachkrniykickarsasna wdolkomli inchwngaerkkhxngkarkhrxngrachy khnathiphraxngkhyngmisthanathimnkhng phraxngkhidaetngtngkhniklchidipkhrxngemuxngechiyngaesn sungthuxepnsunyxanacthangtxnbnkhxngxanackrlanna aelaemuxngechiyngaesnniexngthiepnthanxanackhxngphraemuxngekseklasubmathungrchsmykhxngphranangcirpraphamhaethwi aelasmedcphraichyechsthathirach thangdankarpkkhrxngmilksnapruksarwmknkbsingemuxngaelabrrdakhunnang enuxngcakmihlkthanthiklawthung emuxphraemuxngekseklakhrxngrachyidimimnan rachethwi impraktphranam kprasutirachbutrxngkhhnung ephuxkhwamepnsirimngkhl cungidsrangphraphuththrup phuththphimphaecarachbutr aelwharuxkbsingemuxngaelaesnaxamatywacanaphraphuththrupiwthiid ecaemuxngechiyngaesncungidesnxihipiwinthapum emuxngechiyngaesn nxkcakniphraxngkhyngidihkarxupthmphphraphuththsasna odyphraxngkhidihkarthanubarungphrasasnainemuxngtangkhxnglanna echn emuxnglaphun echiyngihm aelaechiyngaesn odyechphaakarsrangwdolkomli thanxngwdpracarchkalelythiediyw kartangpraeths sthanathangkaremuxnginchwngtnkhxngphraemuxngekseklaepnthiyxmrbthangkaremuxngrahwangrth odyechphaaxanackrlanchang dngphbwa phraecaophthisarrach kstriyaehnglanchangidthulkhx nangyxdkha hrux thidakhxngphraemuxngekseklaepnphraxkhrmehsi ephuxsrangsmphnthimtrirahwangsxngxanackr aelaphnukkalngtxbotkarkhyaytwkhxngxanackrxyuthya aetxyangirktamhlngcak ph s 2077 rabxbkstriyaelakhunnangkhxngxanackrlannakesiysmdul aelaekidehtukarnkarthxdphraxngkhxxkcakrachsmbti karykphrarachoxrskhxngphraxngkhkhrxngrachytxaelathuklxbplngphrachnm txmaemuxphraxngkhkhrxngrachyxikkhrngkxnthicathuklxbplngphrachnminthaythisudrachtrakulphngsawlikhxngphraemuxngeksekla 16 phraecatiolkrach 8 thawbuyeruxng 4 phyayxdechiyngray 2 phyaaekw 5 phranangsiriyswdiethwi 1 phraemuxngeksekla echingxrrthphrarachthidaphraxngkhelkkhxngphraemuxngeksekla phayhlngphraecabuerngnxngphratnkhaklbipyngkrunghngsawdidwyinrchkalkhxngphraecaemkutisuththiwngs aelaechuxwaepnkhnlaphraxngkhknkb phratnkha phramehsikhxngsmedcphraecaxphyphuththbwr ichyechsthathirachaetxaccaepnphratnthiphymehsixikphraxngkhthiphraecaichyechsthathirachoprdihduaelnkhrechiyngihmhlngcakthiphraxngkhesdcklbiphlwngphrabangaelwaelaphratnthiphyyngepnphrarachthidainphraeksekla tananphunemuxngechiyngihm hna 88 eriykkhnklumniwa hmunhwekhiynaesnhwi sungaesdngwaepnkhunnangemuxngaesnhwi aelaophksirsa hwekhiyn xangxingtananphunemuxngechiyngihm hna 87 phbhmxisaehwnrtnchatiin emuxngnxy thikhumkhngoxrsphraecatiolkrachphuthukisraycnodnprahar mtichnxxniln 29 mkrakhm 2560 subkhnemux 30 mkrakhm 2560 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help phrartnpyyaethra chinkalmalipkrn hna 163 tananphrathatuhriphuychy hna 31 srswdi xxngskul bthbaththangkaremuxng prawti aelathimakhxngxanacmhaethwicirprapha khttiyanisrilanna ecawngsskk n echiyngihm brrnathikar echiyngihm withxindiisn 2547 hna 31 57 prawtisastrlanna hna 177 srswdi xxngskul priwrrt phunemuxngechiyngaesn hna 106 hns ephnth brrnathikar prawtiphrathatuechiyngtung hna 131 132 tananphrathatuhriphuyichy phimphepnxnusrnnganphrarachthanephlingsph phraphicitroxsth rxd sutntannth 29 phvsphakhm 2502 tananphunemuxngechiyngihm chbbechiyngihm 700 pi echiyngihm sunywthnthrrmcnghwdechiyngihm sthabnrachphdechiyngihm 2538 kxnhna phraemuxngeksekla thdipphraecasirithrrmckrphrrdi kstriyxanackrlanna khrngthi 1 ph s 2068 ph s 2081 thawsaykhathawsaykha kstriyxanackrlanna khrngthi 2 ph s 2086 ph s 2088 phranangcirpraphamhaethwi