พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (1 มกราคม พ.ศ. 2424 – 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468) เป็นพระมหากษัตริย์สยาม รัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์จักรีและเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 50 ตามประวัติศาสตร์ไทย เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ ขึ้น 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง โทศก จ.ศ. 1242 ตรงกับวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2424 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 32 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระองค์ที่ 3 ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสวยราชสมบัติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม ปีจอ พ.ศ. 2453 และเสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ปีฉลู รวมพระชนมพรรษา 44 พรรษา ดำรงราชสมบัติรวม 15 ปี
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
พระมหาธีรราชเจ้า | |||||||||||||
พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว | |||||||||||||
สมเด็จพระเจ้ากรุงสยาม | |||||||||||||
ครองราชย์ | 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 – 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 (15 ปี 34 วัน) | ||||||||||||
ราชาภิเษก | 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453 | ||||||||||||
ก่อนหน้า | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||||||||||||
ถัดไป | พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||||||||||||
ผู้สำเร็จราชการ | สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา | ||||||||||||
พระราชสมภพ | 1 มกราคม พ.ศ. 2424 พระบรมมหาราชวัง เมืองพระนคร ประเทศสยาม (ปัจจุบัน กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย) | ||||||||||||
สวรรคต | 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 (44 พรรษา) พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระบรมมหาราชวัง จังหวัดพระนคร มณฑลกรุงเทพ ประเทศสยาม (ปัจจุบัน กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย) | ||||||||||||
ถวายพระเพลิง | 24 มีนาคม พ.ศ. 2469 พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง | ||||||||||||
บรรจุพระบรมอัฐิ | พระวิมานทองกลาง บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท | ||||||||||||
พระมเหสี |
| ||||||||||||
พระสนม | เปรื่อง สุจริตกุล (สมรส 2464) | ||||||||||||
พระราชธิดา | สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี | ||||||||||||
| |||||||||||||
ราชวงศ์ | จักรี | ||||||||||||
พระราชบิดา | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||||||||||||
พระราชมารดา | สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง | ||||||||||||
ศาสนา | เถรวาท | ||||||||||||
ลายพระอภิไธย | |||||||||||||
การศึกษา | |||||||||||||
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |||||||||||||
รับใช้ | สยาม | ||||||||||||
แผนก/ | กองทัพสยาม กองเสือป่า | ||||||||||||
ชั้นยศ | จอมพล จอมพลเรือ นายกองใหญ่ | ||||||||||||
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระอัจฉริยภาพและทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจในหลายสาขา ทั้งด้านการเมืองการปกครอง การทหาร การศึกษา การสาธารณสุข การต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือด้านวรรณกรรมและอักษรศาสตร์ ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทร้อยแก้วและร้อยกรองไว้นับพันเรื่อง กระทั่งทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาเมื่อเสด็จสวรรคตแล้วว่า "สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า" พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกในราชวงศ์จักรีที่ไม่มีวัดประจำรัชกาล แต่ได้ทรงมีการสถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวง หรือวชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบันขึ้นแทน ด้วยทรงพระราชดำริว่าพระอารามนั้นมีมากแล้ว และการสร้างอารามในสมัยก่อนนั้นก็เพื่อบำรุงการศึกษาของเยาวชนของชาติ จึงทรงพระราชดำริให้สร้างโรงเรียนขึ้นแทน
พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งแรกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2485 ประดิษฐาน ณ สวนลุมพินี ซึ่งเป็นบริเวณที่ดินส่วนพระองค์ที่พระราชทานไว้เป็นสมบัติของประชาชน เพื่อจัดงานแสดงสินค้าไทยแก่ชาวโลกเป็นครั้งแรก เพื่อบำรุงเศรษฐกิจและพาณิชยกรรมของประเทศ (แต่มิทันได้จัดก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน) และทรงตั้งพระราชหฤทัยว่าเมื่อเสร็จงานแล้ว จะพระราชทานเป็นสวนสาธารณะพักผ่อนหย่อนใจแห่งแรกในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ ในวันคล้ายวันสวรรคตของทุกปี วันที่ 25 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือผู้แทนพระองค์ จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลา ถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ ณ สวนลุมพินีแห่งนี้ ในวันนั้นมีหน่วยราชการ หน่วยงานเอกชน นิสิตนักศึกษา พ่อค้าประชาชนจำนวนมากไปวางพวงมาลาถวายราชสักการะ และยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวาย ณ วชิราวุธวิทยาลัย
ใน พ.ศ. 2524 ยูเนสโก (UNESCO) ได้ยกย่องพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก ผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรม ในฐานะที่ทรงเป็นนักปราชญ์ นักประพันธ์ กวี และนักแต่งบทละครไว้เป็นจำนวนมาก
พระราชประวัติ
พระราชสมภพ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 29 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นองค์ที่ 2 ที่ประสูติแต่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ ขึ้น 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง โทศก จ.ศ. 1242 (ตรงกับวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2423 (นับแบบปัจจุบันเป็น พ.ศ. 2424)) เพลาอีกบาตรหนึ่ง ถึง 3 โมงเช้า ณ พระที่นั่งในพระบรมมหาราชวังชั้นใน มีพระเชษฐภคินีและพระอนุชาร่วมพระชนนี 7 พระองค์ คือ
- สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าพาหุรัตมณีมัย กรมพระเทพนารีรัตน์ (พ.ศ. 2421 - 2430)
- พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2424 - 2468)
- สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าตรีเพ็ชรุตม์ธำรง (พ.ศ. 2425 - 2430)
- สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ (พ.ศ. 2426 - 2463)
- สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ (พ.ศ. 2428 - 2430)
- สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา (พ.ศ. 2432 - 2467)
- สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย (พ.ศ. 2435 - 2466)
- พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2436 - 2484)
แม้ตอนประสูติ พระราชชนนียังดำรงพระยศเป็น พระราชเทวีอยู่ ยังมิได้ดำรงพระยศ พระอัครมเหสี แต่ตามขัตติยราชประเพณีในรัชกาลที่ 5 พระราชโอรสธิดาดำรงพระยศเป็นเจ้าฟ้าชั้นทูลกระหม่อมทุกพระองค์ พระอิสริยยศเดิมของพระองค์ทรงเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าชั้นทูลกระหม่อม เมื่อพระชนมพรรษาเจริญครบเดือน สมเด็จพระบรมชนกนาถทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ สถาปนาเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ แต่ยังมิได้พระราชทานพระสุพรรณบัฏเฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระบรมชนกนาถและสมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงเรียกว่า "ลูกโต" พระประยูรญาติในพระราชสำนักดำเนินรอยตามพระบรมราชอัธยาศัยเรียกพระองค์ท่านว่า "ทูลกระหม่อมโต" จัน ชูโต เป็นพระพี่เลี้ยง
ต่อมาในวันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2431 (นับแบบปัจจุบันเป็น พ.ศ. 2432) ทรงได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เอกอรรคมหาบุรุษบรมนราธิราช จุฬาลงกรณ์นารถราชวโรรส มหาสมมติขัตติยพิสุทธิ บรมมกุฏสุริยสันตติวงษ อดิสัยพงษวโรภโตสุชาติ คุณสังกาศวิมลรัตน ทฤฆชนมสวัสดิ ขัตติยราชกุมาร ทรงศักดินา 50,000 ตามอย่างเจ้าฟ้าต่างกรม และทรงตั้งเจ้ากรมเป็นกรมขุนเทพทวาราวดี รับพระเกียรติยศเป็นที่สองรองจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร
การศึกษา
ในขณะที่ทรงพระเยาว์นั้น ได้ทรงศึกษาในพระบรมมหาราชวัง โดยมี พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) และ เป็นพระอาจารย์ถวายพระอักษรภาษาไทย ส่วนวิชาภาษาอังกฤษนั้นทรงศึกษากับนายโรเบิร์ต มอแรนต์ (Robert Morant) ครั้นเมื่อปี พ.ศ. 2436 พระชนมายุได้ 12 พรรษาเศษ สมเด็จพระบรมชนกนาถทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จออกไปทรงศึกษาต่อในหลักสูตรภาษาละตินและเรขาคณิต(เทียบเท่าแผนการเรียนภาษาอังกฤษ-คณิตศาสตร์(ศิลป์-คำนวณ)) ณ ประเทศอังกฤษ ในขณะที่ทรงศึกษาอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จสวรรคต สมเด็จพระบรมชนกนาถจึงโปรดฯให้สถาปนาเฉลิมพระอิสริยยศขึ้นเป็นสยามมกุฎราชกุมารสืบแทนสมเด็จพระเชษฐา
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงศึกษาวิชาอยู่ ณ ประเทศอังกฤษหลายแขนง ทางทหารทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์แล้วเข้ารับราชการในกรมทหารราบเบาเดอรัม ทางด้านพลเรือนทรงศึกษาวิชาประวัติศาสตร์และกฎหมาย ที่วิทยาลัยไครสต์เชิร์ช มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ระหว่างปี พ.ศ. 2442 - พ.ศ. 2444 แต่เนื่องด้วยทรงพระประชวรด้วยพระโรคอันตะ (ไส้ติ่ง) อักเสบ มีพระอาการมากต้องเข้ารับการผ่าตัดทันที ทำให้ทรงพลาดโอกาสที่ได้รับปริญญา ระหว่างการศึกษาในต่างประเทศ ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจแทนพระองค์สมเด็จพระบรมชนกนาถ โดยเสด็จในฐานะผู้แทนพระองค์ไปในงานพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ ทั้งในประเทศอังกฤษและประเทศใกล้เคียง เสด็จนิวัตพระนครตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระบรมชนกนาถโดยเสด็จผ่านสหรัฐและประเทศญี่ปุ่น ถึงกรุงเทพมหานครเมื่อ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2445
ทรงผนวช
วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2447 เวลาเช้า 3 โมงเศษ ทรงผนวชเป็นครั้งที่ 3 ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส เป็นพระอุปัชฌาย์ หม่อมเจ้าพระสถาพรพิริยพรต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ถึงเวลาบ่าย 4 โมงเย็น ได้ทรงทำทัฬหีกรรม ณ พระพุทธรัตนสถาน กับพระอุปัชฌาย์และพระกรรมวาจาจารย์พระองค์เดิม ผนวชแล้วประทับ ณ พระตำหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ถึงวันที่ 11 ธันวาคม ศกนั้น จึงทรงลาผนวช แล้วปฏิญาณพระองค์ถึงไตรสรณคมน์และรับศีล ยังทรงประทับในวัดบวรนิเวศวิหารต่อจนเช้าวันที่ 15 ธันวาคม จึงเสด็จฯ กลับ
ผู้สำเร็จราชการต่างพระองค์
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินยุโรปครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2449 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2450 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอำนาจในราชกิจที่จะรักษาพระนครไว้แด่พระองค์ เป็นการรับสนองพระเดชพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระบรมชนกนาถในหน้าที่อันสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่ง และได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยเป็นที่สุดด้วยระหว่างทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินต่างพระองค์นี้ ทรงรับเป็นประธานการจัดสร้างพระบรมราชานุสรณ์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมชนกนาถ ซึ่งงานสำคัญบรรลุโดยพระราชประสงค์อย่างดี
การขึ้นครองราชย์
เมื่อสมเด็จพระบรมชนกนาถเสด็จสวรรคตลงเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ทั้ง ๆ ที่พระองค์นั้นได้รับการสถาปนาตั้งไว้ในพระรัชทายาทสืบพระราชสันตติวงศ์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2437 แต่ก็ทรงเศร้าสลด ไม่มีพระราชประสงค์ที่จะแลกสิริราชสมบัติสำหรับพระองค์เองกับการสูญเสียพระชนมชีพของสมเด็จพระบรมชนกนาถ จนกระทั่งสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ซึ่งเป็นพระปิตุลา (อา) แท้ ๆ ทูลเชิญเสด็จลงที่ห้องแป๊ะเต๋งบนชั้น 2 พระที่นั่งอัมพรสถาน และท่ามกลางพระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดี ผู้ใหญ่ องคมนตรี และข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ที่ชุมนุมอยู่ พระปิตุลาได้คุกพระชงฆ์ลงกับพื้นกราบถวายบังคมอัญเชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดินสืบสนองพระองค์สมเด็จพระบรมชนกนาถ และทันใดทุกท่านที่ชุมนุมอยู่ที่นั้น ก็ได้คุกเข่าลงกราบถวายบังคมทั่วกัน และในคืนนั้นได้มีประกาศภาษาไทยให้ออกพระนามว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชผู้ทรงสำเร็จราชการแผ่นดิน ต่อมาวันที่ 25 ตุลาคม จึงให้ออกพระนามว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453 จึงรับบรมราชาภิเษก เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า "พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ เอกอรรคมหาบุรุษบรมนราธิราช พินิตประชานารถมหาสมมตวงษ์ อดิศัยพงษวิมลรัตน์ วรขัตติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาตสังสุทธเคราะหณี จักรีบรมนาถ จุฬาลงกรณราชวรางกูร บรมมกุฏนเรนทรสูรสันตติวงษวิสิฐ สุสาธิตบุรพาธิการ อดุลยกฤษฎาภินิหารอดิเรกบุญฤทธิ ธัญลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคประณตบาทบงกชยุคล ประสิทธิสรรพศุภผลอุดมบรมสุขุมาลย์ ทิพยเทพาวตารไพศาลเกียรติคุณอดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์ บุริมศักดิสมญาเทพวาราวดี ศรีมหาบุรุษสุตสมบัติ เสนางคนิกรรัตน์อัศวโกศล ประพนธปรีชามัทวสมาจาร บริบูรณ์คุณสารสยามาทินครวรุตเมกราชดิลก มหาปริวารนายกอนันต์ มหันตวรฤทธิเดช สรรพวิเศษศิรินธร บรมชนกาดิศรสมมต ประสิทธิวรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปฎลเสวตฉัตราดิฉัตร ศิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเศกาภิสิต สรรพทศทิศวิชิตไชย สกลมไหศวริยมหาสวามินทร์ มเหศวรมหินทรมหารามาธิราชวโรดม บรมนารถชาติอาชาวศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ์ อดุลยศักดิ์อรรคนเรศรามาธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤไทย อโนปไมยบุญการ สกลไพศาลมหารัษฎาธิบดินทร์ ปรเมนทรธรรมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบพิตร พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว"
ต่อมาในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2459 ทรงเห็นชอบกับคำกราบบังคมทูลของเหล่าเสนาบดีให้เฉลิมพระปรมาภิไธย "สมเด็จพระรามาธิบดี" แทนคำว่า "สมเด็จพระปรเมนทร" จึงมีพระปรมาภิไธยอย่างสังเขปว่า "พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว" และเมื่อยกรามาธิบดีเป็นคำนำพระปรมาภิไธยแล้ว จึงโปรดเกล้าฯ ให้แก้นเรศรามาธิบดี เป็นนเรศราธิบดี แทน
เหตุการณ์ในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชสมบัติในช่วงที่ประเทศกำลังประสบวิกฤตเศรษฐกิจจากเหตุภัยแล้ง พ.ศ. 2450-2453 และเป็นยุคที่สื่อสิ่งพิมพ์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว องค์ความรู้ต่างๆ รวมทั้งแนวคิดทางการเมือง หรือข่าวคราวการปฏิวัติในต่างประเทศได้ไหลบ่าเข้ามาสู่ผู้มีการศึกษาในสยาม
ในเดือนแรกหลังขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงปรับโครงสร้างกองทัพโดยการยุบกรมยุทธนาธิการ ทรงตั้งกระทรวงกลาโหมที่มีอำนาจบัญชากองทัพบกอย่างเดียว และทรงยกแยกกรมทหารเรือออกมาตั้งเป็นกระทรวงทหารเรือ มีอำนาจบัญชากองทัพเรืออย่างเดียว อย่างไรก็ตาม การคลังสยามในเวลานั้นอยู่ในภาวะขัดสน ถึงกระนั้น กองทัพก็ยังคงเป็นหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณมากที่สุด รายจ่ายด้านการป้องกันอาณาจักรคิดเป็นร้อยละ 24.3 ขณะที่รายจ่ายเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจด้านเกษตรกรรม การศึกษา และพาณิชยกรรมรวมกันคิดเป็นเพียงร้อยละ 5.9 เท่านั้น
รัฐบาลสยามในรัชสมัยพระองค์ยังค่อนข้างมีหัวแบบอนุรักษนิยม ต่อต้านการรับเงินทุนจากต่างชาติ และมีอคติต่อการให้สัมปทานต่อต่างชาติเข้ามาลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เงินทุนในสยามมีน้อย ประชากรส่วนใหญ่ยังยากจนข้นแค้น เหตุอื้อฉาวที่พระองค์ทรงย่ำยีเกียรติของทหารบกเมื่อครั้งเป็นสยามมกุฎราชกุมาร ทำให้นายทหารส่วนใหญ่ไม่ค่อยนับถือพระองค์ ถึงขนาดที่หลังครองราชย์แล้ว พระองค์ถูกหว่านบัตรสนเท่ห์บริภาษอย่างรุนแรงว่าพระองค์ "เป็นคนเลวทรามไม่ควรจะอยู่บนพื้นโลก" ซึ่งพระองค์ทรงตอบโต้ไว้ต่อบัตรสนเท่ห์ดังกล่าวว่า "พวกเก๊กเหม็งในกรุงเทพออกจะฟุ้งสร้านมาก พูดอึงไปถึงเรื่อง “รักชาติ” “ราษฎรเปนใหญ่” ฯลฯ ซึ่งเกิดเปนขี้ปากของพวกคนไทยเชื้อจีนขึ้นก่อน แล้วคนไทยหนุ่มๆที่ชอบคบเจ๊กพลอยเก็บขี้ปากของมันมาพูดกันบ้าง" ข้อความนี้สะท้อนได้ว่า พระองค์ทรงมองประชาธิปไตยเป็นแนวคิดเพ้อเจ้อที่ถูกเสี้ยมโดยชาวไทยเชื้อสายจีน
นอกจากนี้ พระมงกุฎเกล้ามีความโปรดปรานใกล้ชิดบรรดามหาดเล็กเป็นพิเศษ ทรงสนใจอยู่แต่กับโขนการละคร ในรัชสมัยของพระองค์ มหาดเล็กกลายเป็นหน่วยราชการที่เติบโตอย่างรวดเร็วเกินกว่านายทหาร คราวที่พระองค์พระราชทานเงินของขวัญวันเกิดมหาศาลให้แก่เจ้าพระยารามราฆพ ได้เกิดปฏิกิริยาจากนายทหารที่ว่า "พระเจ้าแผ่นดินรักคนใช้มากดีไหม...ให้เงินทีตั้ง 100 ชั่ง หมายความว่ากระไร... พระเจ้าแผ่นดินเอาแต่เล่นโขน เอาเงินมาสร้างบ้านซื้อรถให้มหาดเล็ก...ทำไมพระราชาองค์นี้จึงโปรดมหาดเล็ก แต่ผู้หญิงไม่ชอบเลย"
ตั้งกองเสือป่า
ด้วยความที่การที่พระมงกุฎเกล้าทรงขาดบารมีเหนือกองทัพ นายทหารในกองทัพภักดีต่อผู้บังคับบัญชาและอาจารย์ของตนมากกว่ากษัตริย์ เรื่องนี้พระองค์ทรงตระหนักเป็นอย่างดี ทรงมองว่าพระองค์ต้องเร่งสร้างความจงรักภักดีให้ขยายออกไปอย่างเร่งด่วนในหมู่ข้าราชการ พระองค์จึงทรงตั้งกองกำลังกึ่งทหารที่เรียกว่า "กองเสือป่า" ขึ้นเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2454 ตัวพระองค์ทรงดำรงตำแหน่ง "นายกองใหญ่" มีเชื้อพระวงศ์และข้าราชบริพารบางส่วนเป็นคณะผู้บังคับบัญชา และมีข้าราชการพลเรือนเป็นพลเสือป่า
การเป็นสมาชิกเสือป่าเป็นหนทางใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท และยังได้สิทธิยกเว้นการเกณฑ์ทหาร ทำให้เครือข่ายเสือป่าขยายตัวทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว การที่ผู้บังคับบัญชาเสือป่าคือเหล่าผู้ใกล้ชิดพระองค์ ทำให้ในที่สุด เครือข่ายเสือป่าเริ่มแทรกแซงระบบราชการจนเสียหาย บางครั้งมีการเรียกตัวพลเสือป่าที่เป็นข้าราชการมาซ้อมรบ ทำให้ข้าราชการผู้นั้นขาดจากงานราชการปกติ บ้างก็เบียดบังงบประมาณแผ่นดินมาอุดหนุนกองเสือป่า การซ้อมรบเสือป่าก็ไม่มีความจริงจังเพื่อฝึกฝนความชำนาญ มักจัดฉากให้กองเสือป่าหลวงของพระองค์ชนะอยู่เสมอ มีครั้งหนึ่งที่ทรงซ้อมรบแพ้เจ้าพระยายมราช ก็รับสั่งให้คุมตัวเจ้าพระยายมราชมาและตัดสินใหม่ให้พระองค์ชนะ การซ้อมรบของเสือป่าจึงเป็นเพียงเพื่อความสำราญสนุกสนานของกษัตริย์ อาวุธของกองเสือป่าก็หยิบยืมมาจากกองทัพบกแทบทั้งสิ้น
ความกระด้างกระเดื่องในหมู่ทหาร
การตั้งกองเสือป่าสร้างความคับแค้นใจแก่ทหารบกที่รู้สึกว่าถูกเบียดบังหน้าที่และทรัพยากร ในด้านกองทัพเรือยิ่งเลวร้าย มีการตัดค่าวิชาเดินเรือ มีการตัดเบี้ยเลี้ยงนักเรียนนายเรือเหลือวันละสลึง บรรดาทหารต่างรู้สึกว่าถูกกษัตริย์ทอดทิ้ง ในขณะที่มหาดเล็กและผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทต่างได้ดิบได้ดี
ความคับแค้นใจที่ทหารเรือมีต่อพระองค์ ทำให้ทหารเรือแสดงออกโดยการเอาตอร์ปิโดประดับบนโต๊ะเสวยในงานเลี้ยงโรงเรียนนายเรือที่พระองค์เสด็จเป็นประธาน หรือการก่อวิวาทกับบรรดามหาดเล็กบ่อยครั้ง นำไปสู่การปลดพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ จากตำแหน่งอาจารย์เมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2454 มีเนื้อความว่า "พวกนายทหารเรือที่ได้ศึกษาวิชาการมาจากโรงเรียนนายเรือมีความอิ่มเอิบกำเริบใจ จนไม่รู้สึกพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าแผ่นดิน มีความมัวเมาไปด้วยกำลังโมหจริตแห่งตน...นี่เพราะผู้ฝึกสอนและเปนใหญ่ปกครองละเลยไม่กำหราบศิษย์ อันมีจิตร์ฟุ้งสร้าน ศิษย์จึงมีความละเลิงใจ"
สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทรงเล็งเห็นหลากหลายปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นกัน ทรงโน้มน้าวให้พระมงกุฎเกล้าแก้ไขนโยบายหลายอย่าง เช่นทรงมองว่าการตั้งกองเสือป่ามีหลักการที่ดีแต่ก็มีจุดบกพร่องที่ต้องแก้ไขมาก แต่คำแนะนำทั้งหมดถูกพระมงกุฎเกล้าเพิกเฉย
กบฏ ร.ศ. 130
ความคับแค้นใจต่อการปกครองของพระองค์จากเหตุปัจจัยข้างต้น ทำให้นายทหารกลุ่มหนึ่งและวางแผนลอบปลงพระชนม์และเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบใหม่ (ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญไม่ก็ระบอบสาธารณรัฐ) ซึ่งคณะผู้ก่อการได้รวมตัวกันเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2455 ประกอบด้วยผู้ร่วมคณะเริ่มแรกจำนวน 7 คน คือ ร.อ.ขุนทวยหาญพิทักษ์, ร.ต.เหรียญ ศรีจันทร์, ร.ต.จรูญ ษตะเมษ, ร.ต.เนตร์ พูนวิวัฒน์ จาก กองปืนกล รักษาพระองค์, ร.ต.ปลั่ง บูรณโชติ, ร.ต.หม่อมราชวงศ์แช่ รัชนิกร, ร.ต.เขียน อุทัยกุล
คณะผู้ก่อการวางแผนจะก่อการในวันที่ 1 เมษายน ซึ่งเป็นวันพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา และวันขึ้นปีใหม่ ผู้ที่จับฉลากว่าต้องเป็นคนลงมือลอบปลงพระชนม์ คือ ร.อ.ยุทธ คงอยู่ เกิดเกรงกลัวความผิด จึงนำความไปแจ้งหม่อมเจ้าพันธุ์ประวัติ ผู้บังคับการกรมทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ และพากันนำความไปแจ้งกรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ความทราบไปถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประทับอยู่ที่พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม คณะผู้ก่อการทั้งหมดจึงถูกจับกุมเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์
ภายหลังการกวาดล้างกบฏ พระมงกุฎเกล้าให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์สยามออฟเซิร์ฟเวอร์ ทรงแสดงท่าทีสนับสนุนให้เกิดระบบรัฐสภาเมื่อถึงเวลาอันควร
สยามเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
พ.ศ. 2457 สงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุขึ้นในทวีปยุโรป ทรงให้ความสนใจและติดตามข่าวการสงครามอย่างใกล้ชิด ในตอนแรกพระองค์มีนโยบายวางตัวเป็นกลาง แต่ก็เริ่มเอนเอียงไปเข้าข้างฝ่ายไตรภาคี (บริเตนใหญ่, ฝรั่งเศส และรัสเซีย) ในที่สุด ประเทศสยามประกาศตัวเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร และประกาศสงครามต่อจักรวรรดิเยอรมันและจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ในวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 การตัดสินพระทัยในครั้งนั้นได้รับการคัดค้านจากประชาชนทั่วไป เนื่องจากในสมัยนั้นมีคนสยามไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนีเป็นจำนวนมาก จึงนิยมและเคารพเยอรมนีเป็นเสมือนครูบาอาจารย์ และเยอรมนีไม่เคยสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้สยามมาก่อน
ชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรเปลี่ยนสถานะของสยามจากบ้านป่าเมืองเถื่อนห่างไกลเป็นประเทศที่เชิดหน้าชูตา และได้เป็นสมาชิกแรกก่อตั้งของสันนิบาตชาติที่ตั้งขึ้นใหม่หลังสงคราม และยังได้แก้ไขสนธิสัญญาที่สยามเสียเปรียบต่อประเทศอื่นๆด้วยกันถึง 13 ประเทศ การตัดสินพระทัยครั้งนี้ของพระองค์นับว่าถูกต้อง และช่วยกอบกู้ความนิยมของพระองค์ในหมู่ราษฎรได้ไม่น้อย
พระชนมชีพหลังสงครามโลก
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าอยู่หัวทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะศิลปการแสดง จนนับได้ว่ารัชสมัยของพระองค์เป็นยุคทองของศิลปะด้านการแสดง ทั้งแบบจารีตคือ โขน ละครนอก ละครใน และละครแบบใหม่ซึ่งได้รับอิทธิพลของประเทศตะวันตก อันได้แก่ ละครร้อง ละครพูด ละครดึกดำบรรพ์ ความสนพระทัยของพระองค์ต่องานแสดงนั้น มิใช่เพียงแต่การทอดพระเนตรดังเช่นรัชกาลที่ผ่านมา แต่ได้มีส่วนพระราชนิพนธ์บทละครทั้งภาษาไทย และภาษาต่างประเทศรวมประมาณ 180 เรื่อง ทรงควบคุมการแสดง และทรงแสดงร่วมด้วย
ในช่วงปลายรัชกาลทรงใช้เวลาส่วนพระองค์ไปกับการพระราชนิพนธ์บทละคร และบทความเพื่อตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ พระองค์ได้ออกหนังสือข่าวของ "ดุสิตธานี" ทั้งรายวันและรายสัปดาห์ คือ ดุสิตสมัย รายวัน และดุสิตสมิธ ราย 3 เดือน ซึ่งได้รับความนิยมมาก มีทั้งเรื่องการเมือง เรื่องตลกขบขัน เบ็ดเตล็ด และกวีนิพนธ์ ลักษณะเด่นคือมีการ์ตูนล้อการเมือง หนังสือพิมพ์เป็นเวทีแสดงออกซึ่งความคิดเห็นและสนามสำหรับแสดงโวหาร พระราชนิพนธ์ที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ได้แก่ "โคลนติดล้อ" เป็นการเขียนถึงสังคม ความเป็นอยู่ และการเมืองของไทย
ปัญหาทางการเงินและการสวรรคต
ในปี 2467 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยเสด็จเยือนสหพันธรัฐมลายู การแก้ไขสนธิสัญญาความไม่เท่าเทียมกันกับมหาอำนาจยุโรปคืบหน้าไปทีละน้อย ในขณะที่วิกฤตการณ์ทางการเงินกำลังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสยาม เนื่องจากมีการกู้เงินจากอังกฤษที่ทำให้ขุนนางและข้าราชการถูกปลดออกจำนวนมาก ในปี 2468 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ยุบมณฑลสุราษฎร์เข้ากับมณฑลนครศรีธรรมราชเพื่อประหยัดงบประมาณแผ่นดิน
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรพระโรคพระโลหิตเป็นพิษในพระอุทรตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 โดยทรงได้เสวยพระกระยาหารผิดสำแดงและทรงพระบังคน มีมดมาเกาะพระบังคนหมอจึงสรุปว่า มีเบาหวานแทรกซ้อนแต่พระอาการก็ทรงกับทรุด จนเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ภายในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 เวลา 1 นาฬิกา 45 นาที โดยได้อัญเชิญพระบรมศพไปประดิษฐาน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท รวมพระชนมพรรษาได้ 44 พรรษา และเสด็จดำรงสิริราชสมบัติได้ 15 พรรษา แต่รัชกาลที่ 7 มีพระราชประสงค์กำหนดวันสวรรคตของรัชกาลที่ 6 เป็นวันที่ 25 พฤศจิกายน และถือว่าวันพระมหาธีรราชเจ้าตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายน ในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2468 (นับแบบปัจจุบันเป็น พ.ศ. 2469) มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง ส่วนพระบรมราชสรีรางคารได้เชิญไปประดิษฐาน ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และเชิญไปประดิษฐาน ณ พระปฤศฤๅงค์ พระร่วงโรจน์ฤทธิ์ ส่วนพระบรมอัฐิส่วนหนึ่งเชิญไปประดิษฐาน ณ พระวิมานองค์กลาง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และ อีกส่วนหนึ่งเชิญไปประดิษฐาน ณ พระวิมานพระอัฐิ วังรื่นฤดี ของ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาพระองค์เดียว
ชีวิตส่วนพระองค์
ความรัก และการอภิเษกสมรส
เมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ มีพระราชดำริให้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธวิไลยลักษณา พระธิดาพระองค์กลางในสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ ถึงกับมีการหมายมั่นว่าพระองค์เจ้าสุทธวิไลยลักษณาจะได้เป็นสมเด็จพระราชินีในอนาคต แต่หลังจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศก็มิได้สนพระทัยในพระองค์เจ้าสุทธวิไลยลักษณานัก และเมื่อตอนปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงถูกเกณฑ์ให้เลือกคู่ แต่ก็มีพระราชกระแสว่า "ก็ฉัน ไม่รักนี่นา"
ครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 แล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงเพลินไปกับการอุทิศพระองค์เพื่อดำเนินพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ในอันที่จะทรงนำสยามประเทศก้าวขึ้นสู่การยอมรับของนานาอารยประเทศ กระทั่งปี พ.ศ. 2460 เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นฝ่ายชนะในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งแล้ว จึงได้มีพระราชกระแสทรงพระราชปรารภกับคุณมหาดเล็กที่ถวายงานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทว่า "รบศึกยังไม่ชนะ ยังไม่มีเมีย ชนะศึกมีเมียได้แล้ว" ทว่าเมื่อกองทหารอาสาที่ไปร่วมรบในงานพระราชสงคราม ณ ทวีปยุโรปเดินทางกลับมาถึงพระนคร ยังไม่ทันครบเดือน สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งทรงพระประชวรเรื้อรังมาแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ก็มาด่วนเสด็จสวรรคตไปอีกพระองค์หนึ่งเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2462 ในพระราชสำนักจึงต้องมีการไว้ทุกข์ถวายต่อเนื่องกันมาอีกหลายเดือน เสร็จการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2463 แล้ว จึงได้มีพระราชดำริให้มีการรื่นเริงเพื่อคลายทุกข์โศก เริ่มจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการประกวดภาพ ครั้งที่ 2 ที่ศาลาวรนาฏเวทีสถาน พระราชวังบางปะอิน ในระหว่างวันที่ 8-12 กรกฎาคม พ.ศ. 2463 แล้วมีกระแสพระราชดำรัสว่า "อยากจะให้ชาวกรุงเทพฯ ได้ชมการประกวดภาพแบบนี้บ้าง" จึงได้ทรงกำหนดให้มีการประกวดภาพครั้งที่ 3 ที่พระราชวังพญาไท ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ทำให้พระองค์ได้พบกับหม่อมเจ้าวรรณวิมล พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเป็นครั้งแรกที่ห้องทรงไพ่บริดจ์ในงานประกวดภาพเขียน ณ โรงละครวังพญาไท ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2463 พระองค์โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระนามของพระธิดาในกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ โดยพระนามของหม่อมเจ้าวรรณวิมล เปลี่ยนเป็น หม่อมเจ้าวัลลภาเทวี พร้อมกับขนิษฐาอีก 4 องค์ ที่รวมไปถึงหม่อมเจ้าวรรณพิมล ก็ได้รับพระราชทานพระนามเป็น หม่อมเจ้าลักษมีลาวัณ และต่อมาในวันที่ 9 พฤศจิกายนปีเดียวกัน ได้สถาปนาหม่อมเจ้าวัลลภาเทวี ขึ้นเป็น พระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี แต่ด้วยมีเหตุพระราชอัธยาศัยไม่ต้องกัน จึงมีพระบรมราชโองการถอนหมั้นลงเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2463 (แบบสากลคือ พ.ศ. 2464) และโปรดเกล้าฯ ให้ออกพระนามว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี
ต่อมาเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2464 ได้สถาปนาหม่อมเจ้าลักษมีลาวัณ พระขนิษฐาของอดีตพระวรกัญญาปทานขึ้นเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ ต่อมาเมื่อวันที่ 8 กันยายน ปีเดียวกัน จึงสถาปนา พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ ขึ้นเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ พร้อมกับทรงหมั้น และมีพระราชวินิจฉัยว่าจะได้ราชาภิเษกสมรสในภายหน้า แต่ในวันที่ 27 ตุลาคม ของปีนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงราชาภิเษกสมรสกับเปรื่อง สุจริตกุล อดีตนางสนองพระโอษฐ์ของอดีตพระวรกัญญาปทาน ได้รับการแต่งตั้งมีราชทินนามเป็น พระสุจริตสุดา แต่ก็มิได้ตั้งครรภ์ตามพระราชประสงค์
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2464 (แบบสากลคือ พ.ศ. 2465) จึงได้ราชาภิเษกสมรสกับประไพ สุจริตกุล น้องสาวของพระสุจริตสุดา และได้มีราชทินนามเป็น พระอินทราณี
ด้วยเหตุที่พระอินทราณีได้ตั้งครรภ์ จึงได้รับการสถาปนาเป็น พระวรราชชายาเธอ และพระบรมราชินี ตามลำดับ แต่ในปลายปีเดียวกันนั้นก็ได้สถาปนาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ ขึ้นเป็น พระนางเธอลักษมีลาวัณ แต่ทั้งสองพระองค์มิได้ราชาภิเษกสมรสหรือมีพระราชโอรสธิดาด้วยกัน ท้ายที่สุดจึงตัดสินพระทัยแยกกันอยู่
ภายหลังสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี ทรงตกพระครรภ์หลายครั้ง กระทั่งในปี พ.ศ. 2467 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้สถาปนาสุวัทนา อภัยวงศ์ ขึ้นเป็นเจ้าจอมสุวัทนา ต่อมาเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2468 ได้มีการเขียนพระราชพินัยกรรมขึ้น โดยได้เขียนไว้ว่าว่าห้ามนำพระอัฐิของพระองค์ตั้งคู่กับพระอัฐิของสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี หากจะตั้งก็ให้ตั้งคู่กับเจ้าจอมสุวัทนา เพราะทรงยกย่องว่าเป็น "เมียดีจริงๆ" และยังเป็นที่ทรงหวังว่าจะมีพระราชโอรสสืบไปได้ และด้วยเกิดเหตุหลายประการเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี อันมีเรื่องการตกพระครรภ์หลายครั้ง เป็นเหตุผลประการหนึ่ง จึงมีการลดพระอิสริยยศของสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี ลงเป็น พระวรราชชายา เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2468 ต่อมาในเดือนตุลาคมปีเดียวกันนั้นเองก็ได้มีการสถาปนาเจ้าจอมสุวัทนาซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะประสูติกาลพระบุตรในไม่ช้า ขึ้นเป็น พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี เพื่อ "...ผดุงพระราชอิศริยยศแห่งพระกุมารที่จะมีพระประสูติการในเบื้องหน้า"
แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวรหนักและมีพระอาการรุนแรงขึ้น ในยามนั้นพระองค์ประทับ ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีประทับ ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ซึ่งติดกับพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เพื่อทรงรอฟังข่าวพระประสูติการอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งพระนางเจ้าสุวัทนา มีพระประสูติการเจ้าฟ้าหญิงในวันที่ 24 พฤศจิกายน จากนั้นในเวลาบ่าย เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) ได้เข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ประสูติ “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ” เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว มีพระราชดำรัสว่า “ก็ดีเหมือนกัน” จนรุ่งขึ้นในวันพุธที่ 25 พฤศจิกายน เจ้าพระยารามราฆพ เชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์น้อยไปเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมชนกนาถผู้ทรงพระประชวรหนักบนพระแท่น เมื่อทอดพระเนตรแล้ว ทรงพยายามยกพระหัตถ์ขึ้นสัมผัสพระราชธิดา แต่ก็ทรงอ่อนพระกำลังมากจนไม่สามารถจะทรงยกพระหัตถ์ได้เนื่องจากขณะนั้นมีพระอาการประชวรอยู่ในขั้นวิกฤต เจ้าพระยารามราฆพจึงเชิญพระหัตถ์ขึ้นสัมผัสพระราชธิดา เมื่อจะเชิญเสด็จพระราชกุมารีกลับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงโบกพระหัตถ์แสดงพระราชประสงค์จะทอดพระเนตรพระราชธิดาอีกครั้ง จึงเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอมาเฝ้าฯ เป็นครั้งที่สอง และเป็นครั้งสุดท้ายแห่งพระชนมชีพจนกลางดึกคืนนั้นเองก็เสด็จสวรรคต
พระราชธิดาพระองค์นั้นต่อมาคือ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ได้รับพระราชทานพระนามจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2468 โดยมีสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า ทรงพระเมตตาเอาพระราชหฤทัยใส่ดูแลทั้งด้านพระอนามัยและความเป็นอยู่มาโดยตลอด ด้วยเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงพระประชวรหนักนั้น ได้มีพระราชดำรัสกับสมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าว่า “ขอฝากลูกด้วย” สมเด็จพระพันวัสสามาตุจฉาเจ้ายังได้มีพระราชกระแสถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “เจ้าฟ้านี่ ฉันตายก็นอนตาไม่หลับ พระมงกุฎฝากฝังเอาไว้” ต่อมาเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา พร้อมด้วยพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ได้เสด็จฯ ไปประทับที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 จนในปี พ.ศ. 2501 ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จฯ นิวัติกลับประเทศไทยเป็นการถาวรและประทับที่วังรื่นฤดีร่วมกัน ท้ายที่สุด สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีได้สิ้นพระชนม์ด้วยพระอาการติดเชื้อในกระแสพระโลหิตเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 16.37 นาฬิกา ณ ตึก 84 ปี โรงพยาบาลศิริราช สิริพระชนมายุได้ 85 พรรษา
พระราชสันตติวงศ์
พระมเหสี และพระสนม
พระภรรยาเจ้า ตำแหน่งพระวรราชเทวี | ||||
พระรูป | พระนาม | พระสกุลวงศ์ | พระราชธิดา | |
---|---|---|---|---|
พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี (เครือแก้ว อภัยวงศ์) | บุตรีของ พระยาอภัยภูเบศร (เลื่อม อภัยวงศ์) และ คุณเล็ก บุนนาค | สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี | ||
พระภรรยาเจ้าชั้นหลานหลวง พระนางเธอ | ||||
พระรูป | พระนาม | พระสกุลวงศ์ | พระราชบุตร | |
พระนางเธอ ลักษมีลาวัณ (หม่อมเจ้าวรรณพิมล วรวรรณ) | พระธิดาใน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้นที่ 4 กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ และ หม่อมหลวงตาด วรวรรณ (สกุลเดิม มนตรีกุล) | ไม่มีพระราชโอรส-ธิดา | ||
พระภรรยาเจ้า ตำแหน่ง พระวรราชชายา | ||||
พระฉายาลักษณ์ | พระนาม | พระสกุลวงศ์ | พระราชบุตร | |
สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา (ประไพ สุจริตกุล) | บุตรีของ เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (ปลื้ม สุจริตกุล) และ ท่านผู้หญิงกิมไล้ สุธรรมมนตรี |
| ||
พระสนมเอก | ||||
รูป | ชื่อ | ชาติตระกูล | พระราชบุตร | |
พระสุจริตสุดา (เปรื่อง สุจริตกุล) | บุตรีของ เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (ปลื้ม สุจริตกุล) และ ท่านผู้หญิงกิมไล้ สุธรรมมนตรี | ไม่มีพระราชโอรส-ธิดา | ||
อดีตพระคู่หมั้น | ||||
พระรูป | พระนาม | พระสกุลวงศ์ | พระราชบุตร | |
พระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี (หม่อมเจ้าวรรณวิมล วรวรรณ) | พระธิดาใน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้นที่ 4 กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ และ หม่อมอินทร์ วรวรรณ ณ อยุธยา | ไม่มีพระราชโอรส-ธิดา |
พระราชโอรสและพระราชธิดา
พระราชกรณียกิจ
ด้านการศึกษา
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังดำรงพระอิสริยยศสยามมกุฎราชกุมารได้เสด็จพระราชทานนาม โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2448 ซึ่งเป็นโรงเรียนรัฐบาลแห่งแรกของเชียงใหม่ และพระราชทานนาม โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2449 ซึ่งก่อตั้งโดยคณะมิชชันนารีอเมริกา ซึ่งไม่เป็นเพียงแต่การนำรูปแบบการศึกษาตะวันตกมายังหัวเมืองเหนือเท่านั้น แต่ยังแฝงนัยการเมืองระหว่างประเทศเอาไว้ด้วย เห็นได้จากการเสด็จประพาสมณฑลพายัพทั้งสองครั้งระหว่าง พ.ศ. 2448-2450 พระองค์ได้ทรงสนพระทัยในกิจการโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น โดยพระองค์ทรงบันทึกไว้ในพระราชนิพนธ์ "เที่ยวเมืองพระร่วง" และ "ลิลิตพายัพ" ทั้งนี้ เป้าหมายของการจัดการศึกษายังแฝงประโยชน์ทางการเมืองที่จะให้ชาวท้องถิ่นกลมเกลียวกับไทยอีกด้วย
พระองค์ทรงริเริ่มสร้างโรงเรียนขึ้นแทนวัดประจำรัชกาล ได้แก่ โรงเรียนมหาดเล็กหลวง (ปัจจุบัน คือ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย) ทั้งยังทรงสนับสนุนกิจการของโรงเรียนราชวิทยาลัยซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นในปี พ.ศ. 2440 (ปัจจุบัน คือ โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์) และในปี พ.ศ. 2459 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานโรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นเป็น “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย
ด้านการเศรษฐกิจ
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติคลังออมสิน พ.ศ. 2456 ขึ้น เพื่อให้ประชาชนรู้จักออมทรัพย์และเพื่อความมั่นคงในด้านเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังทรงริเริ่มก่อตั้งบริษัทปูนซิเมนต์ไทยขึ้น ทรงจัดตั้งสภาเผยแผ่พาณิชย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานคล้ายกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจในปัจจุบัน และใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ ธนาคารสยามกัมมาจล ทุนจำกัด (ปัจจุบันคือ ธนาคารไทยพาณิชย์) ซึ่งมีปัญหาการเงิน ทำให้ธนาคารของคนไทยแห่งนี้ดำรงอยู่มาได้
อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายในราชสำนักของพระองค์ค่อนข้างฟุ่มเฟือย กระทรวงพระคลังมหาสมบัติต้องถวายเงินเพิ่มขึ้นมากในพระคลังข้างที่ ทั้งนี้เพราะเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงหมกมุ่นอยู่กับแต่ศิลปะวิทยาการ ทำให้การคลังของประเทศอ่อนแอ รายจ่ายของแผ่นดินมีสูงกว่ารายได้ ส่งผลให้เกิดยุคข้าวยากหมากแพงในตอนปลายรัชกาล ไปจนถึงในรัชกาลถัดไป
ด้านสังคม
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2454 ทรงจัดตั้งกองเสือป่าและทรงจัดตั้งกองลูกเสือกองแรกขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง (วชิราวุธวิทยาลัย ในปัจจุบัน) ด้านการฝึกสอนระบอบประชาธิปไตย ทรงทดลองตั้ง "เมืองมัง" หลังพระตำหนักจิตรลดาเดิม ทรงจัดให้เมืองมัง มีระบอบการปกครองของตนเองตามวิถีทางประชาธิปไตย รวมถึงเมืองจำลอง "ดุสิตธานี" ในพระราชวังดุสิต (ต่อมาทรงย้ายไปที่พระราชวังพญาไท) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งวชิรพยาบาลเมื่อ พ.ศ. 2455 และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เมื่อ พ.ศ. 2457 ทรงเปิดสถานเสาวภา เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2465 เพื่อผลิตวัคซีนและเซรุ่ม เป็นประโยชน์ทั้งแก่ประชาชนชาวไทยและประเทศใกล้เคียงอีกด้วย ทรงเปิดการประปากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2457 ในปี พ.ศ. 2460 ทรงตั้งกรมรถไฟหลวง และเริ่มเปิดการเดินรถไฟสายกรุงเทพมหานครถึงจังหวัดเชียงใหม่ สายใต้จากธนบุรีเชื่อมกับปีนังและสิงคโปร์ อีกทั้งยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างสะพานพระราม 6 เพี่อเชื่อมทางรถไฟไปยังภูมิภาคอื่น
พระองค์ทรงยกเลิกบ่อนการพนัน หวย ก.ข. และลดการค้าฝิ่น ซึ่งเป็นอบายมุขมอมเมาประชาชน แม้ว่าจะเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาลแหล่งหนึ่งก็ตาม ทรงโปรดให้มีการตั้งนามสกุลเหมือนกับประเทศอื่น ๆ โดยให้ตราพระราชบัญญัติขนานนามสกุล เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2455 และมีการพระราชทานนามสกุลให้แก่หลายครอบครัวที่เรียกว่า นามสกุลพระราชทานจำนวน 6,464 นามสกุล ทรงประกาศให้มีการใช้พุทธศักราชแทนรัตนโกสินทร์ศก เพราะมีพระราชดำริว่าการใช้รัตนโกสินทร์ศกมีข้อบกพร่องตรง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เริ่มใช้พุทธศักราช เป็นศักราชในทางราชการมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2456 นอกจากนี้ทรงให้เปลี่ยนการนับเวลามาเรียกว่านาฬิกาและนับเวลาทางราชการใหม่ให้สอดคล้องกับธรรมเนียมสากลนิยม โดยให้ถือเวลาหลังเที่ยงคืนเป็นวันรุ่งขึ้นหรือวันใหม่ ซึ่งจากเดิมประเทศไทยนับเวลาตอนกลางวันเป็นโมง ตอนกลางคืนเป็นทุ่ม
เมื่อรัชกาลที่ 6 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังเมืองอุทัยธานี ซึ่งขณะนั้นประสบเหตุอุทกภัยและทอดพระเนตรเห็นธงช้างของราษฎรซึ่งตั้งใจรอรับเสด็จไว้ถูกติดกลับหัว พระองค์จึงมีพระราชดำริว่า ธงชาติต้องมีรูปแบบที่สมมาตรเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนรูปแบบธงชาติอีกครั้ง โดยเปลี่ยนเป็นธงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีแถบยาวสีแดง 3 แถบ สลับกับแถบสีขาว 2 แถบ ซึ่งเหมือนกับธงชาติไทยในปัจจุบัน แต่มีเพียงสีแดงสีเดียว ซึ่งธงนี้เรียกว่า ธงแดงขาว 5 ริ้ว (ชื่อในเอกสารราชการเรียกว่า ธงค้าขาย) พ.ศ. 2460 แถบสีแดงที่ตรงกลางธงค้าขายได้เปลี่ยนเป็น สีน้ำเงินขาบ หรือสีน้ำเงินเข้มเจือม่วงดังปรากฏอยู่ในปัจจุบัน เหตุที่รัชกาลที่ 6 ทรงเลือกสีนี้เพราะสีขาบเป็นสีประจำพระองค์ที่โปรดมาก เนื่องจากเป็นสีประจำวันพระราชสมภพคือวันเสาร์ ตามคติโหราศาสตร์ไทย ธงชาติแบบใหม่นี้ได้รับพระราชทานนามว่า "ธงไตรรงค์" ในปีพ.ศ. 2460 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาคำนำหน้านามกำหนดให้ใช้คำนำหน้านามอย่างอารยประเทศ นั่นคือ ให้มีคำว่า เด็กชาย เด็กหญิง นาย นาง และนางสาวนำหน้าชื่อ
ด้านศิลปวัฒนธรรม
ทรงตั้งกรมมหรสพ เพื่อฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมไทย และยังได้ทรงสร้างโรงละครหลวงไว้ในพระราชวังทุกแห่ง นอกจากนี้ ยังทรงสนพระราชหฤทัยด้านจิตรกรรมและสถาปัตยกรรมไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกแบบอาคารสมัยใหม่เป็นแบบทรงไทย เช่น ตึกอักษรศาสตร์ ซึ่งเป็นอาคารเรียนหลังแรกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาคารโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ทรงส่งเสริมให้มีการแต่งหนังสือ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติวรรณคดีสโมสรย สำหรับในด้านงานหนังสือพิมพ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติสมุด เอกสาร พ.ศ. 2465 ขึ้น
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสนับสนุนศิลปะการแสดงโขนด้วยการพระราชนิพนธ์บท ทรงควบคุมการจัดแสดงและฝึกซ้อมด้วยพระองค์เอง และทรงโปรดให้ครูโขนละครจากคณะของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) เป็นผู้ฝึกหัดคณะโขของพระองค์ ด้านการละครทรงนำแบบอย่างมาเผยแพร่ ทั้งบทละคร วีธีแสดง การวางตัวละครบนเวที การเปล่งเสียงพูด พระองค์ทรงมีบทบาททั้งการพระราชนิพนธ์บทละคร ทรงควบคุมการแสดงและทรงแสดงร่วม พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์บทร้องประกอบเนื้อเรื่อง ทั้งทำนองเพลงไทยและเพลงสากล นอกจากนี้ยังทรงโปรดฯให้มีการสอนและฝึกซ้อมดนตรีไทยควบคู่ไปกับการเรียนการสอนวิชาสามัญ
ด้านการต่างประเทศ
ขณะดำรงพระยศเป็นสยามมกุฎราชกุมาร ในระหว่างปิดภาคเรียนขณะทรงศึกษาที่ประเทศอังกฤษ พระองค์ทรงศึกษาภาษาฝรั่งเศส และเสด็จทอดพระเนตรกิจการทหารของประเทศในภาคพื้นยุโรปเป็นเนืองนิจ ในปีพ.ศ. 2445 ขณะทรงพระชนมายุ 22 พรรษา หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดแล้ว พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรปจนถึงประเทศอียิปต์ เพื่อเป็นการเจริญสัมพันธไมตรี จากนั้นประทับอยู่ในกรุงลอนดอนระยะหนึ่งเพื่อเตรียมพระองค์นิวัตประเทศไทย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการประกาศสงครามกับประเทศฝ่ายเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 โดยประเทศไทยได้เข้าร่วมกับประเทศฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งประกอบด้วยประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซียเป็นผู้นำ พร้อมทั้งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งทหารไทยอาสาสมัครไปร่วมรบในสมรภูมิยุโรปด้วย ผลของสงครามประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรได้ชัยชนะ ทำให้ประเทศไทยมีโอกาสเจรจากับประเทศมหาอำนาจหลายประเทศ ในการแก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม เช่น สนธิสัญญาสิทธิสภาพนอกอาณาเขต สนธิสัญญาจำกัดอำนาจการเก็บภาษีของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สนธิสัญญาจำกัดอำนาจกลางประเทศไทย
พระบรมราชานุสรณ์
พระบรมราชานุสาวรีย์
ภายหลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ขึ้นหลายแห่ง เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ
พระบรมราชานุสาวรีย์หลัก
มีพระบรมราชานุสาวรีย์ที่เป็นจุดหลักที่พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี และ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เคยเสด็จไปทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะในวันที่ 25 พฤศจิกายน ของทุกปี จำนวน 5 สถานที่ ดังนี้
- พระบรมราชานุสรณ์ ณ สวนลุมพินี
เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งแรกในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างด้วยทรัพย์พระราชทานจากพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี โดยประทานพระอนุญาตให้หักเงินรายได้ของพระองค์ 2 ใน 3 จากรายได้ทั้งหมด และทรัพย์พระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซึ่งพระราชทานสมทบอีกส่วนหนึ่ง โดยส่วนที่เหลือรัฐบาลเป็นผู้อนุมัติงบจัดสร้าง สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2485 ประดิษฐาน ณ สวนลุมพินี ซึ่งเป็นบริเวณที่ดินส่วนพระองค์ ที่พระราชทานไว้เป็นสมบัติของประชาชน ทั้งนี้ในวันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือผู้แทนพระองค์ จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลา ถวายบังคมพระบรมรูป
เป็นอนุสรณ์สถานที่ระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวาระครบรอบ 70 ปี แห่งการสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าหอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
- พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ วชิราวุธวิทยาลัย
เริ่มจัดสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2505 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ได้เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีประดิษฐานพระบรมรูป ณ พระบรมราชานุสรณ์หน้าหอประชุม และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ที่หน้าหอประชุม เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2508
- พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ กรมการรักษาดินแดน
เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นภายหลัง ประดิษฐานอยู่กลางวงเวียนภายในหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (กรมการรักษาดินแดน เดิม)
- พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ สำนักงานใหญ่ธนาคารออมสิน
ประดิษฐานบริเวณหน้าอาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารออมสิน ถนนพหลโยธิน โดยธนาคารได้จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้พระราชทานกำเนิดธนาคาร และพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2509
พระบรมราชานุสาวรีย์บริเวณอื่น ๆ
- พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ โรงเรียนวัดสุทธิวราราม
เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเมื่อคราวที่โรงเรียนสถาปนาครบรอบ 96 ปีและเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานนามโรงเรียนและมีพระราชหัตถเลขาชมเชยการสร้างโรงเรียนแทนการสร้างวัดวาอารามด้วยต้องตามพระราชนิยม และให้ประกาศออกไปทั่วพระราชอาณาจักรให้ราษฎรสร้างโรงเรียนแทนวัด นับเป็นโรงเรียนแรกในรัชสมัยที่พสกนิกรสร้างโรงเรียนถวายให้กับราชการ พระบรมราชานุสาวรีย์นี้อยู่ในพระอิริยาบถทรงยืน ฉลองพระองค์ชุดเสือป่าราบหลวง ด้านซ้ายของพระบรมรูปมีรูปหล่อโลหะเด็กชายสวมเครื่องแบบนักเรียนโรงเรียนวัดสุทธิวรารามนั่งถวายพานพุ่ม ส่วนด้านขวาของพระบรมรูปมีรูปหล่อโลหะเด็กชายสวมเครื่องแบบลูกเสือโรงเรียนวัดสุทธิวรารามนั่งถวายพานพุ่ม ทั้งหมดเป็นฝีมือของช่างจากกรมศิลปากร ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ด้านหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 และมีพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะในวันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าวันที่ 25 พฤศจิกายน ของทุกปี
- พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ พระราชวังสนามจันทร์
เป็นพระบรมรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับพระเก้าอี้ ฉลองพระองค์ชุดเสือป่าราบหลวงอย่างเก่าแบบทรงม้า เป็นฝีมือของช่างจากกรมศิลปากร ส่วนราชการจังหวัดนครปฐม ได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้กลางพระราชวังสนามจันทร์ หลังเทวาลัยคเณศร์ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2525
- พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ พระราชวังพญาไท
เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นในภายหลัง เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์หล่อสำริดทรงยืนตั้งอยู่ด้านหน้าอาคารเทียบรถพระที่นั่ง เป็นพระบรมรูปที่หล่อขึ้นมีขนาดเท่าพระองค์จริงทรงเครื่องยศจอมพลทหารบกประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี
- พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิทหมายเลข 3 กิโลเมตรที่ 6 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2544 โดยพลเรือโทสุทัศน์ ขยิ่ม ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ได้ร่วมกับข้าราชการ ประชาชน และผู้มีจิตศรัทธาจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชสักการะ และแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานที่ดินทรงสงวน บริเวณอำเภอสัตหีบ ที่กองทัพเรือใช้เป็นที่ตั้งฐานทัพเรือ โดยกองทัพเรือจะจัดพิธีวางพวงมาลาทุกวันที่ 25 พฤศจิกายน เป็นประจำทุกปี
- พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
ประดิษฐานบนแท่นหน้าตึกยุพราช โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จัดสร้างขึ้นเมื่อพ.ศ. 2557 เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระอิสริยศยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชในรัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานนามโรงเรียนว่า "โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย" ซึ่งมีความหมายว่า "โรงเรียนของสมเด็จพระยุพราช (สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร)"
- พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ ค่ายหลวงบ้านไร่
ตั้งอยู่ ณ ค่ายหลวงบ้านไร่ ตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี มีพิธีวางศิลาพระฤกษ์พระบรมราชานุสาวรีย์เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 เนื่องจากค่ายหลวงบ้านไร่ เคยเป็นค่ายฝึกซ้อมรบเสือป่า ซึ่งเป็นตันกำเนิดของกิจการลูกเสือ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล และทางราชการเห็นว่าสถานที่แห่งนี้มีความสำคัญจึงได้สร้างพระบรมราชาอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ บ้านไร่แห่งนี้
- พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ค่ายวชิราวุธ) จังหวัดนครศรีธรรมราช
ตั้งอยู่ ภายในค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่สี่ ค่ายทหารแห่งแรกในภูมิภาค
- พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ เนติบัณฑิตยสภา
ตั้งอยู่ บริเวณหน้าอาคารเนติบัณฑิตยสภา เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร
- พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
ตั้งอยู่ บริเวณหน้าอาคาร SCG 100 ปี ภายในบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร
วชิราวุธวิทยาลัย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานกำเนิดโรงเรียนมหาดเล็กหลวงขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2453 เพื่อโรงเรียนแห่งนี้เป็นสถาบันที่ให้การศึกษาอย่างแท้จริงแก่กุลบุตรชาวไทย และเป็นเสมือนพระอารามหลวงประจำรัชกาล และพระราชทานนามโรงเรียนแห่งนี้ว่า "โรงเรียนมหาดเล็กหลวง" ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามโรงเรียนให้ใหม่ว่า “วชิราวุธวิทยาลัย” เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียนสืบต่อไป
พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 และชั้น 3 อาคารราชวัลลภ ภายในหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ตรงข้ามวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ถนนเจริญกรุง จัดแสดงพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ พระราชนิพนธ์ เครื่องใช้ส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เช่น ชุดฉลองพระองค์ พระมาลา รองพระบาท อาวุธต่างๆ ในสมัยนั้น และประวัติความเป็นมาของกองกิจการเสือป่า ซึ่งทรงก่อตั้งและพัฒนามาเป็นนักศึกษาวิชาทหารในปัจจุบัน
หอวชิราวุธานุสรณ์
ก่อตั้งโดย หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล โดยถวายให้ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงรับเป็นองค์ประธาน สร้างขึ้นเพื่อฉลองวันพระบรมราชสมภพครบ 100 ปีของพระบาทสมเด็จพระมุงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2524 ตั้งอยู่ในบริเวณหอสมุดแห่งชาติ ถนนสามเสน กรุงเทพมหานคร เป็นอาคารทรงไทยขนาดใหญ่ อยู่ทิศเหนือของอาคารหอสมุดแห่งชาติ ชิดกับรั้วบริเวณท่าสุกรีซึ่งเคยเป็นที่ประทับแรม ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวหลายครั้งหลายหน สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงประกอบพิธีวางศิลาพระฤกษ์ในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ครบ 8 รอบ เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2520
สถานที่อันเนื่องด้วยพระนาม
- อาคารมหาวชิราวุธ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- อาคารมหาวชิราวุธ วชิรพยาบาล
- อาคารเทพทวารวดี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- อาคารวชิรมงกุฎ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
- อาคารวชิรมงกุฎ วชิราวุธวิทยาลัย
- ประตูอัศวพาหุ วชิราวุธวิทยาลัย
- ประตูเยาวราช วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งตามพระอิสริยยศในขณะนั้น สมเด็จพระบรมโอสาธิราชฯ ทั้งสร้างถวายพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช (พระเยาวราช พระยุพราช )
- สวนรื่นฤดี สถานที่ปลูกพลับพลาที่ประทับ ครั้งเสด็จมาก่อตั้งและเปิดค่ายวชิราวุธ จังหวัดนครศรีธรรมราช
พระบรมราชอิสริยยศและพระเกียรติยศ
ธรรมเนียมพระยศของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว | |
---|---|
พระราชลัญจกร | |
ธงประจำพระอิสริยยศ | |
ตราประจำพระองค์ | |
การทูล | ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท |
การแทนตน | ข้าพระพุทธเจ้า |
การขานรับ | พระพุทธเจ้าข้าขอรับ/เพคะ |
พระบรมราชอิสริยยศ
- สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ (1 มกราคม พ.ศ. 2424 - 14 มีนาคม พ.ศ. 2431)
- สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ กรมขุนเทพทวาราวดี (14 มีนาคม พ.ศ. 2431 - 4 มกราคม พ.ศ. 2438)
- สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร (4 มกราคม พ.ศ. 2438 - 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453)
- สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชผู้ทรงสำเร็จราชการแผ่นดิน (23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 – 25 ตุลาคม พ.ศ. 2453)
- สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (25 ตุลาคม พ.ศ. 2453 – 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453)
- พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453 – 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2459)
- พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2459 – 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468)
พระราชลัญจกรประจำพระองค์
พระราชลัญจกรประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แก่ พระวชิระ ซึ่งมาจากพระบรมนามาภิไธยก่อนทรงราชย์ นั่นคือ "มหาวชิราวุธ" ซึ่งหมายถึง สายฟ้าอันเป็นศาสตราวุธของพระอินทร์ พระราชลัญจกรพระวชิระนั้น เป็นตรางา รูปรี กว้าง 5.5 ซ.ม. ยาว 6.8 ซ.ม. มีรูปวชิราวุธเปล่งรัศมีที่ยอด ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า 2 ชั้น มีฉัตรบริวารตั้งขนาบทั้งสองข้าง
พระพุทธรูปประจำพระองค์
- พระพุทธรูปประจำพระชนมวาร เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก 7 เศียร ประทับใต้ต้นจิก สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2453 สร้างด้วย ทองคำลงยาประดับอัญมณี ความสูงถึงยอดต้นจิก 20.70 เซนติเมตร ประดิษฐาน ณ.หอพระ วิมานองค์ขวา พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
- พระพุทธรูปประจำรัชกาล สร้างราว พ.ศ. 2468-2475 หน้าตักกว้าง 7.5 ซ.ม. สูงเฉพาะองค์พระ 12 ซ.ม. สูงรวมฉัตร 39 ซ.ม. สร้างด้วยทองคำ ภายใต้ฉัตรปรุทอง 3 ชั้น
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
- พ.ศ. 2432 – เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2453 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ (น.ร.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2443 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ (ป.จ.ว.)
- พ.ศ. 2454 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์ (ร.ว.) (ฝ่ายหน้า) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2461 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 1 เสนางคะบดี (ส.ร.)
- พ.ศ. 2453 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
- พ.ศ. 2461 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
- พ.ศ. 2462 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์วัลลภาภรณ์ (ว.ภ.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2454 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์วชิรมาลา (ว.ม.ล.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เหรียญราชนิยม (ร.น.)
- พ.ศ. 2461 – เหรียญงานพระราชสงครามยุโรป
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการแผ่นดิน (ร.ด.ม.(ผ))
- พ.ศ. 2446 – เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)
- พ.ศ. 2451 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 ชั้นที่ 1 (จ.ป.ร.1)
- พ.ศ. 2453 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1 (ว.ป.ร.1)
- พ.ศ. 2454 – เหรียญราชรุจิทอง รัชกาลที่ 6 (ร.จ.ท.6)
- พ.ศ. 2454 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (ร.ร.ศ.6)
- พ.ศ. 2466 – เหรียญชัย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
- สหราชอาณาจักร :
- พ.ศ. 2461 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์บาธ ชั้นที่ 1 (GCB)
- พ.ศ. 2445 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดาราแห่งอินเดีย ชั้นที่ 1 (GCSI)
- พ.ศ. 2445 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์รอยัลวิกตอเรียน ชั้นอัศวินสูงสุด (CGVO)
- สเปน :
- พ.ศ. 2445 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์ขนแกะทองคำ ชั้นอัศวิน
- พ.ศ. 2440 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชาร์ลส์ที่ 3 ชั้นที่ 1
- สวีเดน :
- พ.ศ. 2440 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์เซราฟีม
- เดนมาร์ก :
- พ.ศ. 2440 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไอยรา
- อิตาลี :
- พ.ศ. 2445 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดของการประกาศศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
- ออสเตรีย-ฮังการี :
- พ.ศ. 2445 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์ของนักบุญสเทเฟนแห่งฮังการี ชั้นที่ 1
- ญี่ปุ่น :
- พ.ศ. 2445 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ
- บาเดน :
- พ.ศ. 2445 - เครื่องอิสริยาภรณ์บ้านของความซื่อสัตย์
- เยอรมนี :
- พ.ศ. 2445 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎปรัสเซียน
- ฝรั่งเศส :
- พ.ศ. 2446 - เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ ชั้นมหากางเขน
- เบราน์ชไวค์ :
- พ.ศ. 2452 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์สิงโตไฮน์ริช ชั้นที่ 1 (พิเศษ)
พระยศทหารและกองเสือป่า
- 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453: จอมพล
- 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453: จอมพลเรือ
- นายกองใหญ่แห่งกองเสือป่า
พระราชสมัญญา
- พระบิดาแห่งการลูกเสือไทย
- พระบิดาแห่งฟุตบอลไทย
พงศาวลี
แผนผัง
(1) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช | สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท | สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(2) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย | สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ | สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(3) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว | (4) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าปิ๋ว | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าโสมนัส | (5) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ | สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ | กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอิศริยาลงกรณ์ | (6) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าตรีเพ็ชรุตม์ธำรง | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์ | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ | สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา | สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย | (7) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(8) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร | (9) พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(10) พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- "สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ระหว่างกรุงสยามกับอังกฤษ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 28 (ก): 158. 13 สิงหาคม ร.ศ. 130. สืบค้นเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
((help))
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phrabathsmedcphraramathibdisrisinthrmhawchirawuth phramngkudeklaecaxyuhw 1 mkrakhm ph s 2424 26 phvscikayn ph s 2468 epnphramhakstriysyam rchkalthi 6 aehngrachwngsckriaelaepnphramhakstriyrchkalthi 50 tamprawtisastrithy esdcphrarachsmphphemuxwnesar khun 2 kha eduxnyi pimaorng othsk c s 1242 trngkbwnthi 1 mkrakhm ph s 2424 epnphrarachoxrsphraxngkhthi 32 inphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw epnphraxngkhthi 3 insmedcphrasriphchrinthrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng eswyrachsmbtiemuxwnxathitythi 23 tulakhm picx ph s 2453 aelaesdcswrrkhtemuxwnphvhsbdithi 26 phvscikayn ph s 2468 pichlu rwmphrachnmphrrsa 44 phrrsa darngrachsmbtirwm 15 piphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwphramhathirrachecaphrabrmchayalksn phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwsmedcphraecakrungsyamkhrxngrachy23 tulakhm ph s 2453 26 phvscikayn ph s 2468 15 pi 34 wn rachaphiesk11 phvscikayn ph s 2453kxnhnaphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwthdipphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhwphusaercrachkarsmedcecafa krmhlwngsuokhthythrrmrachaphrarachsmphph1 mkrakhm ph s 2424 phrabrmmharachwng emuxngphrankhr praethssyam pccubn krungethphmhankhr praethsithy swrrkht26 phvscikayn ph s 2468 44 phrrsa phrathinngckrphrrdiphiman phrabrmmharachwng cnghwdphrankhr mnthlkrungethph praethssyam pccubn krungethphmhankhr praethsithy thwayphraephling24 minakhm ph s 2469 phraemrumas thxngsnamhlwngbrrcuphrabrmxthiphrawimanthxngklang bnphrathinngckrimhaprasathphramehsisuwthna xphywngs smrs 2467 phraecawrwngsethx phraxngkhecalksmilawn smrs 2465 praiph sucritkul smrs 2465 phrasnmepruxng sucritkul smrs 2464 phrarachthidasmedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdiphranamedimsmedcphraecalukyaethx ecafamhawchirawuthwdpracarchkalwdbwrniewswihar xnuolm phraphuththruppracaphrachnmwarphraphuththruppangnakhprkrachwngsckriphrarachbidaphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwphrarachmardasmedcphrasriphchrinthrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwngsasnaethrwathlayphraxphiithykarsuksaorngeriynnayrxythharbkaesndehist mhawithyalyxxksfxrdysthiidrbkaraetngtngrbichsyamaephnk wbr sngkdkxngthphsyam kxngesuxpachnyscxmphl cxmphlerux naykxngihy phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw miphraxcchriyphaphaelathrngbaephyphrarachkrniykicinhlaysakha thngdankaremuxngkarpkkhrxng karthhar karsuksa karsatharnsukh kartangpraeths aelathisakhythisudkhuxdanwrrnkrrmaelaxksrsastr idthrngphrarachniphnthbthrxyaekwaelarxykrxngiwnbphneruxng krathngthrngidrbkarthwayphrarachsmyyaemuxesdcswrrkhtaelwwa smedcphramhathirracheca phraxngkhepnphramhakstriyphraxngkhaerkinrachwngsckrithiimmiwdpracarchkal aetidthrngmikarsthapnaorngeriynmhadelkhlwng hruxwchirawuthwithyalyinpccubnkhunaethn dwythrngphrarachdariwaphraxaramnnmimakaelw aelakarsrangxaraminsmykxnnnkephuxbarungkarsuksakhxngeyawchnkhxngchati cungthrngphrarachdariihsrangorngeriynkhunaethn phrabrmrachanusawriyaehngaerkkhxngphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwsrangaelwesrcemux ph s 2485 pradisthan n swnlumphini sungepnbriewnthidinswnphraxngkhthiphrarachthaniwepnsmbtikhxngprachachn ephuxcdnganaesdngsinkhaithyaekchawolkepnkhrngaerk ephuxbarungesrsthkicaelaphanichykrrmkhxngpraeths aetmithnidcdkesdcswrrkhtesiykxn aelathrngtngphrarachhvthywaemuxesrcnganaelw caphrarachthanepnswnsatharnaphkphxnhyxnicaehngaerkinkrungethph thngni inwnkhlaywnswrrkhtkhxngthukpi wnthi 25 phvscikayn phrabathsmedcphraecaxyuhw hruxphuaethnphraxngkh caesdcphrarachdaeninipthrngwangphwngmala thwaybngkhmphrabrmrachanusrn n swnlumphiniaehngni inwnnnmihnwyrachkar hnwynganexkchn nisitnksuksa phxkhaprachachncanwnmakipwangphwngmalathwayrachskkara aelayngthrngphrakrunaoprdekla ihbaephyphrarachkuslxuthisthway n wchirawuthwithyaly in ph s 2524 yuensok UNESCO idykyxngphraekiyrtikhunkhxngphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwwathrngepnbukhkhlsakhykhxngolk phumiphlngandiedndanwthnthrrm inthanathithrngepnnkprachy nkpraphnth kwi aelankaetngbthlakhriwepncanwnmakphrarachprawtiphrarachsmphph phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw epnphrarachoxrsxngkhthi 29 inphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw aelaepnxngkhthi 2 thiprasutiaetsmedcphrasriphchrinthrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng esdcphrarachsmphphemuxwnesar khun 2 kha eduxnyi pimaorng othsk c s 1242 trngkbwnthi 1 mkrakhm ph s 2423 nbaebbpccubnepn ph s 2424 ephlaxikbatrhnung thung 3 omngecha n phrathinnginphrabrmmharachwngchnin miphraechsthphkhiniaelaphraxnucharwmphrachnni 7 phraxngkh khux smedcphraecabrmwngsethx ecafaphahurtmnimy krmphraethphnarirtn ph s 2421 2430 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw ph s 2424 2468 smedcphraecabrmwngsethx ecafatriephchrutmtharng ph s 2425 2430 smedcphraechsthathirach ecafackrphngsphuwnath krmhlwngphisnuolkprachanath ph s 2426 2463 smedcphraecabrmwngsethx ecafasirirachkkuthphnth ph s 2428 2430 smedcphraechsthathirach ecafaxsdangkhedchawuth krmhlwngnkhrrachsima ph s 2432 2467 smedcphraecabrmwngsethx ecafacuthathuchthradilk krmkhunephchrburnxinthraichy ph s 2435 2466 phrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw ph s 2436 2484 khnathrngphraysepnsmedcphraecalukyaethx krmkhunethphthwarwdi aemtxnprasuti phrarachchnniyngdarngphraysepn phrarachethwixyu yngmiiddarngphrays phraxkhrmehsi aettamkhttiyrachpraephniinrchkalthi 5 phrarachoxrsthidadarngphraysepnecafachnthulkrahmxmthukphraxngkh phraxisriyysedimkhxngphraxngkhthrngepnsmedcecafachnthulkrahmxm emuxphrachnmphrrsaecriykhrbeduxn smedcphrabrmchnknaththrngphrakrunaoprdekla ihtngkarphrarachphithismophcheduxnaelakhunphraxu sthapnaepn smedcphraecalukyaethx ecafamhawchirawuth aetyngmiidphrarachthanphrasuphrrnbtechlimphranamaphiithy smedcphrabrmchnknathaelasmedcphrabrmrachchnni thrngeriykwa lukot phraprayuryatiinphrarachsankdaeninrxytamphrabrmrachxthyasyeriykphraxngkhthanwa thulkrahmxmot cn chuot epnphraphieliyng txmainwnphvhsbdithi 14 minakhm ph s 2431 nbaebbpccubnepn ph s 2432 thrngidrbsthapnaepn smedcphraecalukyaethx ecafamhawchirawuth exkxrrkhmhaburusbrmnrathirach culalngkrnnarthrachworrs mhasmmtikhttiyphisuththi brmmkutsuriysnttiwngs xdisyphngsworphotsuchati khunsngkaswimlrtn thvkhchnmswsdi khttiyrachkumar thrngskdina 50 000 tamxyangecafatangkrm aelathrngtngecakrmepnkrmkhunethphthwarawdi rbphraekiyrtiysepnthisxngrxngcaksmedcphrabrmoxrsathirach ecafamhawchirunhis syammkudrachkumar karsuksa phrabrmsathislksnrwmkbphrarachbida phrarachmarda phrabrmechsthathirach aelaphrabrmrachxnuchachayphraruprwmkbphrarachbidaaelaphrarachmarda khnayngthrngdarngphraxisriyysepnsyammkudrachkumar inkhnathithrngphraeyawnn idthrngsuksainphrabrmmharachwng odymi phrayasrisunthrowhar nxy xacaryangkur aela epnphraxacarythwayphraxksrphasaithy swnwichaphasaxngkvsnnthrngsuksakbnayorebirt mxaernt Robert Morant khrnemuxpi ph s 2436 phrachnmayuid 12 phrrsaess smedcphrabrmchnknaththrngphrakrunaoprdekla ihesdcxxkipthrngsuksatxinhlksutrphasalatinaelaerkhakhnit ethiybethaaephnkareriynphasaxngkvs khnitsastr silp khanwn n praethsxngkvs inkhnathithrngsuksaxyu n praethsxngkvs smedcphrabrmoxrsathirach ecafamhawchirunhis syammkudrachkumar idesdcswrrkht smedcphrabrmchnknathcungoprdihsthapnaechlimphraxisriyyskhunepnsyammkudrachkumarsubaethnsmedcphraechstha phrabrmchayalksnkhxngphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwkbphrarachoxrsinpraethsxngkvs ph s 2450 rahwangesdc praphasyuorpkhrngthisxng phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwidthrngsuksawichaxyu n praethsxngkvshlayaekhnng thangthharthrngsaerckarsuksacakorngeriynnayrxythharbkaesndehistaelwekharbrachkarinkrmthharrabebaedxrm thangdanphleruxnthrngsuksawichaprawtisastraelakdhmay thiwithyalyikhrstechirch mhawithyalyxxksfxrd rahwangpi ph s 2442 ph s 2444 aetenuxngdwythrngphraprachwrdwyphraorkhxnta isting xkesb miphraxakarmaktxngekharbkarphatdthnthi thaihthrngphladoxkasthiidrbpriyya rahwangkarsuksaintangpraeths thrngptibtiphrarachpharkicaethnphraxngkhsmedcphrabrmchnknath odyesdcinthanaphuaethnphraxngkhipinnganphrarachphithisakhytang thnginpraethsxngkvsaelapraethsiklekhiyng esdcniwtphrankhrtamphrarachprasngkhkhxngsmedcphrabrmchnknathodyesdcphanshrthaelapraethsyipun thungkrungethphmhankhremux 29 tulakhm ph s 2445 thrngphnwch wnthi 21 singhakhm ph s 2447 ewlaecha 3 omngess thrngphnwchepnkhrngthi 3 n phraxuobsthwdphrasrirtnsasdaram odymiphraecanxngyaethx krmhmunwchiryanworrs epnphraxupchchay hmxmecaphrasthaphrphiriyphrt epnphrakrrmwacacary thungewlabay 4 omngeyn idthrngthathlhikrrm n phraphuththrtnsthan kbphraxupchchayaelaphrakrrmwacacaryphraxngkhedim phnwchaelwprathb n phratahnkpnhya wdbwrniewsrachwrwihar thungwnthi 11 thnwakhm sknn cungthrnglaphnwch aelwptiyanphraxngkhthungitrsrnkhmnaelarbsil yngthrngprathbinwdbwrniewswihartxcnechawnthi 15 thnwakhm cungesdc klb phusaercrachkartangphraxngkh phramhakstriyrachwngsckriphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachphrabathsmedcphraphuththelishlanphalyphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhwphrabathsmedcphrapremnthrmhaxannthmhidl phraxthmramathibdinthrphrabathsmedcphrabrmchnkathiebsr mhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitrphrabathsmedcphrawchireklaecaxyuhwdkhk emuxphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwesdcphrarachdaeninyuorpkhrngthi 2 rahwangwnthi 27 minakhm ph s 2449 17 phvscikayn ph s 2450 thrngphrakrunaoprdekla phrarachthanxanacinrachkicthicarksaphrankhriwaedphraxngkh epnkarrbsnxngphraedchphramhakrunathikhuninsmedcphrabrmchnknathinhnathixnsakhythisudsinghnung aelaidrbkhwamiwwangphrarachhvthyepnthisuddwyrahwangthrngepnphusaercrachkaraephndintangphraxngkhni thrngrbepnprathankarcdsrangphrabrmrachanusrnechlimphraekiyrtismedcphrabrmchnknath sungngansakhybrrluodyphrarachprasngkhxyangdi karkhunkhrxngrachy phrarachphithibrmrachaphiesk phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw emuxwnthi 11 phvscikayn ph s 2454 emuxsmedcphrabrmchnknathesdcswrrkhtlngemuxwnthi 23 tulakhm ph s 2453 thng thiphraxngkhnnidrbkarsthapnatngiwinphrarchthayathsubphrarachsnttiwngsmatngaetpi ph s 2437 aetkthrngesrasld immiphrarachprasngkhthicaaelksirirachsmbtisahrbphraxngkhexngkbkarsuyesiyphrachnmchiphkhxngsmedcphrabrmchnknath cnkrathngsmedcecafa krmphrayaphanuphnthuwngswredch sungepnphrapitula xa aeth thulechiyesdclngthihxngaepaetngbnchn 2 phrathinngxmphrsthan aelathamklangphrabrmwngsanuwngs esnabdi phuihy xngkhmntri aelakharachkarphuihyphunxy thichumnumxyu phrapitulaidkhukphrachngkhlngkbphunkrabthwaybngkhmxyechiyesdckhunethlingthwlyrachyepnphraecaaephndinsubsnxngphraxngkhsmedcphrabrmchnknath aelathnidthukthanthichumnumxyuthinn kidkhukekhalngkrabthwaybngkhmthwkn aelainkhunnnidmiprakasphasaithyihxxkphranamwa smedcphrabrmoxrsathirachphuthrngsaercrachkaraephndin txmawnthi 25 tulakhm cungihxxkphranamwasmedcphraecaxyuhw inwnsukrthi 11 phvscikayn ph s 2453 cungrbbrmrachaphiesk echlimphraprmaphiithywa phrabathsmedcphrapremnthrmhawchirawuth exkxrrkhmhaburusbrmnrathirach phinitprachanarthmhasmmtwngs xdisyphngswimlrtn wrkhttiyrachnikordm caturntbrmmhackrphrrdirachsngkas xuphotsuchatsngsuththekhraahni ckribrmnath culalngkrnrachwrangkur brmmkutnernthrsursnttiwngswisith susathitburphathikar xdulykvsdaphiniharxdierkbuyvththi thylksnwicitrosphakhysrrphangkh mhachontmangkhprantbathbngkchyukhl prasiththisrrphsuphphlxudmbrmsukhumaly thiphyethphawtariphsalekiyrtikhunxdulyphiess srrphethewsranurks burimskdismyaethphwarawdi srimhaburussutsmbti esnangkhnikrrtnxswoksl praphnthprichamthwsmacar briburnkhunsarsyamathinkhrwrutemkrachdilk mhapriwarnaykxnnt mhntwrvththiedch srrphwiesssirinthr brmchnkadisrsmmt prasiththiwrysmohdmbrmrachsmbti nphpdleswtchtradichtr sirirtonplksnmhabrmrachaphieskaphisit srrphthsthiswichitichy sklmihswriymhaswaminthr mehswrmhinthrmharamathirachwordm brmnarthchatixachawsry phuththathiitrrtnsrnarks xdulyskdixrrkhnersramathibdi emttakrunasitlhvithy xonpimybuykar skliphsalmharsdathibdinthr premnthrthrrmikmharachathirach brmnarthbphitr phramngkuteklaecaxyuhw txmainwnthi 11 phvscikayn ph s 2459 thrngehnchxbkbkhakrabbngkhmthulkhxngehlaesnabdiihechlimphraprmaphiithy smedcphraramathibdi aethnkhawa smedcphrapremnthr cungmiphraprmaphiithyxyangsngekhpwa phrabathsmedcphraramathibdisrisinthrmhawchirawuth phramngkuteklaecaxyuhw aelaemuxykramathibdiepnkhanaphraprmaphiithyaelw cungoprdekla ihaeknersramathibdi epnnersrathibdi aethnehtukarninrchsmyphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwkhunkhrxngrachsmbtiinchwngthipraethskalngprasbwikvtesrsthkiccakehtuphyaelng ph s 2450 2453 aelaepnyukhthisuxsingphimphkalngkhyaytwxyangrwderw xngkhkhwamrutang rwmthngaenwkhidthangkaremuxng hruxkhawkhrawkarptiwtiintangpraethsidihlbaekhamasuphumikarsuksainsyam ineduxnaerkhlngkhunkhrxngrachy phraxngkhthrngprbokhrngsrangkxngthphodykaryubkrmyuththnathikar thrngtngkrathrwngklaohmthimixanacbychakxngthphbkxyangediyw aelathrngykaeykkrmthhareruxxxkmatngepnkrathrwngthharerux mixanacbychakxngthpheruxxyangediyw xyangirktam karkhlngsyaminewlannxyuinphawakhdsn thungkrann kxngthphkyngkhngepnhnwynganthiidrbngbpramanmakthisud raycaydankarpxngknxanackrkhidepnrxyla 24 3 khnathiraycayephuxphthnaesrsthkicdanekstrkrrm karsuksa aelaphanichykrrmrwmknkhidepnephiyngrxyla 5 9 ethann rthbalsyaminrchsmyphraxngkhyngkhxnkhangmihwaebbxnurksniym txtankarrbenginthuncaktangchati aelamixkhtitxkarihsmpthantxtangchatiekhamalngthundanokhrngsrangphunthan pccyehlanithaihenginthuninsyamminxy prachakrswnihyyngyakcnkhnaekhn ehtuxuxchawthiphraxngkhthrngyayiekiyrtikhxngthharbkemuxkhrngepnsyammkudrachkumar thaihnaythharswnihyimkhxynbthuxphraxngkh thungkhnadthihlngkhrxngrachyaelw phraxngkhthukhwanbtrsnethhbriphasxyangrunaerngwaphraxngkh epnkhnelwthramimkhwrcaxyubnphunolk sungphraxngkhthrngtxbotiwtxbtrsnethhdngklawwa phwkekkehmnginkrungethphxxkcafungsranmak phudxungipthungeruxng rkchati rasdrepnihy l sungekidepnkhipakkhxngphwkkhnithyechuxcinkhunkxn aelwkhnithyhnumthichxbkhbeckphlxyekbkhipakkhxngmnmaphudknbang khxkhwamnisathxnidwa phraxngkhthrngmxngprachathipityepnaenwkhidephxecxthithukesiymodychawithyechuxsaycin nxkcakni phramngkudeklamikhwamoprdpraniklchidbrrdamhadelkepnphiess thrngsnicxyuaetkbokhnkarlakhr inrchsmykhxngphraxngkh mhadelkklayepnhnwyrachkarthietibotxyangrwderwekinkwanaythhar khrawthiphraxngkhphrarachthanenginkhxngkhwywnekidmhasalihaekecaphrayaramrakhph idekidptikiriyacaknaythharthiwa phraecaaephndinrkkhnichmakdiihm ihenginthitng 100 chng hmaykhwamwakrair phraecaaephndinexaaetelnokhn exaenginmasrangbansuxrthihmhadelk thaimphrarachaxngkhnicungoprdmhadelk aetphuhyingimchxbely tngkxngesuxpa dwykhwamthikarthiphramngkudeklathrngkhadbarmiehnuxkxngthph naythharinkxngthphphkditxphubngkhbbychaaelaxacarykhxngtnmakkwakstriy eruxngniphraxngkhthrngtrahnkepnxyangdi thrngmxngwaphraxngkhtxngerngsrangkhwamcngrkphkdiihkhyayxxkipxyangerngdwninhmukharachkar phraxngkhcungthrngtngkxngkalngkungthharthieriykwa kxngesuxpa khunemux 6 phvsphakhm ph s 2454 twphraxngkhthrngdarngtaaehnng naykxngihy miechuxphrawngsaelakharachbripharbangswnepnkhnaphubngkhbbycha aelamikharachkarphleruxnepnphlesuxpa karepnsmachikesuxpaepnhnthangiklchidebuxngphrayukhlbath aelayngidsiththiykewnkareknththhar thaihekhruxkhayesuxpakhyaytwthwpraethsxyangrwderw karthiphubngkhbbychaesuxpakhuxehlaphuiklchidphraxngkh thaihinthisud ekhruxkhayesuxpaerimaethrkaesngrabbrachkarcnesiyhay bangkhrngmikareriyktwphlesuxpathiepnkharachkarmasxmrb thaihkharachkarphunnkhadcaknganrachkarpkti bangkebiydbngngbpramanaephndinmaxudhnunkxngesuxpa karsxmrbesuxpakimmikhwamcringcngephuxfukfnkhwamchanay mkcdchakihkxngesuxpahlwngkhxngphraxngkhchnaxyuesmx mikhrnghnungthithrngsxmrbaephecaphrayaymrach krbsngihkhumtwecaphrayaymrachmaaelatdsinihmihphraxngkhchna karsxmrbkhxngesuxpacungepnephiyngephuxkhwamsaraysnuksnankhxngkstriy xawuthkhxngkxngesuxpakhyibyummacakkxngthphbkaethbthngsin khwamkradangkraeduxnginhmuthhar kartngkxngesuxpasrangkhwamkhbaekhnicaekthharbkthirusukwathukebiydbnghnathiaelathrphyakr indankxngthpheruxyingelwray mikartdkhawichaedinerux mikartdebiyeliyngnkeriynnayeruxehluxwnlaslung brrdathhartangrusukwathukkstriythxdthing inkhnathimhadelkaelaphuiklchidebuxngphrayukhlbathtangiddibiddi khwamkhbaekhnicthithhareruxmitxphraxngkh thaihthhareruxaesdngxxkodykarexatxrpiodpradbbnotaeswyinnganeliyngorngeriynnayeruxthiphraxngkhesdcepnprathan hruxkarkxwiwathkbbrrdamhadelkbxykhrng naipsukarpldphraecaphiyaethx krmhmunchumphrekhtrxudmskdi caktaaehnngxacaryemuxwnthi 13 emsayn ph s 2454 mienuxkhwamwa phwknaythhareruxthiidsuksawichakarmacakorngeriynnayeruxmikhwamximexibkaeribic cnimrusukphramhakrunathikhunkhxngphraecaaephndin mikhwammwemaipdwykalngomhcritaehngtn niephraaphufuksxnaelaepnihypkkhrxnglaelyimkahrabsisy xnmicitrfungsran sisycungmikhwamlaelingic smedcphraecanxngyaethx ecafackrphngsphuwnath krmhlwngphisnuolkprachanath thrngelngehnhlakhlaypyhathiekidkhunechnkn thrngonmnawihphramngkudeklaaekikhnoybayhlayxyang echnthrngmxngwakartngkxngesuxpamihlkkarthidiaetkmicudbkphrxngthitxngaekikhmak aetkhaaenanathnghmdthukphramngkudeklaephikechy kbt r s 130 khwamkhbaekhnictxkarpkkhrxngkhxngphraxngkhcakehtupccykhangtn thaihnaythharklumhnungaelawangaephnlxbplngphrachnmaelaepliynaeplngkarpkkhrxngsurabxbihm rachathipityphayitrththrrmnuyimkrabxbsatharnrth sungkhnaphukxkaridrwmtwknepnkhrngaerkemuxwnthi 13 mkrakhm ph s 2455 prakxbdwyphurwmkhnaerimaerkcanwn 7 khn khux r x khunthwyhayphithks r t ehriyy sricnthr r t cruy staems r t entr phunwiwthn cak kxngpunkl rksaphraxngkh r t plng burnochti r t hmxmrachwngsaech rchnikr r t ekhiyn xuthykul khnaphukxkarwangaephncakxkarinwnthi 1 emsayn sungepnwnphrarachphithithuxnaphraphiphthnstya aelawnkhunpiihm phuthicbchlakwatxngepnkhnlngmuxlxbplngphrachnm khux r x yuthth khngxyu ekidekrngklwkhwamphid cungnakhwamipaecnghmxmecaphnthuprawti phubngkhbkarkrmthharchangthi 1 rksaphraxngkh aelaphaknnakhwamipaecngkrmhlwngphisnuolkprachanath khwamthrabipthungphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw thiprathbxyuthiphrarachwngsnamcnthr cnghwdnkhrpthm khnaphukxkarthnghmdcungthukcbkumemuxwnthi 27 kumphaphnth phayhlngkarkwadlangkbt phramngkudeklaihsmphasntxhnngsuxphimphsyamxxfesirfewxr thrngaesdngthathisnbsnunihekidrabbrthsphaemuxthungewlaxnkhwr syamekharwmsngkhramolkkhrngthihnung 21 knyayn ph s 2462 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw phrarachthanekhruxngrachxisriyaphrnxnmiskdiramathibdipradbiwbnyxdkhnthngchyechlimphlpracakxngthharxasakhxngsyaminsngkhramolkkhrngthihnung ihepnekiyrtiaekkxngthharxasa inwnthiedinthangklbthungpraethsithy ph s 2457 sngkhramolkkhrngthihnungpathukhuninthwipyuorp thrngihkhwamsnicaelatidtamkhawkarsngkhramxyangiklchid intxnaerkphraxngkhminoybaywangtwepnklang aetkerimexnexiyngipekhakhangfayitrphakhi brietnihy frngess aelarsesiy inthisud praethssyamprakastwekharwmkbfaysmphnthmitr aelaprakassngkhramtxckrwrrdieyxrmnaelackrwrrdixxsetriy hngkari inwnthi 22 krkdakhm ph s 2460 kartdsinphrathyinkhrngnnidrbkarkhdkhancakprachachnthwip enuxngcakinsmynnmikhnsyamipsuksatxthipraethseyxrmniepncanwnmak cungniymaelaekharpheyxrmniepnesmuxnkhrubaxacary aelaeyxrmniimekhysrangkhwamecbchanaicihsyammakxn chychnakhxngfaysmphnthmitrepliynsthanakhxngsyamcakbanpaemuxngethuxnhangiklepnpraethsthiechidhnachuta aelaidepnsmachikaerkkxtngkhxngsnnibatchatithitngkhunihmhlngsngkhram aelayngidaekikhsnthisyyathisyamesiyepriybtxpraethsxundwyknthung 13 praeths kartdsinphrathykhrngnikhxngphraxngkhnbwathuktxng aelachwykxbkukhwamniymkhxngphraxngkhinhmurasdridimnxy phrachnmchiphhlngsngkhramolk phayhlngsngkhramolkkhrngthihnung phrabathsmedcphramngkudeklaxyuhwthrngichewlaswnihyipkbphrarachkrniykicdansilpwthnthrrm odyechphaasilpkaraesdng cnnbidwarchsmykhxngphraxngkhepnyukhthxngkhxngsilpadankaraesdng thngaebbcaritkhux okhn lakhrnxk lakhrin aelalakhraebbihmsungidrbxiththiphlkhxngpraethstawntk xnidaek lakhrrxng lakhrphud lakhrdukdabrrph khwamsnphrathykhxngphraxngkhtxnganaesdngnn miichephiyngaetkarthxdphraentrdngechnrchkalthiphanma aetidmiswnphrarachniphnthbthlakhrthngphasaithy aelaphasatangpraethsrwmpraman 180 eruxng thrngkhwbkhumkaraesdng aelathrngaesdngrwmdwy inchwngplayrchkalthrngichewlaswnphraxngkhipkbkarphrarachniphnthbthlakhr aelabthkhwamephuxtiphimphinhnngsuxphimph phraxngkhidxxkhnngsuxkhawkhxng dusitthani thngraywnaelarayspdah khux dusitsmy raywn aeladusitsmith ray 3 eduxn sungidrbkhwamniymmak mithngeruxngkaremuxng eruxngtlkkhbkhn ebdetld aelakwiniphnth lksnaednkhuxmikartunlxkaremuxng hnngsuxphimphepnewthiaesdngxxksungkhwamkhidehnaelasnamsahrbaesdngowhar phrarachniphnththipraktinhnahnngsuxphimphidaek okhlntidlx epnkarekhiynthungsngkhm khwamepnxyu aelakaremuxngkhxngithy pyhathangkarenginaelakarswrrkht phraemrumasphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw n thxngsnamhlwng inpi 2467 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwphrxmdwyesdceyuxnshphnthrthmlayu karaekikhsnthisyyakhwamimethaethiymknkbmhaxanacyuorpkhubhnaipthilanxy inkhnathiwikvtkarnthangkarenginkalngsngphlkrathbxyangihyhlwngtxsyam enuxngcakmikarkuengincakxngkvsthithaihkhunnangaelakharachkarthukpldxxkcanwnmak inpi 2468 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwmiphrabrmrachoxngkaroprdeklaihyubmnthlsurasdrekhakbmnthlnkhrsrithrrmrachephuxprahydngbpramanaephndin phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwthrngphraprachwrphraorkhphraolhitepnphisinphraxuthrtngaetwnthi 12 phvscikayn ph s 2468 odythrngideswyphrakrayaharphidsaaedngaelathrngphrabngkhn mimdmaekaaphrabngkhnhmxcungsrupwa miebahwanaethrksxnaetphraxakarkthrngkbthrud cnesdcswrrkht n phrathinngckrphrrdiphiman phayinphrabrmmharachwng emuxwnthi 26 phvscikayn ph s 2468 ewla 1 nalika 45 nathi odyidxyechiyphrabrmsphippradisthan n phrathinngdusitmhaprasath rwmphrachnmphrrsaid 44 phrrsa aelaesdcdarngsirirachsmbtiid 15 phrrsa aetrchkalthi 7 miphrarachprasngkhkahndwnswrrkhtkhxngrchkalthi 6 epnwnthi 25 phvscikayn aelathuxwawnphramhathirrachecatrngkbwnthi 25 phvscikayn inwnthi 24 minakhm ph s 2468 nbaebbpccubnepn ph s 2469 miphrarachphithithwayphraephlingphrabrmsph n phraemrumas thxngsnamhlwng swnphrabrmrachsrirangkharidechiyippradisthan n wdbwrniewsrachwrwihar aelaechiyippradisthan n phrapvsvingkh phrarwngorcnvththi swnphrabrmxthiswnhnungechiyippradisthan n phrawimanxngkhklang phrathinngckrimhaprasath aela xikswnhnungechiyippradisthan n phrawimanphraxthi wngrunvdi khxng smedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi phrarachthidaphraxngkhediywchiwitswnphraxngkhkhwamrk aelakarxphiesksmrs emuxkhrngyngepnsmedcphrabrmoxrsathirach ecafamhawchirawuth syammkudrachkumar smedcphrasriphchrinthrabrmrachininath miphrarachdariihxphiesksmrskbphraecawrwngsethx phraxngkhecasuththwiilylksna phrathidaphraxngkhklanginsmedcphraecanxngyaethx ecafacaturntrsmi krmphrackrphrrdiphngs thungkbmikarhmaymnwaphraxngkhecasuththwiilylksnacaidepnsmedcphrarachiniinxnakht aethlngcaksmedcphrabrmoxrsathirach syammkudrachkumar thrngsaerckarsuksacaktangpraethskmiidsnphrathyinphraxngkhecasuththwiilylksnank aelaemuxtxnplayrchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw kthrngthukeknthiheluxkkhu aetkmiphrarachkraaeswa kchn imrknina khrnphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwthrngphraprachwresdcswrrkhtemuxwnthi 23 tulakhm ph s 2453 aelw phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwkthrngephlinipkbkarxuthisphraxngkhephuxdaeninphrarachkrniykicnxyihyinxnthicathrngnasyampraethskawkhunsukaryxmrbkhxngnanaxarypraeths krathngpi ph s 2460 emuxfaysmphnthmitrepnfaychnainsngkhramolkkhrngthihnungaelw cungidmiphrarachkraaesthrngphrarachprarphkbkhunmhadelkthithwaynganiklchidebuxngphrayukhlbathwa rbsukyngimchna yngimmiemiy chnasukmiemiyidaelw thwaemuxkxngthharxasathiiprwmrbinnganphrarachsngkhram n thwipyuorpedinthangklbmathungphrankhr yngimthnkhrbeduxn smedcphrasriphchrinthrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng sungthrngphraprachwreruxrngmaaetkhrngphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwesdcswrrkht kmadwnesdcswrrkhtipxikphraxngkhhnungemuxwnthi 20 tulakhm ph s 2462 inphrarachsankcungtxngmikariwthukkhthwaytxenuxngknmaxikhlayeduxn esrckarphrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphsmedcphrabrmrachchnniphnpihlwng inwnthi 1 mithunayn ph s 2463 aelw cungidmiphrarachdariihmikarruneringephuxkhlaythukkhosk erimcakthrngphrakrunaoprdekla ihmikarprakwdphaph khrngthi 2 thisalawrnatewthisthan phrarachwngbangpaxin inrahwangwnthi 8 12 krkdakhm ph s 2463 aelwmikraaesphrarachdarswa xyakcaihchawkrungethph idchmkarprakwdphaphaebbnibang cungidthrngkahndihmikarprakwdphaphkhrngthi 3 thiphrarachwngphyaith ineduxntulakhmpiediywkn thaihphraxngkhidphbkbhmxmecawrrnwiml phrathidainphraecabrmwngsethx krmphranrathippraphnthphngs thiekhaefathullaxxngthuliphrabathepnkhrngaerkthihxngthrngiphbridcinnganprakwdphaphekhiyn n ornglakhrwngphyaith txmaemuxwnthi 21 tulakhm ph s 2463 phraxngkhoprdekla phrarachthanphranamkhxngphrathidainkrmphranrathippraphnthphngs odyphranamkhxnghmxmecawrrnwiml epliynepn hmxmecawllphaethwi phrxmkbkhnisthaxik 4 xngkh thirwmipthunghmxmecawrrnphiml kidrbphrarachthanphranamepn hmxmecalksmilawn aelatxmainwnthi 9 phvscikaynpiediywkn idsthapnahmxmecawllphaethwi khunepn phrawrkyyapthan phraxngkhecawllphaethwi aetdwymiehtuphrarachxthyasyimtxngkn cungmiphrabrmrachoxngkarthxnhmnlngemuxwnthi 15 minakhm ph s 2463 aebbsaklkhux ph s 2464 aelaoprdekla ihxxkphranamwa phraecawrwngsethx phraxngkhecawllphaethwi txmaemuxwnthi 4 emsayn ph s 2464 idsthapnahmxmecalksmilawn phrakhnisthakhxngxditphrawrkyyapthankhunepn phrawrwngsethx phraxngkhecalksmilawn txmaemuxwnthi 8 knyayn piediywkn cungsthapna phrawrwngsethx phraxngkhecalksmilawn khunepn phraecawrwngsethx phraxngkhecalksmilawn phrxmkbthrnghmn aelamiphrarachwinicchywacaidrachaphiesksmrsinphayhna aetinwnthi 27 tulakhm khxngpinn phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwthrngrachaphiesksmrskbepruxng sucritkul xditnangsnxngphraoxsthkhxngxditphrawrkyyapthan idrbkaraetngtngmirachthinnamepn phrasucritsuda aetkmiidtngkhrrphtamphrarachprasngkh smedcphranangecaxinthrskdisci phrawrrachchaya txmaemuxwnthi 12 mkrakhm ph s 2464 aebbsaklkhux ph s 2465 cungidrachaphiesksmrskbpraiph sucritkul nxngsawkhxngphrasucritsuda aelaidmirachthinnamepn phraxinthrani dwyehtuthiphraxinthraniidtngkhrrph cungidrbkarsthapnaepn phrawrrachchayaethx aelaphrabrmrachini tamladb aetinplaypiediywknnnkidsthapnaphraecawrwngsethx phraxngkhecalksmilawn khunepn phranangethxlksmilawn aetthngsxngphraxngkhmiidrachaphiesksmrshruxmiphrarachoxrsthidadwykn thaythisudcungtdsinphrathyaeykknxyu phayhlngsmedcphranangecaxinthrskdisci phrabrmrachini thrngtkphrakhrrphhlaykhrng krathnginpi ph s 2467 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwidsthapnasuwthna xphywngs khunepnecacxmsuwthna txmaemuxeduxnknyayn ph s 2468 idmikarekhiynphrarachphinykrrmkhun odyidekhiyniwwawahamnaphraxthikhxngphraxngkhtngkhukbphraxthikhxngsmedcphranangecaxinthrskdisci hakcatngkihtngkhukbecacxmsuwthna ephraathrngykyxngwaepn emiydicring aelayngepnthithrnghwngwacamiphrarachoxrssubipid aeladwyekidehtuhlayprakarekiywkhxngkbsmedcphranangecaxinthrskdisci phrabrmrachini xnmieruxngkartkphrakhrrphhlaykhrng epnehtuphlprakarhnung cungmikarldphraxisriyyskhxngsmedcphranangecaxinthrskdisci lngepn phrawrrachchaya emuxwnthi 20 knyayn ph s 2468 txmaineduxntulakhmpiediywknnnexngkidmikarsthapnaecacxmsuwthnasungepnthiaennxnaelwwacaprasutikalphrabutrinimcha khunepn phranangecasuwthna phrawrrachethwi ephux phdungphrarachxisriyysaehngphrakumarthicamiphraprasutikarinebuxnghna phranangecasuwthna phrawrrachethwi aelaphrarachthida aetphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw thrngphraprachwrhnkaelamiphraxakarrunaerngkhun inyamnnphraxngkhprathb n phrathinngckrphrrdiphiman inphrabrmmharachwng cungthrngphrakrunaoprdekla ihphranangecasuwthna phrawrrachethwiprathb n phrathinngethphsthanphilas sungtidkbphrathinngckrphrrdiphiman ephuxthrngrxfngkhawphraprasutikarxyangiklchid cnkrathngphranangecasuwthna miphraprasutikarecafahyinginwnthi 24 phvscikayn caknninewlabay ecaphrayaramrakhph hmxmhlwngefux phungbuy idekhaefa krabbngkhmthulphrakrunawa phranangecasuwthna phrawrrachethwi prasuti smedcphraecalukethx emuxkhwamthrabfalaxxngthuliphrabathaelw miphrarachdarswa kdiehmuxnkn cnrungkhuninwnphuththi 25 phvscikayn ecaphrayaramrakhph echiyesdcsmedcphraecalukethxphraxngkhnxyipefa smedcphrabrmchnknathphuthrngphraprachwrhnkbnphraaethn emuxthxdphraentraelw thrngphyayamykphrahtthkhunsmphsphrarachthida aetkthrngxxnphrakalngmakcnimsamarthcathrngykphrahtthidenuxngcakkhnannmiphraxakarprachwrxyuinkhnwikvt ecaphrayaramrakhphcungechiyphrahtthkhunsmphsphrarachthida emuxcaechiyesdcphrarachkumariklb phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwkthrngobkphrahtthaesdngphrarachprasngkhcathxdphraentrphrarachthidaxikkhrng cungesdcsmedcphraecalukethxmaefa epnkhrngthisxng aelaepnkhrngsudthayaehngphrachnmchiphcnklangdukkhunnnexngkesdcswrrkht phrarachthidaphraxngkhnntxmakhux smedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi idrbphrarachthanphranamcakphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw inkarphrarachphithismophcheduxnaelakhunphraxu emuxwnthi 30 thnwakhm ph s 2468 odymismedcphrasriswrinthirabrmrachethwi phraphnwssamatucchaeca thrngphraemttaexaphrarachhvthyisduaelthngdanphraxnamyaelakhwamepnxyumaodytlxd dwyemuxphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwkhnathrngphraprachwrhnknn idmiphrarachdarskbsmedcphramatucchaecawa khxfaklukdwy smedcphraphnwssamatucchaecayngidmiphrarachkraaesthungeruxngniiwwa ecafani chntayknxntaimhlb phramngkudfakfngexaiw txmaecafaephchrrtnrachsuda phrxmdwyphranangecasuwthna phrawrrachethwi idesdc ipprathbthipraethsxngkvstngaetpi ph s 2480 cninpi ph s 2501 thngsxngphraxngkhidesdc niwtiklbpraethsithyepnkarthawraelaprathbthiwngrunvdirwmkn thaythisud smedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdiidsinphrachnmdwyphraxakartidechuxinkraaesphraolhitemuxwnthi 27 krkdakhm ph s 2554 ewla 16 37 nalika n tuk 84 pi orngphyabalsirirach siriphrachnmayuid 85 phrrsaphrarachsnttiwngsphramehsi aelaphrasnm phraphrryaeca taaehnngphrawrrachethwiphrarup phranam phraskulwngs phrarachthidaphranangecasuwthna phrawrrachethwi ekhruxaekw xphywngs butrikhxng phrayaxphyphuebsr eluxm xphywngs aela khunelk bunnakh smedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdiphraphrryaecachnhlanhlwng phranangethxphrarup phranam phraskulwngs phrarachbutrphranangethx lksmilawn hmxmecawrrnphiml wrwrrn phrathidain phraecabrmwngsethx chnthi 4 krmphranrathippraphnthphngs aela hmxmhlwngtad wrwrrn skuledim mntrikul immiphrarachoxrs thidaphraphrryaeca taaehnng phrawrrachchayaphrachayalksn phranam phraskulwngs phrarachbutrsmedcphranangecaxinthrskdisci phrawrrachchaya praiph sucritkul butrikhxng ecaphrayasuthrrmmntri plum sucritkul aela thanphuhyingkimil suthrrmmntri smedcecafa tkimepnphraxngkh smedcecafachay smedcecafa tkimepnphraxngkh phrasnmexkrup chux chatitrakul phrarachbutrphrasucritsuda epruxng sucritkul butrikhxng ecaphrayasuthrrmmntri plum sucritkul aela thanphuhyingkimil suthrrmmntri immiphrarachoxrs thidaxditphrakhuhmnphrarup phranam phraskulwngs phrarachbutrphrawrkyyapthan phraxngkhecawllphaethwi hmxmecawrrnwiml wrwrrn phrathidain phraecabrmwngsethx chnthi 4 krmphranrathippraphnthphngs aela hmxmxinthr wrwrrn n xyuthya immiphrarachoxrs thidaphrarachoxrsaelaphrarachthidaphrarachkrniykicphrabrmrachanusawriyaehngaerk srangaelwesrcemux ph s 2485 thiswnlumphinidankarsuksa emuxkhrngphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwyngdarngphraxisriyyssyammkudrachkumaridesdcphrarachthannam orngeriynyuphrachwithyaly emuxwnthi 24 thnwakhm ph s 2448 sungepnorngeriynrthbalaehngaerkkhxngechiyngihm aelaphrarachthannam orngeriynprinsrxyaeylswithyaly emuxwnthi 2 mkrakhm ph s 2449 sungkxtngodykhnamichchnnarixemrika sungimepnephiyngaetkarnarupaebbkarsuksatawntkmaynghwemuxngehnuxethann aetyngaefngnykaremuxngrahwangpraethsexaiwdwy ehnidcakkaresdcpraphasmnthlphayphthngsxngkhrngrahwang ph s 2448 2450 phraxngkhidthrngsnphrathyinkickarorngeriynthicdtngkhunmaihmthngsin odyphraxngkhthrngbnthukiwinphrarachniphnth ethiywemuxngphrarwng aela lilitphayph thngni epahmaykhxngkarcdkarsuksayngaefngpraoychnthangkaremuxngthicaihchawthxngthinklmekliywkbithyxikdwy phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwthrngwangsilavksxakharkxsrangculalngkrnmhawithyaly emuxwnthi 3 mkrakhm ph s 2459 phraxngkhthrngrierimsrangorngeriynkhunaethnwdpracarchkal idaek orngeriynmhadelkhlwng pccubn khux orngeriynwchirawuthwithyaly thngyngthrngsnbsnunkickarkhxngorngeriynrachwithyalysungphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwoprdekla ihsthapnakhuninpi ph s 2440 pccubn khux orngeriyn ph p r rachwithyaly inphrabrmrachupthmph aelainpi ph s 2459 idthrngphrakrunaoprdekla ihpradisthanorngeriynkharachkarphleruxnkhxngphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw khunepn culalngkrnmhawithyaly sungepnmhawithyalyaehngaerkkhxngpraethsithy dankaresrsthkic idthrngphrakrunaoprdekla ihtraphrarachbyytikhlngxxmsin ph s 2456 khun ephuxihprachachnruckxxmthrphyaelaephuxkhwammnkhngindanesrsthkickhxngpraeths xikthngyngthrngrierimkxtngbristhpunsiemntithykhun thrngcdtngsphaephyaephphanichy sungepnhnwyngankhlaykbsphaphthnakaresrsthkicinpccubn aelaichphrarachthrphyswnphraxngkhsuxhunephimthunkhxng thnakharsyamkmmacl thuncakd pccubnkhux thnakharithyphanichy sungmipyhakarengin thaihthnakharkhxngkhnithyaehngnidarngxyumaid xyangirktam karichcayinrachsankkhxngphraxngkhkhxnkhangfumefuxy krathrwngphrakhlngmhasmbtitxngthwayenginephimkhunmakinphrakhlngkhangthi thngniephraaenuxngcakphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwthrnghmkmunxyukbaetsilpawithyakar thaihkarkhlngkhxngpraethsxxnaex raycaykhxngaephndinmisungkwarayid sngphlihekidyukhkhawyakhmakaephngintxnplayrchkal ipcnthunginrchkalthdip dansngkhm emuxwnthi 1 phvsphakhm ph s 2454 thrngcdtngkxngesuxpaaelathrngcdtngkxnglukesuxkxngaerkkhunthiorngeriynmhadelkhlwng wchirawuthwithyaly inpccubn dankarfuksxnrabxbprachathipity thrngthdlxngtng emuxngmng hlngphratahnkcitrldaedim thrngcdihemuxngmng mirabxbkarpkkhrxngkhxngtnexngtamwithithangprachathipity rwmthungemuxngcalxng dusitthani inphrarachwngdusit txmathrngyayipthiphrarachwngphyaith thrngphrakrunaoprdekla ihtngwchirphyabalemux ph s 2455 aelaorngphyabalculalngkrnemux ph s 2457 thrngepidsthanesawpha emuxwnthi 7 thnwakhm ph s 2465 ephuxphlitwkhsinaelaesrum epnpraoychnthngaekprachachnchawithyaelapraethsiklekhiyngxikdwy thrngepidkarprapakrungethph emuxwnthi 14 phvscikayn ph s 2457 inpi ph s 2460 thrngtngkrmrthifhlwng aelaerimepidkaredinrthifsaykrungethphmhankhrthungcnghwdechiyngihm sayitcakthnburiechuxmkbpinngaelasingkhopr xikthngyngoprdekla ihsrangsaphanphraram 6 ephixechuxmthangrthifipyngphumiphakhxun phraxngkhthrngykelikbxnkarphnn hwy k kh aelaldkarkhafin sungepnxbaymukhmxmemaprachachn aemwacaepnaehlngrayidsakhykhxngrthbalaehlnghnungktam thrngoprdihmikartngnamskulehmuxnkbpraethsxun odyihtraphrarachbyytikhnannamskul emuxwnthi 22 minakhm ph s 2455 aelamikarphrarachthannamskulihaekhlaykhrxbkhrwthieriykwa namskulphrarachthancanwn 6 464 namskul thrngprakasihmikarichphuththskrachaethnrtnoksinthrsk ephraamiphrarachdariwakarichrtnoksinthrskmikhxbkphrxngtrng cungthrngphrakrunaoprdekla iherimichphuththskrach epnskrachinthangrachkarmatngaetwnthi 1 emsayn ph s 2456 nxkcaknithrngihepliynkarnbewlamaeriykwanalikaaelanbewlathangrachkarihmihsxdkhlxngkbthrrmeniymsaklniym odyihthuxewlahlngethiyngkhunepnwnrungkhunhruxwnihm sungcakedimpraethsithynbewlatxnklangwnepnomng txnklangkhunepnthum emuxrchkalthi 6 idesdcphrarachdaeninipyngemuxngxuthythani sungkhnannprasbehtuxuthkphyaelathxdphraentrehnthngchangkhxngrasdrsungtngicrxrbesdciwthuktidklbhw phraxngkhcungmiphrarachdariwa thngchatitxngmirupaebbthismmatrephuximihehtukarnechnniekidkhunxik cungthrngphrakrunaoprdekla ihepliynrupaebbthngchatixikkhrng odyepliynepnthngrupsiehliymphunpha miaethbyawsiaedng 3 aethb slbkbaethbsikhaw 2 aethb sungehmuxnkbthngchatiithyinpccubn aetmiephiyngsiaedngsiediyw sungthngnieriykwa thngaedngkhaw 5 riw chuxinexksarrachkareriykwa thngkhakhay ph s 2460 aethbsiaedngthitrngklangthngkhakhayidepliynepn sinaenginkhab hruxsinaenginekhmecuxmwngdngpraktxyuinpccubn ehtuthirchkalthi 6 thrngeluxksiniephraasikhabepnsipracaphraxngkhthioprdmak enuxngcakepnsipracawnphrarachsmphphkhuxwnesar tamkhtiohrasastrithy thngchatiaebbihmniidrbphrarachthannamwa thngitrrngkh inpiph s 2460 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwidthrngphrakrunaoprdekla ihtraphrarachkvsdikakhanahnanamkahndihichkhanahnanamxyangxarypraeths nnkhux ihmikhawa edkchay edkhying nay nang aelanangsawnahnachux dansilpwthnthrrm thrngtngkrmmhrsph ephuxfunfusilpwthnthrrmithy aelayngidthrngsrangornglakhrhlwngiwinphrarachwngthukaehng nxkcakni yngthrngsnphrarachhvthydancitrkrrmaelasthaptykrrmithy thrngphrakrunaoprdekla ihxxkaebbxakharsmyihmepnaebbthrngithy echn tukxksrsastr sungepnxakhareriynhlngaerkkhxngculalngkrnmhawithyaly aelaxakharorngeriynwchirawuthwithyaly thrngsngesrimihmikaraetnghnngsux odythrngphrakrunaoprdekla ihtraphrarachbyytiwrrnkhdisomsry sahrbindannganhnngsuxphimph thrngphrakrunaoprdekla ihtraphrarachbyytismud exksar ph s 2465 khun phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwthrngsnbsnunsilpakaraesdngokhndwykarphrarachniphnthbth thrngkhwbkhumkarcdaesdngaelafuksxmdwyphraxngkhexng aelathrngoprdihkhruokhnlakhrcakkhnakhxngecaphrayaethewsrwngswiwthn hmxmrachwngshlan kuychr epnphufukhdkhnaokhkhxngphraxngkh dankarlakhrthrngnaaebbxyangmaephyaephr thngbthlakhr withiaesdng karwangtwlakhrbnewthi kareplngesiyngphud phraxngkhthrngmibthbaththngkarphrarachniphnthbthlakhr thrngkhwbkhumkaraesdngaelathrngaesdngrwm phraxngkhthrngphrarachniphnthbthrxngprakxbenuxeruxng thngthanxngephlngithyaelaephlngsakl nxkcakniyngthrngoprdihmikarsxnaelafuksxmdntriithykhwbkhuipkbkareriynkarsxnwichasamy dankartangpraeths thrngchayphrabrmchayalksnphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwinrsesiy ph s 2440 kb n emuxkhrngthrngdarngphraxisriyysepnsmedcphrabrmoxrsathirach ecafamhawchirawuth syammkudrachkumar khnadarngphraysepnsyammkudrachkumar inrahwangpidphakheriynkhnathrngsuksathipraethsxngkvs phraxngkhthrngsuksaphasafrngess aelaesdcthxdphraentrkickarthharkhxngpraethsinphakhphunyuorpepnenuxngnic inpiph s 2445 khnathrngphrachnmayu 22 phrrsa hlngcakthrngsaerckarsuksacakmhawithyalyxxksfxrdaelw phraxngkhidesdcphrarachdaeninipprathbthikrungparis praethsfrngess aelaesdcphrarachdaeninthrngeyiympraethstang inthwipyuorpcnthungpraethsxiyipt ephuxepnkarecriysmphnthimtri caknnprathbxyuinkrunglxndxnrayahnungephuxetriymphraxngkhniwtpraethsithy kxngkalngthharxasainsngkhramolkkhrngthihnungkalngrwmedinswnsnamchlxngchychna thixarkedxthriyngfedxeltwl praethsfrngess emux 14 krkdakhm ph s 2462 phrabathsmedcphramngkuteklaecaxyuhwidmiphrabrmrachoxngkarprakassngkhramkbpraethsfayeyxrmn insngkhramolkkhrngthi 1 emuxwnthi 22 krkdakhm ph s 2460 odypraethsithyidekharwmkbpraethsfaysmphnthmitr sungprakxbdwypraethsxngkvs frngess aelarsesiyepnphuna phrxmthngidthrngphrakrunaoprdekla ihsngthharithyxasasmkhriprwmrbinsmrphumiyuorpdwy phlkhxngsngkhrampraethsfaysmphnthmitridchychna thaihpraethsithymioxkasecrcakbpraethsmhaxanachlaypraeths inkaraekikhsnthisyyathiimepnthrrm echn snthisyyasiththisphaphnxkxanaekht snthisyyacakdxanackarekbphasikhxngphrabathsmedcphramngkuteklaecaxyuhw aela snthisyyacakdxanacklangpraethsithyphrabrmrachanusrnphrabrmrachanusawriy phrabrmrachanusawriysmedcphrapiymharachaelasmedcphramhathirracheca phayhlngkarswrrkhtkhxngphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw idmikarsrangphrabrmrachanusawriykhunhlayaehng ephuxepnkarralukthungphramhakrunathikhunthithrngptibtiphrarachkrniykicnanpkar phrabrmrachanusawriyhlk miphrabrmrachanusawriythiepncudhlkthiphranangecasuwthna phrawrrachethwi aela smedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi ekhyesdcipthrngwangphwngmalathwayrachskkarainwnthi 25 phvscikayn khxngthukpi canwn 5 sthanthi dngni phrabrmrachanusrn n swnlumphini epnphrabrmrachanusawriyaehngaerkinphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw srangdwythrphyphrarachthancakphranangecasuwthna phrawrrachethwi odyprathanphraxnuyatihhkenginrayidkhxngphraxngkh 2 in 3 cakrayidthnghmd aelathrphyphrarachthancaksmedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi sungphrarachthansmthbxikswnhnung odyswnthiehluxrthbalepnphuxnumtingbcdsrang srangaelwesrcemuxpi ph s 2485 pradisthan n swnlumphini sungepnbriewnthidinswnphraxngkh thiphrarachthaniwepnsmbtikhxngprachachn thngniinwnthi 25 phvscikaynkhxngthukpi sungepnwnkhlaywnswrrkhtkhxngphraxngkh phrabathsmedcphraecaxyuhw hruxphuaethnphraxngkh caesdcphrarachdaeninipthrngwangphwngmala thwaybngkhmphrabrmrup phrabrmrachanusawriysmedcphrapiymharachaelasmedcphramhathirracheca n hxprachumculalngkrnmhawithyaly epnxnusrnsthanthiralukthungphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw aelaphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw inwarakhrbrxb 70 pi aehngkarsthapnaculalngkrnmhawithyaly pradisthanxyudanhnahxprachumculalngkrnmhawithyaly ekhtpthumwn krungethphmhankhr phrabrmrachanusawriy phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw hnahxprachumwchirawuthwithyalyphrabrmrachanusawriy n wchirawuthwithyaly erimcdsrangkhunemux ph s 2505 smedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi aelaphranangecasuwthna phrawrrachethwi idesdcepnxngkhprathaninphithipradisthanphrabrmrup n phrabrmrachanusrnhnahxprachum aelaphrabathsmedcphraecaxyuhwidesdcphrarachdaeninthrngepidphrabrmrachanusawriythihnahxprachum emuxwnthi 11 minakhm ph s 2508 phrabrmrachanusawriy n krmkarrksadinaedn epnphrabrmrachanusawriythisrangkhunphayhlng pradisthanxyuklangwngewiynphayinhnwybychakarrksadinaedn krmkarrksadinaedn edim phrabrmrachanusawriy n sanknganihythnakharxxmsin pradisthanbriewnhnaxakharsanknganihythnakharxxmsin thnnphhloythin odythnakharidcdsrangkhunephuxepnkarralukthungphuphrarachthankaenidthnakhar aelaphrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr esdcphrarachdaeninthrngepidphrabrmrachanusawriyemuxwnthi 6 emsayn ph s 2509 phrabrmrachanusawriybriewnxun phrabrmrachanusawriy n orngeriynwdsuththiwraram epnphrabrmrachanusawriythisrangkhunemuxkhrawthiorngeriynsthapnakhrbrxb 96 piaelaephuxnxmralukthungphramhakrunathikhuninphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwthiphrarachthannamorngeriynaelamiphrarachhtthelkhachmechykarsrangorngeriynaethnkarsrangwdwaxaramdwytxngtamphrarachniym aelaihprakasxxkipthwphrarachxanackrihrasdrsrangorngeriynaethnwd nbepnorngeriynaerkinrchsmythiphsknikrsrangorngeriynthwayihkbrachkar phrabrmrachanusawriynixyuinphraxiriyabththrngyun chlxngphraxngkhchudesuxparabhlwng dansaykhxngphrabrmrupmiruphlxolhaedkchayswmekhruxngaebbnkeriynorngeriynwdsuththiwraramnngthwayphanphum swndankhwakhxngphrabrmrupmiruphlxolhaedkchayswmekhruxngaebblukesuxorngeriynwdsuththiwraramnngthwayphanphum thnghmdepnfimuxkhxngchangcakkrmsilpakr pccubnpradisthanxyudanhnaxakharechlimphraekiyrtirchkalthi 9 aelamiphithiwangphwngmalathwayrachskkarainwnsmedcphramhathirrachecawnthi 25 phvscikayn khxngthukpi phrabrmrachanusawriy n phrarachwngsnamcnthr epnphrabrmrupxyuinphraxiriyabthprathbphraekaxi chlxngphraxngkhchudesuxparabhlwngxyangekaaebbthrngma epnfimuxkhxngchangcakkrmsilpakr swnrachkarcnghwdnkhrpthm idxyechiymapradisthaniwklangphrarachwngsnamcnthr hlngethwalykhensr emuxwnthi 24 phvscikayn 2525 phrabrmrachanusawriy n phrarachwngphyaith epnphrabrmrachanusawriythisrangkhuninphayhlng epnphrabrmrachanusawriyhlxsaridthrngyuntngxyudanhnaxakharethiybrthphrathinng epnphrabrmrupthihlxkhunmikhnadethaphraxngkhcringthrngekhruxngyscxmphlthharbkpradbekhruxngrachxisriyaphrnxnmiskdiramathibdi phrabrmrachanusawriy n xaephxsthib cnghwdchlburi tngxyurimthnnsukhumwithhmayelkh 3 kiolemtrthi 6 tablsthib xaephxsthib cnghwdchlburi srangkhunemux ph s 2544 odyphleruxothsuthsn khyim phubychakarthanthpheruxsthib idrwmkbkharachkar prachachn aelaphumicitsrththacdsrangphrabrmrachanusawriykhxngphraxngkhkhun ephuxthwayepnphrarachskkara aelaaesdngkhwamsanukinphramhakrunathikhunthiphrarachthanthidinthrngsngwn briewnxaephxsthib thikxngthpheruxichepnthitngthanthpherux odykxngthpheruxcacdphithiwangphwngmalathukwnthi 25 phvscikayn epnpracathukpi phrabrmrachanusawriy phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw hnatukyuphrachxakharhlngaerkkhxngorngeriyn sungpccubnmixayukhrb 114 piphrabrmrachanusawriy n orngeriynyuphrachwithyaly cnghwdechiyngihm pradisthanbnaethnhnatukyuphrach orngeriynyuphrachwithyaly cdsrangkhunemuxph s 2557 ephuxepnkarralukthungphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw khnadarngphraxisriysysepn smedcphrabrmoxrsathirachinrchkalthi 5 idphrarachthannamorngeriynwa orngeriynyuphrachwithyaly sungmikhwamhmaywa orngeriynkhxngsmedcphrayuphrach smedcphrabrmoxrsathirach syammkudrachkumar phrabrmrachanusawriy n khayhlwngbanir tngxyu n khayhlwngbanir tablkhlxngtakht xaephxophtharam cnghwdrachburi miphithiwangsilaphravksphrabrmrachanusawriyemuxwnthi 6 phvsphakhm ph s 2530 enuxngcakkhayhlwngbanir ekhyepnkhayfuksxmrbesuxpa sungepntnkaenidkhxngkickarlukesux hmxmhlwngpin malakul aelathangrachkarehnwasthanthiaehngnimikhwamsakhycungidsrangphrabrmrachaxnusawriyphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw n baniraehngni phrabrmrachanusawriyphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw khaywchirawuth cnghwdnkhrsrithrrmrach tngxyu phayinkhaywchirawuth kxngthphphakhthisi khaythharaehngaerkinphumiphakh phrabrmrachanusawriy n entibnthityspha tngxyu briewnhnaxakharentibnthityspha ekhttlingchn krungethphmhankhr phrabrmrachanusawriy n bristh punsiemntithy cakd mhachn tngxyu briewnhnaxakhar SCG 100 pi phayinbristh punsiemntithy cakd mhachn ekhtbangsux krungethphmhankhr wchirawuthwithyaly phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwthrngphrakrunaoprdekla phrarachthankaenidorngeriynmhadelkhlwngkhun emuxwnphvhsbdithi 29 thnwakhm ph s 2453 ephuxorngeriynaehngniepnsthabnthiihkarsuksaxyangaethcringaekkulbutrchawithy aelaepnesmuxnphraxaramhlwngpracarchkal aelaphrarachthannamorngeriynaehngniwa orngeriynmhadelkhlwng txmainrchsmyphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhwidphrarachthannamorngeriynihihmwa wchirawuthwithyaly ephuxepnphrabrmrachanusrnkhxngphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw phraphuphrarachthankaenidorngeriynsubtxip phiphithphnthphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw tngxyubriewnchn 2 aelachn 3 xakharrachwllph phayinhnwybychakarrksadinaedn trngkhamwdphraechtuphnwimlmngkhlaramrachwrmhawihar thnnecriykrung cdaesdngphrarachprawti phrarachkrniykic phrarachniphnth ekhruxngichswnphraxngkhkhxngphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw echn chudchlxngphraxngkh phramala rxngphrabath xawuthtang insmynn aelaprawtikhwamepnmakhxngkxngkickaresuxpa sungthrngkxtngaelaphthnamaepnnksuksawichathharinpccubn hxwchirawuthanusrn kxtngody hmxmhlwngpin malakul odythwayih smedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi thrngrbepnxngkhprathan srangkhunephuxchlxngwnphrabrmrachsmphphkhrb 100 pikhxngphrabathsmedcphramungkudeklaecaxyuhwinwnthi 1 mkrakhm ph s 2524 tngxyuinbriewnhxsmudaehngchati thnnsamesn krungethphmhankhr epnxakharthrngithykhnadihy xyuthisehnuxkhxngxakharhxsmudaehngchati chidkbrwbriewnthasukrisungekhyepnthiprathbaerm khxngphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwhlaykhrnghlayhn smedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi thrngprakxbphithiwangsilaphravksinwnkhlaywnphrabrmrachsmphph khrb 8 rxb emuxwnthi 1 mkrakhm ph s 2520 sthanthixnenuxngdwyphranam xakharmhawchirawuth khnaxksrsastr culalngkrnmhawithyaly xakharmhawchirawuth wchirphyabal xakharethphthwarwdi khnanitisastr culalngkrnmhawithyaly xakharwchirmngkud khnaxksrsastr mhawithyalysilpakr xakharwchirmngkud wchirawuthwithyaly pratuxswphahu wchirawuthwithyaly pratueyawrach wdphramhathatuwrmhawihar cnghwdnkhrsrithrrmrach tngtamphraxisriyysinkhnann smedcphrabrmoxsathirach thngsrangthwayphrabrmthatunkhrsrithrrmrach phraeyawrach phrayuphrach swnrunvdi sthanthiplukphlbphlathiprathb khrngesdcmakxtngaelaepidkhaywchirawuth cnghwdnkhrsrithrrmrachphrabrmrachxisriyysaelaphraekiyrtiysthrrmeniymphrayskhxng phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwphrarachlyckrthngpracaphraxisriyystrapracaphraxngkhkarthulitfalaxxngthuliphrabathkaraethntnkhaphraphuththecakarkhanrbphraphuththecakhakhxrb ephkhatrasylksnphraprmaphiithyyx rr 6phrabrmrachxisriyys smedcphraecalukyaethx ecafamhawchirawuth 1 mkrakhm ph s 2424 14 minakhm ph s 2431 smedcphraecalukyaethx ecafamhawchirawuth krmkhunethphthwarawdi 14 minakhm ph s 2431 4 mkrakhm ph s 2438 smedcphrabrmoxrsathirach ecafamhawchirawuth syammkudrachkumar 4 mkrakhm ph s 2438 23 tulakhm ph s 2453 smedcphrabrmoxrsathirachphuthrngsaercrachkaraephndin 23 tulakhm ph s 2453 25 tulakhm ph s 2453 smedcphraecaxyuhw 25 tulakhm ph s 2453 11 phvscikayn ph s 2453 phrabathsmedcphrapremnthrmhawchirawuth phramngkudeklaecaxyuhw 11 phvscikayn ph s 2453 11 phvscikayn ph s 2459 phrabathsmedcphraramathibdisrisinthrmhawchirawuth phramngkudeklaecaxyuhw 11 phvscikayn ph s 2459 26 phvscikayn ph s 2468 phrarachlyckrpracaphraxngkh phrarachlyckrpracarchkalthi 6 phrarachlyckrpracaphraxngkhphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw idaek phrawchira sungmacakphrabrmnamaphiithykxnthrngrachy nnkhux mhawchirawuth sunghmaythung sayfaxnepnsastrawuthkhxngphraxinthr phrarachlyckrphrawchirann epntranga rupri kwang 5 5 s m yaw 6 8 s m mirupwchirawutheplngrsmithiyxd pradisthanbnphanaewnfa 2 chn michtrbriwartngkhnabthngsxngkhang phraphuththruppracaphraxngkh phraphuththruppracaphrachnmwar rchkalthi 6phraphuththruppracarchkalthi 6 phraphuththruppracaphrachnmwar epnphraphuththruppangnakhprk 7 esiyr prathbittncik srangemuxpi ph s 2453 srangdwy thxngkhalngyapradbxymni khwamsungthungyxdtncik 20 70 esntiemtr pradisthan n hxphra wimanxngkhkhwa phrathinngckrimhaprasath phraphuththruppracarchkal srangraw ph s 2468 2475 hnatkkwang 7 5 s m sungechphaaxngkhphra 12 s m sungrwmchtr 39 s m srangdwythxngkha phayitchtrpruthxng 3 chnekhruxngrachxisriyaphrnithy ph s 2432 ekhruxngkhttiyrachxisriyaphrnxnmiekiyrtikhunrungeruxngyingmhackribrmrachwngs m c k fayhna ph s 2453 ekhruxngrachxisriyaphrnxnepnobranmngkhlnphrtnrachwraphrn n r fayhna ph s 2443 ekhruxngrachxisriyaphrnculcxmekla chnthi 1 pthmculcxmeklawiess p c w ph s 2454 ekhruxngrachxisriyaphrnrtnwraphrn r w fayhna fayhna ph s 2461 ekhruxngrachxisriyaphrnxnmiskdiramathibdi chnthi 1 esnangkhabdi s r ph s 2453 ekhruxngrachxisriyaphrnxnepnthiechidchuyingchangephuxk chnsungsud mhaprmaphrnchangephuxk m p ch ph s 2461 ekhruxngrachxisriyaphrnxnmiekiyrtiysyingmngkudithy chnsungsud mhawchirmngkud m w m ph s 2462 ekhruxngrachxisriyaphrnwllphaphrn w ph fayhna ph s 2454 ekhruxngrachxisriyaphrnwchirmala w m l ph s imprakt ehriyyrachniym r n ph s 2461 ehriyynganphrarachsngkhramyuorp ph s imprakt ehriyydusdimala ekhmrachkaraephndin r d m ph ph s 2446 ehriyydusdimala ekhmsilpwithya r d m s ph s imprakt ehriyyckrmala r c m ph s 2451 ehriyyrtnaphrn rchkalthi 5 chnthi 1 c p r 1 ph s 2453 ehriyyrtnaphrn rchkalthi 6 chnthi 1 w p r 1 ph s 2454 ehriyyrachrucithxng rchkalthi 6 r c th 6 ph s 2454 ehriyybrmrachaphiesk rchkalthi 6 r r s 6 ph s 2466 ehriyychyekhruxngrachxisriyaphrntangpraeths shrachxanackr ph s 2461 ekhruxngrachxisriyaphrnbath chnthi 1 GCB ph s 2445 ekhruxngrachxisriyaphrndaraaehngxinediy chnthi 1 GCSI ph s 2445 ekhruxngrachxisriyaphrnrxylwiktxeriyn chnxswinsungsud CGVO sepn ph s 2445 ekhruxngrachxisriyaphrnkhnaekathxngkha chnxswin ph s 2440 ekhruxngrachxisriyaphrncharlsthi 3 chnthi 1 swiedn ph s 2440 ekhruxngrachxisriyaphrnesrafim ednmark ph s 2440 ekhruxngrachxisriyaphrnixyra xitali ph s 2445 ekhruxngrachxisriyaphrnsungsudkhxngkarprakasskdisiththithisud xxsetriy hngkari ph s 2445 ekhruxngrachxisriyaphrnkhxngnkbuysethefnaehnghngkari chnthi 1 yipun ph s 2445 ekhruxngrachxisriyaphrnxnsungsngyingdxkebycmas baedn ph s 2445 ekhruxngxisriyaphrnbankhxngkhwamsuxsty eyxrmni ph s 2445 ekhruxngrachxisriyaphrnmngkudprsesiyn frngess ph s 2446 ekhruxngxisriyaphrnelchiyngdxenxr chnmhakangekhn ebranchiwkh ph s 2452 ekhruxngrachxisriyaphrnsingotihnrich chnthi 1 phiess phraysthharaelakxngesuxpa 2 phvscikayn ph s 2453 cxmphl 4 phvscikayn ph s 2453 cxmphlerux naykxngihyaehngkxngesuxpaphrarachsmyya phrabidaaehngkarlukesuxithy phrabidaaehngfutbxlithyphngsawliphngsawlikhxngphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw 16 24 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach 8 12 phrabathsmedcphraphuththelishlanphaly 17 25 smedcphraxmrinthrabrmrachini 4 6 phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw 18 26 engin aestn 9 13 smedcphrasrisurieynthrabrmrachini 19 27 smedcphraecaphinangethx ecafakrmphrasrisudarks 2 phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw 20 phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw 10 smedcphrabrmrachmatamhykaethx krmhmunmatyaphithks 21 ecacxmmardathrphy inrchkalthi 3 5 smedcphraethphsirinthrabrmrachini 22 busy 11 hmxmnxy siriwngs n xyuthya 23 aecm 1 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw 24 16 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach 12 8 phrabathsmedcphraphuththelishlanphaly 25 17 smedcphraxmrinthrabrmrachini 6 4 phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw 26 18 engin aestn 13 9 smedcphrasrisurieynthrabrmrachini 27 19 smedcphraecaphinangethx ecafakrmphrasrisudarks 3 smedcphrasriphchrinthrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng 14 hlwngxasasaaedng aetng 7 smedcphrapiymawdi sriphchrinthrmata 15 thawsucrittharng nakh aephnphngsmedcphrapthmbrmmhachnk 1 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach smedcphrabwrrachecamhasursinghnath smedcphraecanxngyaethx ecafakrmhlwngckrecsda 2 phrabathsmedcphraphuththelishlanphaly smedcphrabwrrachecamhaesnanurks smedcphrabwrrachecamhaskdiphlesph 3 phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw 4 phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw phrabathsmedcphrapineklaecaxyuhw smedcphraecabrmwngsethx ecafaxaphrn smedcphraecabrmwngsethx ecafamhamala krmphrayabarabprpks smedcphraecabrmwngsethx ecafapiw smedcphraecabrmwngsethx ecafaosmns 5 phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw smedcphraecabrmwngsethx ecafacaturntrsmi krmphrackrphrrdiphngs smedcphrarachpitula brmphngsaphimukh ecafaphanurngsiswangwngs krmphrayaphanuphnthuwngswredch smedcphraecabrmwngsethx ecafakrmphrayanrisranuwdtiwngs krmphrarachwngbwrwiichychay smedcphrabrmoxrsathirach ecafamhawchirunhis syammkudrachkumar smedcphraecabrmwngsethx ecafaxisriyalngkrn 6 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw smedcphraecabrmwngsethx ecafabriphtrsukhumphnthu krmphrankhrswrrkhwrphinit smedcphraecabrmwngsethx ecafatriephchrutmtharng smedcphraecabrmwngsethx ecafasmmtiwngsworthy krmkhunsrithrrmrachtharngvththi smedcphraecabrmwngsethx ecafackrphngsphuwnath krmhlwngphisnuolkprachanath smedcphraecabrmwngsethx ecafayukhlthikhmphr krmhlwnglphburiraemswr smedcphraecabrmwngsethx ecafasirirachkkuthphnth smedcphraxnuchathirach ecafaxsdangkhedchawuth krmhlwngnkhrrachsima smedcphramhitlathiebsr xdulyedchwikrm phrabrmrachchnk smedcphraecabrmwngsethx ecafacuthathuchthradilk krmkhunephchrburnxinthraichy 7 phrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw 8 phrabathsmedcphrapremnthrmhaxannthmhidl phraxthmramathibdinthr 9 phrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr 10 phrabathsmedcphrawchireklaecaxyuhwxangxingechingxrrth snthisyyasngphuraykhamaedn rahwangkrungsyamkbxngkvs PDF rachkiccanuebksa 28 k 158 13 singhakhm r s 130 subkhnemux 24 tulakhm ph s 2560 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a trwcsxbkhawnthiin accessdate aela date help