บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า หรือ ให้ คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้เพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
ไครสต์เชิร์ช เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเกาะใต้ ประเทศนิวซีแลนด์ และเป็นที่เป็นที่นิยมเป็นอันดับ 3 ของนิวซีแลนด์ ไครสต์เชิร์ชเป็นหนึ่งในสามเมืองที่อยู่ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันออกของเกาะใต้ ทางเหนือ ตั้งแต่ปี 2006 บริเวณเขตนี้อยู่ใต้เขตการปกครองของเมืองไครสต์เชิร์ช จากการสำรวจสำมะโนประชากรเมืองไครสต์เชิร์ช ณ วันที่ 5 มีนาคม ปี 2013 มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 341,469 คน
ไครสต์เชิร์ช Ōtautahi | |
---|---|
ตตามเข็มนาฬิกาจากข้างบน: เส้นขอบฟ้าของเมืองไครสต์เชิร์ชที่มีเป็นฉากหลัง, กับ, รถรางของเมือง, , ในฤดูใบไม้ร่วง, (Peacock Fountain) ใน และใน | |
ธง | |
สมญา: The Garden City | |
คำขวัญ: Fide Condita Fructu Beata Spe Fortis อังกฤษ: Founded in Faith, Rich in the Fulfillment thereof, Strong in Hope for the Future | |
ไครสต์เชิร์ช ไครสต์เชิร์ช | |
พิกัด: 43°31′48″S 172°37′13″E / 43.53000°S 172.62028°E | |
ประเทศ | นิวซีแลนด์ |
เกาะใต้ | |
วาร์ดส | คาบสมุทรแบงก์ส เบอร์วูด แคชเมอร์ ใจกลางเมือง ริมชายฝั่ง เฟนดัลตัน ฮาลส์เวลล์ แฮร์วูด ฮีธโคท ฮอร์นบาย อินเนส ลินวูด ปาปานูอี ริคคาร์ตัน สเปรยดัน ไวไมรี |
ตั้งถิ่นฐานโดยสหราชอาณาจักร | ค.ศ.1848 |
ตั้งชื่อจาก | |
การปกครอง | |
• | |
พื้นที่ | |
• Territorial | 1,426 ตร.กม. (551 ตร.ไมล์) |
• เขตเมือง | 607.73 ตร.กม. (234.65 ตร.ไมล์) |
ความสูง | 20 เมตร (70 ฟุต) |
ประชากร (2022) | |
• Territorial | 389,300 คน |
• ความหนาแน่น | 270 คน/ตร.กม. (710 คน/ตร.ไมล์) |
• เขตเมือง | 377,900 คน |
• ความหนาแน่นเขตเมือง | 620 คน/ตร.กม. (1,600 คน/ตร.ไมล์) |
เดมะนิม | Cantabrian |
เขตเวลา | () |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | (NZDT) |
รหัสไปรษณีย์ | 8011, 8013, 8014, 8022, 8023, 8024, 8025, 8041, 8042, 8051, 8052, 8053, 8061, 8062, 8081, 8082, 8083 |
รหัสพื้นที่ | 03 |
, | |
เว็บไซต์ | www.ccc.govt.nz www.ecan.govt.nz |
ชื่อเมืองไครสต์เชิร์ช ถูกตั้งขึ้นโดย (ตั้งอยู่บริเวณรอบเมือง) ชื่อเมืองนี้เป็นที่ยอมรับจากการประชุมสมาคมครั้งแรกในวันที่ 27 มีนาคม 1848 โดยการแนะนำจาก ผู้ที่เคยเข้า ช่วงแรกนักเขียนบางท่าน เรียกเมืองนี้ว่า เมืองโบสต์คริสต์(Christ Church) แต่หลังจากมีการประชุมกรรมการสมาคมได้กำหนดให้เมืองนี้ ชื่อว่า เมืองไครสต์เชิร์ช(Christchurch) และเมืองไครสต์เชิร์ชได้ตั้งเป็นเมืองโดยมี กำหนดตั้งแต่ 31 กรกฎาคม 1856 อย่างเป็นทางการซึ่งถือว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในนิวซีแลนด์
แม่น้ำที่ไหลผ่านใจกลางเมือง(แหล่งน้ำขนาดใหญ่จากสวนสาธารณะในเมือง) ชื่อว่า ตั้งชื่อตามพี่น้องคณบดีผู้บุกเบิกเพื่อระลึกถึง ผู้ที่ทำให้เกิดทางน้ำไหลผ่านภูเขาแอร์ไชร์ใกล้กับฟาร์มของบรรพบุรุษของเขา และทางน้ำไหลผ่านสู่เครส์(The Clyde แม่น้ำทางฝั่งตะวันออกของสก็อตแลนด์)
ชื่อ สำหรับเมืองไครสต์เชิร์ช คือ โอเทาทาหิ - Ōtautahi ("สถานที่ของเทาทาหิ - Tautahi") จุดกำเนิดของชื่อสถานที่นี้มาจากแม่น้ำเอวอน ใกล้ถนนคิลมอลล์ และ สถานีดับเพลิงไครสต์เชิร์ช สถานที่นี้เป็นที่อยู่อาศัยของ หัวหน้า Te Potiki Tautahi เจ้าของบ้าน(Port Levy) ฝั่งน้ำเพนซิลซูล่า โอเทาทาหิ - Ōtautahi เป็นชื่อที่นำมาใช้ในปี 1930 ก่อนที่ Ngāi Tahu จะเรียกดินแดนไครสต์เชิร์สว่า คารายเทียน่า (Karaitiana) คำทับศัพท์ภาษาอังกฤษของชาวคริสเตียน ชื่อย่อของเมืองที่ชาวนิวซีแลนด์มักเรียก คือ เชิร์ช (Chch) สำหรับ* ชื่อเมืองจะแสดงสัญลักษณ์มือ เป็นรูปตัวซี (C) สองครั้ง โดยการแสดงสัญลักษณ์ครั้งที่สองนับจากทางขวาของตัวแรก และในขณะเดียวกัน ก็สื่อสารด้วยการขยับปากว่า "ไครสต์เชิร์ช"
* (New Zealand Sign Language หรือ NZSL) คือ ภาษาหลักที่ใช้ในสังคมคนพิการทางหู ของประเทศนิวซีแลนด์
ประวัติ
ภาพรวม
หลักฐานทางโบราณคดีที่ถูกค้นพบที่ถ้ำ ในปี 1876 บ่งชี้ได้ว่าบริเวณเมืองไครสต์เชิร์ช เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของนักล่าชนเผ่าเมา ก่อนปี 1250 คริสตกาล ผู้บุกเบิกรุ่นแรกถูกติดตามโดยชนเผ่าน กลุ่มอพยพจากชายฝั่งตะวันออกของเกาะเหนือสมัยศตวรรษที่ 16 สงครามระหว่างชนเผ่า กลุ่มไวทาฮา (มาจากการรวมตัวของ 3 คน) ถูกยึดอำนาจโดยชนเผ่า ในทางกลับกันชนเผ่า ก็ควบคุมกลุ่ม เช่นกัน จนกระทั่งการมาตั้งถิ่นฐานของชาวยุโรป จากการสำรวจมีการซื้อที่ดินที่ Putaringamotu (Riccarton สมัยใหม่) โดย นักล่าปลาวาฬจาก และ ซิดนีย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชาวยุโรปที่มาตั้งถิ่นฐานเช่นกัน นำโดยนายเฮอริออท และ แมคกวิลเร่ และพวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเมืองไครสต์เชิร์ชที่ยังคงมีให้เห็นในปัจจุบันตั้งแต่ก่อนปี 1840 ได้ครอบครองทรัพย์สินและอาศัย ที่อยู่อาศัยที่ถูกทิ้งรกร้างในปี 1843 The First Four Ships (เรือ 4 ลำแรก) ถูกเช่าโดย และซื้อในปี 792 โดยนักแสวงบุญแคนเทอเบอรี่ นำมาสู่ การแล่นเรือเหล่านี้ ที่มีชื่อว่า แรนดอฟ(), ชาร์ลอต เจน(), เซอร์ จอร์ท เซมัวร์ (), และ เครสซี่() เรือชาร์ลอต เจน มาถึงเป็นลำแรกในวันที่ 16 ธันวาคม ปี 1850. นักแสวงบุญแคนเทอเบอรี่ จึงเกิดแรงบัลดาลใจที่จะสร้างเมืองรอบโบสถ์ และวิทยาลัย โดยใช้ต้นแบบเมืองจาก ในเมืองออกซฟอร์ด
ชื่อ "โบสต์ คริสต์" ถูกตั้งก่อนที่การแล่นเรืองจะมาถึง จากการประชุมสมาคมครั้งแรก วันที่ 27 มีนาคม 1848 และชื่อดังกล่าวก็ไม่เป็นที่รู้จัก จึงมีการแนะนำให้เปลี่ยนชื่อเป็น ตามชื่อเมืองในเมือง ดอร์เซต, ประเทศอังกฤษ และตั้งชื่อโบสต์แคนเทอเบอรี่ ( สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองอ๊อกฟอร์ด) ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ชื่อไครสต์เชิร์ชได้รับการยอมรับทั่วไป
กับตันโจเซฟ โทมัส หัวหน้านักสำรวจของสมาคมแคนเทอเบอรี่ ได้สำรวจบริเวณโดยรอบสถานที่แห่งนี้ ช่วงเดือนธันวาคม 1849 เขาได้รับหน้าที่ในการก่อสร้างถนนจาก พอร์ต คูเปอร์ ต่อมาก็ สู่ไครสต์เชิร์ช โดยผ่าน (ชานเมืองริมทะเลในไครสต์เชิร์ช) อย่างไรก็ตามสิ่งที่เราต้องทำมักจะยากกว่าที่คิดไว้ การก่อสร้างถนนหยุดชะงักเมื่อเจอรอยเท้าสูงชัน และรอยเท้าของสัตว์จำพวกม้าอยู่ระหว่างท่าเรือและหุบเขาเฮลท์คอต (สถานที่เข้าสู่แหล่งที่ตั้งถิ่นฐานที่อุดมสมบูรณ์) รอยเท้าเหล่านี้กลายเป็นที่รู้จักในนามของ เพราะว่าเส้นทางนั้นชั้นทำให้ม้าจำเป็นต้องมีบังเหียนไว้คอยนำทาง สินค้าที่หนักมาก หรือขนาดใหญ่ถูกขนส่งโดยกลุ่มม้า ที่บังคับด้วยบังเหียนและถูกส่งลำเลียงไปยังเรือเล็ก ระยะทาง 8 ไมล์ (13 กิโลเมตร) ผ่านเส้นทางน้ำบริเวณชายฝั่งไปขึ้นที่ปากแม่น้ำ เส้นทางรถไฟสาธารณะแห่งแรกในนิวซีแลนด์ คือ เริ่มเปิดใช้ในปี 1863 เส้นทางจากเฟอรี่มีท ถึงเมืองไครสต์เชิร์ช เนื่องจากการเดินทางที่ลำบากจาก และอันตรายที่เกิดจากการขนส่งสินค้าทางเรือไปที่ ซัมเนอร์ บาร์ จึงมีการเปิดอุโมงค์รรถไฟ ผ่าน พอร์ต ฮิลล์ ไปยัง ลีทเทลตัล ในปี 1867
ไครสต์เชิร์ช กลายเป็น เมืองแห่งแรกในนิวซีแลนด์ ตั้งแต่มีพระราชกำหนด ในวันที่ 31 กรกฎาคม 1856 หลายเมืองได้รับการฟื้นฟูตามสถาปัตยกรรมกอธิค โดยสถาปนิค เบนจามิน เม้าส์ฟอร์ท ในยุคสมัยนั้น ไครสต์เชิร์ช เคยเป็นที่ทำการบริหารของ แต่ถูกยกเลิกในปี 1876 ต่อมาในปี 1947 เกิดภัยพิบัติไฟไหม้ ในเขตเมืองชั้นใน มีคน 41 คนถูกไฟคอกตาย ทำให้ต้องรื้อถอนโครงสร้างอาคาร และ อยู่ระหว่าง ลีทเทลตัล และ ไครสต์เชิร์ช ได้เปิดใช้ในปี 1964. ไครสต์เชิร์ช ได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬา "เกม" ในปี 1974.
แผ่นดินไหว ปี 2010–2012
วันเสาร์ที่ 4 กันยายน ปี 2010 เกิด ได้ทำลายเมืองไครสต์เชิร์ช และเขตเมืองแคนเทอเบอรี่ เช้ามืดเวลา 4.35 ใกล้กับดาร์ฟิลด์ ทางฝั่งตะวันตกของเมือง จุดเกิดแผ่นดินไหวลึกลงใต้พื้นดินขนาด 10 กิโลเมตร (6.2 ไมล์) ซึ่งเป็นสาเหตุให้เมืองถูกทำลายบริเวณกว้าง และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุนี้โดยตรง
6 เดือนต่อมา ในอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ ปี 2011 เกิดแผ่นดินไหวครั้งที่ 2 วัดขนาดแรงสั่นได้ 6.3 ริกเตอร์ ช่วงเที่ยง เวลา 12:51 ซึ่งเกิดแผ่นดินไหวใกล้เมืองมากขึ้น ใกล้กับ ลีทเทลตัล แผ่นดินไหวระดับความลึก 5 กิโลเมตร (3 ไมล์) ลึกใต้ผิวพื้นดิน แม้ว่าจะวัดความขนาดของแผ่นดินไหวด้วยวิธีวัดขนาดของแผ่นดินไหวด้วยพลังาน จะน้อยกว่าแผ่นดินไหวครั้งก่อน แต่ความหนาแน่นและความรุนแรงที่สั่นอยู่ใต้พิ้นดินนั้นเมื่อวัดด้วยเครื่องวัด MM IX นับว่ารุนแรงที่สุดที่เคยบันทึกมาในบริเวณเขตเมือง และมีผู้เสียชีวิตจำนวนทั้งหมด 185 คนในของคนที่มีสัญชาติ จากในบรรดาผู้ประสบภัยกว่า 20 ประเทศ ยอดของหักและเสียหายเป็นวงกว้าง นั่นเป็นเหตุให้ตึกและโครงสร้างพื้นฐานของเมืองไครส์เชิร์ชที่ไม่แข็งแรงตั้งแต่แผ่นดินไหวในวันที่ 4 กันยายน 2010 รวมถึงแผ่นดินไหวย่อยๆ(aftershocks) ที่ตามมาหลังจากแผ่นดินไหวรุนแรง ซึ่งส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ดินสลายตัวบริเวณชานเมืองตะวันออก ทำให้ยอดรวมค่าใช้จ่ายที่ผู้ประกันภัยประเมินมูลค่าสำหรับใช้ในการสร้างเมืองใหม่ ประมาณ 20-30 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์
วันที่ 13 มิถุนายน 2011 ไครสต์เชิร์ช เผชิญกับแผ่นดินไหวย่อยขนาดใหญ่ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกขนาด 5.6 ริกเตอร์ ลึกจากผิวดิน 9 กิโลเมตร(6 ไมล์) เวลา 13:00 นาฬิกา บริเวณเขตซัมเนอร์ เมืองไครสต์เชิร์ช และตามมาอีกครั้งขนาด 6.3 ริกเตอร์ ลึกจากผิวดิน 6 กิโลเมตร(4 ไมล์) เวลา 14:20 นาฬิกาในบริเวณเดิม ส่งผลให้ดินเกิดการสลายตัวและสร้างความเสียหายมากยิ่งขึ้นแต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้
แผ่นดินไหวครั้งถัดไปวันที่ 23 ธันวาคม 2011 จากการสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกาวัดขนาดแผ่นดินไหวได้ 5.8 ริกเตอร์ ทางด้านฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง ระยะทาง 26 กิโลเมตร(16 ไมล์) ลึกจากผิวดิน 4.7 กิโลเมตร(2.9 ไมล์) เวลา 13:58 มีแผ่นดินไหวย่อยตามมาอีกหลายลูก และอีก 80 นาทีต่อมามีแผ่นดินไหวขนาด 6 ริกเตอร์ในบริเวณเดิม และมีแผ่นดินไหวย่อยตามมามากกว่าที่เราคาดคิดไว้ รถพยาบาลเซนต์จอห์น มีผลรายงานออกมาว่า หลักจากแผ่นดินไหวทั้งสองครั้ง มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยทั้งที่บ้านและตามสถานธุรกิจ และไม่ได้กังวลกับการบาดเจ็บแต่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าอาจจะเกิดการถล่มของตึกในเวลานั้น สนามบินไครสต์เชิร์ชถูกปิดในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งไฟฟ้าและการประปาหยุดให้บริการที่เมืองนิวบริทัล และเขตเมืองปาร์คแลนด์เสียหายรุนแรง รวมทั้งถนนและทางเท้า
เมืองไครสต์เชิร์ชได้รับแรงสั่นสะเทือนอีกครั้งในวันที่ 2 มกราคม 2012 ครั้งแรกวัดขนาดได้ 5.1 ริกเตอร์ เวลา 01:27 นาฬิกา และในอีก 5 นาทีต่อมา ตามมาด้วยแผ่นดินไหวย่อยอีก 4.2 ริกเตอร์ และเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งที่สองอีกครั้ง เวลา 05:45 นาฬิกา ขนาด 5.5 ริกเตอร์ เป็นเหตุให้ไฟฟ้าทางฝั่งชานเมืองตะวันออกของเขตปาร์คแลนด์ เมืองนิวบริทัล, เชอร์เลย์, ดาร์ลิ่งตัน, บลูวูด, สเปนเซรอ์วิลล์ และเมืองริชมอนด์ หยุดให้บริการ จากเหตุครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนบริเวณโดยรอบ จำนวนกว่า 10,000 หลังคาเรือน
จากการบันทึก บริเวณเขตเมืองแคนเทอร์เบอร์ลี่เผชิญกับแผ่นดินไหวจำนวน 4,423 ครั้ง ขนาด 3 ริกเตอร์ขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2010 ถึง 3 กันยายน 2012.
ตึกมากกว่า 1000 ตึก ย่านธุรกิจใจกลางเมือง (CBD:The central business district) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของกลุ่มตึกทั้งหมดบนถนน 4 สายหลักถูกทำลายลงเพราะเหตุแผ่นดินไหว ส่วนตึกเล็กหลายตึกยังคงรื้อถอน หรือรอตัดสินใจว่าจะรื้อถอนหรือไม่ต่อไปในอนาคต ภาพรวมของตึกในเมืองตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหว ดูจาก:.
การฟื้นฟูหลังแผ่นดินไหว
เมืองเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากแผ่นดินไหว ย่านใจกลางเมืองถูกสร้างใหม่ตามแผนฟื้นฟูส่วนกลางเมืองไครสต์เชิร์ช 2014-05-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน เริ่มจากการสร้างเมือง ขยายเมืองเติบโตในส่วนของที่พักอาศัย คาดการณ์ว่าจะมีบ้านใหม่ประมาณ 50,000 หลังบริเวณมหานครไครสต์เชิร์ช ให้เสร็จสิ้นในปี 2028 ตามแผนการฟื้นฟูการใช้พื้นที่ 2013-12-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน(LURP).
ความคิดริเริ่มต่างๆในการฟื้นฟูเมืองใหม่หลังจากแผ่นดินไหวเริ่มมีปริมาณมากขึ้น โดยจัดให้มีมาตรการฟื้นฟูในช่วงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง เช่น โครงการ Gap Filler, Life in Vacant Spaces และ Greening the Rubble เป็นต้น
ประตูสู่ขั้วโลกใต้ แอนตาร์กติก
ไครสต์เชิร์ช มีประวัติศาสตร์ของการมีส่วนร่วมใน ทั้ง และ โดยใช้ท่าเรือลีทเทอตัลเป็นจุดทางออกสำหรับการเดินทาง และจุดศูนย์กลางเมืองมีที่ปั้นโดยภรรยาม้ายของเขา ชื่อว่า ภายในเมือง มี ที่ไว้จัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ทางประวัติศาสตร์มากมายและเรื่องราวของการสำรวจขั้วโลกใต้ ท่าอากาศยานนานาชาติไครสต์เชิร์ช ใช้เป็นฐานหลักสำหรับรองรับผู้คนจากนิวซีแลนด์ อิตาลี และมีโปรแกรม
มีทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน พิพิธภัณฑ์ และศูนย์เยี่ยมชมที่จะเน้นกิจกรรมเกี่ยวกับแอนตาร์กติกในปัจจุบัน กองทัพเรือสหัฐ และกองทัพอากาศของสหรัฐที่ปกป้องเขตแดน เสริมกำลังด้วยชาวนิวซีแลนด์และกองทัพอากาศของออกเตรเลีย ใช้ท่าอากาศยานไครสต์เชิร์ชเป็นเส้นทางหลักในการลำเลียงตามเส้นทางเพื่อไปที่ที่ สถานีฐานแมคเมอร์ดูและสก็อต ในแอนตาร์กติก ศูนย์กระจายสินค้าเสื้อผ้า(CDC) ในไครสต์เชิร์ช มีมากกว่า 140,000 ชิ้นสำหรับพื้นที่ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นมาก(ECW) เริ่มแรกมีจำนวนประมาณ 2000 ชิ้น ได้เข้าร่วมกับโครงการนี้ด้วยในช่วงฤดูกาลปี 2007-08
ภูมิศาสตร์
ไครสต์เชิร์ชตั้งอยู่ในเขตเมือง ใกล้กับศูนย์กลางทางชายฝั่งตะวันออกของเกาะใต้ (ตะวันออกของ) ไครสต์เชิร์ชตั้งอยู่ใกล้ทางตอนใต้สุดของ และ สุดเขตทางทิศตะวันออกตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกและและ ทางตอนใต้และทางใต้ฝั่งตะวันออกเป็นเมืองท่าเรือที่ติดกับทางลาดภูเขาไฟของเขา ซึ่งถูกแยกมาจากแม่น้ำเพนนิลซูล่า ในปี 2006 แม่น้ำเพนนิลซูล่าได้ถูกรวมเข้ากับเมืองไครสต์เชิร์ช ส่งผลให้พื้นที่ของเมืองเป็นสามเหลี่ยม ในขณะที่มีประชากรเพิ่มขึ้นเพียง 8,000 คนเท่านั้น ทางตอนเหนือของเมืองติดกับ
ไครสต์เชิร์ช เป็น (หนึ่งในแปดเมืองคู่) ของโลกที่มีความใกล้เคียงลักษณะเมืองแบบแอนทิพโพดัล ครึ่งหนึ่งของกลุ่มคู่เมืองแบบแอนทิพโพดัลอยู่ในนิวซีแลนด์ และสเปน/โมรอคโค เมืองโครูน่า, สเปน ซึ่งมีรูปร่างคล้ายแบบแอนทิพโพดัลของเมืองไครสต์เชิร์ช
ไครสต์เชิร์ช เป็น หนึ่งในสี่กลุ่มเมืองของโลกที่มีการวางแผนอย่างระมัดระวังในการสร้างเมืองตามแบบโครงสร้างให้รอบจุดศูนย์กลางเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส รอบเมืองที่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสจะประกอบไปด้วยสวนสาธารณะล้อมรอบจุดศูนย์กลางของเมือง เมืองแรกที่สร้างตามแบบนี้ คือ เมืองฟิลาเดเพีย สหรัฐ ต่อมาก็เป็นเมืองซาวันน่า(Savannah) และเมืองอาดีเลย์(Adelaide) และจึงเป็นเมืองไครสต์เชิร์ช ไครสต์เชิร์ช จึงถือได้ว่าเป็นเมืองมรดกที่สำคัญและมีรูปแบบเมืองที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาเมืองต่อไปในอนาคต
ไครสต์เชิร์ช เป็น หนึ่งในเมืองที่มีคุณภาพสูงที่สุดในโลก ด้วยการจัดอันดับแหล่งน้ำโดยเทียบจากความบริสุทธิ์และความสะอาดที่สุดในโลก การกรองน้ำตามแหล่งทางธรรมชาติที่ผ่านสถานีสูบน้ำกว่า 50 สถานีบริเวณรอบเมือง (จากชั้นหินอุ้มน้ำ ผ่านออกมาจากเชิงเขา)
เซ็นทรัลซิตี้
ศูนย์กลางของเมืองไครสต์เชิร์ช คือ ปัจจุบันบริเวณโดยรอบเสียหายเนื่องจากแผ่นดินไหว โดยมีโบสถ์แองลีคัลเป็นจุดสังเกต ซึ่งก็คือ บริเวณโดยรอบจัตุรัส ประกอบไปด้วย (สายเบียเล่ย์, สายฟิตเจอรัล, สายมัวร์เฮ้าส์ และสายดีนส์) บริเวณนี้ถือว่าเป็นย่านธุรกิจใจกลางเมือง(เซ็นทรัลซิตี้) เซ็นทรัลซิตี้ มีจำนวนที่อยู่อาศัยโดยรอบรวมถึงโซนชั้นในตะวันออก โซนชั้นในตะวันตก วงแหวนเอวอน ย่านถิ่นชนพื้นเมืองชาวเมา และวิคเตอเรีย แต่ตึกที่พักอาศัยจำนวนมากในย่านใจกลางเมืองถูกรื้อถอนหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2011. จัตุรัสวิหาร ที่ตั้งอยู่บนทางข้ามของสองถนนหลัก ประกอบด้วย และ .
จัตุรัสวิหาร ถือว่าได้ว่าเป็นหัวใจของเมืองไครสต์เชิร์ช เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมาก (จนกระทั่งแผ่นดินไหวเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2011) เช่น สถานที่ "" โดย เอียน แบลคเคนเบอรี่ ชาแนลล และสถานที่ "" ชื่อผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ จะเป็นวันที่มีตลาด ซุ้มอาหารและรถกาแฟ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ผับและภัตตาคาร และมีศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว กิจกรรมเหล่านี้ที่จัดบริเวณจัตุรัสวิหารเป็นกิจกรรมที่หวังให้การสร้างเมืองคืบหน้าเร็วขึ้น ปัจจุบันนี้ "พ่อมดแห่งนิวซีแลนด์" เปิดให้บริการแล้วจากกถนนนิว รีเจ้นท์.
เซ็นทรัลซิตี้ รวมถึงส่วนของถนนคนเดินแห่งแคชเชล และ ถนนยกระดับ ที่รู้จักกันโดยทั่วไปก่อนแผ่นดินไหวว่า "ซิตี้ มอลล์" ซึ่งได้รับการตกแต่งใหม่ในปี 2008/09 ห้างสรรพสินค้ามีลักษณะเด่นโดยเฉพาะ การออกแบบที่นั่ง ดอกไม้ และสวนกล่อง ต้นไม้จำนวนมาก พื้นปู และการขยายเส้นทางรถรางสู่ใจกลางเมือง. การขยายเส้นทางรถรางใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แต่เกิดเหตุแผ่นดินไหวเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2011 ก่อน หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว ตึกส่วนใหญ่ในห้างสรรพสินค้าแคชเชลถูกรื้อถอน พื้นที่แหล่งช๊อปปิ้งถูกเรียกใหม่ว่า ห้างสรรพสินค้า "Re:START" ถูกเปิดบนถนนแคชเชลติดกับห้างสรรพสินค้าของบอลเลนเน่ ในเดือนตุลาคม ปี 2011. ห้างสรรพสินค้า "Re:START" สร้างมาจากคอนเทนเนอร์ขนส่งสีสันสวยงาม โดยนำมาปรับให้เป็นร้านบ้านค้าปลีก อนุสรณ์สถาน "สะพานรีเมมบรานซ์" เพื่อระลึกถึงสงครามที่มีผู้คนล้มตาย ตั้งอยู่บริเวณสุดทางฝั่งตะวันตกของห้าง และกำลังจะได้รับการซ่อมแซม หลังจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง จึงมีความหวังที่จะซ่อมแซมให้เสร็จสมบูรณ์บางส่วนเพื่อระลึกวันครบรอบ 100 ปีสงครามโลกครั้งที่ 1 ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 และซ่อมแซมเสร็จสมบูรณ์ให้ทันวันแห่งความทรงจำของชาวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เพื่อระลึกถึงผู้เสียสละชีวิตในสงคราม(วันแอนแซก) ในปี 2015.
โซนศูนย์วัฒนธรรม มีฉากหลังสีสันสดใสมีชีวิตชีวา มีการเปลี่ยนแปลงภาพศิลปะ วัฒนธรรม และผลงานมรดกทางวัฒนธรรมตลอดเวลา ไว้สำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยว บริเวณโดยรอบพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร ทั้ง, และ ทั้งหมดนี้อยูในบริเวณโซนศูนย์วัฒนธรรม กิจกรรมหลักของโซนนี้เป็นพื้นที่อิสระ มีแผนที่พกพาสำหรับบริการนักท่องเที่ยว พื้นที่บริเวณนี้เปิดให้บริการช้ากว่าที่อื่นเนื่องจากต้องมีการซ่อมแซมและฟื้นฟูพื้นที่ หลังเหตุแผ่นดินไหว
ในปี 2010 สภาเมืองไครสต์เชิร์ชได้ประกาศ "แผนปฏิบัติการเพื่อเมือง" ซึ่งมีโปรแกรมการพัฒนาเมืองไปจนถึงปี 2022 เพื่อปรับปรุงพื้นที่สาธารณะภายในใจกลางเมืองเพื่อดึงดูดผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในเมืองและนักท่องเที่ยว แผนงานหลักที่จะเริ่มทำ คือ ลดมลพิษจากรถยนต์ส่วนตัว และเพิ่มความสะดวกให้กับคนที่เดินทางเท้าและคนขี่จักรยาน แผนนี้ขึ้นอยู่กับรายงานการเตรียมการประชุมสภาโดย บริษัท ออกแบบที่มีชื่อเสียงจากเดนมาร์ก ชื่อว่า "" ตั้งแต่ เหตุแผ่นดินไหวเมืองไครสต์เชิร์ช กุมภาพันธ์ ปี 2011 สถาปนิกเมืองเวลลิงตัน ได้เลือกที่จะปรับแผนใหม่ถึงแม้ว่าจะมีข้อเสนอแนะที่หลากหลายจำนวนมากให้ส่งเสริมการสร้างเมืองใหม่ในย่านใจกลางเมือง.
ย่านเซ็นทรัลซิตี้ ได้ถูกปิดถาวรหลังเหตุแผ่นดินไหวในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ และเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนมิถุนายน ปี 2013 แต่ยังมีถนนบางส่วนถูกปิดเนื่องจากความเสียหายหลังจากแผ่นดินไหว การซ่อมแซมสาธารณูปโภค และอาคารที่ได้รับความเสียหาย
ชานเมืองชั้นใน
(หมุนตามเข็มนาฬิกา, เริ่มจากทิศเหนือของใจกลางเมือง)
ชานเมืองชั้นนอก
(หมุนตามเข็มนาฬิกา, เริ่มจากทิศเหนือของใจกลางเมือง)
- (now largely defunct)
เมืองโดยรอบ
ภูมิอากาศ
แผนภูมิแสดงสภาพภูมิอากาศของ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Christchurch () | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ไครสต์เชิร์ช มีอากาศและมีฝนตกปานกลาง อุณหภูมิสูงสุดแต่ละวัน คือ 22.5 องศาเซลเซียส (73 องศาฟาเรนไฮต์) ในเดือนมกราคม และ 11.3 องศาเซลเซียส (52 องศาฟาเรนไฮต์) ในเดือนกรกฎาคม. จากการจัดกลุ่มสภาพอากาศของคอปเปน ไครสต์เชิร์ชมี (Cfb) ในช่วงฤดูร้อน ในเมืองจะอากาศสบายและมีปานกลางจากทางตะวันออกเฉียงเหนือ แต่จากอุณหภูมิบันทึกไว้ที่ 41.6 องศาเซลเซียส (107 องศาฟาเรนไฮต์) ใกล้เคียงกับเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1973. ลักษณะอากาศที่เป็นจุดเด่น ก็คือ เป็น บางครั้งความแรงลมเทียบเท่าพายุ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินเล็กน้อยแต่เป็นพื้นที่วงกว้าง. ไครสต์เชิร์ชเคยมีปรากฏการณ์แบบเขตเกาะร้อน เหมือนเมืองอื่น ๆ เช่น โตเกียว และ นิวยอร์ก ทำให้อุณหภูมิอุ่นกว่าอุณหภูมิจริงในย่านเขตเมืองชั้นใน.
ในช่วงฤดูหนาวอากาศทั่วไปจะลดลงต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส (32 องศาฟาเรนไฮต์) ในตอนกลางคืน โดยเฉลี่ยแล้วใน 1 ปี จะมีน้ำค้างแข็งบนพื้นดินประมาณ 99 วัน ช่วงหิมะตกจะเกิดโดยเฉลี่ย 3 ครั้งต่อปี แม้ว่าบางปีไม่มีการบันทึกว่ามีหิมะตกก็ตาม ช่วงที่หนาวที่สุดที่เคยบันทึกไว้มีอุณหภูมิ −7.1 องศาเซลเซียส (19 องศาฟาเรนไฮต์) ในวันที่ 18 กรกฎาคม 1945 อุณหภูมิต่ำสุดเป็นอันดับ 3 ที่เคยบันทึกไว้ มักจะเกิดในเมืองหลักๆของนิวซีแลนด์
ช่วงกลางคืนของฤดูหนาว บริเวณรอบๆเขา ฟ้าจะโปร่งแต่มีลมหนาวจัด บ่อยครั้งมีการรวมกันของชั้นอากาศทำให้เหนือเมืองเมื่อเจอกับควันรถและควันจากโรงงานอุตสาหกรรมในเมืองทำให้เกิดหมอกควัน เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ควันทั่วเมืองลอสแอนเจลิส หรือเมืองเม็กซิโก แต่ควันที่เกิดในเมืองไครสต์เชิร์ชบ่อยครั้งมักจะเกินเกณ์ที่องค์การอนามัยโลก ระบุไว้จึงจัดว่ามีมลพิษทางอากาศ ข้อจำกัดป้องกันการเกิดมลพิษทางอากาศ สภาเมืองสั่งห้ามการปล่อยควันในเมืองตั้งแต่ปี 2006 และในปี 2008 สภาเมืองสั่งห้ามการใช้เตาเผาไม้นานกว่า 15 ปี ในขณะเดียวกันก็ระดมทุนที่ปรับระบบทำความร้อนภายในครัวเรือนให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ข้อมูลภูมิอากาศของChristchurch, New Zealand (1981–2010) | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | 22.7 (72.9) | 22.1 (71.8) | 20.5 (68.9) | 17.7 (63.9) | 14.7 (58.5) | 12.0 (53.6) | 11.3 (52.3) | 12.7 (54.9) | 15.3 (59.5) | 17.2 (63) | 19.3 (66.7) | 21.1 (70) | 17.2 (63) |
อุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละวัน °C (°F) | 17.5 (63.5) | 17.2 (63) | 15.5 (59.9) | 12.7 (54.9) | 9.8 (49.6) | 7.1 (44.8) | 6.6 (43.9) | 7.9 (46.2) | 10.3 (50.5) | 12.2 (54) | 14.1 (57.4) | 16.1 (61) | 12.2 (54) |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | 12.3 (54.1) | 12.2 (54) | 10.4 (50.7) | 7.7 (45.9) | 4.9 (40.8) | 2.3 (36.1) | 1.9 (35.4) | 3.2 (37.8) | 5.2 (41.4) | 7.1 (44.8) | 8.9 (48) | 11.0 (51.8) | 7.3 (45.1) |
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) | 38.3 (1.508) | 42.3 (1.665) | 44.8 (1.764) | 46.2 (1.819) | 63.7 (2.508) | 60.9 (2.398) | 68.4 (2.693) | 64.4 (2.535) | 41.1 (1.618) | 52.8 (2.079) | 45.8 (1.803) | 49.5 (1.949) | 618.2 (24.339) |
ความชื้นร้อยละ | 81.1 | 86.2 | 86.0 | 89.0 | 91.4 | 92.0 | 92.0 | 87.6 | 79.6 | 78.9 | 78.1 | 78.9 | 84.8 |
วันที่มีหยาดน้ำฟ้าโดยเฉลี่ย (≥ 1.0 mm) | 5.8 | 5.6 | 6.2 | 6.7 | 7.6 | 8.9 | 8.2 | 8.2 | 6.1 | 6.9 | 6.5 | 7.3 | 84.0 |
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด | 237.9 | 195.0 | 191.2 | 162.6 | 140.8 | 117.1 | 127.1 | 153.9 | 169.5 | 203.8 | 223.7 | 219.9 | 2,142.5 |
แหล่งที่มา: NIWA Science climate data |
ประชากร
พื้นที่ที่บริหารจัดการโดยสภาเมืองไครสต์เชิร์ชมีประชากรจำนวน 366,000 คน (ประมาณการในเดือนมิถุนายน 2013) ทำให้เมืองไครสต์เชิร์ชเป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของนิวซีแลนด์ และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในเกาะใต้.
ไครสต์เชิร์ชมีประชากรทั้งหมด 375,800 คน ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประชากรทั้งหมด รองจากเมืองโอ็คแลนด์ และเมืองเวลลิงตัน.
ประวัติประชากร | ||
---|---|---|
จำนวนประชากร | ||
1981 | 281,721 | - |
1986 | 288,948 | 2.6% |
1991 | 296,061 | 2.5% |
1996 | 316,611 | 6.9% |
2001 | 323,956 | 2.3% |
2006 | 348,435 | 7.6% |
2013 | 341,469 | -2.0% |
เชื้อชาติ
จากตารางการจัดกลุ่มประชากรของเมืองไครสต์เชิร์ช ได้บันทึก เทียบปี 2001 กับปี 2006 พบว่าเปอร์เซนต์การเพิ่มของประชากรมากกว่า 100% บางส่วนนับจำนวนประชากรมากกว่าหนึ่งกลุ่ม จากภาพปี 2006 อ้างอิงเมืองไครสต์เชิร์ชไม่รวมเขตเมืองทั้งหมด จำนวนประชากรชาวยุโรปลดลงอย่างเห็นได้ชัดสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มคนที่เลือกที่เป็นชนชาติ 'ชาวนิวซีแลนด์' แม้ว่าจะไม่ได้เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ระบุไว้ในแบบฟอร์มการสำรวจสำมะโนประชากรก็ตาม
ประมาณ 62% ของเกาะใต้เป็นชุมชนที่อาศัยอยู่ในเมืองไครสต์เชิร์ชและรอบ ประมาณเท่ากับ 11,500 คน. คน มีประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรชาวเกาะแปซิฟิก. นอกจากนี้ยังมีชุมชนเล็ก ๆ ของหมู่เกาะFijians, Niueans, Tokelauans และ Tongans พำนักอยู่ในเมือง
กลุ่มชนชาติ | สำมะโนประชากรปี 2001 | สำมะโนประชากรปี 2006 | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
เปอร์เซนต์ | จำนวนคน | ค่าเฉลี่ยประจำชาติ | เปอร์เซนต์ | จำนวนคน | ค่าเฉลี่ยประจำชาติ | |
ชาวยุโรป | 89.8 | 291,594 | 75.4 | 255,366 | 67.6 | |
ชาวนิวซีแลนด์ | n/a | n/a | 12.9 | 43,671 | 11.1 | |
5.5 | 17,703 | 7.9 | 26,631 | 9.2 | ||
ชาวเมาลี | 7.2 | 23,421 | 7.6 | 25,725 | 14.7 | |
2.4 | 7,713 | 2.8 | 9,465 | 6.9 | ||
ชาวตะวันออกกลาง/ชาวละตินอเมริกา/ชาวแอฟริกา | n/a | n/a | 0.8 | 2,862 | 0.9 | |
อื่นๆ | 0.6 | 2,073 | <0.1 | 114 | <0.1 | |
รวมจำนวนผู้มีสัญชาติ | 324,666 (คน) | 338,748 (คน) |
จากการสำรวจสำมะโนประชากรปี 2006 พบว่ามีในแต่ละภูมิภาค จากข้อมูลที่ได้จากประชากรเมืองไครสต์เชิร์ช พบว่า 86% พูดได้ภาษาเดียว, 12% พูดได้สองภาษา และ 2% สามารถพูดได้มากกว่าสามภาษาหรือมากกว่านั้น.
เศรษฐกิจ
ส่วนนี้ไม่มีจาก โปรดช่วยพัฒนาส่วนนี้โดยเพิ่ม เนื้อหาที่ไม่มีการอ้างอิงอาจถูกคัดค้านหรือนำออก |
อุตสาหกรรมการเกษตร ถือเป็นเศรษฐกิจหลักของเมืองไครต์เชิร์ช เมืองนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรมบนฐานของประเทศเกษตรกรรมมายาวนาน คือ ผู้นำธุรกิจเกษตรในนิวซีแลนด์มีฐานธุรกิจอยู่ที่เมืองไครสต์เชิร์ชซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของไพน์กูลด์กินเนสส์(พีจีจี) เพราะเป็นบริษัทที่มีหุ้นเดิมและมีสถานีให้บริการในเกาะใต้. บริษัทช่วยนำเทคนิคการเลี้ยงกวางในต่างประเทศและพีจีจี ไวส์สันได้กระจายธุรกิจไปยังต่างประเทศรวมถึงธุรกิจฟาร์มโคนมในอุรุกวัย ส่วนธุรกิจเกษตรอื่นๆในไครสต์เชิร์ชมีมอลต์สกัด การพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชและการตกแต่งพันธุกรรม การผลิตขนสัตว์และเนื้อสัตว์แปรรูป และเทคโนโลยีชีวภาพย่อยๆโดยใช้ผลิดผลจากเนื้อสัตว์เป็นหลัก. เติบโตดีและผลิตภัณฑ์มีมูลค่าสูงในตลาดโลก ระบบชลประทานช่วยให้ปลูกพืชในพื้นดินแห้งแล้งได้ และมีการใช้แรงงานเพิ่มขึ้นทำให้หยุดการลดลงของประชากรในชนบท ฟาร์มเลี้ยงและปลูกพืชส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนรูปแบบไปทำธุรกิจรีดนมและผลิตภัณฑ์นม การเปลี่ยนแปลงของบริษัทธุรกิจเกษตรเหล่านี้ทำให้เกษตรกรหลายท่านได้ย้ายจากทางใต้ของเกาะเหนือมาสู่แหล่งฐานการผลิตนม เช่น บริเวณโซนทารานากิ และโซนไวกาโต
การปลูกพืช ยังคงเป็นที่นิยมในบริเวณนี้ใช้สำหรับการส่งออกเมล็ดพันธุ์พืชหลัก เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ย์ ถั่วและพืชต่างๆ กระบวนการผลิตเหล่านี้ล้วนผลิตจากเมืองไครสต์เชิร์ช ในปีที่ผ่านมาเขตเกษตรกรรมเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น เช่น อุตสาหกรรมไวน์เริ่มเติบโตที่เขตไวพารา และเริ่มมีอุตสาหกรรมปลูกพืชสวนหรือปลูกพืชเรือนกระจก เช่น ขบวนการผลิตมะกอก เป็นต้น ในส่วนของฟาร์มเลี้ยงกวาง ซึ่งเป็นผู้นำในขบวนการผลิตแบบใหม่โดยใช้เขากวางในการผลิตยาของชาวเอเซียและใช้เป็นสารกระตุ้นความต้องการทางเพศ ไวน์ท้องถิ่นคุณภาพสูงมีส่วนดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองแคนเทอเบอรี่และไครสต์เชิร์ชมากยิ่งขึ้น
ปีก่อนหน้านี้ เมืองไครสต์จัดเป็นเมือง 1 ใน 2 เมืองที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมหนักของนิวซีแลนด์ เช่น บริษัทแอนเดอร์สัน ผู้ผลิตงานเหล็กสำหรับสร้างสะพาน อุโมงค์และเขื่อนพลังงานไฟฟ้าในช่วงแรกๆของการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ปัจจุบันนี้การผลิตส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์หลอดไฟ ไฟฟ้าโดยมีตลาดหลักอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียโดยมีบริษัทผู้บุกเบิกจากตระกูลสจ๊วต ซึ่งมีพนักงานเป็นจำนวนมาก ก่อนหน้าที่โรงงานผลิตเสื้อขนาดใหญ่ได้ย้ายฐานการผลิตไปแถบเอเซีย เมืองไครสต์เชิร์ชมีโรงงานผู้ผลิตรองเท้าถึง 5 โรงงานแต่ก็ยกเลิกผลิตและใช้วิธีนำเข้าจากต่างประเทศแทน ในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมที่เน้นทางเทคโนโลยีเป็นหลักได้เติบโตมากขึ้นในไครสต์เชิร์ช "" ผู้ก่อตั้งอิเลคทรอนิกส์เทส(ผู้ผลิตมือถือและสัญญาณวิทยุ) ส่วนบริษัทอื่นที่มีการหมุนเวียนหลังจากนี้ก็มีบริษัสวิตซ์เทคของนายเดนิส แชปแมน โดยแชปแมนถือเป็นผู้ดูแลบริษัทอิเลคทรอนิกส์เทสด้วย. ในส่วนบริษัซอฟต์แวร์ ผู้ก่อตั้งบริษัท LINC ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Jade ต่อมาบริษัทเหล่านี้ได้ผันมาเป็นคณะไฟฟ้าของมหาวิทยาลัยทางด้านวิศวกรรมแห่งแคนเทอเบอรี่ รวมไปถึง "Pulse data" ได้พัฒนากลายเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ที่เรานำไปใช้ได้ (อุปกรณ์ช่วยในการอ่านและคอมพิวเตอร์สำหรับคนตาบอดที่มีข้อจำกันในการมองเห็น) และการสื่อสารแบบ CES(การเข้ารหัสข้อมูล) ผู้ค้นพบ "Pulse data" ได้ย้ายจากมหาวิทยาลัยทางด้านวิศวกรรมแห่งแคนเทอเบอรี่ไปทำงานที่บริษัทวอร์มาลย์เมื่อพวกเขาได้สร้างบริษัท "Pulse data" โดยบริหารการจัดการผ่านตัวกลางที่ทำหน้าที่ดูแลแทนพวกเขา
เมื่อไม่นานมานี้ ทางด้านวิศวกรรม และคณะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์มีบทบาทสำคัญในการผลิตบุคลากรและนักวิจัยทางด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และ ได้มีการเตรียมแนวทางในการอบรมนักเทคนิคและวิศวกรโดยมีรูปแบบคล้ายกับที่มีบทบาทสำคัญในธุรกิจเกษตรในเมืองไครสต์เชิร์ช เช่นกัน ด้านการท่องเที่ยวก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญของเศรษฐกิจท้องถิ่น การเล่นสกีแบบใกล้ชิดของ และจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวแหล่งอื่น รวมทั้งโรงแรม คาสิโนและสนามบินที่จะได้ท่านจะได้พบกับบริการมาตรฐานระดับนานาชาติของเมืองไครสต์เชิร์ชซึ่งเป็นที่พักระหว่างการเดินทางของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เมืองนี้เป็นเมืองที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเพราะมีสัญลักษณ์รอบๆจัตุรัสวิหารเหมือนที่ประเทศญี่ปุ่น
อ้างอิง
Notes
- "NZ Topographic Map". . จากแหล่งเดิมเมื่อ 27 September 2017. สืบค้นเมื่อ 25 September 2017.
- "Christchurch Earthquake: Workers trapped in crushed buildings". New Zealand Herald. 22 February 2011.
- "Climate Data and Activities". NIWA Science. สืบค้นเมื่อ 15 October 2013.
- (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-12-04. สืบค้นเมื่อ 2014-07-01.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-11-25. สืบค้นเมื่อ 2014-07-01.
- 2001 Regional Summary 2007-03-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน,
Bibliography
- Rice, Geoffrey (with assistance from Jean Sharfe)(1999) Christchurch changing: an illustrated history Christchurch: Canterbury University Press. (pbk.)
แหล่งข้อมูลอื่น
Official organisations
- Christchurch City Council (official council website)
- Environment Canterbury (official regional council website)
- Canterbury District Health Board (official district health board website)
Culture and information
- Christchurchmusic.org.nz (music industry portal)
- Christchurch City Libraries (official libraries website)
- Christchurch & Canterbury (official tourism guide & visitor information)
- CINCH 2013-05-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Community information Christchurch)
- BeThere (events in Christchurch and Canterbury)
- Christchurch.org.nz (official website promoting Christchurch)
- Ti Kouka Whenua (local Māori history of the Christchurch area)
- The Big City (private website listing events, New Zealand music info archive)
Tourism and maps
- Christchurch maps 2008-01-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (from www.zoomin.co.nz)
- Christchurch maps (from www.wises.co.nz)
- Heritage Maps (from Christchurch City Libraries)
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixactxngkartrwcsxbtnchbb indaniwyakrn rupaebbkarekhiyn kareriyberiyng khunphaph hruxkarsakd khunsamarthchwyphthnabthkhwamidbthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxng ikhrstechirch epnemuxngthiihythisudkhxngekaait praethsniwsiaelnd aelaepnthiepnthiniymepnxndb 3 khxngniwsiaelnd ikhrstechirchepnhnunginsamemuxngthixyutngxyuchayfngtawnxxkkhxngekaait thangehnux tngaetpi 2006 briewnekhtnixyuitekhtkarpkkhrxngkhxngemuxngikhrstechirch cakkarsarwcsamaonprachakremuxngikhrstechirch n wnthi 5 minakhm pi 2013 micanwnprachakrthngsin 341 469 khnikhrstechirch Ōtautahittamekhmnalikacakkhangbn esnkhxbfakhxngemuxngikhrstechirchthimiepnchakhlng kb rthrangkhxngemuxng invduibimrwng Peacock Fountain in aelainthngsmya The Garden Citykhakhwy Fide Condita Fructu Beata Spe Fortis xngkvs Founded in Faith Rich in the Fulfillment thereof Strong in Hope for the Futureikhrstechirchaesdngaephnthiekaaitikhrstechirchaesdngaephnthipraethsniwsiaelndphikd 43 31 48 S 172 37 13 E 43 53000 S 172 62028 E 43 53000 172 62028praeths niwsiaelndekaaitwardskhabsmuthraebngks ebxrwud aekhchemxr icklangemuxng rimchayfng efndltn halsewll aehrwud hithokhth hxrnbay xinens linwud papanuxi rikhkhartn seprydn iwimritngthinthanodyshrachxanackrkh s 1848tngchuxcakkarpkkhrxng phunthi Territorial1 426 tr km 551 tr iml ekhtemuxng607 73 tr km 234 65 tr iml khwamsung20 emtr 70 fut prachakr 2022 Territorial389 300 khn khwamhnaaenn270 khn tr km 710 khn tr iml ekhtemuxng377 900 khn khwamhnaaennekhtemuxng620 khn tr km 1 600 khn tr iml edmanimCantabrianekhtewlaUTC 12 vdurxn ewlaxxmaesng UTC 13 NZDT rhsiprsniy8011 8013 8014 8022 8023 8024 8025 8041 8042 8051 8052 8053 8061 8062 8081 8082 8083rhsphunthi03 ewbistwww ccc govt nz www ecan govt nz chuxemuxngikhrstechirch thuktngkhunody tngxyubriewnrxbemuxng chuxemuxngniepnthiyxmrbcakkarprachumsmakhmkhrngaerkinwnthi 27 minakhm 1848 odykaraenanacak phuthiekhyekha chwngaerknkekhiynbangthan eriykemuxngniwa emuxngobstkhrist Christ Church aethlngcakmikarprachumkrrmkarsmakhmidkahndihemuxngni chuxwa emuxngikhrstechirch Christchurch aelaemuxngikhrstechirchidtngepnemuxngodymi kahndtngaet 31 krkdakhm 1856 xyangepnthangkarsungthuxwaemuxngniepnemuxngthiekaaekthisudinniwsiaelnd aemnathiihlphanicklangemuxng aehlngnakhnadihycakswnsatharnainemuxng chuxwa tngchuxtamphinxngkhnbdiphubukebikephuxralukthung phuthithaihekidthangnaihlphanphuekhaaexrichriklkbfarmkhxngbrrphburuskhxngekha aelathangnaihlphansuekhrs The Clyde aemnathangfngtawnxxkkhxngskxtaelnd chux sahrbemuxngikhrstechirch khux oxethathahi Ōtautahi sthanthikhxngethathahi Tautahi cudkaenidkhxngchuxsthanthinimacakaemnaexwxn iklthnnkhilmxll aela sthanidbephlingikhrstechirch sthanthiniepnthixyuxasykhxng hwhna Te Potiki Tautahi ecakhxngban Port Levy fngnaephnsilsula oxethathahi Ōtautahi epnchuxthinamaichinpi 1930 kxnthi Ngai Tahu caeriykdinaednikhrstechirswa kharayethiyna Karaitiana khathbsphthphasaxngkvskhxngchawkhrisetiyn chuxyxkhxngemuxngthichawniwsiaelndmkeriyk khux echirch Chch sahrb chuxemuxngcaaesdngsylksnmux epnruptwsi C sxngkhrng odykaraesdngsylksnkhrngthisxngnbcakthangkhwakhxngtwaerk aelainkhnaediywkn ksuxsardwykarkhybpakwa ikhrstechirch New Zealand Sign Language hrux NZSL khux phasahlkthiichinsngkhmkhnphikarthanghu khxngpraethsniwsiaelndprawtiHigh Manchester and Lichfield Streets in Christchurch 1923 before its partial collapse in the 2011 earthquakesphaphrwm hlkthanthangobrankhdithithukkhnphbthitha inpi 1876 bngchiidwabriewnemuxngikhrstechirch epnthitngthinthankhxngnklachnephaema kxnpi 1250 khristkal phubukebikrunaerkthuktidtamodychnephan klumxphyphcakchayfngtawnxxkkhxngekaaehnuxsmystwrrsthi 16 sngkhramrahwangchnepha klumiwthaha macakkarrwmtwkhxng 3 khn thukyudxanacodychnepha inthangklbknchnepha kkhwbkhumklum echnkn cnkrathngkarmatngthinthankhxngchawyuorp cakkarsarwcmikarsuxthidinthi Putaringamotu Riccarton smyihm ody nklaplawalcak aela sidniy sungepnswnhnungkhxngchawyuorpthimatngthinthanechnkn naodynayehxrixxth aela aemkhkwiler aelaphwkekhakepnswnhnunginkarsrangemuxngikhrstechirchthiyngkhngmiihehninpccubntngaetkxnpi 1840 idkhrxbkhrxngthrphysinaelaxasy thixyuxasythithukthingrkranginpi 1843 The First Four Ships erux 4 laaerk thukechaody aelasuxinpi 792 odynkaeswngbuyaekhnethxebxri namasu karaelneruxehlani thimichuxwa aerndxf charlxt ecn esxr cxrth esmwr aela ekhrssi eruxcharlxt ecn mathungepnlaaerkinwnthi 16 thnwakhm pi 1850 nkaeswngbuyaekhnethxebxri cungekidaerngbldalicthicasrangemuxngrxbobsth aelawithyaly odyichtnaebbemuxngcak inemuxngxxksfxrd chux obst khrist thuktngkxnthikaraelneruxngcamathung cakkarprachumsmakhmkhrngaerk wnthi 27 minakhm 1848 aelachuxdngklawkimepnthiruck cungmikaraenanaihepliynchuxepn tamchuxemuxnginemuxng dxrest praethsxngkvs aelatngchuxobstaekhnethxebxri sthanthiskdisiththiinemuxngxxkfxrd dwyehtuphldngklawthaihchuxikhrstechirchidrbkaryxmrbthwip kbtnocesf othms hwhnanksarwckhxngsmakhmaekhnethxebxri idsarwcbriewnodyrxbsthanthiaehngni chwngeduxnthnwakhm 1849 ekhaidrbhnathiinkarkxsrangthnncak phxrt khuepxr txmak suikhrstechirch odyphan chanemuxngrimthaelinikhrstechirch xyangirktamsingthieratxngthamkcayakkwathikhidiw karkxsrangthnnhyudchangkemuxecxrxyethasungchn aelarxyethakhxngstwcaphwkmaxyurahwangthaeruxaelahubekhaehlthkhxt sthanthiekhasuaehlngthitngthinthanthixudmsmburn rxyethaehlaniklayepnthiruckinnamkhxng ephraawaesnthangnnchnthaihmacaepntxngmibngehiyniwkhxynathang sinkhathihnkmak hruxkhnadihythukkhnsngodyklumma thibngkhbdwybngehiynaelathuksnglaeliyngipyngeruxelk rayathang 8 iml 13 kiolemtr phanesnthangnabriewnchayfngipkhunthipakaemna esnthangrthifsatharnaaehngaerkinniwsiaelnd khux erimepidichinpi 1863 esnthangcakefxrimith thungemuxngikhrstechirch enuxngcakkaredinthangthilabakcak aelaxntraythiekidcakkarkhnsngsinkhathangeruxipthi smenxr bar cungmikarepidxuomngkhrrthif phan phxrt hill ipyng lithethltl inpi 1867 ikhrstechirch klayepn emuxngaehngaerkinniwsiaelnd tngaetmiphrarachkahnd inwnthi 31 krkdakhm 1856 hlayemuxngidrbkarfunfutamsthaptykrrmkxthikh odysthapnikh ebncamin emasfxrthinyukhsmynn ikhrstechirch ekhyepnthithakarbriharkhxng aetthukykelikinpi 1876 txmainpi 1947 ekidphyphibtiifihm inekhtemuxngchnin mikhn 41 khnthukifkhxktay thaihtxngruxthxnokhrngsrangxakhar aela xyurahwang lithethltl aela ikhrstechirch idepidichinpi 1964 ikhrstechirch idepnecaphaphkaraekhngkhnkila ekm inpi 1974 aephndinihw pi 2010 2012 The collapsed Pyne Gould Building Thirty of the building s two hundred workers were trapped within the building following the February earthquake wnesarthi 4 knyayn pi 2010 ekid idthalayemuxngikhrstechirch aelaekhtemuxngaekhnethxebxri echamudewla 4 35 iklkbdarfild thangfngtawntkkhxngemuxng cudekidaephndinihwluklngitphundinkhnad 10 kiolemtr 6 2 iml sungepnsaehtuihemuxngthukthalaybriewnkwang aelamiphubadecbelknxy aetyngimmiphuesiychiwitcakehtuniodytrng 6 eduxntxma inxngkharthi 22 kumphaphnth pi 2011 ekidaephndinihwkhrngthi 2wdkhnadaerngsnid 6 3 riketxr chwngethiyng ewla 12 51 sungekidaephndinihwiklemuxngmakkhun iklkb lithethltl aephndinihwradbkhwamluk 5 kiolemtr 3 iml lukitphiwphundin aemwacawdkhwamkhnadkhxngaephndinihwdwywithiwdkhnadkhxngaephndinihwdwyphlngan canxykwaaephndinihwkhrngkxn aetkhwamhnaaennaelakhwamrunaerngthisnxyuitphindinnnemuxwddwyekhruxngwd MM IX nbwarunaerngthisudthiekhybnthukmainbriewnekhtemuxng aelamiphuesiychiwitcanwnthnghmd 185 khninkhxngkhnthimisychati cakinbrrdaphuprasbphykwa 20 praeths yxdkhxnghkaelaesiyhayepnwngkwang nnepnehtuihtukaelaokhrngsrangphunthankhxngemuxngikhrsechirchthiimaekhngaerngtngaetaephndinihwinwnthi 4 knyayn 2010 rwmthungaephndinihwyxy aftershocks thitammahlngcakaephndinihwrunaerng sungsngphlihekidpraktkarndinslaytwbriewnchanemuxngtawnxxk thaihyxdrwmkhaichcaythiphupraknphypraeminmulkhasahrbichinkarsrangemuxngihm praman 20 30 phnlanehriyyniwsiaelnd wnthi 13 mithunayn 2011 ikhrstechirch ephchiykbaephndinihwyxykhnadihythung 2 khrng khrngaerkkhnad 5 6 riketxr lukcakphiwdin 9 kiolemtr 6 iml ewla 13 00 nalika briewnekhtsmenxr emuxngikhrstechirch aelatammaxikkhrngkhnad 6 3 riketxr lukcakphiwdin 6 kiolemtr 4 iml ewla 14 20 nalikainbriewnedim sngphlihdinekidkarslaytwaelasrangkhwamesiyhaymakyingkhunaetyngimphbphuesiychiwitcakehtukarnkhrngni aephndinihwkhrngthdipwnthi 23 thnwakhm 2011 cakkarsarwcthangthrniwithyakhxngshrthxemrikawdkhnadaephndinihwid 5 8 riketxr thangdanfngtawnxxkechiyngehnuxkhxngemuxng rayathang 26 kiolemtr 16 iml lukcakphiwdin 4 7 kiolemtr 2 9 iml ewla 13 58 miaephndinihwyxytammaxikhlayluk aelaxik 80 nathitxmamiaephndinihwkhnad 6 riketxrinbriewnedim aelamiaephndinihwyxytammamakkwathierakhadkhidiw rthphyabalesntcxhn miphlraynganxxkmawa hlkcakaephndinihwthngsxngkhrng miphubadecbelknxythngthibanaelatamsthanthurkic aelaimidkngwlkbkarbadecbaetmisyyanbngchiwaxaccaekidkarthlmkhxngtukinewlann snambinikhrstechirchthukpidinewlaxnrwderw thngiffaaelakarprapahyudihbrikarthiemuxngniwbrithl aelaekhtemuxngparkhaelndesiyhayrunaerng rwmthngthnnaelathangetha emuxngikhrstechirchidrbaerngsnsaethuxnxikkhrnginwnthi 2 mkrakhm 2012 khrngaerkwdkhnadid 5 1 riketxr ewla 01 27 nalika aelainxik 5 nathitxma tammadwyaephndinihwyxyxik 4 2 riketxr aelaekidaephndinihwihykhrngthisxngxikkhrng ewla 05 45 nalika khnad 5 5 riketxr epnehtuihiffathangfngchanemuxngtawnxxkkhxngekhtparkhaelnd emuxngniwbrithl echxrely darlingtn bluwud sepnesrxwill aelaemuxngrichmxnd hyudihbrikar cakehtukhrngnisngphlkrathbtxbaneruxnbriewnodyrxb canwnkwa 10 000 hlngkhaeruxn cakkarbnthuk briewnekhtemuxngaekhnethxrebxrliephchiykbaephndinihwcanwn 4 423 khrng khnad 3 riketxrkhunip tngaetwnthi 4 knyayn 2010 thung 3 knyayn 2012 tukmakkwa 1000 tuk yanthurkicicklangemuxng CBD The central business district sungepnhnunginsamkhxngklumtukthnghmdbnthnn 4 sayhlkthukthalaylngephraaehtuaephndinihw swntukelkhlaytukyngkhngruxthxn hruxrxtdsinicwacaruxthxnhruximtxipinxnakht phaphrwmkhxngtukinemuxngtngaetekidehtuaephndinihw ducak Cherry blossom trees in Spring bloom and a historic water wheel located on a small island in the at the corner of Oxford Terrace and Hereford Street in the city centre karfunfuhlngaephndinihw emuxngetibotxyangrwderwhlngcakaephndinihw yanicklangemuxngthuksrangihmtamaephnfunfuswnklangemuxngikhrstechirch 2014 05 29 thi ewyaebkaemchchin erimcakkarsrangemuxng khyayemuxngetibotinswnkhxngthiphkxasy khadkarnwacamibanihmpraman 50 000 hlngbriewnmhankhrikhrstechirch ihesrcsininpi 2028 tamaephnkarfunfukarichphunthi 2013 12 14 thi ewyaebkaemchchin LURP khwamkhidrierimtanginkarfunfuemuxngihmhlngcakaephndinihwerimmiprimanmakkhun odycdihmimatrkarfunfuinchwngkarepliynaeplngokhrngsrang echn okhrngkar Gap Filler Life in Vacant Spaces aela Greening the Rubble epntn pratusukhwolkit aexntarktik ikhrstechirch miprawtisastrkhxngkarmiswnrwmin thng aela odyichthaeruxlithethxtlepncudthangxxksahrbkaredinthang aelacudsunyklangemuxngmithipnodyphrryamaykhxngekha chuxwa phayinemuxng mi thiiwcdaesdngsingpradisththangprawtisastrmakmayaelaeruxngrawkhxngkarsarwckhwolkit thaxakasyannanachatiikhrstechirch ichepnthanhlksahrbrxngrbphukhncakniwsiaelnd xitali aelamiopraekrm mithngsingxanwykhwamsadwkphunthan phiphithphnth aelasunyeyiymchmthicaennkickrrmekiywkbaexntarktikinpccubn kxngthpheruxshth aelakxngthphxakaskhxngshrththipkpxngekhtaedn esrimkalngdwychawniwsiaelndaelakxngthphxakaskhxngxxketreliy ichthaxakasyanikhrstechirchepnesnthanghlkinkarlaeliyngtamesnthangephuxipthithi sthanithanaemkhemxrduaelaskxt inaexntarktik sunykracaysinkhaesuxpha CDC inikhrstechirch mimakkwa 140 000 chinsahrbphunthithimisphaphxakashnaweynmak ECW erimaerkmicanwnpraman 2000 chin idekharwmkbokhrngkarnidwyinchwngvdukalpi 2007 08phumisastrSatellite image showing Christchurch and surrounding areas View of the Christchurch region from the sthanixwkasnanachati ikhrstechirchtngxyuinekhtemuxng iklkbsunyklangthangchayfngtawnxxkkhxngekaait tawnxxkkhxng ikhrstechirchtngxyuiklthangtxnitsudkhxng aela sudekhtthangthistawnxxktamchayfngmhasmuthraepsifikaelaaela thangtxnitaelathangitfngtawnxxkepnemuxngthaeruxthitidkbthangladphuekhaifkhxngekha sungthukaeykmacakaemnaephnnilsula inpi 2006 aemnaephnnilsulaidthukrwmekhakbemuxngikhrstechirch sngphlihphunthikhxngemuxngepnsamehliym inkhnathimiprachakrephimkhunephiyng 8 000 khnethann thangtxnehnuxkhxngemuxngtidkb ikhrstechirch epn hnunginaepdemuxngkhu khxngolkthimikhwamiklekhiynglksnaemuxngaebbaexnthiphophdl khrunghnungkhxngklumkhuemuxngaebbaexnthiphophdlxyuinniwsiaelnd aelasepn omrxkhokh emuxngokhruna sepn sungmiruprangkhlayaebbaexnthiphophdlkhxngemuxngikhrstechirch ikhrstechirch epn hnunginsiklumemuxngkhxngolkthimikarwangaephnxyangramdrawnginkarsrangemuxngtamaebbokhrngsrangihrxbcudsunyklangepnsiehliymcturs rxbemuxngthiepnsiehliymcturscaprakxbipdwyswnsatharnalxmrxbcudsunyklangkhxngemuxng emuxngaerkthisrangtamaebbni khux emuxngfilaedephiy shrth txmakepnemuxngsawnna Savannah aelaemuxngxadiely Adelaide aelacungepnemuxngikhrstechirch ikhrstechirch cungthuxidwaepnemuxngmrdkthisakhyaelamirupaebbemuxngthiaekhngaekrngsahrbkarphthnaemuxngtxipinxnakht ikhrstechirch epn hnunginemuxngthimikhunphaphsungthisudinolk dwykarcdxndbaehlngnaodyethiybcakkhwambrisuththiaelakhwamsaxadthisudinolk karkrxngnatamaehlngthangthrrmchatithiphansthanisubnakwa 50 sthanibriewnrxbemuxng cakchnhinxumna phanxxkmacakechingekha esnthrlsiti July snowfall on grounds sunyklangkhxngemuxngikhrstechirch khux pccubnbriewnodyrxbesiyhayenuxngcakaephndinihw odymiobsthaexnglikhlepncudsngekt sungkkhux briewnodyrxbcturs prakxbipdwy sayebiyely sayfitecxrl saymwrehas aelasaydins briewnnithuxwaepnyanthurkicicklangemuxng esnthrlsiti esnthrlsiti micanwnthixyuxasyodyrxbrwmthungosnchnintawnxxk osnchnintawntk wngaehwnexwxn yanthinchnphunemuxngchawema aelawikhetxeriy aettukthiphkxasycanwnmakinyanicklangemuxngthukruxthxnhlngcakekidehtuaephndinihwineduxnkumphaphnth pi 2011 cturswihar thitngxyubnthangkhamkhxngsxngthnnhlk prakxbdwy aela cturswihar thuxwaidwaepnhwickhxngemuxngikhrstechirch epnsthanthithxngethiywthidungdudphukhncanwnmak cnkrathngaephndinihweduxnkumphaphnth pi 2011 echn sthanthi ody exiyn aeblkhekhnebxri chaaenll aelasthanthi chuxphuephyaephrsasnakhrist caepnwnthimitlad sumxaharaelarthkaaef phiphithphnthstwna phbaelaphttakhar aelamisunykhxmulkarthxngethiyw kickrrmehlanithicdbriewncturswiharepnkickrrmthihwngihkarsrangemuxngkhubhnaerwkhun pccubnni phxmdaehngniwsiaelnd epidihbrikaraelwcakkthnnniw riecnth esnthrlsiti rwmthungswnkhxngthnnkhnedinaehngaekhchechl aela thnnykradb thiruckknodythwipkxnaephndinihwwa siti mxll sungidrbkartkaetngihminpi 2008 09 hangsrrphsinkhamilksnaednodyechphaa karxxkaebbthinng dxkim aelaswnklxng tnimcanwnmak phunpu aelakarkhyayesnthangrthrangsuicklangemuxng karkhyayesnthangrthrangiklcaesrcsmburnaetekidehtuaephndinihweduxnkumphaphnth pi 2011 kxn hlngcakekidehtuaephndinihw tukswnihyinhangsrrphsinkhaaekhchechlthukruxthxn phunthiaehlngchxppingthukeriykihmwa hangsrrphsinkha Re START thukepidbnthnnaekhchechltidkbhangsrrphsinkhakhxngbxlelnen ineduxntulakhm pi 2011 hangsrrphsinkha Re START srangmacakkhxnethnenxrkhnsngsisnswyngam odynamaprbihepnranbankhaplik xnusrnsthan saphanriemmbrans ephuxralukthungsngkhramthimiphukhnlmtay tngxyubriewnsudthangfngtawntkkhxnghang aelakalngcaidrbkarsxmaesm hlngcakekidaephndinihwrunaerng cungmikhwamhwngthicasxmaesmihesrcsmburnbangswnephuxralukwnkhrbrxb 100 pisngkhramolkkhrngthi 1 ineduxnsinghakhm pi 2014 aelasxmaesmesrcsmburnihthnwnaehngkhwamthrngcakhxngchawxxsetreliyaelaniwsiaelndephuxralukthungphuesiyslachiwitinsngkhram wnaexnaesk inpi 2015 osnsunywthnthrrm michakhlngsisnsdismichiwitchiwa mikarepliynaeplngphaphsilpa wthnthrrm aelaphlnganmrdkthangwthnthrrmtlxdewla iwsahrbdungdudnkthxngethiyw briewnodyrxbphunthi 1 tarangkiolemtr thng aela thnghmdnixyuinbriewnosnsunywthnthrrm kickrrmhlkkhxngosnniepnphunthixisra miaephnthiphkphasahrbbrikarnkthxngethiyw phunthibriewnniepidihbrikarchakwathixunenuxngcaktxngmikarsxmaesmaelafunfuphunthi hlngehtuaephndinihw inpi 2010 sphaemuxngikhrstechirchidprakas aephnptibtikarephuxemuxng sungmiopraekrmkarphthnaemuxngipcnthungpi 2022 ephuxprbprungphunthisatharnaphayinicklangemuxngephuxdungdudphukhnthixasyxyuphayinemuxngaelankthxngethiyw aephnnganhlkthicaerimtha khux ldmlphiscakrthyntswntw aelaephimkhwamsadwkihkbkhnthiedinthangethaaelakhnkhickryan aephnnikhunxyukbrayngankaretriymkarprachumsphaody bristh xxkaebbthimichuxesiyngcakednmark chuxwa tngaet ehtuaephndinihwemuxngikhrstechirch kumphaphnth pi 2011 sthapnikemuxngewllingtn ideluxkthicaprbaephnihmthungaemwacamikhxesnxaenathihlakhlaycanwnmakihsngesrimkarsrangemuxngihminyanicklangemuxng yanesnthrlsiti idthukpidthawrhlngehtuaephndinihwinwnthi 22 kumphaphnth aelaepidihbrikarxikkhrngineduxnmithunayn pi 2013 aetyngmithnnbangswnthukpidenuxngcakkhwamesiyhayhlngcakaephndinihw karsxmaesmsatharnupophkh aelaxakharthiidrbkhwamesiyhay chanemuxngchnin hmuntamekhmnalika erimcakthisehnuxkhxngicklangemuxng chanemuxngchnnxk hmuntamekhmnalika erimcakthisehnuxkhxngicklangemuxng now largely defunct emuxngodyrxb phumixakas aephnphumiaesdngsphaphphumixakaskhxngChristchurch withixan m kh k ph mi kh em y ph kh mi y k kh s kh k y t kh ph y th kh 38 23 12 42 22 12 45 21 10 46 18 8 64 15 5 61 12 2 68 11 2 64 13 3 41 15 5 53 17 7 46 19 9 49 5 21 11xunhphumi wdepnxngsaeslesiysprimanhyadnafa wdepnmilliemtraesdngkhxmulepnmatraxngkvsm kh k ph mi kh em y ph kh mi y k kh s kh k y t kh ph y th kh 1 5 73 54 1 7 72 54 1 8 69 50 1 8 64 46 2 5 59 41 2 4 54 36 2 7 52 36 2 5 55 37 1 6 59 41 2 1 63 45 1 8 66 48 1 9 70 52xunhphumi wdepnxngsafaernihtprimanhyadnafa wdepnniw ikhrstechirch mixakasaelamifntkpanklang xunhphumisungsudaetlawn khux 22 5 xngsaeslesiys 73 xngsafaerniht ineduxnmkrakhm aela 11 3 xngsaeslesiys 52 xngsafaerniht ineduxnkrkdakhm cakkarcdklumsphaphxakaskhxngkhxpepn ikhrstechirchmi Cfb inchwngvdurxn inemuxngcaxakassbayaelamipanklangcakthangtawnxxkechiyngehnux aetcakxunhphumibnthukiwthi 41 6 xngsaeslesiys 107 xngsafaerniht iklekhiyngkbeduxnkumphaphnth pi 1973 lksnaxakasthiepncudedn kkhux epn bangkhrngkhwamaernglmethiybethaphayu xacthaihekidkhwamesiyhaytxthrphysinelknxyaetepnphunthiwngkwang ikhrstechirchekhymipraktkarnaebbekhtekaarxn ehmuxnemuxngxun echn otekiyw aela niwyxrk thaihxunhphumixunkwaxunhphumicringinyanekhtemuxngchnin inchwngvduhnawxakasthwipcaldlngtakwa 0 xngsaeslesiys 32 xngsafaerniht intxnklangkhun odyechliyaelwin 1 pi caminakhangaekhngbnphundinpraman 99 wn chwnghimatkcaekidodyechliy 3 khrngtxpi aemwabangpiimmikarbnthukwamihimatkktam chwngthihnawthisudthiekhybnthukiwmixunhphumi 7 1 xngsaeslesiys 19 xngsafaerniht inwnthi 18 krkdakhm 1945 xunhphumitasudepnxndb 3 thiekhybnthukiw mkcaekidinemuxnghlkkhxngniwsiaelnd chwngklangkhunkhxngvduhnaw briewnrxbekha facaoprngaetmilmhnawcd bxykhrngmikarrwmknkhxngchnxakasthaihehnuxemuxngemuxecxkbkhwnrthaelakhwncakorngnganxutsahkrrminemuxngthaihekidhmxkkhwn ekhyekidehtukarnaebbnikhwnthwemuxnglxsaexneclis hruxemuxngemksiok aetkhwnthiekidinemuxngikhrstechirchbxykhrngmkcaekineknthixngkhkarxnamyolk rabuiwcungcdwamimlphisthangxakas khxcakdpxngknkarekidmlphisthangxakas sphaemuxngsnghamkarplxykhwninemuxngtngaetpi 2006 aelainpi 2008 sphaemuxngsnghamkarichetaephaimnankwa 15 pi inkhnaediywknkradmthunthiprbrabbthakhwamrxnphayinkhrweruxnihmiprasiththiphaphephimkhun khxmulphumixakaskhxngChristchurch New Zealand 1981 2010 eduxn m kh k ph mi kh em y ph kh mi y k kh s kh k y t kh ph y th kh thngpixunhphumisungsudechliy C F 22 7 72 9 22 1 71 8 20 5 68 9 17 7 63 9 14 7 58 5 12 0 53 6 11 3 52 3 12 7 54 9 15 3 59 5 17 2 63 19 3 66 7 21 1 70 17 2 63 xunhphumiechliyaetlawn C F 17 5 63 5 17 2 63 15 5 59 9 12 7 54 9 9 8 49 6 7 1 44 8 6 6 43 9 7 9 46 2 10 3 50 5 12 2 54 14 1 57 4 16 1 61 12 2 54 xunhphumitasudechliy C F 12 3 54 1 12 2 54 10 4 50 7 7 7 45 9 4 9 40 8 2 3 36 1 1 9 35 4 3 2 37 8 5 2 41 4 7 1 44 8 8 9 48 11 0 51 8 7 3 45 1 hyadnafa mm niw 38 3 1 508 42 3 1 665 44 8 1 764 46 2 1 819 63 7 2 508 60 9 2 398 68 4 2 693 64 4 2 535 41 1 1 618 52 8 2 079 45 8 1 803 49 5 1 949 618 2 24 339 khwamchunrxyla 81 1 86 2 86 0 89 0 91 4 92 0 92 0 87 6 79 6 78 9 78 1 78 9 84 8wnthimihyadnafaodyechliy 1 0 mm 5 8 5 6 6 2 6 7 7 6 8 9 8 2 8 2 6 1 6 9 6 5 7 3 84 0canwnchwomngthimiaedd 237 9 195 0 191 2 162 6 140 8 117 1 127 1 153 9 169 5 203 8 223 7 219 9 2 142 5aehlngthima NIWA Science climate dataprachakrBoatsheds on the Avon River phunthithibriharcdkarodysphaemuxngikhrstechirchmiprachakrcanwn 366 000 khn pramankarineduxnmithunayn 2013 thaihemuxngikhrstechirchepnemuxngihythisudxndb 2 khxngniwsiaelnd aelaepnemuxngihythisudinekaait ikhrstechirchmiprachakrthnghmd 375 800 khn sungmikhnadihyepnxndb 3 khxngprachakrthnghmd rxngcakemuxngoxkhaelnd aelaemuxngewllingtn prawtiprachakrcanwnprachakr1981 281 721 1986 288 948 2 6 1991 296 061 2 5 1996 316 611 6 9 2001 323 956 2 3 2006 348 435 7 6 2013 341 469 2 0 echuxchati caktarangkarcdklumprachakrkhxngemuxngikhrstechirch idbnthuk ethiybpi 2001 kbpi 2006 phbwaepxresntkarephimkhxngprachakrmakkwa 100 bangswnnbcanwnprachakrmakkwahnungklum cakphaphpi 2006 xangxingemuxngikhrstechirchimrwmekhtemuxngthnghmd canwnprachakrchawyuorpldlngxyangehnidchdsaehtuhlkmacakkarephimkhunkhxngklumkhnthieluxkthiepnchnchati chawniwsiaelnd aemwacaimidepnhnunginklumthirabuiwinaebbfxrmkarsarwcsamaonprachakrktam praman 62 khxngekaaitepnchumchnthixasyxyuinemuxngikhrstechirchaelarxb pramanethakb 11 500 khn khn mipramankhrunghnungkhxngprachakrchawekaaaepsifik nxkcakniyngmichumchnelk khxnghmuekaaFijians Niueans Tokelauans aela Tongans phankxyuinemuxng klumchnchati samaonprachakrpi 2001 samaonprachakrpi 2006epxresnt canwnkhn khaechliypracachati epxresnt canwnkhn khaechliypracachatichawyuorp 89 8 291 594 75 4 255 366 67 6chawniwsiaelnd n a n a 12 9 43 671 11 15 5 17 703 7 9 26 631 9 2chawemali 7 2 23 421 7 6 25 725 14 72 4 7 713 2 8 9 465 6 9chawtawnxxkklang chawlatinxemrika chawaexfrika n a n a 0 8 2 862 0 9xun 0 6 2 073 lt 0 1 114 lt 0 1rwmcanwnphumisychati 324 666 khn 338 748 khn cakkarsarwcsamaonprachakrpi 2006 phbwamiinaetlaphumiphakh cakkhxmulthiidcakprachakremuxngikhrstechirch phbwa 86 phudidphasaediyw 12 phudidsxngphasa aela 2 samarthphudidmakkwasamphasahruxmakkwann esrsthkicswnniimmikarxangxingcakexksarxangxinghruxaehlngkhxmul oprdchwyphthnaswnniodyephimaehlngkhxmulnaechuxthux enuxhathiimmikarxangxingxacthukkhdkhanhruxnaxxk xutsahkrrmkarekstr thuxepnesrsthkichlkkhxngemuxngikhrtechirch emuxngniepnemuxngxutsahkrrmbnthankhxngpraethsekstrkrrmmayawnan khux phunathurkicekstrinniwsiaelndmithanthurkicxyuthiemuxngikhrstechirchsungepnrakthansakhykhxngiphnkuldkinenss phicici ephraaepnbrisththimihunedimaelamisthaniihbrikarinekaait bristhchwynaethkhnikhkareliyngkwangintangpraethsaelaphicici iwssnidkracaythurkicipyngtangpraethsrwmthungthurkicfarmokhnminxurukwy swnthurkicekstrxuninikhrstechirchmimxltskd karphthnaemldphnthuphuchaelakartkaetngphnthukrrm karphlitkhnstwaelaenuxstwaeprrup aelaethkhonolyichiwphaphyxyodyichphlidphlcakenuxstwepnhlk etibotdiaelaphlitphnthmimulkhasungintladolk rabbchlprathanchwyihplukphuchinphundinaehngaelngid aelamikarichaerngnganephimkhunthaihhyudkarldlngkhxngprachakrinchnbth farmeliyngaelaplukphuchswnihyidepliynrupaebbipthathurkicridnmaelaphlitphnthnm karepliynaeplngkhxngbrisththurkicekstrehlanithaihekstrkrhlaythanidyaycakthangitkhxngekaaehnuxmasuaehlngthankarphlitnm echn briewnosntharanaki aelaosniwkaot karplukphuch yngkhngepnthiniyminbriewnniichsahrbkarsngxxkemldphnthuphuchhlk echn khawsali khawbarely thwaelaphuchtang krabwnkarphlitehlanilwnphlitcakemuxngikhrstechirch inpithiphanmaekhtekstrkrrmerimmikhwamhlakhlaymakkhun echn xutsahkrrmiwnerimetibotthiekhtiwphara aelaerimmixutsahkrrmplukphuchswnhruxplukphucheruxnkrack echn khbwnkarphlitmakxk epntn inswnkhxngfarmeliyngkwang sungepnphunainkhbwnkarphlitaebbihmodyichekhakwanginkarphlityakhxngchawexesiyaelaichepnsarkratunkhwamtxngkarthangephs iwnthxngthinkhunphaphsungmiswndungdudihnkthxngethiywmaethiywemuxngaekhnethxebxriaelaikhrstechirchmakyingkhun pikxnhnani emuxngikhrstcdepnemuxng 1 in 2 emuxngthiepnsunyklangkhxngxutsahkrrmhnkkhxngniwsiaelnd echn bristhaexnedxrsn phuphlitnganehlksahrbsrangsaphan xuomngkhaelaekhuxnphlngnganiffainchwngaerkkhxngkarsrangokhrngsrangphunthan pccubnnikarphlitswnihycaepnphlitphnthhlxdif iffaodymitladhlkxyuthipraethsxxsetreliyodymibristhphubukebikcaktrakulscwt sungmiphnknganepncanwnmak kxnhnathiorngnganphlitesuxkhnadihyidyaythankarphlitipaethbexesiy emuxngikhrstechirchmiorngnganphuphlitrxngethathung 5 orngnganaetkykelikphlitaelaichwithinaekhacaktangpraethsaethn inchwng 2 3 thswrrsthiphanma xutsahkrrmthiennthangethkhonolyiepnhlkidetibotmakkhuninikhrstechirch phukxtngxielkhthrxnikseths phuphlitmuxthuxaelasyyanwithyu swnbristhxunthimikarhmunewiynhlngcaknikmibrisswitsethkhkhxngnayednis aechpaemn odyaechpaemnthuxepnphuduaelbristhxielkhthrxniksethsdwy inswnbrissxftaewr phukxtngbristh LINC sungtxmaepliynchuxepn Jade txmabristhehlaniidphnmaepnkhnaiffakhxngmhawithyalythangdanwiswkrrmaehngaekhnethxebxri rwmipthung Pulse data idphthnaklayepnswnhnungkhxngxupkrnthieranaipichid xupkrnchwyinkarxanaelakhxmphiwetxrsahrbkhntabxdthimikhxcakninkarmxngehn aelakarsuxsaraebb CES karekharhskhxmul phukhnphb Pulse data idyaycakmhawithyalythangdanwiswkrrmaehngaekhnethxebxriipthanganthibristhwxrmalyemuxphwkekhaidsrangbristh Pulse data odybriharkarcdkarphantwklangthithahnathiduaelaethnphwkekha emuximnanmani thangdanwiswkrrm aelakhnawithyasastrkhxmphiwetxrmibthbathsakhyinkarphlitbukhlakraelankwicythangdanxutsahkrrmethkhonolyi aela idmikaretriymaenwthanginkarxbrmnkethkhnikhaelawiswkrodymirupaebbkhlaykbthimibthbathsakhyinthurkicekstrinemuxngikhrstechirch echnkn dankarthxngethiywkyngepnpccysakhykhxngesrsthkicthxngthin karelnskiaebbiklchidkhxng aelacuddungdudnkthxngethiywaehlngxun rwmthngorngaerm khasionaelasnambinthicaidthancaidphbkbbrikarmatrthanradbnanachatikhxngemuxngikhrstechirchsungepnthiphkrahwangkaredinthangkhxngnkthxngethiywcanwnmak emuxngniepnemuxngthiniymkhxngnkthxngethiywchawyipunephraamisylksnrxbcturswiharehmuxnthipraethsyipunxangxingNotes NZ Topographic Map cakaehlngedimemux 27 September 2017 subkhnemux 25 September 2017 Christchurch Earthquake Workers trapped in crushed buildings New Zealand Herald 22 February 2011 Climate Data and Activities NIWA Science subkhnemux 15 October 2013 PDF khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2013 12 04 subkhnemux 2014 07 01 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2013 11 25 subkhnemux 2014 07 01 2001 Regional Summary 2007 03 08 thi ewyaebkaemchchin Bibliography Rice Geoffrey with assistance from Jean Sharfe 1999 Christchurch changing an illustrated history Christchurch Canterbury University Press ISBN 0 908812 53 1 pbk aehlngkhxmulxunwikithxngethiyw mikhaaenanakarthxngethiywsahrb Christchurch wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb ikhrstechirch wikisxrs mibthkhwamcak ekiywkb Christchurch Official organisations Christchurch City Council official council website Environment Canterbury official regional council website Canterbury District Health Board official district health board website Culture and information Christchurchmusic org nz music industry portal Christchurch City Libraries official libraries website Christchurch amp Canterbury official tourism guide amp visitor information CINCH 2013 05 24 thi ewyaebkaemchchin Community information Christchurch BeThere events in Christchurch and Canterbury Christchurch org nz official website promoting Christchurch Ti Kouka Whenua local Maori history of the Christchurch area The Big City private website listing events New Zealand music info archive Tourism and maps Christchurch maps 2008 01 01 thi ewyaebkaemchchin from www zoomin co nz Christchurch maps from www wises co nz Heritage Maps from Christchurch City Libraries