พระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนาถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (20 มีนาคม พ.ศ. 2280 — 7 กันยายน พ.ศ. 2352) เป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 1 ในราชวงศ์จักรีและเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 45 ตามประวัติศาสตร์ไทย เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันพุธ แรม 5 ค่ำ เดือน 4 ปีมะโรง อัฐศก จ.ศ. 1098 เวลา 3 ยาม ตรงกับวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2280 ปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ขณะมีพระชนมายุได้ 45 พรรษา และทรงย้ายราชธานีจากฝั่งธนบุรีมาอยู่ฝั่งพระนคร และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมมหาราชวังเป็นที่ประทับ นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงรับการยกย่องเป็น 1 ใน 8 สมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศไทย พระองค์ทรงได้รับพระราชสมัญญานามว่าเป็น มหาราช เพราะทรงได้รับชัยชนะจากสงครามเก้าทัพ
พระราชประวัติ
พระราชสมภพ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระนามเดิมว่า ทองด้วง เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2280 (วันที่ 20 เดือน 4 ตามปีจันทรคติ) ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งอาณาจักรอยุธยา พระองค์เป็นบุตรคนที่ 4 ของพระอักษรสุนทรศาสตร์ (ทองดี) ซึ่งต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก กับพระอัครชายา (หยก) เมื่อเจริญวัยขึ้นได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิต (ต่อมาคือสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร) ครั้นพระชนมายุครบ 21 พรรษา ก็เสด็จออกผนวชเป็นภิกษุอยู่วัดมหาทลาย 1 พรรษา แล้วลาผนวชเข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กหลวงในสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรดังเดิม เมื่อพระชนมายุได้ 25 พรรษา พระองค์เสด็จออกไปรับราชการที่เมืองราชบุรีในตำแหน่ง "หลวงยกกระบัตร" ในแผ่นดินสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ และได้สมรสกับคุณนาค (ภายหลังได้รับการสถาปนาที่สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี) ธิดาในตระกูลเศรษฐีมอญที่มีรกรากอยู่ที่บ้านอัมพวา เมืองสมุทรสงคราม
พระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี | |
---|---|
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช | |
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย | |
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว | |
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | |
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | |
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว | |
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว | |
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร | |
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร | |
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว | |
รับราชการในสมัยกรุงธนบุรี
ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองแก่กรุงอังวะแล้ว พระยาตาก (สิน) ได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์และย้ายราชธานีมายังกรุงธนบุรี ในขณะนั้นนายทองด้วงมีอายุ 32 ปี ได้เข้าถวายตัวรับราชการตามคำชักชวนของพระมหามนตรี (บุญมา) ผู้เป็นน้องชาย โดยได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็น พระราชริน (พระราชวรินทร์) เจ้ากรมพระตำรวจนอกขวา และย้ายมาอาศัยอยู่ที่บริเวณวัดบางหว้าใหญ่ (วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารในปัจจุบัน) ในปี พ.ศ. 2311 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จขึ้นไปตีเมืองพิมายซึ่งมีกรมหมื่นเทพพิพิธเป็นเจ้าเมืองพิมายอยู่ พระราชรินและพระมหามนตรีได้รับพระราชโองการให้ยกทัพร่วมในศึกครั้งนี้ด้วย หลังจากการศึกในครั้งนี้ พระราชรินได้รับการเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น พระยาอภัยรณฤทธิ์ จางวางพระตำรวจฝ่ายขวา เพื่อเป็นการปูนบำเหน็จที่มีความชอบในการสงครามครั้งนี้
หลังจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยกทัพขึ้นไปปราบเจ้าพระฝางสำเร็จแล้ว มีพระราชดำริว่าเจ้าพระยาจักรี (หมุด) นั้นมิแกล้วกล้าในการสงคราม ดังนั้น จึงโปรดตั้งพระยาอภัยรณฤทธิ์ขึ้นเป็น พระยายมราช เสนาธิบดีกรมพระนครบาล โดยให้ว่าราชการที่สมุหนายกด้วย เมื่อเจ้าพระยาจักรี (หมุด) ถึงแก่กรรมแล้ว พระยาอภัยรณฤทธิ์จึงได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาจักรี ที่สมุหนายก พร้อมทั้งโปรดให้เป็นแม่ทัพเพื่อไปตีกรุงกัมพูชา โดยสามารถตีเมืองพระตะบอง เมืองโพธิสัตว์ เมืองบริบูรณ์ และเมืองพุทไธเพชร (เมืองบันทายมาศ) ได้ เมื่อสิ้นสงครามสมเด็จพระเจ้าตากสินโปรดให้ไปครองเมืองพุทไธเพชรให้เป็นใหญ่ในกรุงกัมพูชา และมีพระดำรัสให้เจ้าพระยาจักรีและพระยาโกษาธิบดีอยู่ช่วยราชการที่เมืองพุทไธเพชรจนกว่าเหตุการณ์จะสงบราบคาบก่อน
เจ้าพระยาจักรีเป็นแม่ทัพทำราชการสงครามกับพม่า เขมร และลาว จนมีความชอบในราชการมากมาย ดังนั้น จึงได้รับการเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก พิฤกมหิมา ทุกนัครระอาเดช นเรศรราชสุริยวงษ์ องค์อรรคบาทมุลิกากร บวรรัตนบรินายก และได้รับพระราชทานเสลี่ยงงากลั้นกลดและมีเครื่องทองต่าง ๆ เป็นเครื่องยศเสมอเจ้าต่างกรม
เดือนมีนาคม พ.ศ 2324 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้โปรดเกล้าให้พระยาสรรค์แต่งทัพไปปราบกบฎ แต่พระยาสรรค์กลับไปเข้ากับกบฎและนำทัพเข้ายึดกรุงในวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2324 พระยาสรรค์ได้กราบทูลให้สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีสละราชสมบัติและออกผนวช ซึ่งพระองค์ยอมทำตามในวันที่ 10 มีนาคม พระยาสรรค์ครองเมืองได้ราวสองสัปดาห์ก็ถูกปราบโดยทัพของพระยาสุริยอภัย พระยาสุริยอภัยจับภิกษุตากสึกและขังไว้ หลังสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ยกทัพกลับจากกัมพูชามาถึงกรุงธนบุรีและได้สำเร็จโทษบรรดากบฎแล้ว ก็ดำริว่า เหตุแห่งกบฎคือพระเจ้าแผ่นดินองค์ก่อน สมเด็จเจ้าพระยาฯ ได้พิพากษาโทษอดีตพระเจ้าตากดังความ:
ตัวเป็นเจ้าแผ่นดินใช้เราไปกระทำการสงครามได้ความลำบากกินเหื่อต่างน้ำ เราก็อุตสาหะกระทำศึกมิได้อาลัยแก่ชีวิต คิดแต่จะทำนุบำรุงแผ่นดินให้สิ้นเสี้ยนหนาม จะให้สมณพราหมณาจารย์และไพร่ฟ้าประชากรอยู่เย็นเป็นสุขสิ้นด้วยกัน ก็เหตุไฉนอยู่ภายหลังตัวจึงเอาบุตรภรรยาเรามาจองจำทำโทษ แล้วโบยตีพระภิกษุสงฆ์ และลงโทษแก่ข้าราชการและอาณาประชาราษฎร เร่งเอาทรัพย์สินโดยพลการด้วยหาความผิดมิได้ กระทำให้แผ่นดินเดือดร้อนทุกเส้นหญ้า ทั้งพระพุทธศาสนาก็เสื่อมทรุดเศร้าหมองดุจเมืองมิจฉาทิฐิฉะนี้
— สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ต่อว่านายสิน
ต่อมานายสินถูกนำตัวไปประหารด้วยการตัดศีรษะ
ปราบดาภิเษก
ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 หลังจากได้สำเร็จโทษพระเจ้าตากสินแล้ว สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ขึ้นปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ขณะที่มีพระชนมายุได้ 46 พรรษา พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีราชธานีเดิมที่อยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยามายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา พระองค์โปรดให้สร้างพระราชวังหลวงและโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หลังจากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานฉลองสมโภชพระนครเป็นเวลา 3 วัน ครั้งเสร็จการฉลองพระนครแล้ว พระองค์พระราชทานนามพระนครแห่งใหม่ให้ต้องกับนามพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรว่า "กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์" หรือเรียกอย่างสังเขปว่า "กรุงเทพมหานคร"
สวรรคต
หลังจากการฉลองวัดพระแก้วแล้ว ก็ประชวรทรงพระโสภะอยู่ 3 ปี พระอาการทรุดลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2352 ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ รวมพระชนมพรรษาได้ 73 พรรษา เสด็จอยู่ในราชสมบัติ 27 ปี
พระบรมศพถูกเชิญลงสู่พระลองเงินประกอบด้วยพระโกศทองใหญ่แล้วเชิญไปประดิษฐานไว้ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายใต้พระมหาเศวตฉัตร ตั้งเครื่องสูงและเครื่องราชูปโภคเฉลิมพระเกียรติยศตามโบราณราชประเพณี พระสงฆ์สวดพระอภิธรรม โคมกลองชนะตามเวลา ดังเช่นงานพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินสมัยกรุงศรีอยุธยาทุกประการ จนกระทั่ง พ.ศ. 2354 พระเมรุมาศซึ่งสร้างตามแบบพระเมรุมาศสำหรับพระเจ้าแผ่นดินสมัยกรุงศรีอยุธยาได้สร้างแล้วเสร็จ จึงเชิญพระบรมโกศจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทขึ้นประดิษฐาน ณ พระเมรุมาศ แล้วจักให้มีการสมโภชพระบรมศพเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน จึงถวายพระเพลิงพระบรมศพ หลังจากนั้น มีการสมโภชพระบรมอัฐิและบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อแล้วเสร็จจึงเชิญพระบรมอัฐิประดิษฐาน ณ หอพระธาตุมณเฑียร ภายในพระบรมมหาราชวัง ส่วนพระบรมราชสรีรางคารเชิญไปลอยบริเวณหน้าวัดปทุมคงคาราชวรวิหาร
พระราชกรณียกิจ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนากรุงเทพมหานคร (หรือกรุงรัตนโกสินทร์) เป็นราชธานี และทรงสถาปนาราชวงศ์จักรีปกครองราชอาณาจักรไทยเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 (วันจักรี) ภายหลังการเสด็จเสวยราชย์แล้ว พระองค์ทรงมีพระราชกรณีกิจที่สำคัญยิ่ง คือ การป้องกันราชอาณาจักรให้ปลอดภัยและทรงฟื้นฟูวัฒนธรรมไทยอันเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและอยุธยา การที่ไทยสามารถปกป้องการรุกรานของข้าศึกจนประสบชัยชนะทุกครั้ง แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของพระองค์ในการบัญชาการรบอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามกับพม่าใน พ.ศ. 2328 ที่เรียกว่า "สงครามเก้าทัพ" นอกจากนี้พระองค์ยังพบว่ากฎหมายบางฉบับที่ใช้มาตั้งแต่สมัยอยุธยาไม่มีความยุติธรรม จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีการตรวจสอบกฎหมายที่มีอยู่ทั้งหมด เสร็จแล้วให้เขียนเป็นฉบับหลวง 3 ฉบับ ประทับตราราชสีห์ คชสีห์ และบัวแก้วไว้ทุกฉบับ เรียกว่า "กฎหมายตราสามดวง" สำหรับใช้เป็นหลักในการปกครองบ้านเมือง
การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์
พระราชกรณียกิจประการแรกที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงจัดทำเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ คือการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีใหม่ ทางตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา แทนกรุงธนบุรี ด้วยเหตุผลทางด้านยุทธศาสตร์ เนื่องจากกรุงธนบุรีตั้งอยู่บนสองฝั่งแม่น้ำ ทำให้การลำเลียงอาวุธยุทธภัณฑ์ และการรักษาพระนครเป็นไปได้ยาก อีกทั้งพระราชวังเดิมมีพื้นที่จำกัด ไม่สามารถขยายได้ เนื่องจากติดวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารและวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร ส่วนทางฝั่งกรุงรัตนโกสินทร์นั้นมีความเหมาะสมกว่าตรงที่มีพื้นแผ่นดินเป็นลักษณะหัวแหลม มีแม่น้ำเป็นคูเมืองธรรมชาติ มีชัยภูมิเหมาะสม และสามารถรับศึกได้เป็นอย่างดี
การสร้างราชธานีใหม่นั้นใช้เวลาทั้งสิ้น 3 ปี โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงประกอบพิธียกเสาหลักเมือง เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล จ.ศ. 1144 ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 และโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างพระบรมมหาราชวังสืบทอดราชประเพณี และสร้างพระอารามหลวงในเขตพระบรมมหาราชวังตามแบบกรุงศรีอยุธยา ซึ่งการสร้างเมืองและพระบรมมหาราชวังเป็นการสืบทอดประเพณี วัฒนธรรม และศิลปกรรมดั้งเดิมของชาติ ซึ่งปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และได้พระราชทานนามแก่ราชธานีใหม่นี้ว่า "กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุทธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยะวิษณุกรรมประสิทธิ์" นอกจากนี้ยังโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างสิ่งต่าง ๆ อันสำคัญต่อการสถาปนาราชธานีได้แก่ ป้อมปราการ, คลอง ถนนและสะพานต่าง ๆ มากมาย
การป้องกันราชอาณาจักร
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระปรีชาสามารถในการรบ ทรงเป็นผู้นำทัพในการทำสงครามกับพม่าทั้งหมด 7 ครั้งในรัชสมัยของพระองค์ ได้แก่
- สงครามครั้งที่ 1 พ.ศ. 2327 สงครามเก้าทัพ
สงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างไทยกับพม่าส่งคือ สงครามเก้าทัพ โดยในครั้งนั้นพระเจ้าปดุงแห่งราชวงศ์อลองพญาของพม่า มีพระประสงค์จะเพิ่มพูนพระเกียรติยศและชื่อเสียงให้ขจรขจายด้วยการกำราบอาณาจักรสยาม จึงรวบรวมไพร่พลถึง 144,000 คน กรีธาทัพจะเข้าตีกรุงรัตนโกสินทร์ โดยแบ่งเป็น 9 ทัพใหญ่ เข้าตีจากกรอบทิศทาง ส่วนทัพของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชมีกำลังเพียงครึ่งหนึ่งของทหารพม่าคือมีเพียง 70,000 คนเศษเท่านั้น
ด้วยพระปรีชาสามารถในการทำสงคราม ได้ทรงให้ทัพของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทไปสกัดทัพพม่าที่บริเวณทุ่งลาดหญ้า ทำให้พม่าต้องชะงักติดอยู่บริเวณช่องเขา แล้วทรงสั่งให้จัดทัพแบบกองโจรออกปล้นสะดม จนทัพพม่าขัดสนเสบียงอาหาร เมื่อทัพพม่าบริเวณทุ่งลาดหญ้าแตกพ่ายไปแล้วสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทจึงยกทัพไปช่วยทางอื่น และได้รับชัยชนะตลอดทุกทัพตั้งแต่เหนือจรดใต้
- สงครามครั้งที่ 2 พ.ศ. 2329 สงครามท่าดินแดงและสามสบ
ในสงครามครั้งนี้ ทัพพม่าเตรียมเสบียงอาหารและเส้นทางเดินทัพอย่างดีที่สุด โดยแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ จากศึกครั้งก่อน โดยพม่าได้ยกทัพเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ มาตั้งค่ายอยู่ที่ท่าดินแดงและสามสบ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ทรงยกทัพหลวงเข้าตีพม่าที่ค่ายดินแดงพร้อมกับให้ทัพของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเข้าตีค่ายพม่าที่สามสบ หลังจากรบกันได้ 3 วันค่ายพม่าก็แตกพ่ายไปทุกค่าย และพระองค์ยังได้ทำสงครามขับไล่อิทธิพลของพม่าได้โดยเด็ดขาด และตีหัวเมืองต่าง ๆ ขยายราชอาณาเขต ทำให้ราชอาณาจักรสยามมีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ดินแดนล้านนา ไทใหญ่ สิบสองปันนา หลวงพระบาง เวียงจันทน์ เขมร และด้านทิศใต้ไปจนถึงเมืองกลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี ปะลิส และเปรัก
หลังจากที่พม่าพ่ายแพ้แก่สยาม ก็ส่งผลทำให้เมืองขึ้นทั้งหลายของพม่า เช่น เมืองเชียงรุ้งและเชียงตุง เกิดกระด้างกระเดื่อง ตั้งตนเป็นอิสระ พระเจ้าปดุงจึงสั่งให้ยกทัพมาปราบปราม รวมถึงเข้าตีลำปางและป่าซาง เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทราบเรื่องจึงสั่งให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทคุมไพร่พล 6,000 นาย มาช่วยเหลือและขับไล่พม่าไปเป็นผลสำเร็จ
- สงครามครั้งที่ 4 พ.ศ. 2330 สงครามตีเมืองทวาย
ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เกณฑ์ไพร่พล 20,000 นาย ยกทัพไปตีเมืองทวาย แต่สงครามครั้งนี้ไม่มีการรบพุ่ง เพราะต่างฝ่ายต่างก็ขาดแคลนเสบียงอาหาร รี้พลก็บาดเจ็บจึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ถอยทัพกลับกรุงเทพ
- สงครามครั้งที่ 5 พ.ศ. 2336 สงครามตีเมืองพม่า
ในครั้งนั้นเมืองทวาย ตะนาวศรี และมะริด ได้เข้ามาขอสวามิภักดิ์ต่อไทย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ยกทัพไปช่วยป้องกันเมือง แต่เมื่อพระเจ้าปดุงยกทัพมาปราบปรามเมืองทั้งสามก็หันกลับเข้ากับทางพม่าอีก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงโปรดเกล้าฯ ให้ถอยทัพกลับกรุงเทพฯ
- สงครามครั้งที่ 6 พ.ศ. 2340 สงครามพม่าที่เมืองเชียงใหม่
เนื่องจากสงครามในครั้งก่อน ๆ พระเจ้าปดุงไม่สามารถตีหัวเมืองล้านนาได้ จึงทรงรับสั่งไพร่พล 55,000 นาย ยกทัพมาอีกครั้งโดยแบ่งเป็น 7 ทัพ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึง โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทคุมไพร่พล 20,000 นาย ขึ้นไปรวมไพร่พลกับทางเหนือเป็น 40,000 นาย ระดมตีค่ายพม่าเพียงวันเดียวเท่านั้นทัพพม่าก็แตกพ่ายยับเยิน
- สงครามครั้งที่ 7 พ.ศ. 2346 สงครามพม่าที่เมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ 2
ในครั้งนั้นพระเจ้ากาวิละได้ยกทัพไปตีเมืองสาด หัวเมืองขึ้นของพม่า พระเจ้าปดุงจึงยกทัพลงมาตีเมืองเชียงใหม่เพื่อแก้แค้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงทราบ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ส่งกองทัพไปช่วยเหลือ และสงครามครั้งนี้ก็จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายไทย
พระบรมราชอิสริยยศและพระเกียรติยศ
ธรรมเนียมพระยศของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช | |
---|---|
พระราชลัญจกร | |
การทูล | ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท |
การแทนตน | ข้าพระพุทธเจ้า |
การขานรับ | พระพุทธเจ้าข้าขอรับ/เพคะ |
พระบรมราชอิสริยยศ
- ทองด้วง (20 มีนาคม พ.ศ. 2279 - พ.ศ. 2311)
- พระราชริน (พระราชวรินทร์) (พ.ศ. 2311)
- พระยาอภัยรณฤทธิ์ (พ.ศ. 2311 - พ.ศ. 2313)
- พระยายมราช (พ.ศ. 2313 - พ.ศ. 2317)
- เจ้าพระยาจักรี (พ.ศ. 2317 - สมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี)
- สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก พิฤกมหิมา ทุกนัครระอาเดช นเรศรราชสุริยวงษ์ องค์อรรคบาทมุลิกากร บวรรัตนบรินายก "เสมอที่เจ้าพระยามหาอุปราช"(สมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี - 6 เมษายน พ.ศ. 2325)
- พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศภาสกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศร ตรีภูวเนตรวรนารถนายก ดิลกรัตนราชชาติอาชาวศรัย สมุทัยดโรมนต์ สกลจักรวาฬาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทร์ หริหรินทรธาดาธิบดี ศรีสุวิบุลยคุณอขนิษฐ์ ฤทธิราเมศวรมหันต์ บรมธรรมิกราชาธิราชเดโชไชย พรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร์ ภูมินทรปรมาธิเบศร์ โลกเชฏฐวิสุทธิ์ รัตนมกุฎประเทศคตามหาพุทธางกูร บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว (6 เมษายน พ.ศ. 2325 - 7 กันยายน พ.ศ.2352)
ภายหลังการสวรรคตในรัชกาลที่ 3
- พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (สมัยรัชกาลที่ 3 - สมัยรัชกาลที่ 4)
ภายหลังการสวรรคตในรัชกาลที่ 4
- พระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (สมัยรัชกาลที่ 4 - 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2459)
ภายหลังการสวรรคตในรัชกาลที่ 6
- พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาจักรีบรมนาถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2459 - สมัยรัชกาลที่ 7)
ภายหลังการสวรรคตในรัชกาลที่ 7
- พระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (สมัยรัชกาลที่ 7 - ปัจจุบัน)
พระพุทธรูปประจำพระองค์
พระพุทธรูปประจำพระชนมวาร เป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรตามวันพระบรมราชสมภพ สร้างราว พ.ศ. ๒๔๑๐-๒๔๑๑ สร้างด้วยทองคำ บาตรลงยา สร้างโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงอุทิศพระราชกุศลถวายพระบรมอัยกาธิราช สูง 29.50 เซนติเมตร ประดิษฐานในหอพระสุราลัยพิมาน พระพุทธรูปประจำรัชกาล เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร ภายใต้พระเศวตฉัตร ๓ ชั้น สร้างราว พ.ศ. ๒๓๖๗-๒๓๙๔ หน้าตักกว้าง ๘.๓ ซ.ม. สูงเฉพาะองค์พระ ๑๒.๕ ซ.ม. สูงรวม ๔๖.๕ ซ.ม. ประดิษฐานในหอพระสุราลัยพิมาน
พระปรมาภิไธย
เมื่อพระองค์ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีแล้ว พระองค์มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศภาสกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศร ตรีภูวเนตรวรนารถนายก ดิลกรัตนราชชาติอาชาวศรัย สมุทัยดโรมนต์ สกลจักรวาฬาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทร์ หริหรินทรธาดาธิบดี ศรีสุวิบุลยคุณอขนิษฐ์ ฤทธิราเมศวรมหันต์ บรมธรรมิกราชาธิราชเดโชไชย พรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร์ ภูมินทรปรมาธิเบศร์ โลกเชฏฐวิสุทธิ์ รัตนมกุฎประเทศคตามหาพุทธางกูร บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว"
เนื่องจากพระปรมาภิไธยที่จารึกลงในพระสุพรรณบัฏนี้เป็นพระปรมาภิไธยเดียวกับพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา 3 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง), สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (พระเชษฐา) และสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 (สมเด็จพระนารายณ์มหาราช) ดังนั้น พระองค์จึงเป็น "สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 4"
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ออกพระนามรัชกาลที่ 1 ว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ตามนามของพระพุทธรูปที่ทรงสร้างอุทิศถวาย และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เพิ่มพระปรมาภิไธยแก่สมเด็จพระบรมอัยกาธิราชจารึกลงในพระสุพรรณบัฏว่า "พระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ นเรศวราชวิวัฒนวงศ์ ปฐมพงศาธิราชรามาธิบดินทร์ สยามพิชิตินทรวโรดม บรมนารถบพิตร พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก"
หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการเฉลิมพระปรมาภิไธยอย่างสังเขปว่า พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาจักรีบรมนาถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก หรือ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
ในวาระการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 200 ปี รัฐบาลได้จัดงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2525 ในการนี้รัฐบาลและปวงชนชาวไทยพร้อมใจกันเฉลิมพระเกียรติพระองค์โดยถวายพระราชสมัญญา "มหาราช" ต่อท้ายพระปรมาภิไธย ออกพระนามว่า "พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช"
พระราชลัญจกร
พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ 1 เป็นตรางารูป "ปทุมอุณาโลม" หรือ "มหาอุณาโลม" หมายถึง ตาที่สามของพระศิวะ ซึ่งถือเป็นปฐมฤกษ์ในการตั้งพระบรมราชจักรีวงศ์ มีอักขระ "อุ" แบบอักษรขอมอยู่กลาง ล้อมรอบด้วยกลีบบัวอันเป็นดอกไม้ที่เป็นสิริมงคลในพุทธศาสนา
ตราอุณาโลมที่ใช้ตีประทับบนเงินพดด้วงมีรูปร่างคล้ายสังข์ทักษิณาวรรต หรือ สังข์เวียนขวา มีลักษณะเป็นม้วนกลมคล้ายลักษณะความหมายของพระนามเดิมว่า "ด้วง" อยู่ในกรอบลายกนก เริ่มใช้เมื่อ พ.ศ. 2328 ในคราวพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระราชสันตติวงศ์
- พระมเหสี เจ้าจอมมารดา และเจ้าจอม
- พระราชโอรสและพระราชธิดา
เมื่อครั้งที่ทรงดำรงตำแหน่งหลวงยกบัตรเมืองราชบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชสมรสกับคุณนาค ธิดาของคหบดีใหญ่ในตระกูลบางช้าง (ดู ณ บางช้าง) โดยมีพระราชโอรสสองพระองค์หนีราชภัยมาตั้งถิ่นฐานที่แขวงบางช้าง เมืองราชบุรี (ปัจจุบันคือจังหวัดสมุทรสงคราม) ต่อมาเมื่อขึ้นครองราชย์ แม้จะมิได้โปรดให้สถาปนายกย่องขึ้นเป็นสมเด็จพระอัครมเหสีอย่างเป็นทางการก็ตาม แต่คนทั้งปวงก็เข้าใจว่าท่านผู้หญิงนาค เอกภรรยาดั้งเดิมนั้นเองที่อยู่ในฐานะสมเด็จพระอัครมเหสี จึงพากันขนานพระนามว่า สมเด็จพระพันวษา หรือสมเด็จพระพรรษา ตามอย่างการขนานพระนามสมเด็จพระอัครมเหสีตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดฯ ให้เฉลิมพระนามเป็นสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมีพระราชโอรส-ราชธิดา รวมทั้งสิ้น 42 พระองค์ โดยเป็นพระราชโอรสและพระราชธิดาที่ประสูติแต่สมเด็จพระพันวษา พระอัครมเหสี 10 พระองค์
เรียงตามพระประสูติกาล
ประสูตินอกพระมหาเศวตฉัตร | ||||
พระนาม | พระมารดา | ประสูติ | สิ้นพระชนม์ | พระชันษารวม |
---|---|---|---|---|
1. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าชาย (ไม่ปรากฏพระนาม) | สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี | พ.ศ. 2302 | พ.ศ. 2309 | 7 พรรษา |
2. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าหญิง (ไม่ปรากฏพระนาม) | สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี | พ.ศ. 2303 | พ.ศ. 2310 | 7 พรรษา |
3. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฉิมใหญ่ | สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี | พ.ศ. 2304 | 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2322 | 18 พรรษา |
4. พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย | สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี | 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2311 | 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 | 56 พรรษา |
5. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพ | สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี | พ.ศ. 2313 | 7 สิงหาคม พ.ศ. 2351 | 38 พรรษา |
6. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าหญิง (ไม่ปรากฏพระนาม) | สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี | พ.ศ. 2314 | พ.ศ. 2320 | 6 พรรษา |
7. สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ | สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี | 29 มีนาคม พ.ศ. 2316 | 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2360 | 44 พรรษา |
8. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าหญิง (ไม่ปรากฏพระนาม) | สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี | พ.ศ. 2317 | พ.ศ. 2321 | 4 พรรษา |
9. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพยวดี | สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี | 14 มกราคม พ.ศ. 2320 | 23 สิงหาคม พ.ศ. 2326 | 46 พรรษา |
10. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทักษ์เทวา | เจ้าจอมมารดาภิมสวน | พ.ศ. 2321 | พ.ศ. 2363 | 42 พรรษา |
ประสูติเมื่อเสด็จปราบดาภิเษกแล้ว | ||||
11. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านุ่ม | เจ้าจอมมารดาปุย | พ.ศ. 2326 | พ.ศ. 2386 | 60 พรรษา |
12. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอินทรพิพิธ | เจ้าจอมมารดาจัน | พ.ศ. 2326 | 2 มิถุนายน พ.ศ. 2363 | 37 พรรษา |
13. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิง | เจ้าจอมมารดาดวง | พ.ศ. 2327 | พ.ศ. 2328 | 1 พรรษา |
14. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าผะอบ | เจ้าจอมมารดาภิมสวน | พ.ศ. 2327 | พ.ศ. 2350 | 23 พรรษา |
15. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพลับ | เจ้าจอมมารดาคุ้ม | พ.ศ. 2328 | พ.ศ. 2409 | 81 พรรษา |
16. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงเทพพลภักดิ์ | เจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว ธิดาพระยาจักรี เมืองนครศรีธรรมราช | 23 สิงหาคม พ.ศ. 2328 | 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2381 | 52 พรรษา |
17. สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ | เจ้าจอมมารดานุ้ยใหญ่ ธิดาเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (พัฒน์ ณ นคร) กับท่านผู้หญิงชุ่ม (ทูลกระหม่อมหญิงใหญ่เมืองนคร) | 21 ตุลาคม พ.ศ. 2328 | 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2375 | 46 พรรษา |
18. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นจิตรภักดี | เจ้าจอมมารดาน้อย | 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2330 | 12 เมษายน พ.ศ. 2368 | 38 พรรษา |
19. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธิดา | เจ้าจอมมารดาเอม | พ.ศ. 2330 | พ.ศ. 2381 | 51 พรรษา |
20. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นศรีสุเรนทร์ | เจ้าจอมมารดาพุ่ม ธิดาเจ้าพระยาวิเศษสุนทร (นาค นกเล็ก) | 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2331 | 31 ธันวาคม พ.ศ. 2359 | 28 พรรษา |
21. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจงกล | เจ้าจอมมารดาตานี ธิดาเจ้าพระยามหาเสนา (บุนนาค) | ปีวอกสัมฤทธิศก จ.ศ. 1150 | สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 2 | - |
22. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระรามอิศเรศร | เจ้าจอมมารดาเพ็งใหญ่ | 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2332 | วันอาทิตย์ เดือนอ้าย ขึ้น 7 ค่ำ ปีขาลฉศก จ.ศ.1216 | 66 พรรษา |
23. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเกสร | เจ้าจอมมารดาประทุมา | พ.ศ. 2332 | พ.ศ. 2360 | 28 พรรษา |
24. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามณฑา | เจ้าจอมมารดานิ่ม | ปีจอโทศก จ.ศ. 1152 | วันพฤหัสบดีเดือน 8 อุตราสาฒ ขึ้น 11 ค่ำ ปีระกาตรีศก จ.ศ. 1223 | 72 พรรษา |
25. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามณี | เจ้าจอมมารดาอู่ ธิดาพระยาเพชรบุรี (บุญรอด) | พ.ศ. 2333 | 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2408 | 75 พรรษา |
26. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดวงสุดา | เจ้าจอมมารดาน้อย | พ.ศ. 2333 | พ.ศ. 2410 | 77 พรรษา |
27. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรจั่น (บางแห่งว่า พระองค์เจ้าสุมาลี) | เจ้าจอมมารดาอิ่ม ภายหลังได้เป็น ท้าววรจันทร์ฯ มีหน้าที่บังคับบัญชาท้าวนางทั่วทั้งพระราชวัง ธิดาเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (กุน รัตนกุล) | ปีจอโทศก จ.ศ. 1152 | สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 2 | - |
28. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส | เจ้าจอมมารดาจุ้ย ธิดาพระราชาเศรษฐี | วันเสาร์ เดือนอ้าย ขึ้น 5 ค่ำ ปีจอโทศก จ.ศ. 1152 | วันศุกร์ เดือนอ้าย ขึ้น 8 ค่ำ ปีฉลูเบญจศก จ.ศ. 1214 | 64 พรรษา |
29. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ | เจ้าจอมมารดาตานี (เจ้าคุณวัง) ธิดาเจ้าพระยามหาเสนา (บุนนาค) เกิดแต่ท่านผู้หญิงเดิมที่ถูกโจรฆ่าตายไปเมื่อครั้งกลับไปขนทรัพย์สมบัติที่ฝังไว้กลับมาจากกรุงเก่า | วันอังคาร เดือน 3 ขึ้น 5 ค่ำ ปีจอโทศก จ.ศ. 1152 | วันอังคาร เดือน 6 ขึ้น 6 ค่ำ ปีขาลโทศก จ.ศ. 1192 | 40 พรรษา |
30. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิเศษศรีสวัสดิ สุขวัฒนวิไชย | เจ้าจอมมารดานวล | วันพฤหัสบดี เดือน 6 ขึ้น 3 ค่ำ ปีกุนตรีศก จ.ศ. 1153 | วันเสาร์ เดือนอ้าย แรม 2 ค่ำ ปีฉลูเบญจศก จ.ศ. 1215 | 63 พรรษา |
31. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุบล | เจ้าจอมมารดาทอง ธิดาในท้าวเทพกระษัตรี วีรสตรีแห่ง | วันศุกร์ เดือน 6 ขึ้น 11 ค่ำ ปีกุนตรีศก จ.ศ. 1153 | สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3 | - |
32. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉิมพลี | เจ้าจอมมารดางิ้ว | ปีกุน ตรีศก จ.ศ. 1153 | วันเสาร์ เดือนอ้าย ขึ้น 12 ค่ำ ปีมะเส็งนพศก จ.ศ. 1219 | 67 พรรษา |
33. หม่อมไกรสร | เจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว | วันจันทร์ เดือนยี่ ขึ้น 2 ค่ำ ปีกุนตรีศก จ.ศ. 1153 | วันพุธ เดือนอ้าย แรม 3 ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศก จ.ศ.1210 | 57 พรรษา |
34. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นศรีสุเทพ | เจ้าจอมมารดาเพ็งใหญ่ | 30 มิถุนายน พ.ศ. 2335 | พ.ศ. 2391 | 56 พรรษา |
35. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นณรงค์หริรักษ์ | เจ้าจอมมารดาปาน | 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2335 | 13 กันยายน พ.ศ. 2389 | 54 พรรษา |
36. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศศิธร | เจ้าจอมมารดาฉิมแมว ซึ่งเป็นธิดาท้าววรจันทร์ (แจ่ม) | ปีขาลฉศก จ.ศ. 1156 | สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 2 | - |
37. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเรไร | เจ้าจอมมารดาป้อม (ป้อมสีดา) ธิดาพระยารัตนจักร (หงส์ทอง) | ปีเถาะสัปตศก จ.ศ. 1157 | สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 1 | - |
38. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากระษัตรี | เจ้าจอมมารดานวม | ปีมะโรงอัฐศก จ.ศ. 1158 | ปีชวดอัฐศก จ.ศ. 1178 | 20 พรรษา |
39. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี (พระนามเดิม พระองค์เจ้าจันทบุรี) | เจ้าจอมมารดาทองสุก พระธิดาพระเจ้าอินทวงศ์ พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตเวียงจันทน์ซึ่งเป็นเจ้าประเทศราชขณะนั้น | ปีมะเมียสัมฤทธิศก จ.ศ. 1160 | วันเสาร์ เดือน 4 ขึ้น 3 ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก จ.ศ. 1200 | 41 พรรษา |
40. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นไกรสรวิชิต | เจ้าจอมมารดากลิ่น ธิดาพระยาพัทลุง (ขุน) | วันพุธ เดือน 8 บุรพาสาฒ ขึ้น 1 ค่ำ ปีมะเมีย สัมฤทธิศก จ.ศ. 1160 | วันอาทิตย์ เดือนยี่ แรม 10 ค่ำ ปีมะเมียนพศก จ.ศ. 1209 | 49 พรรษา |
41. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุภาธร | เจ้าจอมมารดาเพ็งเล็ก พระธิดาพระเจ้านันทเสน พระเจ้าเวียงจันทน์ | ปีมะเมียสัมฤทธิศก จ.ศ. 1160 | สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 2 | 41 พรรษา |
42. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุด | เจ้าจอมมารดาฉิมใหญ่ ธิดาพระยาพัทลุง (ขุน) | ปีมะแมเอกศก จ.ศ. 1161 | สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3 | 49 พรรษา |
ลำดับประวัติศาสตร์เหตุการณ์สำคัญ
- พ.ศ. 2279 (นับแบบปัจจุบัน พ.ศ. 2280)
- 20 มีนาคม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชพระราชสมภพที่กรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระนามเดิม ทองด้วง
- พ.ศ. 2310
- 7 เมษายน อาณาจักรอยุธยา เสียกรุงครั้งที่ 2 ขณะนั้นทรงรับราชการเป็นหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์
- พ.ศ. 2311
- ถวายตัวเข้ารับราชการเป็น พระราชวรินทร์และพระยาอภัยรณฤทธิ์ ในอาณาจักรธนบุรี ตามคำชักชวนของ พระมหามนตรี (บุญมา) พระอนุชา
- พ.ศ. 2317
- เลื่อนอิสริยยศเป็น เจ้าพระยาจักรี อันเป็นที่มาของชื่อราชวงศ์จักรี ที่สืบทอดจนถึงปัจจุบัน
- พ.ศ. 2319
- ทรงได้รับการเลื่อนอิสริยยศเป็น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก พิฤกมหิมา ทุกนัครระอาเดช นเรศรราชสุริยวงษ์ องค์อรรคบาทมุลิกากร บวรรัตนบรินายก "เสมอที่เจ้าพระยามหาอุปราช"
- พ.ศ. 2325
- สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เสด็จสวรรคต
- ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี
- สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เป็นราชธานี
- โปรดให้สมเด็จพระอนุชาธิราชเถลิงพระราชมนเทียรที่พระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล
- องเชียงสือ (ญวน) และนักองค์เอง (เขมร) ขอเข้าพึ่งพระบรมโพธิสมภาร
- โปรดให้อาลักษณ์คัดนิทานอิหร่านราชธรรม
- พ.ศ. 2326
- กำหนดระเบียบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
- ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องอุณรุท
- เริ่มงานสร้างพระนคร ขุดคูเมืองทางฝั่งตะวันออก สร้างกำแพงและป้อมปราการรอบพระนคร
- สร้างพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
- พ.ศ. 2327
- โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร จากหอพระแก้วในพระราชวังเดิม แห่ข้ามมาประดิษฐาน ณ พระอุโบสถในพระราชวังใหม่ พระราชทานนามพระอารามว่า วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
- โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเสาชิงช้า
- สงครามเก้าทัพ พระเจ้าปดุง กษัตริย์พม่าทรงกรีธาทัพเข้ามาตีเมืองไทยตั้งแต่เหนือจดใต้ รวม 9 ทัพ กองทัพไทยตีกองทัพพม่าแตกพ่ายยับเยินไปทุกทัพ
- พ.ศ. 2328
- งานสร้างพระนครและปราสาทราชมณเฑียรสำเร็จเสร็จสิ้น
- พระราชทานนามของราชธานีใหม่
- พ.ศ. 2329
- ทรงพระราชนิพนธ์
- ประเทศโปรตุเกสขอเข้ามาเจริญพระราชไมตรี
- สหราชอาณาจักรเช่าเกาะปีนัง จากพระยาไทรบุรี
- พ.ศ. 2330
- องเชียงสือเขียนหนังสือขอถวายบังคมลา ลอบหนีไปกู้บ้านเมือง
- อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานภายในพระราชวังบวรสถานมงคล
- พ.ศ. 2331
- โปรดเกล้าฯ ให้ ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
- พ.ศ. 2333
- องเชียงสือกู้บ้านเมืองสำเร็จและจัดต้นไม้เงิน ต้นไม้ทองมาถวาย
- พ.ศ. 2337
- ทรงอภิเษกให้นักองค์เองเป็นสมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดี ไปครองประเทศกัมพูชา
- พ.ศ. 2338
- โปรดเกล้าฯ ให้ชำระพระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)
- โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระมหาพิชัยราชรถ
- พ.ศ. 2339
- งานสมโภชพระบรมอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก
- พ.ศ. 2340
- ทรงพระราชนิพนธ์บทละคร เรื่อง รามเกียรติ์
- พ.ศ. 2342
- โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง
- พ.ศ. 2344
- ฉลองวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
- ฟื้นฟูการเล่นสักวา
- พ.ศ. 2345
- ราชาภิเษกพระเจ้าเวียดนามยาลอง (องเชียงสือ)
- พ.ศ. 2347
- โปรดเกล้าฯ ให้นักปราชญ์ ราชบัณฑิต ชำระกฎหมาย จัดเป็นกฎหมายตราสามดวงขึ้น
- พ.ศ. 2349
- ทรงอภิเษกให้นักองค์จันทร์เป็นสมเด็จพระอุทัยราชา ครองกรุงกัมพูชา
- พ.ศ. 2350
- เริ่มสร้างวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
- พ.ศ. 2352
- ได้ริเริ่มให้มีการสอนพระปริยัติธรรมในพระบรมมหาราชวัง ตลอดจนตามวังเจ้านายและบ้านเรือนของข้าราชการผู้ใหญ่ ทรงตรากฎหมายคณะสงฆ์ขึ้น เพื่อจัดระเบียบการปกครองของสงฆ์ให้เรียบร้อย โปรดเกล้าฯให้มีการสอบพระปริยัติธรรม
- เสด็จสวรรคต
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
มีนักแสดงผู้รับบท พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้แก่
- สมบัติ เมทะนี จากละครเรื่อง สงครามเก้าทัพ (2531)
- ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล จากละครเรื่อง ฟ้าใหม่ (2547) และจากละครเรื่อง สายโลหิต (2561)
- ธีรภัทร์ สัจจกุล จากละครเรื่อง ศรีอโยธยา (2560)
พงศาวลี
พงศาวลีของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
แผนผัง
(1) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช | สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท | สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(2) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย | สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ | สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(3) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว | (4) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าปิ๋ว | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าโสมนัส | (5) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ | สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ | กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอิศริยาลงกรณ์ | (6) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าตรีเพ็ชรุตม์ธำรง | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์ | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ | สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา | สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย | (7) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(8) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร | (9) พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(10) พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- ""สยาม" ถูกใช้เรียกชื่อประเทศเป็นทางการสมัยรัชกาลที่ 4". ศิลปวัฒนธรรม. 6 กรกฎาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 10 สิงหาคม 2560.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - เทศนาพระราชประวัติและพงศาวดารกรุงเทพฯ, หน้า 5-7
- ปฐมวงศ์ (พระบรมราชมหาจักรีกษัตริย์สยาม), หน้า 41-42
- พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา, หน้า 131-132
- พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา เล่ม ๒, น. ๔๕๑.
- พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา, กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2548, หน้า 230
- นรินทรเทวี, พระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวง, และ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. จดหมายเหตุความทรงจำ ของ กรมหลวงนรินทรเทวี (พ.ศ. 2310-2381) และพระราชวิจารณ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ : [ม.ป.พ.], 2526. 350 หน้า. หน้า 325. ISBN
- "พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ ตอนที่ ๒ พระราชพิธีปราบดาภิเษก". ห้องสมุดดิจิทัลวชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 10 สิงหาคม 2560.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - จุลลดา ภักดีภูมินทร์, สร้อยพระนาม 2009-10-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สกุลไทย, ฉบับที่ 2622, ปีที่ 51, ประจำวันอังคารที่ 18 มกราคม 2548
- โกวิท วงศ์สุรวัฒน์. การเมืองการปกครองไทย: หลายมิติ. หน้า 15.
- ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เฉลิมพระปรมาภิไธย, เล่ม ๓๓, ตอน ๐ก, ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๙, หน้า ๒๑๒
- ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการ ที่ ๔/๒๕๒๕ พระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ครบ ๒๐๐ ปี เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๕, เล่ม ๙๙, ตอน ๔๘ ง ฉบับพิเศษ, ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕, หน้า ๑
- พระราชพิธีสมโภชกรุงรัตน์โกสินทร์ครบ ๒๐๐ ปี และพระราชพิธีสมโภชหลักเมือง 2012-10-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สำนักงานส่งเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ, เข้าถึงวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554
- พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๑ 2009-06-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, หอมรดกไทย, เข้าถึงวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554
- พระราชลัญจกรประจำรัชกาล, สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง, เข้าถึงวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554
- บรรณานุกรม
- เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) (๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๑). "พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑". ห้องสมุดดิจิทัลวชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 6 กันยายน 2560.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - พระบาทสมเด็จพระเธียรมหาราชเจ้า. ปฐมวงศ์ (พระบรมราชมหาจักรีกษัตริย์สยาม). พระนคร : โรงพิมพ์หนังสือพิมพ์ไทย, 2470. 57 หน้า.
- พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระราชสกุล ข้อความและความเห็นจากเว็บบอร์ดพันทิป
ก่อนหน้า | พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี | พระมหากษัตริย์ไทย (6 เมษายน พ.ศ. 2325 – 7 กันยายน พ.ศ. 2352) | พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย | ||
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี | กุลเชษฐ์ในราชวงศ์จักรี (22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2342 – 7 กันยายน พ.ศ. 2352) | พระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phrabathsmedcphrapromrurachamhackribrmnath phraphuththyxdfaculaolk 20 minakhm ph s 2280 7 knyayn ph s 2352 epnphramhakstriyithyrchkalthi 1 inrachwngsckriaelaepnphramhakstriyrchkalthi 45 tamprawtisastrithy esdcphrarachsmphphemuxwnphuth aerm 5 kha eduxn 4 pimaorng xthsk c s 1098 ewla 3 yam trngkbwnthi 20 minakhm ph s 2280 prabdaphieskepnpthmkstriyaehngkrungrtnoksinthr emuxwnthi 6 emsayn ph s 2325 khnamiphrachnmayuid 45 phrrsa aelathrngyayrachthanicakfngthnburimaxyufngphrankhr aelaoprdekla ihsrangphrabrmmharachwngepnthiprathb nxkcakni phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach idthrngrbkarykyxngepn 1 in 8 smedcphraburphmhakstriyphuyingihyinpraethsithy phraxngkhthrngidrbphrarachsmyyanamwaepn mharach ephraathrngidrbchychnacaksngkhramekathphphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkphrabrmsathislksnpradisthan n phrathinngckrimhaprasathphraecakrungsrixyuthyakhrxngrachy6 emsayn ph s 2325 7 knyayn ph s 2352 27 pi 154 wn rachaphiesk10 mithunayn ph s 2325kxnhnasmedcphraecakrungthnburi xanackrthnburi thdipphrabathsmedcphraphuththelishlanphalyphramhaxuprachduraychux smedcphrabwrrachecamhasursinghnath smedcecafakrmhlwngxisrsunthrkrmphrarachwnghlngsmedcphraecahlanethx ecafakrmphraxnurksethewsrsmuhnaykecaphrayartnaphiphith sn snthirtn smuhphraklaohmduraychux ecaphrayamhaesna pli ecaphrayaxrrkhmhaesna bunnakh ecaphrayaxphyracha pin phrarachsmphph20 minakhm ph s 2280 krungsrixyuthya xanackrxyuthyaswrrkht7 knyayn ph s 2352 72 phrrsa phrathinngiphsalthksin phrarachwnghlwng krungethphphramhankhr xanackrrtnoksinthrthwayphraephlingph s 2354 phraemrumas thungphraemrubrrcuphrabrmxthihxphrathatumnethiyrkhuxphiesksmedcphraxmrinthrabrmrachini smrs kxn ph s 2305 snm43 thanphrarachbutr42 phraxngkhwdpracarchkalwdphraechtuphnwimlmngkhlaramrachwngsckriphrarachbidasmedcphrapthmbrmmhachnkphrarachmardaphraxkhrchaya hyk sasnaethrwathchwngewlaehtukarnsakhysthapnakrungethphmhankhraelarachwngsckriekidsngkhramekathphsngkhaynaphraitrpidkxyechiyphrasrisakymunimapradisthanthiwdsuthsnethphwraramrachwrmhawiharphrarachprawtiphrarachsmphph phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach miphranamedimwa thxngdwng esdcphrarachsmphphemuxwnthi 20 minakhm ph s 2280 wnthi 20 eduxn 4 tampicnthrkhti inrchsmysmedcphraecaxyuhwbrmoksaehngxanackrxyuthya phraxngkhepnbutrkhnthi 4 khxngphraxksrsunthrsastr thxngdi sungtxmaidrbkarsthapnakhunepnsmedcphrapthmbrmmhachnk kbphraxkhrchaya hyk emuxecriywykhunidthwaytwepnmhadelkinsmedcecafakrmkhunphrphinit txmakhuxsmedcphraecaxuthumphr khrnphrachnmayukhrb 21 phrrsa kesdcxxkphnwchepnphiksuxyuwdmhathlay 1 phrrsa aelwlaphnwchekharbrachkarepnmhadelkhlwnginsmedcphraecaxuthumphrdngedim emuxphrachnmayuid 25 phrrsa phraxngkhesdcxxkiprbrachkarthiemuxngrachburiintaaehnng hlwngykkrabtr inaephndinsmedcphrathinngsuriyasnxmrinthr aelaidsmrskbkhunnakh phayhlngidrbkarsthapnathismedcphraxmrinthrabrmrachini thidaintrakulesrsthimxythimirkrakxyuthibanxmphwa emuxngsmuthrsngkhramphramhakstriyrachwngsckriphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachphrabathsmedcphraphuththelishlanphalyphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhwphrabathsmedcphrapremnthrmhaxannthmhidl phraxthmramathibdinthrphrabathsmedcphrabrmchnkathiebsr mhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitrphrabathsmedcphrawchireklaecaxyuhwdkhk rbrachkarinsmykrungthnburi phayhlngkaresiykrungsrixyuthyakhrngthisxngaekkrungxngwaaelw phrayatak sin idkhunepnphramhakstriyaelayayrachthanimayngkrungthnburi inkhnannnaythxngdwngmixayu 32 pi idekhathwaytwrbrachkartamkhachkchwnkhxngphramhamntri buyma phuepnnxngchay odyidrbphrakrunaoprdekla aetngtngihepn phrarachrin phrarachwrinthr ecakrmphratarwcnxkkhwa aelayaymaxasyxyuthibriewnwdbanghwaihy wdrakhngokhsitaramwrmhawiharinpccubn inpi ph s 2311 smedcphraecataksinmharachesdckhuniptiemuxngphimaysungmikrmhmunethphphiphithepnecaemuxngphimayxyu phrarachrinaelaphramhamntriidrbphrarachoxngkarihykthphrwminsukkhrngnidwy hlngcakkarsukinkhrngni phrarachrinidrbkareluxnbrrdaskdiepn phrayaxphyrnvththi cangwangphratarwcfaykhwa ephuxepnkarpunbaehncthimikhwamchxbinkarsngkhramkhrngni hlngcaksmedcphraecataksinmharachykthphkhunipprabecaphrafangsaercaelw miphrarachdariwaecaphrayackri hmud nnmiaeklwklainkarsngkhram dngnn cungoprdtngphrayaxphyrnvththikhunepn phrayaymrach esnathibdikrmphrankhrbal odyihwarachkarthismuhnaykdwy emuxecaphrayackri hmud thungaekkrrmaelw phrayaxphyrnvththicungidrbkaroprdekla iheluxnbrrdaskdiepn ecaphrayackri thismuhnayk phrxmthngoprdihepnaemthphephuxiptikrungkmphucha odysamarthtiemuxngphratabxng emuxngophthistw emuxngbriburn aelaemuxngphuthithephchr emuxngbnthaymas id emuxsinsngkhramsmedcphraecataksinoprdihipkhrxngemuxngphuthithephchrihepnihyinkrungkmphucha aelamiphradarsihecaphrayackriaelaphrayaoksathibdixyuchwyrachkarthiemuxngphuthithephchrcnkwaehtukarncasngbrabkhabkxn ecaphrayackriepnaemthphtharachkarsngkhramkbphma ekhmr aelalaw cnmikhwamchxbinrachkarmakmay dngnn cungidrbkareluxnbrrdaskdiepn smedcecaphrayamhakstriysuk phivkmhima thuknkhrraxaedch nersrrachsuriywngs xngkhxrrkhbathmulikakr bwrrtnbrinayk aelaidrbphrarachthanesliyngngaklnkldaelamiekhruxngthxngtang epnekhruxngysesmxecatangkrm eduxnminakhm ph s 2324 smedcphraecakrungthnburiidoprdeklaihphrayasrrkhaetngthphipprabkbd aetphrayasrrkhklbipekhakbkbdaelanathphekhayudkrunginwnthi 4 minakhm ph s 2324 phrayasrrkhidkrabthulihsmedcphraecakrungthnburislarachsmbtiaelaxxkphnwch sungphraxngkhyxmthataminwnthi 10 minakhm phrayasrrkhkhrxngemuxngidrawsxngspdahkthukprabodythphkhxngphrayasuriyxphy phrayasuriyxphycbphiksutaksukaelakhngiw hlngsmedcecaphrayamhakstriysukidykthphklbcakkmphuchamathungkrungthnburiaelaidsaercothsbrrdakbdaelw kdariwa ehtuaehngkbdkhuxphraecaaephndinxngkhkxn smedcecaphraya idphiphaksaothsxditphraecatakdngkhwam twepnecaaephndinicheraipkrathakarsngkhramidkhwamlabakkinehuxtangna erakxutsahakrathasukmiidxalyaekchiwit khidaetcathanubarungaephndinihsinesiynhnam caihsmnphrahmnacaryaelaiphrfaprachakrxyueynepnsukhsindwykn kehtuichnxyuphayhlngtwcungexabutrphrryaeramacxngcathaoths aelwobytiphraphiksusngkh aelalngothsaekkharachkaraelaxanapracharasdr erngexathrphysinodyphlkardwyhakhwamphidmiid krathaihaephndineduxdrxnthukesnhya thngphraphuththsasnakesuxmthrudesrahmxngducemuxngmicchathithichani smedcecaphrayamhakstriysuk txwanaysin txmanaysinthuknatwipprahardwykartdsirsa prabdaphiesk phrapthmbrmrachanusrn thrngprathbehnuxphrathinngphudtankaycnsinghasn inkarphrarachphithiprabdaphieskkhunepnpthmbrmkstriyaehngphrabrmrachckriwngs emuxwnthi 6 emsayn ph s 2325 inwnthi 6 emsayn ph s 2325 hlngcakidsaercothsphraecataksinaelw smedcecaphrayamhakstriysukidkhunprabdaphieskepnpthmkstriyaehngrachwngsckri khnathimiphrachnmayuid 46 phrrsa phraxngkhoprdekla ihyayrachthanicakkrungthnburirachthaniedimthixyufngtawntkkhxngaemnaecaphrayamayngfngtawnxxkkhxngaemnaecaphraya phraxngkhoprdihsrangphrarachwnghlwngaelaoprdekla ihxyechiyphraphuththmhamnirtnptimakrmapradisthanyngwdphrasrirtnsasdaram hlngcaknn thrngphrakrunaoprdekla ihcdnganchlxngsmophchphrankhrepnewla 3 wn khrngesrckarchlxngphrankhraelw phraxngkhphrarachthannamphrankhraehngihmihtxngkbnamphraphuththmhamnirtnptimakrwa krungethphmhankhr bwrrtnoksinthr mhinthrayuthya mhadilkphph nphrtnrachthaniburirmy xudmrachniewsnmhasthan xmrphimanxwtarsthit skkathttiywisnukrrmprasiththi hruxeriykxyangsngekhpwa krungethphmhankhr swrrkht citrkrrmfaphnnginwdxmphwnectiyaramaesdngphrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphkhxngphraxngkh hlngcakkarchlxngwdphraaekwaelw kprachwrthrngphraosphaxyu 3 pi phraxakarthrudlngiperuxy cnkrathng esdcswrrkhtemuxwnthi 7 knyayn ph s 2352 n phrathinngiphsalthksin rwmphrachnmphrrsaid 73 phrrsa esdcxyuinrachsmbti 27 pi phrabrmsphthukechiylngsuphralxngenginprakxbdwyphraoksthxngihyaelwechiyippradisthaniw n phrathinngdusitmhaprasath phayitphramhaeswtchtr tngekhruxngsungaelaekhruxngrachupophkhechlimphraekiyrtiystamobranrachpraephni phrasngkhswdphraxphithrrm okhmklxngchnatamewla dngechnnganphrabrmsphphraecaaephndinsmykrungsrixyuthyathukprakar cnkrathng ph s 2354 phraemrumassungsrangtamaebbphraemrumassahrbphraecaaephndinsmykrungsrixyuthyaidsrangaelwesrc cungechiyphrabrmokscakphrathinngdusitmhaprasathkhunpradisthan n phraemrumas aelwckihmikarsmophchphrabrmsphepnewla 7 wn 7 khun cungthwayphraephlingphrabrmsph hlngcaknn mikarsmophchphrabrmxthiaelabaephyphrarachkusl emuxaelwesrccungechiyphrabrmxthipradisthan n hxphrathatumnethiyr phayinphrabrmmharachwng swnphrabrmrachsrirangkharechiyiplxybriewnhnawdpthumkhngkharachwrwiharphrarachkrniykicphrathinngdusitmhaprasathphayinphrabrmmharachwng phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk thrngbychaihsrangphrarachwngkhuninpi ph s 2325 ephuxepnsunyklangkhxngemuxnghlwngn hxngbrrthmkhxng phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk n phrathinngckriphimanphayinphrabrmmharachwng phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach thrngsthapnakrungethphmhankhr hruxkrungrtnoksinthr epnrachthani aelathrngsthapnarachwngsckripkkhrxngrachxanackrithyemux 6 emsayn ph s 2325 wnckri phayhlngkaresdceswyrachyaelw phraxngkhthrngmiphrarachkrnikicthisakhyying khux karpxngknrachxanackrihplxdphyaelathrngfunfuwthnthrrmithyxnepnmrdktkthxdmatngaetsmysuokhthyaelaxyuthya karthiithysamarthpkpxngkarrukrankhxngkhasukcnprasbchychnathukkhrng aesdngihehnthungkhwamekhmaekhngkhxngphraxngkhinkarbychakarrbxyangmiprasiththiphaph odyechphaaxyangyingsngkhramkbphmain ph s 2328 thieriykwa sngkhramekathph nxkcakniphraxngkhyngphbwakdhmaybangchbbthiichmatngaetsmyxyuthyaimmikhwamyutithrrm cungoprdeklaoprdkrahmxmihmikartrwcsxbkdhmaythimixyuthnghmd esrcaelwihekhiynepnchbbhlwng 3 chbb prathbtrarachsih khchsih aelabwaekwiwthukchbb eriykwa kdhmaytrasamdwng sahrbichepnhlkinkarpkkhrxngbanemuxng karsthapnakrungrtnoksinthr phaphwadbnfaphnngaesdngeruxngrawkhxngkrungrtnoksinthr n xnusrnsthanaehngchati cnghwdpthumthani phrarachkrniykicprakaraerkthiphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachthrngcdthaemuxesdckhunkhrxngrachy khuxkaroprdeklaoprdkrahmxm ihtngkrungrtnoksinthrepnrachthaniihm thangtawnxxkkhxngaemnaecaphraya aethnkrungthnburi dwyehtuphlthangdanyuththsastr enuxngcakkrungthnburitngxyubnsxngfngaemna thaihkarlaeliyngxawuthyuththphnth aelakarrksaphrankhrepnipidyak xikthngphrarachwngedimmiphunthicakd imsamarthkhyayid enuxngcaktidwdxrunrachwraramrachwrmhawiharaelawdomliolkyaramrachwrwihar swnthangfngkrungrtnoksinthrnnmikhwamehmaasmkwatrngthimiphunaephndinepnlksnahwaehlm miaemnaepnkhuemuxngthrrmchati michyphumiehmaasm aelasamarthrbsukidepnxyangdi citrkrrm phaphwaderuxngramekiyrti faphnngwdphraaekw phrabrmmharachwng aehngkrungrtnoksinthr karsrangrachthaniihmnnichewlathngsin 3 pi odyphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach thrngprakxbphithiykesahlkemuxng emuxwnxathity khun 10 kha eduxn 6 pikhal c s 1144 trngkbwnthi 21 emsayn ph s 2325 aelaoprdeklaoprdkrahmxmihsrangphrabrmmharachwngsubthxdrachpraephni aelasrangphraxaramhlwnginekhtphrabrmmharachwngtamaebbkrungsrixyuthya sungkarsrangemuxngaelaphrabrmmharachwngepnkarsubthxdpraephni wthnthrrm aelasilpkrrmdngedimkhxngchati sungptibtiknmatngaetsmykrungsrixyuthya aelaidphrarachthannamaekrachthaniihmniwa krungethphmhankhr bwrrtnoksinthr mhinthrayuththya mhadilkphph nphrtnrachthaniburirmy xudmrachniewsnmhasthan xmrphimanxwtarsthit skkathttiyawisnukrrmprasiththi nxkcakniyngoprdeklaoprdkrahmxmihsrangsingtang xnsakhytxkarsthapnarachthaniidaek pxmprakar khlxng thnnaelasaphantang makmay karpxngknrachxanackr phaphdanhlngthnbtrithychnidrakha 500 bath chudthi 16 rupphrabrmrachanusawriykhxngphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach thrngphraprichasamarthinkarrb thrngepnphunathphinkarthasngkhramkbphmathnghmd 7 khrnginrchsmykhxngphraxngkh idaek sngkhramkhrngthi 1 ph s 2327 sngkhramekathph sngkhramkhrngyingihythisudrahwangithykbphmasngkhux sngkhramekathph odyinkhrngnnphraecapdungaehngrachwngsxlxngphyakhxngphma miphraprasngkhcaephimphunphraekiyrtiysaelachuxesiyngihkhcrkhcaydwykarkarabxanackrsyam cungrwbrwmiphrphlthung 144 000 khn krithathphcaekhatikrungrtnoksinthr odyaebngepn 9 thphihy ekhaticakkrxbthisthang swnthphkhxngphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachmikalngephiyngkhrunghnungkhxngthharphmakhuxmiephiyng 70 000 khnessethann xnusawriy tnaebb inhxpratimakrrmtnaebb phuthrngepnwirstriinsukemuxngthlanginsngkhramekathph dwyphraprichasamarthinkarthasngkhram idthrngihthphkhxngsmedcphrabwrrachecamhasursinghnathipskdthphphmathibriewnthungladhya thaihphmatxngchangktidxyubriewnchxngekha aelwthrngsngihcdthphaebbkxngocrxxkplnsadm cnthphphmakhdsnesbiyngxahar emuxthphphmabriewnthungladhyaaetkphayipaelwsmedcphrabwrrachecamhasursinghnathcungykthphipchwythangxun aelaidrbchychnatlxdthukthphtngaetehnuxcrdit sngkhramkhrngthi 2 ph s 2329 sngkhramthadinaedngaelasamsb insngkhramkhrngni thphphmaetriymesbiyngxaharaelaesnthangedinthphxyangdithisud odyaekikhkhxphidphladtang caksukkhrngkxn odyphmaidykthphekhamathangdanecdiysamxngkh matngkhayxyuthithadinaedngaelasamsb phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachidthrngykthphhlwngekhatiphmathikhaydinaedngphrxmkbihthphkhxngsmedcphrabwrrachecamhasursinghnathekhatikhayphmathisamsb hlngcakrbknid 3 wnkhayphmakaetkphayipthukkhay aelaphraxngkhyngidthasngkhramkhbilxiththiphlkhxngphmaidodyeddkhad aelatihwemuxngtang khyayrachxanaekht thaihrachxanackrsyammixanaekhtkwangihythisudinprawtisastr tngaetdinaednlanna ithihy sibsxngpnna hlwngphrabang ewiyngcnthn ekhmr aeladanthisitipcnthungemuxngklntn trngkanu ithrburi palis aelaeprk phraecakawila ecaphukhrxngnkhrechiyngihmxngkhaerkaehngrachwngsecaecdtnthiekharbrachkarsngkhramcnrbchnaphmacnmibaehnckhwamdikhwamchxbepnphiesssngkhramkhrngthi 3 ph s 2330 sngkhramtiemuxnglapangaelaemuxngpasang hlngcakthiphmaphayaephaeksyam ksngphlthaihemuxngkhunthnghlaykhxngphma echn emuxngechiyngrungaelaechiyngtung ekidkradangkraeduxng tngtnepnxisra phraecapdungcungsngihykthphmaprabpram rwmthungekhatilapangaelapasang emuxphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachthraberuxngcungsngihsmedcphrabwrrachecamhasursinghnathkhumiphrphl 6 000 nay machwyehluxaelakhbilphmaipepnphlsaerc sngkhramkhrngthi 4 ph s 2330 sngkhramtiemuxngthway khrngnnphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachoprdeklaoprdkrahmxm iheknthiphrphl 20 000 nay ykthphiptiemuxngthway aetsngkhramkhrngniimmikarrbphung ephraatangfaytangkkhadaekhlnesbiyngxahar riphlkbadecbcungoprdeklaoprdkrahmxm ihthxythphklbkrungethph sngkhramkhrngthi 5 ph s 2336 sngkhramtiemuxngphma inkhrngnnemuxngthway tanawsri aelamarid idekhamakhxswamiphkditxithy phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachcungoprdeklaoprdkrahmxm ihykthphipchwypxngknemuxng aetemuxphraecapdungykthphmaprabpramemuxngthngsamkhnklbekhakbthangphmaxik phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachcungoprdekla ihthxythphklbkrungethph sngkhramkhrngthi 6 ph s 2340 sngkhramphmathiemuxngechiyngihm enuxngcaksngkhraminkhrngkxn phraecapdungimsamarthtihwemuxnglannaid cungthrngrbsngiphrphl 55 000 nay ykthphmaxikkhrngodyaebngepn 7 thph phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachcung oprdekla ihsmedcphrabwrrachecamhasursinghnathkhumiphrphl 20 000 nay khuniprwmiphrphlkbthangehnuxepn 40 000 nay radmtikhayphmaephiyngwnediywethannthphphmakaetkphayybeyin sngkhramkhrngthi 7 ph s 2346 sngkhramphmathiemuxngechiyngihm khrngthi 2 inkhrngnnphraecakawilaidykthphiptiemuxngsad hwemuxngkhunkhxngphma phraecapdungcungykthphlngmatiemuxngechiyngihmephuxaekaekhn emuxphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachthrngthrab cungoprdekla ihsngkxngthphipchwyehlux aelasngkhramkhrngnikcblngdwychychnakhxngfayithyphrabrmrachxisriyysaelaphraekiyrtiysthrrmeniymphrayskhxng phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachphrarachlyckrkarthulitfalaxxngthuliphrabathkaraethntnkhaphraphuththecakarkhanrbphraphuththecakhakhxrb ephkhaphrabrmrachxisriyys thxngdwng 20 minakhm ph s 2279 ph s 2311 phrarachrin phrarachwrinthr ph s 2311 phrayaxphyrnvththi ph s 2311 ph s 2313 phrayaymrach ph s 2313 ph s 2317 ecaphrayackri ph s 2317 smysmedcphraecakrungthnburi smedcecaphrayamhakstriysuk phivkmhima thuknkhrraxaedch nersrrachsuriywngs xngkhxrrkhbathmulikakr bwrrtnbrinayk esmxthiecaphrayamhaxuprach smysmedcphraecakrungthnburi 6 emsayn ph s 2325 phrabathsmedcphrabrmrachathirachramathibdi srisinthrbrmmhackrphrrdirachathibdinthr thrninthrathirach rtnakasphaskrwngs xngkhprmathiebsr triphuwentrwrnarthnayk dilkrtnrachchatixachawsry smuthydormnt sklckrwalathiebnthr surieynthrathibdinthr hrihrinthrthadathibdi srisuwibulykhunxkhnisth vththiraemswrmhnt brmthrrmikrachathirachedochichy phrhmethphadiethphnvbdinthr phuminthrprmathiebsr olkechtthwisuththi rtnmkudpraethskhtamhaphuththangkur brmbphitrphraphuththecaxyuhw 6 emsayn ph s 2325 7 knyayn ph s 2352 phayhlngkarswrrkhtinrchkalthi 3 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk smyrchkalthi 3 smyrchkalthi 4 phayhlngkarswrrkhtinrchkalthi 4 phrabathsmedcphrapromrurachamhackribrmnarth phraphuththyxdfaculaolk smyrchkalthi 4 11 phvscikayn ph s 2459 phayhlngkarswrrkhtinrchkalthi 6 phrabathsmedcphraramathibdisrisinthrmhackribrmnath phraphuththyxdfaculaolk 11 phvscikayn ph s 2459 smyrchkalthi 7 phayhlngkarswrrkhtinrchkalthi 7 phrabathsmedcphrapromrurachamhackribrmnarth phraphuththyxdfaculaolk smyrchkalthi 7 pccubn phraphuththruppracaphraxngkhphraphuththruppracaphrachnmwarphraphuththruppracarchkalphraphuththyxdfaculaolk n phraxuobsth wdphrasrirtnsasdaram inphrabrmmharachwng phraphuththruppracaphrachnmwar epnphraphuththruppangxumbatrtamwnphrabrmrachsmphph srangraw ph s 2410 2411 srangdwythxngkha batrlngya srangodyphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw ephuxthrngxuthisphrarachkuslthwayphrabrmxykathirach sung 29 50 esntiemtr pradisthaninhxphrasuralyphiman phraphuththruppracarchkal epnphraphuththruppangmarwichy khdsmathiephchr phayitphraeswtchtr 3 chn srangraw ph s 2367 2394 hnatkkwang 8 3 s m sungechphaaxngkhphra 12 5 s m sungrwm 46 5 s m pradisthaninhxphrasuralyphimanphraprmaphiithyphrarachlyckrpracarchkalthi 1 rupxunaolm phuktranikhuninworkaskrungrtnoksinthrkhrb 100 pi emuxphraxngkhprabdaphieskkhunepnpthmkstriyaehngrachwngsckriaelw phraxngkhmiphranamtamcarukinphrasuphrrnbtwa phrabathsmedcphrabrmrachathirachramathibdi srisinthrbrmmhackrphrrdirachathibdinthr thrninthrathirach rtnakasphaskrwngs xngkhprmathiebsr triphuwentrwrnarthnayk dilkrtnrachchatixachawsry smuthydormnt sklckrwalathiebnthr surieynthrathibdinthr hrihrinthrthadathibdi srisuwibulykhunxkhnisth vththiraemswrmhnt brmthrrmikrachathirachedochichy phrhmethphadiethphnvbdinthr phuminthrprmathiebsr olkechtthwisuththi rtnmkudpraethskhtamhaphuththangkur brmbphitrphraphuththecaxyuhw enuxngcakphraprmaphiithythicaruklnginphrasuphrrnbtniepnphraprmaphiithyediywkbphramhakstriyaehngkrungsrixyuthya 3 phraxngkh idaek smedcphraramathibdithi 1 phraecaxuthxng smedcphraramathibdithi 2 phraechstha aelasmedcphraramathibdithi 3 smedcphranaraynmharach dngnn phraxngkhcungepn smedcphraramathibdithi 4 txmaphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwoprdihxxkphranamrchkalthi 1 waphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk tamnamkhxngphraphuththrupthithrngsrangxuthisthway aelaphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwidephimphraprmaphiithyaeksmedcphrabrmxykathirachcaruklnginphrasuphrrnbtwa phrabathsmedcphrapromrurachamhackribrmnarth nerswrachwiwthnwngs pthmphngsathirachramathibdinthr syamphichitinthrwordm brmnarthbphitr phraphuththyxdfaculaolk hlngcaknn phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwmiphrabrmrachoxngkarechlimphraprmaphiithyxyangsngekhpwa phrabathsmedcphraramathibdisrisinthrmhackribrmnath phraphuththyxdfaculaolk hrux phrabathsmedcphraramathibdithi 1 inwarakarsthapnakrungrtnoksinthrkhrbrxb 200 pi rthbalidcdngansmophchkrungrtnoksinthrkhunemux ph s 2525 inkarnirthbalaelapwngchnchawithyphrxmicknechlimphraekiyrtiphraxngkhodythwayphrarachsmyya mharach txthayphraprmaphiithy xxkphranamwa phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach phrarachlyckrphrarachlyckrpracarchkalthi 1 epntrangarup pthumxunaolm hrux mhaxunaolm hmaythung tathisamkhxngphrasiwa sungthuxepnpthmvksinkartngphrabrmrachckriwngs mixkkhra xu aebbxksrkhxmxyuklang lxmrxbdwyklibbwxnepndxkimthiepnsirimngkhlinphuththsasna traxunaolmthiichtiprathbbnenginphddwngmiruprangkhlaysngkhthksinawrrt hrux sngkhewiynkhwa milksnaepnmwnklmkhlaylksnakhwamhmaykhxngphranamedimwa dwng xyuinkrxblayknk erimichemux ph s 2328 inkhrawphrarachphithibrmrachaphieskphrarachsnttiwngsphramehsi ecacxmmarda aelaecacxm phrarachoxrsaelaphrarachthida emuxkhrngthithrngdarngtaaehnnghlwngykbtremuxngrachburi phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachsmrskbkhunnakh thidakhxngkhhbdiihyintrakulbangchang du n bangchang odymiphrarachoxrssxngphraxngkhhnirachphymatngthinthanthiaekhwngbangchang emuxngrachburi pccubnkhuxcnghwdsmuthrsngkhram txmaemuxkhunkhrxngrachy aemcamiidoprdihsthapnaykyxngkhunepnsmedcphraxkhrmehsixyangepnthangkarktam aetkhnthngpwngkekhaicwathanphuhyingnakh exkphrryadngedimnnexngthixyuinthanasmedcphraxkhrmehsi cungphaknkhnanphranamwa smedcphraphnwsa hruxsmedcphraphrrsa tamxyangkarkhnanphranamsmedcphraxkhrmehsitngaetkhrngkrungsrixyuthya cnthungrchsmyphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwcungoprd ihechlimphranamepnsmedcphraxmrinthrabrmrachini phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmiphrarachoxrs rachthida rwmthngsin 42 phraxngkh odyepnphrarachoxrsaelaphrarachthidathiprasutiaetsmedcphraphnwsa phraxkhrmehsi 10 phraxngkh eriyngtamphraprasutikal prasutinxkphramhaeswtchtrphranam phramarda prasuti sinphrachnm phrachnsarwm1 smedcphraecabrmwngsethx ecafachay impraktphranam smedcphraxmrinthrabrmrachini ph s 2302 ph s 2309 7 phrrsa2 smedcphraecabrmwngsethx ecafahying impraktphranam smedcphraxmrinthrabrmrachini ph s 2303 ph s 2310 7 phrrsa3 smedcphraecabrmwngsethx ecafachimihy smedcphraxmrinthrabrmrachini ph s 2304 29 phvscikayn ph s 2322 18 phrrsa4 phrabathsmedcphraphuththelishlanphaly smedcphraxmrinthrabrmrachini 24 kumphaphnth ph s 2311 26 krkdakhm ph s 2367 56 phrrsa5 smedcphraecabrmwngsethx ecafakrmhlwngsrisunthrethph smedcphraxmrinthrabrmrachini ph s 2313 7 singhakhm ph s 2351 38 phrrsa6 smedcphraecabrmwngsethx ecafahying impraktphranam smedcphraxmrinthrabrmrachini ph s 2314 ph s 2320 6 phrrsa7 smedcphrabwrrachecamhaesnanurks smedcphraxmrinthrabrmrachini 29 minakhm ph s 2316 16 krkdakhm ph s 2360 44 phrrsa8 smedcphraecabrmwngsethx ecafahying impraktphranam smedcphraxmrinthrabrmrachini ph s 2317 ph s 2321 4 phrrsa9 smedcphraecabrmwngsethx ecafakrmhlwngethphywdi smedcphraxmrinthrabrmrachini 14 mkrakhm ph s 2320 23 singhakhm ph s 2326 46 phrrsa10 phraecabrmwngsethx krmhmunphithksethwa ecacxmmardaphimswn ph s 2321 ph s 2363 42 phrrsaprasutiemuxesdcprabdaphieskaelw11 phraecabrmwngsethx phraxngkhecanum ecacxmmardapuy ph s 2326 ph s 2386 60 phrrsa12 phraecabrmwngsethx krmhmunxinthrphiphith ecacxmmardacn ph s 2326 2 mithunayn ph s 2363 37 phrrsa13 phraecabrmwngsethx phraxngkhecahying ecacxmmardadwng ph s 2327 ph s 2328 1 phrrsa14 phraecabrmwngsethx phraxngkhecaphaxb ecacxmmardaphimswn ph s 2327 ph s 2350 23 phrrsa15 phraecabrmwngsethx phraxngkhecaphlb ecacxmmardakhum ph s 2328 ph s 2409 81 phrrsa16 phraecabrmwngsethx krmhlwngethphphlphkdi ecacxmmardanxyaekw thidaphrayackri emuxngnkhrsrithrrmrach 23 singhakhm ph s 2328 20 kumphaphnth ph s 2381 52 phrrsa17 smedcphrabwrrachecamhaskdiphlesph ecacxmmardanuyihy thidaecaphrayasuthrrmmntri phthn n nkhr kbthanphuhyingchum thulkrahmxmhyingihyemuxngnkhr 21 tulakhm ph s 2328 1 phvsphakhm ph s 2375 46 phrrsa18 phraecabrmwngsethx krmhmuncitrphkdi ecacxmmardanxy 16 kumphaphnth ph s 2330 12 emsayn ph s 2368 38 phrrsa19 phraecabrmwngsethx phraxngkhecathida ecacxmmardaexm ph s 2330 ph s 2381 51 phrrsa20 phraecabrmwngsethx krmhmunsrisuernthr ecacxmmardaphum thidaecaphrayawiesssunthr nakh nkelk 14 kumphaphnth ph s 2331 31 thnwakhm ph s 2359 28 phrrsa21 phraecabrmwngsethx phraxngkhecacngkl ecacxmmardatani thidaecaphrayamhaesna bunnakh piwxksmvththisk c s 1150 sinphrachnminrchkalthi 2 22 phraecabrmwngsethx krmphraramxisersr ecacxmmardaephngihy 3 phvscikayn ph s 2332 wnxathity eduxnxay khun 7 kha pikhalchsk c s 1216 66 phrrsa23 phraecabrmwngsethx phraxngkhecaeksr ecacxmmardaprathuma ph s 2332 ph s 2360 28 phrrsa24 phraecabrmwngsethx phraxngkhecamntha ecacxmmardanim picxothsk c s 1152 wnphvhsbdieduxn 8 xutrasath khun 11 kha pirakatrisk c s 1223 72 phrrsa25 phraecabrmwngsethx phraxngkhecamni ecacxmmardaxu thidaphrayaephchrburi buyrxd ph s 2333 24 phvscikayn ph s 2408 75 phrrsa26 phraecabrmwngsethx phraxngkhecadwngsuda ecacxmmardanxy ph s 2333 ph s 2410 77 phrrsa27 phraecabrmwngsethx phraxngkhecackrcn bangaehngwa phraxngkhecasumali ecacxmmardaxim phayhlngidepn thawwrcnthr mihnathibngkhbbychathawnangthwthngphrarachwng thidaecaphrayartnathiebsr kun rtnkul picxothsk c s 1152 sinphrachnminrchkalthi 2 28 smedcphramhasmneca krmphraprmanuchitchionrs ecacxmmardacuy thidaphrarachaesrsthi wnesar eduxnxay khun 5 kha picxothsk c s 1152 wnsukr eduxnxay khun 8 kha pichluebycsk c s 1214 64 phrrsa29 phraecabrmwngsethx krmhmunsurinthrrks ecacxmmardatani ecakhunwng thidaecaphrayamhaesna bunnakh ekidaetthanphuhyingedimthithukocrkhatayipemuxkhrngklbipkhnthrphysmbtithifngiwklbmacakkrungeka wnxngkhar eduxn 3 khun 5 kha picxothsk c s 1152 wnxngkhar eduxn 6 khun 6 kha pikhalothsk c s 1192 40 phrrsa30 phraecabrmwngsethx krmhlwngphiesssriswsdi sukhwthnwiichy ecacxmmardanwl wnphvhsbdi eduxn 6 khun 3 kha pikuntrisk c s 1153 wnesar eduxnxay aerm 2 kha pichluebycsk c s 1215 63 phrrsa31 phraecabrmwngsethx phraxngkhecaxubl ecacxmmardathxng thidainthawethphkrastri wirstriaehng wnsukr eduxn 6 khun 11 kha pikuntrisk c s 1153 sinphrachnminrchkalthi 3 32 phraecabrmwngsethx phraxngkhecachimphli ecacxmmardangiw pikun trisk c s 1153 wnesar eduxnxay khun 12 kha pimaesngnphsk c s 1219 67 phrrsa33 hmxmikrsr ecacxmmardanxyaekw wncnthr eduxnyi khun 2 kha pikuntrisk c s 1153 wnphuth eduxnxay aerm 3 kha piwxksmvththisk c s 1210 57 phrrsa34 phraecabrmwngsethx krmhmunsrisuethph ecacxmmardaephngihy 30 mithunayn ph s 2335 ph s 2391 56 phrrsa35 phraecabrmwngsethx krmhmunnrngkhhrirks ecacxmmardapan 9 krkdakhm ph s 2335 13 knyayn ph s 2389 54 phrrsa36 phraecabrmwngsethx phraxngkhecassithr ecacxmmardachimaemw sungepnthidathawwrcnthr aecm pikhalchsk c s 1156 sinphrachnminrchkalthi 2 37 phraecabrmwngsethx phraxngkhecaerir ecacxmmardapxm pxmsida thidaphrayartnckr hngsthxng piethaasptsk c s 1157 sinphrachnminrchkalthi 1 38 phraecabrmwngsethx phraxngkhecakrastri ecacxmmardanwm pimaorngxthsk c s 1158 pichwdxthsk c s 1178 20 phrrsa39 smedcphraecabrmwngsethx ecafakunthlthiphywdi phranamedim phraxngkhecacnthburi ecacxmmardathxngsuk phrathidaphraecaxinthwngs phraecakrungsristnakhnhutewiyngcnthnsungepnecapraethsrachkhnann pimaemiysmvththisk c s 1160 wnesar eduxn 4 khun 3 kha picxsmvththisk c s 1200 41 phrrsa40 phraecabrmwngsethx krmhmunikrsrwichit ecacxmmardaklin thidaphrayaphthlung khun wnphuth eduxn 8 burphasath khun 1 kha pimaemiy smvththisk c s 1160 wnxathity eduxnyi aerm 10 kha pimaemiynphsk c s 1209 49 phrrsa41 phraecabrmwngsethx phraxngkhecasuphathr ecacxmmardaephngelk phrathidaphraecannthesn phraecaewiyngcnthn pimaemiysmvththisk c s 1160 sinphrachnminrchkalthi 2 41 phrrsa42 phraecabrmwngsethx phraxngkhecasud ecacxmmardachimihy thidaphrayaphthlung khun pimaaemexksk c s 1161 sinphrachnminrchkalthi 3 49 phrrsaladbprawtisastrehtukarnsakhyph s 2279 nbaebbpccubn ph s 2280 20 minakhm phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachphrarachsmphphthikrungsrixyuthyainrchsmyphraecaxyuhwbrmoks phranamedim thxngdwngph s 23107 emsayn xanackrxyuthya esiykrungkhrngthi 2 khnannthrngrbrachkarepnhlwngykkrabtremuxngrachburi inrchsmykhxngsmedcphraecaexkthsnph s 2311thwaytwekharbrachkarepn phrarachwrinthraelaphrayaxphyrnvththi inxanackrthnburi tamkhachkchwnkhxng phramhamntri buyma phraxnuchaph s 2317eluxnxisriyysepn ecaphrayackri xnepnthimakhxngchuxrachwngsckri thisubthxdcnthungpccubnph s 2319thrngidrbkareluxnxisriyysepn smedcecaphrayamhakstriysuk phivkmhima thuknkhrraxaedch nersrrachsuriywngs xngkhxrrkhbathmulikakr bwrrtnbrinayk esmxthiecaphrayamhaxuprach ph s 2325smedcphraecakrungthnburi esdcswrrkht prabdaphieskkhunkhrxngrachyepnphramhakstriyaehngrachwngsckri sthapnakrungrtnoksinthr epnrachthani oprdihsmedcphraxnuchathirachethlingphrarachmnethiyrthiphramhaxuprach krmphrarachwngbwrsthanmngkhl xngechiyngsux ywn aelankxngkhexng ekhmr khxekhaphungphrabrmophthismphar oprdihxalksnkhdnithanxihranrachthrrmph s 2326kahndraebiybkarphrarachphithibrmrachaphiesk thrngphrarachniphnthbthlakhreruxngxunruth erimngansrangphrankhr khudkhuemuxngthangfngtawnxxk srangkaaephngaelapxmprakarrxbphrankhr srangphrabrmmharachwngaelawdphrasrirtnsasdaramph s 2327oprdekla ihxyechiyphraphuththmhamnirtnptimakr cakhxphraaekwinphrarachwngedim aehkhammapradisthan n phraxuobsthinphrarachwngihm phrarachthannamphraxaramwa wdphrasrirtnsasdaram oprdekla ihsrangesachingcha sngkhramekathph phraecapdung kstriyphmathrngkrithathphekhamatiemuxngithytngaetehnuxcdit rwm 9 thph kxngthphithytikxngthphphmaaetkphayybeyinipthukthphph s 2328ngansrangphrankhraelaprasathrachmnethiyrsaercesrcsin phrarachthannamkhxngrachthaniihmph s 2329thrngphrarachniphnth praethsoprtuekskhxekhamaecriyphrarachimtri shrachxanackrechaekaapinng cakphrayaithrburiph s 2330xngechiyngsuxekhiynhnngsuxkhxthwaybngkhmla lxbhniipkubanemuxng xyechiyphraphuththsihingkhmapradisthanphayinphrarachwngbwrsthanmngkhlph s 2331oprdekla ih thiwdmhathatuyuwrachrngsvsdiph s 2333xngechiyngsuxkubanemuxngsaercaelacdtnimengin tnimthxngmathwayph s 2337thrngxphieskihnkxngkhexngepnsmedcphranaraynramathibdi ipkhrxngpraethskmphuchaph s 2338oprdekla ihcharaphrarachphngsawdar chbbphncnthnumas ecim oprdekla ihsrangphramhaphichyrachrthph s 2339ngansmophchphrabrmxthismedcphrapthmbrmmhachnkph s 2340thrngphrarachniphnthbthlakhr eruxng ramekiyrtiph s 2342oprdekla ihsrangph s 2344chlxngwdphraechtuphnwimlmngkhlaramrachwrmhawihar aelawdsraeksrachwrmhawihar funfukarelnskwaph s 2345rachaphieskphraecaewiydnamyalxng xngechiyngsux ph s 2347oprdekla ihnkprachy rachbnthit charakdhmay cdepnkdhmaytrasamdwngkhunph s 2349thrngxphieskihnkxngkhcnthrepnsmedcphraxuthyracha khrxngkrungkmphuchaph s 2350erimsrangwdsuthsnethphwraramrachwrmhawiharph s 2352idrierimihmikarsxnphrapriytithrrminphrabrmmharachwng tlxdcntamwngecanayaelabaneruxnkhxngkharachkarphuihy thrngtrakdhmaykhnasngkhkhun ephuxcdraebiybkarpkkhrxngkhxngsngkhiheriybrxy oprdeklaihmikarsxbphrapriytithrrm esdcswrrkhtinwthnthrrmsmyniymminkaesdngphurbbth phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach idaek smbti emthani caklakhreruxng sngkhramekathph 2531 phuthvththi phrhmbndal caklakhreruxng faihm 2547 aelacaklakhreruxng sayolhit 2561 thirphthr scckul caklakhreruxng srixoythya 2560 phngsawliphngsawlikhxngphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach 16 ecaphrayaoksathibdi pan 8 ecaphrayawrwngsathirach khunthxng 4 phrayarachnikul thxngkha 2 smedcphrapthmbrmmhachnk 1 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach 3 phraxkhrchaya hyk aephnphngsmedcphrapthmbrmmhachnk 1 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach smedcphrabwrrachecamhasursinghnath smedcphraecanxngyaethx ecafakrmhlwngckrecsda 2 phrabathsmedcphraphuththelishlanphaly smedcphrabwrrachecamhaesnanurks smedcphrabwrrachecamhaskdiphlesph 3 phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw 4 phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw phrabathsmedcphrapineklaecaxyuhw smedcphraecabrmwngsethx ecafaxaphrn smedcphraecabrmwngsethx ecafamhamala krmphrayabarabprpks smedcphraecabrmwngsethx ecafapiw smedcphraecabrmwngsethx ecafaosmns 5 phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw smedcphraecabrmwngsethx ecafacaturntrsmi krmphrackrphrrdiphngs smedcphrarachpitula brmphngsaphimukh ecafaphanurngsiswangwngs krmphrayaphanuphnthuwngswredch smedcphraecabrmwngsethx ecafakrmphrayanrisranuwdtiwngs krmphrarachwngbwrwiichychay smedcphrabrmoxrsathirach ecafamhawchirunhis syammkudrachkumar smedcphraecabrmwngsethx ecafaxisriyalngkrn 6 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw smedcphraecabrmwngsethx ecafabriphtrsukhumphnthu krmphrankhrswrrkhwrphinit smedcphraecabrmwngsethx ecafatriephchrutmtharng smedcphraecabrmwngsethx ecafasmmtiwngsworthy krmkhunsrithrrmrachtharngvththi smedcphraecabrmwngsethx ecafackrphngsphuwnath krmhlwngphisnuolkprachanath smedcphraecabrmwngsethx ecafayukhlthikhmphr krmhlwnglphburiraemswr smedcphraecabrmwngsethx ecafasirirachkkuthphnth smedcphraxnuchathirach ecafaxsdangkhedchawuth krmhlwngnkhrrachsima smedcphramhitlathiebsr xdulyedchwikrm phrabrmrachchnk smedcphraecabrmwngsethx ecafacuthathuchthradilk krmkhunephchrburnxinthraichy 7 phrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw 8 phrabathsmedcphrapremnthrmhaxannthmhidl phraxthmramathibdinthr 9 phrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr 10 phrabathsmedcphrawchireklaecaxyuhwduephimsthaniyxypraethsithysthaniyxyprawtisastrwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach rayphranamphramhakstriyithy phrapthmwngsinrachwngsckrixangxingechingxrrth syam thukicheriykchuxpraethsepnthangkarsmyrchkalthi 4 silpwthnthrrm 6 krkdakhm 2560 subkhnemux 10 singhakhm 2560 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help ethsnaphrarachprawtiaelaphngsawdarkrungethph hna 5 7 pthmwngs phrabrmrachmhackrikstriysyam hna 41 42 phrarachphngsawdar chbbphrarachhtthelkha hna 131 132 phrarachphngsawdarchbbphrarachhtthelkha elm 2 n 451 phrarachphngsawdar chbbphrarachhtthelkha krungethph sankwrrnkrrmaelaprawtisastr krmsilpakr 2548 hna 230 nrinthrethwi phraecaipyikaethx krmhlwng aela culcxmeklaecaxyuhw phrabathsmedcphra cdhmayehtukhwamthrngca khxng krmhlwngnrinthrethwi ph s 2310 2381 aelaphrarachwicarninphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw krungethph m p ph 2526 350 hna hna 325 ISBN 974 7922 12 6 phrarachphngsawdarkrungrtnoksinthr rchkalthi 1 txnthi 2 phrarachphithiprabdaphiesk hxngsmuddicithlwchiryan subkhnemux 10 singhakhm 2560 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help cullda phkdiphuminthr srxyphranam 2009 10 15 thi ewyaebkaemchchin skulithy chbbthi 2622 pithi 51 pracawnxngkharthi 18 mkrakhm 2548 okwith wngssurwthn karemuxngkarpkkhrxngithy hlaymiti hna 15 rachkiccanuebksa phrabrmrachoxngkar prakas echlimphraprmaphiithy elm 33 txn 0k 11 phvscikayn ph s 2459 hna 212 rachkiccanuebksa hmaykahndkar thi 4 2525 phrarachphithismophchkrungrtnoksinthr khrb 200 pi emsayn phuththskrach 2525 elm 99 txn 48 ng chbbphiess 3 emsayn ph s 2525 hna 1 phrarachphithismophchkrungrtnoksinthrkhrb 200 pi aelaphrarachphithismophchhlkemuxng 2012 10 11 thi ewyaebkaemchchin sankngansngesrimsrangexklksnkhxngchati ekhathungwnthi 19 knyayn ph s 2554 phrarachlyckrpracarchkalthi 1 2009 06 20 thi ewyaebkaemchchin hxmrdkithy ekhathungwnthi 21 knyayn ph s 2554 phrarachlyckrpracarchkal sankhxsmudklang mhawithyalyramkhaaehng ekhathungwnthi 21 knyayn ph s 2554 brrnanukrmecaphrayathiphakrwngs kha bunnakh 11 singhakhm 2531 phrarachphngsawdarkrungrtnoksinthr rchkalthi 1 hxngsmuddicithlwchiryan subkhnemux 6 knyayn 2560 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help phrabathsmedcphraethiyrmharacheca pthmwngs phrabrmrachmhackrikstriysyam phrankhr orngphimphhnngsuxphimphithy 2470 57 hna phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk aelaphrarachskul khxkhwamaelakhwamehncakewbbxrdphnthip kxnhna phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach thdipsmedcphraecakrungthnburi phramhakstriyithy 6 emsayn ph s 2325 7 knyayn ph s 2352 phrabathsmedcphraphuththelishlanphalysmedcphraecaphinangethx ecafakrmphraethphsudawdi kulechsthinrachwngsckri 22 phvscikayn ph s 2342 7 knyayn ph s 2352 phraecaipyikaethx krmhlwngnrinthrethwi