โลก (อังกฤษ: Earth) เป็นดาวเคราะห์ลำดับที่สามจากดวงอาทิตย์ และเป็นวัตถุทางดาราศาสตร์เพียงหนึ่งเดียวที่ทราบว่ามีสิ่งมีชีวิต จากและแหล่งหลักฐานอื่นได้ความว่าโลกกำเนิดเมื่อประมาณ ก่อน โลกมีอันตรกิริยะเชิงโน้มถ่วงกับวัตถุอื่นในอวกาศโดยเฉพาะดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ซึ่งเป็นดาวบริวารถาวรหนึ่งเดียวของโลก โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลา 365.2425 วัน เรียกว่า ปี ซึ่งระหว่างนั้นโลกโคจรรอบแกนตัวเองประมาณ 366.2425 รอบ
เดอะบลูมาร์เบิล, อะพอลโล 17 | ||||||||||
ลักษณะของวงโคจร | ||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ต้นยุคอ้างอิง J2000 | ||||||||||
ระยะจุดไกล ดวงอาทิตย์ที่สุด: | ||||||||||
ระยะจุดใกล้ ดวงอาทิตย์ที่สุด: | 147095000 กิโลเมตร (0.9832687 หน่วยดาราศาสตร์) | |||||||||
กึ่งแกนเอก: | 149598023 กิโลเมตร พอดีกับ 1 AU โดยนิยาม(1.00000102 หน่วยดาราศาสตร์) | |||||||||
เส้นรอบวง ของวงโคจร: | 0.940 เทระเมตร (6.283 หน่วยดาราศาสตร์) | |||||||||
ความเยื้องศูนย์กลาง: | 0.01617086 | |||||||||
คาบการโคจร: | ||||||||||
อัตราเร็วเฉลี่ย ในวงโคจร: | 29.78 (107200 (กิโลเมตร/ชั่วโมง)) | |||||||||
อัตราเร็วสูงสุด ในวงโคจร: | 30.287 กิโลเมตร/วินาที | |||||||||
อัตราเร็วต่ำสุด ในวงโคจร: | 29.291 กิโลเมตร/วินาที | |||||||||
มุมกวาดเฉลี่ย: | 358.617 องศา | |||||||||
ความเอียง: | 7.155 องศากับศูนย์สูตรดวงอาทิตย์ 1.57869 องศา กับ 0 องศากับสุริยวิถี (โดยนิยาม) | |||||||||
ลองจิจูด ของจุดโหนดขึ้น: | −11.26064 องศา | |||||||||
มุมของจุด ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด: | 114.20783 องศา | |||||||||
จำนวนดาวบริวาร: | ||||||||||
ลักษณะทางกายภาพ | ||||||||||
เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ย: | 12742.02 km | |||||||||
เส้นผ่านศูนย์กลาง ตามแนวศูนย์สูตร: | 12756.28 km | |||||||||
เส้นผ่านศูนย์กลาง ตามแนว: | 12713.56 km | |||||||||
ความแป้น: | 1/298.257222101 () | |||||||||
เส้นรอบวงเฉลี่ย: | ||||||||||
(พื้นที่ผิว): |
| |||||||||
พื้นที่ผืนดิน: | 148940000 กม.2 (29.2%) | |||||||||
พื้นที่ผืนน้ำ: | 361132000 กม.2 (70.8%) | |||||||||
ปริมาตร: | 1.08321×1012 | |||||||||
มวล: | ||||||||||
ความหนาแน่นเฉลี่ย: | 5.514 กรัม/ซม.³ | |||||||||
ความโน้มถ่วง ที่ศูนย์สูตร: | ||||||||||
อัตราส่วนโมเมนต์ความเฉื่อย: | 0.3307 | |||||||||
ความเร็วหลุดพ้น: | 11.186 กม./วินาที | |||||||||
คาบการหมุน รอบตัวเอง: | 0.99726968 วัน (23 ชั่วโมง 56 นาที 4.100 วินาที) | |||||||||
ความเร็วการหมุน รอบตัวเอง: | 1674.4 กิโลเมตร/ชั่วโมง 465.1 เมตร/วินาที (ที่ศูนย์สูตร) | |||||||||
ความเอียงของแกน: | 23 องศา 26 ลิปดา 21.4119 พิลิปดา | |||||||||
อัตราส่วนสะท้อน: | 0.367 0.306 | |||||||||
อุณหภูมิพื้นผิว: เคลวิน เซลเซียส |
| |||||||||
ลักษณะของบรรยากาศ | ||||||||||
ความดันบรรยากาศ ที่พื้นผิว: | 101.325 [[กิโลปาสกาล]] (ที่ MSL) | |||||||||
องค์ประกอบ: |
แกนหมุนของโลกเอียงทำให้เกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนผิวโลก อันตรกิริยาความโน้มถ่วงระหว่างโลกกับดวงจันทร์ก่อให้เกิดน้ำขึ้นลงมหาสมุทร ทำให้การหมุนบนแกนของโลกมีเสถียรภาพ และค่อย ๆ ชะลอการหมุนของโลก โลกเป็นดาวเคราะห์ที่มีความหนาแน่นสูงสุดในระบบสุริยะและใหญ่สุดในดาวเคราะห์คล้ายโลก 4 ดวง
ธรณีภาคของโลกแบ่งออกได้เป็นหลาย ๆ ส่วน เรียกว่าแผ่นธรณีภาค ซึ่งย้ายที่ตัดผ่านพื้นผิวตลอดเวลาหลายล้านปี ร้อยละ 71 ของพื้นผิวโลกปกคลุมด้วยน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมหาสมุทร อีกร้อยละ 29 ที่เหลือเป็นแผ่นดินประกอบด้วยทวีปและเกาะซึ่งมีทะเลสาบ แม่น้ำและแหล่งน้ำอื่นจำนวนมากกอปรเป็นอุทกภาค บริเวณขั้วโลกทั้งสองปกคลุมด้วยน้ำแข็งเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ และของ บริเวณภายในของโลกยังคงมีความเคลื่อนไหวโดยมีแก่นชั้นในซึ่งเป็นเหล็กในสถานะของแข็ง มีแก่นเหลวชั้นนอกซึ่งกำเนิดสนามแม่เหล็ก และชั้นแมนเทิลพาความร้อนที่ขับเคลื่อนการแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค
ภายในพันล้านปีแรก สิ่งมีชีวิตปรากฏขึ้นในมหาสมุทรและเริ่มส่งผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศและผิวดาว เกื้อหนุนให้เกิดการแพร่ขยายของเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช้ออกซิเจน หลักฐานธรณีวิทยาบางส่วนชี้ว่าชีวิตอาจกำเนิดขึ้นเร็วสุด 4.1 พันล้านปีก่อน นับแต่นั้นตำแหน่งของโลกในระบบสุริยะ คุณสมบัติทางกายภาพของโลก และประกอบกันทำให้สิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการและแพร่พันธุ์ได้ ในประวัติศาสตร์ของโลก ความหลากหลายทางชีวภาพผ่านระยะการขยายยาวนาน แต่ถูกขัดจังหวะบางครั้งด้วยการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ กว่าร้อยละ 99 ของสปีชีส์ทั้งหมดที่เคยอยู่อาศัยบนโลกนั้นสูญพันธุ์ไปแล้ว ประมาณการจำนวนสปีชีส์บนโลกปัจจุบันมีหลากหลาย และสปีชีส์ส่วนใหญ่ยังไม่มีผู้อธิบาย มนุษย์กว่า 7.6 พันล้านคนอาศัยอยู่บนโลกและอาศัยชีวมณฑลและทรัพยากรธรรมชาติของโลกเพื่อการอยู่รอด มนุษย์พัฒนาสังคมและวัฒนธรรมหลากหลาย ในทางการเมือง โลกมีรัฐเอกราชกว่า 200 รัฐ
ชื่อและศัพทมูลวิทยา
คำว่า โลก ในภาษาไทยมีที่มาจากคำในภาษาบาลี โลก (โล-กะ) คนไทยใช้คำนี้เรียกโลกตั้งแต่เมื่อใดนั้นไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะได้รับอิทธิพลสืบทอดผ่านมาทางพระพุทธศาสนา เดิมนั้นคำว่าโลกไม่ได้หมายความเฉพาะเพียงแต่โลกที่เป็นวัตถุธาตุ แต่ใช้ในหลายความหมาย ได้แก่ "หมู่" "เหล่า" "ขอบเขต" "ทั้งหมดในขอบเขต" "ขอบเขตอาศัย" "ความเป็นไป" "ความเป็นอยู่" หากกล่าวถึงโลกทั้ง ๓ ก็จะหมายถึง สังขารโลก (โลกคือสังขาร) สัตว์โลก (โลกคือหมู่สัตว์) และโอกาสโลก (โลกคือแผ่นดิน) ปัจจุบันมีการใช้คำว่า โลกในความหมายเกี่ยวข้องกับมนุษย์ หรืออารยธรรมมนุษย์ (ซึ่งตรงกับคำว่า World ในภาษาอังกฤษ) นอกเหนือจากความหมายดาวเคราะห์ที่นิยมใช้ทั่วไป
คำว่าโลกในภาษาต่างประเทศ อังกฤษร่วมสมัยใช้คำว่า Earth พัฒนามาจากรูปแบบภาษาอังกฤษสมัยกลางต่าง ๆ กัน ซึ่งสืบมาจากคำนามในภาษาอังกฤษสมัยเก่าที่นิยมสะกดว่า eorðe มีรากเดียวกันกับทุกภาษาในกลุ่มเจอร์แมนิก และที่ได้ประกอบเป็น *erþō ตามที่ปรากฏในสมัยแรก ๆ มีการใช้คำ eorðe เพื่อแปลความจากคำภาษาลาติน terra และภาษากรีก γῆ (gē) ในความหมาย พื้นดิน ดิน ผืนดินแห้ง โลกมนุษย์ พื้นผิวของโลก (รวมทั้งทะเล) ตลอดจนพิภพโลกทั้งมวล เช่นเดียวกันกับเทอร์ราและไกอา โลกถือว่าเป็นเทพเจ้าตามลัทธิเพเกินของชาวเจอร์แมนิก-ชาวแองเกิลตามที่แทซิทัสได้บันทึกไว้ในบรรดาผู้ศรัทธาในเทพ และภายหลังตามเทวตำนานนอร์ส คือ ยูร์ด () ยักษิณีซึ่งสมรสกับโอดินและเป็นมารดาของทอร์
อีกหลายภาษาที่มีความเป็นมาใกล้เคียงกับไทยเช่นภาษาลาวก็เรียกโลกว่า ໂລກ (โลก) เช่นเดียวกัน ปัจจุบันเยอรมันใช้คำเรียกโลกคือ Erde (แอร์เดอะ) คล้ายกับดัตช์ Aarde (อาร์เดอะ), กลุ่มภาษาโรมานซ์ สเปนใช้คำ Tierra (ตีเอร์รา) คล้ายกับอิตาลีที่ใช้ Terra (เตร์รา) หรือฝรั่งเศส Terre (แตร์), ภาษาจีนใช้ 地球 (Dìqiú ตี้ฉิว) หรือ 坤輿 (Kūnyú คุนหยู๋) ญี่ปุ่นเรียก 地球 (Chikyū จิคีว) เกาหลีเรียก 지구 (Jigu ชีกู) และสันสกฤตใช้คำ पृथ्वी (ปฐวี)
ลำดับเวลา
การกำเนิด
วัตถุแรกเริ่มที่สุดที่พบในระบบสุริยะมีอายุย้อนหลังไปถึง 4.5672±0.0006 พันล้านปีก่อน โลกยุคแรกเริ่มถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 4.54±0.04 พันล้านปีก่อน มีการก่อกำเนิดและวิวัฒนาการของวัตถุต่าง ๆ ในระบบสุริยะร่วมกับดวงอาทิตย์ ตามทฤษฎีแล้วเนบิวลาสุริยะแยกส่วนอาณาบริเวณหนึ่งออกจากเมฆโมเลกุลโดยการยุบตัวจากแรงโน้มถ่วง ซึ่งเริ่มหมุนและแบนลงเป็นจานรอบดาวฤกษ์ จากนั้นดาวเคราะห์ต่าง ๆ เกิดขึ้นจากจานนั้นพร้อมกับดวงอาทิตย์ ในเนบิวลาประกอบด้วยก๊าซ เม็ดน้ำแข็ง และฝุ่น (รวมทั้งนิวไคลด์แรกกำเนิด) ตามทฤษฎีเนบิวลา พลาเนตติซิมัล (planetesimal) หรือวัตถุแข็งที่จะก่อกำเนิดดาวเคราะห์ เกิดขึ้นจากการงอกพอกพูน โดยโลกบรรพกาลใช้เวลาก่อกำเนิด 10–20 ล้านปี
ดวงจันทร์กำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 4.53 พันล้านปีก่อน การกำเนิดของดวงจันทร์ยังเป็นหัวข้อการวิจัยในปัจจุบัน สมมติฐานนำกล่าวว่าดวงจันทร์ถือกำเนิดขึ้นโดยการพอกพูนจากวัตถุที่หลุดออกจากโลกหลังจากโลกถูกวัตถุขนาดใหญ่เท่าดาวอังคารชื่อว่า เธีย (Theia) แบบจำลองนี้กะว่ามวลของเธียคิดเป็นประมาณร้อยละ 10 ของมวลโลก พุ่งเข้าชนโลกในลักษณะแฉลบและมวลบางส่วนรวมเข้ากับโลก ในระหว่างเวลาประมาณ 4.1 และ 3.8 พันล้านปีก่อน ดาวเคราะห์น้อยจำนวนมากพุ่งชนระหว่าง ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงกับบริเวณพื้นที่ผิวส่วนใหญ่ของดวงจันทร์รวมทั้งโลก
ประวัติทางธรณีวิทยา
บรรยากาศโลกและมหาสมุทรประกอบขึ้นจากกัมมันตภาพภูเขาไฟและกระบวนการปล่อยก๊าซ (outgassing) ไอน้ำจากสองแหล่งดังกล่าวควบแน่นเป็นมหาสมุทร รวมกับน้ำและน้ำแข็งที่มากับดาวเคราะห์น้อย ดาวเคราะห์ก่อนเกิด และดาวหาง ตามแบบจำลองนี้ "แก๊สเรือนกระจก" ในบรรยากาศช่วยรักษามหาสมุทรไม่ให้เยือกแข็งเมื่อดวงอาทิตย์ที่เพิ่งก่อกำเนิดยังมีความสว่างเพียงร้อยละ 70 เทียบกับปัจจุบัน ราว 3.5 พันล้านปีก่อน เกิดสนามแม่เหล็กโลกซึ่งช่วยปกป้องบรรยากาศไม่ให้ถูกลมสุริยะพัดพาไป
เปลือกโลกก่อรูปขึ้นเมื่อชั้นนอกที่หลอมเหลวของโลกเย็นตัวลงสถานะแข็ง มีแบบจำลองสองแบบจำลอง ที่อธิบายการเกิดขึ้นของแผ่นดินโดยแบบจำลองหนึ่งเสนอว่า แผ่นดินค่อย ๆ เกิดขึ้นจนมีรูปร่างดังในปัจจุบัน อีกแบบจำลองหนึ่งซึ่งอาจเป็นไปได้มากกว่า เสนอว่าแผ่นดินเติบโตอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ในประวัติศาสตร์โลก อันเนื่องมาจากการดำรงอยู่มาต่อเนื่องยาวนานของพื้นที่ส่วนทวีป ทวีปต่าง ๆ เกิดขึ้นโดยการแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาคซึ่งเป็นกระบวนการที่มีสาเหตุจากการสูญเสียความร้อนของบริเวณภายในของโลกอย่างต่อเนื่อง ตามมาตรเวลากว่าหลายร้อยล้านปี มีการรวมมหาทวีปแล้วแยกออกจากกัน ประมาณ 750 มหาทวีปแรก ๆ ที่ทราบชื่อเริ่มแตกออกจากกัน ต่อมาทวีปทั้งหลายกลับมารวมกันเป็นเมื่อราว 600–540 ล้านปีก่อน และสุดท้ายคือมหาทวีปแพนเจียซึ่งก็แยกออกจากกันเมื่อราว 180 ล้านปีก่อน
รูปแบบปัจจุบันของยุคน้ำแข็งเริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 40 ล้านปีก่อนแล้วทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสมัยไพลสโตซีนเมื่อราว 3 ล้านปีก่อน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบริเวณละติจูดสูง ๆ เผชิญกับวัฏจักรการเกิดของธารน้ำแข็งสลับกับการละลายแบบเวียนซ้ำโดยอุบัติซ้ำในทุก ๆ 40000–100000 ปี การเปลี่ยนสภาพโดยธารน้ำแข็งของทวีปครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลงเมื่อประมาณ 10000 ปีก่อน
วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
คาดกันว่าปฏิกิริยาเคมีพลังงานสูงทำให้เกิดโมเลกุลที่สามารถถ่ายแบบตนเองได้เมื่อราวสี่พันล้านปีก่อน อีกครึ่งพันล้านปีต่อมา เกิดบรรพบุรุษร่วมสุดท้ายของสรรพชีวิต วิวัฒนาการของการสังเคราะห์ด้วยแสงทำให้บรรดาสิ่งมีชีวิตสามารถเก็บเกี่ยวพลังงานจากดวงอาทิตย์ได้โดยตรง ออกซิเจนในรูปโมเลกุล (O2) ที่เกิดจากการสังเคราะห์ด้วยแสงมีการสะสมในบรรยากาศ และด้วยผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์จึงได้ก่อชั้นเกราะโอโซน (O3) ขึ้นในบรรยากาศเบื้องบน การรวมเซลล์ขนาดเล็กในเซลล์ที่ใหญ่กว่าทำให้เกิดพัฒนาการของเซลล์ซับซ้อนเรียกว่า ยูแคริโอต สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ต่าง ๆ ภายในโคโลนีมีการแบ่งหน้าที่เฉพาะมากขึ้น เนื่องจากชั้นโอโซนช่วยดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตอันเป็นอันตรายออกไป สิ่งมีชีวิตจึงอยู่อาศัยได้บนพื้นผิวโลก หลักฐานทางบรรพชีวินแรก ๆ ของสิ่งมีชีวิตบนโลกคือ ซากดึกดำบรรพ์ผืนจุลชีพที่พบในหินทรายอายุ 3.48 พันล้านปีในออสเตรเลียตะวันตกแกรไฟต์ชีวภาพในชั้นหินตะกอนแปรอายุเก่าแก่ประมาณ 3.7 พันล้านปีค้นพบในกรีนแลนด์ตะวันตก หลักฐานโดยตรงของสิ่งมีชีวิตบนโลกอย่างแรกอยู่ในหินออสเตรเลียอายุ 3.45 พันล้านปีที่แสดงซากดึกดำบรรพ์ของจุลินทรีย์
ระหว่าง (750 และ 580 ล้านปีก่อน) บริเวณส่วนใหญ่ของโลกถูกน้ำแข็งปกคลุม สมมติฐานนี้ชื่อ "" และมีความน่าสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการระเบิดแคมเบรียน เมื่อสิ่งมีชีวิตมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างสำคัญ นับจากการระเบิดแคมเบรียนราว 535 ล้านปีก่อน เกิดการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตครั้งใหญ่ห้าครั้งเหตุการณ์สูญพันธุ์ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 66 ล้านปีก่อนเมื่อการพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อยเป็นเหตุให้เกิดการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ (ที่ไม่ใช่นก) และสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่อื่น ๆ แต่สัตว์ขนาดเล็กบางส่วนเหลือรอดมาได้เช่นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งมีลักษณะคล้ายหนู ตลอด 66 ล้านปีต่อมา สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้แตกแขนงออกไปมากมาย และเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว สัตว์คล้ายลิงใหญ่ไม่มีหางแอฟริกา เช่น Orrorin tugenensis มีความสามารถยืนด้วยลำตัวตั้งตรง ทำให้สามารถใช้เครื่องมือและเกื้อหนุนการสื่อสารระหว่างกัน นำมาซึ่งโภชนาการและการกระตุ้นที่จำเป็นสำหรับสมองขนาดใหญ่ขึ้น นำไปสู่วิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์มนุษย์ การพัฒนาเกษตรกรรมและอารยธรรมในเวลาต่อมา ช่วยให้มนุษย์มีอิทธิพลต่อโลกและธรรมชาติ และมีจำนวนของสิ่งมีชีวิตอื่นซึ่งยังมีผลมาจนทุกวันนี้
อนาคต
อนาคตระยะยาวที่คาดหมายของโลกนั้นเกี่ยวข้องกับอนาคตของดวงอาทิตย์ ความสว่างของดวงอาทิตย์จะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 ในอีก 1.1 พันล้านปี และร้อยละ 40 เมื่อตลอดเวลา 3.5 พันล้านปีถัดจากนั้น การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิพื้นผิวโลกจะเร่งวัฏจักรคาร์บอนอนินทรีย์ ลดความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์จนพืชไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ (10 ส่วนในล้านส่วนในพืชที่) ในระยะเวลาประมาณ 500–900 ล้านปีข้างหน้า การขาดแคลนพืชจะส่งผลกระทบให้ออกซิเจนหายไปจากบรรยากาศ ทำให้สัตว์อยู่ไม่ได้ คล้อยหลังไปอีกพันล้านปีปริมาณน้ำทั้งหมดบนผิวโลกจะสูญสิ้น และอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะพุ่งขึ้นไปถึง 70 องศาเซลเซียส คาดหมายว่าโลกจะพออยู่อาศัยได้อีกประมาณ 500 ล้านปีนับจากจุดนั้น หรืออาจยืดออกไปถึง 2.3 พันล้านปีถ้าไนโตรเจนหมดไปจากบรรยากาศ แม้ว่าดวงอาทิตย์จะมีอายุนิรันดร์และมีความเสถียร กว่าร้อยละ 27 ของน้ำในมหาสมุทรปัจจุบันก็จะไหลสู่เนื้อโลกในเวลาหนึ่งพันล้านปี เนื่องจากไอน้ำที่ปะทุออกมาจากสันกลางมหาสมุทรลดลง
ดวงอาทิตย์จะวิวัฒนาการเป็นดาวยักษ์แดงในราว 5 พันล้านปีข้างหน้า แบบจำลองทำนายว่าดวงอาทิตย์จะขยายตัวออกประมาณ 1 หน่วยดาราศาสตร์ 150000000 กิโลเมตร หรือประมาณ 250 เท่าของรัศมีปัจจุบัน ชะตาของโลกนั้นยังไม่ชัดเจนนัก เมื่อเป็นดาวยักษ์แดงแล้วดวงอาทิตย์จะสูญเสียมวลไปประมาณร้อยละ 30 ดังนั้นหากปราศจากผลจากฤทธิ์ไทด์ โลกจะเคลื่อนไปโคจรห่างจากดวงอาทิตย์ 1.7 หน่วยดาราศาสตร์ (250000000 กิโลเมตร) เมื่อดาวมีรัศมีมากที่สุด สิ่งมีชีวิตที่ยังเหลืออยู่เกือบทั้งหมดหรือทั้งหมดก็จะถูกทำลายจากความสว่างที่เพิ่มขึ้นของดวงอาทิตย์ (เพิ่มขึ้นสูงสุดที่ประมาณ 5,000 เท่าจากระดับปัจจุบัน) การจำลองในปี ค.ศ. 2008 ชี้ว่า สุดท้ายวงโคจรของโลกจะเสื่อมสลายอันเนื่องมาจากผลจากแรงไทด์ และลากเอาโลกให้ตกเข้าสู่บรรยากาศของดวงอาทิตย์ที่เป็นยักษ์แดงนั้นแล้วก็ระเหยไปจนหมดสิ้น
ลักษณะทางกายภาพ
รูปร่าง
โลกมีรูปร่างประมาณทรงคล้ายทรงกลมแบนขั้ว โลกแบนลงบริเวณแกนทางภูมิศสตร์และโป่งบริเวณแถบศูนย์สูตร การโป่งนี้เป็นผลมาจากการหมุนรอบตัวเองของโลก เส้นผ่านศูนย์กลางในแนวศูนย์สูตรยาวกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางในแนวขั้วเหนือ-ใต้ราว 43 กิโลเมตร จุดบนพื้นผิวโลกที่ห่างจากจุดศูนย์กลางมวลของโลกมากที่สุดคือ ยอดภูเขาไฟชิมโบราโซแถบศูนย์สูตรในประเทศเอกวาดอร์ภูมิประเทศในแต่ละท้องที่มีการเบี่ยงเบนไปจากทรงกลมอุดมคติ แต่เมื่อมองในระดับโลกทั้งใบการเบี่ยงเบนเหล่านี้ก็ถือว่าเล็กน้อย จุดที่ถือว่ามีความเบี่ยงเบนท้องถิ่นมากที่สุดบนพื้นผิวหินของโลกก็คือ ยอดเขาเอเวอเรสต์ด้วยระดับความสูง 8848 เมตรจากระดับน้ำทะเลกลาง คิดเป็นค่าความเบี่ยงเบนร้อยละ 0.14 และร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนาที่ระดับความลึก 10911 เมตรจากระดับน้ำทะเลกลาง คิดเป็นค่าความเบี่ยงเบนร้อยละ 0.17
ในวิชาภูมิมาตรศาสตร์ รูปทรงแท้จริงของมหาสมุทรโลกหากปราศจากแผ่นดินและอิทธิพลรบกวนอย่างกระแสน้ำและลม เรียก จีออยด์ กล่าวคือ จีออยด์เป็นผิวสมศักย์ความโน้มถ่วง (surface of gravitational equipotential) ที่ระดับทะเลปานกลาง
สารประกอบ | สูตร | องค์ประกอบ | |
---|---|---|---|
ทวีป | สมุทร | ||
ซิลิกา | SiO2 | 60.2% | 48.6% |
อะลูมินา | Al2O3 | 15.2% | 16.5% |
ไลม์ | CaO | 5.5% | 12.3% |
แมกนีเซีย | MgO | 3.1% | 6.8% |
ไอเอิร์น(II) ออกไซด์ | FeO | 3.8% | 6.2% |
โซเดียมออกไซด์ | Na2O | 3.0% | 2.6% |
K2O | 2.8% | 0.4% | |
Fe2O3 | 2.5% | 2.3% | |
น้ำ | H2O | 1.4% | 1.1% |
คาร์บอนไดออกไซด์ | CO2 | 1.2% | 1.4% |
TiO2 | 0.7% | 1.4% | |
P2O5 | 0.2% | 0.3% | |
รวม | 99.6% | 99.9% |
องค์ประกอบทางเคมี
โลกมีมวลโดยประมาณ 5.97×1024 กิโลกรัม ส่วนมากประกอบขึ้นจากเหล็ก (ร้อยละ 32.1) ออกซิเจน (ร้อยละ 30.1) ซิลิกอน (ร้อยละ 15.1) แมกนีเซียม (ร้อยละ 13.9) กำมะถัน (ร้อยละ 2.9) นิกเกิล (ร้อยละ 1.8) แคลเซียม (ร้อยละ 1.5) และอะลูมิเนียม (ร้อยละ 1.4) ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 1.2 ประกอบด้วยธาตุอื่น ๆ ในปริมาณเล็กน้อย จากกระบวนการการแยกลำดับชั้นโดยมวลทำให้เชื่อว่าบริเวณแกนโลกประกอบขึ้นในขั้นต้นด้วยเหล็กร้อยละ 88.8 มีนิกเกิลในปริมาณเล็กน้อยราวร้อยละ 5.8 กำมะถันร้อยละ 4.5 และน้อยกว่าร้อยละ 1 เป็นธาตุพบน้อยชนิดอื่น
หินที่พบได้ทั่วไปที่เป็นส่วนประกอบของเปลือกโลกนั้นเป็นสารประกอบออกไซด์แทบทั้งหมด ส่วนคลอรีน กำมะถัน และฟลูออรีน ถือเป็นข้อยกเว้นสำคัญในบรรดาหินทั้งหลายซึ่งเมื่อรวมปริมาณทั้งหมดแล้วมักจะต่ำกว่าร้อยละ 1 หินออกไซด์หลักได้แก่ ซิลิกา อลูมินา ปูนขาว แมกนีเซีย ออกไซด์ของเหล็ก โพแทช และโซดา
โครงสร้างภายใน
โครงสร้างภายในของโลกแบ่งออกได้เป็นชั้น ๆ ตามคุณสมบัติกายภาพ () หรือเคมีเช่นเดียวกับดาวเคราะห์หินดวงอื่น ชั้นนอกของโลกเป็นเปลือกซิลิเกตแข็งซึ่งแยกออกชัดเจนด้วยคุณสมบัติทางเคมีโดยมีชั้นเนื้อโลก (mantle) แข็งความหนืดสูงอยู่เบื้องล่าง มีความไม่ต่อเนื่องของโมโฮโลวิคซิค (Mohorovičić discontinuity) คั่นระหว่างเปลือกโลกจากเนื้อโลก เปลือกโลกมีความหนาตั้งแต่ประมาณ 6 กิโลเมตรใต้มหาสมุทรไปจนถึง 30–50 กิโลเมตรใต้ทวีป เปลือกโลกและสภาพแข็งเย็นของยอดเนื้อโลกชั้นบนสุดรวมเรียกธรณีภาค (lithosphere) ซึ่งแผ่นธรณีภาคนั้นประกอบขึ้นจากธรณีภาคนี้เอง ใต้ธรณีภาคเป็นฐานธรณีภาค (asthenosphere) ซึ่งเป็นชั้นความหนืดค่อนข้างต่ำที่ธรณีภาคลอยอยู่ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผลึกในเนื้อโลกเกิดที่ระดับความลึก 410 ถึง 660 กิโลเมตรใต้พื้นผิว เป็นเขตเปลี่ยนผ่านซึ่งแยกระหว่างเนื้อโลกชั้นบนและล่าง ใต้เนื้อโลกเป็นแก่นชั้นนอกที่เป็นของเหลวความหนืดต่ำมากเหนือแก่นชั้นในที่เป็นของแข็ง แก่นชั้นในของโลกอาจหมุนด้วยอัตราเร็วเชิงมุมสูงกว่าส่วนอื่นของดาวเคราะห์เล็กน้อย โดยหมุน 0.1–0.5° ต่อปี รัศมีของแก่นชั้นในคิดเป็นประมาณหนึ่งในห้าของรัศมีโลก
ภาคตัดขวางของโลกจากแกนถึงเอ็กโซสเฟียร์ (ไม่ตามสัดส่วน) | ความลึก กม. | ชั้น | ความหนาแน่น ก./ซม.3 |
---|---|---|---|
0–60 | ธรณีภาค | — | |
0–35 | เปลือก | 2.2–2.9 | |
35–60 | เนื้อโลกชั้นบน | 3.4–4.4 | |
35–2890 | เนื้อโลก | 3.4–5.6 | |
100–700 | ฐานธรณีภาค | — | |
2890–5100 | แก่นชั้นนอก | 9.9–12.2 | |
5100–6378 | แก่นชั้นใน | 12.8–13.1 |
ความร้อน
ความร้อนภายในโลกเป็นผลรวมของความร้อนที่ยังหลงเหลืออยู่จากการงอกพอกพูนของดาวเคราะห์ราวร้อยละ 20 อีกร้อยละ 80 เป็นความร้อนที่ผลิตจากการสลายตัวกัมมันตรังสีไอโซโทปหลักที่สร้างความร้อนภายในโลกคิอ โพแทสเซียม-40 ยูเรเนียม-238 ยูเรเนียม-235 และทอเรียม-232 ที่ใจกลางโลกคาดว่าน่าจะมีอุณหภูมิสูงถึง 6,000 องศาเซลเซียส และมีความดันสูงถึง 360 จิกะปาสกาล ด้วยการที่ความร้อนส่วนใหญ่มาจากการสลายตัวกัมมันตรังสี นักวิทยาศาสตร์จึงเชื่อว่าในช่วงต้นของประวัติศาสตร์โลกก่อนหน้าที่ไอโซปครึ่งชีวิตสั้นทั้งหลายจะหมดไป การสร้างความร้อนของโลกจะต้องสูงกว่าในปัจจุบันมาก คาดว่าประมาณ 3 พันล้านปีก่อน น่าจะมีการผลิตความร้อนมากกว่าปัจจุบันสองเท่า ซึ่งมีผลเพิ่มการพาความร้อนของเนื้อโลกและการแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค และทำให้หินอัคนีบางประเภทอย่างเช่นเกิดขึ้นได้ในขณะที่แทบไม่มีเกิดขึ้นในปัจจุบัน
ไอโซโทป | ปล่อยความร้อน วัตต์กก. ไอโซโทป | ครึ่งชีวิต ปี | เนื้อแร่ในแมนเทิลเฉลี่ย กก. ไอโซโทปกก. เนื้อโลก | ปล่อยความร้อน วัตต์กก. เนื้อโลก |
---|---|---|---|---|
238U | 94.6 × 10−6 | 4.47 × 109 | 30.8 × 10−9 | 2.91 × 10−12 |
235U | 569 × 10−6 | 0.704 × 109 | 0.22 × 10−9 | 0.125 × 10−12 |
232Th | 26.4 × 10−6 | 14.0 × 109 | 124 × 10−9 | 3.27 × 10−12 |
40K | 29.2 × 10−6 | 1.25 × 109 | 36.9 × 10−9 | 1.08 × 10−12 |
ค่าเฉลี่ยของการสูญเสียความร้อนจากโลกอยู่ที่ 87 มิลลิวัตต์ต่อตารางเมตร คิดรวมทั้งโลกจะสูญเสียความร้อนที่ 4.42 × 1013 วัตต์ พลังงานความร้อนบางส่วนจากแก่นถูกแมนเทิลพลูมส่งผ่านขึ้นมายังเปลือกโลก ซึ่งเป็นการพาความร้อนแบบหนึ่งที่เกิดจากการไหลขึ้นของหินอุณหภูมิสูง พลูมนี้สามารถทำให้เกิดจุดร้อนและทุ่งบะซอลท์ ความร้อนจากภายในโลกส่วนใหญ่สูญเสียไปกับการแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค โดยการไหลขึ้นของเนื้อโลกที่สัมพันธ์กับสันกลางมหาสมุทร หนทางการสูญเสียความร้อนสำคัญสุดท้ายคือการนำความร้อนผ่านธรณีภาคซึ่งปรากฏใต้มหาสมุทรเป็นส่วนใหญ่เพราะเปลือกโลกบริเวณนั้นบางมากกว่าแผ่นเปลือกทวีปมาก
แผ่นธรณีภาค
ชื่อ | พื้นที่ 106 กม.2 |
---|---|
103.3 | |
78.0 | |
75.9 | |
67.8 | |
60.9 | |
47.2 | |
43.6 |
ธรณีภาคอันเป็นชั้นนอกแข็งทื่อเชิงกลของโลกนั้นแบ่งออกได้หลายชิ้น เรียกว่า แผ่นธรณีภาค แผ่นเหล่านี้เป็นส่วนแข็งที่เคลื่อนที่ไปโดยสัมพันธ์กับแผ่นใกล้เคียงอื่นโดยมีขอบเขตระหว่างกันอย่างใดอย่างหนึ่งในสามแบบนี้ได้แก่ ขอบเขตแบบเข้าหากัน ซึ่งแผ่นทั้งสองเลื่อนมาชนกัน ขอบเขตแบบแยกจากกัน ซึ่งแผ่นทั้งสองเลื่อนออกห่างกันไป และขอบเขตแปลง (รอยเลื่อนแปรสภาพ) ซึ่งแผ่นทั้งสองไถลผ่านกันทางด้านข้าง การเกิดแผ่นดินไหว กัมมันตภาพภูเขาไฟ การก่อเทือกเขา และการเกิดร่องลึกก้นสมุทร สามารถเกิดได้ตลอดแนวขอบเขตของแผ่นเหล่านี้ แผ่นธรณีภาคลอยอยู่บนฐานธรณีภาค ซึ่งเป็นเนื้อโลกชั้นบนส่วนที่มีความแข็งแต่หนืดน้อยกว่า สามารถไหลและเคลื่อนที่ไปพร้อมกับแผ่นธรณีภาคได้
เมื่อแผ่นธรณีภาคมีการเคลื่อนตัว เปลือกโลกส่วนมหาสมุทรจะมุดตัวลงใต้ขอบปะทะของแผ่นเปลือกตามแนวขอบเขตแบบเข้าหากัน ในเวลาเดียวกัน การไหลเลื่อนขึ้นของเนื้อชั้นเนื้อโลกที่ขอบเขตแบบแยกจากกันจะก่อให้เกิดสันกลางมหาสมุทร กระบวนการต่าง ๆ เหล่านี้รวมกันทำให้เกิดการรีไซเคิลแผ่นเปลือกมหาสมุทรกลับสู่เนื้อโลก ด้วยการรีไซเคิลนี้เองพื้นมหาสมุทรส่วนใหญ่จึงมีอายุไม่เกิน 100 ล้านปี เปลือกโลกส่วนมหาสมุทรที่เก่าแก่ที่สุดอยู่ในบริเวณแปซิฟิกตะวันตกโดยมีอายุประมาณกว่า 200 ล้านปี เมื่อเทียบกันแล้ว เปลือกโลกส่วนทวีปที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุถึง 4030 ล้านปี
แผ่นธรณีภาคขนาดใหญ่เจ็ดแผ่น ได้แก่ แผ่นแปซิฟิก อเมริกาเหนือ ยูเรเชีย แอฟริกา แอนตาร์กติก และอเมริกาใต้ ส่วนแผ่นที่สำคัญอื่น ประกอบด้วย แผ่นอาระเบีย นอกชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ และในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ แผ่นออสเตรเลียรวมเข้ากับแผ่นอินเดียระหว่าง 50 ถึง 55 ล้านปีก่อน แผ่นเคลื่อนที่เร็วที่สุดคือแผ่นมหาสมุทร โดยเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็ว 75 มิลลิเมตร/ปี และแผ่นแปซิฟิกเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็ว 52–69 มิลลิเมตร/ปี ในอีกทางหนึ่ง แผ่นเคลื่อนที่ช้าที่สุดคือแผ่นยูเรเชียซึ่งดำเนินไปด้วยอัตราเร็วปกติประมาณ 21 มิลลิเมตร/ปี
พื้นผิว
พื้นที่ผิวทั้งหมดของโลกมีประมาณ 510 ล้านตารางกิโลเมตร พื้นที่กว่าร้อยละ 70.8 หรือ 361.13 ล้านตารางกิโลเมตร อยู่ใต้ระดับน้ำทะเลและปกคลุมด้วยน้ำมหาสมุทร พื้นที่ใต้น้ำเหล่านี้มีทั้งที่เป็นไหล่ทวีป ภูเขา ภูเขาไฟร่องลึกก้นสมุทร ที่ราบก้นสมุทร และระบบสันกลางมหาสมุทรที่ทอดตัวทั่วโลก พื้นที่ที่เหลืออีกราวร้อยละ 29.2 หรือ 148.94 ล้านตารางกิโลเมตร ไม่ถูกน้ำปกคลุม มีภูมิประกาศหลากหลายตามสถานที่ ได้แก่ ภูเขา ที่ราบ ที่ราบสูง และภูมิประเทศรูปแบบอื่น ธรณีแปรสัณฐานและการกร่อน การปะทุของภูเขาไฟ การเกิดอุทกภัย การผุพังอยู่กับที่ การเปลี่ยนสภาพโดยธารน้ำแข็ง การเติบโตของพืดหินปะการัง และการพุ่งชนของอุกกาบาตเป็นกระบวนการที่เปลี่ยนโฉมผิวโลกอยู่เรื่อย ๆ ตามคาบเวลาทางธรณีวิทยา
เปลือกโลกส่วนทวีปประกอบด้วยวัตถุความหนาแน่นต่ำอย่างเช่นหินอัคนีแกรนิตและ ที่พบน้อยกว่าคือบะซอลต์ซึ่งเป็นหินภูเขาไฟความหนาแน่นสูงและเป็นองค์ประกอบหลักของพื้นมหาสมุทรหินตะกอนซึ่งก่อตัวขึ้นจากการสะสมตัวของตะกอนที่ทับถมบีบอัดตัวเข้าด้วยกัน เกือบร้อยละ 75 ของพื้นผิวทวีปถูกปกคลุมด้วยหินตะกอนโดยคิดเป็นประมาณร้อยละ 5 ของเปลือกโลก วัตถุหินที่พบบนโลกรูปแบบที่สามคือหินแปร ก่อกำเนิดโดยการแปรเปลี่ยนมาจากหินดั้งเดิมที่มีอยู่ก่อนผ่านความดันสูง หรืออุณหภูมิสูง หรือทั้งสองอย่าง แร่ซิลิเกตที่พบมากที่สุดบนผิวโลกประกอบด้วย ควอตซ์ เฟลด์สปาร์ ไมกา และโอลิวีนที่พบทั่วไปประกอบด้วย แคลไซต์ (พบในหินปูน) และโดโลไมต์
ระดับความสูงของพื้นผิวดินแตกต่างกันตั้งแต่จุดต่ำสุดที่ −418 เมตร ณ ทะเลเดดซี ไปจนถึงจุดสูงสุดที่ 8,848 เมตร ณ ยอดเขาเอเวอเรสต์ ค่าเฉลี่ยความสูงของพื้นดินเหนือระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 797 เมตร
เพโดสเฟียร์ (pedosphere) เป็นชั้นนอกสุดของพื้นผิวทวีปของโลก ประกอบด้วยดินและผ่านกระบวนการกำเนิดดิน ดินเพาะปลูกได้ทั้งหมดคิดเป็นร้อยละ 10.9 ของผิวดิน โดยร้อยละ 1.3 เป็นที่เพาะปลูกพืชผลถาวร ผิวดินของโลกเกือบร้อยละ 40 ใช้เพื่อเกษตรกรรม หรือคิดเป็นประมาณ 16.7 ล้านตารางกิโลเมตรสำหรับการเพาะปลูก และประมาณ 33.5 ล้านตารางกิโลเมตรสำหรับทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์
อุทกภาค
ความอุดมของน้ำบนผิวโลกเป็นลักษณะเอกลักษณ์ซึ่งแยก "ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน" ออกจากดาวเคราะห์อื่น ๆ ในระบบสุริยะ อุทกภาคของโลกประกอบด้วยมหาสมุทรเป็นส่วนใหญ่ ที่เหลือประกอบด้วยผิวน้ำทั้งหมดในโลกได้แก่ ทะเลในแผ่นดิน ทะเลสาบ แม่น้ำ น้ำใต้ดินลึกลงไป 2,000 เมตร ตำแหน่งใต้น้ำที่ลึกที่สุดคือ แชลเลนเจอร์ดีปบริเวณร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนาในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยมีความลึกที่ 10,911.4 เมตร
มหาสมุทรรวมมีมวลคิดเป็นประมาณ 1.35×1018 เมตริกตัน หรือราว 1 ใน 4,400 ของมวลทั้งหมดของโลก มหาสมุทรปกคลุมเป็นพื้นที่ 3.618×108 ตารางกิโลเมตร โดยมีความลึกเฉลี่ย 3682 เมตร เป็นผลให้มีปริมาตรโดยประมาณเท่ากับ 1.332×109 หากพื้นผิวเปลือกโลกทั้งหมดมีความสูงเท่ากันคือกลมเสมอกันทั้งใบ โลกก็จะกลายเป็นมหาสมุทรทั้งหมดด้วยความลึกราว 2.7 ถึง 2.8 กิโลเมตร
น้ำประมาณร้อยละ 97.5 เป็นน้ำเค็ม อีกร้อยละ 2.5 ที่เหลือเป็นน้ำจืด ส่วนใหญ่ของน้ำจืดหรือราวร้อยละ 68.7 อยู่ในรูปของน้ำแข็งในและธารน้ำแข็งต่าง ๆ
ค่าเฉลี่ย(ความเค็ม)ของมหาสมุทรโลกอยู่ที่ประมาณ 35 กรัมเกลือต่อกิโลกรัมน้ำทะเล (มีเกลือร้อยละ 3.5) เกลือส่วนมากถูกขับออกจากกัมมันตภาพภูเขาไฟหรือชะออกมาจากหินอัคนีเย็น มหาสมุทรยังเป็นแหล่งสะสมของก๊าซในบรรยากาศที่ละลายได้ซึ่งมีความจำเป็นต่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในน้ำจำนวนมาก น้ำทะเลถือว่ามีอิทธิพลสำคัญต่อภูมิอากาศโลกโดยมหาสมุทรเป็นแหล่งสะสมความร้อนขนาดใหญ่ การเปลี่ยนแปลงการกระจายของอุณหภูมิมหาสมุทรสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของลมฟ้าอากาศอย่างสำคัญได้ เช่น เอลนีโญ–ความผันแปรของระบบอากาศในซีกโลกใต้
บรรยากาศ
ความกดอากาศบนพื้นผิวโลกมีค่าเฉลี่ยที่ 101.325 กิโลปาสกาล คิดเป็นอัตราความสูงประมาณ 8.5 กิโลเมตร มีองค์ประกอบเป็นธาตุไนโตรเจนร้อยละ 78 ธาตุออกซิเจนร้อยละ 21 รวมถึงไอน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซในรูปโมเลกุลชนิดอื่นปริมาณเล็กน้อย ความสูงของชั้นโทรโพสเฟียร์ผันแปรตามละติจูด มีพิสัยตั้งแต่ 8 กิโลเมตรที่บริเวณขั้วโลกไปจนถึง 17 กิโลเมตรที่เส้นศูนย์สูตร โดยมีความเบี่ยนเบนเล็กน้อยจากผลของสภาพอากาศและปัจจัยหลายประการตามฤดูกาล
ชีวมณฑลของโลกส่งผลเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อบรรยากาศ การสังเคราะห์ด้วยแสงแบบสร้างออกซิเจนวิวัฒน์ขึ้นเมื่อราว 2.7 พันล้านปีก่อน ได้สร้างบรรยากาศที่มีไนโตรเจนและออกซิเจนเป็นหลักดังเช่นในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้สิ่งมีชีวิตที่ใช้ออกซิเจนสามารถแพร่กระจายได้ และมีผลโดยอ้อมเกิดการก่อรูปของชั้นโอโซนเนื่องากการเปลี่ยน O2 ในบรรยากาศเป็น O3 ชั้นโอโซนกั้นการแผ่รังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ ทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถเกิดขึ้นบนโลกได้ บรรยากาศยังทำหน้าที่อื่นที่สำคัญต่อสิ่งมีชีวิตได้แก่ การเคลื่อนย้ายไอน้ำ อำนวยก๊าซที่เป็นประโยชน์ ทำให้สะเก็ดดาวขนาดเล็กเผาไหม้ไปหมดก่อนที่จะกระทบพื้น และการปรับอุณหภูมิไม่ให้ร้อนหรือเย็นเกิน ปรากฏการณ์สุดท้ายนี้เรียก ปรากฏการณ์เรือนกระจก โมเลกุลของก๊าซสัดส่วนเล็กน้อยภายในบรรยากาศทำหน้าที่กักเก็บพลังงานความร้อนที่แผ่ออกจากพื้นดินเป็นผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น ไอน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และโอโซน เป็นแก๊สเรือนกระจกหลักในบรรยากาศ หากปราศจากปรากฏการณ์กักเก็บความร้อนนี้ อุณหภูมิเฉลี่ยที่พื้นผิวจะเป็น −18 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับอุณหภูมิปัจจุบันที่ +15 องศาเซลเซียส และอาจไม่มีสิ่งมีชีวิตบนโลกในรูปลักษณ์ปัจจุบัน
ลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศ
บรรยากาศของโลกไม่มีขอบเขตชัดเจนโดยจะค่อย ๆ บางลงและเลือนหายไปสู่อวกาศ สามในสี่ของมวลบรรยากาศอยู่ในระยะ 11 กิโลเมตรแรกเหนือพื้นผิว มีชั้นล่างสุดเรียกโทรโพสเฟียร์ พลังงานจากดวงอาทิตย์จะทำให้ชั้นนี้รวมถึงพื้นผิวเบื้องล่างร้อนขึ้น ส่งผลให้อากาศเกิดการขยายตัว อากาศความหนาแน่นต่ำจะลอยขึ้น อากาศความหนาแน่นสูงกว่าและเย็นกว่าจะเข้ามาแทนที่ เกิดเป็นการหมุนเวียนของบรรยากาศซึ่งขับเคลื่อนสภาพอากาศและภูมิอากาศผ่านการกระจายพลังงานความร้อน
แถบการหมุนเวียนของบรรยากาศหลักประกอบด้วยลมค้าในบริเวณศูนย์สูตรที่ละติจูดต่ำกว่า 30° และลมตะวันตก (westerlie) ในแถบละติจูดกลางระหว่าง 30° และ 60°กระแสน้ำมหาสมุทรก็เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดภูมิอากาศ โดยเฉพาะการหมุนเวียนเทอร์โมเฮไลน์ (thermohaline) ซึ่งกระจายพลังงานความร้อนจากมหาสมุทรแถบศูนย์สูตรไปยังบริเวณขั้วโลก
ไอน้ำที่ระเหยจากพื้นผิวถูกรูปแบบไหลเวียนในบรรยากาศเคลื่อนย้ายไป เมื่อภาวะของบรรยากาศทำให้อากาศร้อนชื้นยกตัวสูงขึ้น น้ำนี้จะควบแน่นและตกลงสู่พื้นผิวในรูปหยาดน้ำฟ้า น้ำส่วนใหญ่จะเคลื่อนย้ายไปยังที่ที่ต่ำกว่าผ่านระบบแม่น้ำและปกติกลับคืนสู่มหาสมุทรหรือไม่ก็สะสมอยู่ในทะเลสาบ วัฏจักรของน้ำนี้เป็นกลไกสำคัญที่ค้ำจุนสรรพชีวิตบนผืนแผ่นดิน และเป็นปัจจัยหลักในการกัดเซาะโครงสร้างภูมิประเทศตามสสมัยธรณีวิทยา รูปแบบของหยาดน้ำฟ้ามีความหลากหลายตั้งแต่ปริมาณน้ำหลายเมตรไปจนถึงเพียงไม่กี่มิลลิเมตรต่อปี ทั้งการหมุนเวียนของบรรยากาศ ภูมิลักษณ์ และความแตกต่างของอุณหภูมิล้วนกำหนดหยาดน้ำฟ้าเฉลี่ยที่ตกในแต่ละบริเวณ
ปริมาณพลังงานจากดวงอาทิตย์ที่มาถึงพื้นผิวโลกลดลงตามละติจูดที่สูงขึ้น ที่ละติจูดสูง ๆ แสงจากดวงอาทิตย์มาถึงพื้นผิวด้วยมุมที่ต่ำลง และต้องส่องผ่านแนวหนาแน่นของบรรยากาศ เป็นผลให้อุณหภูมิของอากาศเฉลี่ยตลอดทั้งปีที่ระดับน้ำทะเลลดลงราว 0.4 องศาเซลเซียสทุก ๆ หนึ่งองศาของละติจูดที่ออกห่างจากเส้นศูนย์สูตร พื้นผิวโลกสามารถแบ่งย่อยได้เป็นแถบละติจูดจำเพาะที่มีภูมิอากาศเช่นเดียวกันโดยประมาณ อาณาเขตตั้งแต่เส้นศูนย์สูตรไปจนถึงบริเวณขั้วโลกจำแนกออกเป็นภูมิอากาศเขตร้อนหรือเขตศูนย์สูตร และเขตขั้วโลก
กฎละติจูดนี้มีความผิดปกติหลายอย่าง
- การอยู่ใกล้มหาสมุทรจะทำให้ภูมิอากาศไม่รุนแรง ตัวอย่างเช่น คาบสมุทรสแกนดิเนเวียมีภูมิอากาศไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับทางเหนือของประเทศแคนาดาที่ละติจูดเหนือคล้ายกัน
- ลมยังช่วยบรรเทาผลนี้ แผ่นดินฝั่งปะทะลมมีภูมิอากาศไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับฝั่งอับลม ในซีกโลกเหนือ ลมแน่ทิศมีทิศทางตะวันตกไปตะวันออก และชายฝั่งตะวันตกมักมีภูมิอากาศไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับชายฝั่งตะวันออก ซึ่งสังเกตได้ในทวีปอเมริกาเหนือฝั่งตะวันออกและยุโรปตะวันตก ซึ่งภูมิอากาศแบบทวีปที่รุนแรงปรากฏในชายฝั่งตะวันออกเทียบกับภูมิอากาศไม่รุนแรงที่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร ในซีกโลกใต้ ลมแน่ทิศพัดจากทิศตะวันออกไปตะวันตก และชายฝั่งตะวันออกมีภูมิอากาศไม่รุนแรง
- ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์มีความแปรผัน โลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในเดือนมกราคมซึ่งตรงกับฤดูร้อนในซีกโลกใต้ อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุดในเดือนกรกฎาคมซึ่งตรงกับฤดูร้อนในซีกโลกเหนือ และรังสีจากดวงอาทิตย์ตกสู่พื้นที่หนึ่ง ๆ ประมาณร้อยละ 93.55 เมื่อเทียบกับจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด แต่ซีกโลกเหนือมีแผ่นดินมากกว่าจึงได้รับความร้อนง่ายกว่าทะเล ผลทำให้ฤดูร้อนในซีกโลกเหนือมีอุณหภูมิสูงกว่าซีกโลกใต้ในภาวะคล้ายกัน 2.3 องศาเซลเซียส
- ภูมิอากาศในที่สูงเย็นกว่าระดับน้ำทะเลเนื่องจากความหนาแน่นของอากาศเบาบางกว่า
ระบบการแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิปเปนที่ใช้บ่อยมีห้ากลุ่มใหญ่ (ร้อยชื้น แห้งแล้ง ชื้นละติจูดกลาง ทวีป และหนาวขั้วโลก) ซึ่งแบ่งเป็นภูมิอากาศย่อยที่จำเพาะมากขึ้นได้อีกหลายแบบ ระบบเคิปเปนจัดภูมิอากาศเขตต่าง ๆ ตามอุณหภูมิและหยาดน้ำฟ้าที่สังเกต
บรรยากาศเบื้องบน
เหนือชั้นโทรโพสเฟียร์ขึ้นไป บรรยากาศแบ่งโดยทั่วไปได้เป็นชั้นสตราโทสเฟียร์ มีโซสเฟียร์ และเทอร์โมสเฟียร์ แต่ละชั้นมีอัตราการเหลื่อมซ้อนไม่เท่ากันซึ่งกำหนดจากอัตราการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิตามระดับความสูง พ้นจากชั้นเหล่านี้ขึ้นไปเรียกว่าเอกโซสเฟียร์ ซึ่งบางลงเรื่อย ๆ ไปจนถึงแม็กนีโตสเฟียร์ซึ่งเป็นบริเวณที่สนามธรณีแม่เหล็กกระทบกันกับลมสุริยะ ภายในชั้นสตราโทสเฟียร์มีชั้นโอโซนซึ่งเป็นองค์ประกอบที่มีส่วนช่วยป้องกันพื้นผิวโลกจากรังสีอัลตราไวโอเล็ตอันมีความสำคัญยิ่งต่อสรรพชีวิตบนโลก มีการกำหนดเส้นคาร์มานที่ระดับ 100 กิโลเมตรเหนือผิวโลกเป็นบทนิยามในทางปฏิบัติที่แบ่งขอบเขตระหว่างบรรยากาศและอวกาศ
พลังงานความร้อนทำให้โมเลกุลบางส่วนที่ขอบนอกของบรรยากาศมีความเร็วเพิ่มสูงขึ้นจนถึงจุดหนึ่งที่สามารถหลุดพ้นออกจากแรงโน้มถ่วงของโลกได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดการเสียบรรยากาศออกสู่อวกาศอย่างช้า ๆ แต่สม่ำเสมอ เพราะไฮโดรเจนที่ไม่ได้ถูกยึดเหนี่ยวมีมวลโมเลกุลต่ำจึงสามารถขึ้นถึงความเร็วหลุดพ้นได้ง่ายกว่าและรั่วไหลออกสู่อวกาศภายนอกในอัตราที่สูงกว่าแก๊สอื่น การรั่วของไฮโดรเจนสู่อวกาศได้ช่วยสนับสนุนให้บรรยากาศโลกตลอดจนพื้นผิวเกิดการเปลี่ยนผันจากภาวะรีดิวซ์ในช่วงต้นมาเป็นภาวะออกซิไดซ์อย่างเช่นในปัจจุบัน การสังเคราะห์ด้วยแสงเป็นแหล่งช่วยป้อนออกซิเจนอิสระ แต่ด้วยการเสียไปซึ่งสารรีดิวซ์ดังเช่นไฮโดรเจนนี้เองจึงเชื่อกันว่าเป็นภาวะเริ่มต้นที่จำเป็นต่อการเพิ่มพูนขึ้นของออกซิเจนอย่างกว้างขวางในบรรยากาศ การที่ไฮโดรเจนสามารถหนีออกไปจากบรรยากาศได้จึงอาจส่งอิทธิพลต่อธรรมชาติของชีวิตที่พัฒนาขึ้นบนโลก ในบรรยากาศที่มีออกซิเจนเป็นจำนวนมากในปัจจุบันนั้น ไฮโดรเจนส่วนใหญ่ถูกเปลี่ยนเป็นน้ำก่อนมีโอกาสหนีออกไป แต่การเสียไฮโดรเจนส่วนใหญ่นั้นมาจากการสลายของมีเทนในบรรยากาศชั้นบน
สนามความโน้มถ่วง
ความโน้มถ่วงของโลกเป็นความเร่งที่ถ่ายทอดแก่วัตถุเนื่องจากการกระจายของมวลในโลก ความเร่งความโน้มถ่วงใกล้ผิวโลกมีค่าประมาณ 9.8 เมตรต่อวินาที2 ความแตกต่างท้องถิ่นของภูมิลักษณ์ ธรณีวิทยาและโครงสร้างแปรสัณฐานที่อยู่ลึกลงไปทำให้เกิดความแตกต่างท้องถิ่นและภูมิภาคเป็นวงกว้างในสนามความโน้มถ่วงของโลก เรียก ค่าผิดปกติของความโน้มถ่วง
สนามแม่เหล็ก
ส่วนหลักของสนามแม่เหล็กโลกสร้างขึ้นในแก่น ซึ่งเป็นที่ตั้งของกระบวนการอันเปลี่ยนพลังจลน์ของการเคลื่อนพาของไหลไปเป็นพลังงานไฟฟ้าและพลังงานสนามแม่เหล็ก ตัวสนามแผ่ออกจากบริเวณแก่นผ่านชั้นเนื้อโลกและขึ้นสู่ผิวโลกอันเป็นตำแหน่งที่ประมาณได้อย่างหยาบ ๆ เป็นแม่เหล็ก ขั้วของแม่เหล็กขั้วคู่มีตำแหน่งใกล้เคียงกับขั้วโลกภูมิศาสตร์ ที่เส้นศูนย์สูตรของสนามแม่เหล็กมีความเข้มสนามแม่เหล็กที่พื้นผิวเท่ากับ 3.05 × 10−5เทสลา และมีโลกที่ 7.91 × 1015 เทสลา.เมตร3 การเคลื่อนที่พาในแก่นนั้นมีความยุ่งเหยิงทำให้ขั้วแม่เหล็กมีการเขยื้อนและเปลี่ยนแปลงแนวการวางตัวเป็นระยะ ๆ เป็นสาเหตุของการกลับขั้วสนามแม่เหล็กตามช่วงเวลาอย่างไม่สม่ำเสมอเฉลี่ยไม่กี่ครั้งในทุก ๆ ล้านปี โดยการกลับขั้วครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อราว 700,000 ปีก่อน
แม็กนีโตสเฟียร์
ขอบเขตของสนามแม่เหล็กโลกในอวกาศกำหนดขอบเขตของแม็กนีโตสเฟียร์ (magnetosphere) ไอออนและอิเล็กตรอนจากลมสุริยะถูกแม็กนีโตสเฟียร์เบี่ยงเบน ความดันจากลมสุริยะบีบฝั่งกลางวันของแม็กนีโตสเฟียร์ไปประมาณ 10 รัศมีโลก และทำให้ด้านกลางคืนของแม็กนีโตสเฟียร์ยืดขยายออกเป็นหางยาว ด้วยเหตุที่ความเร็วของลมสุริยะสูงกว่าความเร็วของคลื่นที่แผ่ออกจากลมสุริยะมาก จึงเกิดโบว์ช็อค (bowshock) เหนือเสียงในส่วนหน้าด้านกลางวันของแม็กนีโตสเฟียร์ภายในลมสุริยะ อนุภาคมีประจุถูกกักเก็บอยู่ในแม็กนีโตสเฟียร์ พลาสมาสเฟียร์ (plasmasphere) กำหนดเป็นอนุภาคหลังงานต่ำที่ตามเส้นสนามแม่เหล็กเมื่อโลกหมุน กระแสวง (ring current) กำหนดโดยอนุภาคพลังงานปานกลางซึ่งเคลื่อนไปสัมพัทธ์กับสนามธรณีแม่เหล็กแต่ยังมีเส้นทางที่ยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของสนามแม่เหล็กเป็นหลัก และแถบซึ่งเกิดจากอนุภาคพลังงานสูงที่เคลื่อนที่อย่างสุ่มเสียมากแต่ยังอยู่ภายในแม็กนีโตสเฟียร์
ระหว่างการเกิดพายุแม่เหล็ก อนุภาคมีประจุสามารถเบี่ยงทิศทางจากแม็กนีโตสเฟียร์ส่วนนอกเข้ามาในชั้นไอโอโนสเฟียร์ของโลกได้โดยตรงตามแนวเส้นสนาม ซึ่งในบริเวณนี้อะตอมที่อยู่ในบรรยากาศสามารถถูกกระตุ้นและกลายเป็นประจุอันเป็นสาเหตุของการเกิดออโรรา
วงโคจรและการหมุนรอบตัวเอง
การหมุน
คาบการหมุนรอบตัวเองของโลกสัมพัทธ์กับดวงอาทิตย์หรือวันสุริยคตินั้นเท่ากับ 86400 วินาทีของเวลาสุริยคติกลาง (86400.0025 วินาทีเอสไอ) เพราะวันสุริยะของโลกในปัจจุบันยาวกว่าวันในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 เล็กน้อยอันเนื่องมาจากผล ในแต่ละวันจึงยาวขึ้นผันแปรไประหว่าง 0 ถึง 2 มิลลิวินาที เอสไอ
คาบการหมุนรอบตัวเองของโลกสัมพัทธ์กับเรียกว่าวันดาราคติ โดยหน่วยงานการหมุนของโลกและระบบอ้างอิงสากล (IERS: International Earth Rotation and Reference Systems Service) คือ 86164.098903691 วินาที จากเวลาสุริยคติกลาง (ยูที (เวลาสากล) 1) หรือ 23ช 56น 4.098903691ว คาบการหมุนรอบตัวเองของโลกสัมพัทธ์กับการหมุนควงหรือการเคลื่อนที่เฉลี่ยของจุดวสันตวิษุวัตมักเรียกว่า วันดาวฤกษ์ คือ 86,164.09053083288 วินาที จากเวลาสุริยคติกลาง (ยูที1) หรือ (23ช 56น 4.09053083288ว) ณ ปี ค.ศ. 1982 ดังนั้นเองวันดาวฤกษ์จึงสั้นกว่าวันดาราคติประมาณ 8.4 มิลลิวินาที ความยาวของเวลาสุริยคติกลางในหน่วยวินาทีเอสไอสามารถนำมาใช้อ้างอิงได้จากหน่วยงานไออีอาร์เอสสำหรับช่วงเวลาจากปี ค.ศ. 1623–2005 และปี ค.ศ. 1962–2005
ต่างจากดาวตกในบรรยากาศและดาวเทียมวงโคจรต่ำต่าง ๆ เทหฟ้าโดยมากมีการเคลื่อนที่ปรากฏไปทางด้านตะวันตกของท้องฟ้าของโลกในอัตรา 15 องศาต่อชั่วโมง หรือ 15 ลิปดาต่อนาที สำหรับวัตถุที่อยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตรฟ้าจะเคลื่อนไปเทียบเท่ากับเส้นผ่านศูนย์กลางปรากฏของดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ในทุก ๆ สองนาที เมื่อมองจากพื้นโลกขนาดปรากฏโดยประมาณของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์นั้นถือว่าเท่ากัน
วงโคจร
โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยระยะห่างเฉลี่ยประมาณ 150 ล้านกิโลเมตรในทุก ๆ 365.2564 วันสุริยะกลาง หรือหนึ่งปีดาวฤกษ์ ส่งผลให้การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์คล้อยไปทางตะวันออกเทียบกับดาวฤกษ์ฉากหลังในอัตราราวหนึ่งองศาต่อวัน หรือเทียบเท่าขนาดปรากฏของดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ในทุก ๆ 12 ชั่วโมง การเคลื่อนไปเช่นนี้ใช้เวลาเฉลี่ยราว 24 ชั่วโมงหรือหนึ่งวันสุริยะสำหรับการหมุนรอบตัวเองตามแกนครบหนึ่งรอบของโลกซึ่งดวงอาทิตย์กลับสู่อีกครั้ง ความเร็วของโลกในวงโคจรโดยเฉลี่ยประมาณ 29.8 กิโลเมตรต่อวินาที (107,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งเร็วมากพอที่จะเคลื่อนผ่านระยะทางเท่ากันกับเส้นผ่านศูนย์กลางของโลกที่ประมาณ 12,742 กิโลเมตรในเจ็ดนาที และผ่านระยะทางถึงดวงจันทร์ที่ประมาณ 384,000 กิโลเมตร ในเวลาราว 3.5 ชั่วโมง
โลกและดวงจันทร์โคจรรอบจุดศูนย์กลางมวลร่วมในทุก ๆ 27.32 วัน สัมพัทธ์กับดาวฤกษ์พื้นหลัง เมื่อประกอบกันเข้ากับวงโคจรร่วมโลก–ดวงจันทร์รอบดวงอาทิตย์แล้ว เกิดเป็นคาบของเดือนจันทรคตินับจากอมาวสีหนึ่งไปอีกอมาวสีหนึ่งราว 29.53 วัน เมื่อมองจากขั้วฟ้าเหนือ การเคลื่อนที่ของโลก ดวงจันทร์ และการหมุนรอบแกนดาวของทั้งคู่ล้วนเป็นไปในทิศทวนเข็มนาฬิกา เมื่อมองจากจุดสูงเหนือขั้วเหนือของทั้งดวงอาทิตย์และโลก วงโคจรของโลกจะมีทิศทางทวนเข็มนาฬิการอบดวงอาทิตย์ วงโคจรและระนาบแกนไม่ได้วางตัวอยู่ในแนวเดียวกันโดยแกนหมุนของโลกมีการเอียงประมาณ 23.4 องศาจากแนวตั้งฉากกับระนาบโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ (หรือสุริยวิถี) และระนาบโคจรของดวงจันทร์รอบโลกเอียง ±5.1 องศาเทียบกับระนาบโลก–ดวงอาทิตย์ หากปราศจากการเอียงเช่นนี้ จะเกิดอุปราคาทุกสองสัปดาห์สลับกันระหว่างจันทรุปราคาและสุริยุปราคา
หรือทรงกลมอิทธิพลโน้มถ่วงของโลกมีรัศมีประมาณ 1.5×106 กิโลเมตร เป็นระยะทางสูงสุดที่แรงโน้มถ่วงของโลกมีอิทธิพลเหนือกว่าดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์อื่นที่อยู่ห่างออกไป วัตถุใด ๆ ในรัศมีนี้จะโคจรรอบโลก หรือไม่ก็หลุดลอยออกไปโดยการรบกวนเชิงโน้มถ่วงจากดวงอาทิตย์
โลกรวมทั้งระบบสุริยะทั้งหมดนั้นตั้งอยู่ในดาราจักรทางช้างเผือก และโคจรด้วยระยะห่างประมาณ 28,000 ปีแสงจากศูนย์กลางดาราจักร อยู่ในแขนเกลียวนายพรานเหนือกว่าระนาบดาราจักรประมาณ 20 ปีแสง
การเอียงของแกนโลกและฤดูกาล
แกนโลกเอียงประมาณ 23.439281° เทียบกับแกนของระนาบโคจร โดยจะชี้ไปขั้วฟ้าเสมอ เนื่องจากความเอียงของแกนโลก ปริมาณแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบจุดใด ๆ บนพื้นผิวจึงผันแปรไปตามแต่ละช่วงของปี ก่อให้เกิดการเปลี่ยนฤดูกาลในแต่ละภูมิอากาศโดยฤดูร้อนในซีกโลกเหนือจะเกิดขึ้นเมื่อทรอปิกออฟแคนเซอร์หันเข้าหาดวงอาทิตย์ ส่วนฤดูหนาวเกิดเมื่อในซีกโลกใต้หันเข้าหาดวงอาทิตย์ ในระหว่างฤดูร้อน กลางวันจะยาวกว่าและดวงอาทิตย์จะมีตำแหน่งสูงขึ้นบนท้องฟ้า ส่วนในฤดูหนาว ภูมิอากาศจะเย็นลงและกลางวันจะสั้นลง ในละติจูดเขตอบอุ่นทางเหนือดวงอาทิตย์จะขึ้นเหนือกว่าทิศตะวันออกจริงระหว่างครีษมายันและลับฟ้าเหนือกว่าทิศตะวันตกจริง (กลับกันในฤดูหนาว) ในช่วงฤดูร้อนของเขตอบอุ่นในซีกโลกใต้ดวงอาทิตย์จะขึ้นใต้กว่าทิศตะวันออกจริงและลับฟ้าไปใต้กว่าทิศตะวันตกจริง
เหนืออาร์กติกเซอร์เคิลขึ้นไปจะมีกรณีสุดขั้วหนึ่งโดยที่ตลอดช่วงหนึ่งของปีจะไม่มีแสงอาทิตย์ส่องถึงเลย ซึ่งนานสุดหกเดือนเต็ม ณ ขั้วโลกเหนือพอดี เรียกว่ากลางคืนขั้วโลก ส่วนในซีกโลกใต้สถานการณ์จะกลับตรงกันข้ามโดยการที่ขั้วโลกใต้วางตัวในแนวตรงข้ามกับขั้วโลกเหนือ อีกหกเดือนให้หลัง ขั้วโลกเหนือจะเกิดอาทิตย์เที่ยงคืน คือเป็นกลางวันตลอด 24 ชั่วโมง กลับกับขั้วโลกใต้
โดยข้อตกลงทางดาราศาสตร์ ฤดูกาลทั้งสี่นั้นกำหนดโดยอายันซึ่งเป็นจุดในวงโคจรที่แกนโลกเอียงเข้าหาหรือออกจากดวงอาทิตย์มากที่สุด และวิษุวัตซึ่งเป็นจุดที่ทิศทางการเอียงของแกนกับทิศทางสู่ดวงอาทิตย์ตั้งฉากกัน สำหรับซีกโลกเหนือเหมายันจะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 21 ธันวาคม ครีษมายันเกิดขึ้นใกล้กับวันที่ 21 มิถุนายน วสันตวิษุวัตเกิดขึ้นราววันที่ 20 มีนาคม และศารทวิษุวัตจะประมาณวันที่ 23 กันยายน สำหรับซีกโลกใต้สถานการณ์จะกลับกันโดยวันที่เกิดครีษมายันกับเหมายันและวสันตวิษุวัตกับศารทวิษุวัตจะสลับกัน
มุมการเอียงของแกนโลกถือว่าค่อนข้างเสถียรมาช้านาน ความเอียงของแกนยังมีการส่ายซึ่งเป็นการเคลื่อนที่ขึ้นลงเล็กน้อยอย่างไม่สม่ำเสมอโดยมีคาบหลักราว 18.6 ปี ทิศทางการวางตัวของแกนโลก (นอกเหนือจากมุมเอียงแล้ว) ยังมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในลักษณะการหมุนควงโดยครบรอบวัฏจักรในทุก ๆ เวลาประมาณ 25800 ปี ลักษณะการหมุนควงนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ปีดาวฤกษ์กับปีฤดูกาลแตกต่างกัน การเคลื่อนที่ทั้งสองรูปแบบดังกล่าวเกิดขึ้นโดยความดึงดูดที่ผันแปรไปของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่กระทำต่อส่วนโป่งบริเวณศูนย์สูตรของโลก ขั้วโลกทั้งคู่ยังมีการเคลื่อนตำแหน่งได้หลายเมตรไปมาตามพื้นผิวโลก การเคลื่อนของขั้วนี้ประกอบกันขึ้นจากวัฏจักรที่หลากหลายซึ่งเรียกรวม ๆ กันว่าการเคลื่อนกึ่งคาบ ตัวอย่างการเคลื่อนลักษณะนี้ซึ่งเกิดเป็นประจำด้วยวัฏจักรประมาณ 14 เดือนก็คือ (Chandler wobble) อัตราเร็วในการหมุนรอบตัวเองของโลกยังผันแปรไปตามปรากฏการณ์ต่าง ๆ รู้จักกันในชื่อการผันแปรความยาวของวัน
ในสมัยปัจจุบัน จุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดของโลกเกิดขึ้นประมาณวันที่ 3 มกราคม และจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดเกิดขึ้นประมาณวันที่ 4 กรกฎาคม สองวันนี้เปลี่ยนแปลงตลอดอันเนื่องมาจากการเคลื่อนถอยของวิษุวัตและปัจจัยของวงโคจรอย่างอื่น ซึ่งเป็นไปตามแบบแผนเป็นรอบ ๆ เรียก การเปลี่ยนแปลงระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ทำให้พลังงานจากดวงอาทิตย์มาถึงโลกเพิ่มขึ้น ณ จุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดเทียบกับจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดประมาณร้อยละ 6.9 เพราะซีกโลกใต้มีการเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ในเวลาใกล้เคียงกันกับตำแหน่งที่โลกเดินทางเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด ซีกโลกใต้จึงได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์มากกว่าที่ซีกโลกเหนือได้รับเล็กน้อยตลอดช่วงเวลาของปี ผลที่เป็นอยู่นี้มีนัยสำคัญน้อยกว่าการเปลี่ยนแปลงพลังงานอันเนื่องมาจากความเอียงของแกนอยู่มาก และส่วนใหญ่ของพลังงานส่วนเกินที่ได้รับมาจะถูกดูดซับไปโดยน้ำอันเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของซีกโลกใต้
ถิ่นที่อยู่อาศัยได้
ดาวเคราะห์ที่สามารถค้ำจุนต่อสิ่งมีชีวิตได้ เรียกว่า ดาวเคราะห์อยู่อาศัยได้ โดยไม่จำเป็นว่าสิ่งมีชีวิตจะต้องกำเนิดจากดาวเคราะห์นั้น โลกมีน้ำในรูปของเหลว ซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมที่โมเลกุลสารอินทรีย์ซับซ้อนสามารถรวมตัวกันหรือมีอันตรกิริยาต่อกันได้ และมีพลังงานเพียงพอค้ำจุนเมแทบอลิซึม ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์ตลอดจนความเยื้องศูนย์กลางของวงโคจร อัตราการหมุนรอบตัวเอง ความเอียงของแกนดาว ประวัติศาสตร์ธรณีวิทยา การมีชั้นบรรยากาศคอยค้ำจุน และมีสนามแม่เหล็ก ทั้งหมดล้วนเกื้อหนุนให้เกิดสภาพภูมิอากาศที่พื้นผิวดังเช่นในปัจจุบัน
ชีวมณฑล
บ้างมีการกล่าวถึงรูปแบบสิ่งชีวิตต่าง ๆ บนดาวเคราะห์ว่าประกอบขึ้นเป็น "ชีวมณฑล" เชื่อกันทั่วไปว่าชีวมณฑลของโลกเริ่มวิวัฒน์ขึ้นเมื่อประมาณ 3.5 พันล้านปีก่อน จำแนกได้เป็นชีวนิเวศต่าง ๆ กัน ที่มีพืชและสัตว์ต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกันกว้าง ๆ อยู่อาศัย ชีวนิเวศบนดินแบ่งตามหลักใหญ่ได้ตามละติจูด ความสูงจากระดับน้ำทะเล และระดับความชื้นต่าง ๆ ส่วนชีวนิเวศบกที่อยู่ในบริเวณอาร์กติกหรือแอนตาร์กติกเซอร์เคิล, ที่ที่มีระดับความสูงมาก หรือในพื้นที่แล้งสุดขั้ว มีพืชและสัตว์เพียงเล็กน้อย ความหลากหลายของสปีชีส์จะสูงสุดในพื้นที่ลุ่มชื้นบริเวณละติจูดศูนย์สูตร
ทรัพยากรธรรมชาติและการใช้พื้นที่
การใช้พื้นที่ | ล้านเฮกตาร์ |
---|---|
เพาะปลูก | 1,510–1,611 |
ทุ่งหญ้า | 2,500–3,410 |
ป่าธรรมชาติ | 3,143–3,871 |
ป่าปลูก | 126–215 |
พื้นที่เมือง | 66–351 |
ที่ดินก่อประโยชน์ได้แต่ไม่ใช้ | 356–445 |
โลกมีทรัพยากรหลากหลายซึ่งมนุษย์แสวงหาประโยชน์ ทรัพยากรที่เรียก ทรัพยากรไม่หมุนเวียน เช่น เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ จะมีทดแทนตามเวลาทางธรณีวิทยาเท่านั้น
เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ปริมาณมากที่ถูกกักเก็บสามารถขุดเจาะได้จากเปลือกโลก ประกอบด้วยถ่านหิน ปิโตรเลียม และก๊าซธรรมชาติ มนุษย์ใช้เชื้อเพลิงเหล่านี้ทั้งเพื่อการผลิดพลังงานและเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในอุตสาหกรรมเคมี เนื้อสินแร่จำนวนมากยังก่อตัวขึ้นภายในเปลือกโลกผ่านกระบวนการกำเนิดแร่ อันเป็นผลจากการปะทุของหินหลอมเหลว การกัดเซาะ และการแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค วัตถุเหล่านี้เป็นแหล่งเนื้อแร่ของโลหะหลายชนิดตลอดจนธาตุมีประโยชน์อื่น
ชีวภาคของโลกก่อกำเนิดผลิตภัณฑ์ชีวภาพหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ ประกอบด้วยอาหาร ไม้ ยารักษาโรค ออกซิเจน และช่วยรีไซเคิลของเสียอินทรีย์จำนวนมาก ระบบนิเวศบนบกต้องอาศัยหน้าดินและน้ำจืด ในขณะที่ระบบนิเวศมหาสมุทรต้องอาศัยสารอาหารที่ละลายในน้ำซึ่งถูกชะมาจากแผ่นดิน ในปี 1980 พื้นดินของโลก 5053 ล้านเฮกตาร์ (50.53 ล้านตารางกิโลเมตร) เป็นพื้นที่ป่าและต้นไม้ 6788 ล้านเฮกตาร์ (67.88 ล้านตารางกิโลเมตร) เป็นทุ่งหญ้าและทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ และ 1501 ล้านเฮกตาร์ (15.01 ล้านตารางกิโลเมตร) เป็นพื้นที่เกษตรกรรมเพาะปลูก จำนวนพื้นที่ชลประทานโดยประมาณในปี 1993 อยู่ที่ 2481250 ตารางกิโลเมตร (958020 ตารางไมล์) มนุษย์ยังดำรงชีวิตบนพื้นดินโดยใช้วัสดุก่อสร้างขนิดต่าง ๆ ก่อสร้างที่พักอยู่อาศัย
อันตรายทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
พื้นที่บริเวณกว้างบนพื้นผิวโลกเผชิญสภาพอากาศร้ายแรง เช่น พายุหมุนเขตร้อน เฮอริเคน หรือไต้ฝุ่นซึ่งครอบงำสิ่งมีชีวิตในพื้นที่เหล่านั้น ระหว่างปี 1980 ถึง 2000 ภัยธรรมชาติดังกล่าวเป็นสาเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตโดยเฉลี่ย 11,800 รายต่อปี ในหลายที่ยังต้องประสบกับแผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม สึนามิ ภูเขาไฟระเบิด ทอร์นาโด หลุมยุบ น้ำท่วม ไฟป่า และหายนะภัยหรือพิบัติภัยอื่น ๆ
พื้นที่ท้องถิ่นหลายแห่งยังได้รับผลกระทบจากมลพิษทั้งทางน้ำและอากาศอันมีสาเหตุจากมนุษย์ ฝนกรดและสารพิษนานาชนิด การเสียพื้นที่สีเขียว (การทำปศุสัตว์มากเกินไป การทำลายป่า การเกิดทะเลทราย) การสูญเสียสัตว์ป่า การสูญพันธุ์ของสปีชีส์ ดินเสื่อมคุณภาพ ดินถูกทำลายและการกัดเซาะ
มีความเห็นพ้องทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงกิจกรรมของมนุษย์กับปรากฏการณ์โลกร้อนอันเนื่องมาจากการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคอุตสาหกรรม นำไปสู่การคาดคะเนความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น การละลายของธารน้ำแข็งและพืดน้ำแข็ง พิสัยอุณหภูมิที่รุนแรงมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญของลมฟ้าอากาศและการเพิ่มของระดับน้ำทะเลปานกลางทั่วโลก
ภูมิศาสตร์มนุษย์
วิชาการเขียนแผนที่ซึ่งทำการศึกษาและสร้างแผนที่ในเชิงปฏิบัติ วิชาภูมิศาสตร์ซึ่งทำการศึกษาพื้นที่ ภูมิประเทศ ผู้อยู่อาศัย และปรากฏการณ์ต่าง ๆ บนโลก ล้วนมีประวัติศาสตร์อันแข็งขันที่อุทิศแก่การพรรณนาโลก วิศวกรรมสำรวจซึ่งทำการกำหนดที่ตั้งและระยะทาง ตลอดจนขอบเขตอีกบางส่วนจากการเดินเรืออันต้องกำหนดตำแหน่งและทิศทาง ก็ได้มีการพัฒนาขึ้นร่วมไปกับวิชาการเขียนแผนที่และภูมิศาสตร์ ทั้งหมดนั้นได้อำนวยและให้ปริมาณข้อสนเทศที่จำเป็นได้อย่างเหมาะสม
จำนวนประชากรมนุษย์บนโลกได้เพิ่มขึ้นถึงเจ็ดพันล้านคนโดยประมาณในวันที่ 31 ตุลาคม 2011 ผลการคาดคะเนชี้ว่าประชากรมนุษย์บนโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 9.2 พันล้านคนในปี 2050 จำนวนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่นั้นคาดอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ความหนาแน่นของประชากรมนุษย์ผันแปรมากทั่วโลก โดยส่วนใหญ่อยู่อาศัยในทวีปเอเชีย เมื่อถึงปี 2020 คาดว่าราวร้อยละ 60 ของประชากรโลกจะอยู่อาศัยในเมืองมากกว่าในพื้นที่แถบชนบท
ประมาณกันว่าพื้นที่หนึ่งในแปดของผิวโลกเหมาะสมต่อการอยู่อาศัยของมนุษย์ โดยที่พื้นที่ราวสามในสี่ของผิวโลกถปกคลุมด้วยมหาสมุทร มีเพียงหนึ่งในสี่เท่านั้นที่เป็นแผ่นดินกว่าครึ่งของแผ่นดินเป็นพื้นที่แห้งแล้ง (ร้อยละ 14) ภูเขาสูง (ร้อยละ 27) หรือพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ นิคมถาวรเหนือสุดของโลก คือ เมืองอเลิร์ท บนเกาะเอลสเมียร์ ในนูนาวุต ประเทศแคนาดา (82°28′เหนือ) ส่วนตำแหน่งใต้สุดคือ ในทวีปแอนตาร์กติกา โดยมีที่ตั้งเกือบตำแหน่งเดียวกันกับขั้วโลกใต้ (90°ใต้)
รัฐเอกราชอ้างสิทธิ์เหนือพื้นผิวดินทั้งหมดของโลกยกเว้นเพียงบางส่วนของทวีปแอนตาร์กติกา แปลงที่ดินเล็ก ๆ ตามฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดานูบ และพื้นที่ไม่มีการอ้างสิทธิ์บริเวณบีทาวิลซึ่งอยู่ระหว่างประเทศอียิปต์และซูดาน ในปี 2015 โลกมีรัฐสมาชิกสหประชาชาติ 193 รัฐ บวกรัฐผู้สังเกตการณ์ 2 รัฐ และดินแดนในภาวะพึ่งพิงและรัฐที่ได้รับการรับรองจำกัด 72 ดินแดนและรัฐ ในประวัติศาสตร์โลกยังไม่เคยมีรัฐบาลเอกราชใดมีอำนาจเหนือโลกทั้งใบ บางรัฐชาติจำนวนหนึ่งที่เคยพยายามครองโลกแต่ล้มเหลว
สหประชาชาติเป็นทั่วโลก ก่อตั้งขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อเข้าแทรกแซงกรณีพิพาทระหว่างชาติรัฐต่าง ๆ จึงหลีกเลี่ยงการขัดกันด้วยอาวุธ สหประชาชาติใช้เป็นที่สำหรับการทูตระหว่างประเทศตลอดจนกฎหมายระหว่างประเทศเป็นหลัก ต่อเมื่อมีฉันทามติจากชาติสมาชิกอนุญาตแล้วจึงมีกลไกเข้าแทรกแซงด้วยกำลังได้
มนุษย์คนแรกที่ได้โคจรรอบโลกคือ ยูริ กาการิน เมื่อวันที่ 12 เมษายน 1961 หากนับรวมทั้งหมดจนถึง 30 กรกฎาคม 2010 มีมนุษย์ทั้งสิ้นราว 487 คนเคยเยือนอวกาศและในจำนวนนี้ สิบสองคนเคยเดินบนดวงจันทร์ ปกติมนุษย์ในอวกาศมีเฉพาะที่อยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติเท่านั้น ลูกเรือของสถานีมีจำนวนทั้งสิ้นหกคนซึ่งจะมีการผลัดเปลี่ยนการปฏิบัติภารกิจทุกหกเดือน ระยะทางที่ไกลที่สุดที่มนุษย์เคยเดินทางออกไปจากโลกคือ 400171 กิโลเมตร โดยเกิดขึ้นในระหว่างภารกิจ อะพอลโล 13 ในปี 1970
ดวงจันทร์
ภาพจันทร์เต็มดวงเมื่อมองจากซีกโลกเหนือ | |
เส้นผ่านศูนย์กลาง | 3474.8 กม. |
มวล | 7.349×1022 กก. |
กึ่งแกนเอก | 384,400 กม. |
คาบการโคจร | 27 ว 7 ช 43.7 น |
ดวงจันทร์เป็นดาวบริวารขนาดค่อนข้างใหญ่ มีพื้นผิวแข็ง คล้ายดาวเคราะห์โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณหนึ่งในสี่ของโลก เป็นดาวบริวารขนาดใหญ่สุดในระบบสุริยะเมื่อเทียบสัดส่วนกับดาวเคราะห์ แม้ว่าแครอนมีขนาดใหญ่กว่าเมื่อเทียบสัดส่วนกับดาวเคราะห์แคระพลูโต ดาวบริวารที่โคจรรอบดาวเคราะห์อื่น ๆ ก็เรียก "ดวงจันทร์" ตามดวงจันทร์ของโลก
การดึงเชิงโน้มถ่วงระหว่างโลกและดวงจันทร์ก่อให้เกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงบนโลก ผลเช่นเดียวกันที่เกิดกับดวงจันทร์นำไปสู่ภาวะการตรึงด้วยแรงไทด์ (tidal locking) ทำให้ระยะเวลาในการหมุนรอบตัวเองของดวงจันทร์เท่ากันกับเวลาที่ใช้โคจรรอบโลก ผลคือดวงจันทร์จะหันด้านเดียวเข้าหาโลกเสมอ ในขณะที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกแต่ละรอบ พื้นผิวส่วนต่าง ๆ ของหน้าที่หันสู่โลกจะได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ นำไปสู่ปรากฏการณ์ข้างขึ้นข้างแรม ส่วนหน้ามืดแยกออกจากส่วนสว่างโดยเขตสนธยาสุริยะ (solar terminator)
จากอันตรกิริยาน้ำขึ้นน้ำลง ดวงจันทร์จึงถอยห่างออกไปจากโลกในอัตราประมาณ 38 มิลลิเมตรต่อปี อีกหลายล้านปีข้างหน้าการเคลื่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ รวมถึงวันของโลกที่ยาวขึ้นประมาณ 23 ไมโครวินาทีทุกปี จะทวีขึ้นจนกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น ในระหว่างยุคดีโวเนียนเมื่อประมาณ 410 ล้านปีก่อน หนึ่งปีโลกมี 400 วัน โดยวันหนึ่งมีเวลา 21.8 ชั่วโมง
ดวงจันทร์อาจมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตโดยการช่วยบรรเทาภูมิอากาศของโลกไม่ให้รุนแรงเกินไป หลักฐานบรรพชีวินวิทยาและแบบจำลองคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นว่าความเอียงของแกนโลกมีเสถียรภาพอยู่ได้โดยอันตรกิริยาขึ้นลงกับดวงจันทร์ นักทฤษฎีบางส่วนเชื่อว่าหากปราศจากเสถียรภาพนี้เมื่อต้องเผชิญกับที่ส่งมาจากจากดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์อื่น ๆ ที่กระทำต่อส่วนโป่งบริเวณศูนย์สูตรของโลกแล้ว แกนหมุนของโลกอาจไร้เสถียรภาพถึงขั้นโกลาหล โดยจะแสดงการเปลี่ยนแปลงอย่างสับสนอลหม่านในทุก ๆ หลายล้านปีดังในกรณีของดาวอังคาร
เมื่อมองจากโลก ดวงจันทร์อยู่ห่างออกไปพอให้ขนาดปรากฏของดวงจันทร์เกือบเท่ากับขนาดปรากฏของดวงอาทิตย์ ขนาดเชิงมุม (หรือมุมตัน) ของวัตถุทั้งสองเสมอกันเพราะเส้นผ่านศูนย์กลางของดวงอาทิตย์แม้จะมากกว่าของดวงจันทร์ร่วม 400 เท่า แต่ระยะทางมาถึงโลกก็ไกลกว่า 400 เท่าด้วยเช่นกัน สภาพดังกล่าวเป็นสาเหตุให้สุริยุปราคาทั้งแบบเต็มดวงและแบบวงแหวนปรากฏบนโลกได้
ทฤษฎีการกำเนิดดวงจันทร์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคือ โดยกล่าวว่าดวงจันทร์เกิดขึ้นจากที่ดาวเคราะห์ยุคแรกขนาดเท่าดาวอังคารชื่อ เธีย พุ่งชนโลกระยะแรก สมมติฐานนี้อธิบายเกี่ยวกับปริมาณเหล็กและธาตุระเหยง่ายที่ไม่ค่อยพบบนดวงจันทร์ ตลอดจนข้อเท็จจริงที่องค์ประกอบของดวงจันทร์แทบเหมือนกับองค์ประกอบของเปลือกโลก
ดาวเคราะห์น้อยและดาวเทียม
โลกมีดาวเคราะห์น้อยร่วมวงโคจรอย่างน้อยห้าดวงด้วยกัน อาทิเช่น 3753 ครูอิทเนและ ดาวเคราะห์น้อยโทรจันร่วมทางได้แก่ ซึ่งเคลื่อนไปตามเส้นทางล้ำหน้าโลก ณ ตำแหน่ง (Lagrange triangular point) หรือแอล4 ในวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
ดาวเคราะห์น้อยใกล้โลกขนาดเล็ก เข้าเฉียดระบบโลก–ดวงจันทร์ประมาณทุก 20 ปี ระหว่างการเฉียดแต่ละครั้ง สามารถโคจรรอบโลกได้ช่วงสั้น ๆ จนถึงเดือนมิถุนายน 2016 มีดาวเทียมในระหว่างปฏิบัติการ 1,419 ดวงโคจรรอบโลก ยังมีดาวเทียมที่ยุติการใช้งานแล้วและขยะอวกาศที่มีการติดตามอีก 17,729 ชิ้น ดาวเทียมใหญ่สุดของโลกคือสถานีอวกาศนานาชาติ
มุมมองด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
สัญลักษณ์ทางดาราศาสตร์มาตรฐานของโลกประกอบด้วยกากบาทที่มีวงกลมล้อมรอบอยู่ เป็นตัวแทนของสี่มุมโลก
วัฒนธรรมมนุษย์พัฒนามุมมองต่าง ๆ ของโลก บางทีโลกก็มีบุคลาธิษฐานเป็นเทพเจ้า ในหลายวัฒนธรรม เทพมารดา (mother goddess) เป็นเทพเจ้าความอุดมสมบูรณ์หลักด้วย และเมื่อกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 หลักไกอาเปรียบเทียบสิ่งแวดล้อมของโลกกับสิ่งมีชีวิตเป็นสิ่งมีชีวิตกำกับตัวเองเดี่ยว ๆ ที่นำไปสู่การสร้างเสถียรภาพอย่างกว้างขวางซึ่งภาวะการอยู่อาศัยได้ ปรัมปราการสรรค์สร้างในหลายศาสนามีว่า เทพเจ้าเหนือธรรมชาติพระองค์เดียวหรือหลายพระองค์ทรงสร้างโลก
การสอบสวนทางวิทยาศาสตร์ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในมุมมองของมนุษย์ต่อโลก ในโลกตะวันตก ความเชื่อเรื่องโลกแบน ถูกแทนด้วยโลกทรงกลมอันเนื่องจากพีทาโกรัสในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล ต่อมาเชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลางของเอกภพจนคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมื่อนักวิทยาศาสตร์ตั้งทฤษฎีว่าโลกเป็นวัตถุเคลื่อที่โดยเทียบกับดาวเคราะห์อื่นในระบบสุริยะครั้งแรก เนื่องจากความพยายามของนักวิชาการคริสต์ศาสนิกชนผู้ทรงอิทธิพลและนักบวชอย่างเจมส์ อัชเชอร์ ผู้มุ่งหาอายุของโลกผ่านการวิเคราะห์พงศาวลีวิทยาในคัมภีร์ไบเบิล ชาวตะวันตกก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยทั่วไปจึงเชื่อว่าโลกมีอายุเก่าสุดไม่กี่พันปี จนระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 19 ที่นักธรณีวิทยาทราบว่าโลกมีอายุหลายล้านปีแล้ว
ลอร์ดเคลวินใช้อุณหพลศาสตร์คาดคะเนอายุของโลกไว้ระหว่าง 20 ถึง 400 ล้านปีในปี 1864 ทำให้เกิดการอภิปรายอย่างเข้มข้นในเรื่องนี้ จนเมื่อมีการค้นพบกัมมันตภาพรังสีและการวัดอายุจากกัมมันตรังสีในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ที่มีกลไกน่าเชื่อถือสำหรับการหาอายุของโลก พิสูจน์ว่าโลกมีอายุในหลักพันล้านปี มโนทัศน์ของโลกเปลี่ยนอีกครั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อมนุษย์มองโลกครั้งแรกจากวงโคจร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยภาพถ่ายของโลกที่โครงการอะพอลโลส่งกลับมา
เชิงอรรถ
- ปริมาณทางดาราศาสตร์ทุกค่าผันแปรไปได้ทั้งแบบสืบเนื่องและแบบรายคาบ ปริมาณที่ระบุเป็นค่า ณ จุดเจ2000.0 ของการผันแปรสืบเนื่องโดยตัดความผันแปรรายคาบออก
- จุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุด = a × (1 + e); จุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด = a × (1 – e), โดย a คือค่ากึ่งแกนเอก และ e คือค่าความเยื้องศูนย์กลาง ความแตกต่างระหว่างจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดและจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดของโลกอยู่ที่ 5 ล้านกิโลเมตร
- เนื่องจากความผันผวนตามธรรมชาติ ความไม่แน่ชัดบริเวณรอบ และตัวแบบแผนที่จาก ค่าที่แท้จริงของพื้นดินและพื้นที่มหาสมุทรปกคลุมถือว่าไม่มีนัยสำคัญ อาศัยข้อมูลจาก (VMAP) และชุดข้อมูลของ โกลบอลแลนด์โคเวอร์ 2015-03-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ค่าสูงสุดของพื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยทะเลสาบและทางน้ำอยู่ที่ร้อยละ 0.6 และ 1.0 ของพื้นผิวโลก โล่น้ำแข็งแอนตาร์กติกาและกรีนแลนด์ถูกนับเป็นพื้นดินด้วยแม้ว่าส่วนใหญ่ของหินที่รองรับนั้นจะวางตัวอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลก็ตาม
- จำนวนวันสุริยะในหนึ่งปีน้อยกว่าจำนวนวันของวันดาวฤกษ์ไปหนึ่งวันเพราะการเคลื่อนที่ในวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์จึงเกิดส่วนเพิ่มล้ำหน้าตามแกนการหมุนของดาวเคราะห์
- เช่นใน Beowulf (1531-33):
Wearp ða wundelmæl wrættum gebunden
yrre oretta, þæt hit on eorðan læg,
stið ond stylecg.
"He threw the artfully-wound sword so that it lay upon the earth, firm and sharp-edged." - เช่นในคำอธิบายภาษาอังกฤษโบราณของ Lindisfarne Gospels (:7):
Succidite ergo illam ut quid etiam terram occupat: hrendas uel scearfað forðon ðailca uel hia to huon uutedlice eorðo gionetað uel gemerras.
"Remove it. Why should it use up the soil?" - เช่นใน ของ (ปฐมกาล 1:10):
Ond God gecygde ða drignysse eorðan ond ðære wætera gegaderunge he het sæ.
"And God called the dry land Earth; and the gathering together of the waters called he Seas." - เช่นใน (:18):
Me is geseald ælc anweald on heofonan & on eorðan.
"All authority in heaven and on earth has been given to me." - เช่นใน 's (112-16):
her ærest gesceop ece drihten,
helm eallwihta, heofon and eorðan,
rodor arærde and þis rume land
gestaþelode strangum mihtum,
frea ælmihtig.
"Here first with mighty power the Everlasting Lord, the Helm of all created things, Almighty King, made earth and heaven, raised up the sky and founded the spacious land." - As in 's On the Seasons of the Year (Ch. 6, §9):
Seo eorðe stent on gelicnysse anre pinnhnyte, & seo sunne glit onbutan be Godes gesetnysse.
"The earth can be compared to a pine cone, and the sun glides around it by God's decree. - หากเปรียบขนาดของโลกเท่าลูกบิลเลียด บางบริเวณของโลกเช่นแนวสันเขาและร่องลึกก้นมหาสมุทรต่าง ๆ ก็จะให้ความรู้สึกไม่ต่างกับตำหนิที่เล็กน้อยมาก ในขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกเช่นที่ราบใหญ่บนพื้นดินหรือที่ราบก้นสมุทรก็จะให้ความรู้สึกเรียบเนียน
- แต่ละท้องที่ผันแปรระหว่าง 5 และ 200 กิโลเมตร
- แต่ละท้องที่ผันแปรระหว่าง 5 และ 70 กิโลเมตร
- ประกอบด้วยซึ่งเกิดแยกตัวออกจากแผ่นแอฟริกา ดู: Chorowicz, Jean (October 2005). "The East African rift system". Journal of African Earth Sciences. 43 (1–3): 379–410. Bibcode:2005JAfES..43..379C. doi:10.1016/j.jafrearsci.2005.07.019.
- เป็นผลการตรวจวัดจากยานอาร์โอวี เมื่อมีนาคม 1995 (๒๕๓๘) และเชื่อว่าเป็นการตรวจวัดที่แม่นยำที่สุดจวบจนบัดนี้ ดูหัวข้อแชลเลนเจอร์ดีปสำหรับรายละเอียดที่มากขึ้น
- Aoki, แหล่งข้อมูลทางการของตัวเลขนี้ ใช้ศัพท์ "วินาทีของยูที1" แทนที่ "วินาทีของเวลาสุริยคติกลาง".—Seidelmann, S.; Kinoshita, H.; Guinot, B.; Kaplan, G. H.; McCarthy, D. D.; Seidelmann, P. K. (1982). "The new definition of universal time". Astronomy and Astrophysics. 105 (2): 359–61. Bibcode:1982A&A...105..359A.
- สำหรับโลก เท่ากับ , โดย m คือมวลของโลก a คือหน่วยดาราศาสตร์ และ M คือมวลดวงอาทิตย์ ดังนั้นรัศมีในหน่วยดาราศาสตร์จะประมาณ
- จุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดคิดเป็นระยะทางเทียบกับจุดใกล้ที่สุดคือร้อยละ 103.4 หากคำนวณตามกฎการผกผันกำลังสอง ปริมาณรังสีที่ได้รับ ณ จุดใกล้ที่สุดจะประมาณร้อยละ 106.9 ของพลังงาน ณ จุดไกลที่สุด
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- Standish, E. Myles; Williams, James C. "Orbital Ephemerides of the Sun, Moon, and Planets" (PDF). International Astronomical Union Commission 4: (Ephemerides). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-10-14. สืบค้นเมื่อ 2010-04-03. See table 8.10.2. Calculation based upon 1 AU = 149,597,870,700(3) m.
- Staff (13 March 2021). "Useful Constants". . สืบค้นเมื่อ 8 June 2022.
- Williams, David R. (2004-09-01). "Earth Fact Sheet". NASA. สืบค้นเมื่อ 2010-08-09.
- "Earth Mean Anomaly". . สืบค้นเมื่อ 30 December 2014.
- Allen, Clabon Walter; Cox, Arthur N. (2000). Allen's Astrophysical Quantities. Springer. p. 294. ISBN . สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- Various (2000). David R. Lide (บ.ก.). Handbook of Chemistry and Physics (81st ed.). CRC. ISBN .
- . The Astronomical Almanac. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-26. สืบค้นเมื่อ 2011-02-25.
- (WGS-84). Available online from .
- International Earth Rotation and Reference Systems Service (IERS) Working Group (2004). "General Definitions and Numerical Standards" (PDF). ใน ; Petit, Gérard (บ.ก.). IERS Conventions (2003) (PDF). IERS Technical Note No. 32. Frankfurt am Main: Verlag des Bundesamts für Kartographie und Geodäsie. p. 12. ISBN . สืบค้นเมื่อ 29 April 2016.
- Humerfelt, Sigurd (October 26, 2010). "How WGS 84 defines Earth". สืบค้นเมื่อ 2011-04-29.
- Earth's is almost exactly 40,000 km because the metre was calibrated on this measurement—more specifically, 1/10-millionth of the distance between the poles and the equator.
- Pidwirny, Michael (2006-02-02). "Surface area of our planet covered by oceans and continents.(Table 8o-1)". University of British Columbia, Okanagan. สืบค้นเมื่อ 2007-11-26.
{{}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
((help)) - Staff (2008-07-24). . The World Factbook. Central Intelligence Agency. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-05. สืบค้นเมื่อ 2008-08-05.
- . NASA. 13 December 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-11-13. สืบค้นเมื่อ 22 January 2012.
- (PDF) (2008 ed.). , Special Publication 330. p. 52. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-06-03. สืบค้นเมื่อ 2015-01-31.
- Williams, James G. (1994). "Contributions to the Earth's obliquity rate, precession, and nutation". The Astronomical Journal. 108: 711. Bibcode:1994AJ....108..711W. doi:10.1086/117108. ISSN 0004-6256.
- Allen, Clabon Walter; Cox, Arthur N. (2000). Allen's Astrophysical Quantities. Springer. p. 296. ISBN . สืบค้นเมื่อ 2010-08-17.
- Arthur N. Cox, บ.ก. (2000). Allen's Astrophysical Quantities (4th ed.). New York: AIP Press. p. 244. ISBN . สืบค้นเมื่อ 2010-08-17.
- . WMO Weather and Climate Extremes Archive. Arizona State University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-06-16. สืบค้นเมื่อ 2010-08-07.
- Kinver, Mark (December 10, 2009). "Global average temperature may hit record level in 2010". . สืบค้นเมื่อ 2010-04-22.
- . WMO Weather and Climate Extremes Archive. Arizona State University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-04. สืบค้นเมื่อ 2010-08-07.
- National Oceanic and Atmospheric Administration (5 December 2014). "Trends in Atmospheric Carbon Dioxide". .
- "Age of the Earth". U.S. Geological Survey. 1997. จากแหล่งเดิมเมื่อ 23 December 2005. สืบค้นเมื่อ 10 January 2006.
- Dalrymple, G. Brent (2001). "The age of the Earth in the twentieth century: a problem (mostly) solved". Special Publications, Geological Society of London. 190 (1): 205–21. Bibcode:2001GSLSP.190..205D. doi:10.1144/GSL.SP.2001.190.01.14.
- Manhesa, Gérard; Allègre, Claude J.; Dupréa, Bernard & Hamelin, Bruno (1980). "Lead isotope study of basic-ultrabasic layered complexes: Speculations about the age of the earth and primitive mantle characteristics". . 47 (3): 370–82. Bibcode:1980E&PSL..47..370M. doi:10.1016/0012-821X(80)90024-2.
- Yoder, Charles F. (1995). T. J. Ahrens (บ.ก.). . Washington: American Geophysical Union. p. 8. ISBN . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-04-21. สืบค้นเมื่อ 2007-03-17.
- Laskar, J.; และคณะ (2004). "A long-term numerical solution for the insolation quantities of the Earth". Astronomy and Astrophysics. 428 (1): 261–85. Bibcode:2004A&A...428..261L. doi:10.1051/0004-6361:20041335.
- National Oceanic and Atmospheric Administration. . NOAA.gov. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-04-24. สืบค้นเมื่อ 3 May 2013.
- See:
- Dalrymple, G.B. (1991). The Age of the Earth. California: Stanford University Press. ISBN .
- Newman, William L. (2007-07-09). "Age of the Earth". Publications Services, USGS. สืบค้นเมื่อ 2007-09-20.
- Dalrymple, G. Brent (2001). "The age of the Earth in the twentieth century: a problem (mostly) solved". Geological Society, London, Special Publications. 190 (1): 205–21. Bibcode:2001GSLSP.190..205D. doi:10.1144/GSL.SP.2001.190.01.14. สืบค้นเมื่อ 2007-09-20.
- Stassen, Chris (2005-09-10). "The Age of the Earth". . สืบค้นเมื่อ 2008-12-30.
- Borenstein, Seth (19 October 2015). "Hints of life on what was thought to be desolate early Earth". . Yonkers, NY: . Associated Press. สืบค้นเมื่อ 20 October 2015.
- Bell, Elizabeth A.; Boehnike, Patrick; Harrison, T. Mark; และคณะ (19 October 2015). (PDF). Proc. Natl. Acad. Sci. U.S.A. Washington, D.C.: National Academy of Sciences. 112 (47): 14518–21. Bibcode:2015PNAS..11214518B. doi:10.1073/pnas.1517557112. ISSN 1091-6490. PMC 4664351. PMID 26483481. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2015-11-06. สืบค้นเมื่อ 20 October 2015. Early edition, published online before print.
- Sahney, S., Benton, M.J. and Ferry, P.A. (27 January 2010). "Links between global taxonomic diversity, ecological diversity and the expansion of vertebrates on land" (PDF). Biology Letters. 6 (4): 544–47. doi:10.1098/rsbl.2009.1024. PMC 2936204. PMID 20106856.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Stearns, Beverly Peterson; Stearns, S. C.; Stearns, Stephen C. (1 August 2000). Watching, from the Edge of Extinction. . p. 1921. ISBN . สืบค้นเมื่อ 27 December 2014.
- Novacek, Michael J. (8 November 2014). "Prehistory's Brilliant Future". New York Times. สืบค้นเมื่อ 25 December 2014.
- May, Robert M. (1988). "How many species are there on earth?". Science. 241 (4872): 1441–1449. Bibcode:1988Sci...241.1441M. doi:10.1126/science.241.4872.1441. PMID 17790039.
- Miller, G.; Spoolman, Scott (1 January 2012). "Biodiversity and Evolution". Environmental Science. . p. 62. ISBN . สืบค้นเมื่อ 27 December 2014.
- Staff (2 May 2016). "Researchers find that Earth may be home to 1 trillion species". National Science Foundation. สืบค้นเมื่อ 6 May 2016.
- Mora, C.; Tittensor, D.P.; Adl, S.; Simpson, A.G.; Worm, B. (23 August 2011). "How many species are there on Earth and in the ocean?". . 9 (8): e1001127. doi:10.1371/journal.pbio.1001127. PMC 3160336. PMID 21886479.
- มหาวรรค ญาณกถา ข้อ ๒๗๕, พระไตรปิฎก เล่มที่ 31 พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค
- อรรถาธิบาย โลกวิทู, พระไตรปิฎกอรรถกถา เล่มที่ 1 อรรถกถาพระวินัย สมันตปาสาทิกา มหาวิภังควรรณนา
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-04-24. สืบค้นเมื่อ 2015-01-31.
- Oxford English Dictionary, 3rd ed. "earth, n.¹" Oxford University Press (Oxford), 2010.
- Including eorþe, erþe, erde, and erthe.
- The New Oxford Dictionary of English, 1st ed. "earth". Oxford University Press (Oxford), 1998. .
- Beowulf. Trans. Chad Matlick in "Beowulf: Lines 1399 to 1799". West Virginia University. Accessed 5 Aug 2014. (อังกฤษโบราณ) & (อังกฤษ)
- Mounce Reverse-Intralinear New Testament: "Luke 13:7". Hosted at Bible Gateway. 2014. Accessed 5 Aug 2014. (กรีกโบราณ) & (อังกฤษ)
- Ælfric of Eynsham. Heptateuch. Reprinted by S.J. Crawford as The Old English Version of the Heptateuch, Ælfric’s Treatise on the Old and New Testament and his Preface to Genesis. Humphrey Milford (London), 1922. 2015-03-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Hosted at Wordhord. Accessed 5 Aug 2014. (อังกฤษโบราณ)
- King James Version of the Bible: "Genesis 1:10". Hosted at Bible Gateway. 2014. Accessed 5 August 2014.
- Mounce Reverse-Intralinear New Testament: "Matthew 28:18". Hosted at Bible Gateway. 2014. Accessed 5 Aug 2014. (กรีกโบราณ) & (อังกฤษ)
- "Genesis A". Hosted at the Dept. of Linguistic Studies at the University of Padua. Accessed 5 August 2014. (อังกฤษโบราณ)
- Killings, Douglas. Codex Junius 11, I.ii. 1996. Hosted at Project Gutenberg. Accessed 5 August 2014.
- Ælfric, Abbot of Eynsham. "De temporibus annis" Trans. P. Baker as "On the Seasons of the Year 2015-01-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน". Hosted at Old English at the University of Virginia, 1998. Accessed 6 August 2014.
- . , Ch. 40.
- . Trans. Angela Hall as Dictionary of Northern Mythology, p. 179. , 2007. .
- Bowring, S.; Housh, T. (1995). "The Earth's early evolution". Science. 269 (5230): 1535–40. Bibcode:1995Sci...269.1535B. doi:10.1126/science.7667634. PMID 7667634.
- Yin, Qingzhu; Jacobsen, S. B.; Yamashita, K.; Blichert-Toft, J.; Télouk, P.; Albarède, F. (2002). "A short timescale for terrestrial planet formation from Hf-W chronometry of meteorites". Nature. 418 (6901): 949–52. Bibcode:2002Natur.418..949Y. doi:10.1038/nature00995. PMID 12198540.
- Kleine, Thorsten; Palme, Herbert; Mezger, Klaus; Halliday, Alex N. (2005-11-24). "Hf-W Chronometry of Lunar Metals and the Age and Early Differentiation of the Moon". Science. 310 (5754): 1671–74. Bibcode:2005Sci...310.1671K. doi:10.1126/science.1118842. PMID 16308422.
- Reilly, Michael (October 22, 2009). . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-09. สืบค้นเมื่อ 2010-01-30.
- Canup, R. M.; Asphaug, E. (2001). An impact origin of the Earth-Moon system. American Geophysical Union, Fall Meeting 2001. Abstract #U51A-02. Bibcode:2001AGUFM.U51A..02C.
- Canup, R.; Asphaug, E. (2001). "Origin of the Moon in a giant impact near the end of the Earth's formation". Nature. 412 (6848): 708–12. Bibcode:2001Natur.412..708C. doi:10.1038/35089010. PMID 11507633.
- Morbidelli, A.; และคณะ (2000). "Source regions and time scales for the delivery of water to Earth". Meteoritics & Planetary Science. 35 (6): 1309–20. Bibcode:2000M&PS...35.1309M. doi:10.1111/j.1945-5100.2000.tb01518.x.
- Guinan, E. F.; Ribas, I. Benjamin Montesinos, Alvaro Gimenez and Edward F. Guinan (บ.ก.). Our Changing Sun: The Role of Solar Nuclear Evolution and Magnetic Activity on Earth's Atmosphere and Climate. ASP Conference Proceedings: The Evolving Sun and its Influence on Planetary Environments. San Francisco: Astronomical Society of the Pacific. Bibcode:2002ASPC..269...85G. ISBN .
- Staff (March 4, 2010). "Oldest measurement of Earth's magnetic field reveals battle between Sun and Earth for our atmosphere". Physorg.news. สืบค้นเมื่อ 2010-03-27.
- Rogers, John James William; Santosh, M. (2004). Continents and Supercontinents. Oxford University Press US. p. 48. ISBN .
- Hurley, P. M.; Rand, J. R. (Jun 1969). "Pre-drift continental nuclei". Science. 164 (3885): 1229–42. Bibcode:1969Sci...164.1229H. doi:10.1126/science.164.3885.1229. PMID 17772560.
- De Smet, J.; Van Den Berg, A.P.; Vlaar, N.J. (2000). "Early formation and long-term stability of continents resulting from decompression melting in a convecting mantle". Tectonophysics. 322 (1–2): 19. Bibcode:2000Tectp.322...19D. doi:10.1016/S0040-1951(00)00055-X.
- Armstrong, R. L. (1968). "A model for the evolution of strontium and lead isotopes in a dynamic earth". Reviews of Geophysics. 6 (2): 175–99. Bibcode:1968RvGSP...6..175A. doi:10.1029/RG006i002p00175.
- Harrison, T.; และคณะ (December 2005). "Heterogeneous Hadean hafnium: evidence of continental crust at 4.4 to 4.5 ga". Science. 310 (5756): 1947–50. Bibcode:2005Sci...310.1947H. doi:10.1126/science.1117926. PMID 16293721.
- Hong, D.; Zhang, Jisheng; Wang, Tao; Wang, Shiguang; Xie, Xilin (2004). "Continental crustal growth and the supercontinental cycle: evidence from the Central Asian Orogenic Belt". Journal of Asian Earth Sciences. 23 (5): 799. Bibcode:2004JAESc..23..799H. doi:10.1016/S1367-9120(03)00134-2.
- Armstrong, R. L. (1991). "The persistent myth of crustal growth". Australian Journal of Earth Sciences. 38 (5): 613–30. Bibcode:1991AuJES..38..613A. doi:10.1080/08120099108727995.
- Murphy, J. B.; Nance, R. D. (1965). "How do supercontinents assemble?". American Scientist. 92 (4): 324–33. doi:10.1511/2004.4.324. สืบค้นเมื่อ 2007-03-05.
- Staff. "Paleoclimatology – The Study of Ancient Climates". Page Paleontology Science Center. สืบค้นเมื่อ 2007-03-02.
- Doolittle, W. Ford; Worm, Boris (February 2000). (PDF). Scientific American. 282 (6): 90–95. doi:10.1038/scientificamerican0200-90. PMID 10710791. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-07-15. สืบค้นเมื่อ 2015-01-31.
- (3 October 2013). "Earth's Oxygen: A Mystery Easy to Take for Granted". New York Times. สืบค้นเมื่อ 3 October 2013.
- Berkner, L. V.; Marshall, L. C. (1965). "On the Origin and Rise of Oxygen Concentration in the Earth's Atmosphere". Journal of Atmospheric Sciences. 22 (3): 225–61. Bibcode:1965JAtS...22..225B. doi:10.1175/1520-0469(1965)022<0225:OTOARO>2.0.CO;2.
- Burton, Kathleen (2002-11-29). . NASA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-11. สืบค้นเมื่อ 2007-03-05.
- Borenstein, Seth (13 November 2013). "Oldest fossil found: Meet your microbial mom". . สืบค้นเมื่อ 15 November 2013.
- Noffke, Nora; Christian, Daniel; Wacey, David; Hazen, Robert M. (8 November 2013). "Microbially Induced Sedimentary Structures Recording an Ancient Ecosystem in the ca. 3.48 Billion-Year-Old Dresser Formation, Pilbara, Western Australia". . 13 (12): 1103–24. Bibcode:2013AsBio..13.1103N. doi:10.1089/ast.2013.1030. PMC 3870916. PMID 24205812. สืบค้นเมื่อ 15 November 2013.
- Yoko Ohtomo; Takeshi Kakegawa; Akizumi Ishida; Toshiro Nagase; Minik T. Rosing (8 December 2013). "Evidence for biogenic graphite in early Archaean Isua metasedimentary rocks". . doi:10.1038/ngeo2025. สืบค้นเมื่อ 9 Dec 2013.
- Tyrell, Kelly April (18 December 2017). "Oldest fossils ever found show life on Earth began before 3.5 billion years ago". University of Wisconsin-Madison. สืบค้นเมื่อ 18 December 2017.
- Schopf, J. William; Kitajima, Kouki; Spicuzza, Michael J.; Kudryavtsev, Anatolly B.; Valley, John W. (2017). . . 115: 53. doi:10.1073/pnas.1718063115. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-23. สืบค้นเมื่อ 19 December 2017.
- Kirschvink, J. L. (1992). Schopf, J.W.; Klein, C.; Des Maris, D (บ.ก.). Late Proterozoic low-latitude global glaciation: the Snowball Earth. The Proterozoic Biosphere: A Multidisciplinary Study. Cambridge University Press. pp. 51–52. ISBN .
- Raup, D. M.; Sepkoski Jr, J. J. (1982). "Mass Extinctions in the Marine Fossil Record". Science. 215 (4539): 1501–03. Bibcode:1982Sci...215.1501R. doi:10.1126/science.215.4539.1501. PMID 17788674.
- Gould, Stephan J. (October 1994). "The Evolution of Life on Earth". Scientific American. 271 (4): 84–91. doi:10.1038/scientificamerican1094-84. PMID 7939569. สืบค้นเมื่อ 2007-03-05.
- Wilkinson, B. H.; McElroy, B. J. (2007). "The impact of humans on continental erosion and sedimentation". Bulletin of the Geological Society of America. 119 (1–2): 140–56. Bibcode:2007GSAB..119..140W. doi:10.1130/B25899.1. สืบค้นเมื่อ 2007-04-22.
- Sackmann, I.-J.; Boothroyd, A. I.; Kraemer, K. E. (1993). "Our Sun. III. Present and Future". Astrophysical Journal. 418: 457–68. Bibcode:1993ApJ...418..457S. doi:10.1086/173407.
- Britt, Robert (25 February 2000). . Space.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 June 2009.
- Ward, Peter D.; Brownlee, Donald (2002). The Life and Death of Planet Earth: How the New Science of Astrobiology Charts the Ultimate Fate of Our World. New York: Times Books, Henry Holt and Company. ISBN .
- Carrington, Damian (2000-02-21). "Date set for desert Earth". BBC News. สืบค้นเมื่อ 2007-03-31.
- Li, King-Fai; Pahlevan, Kaveh; Kirschvink, Joseph L.; Yung, Yuk L. (2009). "Atmospheric pressure as a natural climate regulator for a terrestrial planet with a biosphere" (PDF). Proceedings of the National Academy of Sciences. 106 (24): 9576–79. Bibcode:2009PNAS..106.9576L. doi:10.1073/pnas.0809436106. PMC 2701016. PMID 19487662. สืบค้นเมื่อ 2009-07-19.
- Bounama, Christine; Franck, S.; Von Bloh, W. (2001). "The fate of Earth's ocean" (PDF). Hydrology and Earth System Sciences. Germany: Potsdam Institute for Climate Impact Research. 5 (4): 569–75. Bibcode:2001HESS....5..569B. doi:10.5194/hess-5-569-2001. สืบค้นเมื่อ 2009-07-03.
- Schröder, K.-P.; Connon Smith, Robert (2008). "Distant future of the Sun and Earth revisited". . 386 (1): 155. :0801.4031. Bibcode:2008MNRAS.386..155S. doi:10.1111/j.1365-2966.2008.13022.x.
See also Palmer, Jason (2008-02-22). . NewScientist.com news service. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-03-17. สืบค้นเมื่อ 2008-03-24. - . Institut für Astronomische und Physikalische Geodäsie. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 4 March 2016.
- Milbert, D. G.; Smith, D. A. "Converting GPS Height into NAVD88 Elevation with the GEOID96 Geoid Height Model". National Geodetic Survey, NOAA. สืบค้นเมื่อ 2007-03-07.
- Sandwell, D. T.; Smith, W. H. F. (2006-07-07). "Exploring the Ocean Basins with Satellite Altimeter Data". NOAA/NGDC. สืบค้นเมื่อ 2007-04-21.
- The 'Highest' Spot on Earth? NPR.org Consultado el 25-07-2010
- "Is a Pool Ball Smoother than the Earth?" (PDF). Billiards Digest. 1 June 2013. สืบค้นเมื่อ 26 November 2014.
- Brown, Geoff C.; Mussett, Alan E. (1981). The Inaccessible Earth (2nd ed.). Taylor & Francis. p. 166. ISBN . Note: After Ronov and Yaroshevsky (1969).
- Morgan, J. W.; Anders, E. (1980). "Chemical composition of Earth, Venus, and Mercury". Proceedings of the National Academy of Sciences. 77 (12): 6973–77. Bibcode:1980PNAS...77.6973M. doi:10.1073/pnas.77.12.6973. PMC 350422. PMID 16592930.
- One or more of the preceding sentences incorporates text from a publication now in the public domain Chisholm, Hugh, ed. (1911). "Petrology". Encyclopædia Britannica (11th ed.). Cambridge University Press.
- Tanimoto, Toshiro (1995). (PDF). ใน Thomas J. Ahrens (บ.ก.). Global Earth Physics: A Handbook of Physical Constants. Global Earth Physics: A Handbook of Physical Constants. AGU Reference Shelf. Vol. 1. Washington, DC: American Geophysical Union. Bibcode:1995geph.conf.....A. doi:10.1029/RF001. ISBN . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 16 October 2006. สืบค้นเมื่อ 3 February 2007.
- Kerr, Richard A. (2005-09-26). "Earth's Inner Core Is Running a Tad Faster Than the Rest of the Planet". Science. 309 (5739): 1313. doi:10.1126/science.309.5739.1313a. PMID 16123276.
- Jordan, T. H. (1979). "Structural geology of the Earth's interior". Proceedings of the National Academy of Sciences of the United States of America. 76 (9): 4192–4200. Bibcode:1979PNAS...76.4192J. doi:10.1073/pnas.76.9.4192. PMC 411539. PMID 16592703.
- Robertson, Eugene C. (2001-07-26). "The Interior of the Earth". USGS. สืบค้นเมื่อ 2007-03-24.
- Turcotte, D. L.; Schubert, G. (2002). "4". Geodynamics (2 ed.). Cambridge, England, UK: Cambridge University Press. pp. 136–37. ISBN .
- Sanders, Robert (2003-12-10). "Radioactive potassium may be major heat source in Earth's core". UC Berkeley News. สืบค้นเมื่อ 2007-02-28.
- http://www.esrf.eu/news/general/Earth-Center-Hotter/Earth-Centre-Hotter
- Alfè, D.; Gillan, M. J.; Vocadlo, L.; Brodholt, J.; Price, G. D. (2002). "The ab initio simulation of the Earth's core" (PDF). Philosophical Transactions of the Royal Society. 360 (1795): 1227–44. Bibcode:2002RSPTA.360.1227A. doi:10.1098/rsta.2002.0992. สืบค้นเมื่อ 2007-02-28.
- Vlaar, N; Vankeken, P.; Vandenberg, A. (1994). (PDF). Earth and Planetary Science Letters. 121 (1–2): 1. Bibcode:1994E&PSL.121....1V. doi:10.1016/0012-821X(94)90028-0. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-03-19. สืบค้นเมื่อ 2015-01-31.
- Turcotte, D. L.; Schubert, G. (2002). "4". Geodynamics (2 ed.). Cambridge, England, UK: Cambridge University Press. p. 137. ISBN .
- Pollack, Henry N.; Hurter, Suzanne J.; Johnson, Jeffrey R. (August 1993). "Heat flow from the Earth's interior: Analysis of the global data set". Reviews of Geophysics. 31 (3): 267–80. Bibcode:1993RvGeo..31..267P. doi:10.1029/93RG01249.
- Richards, M. A.; Duncan, R. A.; Courtillot, V. E. (1989). "Flood Basalts and Hot-Spot Tracks: Plume Heads and Tails". Science. 246 (4926): 103–07. Bibcode:1989Sci...246..103R. doi:10.1126/science.246.4926.103. PMID 17837768.
- Sclater, John G; Parsons, Barry; Jaupart, Claude (1981). "Oceans and Continents: Similarities and Differences in the Mechanisms of Heat Loss". Journal of Geophysical Research. 86 (B12): 11535. Bibcode:1981JGR....8611535S. doi:10.1029/JB086iB12p11535.
- Brown, W. K.; Wohletz, K. H. (2005).
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
olk xngkvs Earth epndawekhraahladbthisamcakdwngxathity aelaepnwtthuthangdarasastrephiynghnungediywthithrabwamisingmichiwit cakaelaaehlnghlkthanxunidkhwamwaolkkaenidemuxpraman kxn olkmixntrkiriyaechingonmthwngkbwtthuxuninxwkasodyechphaadwngxathityaeladwngcnthr sungepndawbriwarthawrhnungediywkhxngolk olkokhcrrxbdwngxathityichewla 365 2425 wn eriykwa pi sungrahwangnnolkokhcrrxbaekntwexngpraman 366 2425 rxbolk edxablumarebil xaphxlol 17lksnakhxngwngokhcrtnyukhxangxing J2000rayacudikl dwngxathitythisud 152100 000 kiolemtr 1 017 hnwydarasastr rayacudikl dwngxathitythisud 147095 000 kiolemtr 0 9832687 hnwydarasastr kungaeknexk 149598 023 kiolemtr 1 000001 02 hnwydarasastr phxdikb 1 AU odyniyamesnrxbwng khxngwngokhcr 0 940 ethraemtr 6 283 hnwydarasastr khwameyuxngsunyklang 0 016170 86khabkarokhcr 365 256363 004 wn 1 000017 420 96 pi xtraerwechliy inwngokhcr 29 78 107200 kiolemtr chwomng xtraerwsungsud inwngokhcr 30 287 kiolemtr winathixtraerwtasud inwngokhcr 29 291 kiolemtr winathimumkwadechliy 358 617 xngsakhwamexiyng 7 155 xngsakbsunysutrdwngxathity 1 57869 xngsa kb 0 xngsakbsuriywithi odyniyam lxngcicud khxngcudohndkhun 11 26064 xngsamumkhxngcud ikldwngxathitythisud 114 20783 xngsacanwndawbriwar dawbriwar 1 dwng dwngcnthr kungdawbriwar 5 dwng dawethiymthikalngdaeninkar gt 1400 dwnglksnathangkayphaphesnphansunyklangechliy 12742 02 kmesnphansunyklang tamaenwsunysutr 12756 28 kmesnphansunyklang tamaenw 12713 56 kmkhwamaepn 1 298 257222 101 esnrxbwngechliy 40075 017 km sunysutr 40007 86 km aenwkhw phunthiphiw 510072 000 km 2phunthiphundin 148940 000 km 2 29 2 phunthiphunna 361132 000 km 2 70 8 primatr 1 08321 1012 mwl 5 97219 1024 kk 3 0 10 6 mwldwngxathity khwamhnaaennechliy 5 514 krm sm khwamonmthwng thisunysutr 9 807 emtr winathi xtraswnomemntkhwamechuxy 0 3307khwamerwhludphn 11 186 km winathikhabkarhmun rxbtwexng 0 997269 68 wn 23 chwomng 56 nathi 4 100 winathi khwamerwkarhmun rxbtwexng 1674 4 kiolemtr chwomng 465 1 emtr winathi thisunysutr khwamexiyngkhxngaekn 23 xngsa 26 lipda 21 4119 philipda xtraswnsathxn 0 367 0 306xunhphumiphunphiw ekhlwin eslesiystasudechliysungsud184 K288 K330 K 89 2 C 15 C56 7 Clksnakhxngbrryakaskhwamdnbrryakas thiphunphiw 101 325 kiolpaskal thi MSL xngkhprakxb 78 08 inotrecn xakasaehng 20 95 xxksiecn0 930 xarkxn0 039 kharbxnidxxkisd 1 ixna aeprphnidtamphumixakas aeknhmunkhxngolkexiyngthaihekidvdukaltang bnphiwolk xntrkiriyakhwamonmthwngrahwangolkkbdwngcnthrkxihekidnakhunlngmhasmuthr thaihkarhmunbnaeknkhxngolkmiesthiyrphaph aelakhxy chalxkarhmunkhxngolk olkepndawekhraahthimikhwamhnaaennsungsudinrabbsuriyaaelaihysudindawekhraahkhlayolk 4 dwng thrniphakhkhxngolkaebngxxkidepnhlay swn eriykwaaephnthrniphakh sungyaythitdphanphunphiwtlxdewlahlaylanpi rxyla 71 khxngphunphiwolkpkkhlumdwyna sungswnihyepnmhasmuthr xikrxyla 29 thiehluxepnaephndinprakxbdwythwipaelaekaasungmithaelsab aemnaaelaaehlngnaxuncanwnmakkxprepnxuthkphakh briewnkhwolkthngsxngpkkhlumdwynaaekhngepnswnihy idaek aelakhxng briewnphayinkhxngolkyngkhngmikhwamekhluxnihwodymiaeknchninsungepnehlkinsthanakhxngaekhng miaeknehlwchnnxksungkaenidsnamaemehlk aelachnaemnethilphakhwamrxnthikhbekhluxnkaraeprsnthanaephnthrniphakh phayinphnlanpiaerk singmichiwitpraktkhuninmhasmuthraelaerimsngphlkrathbtxchnbrryakasaelaphiwdaw ekuxhnunihekidkaraephrkhyaykhxngechnediywkbsingmichiwitthiimichxxksiecn hlkthanthrniwithyabangswnchiwachiwitxackaenidkhunerwsud 4 1 phnlanpikxn nbaetnntaaehnngkhxngolkinrabbsuriya khunsmbtithangkayphaphkhxngolk aelaprakxbknthaihsingmichiwitwiwthnakaraelaaephrphnthuid inprawtisastrkhxngolk khwamhlakhlaythangchiwphaphphanrayakarkhyayyawnan aetthukkhdcnghwabangkhrngdwykarsuyphnthukhrngihy kwarxyla 99 khxngspichisthnghmdthiekhyxyuxasybnolknnsuyphnthuipaelw pramankarcanwnspichisbnolkpccubnmihlakhlay aelaspichisswnihyyngimmiphuxthibay mnusykwa 7 6 phnlankhnxasyxyubnolkaelaxasychiwmnthlaelathrphyakrthrrmchatikhxngolkephuxkarxyurxd mnusyphthnasngkhmaelawthnthrrmhlakhlay inthangkaremuxng olkmirthexkrachkwa 200 rthchuxaelasphthmulwithyakhawa olk inphasaithymithimacakkhainphasabali olk ol ka khnithyichkhanieriykolktngaetemuxidnnimprakthlkthanaenchd aetkhadwanacaidrbxiththiphlsubthxdphanmathangphraphuththsasna edimnnkhawaolkimidhmaykhwamechphaaephiyngaetolkthiepnwtthuthatu aetichinhlaykhwamhmay idaek hmu ehla khxbekht thnghmdinkhxbekht khxbekhtxasy khwamepnip khwamepnxyu hakklawthungolkthng 3 kcahmaythung sngkharolk olkkhuxsngkhar stwolk olkkhuxhmustw aelaoxkasolk olkkhuxaephndin pccubnmikarichkhawa olkinkhwamhmayekiywkhxngkbmnusy hruxxarythrrmmnusy sungtrngkbkhawa World inphasaxngkvs nxkehnuxcakkhwamhmaydawekhraahthiniymichthwip khawaolkinphasatangpraeths xngkvsrwmsmyichkhawa Earth phthnamacakrupaebbphasaxngkvssmyklangtang kn sungsubmacakkhanaminphasaxngkvssmyekathiniymsakdwa eorde mirakediywknkbthukphasainklumecxraemnik aelathiidprakxbepn erthō tamthipraktinsmyaerk mikarichkha eorde ephuxaeplkhwamcakkhaphasalatin terra aelaphasakrik gῆ ge inkhwamhmay phundin din phundinaehng olkmnusy phunphiwkhxngolk rwmthngthael tlxdcnphiphpholkthngmwl echnediywknkbethxrraaelaikxa olkthuxwaepnethphecatamlththiephekinkhxngchawecxraemnik chawaexngekiltamthiaethsithsidbnthukiwinbrrdaphusrththainethph aelaphayhlngtamethwtanannxrs khux yurd yksinisungsmrskboxdinaelaepnmardakhxngthxr xikhlayphasathimikhwamepnmaiklekhiyngkbithyechnphasalawkeriykolkwa ໂລກ olk echnediywkn pccubneyxrmnichkhaeriykolkkhux Erde aexredxa khlaykbdtch Aarde xaredxa klumphasaormans sepnichkha Tierra tiexrra khlaykbxitalithiich Terra etrra hruxfrngess Terre aetr phasacinich 地球 Diqiu tichiw hrux 坤輿 Kunyu khunhyu yipuneriyk 地球 Chikyu cikhiw ekahlieriyk 지구 Jigu chiku aelasnskvtichkha प थ व pthwi ladbewlakarkaenid phaphrngsrrkhkhxngsilpinaesdngkarkaenidrabbsuriya wtthuaerkerimthisudthiphbinrabbsuriyamixayuyxnhlngipthung 4 5672 0 0006 phnlanpikxn olkyukhaerkerimthuxkaenidkhunemux 4 54 0 04 phnlanpikxn mikarkxkaenidaelawiwthnakarkhxngwtthutang inrabbsuriyarwmkbdwngxathity tamthvsdiaelwenbiwlasuriyaaeykswnxanabriewnhnungxxkcakemkhomelkulodykaryubtwcakaerngonmthwng sungerimhmunaelaaebnlngepncanrxbdawvks caknndawekhraahtang ekidkhuncakcannnphrxmkbdwngxathity inenbiwlaprakxbdwykas emdnaaekhng aelafun rwmthngniwikhldaerkkaenid tamthvsdienbiwla phlaenttisiml planetesimal hruxwtthuaekhngthicakxkaeniddawekhraah ekidkhuncakkarngxkphxkphun odyolkbrrphkalichewlakxkaenid 10 20 lanpi dwngcnthrkaenidkhunemuxpraman 4 53 phnlanpikxn karkaenidkhxngdwngcnthryngepnhwkhxkarwicyinpccubn smmtithannaklawwadwngcnthrthuxkaenidkhunodykarphxkphuncakwtthuthihludxxkcakolkhlngcakolkthukwtthukhnadihyethadawxngkharchuxwa ethiy Theia aebbcalxngnikawamwlkhxngethiykhidepnpramanrxyla 10 khxngmwlolk phungekhachnolkinlksnaaechlbaelamwlbangswnrwmekhakbolk inrahwangewlapraman 4 1 aela 3 8 phnlanpikxn dawekhraahnxycanwnmakphungchnrahwang kxihekidkarepliynaeplngxyangihyhlwngkbbriewnphunthiphiwswnihykhxngdwngcnthrrwmthngolk prawtithangthrniwithya huduthixuthyanaehngchatiibrsaekhnyxn rthyuthah shrth brryakasolkaelamhasmuthrprakxbkhuncakkmmntphaphphuekhaifaelakrabwnkarplxykas outgassing ixnacaksxngaehlngdngklawkhwbaennepnmhasmuthr rwmkbnaaelanaaekhngthimakbdawekhraahnxy dawekhraahkxnekid aeladawhang tamaebbcalxngni aekseruxnkrack inbrryakaschwyrksamhasmuthrimiheyuxkaekhngemuxdwngxathitythiephingkxkaenidyngmikhwamswangephiyngrxyla 70 ethiybkbpccubn raw 3 5 phnlanpikxn ekidsnamaemehlkolksungchwypkpxngbrryakasimihthuklmsuriyaphdphaip epluxkolkkxrupkhunemuxchnnxkthihlxmehlwkhxngolkeyntwlngsthanaaekhng miaebbcalxngsxngaebbcalxng thixthibaykarekidkhunkhxngaephndinodyaebbcalxnghnungesnxwa aephndinkhxy ekidkhuncnmiruprangdnginpccubn xikaebbcalxnghnungsungxacepnipidmakkwa esnxwaaephndinetibotxyangrwderw tngaetchwngaerk inprawtisastrolk xnenuxngmacakkardarngxyumatxenuxngyawnankhxngphunthiswnthwip thwiptang ekidkhunodykaraeprsnthanaephnthrniphakhsungepnkrabwnkarthimisaehtucakkarsuyesiykhwamrxnkhxngbriewnphayinkhxngolkxyangtxenuxng tammatrewlakwahlayrxylanpi mikarrwmmhathwipaelwaeykxxkcakkn praman 750 mhathwipaerk thithrabchuxerimaetkxxkcakkn txmathwipthnghlayklbmarwmknepnemuxraw 600 540 lanpikxn aelasudthaykhuxmhathwipaephneciysungkaeykxxkcakknemuxraw 180 lanpikxn rupaebbpccubnkhxngyukhnaaekhngerimkhunemuxpraman 40 lanpikxn aelwthwikhwamrunaerngkhunrahwangsmyiphlsotsinemuxraw 3 lanpikxn tngaetnnepntnmabriewnlaticudsung ephchiykbwtckrkarekidkhxngtharnaaekhngslbkbkarlalayaebbewiynsaodyxubtisainthuk 40000 100000 pi karepliynsphaphodytharnaaekhngkhxngthwipkhrngsudthaysinsudlngemuxpraman 10000 pikxn wiwthnakarkhxngsingmichiwit aephnphaphtnimwiwthnakarchatiphnthukhxngsingmichiwitbnolkcakkarwiekhraahxarxarexnex khadknwaptikiriyaekhmiphlngngansungthaihekidomelkulthisamarththayaebbtnexngidemuxrawsiphnlanpikxn xikkhrungphnlanpitxma ekidbrrphburusrwmsudthaykhxngsrrphchiwit wiwthnakarkhxngkarsngekhraahdwyaesngthaihbrrdasingmichiwitsamarthekbekiywphlngngancakdwngxathityidodytrng xxksiecninrupomelkul O2 thiekidcakkarsngekhraahdwyaesngmikarsasminbrryakas aeladwyphlkrathbcakrngsixltraiwoxeltcakdwngxathitycungidkxchnekraaoxosn O3 khuninbrryakasebuxngbn karrwmesllkhnadelkinesllthiihykwathaihekidphthnakarkhxngesllsbsxneriykwa yuaekhrioxt singmichiwithlayesllthiaethcringekidkhunemuxeslltang phayinokholnimikaraebnghnathiechphaamakkhun enuxngcakchnoxosnchwydudsbrngsixltraiwoxeltxnepnxntrayxxkip singmichiwitcungxyuxasyidbnphunphiwolk hlkthanthangbrrphchiwinaerk khxngsingmichiwitbnolkkhux sakdukdabrrphphunculchiphthiphbinhinthrayxayu 3 48 phnlanpiinxxsetreliytawntkaekriftchiwphaphinchnhintakxnaeprxayuekaaekpraman 3 7 phnlanpikhnphbinkrinaelndtawntk hlkthanodytrngkhxngsingmichiwitbnolkxyangaerkxyuinhinxxsetreliyxayu 3 45 phnlanpithiaesdngsakdukdabrrphkhxngculinthriy rahwang 750 aela 580 lanpikxn briewnswnihykhxngolkthuknaaekhngpkkhlum smmtithannichux aelamikhwamnasnicepnphiessenuxngcakepnehtukarnthiekidkhunkxnkarraebidaekhmebriyn emuxsingmichiwitmikhwamsbsxnephimkhunxyangsakhy nbcakkarraebidaekhmebriynraw 535 lanpikxn ekidkarsuyphnthukhxngsingmichiwitkhrngihyhakhrngehtukarnsuyphnthukhrnglasudekidkhunemux 66 lanpikxn emuxkarphungchnkhxngdawekhraahnxyepnehtuihekidkarsuyphnthukhxngidonesar thiimichnk aelastweluxykhlankhnadihyxun aetstwkhnadelkbangswnehluxrxdmaidechnstweliynglukdwynmsungmilksnakhlayhnu tlxd 66 lanpitxma stweliynglukdwynmidaetkaekhnngxxkipmakmay aelaemuxhlaylanpithiaelw stwkhlaylingihyimmihangaexfrika echn Orrorin tugenensis mikhwamsamarthyundwylatwtngtrng thaihsamarthichekhruxngmuxaelaekuxhnunkarsuxsarrahwangkn namasungophchnakaraelakarkratunthicaepnsahrbsmxngkhnadihykhun naipsuwiwthnakarkhxngephaphnthumnusy karphthnaekstrkrrmaelaxarythrrminewlatxma chwyihmnusymixiththiphltxolkaelathrrmchati aelamicanwnkhxngsingmichiwitxunsungyngmiphlmacnthukwnni xnakht xnakhtrayayawthikhadhmaykhxngolknnekiywkhxngkbxnakhtkhxngdwngxathity khwamswangkhxngdwngxathitycaephimkhunxikrxyla 10 inxik 1 1 phnlanpi aelarxyla 40 emuxtlxdewla 3 5 phnlanpi thdcaknn karephimkhunkhxngxunhphumiphunphiwolkcaerngwtckrkharbxnxninthriy ldkhwamekhmkhnkhxngkharbxnidxxkisdcnphuchimsamarthdarngchiwitxyuid 10 swninlanswn inphuchthi inrayaewlapraman 500 900 lanpi khanghna karkhadaekhlnphuchcasngphlkrathbihxxksiecnhayipcakbrryakas thaihstwxyuimid khlxyhlngipxikphnlanpiprimannathnghmdbnphiwolkcasuysin aelaxunhphumiechliykhxngolkcaphungkhunipthung 70 xngsaeslesiys khadhmaywaolkcaphxxyuxasyidxikpraman 500 lanpi nbcakcudnn hruxxacyudxxkipthung 2 3 phnlanpi thainotrecnhmdipcakbrryakas aemwadwngxathitycamixayunirndraelamikhwamesthiyr kwarxyla 27 khxngnainmhasmuthrpccubnkcaihlsuenuxolkinewlahnungphnlanpi enuxngcakixnathipathuxxkmacaksnklangmhasmuthrldlng dwngxathitycawiwthnakarepndawyksaednginraw 5 phnlanpi khanghna aebbcalxngthanaywadwngxathitycakhyaytwxxkpraman 1 hnwydarasastr 150000 000 kiolemtr hruxpraman 250 ethakhxngrsmipccubn chatakhxngolknnyngimchdecnnk emuxepndawyksaedngaelwdwngxathitycasuyesiymwlippramanrxyla 30 dngnnhakprascakphlcakvththiithd olkcaekhluxnipokhcrhangcakdwngxathity 1 7 hnwydarasastr 250000 000 kiolemtr emuxdawmirsmimakthisud singmichiwitthiyngehluxxyuekuxbthnghmdhruxthnghmdkcathukthalaycakkhwamswangthiephimkhunkhxngdwngxathity ephimkhunsungsudthipraman 5 000 ethacakradbpccubn karcalxnginpi kh s 2008 chiwa sudthaywngokhcrkhxngolkcaesuxmslayxnenuxngmacakphlcakaerngithd aelalakexaolkihtkekhasubrryakaskhxngdwngxathitythiepnyksaedngnnaelwkraehyipcnhmdsinlksnathangkayphaphruprang ruprangkhxngdawekhraaholk aesdngrayathangrahwangphiwdawkbcudsunyklangmwl caehnwayxdaehngethuxkekhaaexndisinthwipxemrikait aethbsiaedngaenwehnux itbriewnklangphaph epnthisung khxmulcakaebbcalxngrupnunolkexirth2014 olkmiruprangpramanthrngkhlaythrngklmaebnkhw olkaebnlngbriewnaeknthangphumisstraelaopngbriewnaethbsunysutr karopngniepnphlmacakkarhmunrxbtwexngkhxngolk esnphansunyklanginaenwsunysutryawkwaesnphansunyklanginaenwkhwehnux itraw 43 kiolemtr cudbnphunphiwolkthihangcakcudsunyklangmwlkhxngolkmakthisudkhux yxdphuekhaifchimobraosaethbsunysutrinpraethsexkwadxrphumipraethsinaetlathxngthimikarebiyngebnipcakthrngklmxudmkhti aetemuxmxnginradbolkthngibkarebiyngebnehlanikthuxwaelknxy cudthithuxwamikhwamebiyngebnthxngthinmakthisudbnphunphiwhinkhxngolkkkhux yxdekhaexewxerstdwyradbkhwamsung 8848 emtr cakradbnathaelklang khidepnkhakhwamebiyngebnrxyla 0 14 aelarxnglukknsmuthrmaeriynathiradbkhwamluk 10911 emtr cakradbnathaelklang khidepnkhakhwamebiyngebnrxyla 0 17 inwichaphumimatrsastr rupthrngaethcringkhxngmhasmuthrolkhakprascakaephndinaelaxiththiphlrbkwnxyangkraaesnaaelalm eriyk cixxyd klawkhux cixxydepnphiwsmskykhwamonmthwng surface of gravitational equipotential thiradbthaelpanklang xngkhprakxbthangekhmikhxngepluxkolk sarprakxb sutr xngkhprakxbthwip smuthrsilika SiO2 60 2 48 6 xalumina Al2O3 15 2 16 5 ilm CaO 5 5 12 3 aemkniesiy MgO 3 1 6 8 ixexirn II xxkisd FeO 3 8 6 2 osediymxxkisd Na2O 3 0 2 6 K2O 2 8 0 4 Fe2O3 2 5 2 3 na H2O 1 4 1 1 kharbxnidxxkisd CO2 1 2 1 4 TiO2 0 7 1 4 P2O5 0 2 0 3 rwm 99 6 99 9 xngkhprakxbthangekhmi olkmimwlodypraman 5 97 1024 kiolkrm swnmakprakxbkhuncakehlk rxyla 32 1 xxksiecn rxyla 30 1 silikxn rxyla 15 1 aemkniesiym rxyla 13 9 kamathn rxyla 2 9 nikekil rxyla 1 8 aekhlesiym rxyla 1 5 aelaxalumieniym rxyla 1 4 swnthiehluxxikrxyla 1 2 prakxbdwythatuxun inprimanelknxy cakkrabwnkarkaraeykladbchnodymwlthaihechuxwabriewnaeknolkprakxbkhuninkhntndwyehlkrxyla 88 8 minikekilinprimanelknxyrawrxyla 5 8 kamathnrxyla 4 5 aelanxykwarxyla 1 epnthatuphbnxychnidxun hinthiphbidthwipthiepnswnprakxbkhxngepluxkolknnepnsarprakxbxxkisdaethbthnghmd swnkhlxrin kamathn aelafluxxrin thuxepnkhxykewnsakhyinbrrdahinthnghlaysungemuxrwmprimanthnghmdaelwmkcatakwarxyla 1 hinxxkisdhlkidaek silika xlumina punkhaw aemkniesiy xxkisdkhxngehlk ophaethch aelaosda okhrngsrangphayin okhrngsrangphayinkhxngolkaebngxxkidepnchn tamkhunsmbtikayphaph hruxekhmiechnediywkbdawekhraahhindwngxun chnnxkkhxngolkepnepluxksiliektaekhngsungaeykxxkchdecndwykhunsmbtithangekhmiodymichnenuxolk mantle aekhngkhwamhnudsungxyuebuxnglang mikhwamimtxenuxngkhxngomoholwikhsikh Mohorovicic discontinuity khnrahwangepluxkolkcakenuxolk epluxkolkmikhwamhnatngaetpraman 6 kiolemtritmhasmuthripcnthung 30 50 kiolemtritthwip epluxkolkaelasphaphaekhngeynkhxngyxdenuxolkchnbnsudrwmeriykthrniphakh lithosphere sungaephnthrniphakhnnprakxbkhuncakthrniphakhniexng itthrniphakhepnthanthrniphakh asthenosphere sungepnchnkhwamhnudkhxnkhangtathithrniphakhlxyxyu karepliynaeplngokhrngsrangphlukinenuxolkekidthiradbkhwamluk 410 thung 660 kiolemtritphunphiw epnekhtepliynphansungaeykrahwangenuxolkchnbnaelalang itenuxolkepnaeknchnnxkthiepnkhxngehlwkhwamhnudtamakehnuxaeknchninthiepnkhxngaekhng aeknchninkhxngolkxachmundwyxtraerwechingmumsungkwaswnxunkhxngdawekhraahelknxy odyhmun 0 1 0 5 txpi rsmikhxngaeknchninkhidepnpramanhnunginhakhxngrsmiolk chnthangthrnikhxngolk phakhtdkhwangkhxngolkcakaeknthungexkossefiyr imtamsdswn khwamluk km chn khwamhnaaenn k sm 30 60 thrniphakh 0 35 epluxk 2 2 2 935 60 enuxolkchnbn 3 4 4 4 35 2890 enuxolk 3 4 5 6100 700 thanthrniphakh 2890 5100 aeknchnnxk 9 9 12 25100 6378 aeknchnin 12 8 13 1khwamrxn khwamrxnphayinolkepnphlrwmkhxngkhwamrxnthiynghlngehluxxyucakkarngxkphxkphunkhxngdawekhraahrawrxyla 20 xikrxyla 80 epnkhwamrxnthiphlitcakkarslaytwkmmntrngsiixosothphlkthisrangkhwamrxnphayinolkkhix ophaethsesiym 40 yuereniym 238 yuereniym 235 aelathxeriym 232 thiicklangolkkhadwanacamixunhphumisungthung 6 000 xngsaeslesiys aelamikhwamdnsungthung 360 cikapaskal dwykarthikhwamrxnswnihymacakkarslaytwkmmntrngsi nkwithyasastrcungechuxwainchwngtnkhxngprawtisastrolkkxnhnathiixospkhrungchiwitsnthnghlaycahmdip karsrangkhwamrxnkhxngolkcatxngsungkwainpccubnmak khadwapraman 3 phnlanpikxn nacamikarphlitkhwamrxnmakkwapccubnsxngetha sungmiphlephimkarphakhwamrxnkhxngenuxolkaelakaraeprsnthanaephnthrniphakh aelathaihhinxkhnibangpraephthxyangechnekidkhunidinkhnathiaethbimmiekidkhuninpccubn ixosothphlkthisrangkhwamrxninpccubn ixosothp plxykhwamrxn wtt kk ixosothp khrungchiwit pi enuxaerinaemnethilechliy kk ixosothp kk enuxolk plxykhwamrxn wtt kk enuxolk238U 94 6 10 6 4 47 109 30 8 10 9 2 91 10 12235U 569 10 6 0 704 109 0 22 10 9 0 125 10 12232Th 26 4 10 6 14 0 109 124 10 9 3 27 10 1240K 29 2 10 6 1 25 109 36 9 10 9 1 08 10 12 khaechliykhxngkarsuyesiykhwamrxncakolkxyuthi 87 milliwtttxtarangemtr khidrwmthngolkcasuyesiykhwamrxnthi 4 42 1013 wtt phlngngankhwamrxnbangswncakaeknthukaemnethilphlumsngphankhunmayngepluxkolk sungepnkarphakhwamrxnaebbhnungthiekidcakkarihlkhunkhxnghinxunhphumisung phlumnisamarththaihekidcudrxnaelathungbasxlth khwamrxncakphayinolkswnihysuyesiyipkbkaraeprsnthanaephnthrniphakh odykarihlkhunkhxngenuxolkthismphnthkbsnklangmhasmuthr hnthangkarsuyesiykhwamrxnsakhysudthaykhuxkarnakhwamrxnphanthrniphakhsungpraktitmhasmuthrepnswnihyephraaepluxkolkbriewnnnbangmakkwaaephnepluxkthwipmak aephnthrniphakh chux phunthi 106 km 2 aephnaepsifik 103 3 aephnaexfrika 78 0 aephnxemrikaehnux 75 9 aephnyuerechiy 67 8 aephnaexntarktik 60 9 47 2 aephnxemrikait 43 6 thrniphakhxnepnchnnxkaekhngthuxechingklkhxngolknnaebngxxkidhlaychin eriykwa aephnthrniphakh aephnehlaniepnswnaekhngthiekhluxnthiipodysmphnthkbaephniklekhiyngxunodymikhxbekhtrahwangknxyangidxyanghnunginsamaebbniidaek khxbekhtaebbekhahakn sungaephnthngsxngeluxnmachnkn khxbekhtaebbaeykcakkn sungaephnthngsxngeluxnxxkhangknip aelakhxbekhtaeplng rxyeluxnaeprsphaph sungaephnthngsxngithlphanknthangdankhang karekidaephndinihw kmmntphaphphuekhaif karkxethuxkekha aelakarekidrxnglukknsmuthr samarthekididtlxdaenwkhxbekhtkhxngaephnehlani aephnthrniphakhlxyxyubnthanthrniphakh sungepnenuxolkchnbnswnthimikhwamaekhngaethnudnxykwa samarthihlaelaekhluxnthiipphrxmkbaephnthrniphakhid karkxethuxkekhaekidemuxaephnthrniphakhekhluxnekhahaknaelwbibhinihsungkhun phuekhasungsudinolkkhux yxdekhaexewxrers emuxaephnthrniphakhmikarekhluxntw epluxkolkswnmhasmuthrcamudtwlngitkhxbpathakhxngaephnepluxktamaenwkhxbekhtaebbekhahakn inewlaediywkn karihleluxnkhunkhxngenuxchnenuxolkthikhxbekhtaebbaeykcakkncakxihekidsnklangmhasmuthr krabwnkartang ehlanirwmknthaihekidkarriisekhilaephnepluxkmhasmuthrklbsuenuxolk dwykarriisekhilniexngphunmhasmuthrswnihycungmixayuimekin 100 lanpi epluxkolkswnmhasmuthrthiekaaekthisudxyuinbriewnaepsifiktawntkodymixayupramankwa 200 lanpi emuxethiybknaelw epluxkolkswnthwipthiekaaekthisudmixayuthung 4030 lanpi aephnthrniphakhkhnadihyecdaephn idaek aephnaepsifik xemrikaehnux yuerechiy aexfrika aexntarktik aelaxemrikait swnaephnthisakhyxun prakxbdwy aephnxaraebiy nxkchayfngtawntkkhxngthwipxemrikait aelainmhasmuthraextaelntikit aephnxxsetreliyrwmekhakbaephnxinediyrahwang 50 thung 55 lanpikxn aephnekhluxnthierwthisudkhuxaephnmhasmuthr odyekhluxnthidwyxtraerw 75 milliemtr pi aelaaephnaepsifikekhluxnthidwyxtraerw 52 69 milliemtr pi inxikthanghnung aephnekhluxnthichathisudkhuxaephnyuerechiysungdaeninipdwyxtraerwpktipraman 21 milliemtr pi phunphiw radbkhwamsungtaaelaradbkhwamlukkhxngolkinpccubn khxmulcakaebbcalxngphumipraethsdicitxlethxernebskhxngsunykhxmulthrnifisiksaehngchati phunthiphiwthnghmdkhxngolkmipraman 510 lantarangkiolemtr phunthikwarxyla 70 8 hrux 361 13 lantarangkiolemtr xyuitradbnathaelaelapkkhlumdwynamhasmuthr phunthiitnaehlanimithngthiepnihlthwip phuekha phuekhaifrxnglukknsmuthr thirabknsmuthr aelarabbsnklangmhasmuthrthithxdtwthwolk phunthithiehluxxikrawrxyla 29 2 hrux 148 94 lantarangkiolemtr imthuknapkkhlum miphumiprakashlakhlaytamsthanthi idaek phuekha thirab thirabsung aelaphumipraethsrupaebbxun thrniaeprsnthanaelakarkrxn karpathukhxngphuekhaif karekidxuthkphy karphuphngxyukbthi karepliynsphaphodytharnaaekhng karetibotkhxngphudhinpakarng aelakarphungchnkhxngxukkabatepnkrabwnkarthiepliynochmphiwolkxyueruxy tamkhabewlathangthrniwithya epluxkolkswnthwipprakxbdwywtthukhwamhnaaenntaxyangechnhinxkhniaekrnitaela thiphbnxykwakhuxbasxltsungepnhinphuekhaifkhwamhnaaennsungaelaepnxngkhprakxbhlkkhxngphunmhasmuthrhintakxnsungkxtwkhuncakkarsasmtwkhxngtakxnthithbthmbibxdtwekhadwykn ekuxbrxyla 75 khxngphunphiwthwipthukpkkhlumdwyhintakxnodykhidepnpramanrxyla 5 khxngepluxkolk wtthuhinthiphbbnolkrupaebbthisamkhuxhinaepr kxkaenidodykaraeprepliynmacakhindngedimthimixyukxnphankhwamdnsung hruxxunhphumisung hruxthngsxngxyang aersiliektthiphbmakthisudbnphiwolkprakxbdwy khwxts efldspar imka aelaoxliwinthiphbthwipprakxbdwy aekhlist phbinhinpun aelaodolimt radbkhwamsungkhxngphunphiwdinaetktangkntngaetcudtasudthi 418 emtr n thaeleddsi ipcnthungcudsungsudthi 8 848 emtr n yxdekhaexewxerst khaechliykhwamsungkhxngphundinehnuxradbnathaelxyuthi 797 emtr ephodsefiyr pedosphere epnchnnxksudkhxngphunphiwthwipkhxngolk prakxbdwydinaelaphankrabwnkarkaeniddin dinephaaplukidthnghmdkhidepnrxyla 10 9 khxngphiwdin odyrxyla 1 3 epnthiephaaplukphuchphlthawr phiwdinkhxngolkekuxbrxyla 40 ichephuxekstrkrrm hruxkhidepnpraman 16 7 lantarangkiolemtrsahrbkarephaapluk aelapraman 33 5 lantarangkiolemtrsahrbthunghyaeliyngstw xuthkphakh krafkaraeckaecngkhwamthikaryktwkhxngphunphiwolk khwamxudmkhxngnabnphiwolkepnlksnaexklksnsungaeyk dawekhraahsinaengin xxkcakdawekhraahxun inrabbsuriya xuthkphakhkhxngolkprakxbdwymhasmuthrepnswnihy thiehluxprakxbdwyphiwnathnghmdinolkidaek thaelinaephndin thaelsab aemna naitdinluklngip 2 000 emtr taaehnngitnathilukthisudkhux aechlelnecxrdipbriewnrxnglukknsmuthrmaeriynainmhasmuthraepsifik odymikhwamlukthi 10 911 4 emtr mhasmuthrrwmmimwlkhidepnpraman 1 35 1018 emtriktn hruxraw 1 in 4 400 khxngmwlthnghmdkhxngolk mhasmuthrpkkhlumepnphunthi 3 618 108 tarangkiolemtr odymikhwamlukechliy 3682 emtr epnphlihmiprimatrodypramanethakb 1 332 109 hakphunphiwepluxkolkthnghmdmikhwamsungethaknkhuxklmesmxknthngib olkkcaklayepnmhasmuthrthnghmddwykhwamlukraw 2 7 thung 2 8 kiolemtr napramanrxyla 97 5 epnnaekhm xikrxyla 2 5 thiehluxepnnacud swnihykhxngnacudhruxrawrxyla 68 7 xyuinrupkhxngnaaekhnginaelatharnaaekhngtang khaechliykhwamekhmkhxngmhasmuthrolkxyuthipraman 35 krmekluxtxkiolkrmnathael miekluxrxyla 3 5 ekluxswnmakthukkhbxxkcakkmmntphaphphuekhaifhruxchaxxkmacakhinxkhnieyn mhasmuthryngepnaehlngsasmkhxngkasinbrryakasthilalayidsungmikhwamcaepntxkarxyurxdkhxngsingmichiwitthixasyinnacanwnmak nathaelthuxwamixiththiphlsakhytxphumixakasolkodymhasmuthrepnaehlngsasmkhwamrxnkhnadihy karepliynaeplngkarkracaykhxngxunhphumimhasmuthrsamarththaihekidkarepliynaeplngkhxnglmfaxakasxyangsakhyid echn exlnioy khwamphnaeprkhxngrabbxakasinsikolkit brryakas phaphthaydawethiymaesdngolk odyichkhxngnasa khwamkdxakasbnphunphiwolkmikhaechliythi 101 325 kiolpaskal khidepnxtrakhwamsungpraman 8 5 kiolemtr mixngkhprakxbepnthatuinotrecnrxyla 78 thatuxxksiecnrxyla 21 rwmthungixna kharbxnidxxkisd aelakasinrupomelkulchnidxunprimanelknxy khwamsungkhxngchnothrophsefiyrphnaeprtamlaticud miphisytngaet 8 kiolemtrthibriewnkhwolkipcnthung 17 kiolemtrthiesnsunysutr odymikhwamebiynebnelknxycakphlkhxngsphaphxakasaelapccyhlayprakartamvdukal chiwmnthlkhxngolksngphlepliynaeplngxyangminysakhytxbrryakas karsngekhraahdwyaesngaebbsrangxxksiecnwiwthnkhunemuxraw 2 7 phnlanpikxn idsrangbrryakasthimiinotrecnaelaxxksiecnepnhlkdngechninpccubn karepliynaeplngnithaihsingmichiwitthiichxxksiecnsamarthaephrkracayid aelamiphlodyxxmekidkarkxrupkhxngchnoxosnenuxngakkarepliyn O2 inbrryakasepn O3 chnoxosnknkaraephrngsixltraiwoxeltcakdwngxathity thaihsingmichiwitsamarthekidkhunbnolkid brryakasyngthahnathixunthisakhytxsingmichiwitidaek karekhluxnyayixna xanwykasthiepnpraoychn thaihsaekddawkhnadelkephaihmiphmdkxnthicakrathbphun aelakarprbxunhphumiimihrxnhruxeynekin praktkarnsudthaynieriyk praktkarneruxnkrack omelkulkhxngkassdswnelknxyphayinbrryakasthahnathikkekbphlngngankhwamrxnthiaephxxkcakphundinepnphlihxunhphumiechliyephimsungkhun ixna kharbxnidxxkisd miethn aelaoxosn epnaekseruxnkrackhlkinbrryakas hakprascakpraktkarnkkekbkhwamrxnni xunhphumiechliythiphunphiwcaepn 18 xngsaeslesiys emuxethiybkbxunhphumipccubnthi 15 xngsaeslesiys aelaxacimmisingmichiwitbnolkinruplksnpccubn lmfaxakasaelaphumixakas mxngcakwngokhcrradbtakhxngolk eduxnknyayn 2007ehnuxsnkhwamdniklyxdekhadiskhfewxri thwipaexntarktika eduxnphvscikayn 2013emkhkhnadihyehnuxthaelthrayomhawi eduxnkumphaphnth 2016 brryakaskhxngolkimmikhxbekhtchdecnodycakhxy banglngaelaeluxnhayipsuxwkas saminsikhxngmwlbrryakasxyuinraya 11 kiolemtraerkehnuxphunphiw michnlangsuderiykothrophsefiyr phlngngancakdwngxathitycathaihchnnirwmthungphunphiwebuxnglangrxnkhun sngphlihxakasekidkarkhyaytw xakaskhwamhnaaenntacalxykhun xakaskhwamhnaaennsungkwaaelaeynkwacaekhamaaethnthi ekidepnkarhmunewiynkhxngbrryakassungkhbekhluxnsphaphxakasaelaphumixakasphankarkracayphlngngankhwamrxn aethbkarhmunewiynkhxngbrryakashlkprakxbdwylmkhainbriewnsunysutrthilaticudtakwa 30 aelalmtawntk westerlie inaethblaticudklangrahwang 30 aela 60 kraaesnamhasmuthrkepnpccysakhythikahndphumixakas odyechphaakarhmunewiynethxromehiln thermohaline sungkracayphlngngankhwamrxncakmhasmuthraethbsunysutripyngbriewnkhwolk ixnathiraehycakphunphiwthukrupaebbihlewiyninbrryakasekhluxnyayip emuxphawakhxngbrryakasthaihxakasrxnchunyktwsungkhun nanicakhwbaennaelatklngsuphunphiwinruphyadnafa naswnihycaekhluxnyayipyngthithitakwaphanrabbaemnaaelapktiklbkhunsumhasmuthrhruximksasmxyuinthaelsab wtckrkhxngnaniepnkliksakhythikhacunsrrphchiwitbnphunaephndin aelaepnpccyhlkinkarkdesaaokhrngsrangphumipraethstamssmythrniwithya rupaebbkhxnghyadnafamikhwamhlakhlaytngaetprimannahlayemtripcnthungephiyngimkimilliemtrtxpi thngkarhmunewiynkhxngbrryakas phumilksn aelakhwamaetktangkhxngxunhphumilwnkahndhyadnafaechliythitkinaetlabriewn primanphlngngancakdwngxathitythimathungphunphiwolkldlngtamlaticudthisungkhun thilaticudsung aesngcakdwngxathitymathungphunphiwdwymumthitalng aelatxngsxngphanaenwhnaaennkhxngbrryakas epnphlihxunhphumikhxngxakasechliytlxdthngpithiradbnathaelldlngraw 0 4 xngsaeslesiysthuk hnungxngsakhxnglaticudthixxkhangcakesnsunysutr phunphiwolksamarthaebngyxyidepnaethblaticudcaephaathimiphumixakasechnediywknodypraman xanaekhttngaetesnsunysutripcnthungbriewnkhwolkcaaenkxxkepnphumixakasekhtrxnhruxekhtsunysutr aelaekhtkhwolk kdlaticudnimikhwamphidpktihlayxyang karxyuiklmhasmuthrcathaihphumixakasimrunaerng twxyangechn khabsmuthrsaekndienewiymiphumixakasimrunaerngemuxethiybkbthangehnuxkhxngpraethsaekhnadathilaticudehnuxkhlaykn lmyngchwybrrethaphlni aephndinfngpathalmmiphumixakasimrunaerngemuxethiybkbfngxblm insikolkehnux lmaenthismithisthangtawntkiptawnxxk aelachayfngtawntkmkmiphumixakasimrunaerngemuxethiybkbchayfngtawnxxk sungsngektidinthwipxemrikaehnuxfngtawnxxkaelayuorptawntk sungphumixakasaebbthwipthirunaerngpraktinchayfngtawnxxkethiybkbphumixakasimrunaerngthixikfakhnungkhxngmhasmuthr insikolkit lmaenthisphdcakthistawnxxkiptawntk aelachayfngtawnxxkmiphumixakasimrunaerng rayathangcakolkthungdwngxathitymikhwamaeprphn olkxyuikldwngxathitythisudineduxnmkrakhmsungtrngkbvdurxninsikolkit xyuhangcakdwngxathitymakthisudineduxnkrkdakhmsungtrngkbvdurxninsikolkehnux aelarngsicakdwngxathitytksuphunthihnung pramanrxyla 93 55 emuxethiybkbcudikldwngxathitythisud aetsikolkehnuxmiaephndinmakkwacungidrbkhwamrxnngaykwathael phlthaihvdurxninsikolkehnuxmixunhphumisungkwasikolkitinphawakhlaykn 2 3 xngsaeslesiys phumixakasinthisungeynkwaradbnathaelenuxngcakkhwamhnaaennkhxngxakasebabangkwa rabbkaraebngekhtphumixakasaebbekhipepnthiichbxymihaklumihy rxychun aehngaelng chunlaticudklang thwip aelahnawkhwolk sungaebngepnphumixakasyxythicaephaamakkhunidxikhlayaebb rabbekhipepncdphumixakasekhttang tamxunhphumiaelahyadnafathisngekt brryakasebuxngbn mummxngcakwngokhcraesdngdwngcnthretmdwngthithukbdbngbangswndwybrryakasolk phaphcaknasa ehnuxchnothrophsefiyrkhunip brryakasaebngodythwipidepnchnstraothsefiyr miossefiyr aelaethxromsefiyr aetlachnmixtrakarehluxmsxnimethaknsungkahndcakxtrakarepliynaeplngxunhphumitamradbkhwamsung phncakchnehlanikhuniperiykwaexkossefiyr sungbanglngeruxy ipcnthungaemkniotsefiyrsungepnbriewnthisnamthrniaemehlkkrathbknkblmsuriya phayinchnstraothsefiyrmichnoxosnsungepnxngkhprakxbthimiswnchwypxngknphunphiwolkcakrngsixltraiwoxeltxnmikhwamsakhyyingtxsrrphchiwitbnolk mikarkahndesnkharmanthiradb 100 kiolemtrehnuxphiwolkepnbthniyaminthangptibtithiaebngkhxbekhtrahwangbrryakasaelaxwkas phlngngankhwamrxnthaihomelkulbangswnthikhxbnxkkhxngbrryakasmikhwamerwephimsungkhuncnthungcudhnungthisamarthhludphnxxkcakaerngonmthwngkhxngolkid dwyehtunicungthaihekidkaresiybrryakasxxksuxwkasxyangcha aetsmaesmx ephraaihodrecnthiimidthukyudehniywmimwlomelkultacungsamarthkhunthungkhwamerwhludphnidngaykwaaelarwihlxxksuxwkasphaynxkinxtrathisungkwaaeksxun karrwkhxngihodrecnsuxwkasidchwysnbsnunihbrryakasolktlxdcnphunphiwekidkarepliynphncakphawaridiwsinchwngtnmaepnphawaxxksiidsxyangechninpccubn karsngekhraahdwyaesngepnaehlngchwypxnxxksiecnxisra aetdwykaresiyipsungsarridiwsdngechnihodrecnniexngcungechuxknwaepnphawaerimtnthicaepntxkarephimphunkhunkhxngxxksiecnxyangkwangkhwanginbrryakas karthiihodrecnsamarthhnixxkipcakbrryakasidcungxacsngxiththiphltxthrrmchatikhxngchiwitthiphthnakhunbnolk inbrryakasthimixxksiecnepncanwnmakinpccubnnn ihodrecnswnihythukepliynepnnakxnmioxkashnixxkip aetkaresiyihodrecnswnihynnmacakkarslaykhxngmiethninbrryakaschnbn snamkhwamonmthwng khwamonmthwngkhxngolkthiwdidcakpharkic khxngnasa aesdngkhwamebiyngebncakkhwamonmthwngtamthvsdi siaedngaesdngwakhwamonmthwngekhmkwakhamatrthan aelasinaenginaesdngthithixxnkwa khwamonmthwngkhxngolkepnkhwamerngthithaythxdaekwtthuenuxngcakkarkracaykhxngmwlinolk khwamerngkhwamonmthwngiklphiwolkmikhapraman 9 8 emtrtxwinathi2 khwamaetktangthxngthinkhxngphumilksn thrniwithyaaelaokhrngsrangaeprsnthanthixyuluklngipthaihekidkhwamaetktangthxngthinaelaphumiphakhepnwngkwanginsnamkhwamonmthwngkhxngolk eriyk khaphidpktikhxngkhwamonmthwng snamaemehlk swnhlkkhxngsnamaemehlkolksrangkhuninaekn sungepnthitngkhxngkrabwnkarxnepliynphlngclnkhxngkarekhluxnphakhxngihlipepnphlngnganiffaaelaphlngngansnamaemehlk twsnamaephxxkcakbriewnaeknphanchnenuxolkaelakhunsuphiwolkxnepntaaehnngthipramanidxyanghyab epnaemehlk khwkhxngaemehlkkhwkhumitaaehnngiklekhiyngkbkhwolkphumisastr thiesnsunysutrkhxngsnamaemehlkmikhwamekhmsnamaemehlkthiphunphiwethakb 3 05 10 5ethsla aelamiolkthi 7 91 1015 ethsla emtr3 karekhluxnthiphainaeknnnmikhwamyungehyingthaihkhwaemehlkmikarekhyuxnaelaepliynaeplngaenwkarwangtwepnraya epnsaehtukhxngkarklbkhwsnamaemehlktamchwngewlaxyangimsmaesmxechliyimkikhrnginthuk lanpi odykarklbkhwkhrnglasudekidkhunemuxraw 700 000 pikxn aemkniotsefiyr aephnphaphaesdngaemkniotsefiyrkhxngolk lmsuriyaphdcaksayipkhwa khxbekhtkhxngsnamaemehlkolkinxwkaskahndkhxbekhtkhxngaemkniotsefiyr magnetosphere ixxxnaelaxielktrxncaklmsuriyathukaemkniotsefiyrebiyngebn khwamdncaklmsuriyabibfngklangwnkhxngaemkniotsefiyrippraman 10 rsmiolk aelathaihdanklangkhunkhxngaemkniotsefiyryudkhyayxxkepnhangyaw dwyehtuthikhwamerwkhxnglmsuriyasungkwakhwamerwkhxngkhlunthiaephxxkcaklmsuriyamak cungekidobwchxkh bowshock ehnuxesiynginswnhnadanklangwnkhxngaemkniotsefiyrphayinlmsuriya xnuphakhmipracuthukkkekbxyuinaemkniotsefiyr phlasmasefiyr plasmasphere kahndepnxnuphakhhlngngantathitamesnsnamaemehlkemuxolkhmun kraaeswng ring current kahndodyxnuphakhphlngnganpanklangsungekhluxnipsmphththkbsnamthrniaemehlkaetyngmiesnthangthiyngxyuphayitxiththiphlkhxngsnamaemehlkepnhlk aelaaethbsungekidcakxnuphakhphlngngansungthiekhluxnthixyangsumesiymakaetyngxyuphayinaemkniotsefiyr rahwangkarekidphayuaemehlk xnuphakhmipracusamarthebiyngthisthangcakaemkniotsefiyrswnnxkekhamainchnixoxonsefiyrkhxngolkidodytrngtamaenwesnsnam sunginbriewnnixatxmthixyuinbrryakassamarththukkratunaelaklayepnpracuxnepnsaehtukhxngkarekidxxorrawngokhcraelakarhmunrxbtwexngkarhmun karhmunkhxngolk thaycak DSCOVR EPIC emuxwnthi 29 phvsphakhm 2016 imkispdahkxnxayn khabkarhmunrxbtwexngkhxngolksmphththkbdwngxathityhruxwnsuriykhtinnethakb 86400 winathi khxngewlasuriykhtiklang 86400 0025 winathi exsix ephraawnsuriyakhxngolkinpccubnyawkwawninchwngklangkhriststwrrsthi 19 elknxyxnenuxngmacakphl inaetlawncungyawkhunphnaepriprahwang 0 thung 2 milliwinathi exsix khabkarhmunrxbtwexngkhxngolksmphththkberiykwawndarakhti odyhnwyngankarhmunkhxngolkaelarabbxangxingsakl IERS International Earth Rotation and Reference Systems Service khux 86164 098903 691 winathi cakewlasuriykhtiklang yuthi ewlasakl 1 hrux 23ch 56n 4 098903691w khabkarhmunrxbtwexngkhxngolksmphththkbkarhmunkhwnghruxkarekhluxnthiechliykhxngcudwsntwisuwtmkeriykwa wndawvks khux 86 164 09053083288 winathi cakewlasuriykhtiklang yuthi1 hrux 23ch 56n 4 09053083288w n pi kh s 1982 dngnnexngwndawvkscungsnkwawndarakhtipraman 8 4 milliwinathi khwamyawkhxngewlasuriykhtiklanginhnwywinathiexsixsamarthnamaichxangxingidcakhnwynganixxixarexssahrbchwngewlacakpi kh s 1623 2005 aelapi kh s 1962 2005 tangcakdawtkinbrryakasaeladawethiymwngokhcrtatang ethhfaodymakmikarekhluxnthipraktipthangdantawntkkhxngthxngfakhxngolkinxtra 15 xngsatxchwomng hrux 15 lipdatxnathi sahrbwtthuthixyuiklkbesnsunysutrfacaekhluxnipethiybethakbesnphansunyklangpraktkhxngdwngxathityhruxdwngcnthrinthuk sxngnathi emuxmxngcakphunolkkhnadpraktodypramankhxngdwngxathityaeladwngcnthrnnthuxwaethakn wngokhcr phaphthay ephlbludxt thaycakyanxwkas wxyexecxr 1 inpi 1990 aesdngphapholk klangkhwa cakrayahangekuxb 6 400 lankiolemtr olkokhcrrxbdwngxathitydwyrayahangechliypraman 150 lankiolemtrinthuk 365 2564 wnsuriyaklang hruxhnungpidawvks sngphlihkarekhluxnthipraktkhxngdwngxathitykhlxyipthangtawnxxkethiybkbdawvkschakhlnginxtrarawhnungxngsatxwn hruxethiybethakhnadpraktkhxngdwngxathityhruxdwngcnthrinthuk 12 chwomng karekhluxnipechnniichewlaechliyraw 24 chwomnghruxhnungwnsuriyasahrbkarhmunrxbtwexngtamaeknkhrbhnungrxbkhxngolksungdwngxathityklbsuxikkhrng khwamerwkhxngolkinwngokhcrodyechliypraman 29 8 kiolemtrtxwinathi 107 000 kiolemtrtxchwomng sungerwmakphxthicaekhluxnphanrayathangethaknkbesnphansunyklangkhxngolkthipraman 12 742 kiolemtr inecdnathi aelaphanrayathangthungdwngcnthrthipraman 384 000 kiolemtr inewlaraw 3 5 chwomng olkaeladwngcnthrokhcrrxbcudsunyklangmwlrwminthuk 27 32 wn smphththkbdawvksphunhlng emuxprakxbknekhakbwngokhcrrwmolk dwngcnthrrxbdwngxathityaelw ekidepnkhabkhxngeduxncnthrkhtinbcakxmawsihnungipxikxmawsihnungraw 29 53 wn emuxmxngcakkhwfaehnux karekhluxnthikhxngolk dwngcnthr aelakarhmunrxbaekndawkhxngthngkhulwnepnipinthisthwnekhmnalika emuxmxngcakcudsungehnuxkhwehnuxkhxngthngdwngxathityaelaolk wngokhcrkhxngolkcamithisthangthwnekhmnalikarxbdwngxathity wngokhcraelaranabaeknimidwangtwxyuinaenwediywknodyaeknhmunkhxngolkmikarexiyngpraman 23 4 xngsacakaenwtngchakkbranabokhcrkhxngolkrxbdwngxathity hruxsuriywithi aelaranabokhcrkhxngdwngcnthrrxbolkexiyng 5 1 xngsaethiybkbranabolk dwngxathity hakprascakkarexiyngechnni caekidxuprakhathuksxngspdahslbknrahwangcnthruprakhaaelasuriyuprakha hruxthrngklmxiththiphlonmthwngkhxngolkmirsmipraman 1 5 106 kiolemtr epnrayathangsungsudthiaerngonmthwngkhxngolkmixiththiphlehnuxkwadwngxathityaeladawekhraahxunthixyuhangxxkip wtthuid inrsminicaokhcrrxbolk hruximkhludlxyxxkipodykarrbkwnechingonmthwngcakdwngxathity olkrwmthngrabbsuriyathnghmdnntngxyuindarackrthangchangephuxk aelaokhcrdwyrayahangpraman 28 000 piaesngcaksunyklangdarackr xyuinaekhnekliywnayphranehnuxkwaranabdarackrpraman 20 piaesng karexiyngkhxngaeknolkaelavdukal taaehnngkhxngdwngxathityaelaolkkbkarekidvdukal aeknolkexiyngpraman 23 439281 ethiybkbaeknkhxngranabokhcr odycachiipkhwfaesmx enuxngcakkhwamexiyngkhxngaeknolk primanaesngxathitythitkkrathbcudid bnphunphiwcungphnaepriptamaetlachwngkhxngpi kxihekidkarepliynvdukalinaetlaphumixakasodyvdurxninsikolkehnuxcaekidkhunemuxthrxpikxxfaekhnesxrhnekhahadwngxathity swnvduhnawekidemuxinsikolkithnekhahadwngxathity inrahwangvdurxn klangwncayawkwaaeladwngxathitycamitaaehnngsungkhunbnthxngfa swninvduhnaw phumixakascaeynlngaelaklangwncasnlng inlaticudekhtxbxunthangehnuxdwngxathitycakhunehnuxkwathistawnxxkcringrahwangkhrismaynaelalbfaehnuxkwathistawntkcring klbkninvduhnaw inchwngvdurxnkhxngekhtxbxuninsikolkitdwngxathitycakhunitkwathistawnxxkcringaelalbfaipitkwathistawntkcring ehnuxxarktikesxrekhilkhunipcamikrnisudkhwhnungodythitlxdchwnghnungkhxngpicaimmiaesngxathitysxngthungely sungnansudhkeduxnetm n khwolkehnuxphxdi eriykwaklangkhunkhwolk swninsikolkitsthankarncaklbtrngknkhamodykarthikhwolkitwangtwinaenwtrngkhamkbkhwolkehnux xikhkeduxnihhlng khwolkehnuxcaekidxathityethiyngkhun khuxepnklangwntlxd 24 chwomng klbkbkhwolkit odykhxtklngthangdarasastr vdukalthngsinnkahndodyxaynsungepncudinwngokhcrthiaeknolkexiyngekhahahruxxxkcakdwngxathitymakthisud aelawisuwtsungepncudthithisthangkarexiyngkhxngaeknkbthisthangsudwngxathitytngchakkn sahrbsikolkehnuxehmayncaekidkhunpramanwnthi 21 thnwakhm khrismaynekidkhuniklkbwnthi 21 mithunayn wsntwisuwtekidkhunrawwnthi 20 minakhm aelasarthwisuwtcapramanwnthi 23 knyayn sahrbsikolkitsthankarncaklbknodywnthiekidkhrismaynkbehmaynaelawsntwisuwtkbsarthwisuwtcaslbkn mumkarexiyngkhxngaeknolkthuxwakhxnkhangesthiyrmachanan khwamexiyngkhxngaeknyngmikarsaysungepnkarekhluxnthikhunlngelknxyxyangimsmaesmxodymikhabhlkraw 18 6 pi thisthangkarwangtwkhxngaeknolk nxkehnuxcakmumexiyngaelw yngmikarepliynaeplngtlxdewlainlksnakarhmunkhwngodykhrbrxbwtckrinthuk ewlapraman 25800 pi lksnakarhmunkhwngniepnsaehtuthithaihpidawvkskbpivdukalaetktangkn karekhluxnthithngsxngrupaebbdngklawekidkhunodykhwamdungdudthiphnaepripkhxngdwngxathityaeladwngcnthrthikrathatxswnopngbriewnsunysutrkhxngolk khwolkthngkhuyngmikarekhluxntaaehnngidhlayemtripmatamphunphiwolk karekhluxnkhxngkhwniprakxbknkhuncakwtckrthihlakhlaysungeriykrwm knwakarekhluxnkungkhab twxyangkarekhluxnlksnanisungekidepnpracadwywtckrpraman 14 eduxnkkhux Chandler wobble xtraerwinkarhmunrxbtwexngkhxngolkyngphnaepriptampraktkarntang ruckkninchuxkarphnaeprkhwamyawkhxngwn insmypccubn cudikldwngxathitythisudkhxngolkekidkhunpramanwnthi 3 mkrakhm aelacudikldwngxathitythisudekidkhunpramanwnthi 4 krkdakhm sxngwnniepliynaeplngtlxdxnenuxngmacakkarekhluxnthxykhxngwisuwtaelapccykhxngwngokhcrxyangxun sungepniptamaebbaephnepnrxb eriyk karepliynaeplngrayahangrahwangolkkbdwngxathitythaihphlngngancakdwngxathitymathungolkephimkhun n cudikldwngxathitythisudethiybkbcudikldwngxathitythisudpramanrxyla 6 9 ephraasikolkitmikarexiyngekhahadwngxathityinewlaiklekhiyngknkbtaaehnngthiolkedinthangekhamaikldwngxathitythisud sikolkitcungidrbphlngngancakdwngxathitymakkwathisikolkehnuxidrbelknxytlxdchwngewlakhxngpi phlthiepnxyuniminysakhynxykwakarepliynaeplngphlngnganxnenuxngmacakkhwamexiyngkhxngaeknxyumak aelaswnihykhxngphlngnganswnekinthiidrbmacathukdudsbipodynaxnepnphunthiswnihykhxngsikolkitthinthixyuxasyidinaekhnadasungpccubnminaxyuetmehnidchdbnphunolk dawekhraahthisamarthkhacuntxsingmichiwitid eriykwa dawekhraahxyuxasyid odyimcaepnwasingmichiwitcatxngkaenidcakdawekhraahnn olkminainrupkhxngehlw sungepnsingaewdlxmthiomelkulsarxinthriysbsxnsamarthrwmtwknhruxmixntrkiriyatxknid aelamiphlngnganephiyngphxkhacunemaethbxlisum rayathangcakolkthungdwngxathitytlxdcnkhwameyuxngsunyklangkhxngwngokhcr xtrakarhmunrxbtwexng khwamexiyngkhxngaekndaw prawtisastrthrniwithya karmichnbrryakaskhxykhacun aelamisnamaemehlk thnghmdlwnekuxhnunihekidsphaphphumixakasthiphunphiwdngechninpccubn chiwmnthl bangmikarklawthungrupaebbsingchiwittang bndawekhraahwaprakxbkhunepn chiwmnthl echuxknthwipwachiwmnthlkhxngolkerimwiwthnkhunemuxpraman 3 5 phnlanpikxn caaenkidepnchiwniewstang kn thimiphuchaelastwtang thikhlaykhlungknkwang xyuxasy chiwniewsbndinaebngtamhlkihyidtamlaticud khwamsungcakradbnathael aelaradbkhwamchuntang swnchiwniewsbkthixyuinbriewnxarktikhruxaexntarktikesxrekhil thithimiradbkhwamsungmak hruxinphunthiaelngsudkhw miphuchaelastwephiyngelknxy khwamhlakhlaykhxngspichiscasungsudinphunthilumchunbriewnlaticudsunysutr thrphyakrthrrmchatiaelakarichphunthi pramankarichphunthikhxngmnusypi 2000 karichphunthi lanehktarephaapluk 1 510 1 611thunghya 2 500 3 410pathrrmchati 3 143 3 871papluk 126 215phunthiemuxng 66 351thidinkxpraoychnidaetimich 356 445 olkmithrphyakrhlakhlaysungmnusyaeswnghapraoychn thrphyakrthieriyk thrphyakrimhmunewiyn echn echuxephlingsakdukdabrrph camithdaethntamewlathangthrniwithyaethann echuxephlingsakdukdabrrphprimanmakthithukkkekbsamarthkhudecaaidcakepluxkolk prakxbdwythanhin piotreliym aelakasthrrmchati mnusyichechuxephlingehlanithngephuxkarphlidphlngnganaelaepnwtthudibtngtninxutsahkrrmekhmi enuxsinaercanwnmakyngkxtwkhunphayinepluxkolkphankrabwnkarkaenidaer xnepnphlcakkarpathukhxnghinhlxmehlw karkdesaa aelakaraeprsnthanaephnthrniphakh wtthuehlaniepnaehlngenuxaerkhxngolhahlaychnidtlxdcnthatumipraoychnxun chiwphakhkhxngolkkxkaenidphlitphnthchiwphaphhlaychnidthiepnpraoychntxmnusy prakxbdwyxahar im yarksaorkh xxksiecn aelachwyriisekhilkhxngesiyxinthriycanwnmak rabbniewsbnbktxngxasyhnadinaelanacud inkhnathirabbniewsmhasmuthrtxngxasysarxaharthilalayinnasungthukchamacakaephndin inpi 1980 phundinkhxngolk 5053 lanehktar 50 53 lantarangkiolemtr epnphunthipaaelatnim 6788 lanehktar 67 88 lantarangkiolemtr epnthunghyaaelathunghyaeliyngstw aela 1501 lanehktar 15 01 lantarangkiolemtr epnphunthiekstrkrrmephaapluk canwnphunthichlprathanodypramaninpi 1993 xyuthi 2481 250 tarangkiolemtr 958020 tarangiml mnusyyngdarngchiwitbnphundinodyichwsdukxsrangkhnidtang kxsrangthiphkxyuxasy xntraythangthrrmchatiaelasingaewdlxm phaphphuekhaifphaflxfinxaaelskaphnethathankhunsubrryakas thaycaksthanixwkasnanachati phunthibriewnkwangbnphunphiwolkephchiysphaphxakasrayaerng echn phayuhmunekhtrxn ehxriekhn hruxitfunsungkhrxbngasingmichiwitinphunthiehlann rahwangpi 1980 thung 2000 phythrrmchatidngklawepnsaehtuthaihmiphuesiychiwitodyechliy 11 800 raytxpi inhlaythiyngtxngprasbkbaephndinihw aephndinthlm sunami phuekhaifraebid thxrnaod hlumyub nathwm ifpa aelahaynaphyhruxphibtiphyxun phunthithxngthinhlayaehngyngidrbphlkrathbcakmlphisthngthangnaaelaxakasxnmisaehtucakmnusy fnkrdaelasarphisnanachnid karesiyphunthisiekhiyw karthapsustwmakekinip karthalaypa karekidthaelthray karsuyesiystwpa karsuyphnthukhxngspichis dinesuxmkhunphaph dinthukthalayaelakarkdesaa mikhwamehnphxngthangwithyasastrthiechuxmoyngkickrrmkhxngmnusykbpraktkarnolkrxnxnenuxngmacakkarplxykharbxnidxxkisdcakphakhxutsahkrrm naipsukarkhadkhaenkhwamepliynaeplngtang echn karlalaykhxngtharnaaekhngaelaphudnaaekhng phisyxunhphumithirunaerngmakkhun karepliynaeplngxyangsakhykhxnglmfaxakasaelakarephimkhxngradbnathaelpanklangthwolk phumisastrmnusy thwipthngecdkhxngolk xemrikaehnux xemrikait aexntarktika yuorp aexfrika exechiy oxechiyeniyphaphprakxbrwmidcakkhxmulkareruxngaesngphakhphundinkhxng oxaexlexs pi 2000 aesdngphaphcalxngyamkhakhunkhxngolk wichakarekhiynaephnthisungthakarsuksaaelasrangaephnthiinechingptibti wichaphumisastrsungthakarsuksaphunthi phumipraeths phuxyuxasy aelapraktkarntang bnolk lwnmiprawtisastrxnaekhngkhnthixuthisaekkarphrrnnaolk wiswkrrmsarwcsungthakarkahndthitngaelarayathang tlxdcnkhxbekhtxikbangswncakkaredineruxxntxngkahndtaaehnngaelathisthang kidmikarphthnakhunrwmipkbwichakarekhiynaephnthiaelaphumisastr thnghmdnnidxanwyaelaihprimankhxsnethsthicaepnidxyangehmaasm canwnprachakrmnusybnolkidephimkhunthungecdphnlankhnodypramaninwnthi 31 tulakhm 2011 phlkarkhadkhaenchiwaprachakrmnusybnolkcaephimkhunthung 9 2 phnlankhninpi 2050 canwnthiephimkhunswnihynnkhadxyuinpraethskalngphthna khwamhnaaennkhxngprachakrmnusyphnaeprmakthwolk odyswnihyxyuxasyinthwipexechiy emuxthungpi 2020 khadwarawrxyla 60 khxngprachakrolkcaxyuxasyinemuxngmakkwainphunthiaethbchnbth pramanknwaphunthihnunginaepdkhxngphiwolkehmaasmtxkarxyuxasykhxngmnusy odythiphunthirawsaminsikhxngphiwolkthpkkhlumdwymhasmuthr miephiynghnunginsiethannthiepnaephndinkwakhrungkhxngaephndinepnphunthiaehngaelng rxyla 14 phuekhasung rxyla 27 hruxphunthithiimehmaasmxun nikhmthawrehnuxsudkhxngolk khux emuxngxelirth bnekaaexlsemiyr innunawut praethsaekhnada 82 28 ehnux swntaaehnngitsudkhux inthwipaexntarktika odymithitngekuxbtaaehnngediywknkbkhwolkit 90 it rthexkrachxangsiththiehnuxphunphiwdinthnghmdkhxngolkykewnephiyngbangswnkhxngthwipaexntarktika aeplngthidinelk tamfngtawntkkhxngaemnadanub aelaphunthiimmikarxangsiththibriewnbithawilsungxyurahwangpraethsxiyiptaelasudan inpi 2015 olkmirthsmachikshprachachati 193 rth bwkrthphusngektkarn 2 rth aeladinaedninphawaphungphingaelarththiidrbkarrbrxngcakd 72 dinaednaelarth inprawtisastrolkyngimekhymirthbalexkrachidmixanacehnuxolkthngib bangrthchaticanwnhnungthiekhyphyayamkhrxngolkaetlmehlw shprachachatiepnthwolk kxtngkhunodymiepahmayephuxekhaaethrkaesngkrniphiphathrahwangchatirthtang cunghlikeliyngkarkhdkndwyxawuth shprachachatiichepnthisahrbkarthutrahwangpraethstlxdcnkdhmayrahwangpraethsepnhlk txemuxmichnthamticakchatismachikxnuyataelwcungmiklikekhaaethrkaesngdwykalngid mnusykhnaerkthiidokhcrrxbolkkhux yuri kakarin emuxwnthi 12 emsayn 1961 haknbrwmthnghmdcnthung 30 krkdakhm 2010 mimnusythngsinraw 487 khnekhyeyuxnxwkasaelaincanwnni sibsxngkhnekhyedinbndwngcnthr pktimnusyinxwkasmiechphaathixyubnsthanixwkasnanachatiethann lukeruxkhxngsthanimicanwnthngsinhkkhnsungcamikarphldepliynkarptibtipharkicthukhkeduxn rayathangthiiklthisudthimnusyekhyedinthangxxkipcakolkkhux 400171 kiolemtr odyekidkhuninrahwangpharkic xaphxlol 13 inpi 1970dwngcnthrlksnaechphaa phaphcnthretmdwngemuxmxngcaksikolkehnuxesnphansunyklang 3474 8 km mwl 7 349 1022 kk kungaeknexk 384 400 km khabkarokhcr 27 w 7 ch 43 7 n dwngcnthrepndawbriwarkhnadkhxnkhangihy miphunphiwaekhng khlaydawekhraahodymiesnphansunyklangpramanhnunginsikhxngolk epndawbriwarkhnadihysudinrabbsuriyaemuxethiybsdswnkbdawekhraah aemwaaekhrxnmikhnadihykwaemuxethiybsdswnkbdawekhraahaekhraphluot dawbriwarthiokhcrrxbdawekhraahxun keriyk dwngcnthr tamdwngcnthrkhxngolk kardungechingonmthwngrahwangolkaeladwngcnthrkxihekidpraktkarnnakhunnalngbnolk phlechnediywknthiekidkbdwngcnthrnaipsuphawakartrungdwyaerngithd tidal locking thaihrayaewlainkarhmunrxbtwexngkhxngdwngcnthrethaknkbewlathiichokhcrrxbolk phlkhuxdwngcnthrcahndanediywekhahaolkesmx inkhnathidwngcnthrokhcrrxbolkaetlarxb phunphiwswntang khxnghnathihnsuolkcaidrbaesngcakdwngxathity naipsupraktkarnkhangkhunkhangaerm swnhnamudaeykxxkcakswnswangodyekhtsnthyasuriya solar terminator raylaexiydkhxngrabbolk dwngcnthr aesdngrsmithungsunyklangmwlrwmkhxngolk dwngcnthr taaehnngaeknkhxngdwngcnthrhaidcakkdkhxthisamkhxngaekhssini cakxntrkiriyanakhunnalng dwngcnthrcungthxyhangxxkipcakolkinxtrapraman 38 milliemtrtxpi xikhlaylanpikhanghnakarekhluxnelk nxy ni rwmthungwnkhxngolkthiyawkhunpraman 23 imokhrwinathithukpi cathwikhuncnklayepnkarepliynaeplngthiminysakhy twxyangechn inrahwangyukhdioweniynemuxpraman 410 lanpikxn hnungpiolkmi 400 wn odywnhnungmiewla 21 8 chwomng dwngcnthrxacmiphlkrathbxyangihyhlwngtxphthnakarkhxngsingmichiwitodykarchwybrrethaphumixakaskhxngolkimihrunaerngekinip hlkthanbrrphchiwinwithyaaelaaebbcalxngkhxmphiwetxraesdngihehnwakhwamexiyngkhxngaeknolkmiesthiyrphaphxyuidodyxntrkiriyakhunlngkbdwngcnthr nkthvsdibangswnechuxwahakprascakesthiyrphaphniemuxtxngephchiykbthisngmacakcakdwngxathityaeladawekhraahxun thikrathatxswnopngbriewnsunysutrkhxngolkaelw aeknhmunkhxngolkxaciresthiyrphaphthungkhnoklahl odycaaesdngkarepliynaeplngxyangsbsnxlhmaninthuk hlaylanpidnginkrnikhxngdawxngkhar emuxmxngcakolk dwngcnthrxyuhangxxkipphxihkhnadpraktkhxngdwngcnthrekuxbethakbkhnadpraktkhxngdwngxathity khnadechingmum hruxmumtn khxngwtthuthngsxngesmxknephraaesnphansunyklangkhxngdwngxathityaemcamakkwakhxngdwngcnthrrwm 400 etha aetrayathangmathungolkkiklkwa 400 ethadwyechnkn sphaphdngklawepnsaehtuihsuriyuprakhathngaebbetmdwngaelaaebbwngaehwnpraktbnolkid thvsdikarkaeniddwngcnthrthiidrbkaryxmrbmakthisudkhux odyklawwadwngcnthrekidkhuncakthidawekhraahyukhaerkkhnadethadawxngkharchux ethiy phungchnolkrayaaerk smmtithannixthibayekiywkbprimanehlkaelathaturaehyngaythiimkhxyphbbndwngcnthr tlxdcnkhxethccringthixngkhprakxbkhxngdwngcnthraethbehmuxnkbxngkhprakxbkhxngepluxkolkdawekhraahnxyaeladawethiymsthanixwkasnanachati dawethiymkhxngolk olkmidawekhraahnxyrwmwngokhcrxyangnxyhadwngdwykn xathiechn 3753 khruxithenaela dawekhraahnxyothrcnrwmthangidaek sungekhluxniptamesnthanglahnaolk n taaehnng Lagrange triangular point hruxaexl4 inwngokhcrkhxngolkrxbdwngxathity dawekhraahnxyiklolkkhnadelk ekhaechiydrabbolk dwngcnthrpramanthuk 20 pi rahwangkarechiydaetlakhrng samarthokhcrrxbolkidchwngsn cnthungeduxnmithunayn 2016 midawethiyminrahwangptibtikar 1 419 dwngokhcrrxbolk yngmidawethiymthiyutikarichnganaelwaelakhyaxwkasthimikartidtamxik 17 729 chin dawethiymihysudkhxngolkkhuxsthanixwkasnanachatimummxngdanprawtisastraelawthnthrrm exirthirs thayodynkbinxwkasbnyan sylksnthangdarasastrmatrthankhxngolkprakxbdwykakbaththimiwngklmlxmrxbxyu epntwaethnkhxngsimumolk wthnthrrmmnusyphthnamummxngtang khxngolk bangthiolkkmibukhlathisthanepnethpheca inhlaywthnthrrm ethphmarda mother goddess epnethphecakhwamxudmsmburnhlkdwy aelaemuxklangkhriststwrrsthi 20 hlkikxaepriybethiybsingaewdlxmkhxngolkkbsingmichiwitepnsingmichiwitkakbtwexngediyw thinaipsukarsrangesthiyrphaphxyangkwangkhwangsungphawakarxyuxasyid prmprakarsrrkhsranginhlaysasnamiwa ethphecaehnuxthrrmchatiphraxngkhediywhruxhlayphraxngkhthrngsrangolk karsxbswnthangwithyasastrsngphlihekidkarepliynaeplngthangwthnthrrminmummxngkhxngmnusytxolk inolktawntk khwamechuxeruxngolkaebn thukaethndwyolkthrngklmxnenuxngcakphithaokrsinstwrrsthi 6 kxnkhristkal txmaechuxwaolkepnsunyklangkhxngexkphphcnkhriststwrrsthi 16 emuxnkwithyasastrtngthvsdiwaolkepnwtthuekhluxthiodyethiybkbdawekhraahxuninrabbsuriyakhrngaerk enuxngcakkhwamphyayamkhxngnkwichakarkhristsasnikchnphuthrngxiththiphlaelankbwchxyangecms xchechxr phumunghaxayukhxngolkphankarwiekhraahphngsawliwithyainkhmphiribebil chawtawntkkxnkhriststwrrsthi 19 odythwipcungechuxwaolkmixayuekasudimkiphnpi cnrahwangkhriststwrrsthi 19 thinkthrniwithyathrabwaolkmixayuhlaylanpiaelw lxrdekhlwinichxunhphlsastrkhadkhaenxayukhxngolkiwrahwang 20 thung 400 lanpiinpi 1864 thaihekidkarxphiprayxyangekhmkhnineruxngni cnemuxmikarkhnphbkmmntphaphrngsiaelakarwdxayucakkmmntrngsiinplaykhriststwrrsthi 19 aelatnkhriststwrrsthi 20 thimikliknaechuxthuxsahrbkarhaxayukhxngolk phisucnwaolkmixayuinhlkphnlanpi monthsnkhxngolkepliynxikkhrnginkhriststwrrsthi 20 emuxmnusymxngolkkhrngaerkcakwngokhcr aelaodyechphaaxyangyingodyphaphthaykhxngolkthiokhrngkarxaphxlolsngklbmaechingxrrthprimanthangdarasastrthukkhaphnaepripidthngaebbsubenuxngaelaaebbraykhab primanthirabuepnkha n cudec2000 0 khxngkarphnaeprsubenuxngodytdkhwamphnaeprraykhabxxk cudikldwngxathitythisud a 1 e cudikldwngxathitythisud a 1 e ody a khuxkhakungaeknexk aela e khuxkhakhwameyuxngsunyklang khwamaetktangrahwangcudikldwngxathitythisudaelacudikldwngxathitythisudkhxngolkxyuthi 5 lankiolemtr enuxngcakkhwamphnphwntamthrrmchati khwamimaenchdbriewnrxb aelatwaebbaephnthicak khathiaethcringkhxngphundinaelaphunthimhasmuthrpkkhlumthuxwaimminysakhy xasykhxmulcak VMAP aelachudkhxmulkhxng oklbxlaelndokhewxr 2015 03 26 thi ewyaebkaemchchin khasungsudkhxngphunthithithukpkkhlumdwythaelsabaelathangnaxyuthirxyla 0 6 aela 1 0 khxngphunphiwolk olnaaekhngaexntarktikaaelakrinaelndthuknbepnphundindwyaemwaswnihykhxnghinthirxngrbnncawangtwxyuitradbnathaelktam canwnwnsuriyainhnungpinxykwacanwnwnkhxngwndawvksiphnungwnephraakarekhluxnthiinwngokhcrkhxngolkrxbdwngxathitycungekidswnephimlahnatamaeknkarhmunkhxngdawekhraah echnin Beowulf 1531 33 Wearp da wundelmael wraettum gebunden yrre oretta thaet hit on eordan laeg stid ond stylecg He threw the artfully wound sword so that it lay upon the earth firm and sharp edged echninkhaxthibayphasaxngkvsobrankhxng Lindisfarne Gospels 7 Succidite ergo illam ut quid etiam terram occupat hrendas uel scearfad fordon dailcauelhia to huon uutedlice eordo gionetaduelgemerras Remove it Why should it use up the soil echnin khxng pthmkal 1 10 Ond God gecygde da drignysse eordan ond daere waetera gegaderunge he het sae And God called the dry land Earth and the gathering together of the waters called he Seas echnin 18 Me is geseald aelc anweald on heofonan amp on eordan All authority in heaven and on earth has been given to me echnin s 112 16 her aerest gesceop ece drihten helm eallwihta heofon and eordan rodor araerde and this rume land gestathelode strangum mihtum frea aelmihtig Here first with mighty power the Everlasting Lord the Helm of all created things Almighty King made earth and heaven raised up the sky and founded the spacious land As in s On the Seasons of the Year Ch 6 9 Seo eorde stent on gelicnysse anre pinnhnyte amp seo sunne glit onbutan be Godes gesetnysse The earth can be compared to a pine cone and the sun glides around it by God s decree hakepriybkhnadkhxngolkethalukbileliyd bangbriewnkhxngolkechnaenwsnekhaaelarxnglukknmhasmuthrtang kcaihkhwamrusukimtangkbtahnithielknxymak inkhnathiphunthiswnihykhxngolkechnthirabihybnphundinhruxthirabknsmuthrkcaihkhwamrusukeriybeniyn aetlathxngthiphnaeprrahwang 5 aela 200 kiolemtr aetlathxngthiphnaeprrahwang 5 aela 70 kiolemtr prakxbdwysungekidaeyktwxxkcakaephnaexfrika du Chorowicz Jean October 2005 The East African rift system Journal of African Earth Sciences 43 1 3 379 410 Bibcode 2005JAfES 43 379C doi 10 1016 j jafrearsci 2005 07 019 epnphlkartrwcwdcakyanxaroxwi emuxminakhm 1995 2538 aelaechuxwaepnkartrwcwdthiaemnyathisudcwbcnbdni duhwkhxaechlelnecxrdipsahrbraylaexiydthimakkhun Aoki aehlngkhxmulthangkarkhxngtwelkhni ichsphth winathikhxngyuthi1 aethnthi winathikhxngewlasuriykhtiklang Seidelmann S Kinoshita H Guinot B Kaplan G H McCarthy D D Seidelmann P K 1982 The new definition of universal time Astronomy and Astrophysics 105 2 359 61 Bibcode 1982A amp A 105 359A sahrbolk ethakb RH a m3M 13 displaystyle R H a left frac m 3M right frac 1 3 ody m khuxmwlkhxngolk a khuxhnwydarasastr aela M khuxmwldwngxathity dngnnrsmiinhnwydarasastrcapraman 13 332 946 13 0 01 displaystyle left frac 1 3 cdot 332 946 right frac 1 3 0 01 cudikldwngxathitythisudkhidepnrayathangethiybkbcudiklthisudkhuxrxyla 103 4 hakkhanwntamkdkarphkphnkalngsxng primanrngsithiidrb n cudiklthisudcapramanrxyla 106 9 khxngphlngngan n cudiklthisudduephimthrngklmthxngfa withyasastrolk praktkarnolkrxnxangxingStandish E Myles Williams James C Orbital Ephemerides of the Sun Moon and Planets PDF International Astronomical Union Commission 4 Ephemerides khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2012 10 14 subkhnemux 2010 04 03 See table 8 10 2 Calculation based upon 1 AU 149 597 870 700 3 m Staff 13 March 2021 Useful Constants subkhnemux 8 June 2022 Williams David R 2004 09 01 Earth Fact Sheet NASA subkhnemux 2010 08 09 Earth Mean Anomaly subkhnemux 30 December 2014 Allen Clabon Walter Cox Arthur N 2000 Allen s Astrophysical Quantities Springer p 294 ISBN 0 387 98746 0 subkhnemux 2011 03 13 Various 2000 David R Lide b k Handbook of Chemistry and Physics 81st ed CRC ISBN 0 8493 0481 4 The Astronomical Almanac khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2013 08 26 subkhnemux 2011 02 25 WGS 84 Available online from 1995 Geoid Topography and Distribution of Landforms in Ahrens Thomas J b k PDF Washington DC American Geophysical Union ISBN 0 87590 851 9 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2006 10 16 subkhnemux 2008 08 03 International Earth Rotation and Reference Systems Service IERS Working Group 2004 General Definitions and Numerical Standards PDF in Petit Gerard b k IERS Conventions 2003 PDF IERS Technical Note No 32 Frankfurt am Main Verlag des Bundesamts fur Kartographie und Geodasie p 12 ISBN 978 3 89888 884 4 subkhnemux 29 April 2016 Humerfelt Sigurd October 26 2010 How WGS 84 defines Earth subkhnemux 2011 04 29 Earth s is almost exactly 40 000 km because the metre was calibrated on this measurement more specifically 1 10 millionth of the distance between the poles and the equator Pidwirny Michael 2006 02 02 Surface area of our planet covered by oceans and continents Table 8o 1 University of British Columbia Okanagan subkhnemux 2007 11 26 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a Cite journal txngkar journal help Staff 2008 07 24 The World Factbook Central Intelligence Agency khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2010 01 05 subkhnemux 2008 08 05 NASA 13 December 2012 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2015 11 13 subkhnemux 22 January 2012 PDF 2008 ed Special Publication 330 p 52 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2016 06 03 subkhnemux 2015 01 31 Williams James G 1994 Contributions to the Earth s obliquity rate precession and nutation The Astronomical Journal 108 711 Bibcode 1994AJ 108 711W doi 10 1086 117108 ISSN 0004 6256 Allen Clabon Walter Cox Arthur N 2000 Allen s Astrophysical Quantities Springer p 296 ISBN 0 387 98746 0 subkhnemux 2010 08 17 Arthur N Cox b k 2000 Allen s Astrophysical Quantities 4th ed New York AIP Press p 244 ISBN 0 387 98746 0 subkhnemux 2010 08 17 WMO Weather and Climate Extremes Archive Arizona State University khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2010 06 16 subkhnemux 2010 08 07 Kinver Mark December 10 2009 Global average temperature may hit record level in 2010 subkhnemux 2010 04 22 WMO Weather and Climate Extremes Archive Arizona State University khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2013 01 04 subkhnemux 2010 08 07 National Oceanic and Atmospheric Administration 5 December 2014 Trends in Atmospheric Carbon Dioxide Age of the Earth U S Geological Survey 1997 cakaehlngedimemux 23 December 2005 subkhnemux 10 January 2006 Dalrymple G Brent 2001 The age of the Earth in the twentieth century a problem mostly solved Special Publications Geological Society of London 190 1 205 21 Bibcode 2001GSLSP 190 205D doi 10 1144 GSL SP 2001 190 01 14 Manhesa Gerard Allegre Claude J Duprea Bernard amp Hamelin Bruno 1980 Lead isotope study of basic ultrabasic layered complexes Speculations about the age of the earth and primitive mantle characteristics 47 3 370 82 Bibcode 1980E amp PSL 47 370M doi 10 1016 0012 821X 80 90024 2 Yoder Charles F 1995 T J Ahrens b k Washington American Geophysical Union p 8 ISBN 0 87590 851 9 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2009 04 21 subkhnemux 2007 03 17 Laskar J aelakhna 2004 A long term numerical solution for the insolation quantities of the Earth Astronomy and Astrophysics 428 1 261 85 Bibcode 2004A amp A 428 261L doi 10 1051 0004 6361 20041335 National Oceanic and Atmospheric Administration NOAA gov khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2013 04 24 subkhnemux 3 May 2013 See Dalrymple G B 1991 The Age of the Earth California Stanford University Press ISBN 0 8047 1569 6 Newman William L 2007 07 09 Age of the Earth Publications Services USGS subkhnemux 2007 09 20 Dalrymple G Brent 2001 The age of the Earth in the twentieth century a problem mostly solved Geological Society London Special Publications 190 1 205 21 Bibcode 2001GSLSP 190 205D doi 10 1144 GSL SP 2001 190 01 14 subkhnemux 2007 09 20 Stassen Chris 2005 09 10 The Age of the Earth subkhnemux 2008 12 30 Borenstein Seth 19 October 2015 Hints of life on what was thought to be desolate early Earth Yonkers NY Associated Press subkhnemux 20 October 2015 Bell Elizabeth A Boehnike Patrick Harrison T Mark aelakhna 19 October 2015 PDF Proc Natl Acad Sci U S A Washington D C National Academy of Sciences 112 47 14518 21 Bibcode 2015PNAS 11214518B doi 10 1073 pnas 1517557112 ISSN 1091 6490 PMC 4664351 PMID 26483481 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2015 11 06 subkhnemux 20 October 2015 Early edition published online before print Sahney S Benton M J and Ferry P A 27 January 2010 Links between global taxonomic diversity ecological diversity and the expansion of vertebrates on land PDF Biology Letters 6 4 544 47 doi 10 1098 rsbl 2009 1024 PMC 2936204 PMID 20106856 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Stearns Beverly Peterson Stearns S C Stearns Stephen C 1 August 2000 Watching from the Edge of Extinction p 1921 ISBN 978 0 300 08469 6 subkhnemux 27 December 2014 Novacek Michael J 8 November 2014 Prehistory s Brilliant Future New York Times subkhnemux 25 December 2014 May Robert M 1988 How many species are there on earth Science 241 4872 1441 1449 Bibcode 1988Sci 241 1441M doi 10 1126 science 241 4872 1441 PMID 17790039 Miller G Spoolman Scott 1 January 2012 Biodiversity and Evolution Environmental Science p 62 ISBN 1 133 70787 4 subkhnemux 27 December 2014 Staff 2 May 2016 Researchers find that Earth may be home to 1 trillion species National Science Foundation subkhnemux 6 May 2016 Mora C Tittensor D P Adl S Simpson A G Worm B 23 August 2011 How many species are there on Earth and in the ocean 9 8 e1001127 doi 10 1371 journal pbio 1001127 PMC 3160336 PMID 21886479 mhawrrkh yanktha khx 275 phraitrpidk elmthi 31 phrasuttntpidk khuththknikay ptismphithamrrkh xrrthathibay olkwithu phraitrpidkxrrthktha elmthi 1 xrrthkthaphrawiny smntpasathika mhawiphngkhwrrnna khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2012 04 24 subkhnemux 2015 01 31 Oxford English Dictionary 3rd ed earth n Oxford University Press Oxford 2010 Including eorthe erthe erde and erthe The New Oxford Dictionary of English 1st ed earth Oxford University Press Oxford 1998 ISBN 0 19 861263 X Beowulf Trans Chad Matlick in Beowulf Lines 1399 to 1799 West Virginia University Accessed 5 Aug 2014 xngkvsobran amp xngkvs Mounce Reverse Intralinear New Testament Luke 13 7 Hosted at Bible Gateway 2014 Accessed 5 Aug 2014 krikobran amp xngkvs AElfric of Eynsham Heptateuch Reprinted by S J Crawford as The Old English Version of the Heptateuch AElfric s Treatise on the Old and New Testament and his Preface to Genesis Humphrey Milford London 1922 2015 03 08 thi ewyaebkaemchchin Hosted at Wordhord Accessed 5 Aug 2014 xngkvsobran King James Version of the Bible Genesis 1 10 Hosted at Bible Gateway 2014 Accessed 5 August 2014 Mounce Reverse Intralinear New Testament Matthew 28 18 Hosted at Bible Gateway 2014 Accessed 5 Aug 2014 krikobran amp xngkvs Genesis A Hosted at the Dept of Linguistic Studies at the University of Padua Accessed 5 August 2014 xngkvsobran Killings Douglas Codex Junius 11 I ii 1996 Hosted at Project Gutenberg Accessed 5 August 2014 AElfric Abbot of Eynsham De temporibus annis Trans P Baker as On the Seasons of the Year 2015 01 30 thi ewyaebkaemchchin Hosted at Old English at the University of Virginia 1998 Accessed 6 August 2014 Ch 40 Trans Angela Hall as Dictionary of Northern Mythology p 179 2007 ISBN 0 85991 513 1 Bowring S Housh T 1995 The Earth s early evolution Science 269 5230 1535 40 Bibcode 1995Sci 269 1535B doi 10 1126 science 7667634 PMID 7667634 Yin Qingzhu Jacobsen S B Yamashita K Blichert Toft J Telouk P Albarede F 2002 A short timescale for terrestrial planet formation from Hf W chronometry of meteorites Nature 418 6901 949 52 Bibcode 2002Natur 418 949Y doi 10 1038 nature00995 PMID 12198540 Kleine Thorsten Palme Herbert Mezger Klaus Halliday Alex N 2005 11 24 Hf W Chronometry of Lunar Metals and the Age and Early Differentiation of the Moon Science 310 5754 1671 74 Bibcode 2005Sci 310 1671K doi 10 1126 science 1118842 PMID 16308422 Reilly Michael October 22 2009 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2010 01 09 subkhnemux 2010 01 30 Canup R M Asphaug E 2001 An impact origin of the Earth Moon system American Geophysical Union Fall Meeting 2001 Abstract U51A 02 Bibcode 2001AGUFM U51A 02C Canup R Asphaug E 2001 Origin of the Moon in a giant impact near the end of the Earth s formation Nature 412 6848 708 12 Bibcode 2001Natur 412 708C doi 10 1038 35089010 PMID 11507633 Morbidelli A aelakhna 2000 Source regions and time scales for the delivery of water to Earth Meteoritics amp Planetary Science 35 6 1309 20 Bibcode 2000M amp PS 35 1309M doi 10 1111 j 1945 5100 2000 tb01518 x Guinan E F Ribas I Benjamin Montesinos Alvaro Gimenez and Edward F Guinan b k Our Changing Sun The Role of Solar Nuclear Evolution and Magnetic Activity on Earth s Atmosphere and Climate ASP Conference Proceedings The Evolving Sun and its Influence on Planetary Environments San Francisco Astronomical Society of the Pacific Bibcode 2002ASPC 269 85G ISBN 1 58381 109 5 Staff March 4 2010 Oldest measurement of Earth s magnetic field reveals battle between Sun and Earth for our atmosphere Physorg news subkhnemux 2010 03 27 Rogers John James William Santosh M 2004 Continents and Supercontinents Oxford University Press US p 48 ISBN 0 19 516589 6 Hurley P M Rand J R Jun 1969 Pre drift continental nuclei Science 164 3885 1229 42 Bibcode 1969Sci 164 1229H doi 10 1126 science 164 3885 1229 PMID 17772560 De Smet J Van Den Berg A P Vlaar N J 2000 Early formation and long term stability of continents resulting from decompression melting in a convecting mantle Tectonophysics 322 1 2 19 Bibcode 2000Tectp 322 19D doi 10 1016 S0040 1951 00 00055 X Armstrong R L 1968 A model for the evolution of strontium and lead isotopes in a dynamic earth Reviews of Geophysics 6 2 175 99 Bibcode 1968RvGSP 6 175A doi 10 1029 RG006i002p00175 Harrison T aelakhna December 2005 Heterogeneous Hadean hafnium evidence of continental crust at 4 4 to 4 5 ga Science 310 5756 1947 50 Bibcode 2005Sci 310 1947H doi 10 1126 science 1117926 PMID 16293721 Hong D Zhang Jisheng Wang Tao Wang Shiguang Xie Xilin 2004 Continental crustal growth and the supercontinental cycle evidence from the Central Asian Orogenic Belt Journal of Asian Earth Sciences 23 5 799 Bibcode 2004JAESc 23 799H doi 10 1016 S1367 9120 03 00134 2 Armstrong R L 1991 The persistent myth of crustal growth Australian Journal of Earth Sciences 38 5 613 30 Bibcode 1991AuJES 38 613A doi 10 1080 08120099108727995 Murphy J B Nance R D 1965 How do supercontinents assemble American Scientist 92 4 324 33 doi 10 1511 2004 4 324 subkhnemux 2007 03 05 Staff Paleoclimatology The Study of Ancient Climates Page Paleontology Science Center subkhnemux 2007 03 02 Doolittle W Ford Worm Boris February 2000 PDF Scientific American 282 6 90 95 doi 10 1038 scientificamerican0200 90 PMID 10710791 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2011 07 15 subkhnemux 2015 01 31 3 October 2013 Earth s Oxygen A Mystery Easy to Take for Granted New York Times subkhnemux 3 October 2013 Berkner L V Marshall L C 1965 On the Origin and Rise of Oxygen Concentration in the Earth s Atmosphere Journal of Atmospheric Sciences 22 3 225 61 Bibcode 1965JAtS 22 225B doi 10 1175 1520 0469 1965 022 lt 0225 OTOARO gt 2 0 CO 2 Burton Kathleen 2002 11 29 NASA khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 10 11 subkhnemux 2007 03 05 Borenstein Seth 13 November 2013 Oldest fossil found Meet your microbial mom subkhnemux 15 November 2013 Noffke Nora Christian Daniel Wacey David Hazen Robert M 8 November 2013 Microbially Induced Sedimentary Structures Recording an Ancient Ecosystem in the ca 3 48 Billion Year Old Dresser Formation Pilbara Western Australia 13 12 1103 24 Bibcode 2013AsBio 13 1103N doi 10 1089 ast 2013 1030 PMC 3870916 PMID 24205812 subkhnemux 15 November 2013 Yoko Ohtomo Takeshi Kakegawa Akizumi Ishida Toshiro Nagase Minik T Rosing 8 December 2013 Evidence for biogenic graphite in early Archaean Isua metasedimentary rocks doi 10 1038 ngeo2025 subkhnemux 9 Dec 2013 Tyrell Kelly April 18 December 2017 Oldest fossils ever found show life on Earth began before 3 5 billion years ago University of Wisconsin Madison subkhnemux 18 December 2017 Schopf J William Kitajima Kouki Spicuzza Michael J Kudryavtsev Anatolly B Valley John W 2017 115 53 doi 10 1073 pnas 1718063115 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2017 12 23 subkhnemux 19 December 2017 Kirschvink J L 1992 Schopf J W Klein C Des Maris D b k Late Proterozoic low latitude global glaciation the Snowball Earth The Proterozoic Biosphere A Multidisciplinary Study Cambridge University Press pp 51 52 ISBN 0 521 36615 1 Raup D M Sepkoski Jr J J 1982 Mass Extinctions in the Marine Fossil Record Science 215 4539 1501 03 Bibcode 1982Sci 215 1501R doi 10 1126 science 215 4539 1501 PMID 17788674 Gould Stephan J October 1994 The Evolution of Life on Earth Scientific American 271 4 84 91 doi 10 1038 scientificamerican1094 84 PMID 7939569 subkhnemux 2007 03 05 Wilkinson B H McElroy B J 2007 The impact of humans on continental erosion and sedimentation Bulletin of the Geological Society of America 119 1 2 140 56 Bibcode 2007GSAB 119 140W doi 10 1130 B25899 1 subkhnemux 2007 04 22 Sackmann I J Boothroyd A I Kraemer K E 1993 Our Sun III Present and Future Astrophysical Journal 418 457 68 Bibcode 1993ApJ 418 457S doi 10 1086 173407 Britt Robert 25 February 2000 Space com khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 5 June 2009 Ward Peter D Brownlee Donald 2002 The Life and Death of Planet Earth How the New Science of Astrobiology Charts the Ultimate Fate of Our World New York Times Books Henry Holt and Company ISBN 0 8050 6781 7 Carrington Damian 2000 02 21 Date set for desert Earth BBC News subkhnemux 2007 03 31 Li King Fai Pahlevan Kaveh Kirschvink Joseph L Yung Yuk L 2009 Atmospheric pressure as a natural climate regulator for a terrestrial planet with a biosphere PDF Proceedings of the National Academy of Sciences 106 24 9576 79 Bibcode 2009PNAS 106 9576L doi 10 1073 pnas 0809436106 PMC 2701016 PMID 19487662 subkhnemux 2009 07 19 Bounama Christine Franck S Von Bloh W 2001 The fate of Earth s ocean PDF Hydrology and Earth System Sciences Germany Potsdam Institute for Climate Impact Research 5 4 569 75 Bibcode 2001HESS 5 569B doi 10 5194 hess 5 569 2001 subkhnemux 2009 07 03 Schroder K P Connon Smith Robert 2008 Distant future of the Sun and Earth revisited 386 1 155 0801 4031 Bibcode 2008MNRAS 386 155S doi 10 1111 j 1365 2966 2008 13022 x See also Palmer Jason 2008 02 22 NewScientist com news service khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 03 17 subkhnemux 2008 03 24 Institut fur Astronomische und Physikalische Geodasie khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 03 04 subkhnemux 4 March 2016 Milbert D G Smith D A Converting GPS Height into NAVD88 Elevation with the GEOID96 Geoid Height Model National Geodetic Survey NOAA subkhnemux 2007 03 07 Sandwell D T Smith W H F 2006 07 07 Exploring the Ocean Basins with Satellite Altimeter Data NOAA NGDC subkhnemux 2007 04 21 The Highest Spot on Earth NPR org Consultado el 25 07 2010 Is a Pool Ball Smoother than the Earth PDF Billiards Digest 1 June 2013 subkhnemux 26 November 2014 Brown Geoff C Mussett Alan E 1981 The Inaccessible Earth 2nd ed Taylor amp Francis p 166 ISBN 0 04 550028 2 Note After Ronov and Yaroshevsky 1969 Morgan J W Anders E 1980 Chemical composition of Earth Venus and Mercury Proceedings of the National Academy of Sciences 77 12 6973 77 Bibcode 1980PNAS 77 6973M doi 10 1073 pnas 77 12 6973 PMC 350422 PMID 16592930 One or more of the preceding sentences incorporates text from a publication now in the public domain Chisholm Hugh ed 1911 Petrology Encyclopaedia Britannica 11th ed Cambridge University Press Tanimoto Toshiro 1995 PDF in Thomas J Ahrens b k Global Earth Physics A Handbook of Physical Constants Global Earth Physics A Handbook of Physical Constants AGU Reference Shelf Vol 1 Washington DC American Geophysical Union Bibcode 1995geph conf A doi 10 1029 RF001 ISBN 978 0 87590 851 9 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 16 October 2006 subkhnemux 3 February 2007 Kerr Richard A 2005 09 26 Earth s Inner Core Is Running a Tad Faster Than the Rest of the Planet Science 309 5739 1313 doi 10 1126 science 309 5739 1313a PMID 16123276 Jordan T H 1979 Structural geology of the Earth s interior Proceedings of the National Academy of Sciences of the United States of America 76 9 4192 4200 Bibcode 1979PNAS 76 4192J doi 10 1073 pnas 76 9 4192 PMC 411539 PMID 16592703 Robertson Eugene C 2001 07 26 The Interior of the Earth USGS subkhnemux 2007 03 24 Turcotte D L Schubert G 2002 4 Geodynamics 2 ed Cambridge England UK Cambridge University Press pp 136 37 ISBN 978 0 521 66624 4 Sanders Robert 2003 12 10 Radioactive potassium may be major heat source in Earth s core UC Berkeley News subkhnemux 2007 02 28 http www esrf eu news general Earth Center Hotter Earth Centre Hotter Alfe D Gillan M J Vocadlo L Brodholt J Price G D 2002 The ab initio simulation of the Earth s core PDF Philosophical Transactions of the Royal Society 360 1795 1227 44 Bibcode 2002RSPTA 360 1227A doi 10 1098 rsta 2002 0992 subkhnemux 2007 02 28 Vlaar N Vankeken P Vandenberg A 1994 PDF Earth and Planetary Science Letters 121 1 2 1 Bibcode 1994E amp PSL 121 1V doi 10 1016 0012 821X 94 90028 0 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2012 03 19 subkhnemux 2015 01 31 Turcotte D L Schubert G 2002 4 Geodynamics 2 ed Cambridge England UK Cambridge University Press p 137 ISBN 978 0 521 66624 4 Pollack Henry N Hurter Suzanne J Johnson Jeffrey R August 1993 Heat flow from the Earth s interior Analysis of the global data set Reviews of Geophysics 31 3 267 80 Bibcode 1993RvGeo 31 267P doi 10 1029 93RG01249 Richards M A Duncan R A Courtillot V E 1989 Flood Basalts and Hot Spot Tracks Plume Heads and Tails Science 246 4926 103 07 Bibcode 1989Sci 246 103R doi 10 1126 science 246 4926 103 PMID 17837768 Sclater John G Parsons Barry Jaupart Claude 1981 Oceans and Continents Similarities and Differences in the Mechanisms of Heat Loss Journal of Geophysical Research 86 B12 11535 Bibcode 1981JGR 8611535S doi 10 1029 JB086iB12p11535 Brown W K Wohletz K H 2005