ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
วอยเอจเจอร์ 1 (อังกฤษ: Voyager 1) เป็นยานสำรวจอวกาศ (space probe) แบบไร้คนขับซึ่งองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐหรือองค์การนาซาได้ทำการปล่อยขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1977 ภายใต้โครงการวอยเอจเจอร์ ซึ่งเป็นเวลา 16 วันหลังการปล่อยยาน วอยเอจเจอร์ 2 เป้าหมายเพื่อทำการศึกษาบริเวณรอบนอกของระบบสุริยะและห้วงอวกาศระหว่างดวงดาว (interstellar space) ส่วนที่ไกลออกไปจากอาณาเขตเฮลิโอสเฟียร์ (heliosphere) ปัจจุบันยานปฏิบัติภารกิจในอวกาศเป็นเวลา 46 ปี 9 เดือน 12 วัน (มิถุนายน 17, 2024 UTC [รีเฟรช]) และยังคงสื่อสารกับพื้นโลกผ่านทางเครือข่ายอวกาศห้วงลึก (DSN) เพื่อรับคำสั่งประจำและส่งข้อมูลกลับมายังโลก โดยข้อมูลระยะทางและความเร็วของยานตามเวลาจริงสามารถดูได้จากเว็บไซต์ของนาซาและห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่น ปัจจุบันด้วยระยะทางของยานสำรวจที่อยู่ไกลจากโลกราว 162.3 หน่วยดาราศาสตร์ (24 พันล้าน กิโลเมตร; 15 พันล้าน ไมล์) ข้อมูลเมื่อ สิงหาคม 2023[update] ส่งผลให้ยาน วอยเอจเจอร์ 1 เป็นวัตถุที่สร้างโดยมนุษย์ที่อยู่ไกลจากโลกมากที่สุด
วอยเอจเจอร์ 1 | |
---|---|
ภาพแบบจำลองยานโครงการวอยเอจเจอร์ | |
ประเภทภารกิจ | สำรวจดาวเคราะห์ชั้นนอก เฮลิโอสเฟียร์ และมวลสารระหว่างดาว |
ผู้ดำเนินการ | นาซา ห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่น |
COSPAR ID | 1977-084A |
SATCAT no. | 10321 |
เว็บไซต์ | voyager |
ระยะภารกิจ |
|
ข้อมูลยานอวกาศ | |
ชนิดยานอวกาศ | มาริเนอร์ จูปิเตอร์-แซทเทิร์น (Mariner Jupiter-Saturn) |
ผู้ผลิต | ห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่น |
มวลขณะส่งยาน | 815 kg (1,797 lb) |
กำลังไฟฟ้า | 470 วัตต์ (ขณะปล่อยยาน) |
เริ่มต้นภารกิจ | |
วันที่ส่งขึ้น | 5 กันยายน ค.ศ. 1977, 12:56:00 UTC |
จรวดนำส่ง | Titan_IIIE |
ฐานส่ง | ฐานปล่อยจรวด 41 ฐานทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล |
สิ้นสุดภารกิจ | |
ติดต่อครั้งสุดท้าย | รอการยืนยัน |
บินผ่านดาวพฤหัสบดี | |
เข้าใกล้สุด | 5 มีนาคม ค.ศ. 1979 |
ระยะทาง | 349,000 km (217,000 mi) |
บินผ่านดาวเสาร์ | |
เข้าใกล้สุด | 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1980 |
ระยะทาง | 124,000 km (77,000 mi) |
บินผ่านดวงจันทร์ไททัน (สำรวจชั้นบรรยากาศ) | |
เข้าใกล้สุด | 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1980 |
ระยะทาง | 6,490 km (4,030 mi) |
ตราภารกิจโครงการวอยเอจเจอร์ ยานสำรวจอวกาศที่สำคัญ |
ภารกิจของยานสำรวจคือการบินเฉียดดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ และดวงจันทร์ไททัน (ดาวบริวารที่ใหญ่ที่สุดของดาวเสาร์) ซึ่งต่างจากแผนการบินเดิมคือการบินเฉียดดาวพลูโตโดยการไม่ผ่านดวงจันทร์ไททัน แต่ภายหลังได้มีการปรับเปลี่ยนแผนการบินเป็นการบินเฉียดดวงจันทร์ไททัน ซึ่งมีความสำคัญมากกว่า โดยพุ่งเป้าไปที่ชั้นบรรยากาศวอยเอจเจอร์ 1 ได้ทำการสำรวจสภาพอากาศ สภาพสนามแม่เหล็ก และวงแหวนของทั้งดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ นอกจากนี้ยังเป็นยานสำรวจลำแรกที่ได้ถ่ายภาพเผยให้เห็นรายละเอียดของกลุ่มดาวบริวารของดาวเคราะห์เหล่านี้อีกด้วย
ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจหลักในโครงการวอยเอจเจอร์เช่นเดียวกับยานคู่แฝด วอยเอจเจอร์ 2 ยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 ได้รับภารกิจเพิ่มเติมให้ทำการระบุและศึกษาอาณาเขตอวกาศส่วนนอกของพื้นที่ยังได้รับอิทธิพลจากลมสุริยะหรือเฮลิโอสเฟียร์ และเริ่มการสำรวจมวลสารระหว่างดาวฤกษ์ โดยยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 ได้สร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นยานสำรวจลำแรกที่เดินทางผ่านชั้นเฮลิโอพอสไปยังพื้นที่มวลสารระหว่างดาวฤกษ์เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 2012 สองปีต่อมายาน วอยเอจเจอร์ 1 ได้เผชิญกับคลื่นยักษ์จากการปลดปล่อยมวลจากชั้นโคโรนาของดวงอาทิตย์ (coronal mass ejection) เรื่อยมาจนสิ้นสุดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 2014 ซึ่งเป็นการยืนยันแล้วว่ายานได้ในอยู่ในมวลสารระหว่างดาวฤกษ์แล้ว
ในช่วงปลายของปี ค.ศ. 2017 ทีมงานของวอยเอจเจอร์ประสบความสำเร็จในการทดลองจุดชุดเครื่องยนต์ไอพ่นที่ใช้ในการควบคุมแนวโคจร (TCM) ซึ่งไม่ได้ใช้งานมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 ส่งผลให้สามารถขยายเวลาทำภารกิจของยานไปได้อีกสองถึงสามปี โดยคาดว่ายาน วอยเอจเจอร์ 1 จะสามารถทำภารกิจได้ต่อไปจนถึงปี ค.ศ. 2025 ซึ่ง (RTG) จะผลิตพลังงานไฟฟ้าไม่เพียงพอเพื่อหล่อเลี้ยงเครื่องมือวัดทางวิทยาศาสตร์ภายในยาน และหลังจากนั้นยานจะลอยเคว้งคว้างเป็นวัตถุเร่ร่อนในอวกาศ
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 2023 นาซาได้ประกาศว่าระบบข้อมูลการบินของ "วอยเอจเจอร์ 1" ประกาศว่าไม่สามารถใช้งานหน่วยการกล้ำสัญญาณโทรมาตร ทำให้ไม่สามารถส่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2024 นาซาได้แก้ปัญหาและการส่งข้อมูลกลับมาใช้งานได้ในอีกสองวันถัดมา
เบื้องหลังภารกิจ
ประวัติ
ในปี ค.ศ. 1964 นาซาได้เสนอแนวคิดซึ่งมีเป้าหมายในการส่งยานสำรวจเพื่อทำการศึกษาดาวเคราะห์ภายนอกระบบสุริยะ และเริ่มดำเนินงานโครงการในตอนต้นยุค ค.ศ. 1970 โดยข้อมูลที่ได้รับจากยานสำรวจ ไพโอเนียร์ 10 ช่วยให้ทีมวิศวกรของโครงการ วอยเอจเจอร์ สามารถออกแบบยานสำรวจเพื่อรับมือกับระดับกัมมันตรังสีที่รุนแรงของดาวพฤหัสบดี นอกจากนี้ยังได้มีการเสริมชั้นป้องกันรังสีเพิ่มเติมด้วยแผ่นเปลวอะลูมิเนียมแบบที่ใช้ตามครัวเรือนในช่วงไม่กี่นาทีก่อนปล่อยยานอีกด้วย
เดิมทียานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 ก็คือยานสำรวจ "มาริเนอร์ 11" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาก่อน ภายหลังงบประมาณของโครงการถูกจำกัดลง เป้าหมายของภารกิจจึงเน้นไปที่การสำรวจดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์เป็นหลัก ยานถูกเปลี่ยนชื่อเป็น มาริเนอร์ จูปิเตอร์-แซทเทิร์น (Mariner Jupiter-Saturn) ภายหลังการดำเนินโครงการได้ระยะหนึ่งจึงมีการเปลี่ยนชื่อยานสำรวจอีกครั้งเป็น วอยเอจเจอร์ 1 เนื่องด้วยตัวยานได้ถูกออกแบบมาเพื่อทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าโครงการมาริเนอร์
ส่วนประกอบของยานฯ
ยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 ถูกสร้างขึ้นโดยศูนย์ปฏิบัติการเครื่องยนต์ไอพ่น หรือ เจพีแอล ตัวยานขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 16 ตัว มีไจโรสโคปรักษาตำแหน่งแบบ 3 แกน และระบบควบคุมยานที่คอยรักษาทิศทางของเสาวิทยุบนยานให้ชี้มายังโลก อุปกรณ์เหล่านี้จะเรียกรวมว่าเป็นระบบควบคุมตำแหน่งและแนวโคจร (AACS) มาพร้อมกับระบบควบคุมสำรอง และเครื่องยนต์ไอพ่นสำรองอีก 8 ตัว นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ตรวจวัดทางวิทยาศาสตร์รวมกว่า 11 ชิ้นเพื่อใช้ทำการศึกษาเหล่าดาวเคราะห์ที่ยานโคจรเข้าใกล้
ระบบสื่อสาร
ยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 ใช้ระบบการสื่อสารผ่านคลื่นวิทยุย่านความถี่สูงซึ่งออกแบบให้สามารถสื่อสารได้ไกลถึงนอกระบบสุริยะ ตัวยานประกอบไปด้วยจานสายอากาศทรงพาราโบลา แบบแคสซิเกรน (Cassegrain) ซึ่งมีเกณฑ์ขยายสูง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.7 เมตร (12 ฟุต) ส่งสัญญาณและรับสัญญาณคลื่นวิทยุผ่านเครือข่ายอวกาศห้วงลึก (Deep Space Network หรือ DSN) ที่มีสถานีฐานกระจายอยู่ทั่วพื้นโลก โดยปกติแล้วยานจะทำการส่งสัญญาณผ่านทางช่องสัญญาณ์ 18 โดยใช้ย่านความถี่ 2.3 จิกะเฮิรตซ์ หรือ 8.4 จิกะเฮิรตซ์ ขณะที่การส่งสัญญาณจากโลกไปยังตัวยานจะทำการส่งผ่านย่านความถี่ 2.1 จิกะเฮิรตซ์
ในช่วงที่ยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 ไม่สามารถส่งข้อมูลมายังโลกโดยตรงได้ ข้อมูลทั้งหมดจะถูกบันทึกลงเทปบันทึกระบบดิจิตอล (DTR) ซึ่งสามารถบันทึกข้อมูลได้สูงสุด 67 เมกะไบต์ เพื่อรอการส่งกลับมายังโลกในครั้งถัดไป โดยใช้เวลาประมาณ 22 ชั่วโมงในการส่งสัญญาณจากยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 กลับมายังโลก (ข้อมูลเมื่อ 2023[update])
แหล่งพลังงาน
ยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 ใช้พลังงานไฟฟ้าจาก หรืออาร์ทีจี (Radioisotope Thermoelectric Generator) รวม 3 เครื่อง ติดตั้งในลักษณะเป็นส่วนแขนยื่นออกจากตัวยาน เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแต่ละเครื่องประกอบไปด้วยลูกบอลอัดเชื้อเพลิงพลูโตเนียม-238 (238Pu) ในรูปของพลูโตเนียมออกไซด์ (PuO2) ทั้งหมด 24 ลูก กำลังไฟฟ้าวัดได้รวม 470 วัตต์ ณ วันที่ทำการปล่อยยาน โดยพลังงานไฟฟ้าที่ได้จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป อันเป็นผลจากการสลายตัวของพลูโตเนียม-238 ที่มีค่าครึ่งชีวิตอยู่ที่ 87.7 ปี รวมถึงการเสื่อมสภาพของชุด อย่างไรก็ตามเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอาร์ทีจีจะยังคงจ่ายพลังงานให้กับตัวยานได้อย่างเพียงพอต่อไปจนถึงปี ค.ศ. 2025
- ผังแท่งเก็บเชื้อเพลิงของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอาร์ทีจี แสดงลูกบอลเชื้อเพลิงพลูโตเนียม-238 ออกไซด์
- ผังชั้นโครงสร้างของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอาร์ทีจี แสดงชุดเทอร์โมคัปเปิลทำจากซิลิคอน-
- แบบจำลองเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอาร์ทีจี
เมื่อวันที่ มิถุนายน 17 ปริมาณพลูโตเนียม-238 ใน วอยเอจเจอร์ 1 คงเหลือ 69.09% เทียบกับวันที่ปล่อยยาน และจะลดลงจนเหลือเพียง 56.5% ในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งน้อยมากเพื่อให้ยานยังสามารถทำงานต่อไปได้ ปริมาณยังจะลดลงต่อไปอีกจนเหลือ 47.21% ในปี ค.ศ. 2078, คงเหลือ 28.92% ในปี ค.ศ. 2106, คงเหลือ 28.92% ในปี ค.ศ. 2134 และคงเหลือ 15.13% ในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2165 ซึ่งพลูโตเนียม-238 ทั้งหมดจะสลายตัวกลายเป็นธาตุชนิดอื่น
ระบบคอมพิวเตอร์
แทบทุกส่วนของตัวยานสำรวจทำงานโดยอัตโนมัติผ่านการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ยกเว้นระบบถ่ายภาพแสงที่มองเห็นได้ซึ่งเป็นเพียงระบบเดียวที่ไม่ได้ทำงานแบบอัตโนมัติ แต่จะถูกควบคุมโดยชุดค่าพารามิเตอร์ในคอมพิวเตอร์ระบบย่อยข้อมูลการบิน (Flight Data Subsystem: FDS) ต่างจากกล้องถ่ายภาพในยานสำรวจยุคหลังจากปี ค.ศ. 1990 ที่เปลี่ยนมาใช้ระบบควบคุมแบบอัตโนมัติทั้งหมดแล้ว
ระบบย่อยคอมพิวเตอร์สั่งการ (Computer Command Subsystem: CCS) ประกอบไปด้วยชุดคำสั่งแบบสำเร็จ เช่น ชุดคำสั่งถอดรหัส ชุดคำสั่งตรวจสอบและแก้ไขข้อบกพร่อง ชุดคำสั่งควบคุมทิศทางของเสาอากาศ และชุดคำสั่งควบคุมตำแหน่งยาน คอมพิวเตอร์ส่วนนี้เป็นส่วนที่พัฒนามาจากคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในยานโครงการไวกิ้ง (Viking Program) ช่วงยุค ค.ศ. 1970 ฮาร์ดแวร์แบบปรับแต่งเอง (custom-built) ที่ใช้สำหรับระบบย่อยคอมพิวเตอร์สั่งการของยานสำรวจทั้งสองลำในโครงการ โวเอจเจอร์ จะเหมือนทุกประการ มีเพียงการปรับแต่งโปรแกรมเล็กน้อยเพราะมีระบบย่อยทางวิทยาศาสตร์ที่ยานอีกลำไม่มี
ระบบย่อยควบคุมตำแหน่งและแนวโคจร (Attitude and Articulation Control Subsystem: AACS) เป็นระบบที่ใช้ในการควบคุมตำแหน่งและทิศทางของตัวยาน คอยควบคุมองศาของเสาอากาศยานให้ชี้มายังโลก ควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่ง และบังคับทิศทางของยานเพื่อทำการถ่ายภาพวัตถุและพื้นผิว ระบบย่อยนี้สำหรับยานสำรวจในโครงการ โวเอจเจอร์ จะเหมือนทุกประการ
เครื่องมือวัดทางวิทยาศาสตร์
เครื่องมืดวัด | ตัวย่อ | รายละเอียด | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ระบบการสร้างภาพถ่าย (Imaging Science System) ปิดการทำงานแล้ว | (ISS) | ทำงานโดยอาศัยกล้องถ่ายภาพ 2 ชุด คือ กล้องมุมมองกว้าง และกล้องมุมมองแคบ เพื่อให้ได้ภาพถ่ายของดาวเคราะห์หรือวัตถุที่ยานเคลื่อนผ่านตลอดภารกิจ เพิ่มเติม
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ระบบวิทยาศาสตร์วิทยุ (Radio Science System) ปิดการใช้งานแล้ว | (RSS) | ทำงานโดยอาศัยระบบสื่อสารของยานโวเอจเจอร์ในการเก็บข้อมูลลักษณะทางกายภาพของดาวเคราะห์และดาวบริวาร (ชั้นบรรยากาศ มวล สนามแรงโน้มถ่วง ความหนาแน่น) อีกทั้งยังทำการเก็บข้อมูลปริมาณและขนาดของวัตถุที่อยู่ในวงแหวนของดาวเสาร์ รวมถึงขนาดของวงแหวนอีกด้วย เพิ่มเติม | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อินฟราเรด อินเตอร์เฟอโรมิเตอร์ สเปกโทรมิเตอร์ (Infrared Interferometer Spectrometer) ปิดการทำงานแล้ว | (IRIS) | ทำการสำรวจดุลพลังงาน และองค์ประกอบของชั้นบรรยากาศแบบเฉพาะพื้นที่และแบบทั่วทั้งดาว นอกจากนี้ยังเก็บข้อมูลรายละเอียดของระดับอุณภูมิในแต่ละชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์และเหล่าดาวบริวาร รวมถึงองค์ประกอบ สมบัติทางความร้อน และขนาดของวัตถุที่อยู่ในวงแหวนของดาวเสาร์ เพิ่มเติม | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อัลตราไวโอเลต สเปกโทรมิเตอร์ (Ultraviolet Spectrometer) ปิดการทำงานแล้ว | (UVS) | ออกแบบมาเพื่อทำการวัดค่าต่างๆ ของชั้นบรรยากาศ รวมถึงการวัดค่าของการแผ่รังสี เพิ่มเติม | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ฟลักซ์เกทแบบสามแกน (Triaxial Fluxgate Magnetometer) ยังทำงานอยู่ | (MAG) | ออกแบบมาเพื่อทำการศึกษาสนามแม่เหล็ก ของดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ ปฏิกิริยาระหว่างพายุสุริยะที่มีต่อแม็กนีโตสเฟียร์ของดาวเคราะห์แต่ละดวง สนามแม่เหล็กของ ไปจนถึงเส้นขอบระหว่างลมสุริยะกับสนามแม่เหล็กของอวกาศระหว่างดาวฤกษ์ เพิ่มเติม | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
พลาสมา สเปกโทรมิเตอร์ (Plasma Spectrometer) ระบบขัดข้อง | (PLS) | ทำการศึกษาคุณสมบัติของอนุภาคไออนในพลาสมาและตรวจหาจำนวนของอิเล็กตรอนที่มีพลังงานในช่วง 5 อิเล็กตรอนโวลต์ถึง 1 กิโลอิเล็กตรอนโวลต์ เพิ่มเติม | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เครื่องตรวจวัดอนุภาคมีประจุพลังงานต่ำ (Low Energy Instrument) ยังทำงานอยู่ | (LECP) | ทำการวัดความค่าความเปลี่ยนแปลงของฟลักซ์พลังงาน การกระจายตัวเชิงมุมของไอออนและอิเล็กตรอน ตลอดจนวัดความเปลี่ยนแปลงของพลังงานในสารประกอบของไอออน เพิ่มเติม | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เครื่องตรวจจับรังสีคอสมิก (Cosmic Ray System) ยังทำงานอยู่ | (CRS) | ค้นหาแหล่งกำเนิดและกระบวนการเร่ง ประวัติในช่วงชีวิตและการพัวพันเชิงพลวัตของรังสีคอสมิกระหว่างดาวฤกษ์ (interstellar cosmic ray) การสังเคราะห์นิวเคลียสของธาตุองค์ประกอบในแหล่งกำเนิดของรังสีคอสมิก พฤติกรรมของรังสีคอสมิกในมวลสารระหว่างดาว รวมถึงสภาพแวดล้อมของอนุภาคพลังงานสูงของดาวเคราะห์ที่ถูกกักไว้ เพิ่มเติม | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ระบบวิเคราะห์ดาราศาสตร์วิทยุ (Planetary Radio Astronomy Investigation) ปิดการทำงานแล้ว | (PRA) | อาศัยการทำงานของเครื่องรับวิทยุแบบกวาดความถี่เพื่อศึกษาคลื่นวิทยุที่ปล่อยออกมาจากดาวพฤหัสและดาวเสาร์ เพิ่มเติม | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เครื่องวัดการโพลาไรซ์ของแสง (Photopolarimeter System) ระบบขัดข้อง | (PPS) | อาศัยการทำงานของกล้องโทรทรรศน์ที่มีโพลาไรเซอร์ในการเก็บข้อมูลรายละเอียดและองค์ประกอบของพื้นผิว รวมถึงคุณสมบัติการกระจายตัวและความหนาแน่นของชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสและดาวเสาร์ เพิ่มเติม | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ระบบตรวจจับคลื่นพลาสมา (Plasma Wave System) ยังทำงานอยู่ | (PWS) | อาศัยการทำงานของเสาอากาศที่ยืดหดได้ในการวัดปฏิกิริยาของคลื่นอิเล็กตรอนบริเวณรอบดาวเคราะห์กับช่วงมวลสารระหว่างดาวฤกษ์ โดยการตรวจวัดค่าความเปลี่ยนแปลงของสนามไฟฟ้าเมื่อเสาอากาศเคลื่อนผ่านกลุ่มเมฆประจุไฟฟ้า เพิ่มเติม |
ภาพของยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 | ||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ||||||||
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ the Voyager spacecraft |
รายละเอียดภารกิจ
ช่วงเวลาการเดินทาง
แนวเส้นทางวิถีโค้งจากโลกของยาน วอยเอจเจอร์ 1 ก่อนเริ่มออกนอกสุริยวิถีที่ดาวเสาร์ในปี ค.ศ. 1981 ปัจจุบันกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่กลุ่มดาวคนแบกงู |
วันที่ | เหตุการณ์ |
---|---|
5 กันยายน 1977 | ทำการปล่อยยาน ณ เวลา 12:56:00 (UTC) |
10 ธันวาคม 1977 | เดินทางเข้าสู่แถบดาวเคราะห์น้อย |
19 ธันวาคม 1977 | ระยะห่างจากโลกของยาน วอยเอจเจอร์ 1 เริ่มแซงยาน วอยเอจเจอร์ 2 (ดูแผนผัง) |
8 กันยายน 1978 | เดินทางออกจากแถบดาวเคราะห์น้อย |
6 มกราคม 1979 | เริ่มปฏิบัติการสำรวจดาวพฤหัสบดี |
5 มีนาคม 1979 | เคลื่อนเข้าใกล้กลุ่มดาวบริวารของดาวพฤหัสบดี (jovian system) |
06:54 น. | บินโฉบผ่านดวงจันทร์อมัลเทีย ที่ระยะห่าง 420,200 กิโลเมตร |
12:05:26 น. | เคลื่อนเข้าใกล้ดาวพฤหัสบดีระยะใกล้ที่สุดที่ 348,890 กิโลเมตรจากจุดศูนย์กลางมวล |
15:14 น. | บินโฉบผ่านดวงจันทร์ไอโอ ที่ระยะห่าง 20,570 กิโลเมตร |
18:19 น. | บินโฉบผ่านดวงจันทร์ยูโรปา ที่ระยะห่าง 733,760 กิโลเมตร |
6 มีนาคม 1979 | |
02:15 น. | บินโฉบผ่านดวงจันทร์แกนีมีด ที่ระยะห่าง 114,710 กิโลเมตร |
17:08 น. | บินโฉบผ่านดวงจันทร์คัลลิสโต ที่ระยะห่าง 126,400 กิโลเมตร |
13 เมษายน 1979 | สิ้นสุดภารกิจการสำรวจดาวพฤหัสบดี |
29 มกราคม 1980 | ปิดการทำงานระบบตรวจวัดโพลาไรซ์ของแสง (PPS) เนื่องจากการเสื่อมสภาพ |
22 สิงหาคม 1980 | เริ่มภารกิจการสำรวจดาวเสาร์ |
12 พฤศจิกายน 1980 | เคลื่อนเข้าใกล้ดาวบริวารของดาวเสาร์ (saturnian system) |
05:41:21 น. | บินโฉบผ่านดวงจันทร์ไททัน ที่ระยะห่าง 6,490 กิโลเมตร |
22:16:32 น. | บินโฉบผ่านดวงจันทร์ทีทิส ที่ระยะห่าง 415,670 กิโลเมตร |
23:46:30 น. | เคลื่อนเข้าใกล้ดาวเสาร์ระยะใกล้ที่สุดที่ 184,300 กิโลเมตรจากจุดศูนย์กลางมวล |
13 พฤศจิกายน 1980 | |
01:43:12 น. | บินโฉบผ่านดวงจันทร์ไมมัส ที่ระยะห่าง 88,440 กิโลเมตร |
01:51:16 น. | บินโฉบผ่านดวงจันทร์เอนเซลาดัส ที่ระยะห่าง 202,040 กิโลเมตร |
06:21:53 น. | บินโฉบผ่านดวงจันทร์รีอา ที่ระยะห่าง 73,980 กิโลเมตร |
16:44:41 น. | บินโฉบผ่านดวงจันทร์ไฮพีเรียน ที่ระยะห่าง 880,440 กิโลเมตร |
14 พฤศจิกายน 1980 | สิ้นสุดภารกิจการสำรวจดาวเสาร์ |
14 พฤศจิกายน 1980 | เข้าสู่ช่วงขยายภารกิจ |
ช่วงขยายภารกิจ | |
---|---|
14 กุมภาพันธ์ 1990 | ภาพถ่ายสุดท้ายของโครงการวอยเอจเจอร์ที่ได้จากยาน วอยเอจเจอร์ 1 ซึ่งภายหลังถูกนำมาประกอบเป็น ปิดการทำงานของกล้องถ่ายภาพทั้ง 2 ชุด (ISS) เพื่อสงวนพลังงาน |
17 กุมภาพันธ์ 1998 | วอยเอจเจอร์ 1 ทำสถิติวัตถุที่สร้างโดยมนุษย์ที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุดซึ่งยาน ไพโอเนียร์ 10 เคยทำไว้ที่ระยะ 69.419 หน่วยดาราศาสตร์ ยานเคลื่อนที่ออกห่างจากดวงอาทิตย์มากกว่า 1 หน่วยดาราศาสตร์ต่อปี เร็วกว่ายาน ไพโอเนียร์ 10 เช่นกัน |
3 มิถุนายน 1998 | ปิดการทำงานระบบอินฟราเรดอินเตอร์เฟอโรมิเตอร์สเปกโทรมิเตอร์ (IRIS) เพื่อสงวนพลังงาน |
17 ธันวาคม 2004 | เคลื่อนผ่านชั้น(กำแพงกระแทก)ที่ระยะ 94 หน่วยดาราศาสตร์ และเข้าสู่ชั้น(เฮลิโอชีท) |
1 กุมภาพันธ์ 2007 | ปิดการทำงานระบบพลาสมาสเปกโทรมิเตอร์ (PLS) จากการเสื่อมสภาพ |
11 เมษายน 2007 | ปิดการทำงานระบบทำความร้อนของอุปกรณ์ตรวจจับพลาสมา |
16 มกราคม 2008 | ปิดการทำงานระบบวิเคราะห์ดาราศาสตร์วิทยุ (PRA) เพื่อสงวนพลังงาน |
25 สิงหาคม 2012 | ผ่านเข้าสู่อวกาศชั้น(เฮลิโอพอส)ที่ระยะ 121 หน่วยดาราศาสตร์ และเข้าสู่ |
7 กรกฎาคม 2014 | ยืนยันตำแหน่งของยานอยู่ใน |
19 เมษายน 2016 | ปิดการทำงานระบบอัลตราไวโอเลตสเปกโทรมิเตอร์ (UVS) เพื่อสงวนพลังงาน |
28 พฤศจิกายน 2017 | ทำการจุดเครื่องยนต์ควบคุมเส้นแนวโคจร (TCM) อีกครั้งนับตั้งแต่ปี 1980 |
5 พฤษจิกายน 2023 | วอยเอจเจอร์ 1 อยู่ไกลจากโลก 162.3 หน่วยดาราศาสตร์ (24.280 พันล้าน กิโลเมตร; 15.087 พันล้าน ไมล์) และอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 161.64 หน่วยดาราศาสตร์ (24.181 พันล้าน กิโลเมตร; 15.025 พันล้าน ไมล์) |
การปล่อยยานและแนวโคจร
ยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 ถูกส่งขึ้นไปในอวกาศเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1977 ณ แท่นปล่อยจรวด 41 ฐานทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล ด้วยจรวดนำส่ง Titan IIIE ประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 2 ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศไปก่อนเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมปีเดียวกัน อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกส่งขึ้นอวกาศช้ากว่ายาน วอยเอจเจอร์ 2 แต่ยาน วอยเอจเจอร์ 1 ก็เดินทางถึงดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ได้ก่อน ด้วยที่สั้นกว่า
บินเฉียดดาวพฤหัสบดี
ยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 เริ่มทำการถ่ายภาพดาวพฤหัสบดีในปี ค.ศ. 1979 โดยบินเฉียดใกล้มากที่สุดที่ระยะห่างประมาณ 349,000 กิโลเมตร (217,000 ไมล์)(*) จากจุดศูนย์กลางดาวเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1979 และด้วยตำแน่งของยานที่อยู่ใกล้ดาวพฤหัสบดี ทำให้ได้ภาพถ่ายที่มีรายละเอียดที่มากขึ้น ส่งผลให้ภารกิจการสังเกตการณ์ระบบของดาวพฤหัสบดีซึ่งได้แก่ เหล่าดาวบริวาร วงแหวน สนามแม่เหล็ก และสภาพแวดล้อมของแถบรังสีแวนแอลเลน (Van Allen Belts) เสร็จสิ้นภายใน 48 ชั่วโมงเท่านั้น ภารกิจการถ่ายภาพระบบดาวพฤหัสบดีเสร็จสิ้นลงในเดือนเมษายน ค.ศ. 1979
การค้นพบภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่บนดวงจันทร์ไอโอ ถือว่าเป็นการค้นพบที่สร้างความฮือฮาที่สุด นับเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบภูเขาไฟมีพลังบนดาวดวงอื่นในระบบสุริยะนอกเหนือจากบนโลก อีกทั้งภูเขาไฟที่ครุกรุ่นเหล่านี้ยังส่งอิทธิพลไปยังดาวพฤหัสบดีด้วย ดวงจันทร์ไอโอถือเป็นแหล่งของสสารหลักที่แผ่ไปทั่วชั้นแม็กนีโตสเฟียร์ (บริเวณโดยรอบของดาวฤกษ์ที่ได้รับอิทธิพลอย่างรุนแรงจากสนามแม่เหล็ก) ของดาวพฤหัสบดี โดยมีการค้นพบร่องรอยของซัลเฟอร์ ออกซิเจน และโซเดียมที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟบนดวงจันทร์ไอโอปะปนอยู่ในขอบนอกของชั้นแม็กนีโตสเฟียร์ของดาวพฤหัสบดี
ยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ ทั้งสองลำได้เผยการค้นพบที่สำคัญของดาวพฤหัสบดีเป็นจำนวนมาก เช่น เหล่าดาวบริวาร แถบกัมมันตรังสี และวงแหวนของดาวพฤหัสบดีที่ไม่เคยค้นพบมาก่อน
- วิดีโอลำดับเวลาการบินเข้าใกล้ดาวพฤหัสบดีของยาน วอยเอจเจอร์ 1 (ดูวิดีโอฉบับเต็ม)
- ภาพถ่ายจุดแดงใหญ่ บนดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นพายุขนาดยักษ์หมุนทวนเข็มนาฬิกาที่มีขนาดใหญ่กว่าโลก
- ภาพถ่ายลาวาซัลเฟอร์ปริมาณมหาศาลไหลออกมาจากปล่องภูเขาไฟรา พาทีราบนดวงจันทร์ไอโอ
- ภาพถ่ายการปะทุของภูเขาไฟโลกิ พาทีรา ความสูง 160 กิโลเมตรจากพื้นผิวดวงจันทร์ไอโอ
- ภาพถ่ายเส้นริ้วบนพื้นผิวดวงจันทร์ยูโรป้า เผยให้เห็นถึงพื้นผิวที่ยังมีการเคลื่อนตัวอยู่ ถจากระยะ 2.8 ล้านกิโลเมตร
- ภาพถ่ายจุดสีขาวแสดงพื้นผิวที่โดนทำลายทางธรณีวิทยาบนดวงจันทร์แกนีมีด จากระยะ 253,000 กิโลเมตร
บินเฉียดดาวเสาร์
ยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ ทั้งสองลำประสบความสำเร็จในการโคจรโดยอาศัยแรงโน้มถ่วง (gravitational assist trajectory) ไปยังดาวเสาร์ อีกทั้งได้ทำการสำรวจดาวเสาร์ รวมถึงวงแหวน และเหล่าดาวบริวารของดาวเสาร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 เดินทางมาถึงดาวเสาร์ในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1980 และเดินทางเข้าใกล้มากที่สุด โดยห่างจากขอบบนของกลุ่มเมฆ (clound-tops) บนดาวที่ระยะ 124,000 กิโลเมตร (77,000 ไมล์)(*) ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1980 ซึ่งกล้องบนยานได้ตรวจพบโครงสร้างอันสลับซับซ้อนบนวงแหวนของดาวเสาร์และใช้เซ็นเซอร์ระยะไกลทำการศึกษาชั้นบรรยากาศของทั้งดาวเสาร์และดวงจันทร์ไททัน ดาวบริวารที่ใหญ่ที่สุด
จากการสำรวจพบว่าชั้นบรรยากาศส่วนบนของดาวเสาร์ประกอบไปด้วยฮีเลียมอยู่ประมาณร้อยละ 7 (คิดเป็นร้อยละ 11 ของชั้นบรรยากาศบนดาวพฤหัสบดี) ขณะที่องค์ประกอบที่เหลือคือไฮโดรเจน เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าฮีเลียมปริมาณมหาศาลจะกระจุกตัวอยู่บริเวณชั้นในของดาวเสาร์เช่นเดียวกับที่พบบนดาวพฤหัสบดีและดวงอาทิตย์ ส่วนฮีเลียมปริมาณเบาบางที่พบในชั้นบรรยากาศส่วนบนอาจแทรกลงมาด้านล่างอย่างช้าๆ ผ่านไฮโดรเจนซึ่งมีมวลน้อยกว่า ซึ่งนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าความร้อนส่วนเกินบนดาวเสาร์ที่แผ่ออกมานั้นได้รับมาจากดวงอาทิตย์นั่นเอง นอกจากยังพบว่ามีกระแสลมแรงพัดอยู่บนพื้นผิวดาวเสาร์ ความเร็วลมใกล้เส้นศูนย์สูตรสูงถึง 500 เมตรต่อวินาที (1,100 ไมล์ต่อชั่วโมง) โดยกระแสลมส่วนใหญ่จะพัดไปทางทิศตะวันออก
มีการตรวจพบปรากฏการณ์คล้ายออโรราซึ่งเกิดจากรังสีอัลตราไวโอเลตที่ปลดปล่อยออกมาจากไฮโดรเจนบริเวณเขตละติจูดกลาง (mid-latitudes) ของชั้นบรรยากาศ และพบออโรราบริเวณละติจูดแถบขั้วโลก (มากกว่า 65 องศา) การเกิดออโรราบนชั้นบรรยากาศที่สูงเช่นนี้อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนรูปเป็นโมเลกุลเชิงซ้อนของไฮโดรคาร์บอนซึ่งจะเคลื่นที่ไปรวมกันอยู่ที่แถบเส้นศูนย์สูตร ส่วนสาเหตุของการเกิดออโรราบริเวณเขตละติจูดกลางที่พบได้เฉพาะบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงนั้นยังคงเป็นปริศนา แต่คาดการณ์ว่าอาจเกิดจากการระเบิดของอิเล็กตรอนและไอออนซึ่งเป็นสาเหตุเดียวกับการเกิดออโรราที่พบบนโลก ยานวอยเอจเจอร์ทั้งสองลำได้ทำการวัดคาบการหมุนรอบตัวเอง (เวลาในหนึ่งวัน) ของดาวเสาร์พบว่าใช้เวลา 10 ชั่วโมง 39 นาที 24 วินาที
ภารกิจของยาน วอยเอจเจอร์ 1 ยังรวมถึงการบินเฉียดดวงจันทร์ไททัน ดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดของดาวเสาร์ ซึ่งมีการค้นพบการมีอยู่ของชั้นบรรยากาศจากภาพถ่ายที่ได้จากยาน ไพโอเนียร์ 11 ในปี ค.ศ. 1979 ระบุว่ามีชั้นบรรยากาศที่หนาแน่นและซับซ้อน ซึ่งทำให้เป็นที่สนใจของนักวิทยาศาสตร์ในเวลาต่อมา การบินเฉียดดวงจันทร์ไททันเกิดขึ้นเมื่อยานพยายามเดินทางเข้าสู่ระบบของดาวเสาร์โดยพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะที่อาจส่งผลต่อการสำรวจ ในที่สุดยานก็เข้าใกล้ที่ระยะประมาณ 6,400 km (4,000 mi) จากด้านหลังดวงจันทร์ไททันหากมองจากโลก เครื่องมือบนยานทำการตรวจวัดปฏิกิริยาระหว่างชั้นบรรยากาศกับแสงอาทิตย์ มีการใช้คลื่นวิทยุของยานเพื่อทำการค้นหาองค์ประกอบ ความหนาแน่น และความดันของชั้นบรรยากาศ นอกจากนี้ยังทำการวัดมวลของดวงจันทร์ไททันโดยอาศัยการสังเกตแรงโน้มถ่วงที่กระทำต่อแนวโคจรของยาน ชั้นบรรยากาศที่ปกคลุมอย่างหนาแน่นกลายเป็นอุปสรรคทำให้ไม่สามารถมองทะลุถึงพื้นผิวได้ แต่ข้อมูลต่างๆ ที่เก็บได้จากชั้นบรรยากาศทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่ามีทะเลสาบโฮโดรคาร์บอนเหลวอยู่บนพื้นผิวดาว
เนื่องภารกิจการสำรวจดวงจันทร์ไททันถูกจัดให้เป็นภารกิจสำคัญ ดังนั้นแนวโคจรของยาน วอยเอจเจอร์ 1 จึงถูกออกแบบให้บินเฉียดดวงจันทร์ไททันให้มากที่สุด ส่งผลให้ยานเคลื่อนผ่านขั้วโลกใต้ของดาวเสาร์และหลุดออกจากระนาบสุริยวิถี ซึ่งทำให้ภารกิจการสำรวจดาวเคราะห์นั้นสิ้นสุดลงไปด้วย หากยาน วอยเอจเจอร์ 1 ล้มเหลวในการเข้าใกล้เพื่อทำการสำรวจดวงจันทร์ไททัน ทางนาซ่าก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางของยาน วอยเอจเจอร์ 2 มาทำภารกิจนี้แทนได้: 94 โดยไม่โคจรผ่านดาวยูเรนัสและดาวเนปจูน นอกจากนี้ในแผนเดิมแนวโคจรของยาน วอยเอจเจอร์ 1 จะไม่ผ่านดาวยูเรนัสหรือดาวเนปจูน: 155 แต่สามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางภายหลังได้โดยการไม่บินเฉียดดวงจันทร์ไททัน อีกทั้งยังสามารถเดินทางจากดาวเสาร์ไปยังดาวพลูโตได้ภายในปี ค.ศ. 1986 อีกด้วย
- ภาพถ่ายรูปเสี้ยวของดาวเสาร์ที่ระยะห่าง 5.3 ล้านกิโลเมตร (4 วันหลังการเข้าใกล้ระยะใกล้สุด)
- ภาพถ่ายแนวแคบของวงแหวนดาวเสาร์ที่มีลักษณะเป็นเกลียวบิด
- ภาพถ่ายดวงจันทร์ไมมัสที่ระยะห่าง 425,000 กิโลเมตร ด้านขวาบนคือปล่องภูเขาไฟเฮอร์เชล
- ภาพถ่ายดวงจันทร์ทีทิส และแนวหุบเขาทรุด อิธากา ชาสมา จากระยะ 1.2 ล้านกิโลเมตร
- ภาพถ่ายรอยแตกบนพื้นผิวดวงจันทร์ไดโอนี
- ภาพถ่ายพื้นผิวน้ำแข็งของดวงจันทร์รีอา (Rhea) ประกอบกับหลุมอุกกาบาต
- ภาพถ่ายชั้นบรรยากาศที่หนาแน่นของดวงจันทร์ไททัน
- ภาพถ่ายรายละเอียดของกลุ่มเมฆของดวงจันทร์ไททันที่ประกอบไปด้วยสารประกอบอินทรีย์เชิงซ้อน
โคจรออกจากเฮลิโอสเฟียร์
ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1990 ยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 ได้ทำการถ่าย (family portrait) จากมุมมองนอกระบบสุริยะได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งรวมถึงภาพถ่ายของโลกที่รู้จักกันในชื่อเพลบลูดอต ก่อนที่จะทำการปิดการทำงานของอุปกรณ์กล้องถ่ายภาพเพื่อสงวนพลังงานสำหรับระบบอื่นในยานหลังจากนั้น เนื่องจากซอฟต์แวร์ของระบบกล้องถ่ายภาพทั้งหมดได้ถูกลบออกหมดแล้ว จึงเป็นการยากที่จะเปิดระบบนี้ขึ้นมาใช้งานอีกครั้ง นอกจากนี้ยังไม่มีซอฟต์แวร์และคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ภาพถ่ายจากยานบนโลกอีกแล้วเช่นกัน
ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1998 ยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 โคจรที่ระยะห่าง 69
หน่วยดาราศาสตร์จากดวงอาทิตย์ ซึ่งมากกว่าระยะที่ยานไพโอเนียร์ 10 ที่เคยเป็นยานอวกาศที่โคจรห่างจากโลกมากที่สุด นอกจากนี้ยานยังเดินทางด้วยความเร็วประมาณ 17 กิโลเมตรต่อวินาที (11 ไมล์ต่อวินาที) ซึ่งเป็นจากดวงอาทิตย์ที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับยานอวกาศทุกลำ
ยาน วอยเอจเจอร์ 1 ได้เดินทางเข้าสู่ มีการใช้อุปกรณ์ตรวจวัดเพื่อทำการศึกษาระบบสุริยะอย่างต่อเนื่อง นักวิทยาศาสตร์ของศูนย์ปฏิบัติการเครื่องยนต์ไอพ่น (JPL) ได้เปิดใช้งานอุปกรณ์ปล่อยที่ติดตั้งอยู่บนทั้งยาน วอยเอจเจอร์ 1 และ 2 เพื่อทำการศึกษาเฮลิโอพอส ซึ่งเป็นแนวเขตที่ลมสุริยะได้ถูกหยุดลงเพราะเป็นบริเวณแรงดันของมวลสารระหว่างดาวกับลมสุริยะเข้าสู่สมดุลกัน ในปี ค.ศ. 2013 ยานสำรวจโคจรด้วยความเร็วสัมพัทธ์กับดวงอาทิตย์ประมาณ 17,030 เมตรต่อวินาที (55,900 ฟุตต่อวินาที) และในปัจจุบันยาน วอยเอจเจอร์ 1 โคจรโดยคงความเร็วคงที่ 325 ล้านไมล์ (523×106 กิโลเมตร) ต่อปี หรือประมาณ 1 ปีแสงใน 18,000 ปี
กำแพงกระแทก
เหล่านักวิทยาศาสตร์จากห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ประยุกต์ของมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์เชื่อว่ายาน วอยเอจเจอร์ 1 ได้เดินทางเข้าสู่ชั้น (termination shock) ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 บริเวณนี้เป็นจุดที่ลมสุริยะชะลอความเร็วลงจนช้ากว่าความเร็วของเสียง (subsonic speed) หรือต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อวินาที แต่ก็ยังมีข้อโต้แย้งกันในหมู่นักวิทยาศาสตร์กลุ่มอื่นๆ มีการถกประเด็นนี้ในวารสารวิชาการเนเจอร์ ฉบับวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003 โดยประเด็นนี้จะยังคงต้องถกเถียงดันต่อไปจนกว่าจะมีข้อมูลใหม่ที่สามารถมายืนยันได้ อีกทั้งอุปกรณ์ตรวจจับลมสุริยะที่ติดตั้งไว้บนยานได้หยุดการทำงานไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 ทำให้การตรวจหาชั้นกำแพงกระแทกทำได้โดยอาศัยข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์ตัวอื่นแทน
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2005 ทางนาซาได้เผยแพร่บทความสรุปผลว่ายานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 ได้โคจรเข้าสู่ห้วงอวกาศบริเวณที่เรียกว่าเฮลิโอชีท (heliosheath) โดยในงานประชุมทางวิทยาศาสตร์ที่จัดขึ้นที่ (American Geophysical Union: AGU) เมืองนิวออร์ลีนส์ วันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2005 ทาง ดร.เอ็ด สโตน (Dr. Ed Stone) ได้เสนอหลักฐานที่ยืนยันได้ว่ายานเดินทางผ่านชั้นกำแพงกระแทกในช่วงปลายปี ค.ศ. 2004 ซึ่งคาดว่าเกิดขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 2004 ที่ระยะห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 94 หน่วยดาราศาสตร์
เฮลิโอชีท
ในวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2006 กลุ่มนักวิทยุสมัครเล่นจากองค์กร หรือ AMSAT ในประเทศเยอรมนี ได้รับสัญญาณคลื่นวิทยุจากยาน วอยเอจเจอร์ 1 ผ่านจานดาวเทียมขนาด 20 เมตร (66 ฟุต) ที่เมืองโบคุม สัญญาณที่พบได้รับการตรวจสอบและยืนยันแล้วโดยเทียบกับสัญญาณที่ได้จาก (DSN) ที่เมืองมาดริด ประเทศสเปน ถือได้ว่าเป็นกลุ่มนักวิทยุสมัครเล่นกลุ่มแรกที่สามารถติดตามสัญญาณของยาน วอยเอจเจอร์ 1 ได้
วันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 2010 ไมีการยืนยันว่ายานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 เดินทางผ่านขอบเขตของการขยายตัวของลมสุริยะ โดยใช้ข้อมูลที่ได้จากเครื่องตรวจวัดอนุภาคมีประจุพลังงานต่ำ (Low Energy Charged Particle: LECP) นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่าลมสุริยะในบริเวณนี้มีทิศทางไหลย้อนกลับอันเนื่องมาจากกระแสลมระหว่างดาว (interstellar wind) ที่พยายามไหลต้านกับเฮลิโอสเฟียร์ และในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2010 มีการตรวจพบว่าลมสุริยะมีค่าคงที่เป็นศูนย์ ซึ่งสามารถใช้สนับสนุนข้อสันนิษฐานนี้ได้เป็นอย่างดี ในวันนั้นยานโคจรห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 116 หน่วยดาราศาสตร์ (17.4 พันล้าน กิโลเมตร; 10.8 พันล้าน ไมล์)(*)
ยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 ได้รับคำสั่งให้หมุนตัวยานเพื่อทำการตรวจวัดการเลี้ยวเบนของลมสุริยะของบริเวณนี้ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2011 (ประมาณ 33 ปีหลังการปล่อยยาน) ภายหลังการทดสอบที่แล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ยานมีความพร้อมที่จะถูกควบคุมให้หมุนตัวได้อีกครั้ง โดยยังคงแนวโคจรไว้เช่นเดิม แต่จะหมุนตัวยานไป 70 องศาทวนเข็มนาฬิกาเมื่อเทียบกับโลกเพื่อทำการตรวจจับลมสุริยะ (ถือเป็นครั้งแรกที่มีการบังคับตัวยานครั้งใหญ่นับตั้งแต่การถ่ายในปี ค.ศ. 1990) โดยหลังจากการหมุนตัวยานในครั้งแรกพบว่าตัวยานสามารถหมุนตัวกลับมาหาดาวแอลฟาคนครึ่งม้า (α-Centauri) ซึ่งเป็นดาวนำทางของยาน วอยเอจเจอร์ 1 ได้โดยไม่พบปัญหาใดๆ และยังสามารถส่งสัญญาณกลับมายังโลกได้เหมือนเดิมอีกด้วย คาดว่ายาน วอยเอจเจอร์ 1 เดินทางเข้าสู่ไปแล้วโดยไม่ทราบวันเวลาแน่ชัด ในขณะยาน วอยเอจเจอร์ 2 ยังคงกำลังตรวจวัดการไหลออกของลมสุริยะที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งซึ่งคาดว่าน่าจะตามหลังยาน วอยเอจเจอร์ 1 ในแง่ของเหตุการณ์ที่ได้พบไปประมาณหลายเดือนหรือหลายปี
ตำแหน่งของยานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 ข้อมูลเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 เทียบจากโลกตาม (equatorial coordinates) คือเดคลิเนชันที่ 12.44 องศา, ไรต์แอสเซนชันที่ 17.163 ชั่วโมง และที่ 34.9 องศา (ละติจูดสุริยะจะเปลี่ยนช้ามาก) ซึ่งเป็นตำแหน่งของกลุ่มดาวคนแบกงู (Ophiuchus)
ในวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2011 มีการประกาศว่ายาน วอยเอจเจอร์ 1 ได้ตรวจพบรังสีช่วงไลแมน-อัลฟา (Lyman-alpha) ที่มีจุดกำเนิดมาจากดาราจักรทางช้างเผือก (Milky Way) ได้เป็นครั้งแรก จากปกติยานจะพบแต่รังสีช่วงไลแมน-อัลฟาที่มาจากดาราจักรอื่นๆ รังสีที่มาจากดาราจักรทางช้างเผือกจะถูกรบกวนจากดวงอาทิตย์ ทำให้ไม่สามารถตรวจจับได้
องค์การนาซาได้ลงประกาศในวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 2011 ว่ายาน วอยเอจเจอร์ 1 ได้โคจรเข้าสู่อวกาศพื้นที่ใหม่ที่เรียกว่า "cosmic purgatory" ซึ่งเป็นชื่อเรียกพื้นที่สแตกเนชัน (stagnation) กล่าวคือ ภายในพื้นที่นี้อนุภาคมีประจุที่ปลดปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์จะเคลื่อนที่ช้าลงและเริ่มเคลื่อนที่ย้อนกลับ และด้วยสนามแม่เหล็กของระบบสุริยะที่มากกว่าสนามแม่เหล็กของถึงสองเท่านั้นได้ก่อให้เกิดเป็นแรงดันขึ้น อนุภาคมีพลังงานที่มีจุดกำเนิดมาจากระบบสุริยะจะลดลงเกือบกึ่งหนึ่ง ขณะที่มีการตรวจพบอิเล็กตรอนพลังงานสูงจากบริเวณภายนอกมากถึง 100 ทบ เส้นขอบส่วนในของพื้นที่สแตกเนชันนี้อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 113 หน่วยดาราศาสตร์
เฮลิโอพอส
นาซาได้ลงประกาศในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2012 ว่ายานสำรวจได้ตรวจพบความเปลี่ยนแปลงบริเวณโดยรอบยานที่คาดว่าน่าจะบ่งบอกการมาถึงของเฮลิโอพอส ยาน วอยเอจเจอร์ 1 ได้รายงานว่ามีการเพิ่มขึ้นของอนุภาคมีประจุจากอวกาศชั้น (interstellar space) ซึ่งปกติจะมีการหักเหเนื่องจากอิทธิพลของลมสุริยะภายในชั้นเฮลิโอสเฟียร์ที่มาจากดวงอาทิตย์ นั่นหมายความว่ายานได้เริ่มโคจรเข้าสู่ชั้นมวลสารระหว่างดาว (interstellar medium) ซึ่งสุดขอบของระบบสุริยะแล้ว
ยาน วอยเอจเจอร์ 1 เป็นยานอวกาศลำแรกที่ได้เดินทางเข้าสู่อวกาศชั้นเฮลิโอพอสในเดือนสิงหา ค.ศ. 2012 ซึ่งเป็นระยะห่างจากดวงอาทิตย์ 121 หน่วยดาราศาสตร์ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้เพิ่งจะได้รับการยืนยันในช่วง 1 ปีให้หลังไปแล้ว
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2019 แสงจากดวงอาทิตย์ต้องใช้เวลาประมาณ 20.11 ชั่วโมงเพื่อเดินทางไปถึงยาน วอยเอจเจอร์ 1 ซึ่งคือระยะห่างจากดวงอาทิตย์ 145 หน่วยดาราศาสตร์ ค่าความส่องสว่างปรากฏเท่ากับ -15.9 หน่วย (น้อยกว่าค่าความสว่างของดวงจันทร์เต็มดวง 30 เท่า) ยานกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสัมพัทธ์กับดวงอาทิตย์ 16.972 กิโลเมตรต่อวินาที (10.434 ไมล์ต่อวินาที) ด้วยความเร็วนี้จะต้องใช้เวลาประมาณ 17,676 ปีเพื่อเดินทางให้ได้ระยะทางเท่ากับ 1 ปีแสง
ช่วงปลายปี ค.ศ. 2012 กลุ่มนักวิจัยพบว่าข้อมูลอนุภาคที่ได้จากยานบ่งชี้ว่ายานได้เดินทางผ่านชั้นเฮลิโอพอสแล้ว ค่าต่างๆ ที่วัดได้แสดงให้เห็นว่ามีการชนกันของอนุภาคพลังงานสูงเพิ่มขึ้นแบบคงที่ (มากกว่า 70 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์) ซึ่งเชื่อว่าเป็นรังสีคอสมิกที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากการระเบิดซูเปอร์โนวาที่ไกลออกไปจากระบบสุริยะ นอกจากนี้ในปลายเดือนสิงหาคมยังพบว่าการชนกันของอนุภาคพลังงานสูงมีค่าสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกันการชนกันของอนุภาคพลังงานต่ำพบว่ามีค่าลดลงเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าอนุภาคพลังงานต่ำเหล่านี้มีต้นกำเนิดมาจากดวงอาทิตย์ Ed Roelof นักวิทยาศาสตร์อวกาศจากมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์และเป็นผู้ติดตามข้อมูลการสำรวจของเครื่องตรวจวัดอนุภาคมีประจุพลังงานต่ำ (LECP) ได้ประกาศว่า "เหล่านักวิทยาศาสตร์ที่ดูแลยาน วอยเอจเจอร์ 1 ต่างพึงพอใจเป็นอย่างมาก" อย่างไรก็ตามหลักเกณฑ์สุดท้ายที่ใช้ยืนยันว่ายาน วอยเอจเจอร์ 1 ได้โคจรผ่านบริเวณที่คาดว่ามีการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็ก (ทั้งจากดวงอาทิตย์และจาก) ไม่ได้ถูกตั้งข้อสังเกต (สนามแม่เหล็กเปลี่ยนทิศเพียง 2 องศา) ซึ่งนั่นอาจทำให้มีการระบุแนวขอบของเฮลิโอพอสมีความผิดพลาดได้
ในวันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 2012 ดร.เอ็ด สโตน นักวิทยาศาสตร์ของโครงการวอยเอจเจอร์จากสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (Caltech) กล่าวไว้ว่า "ยาน วอยเอจเจอร์ 1 ได้ค้นพบพื้นที่ใหม่ในเฮลิโอพอสที่เราไม่เคยทราบมาก่อน ตอนนี้ยานยังอยู่ภายใน แต่สนามแม่เหล็กสามารถเชื่อมต่อกับภายนอกได้ มันเป็นเหมือนถนนที่เป็นทางเข้าออกของเหล่าอนุภาค" สนามแม่เหล็กบริเวณนี้สูงมากกว่า 10 เท่าเทียบกับที่ยาน วอยเอจเจอร์ 1 ได้เคยเจอมาก่อนในบริเวณชั้นกำแพงกระแทก คาดว่าบริเวณนี้เป็นแนวกั้นสุดท้ายก่อนที่ยานจะเดินทางออกไปจากระบบสุริยะอย่างสมบูรณ์และเริ่มเข้าสู่
มวลสารระหว่างดาว
เดือนมีนาคม ค.ศ. 2013 มีการประกาศว่ายาน วอยเอจเจอร์ 1 อาจเป็นยานอวกาศลำแรกที่เดินทางเข้าสู่ โดยตรวจพบความเปลี่ยนแปลงของพลาสมาบรืเวณโดยรอบมาตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 2012 อย่างไรก็ตามมีการถกเถียงกันว่าพิ้นที่นี้คืออวกาศระหว่างดาวหรือเป็นพื้นที่ของระบบสุริยะที่ไม่เคยค้นพบกันแน่ มีการถกประเด็นเรื่อยมาจนถึงวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2013 จึงได้มีการประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการเรื่องดังกล่าว
ในปี ค.ศ. 2020 ยาน วอยเอจเจอร์ 1 กำลังเดินทางออกจากระบบสุริยะด้วยความเร็วประมาณ 3.6 หน่วยดาราศาสตร์ (330 ล้าน ไมล์; 540 ล้าน กิโลเมตร)(*)ต่อปี ขณะที่ยาน วอยเอจเจอร์ 2 โคจรด้วยความเร็วที่ช้ากว่าที่ประมาณ 3.3 หน่วยดาราศาสตร์ (310 ล้าน ไมล์; 490 ล้าน กิโลเมตร)(*)ต่อปี โดยยาน วอยเอจเจอร์ 1 จะนำหน้ายาน วอยเอจเจอร์ 2 มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี
ยาน วอยเอจเจอร์ 1 ทำระยะห่างจากดวงอาทิตย์ 135 หน่วยดาราศาสตร์ (12.5 พันล้าน ไมล์; 20.2 พันล้าน กิโลเมตร)(*)ในวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 และเพิ่มขึ้นเป็น 139.64 หน่วยดาราศาสตร์ (12.980 พันล้าน ไมล์; 20.890 พันล้าน กิโลเมตร)(*)ในวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 2017 หรือมากกว่า 19 ชั่วโมงแสง ซึ่งในขณะนั้น ยาน วอยเอจเจอร์ 2 อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 115.32 หน่วยดาราศาสตร์ (10.720 พันล้าน ไมล์; 17.252 พันล้าน กิโลเมตร)(*)
สำหรับข้อมูลตำแหน่งของยานสามารถดูได้จากเว็บไซต์ทางการขององค์การนาซา (ดูเพิ่มในหัวข้อ แหล่งข้อมูลอื่น )
- กราฟแสดงอัตราการตรวจพบอนุภาคของรังสีคอสมิกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดจากยานวอยเอจเจอร์ 1 (ตุลาคม 2011 ถึง ตุลาคม 2012)
- กราฟแสดงอัตราการตรวจพบอนุภาคของลมสุริยะที่ลดลงอย่างรวดจากยานวอยเอจเจอร์ 1 (ตุลาคม 2011 ถึง ตุลาคม 2012)
วันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2013 องค์การนาซาได้ยืนยันอย่างเป็นทางการว่ายาน วอยเอจเจอร์ 1 ได้เดินทางถึงชั้นมวลสารระหว่างดาวแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2012 หลังจากมีการตรวจสอบ และตกลงว่าเกิดขึ้นในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 2012 (ประมาณ 10 วันก่อนครบรอบ 34 ปีที่ปล่อยยาน) ช่วงเวลาอาจไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับว่ามีการตรวจพบความเปลี่ยนแปลงของอนุภาคมีพลังงานครั้งแรกเมื่อใด ตรงจุดนี้บรรดานักวิทยาศาสตร์อวกาศได้ทิ้งสมมติฐานที่ว่าการเปลี่ยนแปลงทิศทางของสนามแม่เหล็กจะเกิดขึ้นพร้อมกับการข้ามผ่านเฮลิโอพอส แบบจำลองเฮลิโอพอสแบบใหม่ได้ทำนายว่าอาจไม่พบความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มากนัก
กุญแจสำคัญที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่ายานเคลื่อนที่ผ่านเฮลิโอพอสไปแล้วก็คือการตรวจพบอิเล็กตรอนที่มีความหนาแน่นเพิ่มขึ้นถึง 80 ทบ อ้างอิงจากการแกว่งของพลาสมาที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 2013 ที่เกิดจากการระเบิดบนดวงอาทิตย์ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2012 (คาดว่าความหนาแน่นของอิเล็กตรอนภายนอกเฮลิโอพอสจะมากกว่าภายใน 2 ระดับในแง่ของขนาด) การแกว่งที่น้อยกว่านี้ถูกตรวจพบตั้งแต่เดือนตุลาคมถีงพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ถูกนำมาใช้ประกอบการศึกษาด้วย
การตรวจวัดพลาสมาต้องอาศัยข้อมูลทางอ้อมจากอุปกรณ์วัดอื่นๆ เนื่องจากเครื่องวัดพลาสมาสเปกโตรมิเตอร์ของยาน วอยเอจเจอร์ 1 ได้หยุดทำงานลงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2013 นาซาได้เผยแพร่สัญญาณเสียงที่แปลงมาจากคลื่นพลาสมาที่วัดได้ใน
ในขณะที่ยาน วอยเอจเจอร์ 1 ได้รับกล่าวถึงอย่างกว้างขวางว่ากำลังจะออกจากระบบสุริยะทันทีที่ออกจากชั้นเฮลิโอพอส แต่โดยทางเทคนิคแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะระบบสุริยะถูกนิยามว่าเป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่ในอวกาศครอบคลุมเหล่าวัตถุที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ ปัจจุบันยานยังโคจรได้น้อยกว่า 1 ใน 7 ของจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดของดาวเซดนา และยังโคจรไม่ถึงเมฆออร์ต ซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งต้นกำเนิดของดาวหาง ที่เหล่านักดาราศาสตร์กำหนดว่าเป็นส่วนนอกสุดของระบบสุริยะ
เดือนตุลาคม ค.ศ. 2020 กลุ่มนักดาราศาสตร์ได้ตรวจพบค่าความหนาแน่นของอวกาศนอกระบบสุริยะที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญที่ได้จากยาน วอยเอจเจอร์ 1 และยาน วอยเอจเจอร์ 2 หากอ้างอิงจากกลุ่มนักวิจัย สามารถกล่าวได้ว่าบริเวณนี้เป็นบริเวณที่หลุดออกไปจากขอบของระบบสุริยะ (VLISM หรือ very local interstellar medium) ซึ่งเปรียบเสมือนส่วนปลายของเฮลิโอพอส
ต่อมาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2021 องค์การนาซาได้ออกรายงานการติดตามวัดค่าความหนาแน่นของสสารในพื้นที่อวกาศระหว่างดวงดาวเป็นครั้งแรก ตลอดจนการตรวจพบเสียงของอวกาศระหว่างดาวได้เป็นครั้งแรก
อนาคตของยานสำรวจ
วอยเอจเจอร์ 1 จะเดินทางถึงเมฆออร์ตในราว 300 ปีข้างหน้า และใช้จะเวลาราว 30,000 ปีในการเดินทางข้ามผ่าน แม้ว่ายานจะไม่มุ่งหน้าไปยังดาวฤกษ์ใดๆ แต่อีกประมาณ (40,000 ปี) ตัวยานจะอยู่ห่างจากดาว Gliese 445 ซึ่งอยู่ในกลุ่มดาวยีราฟราว 1.6 ปีแสง ดาวดวงนี้เคลื่อนที่มายังระบบสุริยะด้วยความเร็วประมาณ 119 กิโลเมตรต่อวินาที นาซากล่าวไว้ว่า วอยเอจเจอร์ทั้งคู่ถูกลิขิตให้เร่ร่อนไปในทางช้างเผือกอาจจะชั่วนิรันดร์" ("The Voyagers are destined—perhaps eternally—to wander the Milky Way.") และภายใน 300,000 ปีข้างหน้ายานจะอยู่ห่างจากดาว TYC 3135-52-1 ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ประเภท M3V น้อยกว่า 1 ปีแสง
เชื่อว่ายาน วอยเอจเจอร์ 1 จะท่องไปในห้วงลึกของอวกาศโดยไม่ชนกับวัตถุใดๆ และไม่มีทางที่จะกู้คืนได้อีกแล้ว ในทางกลับกันยานสำรวจ นิวฮอไรซันส์ กลับไม่เป็นเช่นนั้น แม้ความเร็วตอนปล่อยยานจากโลกจะสูงกว่ายานวอยเอจเจอร์ทั้งสองลำ แต่ยานวอยเอจเจอร์ทั้งสองลำกลับได้แรงส่งจากจากบินเฉียดดาวเคราะห์หลายดวง ซึ่งทำให้ความเร็วจากศูนย์กลางดวงอาทิตย์ (heliocentric velocity) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ยาน นิวฮอไรซันส์ กลับได้แรงส่งจากการบินเฉียดดาวพฤหัสบดีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในปี ค.ศ. 2019 ยาน นิวฮอไรซันส์ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 14 กิโลเมตรต่อวินาที ซึ่งช้ากว่ายาน วอยเอจเจอร์ 1 ไปประมาณ 3 กโลเมตรต่อวินาที และยังเคลื่อนที่ช้าลงเรื่อยๆ อีกด้วย
ในปี ค.ศ. 2017 นาซาประกาศความสำเร็จในการติดเครื่องยนต์ไอพ่นควบคุมแนวโคจร (trajectory correction maneuver: TCM) ทั้งหมด 4 ตัวที่ติดตั้งบนยาน วอยเอจเจอร์ 1 ภายหลังมีการติดเครื่องยนต์ชุดนี้ครั้งแรกไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 เครื่องยนต์ชุดนี้สามารถใช้แทนเครื่องยนต์ที่ใช้ในการควบคุมตำแหน่งของจานสายอากาศที่เสื่อมสภาพไปนานแล้ว ซึ่งนั่นทำให้นาซายังสามารถรับส่งข้อมูลกับยาน วอยเอจเจอร์ 1 ต่อไปได้อีก 2 ถึง 3 ปี
มีการปิดการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งบนยานเพื่อสงวนพลังงานไว้สำหรับอุปกรณ์ที่สำคัญอื่นๆ โดยเริ่มจากอุปกรณ์วัดทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่จำเป็นหรือได้รับข้อมูลมากเพียงพอแล้ว ขณะนี้อุปกรณ์ที่ยังเปิดใช้งานอยู่จะใช้สำหรับการศึกษาคุณสมบัติของอวกาศระหว่างดาว รวมถึงอวกาศภายนอกระบบสุริยะ ซึ่งได้แก่ รังสีคอสมิก อนุภาคมีประจุพลังงานต่ำ สนามแม่เหล็ก และคลื่นพลาสมา
ในอนาคตนาซามีแผนที่จะปิดการทำงานของเทปบันทึกดิจิตอล (DTR) ที่ใช้ในการสำรองข้อมูลในยานเมื่อรอส่งกลับมายังโลก เพื่อโอนถ่ายพลังงานไว้สำหรับระบบป้องกันเชื้อเพลิงไฮดราซีนจากการเยือกแข็ง นอกจากนี้จะหยุดการใช้งานไจโรสโคปในการปฏิบัติภารกิจทั่วไป โดยมีการเขียนโปรแกรมให้ทำงานในกรณีที่มีข้อบกพร่องร้ายแรงเท่านั้น
ภายหลังปี ค.ศ. 2020 อุปกรณ์วัดทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่ติดตั้งบนยาน วอยเอจเจอร์ 1 เริ่มถูกปิดการทำงานทันที หรือมีการปิดการทำงานบางส่วน แล้วใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมกันเท่าที่พลังงานไฟฟ้าที่หลงเหลืออยู่ ท้ายสุดยานจะยังคงสื่อสารกับโลกไปจนกว่าจะถึงปี ค.ศ. 2025 ที่คาดว่าจะไม่มีพลังงานไฟฟ้าหลงเหลือสำหรับยาน สุดท้ายยานจะขาดการติดต่อกับโลกไปตลอดกาลและโคจรไปในห้วงอวกาศโดยไร้การควบคุมใดๆ
แผ่นจานทองคำ
ยานวอยเอจเจอร์แต่ละลำบรรทุกแผ่นเสียงที่เรียกว่าแผ่นจานทองคำ (Golden record) ซึ่งบันทึกเสียงและภาพของเหตุการณ์ต่างๆ บนโลก ในกรณีที่ยานทั้งสองได้มีโอกาสพบกับสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาอื่นในระบบดาวเคราะห์แห่งอื่น เนื้อหาในแผ่นจานประกอบด้วยภาพของโลก สิ่งมีชีวิตบนโลก ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์หลากหลายสาขา คำพูดทักทายจากผู้คนเป็นภาษาต่างๆ มากถึง 55 ภาษา (เช่น จากเลขาธิการสหประชาชาติ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และเด็ก ๆ บนโลก รวมถึงภาษาไทย โดยภาษาไทยมีการบันทึกไว้ว่า "สวัสดีค่ะ สหายในธรณีโพ้น พวกเราในธรณีนี้ขอส่งมิตรจิตมาถึงท่านทุกคน") รวมถึงชุดเมดเล่ย์ "เสียงจากโลก" ที่ประกอบด้วยเสียงของวาฬ เสียงเด็กร้อง เสียงคลื่นกระทบฝั่ง และบทเพลงของศิลปินชื่อดังมากมาย
ดูเพิ่ม
- ยานสำรวจอวกาศในอวกาศระหว่างดาว
- วัตถุสร้างโดยมนุษย์ที่กำลังออกจากระบบสุริยะ
- รายชื่อภารกิจสำรวจดาวเคราะห์ชั้นนอก
- หมู่เมฆระหว่างดาวระยะใกล้
- (วงแหวนของดาวพฤหัสบดี)
- การสำรวจอวกาศ
- ยานสำรวจอวกาศ
- พลังงานเฉพาะของวงโคจรของ วอยเอจเจอร์ 1
- เส้นเวลาของดาวเทียมและยานสำรวจอวกาศ
- วอยเอจเจอร์ 2
อ้างอิง
- . NSSDC Master Catalog. NASA/NSSDC. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ ธันวาคม 14, 2013. สืบค้นเมื่อ สิงหาคม 21, 2013.
- "Voyager 1". N2YO. สืบค้นเมื่อ August 21, 2013.
- "NASA - Voyager Facts". NASA's Goddard Space Flight Center website. จากแหล่งเดิมเมื่อ December 10, 2022. สืบค้นเมื่อ May 20, 2023.
- https://voyager.jpl.nasa.gov/mission/status/
- "Voyager - Mission Status". Jet Propulsion Laboratory. . จากแหล่งเดิมเมื่อ January 1, 2018. สืบค้นเมื่อ January 7, 2023.
- . BBC Solar System. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ กุมภาพันธ์ 3, 2018. สืบค้นเมื่อ กันยายน 4, 2018.
- . NASA. February 14, 1990. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-10-21. สืบค้นเมื่อ August 4, 2017.
- "New Horizons conducts flyby of Pluto in historic Kuiper Belt encounter". สืบค้นเมื่อ September 2, 2015.
- "What If Voyager Had Explored Pluto?". สืบค้นเมื่อ September 2, 2015.
- "Interstellar Mission". NASA Jet Propulsion Laboratory. จากแหล่งเดิมเมื่อ September 14, 2017. สืบค้นเมื่อ August 24, 2020.
- Barnes, Brooks (September 12, 2013). "In a Breathtaking First, NASA Craft Exits the Solar System". New York Times. สืบค้นเมื่อ September 12, 2013.
- Claven, Whitney (July 7, 2014). "Sun Sends More 'Tsunami Waves' to Voyager 1". NASA. สืบค้นเมื่อ July 8, 2014.
- Wall, Mike (December 1, 2017). "Voyager 1 Just Fired Up its Backup Thrusters for the 1st Time in 37 Years". Space.com. สืบค้นเมื่อ December 3, 2017.
- "Voyager – Frequently Asked Question". Jet Propulsion Laboratory. สืบค้นเมื่อ July 30, 2020.
- Paul, Andrew (December 14, 2023). "Voyager 1 is sending back bad data, but NASA is on it". Popular Science (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). จากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2023. สืบค้นเมื่อ December 15, 2023.
- Hartono, Naomi (2024-04-04). "Engineers Pinpoint Cause of Voyager 1 Issue, Are Working on Solution – Voyager". blogs.nasa.gov (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). จากแหล่งเดิมเมื่อ April 12, 2024. สืบค้นเมื่อ 2024-04-13.
- "NASA's Voyager 1 Resumes Sending Engineering Updates to Earth". NASA Jet Propulsion Laboratory (JPL) (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). จากแหล่งเดิมเมื่อ April 22, 2024. สืบค้นเมื่อ 2024-04-22.
- Strickland, Ashley (2024-04-22). "Voyager 1 is sending data back to Earth for the first time in 5 months". CNN (ภาษาอังกฤษ). จากแหล่งเดิมเมื่อ April 24, 2024. สืบค้นเมื่อ 2024-04-24.
- . JPL. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ ธันวาคม 8, 2012. สืบค้นเมื่อ สิงหาคม 18, 2013.
- . NASA. 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-29. สืบค้นเมื่อ August 19, 2013.
- "Preview Screening: The Farthest - Voyager in Space". informal.jpl.nasa.gov. NASA Museum Alliance. August 2017. สืบค้นเมื่อ August 18, 2019.
supermarket aluminum foil added at the last minute to protect the craft from radiation
- Mack, Pamela (1998). "Chapter 11". From engineering science to big science: The NACA and NASA Collier Trophy research project winners. History Office. p. 251. ISBN .
- Landau, Elizabeth (October 2, 2013). "Voyager 1 becomes first human-made object to leave solar system". CNN. CNN. สืบค้นเมื่อ May 29, 2014.
- "NASA Spacecraft Embarks on Historic Journey into Interstellar Space". NASA. September 12, 2013. สืบค้นเมื่อ May 29, 2014.
NASA's Voyager 1 spacecraft officially is the first human-made object to venture into interstellar space.
- . NASA. June 22, 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-07-23. สืบค้นเมื่อ May 29, 2014.
All of these missions relied on Viking technologies. As it did for the team in 1976, Mars continues to hold a special fascination. Thanks to the dedication of men and women working at NASA centers across the country, the mysterious Mars of our past is becoming a much more familiar place.
- "VOYAGER 1:Host Information". JPL. 1989. สืบค้นเมื่อ April 29, 2015.
- "High Gain Antenna". JPL. สืบค้นเมื่อ August 18, 2013.
- Ludwig, Roger; Taylor, Jim (March 2002). "Voyager Telecommunications" (PDF). DESCANSO Design and Performance Summary Series. NASA/JPL. สืบค้นเมื่อ September 16, 2013.
- "NASA News Press Kit 77–136". JPL/NASA. สืบค้นเมื่อ December 15, 2014.
- "Voyager - Mission Status". Jet Propulsion Laboratory. National Aeronautics and Space Administration. สืบค้นเมื่อ February 16, 2019.
- Furlong, Richard R.; Wahlquist, Earl J. (1999). (PDF). Nuclear News. 42 (4): 26–34. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-10-16. สืบค้นเมื่อ 2019-02-07.
- "Spacecraft Lifetime". JPL. สืบค้นเมื่อ August 19, 2013.
- "pds-rings". สืบค้นเมื่อ May 23, 2015.
- Tomayko, James (April 1987). "Computers in Spaceflight: The NASA Experience". NASA. สืบค้นเมื่อ February 6, 2010.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-10-16. สืบค้นเมื่อ May 23, 2015.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-06. สืบค้นเมื่อ May 23, 2015.
- "Voyager 1 Narrow Angle Camera Description". NASA. สืบค้นเมื่อ January 17, 2011.
- "Voyager 1 Wide Angle Camera Description". NASA. สืบค้นเมื่อ January 17, 2011.
- Greicius, Tony (2017-12-01). . NASA (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-02-19. สืบค้นเมื่อ 2017-12-13.
- "Encounter with Jupiter". NASA. สืบค้นเมื่อ August 18, 2013.
- "Planetary voyage". NASA. สืบค้นเมื่อ August 18, 2013.
- "Encounter with saturn". NASA. สืบค้นเมื่อ August 29, 2013.
- Jim Bell (February 24, 2015). The Interstellar Age: Inside the Forty-Year Voyager Mission. Penguin Publishing Group. p. 93. ISBN .
- David W. Swift (January 1, 1997). Voyager Tales: Personal Views of the Grand Tour. AIAA. p. 69. ISBN .
- "Photo Caption". Public Information Office. สืบค้นเมื่อ August 26, 2010.
- "Voyager 1 now most distant man-made object in space". CNN. กุมภาพันธ์ 17, 1998. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ กรกฎาคม 1, 2012. สืบค้นเมื่อ กรกฎาคม 1, 2012.
- Clark, Stuart (September 13, 2013). "Voyager 1 leaving solar system matches feats of great human explorers". The Guardian.
- Webb, Stephen (October 4, 2002). If the Universe is Teeming with Aliens … WHERE IS EVERYBODY?: Fifty Solutions to the Fermi Paradox and the Problem of Extraterrestrial Life. ISBN .
- Darling, David. "Fastest Spacecraft". สืบค้นเมื่อ August 19, 2013.
- "Voyager 1 in heliopause". JPL. สืบค้นเมื่อ August 18, 2013.
- "Voyager Mission Operations Status Report # 2013-09-06, Week Ending September 6, 2013". JPL. สืบค้นเมื่อ September 15, 2013.
- Wall, Mike (September 12, 2013). "It's Official! Voyager 1 Spacecraft Has Left Solar System". Space.com. สืบค้นเมื่อ May 30, 2014.
- Staff (February 12, 2020). "Pale Blue Dot Revisited". NASA. สืบค้นเมื่อ February 12, 2020.
- Tobin, Kate (November 5, 2003). "Spacecraft reaches edge of Solar System". CNN. สืบค้นเมื่อ August 19, 2013.
- Fisk, Len A. (2003). "Planetary Science: Over the edge?" (PDF). Nature. 426 (6962): 21–2. Bibcode:2003Natur.426...21F. doi:10.1038/426021a. PMID 14603294.
- Krimigis, S. M.; Decker, R. B.; Hill, M. E.; Armstrong, T. P.; Gloeckler, G.; Hamilton, D. C.; Lanzerotti, L. J.; Roelof, E. C. (2003). "Voyager 1 exited the solar wind at a distance of ∼85 au from the Sun". Nature. 426 (6962): 45–8. Bibcode:2003Natur.426...45K. doi:10.1038/nature02068. PMID 14603311.
- McDonald, Frank B.; Stone, Edward C.; Cummings, Alan C.; Heikkila, Bryant; Lal, Nand; Webber, William R. (2003). "Enhancements of energetic particles near the heliospheric termination shock". Nature. 426 (6962): 48–51. Bibcode:2003Natur.426...48M. doi:10.1038/nature02066. PMID 14603312.
- Burlaga, L. F. (2003). "Search for the heliosheath with Voyager 1 magnetic field measurements" (PDF). Geophysical Research Letters. 30 (20): n/a. Bibcode:2003GeoRL..30.2072B. doi:10.1029/2003GL018291.
- "Voyager crosses termination shock". สืบค้นเมื่อ August 29, 2013.
- "Voyager crosses termination shock". สืบค้นเมื่อ August 29, 2013.
- "Voyager Timeline". NASA/JPL. February 2013. สืบค้นเมื่อ December 2, 2013.
- (ภาษาเยอรมัน). AMSAT-DL. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 14, 2006. "ARRL article".
- "Voyager 1 Sees Solar Wind Decline". NASA. ธันวาคม 13, 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ สิงหาคม 22, 2011. สืบค้นเมื่อ กันยายน 16, 2013.
- Krimigis, S. M.; Roelof, E. C.; Decker, R. B.; Hill, M. E. (2011). "Zero outward flow velocity for plasma in a heliosheath transition layer". Nature. 474 (7351): 359–361. Bibcode:2011Natur.474..359K. doi:10.1038/nature10115. PMID 21677754.
- Amos, Jonathan (December 14, 2010). "Voyager near Solar System's edge". BBC News. สืบค้นเมื่อ December 21, 2010.
- NASA. "Voyager – The Interstellar Mission". NASA. สืบค้นเมื่อ September 16, 2013.
- "Voyager: Still dancing 17 billion km from Earth". BBC News. March 9, 2011.
- "Voyager Probes Detect "invisible" Milky Way Glow". National Geographic. December 1, 2011. สืบค้นเมื่อ December 4, 2011.
- . CNN. December 6, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-07. สืบค้นเมื่อ December 7, 2011.
- "NASA Voyager 1 Spacecraft Nears Interstellar Space". Space.com. สืบค้นเมื่อ August 19, 2013.
- . NASA. June 14, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-06-17. สืบค้นเมื่อ June 16, 2012.
- Cook, J.-R. C.; Agle, D.C.; Brown, D. (September 12, 2013). . NASA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-13. สืบค้นเมื่อ September 14, 2013.
- Ghose, Tia (September 13, 2013). "Voyager 1 Really Is in Interstellar Space: How NASA Knows". Space.com. TechMedia Network. สืบค้นเมื่อ September 14, 2013.
- Cowen, R. (2013). "Voyager 1 has reached interstellar space". Nature. doi:10.1038/nature.2013.13735.
- Kerr, R. A. (2013). "It's Official—Voyager Has Left the Solar System". Science. 341 (6151): 1158–1159. doi:10.1126/science.341.6151.1158. PMID 24030991.
- Gurnett, D. A.; Kurth, W. S.; Burlaga, L. F.; Ness, N. F. (2013). "In Situ Observations of Interstellar Plasma with Voyager 1". Science. 341 (6153): 1489–1492. Bibcode:2013Sci...341.1489G. doi:10.1126/science.1241681. PMID 24030496.
- Thongoon, Kiattisak (June 7, 2019). "Spacecraft escaping the Solar System". Heavens-Above. สืบค้นเมื่อ June 7, 2019.
- Wolchover, Natalie. "Did NASA's Voyager 1 Spacecraft Just Exit the Solar System?". livescience. สืบค้นเมื่อ August 20, 2013.
- Matson, John (December 4, 2012). "Despite Tantalizing Hints, Voyager 1 Has Not Crossed into the Interstellar Medium". Scientific American. สืบค้นเมื่อ August 20, 2013.
- . Discovery News. Discovery Channel. December 3, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-12-05. สืบค้นเมื่อ September 16, 2013.
- Oakes, Kelly (December 3, 2012). "Voyager 1 is still not out of the Solar System". Basic Space Blog. Scientific American. สืบค้นเมื่อ September 16, 2013.
- "Voyager 1 probe leaving Solar System reaches 'magnetic highway' exit". Daily News & Analysis. Reuters. December 4, 2012. สืบค้นเมื่อ December 4, 2012.
- . American Geophysical Union. March 20, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 22, 2013.
- Cook, J.-R (September 12, 2013). "How Do We Know When Voyager Reaches Interstellar Space?". NASA / Jet Propulsion Lab. สืบค้นเมื่อ September 15, 2013.
- "Voyager - Fast Facts". voyager.jpl.nasa.gov.
- "Voyager - Mission Status". Jet Propulsion Laboratory. . สืบค้นเมื่อ November 21, 2021.
- "Voyager - Mission Status". Jet Propulsion Laboratory. . สืบค้นเมื่อ November 21, 2021.
- "Voyager - Mission Status". Jet Propulsion Laboratory. . สืบค้นเมื่อ November 21, 2021.
- Swisdak, M.; Drake, J. F.; Opher, M. (2013). "A Porous, Layered Heliopause". The Astrophysical Journal. 774 (1): L8. :1307.0850. Bibcode:2013ApJ...774L...8S. doi:10.1088/2041-8205/774/1/L8.
- Cook, J.-R (September 12, 2013). "How Do We Know When Voyager Reaches Interstellar Space?". NASA / Jet Propulsion Lab. สืบค้นเมื่อ September 15, 2013.
- Morin, Monte (September 12, 2013). "NASA confirms Voyager 1 has left the Solar System". Los Angeles Times.
- "Voyage 1 Records "Sounds" of Interstellar Space". Space.com. สืบค้นเมื่อ December 20, 2013.
- Starr, Michelle (October 19, 2020). "Voyager Spacecraft Detect an Increase in The Density of Space Outside The Solar System". . สืบค้นเมื่อ October 19, 2020.
- Kurth, W.S.; Gurnett, D.A. (August 25, 2020). "Observations of a Radial Density Gradient in the Very Local Interstellar Medium by Voyager 2". . 900 (1): L1. Bibcode:2020ApJ...900L...1K. doi:10.3847/2041-8213/abae58. S2CID 225312823. สืบค้นเมื่อ October 19, 2020.
- Hatfield, Miles; Cofield, Calla (May 11, 2021). "As NASA's Voyager 1 Surveys Interstellar Space, Its Density Measurements Are Making Waves". NASA. สืบค้นเมื่อ May 11, 2021.
- "Voyager Signal Spotted By Earth Radio Telescopes". NASA. NASA TV. September 5, 2013. สืบค้นเมื่อ 2015-05-20.
- "Catalog Page for PIA17046". Photo Journal. NASA. สืบค้นเมื่อ April 27, 2014.
- "It's Official: Voyager 1 Is Now In Interstellar Space". UniverseToday. 2013-09-12. สืบค้นเมื่อ April 27, 2014.
- "Voyager – Mission – Interstellar Mission". NASA. August 9, 2010. สืบค้นเมื่อ March 17, 2011.
- "Future". NASA. สืบค้นเมื่อ October 13, 2013.
- Bailer-Jones, Coryn A. L.; Farnocchia, Davide (3 April 2019). "Future stellar flybys of the Voyager and Pioneer spacecraft". Research Notes of the AAS. RNAAS 3, 59. 3 (4): 59. Bibcode:2019RNAAS...3d..59B. doi:10.3847/2515-5172/ab158e.
- "New Horizons Salutes Voyager". New Horizons. สิงหาคม 17, 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ มีนาคม 9, 2011. สืบค้นเมื่อ พฤศจิกายน 3, 2009.
- "Voyager 1 spacecraft thrusters fire up after decades idle". . December 4, 2017.
- . NASA. December 1, 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-02-19. สืบค้นเมื่อ 2019-02-21.
- "Voyager - Mission Status". voyager.jpl.nasa.gov.
- Ferris, Timothy (May 2012). . . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-11-04. สืบค้นเมื่อ August 19, 2013.
- "Voyager Golden record". JPL. สืบค้นเมื่อ August 18, 2013.
แหล่งข้อมูลอื่น
- NASA Voyager website
- Voyager Spacecraft Lifetime — interstellar mission coverage.
- Voyager 1 Mission Profile 2015-02-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน by NASA's Solar System Exploration
- Voyager 1 (NSSDC Master Catalog)
- Spacecraft Escaping the Solar System 2007-04-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน — ตำแหน่งปัจจุบันและไดอะแกรม
- รายงานผลปฏิบัติการประจำสัปดาห์ — รวมข้อมูลสถานะปัจจุบันของยาน
- We Are Here: The Pale Blue Dot. ภาพยนตร์สั้นประกอบเรื่อง The Pale Blue Dot ถ่ายจากยานวอยเอจเจอร์ บรรยายประกอบโดย คาร์ล เซแกน
- Heavens-above.com 2011-05-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- JPL Voyager Telecom Manual
- Voyager 1 Has Outdistanced the Solar Wind
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
lingkkhamphasa inbthkhwamni miiwihphuxanaelaphurwmaekikhbthkhwamsuksaephimetimodysadwk enuxngcakwikiphiediyphasaithyyngimmibthkhwamdngklaw krann khwrribsrangepnbthkhwamodyerwthisud wxyexcecxr 1 xngkvs Voyager 1 epnyansarwcxwkas space probe aebbirkhnkhbsungxngkhkarbriharkarbinaelaxwkasaehngchatishrthhruxxngkhkarnasaidthakarplxykhunsuxwkasemuxwnthi 5 knyayn kh s 1977 phayitokhrngkarwxyexcecxr sungepnewla 16 wnhlngkarplxyyan wxyexcecxr 2 epahmayephuxthakarsuksabriewnrxbnxkkhxngrabbsuriyaaelahwngxwkasrahwangdwngdaw interstellar space swnthiiklxxkipcakxanaekhtehlioxsefiyr heliosphere pccubnyanptibtipharkicinxwkasepnewla 46 pi 9 eduxn 12 wn mithunayn 17 2024 UTC riefrch aelayngkhngsuxsarkbphunolkphanthangekhruxkhayxwkashwngluk DSN ephuxrbkhasngpracaaelasngkhxmulklbmayngolk odykhxmulrayathangaelakhwamerwkhxngyantamewlacringsamarthduidcakewbistkhxngnasaaelahxngptibtikaraerngkhbekhluxnixphn pccubndwyrayathangkhxngyansarwcthixyuiklcakolkraw 162 3 hnwydarasastr 24 phnlan kiolemtr 15 phnlan iml khxmulemux singhakhm 2023 update sngphlihyan wxyexcecxr 1 epnwtthuthisrangodymnusythixyuiklcakolkmakthisudwxyexcecxr 1phaphaebbcalxngyanokhrngkarwxyexcecxrpraephthpharkicsarwcdawekhraahchnnxk ehlioxsefiyr aelamwlsarrahwangdawphudaeninkarnasa hxngptibtikaraerngkhbekhluxnixphnCOSPAR ID1977 084ASATCAT no 10321ewbistvoyager wbr jpl wbr nasa wbr govrayapharkic46 pi 9 eduxn 11 wn sarwcdawekhraah 3 pi 3 eduxn 9 wnsarwcxwkasrahwangdawvks 43 pi 6 eduxn 3 wnkhxmulyanxwkaschnidyanxwkasmarienxr cupietxr aesthethirn Mariner Jupiter Saturn phuphlithxngptibtikaraerngkhbekhluxnixphnmwlkhnasngyan815 kg 1 797 lb kalngiffa470 wtt khnaplxyyan erimtnpharkicwnthisngkhun5 knyayn kh s 1977 12 56 00 UTCcrwdnasngTitan IIIEthansngthanplxycrwd 41 thanthphxakasaehlmkhaaenewxrlsinsudpharkictidtxkhrngsudthayrxkaryunynbinphandawphvhsbdiekhaiklsud5 minakhm kh s 1979rayathang349 000 km 217 000 mi binphandawesarekhaiklsud12 phvscikayn kh s 1980rayathang124 000 km 77 000 mi binphandwngcnthriththn sarwcchnbrryakas ekhaiklsud12 phvscikayn kh s 1980rayathang6 490 km 4 030 mi trapharkicokhrngkarwxyexcecxr yansarwcxwkasthisakhy wxyexcecxr 2kalielox bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha pharkickhxngyansarwckhuxkarbinechiyddawphvhsbdi dawesar aeladwngcnthriththn dawbriwarthiihythisudkhxngdawesar sungtangcakaephnkarbinedimkhuxkarbinechiyddawphluotodykarimphandwngcnthriththn aetphayhlngidmikarprbepliynaephnkarbinepnkarbinechiyddwngcnthriththn sungmikhwamsakhymakkwa odyphungepaipthichnbrryakaswxyexcecxr 1 idthakarsarwcsphaphxakas sphaphsnamaemehlk aelawngaehwnkhxngthngdawphvhsbdiaeladawesar nxkcakniyngepnyansarwclaaerkthiidthayphaphephyihehnraylaexiydkhxngklumdawbriwarkhxngdawekhraahehlanixikdwy phayhlngesrcsinpharkichlkinokhrngkarwxyexcecxrechnediywkbyankhuaefd wxyexcecxr 2 yansarwc wxyexcecxr 1 idrbpharkicephimetimihthakarrabuaelasuksaxanaekhtxwkasswnnxkkhxngphunthiyngidrbxiththiphlcaklmsuriyahruxehlioxsefiyr aelaerimkarsarwcmwlsarrahwangdawvks odyyansarwc wxyexcecxr 1 idsrangprawtisastrinkarepnyansarwclaaerkthiedinthangphanchnehlioxphxsipyngphunthimwlsarrahwangdawvksemuxwnthi 25 singhakhm kh s 2012 sxngpitxmayan wxyexcecxr 1 idephchiykbkhlunykscakkarpldplxymwlcakchnokhornakhxngdwngxathity coronal mass ejection eruxymacnsinsudemuxwnthi 15 thnwakhm kh s 2014 sungepnkaryunynaelwwayanidinxyuinmwlsarrahwangdawvksaelw inchwngplaykhxngpi kh s 2017 thimngankhxngwxyexcecxrprasbkhwamsaercinkarthdlxngcudchudekhruxngyntixphnthiichinkarkhwbkhumaenwokhcr TCM sungimidichnganmatngaetpi kh s 1980 sngphlihsamarthkhyayewlathapharkickhxngyanipidxiksxngthungsampi odykhadwayan wxyexcecxr 1 casamarththapharkicidtxipcnthungpi kh s 2025 sung RTG caphlitphlngnganiffaimephiyngphxephuxhlxeliyngekhruxngmuxwdthangwithyasastrphayinyan aelahlngcaknnyancalxyekhwngkhwangepnwtthuerrxninxwkas emuxwnthi 12 thnwakhm kh s 2023 nasaidprakaswarabbkhxmulkarbinkhxng wxyexcecxr 1 prakaswaimsamarthichnganhnwykarklasyyanothrmatr thaihimsamarthsngkhxmulthangwithyasastrid emuxwnthi 18 emsayn 2024 nasaidaekpyhaaelakarsngkhxmulklbmaichnganidinxiksxngwnthdmaebuxnghlngpharkicprawti inpi kh s 1964 nasaidesnxaenwkhidsungmiepahmayinkarsngyansarwcephuxthakarsuksadawekhraahphaynxkrabbsuriya aelaerimdaeninnganokhrngkarintxntnyukh kh s 1970 odykhxmulthiidrbcakyansarwc iphoxeniyr 10 chwyihthimwiswkrkhxngokhrngkar wxyexcecxr samarthxxkaebbyansarwcephuxrbmuxkbradbkmmntrngsithirunaerngkhxngdawphvhsbdi nxkcakniyngidmikaresrimchnpxngknrngsiephimetimdwyaephneplwxalumieniymaebbthiichtamkhrweruxninchwngimkinathikxnplxyyanxikdwy edimthiyansarwc wxyexcecxr 1 kkhuxyansarwc marienxr 11 sungepnswnhnungkhxngmakxn phayhlngngbpramankhxngokhrngkarthukcakdlng epahmaykhxngpharkiccungennipthikarsarwcdawphvhsbdiaeladawesarepnhlk yanthukepliynchuxepn marienxr cupietxr aesthethirn Mariner Jupiter Saturn phayhlngkardaeninokhrngkaridrayahnungcungmikarepliynchuxyansarwcxikkhrngepn wxyexcecxr 1 enuxngdwytwyanidthukxxkaebbmaephuxthapharkicthiyingihykwaokhrngkarmarienxr swnprakxbkhxngyan cansuxsareknthkhyaysungkhnadesnphansunyklang 3 7 emtr hrux 12 fut yansarwc wxyexcecxr 1 thuksrangkhunodysunyptibtikarekhruxngyntixphn hrux ecphiaexl twyankhbekhluxndwyekhruxngynt 16 tw miicorsokhprksataaehnngaebb 3 aekn aelarabbkhwbkhumyanthikhxyrksathisthangkhxngesawithyubnyanihchimayngolk xupkrnehlanicaeriykrwmwaepnrabbkhwbkhumtaaehnngaelaaenwokhcr AACS maphrxmkbrabbkhwbkhumsarxng aelaekhruxngyntixphnsarxngxik 8 tw nxkcakniyngmixupkrntrwcwdthangwithyasastrrwmkwa 11 chinephuxichthakarsuksaehladawekhraahthiyanokhcrekhaikl rabbsuxsar yansarwc wxyexcecxr 1 ichrabbkarsuxsarphankhlunwithyuyankhwamthisungsungxxkaebbihsamarthsuxsaridiklthungnxkrabbsuriya twyanprakxbipdwycansayxakasthrngpharaobla aebbaekhssiekrn Cassegrain sungmieknthkhyaysung khnadesnphansunyklang 3 7 emtr 12 fut sngsyyanaelarbsyyankhlunwithyuphanekhruxkhayxwkashwngluk Deep Space Network hrux DSN thimisthanithankracayxyuthwphunolk odypktiaelwyancathakarsngsyyanphanthangchxngsyyan 18 odyichyankhwamthi 2 3 cikaehirts hrux 8 4 cikaehirts khnathikarsngsyyancakolkipyngtwyancathakarsngphanyankhwamthi 2 1 cikaehirts inchwngthiyansarwc wxyexcecxr 1 imsamarthsngkhxmulmayngolkodytrngid khxmulthnghmdcathukbnthuklngethpbnthukrabbdicitxl DTR sungsamarthbnthukkhxmulidsungsud 67 emkaibt ephuxrxkarsngklbmayngolkinkhrngthdip odyichewlapraman 22 chwomnginkarsngsyyancakyansarwc wxyexcecxr 1 klbmayngolk khxmulemux 2023 update aehlngphlngngan yansarwc wxyexcecxr 1 ichphlngnganiffacak hruxxarthici Radioisotope Thermoelectric Generator rwm 3 ekhruxng tidtnginlksnaepnswnaekhnyunxxkcaktwyan ekhruxngkaenidiffaaetlaekhruxngprakxbipdwylukbxlxdechuxephlingphluoteniym 238 238Pu inrupkhxngphluoteniymxxkisd PuO2 thnghmd 24 luk kalngiffawdidrwm 470 wtt n wnthithakarplxyyan odyphlngnganiffathiidcaldlngemuxewlaphanip xnepnphlcakkarslaytwkhxngphluoteniym 238 thimikhakhrungchiwitxyuthi 87 7 pi rwmthungkaresuxmsphaphkhxngchud xyangirktamekhruxngkaenidiffaxarthicicayngkhngcayphlngnganihkbtwyanidxyangephiyngphxtxipcnthungpi kh s 2025phngaethngekbechuxephlingkhxngekhruxngkaenidiffaxarthici aesdnglukbxlechuxephlingphluoteniym 238 xxkisd phngchnokhrngsrangkhxngekhruxngkaenidiffaxarthici aesdngchudethxromkhpepilthacaksilikhxn aebbcalxngekhruxngkaenidiffaxarthici emuxwnthi mithunayn 17 primanphluoteniym 238 in wxyexcecxr 1 khngehlux 69 09 ethiybkbwnthiplxyyan aelacaldlngcnehluxephiyng 56 5 inpi kh s 2050 sungnxymakephuxihyanyngsamarththangantxipid primanyngcaldlngtxipxikcnehlux 47 21 inpi kh s 2078 khngehlux 28 92 inpi kh s 2106 khngehlux 28 92 inpi kh s 2134 aelakhngehlux 15 13 inwnthi 1 mkrakhm kh s 2165 sungphluoteniym 238 thnghmdcaslaytwklayepnthatuchnidxunrabbkhxmphiwetxr aethbthukswnkhxngtwyansarwcthanganodyxtonmtiphankarkhwbkhumdwyrabbkhxmphiwetxr ykewnrabbthayphaphaesngthimxngehnidsungepnephiyngrabbediywthiimidthanganaebbxtonmti aetcathukkhwbkhumodychudkhapharamietxrinkhxmphiwetxrrabbyxykhxmulkarbin Flight Data Subsystem FDS tangcakklxngthayphaphinyansarwcyukhhlngcakpi kh s 1990 thiepliynmaichrabbkhwbkhumaebbxtonmtithnghmdaelw rabbyxykhxmphiwetxrsngkar Computer Command Subsystem CCS prakxbipdwychudkhasngaebbsaerc echn chudkhasngthxdrhs chudkhasngtrwcsxbaelaaekikhkhxbkphrxng chudkhasngkhwbkhumthisthangkhxngesaxakas aelachudkhasngkhwbkhumtaaehnngyan khxmphiwetxrswnniepnswnthiphthnamacakkhxmphiwetxrthiichinyanokhrngkariwking Viking Program chwngyukh kh s 1970 hardaewraebbprbaetngexng custom built thiichsahrbrabbyxykhxmphiwetxrsngkarkhxngyansarwcthngsxnglainokhrngkar owexcecxr caehmuxnthukprakar miephiyngkarprbaetngopraekrmelknxyephraamirabbyxythangwithyasastrthiyanxiklaimmi rabbyxykhwbkhumtaaehnngaelaaenwokhcr Attitude and Articulation Control Subsystem AACS epnrabbthiichinkarkhwbkhumtaaehnngaelathisthangkhxngtwyan khxykhwbkhumxngsakhxngesaxakasyanihchimayngolk khwbkhumkarepliyntaaehnng aelabngkhbthisthangkhxngyanephuxthakarthayphaphwtthuaelaphunphiw rabbyxynisahrbyansarwcinokhrngkar owexcecxr caehmuxnthukprakar ekhruxngmuxwdthangwithyasastr ekhruxngmudwd twyx raylaexiydrabbkarsrangphaphthay Imaging Science System pidkarthanganaelw ISS thanganodyxasyklxngthayphaph 2 chud khux klxngmummxngkwang aelaklxngmummxngaekhb ephuxihidphaphthaykhxngdawekhraahhruxwtthuthiyanekhluxnphantlxdpharkic ephimetim twkrxngaesngklxngmummxngaekhbchnid khwamyawkhlun sepktrm iwtxaesng0 is 280 640 naonemtr4 is 280 640 naonemtr7 yuwi 280 370 naonemtr1 mwng 350 450 naonemtr2 naengun 430 530 naonemtr5 ekhiyw 530 640 naonemtr6 ekhiyw 530 640 naonemtr3 sm 590 640 naonemtr klxngmummxngkwangchnid khwamyawkhlun sepktrm iwtxaesng2 is 280 640 naonemtr3 mwng 350 450 naonemtr1 naengin 430 530 naonemtr6 CH4 U 536 546 naonemtr5 ekhiyw 530 640 naonemtr4 Na D 588 590 naonemtr7 sm 590 640 naonemtr0 CH4 JST 614 624 naonemtrrabbwithyasastrwithyu Radio Science System pidkarichnganaelw RSS thanganodyxasyrabbsuxsarkhxngyanowexcecxrinkarekbkhxmullksnathangkayphaphkhxngdawekhraahaeladawbriwar chnbrryakas mwl snamaerngonmthwng khwamhnaaenn xikthngyngthakarekbkhxmulprimanaelakhnadkhxngwtthuthixyuinwngaehwnkhxngdawesar rwmthungkhnadkhxngwngaehwnxikdwy ephimetimxinfraerd xinetxrefxormietxr sepkothrmietxr Infrared Interferometer Spectrometer pidkarthanganaelw IRIS thakarsarwcdulphlngngan aelaxngkhprakxbkhxngchnbrryakasaebbechphaaphunthiaelaaebbthwthngdaw nxkcakniyngekbkhxmulraylaexiydkhxngradbxunphumiinaetlachnbrryakaskhxngdawekhraahaelaehladawbriwar rwmthungxngkhprakxb smbtithangkhwamrxn aelakhnadkhxngwtthuthixyuinwngaehwnkhxngdawesar ephimetimxltraiwoxelt sepkothrmietxr Ultraviolet Spectrometer pidkarthanganaelw UVS xxkaebbmaephuxthakarwdkhatang khxngchnbrryakas rwmthungkarwdkhakhxngkaraephrngsi ephimetimflksekthaebbsamaekn Triaxial Fluxgate Magnetometer yngthanganxyu MAG xxkaebbmaephuxthakarsuksasnamaemehlk khxngdawphvhsbdiaeladawesar ptikiriyarahwangphayusuriyathimitxaemkniotsefiyrkhxngdawekhraahaetladwng snamaemehlkkhxng ipcnthungesnkhxbrahwanglmsuriyakbsnamaemehlkkhxngxwkasrahwangdawvks ephimetimphlasma sepkothrmietxr Plasma Spectrometer rabbkhdkhxng PLS thakarsuksakhunsmbtikhxngxnuphakhixxninphlasmaaelatrwchacanwnkhxngxielktrxnthimiphlngnganinchwng 5 xielktrxnowltthung 1 kiolxielktrxnowlt ephimetimekhruxngtrwcwdxnuphakhmipracuphlngnganta Low Energy Instrument yngthanganxyu LECP thakarwdkhwamkhakhwamepliynaeplngkhxngflksphlngngan karkracaytwechingmumkhxngixxxnaelaxielktrxn tlxdcnwdkhwamepliynaeplngkhxngphlngnganinsarprakxbkhxngixxxn ephimetimekhruxngtrwccbrngsikhxsmik Cosmic Ray System yngthanganxyu CRS khnhaaehlngkaenidaelakrabwnkarerng prawtiinchwngchiwitaelakarphwphnechingphlwtkhxngrngsikhxsmikrahwangdawvks interstellar cosmic ray karsngekhraahniwekhliyskhxngthatuxngkhprakxbinaehlngkaenidkhxngrngsikhxsmik phvtikrrmkhxngrngsikhxsmikinmwlsarrahwangdaw rwmthungsphaphaewdlxmkhxngxnuphakhphlngngansungkhxngdawekhraahthithukkkiw ephimetimrabbwiekhraahdarasastrwithyu Planetary Radio Astronomy Investigation pidkarthanganaelw PRA xasykarthangankhxngekhruxngrbwithyuaebbkwadkhwamthiephuxsuksakhlunwithyuthiplxyxxkmacakdawphvhsaeladawesar ephimetimekhruxngwdkarophlairskhxngaesng Photopolarimeter System rabbkhdkhxng PPS xasykarthangankhxngklxngothrthrrsnthimiophlairesxrinkarekbkhxmulraylaexiydaelaxngkhprakxbkhxngphunphiw rwmthungkhunsmbtikarkracaytwaelakhwamhnaaennkhxngchnbrryakaskhxngdawphvhsaeladawesar ephimetimrabbtrwccbkhlunphlasma Plasma Wave System yngthanganxyu PWS xasykarthangankhxngesaxakasthiyudhdidinkarwdptikiriyakhxngkhlunxielktrxnbriewnrxbdawekhraahkbchwngmwlsarrahwangdawvks odykartrwcwdkhakhwamepliynaeplngkhxngsnamiffaemuxesaxakasekhluxnphanklumemkhpracuiffa ephimetimphaphkhxngyansarwc wxyexcecxr 1yan wxyexcecxr 1 inhxcalxngsphaphxwkasyan wxyexcecxr 1 inhxcalxngsphaphxwkas aephncanthxngkha thuktidtngipkbyan wxyexcecxr 1aephncanthxngkha thuktidtngipkbyan wxyexcecxr 1 Edward C Stone xditphuxanwykarkarkhxngnasa thayphaphkhukbaebbcalxngkhxngyan wxyexcecxrEdward C Stone xditphuxanwykarkarkhxngnasa thayphaphkhukbaebbcalxngkhxngyan wxyexcecxr phngaesdngtaaehnngkhxngekhruxngmuxthangwithyasastrphngaesdngtaaehnngkhxngekhruxngmuxthangwithyasastr wikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb the Voyager spacecraftraylaexiydpharkicchwngewlakaredinthang aenwesnthangwithiokhngcakolkkhxngyan wxyexcecxr 1 kxnerimxxknxksuriywithithidawesarinpi kh s 1981 pccubnkalngmunghnaekhasuklumdawkhnaebknguwnthi ehtukarn5 knyayn 1977 thakarplxyyan n ewla 12 56 00 UTC 10 thnwakhm 1977 edinthangekhasuaethbdawekhraahnxy19 thnwakhm 1977 rayahangcakolkkhxngyan wxyexcecxr 1 erimaesngyan wxyexcecxr 2 duaephnphng 8 knyayn 1978 edinthangxxkcakaethbdawekhraahnxy6 mkrakhm 1979 erimptibtikarsarwcdawphvhsbdi5 minakhm 1979 ekhluxnekhaiklklumdawbriwarkhxngdawphvhsbdi jovian system 0 0 06 54 n 0 binochbphandwngcnthrxmlethiy thirayahang 420 200 kiolemtr0 0 12 05 26 n ekhluxnekhaikldawphvhsbdirayaiklthisudthi 348 890 kiolemtrcakcudsunyklangmwl0 0 15 14 n binochbphandwngcnthrixox thirayahang 20 570 kiolemtr0 0 18 19 n binochbphandwngcnthryuorpa thirayahang 733 760 kiolemtr6 minakhm 19790 0 02 15 n binochbphandwngcnthraeknimid thirayahang 114 710 kiolemtr0 0 17 08 n binochbphandwngcnthrkhllisot thirayahang 126 400 kiolemtr13 emsayn 1979 sinsudpharkickarsarwcdawphvhsbdi29 mkrakhm 1980 pidkarthanganrabbtrwcwdophlairskhxngaesng PPS enuxngcakkaresuxmsphaph22 singhakhm 1980 erimpharkickarsarwcdawesar12 phvscikayn 1980 ekhluxnekhaikldawbriwarkhxngdawesar saturnian system 0 0 05 41 21 n binochbphandwngcnthriththn thirayahang 6 490 kiolemtr0 0 22 16 32 n binochbphandwngcnthrthithis thirayahang 415 670 kiolemtr0 0 23 46 30 n ekhluxnekhaikldawesarrayaiklthisudthi 184 300 kiolemtrcakcudsunyklangmwl13 phvscikayn 19800 0 01 43 12 n binochbphandwngcnthrimms thirayahang 88 440 kiolemtr0 0 01 51 16 n binochbphandwngcnthrexneslads thirayahang 202 040 kiolemtr0 0 06 21 53 n binochbphandwngcnthrrixa thirayahang 73 980 kiolemtr0 0 16 44 41 n binochbphandwngcnthrihphieriyn thirayahang 880 440 kiolemtr14 phvscikayn 1980 sinsudpharkickarsarwcdawesar14 phvscikayn 1980 ekhasuchwngkhyaypharkicchwngkhyaypharkic14 kumphaphnth 1990 phaphthaysudthaykhxngokhrngkarwxyexcecxrthiidcakyan wxyexcecxr 1 sungphayhlngthuknamaprakxbepn pidkarthangankhxngklxngthayphaphthng 2 chud ISS ephuxsngwnphlngngan17 kumphaphnth 1998 wxyexcecxr 1 thasthitiwtthuthisrangodymnusythixyuiklcakdwngxathitymakthisudsungyan iphoxeniyr 10 ekhythaiwthiraya 69 419 hnwydarasastr yanekhluxnthixxkhangcakdwngxathitymakkwa 1 hnwydarasastrtxpi erwkwayan iphoxeniyr 10 echnkn3 mithunayn 1998 pidkarthanganrabbxinfraerdxinetxrefxormietxrsepkothrmietxr IRIS ephuxsngwnphlngngan17 thnwakhm 2004 ekhluxnphanchnkaaephngkraaethkthiraya 94 hnwydarasastr aelaekhasuchnehlioxchith1 kumphaphnth 2007 pidkarthanganrabbphlasmasepkothrmietxr PLS cakkaresuxmsphaph11 emsayn 2007 pidkarthanganrabbthakhwamrxnkhxngxupkrntrwccbphlasma16 mkrakhm 2008 pidkarthanganrabbwiekhraahdarasastrwithyu PRA ephuxsngwnphlngngan25 singhakhm 2012 phanekhasuxwkaschnehlioxphxsthiraya 121 hnwydarasastr aelaekhasu7 krkdakhm 2014 yunyntaaehnngkhxngyanxyuin19 emsayn 2016 pidkarthanganrabbxltraiwoxeltsepkothrmietxr UVS ephuxsngwnphlngngan28 phvscikayn 2017 thakarcudekhruxngyntkhwbkhumesnaenwokhcr TCM xikkhrngnbtngaetpi 19805 phvscikayn 2023 wxyexcecxr 1 xyuiklcakolk 162 3 hnwydarasastr 24 280 phnlan kiolemtr 15 087 phnlan iml aelaxyuhangcakdwngxathity 161 64 hnwydarasastr 24 181 phnlan kiolemtr 15 025 phnlan iml karplxyyanaelaaenwokhcr wxyexcecxr 1 bnswnhwkhxngcrwdnasng Titan IIIEphaphekhluxnihwaesdngaenwokhcrkhxng wxyexcecxr 1 rahwangeduxnknyayn pi 1977 thungwnthi 31 thnwakhm 1981 wxyexcecxr 1 olk dawphvhsbdi dawesar dwngxathityphaphekhluxnihwaesdngaenwokhcrkhxng wxyexcecxr 1 rxbdawphvhsbdi wxyexcecxr 1 dawphvhsbdi dwngcnthrixox dwngcnthryuorpa dwngcnthraeknimid dwngcnthrkhllisotaenwokhcrkhxngyan wxyexcecxr 1 phanrabbdawphvhsbdi yansarwc wxyexcecxr 1 thuksngkhunipinxwkasemuxwnthi 5 knyayn kh s 1977 n aethnplxycrwd 41 thanthphxakasaehlmkhaaenewxrl dwycrwdnasng Titan IIIE praman 2 spdahhlngcakyansarwc wxyexcecxr 2 thukplxykhunsuxwkasipkxnemuxwnthi 20 singhakhmpiediywkn xyangirktam aemcathuksngkhunxwkaschakwayan wxyexcecxr 2 aetyan wxyexcecxr 1 kedinthangthungdawphvhsbdiaeladawesaridkxn dwythisnkwabinechiyddawphvhsbdi yansarwc wxyexcecxr 1 erimthakarthayphaphdawphvhsbdiinpi kh s 1979 odybinechiydiklmakthisudthirayahangpraman 349 000 kiolemtr 217 000 iml cakcudsunyklangdawemuxwnthi 5 minakhm kh s 1979 aeladwytaaenngkhxngyanthixyuikldawphvhsbdi thaihidphaphthaythimiraylaexiydthimakkhun sngphlihpharkickarsngektkarnrabbkhxngdawphvhsbdisungidaek ehladawbriwar wngaehwn snamaemehlk aelasphaphaewdlxmkhxngaethbrngsiaewnaexleln Van Allen Belts esrcsinphayin 48 chwomngethann pharkickarthayphaphrabbdawphvhsbdiesrcsinlngineduxnemsayn kh s 1979 karkhnphbphuekhaifthiyngkhukrunxyubndwngcnthrixox thuxwaepnkarkhnphbthisrangkhwamhuxhathisud nbepnkhrngaerkthimikarkhnphbphuekhaifmiphlngbndawdwngxuninrabbsuriyanxkehnuxcakbnolk xikthngphuekhaifthikhrukrunehlaniyngsngxiththiphlipyngdawphvhsbdidwy dwngcnthrixoxthuxepnaehlngkhxngssarhlkthiaephipthwchnaemkniotsefiyr briewnodyrxbkhxngdawvksthiidrbxiththiphlxyangrunaerngcaksnamaemehlk khxngdawphvhsbdi odymikarkhnphbrxngrxykhxngslefxr xxksiecn aelaosediymthiekidcakkarpathukhxngphuekhaifbndwngcnthrixoxpapnxyuinkhxbnxkkhxngchnaemkniotsefiyrkhxngdawphvhsbdi yansarwc wxyexcecxr thngsxnglaidephykarkhnphbthisakhykhxngdawphvhsbdiepncanwnmak echn ehladawbriwar aethbkmmntrngsi aelawngaehwnkhxngdawphvhsbdithiimekhykhnphbmakxn source source source source widioxladbewlakarbinekhaikldawphvhsbdikhxngyan wxyexcecxr 1 duwidioxchbbetm phaphthaycudaedngihy bndawphvhsbdisungepnphayukhnadykshmunthwnekhmnalikathimikhnadihykwaolk phaphthaylawaslefxrprimanmhasalihlxxkmacakplxngphuekhaifra phathirabndwngcnthrixox phaphthaykarpathukhxngphuekhaifolki phathira khwamsung 160 kiolemtrcakphunphiwdwngcnthrixox phaphthayesnriwbnphunphiwdwngcnthryuorpa ephyihehnthungphunphiwthiyngmikarekhluxntwxyu thcakraya 2 8 lankiolemtr phaphthaycudsikhawaesdngphunphiwthiodnthalaythangthrniwithyabndwngcnthraeknimid cakraya 253 000 kiolemtrwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb the Voyager 1 Jupiter encounter binechiyddawesar yansarwc wxyexcecxr thngsxnglaprasbkhwamsaercinkarokhcrodyxasyaerngonmthwng gravitational assist trajectory ipyngdawesar xikthngidthakarsarwcdawesar rwmthungwngaehwn aelaehladawbriwarkhxngdawesarepnthieriybrxyaelw yansarwc wxyexcecxr 1 edinthangmathungdawesarineduxnphvscikayn pi kh s 1980 aelaedinthangekhaiklmakthisud odyhangcakkhxbbnkhxngklumemkh clound tops bndawthiraya 124 000 kiolemtr 77 000 iml inwnthi 12 phvscikayn kh s 1980 sungklxngbnyanidtrwcphbokhrngsrangxnslbsbsxnbnwngaehwnkhxngdawesaraelaichesnesxrrayaiklthakarsuksachnbrryakaskhxngthngdawesaraeladwngcnthriththn dawbriwarthiihythisud cakkarsarwcphbwachnbrryakasswnbnkhxngdawesarprakxbipdwyhieliymxyupramanrxyla 7 khidepnrxyla 11 khxngchnbrryakasbndawphvhsbdi khnathixngkhprakxbthiehluxkhuxihodrecn enuxngcakmikarkhadkarnwahieliymprimanmhasalcakracuktwxyubriewnchninkhxngdawesarechnediywkbthiphbbndawphvhsbdiaeladwngxathity swnhieliymprimanebabangthiphbinchnbrryakasswnbnxacaethrklngmadanlangxyangcha phanihodrecnsungmimwlnxykwa sungnnxacepnehtuphlwakhwamrxnswnekinbndawesarthiaephxxkmannidrbmacakdwngxathitynnexng nxkcakyngphbwamikraaeslmaerngphdxyubnphunphiwdawesar khwamerwlmiklesnsunysutrsungthung 500 emtrtxwinathi 1 100 imltxchwomng odykraaeslmswnihycaphdipthangthistawnxxk mikartrwcphbpraktkarnkhlayxxorrasungekidcakrngsixltraiwoxeltthipldplxyxxkmacakihodrecnbriewnekhtlaticudklang mid latitudes khxngchnbrryakas aelaphbxxorrabriewnlaticudaethbkhwolk makkwa 65 xngsa karekidxxorrabnchnbrryakasthisungechnnixackxihekidkarepliynrupepnomelkulechingsxnkhxngihodrkharbxnsungcaekhlunthiiprwmknxyuthiaethbesnsunysutr swnsaehtukhxngkarekidxxorrabriewnekhtlaticudklangthiphbidechphaabriewnthimiaesngaeddsxngthungnnyngkhngepnprisna aetkhadkarnwaxacekidcakkarraebidkhxngxielktrxnaelaixxxnsungepnsaehtuediywkbkarekidxxorrathiphbbnolk yanwxyexcecxrthngsxnglaidthakarwdkhabkarhmunrxbtwexng ewlainhnungwn khxngdawesarphbwaichewla 10 chwomng 39 nathi 24 winathi pharkickhxngyan wxyexcecxr 1 yngrwmthungkarbinechiyddwngcnthriththn dwngcnthrthiihythisudkhxngdawesar sungmikarkhnphbkarmixyukhxngchnbrryakascakphaphthaythiidcakyan iphoxeniyr 11 inpi kh s 1979 rabuwamichnbrryakasthihnaaennaelasbsxn sungthaihepnthisnickhxngnkwithyasastrinewlatxma karbinechiyddwngcnthriththnekidkhunemuxyanphyayamedinthangekhasurabbkhxngdawesarodyphyayamhlikeliyngkarpathathixacsngphltxkarsarwc inthisudyankekhaiklthirayapraman 6 400 km 4 000 mi cakdanhlngdwngcnthriththnhakmxngcakolk ekhruxngmuxbnyanthakartrwcwdptikiriyarahwangchnbrryakaskbaesngxathity mikarichkhlunwithyukhxngyanephuxthakarkhnhaxngkhprakxb khwamhnaaenn aelakhwamdnkhxngchnbrryakas nxkcakniyngthakarwdmwlkhxngdwngcnthriththnodyxasykarsngektaerngonmthwngthikrathatxaenwokhcrkhxngyan chnbrryakasthipkkhlumxyanghnaaennklayepnxupsrrkhthaihimsamarthmxngthaluthungphunphiwid aetkhxmultang thiekbidcakchnbrryakasthaihsamarthkhadkarnidwamithaelsabohodrkharbxnehlwxyubnphunphiwdaw enuxngpharkickarsarwcdwngcnthriththnthukcdihepnpharkicsakhy dngnnaenwokhcrkhxngyan wxyexcecxr 1 cungthukxxkaebbihbinechiyddwngcnthriththnihmakthisud sngphlihyanekhluxnphankhwolkitkhxngdawesaraelahludxxkcakranabsuriywithi sungthaihpharkickarsarwcdawekhraahnnsinsudlngipdwy hakyan wxyexcecxr 1 lmehlwinkarekhaiklephuxthakarsarwcdwngcnthriththn thangnasakyngsamarthprbepliynesnthangkhxngyan wxyexcecxr 2 mathapharkicniaethnid 94 odyimokhcrphandawyuernsaeladawenpcun nxkcakniinaephnedimaenwokhcrkhxngyan wxyexcecxr 1 caimphandawyuernshruxdawenpcun 155 aetsamarthprbepliynesnthangphayhlngidodykarimbinechiyddwngcnthriththn xikthngyngsamarthedinthangcakdawesaripyngdawphluotidphayinpi kh s 1986 xikdwy phaphthayrupesiywkhxngdawesarthirayahang 5 3 lankiolemtr 4 wnhlngkarekhaiklrayaiklsud phaphthayaenwaekhbkhxngwngaehwndawesarthimilksnaepnekliywbid phaphthaydwngcnthrimmsthirayahang 425 000 kiolemtr dankhwabnkhuxplxngphuekhaifehxrechl phaphthaydwngcnthrthithis aelaaenwhubekhathrud xithaka chasma cakraya 1 2 lankiolemtr phaphthayrxyaetkbnphunphiwdwngcnthridoxni phaphthayphunphiwnaaekhngkhxngdwngcnthrrixa Rhea prakxbkbhlumxukkabat phaphthaychnbrryakasthihnaaennkhxngdwngcnthriththn phaphthayraylaexiydkhxngklumemkhkhxngdwngcnthriththnthiprakxbipdwysarprakxbxinthriyechingsxnwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb the Voyager 1 Saturn encounterokhcrxxkcakehlioxsefiyrphaphthiidcakyansarwc wxyexecxr 1phaphlasud 12 kumphaphnth 2020 taaehnngkhxngyan wxyexcecxr 1 ehnuxranabsuriyawithiemuxwnthi 14 kumphaphnth kh s 1990 inwnthi 14 kumphaphnth kh s 1990 yansarwc wxyexcecxr 1 idthakarthay family portrait cakmummxngnxkrabbsuriyaidepnkhrngaerkinprawtisastr sungrwmthungphaphthaykhxngolkthiruckkninchuxephlbludxt kxnthicathakarpidkarthangankhxngxupkrnklxngthayphaphephuxsngwnphlngngansahrbrabbxuninyanhlngcaknn enuxngcaksxftaewrkhxngrabbklxngthayphaphthnghmdidthuklbxxkhmdaelw cungepnkaryakthicaepidrabbnikhunmaichnganxikkhrng nxkcakniyngimmisxftaewraelakhxmphiwetxrthiichinkarwiekhraahphaphthaycakyanbnolkxikaelwechnkn inwnthi 17 kumphaphnth kh s 1998 yansarwc wxyexcecxr 1 okhcrthirayahang 69 hnwydarasastrcakdwngxathity sungmakkwarayathiyaniphoxeniyr 10 thiekhyepnyanxwkasthiokhcrhangcakolkmakthisud nxkcakniyanyngedinthangdwykhwamerwpraman 17 kiolemtrtxwinathi 11 imltxwinathi sungepncakdwngxathitythimakthisudemuxethiybkbyanxwkasthukla yan wxyexcecxr 1 idedinthangekhasu mikarichxupkrntrwcwdephuxthakarsuksarabbsuriyaxyangtxenuxng nkwithyasastrkhxngsunyptibtikarekhruxngyntixphn JPL idepidichnganxupkrnplxythitidtngxyubnthngyan wxyexcecxr 1 aela 2 ephuxthakarsuksaehlioxphxs sungepnaenwekhtthilmsuriyaidthukhyudlngephraaepnbriewnaerngdnkhxngmwlsarrahwangdawkblmsuriyaekhasusmdulkn inpi kh s 2013 yansarwcokhcrdwykhwamerwsmphththkbdwngxathitypraman 17 030 emtrtxwinathi 55 900 futtxwinathi aelainpccubnyan wxyexcecxr 1 okhcrodykhngkhwamerwkhngthi 325 laniml 523 106 kiolemtr txpi hruxpraman 1 piaesngin 18 000 pi kaaephngkraaethk khwamerwkhxngyan wxyexcecxr 1 aela 2 aelarayahangcakdwngxathityphaphthayephlbludxtthiaesdngihehnolkcakraya 6 phnlan kiolemtr 3 7 phnlan iml capraktepncudsinaengincangelk thamklangxwkasxnkwangihy cudklangphaphkhxnipthangkhwamux inlaaesngxathitythithukkraecingodyklxngkhxngyan ehlankwithyasastrcakhxngptibtikarfisiksprayuktkhxngmhawithyalycxnshxpkinsechuxwayan wxyexcecxr 1 idedinthangekhasuchn termination shock ineduxnkumphaphnth kh s 2003 briewnniepncudthilmsuriyachalxkhwamerwlngcnchakwakhwamerwkhxngesiyng subsonic speed hruxtakwa 100 kiolemtrtxwinathi aetkyngmikhxotaeyngkninhmunkwithyasastrklumxun mikarthkpraednniinwarsarwichakarenecxr chbbwnthi 6 phvscikayn kh s 2003 odypraednnicayngkhngtxngthkethiyngdntxipcnkwacamikhxmulihmthisamarthmayunynid xikthngxupkrntrwccblmsuriyathitidtngiwbnyanidhyudkarthanganiptngaetpi kh s 1990 thaihkartrwchachnkaaephngkraaethkthaidodyxasykhxmulthiidcakxupkrntwxunaethnphaphephlbludxtephyihehntaaehnngkhxngolkcakraya 6 phnlankiolemtr cudelksifaxxnpramankungklangkhxngaethbsinatalthangdankhwa thamklangkhwammudmidkhxnghwngxwkas ineduxnphvsphakhm kh s 2005 thangnasaidephyaephrbthkhwamsrupphlwayansarwc wxyexcecxr 1 idokhcrekhasuhwngxwkasbriewnthieriykwaehlioxchith heliosheath odyinnganprachumthangwithyasastrthicdkhunthi American Geophysical Union AGU emuxngniwxxrlins wnthi 25 phvsphakhm kh s 2005 thang dr exd sotn Dr Ed Stone idesnxhlkthanthiyunynidwayanedinthangphanchnkaaephngkraaethkinchwngplaypi kh s 2004 sungkhadwaekidkhuninwnthi 15 thnwakhm kh s 2004 thirayahangcakdwngxathitypraman 94 hnwydarasastrehlioxchith karbinechiyddawekhraahkhnadihy 4 dwngephuxichinkarekhluxnthiaebbehwiyngodyxasyaerngonmthwng gravity assists khxngyan wxyexcecxr thngsxngla inwnthi 31 minakhm kh s 2006 klumnkwithyusmkhrelncakxngkhkr hrux AMSAT inpraethseyxrmni idrbsyyankhlunwithyucakyan wxyexcecxr 1 phancandawethiymkhnad 20 emtr 66 fut thiemuxngobkhum syyanthiphbidrbkartrwcsxbaelayunynaelwodyethiybkbsyyanthiidcak DSN thiemuxngmadrid praethssepn thuxidwaepnklumnkwithyusmkhrelnklumaerkthisamarthtidtamsyyankhxngyan wxyexcecxr 1 id wnthi 13 thnwakhm kh s 2010 imikaryunynwayansarwc wxyexcecxr 1 edinthangphankhxbekhtkhxngkarkhyaytwkhxnglmsuriya odyichkhxmulthiidcakekhruxngtrwcwdxnuphakhmipracuphlngnganta Low Energy Charged Particle LECP nkwithyasastridtngkhxsnnisthanwalmsuriyainbriewnnimithisthangihlyxnklbxnenuxngmacakkraaeslmrahwangdaw interstellar wind thiphyayamihltankbehlioxsefiyr aelaineduxnmithunayn kh s 2010 mikartrwcphbwalmsuriyamikhakhngthiepnsuny sungsamarthichsnbsnunkhxsnnisthanniidepnxyangdi inwnnnyanokhcrhangcakdwngxathitypraman 116 hnwydarasastr 17 4 phnlan kiolemtr 10 8 phnlan iml yansarwc wxyexcecxr 1 idrbkhasngihhmuntwyanephuxthakartrwcwdkareliywebnkhxnglmsuriyakhxngbriewnniineduxnminakhm kh s 2011 praman 33 pihlngkarplxyyan phayhlngkarthdsxbthiaelwesrcineduxnkumphaphnth thaihyanmikhwamphrxmthicathukkhwbkhumihhmuntwidxikkhrng odyyngkhngaenwokhcriwechnedim aetcahmuntwyanip 70 xngsathwnekhmnalikaemuxethiybkbolkephuxthakartrwccblmsuriya thuxepnkhrngaerkthimikarbngkhbtwyankhrngihynbtngaetkarthayinpi kh s 1990 odyhlngcakkarhmuntwyaninkhrngaerkphbwatwyansamarthhmuntwklbmahadawaexlfakhnkhrungma a Centauri sungepndawnathangkhxngyan wxyexcecxr 1 idodyimphbpyhaid aelayngsamarthsngsyyanklbmayngolkidehmuxnedimxikdwy khadwayan wxyexcecxr 1 edinthangekhasuipaelwodyimthrabwnewlaaenchd inkhnayan wxyexcecxr 2 yngkhngkalngtrwcwdkarihlxxkkhxnglmsuriyathitaaehnngidtaaehnnghnungsungkhadwanacatamhlngyan wxyexcecxr 1 inaengkhxngehtukarnthiidphbippramanhlayeduxnhruxhlaypi taaehnngkhxngyansarwc wxyexcecxr 1 khxmulemuxwnthi 21 phvsphakhm kh s 2019 ethiybcakolktam equatorial coordinates khuxedkhlienchnthi 12 44 xngsa irtaexsesnchnthi 17 163 chwomng aelathi 34 9 xngsa laticudsuriyacaepliynchamak sungepntaaehnngkhxngklumdawkhnaebkngu Ophiuchus inwnthi 1 thnwakhm kh s 2011 mikarprakaswayan wxyexcecxr 1 idtrwcphbrngsichwngilaemn xlfa Lyman alpha thimicudkaenidmacakdarackrthangchangephuxk Milky Way idepnkhrngaerk cakpktiyancaphbaetrngsichwngilaemn xlfathimacakdarackrxun rngsithimacakdarackrthangchangephuxkcathukrbkwncakdwngxathity thaihimsamarthtrwccbid xngkhkarnasaidlngprakasinwnthi 5 thnwakhm kh s 2011 wayan wxyexcecxr 1 idokhcrekhasuxwkasphunthiihmthieriykwa cosmic purgatory sungepnchuxeriykphunthisaetkenchn stagnation klawkhux phayinphunthinixnuphakhmipracuthipldplxyxxkmacakdwngxathitycaekhluxnthichalngaelaerimekhluxnthiyxnklb aeladwysnamaemehlkkhxngrabbsuriyathimakkwasnamaemehlkkhxngthungsxngethannidkxihekidepnaerngdnkhun xnuphakhmiphlngnganthimicudkaenidmacakrabbsuriyacaldlngekuxbkunghnung khnathimikartrwcphbxielktrxnphlngngansungcakbriewnphaynxkmakthung 100 thb esnkhxbswninkhxngphunthisaetkenchnnixyuhangcakdwngxathitypraman 113 hnwydarasastr ehlioxphxs nasaidlngprakasineduxnmithunayn kh s 2012 wayansarwcidtrwcphbkhwamepliynaeplngbriewnodyrxbyanthikhadwanacabngbxkkarmathungkhxngehlioxphxs yan wxyexcecxr 1 idraynganwamikarephimkhunkhxngxnuphakhmipracucakxwkaschn interstellar space sungpkticamikarhkehenuxngcakxiththiphlkhxnglmsuriyaphayinchnehlioxsefiyrthimacakdwngxathity nnhmaykhwamwayaniderimokhcrekhasuchnmwlsarrahwangdaw interstellar medium sungsudkhxbkhxngrabbsuriyaaelw yan wxyexcecxr 1 epnyanxwkaslaaerkthiidedinthangekhasuxwkaschnehlioxphxsineduxnsingha kh s 2012 sungepnrayahangcakdwngxathity 121 hnwydarasastr xyangirktamehtukarnniephingcaidrbkaryunyninchwng 1 piihhlngipaelw ineduxnmithunayn kh s 2019 aesngcakdwngxathitytxngichewlapraman 20 11 chwomngephuxedinthangipthungyan wxyexcecxr 1 sungkhuxrayahangcakdwngxathity 145 hnwydarasastr khakhwamsxngswangpraktethakb 15 9 hnwy nxykwakhakhwamswangkhxngdwngcnthretmdwng 30 etha yankalngekhluxnthidwykhwamerwsmphththkbdwngxathity 16 972 kiolemtrtxwinathi 10 434 imltxwinathi dwykhwamerwnicatxngichewlapraman 17 676 piephuxedinthangihidrayathangethakb 1 piaesng chwngplaypi kh s 2012 klumnkwicyphbwakhxmulxnuphakhthiidcakyanbngchiwayanidedinthangphanchnehlioxphxsaelw khatang thiwdidaesdngihehnwamikarchnknkhxngxnuphakhphlngngansungephimkhunaebbkhngthi makkwa 70 lanxielktrxnowlt sungechuxwaepnrngsikhxsmikthithukpldplxyxxkmacakkarraebidsuepxronwathiiklxxkipcakrabbsuriya nxkcakniinplayeduxnsinghakhmyngphbwakarchnknkhxngxnuphakhphlngngansungmikhasungkhunxyangrwderw aetkhnaediywknkarchnknkhxngxnuphakhphlngngantaphbwamikhaldlngechnkn sungechuxwaxnuphakhphlngngantaehlanimitnkaenidmacakdwngxathity Ed Roelof nkwithyasastrxwkascakmhawithyalycxnshxpkinsaelaepnphutidtamkhxmulkarsarwckhxngekhruxngtrwcwdxnuphakhmipracuphlngnganta LECP idprakaswa ehlankwithyasastrthiduaelyan wxyexcecxr 1 tangphungphxicepnxyangmak xyangirktamhlkeknthsudthaythiichyunynwayan wxyexcecxr 1 idokhcrphanbriewnthikhadwamikarepliynaeplngkhxngsnamaemehlk thngcakdwngxathityaelacak imidthuktngkhxsngekt snamaemehlkepliynthisephiyng 2 xngsa sungnnxacthaihmikarrabuaenwkhxbkhxngehlioxphxsmikhwamphidphladid inwnthi 3 thnwakhm kh s 2012 dr exd sotn nkwithyasastrkhxngokhrngkarwxyexcecxrcaksthabnethkhonolyiaekhlifxreniy Caltech klawiwwa yan wxyexcecxr 1 idkhnphbphunthiihminehlioxphxsthieraimekhythrabmakxn txnniyanyngxyuphayin aetsnamaemehlksamarthechuxmtxkbphaynxkid mnepnehmuxnthnnthiepnthangekhaxxkkhxngehlaxnuphakh snamaemehlkbriewnnisungmakkwa 10 ethaethiybkbthiyan wxyexcecxr 1 idekhyecxmakxninbriewnchnkaaephngkraaethk khadwabriewnniepnaenwknsudthaykxnthiyancaedinthangxxkipcakrabbsuriyaxyangsmburnaelaerimekhasumwlsarrahwangdaweduxnminakhm kh s 2013 mikarprakaswayan wxyexcecxr 1 xacepnyanxwkaslaaerkthiedinthangekhasu odytrwcphbkhwamepliynaeplngkhxngphlasmabruewnodyrxbmatngaetwnthi 25 singhakhm kh s 2012 xyangirktammikarthkethiyngknwaphinthinikhuxxwkasrahwangdawhruxepnphunthikhxngrabbsuriyathiimekhykhnphbknaen mikarthkpraedneruxymacnthungwnthi 12 knyayn kh s 2013 cungidmikarprakasyunynxyangepnthangkareruxngdngklaw inpi kh s 2020 yan wxyexcecxr 1 kalngedinthangxxkcakrabbsuriyadwykhwamerwpraman 3 6 hnwydarasastr 330 lan iml 540 lan kiolemtr txpi khnathiyan wxyexcecxr 2 okhcrdwykhwamerwthichakwathipraman 3 3 hnwydarasastr 310 lan iml 490 lan kiolemtr txpi odyyan wxyexcecxr 1 canahnayan wxyexcecxr 2 makkhuneruxy thukpi yan wxyexcecxr 1 tharayahangcakdwngxathity 135 hnwydarasastr 12 5 phnlan iml 20 2 phnlan kiolemtr inwnthi 18 phvsphakhm kh s 2016 aelaephimkhunepn 139 64 hnwydarasastr 12 980 phnlan iml 20 890 phnlan kiolemtr inwnthi 5 knyayn kh s 2017 hruxmakkwa 19 chwomngaesng sunginkhnann yan wxyexcecxr 2 xyuhangcakdwngxathity 115 32 hnwydarasastr 10 720 phnlan iml 17 252 phnlan kiolemtr sahrbkhxmultaaehnngkhxngyansamarthduidcakewbistthangkarkhxngxngkhkarnasa duephiminhwkhx aehlngkhxmulxun krafaesdngxtrakartrwcphbxnuphakhkhxngrngsikhxsmikthiephimkhunxyangrwdcakyanwxyexcecxr 1 tulakhm 2011 thung tulakhm 2012 krafaesdngxtrakartrwcphbxnuphakhkhxnglmsuriyathildlngxyangrwdcakyanwxyexcecxr 1 tulakhm 2011 thung tulakhm 2012 yan wxyexcecxr 1 aelayansarwcxun thiedinthangipyng ykewnyan niwhxirsns source source source source source source source yan wxyexcecxr 1 misngsyyanthisrangcakkhlunphlasmathimacak wnthi 12 knyayn kh s 2013 xngkhkarnasaidyunynxyangepnthangkarwayan wxyexcecxr 1 idedinthangthungchnmwlsarrahwangdawaelwtngaeteduxnsinghakhm kh s 2012 hlngcakmikartrwcsxb aelatklngwaekidkhuninwnthi 25 singhakhm kh s 2012 praman 10 wnkxnkhrbrxb 34 pithiplxyyan chwngewlaxacimaennxnkhunxyukbwamikartrwcphbkhwamepliynaeplngkhxngxnuphakhmiphlngngankhrngaerkemuxid trngcudnibrrdankwithyasastrxwkasidthingsmmtithanthiwakarepliynaeplngthisthangkhxngsnamaemehlkcaekidkhunphrxmkbkarkhamphanehlioxphxs aebbcalxngehlioxphxsaebbihmidthanaywaxacimphbkhwamepliynaeplngehlanimaknk kuyaecsakhythithaihnkwithyasastrhlaykhnechuxwayanekhluxnthiphanehlioxphxsipaelwkkhuxkartrwcphbxielktrxnthimikhwamhnaaennephimkhunthung 80 thb xangxingcakkaraekwngkhxngphlasmathierimmatngaetwnthi 9 emsayn kh s 2013 thiekidcakkarraebidbndwngxathityineduxnminakhm kh s 2012 khadwakhwamhnaaennkhxngxielktrxnphaynxkehlioxphxscamakkwaphayin 2 radbinaengkhxngkhnad karaekwngthinxykwanithuktrwcphbtngaeteduxntulakhmthingphvscikayn kh s 2012 thuknamaichprakxbkarsuksadwy kartrwcwdphlasmatxngxasykhxmulthangxxmcakxupkrnwdxun enuxngcakekhruxngwdphlasmasepkotrmietxrkhxngyan wxyexcecxr 1 idhyudthanganlngtngaetpi kh s 1980 ineduxnknyayn kh s 2013 nasaidephyaephrsyyanesiyngthiaeplngmacakkhlunphlasmathiwdidin inkhnathiyan wxyexcecxr 1 idrbklawthungxyangkwangkhwangwakalngcaxxkcakrabbsuriyathnthithixxkcakchnehlioxphxs aetodythangethkhnikhaelwklbimepnechnnn ephraarabbsuriyathukniyamwaepnphunthixnkwangihyinxwkaskhrxbkhlumehlawtthuthiokhcrrxbdwngxathity pccubnyanyngokhcridnxykwa 1 in 7 khxngcudikldwngxathitythisudkhxngdawesdna aelayngokhcrimthungemkhxxrt sungechuxwaepnaehlngtnkaenidkhxngdawhang thiehlankdarasastrkahndwaepnswnnxksudkhxngrabbsuriya eduxntulakhm kh s 2020 klumnkdarasastridtrwcphbkhakhwamhnaaennkhxngxwkasnxkrabbsuriyathiephimkhunxyangminyyasakhythiidcakyan wxyexcecxr 1 aelayan wxyexcecxr 2 hakxangxingcakklumnkwicy samarthklawidwabriewnniepnbriewnthihludxxkipcakkhxbkhxngrabbsuriya VLISM hrux very local interstellar medium sungepriybesmuxnswnplaykhxngehlioxphxs txmaineduxnphvsphakhm kh s 2021 xngkhkarnasaidxxkrayngankartidtamwdkhakhwamhnaaennkhxngssarinphunthixwkasrahwangdwngdawepnkhrngaerk tlxdcnkartrwcphbesiyngkhxngxwkasrahwangdawidepnkhrngaerkxnakhtkhxngyansarwcphaphkhxngyan wxyexcecxr 1 cakklxngothrthsnwithyuemuxwnthi 21 kumphaphnth 2013phaphcalxngyan wxyexcecxr 1 ethiybkbrabbsuriya emuxwnthi 2 singhakhm 2018phaphcalxngyanthng 2 laethiybkbrabbsuriyaaelaehlioxphxs emuxwnthi 2 singhakhm 2018 wxyexcecxr 1 caedinthangthungemkhxxrtinraw 300 pikhanghna aelaichcaewlaraw 30 000 piinkaredinthangkhamphan aemwayancaimmunghnaipyngdawvksid aetxikpraman 40 000 pi twyancaxyuhangcakdaw Gliese 445 sungxyuinklumdawyirafraw 1 6 piaesng dawdwngniekhluxnthimayngrabbsuriyadwykhwamerwpraman 119 kiolemtrtxwinathi nasaklawiwwa wxyexcecxrthngkhuthuklikhitiherrxnipinthangchangephuxkxaccachwnirndr TheVoyagersare destined perhaps eternally to wander the Milky Way aelaphayin 300 000 pikhanghnayancaxyuhangcakdaw TYC 3135 52 1 sungepndawvkspraephth M3V nxykwa 1 piaesng echuxwayan wxyexcecxr 1 cathxngipinhwnglukkhxngxwkasodyimchnkbwtthuid aelaimmithangthicakukhunidxikaelw inthangklbknyansarwc niwhxirsns klbimepnechnnn aemkhwamerwtxnplxyyancakolkcasungkwayanwxyexcecxrthngsxngla aetyanwxyexcecxrthngsxnglaklbidaerngsngcakcakbinechiyddawekhraahhlaydwng sungthaihkhwamerwcaksunyklangdwngxathity heliocentric velocity ephimkhuneruxy khnathiyan niwhxirsns klbidaerngsngcakkarbinechiyddawphvhsbdiephiyngkhrngediywethann inpi kh s 2019 yan niwhxirsns ekhluxnthidwykhwamerwpraman 14 kiolemtrtxwinathi sungchakwayan wxyexcecxr 1 ippraman 3 kolemtrtxwinathi aelayngekhluxnthichalngeruxy xikdwy inpi kh s 2017 nasaprakaskhwamsaercinkartidekhruxngyntixphnkhwbkhumaenwokhcr trajectory correction maneuver TCM thnghmd 4 twthitidtngbnyan wxyexcecxr 1 phayhlngmikartidekhruxngyntchudnikhrngaerkiptngaetpi kh s 1980 ekhruxngyntchudnisamarthichaethnekhruxngyntthiichinkarkhwbkhumtaaehnngkhxngcansayxakasthiesuxmsphaphipnanaelw sungnnthaihnasayngsamarthrbsngkhxmulkbyan wxyexcecxr 1 txipidxik 2 thung 3 pi mikarpidkarthangankhxngxupkrntang thitidtngbnyanephuxsngwnphlngnganiwsahrbxupkrnthisakhyxun odyerimcakxupkrnwdthangwithyasastrthiimcaepnhruxidrbkhxmulmakephiyngphxaelw khnanixupkrnthiyngepidichnganxyucaichsahrbkarsuksakhunsmbtikhxngxwkasrahwangdaw rwmthungxwkasphaynxkrabbsuriya sungidaek rngsikhxsmik xnuphakhmipracuphlngnganta snamaemehlk aelakhlunphlasma inxnakhtnasamiaephnthicapidkarthangankhxngethpbnthukdicitxl DTR thiichinkarsarxngkhxmulinyanemuxrxsngklbmayngolk ephuxoxnthayphlngnganiwsahrbrabbpxngknechuxephlingihdrasincakkareyuxkaekhng nxkcaknicahyudkarichnganicorsokhpinkarptibtipharkicthwip odymikarekhiynopraekrmihthanganinkrnithimikhxbkphrxngrayaerngethann phayhlngpi kh s 2020 xupkrnwdthangwithyasastrthnghmdthitidtngbnyan wxyexcecxr 1 erimthukpidkarthanganthnthi hruxmikarpidkarthanganbangswn aelwichphlngnganiffarwmknethathiphlngnganiffathihlngehluxxyu thaysudyancayngkhngsuxsarkbolkipcnkwacathungpi kh s 2025 thikhadwacaimmiphlngnganiffahlngehluxsahrbyan sudthayyancakhadkartidtxkbolkiptlxdkalaelaokhcripinhwngxwkasodyirkarkhwbkhumidaephncanthxngkhaaephncanthxngkhakhxngyan wxyexcecxr source source khathkthayepnphasaithyinaephncakthxngkha nathithi 00 00 25 odykhunrucira emndioxens yanwxyexcecxraetlalabrrthukaephnesiyngthieriykwaaephncanthxngkha Golden record sungbnthukesiyngaelaphaphkhxngehtukarntang bnolk inkrnithiyanthngsxngidmioxkasphbkbsingmichiwitthrngphumipyyaxuninrabbdawekhraahaehngxun enuxhainaephncanprakxbdwyphaphkhxngolk singmichiwitbnolk khxmulthangwithyasastrhlakhlaysakha khaphudthkthaycakphukhnepnphasatang makthung 55 phasa echn cakelkhathikarshprachachati prathanathibdishrthxemrika aelaedk bnolk rwmthungphasaithy odyphasaithymikarbnthukiwwa swsdikha shayinthrniophn phwkerainthrninikhxsngmitrcitma thungthanthukkhn rwmthungchudemdely esiyngcakolk thiprakxbdwyesiyngkhxngwal esiyngedkrxng esiyngkhlunkrathbfng aelabthephlngkhxngsilpinchuxdngmakmayduephimtaaehnngtamrabbphikdthrngklmkhxngyansarwcxwkasthng 5 lacaksunyklangdwngxathityinxwkasrahwangdwngdaw siehliym aelawtthuxun wngklm cnthungpi 2020 rabuwnplxyyanaelawnthithakarbinechiyd cudthirabuinphaphkhuxtaaehnngthukwnthi 1 mkrakhmkhxngthukpi aelacakakbthuk 5 piyansarwcxwkasinxwkasrahwangdaw wtthusrangodymnusythikalngxxkcakrabbsuriya raychuxpharkicsarwcdawekhraahchnnxk hmuemkhrahwangdawrayaikl wngaehwnkhxngdawphvhsbdi karsarwcxwkas yansarwcxwkas phlngnganechphaakhxngwngokhcrkhxng wxyexcecxr 1 esnewlakhxngdawethiymaelayansarwcxwkas wxyexcecxr 2xangxing NSSDC Master Catalog NASA NSSDC khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux thnwakhm 14 2013 subkhnemux singhakhm 21 2013 Voyager 1 N2YO subkhnemux August 21 2013 NASA Voyager Facts NASA s Goddard Space Flight Center website cakaehlngedimemux December 10 2022 subkhnemux May 20 2023 https voyager jpl nasa gov mission status Voyager Mission Status Jet Propulsion Laboratory cakaehlngedimemux January 1 2018 subkhnemux January 7 2023 BBC Solar System khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux kumphaphnth 3 2018 subkhnemux knyayn 4 2018 NASA February 14 1990 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 10 21 subkhnemux August 4 2017 New Horizons conducts flyby of Pluto in historic Kuiper Belt encounter subkhnemux September 2 2015 What If Voyager Had Explored Pluto subkhnemux September 2 2015 Interstellar Mission NASA Jet Propulsion Laboratory cakaehlngedimemux September 14 2017 subkhnemux August 24 2020 Barnes Brooks September 12 2013 In a Breathtaking First NASA Craft Exits the Solar System New York Times subkhnemux September 12 2013 Claven Whitney July 7 2014 Sun Sends More Tsunami Waves to Voyager 1 NASA subkhnemux July 8 2014 Wall Mike December 1 2017 Voyager 1 Just Fired Up its Backup Thrusters for the 1st Time in 37 Years Space com subkhnemux December 3 2017 Voyager Frequently Asked Question Jet Propulsion Laboratory subkhnemux July 30 2020 Paul Andrew December 14 2023 Voyager 1 is sending back bad data but NASA is on it Popular Science phasaxngkvsaebbxemrikn cakaehlngedimemux December 22 2023 subkhnemux December 15 2023 Hartono Naomi 2024 04 04 Engineers Pinpoint Cause of Voyager 1 Issue Are Working on Solution Voyager blogs nasa gov phasaxngkvsaebbxemrikn cakaehlngedimemux April 12 2024 subkhnemux 2024 04 13 NASA s Voyager 1 Resumes Sending Engineering Updates to Earth NASA Jet Propulsion Laboratory JPL phasaxngkvsaebbxemrikn cakaehlngedimemux April 22 2024 subkhnemux 2024 04 22 Strickland Ashley 2024 04 22 Voyager 1 is sending data back to Earth for the first time in 5 months CNN phasaxngkvs cakaehlngedimemux April 24 2024 subkhnemux 2024 04 24 JPL khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux thnwakhm 8 2012 subkhnemux singhakhm 18 2013 NASA 2007 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 06 29 subkhnemux August 19 2013 Preview Screening The Farthest Voyager in Space informal jpl nasa gov NASA Museum Alliance August 2017 subkhnemux August 18 2019 supermarket aluminum foil added at the last minute to protect the craft from radiation Mack Pamela 1998 Chapter 11 From engineering science to big science The NACA and NASA Collier Trophy research project winners History Office p 251 ISBN 978 0 16 049640 0 Landau Elizabeth October 2 2013 Voyager 1 becomes first human made object to leave solar system CNN CNN subkhnemux May 29 2014 NASA Spacecraft Embarks on Historic Journey into Interstellar Space NASA September 12 2013 subkhnemux May 29 2014 NASA s Voyager 1 spacecraft officially is the first human made object to venture into interstellar space NASA June 22 2006 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2014 07 23 subkhnemux May 29 2014 All of these missions relied on Viking technologies As it did for the team in 1976 Mars continues to hold a special fascination Thanks to the dedication of men and women working at NASA centers across the country the mysterious Mars of our past is becoming a much more familiar place VOYAGER 1 Host Information JPL 1989 subkhnemux April 29 2015 High Gain Antenna JPL subkhnemux August 18 2013 Ludwig Roger Taylor Jim March 2002 Voyager Telecommunications PDF DESCANSO Design and Performance Summary Series NASA JPL subkhnemux September 16 2013 NASA News Press Kit 77 136 JPL NASA subkhnemux December 15 2014 Voyager Mission Status Jet Propulsion Laboratory National Aeronautics and Space Administration subkhnemux February 16 2019 Furlong Richard R Wahlquist Earl J 1999 PDF Nuclear News 42 4 26 34 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2018 10 16 subkhnemux 2019 02 07 Spacecraft Lifetime JPL subkhnemux August 19 2013 pds rings subkhnemux May 23 2015 Tomayko James April 1987 Computers in Spaceflight The NASA Experience NASA subkhnemux February 6 2010 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2015 10 16 subkhnemux May 23 2015 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 04 06 subkhnemux May 23 2015 Voyager 1 Narrow Angle Camera Description NASA subkhnemux January 17 2011 Voyager 1 Wide Angle Camera Description NASA subkhnemux January 17 2011 Greicius Tony 2017 12 01 NASA phasaxngkvs khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 02 19 subkhnemux 2017 12 13 Encounter with Jupiter NASA subkhnemux August 18 2013 Planetary voyage NASA subkhnemux August 18 2013 Encounter with saturn NASA subkhnemux August 29 2013 Jim Bell February 24 2015 The Interstellar Age Inside the Forty Year Voyager Mission Penguin Publishing Group p 93 ISBN 978 0 698 18615 6 David W Swift January 1 1997 Voyager Tales Personal Views of the Grand Tour AIAA p 69 ISBN 978 1 56347 252 7 Photo Caption Public Information Office subkhnemux August 26 2010 Voyager 1 now most distant man made object in space CNN kumphaphnth 17 1998 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux krkdakhm 1 2012 subkhnemux krkdakhm 1 2012 Clark Stuart September 13 2013 Voyager 1 leaving solar system matches feats of great human explorers The Guardian Webb Stephen October 4 2002 If the Universe is Teeming with Aliens WHERE IS EVERYBODY Fifty Solutions to the Fermi Paradox and the Problem of Extraterrestrial Life ISBN 978 0 387 95501 8 Darling David Fastest Spacecraft subkhnemux August 19 2013 Voyager 1 in heliopause JPL subkhnemux August 18 2013 Voyager Mission Operations Status Report 2013 09 06 Week Ending September 6 2013 JPL subkhnemux September 15 2013 Wall Mike September 12 2013 It s Official Voyager 1 Spacecraft Has Left Solar System Space com subkhnemux May 30 2014 Staff February 12 2020 Pale Blue Dot Revisited NASA subkhnemux February 12 2020 Tobin Kate November 5 2003 Spacecraft reaches edge of Solar System CNN subkhnemux August 19 2013 Fisk Len A 2003 Planetary Science Over the edge PDF Nature 426 6962 21 2 Bibcode 2003Natur 426 21F doi 10 1038 426021a PMID 14603294 Krimigis S M Decker R B Hill M E Armstrong T P Gloeckler G Hamilton D C Lanzerotti L J Roelof E C 2003 Voyager 1 exited the solar wind at a distance of 85 au from the Sun Nature 426 6962 45 8 Bibcode 2003Natur 426 45K doi 10 1038 nature02068 PMID 14603311 McDonald Frank B Stone Edward C Cummings Alan C Heikkila Bryant Lal Nand Webber William R 2003 Enhancements of energetic particles near the heliospheric termination shock Nature 426 6962 48 51 Bibcode 2003Natur 426 48M doi 10 1038 nature02066 PMID 14603312 Burlaga L F 2003 Search for the heliosheath with Voyager 1 magnetic field measurements PDF Geophysical Research Letters 30 20 n a Bibcode 2003GeoRL 30 2072B doi 10 1029 2003GL018291 Voyager crosses termination shock subkhnemux August 29 2013 Voyager crosses termination shock subkhnemux August 29 2013 Voyager Timeline NASA JPL February 2013 subkhnemux December 2 2013 phasaeyxrmn AMSAT DL khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux October 14 2006 ARRL article Voyager 1 Sees Solar Wind Decline NASA thnwakhm 13 2010 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux singhakhm 22 2011 subkhnemux knyayn 16 2013 Krimigis S M Roelof E C Decker R B Hill M E 2011 Zero outward flow velocity for plasma in a heliosheath transition layer Nature 474 7351 359 361 Bibcode 2011Natur 474 359K doi 10 1038 nature10115 PMID 21677754 Amos Jonathan December 14 2010 Voyager near Solar System s edge BBC News subkhnemux December 21 2010 NASA Voyager The Interstellar Mission NASA subkhnemux September 16 2013 Voyager Still dancing 17 billion km from Earth BBC News March 9 2011 Voyager Probes Detect invisible Milky Way Glow National Geographic December 1 2011 subkhnemux December 4 2011 CNN December 6 2011 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 06 07 subkhnemux December 7 2011 NASA Voyager 1 Spacecraft Nears Interstellar Space Space com subkhnemux August 19 2013 NASA June 14 2012 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2012 06 17 subkhnemux June 16 2012 Cook J R C Agle D C Brown D September 12 2013 NASA khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2020 04 13 subkhnemux September 14 2013 Ghose Tia September 13 2013 Voyager 1 Really Is in Interstellar Space How NASA Knows Space com TechMedia Network subkhnemux September 14 2013 Cowen R 2013 Voyager 1 has reached interstellar space Nature doi 10 1038 nature 2013 13735 Kerr R A 2013 It s Official Voyager Has Left the Solar System Science 341 6151 1158 1159 doi 10 1126 science 341 6151 1158 PMID 24030991 Gurnett D A Kurth W S Burlaga L F Ness N F 2013 In Situ Observations of Interstellar Plasma with Voyager 1 Science 341 6153 1489 1492 Bibcode 2013Sci 341 1489G doi 10 1126 science 1241681 PMID 24030496 Thongoon Kiattisak June 7 2019 Spacecraft escaping the Solar System Heavens Above subkhnemux June 7 2019 Wolchover Natalie Did NASA s Voyager 1 Spacecraft Just Exit the Solar System livescience subkhnemux August 20 2013 Matson John December 4 2012 Despite Tantalizing Hints Voyager 1 Has Not Crossed into the Interstellar Medium Scientific American subkhnemux August 20 2013 Discovery News Discovery Channel December 3 2012 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2012 12 05 subkhnemux September 16 2013 Oakes Kelly December 3 2012 Voyager 1 is still not out of the Solar System Basic Space Blog Scientific American subkhnemux September 16 2013 Voyager 1 probe leaving Solar System reaches magnetic highway exit Daily News amp Analysis Reuters December 4 2012 subkhnemux December 4 2012 American Geophysical Union March 20 2013 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux March 22 2013 Cook J R September 12 2013 How Do We Know When Voyager Reaches Interstellar Space NASA Jet Propulsion Lab subkhnemux September 15 2013 Voyager Fast Facts voyager jpl nasa gov Voyager Mission Status Jet Propulsion Laboratory subkhnemux November 21 2021 Voyager Mission Status Jet Propulsion Laboratory subkhnemux November 21 2021 Voyager Mission Status Jet Propulsion Laboratory subkhnemux November 21 2021 Swisdak M Drake J F Opher M 2013 A Porous Layered Heliopause The Astrophysical Journal 774 1 L8 1307 0850 Bibcode 2013ApJ 774L 8S doi 10 1088 2041 8205 774 1 L8 Cook J R September 12 2013 How Do We Know When Voyager Reaches Interstellar Space NASA Jet Propulsion Lab subkhnemux September 15 2013 Morin Monte September 12 2013 NASA confirms Voyager 1 has left the Solar System Los Angeles Times Voyage 1 Records Sounds of Interstellar Space Space com subkhnemux December 20 2013 Starr Michelle October 19 2020 Voyager Spacecraft Detect an Increase in The Density of Space Outside The Solar System subkhnemux October 19 2020 Kurth W S Gurnett D A August 25 2020 Observations of a Radial Density Gradient in the Very Local Interstellar Medium by Voyager 2 900 1 L1 Bibcode 2020ApJ 900L 1K doi 10 3847 2041 8213 abae58 S2CID 225312823 subkhnemux October 19 2020 Hatfield Miles Cofield Calla May 11 2021 As NASA s Voyager 1 Surveys Interstellar Space Its Density Measurements Are Making Waves NASA subkhnemux May 11 2021 Voyager Signal Spotted By Earth Radio Telescopes NASA NASA TV September 5 2013 subkhnemux 2015 05 20 Catalog Page for PIA17046 Photo Journal NASA subkhnemux April 27 2014 It s Official Voyager 1 Is Now In Interstellar Space UniverseToday 2013 09 12 subkhnemux April 27 2014 Voyager Mission Interstellar Mission NASA August 9 2010 subkhnemux March 17 2011 Future NASA subkhnemux October 13 2013 Bailer Jones Coryn A L Farnocchia Davide 3 April 2019 Future stellar flybys of the Voyager and Pioneer spacecraft Research Notes of the AAS RNAAS 3 59 3 4 59 Bibcode 2019RNAAS 3d 59B doi 10 3847 2515 5172 ab158e New Horizons Salutes Voyager New Horizons singhakhm 17 2006 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux minakhm 9 2011 subkhnemux phvscikayn 3 2009 Voyager 1 spacecraft thrusters fire up after decades idle December 4 2017 NASA December 1 2017 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 02 19 subkhnemux 2019 02 21 Voyager Mission Status voyager jpl nasa gov Ferris Timothy May 2012 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2013 11 04 subkhnemux August 19 2013 Voyager Golden record JPL subkhnemux August 18 2013 aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb wxyexcecxr 1 NASA Voyager website Voyager Spacecraft Lifetime interstellar mission coverage Voyager 1 Mission Profile 2015 02 15 thi ewyaebkaemchchin by NASA s Solar System Exploration Voyager 1 NSSDC Master Catalog Spacecraft Escaping the Solar System 2007 04 27 thi ewyaebkaemchchin taaehnngpccubnaelaidxaaekrm raynganphlptibtikarpracaspdah rwmkhxmulsthanapccubnkhxngyan We Are Here The Pale Blue Dot phaphyntrsnprakxberuxng The Pale Blue Dot thaycakyanwxyexcecxr brryayprakxbody kharl esaekn Heavens above com 2011 05 10 thi ewyaebkaemchchin JPL Voyager Telecom Manual Voyager 1 Has Outdistanced the Solar Wind bthkhwamkarbinxwkasniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmul duephimthi sthaniyxy karbinxwkasdkhk