มุฮัมมัด (อาหรับ: مُحَمَّد, อักษรโรมัน: Muḥammad; ป. ค.ศ. 570 – 8 มิถุนายน ค.ศ. 632) เป็นผู้นำทางศาสนา สังคม และการเมืองชาวอาหรับ และผู้ก่อตั้งศาสนาอิสลามหลักคำสอนอิสลามระบุว่าท่านเป็นศาสดาที่เพื่อสั่งสอนและยืนยันความเป็นเอกภาพที่ถูกสอนมาตั้งแต่อาดัม, อิบรอฮีม, มูซา, อีซา และนบีท่านอื่น เชื่อกันว่าท่านเป็นคอตะมุนนะบียีน โดยมีอัลกุรอานและหลักคำสอนกับเป็นรากฐานในความเชื่อของศาสนาอิสลาม
มุฮัมมัด | |
---|---|
مُحَمَّد | |
"มุฮัมมัด ศาสนทูตของอัลลอฮ์" ภาพถ่ายที่ประตูมัสยิดอันนะบะวีในเมืองมะดีนะฮ์ | |
ชื่ออื่น |
|
ส่วนบุคคล | |
เกิด | ป. ค.ศ. 570 (53 ปีก่อน ฮ.ศ.) มักกะฮ์ ฮิญาซ อาระเบีย |
เสียชีวิต | 8 มิถุนายน ค.ศ. 632 (ฮ.ศ. 11; 61–62 ปี) มะดีนะฮ์ ฮิญาซ อาระเบีย |
ที่ฝังศพ | โดมเขียวที่มัสยิดอันนะบะวี มะดีนะฮ์ อาระเบีย 24°28′03″N 39°36′41″E / 24.46750°N 39.61139°E |
คู่สมรส | ดู ภรรยาของมุฮัมมัด |
บุตร | ดู ลูกของมุฮัมมัด |
บุพการี |
|
รู้จักจาก | ผู้ก่อตั้งศาสนาอิสลาม |
ชื่ออื่น |
|
ญาติ |
มุฮัมมัดถือกำเนิดที่มักกะฮ์เมื่อประมาณ ค.ศ. 570 โดยเป็นบุตรของกับ อับดุลลอฮ์ บิดาผู้เป็นบุตรของ หัวหน้าเผ่ากุร็อยช์ เสียชีวิตไม่กี่เดือนก่อนที่มุฮัมมัดถือกำเนิด ส่วนอามินะฮ์เสียชีวิตตอนท่านอายุ 6 ขวบ ทำให้ท่านกลายเป็นเด็กกำพร้า ท่าได้รับเลี้ยงจากอับดุลมุฏฏอลิบ ปู่ของท่าน และอะบูฏอลิบ ลุงฝ่ายพ่อ ในช่วงปีหลัง ๆ ท่านเก็บตัวอยู่ในถ้ำบนภูเขาฮิรออ์เป็นเวลาหลายคืน จนกระทั่งเมื่อประมาณ ค.ศ. 610 ตอนอายุ 40 ปี มีรายงานว่าท่านพบกับทูตสวรรค์ญิบรีลในถ้ำ และได้รับจากพระเจ้า ต่อมาใน ค.ศ. 613 มุฮัมมัดจึงเริ่มอย่างเปิดเผย โดยประกาศว่า "พระเจ้ามีเพียงองค์เดียว" และ "การจำนน" ((อิสลาม)) ต่อพระเจ้า (อัลลอฮ์) อย่างสมบูรณ์คือวิถีชีวิตที่ถูกต้อง () และท่านเป็นศาสดาและศาสนทูตของอัลลอฮ์คล้ายกับนบีในศาสนาอิสลามท่านอื่น ๆ
ในช่วงแรก มีจำนวนน้อย และประสบกับเป็นเวลา 13 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงการกดขี่ที่ยังคงมีอยู่ ท่านจึงไปยังอะบิสซิเนียใน ค.ศ. 615 ก่อนที่ท่านกับผู้ติดตามอพยพจากมักกะฮ์ไปยังมะดีนะฮ์ (ในเวลานั้นมีชื่อว่า ยัษริบ) ใน ค.ศ. 622 เหตุการณ์นี้ (ฮิจเราะห์) ถือเป็นจุดเริ่มต้นของปฏิทินอิสลาม ซึ่งมีอีกชื่อว่า ปฏิทินฮิจเราะห์ ในมะดีนะฮ์ มุฮัมมัดรวมชนเผ่าต่าง ๆ ภายใต้ ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 629 หลังสู้รบกับชนเผ่ามักกะฮ์เป็นระยะ ๆ ถึง 8 ปี มุฮัมมัดจึงรวบรวมกองทัพที่มีมุสลิม 10,000 คนและเดินทัพไปมักกะฮ์ การพิชิตครั้งนี้ส่วนใหญ่ไม่มีผู้โต้แย้ง และมุฮัมมัดก็ยึดเมืองนี้ได้โดยมีการนองเลือดเพียงเล็กน้อย ท้ายที่สุดใน ค.ศ. 632 หลังกลับจากเพียงไม่กี่เดือน ท่านจึงล้มป่วยและเสียชีวิต ในช่วงที่เสียชีวิตนั้น ผู้คนในคาบสมุทรอาหรับส่วนใหญ่หันมาแล้ว
วิวรณ์ (อายะฮ์) ที่มุฮัมมัดได้รับจนกระทั่งเสียชีวิตได้รับการรวมรวมเป็นโองการจากอัลกุรอาน ซึ่งมุสลิมถือว่าเป็น "พระดำรัสของพระเจ้า" แบบคำต่อคำ นอกจากอัลกุรอานแล้ว หลักคำสอนและหลักปฏิบัติของมุฮัมมัด () ที่พบในสายรายงาน (ฮะดีษ) และในชีวประวัติ () ยังยึดถือและใช้เป็นของกฎหมายอิสลาม
แหล่งที่มาของข้อมูลชีวประวัติ
อัลกุรอาน
อัลกุรอานเป็นคัมภีร์หลักของศาสนาอิสลาม มุสลิมเชื่อว่าเป็นพระดำรัสของพระเจ้าที่เปิดเผยผ่านทูตสวรรค์ญิบรีลแก่มุฮัมมัด โดยหลักอัลกุรอานระบุถึง "ศาสนทูตของอัลลอฮ์" ที่สื่อถึงมุฮัมมัดในหลายโองการ โองการอัลกุรอานยังระบุถึงการตั้งถิ่นฐานของผู้ติดตามในยัษริบหลังจากที่ถูกพวกกุร็อยช์ขับไล่ และกล่าวถึงการเผชิญหน้าทางทหารเพียงสั้น ๆ เช่น ชัยชนะของมุสลิมที่บัดร์
อย่างไรก็ตาม อัลกุรอานให้ข้อมูลสำหรับชีวประวัติตามลำดับเวลาของมุฮัมมัดเพียงเล็กน้อย โองการอัลกุรอานส่วนใหญ่ไม่ได้ให้บริบทและลำดับเวลาทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของมุฮัมมัดแทบไม่ปรากฏด้วยชื่อในอัลกุรอาน ทำให้อัลกุรอานไม่ให้ข้อมูลเพียงพอสำหรับประวัติโดยย่อ อัลกุรอานถือว่ามีอายุร่วมสมัยกับมุฮัมมัด และเอกสารตัวเขียนเบอร์มิงแฮมได้รับการหาอายุจากคาร์บอนว่าอยู่ในช่วงชีวิตของท่าน การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นการปัดตก (revisionist theories) เกี่ยวกับต้นกำเนิดอัลกุรอานของฝั่งตะวันตก
ชีวประวัติยุคแรก
ข้อมูลสำคัญที่สุดเกี่ยวกับชีวิตของมฺุฮัมมัดอาจพบในผลงานประวัติศาสตร์โดยนักเขียนช่วงฮิจเราะห์ศตวรรษที่ 2 ถึง 3 (ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 8 ถึง 9) ข้อมูลเหล่านี้รวมชีวประวัติมุฮัมมัดแบบดั้งเดิมของมุสลิม ซึ่งให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชีวิตของท่าน
ซีเราะฮ์ (ชีวประวัติของมุฮัมมัดและคำพูดที่ระบุว่ามาจากท่าน) รูปเขียนแรกสุดคือ ของ เขียนประมาณ ค.ศ. 767 (ฮ.ศ. 150) แม้ว่าผลงานต้นฉบับสูญหาย ซีเราะฮ์นี้ยังคงหลงเหลือเป็นข้อความที่ตัดตอนมาอย่างกว้างขวางในผลงานของ และของ อย่างไรก็ตาม อิบน์ ฮิชามเขียนคำนำในชีวประวัติมุฮัมมัดของตนเองว่า เขาได้ละเว้นเรื่องราวจากชีวประวัติของอิบน์ อิสฮากที่ "จะทำให้บางคนไม่สบายใจ" ข้อมูลประวัติศาสตร์ยุคแรกอีกอันคือประวัติการทัพของมุฮัมมัดโดย (เสียชีวิตใน ฮ.ศ. 207) และของ (เสียชีวิตใน ฮ.ศ. 230) เลขานุการของอัลวากิดี
นักวิชาการหลายคนยอมรับว่าชีวประวัติในยุคแรกเหล่านี้เป็นเรื่องจริง แม้ว่าอาจไม่ยืนยันความถูกต้องแม่นยำได้ก็ตาม การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ทำให้นักวิชาการแยกแยะระหว่างธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกฎหมาย และเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ล้วน ๆ โดยในกลุ่มกฎหมายอาจมีการประดิษฐ์ธรรมเนียมขึ้น ในขณะที่เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ อาจอยู่ภายใต้ "การกำหนดรูปแบบแนวโน้ม" เท่านั้น นอกเหนือจากกรณีพิเศษ
ฮะดีษ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อาระเบียก่อนอิสลาม
คาบสมุทรอาหรับส่วนใหญ่เป็นพื้นที่แห้งแล้งที่อุดมไปด้วยดินภูเขาไฟ ทำให้เกษตรกรรมทำได้ยาก เว้นแต่บริเวณใกล้กับโอเอซิสหรือน้ำพุ เมืองและนครตั้งกระจัดกระจายทั่วภูมิภาค โดยเมืองที่มีความสำคัญที่สุดสองแห่งคือมักกะฮ์และมะดีนะฮ์ โดยมะดีนะฮ์เป็นที่ตั้งถิ่นฐานทางการเกษตรขนาดใหญ่ที่เจริญรุ่งเรือง ส่วนมักกะฮ์เป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญสำหรับชนเผ่าหลายกลุ่มโดยรอบ ในทะเลทราย ชีวิตสังคมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอยู่รอด ชนเผ่าพื้นเมืองพึ่งพาซึ่งกันและกัน เพื่ออดทนต่อสภาวะและวิถีชีวิตที่ท้าทาย ความผูกพันของชนเผ่ามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสามัคคีในสังคม ไม่ว่าจะผ่านความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือพันธมิตร ชาวอาหรับพื้นเมืองอาจเป็นทั้งชนร่อนเร่หรือ กลุ่มชนร่อนเร่เดินทางแสวงหาน้ำและทุ่งหญ้าสำหรับฝูงแกะอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้ที่อยู่ประจำที่เข้าตั้งถิ่นฐานและเน้นการค้าขายและการเกษตร การอยู่รอดของชนร่อนเร่ยังขึ้นอยู่กับการจู่โจมกองคาราวานหรือโอเอซิส ซึ่งคนร่อนเร่ไม่ได้มองว่าเป็นอาชญากรรม
ในอาระเบียก่อนอิสลาม เทพหรือเทพีถูกมองเป็นผู้พิทักษ์ชนเผ่าจำเพาะ ดวงวิญญาณของเทพมีความเกี่ยวโยงกับต้นไม้ น้ำพุ และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วิหารกะอ์บะฮ์ในมักกะฮ์ นอกจากจะเป็นที่แสวงบุญทุกปีแล้ว ยังเป็นที่ตั้งเทวรูป 360 องค์ที่เป็นเทพผู้อุปถัมภ์ชนเผ่า เทพีที่ได้รับการบูชามี 3 องค์ ในบางพื้นที่จัดให้เป็นพระธิดาในอัลลอฮ์ คือ: อัลลาต มะนาต และอัลอุซซา ชุมชนเอกเทวนิยมมีอยู่ในอาระเบีย เช่น ชาวคริสต์และ บางครั้งมีการจัดให้กลุ่ม ชาวอาหรับพื้นเมืองก่อนอิสลามที่ "นับถือพระเจ้าองค์เดียวที่เข้มงวด" ร่วมกับชาวยิวและคริสต์ในอาระเบียก่อนอิสลาม แม้ว่านักวิชาการหลายคนโต้แย้งในด้าน ธรรมเนียมมุสลิมระบุว่า ตัวมุฮัมมัดเองเป็นฮะนีฟ และเป็นหนึ่งในลูกหลานของอิสมาอีล บุตรของอิบรอฮีม
ในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 6 เป็นช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วนทางการเมืองในอาระเบีย และเส้นทางการคมนาคมไม่ปลอดภัยอีกต่อไป การแบ่งแยกศาสนาเป็นสาเหตุหลักของวิกฤตินี้ โดยศาสนายูดาห์กลายเป็นศาสนาหลักในเยเมน ส่วนศาสนาคริสต์เข้าตั้งถิ่นฐานในพื้นที่อ่าวเปอร์เซีย ภูมิภาคนี้พบเห็นผู้ที่ปฏิบัติตามพหุเทวนิยมลดลง และมีความสนใจรูปแบบศาสนาทางจิตวิญญาณเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าหลายคนไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนมานับถือศาสนาต่างชาติ แต่ความเชื่อเหล่านั้นก็ให้ข้อมูลอ้างอิงทางปัญญาและจิตวิญญาณ
ในช่วงต้นปีของมุฮัมมัด เผ่ากุร็อยช์ที่ท่านอยู่กลายเป็นชนเผ่าที่มีอำนาจในอาระเบียตะวันตก
ประวัติ
ช่วงปีในมักกะฮ์
วัยเด็กและชีวิตช่วงต้น
มุฮัมมัด อิบน์ อับดุลลอฮ์ อิบน์ อับดุลมุฏฏอลิบ อิบน์ ฮาชิมเกิดที่มักกะฮ์เมื่อประมาณ ค.ศ. 570 และเชื่อกันว่าวันเกิดอยู่ในเดือนเราะบีอุลเอาวัล ท่านอยู่ในตระกูล ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีความโดดเด่นอีกตระกูลหนึ่งจากเผ่ากุร็อยช์ในเมืองนี้ แม้ว่าตระกูลนี้จะดูขาดความมั่งคั่งในช่วงปีแรก ๆ ชื่อมุฮัมมัดหมายถึง "ได้รับการสรรเสริญ" ในภาษาอาหรับและปรากฏในอัลกุรอาน 4 ครั้ง ในวัยหนุ่มเป็นที่รู้จักกันในนาม อัลอะมีน (แปลว่า น่าเชื่อถือ) อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์มีความเห็นต่างกันว่า ชื่อนี้ตั้งขึ้นเพื่อสะท้อนถึงนิสัยของท่าน หรือเป็นเพีัยงชื่อตัวจากพ่อแม่ นั่นคือ รูปเพศชายของชื่อแม่ของท่าน ("อามินะฮ์") มุฮัมมัดได้รับ อะบูกอซิม หลังการถือกำเนิดของกอซิม ลูกชายที่เสียชีวิตเมื่อสองปีให้หลัง
ธรรมเนียมอิสลามระบุว่าปีเกิดของมุฮัมมัดตรงกับช่วงที่ กษัตริย์เยเมนที่ประสบความล้มเหลวในการยึดครองมักกะฮ์ อย่างไรก็ตาม การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ท้าทายแนวคิดนี้ เนื่องจากมีหลักฐานอื่นๆ ชี้ให้เห็นว่า หากเกิดขึ้นจริง เหตุการณ์นี้คงจะเกิดขึ้นเป็นนัยยะสำคัญก่อนที่มุฮัมมัดจะถือกำเนิด นักวิชาการมุสลิมยุคหลังสันนิษฐานว่าเชื่อมโยงชื่ออันโด่งดังของอับเราะฮะฮ์กับเรื่องเล่าการกำเนิดของมุฮัมมัดเพื่ออธิบายข้อความที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับ "พวกเจ้าของช้าง" ในคัมภีร์อัลกุรอาน 105:1–5The Oxford Handbook of Late Antiquity จัดให้เรื่องราวการทัพด้วยช้างศึกของอับเราะฮะฮ์เป็นเรื่องปรัมปรา
พ่อของมุฮัมมัด เสียชีวิตก่อนที่ท่านเกิดเกือบ 6 เดือน ตามธรรมเนียมอาหรับในสมัยนั้นระบุว่า หลังจากถือกำเนิดแล้ว ท่านถูกส่งไปอยู่กับครอบครัวเบดูอินในทะเลทราย แต่นักวิชาการตะวันตกบางคนปฏิเสธประวัติธรรมเนียมนี้ มุฮัมมัดอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยง กับสามีของเธอจนกระทั่งท่านอายุ 2 ขวบ ตอนอายุ 6 ขวบ แม่ของมุฮัมมัด ป่วยแล้วเสียชีวิต และทำให้ท่านกลายเป็นเด็กกำพร้า จนกระทั่งอายุ 8 ขวบ มุฮัมมัดได้อยู่ในความคุ้มครองของ ผู้นำเผ่าบนูฮาชิม ผู้เป็นปู่ของท่าน จนกระทั่งเขาเสียชีวิต แล้วจึงอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของอบูฏอลิบ อิบน์ อับดุลมุฏฏอลิบ ลุงของท่าน ผู้เป็นผู้นำคนใหม่ของบะนูฮาชิม
ธรรมเนียมอิสลามระบุว่า เมื่อมุฮัมมัดอายุ 9 หรือ 12 ขวบ เข้าร่วมกองคาราวานมักกะฮ์ที่เดินทางไปซีเรีย ท่านพบกับบาทหลวงคริสต์นามที่กล่าวว่ามองเห็นอาชีพในอนาคตของมุฮัมมัดในฐานะศาสทูตของพระเจ้า ในช่วงวัยรุ่น ท่านได้ช่วยลุงไปค้าขายที่แผ่นดินชาม หรือบริเวณประเทศซีเรียในปัจจุบัน เพื่อเก็บประสบการณ์ทางการค้า
ข้อมูลเกี่ยวกับช่วงวัยรุ่นของท่านมีน้อย เนื่องจากข้อมูลที่มีอยู่กระจัดกระจาย ทำให้เป็นการยากที่จะแยกประวัติศาสตร์ออกจากตำนาน มีรายงานว่าท่านกลายเป็นพ่อค้าและ "มีส่วนในการค้าขายระหว่างมหาสมุทรอินเดียถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน" ชื่อเสียงของท่านทำให้มีข้อเสนอจากเคาะดีญะฮ์ เศรษฐินีที่ประสบความสำเร็จใน ค.ศ. 595 ภายหลังมุฮัมมัดก็ได้แต่งงานกับนาง ซึ่งทุกสายรายงานบอกว่าเป็นการแต่งงานที่มีความสุข
ใน ค.ศ. 605 ตามรายงานที่รวบรวมไว้ เมื่อถึงช่วงที่มีการตั้งหินดำใหม่ มีการโต้เถียงกันว่าตระกูลใดควรได้รับสิทธิพิเศษนี้ ทำให้มีการตัดสินว่าบุคคลแรกที่เข้ามาในลานกะอ์บะฮ์จะเป็นผู้ชี้ขาด และผู้ที่มาคนแรกคือมุฮัมมัด ท่านจึงขอผ้าคลุมแล้วยกหินตั้งบนนั้น แล้วให้ผู้นำตระกูลต่าง ๆ จับผ้าผืนนั้นพร้อมกัน และท่านจะเป็นคนนำหินตั้งเอง
จุดเริ่มต้นของอัลกุรอาน
มุฮัมมัดเริ่มอธิษฐานคนเดียวในบนเขาญะบะลุนนูรใกล้มักกะฮ์เป็นเวลาหลายสัปดาห์ของทุกปี ในธรรมเนียมอิสลามระบุว่า ใน ค.ศ. 610 เมื่อท่านมีอายุ 40 ปี ทูตสวรรค์ญิบรีลปรากฏตัวต่อหน้าท่าน และสั่งให้มุฮัมมัดอ่าน เมื่อมุฮัมมัดสารภาพว่าตนไม่รู้หนังสือ ญิบรีลจึงเข้าบีบรัดอย่างแรง ทำให้ท่านแทบจะหายใจไม่ออก และออกคำสั่งซ้ำ ขณะที่มุฮัมมัดย้ำว่าตนอ่านหนังสือไม่ออก ญิบรีลจึงบีบรัดอีกครั้งในลักษณะเดียวกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีกครั้งก่อนที่ญิบรีลอ่านโองการเหล่านี้ในที่สุด ทำให้มุฮัมมัดสามารถจดจำได้ โองการเหล่านี้ภายหลังจัดให้อยู่ในอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ที่ 96:1-5
ประสบการณ์นี้ทำให้มุฮัมมัดรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็รู้สึกอุ่นใจกับเคาะดีญะฮ์ ภรรยาของท่าน และ ลูกพี่ลูกน้องที่นับถือศาสนาคริสต์ของเธอ ในทันที
กิริยาท่าทางของมุฮัมมัดในช่วงที่มีการดลใจเป็นถี่ ๆ นำไปสู่การกล่าวหาจากคนร่วมสมัยว่า ท่านอยู่ภายใต้อิทธิพลของญิน ผู้ทำนาย หรือนักมายากล โดยเสนอว่าประสบการณ์ของท่านในระหว่างเหตุการณ์เหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าวที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอาระเบียโบราณ กระนั้น เหตุการณ์ครอบงำอันลึกลับเหล่านี้อาจเป็นหลักฐานโน้มน้าวใจสำหรับผู้ติดตามของท่านในเรื่องต้นกำเนิดอันศักดิ์สิทธิ์ของการเปิดเผยโองการ นักประวัติศาสตร์บางคนตั้งข้อสังเกตว่าคำอธิบายภาพอาการของมุฮัมมัดในกรณีเหล่านี้น่าจะเป็นเรื่องจริง เนื่องจากไม่น่าจะเป็นไปได้ที่มุสลิมรุ่นหลังจะประดิษฐ์เรื่องนี้ขึ้นได้
หลังวะเราะเกาะฮ์เสียชีวิตไม่นาน การประทานวะฮ์ยูนั้นหยุดไปช่วงหนึ่ง ทำให้มุฮัมมัดรู้สึกทุกข์ใจอย่างมากและคิดฆ่าตัวตาย ในช่วงหนึ่ง มีรายงานว่าท่านปีนขึ้นเขาเพื่อตั้งใจที่จะกระโดดลงไป อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงยอดเขา ญิบรีลปรากฏต่อท่านเพื่อยืนยันสถานะศาสนทูตของอัลลอฮ์อย่างแท้จริง การเผชิญหน้าครั้งนี้ทำให้มุฮัมมัดสงบลง และก็กลับบ้าน ต่อมาเมื่อมีการเว้นช่วงระหว่างการประทานโองการเป็นเวลานานอีก ท่านก็ทำเช่นนี้อีก แต่ญิบรีลก็เข้ามาแทรกแซงในทำนองเดียวกัน ทำให้ท่านสงบลงและกลับบ้าน
มุฮัมมัดมั่นใจว่าสามารถแยกแยะความคิดของตนเองจากข้อความเหล่านี้ได้ การเปิดเผยอัลกุรอานในยุคแรกใช้วิธีการเตือนผู้ไม่ศรัทธาด้วยการลงโทษจากสวรรค์ ขณะเดียวกันก็สัญญาว่าจะให้รางวัลแก่ผู้ศรัทธา พวกเขาถ่ายทอดผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความอดอยากและการสังหารผู้ที่ปฏิเสธพระเจ้าของมุฮัมมัด และพาดพิงถึงภัยพิบัติทั้งในอดีตและอนาคต โองการในคัมภีร์ยังเน้นย้ำถึงการพิพากษาครั้งสุดท้ายที่ใกล้จะมาถึง และภัยคุกคามจากไฟนรกสำหรับผู้คลางแคลงใจ ธรรมเนียมมุสลิมระบุว่า เคาะดีญะฮ์ ภรรยาของท่าน เป็นบุคคลแรกที่เชื่อว่าท่านเป็นศาสดา ตามมาด้วยอะลี อิบน์ อะบี ฏอลิบ ลูกพี่ลูกน้องอายุ 10 ขวบของท่าน อะบูบักร์ เพื่อนใกล้ชิด และ บุตรบุญธรรม
การต่อต้านในมักกะฮ์
มุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่คำสอนแก่สาธารณชนเมื่อประมาณ ค.ศ. 613 ในตอนแรก ท่านไม่ได้ประสบกับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากพลเมืองมักกะฮ์ที่เฉยเมยต่อกิจกรรมเปลี่ยนศาสนาของท่าน แต่เมื่อท่านเริ่มโจมตีความเชื่อของพวกเขา ความตึงเครียดจึงเกิดขึ้น เผ่ากุร็อยช์ท้าให้ เช่น นำน้ำพุออกมา แต่ท่านปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าความสม่ำเสมอของธรรมชาติเป็นข้อพิสูจน์ถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่เพียงพอแล้ว บางคนเยาะเย้ยต่อความล้มเหลวของท่านโดยสงสัยว่าทำไมพระเจ้าไม่ประทานทรัพย์สมบัติให้ท่านเสียที ในขณะที่อีกกลุ่มขอให้ท่านเดินทางไปสวรรค์และกลับมาพร้อมนำม้วนกระดาษอัลกุรอานที่จับต้องได้ แต่มุฮัมมัดยืนยันว่า อัลกุรอานในรูปแบบที่ท่านถ่ายทอดออกมานั้นเป็นข้อพิสูจน์ที่น่ามหัศจรรย์อยู่แล้ว
รายงานว่า ชาวกุร็อยช์บางคนรวมตัวกันที่ฮิจญร์และปรึกษาว่าพวกเขาไม่เคยเจอปัญหาร้ายแรงอย่างที่พวกเขาพบกับมุฮัมมัดมาก่อน พวกเขากล่าวว่าท่านได้ดูหมิ่นวัฒนธรรม ดูหมิ่นบรรพบุรุษ ดูหมิ่นความศรัทธา ทำลายชุมชน และสาปแช่งเทพเจ้าของพวกเขา
พวกกุร็อยช์จึงพยายามหลอกล่อให้มุฮัมมัดหยุดสอนศาสนาด้วยการให้ท่านเข้าสู่วงในของพ่อค้า ตลอดจนการแต่งงานที่ได้เปรียบ แต่ท่านปฏิเสธทั้งสองข้อเสนอ
ขณะที่มุสลิมกลุ่มหนึ่งทำการละหมาดในหุบเหว ชาวกุร็อยช์บางคนวิ่งไปหาาและกล่าวหาพวกเขาในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ ซะอด์ อิบน์ อะบี วักกอศ บุคคลหนึ่งในมุสลิมกลุ่มนั้น จึงถือกระดูกขากรรไกรอูฐไปตีชาวกุเรชจนทำให้หัวแตก ถือเป็นการนองเลือดครั้งแรกในศาสนาอิสลาม
นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่หลายคนกล่าวถึงการกดขี่ในช่วงแรกโดยชาวมักกะฮ์ว่า "ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง" ซึ่งถูกจำกัดโดยระบบเผ่าที่เป็นหลักประกันความปลอดภัยภายในมักกะฮ์ เพื่อให้แน่ใจว่าความรุนแรงระหว่างกลุ่มจะถือเป็นการโจมตีเพื่อเกียรติยศของคนทั้งกลุ่ม ภัยคุกคามของการดำเนินการตอบโต้สามารถป้องกันกรณีความรุนแรงที่ร้ายแรงต่อผู้อ้างว่าเป็นมุสลิมได้เป็นส่วนใหญ่ที่กลับตกอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการดูหมิ่นทางวาจาเป็นหลัก กรณีความรุนแรงทางร่างกายต่อชาวมุสลิมที่โดดเด่นที่สุดในช่วงเวลานี้คือความรุนแรงต่อทาส โดยเฉพาะต่อกับที่ไม่ได้รับความคุ้มครองจากตระกูล อัลกุรอานไม่ได้กล่าวถึงการกดขี่นี้ โดยเนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งนี้พบใน
กลุ่มตัวแทนกุร็อยช์ไปที่ยัษริบ
การอพยพไปยังอะบิสซีเนีย
ใน ค.ศ. 615 ด้วยความกลัวว่าผู้ติดตามของท่านจะถูกล่อลวงออกจากศาสนาของพวกเขา มุฮัมมัดจึงส่งบางส่วนไปที่อาณาจักรอักซุมของอะบิสซีเนียและจัดตั้งอาณานิคมขนาดเล็กภายใต้การคุ้มครองของ จักรพรรดิเอธิโอเปียที่นับถือศาสนาคริสต์ ในบรรดาผู้อพยพกลุ่มนั้นได้แก่ ลูกสาวของ หนึ่งในหัวหน้าเผ่ากุร็อยช์ และสามีของเธอ ฝ่ายกุร็อยช์จึงส่งตัวชายสองคนให้นำตัวพวกเขากลับมา เนื่องจากงานเครื่องหนังในอะบิสซีเนียสมัยนั้นมีราคาแพงมาก พวกเขาจึงรวบรวมผืนหนังจำนวนมากและขนส่งไปที่นั่นเพื่อแจกจ่ายให้กับนายพลของอาณาจักรแต่ละแห่ง แต่กษัตริย์ทรงปฏิเสธคำร้องขอของพวกเขาอย่างเหนียวแน่น
ในขณะที่กับกล่าวถึงการอพยพไปอะบิสซีเนียเพียงครั้งเดียว ระบุว่ามีการอพยพถึงสองชุด โดยในสองชุดนั้น ประชากรกลุ่มแรกส่วนใหญ่เดินทางกลับมักกะฮ์ก่อนเหตุการณฺฮิจเราะห์ ส่วนประชากรส่วนใหญ่ในกลุ่มที่สองยังคงอยู่ที่อะบิสซีเนียและเดินทางไปยังมะดีนะฮ์หลังเหตุการณ์ฮิจเราะห์ บันทึกเหล่านี้ยอมรับว่าการกดขี่มีบทบาทสำคัญต่อการที่มุฮัมมัดส่งพวกเขาไปที่นั่น ในจดหมายของที่อัฏเฏาะบะรีรักษาไว้ระบุว่า ผู้ที่อพยพเดินทางกลับมาหลังการเข้ารับอิสลามของบุคคลที่มีตำแหน่งหลายคน เช่น อุมัรกับฮัมซะฮ์
ใน ค.ศ. 616 มีการจัดทำข้อตกลงโดยตระกูลอื่น ๆ ในเผ่ากุร็อยช์ทั้งหมดที่บังคับใช้การคว่ำบาตรต่อ ห้ามค้าขายและแต่งงานกับพวกเขา ถึงกระนั้น สมาชิกบะนูฮาชิมยังคงสามารถเดินทางรอบตัวเมืองได้อย่างมีอิสระ แม้ว่ามุฮัมมัดเผชิญกับการดูหมิ่นทางวาจามากขึ้น ท่านยังคงเดินทางและมีส่วนในการโต้วาทีในที่สาธารณะโดยไม่ถูกทำร้ายทางร่างกาย ในช่วงหลัง ฝ่ายกุร็อยช์จำนวนหนึ่งที่เห็นอกเห็นใจต่อบะนูฮาชิมริเริ่มความพยายามยุติการคว่ำบาตร ส่งผลให้เกิดฉันทามติทั่วไปให้ยกเลิกการคว่ำบาตรใน ค.ศ. 619
พยายามจัดตั้งตนเองในอัฏฏออิฟ
ใน ค.ศ. 619 มุฮัมมัดประสบกับช่วงแห่งความโศกเศร้า เนื่องจากเคาะดีญะฮ์ ภรรยาผู้สนับสนุนทางการเงินและอารมณ์ที่สำคัญของท่าน เสียชีวิต และอะบูฏอลิบ ลุงและผู้พิทักษ์ของท่าน ก็เสียชีวิตในปีเดียวกัน แม้ว่ามุฮัมมัดเรียกร้องให้อะบูฏอลิบเข้ารับอิสลามตอนที่เขาอยู่บนเตียงนอนขณะกำลังจะเสียชีวิต แต่เขาก็ยึดติดกับความเชื่อพหุเทวนิยมจนกระทั่งเสียชีวิต ลุงของมุฮัมมัดอีกคนที่ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลต่อ ในตอนแรกเต็มใจที่จะปกป้องมุฮัมมัด แต่หลังได้ยินจากมุฮัมมัดว่าอะบูฏอลิบกับจะต้องตกนรกเนื่องจากไม่ยอมรับอิสลาม เขาจึงถอนการสนับสนุน
จากนั้นมุฮัมมัดจึงเดินทางไปยังอัฏฏออิฟเพื่อพยายามก่อร่างตนเองในเมืองและได้รับความช่วยเหลือกับการคุ้มครองจากชาวมักกะฮ์ แต่กลับมีเสียงตอบมาว่า: "ถ้าแกเป็นศาสดาจริง ๆ ทำไมต้องการความช่วยเหลือจากเราด้วย? ถ้าพระเจ้าส่งแกมาในฐานะศาสนทูต ทำไมพระองค์ไม่ปกป้องแก? และถ้าอัลลอฮ์ประสงค์ที่จะส่งศาสดาลงมา ทำไมพระองค์ไม่พบคนที่ดีไปกว่าแก ไอ้เด็กกำพร้าอ่อนแอไร้พ่อ?" เมื่อพบว่าภารกิจของท่านล้มเหลว มุฮัมมัดจึงขอให้ผู้คนในอัฏฏออิฟเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ด้วยความกลัวว่าสิ่งนี้จะเสริมสร้างความเป็นศัตรูของกุร็อยช์ต่อท่าน แต่ทว่า แทนที่จะตอบรับคำขอ พวกเขากลับขว้างก้อนหินใส่จนทำให้ขาของท่านบาดเจ็บ
เมื่อมุฮัมมัดเดินทางกลับมักกะฮ์ ข่าวเหตุการณ์ในอัฏฏออิฟถึงหูของอะบูญะฮล์ และเขาตอบว่า "พวกเขาไม่ยอมให้มันเขาอัฏฏออิฟ ดังนั้นเราไม่ให้มันเข้ามักกะฮ์ด้วย" เมื่อรู้ถึสถานการณ์เช่นนีเ มุฮัมมัดจึงถามคนที่ขี่ม้าผ่านมาให้ส่งข้อความไปยัง สมาชิกทางฝั่งตระกูลแม่ เพื่อขอความคุ้มครองให้ท่านเข้าเมืองได้อย่างปลอดภัย แต่อัลอัคนัสปฏิเสธ โดยกล่าวว่าตนเป็นเพียงผู้เกี่ยวข้องกับเผ่ากุร็อยช์เท่านั้น จากนั้นมุฮัมมัดจึงส่งข้อความไปยังที่ปฏิเสธตามหลักชนเผ่าเช่นเดียวกัน ท้ายที่สุด มุฮัมมัดจึงส่งคนไปถาม หัวหน้าตระกูล มุฏอิมยอมรับ แล้วเตรียมตัวและขี่ออกไปตอนเช้าพร้อมบรรดาลูกและหลานชายเพื่อนำมุฮัมมัดเข้าเมือง เมื่ออะบูญะฮล์เห็นเขา เขาถามว่ามุฏอิมแค่ให้การคุ้มครองหรือหันไปเข้ารีตศาสนาของท่านแล้ว มุฏอิมกล่าวว่า "แค่ให้การคุ้มครองเขา" อะบูญะฮล์จึงตอนว่า "เราจะปกป้องใครก็ตามที่เจ้าคุ้มครอง"
อิสรออ์กับมิอ์รอจญ์
ในช่วงที่ตกต่ำของชีวิตมุฮัมมัดเป็นช่วงที่มีรายงานเกี่ยวกับอิสรออ์กับเมียะอ์รอจญ์ ปัจจุบัน มุสลิมเชื่อว่าอิสรออ์คือการเดินทางของมุฮัมมัดจากมักกะฮ์ไปยังเยรูซาเลม ส่วนเมียะอ์รอจญ์คือการเดินทางจากเยรูซาเลมสู่ชั้นฟ้า ไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับเมียะอ์รอจญ์ในอัลกุรอาน เนื่องจากอัลกุรอานไม่ได้กล่าวถึงสิ่งนี้โดยตรง
อพยพไปมะดีนะฮ์ (ฮิจเราะฮ์)
มีการมอบหมายหน้าที่ในสภาของสิบสองชนเผ่าสำคัญแห่งมะดีนะฮ์ ได้เชิญชวนให้มุฮัมมัดเป็นหัวหน้าของสังคมทั้งหมด เพราะว่าท่านมีสถานะเป็นกลาง โดยมีการต่อสู้ในมะดีนะฮ์ ข้อแรกคือความขัดแย้งระหว่างชาวอาหรับกับชาวยิวที่มีมานานกว่าร้อยปี
มุฮัมมัดได้บอกให้ผู้ติดตามให้อพยพไปมะดีนะฮ์ทั้งหมด ตามรายงานธรรมเนียมอิสลามว่า พวกมักกะฮ์วางแผนลอบสังหารมุฮัมมัด แต่ด้วยความช่วยเหลือจากอะลี มุฮัมมัดจึงรอดจากการถูกฆ่า และหนีอออกไปจากเมืองกับอบูบักร์ ในปีค.ศ. 622 มุฮัมัมดได้อพยพไปยังมะดีนะฮ์ โดยใครที่อพยพมาจากมักกะฮ์จะถูกเรียกเป็น (ผู้อพยพ)
ช่วงปีในมะดีนะฮ์
นักบูรพาคดีในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ระบุว่า เมื่อมุฮัมมัดเดินทางถึงใน ค.ศ. 622 ชนเผ่ายิวเป็นพันธมิตรกับชนเผ่าอาหรับสองกลุ่มที่อยู่ในสังกัด อย่างไรก็ตาม Russ Rodgers นักประวัติศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ปฏิเสธสิ่งนี้ เขาโต้แย้งว่าในช่วงของมุฮัมมัด สมาชิกชนเผ่าอาหรับกล่าวว่าพวกตนต้องทำลายความเป็นพันธมิตรกับชาวยิวเนื่องจากลักษณะของคำมั่นสัญญา Rodgers อนุมานได้ว่าชนเผ่าอาหรับเป็นผู้ยอมจำนน หรืออย่างมากที่สุดก็มีตำแหน่งเท่าเทียมกับชาวยิว เพราะมิฉะนั้น ชาวยิวก็จะถูกดึงเข้าสู่พันธสัญญานี้
รัฐธรรมนูญมะดีนะฮ์
หลังจากบรรยายเรื่องฮิจเราะห์แล้ว ยืนยันว่ามุฮัมหมัดเขียนข้อความที่ปัจจุบันเรียกว่าและเปิดเผยเนื้อหาที่สันนิษฐานไว้โดยไม่มีการระบุอิสนาด หรือหลักฐานใด ๆ มาสนับสนุน โดยทั่วไปถือเป็นการตั้งชื่อที่ไม่ชัดเจน เนื่องจากข้อความนี้ไม่ได้กำหนดสถานะหรือบัญญัติกฎเกณฑ์อัลกุรอาน แต่เป็นการกล่าวถึงเรื่องชนเผ่า ในขณะที่นักวิชาการทั้งฝั่งตะวันตกและโลกมุสลิมยอมรับถึงความน่าเชื่อถือของข้อความ ยังคงมีข้อขัดแย้งว่าสิ่งนี้เป็นสนธิสัญญาหรือคำประกาศฝ่ายเดียวของมุฮัมมัด จำนวนเอกสารที่มีประกอบ ฝ่ายหลัก ระยะเวลาเฉพาะของการประดิษฐ์ (หรือส่วนของส่วนประกอบ) ไม่ว่าจะร่างไว้ก่อนหรือหลังมุฮัมมัดกำจัดชนเผ่ายิวชั้นนำสามกลุ่มในมะดีนะฮ์ และแนวทางในการแปลที่ถูกต้อง
เริ่มการใช้อาวุธในทางทหาร
— กุรอาน (22:39–40)
หลังการอพยพ ชาวมักกะฮ์ได้ยึดทรัพย์สินของชาวมุสลิมที่อพยพไปยังมะดีนะฮ์ และสงครามได้เกิดขึ้นระหว่างชาวมักกะฮ์กับมุสลิม ศาสดาได้บอกโองการจากอัลกุรอานที่อนุญาตให้มุสลิมต่อสู้ได้ (ดูซูเราะฮ์ กุรอาน 22:39–40).รายงานจากธรรมเนียมมุสลิม ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 624 ในขณะละหมาดที่ในมะดีนะฮ์ มุฮัมมัดได้รับโองการจากอัลลอฮ์ให้เปลี่ยนกิบลัตจากเยรูซาเลมไปยังมักกะฮ์
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 624 มุฮัมมัดได้นำทหาร 300 นาย ไปโจมตีกองคาราวานของมักกะฮ์ โดยซุ่มอยู่ที่บัดร์ แต่เนื่องจากพวกมักกะฮ์รู้แผนก่อน จึงเลี่ยงเส้นทางนั้น และถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ทำให้เกิดยุทธการที่บะดัรขึ้น แม้ว่าพวกมักกะฮ์มีจำนวนมากกว่ามุสลิมอยู่ 3 ต่อ 1 แต่ฝ่ายมุสลิมก็ชนะสงคราม โดยชาวมักกะฮ์ถูกฆ่าไป 45 คน และฝ่ายมุสลิมถูกฆ่าไป 14 คน และได้ฆ่าหัวหน้าชาวมักกะฮ์คนสำคัญหลายคน เช่น อบูญะฮัล มีการจับนักโทษ 70 คน โดยส่วนใหญ่ถูกไถ่แล้ว มุฮัมมัดกับผู้ติดตามเห็นชัยชนะครั้งนี้เป็นการยืนยันความศรัทธา และท่านกล่าวว่าชัยชนะนี้เกิดจากกลุ่มเทวทูต อายะฮ์กุรอานในช่วงนั้นกล่าวถึงการจัดการปัญหาของรัฐบาลและปัญหาต่าง ๆ
มุฮัมมัดได้สั่งเนรเทศเผ่า หนึ่งในสามชนเผ่ายิว ออกจากมะดีนะฮ์ แต่นักประวัติศาสตร์บางคนกล่าวว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากท่านเสียชีวิตไปแล้ว รายงานจาก หลังจากพูดกับพวกเขา มุฮัมมัดละเว้นการประหารชีวิต และสั่งให้เนรเทศพวกเขาออกจากมะดีนะฮ์ หลังจากสงครามนี้ มุฮัมมัดได้สร้างพันธมิตรกับชนเผ่าเบดูอินหลายเผ่า เพื่อปกป้องสังคมของท่านจากการโจมตีในบริเวณตอนเหนือของฮิญาซ
ความขัดแย้งกับมักกะฮ์
ส่วนนี้ของบทความอาจต้องปรับปรุงให้มี เนื่องจากนำเสนอมุมมองเพียงด้านเดียว ดูประกอบ โปรดอย่านำป้ายออกจนกว่าจะมีข้อสรุป |
ชาวมักกะฮ์ต้องการแก้แค้น เพื่อให้เศรษฐกิจกลับคืนมา พวกเขาต้องฟื้นฟูศักดิ์ศรีที่สูญเสียไปที่บะดัร ไม่กี่เดือนต่อมา พวกมักกะฮ์ส่งหน่วยสอดแนมไปที่มะดีนะฮ์ ในขณะที่มุฮัมมัดเดินทางไปที่ชนเผ่าที่สวามิภักดิ์ต่อมักกะฮ์ และส่งหน่วยจู่โจมไปที่คาราวานมักกะฮ์ได้เตรียมกองทัพ 3,000 คนไปโจมตีมะดีนะฮ์
หน่วยสอดแนมได้แจ้งมุฮัมมัดถึงการมาและจำนวนทหารของฝ่ายมักกะฮ์ เช้าวันต่อมาได้มีการประชุมเกี่ยวกับสงคราม มุฮัมมัดกับผู้อาวุโสหลายคนมีมติว่าควรสู้ในมะดีนะฮ์ แต่ฝ่ายมุสลิมโต้แย้งว่าฝ่ายมักกะฮ์จะทำลายพืชผล และการสู้รบในเมืองอาจทำลายศักดิ์ศรีของมุสลิม มุฮัมมัดจึงยอมรับและเตรียมกองทัพไปสู้รบที่ภูเขาอุฮุด (ที่ตั้งของค่ายชาวมักกะฮ์) แล้วสู้รบในสงครามอุฮุด เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 625 ถึงแม้ว่าฝ่ายมุสลิมมีความได้เปรียบในช่วงแรก แต่ความหละหลวมต่อยุทธวิธีของพลธนูทำให้ฝ่ายมุสลิมพ่ายแพ้ โดยถูกฆ่าไป 75 คน ซึ่งรวมถึงฮัมซะฮ์ อิบน์ อับดุลมุฏฏอลิบ ลุงของมุฮัมมัด พวกมักกะฮ์ไม่ได้ไล่ตามพวกมุสลิม แต่ได้รวมพลกลับมักกะฮ์เพื่อประกาศชัยชนะ เพราะพวกเขาคิดว่ามุฮัมมัดบาดเจ็บและคงตายไปแล้ว เมื่อพวกเขาพบว่ามุฮัมมัดยังไม่ตาย พวกมักกะฮ์จึงล้มเหลวต่อการกำจัดพวกมุสลิมให้สิ้นซาก ชาวมุสลิมได้ฝังศพและกลับบ้านในเวลาเย็น แล้วถามถึงสาเหตุความพ่ายแพ้ มุฮัมมัดได้กล่าวอายะฮ์กุรอาน 3:152 ว่าสาเหตุการพ่ายแพ้มีอยู่สองอย่าง คือ: การไม่เชื่อฟัง และการทดสอบความแน่วแน่
อบูซุฟยานได้นำกองทัพอีกกลุ่มไปโจมตีมะดีนะฮ์ โดยได้ผู้สนับสนุนจากชนร่อนเร่ในบริเวณตอนเหนือกับตะวันออกของมะดีนะฮ์ ผ่านการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับจุดอ่อนของมุฮัมมัด สัญญาที่จะปล้น ความทรงจำในศักดิ์ศรีของเผ่ากุเรช และสินบน มุฮัมมัดรู้ถึงความดื้อดึงต่อผู้คนในมะดีนะฮ์ และตอบสนองอย่างดี ตัวอย่างแรกคือ การลอบสังหาร หัวหน้าเผ่ายิว อัลอัชรอฟไปยังมักกะฮ์แล้วเขียนกวีให้ชาวมักกะฮ์แก้แค้นต่อสงครามบะดัร ในปีต่อมา มุฮัมมัดได้เนรเทศเผ่าบนูนาดีรไปจากมะดีนะฮ์โดยบังคับให้อพยพไปที่ซีเรีย ซึ่งทำให้ศัตรูรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อทำลายท่านเสีย มุฮัมมัดพยายามหลีกเลี่ยงการรวมตัวของพวกเขาแต่ล้มเหลว ถึงแม้ว่าท่านสามารถเพิ่มจำนวนพลทหารและหยุดชนเผ่าอื่นเข้าร่วมฝ่ายศัตรูก็ตาม
ยุทธการสนามเพลาะ
เมื่อรู้ว่าชัยชนะของตนที่อุฮุดล้มเหลวต่อการทำให้ตำแหน่งของมุฮัมมัดอ่อนแอลงอย่างมาก ในขณะที่ท่านยังคงเตรียมการจู่โจมของพวกเขาต่อไป พวกกุร็อยช์ ในที่สุดก็มองเห็นความจำเป็นในการยึดครองมะดีนะฮ์ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่พวกเขาเคยละเลยไปก่อนหน้านี้ ข้อมูลมุสลิมระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้ส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากผู้นำเผ่าบางส่วนที่ทุกข์ใจต่อการสูญเสียดินแดนของตน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนั้นอาจเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อของมุสลิม ด้วยความตระหนักถึงทักษะการทำสงครามที่จำกัดในฐานะพ่อค้าในเมืองของตน พวกกุร็อยช์จึงเริ่มการเจรจากับชนเผ่าเบดูอินกลุ่มต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง โดยรวบรวมกองกำลังที่เชื่อกันว่ามีจำนวนประมาณ 10,000 คน มุฮัมมัดหลังได้รับแจ้งล่วงหน้าจากพันธมิตรของท่านในมักกะฮ์ สั่งให้ผู้ติดตามเสริมกำลังมะดีนะฮ์ด้วยสนามเพลาะ ตามคำแนะนำของซัลมาน อัลฟาริซี ชาวยิวได้ช่วยเหลือด้วยการขุดสนามเพลาะ และให้มุสลิมยืมเครื่องมือใช้ ฝ่ายกุร็อยช์และพันธมิตรที่ไม่คุ้นเคยกับการทำสงครามสนามเพลาะจึงต้องทำการปิดล้อมที่ยืดเยื้อ มุฮัมมัดใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ด้วยใช้การเจรจาอย่างลับ ๆ กับเผ่าให้ไปสร้างความปั่นปวนในกลุ่มศัตรู เมื่อสภาพอากาศย่ำแย่ ขวัญกำลังใจของชาวกุเรชและพันธมิตรจึงเสื่อมถอยลง นำไปสู่การถอนทัพ การล้อมครั้งนี้มีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตน้อย โดยฝั่งมุสลิมได้รับความสูญเสียเพียง 5 ถึง 6 คน ส่วนฝ่ายล้อมเมืองเสียเพียง 3 คน
การสังหารหมู่บะนูกุร็อยเซาะฮ์
สนธิสัญญาฮุดัยบิยะฮ์
ในช่วงต้น ค.ศ. 628 หลังจากที่มุฮัมมัดฝันถึงการแสดวบุญในมักกะฮ์โดยไร้แรงต่อต้าน ท่านจงเริ่มต้นการเดินทาง โดยแต่งกายด้วยชุดแสวงบุญตามธรรมเนียมและมีผู้ติดตามกลุ่มหนึ่งติดตามไปด้วย ก่อนเดินทางถึงฮุดัยบิยะฮ์ พวกเขาเผชิญหน้ากับตัวแทนของชาวกุร็อยช์ที่ตั้งคำถามถึงความตั้งใจของพวกเขา มุฮัมมัดอธิบายว่าพวกเขามาเพื่อแสดงความเคารพต่อกะอ์บะฮ์ ไม่ใช่สู้รบ จากนั้นท่านจึงส่งอุษมาน ลูกของลูกพี่ลูกน้องของ ไปเจรจากับพวกกุร็อยช์ ขณะที่การเจรจายืดเยื้อ เริ่มมีการจุดข่าวลือเรื่องการเสียชีวิตของอุษมาน ซึ่งกระตุ้นให้มุฮัมมัดเรียกผู้ติดตามให้ต่ออายุคำสาบานแห่งความจงรักภักดี อุษมานกลับมาพร้อมกับข่าวอุปสรรคในการเจรจา มุฮัมมัดยังคงยืนหยัดในสิ่งต่อไป ท้ายที่สุด ฝ่ายกุร็อยช์จึงส่งตัว ทูตที่มีอำนาจต่อรองเต็มที่ ในที่สุด หลังจากหารือกันอย่างยาวนาน ก็มีการประกาศใช้สนธิสัญญานี้ โดยมีเงื่อนไข ดังนี้:
- สัญญาสงบศึกระหว่างสองฝ่ายเป็นเวลา 10 ปี
- ถ้าชาวกุร็อยช์เขามาหาฝ่ายมุฮัมมัดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้คุ้มครอง เขาจะต้องถูกส่งกลับไป แต่ถ้ามุสลิมมาหาชาวกุร็อยช์ เขาจะไม่ต้องถูกส่งกลับไปหามุฮัมมัด
- ชนเผ่าใดก็ตามที่สนใจสร้างพันธมิตรกับมุฮัมมัดหรือกุร็อยช์มีอิสระที่จะทำเช่นนั้นได้ พันธมิตรเหล่านี้ยังได้รับการคุ้มครองผ่านสัญญาสงบศึกสิบปี
- ฝ่ายมุสลิมต้องเดินทางกลับมะดีนะฮ์ กระนั้น พวกเขาได้รับอนุญาตให้ทำในปีถัดไป
การรุกรานค็อยบัร
ทำอุมเราะฮ์และยุทธการที่มุอ์ตะฮ์
ช่วงปีสุดท้าย
การพิชิตมักกะฮ์
สนธิสัญญาฮุดัยบิยะฮ์ถูกใช้แค่ 2 ปีเพราะเผ่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับมุฮัมมัด ในขณะที่ศัตรูของพวกเขาซึ่งเป็นเผ่าได้เป็นพันธมิตรกับมักกะฮ์ เผ่าบนูบักร์ได้โจมตีเผ่าคุซาอะฮ์ในเวลากลางคืน และฆ่าไปบางคน พวกมักกะฮ์ได้ช่วยเหลือบนูบักร์อย่างดี และในบางรายงานกล่าวว่า มีพวกมักกะฮ์บางคนเข้าร่วมด้วย หลังจากเหตุการณ์นั้น มุฮัมมัดได้ส่งจดหมายแก่ชาวมักกะฮ์ โดยมีสามเงื่อนไข และต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ: พวกมักกะฮ์อาจต้องสำหรับการฆ่าคนจากเผ่าบนูคุซาอะฮ์, ประกาศปฏิเสธการกระทำของพวกบนูบักร์ หรือทำให้สนธิสัญญาฮุดัยบิยะฮ์เป็นโมฆะ
พวกมักกะฮ์ได้เลือกข้อสุดท้าย (สัญญาเป็นโมฆะ) จากนั้นพวกเขาจึงรู้ถึงความผิดพลาด และส่งไปเพื่อทำสัญญาใหม่ แต่มุฮัมมัดปฏิเสธ
มุฮัมมัดเรื่มเตรียมการพิชิตขึ้นในปีค.ศ. 630 มุฮัมมัดเดินทางไปมักกะฮ์พร้อมกับมุสลิม 10,000 คน แล้วควบคุมมักกะฮ์ได้ ท่านประกาศนิรโทษกรรมแก่ทุกคน ยกเว้นชายและหญิง 10 คนที่ "มีความผิดจากการฆ่าคนหรืออื่น ๆ หรือก่อสงครามและทำลายสันติภาพ" บางคนถูกให้อภัยในภายหลัง ชาวมักกะฮ์ส่วนใหญเข้ารับอิสลาม และมุฮัมมัดเริ่มดำเนินการทำลายรูปปั้นทั้งหมดจากข้างในและรอบกะอ์บะฮ์ รายงานจากกับ มุฮัมมัดที่ได้งดเว้นภาพหรือเฟรสโกของพระแม่มารีย์กับพระเยซู แต่ในรายงานอื่นกล่าวว่า ภาพทุกรูปถูกลบหมด ในอัลกุรอานได้กล่าวถึงเหตุการณ์พิชิตมักกะฮ์
ปราบฮะวาซินและษะกีฟกับการเดินทางไปที่ตะบูก
หลังได้ยินว่ามักกะฮ์ตกเป็นของมุสลิมแล้ว จึงรวบรวมทั้งเผ่าให้ต่อสู้ ประมาณการว่ามีนักรบประมาณ 4,000 นาย มุฮัมมัดนำทัพ 12,000 นายไปโจมตี แต่พวกเขากลัับจู่โจมท่านที่วาดีฮุนัยน์ ฝ่ายมุสลิมเอาชนะพวกเขาและยึดบรรดาผู้หญิง เด็ก ๆ และสัตว์หลายตัวของพวกเขาไป จากนั้นมุฮัมมัดหันความสนใจไปที่อัฏฏออิฟ นครที่มีชื่อเสียงในด้านไร่องุ่นและสวน ท่านสั่งให้สวนเหล่านี้ต้องถูกทำลาย และล้อมนครที่มีกำแพงล้อมรอบ หลังประสบความล้มเหลวในการทำลายฝ่ายป้องกันเป็นเวลา 15–20 วัน ท่านจึงละทิ้งความพยายามดังกล่าว
เมื่อท่านแบ่งทรัพย์ที่ปล้นจำนวนมากมาจากฮุนัยน์ให้แก่เหล่าทหาร เผ่าฮะวาซินที่เหลือหันไปเข้ารับอิสลาม และวิงวอนมุฮัมมัดให้ปล่อยตัวเด็กและผู้หญิงของพวกเขา โดยเตือนให้ท่านรำลึกว่าเคยได้รับการดูแลจากผู้หญิงบางคนเมื่อตอนยังเป็นทารก ท่านปฏิบัติตามแต่ยังคงยึดส่วนปล้นที่เหลือไว้ คนของท่านบางคนคัดค้านการแบ่งส่วนของตน ดังนั้นท่านจึงชดเชยแต่ละคนด้วยด้วยอูฐหกตัวจากการปล้นในครั้งหลัง มุฮัมมัดแบ่งทรัพย์ที่ยึดได้ในสงครามจำนวนมากให้แก่ผู้ที่หันมานับถือศาสนาใหม่จากเผ่ากุร็อยช์ กับบุตร 2 คน มุอาวิยะฮ์กับ แต่ละคนได้รับอูฐ 100 ตัวที่เข้าสู้รบอย่างกล้าหาญในยุทธการนี้ แต่แทบไม่ได้รับรางวัลใด รู้สึกไม่พอใจต่อสิ่งนี้
ประมาณเกือบ 10 เดือนหลังยึดครองมักกะฮ์ มุฮัมมัดจึงนำกองทัพไปโจมตีมณฑลชายแดนที่ร่ำรวย โดยมีการเสนอแรงจูงใจหลายประการ ซึ่งรวมถึงการแก้แค้นความพ่ายแพ้ที่มุอ์ตะฮ์และรับของที่ถูกปล้นจำนวนมาก เนื่องจากความแห้งแล้ง และความร้อนแรงในขณะนั้น มุสลิมบางส่วนจึงไม่เข้าร่วมสงคราม สิ่งนี้นำไปสู่การประทานโองการอัลกุรอาน 9:38 ที่ตำหนิคนเกียจคร้านเหล่านั้น เมื่อมุฮัมมัดและกองทัพของท่านเดินทางถึงตะบูก กลับไม่มีกองกำลังศัตรูอยู่เลย อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถบังคับให้หัวหน้าเผ่าท้องถิ่นบางคนยอมรับการปกครองของท่านและจ่ายญิซยะฮ์ กองทัพภายใต้การนำของคอลิด อิบน์ อัลวะลีดที่ท่านส่งไปโจมตี ก็ได้รับสินทรัพย์สงครามบางส่วน ซึ่งรวมถึงอูฐ 2,000 ตัวกับโค 800 ตัว
การเข้ารับอิสลามของฮะวาซินทำให้อัฏฏออิฟสูญเสียพันธมิตรหลักสุดท้าย หลังจากอดกลั้นต่อการโจรกรรมและการโจมตีด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่หยุดยั้งจากฝ่ายมุสลิมหลังการปิดล้อมนานถึงหนึ่งปี ท้ายที่สุด ชาวอัฏฏออิฟที่รู้จักกันในชื่อ เข้าถึงจุดเปลี่ยน และยอมรับว่าการเข้ารับอิสลามเป็นเส้นทางที่สมเหตุสมผลที่สุดสำหรับพวกตน
ฮัจญ์อำลา
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 631 มุฮัมมัดได้รับโองการที่ให้พวกบูชารูปปั้นได้รับความกรุณาเป็นเวลาสี่เดือน หลังจากนั้นชาวมุสลิมจะโจมตี สังหาร และปล้นพวกเขาไม่ว่าจะพบกันที่ไหนก็ตาม
ในช่วงทำฮัจญ์ใน ค.ศ. 632 มุฮัมมัดเป็นผู้นำพิธีและให้โอวาทด้วยตนเอง บรรดาประเด็นสำคัญได้แก่ ห้ามกินดอกเบี้ยกับความอาฆาตพยาบาทที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมในอดีตจากยุคก่อนอิสลาม ความเป็นภราดรภาพของมุสลิมทุกคน และการใช้เดือนจันทรคติสิบสองเดือนโดยไม่มีการทดปฏิทิน ท่านยังยืนยันอีกครั้งว่าสามีมีสิทธิ์ที่จะลงโทษทางวินัย และทุบตีภรรยาโดยไม่ต้องใช้กำลังมากเกินไป หากพวกเธอนอกใจหรือประพฤติตนไม่เหมาะสม ท่านอธิบายว่าภรรยาได้รับความไว้วางใจจากสามี และสมควรได้รับอาหารและเสื้อผ้า หากพวกเธอเชื่อฟัง นั่นเพราะพวกเธอเป็นของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้า...
เสียชีวิตและที่ฝังศพ
หลังละหมาดในที่ฝังศพในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 632 มุฮัมมัดประสบกับอาการปวดศีรษะสาหัสจนทำให้ท่านร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด. ท่านยังคงนอนหลับกับภรรยาคืนละคน แต่เป็นลมในกระท่อมของ ท่านร้องขอบรรดาภรรยาของท่านอนุญาตให้ท่านอยู่ในกระท่อมอาอิชะฮ์ ท่านเดินโดยให้อะลีกับพยุง เนื่องจากขาสั่น บรรดาภรรยากับอับบาส ลุงของท่าน ให้ยารักษาอะบิสซีเนียในตอนที่ท่านไม่รู้สึกตัว เมื่อท่านฟื้นก็ถามถึงเรื่องนั้น และพวกเขาอธิบายว่า พวกเขากลัวท่านเป็นเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ท่านตอบว่าอัลลอฮ์จะไม่ทรมานท่านด้วยโรคร้ายเช่นนี้ และสั่งให้ผู้หญิงทุกคนรับการรักษาด้วย ข้อมูลหลายแหล่ง ซึ่งรวมถึงเศาะฮีฮ์ อัลบุคอรี ระบุว่า มุฮัมมัดกล่าวว่าท่านรู้สึกว่าเส้นเลือดใหญ่ของท่านขาดเนื่องจากอาหารที่ท่านกินที่ค็อยบัร จากนั้น มุฮัมมัดเสียชีวิต ณ วันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 632 ในช่วงวาระสุดท้าย มีรายงานท่านพูดว่า:
โอ้อัลลอฮ์ โปรดให้อภัยและเมตตาข้า และให้ข้าอยู่ร่วมกับสหายที่สูงส่งด้วยเถิด
— มุฮัมมัด
อัลเฟรด ที. เวลช (Alfred T. Welch) นักประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่าการเสียชีวิตของมุฮัมมัดมีสาเหตุจากไข้มะดีนะฮ์ ซี่งมีอาการรุนแรงขึ้นจากความเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจ
ร่างของมุฮัมมัดถูกฝังในบ้านของอาอิชะฮ์ ในรัชสมัยอัลวะลีดที่ 1 ของอุมัยยะฮ์ มีการขยายมัสยิดอันนะบะวีจนครอบพื้นที่สุสานมุฮัมมัดโดมเขียวบนสุสานสร้างขึ้นโดยสุลต่านแห่งมัมลูกในคริสต์ศตวรรษที่ 13 แม้ว่าสีเขียวบนโดมได้รับการทาสีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ในรัชสมัยสุลต่านสุลัยมานผู้เกรียงไกรของออตโตมัน สุสานที่ติดกับมุฮัมมัดเป็นของผู้ติดตามของท่าน () คือ เคาะลีฟะฮ์สององค์แรก (อะบูบักร์และอุมัร) และห้องว่างที่(มุสลิมเชื่อว่าจะมีการฝังอีซาตรงนี้)
เมื่อยึดครองมะดีนะฮ์ใน ค.ศ. 1805 เพชรและทองที่ประดับอยู่หน้าสุสานถูกนำออกไป ผู้ที่นับถือนิกายวะฮาบีย์ทำลายโดมสุสานในมะดีนะฮ์เกือบทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงการเลื่อมใสในสุสาน และมีรายงานว่าสุสานของมุฮัมมัดรอดได้อย่างหวุดหวิด และเหตุการณ์ที่คล้ายกันเกิดขึ้นใน ค.ศ. 1925 เมื่อยึดเมืองอีกครั้ง ในการตีความอิสลามแบบวะฮาบีย์ การฝังศพควรจัดในหลุมศพที่ไม่มีเครื่องหมาย กระนั้น ผู้แสวงบุญหลายคนยังคงทำการ—เยี่ยมชมเชิงพิธี—ที่สุสานอยู่ดี แม้ว่าทางฝั่งซาอุดีจะไม่ยอมรับสิ่งนี้
หลังมุฮัมมัดเสียชีวิต
หลังมุฮัมมัดเสียชีวิต มีความขัดแย้งในเรื่องที่ใครจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของท่านอุมัร เศาะฮาบะฮ์ที่มีชื่อเสียง เลือกอะบูบักร์ เพื่อนและผู้มีส่วนร่วมกับมุฮัมมัด อะบูบักร์ได้รับการยืนยันเป็นเคาะลีฟะฮ์องค์แรกพร้อมเสียงสนับสนุน การเลือกครั้งนี้ถูกโต้แย้งจากเศาะฮาบะฮ์บางส่วนที่ยกให้อะลี ลูกเขยและลูกพี่ลูกน้องของท่าน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดของมุฮัมมัดที่ อะบูบักร์สั่งให้โจมตีกองทัพไบแซนไทน์ (หรือจักรวรรดิโรมันตะวันออก) ทันทีเนื่องจากความพ่ายแพ้ช่วงก่อนหน้า แม้ว่าในตอนแรกท่านจะกำจัดกบฏชนเผ่าอาหรับในเหตุการณ์ที่นักประวัติศาสตร์มุสลิมยุคหลังระบุเป็น หรือ "สงครามต่อผู้ละทิ้งศาสนา"
ตะวันออกกลางยุคก่อนอิสลามมีจักรวรรดิไบแซนไทน์และซาเซเนียนที่เป็นใหญ่ สร้างความเสียหายให้กับภูมิภาคนี้ ทำให้จักรวรรดิทั้งสองไม่เป็นที่นิยมในชนเผ่าท้องถิ่น ที่มากไปกว่านั้น ในดินแดนที่จะถูกฝ่ายมุสลิมพิชิต ชาวคริสต์หลายคน (, , และ) ไม่พอใจต่อคริสต์จักรอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ที่มองพวกตนเป็นพวกนอกรีต กองทัพมุสลิมเข้าพิชิตเมโสโปเตเมีย อียิปต์ของไบแซนไทน์ พื้นที่ส่วนใหญ่ของภายในทศวรรษ และสถาปนารัฐเคาะลีฟะฮ์รอชิดูน
ครัวเรือน
ชีวิตของท่านแบ่งออกเป็นสองช่วง คือ: (ตั้งแต่ ค.ศ. 570 ถึง 622) และ (ตั้งแต่ ค.ศ. 622 ถึง 632) กล่าวกันว่าท่านมีภรรยาถึง 13 คน (ถึงแม้ว่าอีกสองคน คือ กับ มีรายงานที่กำกวมว่าเป็นภรรยาหรือผู้ที่อยู่กินด้วยกันโดยไม่ได้สมรส)
ตอนอายุ 25 ปี มุฮัมมัดแต่งงานกับเคาะดีญะฮ์ บินต์ คุวัยลิดที่มีอายุ 40 ปี โดยอยู่กินด้วยกันเป็นเวลา 25 ปี และถือเป็นการแต่งงานที่มีความสุข หลังการแต่งงานในครั้งนั้น ท่านไม่ได้แต่งงานกับใครอีกเลย หลังจากเคาะดีญะฮ์เสียชีวิต เคาละฮ์ บินต์ ฮากิมได้แนะนำให้ท่านแต่งงานกับ หญิงมุสลิมหม้าย หรืออาอิชะฮ์ ลูกสาวของกับอะบูบักร์ กล่าวกันว่าท่านขอการจัดเตรียมการแต่งงานกับทั้งคู่ ข้อมูลสมัยคลาสสิกระบุว่า มุฮัมมัดแต่งงานกับอาอิชะฮ์ตอนที่เธออายุ 6–7 ขวบ โดยมีการจัดพิธีแต่งงานโดยสมบูรณ์ในภายหลังตอนที่เธอมีอายุ 9 ขวบ และท่านมีอายุ 53 ปี
มุฮัมมัดทำงานบ้านต่าง ๆ เช่น เตรียมอาหาร เย็บเสื้อ และซ่อมรองเท้า ท่านได้ให้ภรรยาคุ้นเคยต่อการพูด ท่านฟังคำแนะนำของพวกเธอ และภรรยาของท่านได้ถกเถียงและแม้แต่โต้แย้งกับท่าน
เคาะดีญะฮ์มีลูกสาว 4 คนกับมุฮัมมัด (, , , ฟาฏิมะฮ์) และลูกชาย 2 คน ( กับ ทั้งคู่เสียชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก) ลูกทุกคนเสียชีวิตก่อนหน้าท่าน ยกเว้นฟาฏิมะฮ์ ลูกสาวคนเดียว นักวิชาการชีอะฮ์บางคนโต้แย้งว่าฟาฏิมะฮ์เป็นลูกสาวคนเดียวของมุฮัมมัด ให้กำเนิดลูกชายคนเดียวชื่อ ซึ่งเสียชีวิตตอนอายุ 2 ขวบ
ภรรยา 9 คนของท่านยังมีชีวิตต่อหลังจากที่ท่านเสียชีวิต อาอิชะฮ์ ผู้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะภรรยาคนโปรดของมุฮัมมักในธรรมเนียมซุนนี มีชีวิตอยู่หลังจากท่านหลายทศวรรษ และช่วยรายงานฮะดีษของศาสดามุฮัมมัดในนิกายซุนนี
เป็นทาสที่เคาะดีญะฮ์ให้มุฮัมมัด เขาถูกซื้อตัวจาก หลานชายของเธอ ที่ตลาด จากนั้น ซัยด์กลายเป็นบุตรบุญธรรมของทั้งคู่ แต่ภายหลังปฎิเสธสถานะนี้เมื่อมุฮัมมัดจะแต่งงานกับ อดีตภรรยาของซัยด์ ผลสรุปของบีบีซีรายงานไว้ว่า "ศาสดามุฮัมมัดไม่ได้ต้องการเลิกทาส และซื้อ ขาย จับ และครองทาสด้วยตนเอง แต่ท่านได้ยืนหยัดว่านายทาสควรดูแลทาสให้ดีและเน้นถึงผลบุญของการปล่อยทาส มุฮัมมัดได้ดูแลทาสเหมือนกับมนุษย์ทั่ว ๆ ไป..."
สิ่งสืบทอด
ธรรมเนียมของมุสลิม
หลังจากประกาศความเป็นเอกะของพระเจ้า ความเชื่อเรื่องการเป็นศาสนทูตของมุฮัมมัดเป็นมุมมองหลักใน มุสลิมทุกคนกล่าวชะฮาดะฮ์ว่า: "ข้าขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และข้าขอปฏิญาณว่ามุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์" ชะฮาดะฮ์นี้เป็นหลักความเชื่อพื้นฐานของศาสนาอิสลาม ชะฮาดะฮ์เป็นคำแรกที่ทารกแรกเกิดจะได้ยิน เด็ก ๆ จะได้รับการสอนทันทีและจะท่องจำจนกระทั่งเสียชีวิต มุสลิมจะกล่าวชะฮาดะฮ์ซ้ำในอะซานและเวลาละหมาด คนที่ไม่ใช่มุสลิมที่หวังจะต้องกล่าวคำปฏิญาณนี้ก่อน
ในศาสนาอิสลามเชื่อว่ามุฮัมมัดเป็นศาสดาคนสุดท้ายที่พระเจ้าส่งลงมาอัลกุรอานยืนยันว่าปาฏิหารย์เดียวที่พระเจ้าประทานให้มุฮัมมัดคือตัวอัลกุรอานเอง และให้เหตุผลหลายประการว่าทำไมท่านแสดงปาฏิหารย์อื่น ๆ ในตอนที่ศัตรูของท่านร้องขอไม่ได้ อย่างไรก็ตาม งานเขียนยุคหลังอย่างฮะดีษและอ้างถึงปาฏิหาริย์หรือเหตุการณ์เหนือธรรมชาติหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับมุฮัมมัด หลังจากที่ท่านเสียชีวิต หนึ่งในนั้นคือที่อิบน์ อับบาส ลูกพี่ลูกน้องของมุฮัมมัดรายงานไว้ ที่จริงคือจันทรุปราคา แต่เหตุการณ์นี้กลับกลายเป็นการแยกตัวของดวงจันทร์แบบตามตัวอักษรในการตีความภายหลัง
คือการกระทำ และคำพูดของมุฮัมมัด (บันทึกไว้ในฮะดีษ) ซึ่งครอบคลุมไปถึงกิจกรรมและความเชื่อตั้งแต่พิธีกรรมทางศาสนา สุขอนามัยส่วนบุคคล และการฝังศพผู้เสียชีวิต จนถึงคำถามเกี่ยวกับความรักระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสืบทอดของวัฒนธรรมมุสลิม ในการทักทายที่ศาสดามุฮัมมัดได้กล่าวให้มุสลิมกล่าวเมื่อเจอกันว่า "ขอความสันติสุข จงมีแด่ท่าน" (อาหรับ: อัสสลามุอะลัยกุม) ซึ่งชาวมุสลิมทั่วโลกใช้งานกัน พิธีกรรมสำคัญของอิสลามส่วนใหญ่อย่างการละหมาด 5 เวลาทุกวัน ถือศีลอด และทำพิธีฮัจญ์ พบเฉพาะในฮะดีษ และไม่มีในอัลกุรอาน
มุสลิมมีการกล่าวถึงความรักและความเลื่อมใสต่อมุฮัมมัด ชีวประวัติของมุฮัมมัด การอธิษฐานและปาฏิหาริย์ของท่านมักถูกกล่าวเป็น ในกุรอานกล่าวถึงมุฮัมมัดว่าเป็น "ผู้มีเมตตา (เราะฮ์มัต) แก่มนุษยชาติ"วันเกิดของมุฮัมมัดได้รับการฉลองกันทั่วโลกอิสลาม ยกเว้นพวกวะฮาบีย์ที่ถือว่าเป็นบิดอะฮ์ เมื่อมุสลิมคนใดกล่าวหรือเขียนชื่อของมุฮัมมัด ส่วนใหญ่มักตามดามด้วยคำว่า ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม (ขอความโปรดปรานแห่งอัลลอฮฺ และความสันติจงมีแด่ท่าน) ในการเขียนปกติ บางครั้งถูกย่อเป็น ศ็อลฯ (ภาษาอาหรับ) ส่วนในเอกสารใช้อักษรวิจิตรขนาดเล็ก (ﷺ)
รูปลักษณ์และการพรรณา
แหล่งข้อมูลต่าง ๆ นำเสนอรายละเอียดของมุฮัมมัดในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิตที่น่าจะเป็นไปได้ ท่านสูงกว่าความสูงโดยเฉลี่ยเล็กน้อย มีรูปร่างแข็งแรงและหน้าอกกว้าง คอยาว มีศีรษะใหญ่และมีหน้าผากกว้าง ดวงตาได้รับการอธิบายว่ามืดมนและเข้มข้น เน้นด้วยขนตายาวสีเข้ม ผมมีสีดำและไม่หยิกจนเกินไป ยาวห้อยคล้องหู หนวดเคราที่ยาวและหนาของท่านโดดเด่นตัดกับหนวดที่ขลิบอย่างเรียบร้อย จมูกยาวงุ้มและมีปลายแหลม ฟันเว้นระยะห่างกันดี ใบหน้าได้รับการอธิบายว่าดูเปรื่องปราด และผิวใสของท่านมีขนตั้งแต่คอจนถึงสะดือ แม้จะโน้มตัวเล็กน้อย แต่ก้าวย่างของท่านก็รวดเร็วและมีจุดมุ่งหมาย ริมฝีปากและแก้มของท่านถูกหนังสติ๊กยิงจนฉีกขาดในช่วงยุทธการที่อุฮุด ภายหลังมีการแผลนั้น ทิ้งแผลเป็นบนใบหน้า
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก ศิลปะทางศาสนาอิสลามส่วนใหญ่เน้นไปที่คำศัพท์ ชาวมุสลิมโดยทั่วไปจึงเลี่ยง และมัสยิดได้รับการตกแต่งด้วยอักษรวิจิตร โองการอัลกุรอาน หรือรูปทรงเรขาคณิต ปัจจุบัน ข้อห้ามการวาดภาพมุฮัมมัดที่มีจุดประสงค์หลีกเลี่ยงการสักการะมุฮัมมัดแทนอัลลอฮ์ พบเห็นในมุสลิมนิกายซุนนี (85%–90% ของมุสลิมทั้งหมด) และ (1%) เคร่งครัดในเรื่องเหล่านี้มากกว่าในบรรดาชีอะฮ์ (10%–15%) ในขณะที่ทั้งซุนนีและชีอะฮ์เคยวาดภาพมุฮัมมัดในอดีต ภาพวาดมุฮัมมัดนั้นหายาก ส่วนใหญ่จำกัดอยู่เพียงภาพขนาดเล็กในสื่อส่วนตัวและสื่อชั้นนำเท่านั้น และนับจากนั้นมีภาพประมาณ 1500 ภาพที่ส่วนใหญ่แสดงมุฮัมมัดคลุมหน้า หรือแสดงรูปเปลวเพลิงเป็นสัญลักษณ์
ปัจจุบัน มีการทำสำเนาประวัติศาสตร์และรูปภาพสมัยใหม่หลายล้านภาพในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะในประเทศตุรกีและอิหร่าน ทั้งบนโปสเตอร์ ไปรษณียบัตร และแม้แต่ในหนังสือโต๊ะกาแฟ แต่ไม่เป็นที่รู้จักในส่วนอื่น ๆ ของโลกอิสลาม และเมื่อมุสลิมจากประเทศอื่น ๆ พบสิ่งนี้ ก็อาจทำให้เกิดความตกตะลึงและขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก
การปฏิรูปสังคมอิสลาม
รายงานว่า ศาสนาสำหรับมุฮัมมัดไม่ได้ไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัวและส่วนบุคคล แต่เป็น "การตอบสนองโดยรวมถึงบุคลิกภาพของท่านต่อสถานการณ์ทั้งหมดที่ท่านพบด้วยตัวเอง ท่านตอบสนอง [ไม่เพียงแต่]... ในด้านศาสนาและความรู้ของสถานการณ์ แต่ยังรวมถึงแรงกดดันทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่ตัวเมืองมักกะฮ์ร่วมสมัยต้องเผชิญ"กล่าวว่ามีธรรมเนียมทางการเมืองที่สำคัญสองประการในศาสนาอิสลาม—มุฮัมมัดในฐานะรัฐบุรุษในมะดีนะฮ์ และมุฮัมมัดในฐานะกบฏในมักกะฮ์ ในมุมมองของเขา อิสลามคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อมีการแนะนำในสังคมใหม่ คล้ายกับการปฏิวัติ
นักประวัติศาสตร์โดยทั่วไปยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงสังคมของอิสลามในขอบเขตอย่าง โครงสร้างครอบครัว ความเป็นทาส และสิทธิสตรีกับเด็กดีกว่าสถานะเดิมของสังคมอาหรับ เช่น ลูอิสรายงานว่า อิสลาม "ขั้นแรกประณามสิทธิพิเศษ ปฏิเสธลำดับชั้น และได้นำสูตรอาชีพที่เปิดรับผู้มีความสามารถเข้ามาใช้" ถ้่อยคำของมุฮัมมัดเปลี่ยนแปลงสังคมและของชีวิตในคาบสมุทรอาหรับ สังคมมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงการรับรู้อัตลักษณ์ และลำดับขั้นของคุณค่า[] การปฏิรูปเศรษฐกิจกล่าวถึงชะตากรรมของคนยากจนที่เคยเป็นปัญหาในมักกะฮ์ยุคก่อนอิสลาม อัลกุรอานกำหนดให้ต้องชำระภาษีบริจาคทาน (ซะกาต) เพื่อประโยชน์ของคนยากจน เมื่ออำนาจของมุฮัมมัดเพิ่มมากขึ้น ท่านจึงเรียกร้องให้ชนเผ่าที่ประสงค์จะเป็นพันธมิตรกับท่านปฏิบัติซะกาตเป็นการเฉพาะ
การยกย่องของชาวยุโรป
(Guillaume Postel) เป็นหนึ่งในบุคคลแรกที่แสดงมุมมองของมุฮัมมัดในแง่บวก เมื่อเขาโต้แย้งว่าชาวคริสต์ควรยกย่องมุฮัมมัดเป็นศาสดาที่ถูกต้องก็อทฟรีท ไลบ์นิทซ์ชื่นชมมุฮัมมัดเนื่องจาก "ท่านไม่ได้หันเหจาก" (Henri de Boulainvilliers) กล่าวในหนังสือ Vie de Mahomed ของตนเองที่ตีพิมพ์หลังเสียชีวิตใน ค.ศ. 1730 ระบุถึงมุฮัมมัดเป็นผู้นำทางการเมืองที่มีพรสวรรค์ และผู้ร่างกฎหมายที่ยุติธรรม เขาเสนอท่านเป็นศาสดาที่พระเจ้าส่งมาเพื่อทำให้ชาวคริสเตียนตะวันออกที่ทะเลาะวิวาทเกิดความสับสน และปลดปล่อยชาวตะวันออกจากการปกครองแบบเผด็จการของโรมันและเปอร์เซีย และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับความเป็นเอกภาพของพระเจ้าจากอินเดียถึงสเปน วอลแตร์มีความเห็นต่อมุฮัมมัดผสมกัน: ในบทละคร Le fanatisme, ou Mahomet le Prophète เขาทำให้มุฮัมมัดเป็นตัวร้ายเป็นที่สัญลักษณ์ของความคลั่งไคล้ และในเรียงความ ค.ศ. 1748 เขาเรียกท่านว่า "คนหลอกลวงผู้ประเสริฐและร่าเริง" แต่ในการสำรวจทางประวัติศาสตร์ Essai sur les mœurs ของวอลแตร์ เขาเสนอมุฮัมมัดเป็นผู้บัญญัติกฎหมายและผู้พิชิต และเรียกท่านว่า "ผู้กระตือรือร้น"ฌ็อง-ฌัก รูโซกล่าวไว้ในหนังสือ (1762) ว่า "ปัดตำนานอันโหดร้ายของมุฮัมมัดในฐานะผู้หลอกลวงและคนโกงทิ้งไปเสีย จงนำเสนอท่านในฐานะปราชญ์ผู้บัญญัติกฎหมายที่รวมอำนาจทางศาสนาและการเมืองอย่างชาญฉลาด" (Claude-Emmanuel de Pastoret) กล่าวไว้ในหนังสือ โซโรอัสเตอร์ ขงจื๊อ และมุฮัมมัด ใน ค.ศ. 1787 ซึ่งเขาเสนอชีวิต "ชายผู้ยิ่งใหญ่" ทั้งสามคนเป็น "ผู้บัญญัติกฎหมายที่ดีที่สุดของจักรวาล" และเปรียบเทียบอาชีพทั้งสามเป็นผู้ปฏิรูปศาสนากับผู้ร่างกฎหมายนโปเลียน โบนาปาร์ตชื่นชมมุฮัมมัดและอิสลาม และกล่าวถึงท่านเป็นต้นแบบผู้ร่างกฎหมายและผู้พิชิตทอมัส คาร์ไลล์กล่าวถึง "มาโฮเหม็ด" ไว้ในหนังสือ (1840) ว่าเป็น "ดวงวิญญาณอันยิ่งใหญ่ที่เงียบสงบ; ท่านเป็นหนึ่งในบุคคลที่ไม่สามารถพูด แต่ อย่างจริงจังได้" นักวิชาการมุสลิมหลายคนอ้างอิงการตีความของคาร์ไลล์อย่างกว้างขวางว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงนักวิชาการฝั่งตะวันตกยืนยันสถานะของมุฮัมมัดในฐานะบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์
คำวิจารณ์
คำวิจารณ์ต่อมุฮัมมัดปรากฏขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 เมื่อมุฮัมมัดถูกประณามจากร่วมสมัยว่าสอนหลักเอกเทวนิยม และจากการรับรู้ถึงการถือครองรายงานและ และการประกาศตนเองเป็น "คอตะมุนนะบียีน" ในสมัยกลาง และไบแซนไทน์ตราหน้าท่านเป็น ศัตรูของพระคริสต์ หรือวาดเป็นดังที่ปรากฏในเป็นบ่อยครั้ง ข้อวิจารณ์ร่วมสมัยมักเกี่ยวข้องกับการตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของมุฮัมหมัดในฐานะศาสนทูต ความประพฤติทางศีลธรรม การดูแลศัตรู แนวทางเรื่องหลักคำสอน และสุขภาพจิต
ทัศนะของศาสนาอื่น
ศาสนาบาไฮ
พระบะฮาอุลลอฮ์ ศาสดาของศาสนาบาไฮ กล่าวถึงนบีมุฮัมมัดว่าเป็นผู้เผยพระวจนะที่พระเป็นเจ้าทรงส่งมาเพื่อทำหน้าที่นำพาและให้ความรู้แก่มนุษย์ในยุคสมัยหนึ่ง เช่นเดียวกับผู้เผยพระวจนะท่านอื่น ๆ คือ พระกฤษณะ โมเสส ซาราธุสตรา พระพุทธเจ้า พระเยซู พระบาบ โดยบาฮาอุลลอฮ์อ้างว่าตนเองคือผู้เผยพระวจนะที่พระเจ้าส่งมาในยุคปัจจุบัน เป็นนบีอีซาผู้กลับมาบนโลกอีกครั้งตามที่นบีมุฮัมมัดทำนายไว้ในคัมภีร์หะดีษ นอกจากนี้ยังอ้างว่าตนเองคือฮุซัยน์ อิบน์ อะลี ผู้กลับมาตามที่ชาวชีอะฮ์รอคอย
ลัทธิอนุตตรธรรม
ลัทธิอนุตตรธรรมถือว่าอนุตตรธรรมเป็นรากเหง้าของทุกศาสนารวมทั้งศาสนาอิสลาม โดยนบีมุฮัมมัดเป็นศาสดาองค์หนึ่งที่พระแม่องค์ธรรมทรงส่งมาเพื่อโปรดเวไนยในช่วงธรรมกาลยุคแดง เช่นเดียวกับพระโคตมพุทธเจ้าและพระเยซู และยุคแดงได้สิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) ปัจจุบันจึงเป็นธรรมกาลยุคขาวซึ่งมีลู่ จงอี เป็นผู้ปกครอง
พระโอวาทพระอนุตตรธรรมมารดาสิบบัญญัติ (จีน: 皇母訓子十誡) ซึ่งเป็นคัมภีร์เล่มหนึ่งของลัทธิอนุตตรธรรม อ้างว่านบีมุฮัมมัดได้มาประทับทรงในกระบะทราย แล้วประกาศว่าการไปละหมาดที่มัสยิดนั้นเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า เพราะไม่ได้ช่วยให้เข้าถึงสัจธรรม การปฏิบัติตามอัลกุรอานก็ไม่อาจช่วยให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ แต่ต้องเข้ารับธรรมะจากวิสุทธิอาจารย์ (จีน: 明師) เท่านั้นจึงจะพบหนทางกลับสวรรค์
ดูเพิ่ม
- (เศาะฮาบะฮ์)
- อภิธานศัพท์ศาสนาอิสลาม
- ภรรยาของมุฮัมมัด
หมายเหตุ
- มีการเรียกชื่อท่านหลายแบบ เช่น มุฮัมมัด อิบน์ อับดุลลอฮ์, ศาสนทูตของอัลลอฮ์, ศาสดามุฮัมมัด, ศาสดาคนสุดท้ายของศาสนาอิสลาม ฯลฯ; และยังมีรูปสะกดหลาบแบบ เช่น โมฮาเหม็ด, มะฮะหมัด, มูฮาหมัด, มุหัมมัด หรือ พระมะหะหมัด, ฯลฯ
- Goldman 1995, p. 63, gives 8 June 632 CE, the dominant Islamic tradition. Many earlier (primarily non-Islamic) traditions refer to him as still alive at the time of the .
- According to Welch, Moussalli & Newby 2009, writing for the Oxford Encyclopedia of the Islamic World: "The Prophet of Islam was a religious, political, and social reformer who gave rise to one of the great civilizations of the world. From a modern, historical perspective, Muḥammad was the founder of Islam. From the perspective of the Islamic faith, he was God's Messenger (rasūl Allāh), called to be a "warner," first to the Arabs and then to all humankind."
- ดูกุรอาน 3:95
- See also อัลกุรอาน 43:31 cited in EoI; Muhammad.
- ดู:
- Emory C. Bogle (1998), p. 7.
- Rodinson (2002), p. 71.
- ดู:
- Holt, Lambton & Lewis 1977, p. 57.
- Hourani & Ruthven 2003, p. 22.
- Lapidus 2002, p. 32.
- Esposito 1998, p. 36.
- See for example Marco Schöller, Banu Qurayza, mentioning the differing accounts of the status of
- ดู:
- Nagel 2020, p. 301
- Kloppenborg & Hanegraaff 2018, p. 89
- Rodinson 2021, pp. 150–1
- Forward 1997, pp. 88–9
- Peterson 2007, pp. 96–7
- Brown 2011, pp. 76–7
- Phipps 2016, p. 142
- Morgan 2009, p. 134
- El-Azhari 2019, pp. 24–5
- Anthony 2020, p. 115
- ดู:
- Watt 1974, p. 234.
- Robinson 2004, p. 21.
- Esposito 1998, p. 98.
- R. Walzer, Ak̲h̲lāḳ, .
อ้างอิง
- Conrad 1987.
- ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, ราชบัณฑิตยสถาน, 2548, หน้า 267
- Welch, Moussalli & Newby 2009.
- Esposito 2002, pp. 4–5.
- Esposito 1998, p. 9,12.
- "Early Years". Al-Islam.org (ภาษาอังกฤษ). 18 October 2012. สืบค้นเมื่อ 18 October 2018.
- Watt 1974, p. 7.
- Howarth, Stephen. Knights Templar. 1985. ISBN p. 199.
- (2003), The History of The Qur'anic Text: From Revelation to Compilation: A Comparative Study with the Old and New Testaments, pp. 26–27. UK Islamic Academy. ISBN .
- Ahmad 2009.
- Peters 2003, p. 9.
- Buhl & Welch 1993.
- Holt, Lambton & Lewis 1977, p. 57.
- Lapidus 2002, pp. 31–32.
- (2007). "Qurʾān". Encyclopædia Britannica Online. จากแหล่งเดิมเมื่อ 5 May 2015. สืบค้นเมื่อ 24 September 2013.
- Living Religions: An Encyclopaedia of the World's Faiths, Mary Pat Fisher, 1997, p. 338, I.B. Tauris Publishers.
- อัลกุรอาน 17:106
- (4 January 2024). "Muhammad". Encyclopædia Britannica Online. สืบค้นเมื่อ 4 February 2023.
- Bennett 1998, p. 18–19.
- Peters 1994, p. 261.
- Bora, Fozia (2015-07-22). "Discovery of 'oldest' Qur'an fragments could resolve enigmatic history of holy text". The Conversation (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2024-02-04.
- (24 July 2015). "New Light on the History of the Quranic Text?". Huffington Post. สืบค้นเมื่อ 24 March 2021.
- Watt 1953, p. xi.
- (2003). : A Thousand Years of Western Myth-Making. . pp. 6–7. ISBN .
- Nigosian 2004, p. 6.
- (1998). : The Beginnings of Islamic Historical Writing. Darwin Press. p. 132. ISBN .
- Holland, Tom (2012). In the Shadow of the Sword. Doubleday. p. 42. ISBN .
Things which it is disgraceful to discuss; matters which would distress certain people; and such reports as I have been told are not to be accepted as trustworthy – all these things have I omitted. [Ibn Hashim, p. 691.]
- Watt 1953, p. xv.
- Watt 1953, pp. 1–2.
- Watt 1953, pp. 16–18.
- Loyal Rue, Religion Is Not about God: How Spiritual Traditions Nurture Our Biological, 2005, p. 224.
- Ueberweg, Friedrich. History of Philosophy, Vol. 1: From Thales to the Present Time. Charles Scribner's Sons. p. 409. ISBN .
- (1982). The Concept of Monotheism in Islam and Christianity. . p. 29. ISBN .
- cf. , Hanif, Encyclopedia of the Qur'an.
- Louis Jacobs (1995), p. 272
- Turner, Colin (2005). Islam: The Basics (Volume 1). . p. 16. ISBN .
- Robin 2012, pp. 297–299.
- Robin 2012, p. 302.
- Robin 2012, pp. 286–287.
- Muhammad 9 กุมภาพันธ์ 2017 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Encyclopedia Britannica. Retrieved 15 February 2017.
- (2002). Muhammad: Prophet of Islam. Tauris Parke Paperbacks. p. 38. ISBN . สืบค้นเมื่อ 12 May 2019.
- Esposito 2003.
- Jean-Louis Déclais, Names of the Prophet, .
- Esposito 1998, p. 6.
- Buhl & Welch 1993, p. 361.
- Rodinson 2021, p. 51.
- Marr J.S., Hubbard E., Cathey J.T. (2014): The Year of the Elephant. doi:10.6084/m9.figshare.1186833 Retrieved 21 October 2014 (GMT).
- Reynolds 2023, p. 16.
- Johnson 2015, p. 286.
- Peters 2010, p. 61.
- Muesse 2018, p. 213.
- (Gibb et al. 1986, p. 102)
- (2004). Medieval Islamic civilization. Vol. 1. Routledge. p. 525. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 14 November 2012. สืบค้นเมื่อ 3 January 2013.
- Watt 1971.
- Watt 1960.
- Abel 1960.
- Watt 1974, p. 8.
- Berkshire Encyclopedia of World History (2005), v. 3, p. 1025.
- (August 1999). (PDF). Proceedings of the 11th International Congress of Turkish Art (7): 3. ISSN 0928-6802. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 3 December 2004.
- Glubb 2001, p. 79-81.
- Wensinck & Jomier 1990, p. 319.
- Bogle 1998, p. 6.
- John Henry Haaren, Addison B. Poland (1904), p. 83.
- Peterson 2007, p. 51.
- Klein 1906, p. 7.
- Wensinck & Rippen 2002.
- Rosenwein 2018, p. 148.
- Brown 2003, p. 73.
- Buhl & Welch 1993, p. 363.
- Peterson 2007, p. 53–4.
- Murray 2011, p. 552.
- Rāshid 2015, p. 11.
- Watt, The Cambridge History of Islam (1977), p. 31.
- Brockopp 2010, p. 40–2.
- Watt 1953, p. 86.
- Ramadan 2007, pp. 37–39.
- Buhl & Welch 1993, p. 364.
- Lewis 2002, p. 35–36.
- Muranyi 1998, p. 102.
- Gordon 2005, p. 120-121.
- Phipps 2016, p. 40.
- Brockopp 2010, p. 45–6.
- Glubb 2001, p. 113–4.
- Deming 2014, p. 68.
- Ibn Kathir & Gassick 2000, p. 342–3.
- Watt, The Cambridge History of Islam (1977), p. 36.
- Williams 2013, Prelude to the call.
- Lewis 2009, p. 73.
- Watt 1953, p. 119.
- Howard-Johnston 2010, p. 406.
- Rodgers 2012, p. 39.
- Glubb 2001, p. 126.
- Buhl & Welch 1993, p. 364–5.
- Peters 1994, p. 173.
- Cheikh 2015, p. 32.
- Peters 1994, p. 173–4.
- Buhl & Welch 1993, p. 365.
- Glubb 2001, p. 125–6, 129.
- Glubb 2001, p. 129.
- Lapidus 2012, p. 184.
- Rodinson 2021, p. 134.
- Brown 2011, p. 22.
- Rodinson 2021, p. 135.
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อHolt
- Towghi 1991, p. 572.
- Adil 2002, p. 145.
- Adil 2002, p. 145–6.
- Adil 2002, p. 146.
- Adil 2002, p. 148.
- Jonathan M. Bloom; Sheila Blair (2009). The Grove encyclopedia of Islamic art and architecture. Oxford University Press. p. 76. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 15 June 2013. สืบค้นเมื่อ 26 December 2011.
- Buhl & Welch 1993, p. 366.
- Sells, Michael. Ascension, , vol.1, p.176.
- Watt, The Cambridge History of Islam, p. 39
- Esposito (1998), p. 17
- Moojan Momen (1985), p. 5
- Rodgers 2012, p. 56–7.
- Humphreys 1991, p. 92.
- Arjomand 2022, p. 111.
- Rubin 2022, p. 8.
- Watt 1956, p. 227.
- (1979), p. 21
- (1993), p. 21
- William Montgomery Watt (7 February 1974). Muhammad: Prophet and Statesman. Oxford University Press. pp. 112–14. ISBN . สืบค้นเมื่อ 29 December 2011.
{{}}
: CS1 maint: url-status () - Rodinson (2002), p. 164
- Watt, The Cambridge History of Islam, p. 45
- Glubb (2002), pp. 179–86
- Lewis (2002), p. 41.
- Watt (1961), p. 123
- Rodinson (2002), pp. 168–69
- Lewis (2002), p. 44
- Zeitlin, Irving M. (2007). The Historical Muhammad. John Wiley and Sons. p. 148. ISBN .
- Faizer, Rizwi (2010). The Life of Muhammad: Al-Waqidi's Kitab al-Maghazi. Routledge. p. 79. ISBN .
- Watt (1961), p. 132.
- Watt (1961), p. 134
- Lewis (1960), p. 45
- C.F. Robinson, Uhud,
- Watt (1964), p. 137
- Watt (1974), p. 137
- David Cook (2007), p. 24
- See:
- Watt (1981), p. 432
- Watt (1964), p. 144
- Watt (1956), p. 30.
- Watt (1956), p. 34
- Watt (1956), p. 18
- Rubin, Uri (1990). "The Assassination of Kaʿb b. al-Ashraf". Oriens. 32 (1): 65–71. doi:10.2307/1580625. JSTOR 1580625.
- Watt (1956), pp. 220–21
- Watt (1956), p. 35
- Buhl & Welch 1993, p. 370.
- Rodgers 2012, p. 142.
- Gabriel 2014, p. 132.
- Rodgers 2012, p. 143.
- Rodinson 2021, p. 209.
- Gabriel 2014, p. 136.
- Rodgers 2012, p. 145.
- Rodgers 2012, p. 148.
- Gabriel 2007, p. 138.
- Peters 2003b, p. 88.
- Glubb 2001, p. 265–6.
- Glubb 2001, p. 267.
- Rodinson 2021, p. 251–2.
- Khan (1998), p. 274
- Lings (1987), p. 291
- Khan (1998), pp. 274–75
- Lings (1987), p. 292
- Watt (1956), p. 66.
- The Message by Ayatullah Ja'far Subhani, chapter 48 2 พฤษภาคม 2012 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน referencing Sirah by , vol. II, page 409.
- Rodinson (2002), p. 261.
- Harold Wayne Ballard, Donald N. Penny, W. Glenn Jonas (2002), p. 163
- F.E. Peters (2003), p. 240
- (1955). The Life of Muhammad. A translation of Ishaq's "Sirat Rasul Allah". Oxford University Press. p. 552. ISBN . สืบค้นเมื่อ 8 December 2011.
Quraysh had put pictures in the Ka'ba including two of Jesus son of Mary and Mary (on both of whom be peace!). ... The apostle ordered that the pictures should be erased except those of Jesus and Mary.
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อRubin
- อัลกุรอาน 110:1
- Glubb 2001, p. 320–1.
- Glubb 2001, p. 321.
- Gabriel 2007, p. 181.
- Gabriel 2007, p. 182.
- Gabriel 2007, p. 186.
- Glubb 2001, p. 325.
- Rodgers 2012, p. 225.
- Rodinson 2021, p. 263–4.
- Glubb 2001, p. 326.
- Rodinson 2021, p. 264.
- Glubb 2001, p. 327.
- Glubb 2001, p. 328.
- Gabriel 2014, p. 189.
- Rodinson 2021, p. 274.
- Gabriel 2014, p. 191.
- Gabriel 2014, p. 192–4.
- Rodinson 2021, p. 274–5.
- Gabriel 2014, p. 192–3.
- M.A. al-Bakhit, Tabuk, .
- Rodgers 2012, p. 230.
- Gabriel 2007, p. 188.
- Rodgers 2012, p. 226.
- Rodinson 2021, p. 269.
- Gabriel 2007, p. 189.
- Glubb 2001, p. 344–5, 359.
- Gabriel 2014, p. 200.
- Glubb 2001, p. 358.
- Rodinson 2021, p. 285–6.
- Phipps 2016, p. 140.
- Gabriel 2014, p. 203.
- Rodinson 2021, p. 286.
- Rodinson 2021, p. 286–7.
- Glubb 2001, p. 360.
- Rodinson 2021, p. 287.
- Glubb 2001, p. 361.
- Katz 2022, p. 147.
- Glubb 2001, p. 283.
- Cole 1996, p. 268.
- Borup, Fibiger & Kühle 2019, p. 132.
- Ibn Kathīr 1998, p. 344.
- Buhl & Welch 1993, p. 374.
- Leila Ahmed (1986), 665–91 (686)
- Peters 2003, p. 90.
- Ariffin, Syed Ahmad Iskandar Syed (2005). Architectural Conservation in Islam: Case Study of the Prophet's Mosque. Penerbit UTM. p. 88. ISBN .
- . Archnet.org. 2 May 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 March 2012. สืบค้นเมื่อ 26 January 2012.
- "Isa", Encyclopaedia of Islam.
- Al-Haqqani, Shaykh Adil; (2002). The Path to Spiritual Excellence. ISCA. pp. 65–66. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 24 September 2015.
- (2008). Prophets and princes: Saudi Arabia from Muhammad to the present. John Wiley and Sons. pp. 102–03. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 1 January 2016.
- Behrens-Abouseif, Doris; Vernoit, Stephen (2006). Islamic art in the 19th century: tradition, innovation, and eclecticism. Brill. p. 22. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 30 September 2015.
- Weston, Mark (2008). Prophets and princes: Saudi Arabia from Muhammad to the present. John Wiley and Sons. p. 136. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 1 January 2016.
- Cornell, Vincent J. (2007). Voices of Islam: Voices of the spirit. Greenwood Publishing Group. p. 84. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 1 January 2016.
- (2004). Following Muhammad: Rethinking Islam in the contemporary world. Univ of North Carolina Press. pp. 173–74. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 1 January 2016.
- Bennett 1998, p. 182–83.
- Clark, Malcolm (2011). Islam For Dummies. John Wiley and Sons. p. 165. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 24 September 2015.
- Esposito 1998, pp. 35–36.
- Barbara Freyer Stowasser, Wives of the Prophet, .
- Subhani, Jafar. "Chapter 9". The Message. Ansariyan Publications, Qom. จากแหล่งเดิมเมื่อ 7 October 2010.
- Esposito (1998), p. 18.
- Bullough (1998), p. 119.
- Reeves (2003), p. 46.
- Watt, Aisha, .
- Ramadan 2007, pp. 168–69.
- Asma Barlas (2002), p. 125.
- Armstrong (1992), p. 157.
- Nicholas Awde (2000), p. 10.
- Ordoni (1990), pp. 32, 42–44.
- (Bearman et al. 2002, p. 475)
- Powers 2014, p. 100-101.
- "Slavery in Islam". BBC. จากแหล่งเดิมเมื่อ 24 June 2017. สืบค้นเมื่อ 16 April 2016.
- Farah (1994), p. 135.
- "Arabic Presentation Forms-A" (PDF). The Unicode Standard, Version 5.2. Mountain View, Ca.: Unicode, Inc. 1 October 2009. สืบค้นเมื่อ 9 May 2010.
- Esposito (1998), p. 12.
- Nigosian 2004, p. 17.
- Brockopp 2010, p. 39.
- A.J. Wensinck, Muʿd̲j̲iza, . Vol. 7, p. 295
- Muhammad, Encyclopædia Britannica, p. 9.
- Suzanne Pinckney Stetkevych (24 May 2010). The mantle odes: Arabic praise poems to the Prophet Muḥammad. Indiana University Press. p. xii. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 15 June 2013. สืบค้นเมื่อ 27 January 2012.
- อัลกุรอาน 21:107
- , Encyclopædia Britannica, Muhammad, p. 13.
- Ann Goldman, Richard Hain, Stephen Liben (2006), p. 212.
- Bennett 1998, p. 36.
- Gabriel 2014, p. 120.
- Rodinson 2021, p. 181.
- Gabriel 2014, p. 121.
- Kees Wagtendonk (1987). "Images in Islam". ใน Dirk van der Plas (บ.ก.). Effigies dei: essays on the history of religions. Brill. pp. 119–24. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 15 June 2013. สืบค้นเมื่อ 1 December 2011.
- Esposito 2011, pp. 14–15.
- Peters 2010, pp. 159–161.
- Safi, Omid (2 November 2010). Memories of Muhammad. HarperCollins. p. 32. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 14 June 2013. สืบค้นเมื่อ 29 December 2011.
- (5 May 2011). . . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 February 2012. สืบค้นเมื่อ 27 December 2011.
- Freek L. Bakker (15 September 2009). The challenge of the silver screen: an analysis of the cinematic portraits of Jesus, Rama, Buddha and Muhammad. Brill. pp. 207–09. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 15 June 2013. สืบค้นเมื่อ 1 December 2011.
- Cambridge History of Islam (1970), p. 30.
- Lewis (1998) 8 เมษายน 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Islamic ethics, .
- Watt, The Cambridge History of Islam, p. 34.
- Esposito 1998, p. 30.
- Watt, The Cambridge History of Islam, p. 52.
- Warraq, Ibn (2007). Defending the West: A Critique of Edward Said's Orientalism. . p. 147. ISBN .
Indeed, [Postel's] greater tolerance for other religions was much in evidence in Πανθενωδια: compostio omnium dissidiorum, where, astonishingly for the sixteenth century, he argued that Muhammad ought to be esteemed even in Christendom as a genuine prophet.
- Brockopp 2010, p. 240–2.
- Talk Of Napoleon At St. Helena (1903), pp. 279–80.
- Brockopp 2010, p. 244.
- Younos, Farid (2010). Islamic Culture. Cambridge Companions to Religion. AuthorHouse. p. 15. ISBN .
- Carlyle, Thomas (1841). On heroes, hero worship and the heroic in history. London: James Fraser. p. 87.
- Kecia Ali (2014). The Lives of Muhammad. Harvard UP. p. 48. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 4 September 2015.
- Gottheil, Montgomery & Grimme 1906.
- Stillman 1979.
- Goddard 2000.
- Buhl & Welch 1993, pp. 360–376.
- Quinn 2008.
- Curtis 2009.
- Cimino 2005.
- Willis 2013.
- Spellberg 1996.
- Smith, Peter (2000). "Manifestations of God". A concise encyclopedia of the Bahá'í Faith. Oxford: Oneworld Publications. p. 231. ISBN .
- Buck, Christopher (2004). "The eschatology of Globalization: The multiple-messiahship of Bahā'u'llāh revisited". ใน Sharon, Moshe (บ.ก.). Studies in Modern Religions, Religious Movements and the Bābī-Bahā'ī Faiths. Boston: Brill. pp. 143–178. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - ปฐมธรรมาจารย์แห่งธรรมกาลยุคขาว, ศุภนิมิต แปลและเรียบเรียง, กรุงเทพฯ : ส่งเสริมคุณภาพชีวิต, ม.ป.ป.
- "皇母訓子十誡中英合編". Tao Library. สืบค้นเมื่อ 18 March 2014.
- . สังคมธรรมะออนไลน์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 18 March 2014.
สารานุกรม
- Adil, Hajjah Amina (2002). Muhammad, the Messenger of Islam: His Life & Prophecy (ภาษาอังกฤษ). ISCA. ISBN .
- (2009). . ใน John L. Esposito (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of the Islamic World. Oxford: Oxford University Press. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 December 2017.
{{}}
: CS1 maint: unfit URL () - (24 April 2017). Before Orthodoxy: The Satanic Verses in Early Islam (ภาษาอังกฤษ). Harvard University Press. ISBN .
- Al-Bukhari, Muhammed Ibn Ismaiel (1 June 1997). The Translation of the Meanings of Sahih Al-Bukhari: Arabic-English. แปลโดย Khan, Muhammad M. Dar-us-Salam Publications. ISBN .
- (1 August 1987). The History of al-Tabari Vol. 6: Muhammad at Mecca (ภาษาอังกฤษ). SUNY Press. ISBN .
- Anthony, Sean W. (2020-04-21). Muhammad and the Empires of Faith: The Making of the Prophet of Islam (ภาษาอังกฤษ). Univ of California Press. ISBN .
- Ardic, Nurullah (21 August 2012). Islam and the Politics of Secularism. Routledge. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 22 January 2018.
- (25 October 2022). Messianism and Sociopolitical Revolution in Medieval Islam (ภาษาอังกฤษ). Univ of California Press. ISBN .
- ; ; ; , บ.ก. (27 June 2002). Encyclopaedia of Islam, Volume XI (V-Z) (ภาษาอังกฤษ). Brill. ISBN . สืบค้นเมื่อ 13 June 2023.
- Beeston, A. F. L. (3 November 1983). Arabic Literature to the End of the Umayyad Period (ภาษาอังกฤษ). Cambridge University Press. ISBN .
- (1998). In search of Muhammad. Continuum International Publishing Group. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 22 September 2015.
- Bogle, Emory C. (1998). Islam: Origin and Belief (ภาษาอังกฤษ). University of Texas Press. ISBN .
- Borup, Jørn; Fibiger, Marianne Qvortrup; Kühle, Lene (1 October 2019). Religious Diversity in Asia (ภาษาอังกฤษ). BRILL. ISBN .
- Brockopp, Jonathan E. (19 April 2010). The Cambridge Companion to Muhammad (ภาษาอังกฤษ). Cambridge University Press. ISBN .
- (17 October 2003). A New Introduction to Islam (ภาษาอังกฤษ). Wiley. ISBN .
- (2011). Muhammad: A Very Short Introduction. . ISBN .
- (12 July 2017). Islam and the Infidels: The Politics of Jihad, Da'wah, and Hijrah (ภาษาอังกฤษ). Routledge. ISBN .
- Cheikh, Nadia Maria El (6 October 2015). Women, Islam, and Abbasid Identity (ภาษาอังกฤษ). Harvard University Press. ISBN .
- Cimino, Richard (December 2005). ""No God in Common": American Evangelical Discourse on Islam after 9/11". . 47 (2): 162–74. doi:10.2307/3512048. JSTOR 3512048.
- Cole, W. Owen (1 January 1996). Six World Faiths (ภาษาอังกฤษ). A&C Black. ISBN .
- (1987). "Abraha and Muhammad: some observations apropos of chronology and literary topoi in the early Arabic historical tradition1". Bulletin of the School of Oriental and African Studies. 50 (2): 225–40. doi:10.1017/S0041977X00049016. S2CID 162350288.
- Curtis, Michael (2009). Orientalism and Islam: European Thinkers on Oriental Despotism in the Middle East and India. New York City: . p. 31. ISBN .
- Deming, David (10 January 2014). Science and Technology in World History, Volume 2: Early Christianity, the Rise of Islam and the Middle Ages (ภาษาอังกฤษ). McFarland. ISBN .
- El-Azhari, Taef Kamal (2019). "Two Wives at the Same Time: Sawda and 'Aisha". Queens, Eunuchs and Concubines in Islamic History, 661-1257 (ภาษาอังกฤษ). Edinburgh University Press. pp. 24–5. ISBN .
- (1998). Islam: The Straight Path (3rd ed.). . ISBN .
- (2002).
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
muhmmd xahrb م ح م د xksrormn Muḥammad p kh s 570 8 mithunayn kh s 632 epnphunathangsasna sngkhm aelakaremuxngchawxahrb aelaphukxtngsasnaxislamhlkkhasxnxislamrabuwathanepnsasdathiephuxsngsxnaelayunynkhwamepnexkphaphthithuksxnmatngaetxadm xibrxhim musa xisa aelanbithanxun echuxknwathanepnkhxtamunnabiyin odymixlkurxanaelahlkkhasxnkbepnrakthaninkhwamechuxkhxngsasnaxislammuhmmdم ح م د muhmmd sasnthutkhxngxllxh phaphthaythipratumsyidxnnabawiinemuxngmadinahchuxxuneraasulullxh sasnthutkhxngxllxh duswnbukhkhlekidp kh s 570 53 pikxn h s mkkah hiyas xaraebiyesiychiwit8 mithunayn kh s 632 h s 11 61 62 pi madinah hiyas xaraebiythifngsphodmekhiywthimsyidxnnabawi madinah xaraebiy 24 28 03 N 39 36 41 E 24 46750 N 39 61139 E 24 46750 39 61139 odmekhiyw khusmrsdu phrryakhxngmuhmmdbutrdu lukkhxngmuhmmdbuphkari phx aem ruckcakphukxtngsasnaxislamchuxxuneraasulullxh sasnthutkhxngxllxh duyatixahlulbyt du phngsawlikhxngmuhmmd muhmmdthuxkaenidthimkkahemuxpraman kh s 570 odyepnbutrkhxngkb xbdullxh bidaphuepnbutrkhxng hwhnaephakurxych esiychiwitimkieduxnkxnthimuhmmdthuxkaenid swnxaminahesiychiwittxnthanxayu 6 khwb thaihthanklayepnedkkaphra thaidrbeliyngcakxbdulmuttxlib pukhxngthan aelaxabutxlib lungfayphx inchwngpihlng thanekbtwxyuinthabnphuekhahirxxepnewlahlaykhun cnkrathngemuxpraman kh s 610 txnxayu 40 pi miraynganwathanphbkbthutswrrkhyibrilintha aelaidrbcakphraeca txmain kh s 613 muhmmdcungerimxyangepidephy odyprakaswa phraecamiephiyngxngkhediyw aela karcann xislam txphraeca xllxh xyangsmburnkhuxwithichiwitthithuktxng aelathanepnsasdaaelasasnthutkhxngxllxhkhlaykbnbiinsasnaxislamthanxun inchwngaerk micanwnnxy aelaprasbkbepnewla 13 pi ephuxhlikeliyngkarkdkhithiyngkhngmixyu thancungipyngxabissieniyin kh s 615 kxnthithankbphutidtamxphyphcakmkkahipyngmadinah inewlannmichuxwa ysrib in kh s 622 ehtukarnni hiceraah thuxepncuderimtnkhxngptithinxislam sungmixikchuxwa ptithinhiceraah inmadinah muhmmdrwmchnephatang phayit ineduxnthnwakhm kh s 629 hlngsurbkbchnephamkkahepnraya thung 8 pi muhmmdcungrwbrwmkxngthphthimimuslim 10 000 khnaelaedinthphipmkkah karphichitkhrngniswnihyimmiphuotaeyng aelamuhmmdkyudemuxngniidodymikarnxngeluxdephiyngelknxy thaythisudin kh s 632 hlngklbcakephiyngimkieduxn thancunglmpwyaelaesiychiwit inchwngthiesiychiwitnn phukhninkhabsmuthrxahrbswnihyhnmaaelw wiwrn xayah thimuhmmdidrbcnkrathngesiychiwitidrbkarrwmrwmepnoxngkarcakxlkurxan sungmuslimthuxwaepn phradarskhxngphraeca aebbkhatxkha nxkcakxlkurxanaelw hlkkhasxnaelahlkptibtikhxngmuhmmd thiphbinsayrayngan hadis aelainchiwprawti yngyudthuxaelaichepnkhxngkdhmayxislamaehlngthimakhxngkhxmulchiwprawtikradasphbsxng 2 aephncakexksartwekhiynxlkurxanebxrmingaehm thiekhiyndwy nacamixayuinchwngchiwitkhxngmuhmmd rahwang p kh s 568 645xlkurxan xlkurxanepnkhmphirhlkkhxngsasnaxislam muslimechuxwaepnphradarskhxngphraecathiepidephyphanthutswrrkhyibrilaekmuhmmd odyhlkxlkurxanrabuthung sasnthutkhxngxllxh thisuxthungmuhmmdinhlayoxngkar oxngkarxlkurxanyngrabuthungkartngthinthankhxngphutidtaminysribhlngcakthithukphwkkurxychkhbil aelaklawthungkarephchiyhnathangthharephiyngsn echn chychnakhxngmuslimthibdr xyangirktam xlkurxanihkhxmulsahrbchiwprawtitamladbewlakhxngmuhmmdephiyngelknxy oxngkarxlkurxanswnihyimidihbribthaelaladbewlathangprawtisastrthisakhykhxngmuhmmdaethbimpraktdwychuxinxlkurxan thaihxlkurxanimihkhxmulephiyngphxsahrbprawtiodyyx xlkurxanthuxwamixayurwmsmykbmuhmmd aelaexksartwekhiynebxrmingaehmidrbkarhaxayucakkharbxnwaxyuinchwngchiwitkhxngthan karkhnphbkhrngnithuxepnkarpdtk revisionist theories ekiywkbtnkaenidxlkurxankhxngfngtawntk chiwprawtiyukhaerk exksartwekhiynyukhaerkcakkhxng echuxwaidrbkarthaythxdodyluksisykhxngekhahlngcakthiekhaesiychiwitephiyngimnanin kh s 833 khxmulsakhythisudekiywkbchiwitkhxngm uhmmdxacphbinphlnganprawtisastrodynkekhiynchwnghiceraahstwrrsthi 2 thung 3 pramankhriststwrrsthi 8 thung 9 khxmulehlanirwmchiwprawtimuhmmdaebbdngedimkhxngmuslim sungihkhxmulephimetimekiywkbchiwitkhxngthan sieraah chiwprawtikhxngmuhmmdaelakhaphudthirabuwamacakthan rupekhiynaerksudkhux khxng ekhiynpraman kh s 767 h s 150 aemwaphlngantnchbbsuyhay sieraahniyngkhnghlngehluxepnkhxkhwamthitdtxnmaxyangkwangkhwanginphlngankhxng aelakhxng xyangirktam xibn hichamekhiynkhanainchiwprawtimuhmmdkhxngtnexngwa ekhaidlaewneruxngrawcakchiwprawtikhxngxibn xishakthi cathaihbangkhnimsbayic khxmulprawtisastryukhaerkxikxnkhuxprawtikarthphkhxngmuhmmdody esiychiwitin h s 207 aelakhxng esiychiwitin h s 230 elkhanukarkhxngxlwakidi nkwichakarhlaykhnyxmrbwachiwprawtiinyukhaerkehlaniepneruxngcring aemwaxacimyunynkhwamthuktxngaemnyaidktam karsuksaemuximnanmanithaihnkwichakaraeykaeyarahwangthrrmeniymthiekiywkhxngkberuxngkdhmay aelaehtukarnthangprawtisastrlwn odyinklumkdhmayxacmikarpradisththrrmeniymkhun inkhnathiehtukarnthangprawtisastr xacxyuphayit karkahndrupaebbaenwonm ethann nxkehnuxcakkrniphiess hadis swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidxaraebiykxnxislamchnephahlkaelathixyuxasyinxaraebiysmythimuhmmdmichiwit khabsmuthrxahrbswnihyepnphunthiaehngaelngthixudmipdwydinphuekhaif thaihekstrkrrmthaidyak ewnaetbriewniklkboxexsishruxnaphu emuxngaelankhrtngkracdkracaythwphumiphakh odyemuxngthimikhwamsakhythisudsxngaehngkhuxmkkahaelamadinah odymadinahepnthitngthinthanthangkarekstrkhnadihythiecriyrungeruxng swnmkkahepnsunyklangthangkarenginthisakhysahrbchnephahlayklumodyrxb inthaelthray chiwitsngkhmmikhwamsakhyxyangyingtxkarxyurxd chnephaphunemuxngphungphasungknaelakn ephuxxdthntxsphawaaelawithichiwitthithathay khwamphukphnkhxngchnephamibthbathsakhyinkarsngesrimkhwamsamkhkhiinsngkhm imwacaphankhwamsmphnthinkhrxbkhrwhruxphnthmitr chawxahrbphunemuxngxacepnthngchnrxnerhrux klumchnrxneredinthangaeswnghanaaelathunghyasahrbfungaekaxyangtxenuxng inkhnathiphuthixyupracathiekhatngthinthanaelaennkarkhakhayaelakarekstr karxyurxdkhxngchnrxneryngkhunxyukbkarcuocmkxngkharawanhruxoxexsis sungkhnrxnerimidmxngwaepnxachyakrrm inxaraebiykxnxislam ethphhruxethphithukmxngepnphuphithkschnephacaephaa dwngwiyyankhxngethphmikhwamekiywoyngkbtnim naphu aelabxnaskdisiththi wiharkaxbahinmkkah nxkcakcaepnthiaeswngbuythukpiaelw yngepnthitngethwrup 360 xngkhthiepnethphphuxupthmphchnepha ethphithiidrbkarbuchami 3 xngkh inbangphunthicdihepnphrathidainxllxh khux xllat manat aelaxlxussa chumchnexkethwniymmixyuinxaraebiy echn chawkhristaela bangkhrngmikarcdihklum chawxahrbphunemuxngkxnxislamthi nbthuxphraecaxngkhediywthiekhmngwd rwmkbchawyiwaelakhristinxaraebiykxnxislam aemwankwichakarhlaykhnotaeyngindan thrrmeniymmuslimrabuwa twmuhmmdexngepnhanif aelaepnhnunginlukhlankhxngxismaxil butrkhxngxibrxhim inchwngkhrunghlngkhxngkhriststwrrsthi 6 epnchwngewlaaehngkhwampnpwnthangkaremuxnginxaraebiy aelaesnthangkarkhmnakhmimplxdphyxiktxip karaebngaeyksasnaepnsaehtuhlkkhxngwikvtini odysasnayudahklayepnsasnahlkineyemn swnsasnakhristekhatngthinthaninphunthixawepxresiy phumiphakhniphbehnphuthiptibtitamphhuethwniymldlng aelamikhwamsnicrupaebbsasnathangcitwiyyanephimmakkhun aemwahlaykhnimetmicthicaepliynmanbthuxsasnatangchati aetkhwamechuxehlannkihkhxmulxangxingthangpyyaaelacitwiyyan inchwngtnpikhxngmuhmmd ephakurxychthithanxyuklayepnchnephathimixanacinxaraebiytawntkprawtichwngpiinmkkah wyedkaelachiwitchwngtn karkaenidkhxngmuhmmdin khriststwrrsthi 16 muhmmd xibn xbdullxh xibn xbdulmuttxlib xibn hachimekidthimkkahemuxpraman kh s 570 aelaechuxknwawnekidxyuineduxneraabixulexawl thanxyuintrakul sungepnhnungintrakulthimikhwamoddednxiktrakulhnungcakephakurxychinemuxngni aemwatrakulnicadukhadkhwammngkhnginchwngpiaerk chuxmuhmmdhmaythung idrbkarsrresriy inphasaxahrbaelapraktinxlkurxan 4 khrng inwyhnumepnthiruckkninnam xlxamin aeplwa naechuxthux xyangirktam nkprawtisastrmikhwamehntangknwa chuxnitngkhunephuxsathxnthungnisykhxngthan hruxepnephiyngchuxtwcakphxaem nnkhux rupephschaykhxngchuxaemkhxngthan xaminah muhmmdidrb xabukxsim hlngkarthuxkaenidkhxngkxsim lukchaythiesiychiwitemuxsxngpiihhlng thrrmeniymxislamrabuwapiekidkhxngmuhmmdtrngkbchwngthi kstriyeyemnthiprasbkhwamlmehlwinkaryudkhrxngmkkah xyangirktam karsuksaemuximnanmanithathayaenwkhidni enuxngcakmihlkthanxun chiihehnwa hakekidkhuncring ehtukarnnikhngcaekidkhunepnnyyasakhykxnthimuhmmdcathuxkaenid nkwichakarmuslimyukhhlngsnnisthanwaechuxmoyngchuxxnodngdngkhxngxberaahahkberuxngelakarkaenidkhxngmuhmmdephuxxthibaykhxkhwamthiimchdecnekiywkb phwkecakhxngchang inkhmphirxlkurxan 105 1 5The Oxford Handbook of Late Antiquity cdiheruxngrawkarthphdwychangsukkhxngxberaahahepneruxngprmpra phxkhxngmuhmmd esiychiwitkxnthithanekidekuxb 6 eduxn tamthrrmeniymxahrbinsmynnrabuwa hlngcakthuxkaenidaelw thanthuksngipxyukbkhrxbkhrwebduxininthaelthray aetnkwichakartawntkbangkhnptiesthprawtithrrmeniymni muhmmdxasyxyukbaemeliyng kbsamikhxngethxcnkrathngthanxayu 2 khwb txnxayu 6 khwb aemkhxngmuhmmd pwyaelwesiychiwit aelathaihthanklayepnedkkaphra cnkrathngxayu 8 khwb muhmmdidxyuinkhwamkhumkhrxngkhxng phunaephabnuhachim phuepnpukhxngthan cnkrathngekhaesiychiwit aelwcungxyuphayitkhwamkhumkhrxngkhxngxbutxlib xibn xbdulmuttxlib lungkhxngthan phuepnphunakhnihmkhxngbanuhachim thrrmeniymxislamrabuwa emuxmuhmmdxayu 9 hrux 12 khwb ekharwmkxngkharawanmkkahthiedinthangipsieriy thanphbkbbathhlwngkhristnamthiklawwamxngehnxachiphinxnakhtkhxngmuhmmdinthanasasthutkhxngphraeca inchwngwyrun thanidchwylungipkhakhaythiaephndincham hruxbriewnpraethssieriyinpccubn ephuxekbprasbkarnthangkarkha khxmulekiywkbchwngwyrunkhxngthanminxy enuxngcakkhxmulthimixyukracdkracay thaihepnkaryakthicaaeykprawtisastrxxkcaktanan miraynganwathanklayepnphxkhaaela miswninkarkhakhayrahwangmhasmuthrxinediythungthaelemdietxrereniyn chuxesiyngkhxngthanthaihmikhxesnxcakekhaadiyah esrsthinithiprasbkhwamsaercin kh s 595 phayhlngmuhmmdkidaetngngankbnang sungthuksayraynganbxkwaepnkaraetngnganthimikhwamsukh phaphelkcak praman 1315 odyeraachid xl din hamadani aesdngeruxngrawmuhmmdnahindaiptidtngihmin kh s 605 smyckrwrrdikhanxil in kh s 605 tamraynganthirwbrwmiw emuxthungchwngthimikartnghindaihm mikarotethiyngknwatrakulidkhwridrbsiththiphiessni thaihmikartdsinwabukhkhlaerkthiekhamainlankaxbahcaepnphuchikhad aelaphuthimakhnaerkkhuxmuhmmd thancungkhxphakhlumaelwykhintngbnnn aelwihphunatrakultang cbphaphunnnphrxmkn aelathancaepnkhnnahintngexng cuderimtnkhxngxlkurxan bnphuekhayablnurthimuhmmdidrboxngkaraerktamkhwamechuxkhxngmuslim muhmmderimxthisthankhnediywinbnekhayabalunnuriklmkkahepnewlahlayspdahkhxngthukpi inthrrmeniymxislamrabuwa in kh s 610 emuxthanmixayu 40 pi thutswrrkhyibrilprakttwtxhnathan aelasngihmuhmmdxan emuxmuhmmdsarphaphwatnimruhnngsux yibrilcungekhabibrdxyangaerng thaihthanaethbcahayicimxxk aelaxxkkhasngsa khnathimuhmmdyawatnxanhnngsuximxxk yibrilcungbibrdxikkhrnginlksnaediywkn ehtukarnniekidkhunxikkhrngkxnthiyibrilxanoxngkarehlaniinthisud thaihmuhmmdsamarthcdcaid oxngkarehlaniphayhlngcdihxyuinxlkurxan sueraahthi 96 1 5 prasbkarnnithaihmuhmmdrusukhwadklw aetkrusukxunickbekhaadiyah phrryakhxngthan aela lukphiluknxngthinbthuxsasnakhristkhxngethx inthnthi kiriyathathangkhxngmuhmmdinchwngthimikardlicepnthi naipsukarklawhacakkhnrwmsmywa thanxyuphayitxiththiphlkhxngyin phuthanay hruxnkmayakl odyesnxwaprasbkarnkhxngthaninrahwangehtukarnehlanimikhwamkhlaykhlungkbprasbkarnthiekiywkhxngkbbukhkhldngklawthiidrbkaryxmrbxyangkwangkhwanginxaraebiyobran krann ehtukarnkhrxbngaxnluklbehlanixacepnhlkthanonmnawicsahrbphutidtamkhxngthanineruxngtnkaenidxnskdisiththikhxngkarepidephyoxngkar nkprawtisastrbangkhntngkhxsngektwakhaxthibayphaphxakarkhxngmuhmmdinkrniehlaninacaepneruxngcring enuxngcakimnacaepnipidthimuslimrunhlngcapradistheruxngnikhunid phaphthutswrrkhyibrilphbkbmuhmmdin khriststwrrsthi 16 hlngwaeraaekaahesiychiwitimnan karprathanwahyunnhyudipchwnghnung thaihmuhmmdrusukthukkhicxyangmakaelakhidkhatwtay inchwnghnung miraynganwathanpinkhunekhaephuxtngicthicakraoddlngip xyangirktam kxnthungyxdekha yibrilprakttxthanephuxyunynsthanasasnthutkhxngxllxhxyangaethcring karephchiyhnakhrngnithaihmuhmmdsngblng aelakklbban txmaemuxmikarewnchwngrahwangkarprathanoxngkarepnewlananxik thankthaechnnixik aetyibrilkekhamaaethrkaesnginthanxngediywkn thaihthansngblngaelaklbban muhmmdmnicwasamarthaeykaeyakhwamkhidkhxngtnexngcakkhxkhwamehlaniid karepidephyxlkurxaninyukhaerkichwithikaretuxnphuimsrththadwykarlngothscakswrrkh khnaediywknksyyawacaihrangwlaekphusrththa phwkekhathaythxdphllphththixacekidkhun echn khwamxdxyakaelakarsngharphuthiptiesthphraecakhxngmuhmmd aelaphadphingthungphyphibtithnginxditaelaxnakht oxngkarinkhmphiryngennyathungkarphiphaksakhrngsudthaythiiklcamathung aelaphykhukkhamcakifnrksahrbphukhlangaekhlngic thrrmeniymmuslimrabuwa ekhaadiyah phrryakhxngthan epnbukhkhlaerkthiechuxwathanepnsasda tammadwyxali xibn xabi txlib lukphiluknxngxayu 10 khwbkhxngthan xabubkr ephuxniklchid aela butrbuythrrm kartxtaninmkkah muhmmderimephyaephkhasxnaeksatharnchnemuxpraman kh s 613 intxnaerk thanimidprasbkbkartxtanxyangrunaerngcakphlemuxngmkkahthiechyemytxkickrrmepliynsasnakhxngthan aetemuxthanerimocmtikhwamechuxkhxngphwkekha khwamtungekhriydcungekidkhun ephakurxychthaih echn nanaphuxxkma aetthanptiesth odyihehtuphlwakhwamsmaesmxkhxngthrrmchatiepnkhxphisucnthungkhwamyingihykhxngphraecathiephiyngphxaelw bangkhneyaaeyytxkhwamlmehlwkhxngthanodysngsywathaimphraecaimprathanthrphysmbtiihthanesiythi inkhnathixikklumkhxihthanedinthangipswrrkhaelaklbmaphrxmnamwnkradasxlkurxanthicbtxngid aetmuhmmdyunynwa xlkurxaninrupaebbthithanthaythxdxxkmannepnkhxphisucnthinamhscrryxyuaelw raynganwa chawkurxychbangkhnrwmtwknthihicyraelapruksawaphwkekhaimekhyecxpyharayaerngxyangthiphwkekhaphbkbmuhmmdmakxn phwkekhaklawwathanidduhminwthnthrrm duhminbrrphburus duhminkhwamsrththa thalaychumchn aelasapaechngethphecakhxngphwkekha phwkkurxychcungphyayamhlxklxihmuhmmdhyudsxnsasnadwykarihthanekhasuwnginkhxngphxkha tlxdcnkaraetngnganthiidepriyb aetthanptiesththngsxngkhxesnx khnathimuslimklumhnungthakarlahmadinhubehw chawkurxychbangkhnwingiphaaaelaklawhaphwkekhainsingthiphwkekhakalngthaxyu saxd xibn xabi wkkxs bukhkhlhnunginmuslimklumnn cungthuxkradukkhakrrikrxuthiptichawkuerchcnthaihhwaetk thuxepnkarnxngeluxdkhrngaerkinsasnaxislam nkprawtisastrsmyihmhlaykhnklawthungkarkdkhiinchwngaerkodychawmkkahwa swnihyimrunaerng sungthukcakdodyrabbephathiepnhlkpraknkhwamplxdphyphayinmkkah ephuxihaenicwakhwamrunaerngrahwangklumcathuxepnkarocmtiephuxekiyrtiyskhxngkhnthngklum phykhukkhamkhxngkardaeninkartxbotsamarthpxngknkrnikhwamrunaerngthirayaerngtxphuxangwaepnmuslimidepnswnihythiklbtkxyuphayitmatrkarkhwabatrthangesrsthkicaelakarduhminthangwacaepnhlk krnikhwamrunaerngthangrangkaytxchawmuslimthioddednthisudinchwngewlanikhuxkhwamrunaerngtxthas odyechphaatxkbthiimidrbkhwamkhumkhrxngcaktrakul xlkurxanimidklawthungkarkdkhini odyenuxhaekiywkbsingniphbin klumtwaethnkurxychipthiysrib karxphyphipyngxabissieniy in kh s 615 dwykhwamklwwaphutidtamkhxngthancathuklxlwngxxkcaksasnakhxngphwkekha muhmmdcungsngbangswnipthixanackrxksumkhxngxabissieniyaelacdtngxananikhmkhnadelkphayitkarkhumkhrxngkhxng ckrphrrdiexthioxepiythinbthuxsasnakhrist inbrrdaphuxphyphklumnnidaek luksawkhxng hnunginhwhnaephakurxych aelasamikhxngethx faykurxychcungsngtwchaysxngkhnihnatwphwkekhaklbma enuxngcaknganekhruxnghnnginxabissieniysmynnmirakhaaephngmak phwkekhacungrwbrwmphunhnngcanwnmakaelakhnsngipthinnephuxaeckcayihkbnayphlkhxngxanackraetlaaehng aetkstriythrngptiesthkharxngkhxkhxngphwkekhaxyangehniywaenn inkhnathikbklawthungkarxphyphipxabissieniyephiyngkhrngediyw rabuwamikarxphyphthungsxngchud odyinsxngchudnn prachakrklumaerkswnihyedinthangklbmkkahkxnehtukarn hiceraah swnprachakrswnihyinklumthisxngyngkhngxyuthixabissieniyaelaedinthangipyngmadinahhlngehtukarnhiceraah bnthukehlaniyxmrbwakarkdkhimibthbathsakhytxkarthimuhmmdsngphwkekhaipthinn incdhmaykhxngthixtetaabarirksaiwrabuwa phuthixphyphedinthangklbmahlngkarekharbxislamkhxngbukhkhlthimitaaehnnghlaykhn echn xumrkbhmsah in kh s 616 mikarcdthakhxtklngodytrakulxun inephakurxychthnghmdthibngkhbichkarkhwabatrtx hamkhakhayaelaaetngngankbphwkekha thungkrann smachikbanuhachimyngkhngsamarthedinthangrxbtwemuxngidxyangmixisra aemwamuhmmdephchiykbkarduhminthangwacamakkhun thanyngkhngedinthangaelamiswninkarotwathiinthisatharnaodyimthuktharaythangrangkay inchwnghlng faykurxychcanwnhnungthiehnxkehnictxbanuhachimrierimkhwamphyayamyutikarkhwabatr sngphlihekidchnthamtithwipihykelikkarkhwabatrin kh s 619 phyayamcdtngtnexnginxttxxif in kh s 619 muhmmdprasbkbchwngaehngkhwamoskesra enuxngcakekhaadiyah phrryaphusnbsnunthangkarenginaelaxarmnthisakhykhxngthan esiychiwit aelaxabutxlib lungaelaphuphithkskhxngthan kesiychiwitinpiediywkn aemwamuhmmderiykrxngihxabutxlibekharbxislamtxnthiekhaxyubnetiyngnxnkhnakalngcaesiychiwit aetekhakyudtidkbkhwamechuxphhuethwniymcnkrathngesiychiwit lungkhxngmuhmmdxikkhnthikhundarngtaaehnnghwhnatrakultx intxnaerketmicthicapkpxngmuhmmd aethlngidyincakmuhmmdwaxabutxlibkbcatxngtknrkenuxngcakimyxmrbxislam ekhacungthxnkarsnbsnun caknnmuhmmdcungedinthangipyngxttxxifephuxphyayamkxrangtnexnginemuxngaelaidrbkhwamchwyehluxkbkarkhumkhrxngcakchawmkkah aetklbmiesiyngtxbmawa thaaekepnsasdacring thaimtxngkarkhwamchwyehluxcakeradwy thaphraecasngaekmainthanasasnthut thaimphraxngkhimpkpxngaek aelathaxllxhprasngkhthicasngsasdalngma thaimphraxngkhimphbkhnthidiipkwaaek ixedkkaphraxxnaexirphx emuxphbwapharkickhxngthanlmehlw muhmmdcungkhxihphukhninxttxxifekberuxngniepnkhwamlb dwykhwamklwwasingnicaesrimsrangkhwamepnstrukhxngkurxychtxthan aetthwa aethnthicatxbrbkhakhx phwkekhaklbkhwangkxnhiniscnthaihkhakhxngthanbadecb emuxmuhmmdedinthangklbmkkah khawehtukarninxttxxifthunghukhxngxabuyahl aelaekhatxbwa phwkekhaimyxmihmnekhaxttxxif dngnneraimihmnekhamkkahdwy emuxruthusthankarnechnnie muhmmdcungthamkhnthikhimaphanmaihsngkhxkhwamipyng smachikthangfngtrakulaem ephuxkhxkhwamkhumkhrxngihthanekhaemuxngidxyangplxdphy aetxlxkhnsptiesth odyklawwatnepnephiyngphuekiywkhxngkbephakurxychethann caknnmuhmmdcungsngkhxkhwamipyngthiptiesthtamhlkchnephaechnediywkn thaythisud muhmmdcungsngkhniptham hwhnatrakul mutximyxmrb aelwetriymtwaelakhixxkiptxnechaphrxmbrrdalukaelahlanchayephuxnamuhmmdekhaemuxng emuxxabuyahlehnekha ekhathamwamutximaekhihkarkhumkhrxnghruxhnipekharitsasnakhxngthanaelw mutximklawwa aekhihkarkhumkhrxngekha xabuyahlcungtxnwa eracapkpxngikhrktamthiecakhumkhrxng xisrxxkbmixrxcy oxngkarxlkurxanbnodmaehngsila briewnniepncudthimuslimechuxwamuhmmdedinthangkhunsu inchwngthitktakhxngchiwitmuhmmdepnchwngthimiraynganekiywkbxisrxxkbemiyaxrxcy pccubn muslimechuxwaxisrxxkhuxkaredinthangkhxngmuhmmdcakmkkahipyngeyrusaelm swnemiyaxrxcykhuxkaredinthangcakeyrusaelmsuchnfa immihlkthanthiepnrupthrrmekiywkbemiyaxrxcyinxlkurxan enuxngcakxlkurxanimidklawthungsingniodytrng xphyphipmadinah hiceraah mikarmxbhmayhnathiinsphakhxngsibsxngchnephasakhyaehngmadinah idechiychwnihmuhmmdepnhwhnakhxngsngkhmthnghmd ephraawathanmisthanaepnklang odymikartxsuinmadinah khxaerkkhuxkhwamkhdaeyngrahwangchawxahrbkbchawyiwthimimanankwarxypi muhmmdidbxkihphutidtamihxphyphipmadinahthnghmd tamraynganthrrmeniymxislamwa phwkmkkahwangaephnlxbsngharmuhmmd aetdwykhwamchwyehluxcakxali muhmmdcungrxdcakkarthukkha aelahnixxxkipcakemuxngkbxbubkr inpikh s 622 muhmmdidxphyphipyngmadinah odyikhrthixphyphmacakmkkahcathukeriykepn phuxphyph chwngpiinmadinah nkburphakhdiinkhriststwrrsthi 19 rabuwa emuxmuhmmdedinthangthungin kh s 622 chnephayiwepnphnthmitrkbchnephaxahrbsxngklumthixyuinsngkd xyangirktam Russ Rodgers nkprawtisastrinkhriststwrrsthi 21 ptiesthsingni ekhaotaeyngwainchwngkhxngmuhmmd smachikchnephaxahrbklawwaphwktntxngthalaykhwamepnphnthmitrkbchawyiwenuxngcaklksnakhxngkhamnsyya Rodgers xnumanidwachnephaxahrbepnphuyxmcann hruxxyangmakthisudkmitaaehnngethaethiymkbchawyiw ephraamichann chawyiwkcathukdungekhasuphnthsyyani rththrrmnuymadinah hlngcakbrryayeruxnghiceraahaelw yunynwamuhmhmdekhiynkhxkhwamthipccubneriykwaaelaepidephyenuxhathisnnisthaniwodyimmikarrabuxisnad hruxhlkthanid masnbsnun odythwipthuxepnkartngchuxthiimchdecn enuxngcakkhxkhwamniimidkahndsthanahruxbyytikdeknthxlkurxan aetepnkarklawthungeruxngchnepha inkhnathinkwichakarthngfngtawntkaelaolkmuslimyxmrbthungkhwamnaechuxthuxkhxngkhxkhwam yngkhngmikhxkhdaeyngwasingniepnsnthisyyahruxkhaprakasfayediywkhxngmuhmmd canwnexksarthimiprakxb fayhlk rayaewlaechphaakhxngkarpradisth hruxswnkhxngswnprakxb imwacarangiwkxnhruxhlngmuhmmdkacdchnephayiwchnnasamkluminmadinah aelaaenwthanginkaraeplthithuktxng erimkarichxawuthinthangthhar sahrbbrrdaphu thithukocmtinn idrbxnuyatihtxsuid ephraaphwkekhathukkhmehng aelaaethcringxllxhthrngsamarththicachwyehluxphwkekhaidxyangaennxn brrdaphuthithukkhbilxxkcakbaneruxnkhxngphwkekha odyprascakkhwamyutithrrm nxkcakphwkekhaklawwa xllxhkhuxphraecakhxngeraethann aelahakwaxllxhthrngkhdkhwangmiihmnusytxsusungknaelaknaelw brrdahxswd aelaobsth khxngphwkkhrist aelasthanthiswd khxngphwkyiw aelamsyidthnghlaythiphranamkhxngxllxh thukklawralukxyangmakmay txngthukthalayxyangaennxn aelaaennxnxllxh cathrngchwyehluxphuthisnbsnunsasnakhxngphraxngkh aethcringxllxhepnphuthrngphlng phuthrngedchanuphaphxyangaethcring kurxan 22 39 40 hlngkarxphyph chawmkkahidyudthrphysinkhxngchawmuslimthixphyphipyngmadinah aelasngkhramidekidkhunrahwangchawmkkahkbmuslim sasdaidbxkoxngkarcakxlkurxanthixnuyatihmuslimtxsuid dusueraah kurxan 22 39 40 rayngancakthrrmeniymmuslim inwnthi 11 kumphaphnth kh s 624 inkhnalahmadthiinmadinah muhmmdidrboxngkarcakxllxhihepliynkibltcakeyrusaelmipyngmkkah ineduxnminakhm kh s 624 muhmmdidnathhar 300 nay ipocmtikxngkharawankhxngmkkah odysumxyuthibdr aetenuxngcakphwkmkkahruaephnkxn cungeliyngesnthangnn aelathungthihmayxyangplxdphy thaihekidyuththkarthibadrkhun aemwaphwkmkkahmicanwnmakkwamuslimxyu 3 tx 1 aetfaymuslimkchnasngkhram odychawmkkahthukkhaip 45 khn aelafaymuslimthukkhaip 14 khn aelaidkhahwhnachawmkkahkhnsakhyhlaykhn echn xbuyahl mikarcbnkoths 70 khn odyswnihythukithaelw muhmmdkbphutidtamehnchychnakhrngniepnkaryunynkhwamsrththa aelathanklawwachychnaniekidcakklumethwthut xayahkurxaninchwngnnklawthungkarcdkarpyhakhxngrthbalaelapyhatang muhmmdidsngenrethsepha hnunginsamchnephayiw xxkcakmadinah aetnkprawtisastrbangkhnklawwaehtukarnniekidkhunhlngcakthanesiychiwitipaelw rayngancak hlngcakphudkbphwkekha muhmmdlaewnkarpraharchiwit aelasngihenrethsphwkekhaxxkcakmadinah hlngcaksngkhramni muhmmdidsrangphnthmitrkbchnephaebduxinhlayepha ephuxpkpxngsngkhmkhxngthancakkarocmtiinbriewntxnehnuxkhxnghiyas khwamkhdaeyngkbmkkah swnnikhxngbthkhwamxactxngprbprungihmimummxngthiepnklang enuxngcaknaesnxmummxngephiyngdanediyw duhnaxphiprayprakxb oprdxyanapayxxkcnkwacamikhxsrup sasdamuhmmdkbkxngthphmuslimthiyuththkarthixuhud cak inpikh s 1595 chawmkkahtxngkaraekaekhn ephuxihesrsthkicklbkhunma phwkekhatxngfunfuskdisrithisuyesiyipthibadr imkieduxntxma phwkmkkahsnghnwysxdaenmipthimadinah inkhnathimuhmmdedinthangipthichnephathiswamiphkditxmkkah aelasnghnwycuocmipthikharawanmkkahidetriymkxngthph 3 000 khnipocmtimadinah hnwysxdaenmidaecngmuhmmdthungkarmaaelacanwnthharkhxngfaymkkah echawntxmaidmikarprachumekiywkbsngkhram muhmmdkbphuxawuoshlaykhnmimtiwakhwrsuinmadinah aetfaymuslimotaeyngwafaymkkahcathalayphuchphl aelakarsurbinemuxngxacthalayskdisrikhxngmuslim muhmmdcungyxmrbaelaetriymkxngthphipsurbthiphuekhaxuhud thitngkhxngkhaychawmkkah aelwsurbinsngkhramxuhud emuxwnthi 23 minakhm kh s 625 thungaemwafaymuslimmikhwamidepriybinchwngaerk aetkhwamhlahlwmtxyuththwithikhxngphlthnuthaihfaymuslimphayaeph odythukkhaip 75 khn sungrwmthunghmsah xibn xbdulmuttxlib lungkhxngmuhmmd phwkmkkahimidiltamphwkmuslim aetidrwmphlklbmkkahephuxprakaschychna ephraaphwkekhakhidwamuhmmdbadecbaelakhngtayipaelw emuxphwkekhaphbwamuhmmdyngimtay phwkmkkahcunglmehlwtxkarkacdphwkmuslimihsinsak chawmuslimidfngsphaelaklbbaninewlaeyn aelwthamthungsaehtukhwamphayaeph muhmmdidklawxayahkurxan 3 152 wasaehtukarphayaephmixyusxngxyang khux karimechuxfng aelakarthdsxbkhwamaenwaen xbusufyanidnakxngthphxikklumipocmtimadinah odyidphusnbsnuncakchnrxnerinbriewntxnehnuxkbtawnxxkkhxngmadinah phankarokhsnachwnechuxekiywkbcudxxnkhxngmuhmmd syyathicapln khwamthrngcainskdisrikhxngephakuerch aelasinbn muhmmdruthungkhwamduxdungtxphukhninmadinah aelatxbsnxngxyangdi twxyangaerkkhux karlxbsnghar hwhnaephayiw xlxchrxfipyngmkkahaelwekhiynkwiihchawmkkahaekaekhntxsngkhrambadr inpitxma muhmmdidenrethsephabnunadiripcakmadinahodybngkhbihxphyphipthisieriy sungthaihstrurwmknepnhnungephuxthalaythanesiy muhmmdphyayamhlikeliyngkarrwmtwkhxngphwkekhaaetlmehlw thungaemwathansamarthephimcanwnphlthharaelahyudchnephaxunekharwmfaystruktam yuththkarsnamephlaa emuxruwachychnakhxngtnthixuhudlmehlwtxkarthaihtaaehnngkhxngmuhmmdxxnaexlngxyangmak inkhnathithanyngkhngetriymkarcuocmkhxngphwkekhatxip phwkkurxych inthisudkmxngehnkhwamcaepninkaryudkhrxngmadinah sungepnkhxesnxthiphwkekhaekhylaelyipkxnhnani khxmulmuslimrabuwa kartdsinickhrngniswnhnungidrbxiththiphlcakphunaephabangswnthithukkhictxkarsuyesiydinaednkhxngtn xyangirktam khxmulnnxacepnephiyngokhsnachwnechuxkhxngmuslim dwykhwamtrahnkthungthksakarthasngkhramthicakdinthanaphxkhainemuxngkhxngtn phwkkurxychcungerimkarecrcakbchnephaebduxinklumtang xyangkwangkhwang odyrwbrwmkxngkalngthiechuxknwamicanwnpraman 10 000 khn muhmmdhlngidrbaecnglwnghnacakphnthmitrkhxngthaninmkkah sngihphutidtamesrimkalngmadinahdwysnamephlaa tamkhaaenanakhxngslman xlfarisi chawyiwidchwyehluxdwykarkhudsnamephlaa aelaihmuslimyumekhruxngmuxich faykurxychaelaphnthmitrthiimkhunekhykbkarthasngkhramsnamephlaacungtxngthakarpidlxmthiyudeyux muhmmdichpraoychncaksthankarnnidwyichkarecrcaxyanglb kbephaihipsrangkhwampnpwninklumstru emuxsphaphxakasyaaey khwykalngickhxngchawkuerchaelaphnthmitrcungesuxmthxylng naipsukarthxnthph karlxmkhrngnimicanwnphubadecbaelaesiychiwitnxy odyfngmuslimidrbkhwamsuyesiyephiyng 5 thung 6 khn swnfaylxmemuxngesiyephiyng 3 khn karsngharhmubanukurxyesaah snthisyyahudybiyah kaxbahinmkkahepncudsunyklangthangdanesrsthkickbsasnamaxyangyawnan hlngcakmuhmmdmathungmadinah 17 eduxn sthanthinicungidklayepnkibltsahrblahmadkhxngchawmuslim twkaxbahmikarsrangihmhlayrxb odyxakharhlngpccubnsrangkhunin kh s 1629 sungepnkarsrangthbxakharhlngekathimixayuthung kh s 683 inchwngtn kh s 628 hlngcakthimuhmmdfnthungkaraesdwbuyinmkkahodyiraerngtxtan thancngerimtnkaredinthang odyaetngkaydwychudaeswngbuytamthrrmeniymaelamiphutidtamklumhnungtidtamipdwy kxnedinthangthunghudybiyah phwkekhaephchiyhnakbtwaethnkhxngchawkurxychthitngkhathamthungkhwamtngickhxngphwkekha muhmmdxthibaywaphwkekhamaephuxaesdngkhwamekharphtxkaxbah imichsurb caknnthancungsngxusman lukkhxnglukphiluknxngkhxng ipecrcakbphwkkurxych khnathikarecrcayudeyux erimmikarcudkhawluxeruxngkaresiychiwitkhxngxusman sungkratunihmuhmmderiykphutidtamihtxxayukhasabanaehngkhwamcngrkphkdi xusmanklbmaphrxmkbkhawxupsrrkhinkarecrca muhmmdyngkhngyunhydinsingtxip thaythisud faykurxychcungsngtw thutthimixanactxrxngetmthi inthisud hlngcakharuxknxyangyawnan kmikarprakasichsnthisyyani odymienguxnikh dngni syyasngbsukrahwangsxngfayepnewla 10 pi thachawkurxychekhamahafaymuhmmdodyimidrbxnuyatcakphukhumkhrxng ekhacatxngthuksngklbip aetthamuslimmahachawkurxych ekhacaimtxngthuksngklbiphamuhmmd chnephaidktamthisnicsrangphnthmitrkbmuhmmdhruxkurxychmixisrathicathaechnnnid phnthmitrehlaniyngidrbkarkhumkhrxngphansyyasngbsuksibpi faymuslimtxngedinthangklbmadinah krann phwkekhaidrbxnuyatihthainpithdipkarrukrankhxybr thaxumeraahaelayuththkarthimuxtah chwngpisudthay karphichitmkkah phaphwadmuhmmd khnthikhlumibhna edinthphipmkkah cak exksartwekhiynxxtotmnkhriststwrrsthi 16 inniyngaesdngthutswrrkhyibril mikaxil xisrxfil aelaxisrxxildwy snthisyyahudybiyahthukichaekh 2 piephraaephamikhwamsmphnththidikbmuhmmd inkhnathistrukhxngphwkekhasungepnephaidepnphnthmitrkbmkkah ephabnubkridocmtiephakhusaxahinewlaklangkhun aelakhaipbangkhn phwkmkkahidchwyehluxbnubkrxyangdi aelainbangraynganklawwa miphwkmkkahbangkhnekharwmdwy hlngcakehtukarnnn muhmmdidsngcdhmayaekchawmkkah odymisamenguxnikh aelatxngeluxkxyangidxyanghnung khux phwkmkkahxactxngsahrbkarkhakhncakephabnukhusaxah prakasptiesthkarkrathakhxngphwkbnubkr hruxthaihsnthisyyahudybiyahepnomkha phwkmkkahideluxkkhxsudthay syyaepnomkha caknnphwkekhacungruthungkhwamphidphlad aelasngipephuxthasyyaihm aetmuhmmdptiesth muhmmderumetriymkarphichitkhuninpikh s 630 muhmmdedinthangipmkkahphrxmkbmuslim 10 000 khn aelwkhwbkhummkkahid thanprakasnirothskrrmaekthukkhn ykewnchayaelahying 10 khnthi mikhwamphidcakkarkhakhnhruxxun hruxkxsngkhramaelathalaysntiphaph bangkhnthukihxphyinphayhlng chawmkkahswnihyekharbxislam aelamuhmmderimdaeninkarthalayruppnthnghmdcakkhanginaelarxbkaxbah rayngancakkb muhmmdthiidngdewnphaphhruxefrsokkhxngphraaemmariykbphraeysu aetinraynganxunklawwa phaphthukrupthuklbhmd inxlkurxanidklawthungehtukarnphichitmkkah prabhawasinaelasakifkbkaredinthangipthitabuk karphichitkhxngmuhmmd esnekhiyw aelaekhaalifahrxchidun esnda phrxmckrwrrdiibaesnithn ehnuxaelatawntk kbckrwrrdisaeseniyn tawnxxkechiyngehnux hlngidyinwamkkahtkepnkhxngmuslimaelw cungrwbrwmthngephaihtxsu pramankarwaminkrbpraman 4 000 nay muhmmdnathph 12 000 nayipocmti aetphwkekhaklbcuocmthanthiwadihunyn faymuslimexachnaphwkekhaaelayudbrrdaphuhying edk aelastwhlaytwkhxngphwkekhaip caknnmuhmmdhnkhwamsnicipthixttxxif nkhrthimichuxesiyngindanirxngunaelaswn thansngihswnehlanitxngthukthalay aelalxmnkhrthimikaaephnglxmrxb hlngprasbkhwamlmehlwinkarthalayfaypxngknepnewla 15 20 wn thancunglathingkhwamphyayamdngklaw emuxthanaebngthrphythiplncanwnmakmacakhunynihaekehlathhar ephahawasinthiehluxhnipekharbxislam aelawingwxnmuhmmdihplxytwedkaelaphuhyingkhxngphwkekha odyetuxnihthanralukwaekhyidrbkarduaelcakphuhyingbangkhnemuxtxnyngepnthark thanptibtitamaetyngkhngyudswnplnthiehluxiw khnkhxngthanbangkhnkhdkhankaraebngswnkhxngtn dngnnthancungchdechyaetlakhndwydwyxuthhktwcakkarplninkhrnghlng muhmmdaebngthrphythiyudidinsngkhramcanwnmakihaekphuthihnmanbthuxsasnaihmcakephakurxych kbbutr 2 khn muxawiyahkb aetlakhnidrbxuth 100 twthiekhasurbxyangklahayinyuththkarni aetaethbimidrbrangwlid rusukimphxictxsingni pramanekuxb 10 eduxnhlngyudkhrxngmkkah muhmmdcungnakxngthphipocmtimnthlchayaednthirarwy odymikaresnxaerngcungichlayprakar sungrwmthungkaraekaekhnkhwamphayaephthimuxtahaelarbkhxngthithukplncanwnmak enuxngcakkhwamaehngaelng aelakhwamrxnaernginkhnann muslimbangswncungimekharwmsngkhram singninaipsukarprathanoxngkarxlkurxan 9 38 thitahnikhnekiyckhranehlann emuxmuhmmdaelakxngthphkhxngthanedinthangthungtabuk klbimmikxngkalngstruxyuely xyangirktam thansamarthbngkhbihhwhnaephathxngthinbangkhnyxmrbkarpkkhrxngkhxngthanaelacayyisyah kxngthphphayitkarnakhxngkhxlid xibn xlwalidthithansngipocmti kidrbsinthrphysngkhrambangswn sungrwmthungxuth 2 000 twkbokh 800 tw karekharbxislamkhxnghawasinthaihxttxxifsuyesiyphnthmitrhlksudthay hlngcakxdklntxkarocrkrrmaelakarocmtidwykhwamhwadklwxyangimhyudyngcakfaymuslimhlngkarpidlxmnanthunghnungpi thaythisud chawxttxxifthiruckkninchux ekhathungcudepliyn aelayxmrbwakarekharbxislamepnesnthangthismehtusmphlthisudsahrbphwktn hcyxala phaphwadin khxngxlbirunithiwadodyphuimprasngkhnam aesdngmuhmmdsnghamnasixinchwng chbbsaenaxxtotmninkhriststwrrsthi 17 cakexksartwekhiyn Edinburgh codex khriststwrrsthi 14 ckrwrrdikhanxil emuxeduxnkumphaphnth kh s 631 muhmmdidrboxngkarthiihphwkbucharuppnidrbkhwamkrunaepnewlasieduxn hlngcaknnchawmuslimcaocmti snghar aelaplnphwkekhaimwacaphbknthiihnktam inchwngthahcyin kh s 632 muhmmdepnphunaphithiaelaihoxwathdwytnexng brrdapraednsakhyidaek hamkindxkebiykbkhwamxakhatphyabaththiekiywkhxngkbkarkhatkrrminxditcakyukhkxnxislam khwamepnphradrphaphkhxngmuslimthukkhn aelakaricheduxncnthrkhtisibsxngeduxnodyimmikarthdptithin thanyngyunynxikkhrngwasamimisiththithicalngothsthangwiny aelathubtiphrryaodyimtxngichkalngmakekinip hakphwkethxnxkichruxpraphvtitnimehmaasm thanxthibaywaphrryaidrbkhwamiwwangiccaksami aelasmkhwridrbxaharaelaesuxpha hakphwkethxechuxfng nnephraaphwkethxepnkhxngkhwycakphraphuepneca esiychiwitaelathifngsph karesiychiwitkhxngmuhmmd phaphcak p kh s 1595 hlnglahmadinthifngsphineduxnmithunayn kh s 632 muhmmdprasbkbxakarpwdsirsasahscnthaihthanrxngihdwykhwamecbpwd thanyngkhngnxnhlbkbphrryakhunlakhn aetepnlminkrathxmkhxng thanrxngkhxbrrdaphrryakhxngthanxnuyatihthanxyuinkrathxmxaxichah thanedinodyihxalikbphyung enuxngcakkhasn brrdaphrryakbxbbas lungkhxngthan ihyarksaxabissieniyintxnthithanimrusuktw emuxthanfunkthamthungeruxngnn aelaphwkekhaxthibaywa phwkekhaklwthanepneyuxhumpxdxkesb thantxbwaxllxhcaimthrmanthandwyorkhrayechnni aelasngihphuhyingthukkhnrbkarrksadwy khxmulhlayaehlng sungrwmthungesaahih xlbukhxri rabuwa muhmmdklawwathanrusukwaesneluxdihykhxngthankhadenuxngcakxaharthithankinthikhxybr caknn muhmmdesiychiwit n wnthi 8 mithunayn kh s 632 inchwngwarasudthay miraynganthanphudwa oxxllxh oprdihxphyaelaemttakha aelaihkhaxyurwmkbshaythisungsngdwyethid muhmmd xlefrd thi ewlch Alfred T Welch nkprawtisastr snnisthanwakaresiychiwitkhxngmuhmmdmisaehtucakikhmadinah singmixakarrunaerngkhuncakkhwamehnuxylathangrangkayaelacitic rangkhxngmuhmmdthukfnginbankhxngxaxichah inrchsmyxlwalidthi 1 khxngxumyyah mikarkhyaymsyidxnnabawicnkhrxbphunthisusanmuhmmdodmekhiywbnsusansrangkhunodysultanaehngmmlukinkhriststwrrsthi 13 aemwasiekhiywbnodmidrbkarthasiinchwngkhriststwrrsthi 16 inrchsmysultansulymanphuekriyngikrkhxngxxtotmn susanthitidkbmuhmmdepnkhxngphutidtamkhxngthan khux ekhaalifahsxngxngkhaerk xabubkraelaxumr aelahxngwangthimuslimechuxwacamikarfngxisatrngni emuxyudkhrxngmadinahin kh s 1805 ephchraelathxngthipradbxyuhnasusanthuknaxxkip phuthinbthuxnikaywahabiythalayodmsusaninmadinahekuxbthnghmdephuxhlikeliyngkareluxmisinsusan aelamiraynganwasusankhxngmuhmmdrxdidxyanghwudhwid aelaehtukarnthikhlayknekidkhunin kh s 1925 emuxyudemuxngxikkhrng inkartikhwamxislamaebbwahabiy karfngsphkhwrcdinhlumsphthiimmiekhruxnghmay krann phuaeswngbuyhlaykhnyngkhngthakar eyiymchmechingphithi thisusanxyudi aemwathangfngsaxudicaimyxmrbsingni msyidxnnabawi msyidkhxngthansasda inmadinah praethssaxudixaraebiy miodmekhiywthisrangehnuxsusanmuhmmdxyutrngklangphaph hlngmuhmmdesiychiwit karkhyaytwkhxngrthekhaalifah kh s 622 750 muhmmd kh s 622 632 rthekhaalifahrxchidun kh s 632 661 rthekhaalifahxumyyah kh s 661 750 hlngmuhmmdesiychiwit mikhwamkhdaeyngineruxngthiikhrcaepnphusubthxdtaaehnngkhxngthanxumr esaahabahthimichuxesiyng eluxkxabubkr ephuxnaelaphumiswnrwmkbmuhmmd xabubkridrbkaryunynepnekhaalifahxngkhaerkphrxmesiyngsnbsnun kareluxkkhrngnithukotaeyngcakesaahabahbangswnthiykihxali lukekhyaelalukphiluknxngkhxngthan idrbkaraetngtngihepnphusubthxdkhxngmuhmmdthi xabubkrsngihocmtikxngthphibaesnithn hruxckrwrrdiormntawnxxk thnthienuxngcakkhwamphayaephchwngkxnhna aemwaintxnaerkthancakacdkbtchnephaxahrbinehtukarnthinkprawtisastrmuslimyukhhlngrabuepn hrux sngkhramtxphulathingsasna tawnxxkklangyukhkxnxislammickrwrrdiibaesnithnaelasaeseniynthiepnihy srangkhwamesiyhayihkbphumiphakhni thaihckrwrrdithngsxngimepnthiniyminchnephathxngthin thimakipkwann indinaednthicathukfaymuslimphichit chawkhristhlaykhn aela imphxictxkhristckrxisethirnxxrthxdxksthimxngphwktnepnphwknxkrit kxngthphmuslimekhaphichitemosopetemiy xiyiptkhxngibaesnithn phunthiswnihykhxngphayinthswrrs aelasthapnarthekhaalifahrxchidunkhrweruxnsusankhxngmuhmmdekhytngxyuinbankhxngxaxichah phrryakhnthisam msyidxnnabawi madinah chiwitkhxngthanaebngxxkepnsxngchwng khux tngaet kh s 570 thung 622 aela tngaet kh s 622 thung 632 klawknwathanmiphrryathung 13 khn thungaemwaxiksxngkhn khux kb miraynganthikakwmwaepnphrryahruxphuthixyukindwyknodyimidsmrs txnxayu 25 pi muhmmdaetngngankbekhaadiyah bint khuwylidthimixayu 40 pi odyxyukindwyknepnewla 25 pi aelathuxepnkaraetngnganthimikhwamsukh hlngkaraetngnganinkhrngnn thanimidaetngngankbikhrxikely hlngcakekhaadiyahesiychiwit ekhalah bint hakimidaenanaihthanaetngngankb hyingmuslimhmay hruxxaxichah luksawkhxngkbxabubkr klawknwathankhxkarcdetriymkaraetngngankbthngkhu khxmulsmykhlassikrabuwa muhmmdaetngngankbxaxichahtxnthiethxxayu 6 7 khwb odymikarcdphithiaetngnganodysmburninphayhlngtxnthiethxmixayu 9 khwb aelathanmixayu 53 pi muhmmdthanganbantang echn etriymxahar eybesux aelasxmrxngetha thanidihphrryakhunekhytxkarphud thanfngkhaaenanakhxngphwkethx aelaphrryakhxngthanidthkethiyngaelaaemaetotaeyngkbthan ekhaadiyahmiluksaw 4 khnkbmuhmmd fatimah aelalukchay 2 khn kb thngkhuesiychiwittngaetwyedk lukthukkhnesiychiwitkxnhnathan ykewnfatimah luksawkhnediyw nkwichakarchixahbangkhnotaeyngwafatimahepnluksawkhnediywkhxngmuhmmd ihkaenidlukchaykhnediywchux sungesiychiwittxnxayu 2 khwb phrrya 9 khnkhxngthanyngmichiwittxhlngcakthithanesiychiwit xaxichah phuklayepnthiruckinthanaphrryakhnoprdkhxngmuhmmkinthrrmeniymsunni michiwitxyuhlngcakthanhlaythswrrs aelachwyraynganhadiskhxngsasdamuhmmdinnikaysunni epnthasthiekhaadiyahihmuhmmd ekhathuksuxtwcak hlanchaykhxngethx thitlad caknn sydklayepnbutrbuythrrmkhxngthngkhu aetphayhlngpdiesthsthananiemuxmuhmmdcaaetngngankb xditphrryakhxngsyd phlsrupkhxngbibisiraynganiwwa sasdamuhmmdimidtxngkarelikthas aelasux khay cb aelakhrxngthasdwytnexng aetthanidyunhydwanaythaskhwrduaelthasihdiaelaennthungphlbuykhxngkarplxythas muhmmdidduaelthasehmuxnkbmnusythw ip singsubthxdthrrmeniymkhxngmuslim hlngcakprakaskhwamepnexkakhxngphraeca khwamechuxeruxngkarepnsasnthutkhxngmuhmmdepnmummxnghlkin muslimthukkhnklawchahadahwa khakhxptiyanwaimmiphraecaxunidnxkcakxllxh aelakhakhxptiyanwamuhmmdepnsasnthutkhxngxllxh chahadahniepnhlkkhwamechuxphunthankhxngsasnaxislam chahadahepnkhaaerkthitharkaerkekidcaidyin edk caidrbkarsxnthnthiaelacathxngcacnkrathngesiychiwit muslimcaklawchahadahsainxasanaelaewlalahmad khnthiimichmuslimthihwngcatxngklawkhaptiyannikxn xksrwicitrthiaeplwa khxkhwamoprdpranaehngxllxh aelakhwamsnticngmiaedthan mkichtxhlngcakchuxkhxngsasdamuhmmd twxksrniidrbkarraburhsepntwaefdinyuniokhdcudthi ﷺ insasnaxislamechuxwamuhmmdepnsasdakhnsudthaythiphraecasnglngmaxlkurxanyunynwapatiharyediywthiphraecaprathanihmuhmmdkhuxtwxlkurxanexng aelaihehtuphlhlayprakarwathaimthanaesdngpatiharyxun intxnthistrukhxngthanrxngkhximid xyangirktam nganekhiynyukhhlngxyanghadisaelaxangthungpatihariyhruxehtukarnehnuxthrrmchatihlayxyangthiekidkhunkbmuhmmd hlngcakthithanesiychiwit hnunginnnkhuxthixibn xbbas lukphiluknxngkhxngmuhmmdraynganiw thicringkhuxcnthruprakha aetehtukarnniklbklayepnkaraeyktwkhxngdwngcnthraebbtamtwxksrinkartikhwamphayhlng khuxkarkratha aelakhaphudkhxngmuhmmd bnthukiwinhadis sungkhrxbkhlumipthungkickrrmaelakhwamechuxtngaetphithikrrmthangsasna sukhxnamyswnbukhkhl aelakarfngsphphuesiychiwit cnthungkhathamekiywkbkhwamrkrahwangmnusykbphraeca singehlaniepnsingsubthxdkhxngwthnthrrmmuslim inkarthkthaythisasdamuhmmdidklawihmuslimklawemuxecxknwa khxkhwamsntisukh cngmiaedthan xahrb xsslamuxalykum sungchawmuslimthwolkichngankn phithikrrmsakhykhxngxislamswnihyxyangkarlahmad 5 ewlathukwn thuxsilxd aelathaphithihcy phbechphaainhadis aelaimmiinxlkurxan khaklawchahadahkhxngmuslimthiaeplidwa immiphraecaxunidnxkcakxllxh aelamuhmmdepn inphrarachwngothphkhapu xistnbul praethsturki muslimmikarklawthungkhwamrkaelakhwameluxmistxmuhmmd chiwprawtikhxngmuhmmd karxthisthanaelapatihariykhxngthanmkthukklawepn inkurxanklawthungmuhmmdwaepn phumiemtta eraahmt aekmnusychati wnekidkhxngmuhmmdidrbkarchlxngknthwolkxislam ykewnphwkwahabiythithuxwaepnbidxah emuxmuslimkhnidklawhruxekhiynchuxkhxngmuhmmd swnihymktamdamdwykhawa sxllllxhuxalyhiwasllm khxkhwamoprdpranaehngxllxh aelakhwamsnticngmiaedthan inkarekhiynpkti bangkhrngthukyxepn sxl phasaxahrb swninexksarichxksrwicitrkhnadelk ﷺ ruplksnaelakarphrrna aehlngkhxmultang naesnxraylaexiydkhxngmuhmmdinchwngrungorcnkhxngchiwitthinacaepnipid thansungkwakhwamsungodyechliyelknxy miruprangaekhngaerngaelahnaxkkwang khxyaw misirsaihyaelamihnaphakkwang dwngtaidrbkarxthibaywamudmnaelaekhmkhn enndwykhntayawsiekhm phmmisidaaelaimhyikcnekinip yawhxykhlxnghu hnwdekhrathiyawaelahnakhxngthanoddedntdkbhnwdthikhlibxyangeriybrxy cmukyawngumaelamiplayaehlm fnewnrayahangkndi ibhnaidrbkarxthibaywaduepruxngprad aelaphiwiskhxngthanmikhntngaetkhxcnthungsadux aemcaonmtwelknxy aetkawyangkhxngthankrwderwaelamicudmunghmay rimfipakaelaaekmkhxngthanthukhnngstikyingcnchikkhadinchwngyuththkarthixuhud phayhlngmikaraephlnn thingaephlepnbnibhna xyangirktam enuxngcak silpathangsasnaxislamswnihyennipthikhasphth chawmuslimodythwipcungeliyng aelamsyididrbkartkaetngdwyxksrwicitr oxngkarxlkurxan hruxrupthrngerkhakhnit pccubn khxhamkarwadphaphmuhmmdthimicudprasngkhhlikeliyngkarskkaramuhmmdaethnxllxh phbehninmuslimnikaysunni 85 90 khxngmuslimthnghmd aela 1 ekhrngkhrdineruxngehlanimakkwainbrrdachixah 10 15 inkhnathithngsunniaelachixahekhywadphaphmuhmmdinxdit phaphwadmuhmmdnnhayak swnihycakdxyuephiyngphaphkhnadelkinsuxswntwaelasuxchnnaethann aelanbcaknnmiphaphpraman 1500 phaphthiswnihyaesdngmuhmmdkhlumhna hruxaesdngrupeplwephlingepnsylksn karedinekhamkkahaelakarthalayruppn inexksartwekhiynni muhmmdaesdngepnrupeplwephling phbin Hamla i Haydari khxng Bazil chmmuaelaksmir praethsxinediy kh s 1808 pccubn mikarthasaenaprawtisastraelarupphaphsmyihmhlaylanphaphinpraethsthiprachakrswnihynbthuxsasnaxislam odyechphaainpraethsturkiaelaxihran thngbnopsetxr iprsniybtr aelaaemaetinhnngsuxotakaaef aetimepnthiruckinswnxun khxngolkxislam aelaemuxmuslimcakpraethsxun phbsingni kxacthaihekidkhwamtktalungaelakhunekhuxngepnxyangmak karptirupsngkhmxislam raynganwa sasnasahrbmuhmmdimidimichepneruxngswntwaelaswnbukhkhl aetepn kartxbsnxngodyrwmthungbukhlikphaphkhxngthantxsthankarnthnghmdthithanphbdwytwexng thantxbsnxng imephiyngaet indansasnaaelakhwamrukhxngsthankarn aetyngrwmthungaerngkddnthangesrsthkic sngkhm aelakaremuxngthitwemuxngmkkahrwmsmytxngephchiy klawwamithrrmeniymthangkaremuxngthisakhysxngprakarinsasnaxislam muhmmdinthanarthburusinmadinah aelamuhmmdinthanakbtinmkkah inmummxngkhxngekha xislamkhuxkarepliynaeplngkhrngihyemuxmikaraenanainsngkhmihm khlaykbkarptiwti nkprawtisastrodythwipyxmrbwakarepliynaeplngsngkhmkhxngxislaminkhxbekhtxyang okhrngsrangkhrxbkhrw khwamepnthas aelasiththistrikbedkdikwasthanaedimkhxngsngkhmxahrb echn luxisraynganwa xislam khnaerkpranamsiththiphiess ptiesthladbchn aelaidnasutrxachiphthiepidrbphumikhwamsamarthekhamaich thxykhakhxngmuhmmdepliynaeplngsngkhmaelakhxngchiwitinkhabsmuthrxahrb sngkhmmungennipthikarepliynaeplngkarrbruxtlksn aelaladbkhnkhxngkhunkha txngkarelkhhna karptirupesrsthkicklawthungchatakrrmkhxngkhnyakcnthiekhyepnpyhainmkkahyukhkxnxislam xlkurxankahndihtxngcharaphasibricakhthan sakat ephuxpraoychnkhxngkhnyakcn emuxxanackhxngmuhmmdephimmakkhun thancungeriykrxngihchnephathiprasngkhcaepnphnthmitrkbthanptibtisakatepnkarechphaa karykyxngkhxngchawyuorp muhmmdin La vie de Mahomet ody M Prideaux 1699 thanthuxdabaelacnthresiywinkhnathiehyiybbnlukolk imkangekhn aelabyyti 10 prakar Guillaume Postel epnhnunginbukhkhlaerkthiaesdngmummxngkhxngmuhmmdinaengbwk emuxekhaotaeyngwachawkhristkhwrykyxngmuhmmdepnsasdathithuktxngkxthfrith ilbnithschunchmmuhmmdenuxngcak thanimidhnehcak Henri de Boulainvilliers klawinhnngsux Vie de Mahomed khxngtnexngthitiphimphhlngesiychiwitin kh s 1730 rabuthungmuhmmdepnphunathangkaremuxngthimiphrswrrkh aelaphurangkdhmaythiyutithrrm ekhaesnxthanepnsasdathiphraecasngmaephuxthaihchawkhrisetiyntawnxxkthithaelaawiwathekidkhwamsbsn aelapldplxychawtawnxxkcakkarpkkhrxngaebbephdckarkhxngormnaelaepxresiy aelaephyaephrkhwamruekiywkbkhwamepnexkphaphkhxngphraecacakxinediythungsepn wxlaetrmikhwamehntxmuhmmdphsmkn inbthlakhr Le fanatisme ou Mahomet le Prophete ekhathaihmuhmmdepntwrayepnthisylksnkhxngkhwamkhlngikhl aelaineriyngkhwam kh s 1748 ekhaeriykthanwa khnhlxklwngphupraesrithaelaraering aetinkarsarwcthangprawtisastr Essai sur les mœurs khxngwxlaetr ekhaesnxmuhmmdepnphubyytikdhmayaelaphuphichit aelaeriykthanwa phukratuxruxrn chxng chk ruosklawiwinhnngsux 1762 wa pdtananxnohdraykhxngmuhmmdinthanaphuhlxklwngaelakhnokngthingipesiy cngnaesnxthaninthanaprachyphubyytikdhmaythirwmxanacthangsasnaaelakaremuxngxyangchaychlad Claude Emmanuel de Pastoret klawiwinhnngsux osorxsetxr khngcux aelamuhmmd in kh s 1787 sungekhaesnxchiwit chayphuyingihy thngsamkhnepn phubyytikdhmaythidithisudkhxngckrwal aelaepriybethiybxachiphthngsamepnphuptirupsasnakbphurangkdhmaynopeliyn obnapartchunchmmuhmmdaelaxislam aelaklawthungthanepntnaebbphurangkdhmayaelaphuphichitthxms kharillklawthung maohehmd iwinhnngsux 1840 waepn dwngwiyyanxnyingihythiengiybsngb thanepnhnunginbukhkhlthiimsamarthphud aet xyangcringcngid nkwichakarmuslimhlaykhnxangxingkartikhwamkhxngkharillxyangkwangkhwangwaepnkaraesdngihehnthungnkwichakarfngtawntkyunynsthanakhxngmuhmmdinthanaburusphuyingihyinprawtisastr khawicarn khawicarntxmuhmmdpraktkhuntngaetkhriststwrrsthi 7 emuxmuhmmdthukpranamcakrwmsmywasxnhlkexkethwniym aelacakkarrbruthungkarthuxkhrxngraynganaela aelakarprakastnexngepn khxtamunnabiyin insmyklang aelaibaesnithntrahnathanepn strukhxngphrakhrist hruxwadepndngthipraktinepnbxykhrng khxwicarnrwmsmymkekiywkhxngkbkartngkhathamthungkhwamchxbthrrmkhxngmuhmhmdinthanasasnthut khwampraphvtithangsilthrrm karduaelstru aenwthangeruxnghlkkhasxn aelasukhphaphcitthsnakhxngsasnaxunsasnabaih phrabahaxullxh sasdakhxngsasnabaih klawthungnbimuhmmdwaepnphuephyphrawcnathiphraepnecathrngsngmaephuxthahnathinaphaaelaihkhwamruaekmnusyinyukhsmyhnung echnediywkbphuephyphrawcnathanxun khux phrakvsna omess sarathustra phraphuththeca phraeysu phrabab odybahaxullxhxangwatnexngkhuxphuephyphrawcnathiphraecasngmainyukhpccubn epnnbixisaphuklbmabnolkxikkhrngtamthinbimuhmmdthanayiwinkhmphirhadis nxkcakniyngxangwatnexngkhuxhusyn xibn xali phuklbmatamthichawchixahrxkhxy lththixnuttrthrrm lththixnuttrthrrmthuxwaxnuttrthrrmepnrakehngakhxngthuksasnarwmthngsasnaxislam odynbimuhmmdepnsasdaxngkhhnungthiphraaemxngkhthrrmthrngsngmaephuxoprdewinyinchwngthrrmkalyukhaedng echnediywkbphraokhtmphuththecaaelaphraeysu aelayukhaedngidsinsudipaelwtngaet pi ph s 2455 kh s 1912 pccubncungepnthrrmkalyukhkhawsungmilu cngxi epnphupkkhrxng phraoxwathphraxnuttrthrrmmardasibbyyti cin 皇母訓子十誡 sungepnkhmphirelmhnungkhxnglththixnuttrthrrm xangwanbimuhmmdidmaprathbthrnginkrabathray aelwprakaswakariplahmadthimsyidnnepneruxngesiyewlaepla ephraaimidchwyihekhathungscthrrm karptibtitamxlkurxankimxacchwyihhludphncakkarewiynwaytayekidid aettxngekharbthrrmacakwisuththixacary cin 明師 ethanncungcaphbhnthangklbswrrkhduephim esaahabah xphithansphthsasnaxislam phrryakhxngmuhmmdhmayehtumikareriykchuxthanhlayaebb echn muhmmd xibn xbdullxh sasnthutkhxngxllxh sasdamuhmmd sasdakhnsudthaykhxngsasnaxislam l aelayngmirupsakdhlabaebb echn omhaehmd mahahmd muhahmd muhmmd hrux phramahahmd l Goldman 1995 p 63 gives 8 June 632 CE the dominant Islamic tradition Many earlier primarily non Islamic traditions refer to him as still alive at the time of the According to Welch Moussalli amp Newby 2009 writing for the Oxford Encyclopedia of the Islamic World The Prophet of Islam was a religious political and social reformer who gave rise to one of the great civilizations of the world From a modern historical perspective Muḥammad was the founder of Islam From the perspective of the Islamic faith he was God s Messenger rasul Allah called to be a warner first to the Arabs and then to all humankind dukurxan 3 95 See also xlkurxan 43 31 cited in EoI Muhammad du Emory C Bogle 1998 p 7 Rodinson 2002 p 71 du Holt Lambton amp Lewis 1977 p 57 Hourani amp Ruthven 2003 p 22 Lapidus 2002 p 32 Esposito 1998 p 36 See for example Marco Scholler Banu Qurayza mentioning the differing accounts of the status of du Nagel 2020 p 301 Kloppenborg amp Hanegraaff 2018 p 89 Rodinson 2021 pp 150 1 Forward 1997 pp 88 9 Peterson 2007 pp 96 7 Brown 2011 pp 76 7 Phipps 2016 p 142 Morgan 2009 p 134 El Azhari 2019 pp 24 5 Anthony 2020 p 115 du Watt 1974 p 234 Robinson 2004 p 21 Esposito 1998 p 98 R Walzer Ak h laḳ xangxingConrad 1987 rachbnthitysthan phcnanukrmsphthsasnasakl xngkvs ithy chbbrachbnthitysthan rachbnthitysthan 2548 hna 267 Welch Moussalli amp Newby 2009 Esposito 2002 pp 4 5 Esposito 1998 p 9 12 Early Years Al Islam org phasaxngkvs 18 October 2012 subkhnemux 18 October 2018 Watt 1974 p 7 Howarth Stephen Knights Templar 1985 ISBN 978 0 8264 8034 7 p 199 2003 The History of The Qur anic Text From Revelation to Compilation A Comparative Study with the Old and New Testaments pp 26 27 UK Islamic Academy ISBN 978 1 872531 65 6 Ahmad 2009 Peters 2003 p 9 Buhl amp Welch 1993 Holt Lambton amp Lewis 1977 p 57 Lapidus 2002 pp 31 32 2007 Qurʾan Encyclopaedia Britannica Online cakaehlngedimemux 5 May 2015 subkhnemux 24 September 2013 Living Religions An Encyclopaedia of the World s Faiths Mary Pat Fisher 1997 p 338 I B Tauris Publishers xlkurxan 17 106 4 January 2024 Muhammad Encyclopaedia Britannica Online subkhnemux 4 February 2023 Bennett 1998 p 18 19 Peters 1994 p 261 Bora Fozia 2015 07 22 Discovery of oldest Qur an fragments could resolve enigmatic history of holy text The Conversation phasaxngkvsaebbxemrikn subkhnemux 2024 02 04 24 July 2015 New Light on the History of the Quranic Text Huffington Post subkhnemux 24 March 2021 Watt 1953 p xi 2003 A Thousand Years of Western Myth Making pp 6 7 ISBN 0814775640 Nigosian 2004 p 6 1998 The Beginnings of Islamic Historical Writing Darwin Press p 132 ISBN 0878501274 Holland Tom 2012 In the Shadow of the Sword Doubleday p 42 ISBN 978 0 7481 1951 6 Things which it is disgraceful to discuss matters which would distress certain people and such reports as I have been told are not to be accepted as trustworthy all these things have I omitted Ibn Hashim p 691 Watt 1953 p xv Watt 1953 pp 1 2 Watt 1953 pp 16 18 Loyal Rue Religion Is Not about God How Spiritual Traditions Nurture Our Biological 2005 p 224 Ueberweg Friedrich History of Philosophy Vol 1 From Thales to the Present Time Charles Scribner s Sons p 409 ISBN 978 1 4400 4322 2 1982 The Concept of Monotheism in Islam and Christianity p 29 ISBN 3700303394 cf Hanif Encyclopedia of the Qur an Louis Jacobs 1995 p 272 Turner Colin 2005 Islam The Basics Volume 1 p 16 ISBN 9780415341066 Robin 2012 pp 297 299 Robin 2012 p 302 Robin 2012 pp 286 287 Muhammad 9 kumphaphnth 2017 thi ewyaebkaemchchin Encyclopedia Britannica Retrieved 15 February 2017 2002 Muhammad Prophet of Islam Tauris Parke Paperbacks p 38 ISBN 978 1 86064 827 4 subkhnemux 12 May 2019 Esposito 2003 Jean Louis Declais Names of the Prophet Esposito 1998 p 6 Buhl amp Welch 1993 p 361 Rodinson 2021 p 51 Marr J S Hubbard E Cathey J T 2014 The Year of the Elephant doi 10 6084 m9 figshare 1186833 Retrieved 21 October 2014 GMT Reynolds 2023 p 16 Johnson 2015 p 286 Peters 2010 p 61 Muesse 2018 p 213 Gibb et al 1986 p 102 2004 Medieval Islamic civilization Vol 1 Routledge p 525 ISBN 978 0 415 96690 0 cakaehlngedimemux 14 November 2012 subkhnemux 3 January 2013 Watt 1971 Watt 1960 Abel 1960 Watt 1974 p 8 Berkshire Encyclopedia of World History 2005 v 3 p 1025 August 1999 PDF Proceedings of the 11th International Congress of Turkish Art 7 3 ISSN 0928 6802 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 3 December 2004 Glubb 2001 p 79 81 Wensinck amp Jomier 1990 p 319 Bogle 1998 p 6 John Henry Haaren Addison B Poland 1904 p 83 Peterson 2007 p 51 Klein 1906 p 7 Wensinck amp Rippen 2002 Rosenwein 2018 p 148 Brown 2003 p 73 Buhl amp Welch 1993 p 363 Peterson 2007 p 53 4 Murray 2011 p 552 Rashid 2015 p 11 Watt The Cambridge History of Islam 1977 p 31 Brockopp 2010 p 40 2 Watt 1953 p 86 Ramadan 2007 pp 37 39 Buhl amp Welch 1993 p 364 Lewis 2002 p 35 36 Muranyi 1998 p 102 Gordon 2005 p 120 121 Phipps 2016 p 40 Brockopp 2010 p 45 6 Glubb 2001 p 113 4 Deming 2014 p 68 Ibn Kathir amp Gassick 2000 p 342 3 Watt The Cambridge History of Islam 1977 p 36 Williams 2013 Prelude to the call Lewis 2009 p 73 Watt 1953 p 119 Howard Johnston 2010 p 406 Rodgers 2012 p 39 Glubb 2001 p 126 Buhl amp Welch 1993 p 364 5 Peters 1994 p 173 Cheikh 2015 p 32 Peters 1994 p 173 4 Buhl amp Welch 1993 p 365 Glubb 2001 p 125 6 129 Glubb 2001 p 129 Lapidus 2012 p 184 Rodinson 2021 p 134 Brown 2011 p 22 Rodinson 2021 p 135 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux Holt Towghi 1991 p 572 Adil 2002 p 145 Adil 2002 p 145 6 Adil 2002 p 146 Adil 2002 p 148 Jonathan M Bloom Sheila Blair 2009 The Grove encyclopedia of Islamic art and architecture Oxford University Press p 76 ISBN 978 0 19 530991 1 cakaehlngedimemux 15 June 2013 subkhnemux 26 December 2011 Buhl amp Welch 1993 p 366 Sells Michael Ascension vol 1 p 176 Watt The Cambridge History of Islam p 39 Esposito 1998 p 17 Moojan Momen 1985 p 5 Rodgers 2012 p 56 7 Humphreys 1991 p 92 Arjomand 2022 p 111 Rubin 2022 p 8 Watt 1956 p 227 1979 p 21 1993 p 21 William Montgomery Watt 7 February 1974 Muhammad Prophet and Statesman Oxford University Press pp 112 14 ISBN 978 0 19 881078 0 subkhnemux 29 December 2011 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint url status lingk Rodinson 2002 p 164 Watt The Cambridge History of Islam p 45 Glubb 2002 pp 179 86 Lewis 2002 p 41 Watt 1961 p 123 Rodinson 2002 pp 168 69 Lewis 2002 p 44 Zeitlin Irving M 2007 The Historical Muhammad John Wiley and Sons p 148 ISBN 978 0 7456 5488 1 Faizer Rizwi 2010 The Life of Muhammad Al Waqidi s Kitab al Maghazi Routledge p 79 ISBN 978 1 136 92113 1 Watt 1961 p 132 Watt 1961 p 134 Lewis 1960 p 45 C F Robinson Uhud Watt 1964 p 137 Watt 1974 p 137 David Cook 2007 p 24 See Watt 1981 p 432 Watt 1964 p 144 Watt 1956 p 30 Watt 1956 p 34 Watt 1956 p 18 Rubin Uri 1990 The Assassination of Kaʿb b al Ashraf Oriens 32 1 65 71 doi 10 2307 1580625 JSTOR 1580625 Watt 1956 pp 220 21 Watt 1956 p 35 Buhl amp Welch 1993 p 370 Rodgers 2012 p 142 Gabriel 2014 p 132 Rodgers 2012 p 143 Rodinson 2021 p 209 Gabriel 2014 p 136 Rodgers 2012 p 145 Rodgers 2012 p 148 Gabriel 2007 p 138 Peters 2003b p 88 Glubb 2001 p 265 6 Glubb 2001 p 267 Rodinson 2021 p 251 2 Khan 1998 p 274 Lings 1987 p 291 Khan 1998 pp 274 75 Lings 1987 p 292 Watt 1956 p 66 The Message by Ayatullah Ja far Subhani chapter 48 2 phvsphakhm 2012 thi ewyaebkaemchchin referencing Sirah by vol II page 409 Rodinson 2002 p 261 Harold Wayne Ballard Donald N Penny W Glenn Jonas 2002 p 163 F E Peters 2003 p 240 1955 The Life of Muhammad A translation of Ishaq s Sirat Rasul Allah Oxford University Press p 552 ISBN 978 0 19 636033 1 subkhnemux 8 December 2011 Quraysh had put pictures in the Ka ba including two of Jesus son of Mary and Mary on both of whom be peace The apostle ordered that the pictures should be erased except those of Jesus and Mary xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux Rubin xlkurxan 110 1 Glubb 2001 p 320 1 Glubb 2001 p 321 Gabriel 2007 p 181 Gabriel 2007 p 182 Gabriel 2007 p 186 Glubb 2001 p 325 Rodgers 2012 p 225 Rodinson 2021 p 263 4 Glubb 2001 p 326 Rodinson 2021 p 264 Glubb 2001 p 327 Glubb 2001 p 328 Gabriel 2014 p 189 Rodinson 2021 p 274 Gabriel 2014 p 191 Gabriel 2014 p 192 4 Rodinson 2021 p 274 5 Gabriel 2014 p 192 3 M A al Bakhit Tabuk Rodgers 2012 p 230 Gabriel 2007 p 188 Rodgers 2012 p 226 Rodinson 2021 p 269 Gabriel 2007 p 189 Glubb 2001 p 344 5 359 Gabriel 2014 p 200 Glubb 2001 p 358 Rodinson 2021 p 285 6 Phipps 2016 p 140 Gabriel 2014 p 203 Rodinson 2021 p 286 Rodinson 2021 p 286 7 Glubb 2001 p 360 Rodinson 2021 p 287 Glubb 2001 p 361 Katz 2022 p 147 Glubb 2001 p 283 Cole 1996 p 268 Borup Fibiger amp Kuhle 2019 p 132 Ibn Kathir 1998 p 344 Buhl amp Welch 1993 p 374 Leila Ahmed 1986 665 91 686 Peters 2003 p 90 Ariffin Syed Ahmad Iskandar Syed 2005 Architectural Conservation in Islam Case Study of the Prophet s Mosque Penerbit UTM p 88 ISBN 978 983 52 0373 2 Archnet org 2 May 2005 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 23 March 2012 subkhnemux 26 January 2012 Isa Encyclopaedia of Islam Al Haqqani Shaykh Adil 2002 The Path to Spiritual Excellence ISCA pp 65 66 ISBN 978 1 930409 18 7 cakaehlngedimemux 24 September 2015 2008 Prophets and princes Saudi Arabia from Muhammad to the present John Wiley and Sons pp 102 03 ISBN 978 0 470 18257 4 cakaehlngedimemux 1 January 2016 Behrens Abouseif Doris Vernoit Stephen 2006 Islamic art in the 19th century tradition innovation and eclecticism Brill p 22 ISBN 978 90 04 14442 2 cakaehlngedimemux 30 September 2015 Weston Mark 2008 Prophets and princes Saudi Arabia from Muhammad to the present John Wiley and Sons p 136 ISBN 978 0 470 18257 4 cakaehlngedimemux 1 January 2016 Cornell Vincent J 2007 Voices of Islam Voices of the spirit Greenwood Publishing Group p 84 ISBN 978 0 275 98734 3 cakaehlngedimemux 1 January 2016 2004 Following Muhammad Rethinking Islam in the contemporary world Univ of North Carolina Press pp 173 74 ISBN 978 0 8078 5577 5 cakaehlngedimemux 1 January 2016 Bennett 1998 p 182 83 Clark Malcolm 2011 Islam For Dummies John Wiley and Sons p 165 ISBN 978 1 118 05396 6 cakaehlngedimemux 24 September 2015 Esposito 1998 pp 35 36 Barbara Freyer Stowasser Wives of the Prophet Subhani Jafar Chapter 9 The Message Ansariyan Publications Qom cakaehlngedimemux 7 October 2010 Esposito 1998 p 18 Bullough 1998 p 119 Reeves 2003 p 46 Watt Aisha Ramadan 2007 pp 168 69 Asma Barlas 2002 p 125 Armstrong 1992 p 157 Nicholas Awde 2000 p 10 Ordoni 1990 pp 32 42 44 Bearman et al 2002 p 475 Powers 2014 p 100 101 Slavery in Islam BBC cakaehlngedimemux 24 June 2017 subkhnemux 16 April 2016 Farah 1994 p 135 Arabic Presentation Forms A PDF The Unicode Standard Version 5 2 Mountain View Ca Unicode Inc 1 October 2009 subkhnemux 9 May 2010 Esposito 1998 p 12 Nigosian 2004 p 17 Brockopp 2010 p 39 A J Wensinck Muʿd j iza Vol 7 p 295 Muhammad Encyclopaedia Britannica p 9 Suzanne Pinckney Stetkevych 24 May 2010 The mantle odes Arabic praise poems to the Prophet Muḥammad Indiana University Press p xii ISBN 978 0 253 22206 0 cakaehlngedimemux 15 June 2013 subkhnemux 27 January 2012 xlkurxan 21 107 Encyclopaedia Britannica Muhammad p 13 Ann Goldman Richard Hain Stephen Liben 2006 p 212 Bennett 1998 p 36 Gabriel 2014 p 120 Rodinson 2021 p 181 Gabriel 2014 p 121 Kees Wagtendonk 1987 Images in Islam in Dirk van der Plas b k Effigies dei essays on the history of religions Brill pp 119 24 ISBN 978 90 04 08655 5 cakaehlngedimemux 15 June 2013 subkhnemux 1 December 2011 Esposito 2011 pp 14 15 Peters 2010 pp 159 161 Safi Omid 2 November 2010 Memories of Muhammad HarperCollins p 32 ISBN 978 0 06 123135 3 cakaehlngedimemux 14 June 2013 subkhnemux 29 December 2011 5 May 2011 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2 February 2012 subkhnemux 27 December 2011 Freek L Bakker 15 September 2009 The challenge of the silver screen an analysis of the cinematic portraits of Jesus Rama Buddha and Muhammad Brill pp 207 09 ISBN 978 90 04 16861 9 cakaehlngedimemux 15 June 2013 subkhnemux 1 December 2011 Cambridge History of Islam 1970 p 30 Lewis 1998 8 emsayn 2010 thi ewyaebkaemchchin Islamic ethics Watt The Cambridge History of Islam p 34 Esposito 1998 p 30 Watt The Cambridge History of Islam p 52 Warraq Ibn 2007 Defending the West A Critique of Edward Said s Orientalism p 147 ISBN 978 1 61592 020 4 Indeed Postel s greater tolerance for other religions was much in evidence in Pan8enwdia compostio omnium dissidiorum where astonishingly for the sixteenth century he argued that Muhammad ought to be esteemed even in Christendom as a genuine prophet Brockopp 2010 p 240 2 Talk Of Napoleon At St Helena 1903 pp 279 80 Brockopp 2010 p 244 Younos Farid 2010 Islamic Culture Cambridge Companions to Religion AuthorHouse p 15 ISBN 978 1 4918 2344 6 Carlyle Thomas 1841 On heroes hero worship and the heroic in history London James Fraser p 87 Kecia Ali 2014 The Lives of Muhammad Harvard UP p 48 ISBN 978 0 674 74448 6 cakaehlngedimemux 4 September 2015 Gottheil Montgomery amp Grimme 1906 Stillman 1979 Goddard 2000 Buhl amp Welch 1993 pp 360 376 Quinn 2008 Curtis 2009 Cimino 2005 Willis 2013 Spellberg 1996 Smith Peter 2000 Manifestations of God A concise encyclopedia of the Baha i Faith Oxford Oneworld Publications p 231 ISBN 1 85168 184 1 Buck Christopher 2004 The eschatology of Globalization The multiple messiahship of Baha u llah revisited in Sharon Moshe b k Studies in Modern Religions Religious Movements and the Babi Baha i Faiths Boston Brill pp 143 178 ISBN 90 04 13904 4 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help pthmthrrmacaryaehngthrrmkalyukhkhaw suphnimit aeplaelaeriyberiyng krungethph sngesrimkhunphaphchiwit m p p 皇母訓子十誡中英合編 Tao Library subkhnemux 18 March 2014 sngkhmthrrmaxxniln khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 03 05 subkhnemux 18 March 2014 saranukrmAdil Hajjah Amina 2002 Muhammad the Messenger of Islam His Life amp Prophecy phasaxngkvs ISCA ISBN 978 1 930409 11 8 2009 in John L Esposito b k The Oxford Encyclopedia of the Islamic World Oxford Oxford University Press khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 5 December 2017 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite encyclopedia title aemaebb Cite encyclopedia cite encyclopedia a CS1 maint unfit URL 24 April 2017 Before Orthodoxy The Satanic Verses in Early Islam phasaxngkvs Harvard University Press ISBN 978 0 674 04742 6 Al Bukhari Muhammed Ibn Ismaiel 1 June 1997 The Translation of the Meanings of Sahih Al Bukhari Arabic English aeplody Khan Muhammad M Dar us Salam Publications ISBN 978 9960 717 31 9 1 August 1987 The History of al Tabari Vol 6 Muhammad at Mecca phasaxngkvs SUNY Press ISBN 978 0 88706 707 5 Anthony Sean W 2020 04 21 Muhammad and the Empires of Faith The Making of the Prophet of Islam phasaxngkvs Univ of California Press ISBN 978 0 520 97452 4 Ardic Nurullah 21 August 2012 Islam and the Politics of Secularism Routledge ISBN 978 1 136 48984 6 cakaehlngedimemux 22 January 2018 25 October 2022 Messianism and Sociopolitical Revolution in Medieval Islam phasaxngkvs Univ of California Press ISBN 978 0 520 38759 1 b k 27 June 2002 Encyclopaedia of Islam Volume XI V Z phasaxngkvs Brill ISBN 978 90 04 12756 2 subkhnemux 13 June 2023 Beeston A F L 3 November 1983 Arabic Literature to the End of the Umayyad Period phasaxngkvs Cambridge University Press ISBN 978 0 521 24015 4 1998 In search of Muhammad Continuum International Publishing Group ISBN 978 0 304 70401 9 cakaehlngedimemux 22 September 2015 Bogle Emory C 1998 Islam Origin and Belief phasaxngkvs University of Texas Press ISBN 978 0 292 70862 4 Borup Jorn Fibiger Marianne Qvortrup Kuhle Lene 1 October 2019 Religious Diversity in Asia phasaxngkvs BRILL ISBN 978 90 04 41581 2 Brockopp Jonathan E 19 April 2010 The Cambridge Companion to Muhammad phasaxngkvs Cambridge University Press ISBN 978 1 139 82838 3 17 October 2003 A New Introduction to Islam phasaxngkvs Wiley ISBN 978 0 631 21604 9 2011 Muhammad A Very Short Introduction ISBN 978 0 19 955928 2 12 July 2017 Islam and the Infidels The Politics of Jihad Da wah and Hijrah phasaxngkvs Routledge ISBN 978 1 351 51150 6 Cheikh Nadia Maria El 6 October 2015 Women Islam and Abbasid Identity phasaxngkvs Harvard University Press ISBN 978 0 674 73636 8 Cimino Richard December 2005 No God in Common American Evangelical Discourse on Islam after 9 11 47 2 162 74 doi 10 2307 3512048 JSTOR 3512048 Cole W Owen 1 January 1996 Six World Faiths phasaxngkvs A amp C Black ISBN 978 0 8264 4964 1 1987 Abraha and Muhammad some observations apropos of chronology and literary topoi in the early Arabic historical tradition1 Bulletin of the School of Oriental and African Studies 50 2 225 40 doi 10 1017 S0041977X00049016 S2CID 162350288 Curtis Michael 2009 Orientalism and Islam European Thinkers on Oriental Despotism in the Middle East and India New York City p 31 ISBN 978 0 521 76725 5 Deming David 10 January 2014 Science and Technology in World History Volume 2 Early Christianity the Rise of Islam and the Middle Ages phasaxngkvs McFarland ISBN 978 0 7864 5642 0 El Azhari Taef Kamal 2019 Two Wives at the Same Time Sawda and Aisha Queens Eunuchs and Concubines in Islamic History 661 1257 phasaxngkvs Edinburgh University Press pp 24 5 ISBN 978 1 4744 2318 2 1998 Islam The Straight Path 3rd ed ISBN 978 0 19 511234 4 2002