ในศาสนาอิสลาม พระเยซู (อาหรับ: عِيسَى ٱبْنُ مَرْيَمَ, อักษรโรมัน: ʿĪsā ibn Maryam, แปลตรงตัว 'อีซา บุตรมัรยัม') เชื่อกันว่าเป็นนบีและเราะซูลของอัลลอฮ์และอัลมะซีห์ ท่านยังได้รับการพิจารณาว่าเป็นนบีที่ถูกส่งมาเพื่อชี้นำวงศ์วานอิสราเอล (บะนีอิสรออีล) โดยได้รับการวะฮีย์คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เล่มที่สามที่เรียกว่า อินญีล
ชื่อ อีซา อิบน์ มัรยัม ในภาษาอาหรับ พร้อมกับคำว่า | |
เกิด | 4 ปีก่อนคริสตกาล , จักรวรรดิโรมัน |
สาบสูญ | ค.ศ. 30–33 , เยรูซาเลม, จักรวรรดิโรมัน |
ผู้ดำรงตำแหน่งก่อน | ยะฮ์ยา (ยอห์นผู้ให้บัพติศมา) |
ผู้สืบตำแหน่ง | มุฮัมมัด |
บิดามารดา | มัรยัม (แม่) |
ญาติ | ยะฮ์ยา (ลูกพี่ลูกน้อง) ซะกะรียา (ลุง) |
ในคัมภีร์อัลกุรอาน นนบีอีซาได้รับการอธิบายว่าเป็นพระเมสสิยาห์ (อัลมะซีห์) เกิดจากหญิงพรหมจารี แสดงปาฏิหาริย์ พร้อมด้วยสาวก ถูกปฏิเสธโดยสถานประกอบการของชาวยิว และถูกยกขึ้นสู่ชั้นฟ้า คัมภีร์กุรอานยืนยันว่านบีอีซาไม่ได้ถูกตรึงหรือสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน แต่อัลลอฮ์ทรงช่วยให้รอดอย่างอัศจรรย์ คัมภีร์กุรอานจัดให้นบีอีซาอยู่ในหมู่บรรดานบีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และกล่าวถึงท่านด้วยตำแหน่งต่างๆ การประกาศศาสนาของนบีอีซานำหน้าด้วยนบียะฮ์ยาและสืบต่อโดยนบีมุฮัมมัดซึ่งภายหลังมีรายงานว่านบีอีซาทำนายการมาของนบีมุฮัมมัด โดยใช้ชื่อ
อัลกุรอานปฏิเสธมุมมองของคริสเตียน เกี่ยวกับในฐานะพระเจ้าที่บังเกิดใหม่หรือพระบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง โดยปฏิเสธนบีอีซาว่าเป็นพระเจ้าในหลายข้อ และยังกล่าวว่านบีอีซาไม่ได้อ้างตนเองว่าเป็นพระเจ้า ชาวมุสลิมเชื่อว่าสาส์นดั้งเดิมของนบีอีซาถูก (ตะห์รีฟ) หลังจากที่พระองค์ได้รับการยกขึ้นไปยังชั้นฟ้า ลัทธิเอกเทวนิยม (เตาฮีด) ของนบีอีซาได้รับการเน้นย้ำในอัลกุรอาน เช่นเดียวกับนบีในศาสนาอิสลาม นบีอีซา ถูกเรียกอีกอย่างว่ามุสลิมในขณะที่ท่านเทศนาว่าสาวกของเขาควรอยู่ใน '' (ศิรอฏ็อลมุสตะกีม). นบีอีซามีปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซาต) มากมายในความเชื่ออิสลาม
ใน นบีอีซาจะกลับมาในการเสด็จกลับมาครั้งที่สองพร้อมกับอิมามมะฮ์ดีเพื่อสังหารอัลมะซีฮุดดัจญาล ('พระเมสสิยาห์จอมปลอม') หลังจากนั้น (ยะอ์ญูจญ์ และ มะอ์ญูจญ์) เผ่าโบราณก็จะแยกย้ายกันไป หลังจากที่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะพินาศลงอย่างน่าอัศจรรย์ อิมามมะฮ์ดีและนบีอีซาจะปกครองโลกทั้งใบ สถาปนาสันติภาพและความยุติธรรม และสิ้นพระชนม์หลังจากครองราชย์ยาวนานถึง 40 ปี ชาวมุสลิมบางคนเชื่อว่าเขาจะถูกฝังเคียงข้างนบีมุฮัมมัดที่หลุมฝังศพที่สงวนไว้แห่งที่สี่ของโดมสีเขียวในมะดีนะฮ์
ชาวมุสลิมเข้าใจนบีอีซาว่าเป็นหนึ่งในบรรดานบีที่สำคัญที่สุดของศาสนาอิสลาม สถานที่ที่เชื่อกันว่านบีอีซาเสด็จกลับมา คือ มัสยิดอุมัยยะฮ์ในดามัสกัสเป็นที่นับถือของชาวมุสลิมอย่างสูงในฐานะอันดับสี่ของศาสนาอิสลาม นบีอีซาเป็นที่นับถืออย่างกว้างขวางในลัทธิศูฟีโดยมีการเขียนและท่องวรรณกรรมนักพรตและนักเวทมนตร์มากมายเกี่ยวกับบรรดานบีของอิสลาม
การประสูติ
เรื่องราวของนบีอีซาในศาสนาอิสลามเริ่มต้นด้วยบทอารัมภบทที่บรรยายหลายครั้งในคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งกล่าวถึงการประสูติของมารดาของท่าน คือ พระนางมัรยัม และการรับใช้ของนางในพระวิหารที่สองแห่งเยรูซาเล็ม ในขณะที่อยู่ภายใต้การดูแลของนบีซะกะรียา ผู้ซึ่งจะกลายเป็นบิดาของนบียะฮ์ยา (ยอห์น ผู้ให้บัพติศมา) เรื่องราวการประสูติของนบีอีซาในอัลกุรอานเริ่มต้นที่กุรอาน 19:16–34 และ กุรอาน 3:45–53 เรื่องเล่าเกี่ยวกับการเกิดนี้ได้รับการเล่าขานโดยมีการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมรายละเอียดโดยนักประวัติศาสตร์อิสลามตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ในเรื่องของการประสูติอันบริสุทธิ์ของนบีอีซา แม้ว่าเทววิทยาอิสลามจะยืนยันว่าพระนางมารีย์เป็นเครื่องมือที่บริสุทธิ์ แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามแนวคิดเรื่องการปฏิสนธินิรมลที่เกี่ยวข้องกับการประสูติของพระนางมารีย์ในบางประเพณีของชาวคริสต์
การประกาศ
อรรถกถาของอิสลามยืนยันการประสูติบริสุทธิ์ของนบีอีซาคล้ายกับเรื่องราวในอินญีลและเกิดขึ้นในเบธเลเฮม เรื่องราวของการเกิดที่บริสุทธิ์เปิดขึ้นพร้อมกับการประกาศถึงพระนางมัรยัมโดยมะลาอิกะฮ์ (ญิบรีล) ในขณะที่พระนางมัรยัมถูกเลี้ยงดูในพระวิหาร หลังจากที่มารดาของนางให้คำมั่นสัญญากับอัลลอฮ์ ญิบรีล กล่าวว่า นางได้รับเกียรติเหนือบรรดาสตรีทุกนางจากทุกประชาชาติ และได้นำข่าวดีมาให้นางทราบเกี่ยวกับบุตรชายผู้บริสุทธิ์
ญิบรีลประกาศว่าจะตั้งชื่อบุตรชายว่า อัลมะซีห์ อีซา โดยประกาศว่าท่านจะถูกเรียกว่านบีผู้ยิ่งใหญ่ พระนางมัรยัมถามว่า นางจะตั้งครรภ์และมีบุตรได้อย่างไรในเมื่อไม่มีใครแตะต้องนาง มะลาอิกะฮ์ตอบว่า อัลลอฮ์ทรงสามารถกำหนดสิ่งที่พระองค์ประสงค์ได้ และสิ่งนั้นจะเป็นจริง
เรื่องเล่าจากคัมภีร์อัลกุรอานดำเนินต่อไปกับพระนางมัรยัม ซึ่งถูกเอาชนะด้วยความเจ็บปวดจากการคลอดบุตร ได้รับธารน้ำที่อยู่เท้าซึ่งพระนางสามารถดื่มได้ และด้วยต้นอินทผลัมที่พระนางสามารถเขย่าเพื่อให้ผลอินทผลัมสุกร่วงลงมาและมีความสุข หลังจากคลอดแล้ว พระนางมัรยัมก็อุ้มทารกอีซากลับไปที่พระวิหารและมีผู้อาวุโสในพระวิหารถามเกี่ยวกับทารกนั้น หลังจากได้รับคำสั่งจากญิบรีลให้กล่าวคำปฏิญาณอย่างสงบ นางชี้ไปที่ทารกอีซา และทารกก็ประกาศว่า:
เขา (อีซา) กล่าวว่า แท้จริงข้าพเจ้าเป็นบ่าวของอัลลอฮ์ พระองค์ทรงประทานคัมภีร์แก่ข้าพเจ้าและทรงให้ข้าพเจ้าเป็นนบี และพระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าได้รับความจำเริญ ไม่ว่าข้าพเจ้าจะอยู่ ณ ที่ใด และทรงสั่งเสียให้ข้าพเจ้าทำการละหมาดและจ่ายซะกาตตราบที่ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ และทรงให้ข้าพเจ้าทำดีต่อมารดาของข้าพเจ้าและจะไม่ทรงทำให้ข้าพเจ้าเป็นผู้หยิ่งยะโส ผู้เลวทรามต่ำช้า และความศานติจงมีแด่ข้าพเจ้า วันที่ข้าพเจ้าถูกคลอด และวันที่ข้าพเจ้าตาย และวันที่ข้าพเจ้าถูกฟื้นขึ้นให้มีชีวิตใหม่
นบีอีซาพูดบนเปลเป็นหนึ่งในหกปาฏิหาริย์ที่มาจากท่านในอัลกุรอาน ซึ่งเป็นเรื่องราวที่พบใน ซึ่งเป็นผลงานในศตวรรษที่ 6 เช่นกัน ตามหะดีษต่างๆ นบีอีซาและพระนางมัรยัมไม่ได้ร้องไห้ตั้งแต่แรกเกิด
เรื่องเล่าการเกิด
ความเชื่อของอิสลามสะท้อนให้เห็นบางส่วนในประเพณีของชาวคริสต์ที่ว่ามัรยัม (หรือมารีย์) เป็นหญิงพรหมจารีอย่างแท้จริงเมื่อทรงตั้งครรภ์นบีอีซา เรื่องราวโดยละเอียดที่สุดของการประกาศและการประสูติของนบีอีซามีอยู่ในซูเราะฮ์ 3 () และ 19 () ของคัมภีร์กุรอานซึ่งมีเรื่องราวที่เล่าว่าอัลลอฮ์ (พระเจ้า) ได้ส่งมะลาอิกะฮ์มาประกาศว่าในไม่ช้าพระนางมัรยัมจะมีบุตรชายทั้ง ๆ ที่ยังเป็นหญิงพรหมจารี
นักวิชาการบางคนตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องราวในซูเราะฮ์ 19 นั้นใกล้เคียงกับในพระกิตติคุณของคริสเตียนเรื่องลูกาเป็นพิเศษ การประกาศถึงพระนางมัรยัมถูกกล่าวถึง 2 ครั้งในอัลกุรอาน และในทั้งสองกรณีพระนางมัรยัม/พระนางมารีย์ได้รับการบอกเล่าว่าอัลลอฮ์ทรงเลือกนางให้มีบุตรชายคนหนึ่ง ในกรณีแรก ผู้ถือสาร (ซึ่งชาวมุสลิมส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นมะลาอิกะฮ์ญิบรีล) ได้ส่งสารใน (กุรอาน 3:42-47) ขณะที่เขามีรูปร่างเป็นผู้ชาย (กุรอาน 19:16-22) ไม่มีการกล่าวถึงรายละเอียดของการปฏิสนธิ แต่เมื่อพระนางมัรยัมถามว่า นางสามารถให้กำเนิดบุตรชายได้อย่างไรเมื่อพิจารณาถึงความบริสุทธิ์ทางเพศของนาง นางบอกว่าอัลลอฮ์ทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องง่ายสำหรับอัลลอฮ์
นักประวัติศาสตร์ชาวมุสลิมในศตวรรษที่ 8 (ค.ศ. 704–767) เขียนเรื่องชื่อ กิตาบ อัลมุบตาดะอ์ ("ในตอนเริ่มต้น") โดยรายงานว่า นบีซะกะรียาเป็นผู้ปกครองของพระนางมัรยัมในช่วงสั้นๆ และหลังจากไม่สามารถดูแลนางได้ ท่านจึงมอบความไว้วางใจให้นาง ช่างไม้ชื่อ ญิรญีส (จอร์จ) ชายหนุ่มชื่อ ยูซุฟ (โยเซฟ) มาสมทบกับนางในพระวิหารอันเงียบสงบ พวกเขาช่วยกันตักน้ำและงานอื่นๆ เรื่องราวการประสูติของนบีอีซาเป็นไปตามคำบรรยายของอัลกุรอาน โดยเสริมว่าการประสูติเกิดขึ้นในเบธเลเฮม ข้างต้นปาล์มที่มีรางหญ้า
นักปราชญ์ชาวเปอร์เซีย ในศตวรรษที่ 10 (839–923) กล่าวถึงทูตที่เดินทางมาจากกษัตริย์แห่งเปอร์เซียพร้อมของขวัญ (คล้ายกับ นักมายากลในพระคัมภีร์ไบเบิล) สำหรับอัลมะซีห์ (พระเมสสิยาห์) คำสั่งให้ชายชื่อ ยูซุฟ (ไม่ใช่สามีของมารีย์โดยเฉพาะ) ให้พานางและบุตรไปอียิปต์และกลับมาที่นาซาเร็ธ ในภายหลัง
วัยเด็ก
อัลกุรอานไม่ได้รวมถึงประเพณีการเดินทางไปอียิปต์ แม้ว่าซูเราะฮ์ 23:50 อาจกล่าวถึงเรื่องนี้: "และเราได้ให้สัญญาณแก่บุตรของมัรยัมและมารดาของเขา และเราได้ให้พวกเขาอยู่ในที่สูงซึ่งเต็มไปด้วย เงียบสงบและมีน้ำพุ" อย่างไรก็ตาม เรื่องเล่าที่คล้ายกับเรื่องเล่าที่พบในอินญีลและแหล่งข้อมูลที่ไม่เป็นที่ยอมรับแพร่หลายในประเพณีอิสลามยุคหลัง โดยมีรายละเอียดและรายละเอียดเพิ่มเติมบางส่วนที่นักเขียนและนักประวัติศาสตร์อิสลามได้เพิ่มเข้ามาตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา บางเรื่องเล่าว่านบีอีซาและครอบครัวอยู่ในอียิปต์ ถึง 12 ปี เรื่องราวทางศีลธรรมมากมายและเหตุการณ์อัศจรรย์ในวัยเยาว์ของนบีอีซาถูกกล่าวถึงใน ('เรื่องราวของบรรดานบี') ซึ่งแต่งขึ้นในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมาเกี่ยวกับนบีและบุคคลในยุคก่อนอิสลาม
อัลมัสอูดีย์ เขียนว่านบีอีซาเมื่อยังเป็นเด็กได้ศึกษาศาสนายิวที่อ่านจากซะบูร และพบว่า
เจ้าเป็นบุตรของข้ส และเป็นที่รักของข้า ข้าจะเลือกเจ้าเอง
โดยนบีอีซา อ้างว่า
วันนี้พระวจนะของอัลลอฮ์ทรงสำเร็จในบุตรมนุษย์
วัยผู้ใหญ่
ภารกิจ
เป็นที่ตกลงกันโดยทั่วไปว่านบีอีซาพูดภาษาอราเมอิก ซึ่งเป็นภาษากลาง ของแคว้นยูเดียในศตวรรษที่หนึ่งและภูมิภาคโดยรวม
มุมมองแรกและแรกสุดของนบีอีซาที่คิดขึ้นในความคิดของอิสลามคือมุมมองของนบี – มนุษย์ที่อัลลอฮ์ทรงเลือกให้นำเสนอทั้งการพิพากษาต่อมนุษยชาติสำหรับการบูชารูปเคารพและการท้าทายให้หันไปหาพระเจ้าที่แท้จริงองค์เดียว จากพื้นฐานนี้ สะท้อนให้เห็นบรรดานบีคนก่อน ๆ ผ่านมุมมองของอัตลักษณ์ของชาวมุสลิม นบีอีซาถูกมองว่าเป็นเพียงเราะซูลที่กล่าวสารซ้ำๆ ในยุคนั้น ปาฏิหาริย์ของนบีอีซาและชื่อในคัมภีร์กุรอานของนบีอีซาแสดงให้เห็นถึงพลังของพระเจ้ามากกว่าความเป็นพระเจ้าของพระเยซู ซึ่งเป็นพลังเดียวกันที่อยู่เบื้องหลังสารของบรรดานบีทุกคน ประเพณีบางอย่างของอิสลามเชื่อว่าภารกิจของนบีอีซามีไว้สำหรับชนชาติอิสราเอลเท่านั้น และสถานะของเขาในฐานะนบีได้รับการยืนยันโดยปาฏิหาริย์มากมาย
ภาพลักษณ์ที่สองของนบีอีซาในช่วงต้นคือภาพในยุคสุดท้าย แนวคิดนี้ส่วนใหญ่มาจากหะดีษ ประเพณีของชาวมุสลิมสร้างเรื่องเล่าที่คล้ายคลึงกันที่พบในเทววิทยาของคริสเตียน โดยเห็นว่านบีอีซาเสด็จมาในยุคสุดท้ายและเสด็จลงมาบนโลกเพื่อต่อสู้กับกลุ่มของอัลมะซีห์ ดัจญาล เรื่องเล่านี้เป็นที่เข้าใจกันว่าสนับสนุนอุดมการณ์ของศาสนาอิสลาม โดยมีประเพณีบางอย่างที่บรรยายถึงนบีอีซซาที่ชี้ไปที่ความเป็นอันดับหนึ่งของนบีมุฮัมมัด ประเพณีส่วนใหญ่ระบุว่านบีอีซาจะสิ้นพระชนม์ตามธรรมชาติ
ภาพที่สามที่โดดเด่นคือภาพของนบีอีซาซึ่งเป็นตัวแทนของปุโรหิต – นบีแห่งหัวใจ แม้ว่าอัลกุรอานจะอ้างถึง 'อัลอินญีล' ของนบีอีซา แต่คำสอนเฉพาะเจาะจงของนบีอีซาไม่ได้ถูกกล่าวถึงในคัมภีร์กุรอานหรือข้อความทางศาสนาในภายหลัง
การเทศน์
แนวคิดของอิสลามเกี่ยวกับคำเทศนาของนบีอีซาเชื่อว่ามีต้นกำเนิดใน ประเทศอิรัก ภายใต้รัฐเคาะลีฟะฮ์รอชิดีน ซึ่งเป็นที่ซึ่งนักเขียนกลุ่มแรกสุดเกี่ยวกับประเพณีและวิชาการของชาวมุสลิมได้รับการกำหนดขึ้น แนวคิดของนบีอีซาและงานประกาศของท่านที่พัฒนาขึ้นในกูฟะฮ์นั้นรับเอามาจากคริสเตียนนักพรตในยุคแรกๆ ของอียิปต์ ซึ่งต่อต้านการแต่งตั้งบาทหลวงของคริสตจักรอย่างเป็นทางการจากโรม
เรื่องแรกสุดที่มีจำนวนประมาณ 85 เรื่องนั้นพบในวรรณกรรมนักพรตสองชุดใหญ่ที่มีชื่อว่า กิตาบุซซุฮ์ด วัรเราะกออิก ('หนังสือแห่งการบำเพ็ญตบะและการเมตตากรุณา') โดย (เสียชีวิต 797) และ กิตาบุซซุฮ์ด ('หนังสือแห่งการบำเพ็ญตบะ') โดย (เสียชีวิต 855) คำพูดเหล่านี้แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มพื้นฐาน:
- คำพูดเกี่ยวกับวันกิยามะฮ์;
- คำพูดกึ่งอินญีล;
- คำพูดและเรื่องราวของนักพรต
- sayings echoing intra-Muslim polemics.
คำพูดกลุ่มแรกเป็นการขยายต้นแบบของนบีอีซาตามที่ปรากฏในคัมภีร์กุรอาน เรื่องราวกลุ่มที่สองแม้ว่าจะมีแกนหลักในอัลอินญีล แต่ก็มีการขยายเพิ่มเติมด้วย "ตราประทับของอิสลามที่ชัดเจน" กลุ่มที่สามซึ่งใหญ่ที่สุดในสี่กลุ่ม พรรณนาถึงนบีอีซาในฐานะนักบุญอุปถัมภ์ของการบำเพ็ญตบะของชาวมุสลิม กลุ่มสุดท้ายสร้างขึ้นจากต้นแบบของอิสลามและคำจำกัดความของนบีอีซาที่มีมุสลิมเป็นศูนย์กลางและคุณลักษณะของท่าน เสริมแนวคิดที่ลึกลับเกี่ยวกับคำศัพท์ต่างๆ เช่น "พระวิญญาณของอัลลอฮ์" และ "พระวจนะของอัลลอฮ์"
มุอ์ญิซาต (ปาฏิหาริย์)
คัมภีร์อัลกุรอานกล่าวถึงการอัศจรรย์อย่างน้อยหกประการของนบีอีซา โดยมีนักเขียนและนักประวัติศาสตร์เพิ่มเข้ามาอีกมากในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา
การอัศจรรย์ทั้งหกนี้ในอัลกุรอานไม่มีรายละเอียดซึ่งแตกต่างจากพระกิตติคุณและแหล่งที่มาของความรู้ทางความคิดที่ไม่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งรวมถึงรายละเอียดและกล่าวถึงการอัศจรรย์อื่นๆ ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา เรื่องเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ทั้งหกนี้ได้รับการอธิบายอย่างละเอียดผ่านหะดีษและกวีนิพนธ์ โดยมีงานเขียนทางศาสนารวมถึงปาฏิหาริย์อื่นๆ ที่กล่าวถึงในพระวรสาร แหล่งข้อมูลที่ไม่เป็นที่ยอมรับ และจากตำนาน
พูดบนเปล
คำพูดบนเปลมีการกล่าวถึงในสามแห่งในอัลกุรอาน: อาลิ อิมรอน (3) 41, 46, อัลมาอิดะฮ์ (5) 109–110 และมัรยัม (19) 29–30 ส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องมีทารกอีซาปกป้องพระนางมัรยัมจากข้อกล่าวหาว่าให้กำเนิดบุตรโดยไม่มีสามีที่รู้จัก อิสลามในยุคแรกยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับโยเซฟและบทบาทของท่าน นบีอีซากล่าวตามที่มะลาอิกะฮ์ญิบรีลกล่าวไว้ตอนประกาศ: นบีอีซาประกาศว่าตนเป็นบ่าวของอัลลอฮ์ ได้รับคัมภีร์ เป็นนบี ได้รับพรไม่ว่าจะไปแห่งหนใด ทรงอวยพรวันเกิด วันที่ท่านจะสิ้นพระชนม์ และวันที่ท่านทรงฟื้นคืนพระชนม์
สร้างนกจากดินเหนียว
เรื่องราวมหัศจรรย์ของการสร้างนกจากดินเหนียวและหายใจให้ชีวิตแก่พวกมันเมื่อเด็กถูกกล่าวถึงในอาลิ อิมรอน (3) 43, 49 และอัลมาอิดะฮ์ (5) 109–110
รักษาคนตาบอดและคนโรคเรื้อน
คล้ายกับพันธสัญญาใหม่ อัลกุรอานกล่าวถึงนบีอีซารักษาคนตาบอดและคนโรคเรื้อน ในอาลิ อิมรอน (3) 49 นักวิชาการมุสลิมและผู้พิพากษา (เสียชีวิต 1286) ได้เขียนบันทึกว่ามีผู้คนหลายพันคนมาหานบีอีซาเพื่อรับการรักษา และนบีอีซารักษาโรคเหล่านี้ด้วยขอดุอาเท่านั้น นักวิชาการในยุคกลางเขียนเกี่ยวกับโรคเฉพาะทั้งสองนี้ว่าเกินความช่วยเหลือทางการแพทย์ได้อย่างไร และปาฏิหาริย์ของนบีอีซามีไว้เพื่อให้ผู้อื่นได้เห็นเพื่อเป็นสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อความของท่าน
ชุบชีวิตคนตาย
เชื่อกันว่านบีอีซาได้ชุบชีวิตผู้คนขึ้นมาจากความตาย ดังที่กล่าวไว้ในอาลิ อิมรอน (3) 49 แม้ว่าจะไม่มีรายละเอียดว่าใครถูกคืนชีพขึ้นมาหรือสถานการณ์ แต่ก็มีการกล่าวถึงรายละเอียดในพระกิตติคุณของคริสเตียน อย่างน้อยสามคน ( ลูกชายของหญิงม่าย ที่นาอิน และ ลาซารัส)
พยากรณ์
นบีอีซาสามารถทำนาย หรือ รู้ล่วงหน้า ถึงสิ่งที่ซ่อนเร้นหรือไม่ทราบสำหรับผู้อื่น ตัวอย่างหนึ่งคือนบีอีซาจะตอบคำถามทุกข้อที่ทุกคนถามท่านอย่างถูกต้อง อีกตัวอย่างหนึ่งคือ นบีอีซารู้ว่าผู้คนเพิ่งกินอะไรไปบ้าง รวมทั้งสิ่งที่พวกเขาเก็บไว้ในบ้านด้วย
สำรับอาหารจากสวรรค์
ในบทที่ห้าของอัลกุรอาน (5) 112–115 มีคำบรรยายกล่าวถึงสาวกของนบีอีซาที่ขอสำรับที่เต็มไปด้วยอาหารและเพื่อให้เป็นวันพิเศษสำหรับพวกเขาในอนาคต นี่อาจเป็นการอ้างอิงถึงศีลมหาสนิท ตามศาสตราจารย์ด้านอิสลามและอาหรับศึกษา W. Montgomery Watt (เสียชีวิต 2006) ตามที่ศาสตราจารย์ด้านศาสนาเปรียบเทียบ เจฟฟรีย์ พาร์รินเดอร์ (เสียชีวิต 2005) มันไม่มีความชัดเจนว่าเรื่องนี้คล้ายคลึงกับ พระกระยาหารมื้อสุดท้ายของพระกิตติคุณหรือการให้อาหารแก่ฝูงชน แต่อาจเชื่อมโยงกับคำภาษาอาหรับ อีด (เทศกาลของชาวมุสลิม):
ขณะที่อัลฮะวารียูนกล่าวว่า โอ้อีซาบุตรของมัรยัม! พระเจ้าของท่านสามารถที่จะให้สำรับอาหารจากฟากฟ้าลงมาแก่พวกเราไหม เขากล่าวว่า พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ์ หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา พวกเขากล่าวว่า พวกเราต้องการที่จะบริโภคจากมัน และที่จะให้หัวใจของพวกเราสงบ และที่พวกเราจะได้รู้ว่า ท่านได้พูดจริงแก่พวกเรา และที่พวกเราจะได้เป็นพยานยืนยันในเรื่องนั้นด้วย อีซาบุตรของมัรยัม ได้กล่าวว่า ข้าแต่อัลลอฮ์ ผู้เป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ โปรดได้ทรงประทานลงมาแก่พวกข้าพระองค์ ซึ่งสำรับอาหารจากฟากฟ้าด้วยเถิด จะได้เป็นวันรื่นเริงแก่พวกข้าพระองค์ ทั้งแก่คนแรกของพวกข้าพระองค์ และแก่คนสุดท้ายของพวกข้าพระองค์ และจะได้เป็นสัญญาณหนึ่งจากพระองค์ และโปรดได้ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกข้าพระองค์ด้วยเถิด และพระองค์นั้น คือผู้ที่ดีเยี่ยมในหมู่ผู้ประทานปัจจัยยังชีพทั้งหลาย อัลลอฮ์ ตรัสว่า แท้จริงข้าจะให้มันลงมาแก่พวกเจ้า แล้วผู้ใดในหมู่พวกเจ้าปฏิเสธศรัทธาหลังจากนั้น แน่นอนข้าจะลงโทษเขา ซึ่งโทษที่ข้าจะไม่ลงโทษนั้นแก่ผู้ใดในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย
ในบันทึกของ ผู้พิพากษาสุนนะฮ์ ก่อนอาหารมื้อสุดท้าย การขู่ฆ่าทำให้ท่านวิตกกังวล ดังนั้น นบีอีซาจึงเชิญเหล่าสาวกไปรับประทานอาหารมื้อสุดท้าย หลังจากเสวยพระกระยาหารแล้ว ท่านล้างมือและสรงมือเพื่อเช็ดมือของท่าน หลังจากนั้น นบีอีซากล่าวตอบพวกเขาว่า “สำหรับคืนนี้ที่เราได้กระทำแก่ท่าน คือให้เรารับประทานอาหารและล้างมือต่อหน้าท่าน ขอให้เป็นตัวอย่างแก่ท่าน ในเมื่อเจ้าถือว่าเราดีกว่าเจ้าก็จริง อย่าหยิ่งยโสในกันและกัน แต่จงเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันเหมือนที่เราได้ขยายตนเองเพื่อเจ้า" หลังจากสั่งสอนสาวกในคำสอนของท่าน นบีอีซาบอกล่วงหน้าว่าคนหนึ่งจะปฏิเสธท่านและอีกคนหนึ่งจะทรยศท่าน อย่างไรก็ตาม ตามทัศนะของอิสลามเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู มีเพียงศพที่มีรูปลักษณ์เหมือนนบีอีซาเท่านั้นที่ถูกตรึงและนบีอีซาเองก็ถูกยกขึ้นสู่อัลลอฮ์
ปาฏิหาริย์อื่นๆ
รักษาลูกชายขุนนาง
อัฏเฏาะบารี (เสียชีวิต 923) รายงานเรื่องราวการเผชิญหน้าของนบีอีซาในวัยผู้ใหญ่กับกษัตริย์องค์หนึ่งในภูมิภาคและการรักษาพระโอรสของพระองค์ ไม่มีการกล่าวถึงตัวตนของกษัตริย์ในขณะที่ตำนานกล่าวถึง การอ้างอิงในพระคัมภีร์ที่สอดคล้องกันคือ "ลูกชายของเจ้าหน้าที่ราชวงศ์"
ความโลภและการบอกความจริง
เรื่องราวในตำนานของปาฏิหาริย์โดยนบีอีซาในวัยเยาว์ซึ่งใช้เป็นบทเรียนที่เรียนรู้ได้ยากซึ่งพบได้ทั่วไปในตำนานตะวันออกกลางตามคำบอกเล่าของศาสตราจารย์ อัยยูบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับชายชาวยิวและขนมปังก้อนหนึ่ง แม้ว่าจะมีการโต้เถียง แต่บทเรียนเน้นที่ความโลภด้วยการบอกเล่าความจริงที่ถักทอเป็นเรื่องราว เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในหนังสือเด็ก
ปัญญาโดยกำเนิด
เรื่องราวปาฏิหาริย์ในตำนานอีกเรื่องเกี่ยวกับสติปัญญาในวัยเด็กของนบีอีซา ตำนานนี้รายงานผ่าน alอัฏเฏาะบารี จาก อิบน์ อิสฮาก พูดถึงพระนางมัรยัม ส่งนบีอีซาไปโรงเรียนสอนศาสนาและครูประหลาดใจที่พบว่านบีอีซารู้ข้อมูลที่กำลังสอน / สนทนาอยู่แล้ว
อาหารในบ้านเด็ก
อีกเรื่องหนึ่งจากอัฏเฏาะบารี เล่าถึงนบีอีซาในวัยเยาว์ที่เล่นกับเยาวชนในหมู่บ้านของท่าน และบอกพวกเขาว่าพ่อแม่ของพวกเขาเตรียมอาหารอะไรให้พวกเขาที่บ้าน
ตามรายละเอียดของเรื่องเล่า พ่อแม่บางคนเริ่มรำคาญและห้ามไม่ให้ลูกๆ เล่นกับนบีอีซา เพราะสงสัยว่าเขาเป็นหมอผี ผลก็คือ พ่อแม่กีดกันลูกๆ ของพวกเขาให้ห่างจากนบีอีซาและรวบรวมลูกๆ ของพวกเขาไว้ในบ้านหลังเดียว วันหนึ่งนบีอีซารู้สึกโดดเดี่ยวจึงออกไปตามหาเพื่อนๆ และเดินมาที่บ้านนี้ ท่านถามพ่อแม่ของพวกเขาว่า เด็กๆ ของพวกเขาอยู่ที่ไหน พ่อแม่โกหกและตอบว่าเด็กไม่ได้อยู่ที่นี้ หลังจากที่นบีอีซาถามว่าใครอยู่ในบ้าน พ่อแม่ก็เรียกพระเยซูว่าสุกร จากนั้นนบีอีซากล่าวว่า "ขอให้มีสุกรในบ้านนี้" เปลี่ยนเด็กทุกคนให้เป็นสุกร
ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา นักเขียนชาวมุสลิมยังได้อ้างถึงปาฏิหาริย์อื่นๆ เช่น การขับผีออก โดยยืมมาจากแหล่งข้อมูลนอกรีต ก่อนอิสลาม และจากแหล่งข้อมูลตามบัญญัติ เมื่อตำนานเกี่ยวกับนบีอีซาได้รับการขยายออกไป
การวะฮีย์
ชาวมุสลิมเชื่อว่าอัลลอฮ์ทรงวะฮีย์พระคัมภีร์ใหม่แก่พระเยซูที่เรียกว่า อินญีล (พระกิตติคุณ) ในขณะเดียวกันก็ทรงประกาศความจริงของการวะฮีย์ก่อนหน้านี้: อัตเตารอฮ์ (โทราห์) และ อัซซะบูร (เพลงสดุดี) คัมภีร์อัลกุรอานพูดถึง อัลอินญีล ซึ่งอธิบายว่าเป็นคัมภีร์ที่เติมเต็มหัวใจของสาวกด้วยความสุภาพอ่อนน้อมและความกตัญญู การอรรถาธิบายของอิสลามแบบดั้งเดิมอ้างว่าข้อความในพระคัมภีร์ไบเบิลถูกบิดเบือน () เรียกว่า ตะอ์ยีน อัลมุบฮัม ("การแก้ปัญหาความกำกวม") ความพยายามโต้เถียงนี้มีต้นกำเนิดในยุคกลางด้วยงานเขียนของ เกี่ยวกับกฎของมูซา คัมภีร์กุรอานระบุว่านบีอีซาไม่เคยยกเลิกกฎหมายของชาวยิว แต่ยืนยันพวกเขา ในขณะที่ทำการยกเลิกเพียงบางส่วนเท่านั้น
ชาวมุสลิมเชื่อมานานแล้วว่า เปาโล จงใจทำให้คำสอนดั้งเดิมของพระเยซูเสื่อมเสีย นักประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 9 ยืนยันว่ามีแรบไบบางคนเกลี้ยกล่อมให้เปาโลจงใจชักนำคริสเตียนยุคแรกในทางที่ผิดโดยแนะนำสิ่งที่ มองว่าเป็นหลักคำสอนที่ไม่เหมาะสมในศาสนาคริสต์
อ้างอิงจาก ยูซุฟ อัลเกาะเราะฎอวี ในหนังสือของเขาชื่อว่า ผู้ทรงบัญญัติและห้ามในอิสลาม ข้อจำกัดทางกฎหมายที่พระเยซูทรงยกเลิกสำหรับชาวยิว นั้นเป็นบทบัญญัติที่อัลลอฮ์ทรงบัญญัติไว้ในตอนแรกเพื่อเป็นการลงโทษ ข้อคิดเห็นแบบคลาสสิกเช่น ระบุว่าเกี่ยวข้องกับการบริโภค ปลา และเนื้อนก โดยไม่มีหนามหรือโดยทั่วไป
อัลฮะวารียูน
คัมภีร์กุรอานระบุว่านบีอีซาได้รับความช่วยเหลือจาก กลุ่มหนึ่ง (Ḥawāriyyūn) ที่เชื่อในสารของพระองค์ ในขณะที่ไม่ได้ระบุชื่อเหล่าสาวก อัลกุรอานได้ให้บางตัวอย่างที่นบีอีซาเทศนาสารแก่พวกเขา ชาวมุสลิมมองว่าสาวกของพระเยซูเหมือนกับ (Ṣaḥāba) ของนบีมุฮัมมัด ตามศาสนาคริสต์ ชื่อของสาวกทั้งสิบสองคนคือ เปโตร อันดรูว์ ยากอบ ยอห์น ฟีลิป บาร์โธโลมิว โธมัส มัทธิว ยากอบ บุตรอัลเฟอัส ยูดา ซีโมน และ ยูดาส
คัมภีร์กุรอานกล่าวถึงในบทที่ 3 โองการที่ 52–53 ว่าบรรดาสาวกยอมจำนนต่อศรัทธาของศาสนาอิสลาม:
ครั้งเมื่ออีซารู้สึกว่ามีการปฏิเสธศรัทธาเกิดขึ้นในหมู่พวกเขา จึงได้กล่าวว่า ใครบ้างจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันไปสู่อัลลอฮ์ บรรดาสาวกผู้บริสุทธิ์ใจกล่าวว่า พวกเราคือผู้ช่วยเหลืออัลลอฮ์ พวกเราศรัทธาต่ออัลลอฮฺแล้ว และท่านจงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริงพวกเรานั้น คือผู้น้อมตาม ข้าแต่พระเจ้าของพวกข้าพระองค์ พวกข้าพระองค์ศรัทธาแล้วต่อสิ่งที่พระองค์ได้ประทานลงมา และพวกข้าพระองค์ก็ได้ปฏิบัติตามร่อซู้ลแล้ว โปรดทรงบันทึกพวกข้าพระองค์ร่วมกับบรรดาผู้ที่กล่าวปฏิญาณยืนยันทั้งหลายด้วยเถิด
— อัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อาลิ อิมรอน อายะฮ์ที่ 52–53
เรื่องเล่าที่ยาวที่สุดเกี่ยวกับสาวกของนบีอีซาคือตอนที่นบีอีซาแสดงปาฏิหาริย์โดยนำสำรับอาหารมาจากสวรรค์ตามคำขอของพวกเขา เพื่อพิสูจน์เพิ่มเติมว่าคำเทศนาของท่านเป็นสารจริง
การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
โองการที่ 157 ของ เป็นอายะฮ์แรกของอัลกุรอานที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่นบีอีซาถูกตรึงกางเขน กล่าวว่านบีอีซาไม่ได้ถูกฆ่าหรือไม่ได้ถูกตรึงกางเขน แต่ "ถูกทำให้ปรากฏแก่พวกเขา":
ประเพณีอิสลามส่วนใหญ่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่านบีอีซาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนหรืออย่างอื่น
ตามอัลกุรอาน ท่านไม่ถูกตรึงกางเขน แต่ได้รับการช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ (แม้ว่าประเพณีและอรรถกถาของอิสลามในยุคแรกๆ จะอ้างถึงรายงานที่ค่อนข้างขัดแย้งกันเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์และระยะเวลาของการสิ้นพระชนม์ แต่ชาวมุสลิมเชื่อว่านบีอีซาไม่ได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน แต่เชื่อว่าท่านทรงได้รับความรอดโดยการถูกชุบชีวิตขึ้นสู่สวรรค์ )
การแทน
ไม่ชัดเจนว่าการตีความแบบแทนที่เกิดขึ้นจากที่ใด แต่นักวิชาการบางคนพิจารณาว่าทฤษฎีดังกล่าวมีต้นกำเนิดมาจากกลุ่มนอสติกบางกลุ่มในศตวรรษที่ 2 Leirvik พบว่าอัลกุรอานและหะดีษได้รับอิทธิพลอย่างชัดเจนจากศาสนาคริสต์ที่ไม่เป็นที่ยอมรับ ('นอกรีต') ที่แพร่หลายในคาบสมุทรอาหรับและในอบิสซิเนีย
ในขณะที่นักวิชาการชาวตะวันตกส่วนใหญ่, ชาวยิว [ และชาวคริสต์เชื่อว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์ เทววิทยามุสลิมนิกายออร์โธด็อกซ์สอนว่าท่านเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ โดยไม่ได้ถูกตรึงบนไม้กางเขน และอัลลอฮ์ได้ทรงเปลี่ยนอีกบุคคลหนึ่ง ให้ดูเหมือนนบีอีซาทุกประการ ถูกตรึงแทนนบีอีซา
ความไม่ลงรอยกันและความบาดหมางบางอย่างสามารถเห็นได้จากรายงานของอิบน์ อิสฮาก (เสียชีวิต 761) เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่นำไปสู่การตรึงกางเขนโดยย่อ ประการแรกระบุว่านบีอีซาถูกแทนที่โดยคนที่ชื่อเซอร์จิอุส ในขณะที่รายงานที่สองเกี่ยวกับหลุมฝังศพของนบีอีซา ตั้งอยู่ที่มะดีนะฮ์และประการที่สามอ้างถึงสถานที่ในอัลกุรอาน (3:55; 4:158) ว่าอัลลอฮ์ทรงรับนบีอีซาไว้กับพระองค์เอง
Michael Cook ตั้งข้อสังเกตว่าการปฏิเสธว่านบีอีซาสิ้นพระชนม์เป็นไปตามความเชื่อนอกรีตของ Docetism ของคริสเตียนซึ่ง "ถูกรบกวนโดยพระเจ้าที่ควรจะตาย" แต่ข้อกังวลนี้ขัดแย้งกับหลักคำสอนของอิสลามอื่นที่ว่านบีอีซาเป็นมนุษย์ไม่ใช่พระเจ้า จากข้อมูลของ Todd Lawson นักตัฟซีรอัลกุรอานดูเหมือนจะสรุปการปฏิเสธการตรึงกางเขนของนบีอีซาโดยทำตามเนื้อหาที่ตีความในตัฟซีร ซึ่งอ้างอิงจากแหล่งที่มานอกคัมภีร์ไบเบิล Judeo-Christian โดยหลักฐานที่เป็นข้อความแรกสุดมีที่มาจาก แหล่งที่มาที่ไม่ใช่มุสลิม การอ่านงานเขียนคริสเตียนของ ในทางที่ผิดเกี่ยวกับความเข้าใจที่แท้จริงของลัทธิโดเซท (หลักคำสอนเชิงอรรถที่อธิบายถึงความเป็นจริงทางจิตวิญญาณและร่างกายของพระเยซูตามที่มนุษย์เข้าใจในแง่ตรรกะ) ซึ่งตรงข้ามกับคำอธิบายโดยนัย ยอห์น ชาวดามัสกัสเน้นคำยืนยันของคัมภีร์อัลกุรอานว่าชาวยิวไม่ได้ตรึงพระเยซูที่ไม้กางเขน ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับการกล่าวว่าพระเยซูไม่ได้ถูกตรึง โดยอธิบายว่าเป็นคัมภีร์อัลกุรอานที่หลากหลายในตัฟซีร ไม่ใช่อัลกุรอานเองที่ปฏิเสธการตรึงกางเขน ระบุเพิ่มเติมว่าข้อความในข้อ 4:157 เพียงยืนยันประวัติศาสตร์ของเหตุการณ์
การตีความสัญลักษณ์
(เสียชีวิต 958), (เสียชีวิต 935), (เสียชีวิต 971), (เสียชีวิต 1078) และกลุ่ม ยังยืนยันประวัติศาสตร์ของการตรึงกางเขน โดยรายงานว่านบีอีซาถูกตรึงกางเขนและไม่ได้ถูกแทนที่โดยชายอื่นดังที่นักวิจารณ์อัลกุรอานและนักตัฟซีรที่ได้รับความนิยมหลายคนได้อธิบายไว้ เมื่อไม่นานมานี้ ศาสตราจารย์และนักวิชาการได้ให้ความหมายเชิงสัญลักษณ์เพิ่มเติมสำหรับ ซูเราะฮ์ที่ 4 โองการที่ 157:
ดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว คัมภีร์กุรอานไม่ได้ปฏิเสธการสิ้นพระชนม์ของอัลมะซีห์ (พระคริสต์) แต่มันท้าทายมนุษย์ที่หลอกตัวเองในความโง่เขลาให้เชื่อว่าพวกเขาจะเอาชนะพระวจนะแห่งพระเจ้า นบีอีซา (พระเยซู) ศาสนทูตของอัลลอฮ์ การสิ้นพระชนม์ของนบีอีซาถูกกล่าวหลายครั้งและในบริบทต่างๆ (3:55; 5:117; 19:33.)
อัยยูบ แทนที่จะตีความข้อความว่าเป็นการปฏิเสธการสิ้นพระชนม์ของนบีอีซา กลับเชื่อว่าข้อความนี้เกี่ยวกับอัลลอฮ์ที่ปฏิเสธอำนาจของมนุษย์ที่จะเอาชนะและทำลายสารของอัลลอฮ์ คำว่า "แต่พวกเขาหาได้ฆ่าเขาหรือตรึงท่านไว้บนไม้กางเขนไม่" มีขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าอำนาจใดๆ ที่มนุษย์เชื่อว่าตนมีต่อพระเจ้านั้นเป็นเพียงภาพลวงตา
นักตัฟซีร อิสลามชาวสุนนะฮ์ บางคน เช่น ชัยค์ มุฮัมมัด เราะชีด ริฎอ นักโต้เถียงต่อต้านชาวคริสต์ มีท่าทีที่คลุมเครือในตำแหน่งว่าการตรึงกางเขน และการเสด็จขึ้นสู่ชั้นฟ้าของนบีอีซาเป็นเรื่องเชิงเปรียบเทียบ แต่ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เพื่อที่จะหักล้างหลักคำสอนของคริสเตียนเรื่องการตรึงกางเขน และ ความรอด ประณามหลักคำสอนของคริสเตียนอย่างครอบคลุมในเรื่องความรอด การชดใช้ และการตรึงกางเขนว่าไร้เหตุผลและ (ปฏิเสธศรัทธา) ในของเขา ริฎอยังประณามชาวยิว ที่สังหารบรรดานบีของอัลลอฮ์ โดยเขียนว่า:
ข้อเท็จจริงที่แท้จริงของการตรึงกางเขนไม่ใช่เรื่องที่คัมภีร์ของพระเจ้า พยายามยืนยันหรือปฏิเสธ ยกเว้นเพื่อจุดประสงค์ในการยืนยันว่าชาวยิว สังหารบรรดานบี อย่างไม่ยุติธรรม และประณามพวกเขาสำหรับการกระทำนั้น...ที่ผู้สร้าง จักรวาลอาจไปจุติในครรภ์ของสตรีในโลกนี้ซึ่งเมื่อเปรียบกับสิ่งสร้างอื่นๆ ของพระองค์แล้วก็เหมือนปรมาณูแล้วเกิดเป็นมนุษย์ กินดื่ม ประสบความเหน็ดเหนื่อยและทุกข์ยากอย่างอื่น มนุษยชาติ จากนั้นศัตรูของพระองค์จะประจบประแจงดูหมิ่นและเจ็บปวด และสุดท้ายก็ตรึงพระองค์ไว้ที่ไม้กางเขนและประกาศว่าท่านถูกสาปแช่งตามหนังสือที่พระองค์ทรงวะฮีย์แก่เราะซูลคนหนึ่งของพระองค์ ขอท่านทรงเป็นที่ยกย่องเหนือสิ่งทั้งปวงนี้!... เราว่าไม่มีใครเชื่อเลย เพราะอีมาน (ความศรัทธา) คือการยืนยัน (ตัสดีก) ด้วยเหตุผลบางประการที่สามารถเข้าใจได้... การกล่าวอ้างของดังนั้น ความกรุณาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความยุติธรรม เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
การตีความโองการ 3:55 ในช่วงต้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ข้าจะเป็นผู้รับเจ้าไปพร้อมด้วยชีวิตและร่างกายของเจ้า และจะเป็นผู้ยกเจ้าขึ้นไปยังข้า"), (เสียชีวิต 923) บันทึกการตีความของอิบน์ อับบาส ซึ่งใช้ตัวอักษรว่า "ข้าจะก่อให้เกิด เจ้าต้องตาย" ( mumayyitu-ka) แทนที่ มุตะวัฟฟีกะ เชิงเปรียบเทียบ ( 'นบีอีซาสิ้นพระชนม์') ในขณะที่ ผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสชาวยิวในยุคแรก มีรายงานว่า "อัลลอฮ์ทรงทำให้นบีอีซา บุตรของมัรยัมตาย เป็นเวลาสามชั่วโมงในตอนกลางวันแล้วพาท่านขึ้นไปเอง” อัฏเฏาะบารี ถ่ายทอดเพิ่มเติมจากอิบน์ อิสฮาก: "อัลลอฮืทรงให้นบีอีซาสิ้นพระชนม์เป็นเวลาเจ็ดชั่วโมง", ขณะที่อีกที่หนึ่งรายงานว่าบุคคลที่เรียกว่า เซอร์จิอุส ถูกตรึงที่กางเขนแทนนบีอีซา อิบน์ อะษีร ส่งต่อรายงานว่าเป็นยูดาส อิสคาริโอท ผู้ทรยศ ในขณะเดียวกันก็กล่าวถึงความเป็นไปได้ว่าเป็นคนที่ชื่อ นัทลีอานุส
ในการอ้างอิงถึงข้อความในอัลกุรอานที่ว่า "พวกเราได้ฆ่าอัลมะซีห็ อีซา บุตรของมัรยัม ศาสนทูตของอัลลอฮ์อย่างแน่นอน" นักวิชาการมุสลิม มะห์มูด อะยูบ ยืนยันว่าการโอ้อวดนี้ไม่ใช่เป็นการกล่าวซ้ำเรื่องโกหกทางประวัติศาสตร์หรือรายงานเท็จอย่างต่อเนื่อง แต่เป็น ตัวอย่างของความเย่อหยิ่งและความโง่เขลาของมนุษย์ด้วยท่าทีดูถูกต่ออัลลอฮ์และเราะซูลของพระองค์ อัยยูบ อธิบายเพิ่มเติมว่านักวิชาการสมัยใหม่ของศาสนาอิสลามตีความอย่างไรเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ตามประวัติศาสตร์ของนบีอีซา เนื่องจากมนุษย์ไม่สามารถทำลายพระวจนะของอัลลอฮ์และพระวิญญาณของอัลลอฮ์ได้ ซึ่งคัมภีร์กุรอานเป็นพยานว่าได้บรรจุอยู่ในอัลมะซีห์ อีซา อัยยูบ ยังคงเน้นย้ำถึงการปฏิเสธการสังหารนบีอีซาในขณะที่อัลลอฮ์ปฏิเสธอำนาจของมนุษย์ที่จะเอาชนะและทำลายพระวจนะของพระองค์ คำว่า "พวกเขาหาได้ฆ่าเขาและหาได้ตรึงเขาไว้บนไม้กางเขนไม่" กล่าวถึงเหตุการณ์อันลึกซึ้งในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ที่ไม่จีรังยั่งยืน เป็นการเปิดเผยหัวใจและมโนธรรมของมนุษยชาติต่อพระประสงค์ของพระเจ้า การที่มนุษย์อ้างว่ามีอำนาจต่อต้านพระเจ้านั้นเป็นเรื่องเหลวไหล “พวกเขาไม่ได้ฆ่าเขา [...] แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นสำหรับพวกเขา" พูดถึงจินตนาการของมนุษยชาติ ไม่ใช่การปฏิเสธเหตุการณ์จริงของนบีอีซาที่สิ้นพระชนม์ทางร่างกายบนไม้กางเขน
อีกรายงานหนึ่งจากอิบน์ กะษีร อ้างถึงคำพูดของอิสฮาก อิบน์ บิชร์ ซึ่งอยู่ในรายงานของอิดรีส ซึ่งจากรายงานจของวะฮ์บ อิบน์ มุนับบิฮ์ ว่า "อัลลอฮ์ทรงทำให้ท่านตายเป็นเวลาสามวัน จากนั้นจึงชุบชีวิตท่าน จากนั้นจึงชุบชีวิตท่านขึ้นมา"
อัลมัสอูดี (เสียชีวิต 956) รายงานการสิ้นพระชนม์ของอัลมะซีห์ภายใต้จักรพรรดิติแบริอุส
อิบน์ กะษีร (เสียชีวิต 1373) ปฏิบัติตามประเพณีที่บอกว่ามีการตรึงกางเขนเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่กับนบีอีซา หลังเหตุการณ์นั้น อิบน์ กะษีร รายงานว่าผู้คนถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่มตามเรื่องเล่าที่แตกต่างกันสามเรื่อง ยากอบ บาราเดอัส เชื่อว่า "พระเจ้ายังคงอยู่กับเราตราบเท่าที่พระองค์ทรงประสงค์และจากนั้นพระองค์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์"; ชาวเนสโตเรียน เชื่อว่า "บุตรของพระเจ้าอยู่กับเราตราบเท่าที่เขาประสงค์จนกว่าพระเจ้าจะทรงยกเขาขึ้นสวรรค์"; และชาวมุสลิมเชื่อว่า "บ่าวและเราะซูลของอัลลอฮ์ นบีอีซา อยู่กับเราตราบเท่าที่พระเจ้าประสงค์ จนกว่าพระเจ้าจะยกเขาขึ้นสู่พระองค์เอง"
นักปฏิรูปอิสลาม มุฮัมมัด เราะชีด ริฎอ เห็นด้วยกับนักตัฟซีรร่วมสมัยที่ตีความการสังหารอัลฮะวารียูนทางร่างกายว่าเป็นการตีความเชิงเปรียบเทียบ
การเสด็จมาครั้งที่สอง
ตามประเพณีของอิสลาม เมื่อเสด็จขึ้นสู่สวรรค์และประทับอยู่ที่นั่นเป็นเวลามากกว่า 2,000 ปี นบีอีซาจะลงมายังโลกก่อนวันกิยามะฮ์ไม่นาน ท่ามกลางสงครามที่ต่อสู้กับอัลมะซีฮุดดัจญ์ญาล ("พระเมสสิยาห์จอมปลอม") และผู้ติดตามท่าน เพื่อมาช่วยเหลืออิมาม อัลมะฮ์ดี และผู้ติดตามชาวมุสลิมของท่าน นบีอีซาจะเสด็จลงมาที่หอคอยสุเหร่าสีขาวทางทิศตะวันออกของเมืองดามัสกัส ในทิศตะวันออกซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสุเหร่าแห่งนบีอีซา ในมัสยิดอุมัยยะฮ์ จากนั้นท่านจะทักทาย มะฮ์ดี และ (เป็นมุสลิม) ละหมาดอยู่ข้างๆท่าน ในที่สุด นบีอีซาจะสังหารดัจญาลที่
หลังจากนั้นท่านจะ "หักไม้กางเขน ฆ่าหมู และยกเลิกภาษีญิซยะฮ์" ตามหะดีษในเศาะฮีฮ์ อัลบุคอรี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี "การตีความตามปกติ" ของคำทำนายนี้คือ ในฐานะที่เป็นมุสลิม นบีอีซาจะหยุดการบูชาตัวท่านเองของคริสเตียนและในความเชื่อในความเป็นพระเจ้าของท่าน ด้วยการหัก"สัญลักษณ์ด้วยไม้กางเขน" ท่านจะก่อตั้งกฎหมายควบคุมอาหารโคเชอร์/หะลาล ที่ศาสนาคริสต์ละทิ้งอีกครั้ง และเนื่องจากตอนนี้ชาวยิวและคริสเตียนทั้งหมดจะปฏิเสธความเชื่อเดิมของพวกเขาและเข้ารับอิสลาม จึงไม่จำเป็นต้องมี ญิซยะฮ์ ภาษีญิซยะฮ์จากผู้ปฏิเสธอีกต่อไป (ตามหะดีษบทหนึ่ง นบีอีซาจะทำการ "ทำลายโบสถ์และวิหารและฆ่าคริสเตียนเว้นแต่พวกเขาจะเชื่อในตัวท่าน")
ตำราอิสลามยังพาดพิงถึงการปรากฏขึ้นอีกครั้งของอันตรายโบราณ ยะอ์ญูจญ์และมะอ์ญูจญ์ (โกกและมาโกก) ซึ่งจะหลุดออกจากการคุมขังใต้ดินและก่อให้เกิดความหายนะไปทั่วโลก เพื่อตอบรับการดุอาอ์ของนบีอีซา อัลลอฮ์จะทรงฆ่าพวกเขาโดยส่งหนอนชนิดหนึ่งมาที่ท้ายทอยของพวกเขา และส่งนกตัวใหญ่มาอุ้มและเก็บศพของพวกเขาออกจากแผ่นดิน หลังจากการสิ้นพระชนม์ของมะฮ์ดี นบีอีซาจะรับตำแหน่งผู้นำโลกและสันติภาพและความยุติธรรมจะเป็นสากล
นอกจากนี้ ตามประเพณีแล้ว นบีอีซาจะแต่งงาน มีบุตร และปกครองโลกเป็นเวลาสี่สิบปี (ประเพณีให้ช่วงเวลาต่างกัน) หลังจากนั้นท่านจะสิ้นพระชนม์ ชาวมุสลิมจะทำ ให้ท่านและฝังท่านที่โดมเขียว ในเมืองมะดีนะฮ์ ในหลุมฝังศพที่ว่างเปล่าข้างนบีมุฮัมมัด, อะบูบักร์, และ อุมัรตามลำดับ ตามตำนานของอิบน์ ค็อลดูน เคาะลีฟะฮ์ทั้งสองจะฟื้นขึ้นมาจากความตายระหว่างบรรดานบีทั้งสอง
แหล่งที่มา
ในขณะที่อัลกุรอานไม่ได้บรรยายถึงการเสด็จกลับมาของนบีอีซาข้างต้นเลย ชาวมุสลิมจำนวนมากเชื่อว่าโองการอัลกุรอานสองตอนกล่าวถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของท่านในยุคสุดท้าย (1) โองการข้างต้นระบุว่าท่านไม่มีวันตายบนแผ่นดินโลก:
- “และ [เพราะ] พวกเขากล่าวว่า แท้จริงเราได้ฆ่าอัลมะซีห์ อีซา บุตรของมัรยัม ศาสนทูตของอัลลอฮ์” และพวกเขาไม่ได้ฆ่าเขาหรือไม่ได้ตรึงเขาไว้ที่ไม้กางเขน แต่ [อีก] ถูกสร้างให้คล้ายกับเขา และแท้จริงบรรดาผู้เห็นต่างในเรื่องนี้ย่อมสงสัยในเรื่องนี้ พวกเขาไม่มีความรู้ใดๆ เว้นแต่การสันนิษฐานดังต่อไปนี้ และพวกเขาไม่ได้ฆ่าเขาอย่างแน่นอน” (อัลกุรอาน 4:157:)
ข้อที่สองตีความเพื่อระบุความสัมพันธ์ระหว่างนบีอีซากับ "ชั่วโมง" (ยุคสุดท้าย):
- “และแท้จริง มีความรู้แห่งวันอวสาน” ดังนั้น พวกเจ้าอย่าสงสัยในเรื่องนี้ แต่จงตามข้ามา นี่คือแนวทางที่ถูกต้อง" (อัลกุรอาน 43:61)
หะดีษเกี่ยวกับการเสด็จกลับมาของนบีอีซานั้นย้อนไปถึงอะบูฮุร็อยเราะฮ์ หนึ่งใน แต่จริง ๆ แล้วอาจได้รับการแนะนำในภายหลังในช่วงสงครามกลางเมืองในช่วงต้นของหัวหน้าศาสนาอิสลามอับบาสซียะฮ์ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ช่วยให้รอด
รูปร่าง
จากการบรรยายหะดีษของนบีมุฮัมมัดหลายครั้ง นบีอีซาสามารถอธิบายทางรูปร่างได้ดังนี้ (โดยมีความแตกต่างใดๆ ในคำอธิบายทางกายภาพของนบีอีซา เนื่องจากนบีมุฮัมมัดบรรยายถึงท่านเมื่อพบท่านในโอกาสต่างๆ เช่น ระหว่างเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ หรือเมื่อบรรยายถึงนบีอีซา ระหว่าง การมาครั้งที่สองของนบีอีซา):
- ผู้ชายรูปร่างดีที่มีความสูงปานกลาง/และมีหน้าอกที่กว้าง
- ผมตรงสลวยและยาวสลวยลงมาระหว่างไหล่ของท่าน ดูเหมือนว่ามีน้ำไหลออกมาจากศีรษะของท่านแม้ว่ามันจะไม่เปียกก็ตาม
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- Watt 2013.
- Cleo McNelly Kearns. (2008), The Virgin Mary, Monotheism and Sacrifice, New York: Cambridge University Press, p. 254–55
- McDowell, Josh; Walker, Jim (2002). Understanding Islam and Christianity: Beliefs That Separate Us and How to Talk About Them. Euguen, Oregon: Harvest House Publishers. p. 12. ISBN .
- Leirvik 2010.
- Khalidi 2001.
- Watt 2013, p. 31.
- Zebiri, Kate (March 2000). "Contemporary Muslim Understanding of the Miracles of Jesus". The Muslim World. 90 (1–2): 71–90. doi:10.1111/j.1478-1913.2000.tb03682.x.
- Glassé 2001.
- Sarker, Abraham,Understand My Muslim People, 2004, ISBN , p. 260.
- Jackson, Montell, Islam Revealed, 2003, ISBN , p. 73.
- (2009). Islam: A Guide for Jews and Christians. Princeton University Press. p. 23. ISBN .
- Jestice, Phyllis G., Holy people of the world: a cross-cultural encyclopedia, Volume 1, 2004, ISBN , pp. 558–559
- Watt 1991.
- A. J. Wensinck and Penelope C. Johnstone, "Maryam", in Encyclopaedia of Islam, Second Edition, ed. by P. Bearman, Th. Bianquis, C.E. Bosworth, E. van Donzel, W. P. Heinrichs. Consulted online on 30 September 2018. doi:10.1163/1573-3912_islam_COM_0692, ISBN .
- Leirvik 2010 .
- Watt 2013, p. 46.
- "Aramaic". The Eerdmans Bible Dictionary. Grand Rapids, Michigan: William B. Eerdmans. 1987. p. 72. ISBN .
It is generally agreed that Aramaic was the common language of Palestine in the first century AD. Jesus and his disciples spoke the Galilean dialect, which was distinguished from that of Jerusalem (Matt. 26:73)
- Barker & Gregg 2010.
- Khalidi 2001, p. 31.
- Parrinder 1965.
- Ayoub 1992.
- Fudge, Bruce (7 April 2011). Qur'anic Hermeneutics: Al-Tabrisi and the Craft of Commentary (Routledge Studies in the Qur'an). United Kingdom: Routledge. p. 60. ISBN .
- Watt 2013, p. 24.
- Robinson 1991.
- Esposito 2003.
- Reynolds 2010.
- Phipps, William (28 May 2018) [2016]. "5 Scriptures". Muhammad and Jesus: A Comparison of the Prophets and Their Teachings. . p. 101. ISBN .
- Waardenburg 1999.
- Adang 1996.
- (30 January 2018) [30 January 1999]. "INTRODUCTION". . American Trust Publications. p. 5. ISBN .
- "تفسير Tafsir al-Jalalayn". altafsir. สืบค้นเมื่อ 31 January 2018.
- Ridgeon 2013.
- อัลกุรอาน 3:52–53
- Zahniser, Mathias (30 October 2008). The Mission and Death of Jesus in Islam and Christianity (Faith Meets Faith Series). New York: Orbis Books. p. 55. ISBN .
- Cook 1983.
- (2015). "Islamo-Christian Civilization". ใน Silverstein, Adam J.; ; Blidstein, Moshe (บ.ก.). The Oxford Handbook of the Abrahamic Religions. Oxford: . p. 111. doi:10.1093/oxfordhb/9780199697762.013.6. ISBN . LCCN 2014960132. สืบค้นเมื่อ 24 October 2020.
- Crossan, John Dominic (1995). Jesus: A Revolutionary Biography. HarperOne. p. 145. ISBN . "That he was crucified is as sure as anything historical can ever be, since both Josephus and Tacitus ... agree with the Christian accounts on at least that basic fact."
- (13 September 2009). Jesus in the Talmud. Princeton University Press. p. 139. ISBN .
- (1 May 2007). The Ante-Nicene Fathers: The Writings of the Fathers Down to A.D. 325 Volume I – The Apostolic Fathers with Justin Martyr and Irenaeus. New York: Cosimo Classics. p. 349. ISBN .
- Lawson 2009.
- Ayoub 1980.
- Ayoub 1980, p. 113–115.
- Zahniser 2008.
- Ayoub 1980 . [Muhammad b. 'Ali b. Muhammad al-Shawkani, Fath al-Qadir al-Jami bayn Fannay al-Riwaya wa 'l Diraya min 'Ilm al-Tqfsir (Cairo: Mustafa al-Babi al-Halabi, n.d.), I, 346, citing Ibn Asakir, who reports on the authority of Ibn Munabbih.]
- Sonn 2004.
- Mannheim 2001.
- Cook 2002.
- Al-Bukhari. "Sahih al-Bukhari » Oppressions – كتاب المظالم » Hadith 2476. 46 Oppressions (31) Chapter: The breaking of the cross and the killing of the pigs". sunnah.com. สืบค้นเมื่อ 22 May 2022.
- WARREN LARSON Jesus in Islam and Christianity: Discussing the Similarities and the Differences p. 335
- Akyol, Mustafa (3 October 2016). "The Problem With the Islamic Apocalypse". The New York Times. New York Times. สืบค้นเมื่อ 29 January 2022.
- Evans & Johnston 2015.
- 'Umdah, 430; cited in Qaim 2007 : "...Then he will kill the swine, break the crosses, destroy the churches and temples and kill the Christians unless they believe in him."
- Smith, Jane I.; Haddad, Yvonne Y. (1981). The Islamic Understanding of Death and Resurrection. Albany, N Y: SUNY Press. p. 69.
- Sonn, Tamara (2015). Islam: History, Religion, and Politics. John Wiley & Sons. p. 209. ISBN .
- "Jesus, A Prophet of Allah – Association of Islamic Charitable Projects in USA". www.aicp.org. สืบค้นเมื่อ 28 July 2021.
- Anawati, G.C. (2012). "Īsā". (2nd ed.). Brill Online. ISBN . สืบค้นเมื่อ 6 June 2016.
- Peters 1990.
- Roberto Tottoli Biblical Prophets in the Qur'an and Muslim Literature Routledge, 11 January 2013 ISBN p. 121
- , , , , , , , , , , , ,
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref>
สำหรับกลุ่มชื่อ "note" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="note"/>
ที่สอดคล้องกัน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
insasnaxislam phraeysu xahrb ع يس ى ٱب ن م ر ي م xksrormn ʿisa ibn Maryam aepltrngtw xisa butrmrym echuxknwaepnnbiaelaeraasulkhxngxllxhaelaxlmasih thanyngidrbkarphicarnawaepnnbithithuksngmaephuxchinawngswanxisraexl banixisrxxil odyidrbkarwahiykhmphirskdisiththielmthisamthieriykwa xinyil nbi xisa عيسى eysuchux xisa xibn mrym inphasaxahrb phrxmkbkhawaekid4 pikxnkhristkal ckrwrrdiormnsabsuykh s 30 33 eyrusaelm ckrwrrdiormnphudarngtaaehnngkxnyahya yxhnphuihbphtisma phusubtaaehnngmuhmmdbidamardamrym aem yatiyahya lukphiluknxng sakariya lung inkhmphirxlkurxan nnbixisaidrbkarxthibaywaepnphraemssiyah xlmasih ekidcakhyingphrhmcari aesdngpatihariy phrxmdwysawk thukptiesthodysthanprakxbkarkhxngchawyiw aelathukykkhunsuchnfa khmphirkurxanyunynwanbixisaimidthuktrunghruxsinphrachnmbnimkangekhn aetxllxhthrngchwyihrxdxyangxscrry khmphirkurxancdihnbixisaxyuinhmubrrdanbithiyingihythisud aelaklawthungthandwytaaehnngtang karprakassasnakhxngnbixisanahnadwynbiyahyaaelasubtxodynbimuhmmdsungphayhlngmiraynganwanbixisathanaykarmakhxngnbimuhmmd odyichchux xlkurxanptiesthmummxngkhxngkhrisetiyn ekiywkbinthanaphraecathibngekidihmhruxphrabutrkhxngphraecaxyangaethcring odyptiesthnbixisawaepnphraecainhlaykhx aelayngklawwanbixisaimidxangtnexngwaepnphraeca chawmuslimechuxwasasndngedimkhxngnbixisathuk tahrif hlngcakthiphraxngkhidrbkarykkhunipyngchnfa lththiexkethwniym etahid khxngnbixisaidrbkarennyainxlkurxan echnediywkbnbiinsasnaxislam nbixisa thukeriykxikxyangwamusliminkhnathithanethsnawasawkkhxngekhakhwrxyuin sirxtxlmustakim nbixisamipatihariy muxyisat makmayinkhwamechuxxislam in nbixisacaklbmainkaresdcklbmakhrngthisxngphrxmkbximammahdiephuxsngharxlmasihuddcyal phraemssiyahcxmplxm hlngcaknn yaxyucy aela maxyucy ephaobrankcaaeykyayknip hlngcakthisingmichiwitehlanicaphinaslngxyangnaxscrry ximammahdiaelanbixisacapkkhrxngolkthngib sthapnasntiphaphaelakhwamyutithrrm aelasinphrachnmhlngcakkhrxngrachyyawnanthung 40 pi chawmuslimbangkhnechuxwaekhacathukfngekhiyngkhangnbimuhmmdthihlumfngsphthisngwniwaehngthisikhxngodmsiekhiywinmadinah chawmuslimekhaicnbixisawaepnhnunginbrrdanbithisakhythisudkhxngsasnaxislam sthanthithiechuxknwanbixisaesdcklbma khux msyidxumyyahindamsksepnthinbthuxkhxngchawmuslimxyangsunginthanaxndbsikhxngsasnaxislam nbixisaepnthinbthuxxyangkwangkhwanginlththisufiodymikarekhiynaelathxngwrrnkrrmnkphrtaelankewthmntrmakmayekiywkbbrrdanbikhxngxislamkarprasutieruxngrawkhxngnbixisainsasnaxislamerimtndwybthxarmphbththibrryayhlaykhrnginkhmphirxlkurxan sungklawthungkarprasutikhxngmardakhxngthan khux phranangmrym aelakarrbichkhxngnanginphrawiharthisxngaehngeyrusaelm inkhnathixyuphayitkarduaelkhxngnbisakariya phusungcaklayepnbidakhxngnbiyahya yxhn phuihbphtisma eruxngrawkarprasutikhxngnbixisainxlkurxanerimtnthikurxan 19 16 34 aela kurxan 3 45 53 eruxngelaekiywkbkarekidniidrbkarelakhanodymikarepliynaeplngaelaephimetimraylaexiydodynkprawtisastrxislamtlxdhlaystwrrsthiphanma ineruxngkhxngkarprasutixnbrisuththikhxngnbixisa aemwaethwwithyaxislamcayunynwaphranangmariyepnekhruxngmuxthibrisuththi aetkimidepniptamaenwkhideruxngkarptisnthinirmlthiekiywkhxngkbkarprasutikhxngphranangmariyinbangpraephnikhxngchawkhrist karprakas xrrthkthakhxngxislamyunynkarprasutibrisuththikhxngnbixisakhlaykberuxngrawinxinyilaelaekidkhuninebthelehm eruxngrawkhxngkarekidthibrisuththiepidkhunphrxmkbkarprakasthungphranangmrymodymalaxikah yibril inkhnathiphranangmrymthukeliyngduinphrawihar hlngcakthimardakhxngnangihkhamnsyyakbxllxh yibril klawwa nangidrbekiyrtiehnuxbrrdastrithuknangcakthukprachachati aelaidnakhawdimaihnangthrabekiywkbbutrchayphubrisuththi karprakas inrupaebbciw yibrilprakaswacatngchuxbutrchaywa xlmasih xisa odyprakaswathancathukeriykwanbiphuyingihy phranangmrymthamwa nangcatngkhrrphaelamibutridxyangirinemuximmiikhraetatxngnang malaxikahtxbwa xllxhthrngsamarthkahndsingthiphraxngkhprasngkhid aelasingnncaepncring eruxngelacakkhmphirxlkurxandaenintxipkbphranangmrym sungthukexachnadwykhwamecbpwdcakkarkhlxdbutr idrbtharnathixyuethasungphranangsamarthdumid aeladwytnxinthphlmthiphranangsamarthekhyaephuxihphlxinthphlmsukrwnglngmaaelamikhwamsukh hlngcakkhlxdaelw phranangmrymkxumtharkxisaklbipthiphrawiharaelamiphuxawuosinphrawiharthamekiywkbtharknn hlngcakidrbkhasngcakyibrilihklawkhaptiyanxyangsngb nangchiipthitharkxisa aelatharkkprakaswa ekha xisa klawwa aethcringkhaphecaepnbawkhxngxllxh phraxngkhthrngprathankhmphiraekkhaphecaaelathrngihkhaphecaepnnbi aelaphraxngkhthrngihkhaphecaidrbkhwamcaeriy imwakhaphecacaxyu n thiid aelathrngsngesiyihkhaphecathakarlahmadaelacaysakattrabthikhaphecamichiwitxyu aelathrngihkhaphecathaditxmardakhxngkhaphecaaelacaimthrngthaihkhaphecaepnphuhyingyaos phuelwthramtacha aelakhwamsanticngmiaedkhapheca wnthikhaphecathukkhlxd aelawnthikhaphecatay aelawnthikhaphecathukfunkhunihmichiwitihm nbixisaphudbneplepnhnunginhkpatihariythimacakthaninxlkurxan sungepneruxngrawthiphbin sungepnphlnganinstwrrsthi 6 echnkn tamhadistang nbixisaaelaphranangmrymimidrxngihtngaetaerkekid eruxngelakarekid khwamechuxkhxngxislamsathxnihehnbangswninpraephnikhxngchawkhristthiwamrym hruxmariy epnhyingphrhmcarixyangaethcringemuxthrngtngkhrrphnbixisa eruxngrawodylaexiydthisudkhxngkarprakasaelakarprasutikhxngnbixisamixyuinsueraah 3 aela 19 khxngkhmphirkurxansungmieruxngrawthielawaxllxh phraeca idsngmalaxikahmaprakaswainimchaphranangmrymcamibutrchaythng thiyngepnhyingphrhmcari nkwichakarbangkhntngkhxsngektwaeruxngrawinsueraah 19 nniklekhiyngkbinphrakittikhunkhxngkhrisetiyneruxnglukaepnphiess karprakasthungphranangmrymthukklawthung 2 khrnginxlkurxan aelainthngsxngkrniphranangmrym phranangmariyidrbkarbxkelawaxllxhthrngeluxknangihmibutrchaykhnhnung inkrniaerk phuthuxsar sungchawmuslimswnihyechuxwaepnmalaxikahyibril idsngsarin kurxan 3 42 47 khnathiekhamiruprangepnphuchay kurxan 19 16 22 immikarklawthungraylaexiydkhxngkarptisnthi aetemuxphranangmrymthamwa nangsamarthihkaenidbutrchayidxyangiremuxphicarnathungkhwambrisuththithangephskhxngnang nangbxkwaxllxhthrngsrangsingthiphraxngkhthrngprasngkhaelasingehlaniepneruxngngaysahrbxllxh nkprawtisastrchawmusliminstwrrsthi 8 kh s 704 767 ekhiyneruxngchux kitab xlmubtadax intxnerimtn odyraynganwa nbisakariyaepnphupkkhrxngkhxngphranangmryminchwngsn aelahlngcakimsamarthduaelnangid thancungmxbkhwamiwwangicihnang changimchux yiryis cxrc chayhnumchux yusuf oyesf masmthbkbnanginphrawiharxnengiybsngb phwkekhachwykntknaaelanganxun eruxngrawkarprasutikhxngnbixisaepniptamkhabrryaykhxngxlkurxan odyesrimwakarprasutiekidkhuninebthelehm khangtnpalmthimiranghya nkprachychawepxresiy instwrrsthi 10 839 923 klawthungthutthiedinthangmacakkstriyaehngepxresiyphrxmkhxngkhwy khlaykb nkmayaklinphrakhmphiribebil sahrbxlmasih phraemssiyah khasngihchaychux yusuf imichsamikhxngmariyodyechphaa ihphanangaelabutripxiyiptaelaklbmathinasaerth inphayhlngwyedkxlkurxanimidrwmthungpraephnikaredinthangipxiyipt aemwasueraah 23 50 xacklawthungeruxngni aelaeraidihsyyanaekbutrkhxngmrymaelamardakhxngekha aelaeraidihphwkekhaxyuinthisungsungetmipdwy engiybsngbaelaminaphu xyangirktam eruxngelathikhlaykberuxngelathiphbinxinyilaelaaehlngkhxmulthiimepnthiyxmrbaephrhlayinpraephnixislamyukhhlng odymiraylaexiydaelaraylaexiydephimetimbangswnthinkekhiynaelankprawtisastrxislamidephimekhamatlxdhlaystwrrsthiphanma bangeruxngelawanbixisaaelakhrxbkhrwxyuinxiyipt thung 12 pi eruxngrawthangsilthrrmmakmayaelaehtukarnxscrryinwyeyawkhxngnbixisathukklawthungin eruxngrawkhxngbrrdanbi sungaetngkhuninchwnghlaystwrrsthiphanmaekiywkbnbiaelabukhkhlinyukhkxnxislam xlmsxudiy ekhiynwanbixisaemuxyngepnedkidsuksasasnayiwthixancaksabur aelaphbwaecaepnbutrkhxngkhs aelaepnthirkkhxngkha khacaeluxkecaexng odynbixisa xangwawnniphrawcnakhxngxllxhthrngsaercinbutrmnusywyphuihypharkic epnthitklngknodythwipwanbixisaphudphasaxraemxik sungepnphasaklang khxngaekhwnyuediyinstwrrsthihnungaelaphumiphakhodyrwm mummxngaerkaelaaerksudkhxngnbixisathikhidkhuninkhwamkhidkhxngxislamkhuxmummxngkhxngnbi mnusythixllxhthrngeluxkihnaesnxthngkarphiphaksatxmnusychatisahrbkarbucharupekharphaelakarthathayihhniphaphraecathiaethcringxngkhediyw cakphunthanni sathxnihehnbrrdanbikhnkxn phanmummxngkhxngxtlksnkhxngchawmuslim nbixisathukmxngwaepnephiyngeraasulthiklawsarsa inyukhnn patihariykhxngnbixisaaelachuxinkhmphirkurxankhxngnbixisaaesdngihehnthungphlngkhxngphraecamakkwakhwamepnphraecakhxngphraeysu sungepnphlngediywknthixyuebuxnghlngsarkhxngbrrdanbithukkhn praephnibangxyangkhxngxislamechuxwapharkickhxngnbixisamiiwsahrbchnchatixisraexlethann aelasthanakhxngekhainthananbiidrbkaryunynodypatihariymakmay phaphlksnthisxngkhxngnbixisainchwngtnkhuxphaphinyukhsudthay aenwkhidniswnihymacakhadis praephnikhxngchawmuslimsrangeruxngelathikhlaykhlungknthiphbinethwwithyakhxngkhrisetiyn odyehnwanbixisaesdcmainyukhsudthayaelaesdclngmabnolkephuxtxsukbklumkhxngxlmasih dcyal eruxngelaniepnthiekhaicknwasnbsnunxudmkarnkhxngsasnaxislam odymipraephnibangxyangthibrryaythungnbixissathichiipthikhwamepnxndbhnungkhxngnbimuhmmd praephniswnihyrabuwanbixisacasinphrachnmtamthrrmchati phaphthisamthioddednkhuxphaphkhxngnbixisasungepntwaethnkhxngpuorhit nbiaehnghwic aemwaxlkurxancaxangthung xlxinyil khxngnbixisa aetkhasxnechphaaecaacngkhxngnbixisaimidthukklawthunginkhmphirkurxanhruxkhxkhwamthangsasnainphayhlng karethsn aenwkhidkhxngxislamekiywkbkhaethsnakhxngnbixisaechuxwamitnkaenidin praethsxirk phayitrthekhaalifahrxchidin sungepnthisungnkekhiynklumaerksudekiywkbpraephniaelawichakarkhxngchawmuslimidrbkarkahndkhun aenwkhidkhxngnbixisaaelanganprakaskhxngthanthiphthnakhuninkufahnnrbexamacakkhrisetiynnkphrtinyukhaerk khxngxiyipt sungtxtankaraetngtngbathhlwngkhxngkhristckrxyangepnthangkarcakorm eruxngaerksudthimicanwnpraman 85 eruxngnnphbinwrrnkrrmnkphrtsxngchudihythimichuxwa kitabussuhd wreraakxxik hnngsuxaehngkarbaephytbaaelakaremttakruna ody esiychiwit 797 aela kitabussuhd hnngsuxaehngkarbaephytba ody esiychiwit 855 khaphudehlaniaebngxxkepn 4 klumphunthan khaphudekiywkbwnkiyamah khaphudkungxinyil khaphudaelaeruxngrawkhxngnkphrt sayings echoing intra Muslim polemics khaphudklumaerkepnkarkhyaytnaebbkhxngnbixisatamthipraktinkhmphirkurxan eruxngrawklumthisxngaemwacamiaeknhlkinxlxinyil aetkmikarkhyayephimetimdwy traprathbkhxngxislamthichdecn klumthisamsungihythisudinsiklum phrrnnathungnbixisainthanankbuyxupthmphkhxngkarbaephytbakhxngchawmuslim klumsudthaysrangkhuncaktnaebbkhxngxislamaelakhacakdkhwamkhxngnbixisathimimuslimepnsunyklangaelakhunlksnakhxngthan esrimaenwkhidthiluklbekiywkbkhasphthtang echn phrawiyyankhxngxllxh aela phrawcnakhxngxllxh muxyisat patihariy khmphirxlkurxanklawthungkarxscrryxyangnxyhkprakarkhxngnbixisa odyminkekhiynaelankprawtisastrephimekhamaxikmakinchwnghlaystwrrsthiphanma karxscrrythnghkniinxlkurxanimmiraylaexiydsungaetktangcakphrakittikhunaelaaehlngthimakhxngkhwamruthangkhwamkhidthiimepnthiyxmrb sungrwmthungraylaexiydaelaklawthungkarxscrryxun tlxdhlaystwrrsthiphanma eruxngelaekiywkbpatihariythnghkniidrbkarxthibayxyanglaexiydphanhadisaelakwiniphnth odyminganekhiynthangsasnarwmthungpatihariyxun thiklawthunginphrawrsar aehlngkhxmulthiimepnthiyxmrb aelacaktanan phudbnepl khaphudbneplmikarklawthunginsamaehnginxlkurxan xali ximrxn 3 41 46 xlmaxidah 5 109 110 aelamrym 19 29 30 swnhnungkhxngkarelaeruxngmitharkxisapkpxngphranangmrymcakkhxklawhawaihkaenidbutrodyimmisamithiruck xislaminyukhaerkyngimchdecnekiywkboyesfaelabthbathkhxngthan nbixisaklawtamthimalaxikahyibrilklawiwtxnprakas nbixisaprakaswatnepnbawkhxngxllxh idrbkhmphir epnnbi idrbphrimwacaipaehnghnid thrngxwyphrwnekid wnthithancasinphrachnm aelawnthithanthrngfunkhunphrachnm srangnkcakdinehniyw eruxngrawmhscrrykhxngkarsrangnkcakdinehniywaelahayicihchiwitaekphwkmnemuxedkthukklawthunginxali ximrxn 3 43 49 aelaxlmaxidah 5 109 110 rksakhntabxdaelakhnorkheruxn khlaykbphnthsyyaihm xlkurxanklawthungnbixisarksakhntabxdaelakhnorkheruxn inxali ximrxn 3 49 nkwichakarmuslimaelaphuphiphaksa esiychiwit 1286 idekhiynbnthukwamiphukhnhlayphnkhnmahanbixisaephuxrbkarrksa aelanbixisarksaorkhehlanidwykhxduxaethann nkwichakarinyukhklangekhiynekiywkborkhechphaathngsxngniwaekinkhwamchwyehluxthangkaraephthyidxyangir aelapatihariykhxngnbixisamiiwephuxihphuxunidehnephuxepnsyyanthichdecnekiywkbkhxkhwamkhxngthan chubchiwitkhntay echuxknwanbixisaidchubchiwitphukhnkhunmacakkhwamtay dngthiklawiwinxali ximrxn 3 49 aemwacaimmiraylaexiydwaikhrthukkhunchiphkhunmahruxsthankarn aetkmikarklawthungraylaexiydinphrakittikhunkhxngkhrisetiyn xyangnxysamkhn lukchaykhxnghyingmay thinaxin aela lasars phyakrn nbixisasamarththanay hrux rulwnghna thungsingthisxnernhruximthrabsahrbphuxun twxyanghnungkhuxnbixisacatxbkhathamthukkhxthithukkhnthamthanxyangthuktxng xiktwxyanghnungkhux nbixisaruwaphukhnephingkinxairipbang rwmthngsingthiphwkekhaekbiwinbandwy sarbxaharcakswrrkh inbththihakhxngxlkurxan 5 112 115 mikhabrryayklawthungsawkkhxngnbixisathikhxsarbthietmipdwyxaharaelaephuxihepnwnphiesssahrbphwkekhainxnakht nixacepnkarxangxingthungsilmhasnith tamsastracarydanxislamaelaxahrbsuksa W Montgomery Watt esiychiwit 2006 tamthisastracarydansasnaepriybethiyb ecffriy pharrinedxr esiychiwit 2005 mnimmikhwamchdecnwaeruxngnikhlaykhlungkb phrakrayaharmuxsudthaykhxngphrakittikhunhruxkarihxaharaekfungchn aetxacechuxmoyngkbkhaphasaxahrb xid ethskalkhxngchawmuslim khnathixlhawariyunklawwa oxxisabutrkhxngmrym phraecakhxngthansamarththicaihsarbxaharcakfakfalngmaaekphwkeraihm ekhaklawwa phwkecacngyaekrngxllxh hakphwkecaepnphusrththa phwkekhaklawwa phwkeratxngkarthicabriophkhcakmn aelathicaihhwickhxngphwkerasngb aelathiphwkeracaidruwa thanidphudcringaekphwkera aelathiphwkeracaidepnphyanyunynineruxngnndwy xisabutrkhxngmrym idklawwa khaaetxllxh phuepnphraecakhxngkhaphraxngkh oprdidthrngprathanlngmaaekphwkkhaphraxngkh sungsarbxaharcakfakfadwyethid caidepnwnruneringaekphwkkhaphraxngkh thngaekkhnaerkkhxngphwkkhaphraxngkh aelaaekkhnsudthaykhxngphwkkhaphraxngkh aelacaidepnsyyanhnungcakphraxngkh aelaoprdidthrngprathanpccyyngchiphaekphwkkhaphraxngkhdwyethid aelaphraxngkhnn khuxphuthidieyiyminhmuphuprathanpccyyngchiphthnghlay xllxh trswa aethcringkhacaihmnlngmaaekphwkeca aelwphuidinhmuphwkecaptiesthsrththahlngcaknn aennxnkhacalngothsekha sungothsthikhacaimlngothsnnaekphuidinhmuprachachatithnghlay inbnthukkhxng phuphiphaksasunnah kxnxaharmuxsudthay karkhukhathaihthanwitkkngwl dngnn nbixisacungechiyehlasawkiprbprathanxaharmuxsudthay hlngcakeswyphrakrayaharaelw thanlangmuxaelasrngmuxephuxechdmuxkhxngthan hlngcaknn nbixisaklawtxbphwkekhawa sahrbkhunnithieraidkrathaaekthan khuxiherarbprathanxaharaelalangmuxtxhnathan khxihepntwxyangaekthan inemuxecathuxwaeradikwaecakcring xyahyingyosinknaelakn aetcngephuxaephsungknaelaknehmuxnthieraidkhyaytnexngephuxeca hlngcaksngsxnsawkinkhasxnkhxngthan nbixisabxklwnghnawakhnhnungcaptiesththanaelaxikkhnhnungcathrysthan xyangirktam tamthsnakhxngxislamekiywkbkarsinphrachnmkhxngphraeysu miephiyngsphthimiruplksnehmuxnnbixisaethannthithuktrungaelanbixisaexngkthukykkhunsuxllxh patihariyxun rksalukchaykhunnang xtetaabari esiychiwit 923 raynganeruxngrawkarephchiyhnakhxngnbixisainwyphuihykbkstriyxngkhhnunginphumiphakhaelakarrksaphraoxrskhxngphraxngkh immikarklawthungtwtnkhxngkstriyinkhnathitananklawthung karxangxinginphrakhmphirthisxdkhlxngknkhux lukchaykhxngecahnathirachwngs khwamolphaelakarbxkkhwamcring eruxngrawintanankhxngpatihariyodynbixisainwyeyawsungichepnbtheriynthieriynruidyaksungphbidthwipintanantawnxxkklangtamkhabxkelakhxngsastracary xyyub sungekiywkhxngkbchaychawyiwaelakhnmpngkxnhnung aemwacamikarotethiyng aetbtheriynennthikhwamolphdwykarbxkelakhwamcringthithkthxepneruxngraw epneruxngthiphbidbxyinhnngsuxedk pyyaodykaenid eruxngrawpatihariyintananxikeruxngekiywkbstipyyainwyedkkhxngnbixisa tananniraynganphan alxtetaabari cak xibn xishak phudthungphranangmrym sngnbixisaiporngeriynsxnsasnaaelakhruprahladicthiphbwanbixisarukhxmulthikalngsxn snthnaxyuaelw xaharinbanedk xikeruxnghnungcakxtetaabari elathungnbixisainwyeyawthielnkbeyawchninhmubankhxngthan aelabxkphwkekhawaphxaemkhxngphwkekhaetriymxaharxairihphwkekhathiban tamraylaexiydkhxngeruxngela phxaembangkhnerimrakhayaelahamimihluk elnkbnbixisa ephraasngsywaekhaepnhmxphi phlkkhux phxaemkidknluk khxngphwkekhaihhangcaknbixisaaelarwbrwmluk khxngphwkekhaiwinbanhlngediyw wnhnungnbixisarusukoddediywcungxxkiptamhaephuxn aelaedinmathibanni thanthamphxaemkhxngphwkekhawa edk khxngphwkekhaxyuthiihn phxaemokhkaelatxbwaedkimidxyuthini hlngcakthinbixisathamwaikhrxyuinban phxaemkeriykphraeysuwasukr caknnnbixisaklawwa khxihmisukrinbanni epliynedkthukkhnihepnsukr tlxdhlaystwrrsthiphanma nkekhiynchawmuslimyngidxangthungpatihariyxun echn karkhbphixxk odyyummacakaehlngkhxmulnxkrit kxnxislam aelacakaehlngkhxmultambyyti emuxtananekiywkbnbixisaidrbkarkhyayxxkipkarwahiychawmuslimechuxwaxllxhthrngwahiyphrakhmphirihmaekphraeysuthieriykwa xinyil phrakittikhun inkhnaediywknkthrngprakaskhwamcringkhxngkarwahiykxnhnani xtetarxh othrah aela xssabur ephlngsdudi khmphirxlkurxanphudthung xlxinyil sungxthibaywaepnkhmphirthietimetmhwickhxngsawkdwykhwamsuphaphxxnnxmaelakhwamktyyu karxrrthathibaykhxngxislamaebbdngedimxangwakhxkhwaminphrakhmphiribebilthukbidebuxn eriykwa taxyin xlmubhm karaekpyhakhwamkakwm khwamphyayamotethiyngnimitnkaenidinyukhklangdwynganekhiynkhxng ekiywkbkdkhxngmusa khmphirkurxanrabuwanbixisaimekhyykelikkdhmaykhxngchawyiw aetyunynphwkekha inkhnathithakarykelikephiyngbangswnethann chawmuslimechuxmananaelwwa epaol cngicthaihkhasxndngedimkhxngphraeysuesuxmesiy nkprawtisastrinstwrrsthi 9 yunynwamiaerbibbangkhnekliyklxmihepaolcngicchknakhrisetiynyukhaerkinthangthiphidodyaenanasingthi mxngwaepnhlkkhasxnthiimehmaasminsasnakhrist xangxingcak yusuf xlekaaeraadxwi inhnngsuxkhxngekhachuxwa phuthrngbyytiaelahaminxislam khxcakdthangkdhmaythiphraeysuthrngykeliksahrbchawyiw nnepnbthbyytithixllxhthrngbyytiiwintxnaerkephuxepnkarlngoths khxkhidehnaebbkhlassikechn rabuwaekiywkhxngkbkarbriophkh pla aelaenuxnk odyimmihnamhruxodythwipxlhawariyunkhmphirkurxanrabuwanbixisaidrbkhwamchwyehluxcak klumhnung Ḥawariyyun thiechuxinsarkhxngphraxngkh inkhnathiimidrabuchuxehlasawk xlkurxanidihbangtwxyangthinbixisaethsnasaraekphwkekha chawmuslimmxngwasawkkhxngphraeysuehmuxnkb Ṣaḥaba khxngnbimuhmmd tamsasnakhrist chuxkhxngsawkthngsibsxngkhnkhux epotr xndruw yakxb yxhn filip barotholmiw othms mththiw yakxb butrxlefxs yuda siomn aela yudas khmphirkurxanklawthunginbththi 3 oxngkarthi 52 53 wabrrdasawkyxmcanntxsrththakhxngsasnaxislam khrngemuxxisarusukwamikarptiesthsrththaekidkhuninhmuphwkekha cungidklawwa ikhrbangcaepnphuchwyehluxchnipsuxllxh brrdasawkphubrisuththiicklawwa phwkerakhuxphuchwyehluxxllxh phwkerasrththatxxllxh aelw aelathancngepnphyandwywa aethcringphwkerann khuxphunxmtam khaaetphraecakhxngphwkkhaphraxngkh phwkkhaphraxngkhsrththaaelwtxsingthiphraxngkhidprathanlngma aelaphwkkhaphraxngkhkidptibtitamrxsulaelw oprdthrngbnthukphwkkhaphraxngkhrwmkbbrrdaphuthiklawptiyanyunynthnghlaydwyethid xlkurxan sueraah xali ximrxn xayahthi 52 53 eruxngelathiyawthisudekiywkbsawkkhxngnbixisakhuxtxnthinbixisaaesdngpatihariyodynasarbxaharmacakswrrkhtamkhakhxkhxngphwkekha ephuxphisucnephimetimwakhaethsnakhxngthanepnsarcringkaresdckhunsuswrrkhoxngkarthi 157 khxng epnxayahaerkkhxngxlkurxanthiklawthungehtukarnthinbixisathuktrungkangekhn klawwanbixisaimidthukkhahruximidthuktrungkangekhn aet thukthaihpraktaekphwkekha xnnisax xayahthi 157 aelakarthiphwkekhaklawwa aethcringphwkeraidkha xlmasih xisa butrkhxngmrym sasnthutkhxngxllxh aelaphwkekhahaidkhaxisa aelahaidtrungekhabnimkangekhnim aetthwaekhathukihehmuxnaekphwkekha aelaaethcringbrrdaphuthikhdaeyngintwekhann aennxnyxmxyuinkhwamsngsyekiywkbekha phwkekhahamikhwamruid txekhaim nxkcakkhlxytamkhwamnukkhidethann aelaphwkekhamiidkhaekhadwykhwamaenic xisa praephnixislamswnihyptiesthxyangeddkhadwanbixisasinphrachnmbnimkangekhnhruxxyangxun tamxlkurxan thanimthuktrungkangekhn aetidrbkarchwyehluxcakxllxh aemwapraephniaelaxrrthkthakhxngxislaminyukhaerk caxangthungraynganthikhxnkhangkhdaeyngknekiywkbkarsinphrachnmaelarayaewlakhxngkarsinphrachnm aetchawmuslimechuxwanbixisaimidsinphrachnmbnimkangekhn aetechuxwathanthrngidrbkhwamrxdodykarthukchubchiwitkhunsuswrrkh karaethn imchdecnwakartikhwamaebbaethnthiekidkhuncakthiid aetnkwichakarbangkhnphicarnawathvsdidngklawmitnkaenidmacakklumnxstikbangkluminstwrrsthi 2 Leirvik phbwaxlkurxanaelahadisidrbxiththiphlxyangchdecncaksasnakhristthiimepnthiyxmrb nxkrit thiaephrhlayinkhabsmuthrxahrbaelainxbissieniy inkhnathinkwichakarchawtawntkswnihy chawyiw aelachawkhristechuxwaphraeysusinphrachnm ethwwithyamuslimnikayxxrothdxkssxnwathanesdckhunsuswrrkh odyimidthuktrungbnimkangekhn aelaxllxhidthrngepliynxikbukhkhlhnung ihduehmuxnnbixisathukprakar thuktrungaethnnbixisa khwamimlngrxyknaelakhwambadhmangbangxyangsamarthehnidcakrayngankhxngxibn xishak esiychiwit 761 ekiywkbehtukarnthinaipsukartrungkangekhnodyyx prakaraerkrabuwanbixisathukaethnthiodykhnthichuxesxrcixus inkhnathiraynganthisxngekiywkbhlumfngsphkhxngnbixisa tngxyuthimadinahaelaprakarthisamxangthungsthanthiinxlkurxan 3 55 4 158 waxllxhthrngrbnbixisaiwkbphraxngkhexng Michael Cook tngkhxsngektwakarptiesthwanbixisasinphrachnmepniptamkhwamechuxnxkritkhxng Docetism khxngkhrisetiynsung thukrbkwnodyphraecathikhwrcatay aetkhxkngwlnikhdaeyngkbhlkkhasxnkhxngxislamxunthiwanbixisaepnmnusyimichphraeca cakkhxmulkhxng Todd Lawson nktfsirxlkurxanduehmuxncasrupkarptiesthkartrungkangekhnkhxngnbixisaodythatamenuxhathitikhwamintfsir sungxangxingcakaehlngthimanxkkhmphiribebil Judeo Christian odyhlkthanthiepnkhxkhwamaerksudmithimacak aehlngthimathiimichmuslim karxannganekhiynkhrisetiynkhxng inthangthiphidekiywkbkhwamekhaicthiaethcringkhxnglththiodesth hlkkhasxnechingxrrththixthibaythungkhwamepncringthangcitwiyyanaelarangkaykhxngphraeysutamthimnusyekhaicinaengtrrka sungtrngkhamkbkhaxthibayodyny yxhn chawdamsksennkhayunynkhxngkhmphirxlkurxanwachawyiwimidtrungphraeysuthiimkangekhn sungaetktangxyangmakkbkarklawwaphraeysuimidthuktrung odyxthibaywaepnkhmphirxlkurxanthihlakhlayintfsir imichxlkurxanexngthiptiesthkartrungkangekhn rabuephimetimwakhxkhwaminkhx 4 157 ephiyngyunynprawtisastrkhxngehtukarn kartikhwamsylksn esiychiwit 958 esiychiwit 935 esiychiwit 971 esiychiwit 1078 aelaklum yngyunynprawtisastrkhxngkartrungkangekhn odyraynganwanbixisathuktrungkangekhnaelaimidthukaethnthiodychayxundngthinkwicarnxlkurxanaelanktfsirthiidrbkhwamniymhlaykhnidxthibayiw emuximnanmani sastracaryaelankwichakaridihkhwamhmayechingsylksnephimetimsahrb sueraahthi 4 oxngkarthi 157 dngthieraidklawipaelw khmphirkurxanimidptiesthkarsinphrachnmkhxngxlmasih phrakhrist aetmnthathaymnusythihlxktwexnginkhwamongekhlaihechuxwaphwkekhacaexachnaphrawcnaaehngphraeca nbixisa phraeysu sasnthutkhxngxllxh karsinphrachnmkhxngnbixisathukklawhlaykhrngaelainbribthtang 3 55 5 117 19 33 xyyub aethnthicatikhwamkhxkhwamwaepnkarptiesthkarsinphrachnmkhxngnbixisa klbechuxwakhxkhwamniekiywkbxllxhthiptiesthxanackhxngmnusythicaexachnaaelathalaysarkhxngxllxh khawa aetphwkekhahaidkhaekhahruxtrungthaniwbnimkangekhnim mikhunephuxaesdngihehnwaxanacid thimnusyechuxwatnmitxphraecannepnephiyngphaphlwngta nktfsir xislamchawsunnah bangkhn echn chykh muhmmd eraachid ridx nkotethiyngtxtanchawkhrist mithathithikhlumekhruxintaaehnngwakartrungkangekhn aelakaresdckhunsuchnfakhxngnbixisaepneruxngechingepriybethiyb aetdwykhwamramdrawngxyangying ephuxthicahklanghlkkhasxnkhxngkhrisetiyneruxngkartrungkangekhn aela khwamrxd pranamhlkkhasxnkhxngkhrisetiynxyangkhrxbkhlumineruxngkhwamrxd karchdich aelakartrungkangekhnwairehtuphlaela ptiesthsrththa in khxngekha ridxyngpranamchawyiw thisngharbrrdanbikhxngxllxh odyekhiynwa khxethccringthiaethcringkhxngkartrungkangekhnimicheruxngthikhmphirkhxngphraeca phyayamyunynhruxptiesth ykewnephuxcudprasngkhinkaryunynwachawyiw sngharbrrdanbi xyangimyutithrrm aelapranamphwkekhasahrbkarkrathann thiphusrang ckrwalxacipcutiinkhrrphkhxngstriinolknisungemuxepriybkbsingsrangxun khxngphraxngkhaelwkehmuxnprmanuaelwekidepnmnusy kindum prasbkhwamehndehnuxyaelathukkhyakxyangxun mnusychati caknnstrukhxngphraxngkhcapracbpraaecngduhminaelaecbpwd aelasudthayktrungphraxngkhiwthiimkangekhnaelaprakaswathanthuksapaechngtamhnngsuxthiphraxngkhthrngwahiyaekeraasulkhnhnungkhxngphraxngkh khxthanthrngepnthiykyxngehnuxsingthngpwngni erawaimmiikhrechuxely ephraaximan khwamsrththa khuxkaryunyn tsdik dwyehtuphlbangprakarthisamarthekhaicid karklawxangkhxngdngnn khwamkrunaaelakarihxphyepnsingthitrngknkhamkbkhwamyutithrrm epnsingthiyxmrbimid ximam muhmmd eraachid ridx in elm 6 hna 23 26 27 kartikhwamoxngkar 3 55 inchwngtn odyechphaaxyangying khacaepnphurbecaipphrxmdwychiwitaelarangkaykhxngeca aelacaepnphuykecakhunipyngkha esiychiwit 923 bnthukkartikhwamkhxngxibn xbbas sungichtwxksrwa khacakxihekid ecatxngtay mumayyitu ka aethnthi mutawffika echingepriybethiyb nbixisasinphrachnm inkhnathi phuepliyniceluxmischawyiwinyukhaerk miraynganwa xllxhthrngthaihnbixisa butrkhxngmrymtay epnewlasamchwomngintxnklangwnaelwphathankhunipexng xtetaabari thaythxdephimetimcakxibn xishak xllxhuthrngihnbixisasinphrachnmepnewlaecdchwomng khnathixikthihnungraynganwabukhkhlthieriykwa esxrcixus thuktrungthikangekhnaethnnbixisa xibn xasir sngtxraynganwaepnyudas xiskharioxth phuthrys inkhnaediywknkklawthungkhwamepnipidwaepnkhnthichux nthlixanus inkarxangxingthungkhxkhwaminxlkurxanthiwa phwkeraidkhaxlmasih xisa butrkhxngmrym sasnthutkhxngxllxhxyangaennxn nkwichakarmuslim mahmud xayub yunynwakaroxxwdniimichepnkarklawsaeruxngokhkthangprawtisastrhruxraynganethcxyangtxenuxng aetepn twxyangkhxngkhwameyxhyingaelakhwamongekhlakhxngmnusydwythathiduthuktxxllxhaelaeraasulkhxngphraxngkh xyyub xthibayephimetimwankwichakarsmyihmkhxngsasnaxislamtikhwamxyangirekiywkbkarsinphrachnmtamprawtisastrkhxngnbixisa enuxngcakmnusyimsamarththalayphrawcnakhxngxllxhaelaphrawiyyankhxngxllxhid sungkhmphirkurxanepnphyanwaidbrrcuxyuinxlmasih xisa xyyub yngkhngennyathungkarptiesthkarsngharnbixisainkhnathixllxhptiesthxanackhxngmnusythicaexachnaaelathalayphrawcnakhxngphraxngkh khawa phwkekhahaidkhaekhaaelahaidtrungekhaiwbnimkangekhnim klawthungehtukarnxnluksunginprawtisastrkhxngmnusythiimcirngyngyun epnkarepidephyhwicaelamonthrrmkhxngmnusychatitxphraprasngkhkhxngphraeca karthimnusyxangwamixanactxtanphraecannepneruxngehlwihl phwkekhaimidkhaekha aetduehmuxnwacaepnechnnnsahrbphwkekha phudthungcintnakarkhxngmnusychati imichkarptiesthehtukarncringkhxngnbixisathisinphrachnmthangrangkaybnimkangekhn xikraynganhnungcakxibn kasir xangthungkhaphudkhxngxishak xibn bichr sungxyuinrayngankhxngxidris sungcakraynganckhxngwahb xibn munbbih wa xllxhthrngthaihthantayepnewlasamwn caknncungchubchiwitthan caknncungchubchiwitthankhunma xlmsxudi esiychiwit 956 rayngankarsinphrachnmkhxngxlmasihphayitckrphrrditiaebrixus xibn kasir esiychiwit 1373 ptibtitampraephnithibxkwamikartrungkangekhnekidkhun aetimichkbnbixisa hlngehtukarnnn xibn kasir raynganwaphukhnthukaebngxxkepnsamklumtameruxngelathiaetktangknsameruxng yakxb baraedxs echuxwa phraecayngkhngxyukberatrabethathiphraxngkhthrngprasngkhaelacaknnphraxngkhesdckhunsuswrrkh chawensoteriyn echuxwa butrkhxngphraecaxyukberatrabethathiekhaprasngkhcnkwaphraecacathrngykekhakhunswrrkh aelachawmuslimechuxwa bawaelaeraasulkhxngxllxh nbixisa xyukberatrabethathiphraecaprasngkh cnkwaphraecacaykekhakhunsuphraxngkhexng nkptirupxislam muhmmd eraachid ridx ehndwykbnktfsirrwmsmythitikhwamkarsngharxlhawariyunthangrangkaywaepnkartikhwamechingepriybethiybkaresdcmakhrngthisxngesnewlakhxngkarmathungkhxngnbixisakxnwnkiyamahhxkhxysuehraaehngnbixisainmsyidxumyyah krungdamsks tampraephnikhxngxislam emuxesdckhunsuswrrkhaelaprathbxyuthinnepnewlamakkwa 2 000 pi nbixisacalngmayngolkkxnwnkiyamahimnan thamklangsngkhramthitxsukbxlmasihuddcyyal phraemssiyahcxmplxm aelaphutidtamthan ephuxmachwyehluxximam xlmahdi aelaphutidtamchawmuslimkhxngthan nbixisacaesdclngmathihxkhxysuehrasikhawthangthistawnxxkkhxngemuxngdamsks inthistawnxxksungechuxknwaepnsuehraaehngnbixisa inmsyidxumyyah caknnthancathkthay mahdi aela epnmuslim lahmadxyukhangthan inthisud nbixisacasnghardcyalthi hlngcaknnthanca hkimkangekhn khahmu aelaykelikphasiyisyah tamhadisinesaahih xlbukhxri sungepnthiruckkndi kartikhwamtampkti khxngkhathanaynikhux inthanathiepnmuslim nbixisacahyudkarbuchatwthanexngkhxngkhrisetiynaelainkhwamechuxinkhwamepnphraecakhxngthan dwykarhk sylksndwyimkangekhn thancakxtngkdhmaykhwbkhumxaharokhechxr halal thisasnakhristlathingxikkhrng aelaenuxngcaktxnnichawyiwaelakhrisetiynthnghmdcaptiesthkhwamechuxedimkhxngphwkekhaaelaekharbxislam cungimcaepntxngmi yisyah phasiyisyahcakphuptiesthxiktxip tamhadisbthhnung nbixisacathakar thalayobsthaelawiharaelakhakhrisetiynewnaetphwkekhacaechuxintwthan taraxislamyngphadphingthungkarpraktkhunxikkhrngkhxngxntrayobran yaxyucyaelamaxyucy okkaelamaokk sungcahludxxkcakkarkhumkhngitdinaelakxihekidkhwamhaynaipthwolk ephuxtxbrbkarduxaxkhxngnbixisa xllxhcathrngkhaphwkekhaodysnghnxnchnidhnungmathithaythxykhxngphwkekha aelasngnktwihymaxumaelaekbsphkhxngphwkekhaxxkcakaephndin hlngcakkarsinphrachnmkhxngmahdi nbixisacarbtaaehnngphunaolkaelasntiphaphaelakhwamyutithrrmcaepnsakl nxkcakni tampraephniaelw nbixisacaaetngngan mibutr aelapkkhrxngolkepnewlasisibpi praephniihchwngewlatangkn hlngcaknnthancasinphrachnm chawmuslimcatha ihthanaelafngthanthiodmekhiyw inemuxngmadinah inhlumfngsphthiwangeplakhangnbimuhmmd xabubkr aela xumrtamladb tamtanankhxngxibn khxldun ekhaalifahthngsxngcafunkhunmacakkhwamtayrahwangbrrdanbithngsxng aehlngthima inkhnathixlkurxanimidbrryaythungkaresdcklbmakhxngnbixisakhangtnely chawmuslimcanwnmakechuxwaoxngkarxlkurxansxngtxnklawthungkaresdcmakhrngthisxngkhxngthaninyukhsudthay 1 oxngkarkhangtnrabuwathanimmiwntaybnaephndinolk aela ephraa phwkekhaklawwa aethcringeraidkhaxlmasih xisa butrkhxngmrym sasnthutkhxngxllxh aelaphwkekhaimidkhaekhahruximidtrungekhaiwthiimkangekhn aet xik thuksrangihkhlaykbekha aelaaethcringbrrdaphuehntangineruxngniyxmsngsyineruxngni phwkekhaimmikhwamruid ewnaetkarsnnisthandngtxipni aelaphwkekhaimidkhaekhaxyangaennxn xlkurxan 4 157 khxthisxngtikhwamephuxrabukhwamsmphnthrahwangnbixisakb chwomng yukhsudthay aelaaethcring mikhwamruaehngwnxwsan dngnn phwkecaxyasngsyineruxngni aetcngtamkhama nikhuxaenwthangthithuktxng xlkurxan 43 61 hadisekiywkbkaresdcklbmakhxngnbixisannyxnipthungxabuhurxyeraah hnungin aetcring aelwxacidrbkaraenanainphayhlnginchwngsngkhramklangemuxnginchwngtnkhxnghwhnasasnaxislamxbbassiyah sungkhadwacamiphuchwyihrxdruprangcakkarbrryayhadiskhxngnbimuhmmdhlaykhrng nbixisasamarthxthibaythangruprangiddngni odymikhwamaetktangid inkhaxthibaythangkayphaphkhxngnbixisa enuxngcaknbimuhmmdbrryaythungthanemuxphbthaninoxkastang echn rahwangesdckhunsuswrrkh hruxemuxbrryaythungnbixisa rahwang karmakhrngthisxngkhxngnbixisa phuchayruprangdithimikhwamsungpanklang aelamihnaxkthikwang phmtrngslwyaelayawslwylngmarahwangihlkhxngthan duehmuxnwaminaihlxxkmacaksirsakhxngthanaemwamncaimepiykktamduephimmrym bint ximrxn xssalamuxalykumxangxingWatt 2013 sfn error no target CITEREFWatt2013 Cleo McNelly Kearns 2008 The Virgin Mary Monotheism and Sacrifice New York Cambridge University Press p 254 55 McDowell Josh Walker Jim 2002 Understanding Islam and Christianity Beliefs That Separate Us and How to Talk About Them Euguen Oregon Harvest House Publishers p 12 ISBN 9780736949910 Leirvik 2010 sfn error no target CITEREFLeirvik2010 Khalidi 2001 sfn error no target CITEREFKhalidi2001 Watt 2013 p 31 sfn error no target CITEREFWatt2013 Zebiri Kate March 2000 Contemporary Muslim Understanding of the Miracles of Jesus The Muslim World 90 1 2 71 90 doi 10 1111 j 1478 1913 2000 tb03682 x Glasse 2001 sfn error no target CITEREFGlasse2001 Sarker Abraham Understand My Muslim People 2004 ISBN 1 59498 002 0 p 260 Jackson Montell Islam Revealed 2003 ISBN 1 59160 869 4 p 73 2009 Islam A Guide for Jews and Christians Princeton University Press p 23 ISBN 978 1 4008 2548 6 Jestice Phyllis G Holy people of the world a cross cultural encyclopedia Volume 1 2004 ISBN 1 57607 355 6 pp 558 559 Watt 1991 sfn error no target CITEREFWatt1991 A J Wensinck and Penelope C Johnstone Maryam in Encyclopaedia of Islam Second Edition ed by P Bearman Th Bianquis C E Bosworth E van Donzel W P Heinrichs Consulted online on 30 September 2018 doi 10 1163 1573 3912 islam COM 0692 ISBN 9789004161214 Leirvik 2010harvnb error no target CITEREFLeirvik2010 Watt 2013 p 46 sfn error no target CITEREFWatt2013 Aramaic The Eerdmans Bible Dictionary Grand Rapids Michigan William B Eerdmans 1987 p 72 ISBN 978 0 8028 2402 8 It is generally agreed that Aramaic was the common language of Palestine in the first century AD Jesus and his disciples spoke the Galilean dialect which was distinguished from that of Jerusalem Matt 26 73 Barker amp Gregg 2010 sfn error no target CITEREFBarkerGregg2010 Khalidi 2001 p 31 sfn error no target CITEREFKhalidi2001 Parrinder 1965 sfn error no target CITEREFParrinder1965 Ayoub 1992 sfn error no target CITEREFAyoub1992 Fudge Bruce 7 April 2011 Qur anic Hermeneutics Al Tabrisi and the Craft of Commentary Routledge Studies in the Qur an United Kingdom Routledge p 60 ISBN 978 0415782005 Watt 2013 p 24 sfn error no target CITEREFWatt2013 Robinson 1991 sfn error no target CITEREFRobinson1991 Esposito 2003 sfn error no target CITEREFEsposito2003 Reynolds 2010 sfn error no target CITEREFReynolds2010 Phipps William 28 May 2018 2016 5 Scriptures Muhammad and Jesus A Comparison of the Prophets and Their Teachings p 101 ISBN 978 1 4742 8934 4 Waardenburg 1999 sfn error no target CITEREFWaardenburg1999 Adang 1996 sfn error no target CITEREFAdang1996 30 January 2018 30 January 1999 INTRODUCTION American Trust Publications p 5 ISBN 9780892590162 تفسير Tafsir al Jalalayn altafsir subkhnemux 31 January 2018 Ridgeon 2013 sfn error no target CITEREFRidgeon2013 xlkurxan 3 52 53 Zahniser Mathias 30 October 2008 The Mission and Death of Jesus in Islam and Christianity Faith Meets Faith Series New York Orbis Books p 55 ISBN 978 1570758072 Cook 1983 sfn error no target CITEREFCook1983 2015 Islamo Christian Civilization in Silverstein Adam J Blidstein Moshe b k The Oxford Handbook of the Abrahamic Religions Oxford p 111 doi 10 1093 oxfordhb 9780199697762 013 6 ISBN 978 0 19 969776 2 LCCN 2014960132 subkhnemux 24 October 2020 Crossan John Dominic 1995 Jesus A Revolutionary Biography HarperOne p 145 ISBN 0 06 061662 8 That he was crucified is as sure as anything historical can ever be since both Josephus and Tacitus agree with the Christian accounts on at least that basic fact 13 September 2009 Jesus in the Talmud Princeton University Press p 139 ISBN 978 0691143187 1 May 2007 The Ante Nicene Fathers The Writings of the Fathers Down to A D 325 Volume I The Apostolic Fathers with Justin Martyr and Irenaeus New York Cosimo Classics p 349 ISBN 978 1602064690 Lawson 2009 sfn error no target CITEREFLawson2009 Ayoub 1980 sfn error no target CITEREFAyoub1980 Ayoub 1980 p 113 115 sfn error no target CITEREFAyoub1980 Zahniser 2008 Ayoub 1980harvnb error no target CITEREFAyoub1980 Muhammad b Ali b Muhammad al Shawkani Fath al Qadir al Jami bayn Fannay al Riwaya wa l Diraya min Ilm al Tqfsir Cairo Mustafa al Babi al Halabi n d I 346 citing Ibn Asakir who reports on the authority of Ibn Munabbih Sonn 2004 sfn error no target CITEREFSonn2004 Mannheim 2001 sfn error no target CITEREFMannheim2001 Cook 2002 sfn error no target CITEREFCook2002 Al Bukhari Sahih al Bukhari Oppressions كتاب المظالم Hadith 2476 46 Oppressions 31 Chapter The breaking of the cross and the killing of the pigs sunnah com subkhnemux 22 May 2022 WARREN LARSON Jesus in Islam and Christianity Discussing the Similarities and the Differences p 335 Akyol Mustafa 3 October 2016 The Problem With the Islamic Apocalypse The New York Times New York Times subkhnemux 29 January 2022 Evans amp Johnston 2015 sfn error no target CITEREFEvansJohnston2015 Umdah 430 cited in Qaim 2007harvnb error no target CITEREFQaim2007 Then he will kill the swine break the crosses destroy the churches and temples and kill the Christians unless they believe in him Smith Jane I Haddad Yvonne Y 1981 The Islamic Understanding of Death and Resurrection Albany N Y SUNY Press p 69 Sonn Tamara 2015 Islam History Religion and Politics John Wiley amp Sons p 209 ISBN 978 1 118 97230 4 Jesus A Prophet of Allah Association of Islamic Charitable Projects in USA www aicp org subkhnemux 28 July 2021 Anawati G C 2012 isa 2nd ed Brill Online ISBN 9789004161214 subkhnemux 6 June 2016 Peters 1990 sfn error no target CITEREFPeters1990 Roberto Tottoli Biblical Prophets in the Qur an and Muslim Literature Routledge 11 January 2013 ISBN 978 1 136 12314 6 p 121 xangxingphidphlad mipayrabu lt ref gt sahrbklumchux note aetimphbpayrabu lt references group note gt thisxdkhlxngkn