โมเสส (ศัพท์ศาสนายูดาห์และศาสนาคริสต์) หรือ มูซา (ศัพท์จากภาษาอาหรับ) (อังกฤษ: Moses; ฮีบรู: מֹשֶׁה; อาหรับ: موسى มูซา) เป็นผู้บัญญัติกฎและผู้เผยพระวจนะแก่วงศ์วานอิสราเอล ซึ่งเป็นที่มาของคัมภีร์โทราห์ในศาสนายูดาห์ หรือคัมภีร์เบญจบรรณในคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิมของศาสนาคริสต์ อีกทั้งยังเป็นเราะซูลของอัลลอฮ์ตามคติของศาสนาอิสลาม และเป็นศาสดาตามคติของศาสนาบาไฮ
โมเสส | |
---|---|
โมเสสกับบัญญัติสิบประการ ภาพโดย. | |
เกิด | , อียิปต์ตอนล่าง, จักรวรรดิอียิปต์ |
เสียชีวิต | , |
สัญชาติ | ยิว |
มีชื่อเสียงจาก | |
คู่สมรส |
|
บุตร | |
บิดามารดา |
|
ญาติ |
ศาสนาอับราฮัม
ในศาสนายูดาห์และศาสนาคริสต์
อัตชีวประวัติของโมเสสที่ได้บันทึกไว้ในคัมภีร์โทราห์และคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิม (หมวดเบญจบรรณห้าเล่มแรกที่เชื่อกันว่าโมเสสเป็นผู้เรียบเรียงขึ้น)
ต้นตระกูลของโมเสส
เลวี | Melcha | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เกอร์โชน | โคอาท | เมรารี | โยเคเบด | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อัมราม | อิสฮาร์ | เฮโบรน | อุสซีเอล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
มิเรียม | อาโรน | โมเสส | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้ว่า โมเสสเกิดในเผ่าเลวี บิดาชื่อ อับราม มารดาชื่อ โยเคเบด มีพี่ชาย คือ อาโรน ก่อนหน้าโมเสสเกิด ฟาโรห์แห่งอียิปต์(รัชสมัยของฟาโรห์เซติที่ 1) เห็นว่าชาวยิวมีจำนวนมากและแข็งแกร่ง จึงต้องการลดปริมาณชาวยิวลง โดยมีคำสั่งให้อิสราเอลนำเด็กเกิดใหม่ที่เป็นเพศชาย ทิ้งลงแม่น้ำไนล์ แต่มารดาของโมเสสได้ซ่อนโมเสสไว้ จนกระทั่งถึงวัยที่ไม่สามารถจะหลบซ่อนได้อีก มารดาจึงนำโมเสสใส่ตะกร้าวางไว้ในกอไม้ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ เมื่อธิดาฟาโรห์ลงมาสรงน้ำ จึงเจอทารกน้อยโมเสส จึงนำไปเลี้ยงดู โมเสสได้โตขึ้นมาโดยมีมารดาเป็นแม่นมของตนเอง
โมเสส แปลว่า ฉุดขึ้นมา
โมเสสหนีไปมีเดียน
เมื่อโมเสสโตขึ้น ท่านไปหาพวกพี่น้อง เห็นพวกเขาต้องทำงานหนัก โมเสสเห็นคนอียิปต์คนหนึ่งกำลังตีคนฮีบรู ซึ่งเป็นชนชาติเดียวกับตน ท่านมองซ้ายมองขวาเห็นว่าไม่มีใครอยู่ จึงฆ่าคนอียิปต์นั้น แล้วซ่อนศพไว้ในทราย เมื่อโมเสสออกไปอีกในวันรุ่งขึ้น ก็เห็นคนฮีบรูสองคนต่อสู้กันอยู่ จึงตักเตือนคนที่ทำผิดนั้นว่า “ท่านตีพี่น้องของท่านเองทำไม?” เขาตอบว่า “ใครตั้งเจ้าให้เป็นเจ้านายและเป็นตุลาการปกครองเรา? เจ้าตั้งใจจะฆ่าตัวข้าเหมือนที่ได้ฆ่าคนอียิปต์คนนั้นหรือ?” โมเสสก็กลัว คิดว่า “เรื่องนั้นคงรู้กันทั่วแล้วแน่ ๆ”
เมื่อฟาโรห์ทรงทราบเรื่องก็หาช่องทางประหารโมเสส แต่โมเสสหนีฟาโรห์ไปอยู่ในแผ่นดินมีเดียน เขานั่งลงที่ริมบ่อน้ำแห่งหนึ่ง ปุโรหิตของคนมีเดียนมีบุตรหญิงเจ็ดคน หญิงเหล่านั้นพากันมาตักน้ำใส่รางให้ฝูงแพะแกะของบิดากิน เวลานั้นมีพวกคนเลี้ยงแกะมาไล่หญิงเหล่านั้น โมเสสจึงลุกขึ้นช่วยพวกนาง และให้สัตว์ของพวกนางกินน้ำ เมื่อหญิงเหล่านั้นกลับไปหาเรอูเอลผู้เป็นบิดา ท่านถามว่า “วันนี้ทำไมพวกเจ้าจึงกลับเร็วนัก?” พวกนางตอบว่า “มีชายอียิปต์คนหนึ่งช่วยเราพ้นจากมือของพวกคนเลี้ยงแกะ ทั้งยังตักน้ำให้เรา และให้ฝูงแพะแกะกินด้วย” บิดาจึงถามบุตรหญิงของท่านว่า “ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน? ทำไมจึงทิ้งเขาไว้ล่ะ? ไปเชิญเขามารับประทานอาหารสิ” โมเสสก็ตกลงใจอาศัยอยู่กับเรอูเอล แล้วเรอูเอลก็ยกศิปโปราห์บุตรสาวให้เป็นภรรยาของโมเสส นางก็คลอดบุตรชายคนหนึ่ง โมเสสตั้งชื่อว่า เกอร์โชม เพราะท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนต่างด้าวในต่างแดน”
หลายปีผ่านไป กษัตริย์อียิปต์ก็สิ้นพระชนม์ ชนชาติอิสราเอลทุกข์ระทมเพราะการเป็นทาส จึงร้องคร่ำครวญ เสียงร่ำร้องขอความช่วยเหลือเพราะการเป็นทาสนี้ ดังขึ้นไปถึงพระเจ้า พระเจ้าทรงได้ยินเสียงคร่ำครวญของพวกเขา จึงทรงระลึกถึงพันธสัญญาที่พระองค์ได้ทรงทำไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ พระเจ้าทอดพระเนตรชนชาติอิสราเอล แล้วพระเจ้าทรงทราบถึงสภาพความเป็นไปของพวกเขา
ทรงเรียกโมเสส
ภายหลังจากฟาโรห์สิ้นพระชนม์ วงศ์วานอิสราเอลก็คร่ำครวญกับพระเจ้า พระองค์จึงทรงระลึกถึงชนชาวอิสราเอล พระองค์จึงทรงไปปรากฏต่อหน้าโมเสส เพื่อเป็นผู้นำอิสราเอลให้ออกจากอียิปต์ ไปยังดินแดนคานาอัน อันเป็นดินแดนที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับอับราฮัมว่าจะยกให้แก่พงศ์พันธุ์ของท่าน
เมื่อพระเจ้าทรงเรียกโมเสสนั้น ทรงกระทำหมายสำคัญ 3 ประการเพื่อให้โมเสสตอบรับหน้าที่นี้ หมายสำคัญทั้งสามประการได้แก่
- พระเจ้าทรงให้โมเสส โยนไม้เท้าลงบนพื้น และไม้เท้านั้นก็กลายเป็นงู และเมื่อโมเสสจับหางงู งูนั้นก็กลายเป็นไม้เท้าดังเดิม
- พระเจ้าทรงให้โมเสส สอดมือไว้ที่อก เมื่อชักมือออกมา มือนั้นก็กลายเป็นเรื้อน และเมื่อสอดมือไว้ที่อกอีกครั้ง มือนั้นก็เป็นปกติ
- พระเจ้าทรงให้โมเสสตักน้ำมา และเทลงบนพื้น น้ำนั้นก็กลายเป็นเลือดบนดินนั้น
แต่ถึงกระนั้น โมเสส ก็ยังคงมีข้อต่อรองกับพระเจ้า ด้วยโมเสสบอกว่าตนเองพูดไม่เก่ง เกรงว่าชาวอิสราเอลจะไม่ยอมฟัง พระเจ้า จึงให้อาโรน พี่ชายของโมเสส ซึ่งเป็นคนพูดเก่ง เป็นผู้ช่วยของเขา
ดังนั้นโมเสสจึงได้ลาพ่อตา และเดินทางกลับไปยังอียิปต์ และพบกับอาโรนเพื่อทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าให้สำเร็จต่อไป เมื่อโมเสสได้ไปเข้าเฝ้าฟาโรห์ที่อียิปต์ครั้งนี้ โมเสสมีอายุ 80 ปี และอาโรนมีอายุ 83 ปี
เหตุการณ์สำคัญ
- เมื่อโมเสสเข้าเฝ้าฟาโรห์ในครั้งนั้น(ซึ่งอยู่ในรัชสมัยฟาโรห์รามเสสที่ 2) โมเสสทูลขอให้ฟาโรห์ปล่อยอิสราเอลให้ไปนมัสการพระเจ้าในถิ่นทุรกันดาร (ทะเลทราย) ฟาโรห์มีพระทัยแข็งกระด้าง และไม่ยินยอมให้อิสราเอลไป ในครั้งนั้น โมเสส และ อาโรน จึงได้รับบัญชาจากพระเจ้าในการทำให้เกิดภัยพิบัติแห่งอียิปต์ 10 ประการ จนในที่สุด ฟาโรห์ และเหล่าข้าราชบริพารจึงพากันขับไล่อิสราเอลออกไปจากอียิปต์
- ก่อนภัยพิบัติครั้งสุดท้าย พระเจ้าทรงให้โมเสสนำอิสราเอลประกอบพิธีปัสคาขึ้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ความเป็นอิสราเอลไว้ เพื่อในคืนนั้นพระเจ้าจะผ่านเลยบ้านที่มีเลือดแกะปัสคาป้ายอยู่ แต่บ้านชาวอียิปต์พระเจ้าจะทรงนำเอาบุตรหัวปีของพวกเขาไป พิธีปัสคา จึงเป็นพิธีที่อิสราเอลเฉลิมฉลองถึงเหตุการณ์ความเป็นไท ในครั้งนี้
- เมื่อเดินทางมาริมทะเลแดง กองทัพอียิปต์ก็ติดตามอิสราเอลมา เพื่อตามอิสราเอลกลับไปเป็นทาสดังเดิม ครั้งนี้ พระเจ้าทรงให้โมเสสชูไม้เท้าขึ้นเหนือน้ำ ทำให้ทะเลแดงแหวกออก เป็นทางเดินให้อิสราเอลเดินข้ามไป แต่เมื่อกองทัพอียิปต์จะข้ามตาม ทะเลก็กลับคืนดังเดิม และท่วมกองทัพอียิปต์ตายไปเสียสิ้น
- เมื่อเดินทางถึงภูเขาซีนาย พระเจ้าทรงเรียกโมเสส ขึ้นไปเข้าเฝ้าพระพักตร์พระองค์ แบบหน้าต่อหน้า และที่ภูเขาซีนายนี่เอง ที่พระเจ้าทรงประทานบัญญัติ 10 ประการมาให้อิสราเอล และประทานกฎหมายข้อบังคับต่าง ๆ ให้แก่พวกเขา
- เมื่อออกเดินทางจากภูเขาซีนาย ก็เข้าสู่เขตแดนคานาอัน ในครั้งนั้น โมเสสส่งผู้สอดแนม จากบรรดาหัวหน้าในคนอิสราเอล จำนวน 12 คน (ตามเผ่าของอิสราเอล) ไปดูลาดเลาในคานาอัน ในจำนวนนั้น ยกเว้น โยชูวา และ คาเล็บ ต่างพากันให้ร้ายแก่แผ่นดินคานาอันนั้น เป็นเหตุให้คนอิสราเอลทั้งหลายไม่ยอมเดินทางเข้าแผ่นดินคานาอันตามที่พระเจ้าทรงบัญชา เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้อิสราเอลต้องใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทราย เป็นเวลา 40 ปี นับตามจำนวนวันที่ผู้สอดแนมเดินทางไปดูลาดเลาแผ่นดินนั้น และบรรดาอิสราเอลที่มีอายุเกิน 20 ปีในวันนั้น ยกเว้น โยชูวา และ คาเล็บ ล้วนไม่มีใครได้เข้าไปในแผ่นดินคานาอันเลย
- ขณะเมื่ออยู่ในทะเลทราย ช่วง 40 ปีอันโหดร้ายนั้น ครั้งหนึ่งเกิดการกันดารน้ำ ชาวอิสราเอลจึงมาต้ดพ้อโมเสส ในครั้งนี้พระเจ้าตรัสสั่งให้โมเสส ออกไป "บอก" ก้อนหินให้หลั่งน้ำ เพื่อได้มีน้ำใช้ แต่ครั้งนั้นอิสราเอลทำให้โมเสส และอาโรนโกรธอย่างมาก จึงใช้ไม้เท้า ตี หินสองครั้ง น้ำจึงไหลออกมา เหตุการณ์ครั้งนั้น พระเจ้านับว่าทั้งสองไม่เชื่อฟังพระองค์ อาโรนและโมเสสจึงไม่ได้สิทธิในการเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน
ชีวิตครอบครัว
เมื่อโมเสสไปอาศัยอยู่กับ เรอูเอล ปุโรหิตแห่งเมืองมีเดียนนั้น เยโธร ได้ยก ศิปโปราห์ บุตรสาวของตนให้โมเสส และมีบุตร ชื่อ เกอร์โชม
บั้นปลายชีวิต
โมเสสใช้เวลาปกครองอิสราเอล และนำอิสราเอลเดินทางผ่านทะเลทราย เป็นเวลา 40 ปี เมื่อท่านอายุได้ 120 ปี ก็สิ้นชีวิต โดยมิได้เข้าไปในแผ่นดินคานาอัน แผ่นดินแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า เพราะการไม่เชื่อฟังพระเจ้าเพียงครั้งเดียว ตามบันทึกพระคัมภีร์กล่าวว่า ศพของโมเสส ถูกฝังไว้ในเขตแดนก่อนเข้าแผ่นดินคานาอันนั่นเอง
ในศาสนาอิสลาม
มูซาถูกกกล่าวถึงในอัลกุรอานมากกว่าบุคคลอื่น ๆ และมีการรายงานชีวิตของท่านมากกว่านบีคนอื่น ๆ ในศาสนาอิสลาม มีการอธิบายมูซาในรูปแบบคล้ายกับศาสดามุฮัมมัด มูซาได้รับการกล่าวถึงเป็นทั้งนะบี (ศาสดา) และเราะซูล (ศาสนทูต) คำหลังใช้เรียกศาสดาที่นำคัมภีร์และธรรมบัญญัติแก่ประชาชนของตน
ชื่อมูซาปรากฏในอัลกุรอานถึง 502 ครั้ง เหตุการณ์หลักส่วนใหญ่ในชีวิตของโมเสสที่พบในคัมภีร์ไบเบิลสามารถพบได้ในบทต่าง ๆ (ซูเราะฮ์) ของอัลกุรอาน ยกเว้นเรื่องราวการพบอัลคิฎร์ที่ไม่พบในพระคัมภีร์
ในส่วนเรื่องราวที่พบในอัลกุรอาน พระเจ้าสั่งให้โยเคเบดวางโมเสสลงในหีบและปล่อยให้ไหลไปตามแม่น้ำไนล์ ปล่อยให้อยู่ในความคุ้มครองของพระเจ้าอาซิยะฮ์ พระมเหสีฟาโรห์ พบโมเสสลอยอยู่ในแม่น้ำไนล์ พระองค์ทรงโน้มน้าวให้ฟาโรห์รับเขาเป็นลูกชาย เนื่องจากทั้งคู่ไม่มีลูก
กุรอานยังเน้นย้ำถึงภารกิจของโมเสสในการเชิญฟาโรห์ให้ยอมรับดำรัสจากพระเจ้า และให้ปลดปล่อยวงศ์วานอิสราเอล และในอัลกุรอานยังระบุอีกว่า โมเสสส่งเสริมให้วงศ์วานอิสราเอลเข้าไปในคะนาอัน แต่พวกเขาไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กับชาวคะนาอัน โดยกลัวความพ่ายแพ้ โมเสสจึงขอต่ออัลลอฮ์ให้แยกตนกับอาโรนจากวงศ์วานอิสราเอลผู้ละเมิด ซึ่งภายหลังกลุ่มชนอิสราเอลต้องร่อนเร่เป็นเวลา 40 ปี
มีฮะดีษหนึ่งที่ระบุถึงการพบปะกับระหว่างมูซากับมุฮัมมัดบนชั้นฟ้า ส่งผลให้ชาวมุสลิมถือปฏิบัติละหมาด 5 เวลาทุกวันกล่าวว่า สิ่งนี้เป็น "หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของมุฮัมมัด"
ตามธรรมเนียมอิสลามบางส่วน เชื่อว่ามีการฝังร่างของมูซาที่ ใกล้
อ้างอิง
- Numbers 12:1
- อพยพ 6:20, พระคริสตธรรมคัมภีร์
- อพยพ 2:11-25 ,พระคริสตธรรมคัมภีร์
- อพยพ บทที่ 3 ,พระคริสตธรรมคัมภีร์
- อพยพ 3-4 และ 7:6-7 ,พระคริสตธรรมคัมภีร์
- ดูเพิ่มใน ภัยพิบัติแห่งอียิปต์
- ดูเพิ่มใน พิธีปัสคา
- กันดารวิถี บทที่ 13 ,พระคริสตธรรมคัมภีร์
- กันดารวิถี บทที่ 20 ,พระคริสตธรรมคัมภีร์
- เฉลยธรรมบัญญัติ 31:1-7 ,พระคริสตธรรมคัมภีร์
- Keeler 2005, pp. 55–66.
- Keeler 2005, pp. 55–56, describes Moses from the Muslim perspective:
Among prophets, Moses has been described as the one "whose career as a messenger of God, lawgiver and leader of his community most closely parallels and foreshadows that of Muhammad", and as "the figure that in the Koran was presented to Muhammad above all others as the supreme model of saviour and ruler of a community, the man chosen to present both knowledge of the one God, and a divinely revealed system of law". We find him clearly in this role of Muhammad's forebear in a well-known tradition of the miraculous ascension of the Prophet, where Moses advises Muhammad from his own experience as messenger and lawgiver.
- Azadpur, M. (2009). "Charity and the Good Life: On Islamic Prophetic Ethics". Crisis, Call, and Leadership in the Abrahamic Traditions. New York: Palgrave Macmillan. pp. 153–167.
- Keeler 2005, p. 55.
- อัลกุรอาน 28:7
- อัลกุรอาน 28:9
- Wheeler, Brannon M. (2002). Prophets in the Quran: an introduction to the Quran and Muslim exegesis. Continuum. ISBN .
- Shahada Sharelle Abdul Haqq (2012). Noble Women of Faith: Asiya, Mary, Khadija, Fatima (illustrated ed.). Tughra Books. ISBN .
- อัลกุรอาน 79:17–19
- อัลกุรอาน 20:47–48
- อัลกุรอาน 5:20
- "Sahih al-Bukhari, Book 97, Hadith 142". Sunnah.com. สืบค้นเมื่อ 13 February 2020.
- (1991), The World's Religions, Harper Collins, p. 245, ISBN .
- Samuel Curtiss (2005). Primitive Semitic Religion Today. Kessinger. pp. 163–4. ISBN .
แหล่งข้อมูลอื่น
- Book XVI, Chapter II in by Strabo, 1st century, 1932 translation. Moses is mentioned
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
omess sphthsasnayudahaelasasnakhrist hrux musa sphthcakphasaxahrb xngkvs Moses hibru מ ש ה xahrb موسى musa epnphubyytikdaelaphuephyphrawcnaaekwngswanxisraexl sungepnthimakhxngkhmphirothrahinsasnayudah hruxkhmphirebycbrrninkhmphiribebilphakhphnthsyyaedimkhxngsasnakhrist xikthngyngepneraasulkhxngxllxhtamkhtikhxngsasnaxislam aelaepnsasdatamkhtikhxngsasnabaihomessomesskbbyytisibprakar phaphody ekid xiyipttxnlang ckrwrrdixiyiptesiychiwit sychatiyiwmichuxesiyngcakkhusmrssipoprah stributrekxrochmbidamarda phx aem yatixaorn phichay mieriym phisaw omesskbaephncaruk ph s 2202 1659 odyaermbrntomessemuxlngmahlngcakekhaefaphraecathiphuekhasinay ph s 2181 1638 ody irebra edx ocesruppnkhxngomess odymieklnecolsasnaxbrahminsasnayudahaelasasnakhrist xtchiwprawtikhxngomessthiidbnthukiwinkhmphirothrahaelakhmphiribebilphakhphnthsyyaedim hmwdebycbrrnhaelmaerkthiechuxknwaomessepnphueriyberiyngkhun tntrakulkhxng om ess elwi Melcha ekxrochn okhxath emrari oyekhebd xmram xishar ehobrn xussiexl mieriym xaorn omess khmphiribebilklawiwwa omessekidinephaelwi bidachux xbram mardachux oyekhebd miphichay khux xaorn kxnhnaomessekid faorhaehngxiyipt rchsmykhxngfaorhestithi 1 ehnwachawyiwmicanwnmakaelaaekhngaekrng cungtxngkarldprimanchawyiwlng odymikhasngihxisraexlnaedkekidihmthiepnephschay thinglngaemnainl aetmardakhxngomessidsxnomessiw cnkrathngthungwythiimsamarthcahlbsxnidxik mardacungnaomessistakrawangiwinkximrimfngaemnainl emuxthidafaorhlngmasrngna cungecxtharknxyomess cungnaipeliyngdu omessidotkhunmaodymimardaepnaemnmkhxngtnexng omess aeplwa chudkhunma om ess hni ip mi ediyn emux om ess ot khun than ip ha phwk phi nxng ehn phwk ekha txng tha ngan hnk om ess ehn khn xiyipt khn hnung kalng ti khn hibru sung epn chn chati ediyw kb tn than mxng say mxng khwa ehn wa im mi ikhr xyu cung kha khn xiyipt nn aelw sxn sph iw in thray emux om ess xxk ip xik in wn rung khun k ehn khn hibru sxng khn tx su kn xyu cung tk etuxn khn thi tha phid nn wa than ti phi nxng khxng than exng thaim ekha txb wa ikhr tng eca ih epn eca nay aela epn tula kar pk khrxng era eca tng ic ca kha tw kha ehmuxn thi id kha khn xiyipt khn nn hrux om ess k klw khid wa eruxng nn khng ru kn thw aelw aen emux fa orh thrng thrab eruxng k ha chxng thang pra har om ess aet om ess hni fa orh ip xyu in aephn din mi ediyn ekha nng lng thi rim bx na aehng hnung pu or hit khxng khn mi ediyn mi butr hying ecd khn hying ehla nn pha kn ma tk na is rang ih fung aepha aeka khxng bida kin ewla nn mi phwk khn eliyng aeka ma il hying ehla nn om ess cung luk khun chwy phwk nang aela ih stw khxng phwk nang kin na emux hying ehla nn klb ip ha er xu exl phu epn bida than tham wa wn ni thaim phwk eca cung klb erw nk phwk nang txb wa mi chay xiyipt khn hnung chwy era phn cak mux khxng phwk khn eliyng aeka thng yng tk na ih era aela ih fung aepha aeka kin dwy bida cung tham butr hying khxng than wa chay khn nn xyu thi ihn thaim cung thing ekha iw la ip echiy ekha ma rb pra than xahar si om ess k tk lng ic xasy xyu kb er xu exl aelw er xu exl k yk sip op rah butr saw ih epn phrrya khxng om ess nang k khlxd butr chay khn hnung om ess tng chux wa ekxr ochm ephraa than klaw wa khaph eca epn khn tang daw in tang aedn hlay pi phan ip kstriy xiyipt k sin phra chnm chn chati xisra exl thukkh rathm ephraa kar epn thas cung rxng khra khrwy esiyng ra rxng khx khwam chwy ehlux ephraa kar epn thas ni dng khun ip thung phra eca phra eca thrng id yin esiyng khra khrwy khxng phwk ekha cung thrng raluk thung phnth syya thi phra xngkh id thrng tha iw kb xb ra hm xis xkh aela ya okhb phra eca thxd phra entr chn chati xisra exl aelw phra eca thrng thrab thung sphaph khwam epn ip khxng phwk ekha thrngeriykomess phayhlngcakfaorhsinphrachnm wngswanxisraexlkkhrakhrwykbphraeca phraxngkhcungthrngralukthungchnchawxisraexl phraxngkhcungthrngipprakttxhnaomess ephuxepnphunaxisraexlihxxkcakxiyipt ipyngdinaednkhanaxn xnepndinaednthiphraecathrngsyyaiwkbxbrahmwacaykihaekphngsphnthukhxngthan emuxphraecathrngeriykomessnn thrngkrathahmaysakhy 3 prakarephuxihomesstxbrbhnathini hmaysakhythngsamprakaridaek phraecathrngihomess oynimethalngbnphun aelaimethannkklayepnngu aelaemuxomesscbhangngu ngunnkklayepnimethadngedim phraecathrngihomess sxdmuxiwthixk emuxchkmuxxxkma muxnnkklayepneruxn aelaemuxsxdmuxiwthixkxikkhrng muxnnkepnpkti phraecathrngihomesstknama aelaethlngbnphun nannkklayepneluxdbndinnn aetthungkrann omess kyngkhngmikhxtxrxngkbphraeca dwyomessbxkwatnexngphudimekng ekrngwachawxisraexlcaimyxmfng phraeca cungihxaorn phichaykhxngomess sungepnkhnphudekng epnphuchwykhxngekha dngnnomesscungidlaphxta aelaedinthangklbipyngxiyipt aelaphbkbxaornephuxthatamphraprasngkhkhxngphraecaihsaerctxip emuxomessidipekhaefafaorhthixiyiptkhrngni omessmixayu 80 pi aelaxaornmixayu 83 pi ehtukarnsakhy emuxomessekhaefafaorhinkhrngnn sungxyuinrchsmyfaorhramessthi 2 omessthulkhxihfaorhplxyxisraexlihipnmskarphraecainthinthurkndar thaelthray faorhmiphrathyaekhngkradang aelaimyinyxmihxisraexlip inkhrngnn omess aela xaorn cungidrbbychacakphraecainkarthaihekidphyphibtiaehngxiyipt 10 prakar cninthisud faorh aelaehlakharachbripharcungphaknkhbilxisraexlxxkipcakxiyipt kxnphyphibtikhrngsudthay phraecathrngihomessnaxisraexlprakxbphithipskhakhun ephuxepnsylksnkhwamepnxisraexliw ephuxinkhunnnphraecacaphanelybanthimieluxdaekapskhapayxyu aetbanchawxiyiptphraecacathrngnaexabutrhwpikhxngphwkekhaip phithipskha cungepnphithithixisraexlechlimchlxngthungehtukarnkhwamepnith inkhrngni emuxedinthangmarimthaelaedng kxngthphxiyiptktidtamxisraexlma ephuxtamxisraexlklbipepnthasdngedim khrngni phraecathrngihomesschuimethakhunehnuxna thaihthaelaedngaehwkxxk epnthangedinihxisraexledinkhamip aetemuxkxngthphxiyiptcakhamtam thaelkklbkhundngedim aelathwmkxngthphxiyipttayipesiysin emuxedinthangthungphuekhasinay phraecathrngeriykomess khunipekhaefaphraphktrphraxngkh aebbhnatxhna aelathiphuekhasinayniexng thiphraecathrngprathanbyyti 10 prakarmaihxisraexl aelaprathankdhmaykhxbngkhbtang ihaekphwkekha emuxxxkedinthangcakphuekhasinay kekhasuekhtaednkhanaxn inkhrngnn omesssngphusxdaenm cakbrrdahwhnainkhnxisraexl canwn 12 khn tamephakhxngxisraexl ipduladelainkhanaxn incanwnnn ykewn oychuwa aela khaelb tangphaknihrayaekaephndinkhanaxnnn epnehtuihkhnxisraexlthnghlayimyxmedinthangekhaaephndinkhanaxntamthiphraecathrngbycha ehtukarnkhrngnn thaihxisraexltxngichchiwitxyuinthaelthray epnewla 40 pi nbtamcanwnwnthiphusxdaenmedinthangipduladelaaephndinnn aelabrrdaxisraexlthimixayuekin 20 piinwnnn ykewn oychuwa aela khaelb lwnimmiikhridekhaipinaephndinkhanaxnely khnaemuxxyuinthaelthray chwng 40 pixnohdraynn khrnghnungekidkarkndarna chawxisraexlcungmatdphxomess inkhrngniphraecatrssngihomess xxkip bxk kxnhinihhlngna ephuxidminaich aetkhrngnnxisraexlthaihomess aelaxaornokrthxyangmak cungichimetha ti hinsxngkhrng nacungihlxxkma ehtukarnkhrngnn phraecanbwathngsxngimechuxfngphraxngkh xaornaelaomesscungimidsiththiinkarekhaipinaephndinkhanaxnchiwitkhrxbkhrw emuxomessipxasyxyukb erxuexl puorhitaehngemuxngmiediynnn eyothr idyk sipoprah butrsawkhxngtnihomess aelamibutr chux ekxrochm bnplaychiwit omessichewlapkkhrxngxisraexl aelanaxisraexledinthangphanthaelthray epnewla 40 pi emuxthanxayuid 120 pi ksinchiwit odymiidekhaipinaephndinkhanaxn aephndinaehngphnthsyyakhxngphraeca ephraakarimechuxfngphraecaephiyngkhrngediyw tambnthukphrakhmphirklawwa sphkhxngomess thukfngiwinekhtaednkxnekhaaephndinkhanaxnnnexng insasnaxislam musathukkklawthunginxlkurxanmakkwabukhkhlxun aelamikarraynganchiwitkhxngthanmakkwanbikhnxun insasnaxislam mikarxthibaymusainrupaebbkhlaykbsasdamuhmmd musaidrbkarklawthungepnthngnabi sasda aelaeraasul sasnthut khahlngicheriyksasdathinakhmphiraelathrrmbyytiaekprachachnkhxngtn chuxmusapraktinxlkurxanthung 502 khrng ehtukarnhlkswnihyinchiwitkhxngomessthiphbinkhmphiribebilsamarthphbidinbthtang sueraah khxngxlkurxan ykewneruxngrawkarphbxlkhidrthiimphbinphrakhmphir inswneruxngrawthiphbinxlkurxan phraecasngihoyekhebdwangomesslnginhibaelaplxyihihliptamaemnainl plxyihxyuinkhwamkhumkhrxngkhxngphraecaxasiyah phramehsifaorh phbomesslxyxyuinaemnainl phraxngkhthrngonmnawihfaorhrbekhaepnlukchay enuxngcakthngkhuimmiluk kurxanyngennyathungpharkickhxngomessinkarechiyfaorhihyxmrbdarscakphraeca aelaihpldplxywngswanxisraexl aelainxlkurxanyngrabuxikwa omesssngesrimihwngswanxisraexlekhaipinkhanaxn aetphwkekhaimetmicthicatxsukbchawkhanaxn odyklwkhwamphayaeph omesscungkhxtxxllxhihaeyktnkbxaorncakwngswanxisraexlphulaemid sungphayhlngklumchnxisraexltxngrxnerepnewla 40 pi mihadishnungthirabuthungkarphbpakbrahwangmusakbmuhmmdbnchnfa sngphlihchawmuslimthuxptibtilahmad 5 ewlathukwnklawwa singniepn hnunginehtukarnsakhyinchiwitkhxngmuhmmd tamthrrmeniymxislambangswn echuxwamikarfngrangkhxngmusathi iklxangxingNumbers 12 1 xphyph 6 20 phrakhristthrrmkhmphir xphyph 2 11 25 phrakhristthrrmkhmphir xphyph bththi 3 phrakhristthrrmkhmphir xphyph 3 4 aela 7 6 7 phrakhristthrrmkhmphir duephimin phyphibtiaehngxiyipt duephimin phithipskha kndarwithi bththi 13 phrakhristthrrmkhmphir kndarwithi bththi 20 phrakhristthrrmkhmphir echlythrrmbyyti 31 1 7 phrakhristthrrmkhmphir Keeler 2005 pp 55 66 sfn error no target CITEREFKeeler2005 Keeler 2005 pp 55 56 describes Moses from the Muslim perspective Among prophets Moses has been described as the one whose career as a messenger of God lawgiver and leader of his community most closely parallels and foreshadows that of Muhammad and as the figure that in the Koran was presented to Muhammad above all others as the supreme model of saviour and ruler of a community the man chosen to present both knowledge of the one God and a divinely revealed system of law We find him clearly in this role of Muhammad s forebear in a well known tradition of the miraculous ascension of the Prophet where Moses advises Muhammad from his own experience as messenger and lawgiver sfn error no target CITEREFKeeler2005 Azadpur M 2009 Charity and the Good Life On Islamic Prophetic Ethics Crisis Call and Leadership in the Abrahamic Traditions New York Palgrave Macmillan pp 153 167 Keeler 2005 p 55 sfn error no target CITEREFKeeler2005 xlkurxan 28 7 xlkurxan 28 9 Wheeler Brannon M 2002 Prophets in the Quran an introduction to the Quran and Muslim exegesis Continuum ISBN 0 8264 4957 3 Shahada Sharelle Abdul Haqq 2012 Noble Women of Faith Asiya Mary Khadija Fatima illustrated ed Tughra Books ISBN 978 1 59784 268 6 xlkurxan 79 17 19 xlkurxan 20 47 48 xlkurxan 5 20 Sahih al Bukhari Book 97 Hadith 142 Sunnah com subkhnemux 13 February 2020 1991 The World s Religions Harper Collins p 245 ISBN 978 0 06 250811 9 Samuel Curtiss 2005 Primitive Semitic Religion Today Kessinger pp 163 4 ISBN 1 4179 7346 3 aehlngkhxmulxunomess thiokhrngkarphinxngkhxngwikiphiediy hakhwamhmaycakwikiphcnanukrmphaphaelasuxcakkhxmmxnskhakhmcakwikikhakhmkhxmultnchbbcakwikisxrskhxmulcakwikisneths Book XVI Chapter II in by Strabo 1st century 1932 translation Moses is mentioned