อุมัร อิบน์ อัลค็อฏฏอบ (อาหรับ: عمر بن الخطاب; ป. ค.ศ. 583/584 – 644) เป็นเคาะลีฟะฮ์รอชิดีนองค์ที่ 2 ที่ครองราชย์ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 634 จนกระทั่งถูกลอบสังหารใน ค.ศ. 644 เขาเป็นอาวุโสกับพ่อตาของศาสดามุฮัมมัด และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านที่เคร่งศาสนาและเที่ยงธรรม จนได้รับฉายา อัลฟารูก ("ผู้แยกแยะ (ระหว่างความจริงกับความเท็จ)")
อุมัร عمر | |
---|---|
| |
เคาะลีฟะฮ์องค์ที่ 2 แห่งรัฐเคาะลีฟะฮ์รอชิดีน | |
ครองราชย์ | 23 สิงหาคม ค.ศ. 634 – 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 644 |
ก่อนหน้า | อะบูบักร์ |
ถัดไป | อุษมาน อิบน์ อัฟฟาน |
ประสูติ | ป. ค.ศ. 583 หรือ 584 มักกะฮ์ ฮิญาซ คาบสมุทรอาหรับ |
สวรรคต | พฤศจิกายน ค.ศ. 644 (ษุลฮิจญ์ญะฮ์ ฮ.ศ. 23/มุฮัรร็อม ฮ.ศ. 24) (60–61 พรรษา) มะดีนะฮ์ ฮิญาซ รัฐเคาะลีฟะฮ์รอชิดีน |
ฝังพระศพ | มัสยิดอันนะบะวี มะดีนะฮ์ |
คู่อภิเษก | |
พระราชบุตร | |
ราชวงศ์ | กุร็อยช์ () |
พระราชบิดา | |
พระราชมารดา | |
ศาสนา | อิสลาม |
ลายพระอภิไธย |
เดิมทีอุมัรเคยต่อต้านมุฮัมมัด ผู้เป็นญาติห่าง ๆ และภายหลังเป็นลูกเขยจากเผ่ากุร็อยช์ หลังเข้ารับอิสลามใน ค.ศ. 616 เขากลายเป็นมุสลิมคนแรกที่ละหมาดอย่างเปิดเผยที่กะอ์บะฮ์ อุมัรเข้าร่วมสงครามและการเดินทางเกือบทั้งหมดของมุฮัมมัด ผู้ให้ตำแหน่ง อัลฟารูก ('ผู้แยกแยะ') แก่อุมัรจากการตัดสินของเขา หลังมุฮัมมัดเสียชีวิตในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 632 อุมัรให้สัตยาบันต่ออะบูบักร์ (ค. 632 – 634) เป็นเคาะลีฟะฮ์องค์แรก และทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาใกล้ชิด จนกระทั่งเดือนสิงหาคม ค.ศ. 634 เมื่ออะบูบักร์ตอนใกล้สวรรคตเสนอให้อุมัรเป็นผู้สืบทอดต่อ
ในรัชสมัยของอุมัร รัฐเคาะลีฟะฮ์ได้ขยายในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยพิชิตจักรวรรดิซาเซเนียนและพื้นที่มากกว่าสองในสามของจักรวรรดิไบแซนไทน์ การโจมตีของพระองค์ต่อจักรวรรดิซาเซเนียนก่อให้เกิด(การพิชิตจักรวรรดิเปอร์เซีย)ภายในเวลาไม่เกินสองปี (642–644) ตามข้อมูลจากธรรมเนียมยิว อุมัรหยุดการห้ามชาวยิวของชาวคริสต์ และอนุญาตให้พวกเขาเดินทางไปเยรูซาเลมเพื่อทำพิธีตามศาสนาของตนเองได้ อุมัรถูกลอบสังหารจากทาสชาวเปอร์เซียนามใน ค.ศ. 644
นักประวัติศาสตร์โดยทั่วไปมองอุมัรเป็นหนึ่งในเคาะลีฟะฮ์มุสลิมที่มีอำนาจและอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยฝ่ายซุนนียกย่องเขาเป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่และมีคุณธรรมของอิสลาม และบางฮะดีษระบุเขาเป็นเศาะอาบะฮ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนที่สอง (รองจากอะบูบักร์) ส่วนฝั่งชีอะฮ์สิบสองอิมามมองเขาในแง่ลบ
ชีวิตช่วงต้น
อุมัรเกิดในที่มักกะฮ์ จากตระกูล ซึ่งรับผิดชอบในอนุญาโตตุลาการระหว่างชนเผ่า ในวัยเด็ก เขาเคยเลี้ยงอูฐของพ่อในพื้นที่ราบใกล้มักกะฮ์ พ่อผู้มีอาชีพพ่อค้ามีชื่อเสียงในด้านความเฉลียวฉลาดในชนเผ่าของเขา อุมัรเคยกล่าวว่า: "อัลค็อฏฏอบ พ่อของผม เป็นผู้ชายที่โหดเหี้ยม เขาเคยใช้ให้ผมทำงานหนัก ถ้าผมไม่ทำงาน เขาก็จะตีผม และเขาใช้งานผมจนเหนื่อย"
อุมัรเรียนรู้การอ่านและเขียนในวัยเด็ก แม้ว่าการรู้หนังสือไม่เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในอาระเบียก่อนอิสลาม ตอนโตขึ้น เขารักบทกวีและวรรณกรรม แม้จะไม่ใช่ก็ตาม รายงานจากธรรมเนียมของกุร็อยช์ ตอนอยู่ในช่วงวัยรุ่น อุมัรเรียนรู้ในด้านศิลปะการต่อสู้, และมวยปล้ำ เขามีรูปร่างสูงใหญ่ แข็งแรง และเป็นนักมวยปล้ำที่มีชื่อเสียง เขายังเป็นนักพูดที่มีพรสวรรค์ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ชี้ขาดระหว่างชนเผ่าต่าง ๆ ต่อจากพ่อ
อุมัรกลายเป็นพ่อค้าและเดินทางไปยังโรมและเปอร์เซีย โดยได้พบนักวิชาการหลายคน และวิเคราะห์สังคมในโรมันกับเปอร์เซีย แต่ตอนเป็นพ่อค้ากลับไม่ประสบความสำเร็จ เขาชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหมือนกับคนอื่น ๆ ในช่วงก่อนเข้ารับอิสลาม
อาชีพการทหารช่วงต้น
ต่อต้านอิสลาม
ใน ค.ศ. 610 มุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่หลักคำสอนของอิสลาม อย่างไรก็ตาม อุมัรต่อต้านอิสลามเหมือนกันคนอื่น ๆ ในมักกะฮ์และถึงกับขู่ว่าจะฆ่ามุฮัมมัด เขาตัดสินใจที่จะปกป้องศาสนาพหถเทวนิยมแบบดั้งเดิมของอาระเบีย เขายืนหยัดและต่อต้านมุฮัมมัดอย่างโหดร้าย และมีชื่อเสียงอย่างมากในการกดขี่มุสลิม เขาแนะนำให้ฆ่ามุฮัมมัด เขาเชื่อมั่นในความเป็นเอกภาพของเผ่ากุร็อยช์อย่างมั่นคง และมองความเชื่อใหม่ของอิสลามเป็นสาเหตุในความแตกแยกและความร้าวฉาน
ในช่วงที่มีการกดขี่ มุฮัมมัดสั่งให้ผู้ติดตามบางส่วน เมื่องมุสลิมกลุ่มเล็กอพยพออกไปแล้ว อุมัรเริ่มกังวลต่อความเป็นเอกภาพของกุร็อยช์ในอนาคต และตัดสินใจลงมือลอบสังหารมุฮัมมัด
เข้ารับอิสลามและรับใช้มุฮัมมัด
อุมัรเข้ารับอิสามใน ค.ศ. 616 หนึ่งปีหลังการอพยพไปยังอะบิสซีเนีย เรื่องราวนี้พบใน Sīrah ของ ว่า ขณะที่เขากำลังเดินทางไปฆ่ามุฮัมมัด อุมัรพบกับนัอัยม์ อิบน์ อับดุลลอฮ์ เพื่อนใกล้ชิดของอุมัรผู้เข้ารับอิสลามอย่างลับ ๆ เมื่ออุมัรบอกเขาว่าตนจะไปฆ่ามุฮัมมัด นุอัยม์จึงบอกว่า “...โอ้ อุมัร! เจ้าคิดว่าบะนูอับดุลมะนาฟจะปล่อยให้เจ้าวิ่งหนีทั้งเป็นเมื่อเจ้าได้สังหารมุฮัมมัด ลูกชายของพวกเขาหรือ? ทำไมเจ้าไม่กลับบ้านและจัดการให้เสร็จก่อนเล่า?"
นุอัยม์บอกอุมัรให้ไปสอบปากคำคนในบ้านของเขา เนื่องจากน้องสาวกับสามีของเธอแอบเข้ารับอิสลาม ก่อนเข้าบ้าน อุมัรพบน้องสาวกับน้องเขย (ลูกพี่ลูกน้องของอุมัร) อ่านโองการในจากกุรอาน เขาเริ่มทะเลาะกับน้องเขย เมื่อน้องสาวพยายามช่วยสามี เขาก็เริ่มทะเลาะกับเธอ แต่ทั้งคู่ยังคงตอบว่า "เจาอาจฆ่าเรา แต่เราจะไม่ยอมละทิ้งอิสลาม" หลังได้ยินประโยคนี้ อุมัรตบหน้าน้องสาวอย่างแรงจนเลือดไหลออกทางปาก จากนั้นเขาจึงแล้วใจเย็นลง และถามให้น้องสาวเอาสิ่งที่เธออ่านให้เขาดู เธอจึงตอบว่า "เจ้ายังไม่สะอาด และคนที่ไม่สะอาดไม่สมควรแตะต้องคัมภีร์" เขายื่นกราน แต่น้องสาวไม่อนุญาตให้เขาแตะจนกว่าจะชำระล้างร่างกายก่อน อุมัรจึงไปชำระร่างกายแล้วเริ่มอ่านโองการในอัลกุรอาน ซูเราะห์ฏอฮา อายะห์ที่1-6 (กุรอาน 20:1-6) เขาร่ำไห้และประกาศว่า "แน่แท้ นี่คือพระดำรัสจากอัลลอฮ์ ข้อขอปฏิญาณว่ามุฮัมมัดคือศาสทูตของอัลลอฮ์" หลังได้ยินสิ่งนี้ ค็อบบาบจึงออกจากที่ซ่อนและบอกเขาว่า: "โอ้ อุมัร! ขอแสดงความยินดีด้วย เมื่อวานมุฮัมมัดได้ขอต่ออัลลอฮ์ว่า 'โอ้ อัลลอฮ์! ขอทรงโปรดทำให้อิสลามมั่นคงด้วยอุมัรหรืออะบูญะฮัล'..."
อุมัรเดินทางไปหามุฮัมมัดด้วยดาบเล่มเดียวกันที่เขาเคยตั้งใจฆ่า จากนั้นจึงหันมาเข้ารับอิสลามต่อหน้าท่านกับผู้ติดตาม ตอนเข้ารับอิสลาม เขามีอายุ 39 ปี.
รายงานหนึ่งบันทึกว่า หลังเข้ารับอิสลาม อุมัรละหมาดอย่างเปิดเผยที่กะอ์บะฮ์ โดยที่อะบูญะฮัลกับมองดูด้วยความโกรธ
อพยพไปมะดีนะฮ์
ใน ค.ศ. 622 หลังชาวยัษริบ (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นมะดีนะตุนนะบี หรือสั้น ๆ ว่า มะดีนะฮ์) เสนอให้ความปลอดภัยแก่ท่าน มุฮัมมัดจึงสั่งให้ผู้ติดตามอพยพไปยังมะดีนะฮ์ มุสลิมส่วนใหญ่อพยพในเวลากลางคืนเนื่องจากกลัวการต่อต้านของพวกกุร็อยช์ แต่มีรายงานว่าอุมัรอพยพอย่างเปิดเผยในเวลากลางวัน โดยกล่าวว่า: "ใครก็ตามที่ต้องการให้ภรรยาของเขาเป็นหม้าย และลูกของเขาเป็นเด็กกำพร้า ควรมาพบข้าที่หลังผานั้น" อุมัรอพยพไปยังมะดีนะฮ์ร่วมกับลูกพี่ลูกน้อง และน้องเขย
ชีวิตในมะดีนะฮ์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
มุฮัมมัดเสียชีวิต
เมื่อมุฮัมมัดเสียชีวิตในวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 632 เดิมทีอุมัรไม่เชื่อว่าท่านตายแล้ว กล่าวกันว่าอุมัรสัญญาที่จะทำร้ายใครก็ตามที่บอกว่ามุฮัมมัดตายแล้ว ภายหลังอะบูบักร์ประกาศต่อสาธารณชนในมัสยิดว่า:
"ใครก็ตามที่สักการะมุฮัมมัด จงรู้เถิดว่าท่านเสียชีวิตแล้ว และใครสักการะอัลลอฮ์ จงรู้เถิดว่าพระองค์ทรงมีชีวิตและไม่มีวันตาย"
แล้วยกโองการจากอัลกุรอานความว่า:
"และมุฮัมมัดนั้นหาใช่อื่นใดไม่นอกจากเป็นร่อซูลผู้หนึ่งเท่านั้น ซึ่งบรรดาร่อซูลก่อนจากเขาก็ได้ล่วงลับไปแล้ว แล้วหากเขาตายไปหรือเขาถูกฆ่าก็ตาม พวกเจ้าก็หันสันเท้าของพวกเจ้ากลับกระนั้นหรือ?..."
หลังได้ยินสิ่งนี้ อุมัรคุกเข่าเสียใจและยอมรับความจริง มุสลิมซุนนีรายงานว่าการปฏิเสธการเสียชีวิตของท่านมาจากความรักอย่างลึกซึ้งของเขา
ลอบสังหาร
ใน ค.ศ. 644 อุมัรถูกลอบสังหารจากทาสชาวเปอร์เซียนาม แรงจูงใจในการลอบสังหารของเขาไม่ชัดเจน แต่ข้อมูลสมัยกลางหลายแห่งระบุว่าเป็นข้อพิพาททางภาษีกับเจ้านายชาวอาหรับ
รายงานจากบันทึกประวัติศาสตร์ อะบูลุอ์ลุอะฮ์เป็นชาวโซโรอัสเตอร์จาก (อิหร่าน) ในขณะที่บางรายงานระบุเขาเป็นชาวคริสต์ เขาเป็นและช่างตีเหล็กที่มีทักษะสูง และน่าจะถูกเจ้านาย อัลมุฆีเราะฮ์ จับเป็นเชลยใน (ค.ศ. 642) และภายหลังนำเขาไปที่อาระเบีย ซึ่งเขาอาจเข้ารับอิสลาม ส่วนอีกข้อมูลหนึ่งระบุว่าเขาถูกอัลมุฆีเราะฮ์จับเป็นเชลยใน (ค.ศ. 636) หรือเขาถูก อดีตนายทหารซาเซเนียนที่ทำงานเป็นที่ปรึกษาแก่อุมัรหลังตนเองถูกมุสลิมจับกุม ขายให้กับอัลมุฆีเราะฮ์ แม้ว่าในรัชสมัยอุมัรจะห้ามพวก (ผู้ไม่ใช่อาหรับ) เข้าข้างในมะดีนะฮ์ อะบูลุอ์ลุอะฮ์ได้รับข้อยกเว้น เนื่องจากอัลมุฆีเราะฮ์ส่งเขาไปรับใช้เคาะลีฟะฮ์
เมื่ออัลมุฆีเราะฮ์บังคับให้อะบูลุอ์ลุอะฮ์จ่ายภาษี 2 ต่อวัน อะบูลุอ์ลุอะฮ์หันไปหาอุมัรเพื่อประท้วงต่อภาษีนี้ แต่อุมัรปฏิเสธที่จะยกเลิกภาษีนี้ ทำให้อะบูลุอ์ลุอะฮ์เกิดความแค้น ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเหตุผลที่ปรากฏในบันทึกประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ในเรื่องการลอบสังหารอุมัรของอะบูลุอ์ลุอะฮ์ นโยบายอันเป็นอคติของอุมัรต่อเชลยที่ไม่ใช่ชาวอาหรับอาจมีส่วนสำคัญด้วย วันหนึ่ง เมืองอุมัรกำลังนำละหมาดหมู่ในมัสยิดอันนะบะวี อะบูลุอ์ลุอะฮ์แทงพระองค์ด้วยดาบสั้นสองใบมีด มีรายงานเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลายฉบับ: ในฉบับหนึ่ง เขาฆ่า Kulayb ibn al-Bukayr al-Laythi ที่ละหมาดหลังอุมัร ในขณะที่อีกข้อมูลหนึ่งระบุว่า เขาแทงคนที่เข้ามาขัดขวาง 13 คน บางรายงานระบุว่า เคาะลีฟะฮ์สวรรคตในวันเดียวกัน ในขณะที่บางรายงานระบุว่าพระองค์สวรรคตในสามวันถัดมา ในกรณีใดก็ตาม อุมัรสวรรคตจากบาดแผลในวันพุธที่ 26 ษุลฮิจญ์ญะฮ์ ฮ.ศ. 23 (6 พฤศจิกายน ค.ศ. 644 ตามปฏิทินกริกอเรียน)
อุมัรถูกฝังใต้โดมเขียวที่มัสยิดอันนะบะวีร่วมกับมุฮัมมัดกับเคาะลีฟะฮ์ อะบูบักร์ โดยได้รับอนุญาตจากอาอิชะฮ์ที่ให้แก่โอรสของพระองค์ อับดุลลอฮ์ อิบน์ อุมัร ตามคำขอของอุมัร
ผลที่ตามมา
หลักฐานทางโบราณคดี
ใน ค.ศ. 2012 มีผู้พบศิลาจารึกที่ al-Murakkab (ซาอุดีอาระเบีย) ซึ่งมีลายเซ็นที่เชื่อว่าเป็นของอุมัร
อ้างอิง
- Majlisi, Muhammad Baqir. Mir'at ul-Oqool. Vol. 21. p. 199.
- Al-Tusi, Nasir Al-Din. Al-Mabsoot. Vol. 4. p. 272.
- Hourani (1991), p. 23.
- Dubnow, Simon (1968). History of the Jews: From the Roman Empire to the Early Medieval Period. Vol. 2. Cornwall Books. p. 326. ISBN .
- Ahmed, Nazeer, Islam in Global History: From the Death of Prophet Muhammad to the First World War, American Institute of Islamic History and Cul, 2001, p. 34. ISBN .
- Bonner, M.; Levi Della Vida, G. "Umar (I) b. al-K̲h̲aṭṭāb". ใน P. Bearman; Th. Bianquis; C.E. Bosworth; E. van Donzel; W.P. Heinrichs (บ.ก.). Encyclopaedia of Islam. Vol. 10 (Second ed.). Brill. p. 820.
- "Hadith – Book of Companions of the Prophet – Sahih al-Bukhari – Sayings and Teachings of Prophet Muhammad (صلى الله عليه و سلم)". Sunnah.com.
- "Hadith – Book of Companions of the Prophet – Sahih al-Bukhari – Sayings and Teachings of Prophet Muhammad (صلى الله عليه و سلم)". Sunnah.com.
- Bonner, M.; Levi Della Vida, G. "Umar (I) b. al-K̲h̲aṭṭāb". ใน P. Bearman; Th. Bianquis; C.E. Bosworth; E. van Donzel; W.P. Heinrichs (บ.ก.). Encyclopaedia of Islam. Vol. 10 (Second ed.). Brill. p. 820.
Shi'i tradition has never concealed its antipathy to Umar for having thwarted the claims of Ali and the House of the Prophet.
- "Umar Ibn Al-Khattab : His Life and Times, Volume 1". archive.org.
- Qazi, Moin. Umar Al Farooq: Man and Caliph (ภาษาอังกฤษ). Notion Press. ISBN .
- (1944). Al Farooq, Umar. Chapter 1, p. 45.
- Haykal, 1944. Chapter 1.
- ,
- Haykal, 1944. Chapter 1, pp. 40–41.
- Tabqat ibn Sa'ad. Chapter: Umar ibn Khattab.
- Haykal, 1944. Chapter 1, p. 47.
- Haykal, 1944. Chapter 1, p. 51.
- Armstrong, p. 128.
- Haykal, 1944. Chapter 1, p. 53.
- "Umar's Conversion to Islam". Al-Islam.org. 10 November 2013. สืบค้นเมื่อ 4 August 2016.
- as-Suyuti, The History of Khalifahs Who Took The Right Way (London, 1995), pp. 107–108.
- Al Mubarakpury, Safi ur Rahman (2002). Ar-Raheeq Al-Makhtum (The Sealed Nectar). Darussalam. pp. 130–131. ISBN .
- Tartib wa Tahthib Kitab by ibn Kathir, published by Dar al-Wathan publications, Riyadh Kingdom of Saudi Arabia, 1422 (2002), compiled by Muhammad ibn Shamil as-Sulami, p. 170, ISBN
- Armstrong, p. 35.
- Serat-i-Hazrat Umar-i-Farooq, Mohammad Allias Aadil, p. 119
- Armstrong, p. 152.
- as-Suyuti, The History of Khalifahs Who Took The Right Way (London, 1995), pp. 54–61.
- "Hadith – Book of Companions of the Prophet – Sahih al-Bukhari – Sayings and Teachings of Prophet Muhammad (صلى الله عليه و سلم)". Sunnah.com. 26 April 2012. สืบค้นเมื่อ 29 January 2019.
- Madelung 1997, p. 404 refers to Jufayna as "al-Naṣrānī", indicating that he was a man. Moreover, while the murder weapon seems to be depicted here as a split-blade sword (like ), El-Hibri 2010, p. 109 describes it as "a unique dagger", having "two pointed sharp edges, with a handle in the middle". The picture is taken from Tārīkhunā bi-uslūb qaṣaṣī ('Our History in a Narrative style'), a popular history book first published in Iraq in 1935.
- Pellat (2011).
- Pellat 2011. ผู้เขียนสมัยใหม่มีมุมมองต่างกัน: Levi Della Vida & Bonner 2000 ระบุเพียง เขาเป็นทาสชาวคริสต์ ในขณะที่ Madelung 1997, p. 75, note 67 มองข้อมูลที่อ้างว่าเขาเป็นชาวคริสต์ไม่น่าเชื่อถือ. Ishkevari & Nejad 2008 กล่าวถึงรายงานจาก Mujmal al-tawārīkh wa-l-qiṣaṣ ผลงานที่ไม่ทราบผู้เขียน เขียนขึ้นประมาณ ค.ศ. 1126 ระบุว่า อะบูลุอ์ลุอะฮ์มาจาก Fin ซึ่งเป็นหมู่บ้านใกล้กับเมือง.
- Pellat 2011.
- นี่คือมุมมองของ Madelung 1997, p. 75, note 67.
- See the sources cited by El-Hibri 2010, pp. 108–109 (cf. also p. 112).
- Pellat 2011; cf. Madelung 1997, p. 75, note 64.
- ข้อมูลบางส่วนระบุที่ 3 ดิรฮัมต่อเดือน; ดูที่ Pellat 2011.
- Pellat 2011; Levi Della Vida & Bonner 2000. As pointed out by Pellat 2011, other accounts rather maintain that Abu Lu'lu'a's was angry about the caliph's raising a kharāj tax on his master al-Mughira.
- Levi Della Vida & Bonner 2000.
- นี่คือข้อสันนิษฐานของ Madelung 1997, p. 75.
- El-Hibri 2010, p. 109 describes the dagger as "unique", having "two pointed sharp edges, with a handle in the middle".
- Smith, G. Rex, บ.ก. (1994). The History of al-Ṭabarī, Volume XIV: The Conquest of Iran, A.D. 641–643/A.H. 21–23. SUNY Series in Near Eastern Studies. Albany, New York: State University of New York Press. p. 90. ISBN . Cf. El-Hibri 2010, p. 109. See also Caetani 1905–1926, vol. V, p. 216.
- El-Hibri 2010, p. 109.
- Levi Della Vida & Bonner 2000; Pellat 2011.
- Fayda & Koçak 2007, p. 46.
- Imbert, Frédéric (2019). "Espaces de liberté et contraintes graphiques dans les graffiti du début de l'islam". Savants, amants, poètes et fous : Séances offertes à Katia Zakharia. Beirut: Presses de l’Ifpo. pp. 161–174. doi:10.4000/books.ifpo.13413. ISBN . S2CID 213324606.
บรรณานุกรม
- Ibn Sa'ad. .
- (1905–1926). Annali dell'Islam. 10 vols. Milan: Ulrico Hoepli. OCLC 3423680.
- Guillaume, A., The Life of Muhammad, Oxford University Press, 1955.
- Previte-Orton, C. W. (1971). The Shorter Cambridge Medieval History. Cambridge: Cambridge University Press.
- Donner, Fred, The Early Islamic Conquests, Princeton University Press, 1981.
- El-Hibri, Tayeb (2010). Parable and Politics in Early Islamic History: The Rashidun Caliphs. New York: Columbia University Press. ISBN .
- (1991). . Faber and Faber.
- Madelung, Wilferd (1997). . Cambridge University Press.
- Madelung, Wilferd (15 October 1998). The Succession to Muhammad: A Study of the Early Caliphate. Cambridge University Press. ISBN .
- & Bonner, M. (2000). "ʿUmar (I) b. al-Khaṭṭāb". ใน ; ; ; & (บ.ก.). . Volume X: T–U. Leiden: E. J. Brill. pp. 818−821. ISBN .
- Lock, Henry Osmond (2003) [First published 1920]. Conquerors of Palestine Through Forty Centuries. Introduction by . . ISBN .
- (1978). The 100: A Ranking of the Most Influential Persons in History. Carol Publishing Group. ISBN .
- Fayda, Mustafa; Koçak, Muhşin (2007). ÖMER b. el-Hattâb - An article published in 34th volume of Turkish Encyclopedia of Islam (ภาษาตุรกี). Vol. 34. Istanbul: . pp. 44–53. ISBN .
- Barnaby Rogerson (2008), The Heirs of Muhammad: Islam's First Century and the Origins of the Sunni-Shia Split, Overlook, ISBN
- (4 November 2010), The Heirs Of The Prophet Muhammad: And the Roots of the Sunni-Shia Schism, Little, Brown Book Group, ISBN
- (2011). "Abū Loʾloʾa". ใน (บ.ก.). Encyclopaedia Iranica.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Excerpt from The History of the Khalifahs by Jalal ad-Din as-
- by Shaykh Sayyed Muhammad bin Yahya al-Husayni al-Ninowy.
- . สารานุกรมบริตานิกา ค.ศ. 1911 (11 ed.). 1911.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xumr xibn xlkhxttxb xahrb عمر بن الخطاب p kh s 583 584 644 epnekhaalifahrxchidinxngkhthi 2 thikhrxngrachyineduxnsinghakhm kh s 634 cnkrathngthuklxbsngharin kh s 644 ekhaepnxawuoskbphxtakhxngsasdamuhmmd aelayngepnphuechiywchayindanthiekhrngsasnaaelaethiyngthrrm cnidrbchaya xlfaruk phuaeykaeya rahwangkhwamcringkbkhwamethc xumr عمرekhaalifahxngkhthi 2 aehngrthekhaalifahrxchidinkhrxngrachy23 singhakhm kh s 634 3 phvscikayn kh s 644kxnhnaxabubkrthdipxusman xibn xffanprasutip kh s 583 hrux 584 mkkah hiyas khabsmuthrxahrbswrrkhtphvscikayn kh s 644 sulhicyyah h s 23 muhrrxm h s 24 60 61 phrrsa madinah hiyas rthekhaalifahrxchidinfngphrasphmsyidxnnabawi madinahkhuxphieskphrarachbutrxbdullxhrachwngskurxych phrarachbidaphrarachmardasasnaxislamlayphraxphiithy edimthixumrekhytxtanmuhmmd phuepnyatihang aelaphayhlngepnlukekhycakephakurxych hlngekharbxislamin kh s 616 ekhaklayepnmuslimkhnaerkthilahmadxyangepidephythikaxbah xumrekharwmsngkhramaelakaredinthangekuxbthnghmdkhxngmuhmmd phuihtaaehnng xlfaruk phuaeykaeya aekxumrcakkartdsinkhxngekha hlngmuhmmdesiychiwitineduxnmithunayn kh s 632 xumrihstyabntxxabubkr kh 632 634 epnekhaalifahxngkhaerk aelathahnathiepnthipruksaiklchid cnkrathngeduxnsinghakhm kh s 634 emuxxabubkrtxniklswrrkhtesnxihxumrepnphusubthxdtx inrchsmykhxngxumr rthekhaalifahidkhyayinxtrathiimekhyekidkhunmakxn odyphichitckrwrrdisaeseniynaelaphunthimakkwasxnginsamkhxngckrwrrdiibaesnithn karocmtikhxngphraxngkhtxckrwrrdisaeseniynkxihekidkarphichitckrwrrdiepxresiyphayinewlaimekinsxngpi 642 644 tamkhxmulcakthrrmeniymyiw xumrhyudkarhamchawyiwkhxngchawkhrist aelaxnuyatihphwkekhaedinthangipeyrusaelmephuxthaphithitamsasnakhxngtnexngid xumrthuklxbsngharcakthaschawepxresiynamin kh s 644 nkprawtisastrodythwipmxngxumrepnhnunginekhaalifahmuslimthimixanacaelaxiththiphlmakthisudinprawtisastr odyfaysunniykyxngekhaepnphupkkhrxngthiyingihyaelamikhunthrrmkhxngxislam aelabanghadisrabuekhaepnesaaxabahthiyingihythisudkhnthisxng rxngcakxabubkr swnfngchixahsibsxngximammxngekhainaenglbchiwitchwngtnxumrekidinthimkkah caktrakul sungrbphidchxbinxnuyaottulakarrahwangchnepha inwyedk ekhaekhyeliyngxuthkhxngphxinphunthirabiklmkkah phxphumixachiphphxkhamichuxesiyngindankhwamechliywchladinchnephakhxngekha xumrekhyklawwa xlkhxttxb phxkhxngphm epnphuchaythiohdehiym ekhaekhyichihphmthanganhnk thaphmimthangan ekhakcatiphm aelaekhaichnganphmcnehnuxy xumreriynrukarxanaelaekhiyninwyedk aemwakarruhnngsuximepnsingthiphbidthwipinxaraebiykxnxislam txnotkhun ekharkbthkwiaelawrrnkrrm aemcaimichktam rayngancakthrrmeniymkhxngkurxych txnxyuinchwngwyrun xumreriynruindansilpakartxsu aelamwypla ekhamiruprangsungihy aekhngaerng aelaepnnkmwyplathimichuxesiyng ekhayngepnnkphudthimiphrswrrkhsungthahnathiepnphuchikhadrahwangchnephatang txcakphx xumrklayepnphxkhaaelaedinthangipyngormaelaepxresiy odyidphbnkwichakarhlaykhn aelawiekhraahsngkhminormnkbepxresiy aettxnepnphxkhaklbimprasbkhwamsaerc ekhachxbdumekhruxngdumaexlkxhxlehmuxnkbkhnxun inchwngkxnekharbxislamxachiphkarthharchwngtntxtanxislam in kh s 610 muhmmderimephyaephhlkkhasxnkhxngxislam xyangirktam xumrtxtanxislamehmuxnknkhnxun inmkkahaelathungkbkhuwacakhamuhmmd ekhatdsinicthicapkpxngsasnaphhthethwniymaebbdngedimkhxngxaraebiy ekhayunhydaelatxtanmuhmmdxyangohdray aelamichuxesiyngxyangmakinkarkdkhimuslim ekhaaenanaihkhamuhmmd ekhaechuxmninkhwamepnexkphaphkhxngephakurxychxyangmnkhng aelamxngkhwamechuxihmkhxngxislamepnsaehtuinkhwamaetkaeykaelakhwamrawchan inchwngthimikarkdkhi muhmmdsngihphutidtambangswn emuxngmuslimklumelkxphyphxxkipaelw xumrerimkngwltxkhwamepnexkphaphkhxngkurxychinxnakht aelatdsiniclngmuxlxbsngharmuhmmd ekharbxislamaelarbichmuhmmd xumrekharbxisamin kh s 616 hnungpihlngkarxphyphipyngxabissieniy eruxngrawniphbin Sirah khxng wa khnathiekhakalngedinthangipkhamuhmmd xumrphbkbnxym xibn xbdullxh ephuxniklchidkhxngxumrphuekharbxislamxyanglb emuxxumrbxkekhawatncaipkhamuhmmd nuxymcungbxkwa ox xumr ecakhidwabanuxbdulmanafcaplxyihecawinghnithngepnemuxecaidsngharmuhmmd lukchaykhxngphwkekhahrux thaimecaimklbbanaelacdkarihesrckxnela nuxymbxkxumrihipsxbpakkhakhninbankhxngekha enuxngcaknxngsawkbsamikhxngethxaexbekharbxislam kxnekhaban xumrphbnxngsawkbnxngekhy lukphiluknxngkhxngxumr xanoxngkarincakkurxan ekhaerimthaelaakbnxngekhy emuxnxngsawphyayamchwysami ekhakerimthaelaakbethx aetthngkhuyngkhngtxbwa ecaxackhaera aeteracaimyxmlathingxislam hlngidyinpraoykhni xumrtbhnanxngsawxyangaerngcneluxdihlxxkthangpak caknnekhacungaelwiceynlng aelathamihnxngsawexasingthiethxxanihekhadu ethxcungtxbwa ecayngimsaxad aelakhnthiimsaxadimsmkhwraetatxngkhmphir ekhayunkran aetnxngsawimxnuyatihekhaaetacnkwacacharalangrangkaykxn xumrcungipchararangkayaelwerimxanoxngkarinxlkurxan sueraahtxha xayahthi1 6 kurxan 20 1 6 ekharaihaelaprakaswa aenaeth nikhuxphradarscakxllxh khxkhxptiyanwamuhmmdkhuxsasthutkhxngxllxh hlngidyinsingni khxbbabcungxxkcakthisxnaelabxkekhawa ox xumr khxaesdngkhwamyindidwy emuxwanmuhmmdidkhxtxxllxhwa ox xllxh khxthrngoprdthaihxislammnkhngdwyxumrhruxxabuyahl xumredinthangiphamuhmmddwydabelmediywknthiekhaekhytngickha caknncunghnmaekharbxislamtxhnathankbphutidtam txnekharbxislam ekhamixayu 39 pi raynganhnungbnthukwa hlngekharbxislam xumrlahmadxyangepidephythikaxbah odythixabuyahlkbmxngdudwykhwamokrth xphyphipmadinah in kh s 622 hlngchawysrib phayhlngepliynchuxepnmadinatunnabi hruxsn wa madinah esnxihkhwamplxdphyaekthan muhmmdcungsngihphutidtamxphyphipyngmadinah muslimswnihyxphyphinewlaklangkhunenuxngcakklwkartxtankhxngphwkkurxych aetmiraynganwaxumrxphyphxyangepidephyinewlaklangwn odyklawwa ikhrktamthitxngkarihphrryakhxngekhaepnhmay aelalukkhxngekhaepnedkkaphra khwrmaphbkhathihlngphann xumrxphyphipyngmadinahrwmkblukphiluknxng aelanxngekhy chiwitinmadinah swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidmuhmmdesiychiwit emuxmuhmmdesiychiwitinwnthi 8 mithunayn kh s 632 edimthixumrimechuxwathantayaelw klawknwaxumrsyyathicatharayikhrktamthibxkwamuhmmdtayaelw phayhlngxabubkrprakastxsatharnchninmsyidwa ikhrktamthiskkaramuhmmd cngruethidwathanesiychiwitaelw aelaikhrskkaraxllxh cngruethidwaphraxngkhthrngmichiwitaelaimmiwntay aelwykoxngkarcakxlkurxankhwamwa aelamuhmmdnnhaichxunidimnxkcakepnrxsulphuhnungethann sungbrrdarxsulkxncakekhakidlwnglbipaelw aelwhakekhatayiphruxekhathukkhaktam phwkecakhnsnethakhxngphwkecaklbkrannhrux hlngidyinsingni xumrkhukekhaesiyicaelayxmrbkhwamcring muslimsunniraynganwakarptiesthkaresiychiwitkhxngthanmacakkhwamrkxyangluksungkhxngekhalxbsngharphaphwadinchwngtnkhriststwrrsthi 20 aesdngphaphkhxngxbdureraahman hrux phbehnkarsmrurwmkhidodyectnakhxngxabuluxluxah aela Jufayna inphaphwadphidepnphuhying aelaphaphxawuthlxbsngharnacaphiddwy susankhxngekhaalifahxumritodmekhiywinmsyidxnnabawi madinah hnatangbanaerknbcakdankhwamxngehnhlumfngsphkhxngxumr in kh s 644 xumrthuklxbsngharcakthaschawepxresiynam aerngcungicinkarlxbsngharkhxngekhaimchdecn aetkhxmulsmyklanghlayaehngrabuwaepnkhxphiphaththangphasikbecanaychawxahrb rayngancakbnthukprawtisastr xabuluxluxahepnchawosorxsetxrcak xihran inkhnathibangraynganrabuekhaepnchawkhrist ekhaepnaelachangtiehlkthimithksasung aelanacathukecanay xlmukhieraah cbepnechlyin kh s 642 aelaphayhlngnaekhaipthixaraebiy sungekhaxacekharbxislam swnxikkhxmulhnungrabuwaekhathukxlmukhieraahcbepnechlyin kh s 636 hruxekhathuk xditnaythharsaeseniynthithanganepnthipruksaaekxumrhlngtnexngthukmuslimcbkum khayihkbxlmukhieraah aemwainrchsmyxumrcahamphwk phuimichxahrb ekhakhanginmadinah xabuluxluxahidrbkhxykewn enuxngcakxlmukhieraahsngekhaiprbichekhaalifah emuxxlmukhieraahbngkhbihxabuluxluxahcayphasi 2 txwn xabuluxluxahhniphaxumrephuxprathwngtxphasini aetxumrptiesththicaykelikphasini thaihxabuluxluxahekidkhwamaekhn thungaemwanicaepnehtuphlthipraktinbnthukprawtisastrswnihyineruxngkarlxbsngharxumrkhxngxabuluxluxah noybayxnepnxkhtikhxngxumrtxechlythiimichchawxahrbxacmiswnsakhydwy wnhnung emuxngxumrkalngnalahmadhmuinmsyidxnnabawi xabuluxluxahaethngphraxngkhdwydabsnsxngibmid miraynganekiywkbsingthiekidkhunhlaychbb inchbbhnung ekhakha Kulayb ibn al Bukayr al Laythi thilahmadhlngxumr inkhnathixikkhxmulhnungrabuwa ekhaaethngkhnthiekhamakhdkhwang 13 khn bangraynganrabuwa ekhaalifahswrrkhtinwnediywkn inkhnathibangraynganrabuwaphraxngkhswrrkhtinsamwnthdma inkrniidktam xumrswrrkhtcakbadaephlinwnphuththi 26 sulhicyyah h s 23 6 phvscikayn kh s 644 tamptithinkrikxeriyn xumrthukfngitodmekhiywthimsyidxnnabawirwmkbmuhmmdkbekhaalifah xabubkr odyidrbxnuyatcakxaxichahthiihaekoxrskhxngphraxngkh xbdullxh xibn xumr tamkhakhxkhxngxumr phlthitammahlkthanthangobrankhdikhxkhwambnsilacarukthiechuxwaepnlayesnkhxngxumr in kh s 2012 miphuphbsilacarukthi al Murakkab saxudixaraebiy sungmilayesnthiechuxwaepnkhxngxumrxangxingMajlisi Muhammad Baqir Mir at ul Oqool Vol 21 p 199 Al Tusi Nasir Al Din Al Mabsoot Vol 4 p 272 Hourani 1991 p 23 Dubnow Simon 1968 History of the Jews From the Roman Empire to the Early Medieval Period Vol 2 Cornwall Books p 326 ISBN 978 0 8453 6659 2 Ahmed Nazeer Islam in Global History From the Death of Prophet Muhammad to the First World War American Institute of Islamic History and Cul 2001 p 34 ISBN 0 7388 5963 X Bonner M Levi Della Vida G Umar I b al K h aṭṭab in P Bearman Th Bianquis C E Bosworth E van Donzel W P Heinrichs b k Encyclopaedia of Islam Vol 10 Second ed Brill p 820 Hadith Book of Companions of the Prophet Sahih al Bukhari Sayings and Teachings of Prophet Muhammad صلى الله عليه و سلم Sunnah com Hadith Book of Companions of the Prophet Sahih al Bukhari Sayings and Teachings of Prophet Muhammad صلى الله عليه و سلم Sunnah com Bonner M Levi Della Vida G Umar I b al K h aṭṭab in P Bearman Th Bianquis C E Bosworth E van Donzel W P Heinrichs b k Encyclopaedia of Islam Vol 10 Second ed Brill p 820 Shi i tradition has never concealed its antipathy to Umar for having thwarted the claims of Ali and the House of the Prophet Umar Ibn Al Khattab His Life and Times Volume 1 archive org Qazi Moin Umar Al Farooq Man and Caliph phasaxngkvs Notion Press ISBN 9789352061716 1944 Al Farooq Umar Chapter 1 p 45 Haykal 1944 Chapter 1 Haykal 1944 Chapter 1 pp 40 41 Tabqat ibn Sa ad Chapter Umar ibn Khattab Haykal 1944 Chapter 1 p 47 Haykal 1944 Chapter 1 p 51 Armstrong p 128 harv error no target CITEREFArmstrong Haykal 1944 Chapter 1 p 53 Umar s Conversion to Islam Al Islam org 10 November 2013 subkhnemux 4 August 2016 as Suyuti The History of Khalifahs Who Took The Right Way London 1995 pp 107 108 Al Mubarakpury Safi ur Rahman 2002 Ar Raheeq Al Makhtum The Sealed Nectar Darussalam pp 130 131 ISBN 9960 899 55 1 Tartib wa Tahthib Kitab by ibn Kathir published by Dar al Wathan publications Riyadh Kingdom of Saudi Arabia 1422 2002 compiled by Muhammad ibn Shamil as Sulami p 170 ISBN 978 9960 28 117 9 Armstrong p 35 harv error no target CITEREFArmstrong Serat i Hazrat Umar i Farooq Mohammad Allias Aadil p 119 Armstrong p 152 harv error no target CITEREFArmstrong as Suyuti The History of Khalifahs Who Took The Right Way London 1995 pp 54 61 Hadith Book of Companions of the Prophet Sahih al Bukhari Sayings and Teachings of Prophet Muhammad صلى الله عليه و سلم Sunnah com 26 April 2012 subkhnemux 29 January 2019 Madelung 1997 p 404 refers to Jufayna as al Naṣrani indicating that he was a man Moreover while the murder weapon seems to be depicted here as a split blade sword like El Hibri 2010 p 109 describes it as a unique dagger having two pointed sharp edges with a handle in the middle The picture is taken from Tarikhuna bi uslub qaṣaṣi Our History in a Narrative style a popular history book first published in Iraq in 1935 Pellat 2011 Pellat 2011 phuekhiynsmyihmmimummxngtangkn Levi Della Vida amp Bonner 2000 rabuephiyng ekhaepnthaschawkhrist inkhnathi Madelung 1997 p 75 note 67 mxngkhxmulthixangwaekhaepnchawkhristimnaechuxthux Ishkevari amp Nejad 2008 klawthungrayngancak Mujmal al tawarikh wa l qiṣaṣ phlnganthiimthrabphuekhiyn ekhiynkhunpraman kh s 1126 rabuwa xabuluxluxahmacak Fin sungepnhmubaniklkbemuxng Pellat 2011 nikhuxmummxngkhxng Madelung 1997 p 75 note 67 See the sources cited by El Hibri 2010 pp 108 109 cf also p 112 Pellat 2011 cf Madelung 1997 p 75 note 64 khxmulbangswnrabuthi 3 dirhmtxeduxn duthi Pellat 2011 Pellat 2011 Levi Della Vida amp Bonner 2000 As pointed out by Pellat 2011 other accounts rather maintain that Abu Lu lu a s was angry about the caliph s raising a kharaj tax on his master al Mughira Levi Della Vida amp Bonner 2000 nikhuxkhxsnnisthankhxng Madelung 1997 p 75 El Hibri 2010 p 109 describes the dagger as unique having two pointed sharp edges with a handle in the middle Smith G Rex b k 1994 The History of al Ṭabari Volume XIV The Conquest of Iran A D 641 643 A H 21 23 SUNY Series in Near Eastern Studies Albany New York State University of New York Press p 90 ISBN 978 0 7914 1293 0 Cf El Hibri 2010 p 109 See also Caetani 1905 1926 vol V p 216 El Hibri 2010 p 109 Levi Della Vida amp Bonner 2000 Pellat 2011 Fayda amp Kocak 2007 p 46 Imbert Frederic 2019 Espaces de liberte et contraintes graphiques dans les graffiti du debut de l islam Savants amants poetes et fous Seances offertes a Katia Zakharia Beirut Presses de l Ifpo pp 161 174 doi 10 4000 books ifpo 13413 ISBN 9782351595503 S2CID 213324606 brrnanukrmIbn Sa ad 1905 1926 Annali dell Islam 10 vols Milan Ulrico Hoepli OCLC 3423680 Guillaume A The Life of Muhammad Oxford University Press 1955 Previte Orton C W 1971 The Shorter Cambridge Medieval History Cambridge Cambridge University Press Donner Fred The Early Islamic Conquests Princeton University Press 1981 El Hibri Tayeb 2010 Parable and Politics in Early Islamic History The Rashidun Caliphs New York Columbia University Press ISBN 978 0 231 15082 8 1991 Faber and Faber Madelung Wilferd 1997 Cambridge University Press Madelung Wilferd 15 October 1998 The Succession to Muhammad A Study of the Early Caliphate Cambridge University Press ISBN 978 0 52 164696 3 amp Bonner M 2000 ʿUmar I b al Khaṭṭab in amp b k Volume X T U Leiden E J Brill pp 818 821 ISBN 978 90 04 11211 7 Lock Henry Osmond 2003 First published 1920 Conquerors of Palestine Through Forty Centuries Introduction by ISBN 0 7661 3984 0 1978 The 100 A Ranking of the Most Influential Persons in History Carol Publishing Group ISBN 9780806513508 Fayda Mustafa Kocak Muhsin 2007 OMER b el Hattab An article published in 34th volume of Turkish Encyclopedia of Islam phasaturki Vol 34 Istanbul pp 44 53 ISBN 978 97 53 89456 2 Barnaby Rogerson 2008 The Heirs of Muhammad Islam s First Century and the Origins of the Sunni Shia Split Overlook ISBN 978 1 59 020022 3 4 November 2010 The Heirs Of The Prophet Muhammad And the Roots of the Sunni Shia Schism Little Brown Book Group ISBN 978 0 74 812470 1 2011 Abu Loʾloʾa in b k Encyclopaedia Iranica aehlngkhxmulxunwikikhakhmmikhakhmekiywkb xumr wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb xumr Excerpt from The History of the Khalifahs by Jalal ad Din as by Shaykh Sayyed Muhammad bin Yahya al Husayni al Ninowy Omar saranukrmbritanika kh s 1911 11 ed 1911 bthkhwamsasnaniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk