สงครามอุฮุด (อาหรับ: غَزْوَة أُحُد Ġazwat 'Uḥud) คือสงครามหนึ่งที่เกิดขึ้นบริเวณ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศซาอุดิอาราเบีย เป็นสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างกองทัพมุสลิมแห่งมะดีนะฮ์ โดยมีแม่ทัพคือท่านศาสดามุฮัมมัดแห่งศาสนาอิสลาม กับกองทัพแห่งเมืองมักกะฮ์ โดยมีแม่ทัพคือ สงครามอุฮุดนับเป็นสงครามครั้งที่สองที่เกิดขึ้นระหว่างกองทัพแห่งเมืองมักกะฮ์กับชาวมุสลิมหลังจากสงครามบะดัรที่เกิดขึ้นในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่สอง หรือประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 624
ยุทธการที่อุฮุด | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามระหว่างชาวมุสลิม–กุเรช | |||||||
ศาสดามุฮัมมัดกับฝ่ายมุสลิมในยุทธการที่อุฮุด | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
ชาวมุสลิมจากมะดีนะฮ์ แห่งษาลาบะฮ์ | เผ่ากุเรชจากมักกะฮ์ | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
มุฮัมมัด อะลี ฮัมซะฮ์ อิบน์ อับดุลมุฏฏอลิบ ⱶ ⱶ | คอลิด อิบน์ อัลวะลีด | ||||||
กำลัง | |||||||
ทหาร 650 นาย; พลธนู 50 นาย, ทหารม้า 4 นาย | ทหาร 3,000 นาย; ทหารอูฐ 3,000 นาย, ทหารม้า 200 นาย | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
ถูกฆ่า 70–75 คน | ถูกฆ่า 25–35 คน |
ชื่อสงคราม
สาเหตุการตั้งชื่อภูเขาว่า "อุฮุด" บางทัศนะกล่าวว่า เพราะภูเขาลูกดังกล่าวตั้งอยู่โดดเดี่ยวโดยไม่ติดกับภูเขาลูกอื่นที่ตั้งอยู่ ณ ตำบลอุฮุด และบางทัศนะมีความเชื่อว่า สาเหตุที่ภูเขาดังกล่าวถูกเรียกว่าอุฮุด เพราะท่านศาสดามุฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ซึ่งมีความรักและเข้าใจยังความเป็นหนึ่งเดียวแห่งพระผู้เป็นเจ้า เลยเรียกภูเขานี้ว่า อุฮุด
ช่วงเวลาของสงคราม
นักประวัติศาสตร์มุสลิมได้บันทึกช่วงเวลาของสงครามอุฮุดเอาไว้ เกิดขึ้นเมื่อ วันเสาร์ที่ 7 เดือนเชาวาล ปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 3 ซึ่งตรงกับวันที่ 23 เดือนมีนาคม ค.ศ. 625
เหตุการณ์ก่อนสงคราม
หลังจากความพ่ายแพ้ของพวกตั้งภาคีแห่งกุเรชในสงครามบะดัร อะบูซุฟยานได้สั่งห้ามการไว้อาลัยแก่ผู้ที่เสียชีวิตจากสงคราม และหันหน้าขอความช่วยเหลือจากเผ่า และเผ่า เพื่อทำการแก้แค้นชาวมุสลิมจากสงครามบะดัร จึงรวมไพร่พลชนเผ่าต่าง ๆ ของอาหรับจัดตั้งกองทัพนับ 3,000 นาย ได้มอบบ่าวรับใช้ชื่อว่า แก่ ผู้เป็นภรรยาอะบูซุฟยาน ซึ่งนางฮินด์ได้ให้สัญญาแก่วะชีย์ว่า หากวะชีย์ ฆ่าฮัมซะฮ์ บุตรชายของอับดุลมุฏฏอลิบได้ เขาจะได้เป็นอิสระ ในสงครามครั้งนี้อะบูซุฟยานเป็นแม่ทัพด้วยตนเอง และให้คอลิดบุตรของวะลีดเป็นแม่ทัพม้าฝ่ายขวา และให้อักระมะฮ์บุตรชายของอะบูญะฮ์ลเป็นแม่ทัพม้าฝ่ายซ้าย และให้นางฮินด์เป็นผู้กำกับพลเดินเท้า
ท่านอับบาสบุตรชายของอับดุลมุฏฏอลิบ ซึ่งเป็นอาของนบีมุฮัมหมัด (ศ็อล) ได้เขียนจดหมายถึงความพร้อมของกองทัพกุเรชที่จะทำสงครามกับชาวมุสลิมแก่ท่านนบีมุฮัมหมัด(ศ็อล) และได้มอบจดหมายดังกล่าวแก่ท่านนบี(ศ็อล) ณ มัสญิดนะบะวีย์
ศึกสงครามได้ถูกบันทึกเอาไว้มากมายโดยบรรดา บางส่วนต้องการที่จะตั้งฐานทัพที่เมืองมะดีนะฮ์เพื่อปกป้องเมืองร่วมกับ ทว่าบรรดาคนหนุ่มแห่งต้องการเคลื่อนกองทัพของมุสลิมออกจากเมืองมะดีนะฮ์ และทำสงครามกับศัตรูที่นอกเมือง ด้วยเหตุนี้ท่านนบี (ศ็อลฯ) จึงตัดสินใจตามเสียงข้างมาก และนำกองทัพออกจากมะดีนะฮ์เพื่อทำสงคราม
เมื่อกองทัพมุสลิมออกจากเมืองมะดีนะฮ์ อับดุลลอฮ์ บิน อุบัย และพรรคพวกของเขาได้มุ่งหน้ากลับสู่เมืองมะดีนะฮ์ และเมื่อเข้าสู่สงคราม ท่านนบีมุฮัมหมัด (ศ็อล) ได้แบ่งพลธนูของเป็นสองกองรวม 50 นาย โดยให้ประจำการบนเนินเขา และให้เป็นคนสั่งการอีกทอดหนึ่ง ซึ่งได้กำชับว่าแก่พลธนูว่า ห้ามละทิ้งและออกจากเนินเขาเป็นอันขาด. บ้างกล่าวว่ากองทัพของมุสลิมมีถึง 700 ถึง 1,000 นาย
บทสรุปของสงคราม
ผู้ลี้ภัยสู่เมืองมักกะฮ์เป็นบุคคลแรกที่เริ่มเข้าสู่สนามรบ ซึ่งการสู้รบเป็นไปในรูปแบบตัวต่อตัว (ทหารชาวมุสลิม) ต่อสู้กับ , อะลี บิน อบีฏอลิบ (ทหารชาวมุสลิม) ต่อสู้กับ และ (ทหารชาวมุสลิม) ต่อสู้กับ และทหารทั้งสามท่านจากกองทัพของมุสลิมได้รับชัยชนะ ท่านฮัมซะฮ์ อาของท่านนบี ผู้เป็นจอมทัพของชาวมุสลิม ถูกลอบทำร้ายในสงครามโดยวะชีย์ ผู้เป็นบ่าวรับใช้นางฮินด์ พลทหารม้าของกองทัพอบูซุฟยานก็พ่ายให้กับกองทัพมุสลิม จนทำให้นักรบของชาวกุเกชแห่งมักกะฮ์เกิดความกังวล และเกิดความกลัวขึ้น จนทัพแตก และสงครามมีทีท่าว่ากองทัพมุสลิมจะมีชัย จนทำให้พลธนูที่ถูกกำชับไว้ว่าห้ามละทิ้งฐานที่มั่นและให้ประจำการอยู่บนเนินเขา ต้องสละที่มั่นของตนเพื่อเร่งรีบรวบรวมทรัพย์สินสงครามจากผู้พ่ายแพ้ จนทำให้คอลิด บิน วะลีดมองเห็นถึงเหตุการณ์ของชาวมุสลิม และเล็งเห็นถึงการละทิ้งที่มั่นพลธนูของกองทัพมุสลิม จึงสั่งกองทัพม้าของตนวิ่งอ้อมเนินเขา อุฮุด และตลบหลังกองทัพมุสลิม จนกองทัพมุสลิมแตกกระเจิง และมุสลิมโดนฆ่าตายเป็นจำนวนมากในสงครามนี้ เมื่ออุมะเราะฮ์ บุตรอัลกอมะฮ์ได้เห็นการจู่โจมของคอลิด จึงรีบหยิบธงกองทัพที่ตกขึ้นมา จนกองทหารกลับมาสู่การรบอีกครั้ง หนึ่งจากชาวกุเรชชื่อว่า ลีย์ษาได้ฆ่า แต่เขาได้ตะโกนว่ามุฮัมมัดโดนสังหารแล้ว ทำให้ชาวมุสลิมหมดกำลังใจในการต่อสู้และหาที่หลบซ้อน. สงครามครั้งนี้นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่สำหรับกองทัพมุสลิม
อ้างอิง
- Miniature from volume 4 of a copy of Mustafa al-Darir’s Siyar-i Nabi (Life of the Prophet). "The Prophet Muhammad and the Muslim Army at the Battle of Uhud", Turkey, Istanbul; c. 1594 Leaf: 37.3 × 27 cm 2018-06-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน David Collection.
- Dr. Muhammad Hamidullah, The Battlefields of the Prophet Muhammad ﷺ, p. 111, ISBN
- Peter Crawford, The War of the Three Gods: Romans, Persians and the Rise of Islam, Pen & Sword Books Limited, p. 83
- William Montgomery Watt, Muhammad at Medina, p. 27
- جعفریان، رسول، تاریخ سیاسی اسلام، چاپ ششم، ۱۳۸۶، ص۵۰۴.
- مغازی واقدی ج ۱ ص ۲۰۴
- ابن هشام ج ص ۶۶
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-07-05. สืบค้นเมื่อ 2018-05-07.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
sngkhramxuhud xahrb غ ز و ة أ ح د Ġazwat Uḥud khuxsngkhramhnungthiekidkhunbriewn sungxyuthangthistawntkechiyngitkhxngpraethssaxudixaraebiy epnsngkhramthiekidkhunrahwangkxngthphmuslimaehngmadinah odymiaemthphkhuxthansasdamuhmmdaehngsasnaxislam kbkxngthphaehngemuxngmkkah odymiaemthphkhux sngkhramxuhudnbepnsngkhramkhrngthisxngthiekidkhunrahwangkxngthphaehngemuxngmkkahkbchawmuslimhlngcaksngkhrambadrthiekidkhuninpihiceraahskrachthisxng hruxpramanpikhristskrachthi 624yuththkarthixuhudswnhnungkhxng sngkhramrahwangchawmuslim kuerchsasdamuhmmdkbfaymusliminyuththkarthixuhudwnthi23 minakhm kh s 625 7 echawal h s 3 sthanthiphlcnmum faymuslimidrbkhwamphayaeph aetxyangirktam faykuerchimsamarthyudmadinahidkhusngkhramchawmuslimcakmadinah aehngsalabahephakuerchcakmkkahphubngkhbbychaaelaphunamuhmmd xali hmsah xibn xbdulmuttxlib ⱶⱶkhxlid xibn xlwalidkalngthhar 650 nay phlthnu 50 nay thharma 4 naythhar 3 000 nay thharxuth 3 000 nay thharma 200 naykhwamsuyesiythukkha 70 75 khnthukkha 25 35 khnchuxsngkhramsaehtukartngchuxphuekhawa xuhud bangthsnaklawwa ephraaphuekhalukdngklawtngxyuoddediywodyimtidkbphuekhalukxunthitngxyu n tablxuhud aelabangthsnamikhwamechuxwa saehtuthiphuekhadngklawthukeriykwaxuhud ephraathansasdamuhmhmd sxl sungmikhwamrkaelaekhaicyngkhwamepnhnungediywaehngphraphuepneca elyeriykphuekhaniwa xuhudchwngewlakhxngsngkhramnkprawtisastrmuslimidbnthukchwngewlakhxngsngkhramxuhudexaiw ekidkhunemux wnesarthi 7 eduxnechawal pihiceraahskrachthi 3 sungtrngkbwnthi 23 eduxnminakhm kh s 625ehtukarnkxnsngkhramhlngcakkhwamphayaephkhxngphwktngphakhiaehngkuerchinsngkhrambadr xabusufyanidsnghamkariwxalyaekphuthiesiychiwitcaksngkhram aelahnhnakhxkhwamchwyehluxcakepha aelaepha ephuxthakaraekaekhnchawmuslimcaksngkhrambadr cungrwmiphrphlchnephatang khxngxahrbcdtngkxngthphnb 3 000 nay idmxbbawrbichchuxwa aek phuepnphrryaxabusufyan sungnanghindidihsyyaaekwachiywa hakwachiy khahmsah butrchaykhxngxbdulmuttxlibid ekhacaidepnxisra insngkhramkhrngnixabusufyanepnaemthphdwytnexng aelaihkhxlidbutrkhxngwalidepnaemthphmafaykhwa aelaihxkramahbutrchaykhxngxabuyahlepnaemthphmafaysay aelaihnanghindepnphukakbphledinetha thanxbbasbutrchaykhxngxbdulmuttxlib sungepnxakhxngnbimuhmhmd sxl idekhiyncdhmaythungkhwamphrxmkhxngkxngthphkuerchthicathasngkhramkbchawmuslimaekthannbimuhmhmd sxl aelaidmxbcdhmaydngklawaekthannbi sxl n msyidnabawiy suksngkhramidthukbnthukexaiwmakmayodybrrda bangswntxngkarthicatngthanthphthiemuxngmadinahephuxpkpxngemuxngrwmkb thwabrrdakhnhnumaehngtxngkarekhluxnkxngthphkhxngmuslimxxkcakemuxngmadinah aelathasngkhramkbstruthinxkemuxng dwyehtunithannbi sxl cungtdsinictamesiyngkhangmak aelanakxngthphxxkcakmadinahephuxthasngkhram emuxkxngthphmuslimxxkcakemuxngmadinah xbdullxh bin xuby aelaphrrkhphwkkhxngekhaidmunghnaklbsuemuxngmadinah aelaemuxekhasusngkhram thannbimuhmhmd sxl idaebngphlthnukhxngepnsxngkxngrwm 50 nay odyihpracakarbneninekha aelaihepnkhnsngkarxikthxdhnung sungidkachbwaaekphlthnuwa hamlathingaelaxxkcakeninekhaepnxnkhad bangklawwakxngthphkhxngmuslimmithung 700 thung 1 000 naybthsrupkhxngsngkhramphuliphysuemuxngmkkahepnbukhkhlaerkthierimekhasusnamrb sungkarsurbepnipinrupaebbtwtxtw thharchawmuslim txsukb xali bin xbitxlib thharchawmuslim txsukb aela thharchawmuslim txsukb aelathharthngsamthancakkxngthphkhxngmuslimidrbchychna thanhmsah xakhxngthannbi phuepncxmthphkhxngchawmuslim thuklxbtharayinsngkhramodywachiy phuepnbawrbichnanghind phlthharmakhxngkxngthphxbusufyankphayihkbkxngthphmuslim cnthaihnkrbkhxngchawkuekchaehngmkkahekidkhwamkngwl aelaekidkhwamklwkhun cnthphaetk aelasngkhrammithithawakxngthphmuslimcamichy cnthaihphlthnuthithukkachbiwwahamlathingthanthimnaelaihpracakarxyubneninekha txngslathimnkhxngtnephuxerngribrwbrwmthrphysinsngkhramcakphuphayaeph cnthaihkhxlid bin walidmxngehnthungehtukarnkhxngchawmuslim aelaelngehnthungkarlathingthimnphlthnukhxngkxngthphmuslim cungsngkxngthphmakhxngtnwingxxmeninekha xuhud aelatlbhlngkxngthphmuslim cnkxngthphmuslimaetkkraecing aelamuslimodnkhatayepncanwnmakinsngkhramni emuxxumaeraah butrxlkxmahidehnkarcuocmkhxngkhxlid cungribhyibthngkxngthphthitkkhunma cnkxngthharklbmasukarrbxikkhrng hnungcakchawkuerchchuxwa liysaidkha aetekhaidtaoknwamuhmmdodnsngharaelw thaihchawmuslimhmdkalngicinkartxsuaelahathihlbsxn sngkhramkhrngninbepnkarsuyesiykhrngyingihysahrbkxngthphmuslimxangxingMiniature from volume 4 of a copy of Mustafa al Darir s Siyar i Nabi Life of the Prophet The Prophet Muhammad and the Muslim Army at the Battle of Uhud Turkey Istanbul c 1594 Leaf 37 3 27 cm 2018 06 12 thi ewyaebkaemchchin David Collection Dr Muhammad Hamidullah The Battlefields of the Prophet Muhammad ﷺ p 111 ISBN 81 7151 153 8 Peter Crawford The War of the Three Gods Romans Persians and the Rise of Islam Pen amp Sword Books Limited p 83 William Montgomery Watt Muhammad at Medina p 27 جعفریان رسول تاریخ سیاسی اسلام چاپ ششم ۱۳۸۶ ص۵۰۴ مغازی واقدی ج ۱ ص ۲۰۴ ابن هشام ج ص ۶۶ khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2018 07 05 subkhnemux 2018 05 07