บทความนี้มี |
บทความนี้หรือส่วนนี้ของบทความต้องการปรับรูปแบบ ซึ่งอาจหมายถึง ต้องการจัดรูปแบบข้อความ จัดหน้า แบ่งหัวข้อ และ/หรือการจัดระเบียบอื่น ๆ คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นปรับปรุงหรือจัดรูปแบบอื่น ๆ ในบทความให้เหมาะสม |
บทความนี้ต้องการข้อความอธิบายความสำคัญที่กระชับ และ |
มหาสารคาม (เดิมชื่อ มหาสาลคาม) เป็นจังหวัดหนึ่งทางตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีอาณาเขตติดกับจังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดขอนแก่น
จังหวัดมหาสารคาม | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Changwat Maha Sarakham |
จากซ้ายไปขวา บนลงล่าง:
| |
คำขวัญ: พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมล้ำเลอค่า ตักสิลานคร | |
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดมหาสารคามเน้นสีแดง | |
ประเทศ | ไทย |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าราชการ | วิบูรณ์ แววบัณฑิต (ตั้งแต่ พ.ศ. 2566) |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 5,291.683 ตร.กม. (2,043.130 ตร.ไมล์) |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 40 |
ประชากร (พ.ศ. 2566) | |
• ทั้งหมด | 937,915 คน |
• อันดับ | อันดับที่ 23 |
• ความหนาแน่น | 177.24 คน/ตร.กม. (459.0 คน/ตร.ไมล์) |
• อันดับความหนาแน่น | อันดับที่ 16 |
รหัส ISO 3166 | TH-44 |
ชื่อไทยอื่น ๆ | สารคาม ตักสิลานคร |
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด | |
• ต้นไม้ | พฤกษ์ (มะรุมป่า) |
• ดอกไม้ | ลั่นทมขาว (จำปาขาว) |
• สัตว์น้ำ | ปูทูลกระหม่อม |
ศาลากลางจังหวัด | |
• ที่ตั้ง | ภายในศูนย์ราชการจังหวัดมหาสารคาม หมู่ที่ 11 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 291 ตำบลแวงน่าง อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม 44000 |
• โทรศัพท์ | 0 4377 7356 |
• โทรสาร | 0 4377 7460 |
เว็บไซต์ | www |
เมืองศูนย์กลางของจังหวัด คือ เทศบาลเมืองมหาสารคาม ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ประวัติศาสตร์
จังหวัดมหาสารคามนอกจากจะมีฉายาเป็น "ดินแดนแห่งสะดืออีสาน" หรืออยู่จุดกึ่งกลางของภาคอีสานแล้ว (จุดกึ่งกลางของภาคอีสาน ตั้งอยู่ที่ หมู่ 13 อำเภอโกสุมพิสัย)นอกจากนี้ยังมีฉายาอีกว่า "" หรือแปลตามตัวคือนครแห่งการศึกษา หรือเมืองแห่งการศึกษาของภาคอีสาน มีสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพและระดับสูงสุดอยู่หลายแห่งและมีมากที่สุดแห่งหนึ่งของภาคอีสาน อีกทั้งยังมีมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศไทย
การล่มสลายของอาณาจักรล้านช้าง และ การอพยพของกลุ่มเจ้านายล้านช้างลงไปตั้งเมืองท่งศรีภูมิ เมืองบรรพชนของชาวอีสาน (ขึ้นต่ออาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์และกรุงศรีอยุธยา)
เมื่อประมาณพุทธศักราช 2231 หลังการสวรรคตของพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช มหาราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง อันมีกรุงเวียงจันทน์เป็นเมืองหลวง ตรงกับ สมัยของสมเด็จพระเพทราชา แห่งอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา เกิดการแย่งชิงอำนาจกันขึ้นภายในอาณาจักร เนื่องจากพระองค์ทรงประหารชีวิตองค์รัชทายาท และไม่มีผู้สืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ฝ่ายทายาทและขุนนางต่างแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพื่อแย่งกันเป็นใหญ่ จนในที่สุดอาณาจักรล้านช้างที่ยิ่งใหญ่จึงถึงคราวล่มสลาย โดยแตกแยกออกเป็น 3 อาณาจักรเล็กอาณาจักรน้อย ได้แก่ หลวงพระบาง เวียงจันทน์ และจำปาศักดิ์ พระเจ้าสุริยวงศาธรรมิราช พระองค์ทรงมีพระราชโอรส พระองค์หนึ่งนามว่า “เจ้าองค์หล่อ” อันเกิดแต่ พระมเหสี ขณะนั้นมีพระชนมายุได้ 3 พรรษา อีกทั้งพระนางสุมังคละ กำลังทรงตั้งพระครรภ์ ขณะนั้นมีขุนนางเสนาบดี นามว่า ผู้มีอำนาจบาดใหญ่ สนับสนุนให้เจ้าองค์หล่อได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นกษัตริย์หุ่นเชิดของตน โดยให้ตัวเองเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทน และใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบ ภายหลังเมื่อเจ้าองค์หล่อเติบใหญ่ขึ้น พระยาเมืองแสนไม่ยอมคืนอำนาจให้ อีกทั้งยังขับเจ้าองค์หล่อออกจากราชบัลลังก์โดยมิให้ใครรู้ ต่อมาคิดที่จะบีบบังคับให้พระนางสุมังคละมาเป็นภรรยาของตน แต่พระนางไม่ยอม พระนางจึงพาเจ้าองค์หล่อ อพยพหนีไปพึ่ง (พระสังฆราช แห่งเวียงจันทน์) ซึ่งเป็นที่นับถือของเหล่าบรรดาลูกศิษย์และเชื้อพระวงศ์เป็นจำนวนมาก จึงมีบรรดาเชื้อพระวงศ์มาขอเป็นลูกศิษย์ของท่านมากมาย ซึ่งในนั้นมีเจ้าแก้วมงคลและ เชื้อสายกษัตริย์ราชวงศ์ล้านช้าง พระญาติผู้ใหญ่ของเจ้าองค์หล่อ เป็นศิษย์เอกอยู่ด้วย ต่อมาเจ้าราชครูหลวงคิดว่าถ้าหากให้พระนางมาอาศัยอยู่ด้วยก็เกรงผู้อื่นจะครหานินทา อันเนื่องจากความไม่เหมาะสมและสถานที่อาศัยอยู่โจ่งแจ้งเกินไปและไม่ค่อยปลอดภัยจึงส่งไปไว้ที่ตำบลภูชะง้อหอคำ ต่อมาพระนางสุมังคละทรงได้ประสูติพระโอรสอีกองค์หนึ่ง โดยตั้งพระนามว่า “เจ้าหน่อกษัตริย์” ณ.ที่นั้น
ต่อมาฝ่ายพระยาเมืองแสนเห็นว่า เจ้าราชครูหลวงมีผู้ติดตามและมีผู้เคารพนับถือเป็นจำนวนมาก คิดเกรงกลัวไปเองว่าท่านจะนำศิษย์ซ่องสุมที่จะแย่งชิงอำนาจไปจากตน จึงคิดที่จะกำจัดทิ้ง แต่ทางเจ้าราชครูหลวงโพนเสม็กรู้ตัวเสียก่อน จึงนำลูกศิษย์ลูกหาและผู้ศรัทธากว่า 3,000 ชีวิต ลี้ภัยหนีลงใต้ ระหว่างทางก็มีผู้คนมาสมัครขอเข้าร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก เมื่อเดินไปถึงเขตแดนเมืองบันทายเพชร์ ซึ่งเป็นดินแดนของอาณาจักรเขมรอุดง เมื่อข่าวไปถึงหูกษัตริย์เขมร กษัตริย์เขมรจึงมีการสั่งให้กลุ่มเจ้าราชครูหลวงจ่ายค่าทำเนียม ครัวละ 2 ตำลึง จึงจะสามารถไปตั้งถิ่นฐานที่นั้นได้ เจ้าราชครูหลวงจึงเห็นว่า เป็นการเดือดร้อนแก่ผู้ติดตาม อีกทั้งยังเป็นการขูดเลือดขูดเนื้อมากจนเกินไป ท่านจึงสั่งอพยพขึ้นไปทางเหนือ จนถึงบริเวณเมืองเก่าทางตอนใต้ของอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งเคยรุ่งเรืองถึงขีดสุดจนถึงขั้นเคยเป็นศูนย์กลางของเขมรโบราณในช่วงยุคเจนละมาก่อน นามว่า “เมืองเศรษฐปุระ” จนผ่านมาหลายยุคหลายสมัย จนมีนามเมืองว่า “เมืองนครกาละจำบากนาคบุรีศรี” ในการเดินทางอพยพลี้ภัยลงมายังดินแดนลาวใต้จนถึงถิ่นเมืองเก่าแห่งนี้นี้เอง เจ้าราชครูหลวงโพนเสม็กมีความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาอาศัยศิษย์เอก อย่าง เจ้าแก้วมงคล เป็นแม่กองใหญ่ และจารย์หวด เป็น รองแม่กอง คอยควบคุมดูแลบริวารและไพร่พลของท่านมาตลอดทาง
ภายหลังการมาถึงของกลุ่มเจ้าราชครูหลวงโพนเสม็ก นางแพง นางเภา คู่แม่ลูก ผู้ครองเมืองอยู่ขณะนั้น ก็มีความเลื่อมใสศรัทธาต่อเจ้าราชครูหลวง จึงพากันอาราธนาเจ้าราชครูหลวงให้มาปกครองเมืองแทนพวกตนโดยให้ท่านได้ใช้หลักธรรมค้ำจุนเหล่าชาวเมือง ต่อมาเมื่อเจ้าองค์หล่อเติบโตขึ้นได้ไปพำนักที่แดนญวน ภายหลังได้กองกำลังสนับสนุนกลับไปยึดเมืองเวียงจันทน์คืน ได้เป็นผลสำเร็จ ประมาณปี พ.ศ. 2245 แล้วทรงจับพระยาเมืองแสนสำเร็จโทษ เจ้าองค์หล่อจึงได้ครองราชย์เป็นกษัตริย์อาณาจักรล้านช้างสืบต่อมา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2252 เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นที่นครกาละจำบากนาคบุรีศรี เจ้าราชครูหลวงพยายามจัดการปัญหาด้วยวิธีละมุนละม่อมโดยใช้หลักการทางศาสนาแต่กลับไม่เป็นผล ท่านจึงส่งจารย์จันทร์ให้ไปอัญเชิญเจ้าหน่อกษัตริย์ซึ่งอยู่ที่ตำบลงิ้วพันลำน้ำโสมสนุก ให้ลงมาปกครองเมืองนครกาละจำบากนาคบุรีศรี อภิเสกขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างเป็นทางการ เจ้าราชครูหลวงถวายพระนามท่านว่า “พระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร” และได้เปลี่ยนนามเมือง ว่า “นครจำปาศักดิ์นัคบุรีศรี” และให้ชื่ออาณาจักรคือ “อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์” เป็นเอกเทศต่างหากจากเวียงจันทน์ มีกษัตริย์เอกราช ปกครองด้วยระบอบการปกครองเช่นกับอาณาจักรล้านช้างโบราณทุกประการ (ระบบอาญาสี่) หลังจากท่านได้เป็นกษัตริย์ได้ไม่นานก็สามารถปราบปรามปัญหาความวุ่นวายลงได้อย่างง่ายดาย โดยการช่วยของเจ้าจารย์แก้ว (เจ้าแก้วมงคล) เป็นกำลังสำคัญในการปราบปรามปัญหาความวุ่นวายภายในอาณาจักรจนเป็นผลสำเร็จ
ภายหลังอาณาจักรสงบสุขเรียบร้อยแล้ว เพื่อสร้างความมั่นคงและความเข้มแข็งของอาณาจักร พระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร จึงขยายอำนาจโดยการส่งเหล่าบรรดาขุนนางและพระญาติไปสร้างเมืองขึ้นใหม่และให้ปกครองเมืองนั้นๆ โดย ให้จารย์หวดไปสร้างเมืองโขง ให้เจ้าจันทร์สุริยวงศ์ (นับว่าเป็นน้องเจ้าจารย์แก้ว และเป็นบรรพบุรุษของสายเจ้าเมืองมุกดาหาร) ไปรักษาเมืองตะโปน เมืองพิน เมืองนอง ส่วนเจ้าจารย์แก้วหรือเจ้าแก้วมงคลให้ไปสร้างเมืองท่งศรีภูมิ (ปัจจุบันคืออำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งทรัพยากรเกลือสินเธาว์ที่สำคัญของโลก 1 ใน 5 แห่ง และใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณ (เป็นแหล่งทรัพยากรที่หล่อเลี้ยงชาวอาณาจักรเจนละหรือเศรษฐปุระ จนพัฒนาก่อเกิดเป็นจักรวรรดิขอมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจักรวรรดิหนึ่งของภูมิภาคเอเชียอาคเณย์) โดยให้จารย์แก้วเป็นเจ้าผู้ครองเมืองเสมอกษัตริย์ประเทศราช มีอำนาจสิทธิ์ขาดจัดราชการบริหารบ้านเมืองตามแบบอาญาสี่เช่นเดียวกับนครจำปาศักดิ์ทุกประการและมีการตรากฎหมายหรืออาณาจักร์หลักคำไว้ใช้ในการปกครองบ้านเมืองของตนเอง (พระนามของเจ้าแก้วมงคลภายหลังมีการได้นำมาใช้เป็นชื่อเจ้าเมือง คือ “รัตนวงษา”) และแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอุปราช
ต่อมา เจ้าแก้วมงคลผู้ครองเมืองท่งศรีภูมิได้ถึงแก่พิราลัยลง ในปีพ.ศ. 2268 มีพระโอรสรวม 3 ท่าน คือ
1) (หลานเจ้านครน่าน) เกิดแต่พระชายาท่านแรกซึ่งเป็นเจ้าหญิงนครน่าน เมื่อครั้ง พระเจ้าวิชัยหรือศรีวิชัย กษัตริย์ล้านช้าง พระองค์ที่ 30 ได้ส่งพระราชโอรส ก็คือ เจ้าแก้วมงคล ไปเกี่ยวดองกับกษัตริย์นครน่าน เพื่อกระชับอำนาจระหว่างทั้ง 2 นครรัฐ ต่อมาเจ้าองค์หล่อหน่อคำได้ไปปกครองนครน่าน และได้เปลี่ยนพระนามเมื่อครั้งได้ครองเมืองน่าน ภายหลังเกิดภัยการเมืองถูกพระยาเมืองแสนยึดอำนาจพระเจ้าวิชัยพร้อมด้วยเจ้าแก้วมงคลและเจ้าจันทร์สุริยวงศ์ จึงลี้ภัยไปพึ่งเจ้าราชครูหลวงโพนสเม็กและออกผนวช พร้อมทั้งพากันเปลี่ยนพระนามเพื่อหลีกเลี่ยงฝ่ายพระยาเมืองแสนจากการถูกปองร้ายหรือถูกตามลอบปลงพระชนม์ ซึ่งเนื้อความที่เกี่ยวข้องกับเจ้าองค์หล่อหน่อคำ มีการระบุใน "พงศาวดารภาคอีสาน ฉะบับของ พระยาขัติยวงษา (เหลา ณร้อยเอ็จ)" หรือพระยาขัติยวงศา เอกาธิกสตานันท์ ผู้สำเร็จราชการเมืองร้อยเอ็จ เชื้อสายเจ้าเมืองร้อยเอ็ดซึ่งสืบเชื้อสายมาแต่เจ้าจารย์แก้ว โดยแต่เดิม ท่านได้เขียนมอบถึงหลวงจรูญชวนะพัฒน์ ข้าหลวงธรรมการ มณฑลอิสาน อุบลฯ พิมพ์ครั้งแรกในงานปลงศพนางศรีสุภา (โต เอี่ยมศิริ) มารดาของหลวงจรูญชวนะพัฒน์ ณ เชิงบรมบรรพต วัดสระเกศ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2472 ได้กล่าวถึง สระสี่แจ่ง แฮ้งสี่ตัว แม่หญิงเอาผัว พ่อชายออกลูก ไว้ว่า ".........ครั้นต่อมา เจ้าองค์หล่อหน่อคำ ซึ่งเป็นบุตรจารแก้ว หลานเจ้าเมืองน่าน พาไพร่พลมาสืบหาบิดา ซึ่งรู้ข่าวว่าบิดามาเป็นเจ้าเมือง อยู่ริมสระสี่แจ่ง แฮ้งสี่ตัว แม่หญิงเอาผัว พ่อชายออกลูก ครั้นมาถึงเขตต์เมืองทุ่ง ตั้งค่ายอยู่ระหว่างปากเสียวน้อย ซึ่งเรียกว่าวังหม่านจนบัดนี้นั้น เจ้าองค์หล่อจับได้เพี้ยบุตรตะพานบ้านโนนสูง กวนหมื่นหน้าบ้านเบน ซึ่งยกทัพออกมาต่อสู้กันนอกเมือง เมื่อได้ตัวแม่ทัพสองคนนี้แล้ว จึงซักไล่ไต่ถามหาสระสี่แจง แฮ้งสี่ตัว แม่หญิงเอาผัว พ่อชายออกลูก แม่ทัพทั้งสองได้แจ้งความให้เจ้าองค์หล่อหน่อคำทราบตลอดแต่ต้นจนถึงปลาย เจ้าอค์หล่อหน่อคำจึงได้ทราบว่าเป็นเมืองบิดาของตน แล้วปล่อยให้แม่ทัพสองคนเข้าไปบอกแก่ท้าวมืดน้องชายให้ทราบทุกประการโดยแน่นอนแล้ว ท้าวมืดรู้ว่าพี่ชายแห่งตน จึงได้แต่งให้แสนท้าวออกไปอัญเชิญเจ้าองค์หล่อหน่อคำให้เข้ามายังเมืองทุ่ง แล้วจัดการรับรองให้เป็นเกียรติยศอันดี แล้วท้าวมืดพร้อมกับเจ้าองค์หล่อหน่อคำ จัดการปลงศพจารแก้วผู้เป็นบิดาตามประเพณีผู้ครองบ้านเมืองมาแต่ก่อน เสร็จแล้วเจ้าองค์หล่อหน่อคำก็ลาท้าวมืดน้องชายกลับคืนไปเมืองน่านตามเดิม........." จึงสรุปได้ดังนี้จากประโยคที่ว่า “สระสี่แจ่ง แฮ้งสี่ตัว แม่หญิงเอาผัว พ่อชายออกลูก” เป็นการกล่าวถึงสภาพทางภูมิศาสตร์ของท้องถิ่นเมืองท่งตามกุศโลบายวิธีทางภาษาของชาวลาว-อีสาน
2) หรือ ท้าวมืด เกิดแต่พระชายาท่านที่ 2 ชาวเวียงจันทน์
3) หรือท้าวทนต์ เกิดแต่พระชายาท่านที่ 2 ชาวเวียงจันทน์
หลังจากการพิราลัยของเจ้าแก้วมงคล เจ้ามืดดำดลจึงได้ขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองเมืองแทนพระบิดา ส่วนเจ้าสุทนต์มณีเป็นเจ้าอุปราช ปกครองเมืองท่ง หลังจากได้ครองเมืองท่ง เจ้ามืดคำดลได้ตั้งแข็งเมืองเป็น เอกราช ไม่ได้ขึ้นแก่นครจำปาศักดิ์ เพราะเหตุว่านครจำปาศักดิ์พี่กับน้องเกิดวิวาทเเย่งชิงสมบัติแก่กันจึงหาได้ติดตามมาว่ากล่าวเอาส่วยสาอากรไม่ ต่อมา เจ้ามืดดำดลผู้พี่ถึงแก่พิราลัยลง เจ้าสุทนต์มณีผู้น้อง จึงได้เป็นเจ้าเมืองท่งสืบต่อแทน
ต่อมาในปีพ.ศ 2308 เจ้าเซียง พระโอรสองค์โตของเจ้ามืด เป็นเจ้าอุปราช และให้เจ้าสูนพระโอรสองค์รองของเจ้ามืด เป็นราชวงศ์ ซึ่งทั้งคู่ล้วนเป็นหลานชายของเจ้าทนต์ ทั้งคู่ต่างมีความอิจฉาเจ้าอาว์ที่ได้เป็นเจ้าเมืองและร่วมมือกันนำเอาทองคำแท่งไปขอสวามิภักดิ์ต่อ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศ กษัตริย์อยุธยาพระองค์สุดท้าย เพื่อขอกองทัพจากอยุธยาให้ไปช่วยยึดเมืองท่งจากเจ้าอาว์ของพวกตน พระเจ้าเอกทัศ จึงโปรดเกล้าส่ง พระยาพรหม พระยากรมท่า ออกไปรวบรวมกำลังพลจากหัวเมืองขึ้นใกล้บริเวณ (เมืองท่ง) ของกรุงศรีอยุธยา เมื่อรวบรวมกำลังพลได้แล้วจึงเข้าไปสมทบกับกองทัพของเจ้าเซียงและเจ้าสูน เพื่อที่จะยึดเมืองจากเจ้าทนต์ ทางฝ่ายเจ้าทนต์เจ้าเมืองท่ง ขณะนั้น เมื่อทราบข่าวว่าหลานร่วมมือกับกองทัพอยุธยาจะเข้ามาตีเมืองท่ง เจ้าทนต์เมื่อเห็นว่ากำลังของพวกตนไม่น่าจะพอสู้ได้ อีกทั้ง กษัตริย์ล้านช้างจำปาศักดิ์ ทรงพระประชวร (อ่อนแอ) ไม่สามารถส่งกองกำลังมาช่วยเจ้าทนต์ได้ เจ้าทนต์จึงได้พาไพร่พลของตนอพยพหลบหนีออกจากเมือง ไปซ่อนตัวที่บ้านดงเมืองจอก (ในพื้นที่ของอำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด ในปัจจุบัน) ซึ่งขณะนั้นเป็นเขตแดนของเมืองท่ง ต่อมาฝ่ายเจ้าเซียงและทัพอยุธยาสามารถบุกเข้ายึดเมืองท่งได้อย่างง่ายดาย (เจ้าเมืองหนีไปแล้ว) ภายหลังจึงมีใบบอกตั้งให้เจ้าเซียงเป็นเจ้าผู้ครองเมือง ท่านที่ 4 และเจ้าสูนเป็นเจ้าอุปราช ครองเมืองท่งสืบต่อมา เมืองท่งศรีภูมิจึงกลายมาเป็นเมืองประเทศราชของอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา และส่งบรรณาการแก่อยุธยา และตัดขาดจากอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์มานับแต่บัดนั้น เมื่อเรียบร้อยแล้ว พระยาพรหม พระยากรมท่า จึงตั้งสำนักที่ทุ่งสนามโนนกระเบาซึ่งอยู่ในท้องที่เมืองท่ง เพื่อคอยสังเกตการณ์เจ้าเซียงและเจ้าทนต์ 2 อาว์หลาน ต่อมา ทัพพม่าราชวงศ์คองบอง สามารถตีกรุงศรีอยุธยาแตก อาณาจักรอยุธยาจึงเสียกรุง ในปี พ.ศ. 2310
ยุครัฐอิสระ และภายใต้อาณาจักรกรุงธนบุรี
หลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า ในปีพ.ศ. 2310 ส่งผลให้เมืองท่งศรีภูมิ จึงกลายเป็น รัฐอิสระ อย่างน้อย 7 เดือน เนื่องจากพม่ารุกรานเข้ามาไม่ถึงถิ่นเมืองท่ง พม่ารุกรานเพียงแต่ทางฝั่งเมืองหลวง อย่างกรุงศรีอยุธยาเท่านั้น และเนื่องจากการล่มสลายของอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา เมืองขึ้นที่สำคัญต่างๆซึ่งเคยขึ้นกับกรุงศรีอยุธยา ต่างล้วนแยกตนเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกันและกัน จึงเกิดเป็นก๊กต่างๆหรือชุมนุมขึ้น ได้แก่ ชุมนุมเจ้าพระฝาง ชุมนุมพระยาตาก (เป็นก๊กที่แข็งแกร่งที่สุด) และชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราช ซึ่งก๊กต่างๆเหล่านี้ (ยกเว้นชุมนุมพระยาตาก) ต่างพยายามแข็งเมืองต่อกลุ่มอำนาจใหม่ที่แข็งแกร่งของพระยาตาก ซึ่งเป็นกลุ่มอำนาจที่พยายามจะรวบรวมชาติขึ้นใหม่ให้เป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวอีกครั้ง ณ.เวลานี้เมืองท่งศรีภูมิ จึงเปรียบเหมือนเป็นอีกรัฐหรืออีกประเทศหนึ่งที่มีอิสรภาพอย่างโดดเดี่ยวไม่ได้ขึ้นตรงกับรัฐอื่นรัฐใด เจ้าเซียงจึงเป็นเจ้าผู้ครองรัฐอิสระซึ่งมีอำนาจในการบริหารจัดการและปกครองบ้านเมือง-ประชาชนของตนเองได้อย่างเต็มที่ และมีการตรากฎหมายไว้ใช้ในรัฐของตน ซึ่งเรียกว่า "อาณาจักร์หลักคำเมืองสุวรรณภูมิ" ซึ่งถูกตราขึ้นมาครั้งแรกโดยเจ้าสุทนต์มณี เจ้าเมืองท่งคนที่ 3 ในปีพ.ศ. 2307 โดยดัดแปลงมาจาก คัมภีร์โบราณธรรมศาสตร์หลวง กฎหมายล้านช้างโบราณ ซึ่งถูกตราขึ้นโดยพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช มหาราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง จึงบอกได้ว่าตั้งแต่สร้างเมืองท่งศรีภูมิในปีพ.ศ. 2256 ในยุคเจ้าจารย์แก้ว จนถึงปีพ.ศ. 2307 มีการใช้กฎหมายล้านช้างโบราณอย่างคำภีร์โบราณธรรมศาสตร์หลวงในการปกครองบ้านเมือง และจึงมีการตราเป็นรูปแบบของตัวเองอย่างเป็นทางการหลังจากปีพ.ศ. 2307 เป็นต้นมา ซึ่งอาณาจักร์หลักคำเมืองสุวรรณภูมินี้เองยังเป็นต้นแบบของ หลักคำเมืองร้อยเอ็ด หรือ กฎหมายของเมืองร้อยเอ็ดในเวลาต่อมา โดยหลักคำเมืองสุวรรณภูมิมีการใช้งานและมีความสำคัญมาโดยตลอดจนถึงยุคร.5 เมื่อยุบเจ้าเมืองเป็นผู้ว่าราชการเมืองจึงมีการเลิกใช้อาณาจักร์หลักคำและหันมาใช้กฎหมายจากส่วนกลางแทน
ในระหว่างปี พ.ศ. 2310-2311 รัฐท่งศรีภูมิในขณะนั้นมีฐานะเทียบเท่ารัฐเอกราชอื่นๆทุกประการ และต่อมาเมืองท่งได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับก๊กพิมาย เพื่อหาพันธมิตรและกำลังสนับสนุนมาคานอำนาจและป้องกันปัญหาเมื่อหากถูกรุกรานจากข้าศึกหรือศัตรูเก่า โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าอาว์หรือกลุ่มเจ้าสุทนต์มณีที่ยังคงฝักใฝ่และจงรักภักดีกับพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมารแห่งนครจำปาสักซึ่งยังคงที่จะซ่องสุมกำลังและรอคอยโอกาศเพื่อที่จะทวง (ยึด) เมืองคืน นอกจากนี้ก็อาจยังมีกลุ่มจากทางอาณาจักร์ล้านช้างจำปาศักดิ์โดยตรงและอาณาจักร์ล้านเวียงจันทน์ของพระเจ้าสิริบุญสารที่ควรระแวดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งแต่เดิมก็มีปัญหากันมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล ซึ่งอาจจะสบโอกาสแว้งมารุกรานและบีบบังคับให้เมืองท่งกลับไปขึ้นต่ออำนาจอาณาจักร์ของตน ในเวลาเมื่อใดไม่ทราบก็เป็นได้ (ซึ่งในเวลาต่อมา ประมาณประมาณปีพ.ศ. 2314 ทางกรุงเวียงจันทน์ได้ร่วมมือกับกองทัพพม่าคองบองจากเชียงใหม่ ทำลายเมืองหนองบัวลำภู และสังหารพระตาซึ่งเป็นเสนาบดีเก่าของเวียงจันทน์และมีปัญหาความบาดหมางกันมาก่อนตายคาสนามรบ) ถือว่าเป็นความฉลาดหลักแหลมของเจ้าผู้ครองเมืองอย่างในการป้องกันและบริหารจัดการบ้านเมืองให้ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข จึงทำให้ในเวลาตลอดเกือบกว่า 1 ปี เมืองท่งศรีภูมิรอดพ้นจากภัยข้าศึกศัตรูรอบข้างที่อาจจะเข้ามารุกราน
จนกระทั่ง สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สามารถกู้กรุงสำเร็จ และทำลายก๊กพิมายหรือชุมนุมพิมายและเมืองพิมาย จับตัวกรมหมื่นเทพพิพิธ เจ้าเมืองพิมาย ซึ่งเป็นเจ้าชายอยุธยา เชื้อกษัตริย์อยุธยา ได้ พระยาตากจึงเกลี้ยกล่อมให้กรมหมื่นเทพพิพิธสวามิภักดิ์แก่ตน แต่กรมหมื่นเทพพิพิธไม่ยอมสวามิภักดิ์จึงถูกพระยาตากสำเร็จโทษ (ประหารชีวิต) ต่อมาไม่นานพระยาตากสามารถรวบรวมก๊กต่างๆที่กระจัดกระจายให้กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้เป็นผลสำเร็จ และสถาปนาอาณาจักร์ขึ้นใหม่นามว่า "อาณาจักร์กรุงธนบุรี" และสถาปนาตนเองเป็นพระมหากษัตริย์ซึ่งมีพระนามว่า "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" และในปีเดียวกันนั้น หลังจากเมืองท่งศรีภูมิ เป็น อิสระ ได้ไม่นาน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้สถาปนาอาณาจักรธนบุรี เสร็จสิ้นแล้ว จึงรับสั่งให้เมืองประเทศราชทุกเมือง ที่เคยสวามิภักดิ์ ต่อ อาณาจักรอยุธยา ให้อยู่ภายใต้อำนาจดังเดิม เจ้าเซียง จึงได้สวามิภักดิ์ขอเป็นเจ้าเมืองประเทศราช ดังเดิม ต่อมา พระยาพรหม พระยากรมท่า ได้ปรึกษากับเจ้าเซียงเจ้าเมืองท่ง ได้ความว่า ที่ตั้งของเมืองท่งศรีภูมิเดิม มีน้ำกัดเซาะ และมีปัญหาน้ำท่วมเกือบทุกปี อันเนื่องมาจากที่ตั้งเมืองใกล้มากเกินไป จึงเป็นการดีถ้าหากมีการย้ายที่ตั้งเมืองไปยัง (ที่ตั้งที่ทำการอำเภอสุวรรณภูมิ ในปัจจุบัน) เนื่องจากพื้นที่บริเวณนั้นเป็นดินเนินสูง ปลอดภัยจากภัยพิบัติน้ำท่วม จึงมีใบบอกขอโปรดเกล้าให้ย้ายที่ตั้งเมืองใหม่ พระเจ้าตากจึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ตามดังนั้น และได้พระราชทานนามเมืองใหม่ ว่า “เมืองสุวรรณภูมิราชบุรินทร์ประเทศราช” พร้อมทั้งสถาปนาพระยศ ให้แก่เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ อย่าง เจ้าเซียง เป็นที่ "พระรัตนวงษา" และให้ใช้พระนามดังกล่าวแก่เจ้าเมืองสุวรรณภูมิทุกท่านที่ได้สืบต่อเป็นเจ้าเมืองสืบต่อไป (ซึ่งพระยศนี้หมายถึง ผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากเจ้าแก้วมงคล ผู้เป็นปฐมราชวงศ์เจ้าผู้ครองเมืองท่งศรีภูมิ พระองค์แรก)
ส่วนทางฝั่งเจ้าสุทนต์มณีซึ่งยังคงมีความจงรักภักดีต่อกษัตริย์ล้านช้างจำปาศักดิ์อยู่เนืองๆ นับตั้งแต่หลังพ่ายแพ้สงครามและเสียเมืองท่งให้แก่หลานของตนจึงยังคงกบดานอยู่แถวบริเวณ (บริเวณ ตำบลบ้านดู่ อำเภออาจสามมารถ จังหวัดร้อยเอ็ด) ซึ่งยังอยู่ในอาณาเขตของเมืองท่งศรีภูมิ ผ่านเลยจากยุคอยุธยาตอนปลาย ยุครัฐอิสระ จนถึงยุคกรุงธนบุรี ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2308 - พ.ศ. 2318 รวมระยะเวลากว่า 10 ปี
สร้างเมืองร้อยเอ็ด (สมัยกรุงธนบุรี)
ต่อมาในปี พ.ศ. 2318 ต่อมาไม่นาน พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงโปรดเกล้า ส่งพระยาพรหม พระยากรมท่า ขึ้นมาที่ตั้งสำนัก (ทุ่งสนามโนนกระเบา) อีกครั้ง เพื่อให้มาว่ากล่าวประนีประนอมให้อาว์ (เจ้าทนต์) หลาน (เจ้าเซียงและเจ้าสูน) คืนดีต่อกันและกัน จนเป็นผลสำเร็จ อีกทั้ง พระยาพรหม พระยากรมท่าเล็งเห็นว่าเจ้าสุทนต์มณี เป็นผู้มีความสามารถ มีผู้จงรักภักดีและมีไพร่พลในสังกัดเป็นจำนวนมาก และคาดว่าน่าจะเป็นกำลังสำคัญต่อกรุงธนบุรีได้ในอนาคต จึงมีใบบอกโปรดเกล้าตั้ง ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งเมืองโบราณและรกร้างไป อย่าง “เมืองสาเกตุนครร้อยเอ็ดผักตู” ขึ้นเป็นเมืองใหม่ ให้นามว่า เมือง “ร้อยเอ็ด” ส่วนชาวท้องถิ่นมักเรียกว่า “ฮ้อยเอ็ด” ตามแบบภาษาไท-ลาว โดยแยกเอาดินแดนทิศเหนือจากเมืองสุวรรณภูมิทั้งหมด แล้วยกฐานะเป็นเมืองประเทศราช ขึ้นต่อกรุงเทพฯ และโปรดเกล้าให้เจ้าสุทนต์มณีเป็นเจ้าเมือง มีพระยศว่า “พระขัติยะวงศา” อันหมายถึง ผู้ที่สืบเชื้อสายมาแต่พระมหากษัตริย์ (เจ้าแก้วมงคลพระบิดาสืบมาแต่กษัตริย์ล้านช้าง) ซึ่งเมืองร้อยเอ็ด ณ.ขณะนี้ จึงมีฐานะเป็นเมืองประเทศราช ขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ เทียบเท่ากับเมืองท่งศรีภูมิหรือเมืองสุวรรณภูมิราชบุรินทร์ประเทศราช เมืองแม่มาแต่เดิม นับแต่บัดนั้น ต่อมาเจ้าทนต์ได้มีการสร้างวัดวาอาราม ปกครองและปรับปรุงบ้านเมืองให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข โดยเจ้าสุทนต์มณีได้มีการตรากฎหมายขึ้นมาใหม่ ใช้ในการปกครองเมืองร้อยเอ็ดโดยเฉพาะ เรียกว่า “หลักคำเมืองร้อยเอ็ด” อันดัดแปลงและได้รับอิทธิพลมาจาก อาณาจักร์หลักคำเมืองสุวรรณภูมิ (กฎหมายเมืองท่ง) และ คัมภีร์โบราณธรรมศาสตร์หลวง (กฎหมายล้านช้างโบราณ)
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
หลังจากปกครองเมืองร้อยเอ็ดเกือบ 10 ปี จึงแก่ชราภาพ ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าเมืองอีกต่อไปได้ จึงลาออกจากราชการ ในปีพ.ศ. 2326 รัชการที่ 1 จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าทนต์ เป็นที่ “พระนิคมจางวาง” และโปรดเกล้าฯ ให้ บุตรชายของเจ้าทนต์ เป็นที่ “พระขัติยวงศา” เจ้าเมืองร้อยเอ็ด คนที่ 2 แต่งตั้งให้ท้าวภูเป็นเจ้าอุปราช และท้าวอ่อนเป็นราชวงศ์ ต่อมาท้าวสีลัง มีความชอบจากการช่วยราชการสงคราม จึงโปรดเกล้า ให้เลื่อนพระยศเป็นที่ “พระยาขัติยะวงศาพิสุทธาธิบดี”
ต่อมาทางฝั่งเมืองสุวรรณภูมิ ในปี พ.ศ. 2330 หลังจากได้เป็นเจ้าเมืองสุวรรณภูมิ คนที่ 5 เจ้าสูนจึงส่ง บุตรชายของเจ้าเซียง และแบ่งไพร่พล ให้ จำนวน 600 คน ไปตั้งเมืองบริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งถิ่นฐานโบราณ อย่าง เมืองและชุมชนเก่า(ชุมชนเก่าบ้านเชียง) แยกออกไปตั้งเมืองใหม่ ให้ชื่อเมืองว่า “เมืองหนองหาน” (อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี) โดยขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ เพื่อป้องกันไม่ให้หลานของตนคิดที่จะแย่งชิงตำแหน่งเจ้าเมือง ต่อมา ในปี พ.ศ. 2335 เจ้าสูนถูกทิดโคตรลอบฟันจนถึงแก่พิราลัย ตำแหน่งเจ้าเมืองจึงว่าง
ต่อมาผู้เป็นบุตรของเจ้าทนต์ได้รับโปรดเกล้าให้ไปเป็นเจ้าเมืองสุวรรณภูมิ แทนที่เจ้าสูนเจ้าเมืองเดิมที่พึ่งถูกทิตโคตรลอบสังหารจนถึงแก่พิราลัยจึงส่งผลให้ขั้วการเมืองสุวรรณภูมิถูกเปลี่ยนจากฝ่ายเจ้าเซียงเปลี่ยนเป็นฝ่ายเจ้าสุทนต์มณี อันเป็นผลให้ ลูกหลานเจ้าเซียง เจ้าเมืองท่งศรีภูมิ ท่านที่ 4 ไม่พอใจ และรู้สึกไม่ปลอดภัยต่อครอบรัวของตน (เกรงว่าทางฝ่ายเจ้าสุทนต์จะกลับมาแก้แค้น) จึงต่างพร้อมใจพากันไม่สมัครทำราชการขึ้นต่อท้าวอ่อน ในสมัยนี้จึงมีการแยกกันไปสร้างเมืองที่สำคัญขึ้นใหม่หลายแห่ง เช่น เมืองชลบทวิบูลย์ (อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น) ในปีพ.ศ. 2335 เมืองขอนแก่น (จังหวัดขอนแก่น) ในปีพ.ศ. 2340 เมืองพุทไธสง (อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์) ในปีพ.ศ. 2342 เป็นต้น
ต่อมาหลังจากเสร็จศึกปราบกบฎเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ ในปี พ.ศ. 2371 ต่อมาในปี พ.ศ. 2372 รัชการที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้า ให้ บุตรชายของเจ้าทนต์และยังเป็นน้องชายของท้าวสีลังและท้าวอ่อนไปเป็นเจ้าเมืองสุวรรณภูมิ สืบต่อมา เนื่องด้วยความดีความชอบจากการช่วยราชการสงครามครั้งไปช่วยรบในคราวศึกปราบเจ้าอนุวงศ์
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนปลาย และสร้างเมืองมหาสารคามแยกออกจากเมืองร้อยเอ็ด (รัชกาลที่4)
หลังจากที่พระยาขัติยะวงศา(สีลัง) ถึงแก่พิราลัย พร้อมด้วย กรมการเมืองร้อยเอ็ด บุตรชายท้าวสีลัง ได้นำใบบอกไปขอศิลาหน้าเพลิง ที่กรุงเทพฯ และโปรดเกล้าฯ ให้ (ท้าวตาดี) เจ้าเมืองโพนพิสัยคนแรก (ปัจจุบันคือ อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย) ซึ่งถูกเรียกลงไปยังกรุงเทพ ให้ไปเป็นผู้รักษาราชการเมืองร้อยเอ็ดแทนพระบิดาของตน (ท้าวตาดี เป็นบุตรชายคนโตของท้าวสีลัง) ต่อมาหลังจากจัดการพระราชทานเพลิงศพท้าวสีลัง พระบิดาของพวกตน เรียบร้อยแล้ว เจ้าอุปราชสิงห์ได้มีการจัดให้มีการขึ้น ที่หอนั่งในจวนเจ้าเมือง อุปราชสิงห์จึงชักชวนให้พระพิสัยฯ (พี่ชาย) ให้ไปร่วมเล่นด้วย พระยาพิสัยฯจึงตอบตกลง ระหว่างที่กำลังเล่นกันอยู่นั้นก็มีคนร้ายลอบแทงพระยาพิสัยฯ โดนที่สีข้างด้านซ้ายจนถึงแก่ความตาย ซึ่งในขณะเดียวกัน ท้าวภู หรือพระรัตนวงษา(ภู) เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ น้องชายของท้าวสีลัง ก็ขึ้นมาปลงพระศพของผู้เป็นพี่ชายด้วย ท้าวภูจึงพร้อมกับกรมการเมืองได้พยายามทำการสืบหาเสาะหวตัวคนร้าย จึงได้ความว่า มีชายเชื้อสายจีนคนหนึ่งนามว่า “จั๊น” หรือมีฉายาว่า ”เจ๊กจั๊น” ซึ่งเคยเป็นคู่อริกับพระพิสัยฯมาก่อนหน้านั้น เป็นคนร้ายที่ลอบแทงพระพิสัยฯจนถึงแก่ความตาย อีกทั้งท้าวภู มีความสงสัยในเจ้าอุปราชสิงห์หลานชายของตน เนื่องจากเป็นผู้อยู่ร่วมในเหตุการณ์และเป็นผู้จัดงานในการเล่นโปจนเป็นที่มาของเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นนี้ และท้าวภูยังคิดว่าการที่ท้าวตาดีซึ่งได้เป็นเจ้าเมืองโพนพิสัยอยู่แล้วกลับได้รักษาการเมืองร้อยเอ็ด แทนที่จะเป็นอุปราชสิงห์ อาจเป็นเหตุให้เจ้าอุปราชสิงห์มีความอิจฉาและอาจวางแผนที่จะสังหารพี่ชายของตน จึงจับตัวท้าวสิงห์พร้อมกับเจ๊กจั๊นส่งลงไปยังกรุงเทพฯ ระหว่างการเดินทางใกล้ที่จะถึงเมืองนครราชสีมานั้น ท้าวสิงห์ได้กินยาพิษจนถึงแก่ความตายก่อน ซึ่งยังไม่ได้มีการไต่สวนพิพากษาคดีให้ชัดแจ้งแต่ประการใด คดีจึงเป็นอันระงับและเป็นที่กังขาต่อลูกหลานของท่านตลอดมา
ต่อมาท้าวกวดบุตรชายของท้าวสิงห์ ซึ่งมีอายุ 11 ขวบ ในขณะที่บิดาของตนกำลังถูกส่งไปยังกรุงเทพฯ (ไปไม่ถึงกรุงเทพฯ) ผู้เป็นมารดาและญาติที่ใกล้ชิดหวาดระแวงและเกรงกลัวว่าท้าวกวดจะได้รับอันตรายตามบิดาของตนไปด้วย จึงส่งตัวท่านให้ไปอยู่ที่เมืองสุวรรณภูมิ ต่อมาพระญาติเกรงว่าถ้าหากท้าวกวดยังอยู่ใกล้กับถิ่นฐานของตนมากเกินไปอาจจะเกิดภัยอันตรายขึ้นได้ง่าย (อาจมีคนที่ใกล้ชิดคิดปองร้าย) ท้าวกวดจึงถูกส่งตัวไปยังเขตแขวงเมืองยโสธรโดยพระญาติมิได้มีการฝากฝังไว้กับใครเลย ท้าวกวดจึงกลายเป็นคนพเนจร เดินทางอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง อาศัยนอน กิน อยู่ตามถนนหนทาง และศาลาวัด (วัดใกล้เมืองยโสธร) ขอเศษข้าวเศษอาหารจากญาติโยมที่เอานำไปถวายวัด ไปวันๆ มีความทุกข์ทรมาณ จากลูกผู้ดี ชนชั้นเจ้านาย มีอันจะกิน ต้องตกระกำลำบาก เช่นนี้ นานถึง 6 เดือนกว่า จึงจะโชคดี และได้พบกับ (ชาวยโสธร) ขณะที่ ท้าวกวดกำลังนอนหลับบนศาลา สมภารทองสุกจึงปลุกและถามสารทุกข์สุขดิบกับท้าวกวดว่าเหตุใดจึงมานอนบนศาลาเช่นนี้ ท้าวกวดจึงเล่าความจริงให้แก่สมภารทองสุกให้ได้ทราบ สมภารทองสุกจึงเกิดความสงสาร จึงได้ทำการบรรพชาให้ท้าวกวดเป็นสามเณร เล่าเรียนภาษาบาลีและภาษาไทย ศึกษาพระธรรมวินัย จนรู้ลึกและแตกฉาน ต่อมาได้อุปสมบทต่อได้ประมาณ 2 พรรษา ก็ได้ลาสิกขา ออกไปทำราชการขึ้นกับเมืองอุบลราชธานี ได้รับการดูแลอย่างดีจากกรมการเมืองอุบลฯ จนมีความดีความชอบจนได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ “ท้าวมหาชัย”
จนต่อมา ท้าวกวดได้รับจดหมายจาก (จันทร์) เจ้าเมืองร้อยเอ็ด เรียกตัวให้กลับไปทำงานรับราชการที่เมืองร้อยเอ็ดท้าวกวดจึงได้กลับไปรับราชการที่เมืองร้อยเอ็ดและอยู่กับพระญาติของตน เมื่อราวประมาณปี พ.ศ. 2399 และในปีพ.ศ. 2402 รัชการที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ข้าหลวงกองสักออกไปสักเลขทาง กรมการเมืองร้อยเอ็ดได้นำตัวเลขไปสัก ปรากฏว่ามีจำนวนมากถึง 13,000 คนเศษ เจ้าเมืองร้อยเอ็ดจึงคิดว่า พลเมืองของเมืองร้อยเอ็ดมีจำนวนมากอีกทั้งท้าวกวดมีความชอบในราชการมากมาย ทั้งซื่อสัตย์ มีสติปัญญาที่ดี สมควรได้แยกออกไปตั้งเมืองใหม่ เป็นเจ้าเมือง ท้าวจันทร์จึงถกกันกับกรมการเมืองร้อยเอ็ด ผลปรากฏว่า ต่างเห็นดีเห็นชอบให้แยกออกไปตั้งเมืองใหม่ ท้าวจันทร์เจ้าเมืองร้อยเอ็ดจึงเห็นชอบ ให้ท้าวกวดแยกออกไปตั้งเมืองใหม่ขึ้น ซึ่งท้าวมหาชัยหรือกวดนี้เอง เป็นต้นตระกูล ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม
ภายหลังจากการเห็นดีเห็นชอบ ต่อมาท้าวกวดตัดสินใจเสนอที่ตั้งเมืองในสองบริเวณ คือ บ้านลาดและกุดยางใหญ่ ขึ้นเป็นเมืองมหาสารคาม โดยคำว่า ”กุด” ภาษาลาวอีสานโบราณแปลว่า “แหล่งน้ำ” ดังนัน กุดยางใหญ่ จึงแปลว่า แหล่งน้ำที่เต็มไปด้วยต้นยางขนาดใหญ่ ส่วนบ้านลาดนั้นเป็นบริเวณที่น้ำท่วมไม่ถึงเนื่องจากเป็นเนินดินสูง ต่อมา รัชกาลที่ 4 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ยก “บ้านลาดกุดยางใหญ่” หรือที่แผลงมาเป็น “บ้านลาดกุดนางใย” เป็น เมืองมหาสาลคาม (ภายหลังถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น “มหาสารคาม”) แปลงจากชื่อภาษาไท-ลาว เป็น ภาษาบาลี-สันสกฤต ซึ่งแปลตามตัวได้ดังนี้ มหา แปลว่า “ใหญ่” สาล แปลว่า ต้นยาง และ คาม แปลว่า “กุฏิ” หรือที่อยู่อาศัย แต่ส่วนกลางน่าจะเข้าใจผิด เข้าใจไปเองว่า กุด แปลว่า “กุฏิ” แต่แท้ที่จริง กุด แปลว่า “แหล่งน้ำ” ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น พร้อมทั้งโปรดเกล้าฯ ให้ ท้าวมหาชัย (กวด) เป็นที่ พระเจริญราชเดช (กวด) เจ้าเมืองมหาสารคามท่านแรก โดยตั้งให้ ท้าวบัวทอง (พานทอง) เป็นอรรคฮาช ท้าวไชยวงศา (ฮึง) ซึ่งเป็นบุตรท้าวสีลัง เป็นอรรควงศ์ ท้าวเถื่อน ซึ่งเป็นบุตรท้าวจันทร์ เป็นอรรคบุตร ยกเมืองมหาสารคาม เป็นเมืองขึ้นของเมืองร้อยเอ็ด ในวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2408
ต่อมาในปี พ.ศ. 2412 ให้แยกเมืองมหาสารคามออกจากเมืองร้อยเอ็ดและยกฐานะเมืองมหาสารคามขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร และเปลี่ยนตำแหน่งยศ ของอรรคฮาช อรรควงศ์ และ อรรคบุตรให้เลื่อนขึ้นเป็นอุปฮาช(อุปราช) ราชวงศ์ ราชบุตร ตามลำดับ
ศึกปราบฮ่อที่เมืองหนองคาย และการยกฐานะเมืองมหาสารคามเป็นเมืองประเทศราชของกรุงรัตนโกสินทร์ตอนปลาย
ต่อมา พ.ศ. 2418 พวกฮ่อได้ยกทัพมาตีหัวเมืองขึ้นและประเทศราชของไทย ยึดเมืองหลวงพระบางและเมืองพวนได้จึงรุกต่อมาจะยึดบริเวณที่เคยเป็นเมืองเวียงจันทน์ (เดิม) แต่ร้างไป ซึ่งเป็นเขตแดนของเมืองหนองคายในขณะนั้นและจะยึดเมืองหนองคายอย่างต่อเนื่อง รัชการที่ 5 ทรงโปรดเกล้าให้ พระยามหาอำมาตย์ (ชื่น) ขึ้นไปปราบโจรฮ่อที่เมืองหนองคาย พระยามหาอำมาเขา (ชื่น) ได้สั่งให้พระเจริญราชเดช (กวด) เป็นแม่ทัพหน้า และให้ เมืองร้อยเอ็ดเป็นนายกองผู้ช่วยพระเจริญราชเดช (กวด) เกณฑ์กำลังเมืองร้อยเอ็ด เมืองมหาสารคาม ยกไปสมทบกับทัพเมืองอุบลราชธานีและเมืองกาฬสินธุ์ ทัพไทยได้ยกไปตีจนฮ่อแตกพ่าย ซึ่งระหว่างการทำศึก ราชบุตร (เสือ) ถูกฮ่อยิงโดนมือขวาจนเลือดไหล ไพร่พลจึงช่วยกันพยุงพากลับเมือง ส่วนทางฝั่งพระเจริญราชเดช (กวด) ได้ถูกฮ่อยิงที่แขนซ้ายและต้นขาซ้าย อาการสาหัส ไพร่พลจึงพากันช่วยพยุงจะพากลับ แต่พระเจริญราชเดช (กวด) ไม่ยอมกลับ อ้างว่า “กลับไปก็อายเขา เมื่อถึงที่ตายก็ขอให้ตายในที่รบ” จึงสั่งให้ไพร่พลพาขึ้นหลังม้าและออกไปรบต่อ
ต่อมากองทัพไทยได้ชัยชนะ ตีพวกฮ่อจนแตกหนีไป ทัพไทยจับพวกฮ่อเป็นเชลยได้จำนวนมากพร้อมอาวุธมากมาย หลังจากเสร็จศึกปราบฮ่อเรียบร้อยแล้ว. พระยามหาอำมาตย์(ชื่น) ข้าหลวงใหญ่ภาคอีสานกลับไปจัดราชการอยู่ที่เมืองร้อยเอ็ดต่อ ส่วนพระเจริญราชเดช (กวด) ซึ่งถูกยิงจนอาการสาหัส มีอาการป่วยได้กลับมาพักรักษาตัวที่เมืองมหาสารคาม
ด้วยคุณงามความดีของท่าน รัชการที่ 5 จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเลื่อนฐานะของท้าวกวด ให้เทียบเท่าเจ้าเมืองประเทศราช ยกฐานะเมืองมหาสารคามเป็นเมืองประเทศราช พระราชทานนามบรรดาศักดิ์ ให้แก่ พระเจริญราชเดช (มหาชัยกวด) เป็นที่ พระเจริญราชเดชวรเชษฐมหาขัติยพงศ์สุรชาติ ประเทศราชธำรงค์รักษ์ ศักดิ์กิติยศเกรียงไกร ศรีพิชัยเทพวราฤทธิ์พิษณุพงศ์ปรีชา สิงหบุตรสุวัฒนา นคราภิบาล ถือได้ว่าท่านได้รับพระราชทินนามที่สมศักดิ์ศรีของเจ้าเมืองประเทศราชที่ได้กระทำคุณงามความดีให้แก่แผ่นดินไทย และต่อมา เป็นผลมาจากความบอบช้ำสาหัสจากสงคราม ท่านจึงได้ถึงแก่พิราลัยลง ในปีพ.ศ. 2421 สิริมายุรวม 43 ปี พระเจริญูราชเดช หรือท้าวมหาชัย (กวด) มีอีกพระนามว่า "อาชญาพ่อหลวงมหาชัย" อันเนื่องมาจากท่านเป็นที่เคารพนับถือของลูกหลานชาวมหาสารคาม จากคุณงามความดีที่ท่านได้ทำไว้แก่ชาติบ้านเมือง ปกป้องบ้านเมืองด้วยชีวิต อย่างกล้าหาญและไม่กลัวตาย
หลังศึกปราบฮ่อ
ต่อมา เล็งเห็นว่า บุตรพระเจริญราชเดชสมควรที่จะขึ้นเป็นเจ้าเมืองต่อไป จึงร่วมกันปรึกษากับกรมการเมือง จึงเป็นที่แน่ชัดว่าควรให้ท้าวสุพรรณลงไปกรุงเทพฯ เพื่อขอพระราชทานเป็นเจ้าเมือง แต่ปรากฏว่าระหว่างการเดินทางลงกรุงเทพท้าวสุพรรณได้ถึงแก่กรรมเสียก่อนในระหว่างทาง ตำแหน่งเจ้าเมืองมหาสารคามจึงได้ว่างเว้นไปถึง 2 ปี โดยมีผู้รักษาการคือเจ้าอุปราช(ฮึง)
พ.ศ. 2422 ขุนหลวงสุวรรณพันธนากร (คำภา) และขุนสุนทรภักดี ผู้ที่หลอกตัวเองว่าเป็นข้าหลวงเชิญท้องตราราชสีห์เที่ยวอ้างไปทั่ว โดยอ้างว่าตนขึ้นมาช่วยชำระคดีแก่ราษฎร เจ้าอุปราช (ฮึง) ไม่เชื่อจึงจับตัวทั้งคู่ ส่งตัวลงไปยังกรุงเทพฯ ในปีเดียวกัน ผลปรากฏว่าเป็นพวกหลอกลวงต้มตุ๋นจริง จากความดีความชอบ รัชการที่ 5 จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้เจ้าอุปราช (ฮึง) ขึ้นเป็นเจ้าเมืองมหาสารคาม เป็นที่ “พระเจริญราชเดช” (ฮึง) และในปีเดียวกันได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองพยัคฆภูมิพิสัย ขึ้นเป็นเมืองชั้นตรีขึ้นกับเมืองชั้นเอกอย่างเมืองสุวรรณภูมิ แรกเริ่มตั้งเมืองเลยเขตแดนมายังเขตเมืองมหาสารคาม ภายหลังถูกเจ้าเมืองมหาสารคามท้วงติง จึงถอยกลับไปตั้งเมืองในเขตแดนเมืองสุวรรณภูมิแทน เนื่องด้วยสาเหตุดังกล่าว เพื่อความได้เปรียบในการรับรองเขตแดน
ปี พ.ศ. 2425 เจ้าเมืองมหาสารคาม มีใบบอกขอโปรดเกล้า ยกบ้านนาเลาขึ้นเป็นเมือง “วาปีปทุม” แต่ไม่ได้ไปตั้งเมืองที่บ้านนาเลา ตามที่ร้องขอไว้ แต่กลับไปตั้งที่บ้านหนองแสงแทน (แย่งเขตแดนของเมืองสุวรรณภูมิ) และต่อมาโปรดเกล้า ให้ยกบ้านวังทาหอขวาง (บึงกุย) ขึ้นเป็นเมือง “โกสุมพิสัย”
ต่อมาในปี พ.ศ. 2432 เจ้าอุปราชเมืองสุวรรณภูมิ (รักษาการ) มีใบบอกกล่าวโทษต่อ เมืองมหาสารคาม เมืองศรีสะเกษ เมืองสุรินทร์ ว่าแย่งเอาเขตของตนไปตั้งเป็นเมือง กล่าวคือ เมืองมหาสารคาม ขอเอาบ้านนาเลาตั้งเป็นเมืองวาปีปทุมขึ้นเมืองมหาสารคาม (ซึ่งไม่ได้ตั้งตามที่ขอไว้ แต่ไปตั้งเมืองล้ำเข้าไปในเขตเมืองสุวรรณภูมิจริง) เมืองศรีสะเกษ ขอเอาบ้านโนนหินกองตั้งเป็นเมืองราษีไศลขึ้นเมืองศรีสะเกษ และเมืองสุรินทร์ ขอเอาบ้านทัพค่ายตั้งเป็นเมืองชุมพลบุรีขึ้นเมืองสุรินทร์ จึงได้โปรดเกล้า ให้ข้าหลวงนครจำปาศักดิ์ ข้าหลวงอุบลราชธานี ให้ทำการไต่สวนว่ากล่าวในเรื่องนี้ ผลการสอบสวนปรากฏว่าได้คำสัตย์จริงดังที่เจ้าเมืองสุวรรณภูมิได้กล่าวโทษไว้ แต่เมืองเหล่านี้ได้ตั้งมานานหลายปีแล้ว อีกทั้งยังมีชุมชนตั้งเป็นหลักเป็นแหล่งอย่างเข้มแข็ง จึงรื้อถอนได้ยาก จึงทรงโปรดเกล้า ให้เมืองวาปีปทุม เมืองราษีไศล เมืองชุมพลบุรี เป็นเมืองขึ้นของเมืองมหาสารคาม เมืองศรีสะเกษ เมืองสุรินทร์ ตามลำดับตามเดิม โดยมิให้โยกย้ายหรือรื้อถอนแต่ประการใด
การลดทอนอำนาจของเจ้าเมืองประเทศราชและเมืองขึ้นในดินแดนภาคอีสานให้มาอยู่ในการกำกับดูแลของข้าหลวงต่างพระองค์ และการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ต่อมาในปีพ.ศ. 2433 โปรดเกล้า ส่งข้าหลวงใหญ่ต่างพระองค์ ไปกำกับราชการ(หัวเมืองตะวันออก) แบ่งออกแป็น 4 ส่วน คือ 1.หัวเมืองลาวฝ่ายเหนือ 2.หัวเมืองลาวฝ่ายกลาง 3.หัวเมืองลาวฝ่ายตะวันออก 4.หัวเมืองลาวตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเมืองมหาสารคามขึ้นกับหัวเมืองลาวฝ่ายตะวันออกเฉียงเหนือ โดยข้าหลวงถูกส่งมาจากส่วนกลางให้มาช่วยกำกับดูแลเจ้าเมือง (การจะกระทำการอันใดจะต้องผ่านความเห็นชอบของข้าหลวงกำกับเมืองด้วย จึงจะพึงปฏิบัติได้) ถือว่าเป็นการลดทอนอำนาจของเจ้าเมืองพื้นถิ่นลงไปอย่างมาก กล่าวคือ เมืองประเทศราชหรือฐานะของความเป็นเมืองประเทศราชของเมืองต่างๆภายในภาคอีสานต่างถูกยุบและยกเลิกอย่างเป็นทางการและขึ้นกับส่วนกลางโดยตรงตั้งแต่ครั้งที่ส่วนกลางส่งข้าหลวงมากำกับดูแลเจ้าเมืองนั้นเอง (ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2433 เป็นต้นมา) ส่วนข้าหลวงกำกับเมืองก็ขึ้นตรงกับข้าหลวงใหญ่แต่ละฝ่าย และข้าหลวงใหญ่ขึ้นตรงกับส่วนกลางอีกที ซึ่ง เมืองมหาสารคาม ร้อยเอ็ด และเมืองกาฬสินธุ์ ขึ้นอยู่ในความปกครองของข้าหลวงเมืองอุบลฯ(ในกรณีเมืองชั้นเอกจะขึ้นกับทั้งข้าหลวงที่ถูกส่งไปกำกับและขึ้นกับกรุงเทพควบคู่กัน ในส่วนเมืองชั้นตรีโทจัตวาจะขึ้นกับเมืองชั้นเอกอีกทีหนึ่ง และเมืองชั้นเอกไม่ได้ขึ้นตรงต่อกันและกันแม้ว่าเมืองชั้นเอกเมืองใดจะเป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการข้าหลวงก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น เมืองกาฬสินธุ์ซึ่งเป็นเมืองชั้นเอกขึ้นกับข้าหลวงเมืองอุบลโดยข้าหลวงท่านหนึ่งสามารถกำกับและมีเจ้าเมืองชั้นเอกขึ้นตรงได้หลายเมือง แต่เมืองกาฬสินธุ์ไม่ได้ขึ้นกับเมืองอุบลราชธานีแต่ขึ้นกับกรุงเทพฯ (เพราะเมืองอุบลราชธานีก็คือเมืองชั้นเอกที่ต้องขึ้นกับข้าหลวงกำกับและขึ้นกับกรุงเทพฯด้วยเช่นกัน) และเมืองกุดสิมนารายณ์ซึ่งเป็นเมืองชั้นตรีก็ขึ้นกับเมืองกาฬสินธ์อีกที เป็นต้น ดังนั้น ตำแหน่งข้าหลวงกำกับชื่อเมืองนั้นๆ,ข้าหลวงใหญ่,ข้าหลวงประจำบริเวณหรือมณฑลนั้นๆที่มีชื่อต่อท้ายด้วยชื่อเมืองนั้นๆ จึงเป็นเพียงแค่การใช้พื้นที่หรือเขตแดนของเมืองนั้นๆบางส่วนไปตั้งกองบัญชาการข้าหลวง (ศูนย์กลาง) ขึ้นและเมืองหรือเจ้าเมืองที่กองบัญชาการข้าหลวงนั้นๆได้ไปตั้งก็ต้องขึ้นกับกองข้าหลวงนั้นๆที่ได้ไปตั้งในพื้นที่เมืองของตนด้วยเฉกเช่นเดียวกัน)
ต่อมา ส่วนกลางส่งให้นายรองชิต (เลื่อง ณ นคร ) เป็นข้าหลวงกำกับราชการเมืองร้อยเอ็ดและเมืองมหาสารคาม ซึ่งตั้งที่ทำการข้าหลวงอยู่ที่เมืองมหาสารคาม ในปี พ.ศ. 2435 (เป็นครั้งแรก)
พ.ศ. 2437 มีการโอนเมืองชุมพลบุรีจากแขวงเมืองสุรินทร์ให้มาขึ้นตรงต่อเมืองมหาสารคามชั่วคราว ต่อมาประมาณ 6 ปี จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2443 มีการยุบเมืองชุมพลบุรีเป็นอำเภอชุมพลบุรีแล้วจึงโอนย้ายกลับไปขึ้นกับเมืองสุรินทร์เหมือนเดิม) ในปีเดียวกันนั้น มีการแบ่งหัวเมืองในมณฑลอีสานออกเป็นบริเวณ 5 บริเวณ(ซึ่งเมืองในสังกัดบริเวณไม่จำเป็นจะต้องขึ้นตรงหรือกลายเป็นอำเภอขึ้นกับเมืองที่ถูกตั้งเป็นศูนย์กลางบริเวณเสมอไป) โดยแบ่งออกเป็นได้ดังนี้ คือ 1) บริเวณอุบล 2) บริเวณจำปาศักดิ์ 3) บริเวณร้อยเอ็ด 4) บริเวณบริเวณขุขันธ์ 5) บริเวณสุรินทร์ โดยที่บริเวณร้อยเอ็ดมีเมืองที่สังกัดต่อข้าหลวงประจำบริเวณ ทั้งหมด คือ 5 หัวเมือง คือ 1) เมืองร้อยเอ็ด 2) เมืองมหาสารคาม 3) เมืองกาฬสินธุ์ (ถูกยุบลงเป็นอำเภออุทัยกาฬสินธุ์ขึ้นกับจังหวัดร้อยเอ็ด ภายหลังเมื่อมีการตั้งมณฑลร้อยเอ็ดขึ้น จึงถูกยกฐานะเป็นจังหวัดอุทัยกาฬสินธุ์ แล้วต่อมาถูกยุบเป็นอำเภอหลุบขึ้นกับจังหวัดมหาสารคาม อีกครั้งใน ปี 2474 ในยุคข้าวยากหมากแพง แล้ว กลับตั้งเป็นจังหวัดกาฬสินธุ์ขึ้นใหม่ เมื่อปี 2490) 4) เมืองสุวรรณภูมิ (ภายหลังถูกยุบลงเป็นอำเภอขึ้นกับจังหวัดร้อยเอ็ด) 5) เมืองกมลาไสย (ภายหลังถูกยุบลงเป็นอำเภอขึ้นกับจังหวัดกาฬสินธุ์)
ในปี พ.ศ. 2440 ได้มีการให้ยุบตำแหน่งเจ้าเมือง เป็น ผู้ว่าราชการเมือง ลดบทบาทเจ้าเมืองลงให้มาขึ้นกับส่วนกลางอย่างเต็มที่
พ.ศ. 2443 อุปฮาด (เถื่อน รักษิกจันทร์) ได้รักษาการเมืองมหาสารคาม เป็นผู้ว่าราชการเมือง หรือ เจ้าเมืองคนที่ 3
พ.ศ. 2444 เมืองมหาสารคาม มีอำเภอภายใต้การปกครอง ทั้งหมด 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโกสุมพิสัย และอำเภอวาปีปทุม
พ.ศ. 2446 มีการยุบตำแหน่งข้าหลวงกำกับราชการเมืองทิ้ง และในปีเดียวกัน พระพิทักษ์นรากร(อุ่น) ได้เป็นผู้ว่าราชการเมือง ต่อมาภายหลัง ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองมหาสารคามคนที่ 4 มีทินนามว่า "พระเจริญราชเดช(อุ่น)"
พ.ศ. 2451 ส่วนกลางเปลี่ยน บริเวณ เป็น เมือง กล่าวคือ ให้บางบริเวณที่เป็นที่ตั้งศูนย์กลางบริเวณ (เมืองใหญ่ที่สุดในบริเวณ) ให้เปลี่ยนเป็นเมือง (เทียบเท่าจังหวัด) และให้เมืองบริวาร (เมืองรองในบริเวณ) ลดฐานะเป็นอำเภอขึ้นกับเมืองที่เป็นที่ตั้งศูนย์กลางบริเวณ และในปีเดียวกัน ภายหลังมีการยุบเมืองสุวรรณภูมิให้กลายเป็นอำเภอขึ้นตรงต่อจังหวัดร้อยเอ็ด จึงมีการโอนอำเภอพยัคฆภูมิพิสัยซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นของเมืองสุวรรณภูมิ ให้โอนไปขึ้นกับจังหวัดร้อยเอ็ด
ในปี พ.ศ. 2456 มีการเปลี่ยน ที่ว่าการเมือง เป็น ศาลากลางจังหวัด และเปลี่ยนคุ้มของเจ้าเมือง เป็น จวนผู้ว่าราชการเมือง
พ.ศ. 2454 ย้ายอำเภอประจิมสารคาม ไปทางทิศตะวันตก และเปลี่ยนนาม เป็น และเปลี่ยนนามอำเภออุทัยสารคาม เป็น อำเภอเมืองมหาสารคาม
พ.ศ. 2459 มีการยกเลิกตำแหน่งปลัดมณฑลประจำจังหวัด และในปีเดียวกัน มีการเปลี่ยนชื่อผู้ว่าราชการเมือง เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัด
พ.ศ. 2456 รัชการที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งมณฑลใหม่ขึ้นเป็น ”” ตั้งที่ทำการมณฑลที่เมืองร้อยเอ็ด ซึ่งมณฑลร้อยเอ็ดประกอบด้วย จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดกาฬสินธุ์ ในปีนี้ได้มีการจัดตั้งศาลยุติธรรมขึ้นเป็นครั้งแรกของจังหวัดมหาสารคาม มีการโอนอำเภอพยัคฆภูมิพิสัยจากจังหวัดร้อยเอ็ดให้มาขึ้นกับจังหวัดมหาสารคาม และโอนอำเภอกันทรวิชัย (อำเภอโคกพระ) จากจังหวัดกาฬสินธุ์ให้มาขึ้นกับจังหวัดมหาสารคาม ในปีเดียวกันนี้ จังหวัดมหาสารคามจึงมีอำเภอภายใต้การปกครองรวมทั้งหมด 6 อำเภอ ได้แก่ 1) อำเภอเมืองมหาสารคาม 2) อำเภอโกสุมพิสัย 3) อำเภอเมืองวาปีปทุม 4) พยัคฆภูมิพิสัย 5) อำเภอท่าขอนยาง (อำเภอบรบือ) 6) อำเภอกันทรวิชัย (อำเภอโคกพระ)
ในปี พ.ศ. 2457 ได้มีการสร้างศาลากลางจังหวัดขึ้นใหม่ ก่อสร้างเสร็จในปี 2467
ต่อมา พ.ศ. 2468 โปรดเกล้าฯ ให้ยุบมณฑลร้อยเอ็ดเป็นจังหวัด โอนจังหวัดทั้งหมดที่เคยขึ้นตรงต่อมณฑลร้อยเอ็ด คือ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดกาฬสินธุ์ ให้ไปขึ้นอยู่กับมณฑลนครราชสีมา
พ.ศ. 2474 ในยุคข้าวยากหมากแพง ส่งผลให้ต้องมีการลดค่าใช้จ่ายและงบประมาณลง จึงได้มีการยุบจังหวัดกาฬสินธุ์ (หรืออุทัยกาฬสินธุ์) ลงเป็นอำเภอ ให้มารวมกับจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งอำเภอเมืองอุทัยกาฬสินธ์จึงเปลี่ยนชื่อเป็น ”อำเภอหลุบ” ขึ้นกับจังหวัดมหาสารคาม และโอนอำเภอที่เคยขึ้นต่อจังหวัดกาฬสินธุ์มาขึ้นกับจังหวัดมหาสารคามทั้งหมด รวมอำเภอที่ขึ้นกับจังหวัดมหาสารคามได้ทั้งหมดเป็น 11 อำเภอ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่อาณาเขตของจังหวัดมหาสารคามมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา (รวมพื้นที่ทั้งจังหวัดมหาสารคามและจังหวัดกาฬสินธุ์ในปัจจุบัน)
การเปลี่ยนแปลงการปกครองหลัง การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475
ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็น ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยคณะราษฎร์ ซึ่งนำโดย พระยาพหลพลพยุหเสนา พระยาทรงสุรเดช และพระยาฤทธิอาคเณ
ในวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 รัชการที่ 7 ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ชาวสยาม ในปีเดียวกัน จังหวัดมหาสารคามได้จัดตั้ง “สาขาสมาคมคณะราษฎร์” ประจำจังหวัดมหาสารคาม ขึ้นเป็นครั้งแรก
ในปี พ.ศ. 2476 เดือนกันยายน จังหวัดมหาสารคาม มีการจัดให้มีการเลือกตั้งผู้แทนตำบล เป็นครั้งแรก และ ในปีเดียวกัน เดือน พฤศจิกายน จังหวัดมหาสารคาม มีการจัดให้มีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร เป็นครั้งแรก โดยให้ผู้แทนตำบลทั่วทั้งจังหวัดเป็นผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง และต่อมา ได้เปลี่ยน ”ผู้ว่าราชการจังหวัด” เป็น “ข้าหลวงประจำจังหวัด” ภายหลังได้เปลี่ยนกลับมาใช้คำว่า” ผู้ว่าราชการจังหวัด” อีกครั้ง
ในปีพ.ศ. 2490 แยกอำเภอกาฬสินธุ์(หลุบ) และบางอำเภอ ออกจากจังหวัดมหาสารคาม และยกฐานะอำเภอกาฬสินธุ์ขึ้นเป็นจังหวัดกาฬสินธุ์มาตั้งแต่บัดนั้น
ต่อมาใน พ.ศ. 2496 ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม สร้างเสร็จสิ้น และใช้งานเรื่อยมาจนจวบปัจจุบัน โดยจังหวัดมหาสารคาม ในปีเดียวกันนี้ มีเขตการปกครอง ทั้งหมด 10 แห่ง โดย แบ่งเป็น อำเภอ 9 แห่ง และกิ่งอำเภอ 1 แห่ง ได้แก่ 1.อำเภอเมืองมหาสารคาม 2.อำเภอบรบือ 3.อำเภอกันทรวิชัย 4.อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย 5.อำเภอนาดูน 6.อำเภอวาปีปทุม 7.อำเภอนาเชือก 8.อำเภอเชียงยืน 9.อำเภอโกสุมพิสัย 10. (ต่อมาได้ยกฐานะเป็นอำเภอแกดำ)
เมืองมหาสารคามได้สร้างวัดดอนเมือง ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น วัดข้าวฮ้าว () และได้ย้ายกองบัญชาการไปอยู่ริมหนองกระทุ่มด้านเหนือของปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2456 หม่อมเจ้านพมาศ นวรัตน์ เป็นปลัดมณฑลประจำจังหวัด โดยความเห็นชอบของพระมหาอำมาตยาธิบดี (เส็ง วิริยะศิริ) ได้ย้ายศาลากลางไปอยู่ที่ตั้งศาลากลางหลังเดิม (ที่ว่าการอำเภอเมืองมหาสารคามปัจจุบัน) และในปี พ.ศ. 2542 ได้ย้ายศาลากลางไปอยู่ ณ ที่ตั้งปัจจุบัน มีผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง หรือผู้ว่าราชการจังหวัด รวม 46 คน
ความเปลี่ยนแปลง
สรุปความเปลี่ยนแปลงเด่นๆของเมืองมหาสารคาม ระหว่างปี พ.ศ. 2408-2500 นับจากวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2408 ถึงปี พ.ศ. 2500 เมืองมหาสารคามมีความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายประการคือ
- พ.ศ. 2408 ขึ้นกับเมืองร้อยเอ็ด
- พ.ศ. 2412 ขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร
- พ.ศ. 2419 ยกฐานะเมืองมหาสารคามเป็นเมืองประเทศราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม เลื่อนฐานะท้าวมหาชัย (กวด) เป็น เจ้าผู้ครองเมืองประเทศราช ให้มีพระราชทินนามว่า พระเจริญราชเดช วีรเชษฐ์มหาขัติยพงศ์ รวิวงศ์สุรชาติ ประเทศราชธำรงรักษ์ ศักดิ์กิติยศเกรียงไกร ศรีพิชัยเทพวรฤทธิ์ พิศอนุพงศ์ปรีชา สิงหบุตรสุวัฒนา นคราภิบาล ชาญพิชัยสงคราม
- พ.ศ. 2422 พระเจริญราชเดช (ฮึง) เป็นเจ้าเมืองมหาสารคาม คนที่ 2
- พ.ศ. 2425 ตั้งบ้านนาเลาขึ้นเป็นเมืองวาปีปทุม และตั้งบริเวณบึงกุย เป็นเมืองโกสุมพิสัย ขึ้นกับเมืองมหาสารคาม
- พ.ศ. 2443 ส่วนกลางให้ยุบตำแหน่งเจ้าเมืองเป็นผู้ว่าราชการเมือง(ลดทอนอำนาจของเจ้านายท้องถิ่น) ในปีเดียวกันนั้นได้มีการแบ่งเมืองมหาสารคามออกเป็น 2 อำเภอ คือ อำเภออุทัยสารคาม และอำเภอประจิมสารคาม
- พ.ศ. 2446 พระพิทักษ์นรากร(อุ่น) ได้เป็นผู้ว่าราชการเมือง ต่อมาภายหลัง ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองมหาสารคามคนที่ 4 มีทินนามว่า "พระเจริญราชเดช(อุ่น)"
- พ.ศ. 2455 ยุบตำแหน่งผู้ว่าราชการเมือง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด โดยมี หม่อมเจ้านพมาศ นวรัตน์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามคนแรก
- พ.ศ. 2475 เปลี่ยนระบอบการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และในปีเดียวกันนั้น ให้ยุบจังหวัดอุทัยกาฬสินธุ์ให้ลงเป็นอำเภอหลุบขึ้นกับจังหวัดมหาสารคาม และโอนทุกอำเภอที่เคยขึ้นกับจังหวัดอุทัยกาฬสินธ์ให้โอนมาเป็นอำเภอขึ้นตรงต่อจังหวัดมหาสารคาม
- พ.ศ. 2477 มีการขุดคลองสมถวิล เพื่อสร้างเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญ ของชาวชุมชนเมืองมหาสารคาม
- พ.ศ. 2478 จังหวัดมหาสารคามมีการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคามขึ้น
- พ.ศ. 2490 แยกอำเภอกาฬสินธุ์(หลุบ) และบางอำเภอ ออกจากจังหวัดมหาสารคาม และยกฐานะอำเภอกาฬสินธุ์ขึ้นเป็นจังหวัดกาฬสินธุ์มาตั้งแต่บัดนั้น
- พ.ศ. 2498 จังหวัดมหาสารคามมีการจัดตั้งเทศบาลเมืองมหาสารคาม
- พ.ศ. 2500 มีการสร้างหอนาฬิกาขึ้นเพื่อเป็นแลนด์มาร์กใจกลางตัวเมืองของจังหวัด
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้งและอาณาเขต
จังหวัดมหาสารคามตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ประมาณ 5,300 ตารางกิโลเมตร (3,307,300 ไร่) ระยะทางห่างจากกรุงเทพมหานคร 475 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดกาฬสินธุ์
- ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดบุรีรัมย์
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหวัดร้อยเอ็ด
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดบุรีรัมย์
จังหวัดมหาสารคามมีฉายาเป็น "ดินแดนแห่งสะดืออีสาน" เนื่องจากตั้งอยู่ที่จุดกึ่งกลางของภาคอีสาน ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านบึงกุย หมู่ 13 ตำบลหัวขวาง อำเภอโกสุมพิสัย)
ภูมิประเทศ
โดยทั่วไป จังหวัดมหาสารคามมีพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบถึงลูกคลื่นลอนลาด สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 130 – 230 เมตร ทิศตะวันตกและทิศเหนือเป็นที่สูงในเขตอำเภอโกสุมพิสัย อำเภอเชียงยืน และอำเภอกันทรวิชัย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของจังหวัด และค่อย ๆ เทลาดมาทางทิศตะวันออกและทิศใต้
สภาพพื้นที่แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ
- พื้นที่ราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบ — ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มริมน้ำ เช่น ที่ราบลุ่มริมแม่น้ำชี ในบริเวณอำเภอเมืองมหาสารคาม อำเภอโกสุมพิสัย และทางตอนใต้ของจังหวัดแถบชายทุ่งกุลาร้องไห้
- พื้นที่ค่อนข้างราบเรียบสลับกับลูกคลื่นลอนลาด — ตอนเหนือของอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย เป็นแนวยาวไปทางตะวันออก ถึงอำเภอเมืองมหาสารคาม]
- พื้นที่ลูกคลื่นลอนลาดสลับกับพื้นที่ลูกคลื่นลอนชัน — ตอนเหนือและตะวันตกของจังหวัด บริเวณนี้มีเนื้อที่ประมาณครึ่งหนึ่งของจังหวัด
ภูมิอากาศ
ลักษณะภูมิอากาศในเขตจังหวัดมหาสารคาม เป็นแบบมรสุมเมืองร้อน มีฝนตกสลับกับอากาศแห้ง ในปี พ.ศ. 2555 มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายเดือน 118.1 มิลลิเมตร และปริมาณน้ำฝนมากที่สุดที่ 414.9 มิลลิเมตร ในเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนมกราคม-กรกฎาคม ที่ 27.91 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39.3 องศาเซลเซียส ในเดือนเมษายน และอุณหภูมิต่ำสุด 15.0 องศาเซลเซียส ในเดือนมกราคม ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ย ประมาณ 73.55 % (เดือนมกราคม - กรกฎาคม)
การเมืองการปกครอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
จังหวัดมหาสารคามแบ่งการปกครองออกเป็น 13 อำเภอ, 133 ตำบล, 1,804 หมู่บ้าน มีรายชื่ออำเภอดังนี้
แผนที่ | ||||
---|---|---|---|---|
เลข | ชื่ออำเภอ | จำนวนตำบล | พื้นที่ (ตร.กม.) | ระยะห่าง จาก ศาลากลาง (กม.) |
1 | อำเภอเมืองมหาสารคาม | 14 | 556.697 | — |
2 | อำเภอแกดำ | 5 | 149.521 | 26 |
3 | อำเภอโกสุมพิสัย | 17 | 827.876 | 30 |
4 | อำเภอกันทรวิชัย | 10 | 372.221 | 17 |
5 | อำเภอเชียงยืน | 8 | 289.027 | 37 |
6 | อำเภอบรบือ | 15 | 681.622 | 26 |
7 | อำเภอนาเชือก | 10 | 528.198 | 58 |
8 | อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย | 14 | 409.783 | 84 |
9 | อำเภอวาปีปทุม | 15 | 605.774 | 42 |
10 | อำเภอนาดูน | 9 | 248.449 | 67 |
11 | อำเภอยางสีสุราช | 7 | 242.507 | 75 |
12 | อำเภอกุดรัง | 5 | 267 | 40 |
13 | อำเภอชื่นชม | 4 | 113.008 | 56 |
รวม | 133 | 5,291.683 |
การปกครองส่วนท้องถิ่น
จังหวัดมหาสารคามมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด 143 แห่ง เป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับล่าง ประกอบด้วย เทศบาล 47 แห่ง เป็นเทศบาลเมือง 1 แห่ง คือเทศบาลเมืองมหาสารคาม และเทศบาลตำบล 18 แห่ง ที่เหลือเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลจำนวน 123 แห่ง โดยเทศบาลทั้งหมดแบ่งตามอำเภอในจังหวัดมหาสารคาม มีดังนี้
รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัด
ลำดับ | ปี พ.ศ. | พระนาม / ชื่อ เจ้าเมืองหรือผู้ว่าราชการจังหวัด |
---|---|---|
1 | 2408 - 2422 | พระเจริญราชเดช (ท้าวมหาชัย กวด ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม ต้นตระกูล ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม) |
2 | 2422 - 2443 | พระเจริญราชเดช (ท้าวไชยวงษา ฮึง ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม) |
3 | 2443 - 2444 | อุปฮาด (เถื่อน รักษิกจันทร์) |
4 | 2444 - 2455 | พระเจริญราชเดช (ท้าวโพธิสาร อุ่น ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม) |
5 | 2455 - 2459 | |
6 | 2460 - 2462 | พระยาสารคามคณาพิบาล (พร้อม ณ นคร) |
7 | 2462 - 2466 | พระยาสารคามคณาพิบาล (ทิพย์ โรจน์ประดิษฐ์) |
8 | 2466 - 2468 | พระยาประชากรบริรักษ์ (สาย ปาละนันทน์) |
9 | 2468 - 2474 | พระยาสารคามคณาพิบาล (อนงค์ พยัคฆันต์) |
10 | 2474 - 2476 | พระอรรถเปศลสรวดี (เจริญ ทรัพย์สาร) |
11 | 2476 - 2482 | หลวงอังคณานุรักษ์ (สมถวิล เทพาคำ) |
12 | 2482 - 2484 | หลวงประสิทธิ์บุรีรักษ์ (ประสิทธ์ สุปิยังตุ) |
13 | 2484 - 2486 | หลวงบริหารชนบท (ส่าน สีหไตร) |
14 | 2486 - 2489 | ขุนไมตรีประชารักษ์ (ไมตรี ไมตรีประชารักษ์) |
15 | 2489 - 2490 | ขุนจรรยาวิเศษ (เที่ยง บุญยนิตย์) |
16 | 2490 - 2493 | ขุนพิศาลาฤษดิ์กรรม (ทองใบ น้อยอรุณ) |
17 | 2493 - 2495 | นายเชื่อม ศิริสนธิ |
18 | 2495 - 2500 | หลวงอนุมัติราชกิจ (อั๋น อนุมัติราชกิจ) |
19 | 2500 - 2501 | ขุนจรรยาวิเศษ (เที่ยง บุญยนิตย์) |
20 | 2501 - 2506 | นายนวน มีชำนาญ |
21 | 2506 - 2510 | นายรง ทัศนาญชลี |
22 | 2510 - 2513 | นายเวียง สาครสินธุ์ |
23 | 2513 - 2514 | นายพล จุฑางกูร |
24 | 2514 - 2517 | นายสุจินต์ กิตยารักษ์ |
25 | 2517 - 2519 | นายชำนาญ พจนา |
26 | 2519 - 2522 | นายวุฒินันท์ พงศ์อารยะ |
27 | 2522 - 2523 | นายสมภาพ ศรีวรขาน |
28 | 2523 - 2524 | ร้อยตรีกิตติ ปทุมแก้ว |
29 | 2524 - 2526 | นายธวัช มกรพงศ์ |
30 | 2526 - 2528 | นายสมบูรณ์ พรหมเมศร์ |
31 | 2528 - 2531 | นายไสว พราหมมณี |
32 | 2531 - 2534 | นายจินต์ วิภาตะกลัศ |
33 | 2534 - 2535 | นายวีระชัย แนวบุญเนียร |
34 | 2535 - 2537 | นายภพพล ชีพสุวรรณ |
35 | 2537 - 2538 | นายประภา ยุวานนท์ |
36 | 2538 - 2540 | นายวิชัย ทัศนเศรษฐ |
37 | 2540 - 2542 | นายเกียรติพันธ์ น้อยมณี |
38 | 2542 - 2544 | นางศิริเลิศ เมฆไพบูลย์ |
39 | 2544 - 2546 | นายสมศักดิ์ แก้วสุทธิ |
40 | 2546 - 2548 | นายวิทย์ ลิมานนท์วราไชย |
41 | 2548 - 2550 | นายชวน ศิรินันท์พร |
42 | 2550 - 2551 | นายรังสรรค์ เพียรอดวงษ์ |
43 | 2551 - 2552 | นายพินิจ เจริญพานิช |
44 | 2552 - 2554 | นายทองทวี พิมเสน |
45 | 2554 - 2555 | นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน |
46 | 2555 - 2557 | นายนพวัชร สิงห์ศักดา |
47 | 2557 - 2558 | นายชยาวุธ จันทร |
48 | 2558 - 2559 | นายโชคชัย เดชอมรธัญ |
49 | 2559 - 2561 | นายเสน่ห์ นนทะโชติ |
50 | 2561 - 2563 | นายเกียรติศักดิ์ จันทรา |
51 | 2563 - 2566 | นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ |
52 | 2566 - ปัจจุบัน | นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต |
การคมนาคม
ทางบก
- รถยนต์ส่วนตัว
เส้นทางที่สะดวกและสั้นที่สุด คือใช้เส้นทางถนนพหลโยธินเข้าสู่จังหวัดสระบุรี และเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนมิตรภาพ ผ่านจังหวัดนครราชสีมา เข้าสู่จังหวัดขอนแก่น แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนแจ้งสนิท จนกระทั่งเข้าสู่จังหวัดมหาสารคาม
- รถโดยสารประจำทาง
สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดมหาสารคาม ตั้งอยู่บริเวณถนนเลียบคลองสมถวิล ผู้ให้บริการรถโดยสารจากกรุงเทพฯ อาทิ บริษัท ขนส่ง จำกัด, นครชัยแอร์, เชิดชัยทัวร์, รุ่งประเสริฐทัวร์ และชาญทัวร์ นอกจากนี้ยังมีผู้ให้บริการรถโดยสารไปยังจังหวัดข้างเคียง อาทิ สหพันธ์ร้อยเอ็ดทัวร์, แสงประทีปทัวร์ และอื่น ๆ
จากอำเภอเมืองมหาสารคาม มีรถโดยสารประจำทางให้บริการไปยังอำเภอต่าง ๆ ได้แก่ พยัคฆภูมิพิสัย วาปีปทุม นาดูน นาเชือก บรบือ กุดรัง และเชียงยืน
จังหวัดมหาสารคามมีสถานีขนส่งผู้โดยสารหลายแห่ง ได้แก่ที่เทศบาลเมืองมหาสารคาม, บรบือ, พยัคฆภูมิพิสัย, วาปีปทุม และโกสุมพิสัย
- ทางรถไฟ
ในปัจจุบัน จังหวัดมหาสารคามยังไม่มีทางรถไฟตัดผ่าน สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ที่สุด ได้แก่ สถานีรถไฟขอนแก่น (71 กิโลเมตร) และสถานีรถไฟบ้านไผ่ (69 กิโลเมตร) ซึ่งทั้งสองสถานีนั้นอยู่ในจังหวัดขอนแก่น
ในอนาคต จะมีโครงการรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม ซึ่งจะผ่านหลายจังหวัดในอีสานตอนกลาง รวมถึงมหาสารคามด้วย
ทางอากาศ
จังหวัดมหาสารคามไม่มีท่าอากาศยาน จึงต้องใช้บริการท่าอากาศยานของจังหวัดข้างเคียง ได้แก่ ท่าอากาศยานขอนแก่น (82 กิโลเมตร), ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด (59 กิโลเมตร) และท่าอากาศยานบุรีรัมย์ (121 กิโลเมตร)
เศรษฐกิจ
ประเพณีและวัฒนธรรม
สถานที่สำคัญ
โบราณสถาน
- ดูเพิ่มเติมที่หัวข้อ รายชื่อโบราณสถานในจังหวัดมหาสารคาม
พระอารามหลวง
- วัดมหาชัย (พระอารามหลวง) พระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ
สถานที่ท่องเที่ยว
- อำเภอเมืองมหาสารคาม
- อ่างเก็บน้ำหนองแวง
- หมู่บ้านหัตถกรรมบ้านหนองเขื่อนช้าง
- วัดมหาชัย (พระอารามหลวง)
- หมู่บ้านปั้นหม้อ
- อุทยานมัจฉาโขงกุดหวาย
- วัดป่าวังน้ำเย็น (พระธาตุศรีสารคาม)
สถานที่สำคัญอื่น
|
งานกลองยาว
|
สถานพยาบาล
- โรงพยาบาลมหาสารคาม (โรงพยาบาลทั่วไปขนาด 580 เตียง)
- โรงพยาบาลสุทธาเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
- โรงพยาบาลมหาสารคามอินเตอร์เนชั่นแนล (เอกชน)
สถานศึกษา
- ดูเพิ่มเติมที่หัวข้อ หมวดหมู่: , ในจังหวัดมหาสารคาม,รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดมหาสารคาม
จังหวัดมหาสารคามมีฉายาว่าเป็น "ตักสิลานคร" หรือแปลตามตัวคือ นครแห่งการศึกษา หรือเมืองแห่งการศึกษาของภาคอีสาน เนื่องจากมีสถาบันการศึกษาอยู่หลายแห่งและมีมากที่สุดแห่งหนึ่งของภาคอีสาน อีกทั้งยังมีมากเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ทำให้เป็นจังหวัดที่ได้รับความนิยมจากประชาชนในภาคอีสานทางด้านการศึกษา
|
บุคคลที่มีชื่อเสียง
พระภิกษุสงฆ์
- พระธรรมวัชราจารย์ (น้อย ญาณวุฑฺโฒ) เจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม ฝ่ายมหานิกาย
- ป.ธ.5 อดีตเจ้าคณะจังหวัดเลย
- ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม ฝ่ายธรรมยุต
- ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม ฝ่ายมหานิกาย
- รองเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม ฝ่ายมหานิกาย
- อดีตเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม ฝ่ายธรรมยุต
- พระวชิรญาณวิศิษฏ์ (สุริยันต์ โฆสปญฺโญ)
นักการเมือง,ข้าราชการ
- จำลอง ดาวเรือง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
- ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
- รัชนี ศรีไพรวรรณ อดีตศึกษานิเทศก์ กระทรวงศึกษาธิการ
- สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย
- ศรีเมือง เจริญศิริ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
- ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร เศรษฐา ทวีสิน อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย
- ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.เเบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
- ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต1
- ไชยวัฒนา ติณรัตน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต2
- ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เขต3
- สรรพภัญญู ศิริไปล์ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเขต4
- จิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต5
- ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต6
ศิลปิน,นักแสดง
- ศักดิ์สยาม เพชรชมภู
- เดือนเพ็ญ อำนวยพร
- ภูมิภาฑิต นิตยารส
- ลำยอง หนองหินห่าว
- เจนนิเฟอร์ คิ้ม
- รณวีร์ เสรีรัตน์
- กฤษกร กนกธร
- พร ภิรดี หมอลำเพชรลำเพลิน
- โจ ยมนิล
- หมอลำบัวริมบึง
นักกีฬา
นักประพันธ์เพลง
ดูเพิ่ม
- รายชื่อวัดในจังหวัดมหาสารคาม
- รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดมหาสารคาม
- (รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดมหาสารคาม)
อ้างอิง
- ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 140 ตอนพิเศษ 245 ง หน้า 4 วันที่ 2 ตุลาคม 2566
- ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหารและงานปกครอง. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ข้อมูลการปกครอง." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/padmic/jungwad76/jungwad76.htm 2016-03-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 เมษายน 2553.
- กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.bora.dopa.go.th/stat/pk/pk_64.pdf 2564. สืบค้น 9 กุมภาพันธ์ 2565.
- . Mahasarakham University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-10-16. สืบค้นเมื่อ 6 December 2020.
- . www.m-culture.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-30. สืบค้นเมื่อ 2022-01-30.
- esan108.com (2015-10-10). "ทำไมจังหวัดมหาสารคาม ถึงได้ชื่อว่า "ตักสิลานคร"". อีสานร้อยแปด.
- "จำปานคร: ประวัติความเป็นมา". จำปานคร.
- “มรดกโลกที่วัดพู” ฟื้นฝอยหามรดกยุคอาณานิคมของอินโดจีนแห่งฝรั่งเศส 2021-06-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. มูลนิธิ-ประไพร วิริยพันธุ์. 2016-2-1
- สิลา วีระวงส์. พงศาวดารลาว. เวียงจันทน์: กระทรวงศึกษาธิการ, 2500.
- "ยาคูขี้หอม พระครูโพนสะเม็ก หรือเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็ก สปป.ลาว". ๑๐๘ พระเกจิ. 2020-10-29.
- คัมภีร์ใบลานเรื่อง พงสาวดารเมือง (บั้งจุ้มหรือตำนานเมือง) ฉบับวัดโพนกอก บ้านปากกะยุง เมืองทุละคม นครเวียงจัน ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อักษรธรรมลาว มี ๓๕ หน้าลาน
- "หอพุทธศิลป์ มจร.วิทยาเขตขอนแก่น :::". www.mcukk.com.
- "ดอนขุมเงิน และบ่อพันขัน : เกลือ และน้ำศักดิ์สิทธิ์ สร้างอาณาจักรขอมโบราณ". matichonweekly.com. 2018-05-31.
- https://www.facebook.com/Sriphoum/posts/1551242851919445
- "ภูมิบ้านภูมิเมือง : เมืองร้อยเอ็ด ภูมิแห่งชัยชนะของพระเจ้าจิตรเสน". naewna.com. 2014-09-07.
- "เจ้าแก้วมงคล", วิกิพีเดีย, 2021-12-28, สืบค้นเมื่อ 2022-02-05
- Unknown, เขียนโดย. "ประวัติอำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด".
- รัตนธรรม, อัญชลี; นิลวรรณาภา, ราชันย์ (2021-12-23). "การนำเสนออุดมการณ์ทางสังคมในกฎหมายโบราณอีสาน". วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร. 9 (7): 3083–3095. ISSN 2539-6765.
- "โครงการอนุรักษ์คัมภีร์ใบลาน มมส". www.facebook.com.
- ชวนากร จันนาเวช. (2560). กดหมายโบราณจากเอกสารโบราณในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เอกสารวิชาการลำดับที่ 26 กลุ่มงานอนุรักษ์เอกสารโบราณ สถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. มหาสารคาม: อภิชาตการพิมพ์.
- https://web.facebook.com/Sriphoum/photos/a.722488601461545/1344327505944315/
- https://web.facebook.com/swp.pr/posts/614168832070117/?_rdc=1&_rdr
- "แจ่ง - GotoKnow". www.gotoknow.org.
- ขัติยวงษา (เหลา ณร้อยเอ็จ), พระยา, พงศาวดารภาคอีสาน ฉะบับของ พระยาขัติยวงษา (เหลา ณร้อยเอ็จ): พิมพ์ในงานปลงศพ นางศรีสุภา (โต เอี่ยมศิริ) ณเชิงบรมบรรพต วัดสระเกศ เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. 2472, จัดพิมพ์โดยจรูญชวนะพัฒน์, พระ, (พระนคร: ศรีหงส์, 2472)
- https://www.car.chula.ac.th/display7.php?bib=b1275880
- หม่อมอมรวงศ์วิจิตร (ม.ร.ว.ปฐม คเนจร), ตำนาน เมืองนครจำปาศักดิ์ (อุบลราชธานี : ในงานฌาปนกิจศพ นายวิจิตรศักดิ์ สาระโสภณ ณ เมรุวัดเเจ้ง, ๒๕๒๗) น. ๔
- https://finearts.go.th/storage/contents/file/S7yoBa3aJe2AkCKdVqwQCKbvlt16f6i01xIy9q3Z.pdf
- "อำเภอสุวรรณภูมิ", วิกิพีเดีย, 2021-12-26, สืบค้นเมื่อ 2022-02-05
- Ltd, BECi Corporation. "5 ชุมนุมใหญ่ "ไทยแบ่งไทย" ยุคกรุงแตก". www.ch3thailand.com.
- พระจรัสชวนะพันธ์ เจ้ากรมราชบัณฑิต. พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี แผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาที่ ๔ (พระเจ้าตากสิน). กรุงเทพฯ : กรมตำรา กระทรวงธรรมการ. ๒๔๗๒
- https://web.facebook.com/Sriphoum/posts/1176559959387738?_rdc=1&_rdr
- https://web.facebook.com/722488218128250/posts/1180913005619100/?_rdc=1&_rdr
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-20. สืบค้นเมื่อ 2022-02-05.
- ประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาคจังหวัดมหาสารคาม. มหาสารคาม : โรงพิมพ์ปรีดาการพิมพ์, 2542
- . จังหวัดมหาสารคาม. 2556. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-05-10. สืบค้นเมื่อ 5 พฤษภาคม 2557.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - . จังหวัดมหาสารคาม. 2556. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-05-10. สืบค้นเมื่อ 5 พฤษภ่าคม 2557.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-30. สืบค้นเมื่อ 2022-01-30.[]
- ข้อมูลจำนวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแยกรายจังหวัด กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
- https://esan108.com/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3.html[]
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์ทางการ จังหวัดมหาสารคาม 2019-12-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
16°11′N 103°17′E / 16.18°N 103.29°E
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ จังหวัดมหาสารคาม
- แผนที่ จาก มัลติแมป โกลบอลไกด์ หรือ กูเกิลแผนที่
- ภาพถ่ายทางอากาศ จาก เทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
- ภาพถ่ายดาวเทียม จาก วิกิแมเปีย
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnimixangxingmakekinipkrunachwyprbprungbthkhwamni odykarnaxangxingimcaepnhruxxangxingsasxnxxkhruxrwmxangxing eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir bthkhwamnihruxswnnikhxngbthkhwamtxngkarprbrupaebb sungxachmaythung txngkarcdrupaebbkhxkhwam cdhna aebnghwkhx cdlingkphayin aela hruxkarcdraebiybxun khunsamarthchwyaekikhpyhaniidodykarkdthipum aekikh danbn caknnprbprunghruxcdrupaebbxun inbthkhwamihehmaasmbthkhwamnitxngkarkhxkhwamxthibaykhwamsakhythikrachb aelasrupenuxhaiwyxhnaaerkkhxngbthkhwam mhasarkham edimchux mhasalkham epncnghwdhnungthangtxnklangkhxngphakhtawnxxkechiyngehnuxkhxngpraethsithy mixanaekhttidkbcnghwdkalsinthu cnghwdrxyexd cnghwdsurinthr cnghwdburirmy aelacnghwdkhxnaekncnghwdmhasarkhamcnghwdkarthxdesiyngxksrormn xksrormnChangwat Maha Sarakhamcaksayipkhwa bnlnglang wdophtharam aemnachi thnnrahwangxaephxoksumphisyaelaxaephxkudrng wditoksum mhawithyalymhasarkham faymhasarkham ekhuxnyang thngtrakhakhwy phuththmnthlxisan thinthanxarythrrm phaihmlaelxkha tksilankhraephnthipraethsithy cnghwdmhasarkhamennsiaedngaephnthipraethsithy cnghwdmhasarkhamennsiaedngpraeths ithykarpkkhrxng phuwarachkar wiburn aewwbnthit tngaet ph s 2566 phunthi thnghmd5 291 683 tr km 2 043 130 tr iml xndbphunthixndbthi 40prachakr ph s 2566 thnghmd937 915 khn xndbxndbthi 23 khwamhnaaenn177 24 khn tr km 459 0 khn tr iml xndbkhwamhnaaennxndbthi 16rhs ISO 3166TH 44chuxithyxun sarkham tksilankhrsylksnpracacnghwd tnimphvks marumpa dxkimlnthmkhaw capakhaw stwnaputhulkrahmxmsalaklangcnghwd thitngphayinsunyrachkarcnghwdmhasarkham hmuthi 11 thanghlwngaephndinhmayelkh 291 tablaewngnang xaephxemuxngmhasarkham cnghwdmhasarkham 44000 othrsphth0 4377 7356 othrsar0 4377 7460ewbistwww wbr mahasarakham wbr go wbr thswnhnungkhxngsaranukrmpraethsithy emuxngsunyklangkhxngcnghwd khux ethsbalemuxngmhasarkham sungepnthitngkhxngmhawithyalymhasarkham hnunginmhawithyalythiihythisudinphakhtawnxxkechiyngehnuxprawtisastrcnghwdmhasarkhamnxkcakcamichayaepn dinaednaehngsaduxxisan hruxxyucudkungklangkhxngphakhxisanaelw cudkungklangkhxngphakhxisan tngxyuthi hmu 13 xaephxoksumphisy nxkcakniyngmichayaxikwa hruxaepltamtwkhuxnkhraehngkarsuksa hruxemuxngaehngkarsuksakhxngphakhxisan misthabnkarsuksathimikhunphaphaelaradbsungsudxyuhlayaehngaelamimakthisudaehnghnungkhxngphakhxisan xikthngyngmimakepnxndbtnkhxngpraethsithy karlmslaykhxngxanackrlanchang aela karxphyphkhxngklumecanaylanchanglngiptngemuxngthngsriphumi emuxngbrrphchnkhxngchawxisan khuntxxanackrlanchangcapaskdiaelakrungsrixyuthya emuxpramanphuththskrach 2231 hlngkarswrrkhtkhxngphraecasuriywngsathrrmikrach mharachaehngxanackrlanchang xnmikrungewiyngcnthnepnemuxnghlwng trngkb smykhxngsmedcphraephthracha aehngxanackrkrungsrixyuthya ekidkaraeyngchingxanacknkhunphayinxanackr enuxngcakphraxngkhthrngpraharchiwitxngkhrchthayath aelaimmiphusubthxdtaaehnngxyangepnthangkar faythayathaelakhunnangtangaebngfkaebngfay ephuxaeyngknepnihy cninthisudxanackrlanchangthiyingihycungthungkhrawlmslay odyaetkaeykxxkepn 3 xanackrelkxanackrnxy idaek hlwngphrabang ewiyngcnthn aelacapaskdi phraecasuriywngsathrrmirach phraxngkhthrngmiphrarachoxrs phraxngkhhnungnamwa ecaxngkhhlx xnekidaet phramehsi khnannmiphrachnmayuid 3 phrrsa xikthngphranangsumngkhla kalngthrngtngphrakhrrph khnannmikhunnangesnabdi namwa phumixanacbadihy snbsnunihecaxngkhhlxidkhunkhrxngrachsmbtiepnkstriyhunechidkhxngtn odyihtwexngepnphusaercrachkaraephndinaethn aelaichxanacinthangthiimchxb phayhlngemuxecaxngkhhlxetibihykhun phrayaemuxngaesnimyxmkhunxanacih xikthngyngkhbecaxngkhhlxxxkcakrachbllngkodymiihikhrru txmakhidthicabibbngkhbihphranangsumngkhlamaepnphrryakhxngtn aetphranangimyxm phranangcungphaecaxngkhhlx xphyphhniipphung phrasngkhrach aehngewiyngcnthn sungepnthinbthuxkhxngehlabrrdaluksisyaelaechuxphrawngsepncanwnmak cungmibrrdaechuxphrawngsmakhxepnluksisykhxngthanmakmay sunginnnmiecaaekwmngkhlaela echuxsaykstriyrachwngslanchang phrayatiphuihykhxngecaxngkhhlx epnsisyexkxyudwy txmaecarachkhruhlwngkhidwathahakihphranangmaxasyxyudwykekrngphuxuncakhrhanintha xnenuxngcakkhwamimehmaasmaelasthanthixasyxyuocngaecngekinipaelaimkhxyplxdphycungsngipiwthitablphuchangxhxkha txmaphranangsumngkhlathrngidprasutiphraoxrsxikxngkhhnung odytngphranamwa ecahnxkstriy n thinn txmafayphrayaemuxngaesnehnwa ecarachkhruhlwngmiphutidtamaelamiphuekharphnbthuxepncanwnmak khidekrngklwipexngwathancanasisysxngsumthicaaeyngchingxanacipcaktn cungkhidthicakacdthing aetthangecarachkhruhlwngophnesmkrutwesiykxn cungnaluksisylukhaaelaphusrththakwa 3 000 chiwit liphyhnilngit rahwangthangkmiphukhnmasmkhrkhxekharwmdwyepncanwnmak emuxedinipthungekhtaednemuxngbnthayephchr sungepndinaednkhxngxanackrekhmrxudng emuxkhawipthunghukstriyekhmr kstriyekhmrcungmikarsngihklumecarachkhruhlwngcaykhathaeniym khrwla 2 talung cungcasamarthiptngthinthanthinnid ecarachkhruhlwngcungehnwa epnkareduxdrxnaekphutidtam xikthngyngepnkarkhudeluxdkhudenuxmakcnekinip thancungsngxphyphkhunipthangehnux cnthungbriewnemuxngekathangtxnitkhxngxanackrlanchang sungekhyrungeruxngthungkhidsudcnthungkhnekhyepnsunyklangkhxngekhmrobraninchwngyukhecnlamakxn namwa emuxngesrsthpura cnphanmahlayyukhhlaysmy cnminamemuxngwa emuxngnkhrkalacabaknakhburisri inkaredinthangxphyphliphylngmayngdinaednlawitcnthungthinemuxngekaaehngniniexng ecarachkhruhlwngophnesmkmikhwamcaepnthicatxngphungphaxasysisyexk xyang ecaaekwmngkhl epnaemkxngihy aelacaryhwd epn rxngaemkxng khxykhwbkhumduaelbriwaraelaiphrphlkhxngthanmatlxdthang phayhlngkarmathungkhxngklumecarachkhruhlwngophnesmk nangaephng nangepha khuaemluk phukhrxngemuxngxyukhnann kmikhwameluxmissrththatxecarachkhruhlwng cungphaknxarathnaecarachkhruhlwngihmapkkhrxngemuxngaethnphwktnodyihthanidichhlkthrrmkhacunehlachawemuxng txmaemuxecaxngkhhlxetibotkhunidipphankthiaednywn phayhlngidkxngkalngsnbsnunklbipyudemuxngewiyngcnthnkhun idepnphlsaerc pramanpi ph s 2245 aelwthrngcbphrayaemuxngaesnsaercoths ecaxngkhhlxcungidkhrxngrachyepnkstriyxanackrlanchangsubtxma txmainpi ph s 2252 ekidehtuwunwaykhunthinkhrkalacabaknakhburisri ecarachkhruhlwngphyayamcdkarpyhadwywithilamunlamxmodyichhlkkarthangsasnaaetklbimepnphl thancungsngcarycnthrihipxyechiyecahnxkstriysungxyuthitablngiwphnlanaosmsnuk ihlngmapkkhrxngemuxngnkhrkalacabaknakhburisri xphieskkhunepnkstriyxyangepnthangkar ecarachkhruhlwngthwayphranamthanwa phraecasrxysrismuthrphuththangkur aelaidepliynnamemuxng wa nkhrcapaskdinkhburisri aelaihchuxxanackrkhux xanackrlanchangcapaskdi epnexkethstanghakcakewiyngcnthn mikstriyexkrach pkkhrxngdwyrabxbkarpkkhrxngechnkbxanackrlanchangobranthukprakar rabbxayasi hlngcakthanidepnkstriyidimnanksamarthprabprampyhakhwamwunwaylngidxyangngayday odykarchwykhxngecacaryaekw ecaaekwmngkhl epnkalngsakhyinkarprabprampyhakhwamwunwayphayinxanackrcnepnphlsaerc phayhlngxanackrsngbsukheriybrxyaelw ephuxsrangkhwammnkhngaelakhwamekhmaekhngkhxngxanackr phraecasrxysrismuthrphuththangkur cungkhyayxanacodykarsngehlabrrdakhunnangaelaphrayatiipsrangemuxngkhunihmaelaihpkkhrxngemuxngnn ody ihcaryhwdipsrangemuxngokhng ihecacnthrsuriywngs nbwaepnnxngecacaryaekw aelaepnbrrphburuskhxngsayecaemuxngmukdahar iprksaemuxngtaopn emuxngphin emuxngnxng swnecacaryaekwhruxecaaekwmngkhlihipsrangemuxngthngsriphumi pccubnkhuxxaephxsuwrrnphumi cnghwdrxyexd sungepnphunthithixudmsmburnipdwyaehlngthrphyakrekluxsinethawthisakhykhxngolk 1 in 5 aehng aelaihythisudkhxngphumiphakhexechiytawnxxkechiyngitmatngaetyukhsmyobran epnaehlngthrphyakrthihlxeliyngchawxanackrecnlahruxesrsthpura cnphthnakxekidepnckrwrrdikhxmthiyingihythisudckrwrrdihnungkhxngphumiphakhexechiyxakheny odyihcaryaekwepnecaphukhrxngemuxngesmxkstriypraethsrach mixanacsiththikhadcdrachkarbriharbanemuxngtamaebbxayasiechnediywkbnkhrcapaskdithukprakaraelamikartrakdhmayhruxxanackrhlkkhaiwichinkarpkkhrxngbanemuxngkhxngtnexng phranamkhxngecaaekwmngkhlphayhlngmikaridnamaichepnchuxecaemuxng khux rtnwngsa aelaaetngtngihepnecaxuprach txma ecaaekwmngkhlphukhrxngemuxngthngsriphumiidthungaekphiralylng inpiph s 2268 miphraoxrsrwm 3 than khux 1 hlanecankhrnan ekidaetphrachayathanaerksungepnecahyingnkhrnan emuxkhrng phraecawichyhruxsriwichy kstriylanchang phraxngkhthi 30 idsngphrarachoxrs kkhux ecaaekwmngkhl ipekiywdxngkbkstriynkhrnan ephuxkrachbxanacrahwangthng 2 nkhrrth txmaecaxngkhhlxhnxkhaidippkkhrxngnkhrnan aelaidepliynphranamemuxkhrngidkhrxngemuxngnan phayhlngekidphykaremuxngthukphrayaemuxngaesnyudxanacphraecawichyphrxmdwyecaaekwmngkhlaelaecacnthrsuriywngs cungliphyipphungecarachkhruhlwngophnsemkaelaxxkphnwch phrxmthngphaknepliynphranamephuxhlikeliyngfayphrayaemuxngaesncakkarthukpxngrayhruxthuktamlxbplngphrachnm sungenuxkhwamthiekiywkhxngkbecaxngkhhlxhnxkha mikarrabuin phngsawdarphakhxisan chabbkhxng phrayakhtiywngsa ehla nrxyexc hruxphrayakhtiywngsa exkathikstannth phusaercrachkaremuxngrxyexc echuxsayecaemuxngrxyexdsungsubechuxsaymaaetecacaryaekw odyaetedim thanidekhiynmxbthunghlwngcruychwnaphthn khahlwngthrrmkar mnthlxisan xubl phimphkhrngaerkinnganplngsphnangsrisupha ot exiymsiri mardakhxnghlwngcruychwnaphthn n echingbrmbrrpht wdsraeks pimaesng ph s 2472 idklawthung srasiaecng aehngsitw aemhyingexaphw phxchayxxkluk iwwa khrntxma ecaxngkhhlxhnxkha sungepnbutrcaraekw hlanecaemuxngnan phaiphrphlmasubhabida sungrukhawwabidamaepnecaemuxng xyurimsrasiaecng aehngsitw aemhyingexaphw phxchayxxkluk khrnmathungekhttemuxngthung tngkhayxyurahwangpakesiywnxy sungeriykwawnghmancnbdninn ecaxngkhhlxcbidephiybutrtaphanbanonnsung kwnhmunhnabanebn sungykthphxxkmatxsuknnxkemuxng emuxidtwaemthphsxngkhnniaelw cungskilitthamhasrasiaecng aehngsitw aemhyingexaphw phxchayxxkluk aemthphthngsxngidaecngkhwamihecaxngkhhlxhnxkhathrabtlxdaettncnthungplay ecaxkhhlxhnxkhacungidthrabwaepnemuxngbidakhxngtn aelwplxyihaemthphsxngkhnekhaipbxkaekthawmudnxngchayihthrabthukprakarodyaennxnaelw thawmudruwaphichayaehngtn cungidaetngihaesnthawxxkipxyechiyecaxngkhhlxhnxkhaihekhamayngemuxngthung aelwcdkarrbrxngihepnekiyrtiysxndi aelwthawmudphrxmkbecaxngkhhlxhnxkha cdkarplngsphcaraekwphuepnbidatampraephniphukhrxngbanemuxngmaaetkxn esrcaelwecaxngkhhlxhnxkhaklathawmudnxngchayklbkhunipemuxngnantamedim cungsrupiddngnicakpraoykhthiwa srasiaecng aehngsitw aemhyingexaphw phxchayxxkluk epnkarklawthungsphaphthangphumisastrkhxngthxngthinemuxngthngtamkusolbaywithithangphasakhxngchawlaw xisan 2 hrux thawmud ekidaetphrachayathanthi 2 chawewiyngcnthn 3 hruxthawthnt ekidaetphrachayathanthi 2 chawewiyngcnthn hlngcakkarphiralykhxngecaaekwmngkhl ecamuddadlcungidkhunepnecaphukhrxngemuxngaethnphrabida swnecasuthntmniepnecaxuprach pkkhrxngemuxngthng hlngcakidkhrxngemuxngthng ecamudkhadlidtngaekhngemuxngepn exkrach imidkhunaeknkhrcapaskdi ephraaehtuwankhrcapaskdiphikbnxngekidwiwatheeyngchingsmbtiaekkncunghaidtidtammawaklawexaswysaxakrim txma ecamuddadlphuphithungaekphiralylng ecasuthntmniphunxng cungidepnecaemuxngthngsubtxaethn txmainpiph s 2308 ecaesiyng phraoxrsxngkhotkhxngecamud epnecaxuprach aelaihecasunphraoxrsxngkhrxngkhxngecamud epnrachwngs sungthngkhulwnepnhlanchaykhxngecathnt thngkhutangmikhwamxicchaecaxawthiidepnecaemuxngaelarwmmuxknnaexathxngkhaaethngipkhxswamiphkditx smedcphraecaexkths kstriyxyuthyaphraxngkhsudthay ephuxkhxkxngthphcakxyuthyaihipchwyyudemuxngthngcakecaxawkhxngphwktn phraecaexkths cungoprdeklasng phrayaphrhm phrayakrmtha xxkiprwbrwmkalngphlcakhwemuxngkhuniklbriewn emuxngthng khxngkrungsrixyuthya emuxrwbrwmkalngphlidaelwcungekhaipsmthbkbkxngthphkhxngecaesiyngaelaecasun ephuxthicayudemuxngcakecathnt thangfayecathntecaemuxngthng khnann emuxthrabkhawwahlanrwmmuxkbkxngthphxyuthyacaekhamatiemuxngthng ecathntemuxehnwakalngkhxngphwktnimnacaphxsuid xikthng kstriylanchangcapaskdi thrngphraprachwr xxnaex imsamarthsngkxngkalngmachwyecathntid ecathntcungidphaiphrphlkhxngtnxphyphhlbhnixxkcakemuxng ipsxntwthibandngemuxngcxk inphunthikhxngxaephxxacsamarth cnghwdrxyexd inpccubn sungkhnannepnekhtaednkhxngemuxngthng txmafayecaesiyngaelathphxyuthyasamarthbukekhayudemuxngthngidxyangngayday ecaemuxnghniipaelw phayhlngcungmiibbxktngihecaesiyngepnecaphukhrxngemuxng thanthi 4 aelaecasunepnecaxuprach khrxngemuxngthngsubtxma emuxngthngsriphumicungklaymaepnemuxngpraethsrachkhxngxanackrkrungsrixyuthya aelasngbrrnakaraekxyuthya aelatdkhadcakxanackrlanchangcapaskdimanbaetbdnn emuxeriybrxyaelw phrayaphrhm phrayakrmtha cungtngsankthithungsnamonnkraebasungxyuinthxngthiemuxngthng ephuxkhxysngektkarnecaesiyngaelaecathnt 2 xawhlan txma thphphmarachwngskhxngbxng samarthtikrungsrixyuthyaaetk xanackrxyuthyacungesiykrung inpi ph s 2310 yukhrthxisra aelaphayitxanackrkrungthnburi hlngcakkaresiykrungsrixyuthyaihaekphma inpiph s 2310 sngphlihemuxngthngsriphumi cungklayepn rthxisra xyangnxy 7 eduxn enuxngcakphmarukranekhamaimthungthinemuxngthng phmarukranephiyngaetthangfngemuxnghlwng xyangkrungsrixyuthyaethann aelaenuxngcakkarlmslaykhxngxanackrkrungsrixyuthya emuxngkhunthisakhytangsungekhykhunkbkrungsrixyuthya tanglwnaeyktnepnxisraimkhuntxknaelakn cungekidepnkktanghruxchumnumkhun idaek chumnumecaphrafang chumnumphrayatak epnkkthiaekhngaekrngthisud aelachumnumecankhrsrithrrmrach sungkktangehlani ykewnchumnumphrayatak tangphyayamaekhngemuxngtxklumxanacihmthiaekhngaekrngkhxngphrayatak sungepnklumxanacthiphyayamcarwbrwmchatikhunihmihepnpukaephnhnungediywxikkhrng n ewlaniemuxngthngsriphumi cungepriybehmuxnepnxikrthhruxxikpraethshnungthimixisrphaphxyangoddediywimidkhuntrngkbrthxunrthid ecaesiyngcungepnecaphukhrxngrthxisrasungmixanacinkarbriharcdkaraelapkkhrxngbanemuxng prachachnkhxngtnexngidxyangetmthi aelamikartrakdhmayiwichinrthkhxngtn sungeriykwa xanackrhlkkhaemuxngsuwrrnphumi sungthuktrakhunmakhrngaerkodyecasuthntmni ecaemuxngthngkhnthi 3 inpiph s 2307 odyddaeplngmacak khmphirobranthrrmsastrhlwng kdhmaylanchangobran sungthuktrakhunodyphraecasuriywngsathrrmikrach mharachaehngxanackrlanchang cungbxkidwatngaetsrangemuxngthngsriphumiinpiph s 2256 inyukhecacaryaekw cnthungpiph s 2307 mikarichkdhmaylanchangobranxyangkhaphirobranthrrmsastrhlwnginkarpkkhrxngbanemuxng aelacungmikartraepnrupaebbkhxngtwexngxyangepnthangkarhlngcakpiph s 2307 epntnma sungxanackrhlkkhaemuxngsuwrrnphuminiexngyngepntnaebbkhxng hlkkhaemuxngrxyexd hrux kdhmaykhxngemuxngrxyexdinewlatxma odyhlkkhaemuxngsuwrrnphumimikarichnganaelamikhwamsakhymaodytlxdcnthungyukhr 5 emuxyubecaemuxngepnphuwarachkaremuxngcungmikarelikichxanackrhlkkhaaelahnmaichkdhmaycakswnklangaethn inrahwangpi ph s 2310 2311 rththngsriphumiinkhnannmithanaethiybetharthexkrachxunthukprakar aelatxmaemuxngthngidrwmepnphnthmitrkbkkphimay ephuxhaphnthmitraelakalngsnbsnunmakhanxanacaelapxngknpyhaemuxhakthukrukrancakkhasukhruxstrueka odyechphaaklumecaxawhruxklumecasuthntmnithiyngkhngfkifaelacngrkphkdikbphraecaxngkhhlwngichykumaraehngnkhrcapasksungyngkhngthicasxngsumkalngaelarxkhxyoxkasephuxthicathwng yud emuxngkhun nxkcaknikxacyngmiklumcakthangxanackrlanchangcapaskdiodytrngaelaxanackrlanewiyngcnthnkhxngphraecasiribuysarthikhwrraaewdrawngepnphiess sungaetedimkmipyhaknmatngaetkhrngbrrphkal sungxaccasboxkasaewngmarukranaelabibbngkhbihemuxngthngklbipkhuntxxanacxanackrkhxngtn inewlaemuxidimthrabkepnid sunginewlatxma pramanpramanpiph s 2314 thangkrungewiyngcnthnidrwmmuxkbkxngthphphmakhxngbxngcakechiyngihm thalayemuxnghnxngbwlaphu aelasngharphratasungepnesnabdiekakhxngewiyngcnthnaelamipyhakhwambadhmangknmakxntaykhasnamrb thuxwaepnkhwamchladhlkaehlmkhxngecaphukhrxngemuxngxyanginkarpxngknaelabriharcdkarbanemuxngihrasdrxyueynepnsukh cungthaihinewlatlxdekuxbkwa 1 pi emuxngthngsriphumirxdphncakphykhasukstrurxbkhangthixaccaekhamarukran cnkrathng smedcphraecakrungthnburi samarthkukrungsaerc aelathalaykkphimayhruxchumnumphimayaelaemuxngphimay cbtwkrmhmunethphphiphith ecaemuxngphimay sungepnecachayxyuthya echuxkstriyxyuthya id phrayatakcungekliyklxmihkrmhmunethphphiphithswamiphkdiaektn aetkrmhmunethphphiphithimyxmswamiphkdicungthukphrayataksaercoths praharchiwit txmaimnanphrayataksamarthrwbrwmkktangthikracdkracayihklbmarwmknepnhnungediywidepnphlsaerc aelasthapnaxanackrkhunihmnamwa xanackrkrungthnburi aelasthapnatnexngepnphramhakstriysungmiphranamwa smedcphraecataksinmharach aelainpiediywknnn hlngcakemuxngthngsriphumi epn xisra idimnan smedcphraecakrungthnburi idsthapnaxanackrthnburi esrcsinaelw cungrbsngihemuxngpraethsrachthukemuxng thiekhyswamiphkdi tx xanackrxyuthya ihxyuphayitxanacdngedim ecaesiyng cungidswamiphkdikhxepnecaemuxngpraethsrach dngedim txma phrayaphrhm phrayakrmtha idpruksakbecaesiyngecaemuxngthng idkhwamwa thitngkhxngemuxngthngsriphumiedim minakdesaa aelamipyhanathwmekuxbthukpi xnenuxngmacakthitngemuxngiklmakekinip cungepnkardithahakmikaryaythitngemuxngipyng thitngthithakarxaephxsuwrrnphumi inpccubn enuxngcakphunthibriewnnnepndineninsung plxdphycakphyphibtinathwm cungmiibbxkkhxoprdeklaihyaythitngemuxngihm phraecatakcungphrarachthanphrabrmrachanuyatihtamdngnn aelaidphrarachthannamemuxngihm wa emuxngsuwrrnphumirachburinthrpraethsrach phrxmthngsthapnaphrays ihaekecaemuxngsuwrrnphumi xyang ecaesiyng epnthi phrartnwngsa aelaihichphranamdngklawaekecaemuxngsuwrrnphumithukthanthiidsubtxepnecaemuxngsubtxip sungphraysnihmaythung phuthisubechuxsaymacakecaaekwmngkhl phuepnpthmrachwngsecaphukhrxngemuxngthngsriphumi phraxngkhaerk swnthangfngecasuthntmnisungyngkhngmikhwamcngrkphkditxkstriylanchangcapaskdixyuenuxng nbtngaethlngphayaephsngkhramaelaesiyemuxngthngihaekhlankhxngtncungyngkhngkbdanxyuaethwbriewn briewn tablbandu xaephxxacsammarth cnghwdrxyexd sungyngxyuinxanaekhtkhxngemuxngthngsriphumi phanelycakyukhxyuthyatxnplay yukhrthxisra cnthungyukhkrungthnburi tngaetpiph s 2308 ph s 2318 rwmrayaewlakwa 10 pi srangemuxngrxyexd smykrungthnburi txmainpi ph s 2318 txmaimnan phraecakrungthnburithrngoprdekla sngphrayaphrhm phrayakrmtha khunmathitngsank thungsnamonnkraeba xikkhrng ephuxihmawaklawpranipranxmihxaw ecathnt hlan ecaesiyngaelaecasun khunditxknaelakn cnepnphlsaerc xikthng phrayaphrhm phrayakrmthaelngehnwaecasuthntmni epnphumikhwamsamarth miphucngrkphkdiaelamiiphrphlinsngkdepncanwnmak aelakhadwanacaepnkalngsakhytxkrungthnburiidinxnakht cungmiibbxkoprdeklatng sungekhyepnthitngemuxngobranaelarkrangip xyang emuxngsaektunkhrrxyexdphktu khunepnemuxngihm ihnamwa emuxng rxyexd swnchawthxngthinmkeriykwa hxyexd tamaebbphasaith law odyaeykexadinaednthisehnuxcakemuxngsuwrrnphumithnghmd aelwykthanaepnemuxngpraethsrach khuntxkrungethph aelaoprdeklaihecasuthntmniepnecaemuxng miphrayswa phrakhtiyawngsa xnhmaythung phuthisubechuxsaymaaetphramhakstriy ecaaekwmngkhlphrabidasubmaaetkstriylanchang sungemuxngrxyexd n khnani cungmithanaepnemuxngpraethsrach khuntrngtxkrungethph ethiybethakbemuxngthngsriphumihruxemuxngsuwrrnphumirachburinthrpraethsrach emuxngaemmaaetedim nbaetbdnn txmaecathntidmikarsrangwdwaxaram pkkhrxngaelaprbprungbanemuxngihprachachnxyueynepnsukh odyecasuthntmniidmikartrakdhmaykhunmaihm ichinkarpkkhrxngemuxngrxyexdodyechphaa eriykwa hlkkhaemuxngrxyexd xnddaeplngaelaidrbxiththiphlmacak xanackrhlkkhaemuxngsuwrrnphumi kdhmayemuxngthng aela khmphirobranthrrmsastrhlwng kdhmaylanchangobran smykrungrtnoksinthrtxntn hlngcakpkkhrxngemuxngrxyexdekuxb 10 pi cungaekchraphaph imxacptibtihnathiepnecaemuxngxiktxipid cunglaxxkcakrachkar inpiph s 2326 rchkarthi 1 cungoprdekla ihecathnt epnthi phranikhmcangwang aelaoprdekla ih butrchaykhxngecathnt epnthi phrakhtiywngsa ecaemuxngrxyexd khnthi 2 aetngtngihthawphuepnecaxuprach aelathawxxnepnrachwngs txmathawsilng mikhwamchxbcakkarchwyrachkarsngkhram cungoprdekla iheluxnphraysepnthi phrayakhtiyawngsaphisuththathibdi txmathangfngemuxngsuwrrnphumi inpi ph s 2330 hlngcakidepnecaemuxngsuwrrnphumi khnthi 5 ecasuncungsng butrchaykhxngecaesiyng aelaaebngiphrphl ih canwn 600 khn iptngemuxngbriewnthiekhyepnthitngthinthanobran xyang emuxngaelachumchneka chumchnekabanechiyng aeykxxkiptngemuxngihm ihchuxemuxngwa emuxnghnxnghan xaephxhnxnghan cnghwdxudrthani odykhuntrngtxkrungethph ephuxpxngknimihhlankhxngtnkhidthicaaeyngchingtaaehnngecaemuxng txma inpi ph s 2335 ecasunthukthidokhtrlxbfncnthungaekphiraly taaehnngecaemuxngcungwang txmaphuepnbutrkhxngecathntidrboprdeklaihipepnecaemuxngsuwrrnphumi aethnthiecasunecaemuxngedimthiphungthukthitokhtrlxbsngharcnthungaekphiralycungsngphlihkhwkaremuxngsuwrrnphumithukepliyncakfayecaesiyngepliynepnfayecasuthntmni xnepnphlih lukhlanecaesiyng ecaemuxngthngsriphumi thanthi 4 imphxic aelarusukimplxdphytxkhrxbrwkhxngtn ekrngwathangfayecasuthntcaklbmaaekaekhn cungtangphrxmicphaknimsmkhrtharachkarkhuntxthawxxn insmynicungmikaraeykknipsrangemuxngthisakhykhunihmhlayaehng echn emuxngchlbthwibuly xaephxchnbth cnghwdkhxnaekn inpiph s 2335 emuxngkhxnaekn cnghwdkhxnaekn inpiph s 2340 emuxngphuthithsng xaephxphuthithsng cnghwdburirmy inpiph s 2342 epntn txmahlngcakesrcsukprabkbdecaxnuwngsaehngewiyngcnthn inpi ph s 2371 txmainpi ph s 2372 rchkarthi 3 phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw thrngoprdekla ih butrchaykhxngecathntaelayngepnnxngchaykhxngthawsilngaelathawxxnipepnecaemuxngsuwrrnphumi subtxma enuxngdwykhwamdikhwamchxbcakkarchwyrachkarsngkhramkhrngipchwyrbinkhrawsukprabecaxnuwngs smykrungrtnoksinthrtxnplay aelasrangemuxngmhasarkhamaeykxxkcakemuxngrxyexd rchkalthi4 hlngcakthiphrayakhtiyawngsa silng thungaekphiraly phrxmdwy krmkaremuxngrxyexd butrchaythawsilng idnaibbxkipkhxsilahnaephling thikrungethph aelaoprdekla ih thawtadi ecaemuxngophnphisykhnaerk pccubnkhux xaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay sungthukeriyklngipyngkrungethph ihipepnphurksarachkaremuxngrxyexdaethnphrabidakhxngtn thawtadi epnbutrchaykhnotkhxngthawsilng txmahlngcakcdkarphrarachthanephlingsphthawsilng phrabidakhxngphwktn eriybrxyaelw ecaxuprachsinghidmikarcdihmikarkhun thihxnngincwnecaemuxng xuprachsinghcungchkchwnihphraphisy phichay ihiprwmelndwy phrayaphisycungtxbtklng rahwangthikalngelnknxyunnkmikhnraylxbaethngphrayaphisy odnthisikhangdansaycnthungaekkhwamtay sunginkhnaediywkn thawphu hruxphrartnwngsa phu ecaemuxngsuwrrnphumi nxngchaykhxngthawsilng kkhunmaplngphrasphkhxngphuepnphichaydwy thawphucungphrxmkbkrmkaremuxngidphyayamthakarsubhaesaahwtwkhnray cungidkhwamwa michayechuxsaycinkhnhnungnamwa cn hruxmichayawa eckcn sungekhyepnkhuxrikbphraphisymakxnhnann epnkhnraythilxbaethngphraphisycnthungaekkhwamtay xikthngthawphu mikhwamsngsyinecaxuprachsinghhlanchaykhxngtn enuxngcakepnphuxyurwminehtukarnaelaepnphucdnganinkarelnopcnepnthimakhxngehtuosknatkrrmthiekidkhunni aelathawphuyngkhidwakarthithawtadisungidepnecaemuxngophnphisyxyuaelwklbidrksakaremuxngrxyexd aethnthicaepnxuprachsingh xacepnehtuihecaxuprachsinghmikhwamxicchaaelaxacwangaephnthicasngharphichaykhxngtn cungcbtwthawsinghphrxmkbeckcnsnglngipyngkrungethph rahwangkaredinthangiklthicathungemuxngnkhrrachsimann thawsinghidkinyaphiscnthungaekkhwamtaykxn sungyngimidmikaritswnphiphaksakhdiihchdaecngaetprakarid khdicungepnxnrangbaelaepnthikngkhatxlukhlankhxngthantlxdma txmathawkwdbutrchaykhxngthawsingh sungmixayu 11 khwb inkhnathibidakhxngtnkalngthuksngipyngkrungethph ipimthungkrungethph phuepnmardaaelayatithiiklchidhwadraaewngaelaekrngklwwathawkwdcaidrbxntraytambidakhxngtnipdwy cungsngtwthanihipxyuthiemuxngsuwrrnphumi txmaphrayatiekrngwathahakthawkwdyngxyuiklkbthinthankhxngtnmakekinipxaccaekidphyxntraykhunidngay xacmikhnthiiklchidkhidpxngray thawkwdcungthuksngtwipyngekhtaekhwngemuxngyosthrodyphrayatimiidmikarfakfngiwkbikhrely thawkwdcungklayepnkhnphencr edinthangxyangoddediywephiynglaphng xasynxn kin xyutamthnnhnthang aelasalawd wdiklemuxngyosthr khxesskhawessxaharcakyatioymthiexanaipthwaywd ipwn mikhwamthukkhthrman caklukphudi chnchnecanay mixncakin txngtkrakalabak echnni nanthung 6 eduxnkwa cungcaochkhdi aelaidphbkb chawyosthr khnathi thawkwdkalngnxnhlbbnsala smpharthxngsukcungplukaelathamsarthukkhsukhdibkbthawkwdwaehtuidcungmanxnbnsalaechnni thawkwdcungelakhwamcringihaeksmpharthxngsukihidthrab smpharthxngsukcungekidkhwamsngsar cungidthakarbrrphchaihthawkwdepnsamenr elaeriynphasabaliaelaphasaithy suksaphrathrrmwiny cnrulukaelaaetkchan txmaidxupsmbthtxidpraman 2 phrrsa kidlasikkha xxkiptharachkarkhunkbemuxngxublrachthani idrbkarduaelxyangdicakkrmkaremuxngxubl cnmikhwamdikhwamchxbcnidrbaetngtngihepnthi thawmhachy cntxma thawkwdidrbcdhmaycak cnthr ecaemuxngrxyexd eriyktwihklbipthanganrbrachkarthiemuxngrxyexdthawkwdcungidklbiprbrachkarthiemuxngrxyexdaelaxyukbphrayatikhxngtn emuxrawpramanpi ph s 2399 aelainpiph s 2402 rchkarthi 4 thrngphrakrunaoprdekla khahlwngkxngskxxkipskelkhthang krmkaremuxngrxyexdidnatwelkhipsk praktwamicanwnmakthung 13 000 khness ecaemuxngrxyexdcungkhidwa phlemuxngkhxngemuxngrxyexdmicanwnmakxikthngthawkwdmikhwamchxbinrachkarmakmay thngsuxsty mistipyyathidi smkhwridaeykxxkiptngemuxngihm epnecaemuxng thawcnthrcungthkknkbkrmkaremuxngrxyexd phlpraktwa tangehndiehnchxbihaeykxxkiptngemuxngihm thawcnthrecaemuxngrxyexdcungehnchxb ihthawkwdaeykxxkiptngemuxngihmkhun sungthawmhachyhruxkwdniexng epntntrakul phwphutannth n mhasarkham phayhlngcakkarehndiehnchxb txmathawkwdtdsinicesnxthitngemuxnginsxngbriewn khux banladaelakudyangihy khunepnemuxngmhasarkham odykhawa kud phasalawxisanobranaeplwa aehlngna dngnn kudyangihy cungaeplwa aehlngnathietmipdwytnyangkhnadihy swnbanladnnepnbriewnthinathwmimthungenuxngcakepnenindinsung txma rchkalthi 4 idmiphrabrmrachoxngkaroprdekla ihyk banladkudyangihy hruxthiaephlngmaepn banladkudnangiy epn emuxngmhasalkham phayhlngthukepliynchuxmaepn mhasarkham aeplngcakchuxphasaith law epn phasabali snskvt sungaepltamtwiddngni mha aeplwa ihy sal aeplwa tnyang aela kham aeplwa kuti hruxthixyuxasy aetswnklangnacaekhaicphid ekhaicipexngwa kud aeplwa kuti aetaeththicring kud aeplwa aehlngna dngthiklawiwkhangtn phrxmthngoprdekla ih thawmhachy kwd epnthi phraecriyrachedch kwd ecaemuxngmhasarkhamthanaerk odytngih thawbwthxng phanthxng epnxrrkhhach thawichywngsa hung sungepnbutrthawsilng epnxrrkhwngs thawethuxn sungepnbutrthawcnthr epnxrrkhbutr ykemuxngmhasarkham epnemuxngkhunkhxngemuxngrxyexd inwnthi 22 singhakhm ph s 2408 txmainpi ph s 2412 ihaeykemuxngmhasarkhamxxkcakemuxngrxyexdaelaykthanaemuxngmhasarkhamkhuntrngtxkrungethphmhankhr aelaepliyntaaehnngys khxngxrrkhhach xrrkhwngs aela xrrkhbutriheluxnkhunepnxuphach xuprach rachwngs rachbutr tamladb sukprabhxthiemuxnghnxngkhay aelakarykthanaemuxngmhasarkhamepnemuxngpraethsrachkhxngkrungrtnoksinthrtxnplay txma ph s 2418 phwkhxidykthphmatihwemuxngkhunaelapraethsrachkhxngithy yudemuxnghlwngphrabangaelaemuxngphwnidcungruktxmacayudbriewnthiekhyepnemuxngewiyngcnthn edim aetrangip sungepnekhtaednkhxngemuxnghnxngkhayinkhnannaelacayudemuxnghnxngkhayxyangtxenuxng rchkarthi 5 thrngoprdeklaih phrayamhaxamaty chun khunipprabocrhxthiemuxnghnxngkhay phrayamhaxamaekha chun idsngihphraecriyrachedch kwd epnaemthphhna aelaih emuxngrxyexdepnnaykxngphuchwyphraecriyrachedch kwd eknthkalngemuxngrxyexd emuxngmhasarkham ykipsmthbkbthphemuxngxublrachthaniaelaemuxngkalsinthu thphithyidykipticnhxaetkphay sungrahwangkarthasuk rachbutr esux thukhxyingodnmuxkhwacneluxdihl iphrphlcungchwyknphyungphaklbemuxng swnthangfngphraecriyrachedch kwd idthukhxyingthiaekhnsayaelatnkhasay xakarsahs iphrphlcungphaknchwyphyungcaphaklb aetphraecriyrachedch kwd imyxmklb xangwa klbipkxayekha emuxthungthitaykkhxihtayinthirb cungsngihiphrphlphakhunhlngmaaelaxxkiprbtx txmakxngthphithyidchychna tiphwkhxcnaetkhniip thphithycbphwkhxepnechlyidcanwnmakphrxmxawuthmakmay hlngcakesrcsukprabhxeriybrxyaelw phrayamhaxamaty chun khahlwngihyphakhxisanklbipcdrachkarxyuthiemuxngrxyexdtx swnphraecriyrachedch kwd sungthukyingcnxakarsahs mixakarpwyidklbmaphkrksatwthiemuxngmhasarkham dwykhunngamkhwamdikhxngthan rchkarthi 5 cungoprdeklaoprdkrahmxmeluxnthanakhxngthawkwd ihethiybethaecaemuxngpraethsrach ykthanaemuxngmhasarkhamepnemuxngpraethsrach phrarachthannambrrdaskdi ihaek phraecriyrachedch mhachykwd epnthi phraecriyrachedchwrechsthmhakhtiyphngssurchati praethsrachtharngkhrks skdikitiysekriyngikr sriphichyethphwravththiphisnuphngspricha singhbutrsuwthna nkhraphibal thuxidwathanidrbphrarachthinnamthismskdisrikhxngecaemuxngpraethsrachthiidkrathakhunngamkhwamdiihaekaephndinithy aelatxma epnphlmacakkhwambxbchasahscaksngkhram thancungidthungaekphiralylng inpiph s 2421 sirimayurwm 43 pi phraecriyurachedch hruxthawmhachy kwd mixikphranamwa xachyaphxhlwngmhachy xnenuxngmacakthanepnthiekharphnbthuxkhxnglukhlanchawmhasarkham cakkhunngamkhwamdithithanidthaiwaekchatibanemuxng pkpxngbanemuxngdwychiwit xyangklahayaelaimklwtay hlngsukprabhx txma elngehnwa butrphraecriyrachedchsmkhwrthicakhunepnecaemuxngtxip cungrwmknpruksakbkrmkaremuxng cungepnthiaenchdwakhwrihthawsuphrrnlngipkrungethph ephuxkhxphrarachthanepnecaemuxng aetpraktwarahwangkaredinthanglngkrungethphthawsuphrrnidthungaekkrrmesiykxninrahwangthang taaehnngecaemuxngmhasarkhamcungidwangewnipthung 2 pi odymiphurksakarkhuxecaxuprach hung ph s 2422 khunhlwngsuwrrnphnthnakr khapha aelakhunsunthrphkdi phuthihlxktwexngwaepnkhahlwngechiythxngtrarachsihethiywxangipthw odyxangwatnkhunmachwycharakhdiaekrasdr ecaxuprach hung imechuxcungcbtwthngkhu sngtwlngipyngkrungethph inpiediywkn phlpraktwaepnphwkhlxklwngtmtuncring cakkhwamdikhwamchxb rchkarthi 5 cungphrakrunaoprdekla tngihecaxuprach hung khunepnecaemuxngmhasarkham epnthi phraecriyrachedch hung aelainpiediywknidthrngoprdekla ihtngemuxngphykhkhphumiphisy khunepnemuxngchntrikhunkbemuxngchnexkxyangemuxngsuwrrnphumi aerkerimtngemuxngelyekhtaednmayngekhtemuxngmhasarkham phayhlngthukecaemuxngmhasarkhamthwngting cungthxyklbiptngemuxnginekhtaednemuxngsuwrrnphumiaethn enuxngdwysaehtudngklaw ephuxkhwamidepriybinkarrbrxngekhtaedn pi ph s 2425 ecaemuxngmhasarkham miibbxkkhxoprdekla ykbannaelakhunepnemuxng wapipthum aetimidiptngemuxngthibannaela tamthirxngkhxiw aetklbiptngthibanhnxngaesngaethn aeyngekhtaednkhxngemuxngsuwrrnphumi aelatxmaoprdekla ihykbanwngthahxkhwang bungkuy khunepnemuxng oksumphisy txmainpi ph s 2432 ecaxuprachemuxngsuwrrnphumi rksakar miibbxkklawothstx emuxngmhasarkham emuxngsrisaeks emuxngsurinthr waaeyngexaekhtkhxngtniptngepnemuxng klawkhux emuxngmhasarkham khxexabannaelatngepnemuxngwapipthumkhunemuxngmhasarkham sungimidtngtamthikhxiw aetiptngemuxnglaekhaipinekhtemuxngsuwrrnphumicring emuxngsrisaeks khxexabanonnhinkxngtngepnemuxngrasiislkhunemuxngsrisaeks aelaemuxngsurinthr khxexabanthphkhaytngepnemuxngchumphlburikhunemuxngsurinthr cungidoprdekla ihkhahlwngnkhrcapaskdi khahlwngxublrachthani ihthakaritswnwaklawineruxngni phlkarsxbswnpraktwaidkhastycringdngthiecaemuxngsuwrrnphumiidklawothsiw aetemuxngehlaniidtngmananhlaypiaelw xikthngyngmichumchntngepnhlkepnaehlngxyangekhmaekhng cungruxthxnidyak cungthrngoprdekla ihemuxngwapipthum emuxngrasiisl emuxngchumphlburi epnemuxngkhunkhxngemuxngmhasarkham emuxngsrisaeks emuxngsurinthr tamladbtamedim odymiihoykyayhruxruxthxnaetprakarid karldthxnxanackhxngecaemuxngpraethsrachaelaemuxngkhunindinaednphakhxisanihmaxyuinkarkakbduaelkhxngkhahlwngtangphraxngkh aelakarepliynaeplngkarpkkhrxng txmainpiph s 2433 oprdekla sngkhahlwngihytangphraxngkh ipkakbrachkar hwemuxngtawnxxk aebngxxkaepn 4 swn khux 1 hwemuxnglawfayehnux 2 hwemuxnglawfayklang 3 hwemuxnglawfaytawnxxk 4 hwemuxnglawtawnxxkechiyngehnux sungemuxngmhasarkhamkhunkbhwemuxnglawfaytawnxxkechiyngehnux odykhahlwngthuksngmacakswnklangihmachwykakbduaelecaemuxng karcakrathakarxnidcatxngphankhwamehnchxbkhxngkhahlwngkakbemuxngdwy cungcaphungptibtiid thuxwaepnkarldthxnxanackhxngecaemuxngphunthinlngipxyangmak klawkhux emuxngpraethsrachhruxthanakhxngkhwamepnemuxngpraethsrachkhxngemuxngtangphayinphakhxisantangthukyubaelaykelikxyangepnthangkaraelakhunkbswnklangodytrngtngaetkhrngthiswnklangsngkhahlwngmakakbduaelecaemuxngnnexng tngaet pi ph s 2433 epntnma swnkhahlwngkakbemuxngkkhuntrngkbkhahlwngihyaetlafay aelakhahlwngihykhuntrngkbswnklangxikthi sung emuxngmhasarkham rxyexd aelaemuxngkalsinthu khunxyuinkhwampkkhrxngkhxngkhahlwngemuxngxubl inkrniemuxngchnexkcakhunkbthngkhahlwngthithuksngipkakbaelakhunkbkrungethphkhwbkhukn inswnemuxngchntriothctwacakhunkbemuxngchnexkxikthihnung aelaemuxngchnexkimidkhuntrngtxknaelaknaemwaemuxngchnexkemuxngidcaepnthitngsunybychakarkhahlwngktam yktwxyangechn emuxngkalsinthusungepnemuxngchnexkkhunkbkhahlwngemuxngxublodykhahlwngthanhnungsamarthkakbaelamiecaemuxngchnexkkhuntrngidhlayemuxng aetemuxngkalsinthuimidkhunkbemuxngxublrachthaniaetkhunkbkrungethph ephraaemuxngxublrachthanikkhuxemuxngchnexkthitxngkhunkbkhahlwngkakbaelakhunkbkrungethphdwyechnkn aelaemuxngkudsimnaraynsungepnemuxngchntrikkhunkbemuxngkalsinthxikthi epntn dngnn taaehnngkhahlwngkakbchuxemuxngnn khahlwngihy khahlwngpracabriewnhruxmnthlnnthimichuxtxthaydwychuxemuxngnn cungepnephiyngaekhkarichphunthihruxekhtaednkhxngemuxngnnbangswniptngkxngbychakarkhahlwng sunyklang khunaelaemuxnghruxecaemuxngthikxngbychakarkhahlwngnnidiptngktxngkhunkbkxngkhahlwngnnthiidiptnginphunthiemuxngkhxngtndwyechkechnediywkn txma swnklangsngihnayrxngchit eluxng n nkhr epnkhahlwngkakbrachkaremuxngrxyexdaelaemuxngmhasarkham sungtngthithakarkhahlwngxyuthiemuxngmhasarkham inpi ph s 2435 epnkhrngaerk ph s 2437 mikaroxnemuxngchumphlburicakaekhwngemuxngsurinthrihmakhuntrngtxemuxngmhasarkhamchwkhraw txmapraman 6 pi cnkrathnginpi ph s 2443 mikaryubemuxngchumphlburiepnxaephxchumphlburiaelwcungoxnyayklbipkhunkbemuxngsurinthrehmuxnedim inpiediywknnn mikaraebnghwemuxnginmnthlxisanxxkepnbriewn 5 briewn sungemuxnginsngkdbriewnimcaepncatxngkhuntrnghruxklayepnxaephxkhunkbemuxngthithuktngepnsunyklangbriewnesmxip odyaebngxxkepniddngni khux 1 briewnxubl 2 briewncapaskdi 3 briewnrxyexd 4 briewnbriewnkhukhnth 5 briewnsurinthr odythibriewnrxyexdmiemuxngthisngkdtxkhahlwngpracabriewn thnghmd khux 5 hwemuxng khux 1 emuxngrxyexd 2 emuxngmhasarkham 3 emuxngkalsinthu thukyublngepnxaephxxuthykalsinthukhunkbcnghwdrxyexd phayhlngemuxmikartngmnthlrxyexdkhun cungthukykthanaepncnghwdxuthykalsinthu aelwtxmathukyubepnxaephxhlubkhunkbcnghwdmhasarkham xikkhrngin pi 2474 inyukhkhawyakhmakaephng aelw klbtngepncnghwdkalsinthukhunihm emuxpi 2490 4 emuxngsuwrrnphumi phayhlngthukyublngepnxaephxkhunkbcnghwdrxyexd 5 emuxngkmlaisy phayhlngthukyublngepnxaephxkhunkbcnghwdkalsinthu inpi ph s 2440 idmikarihyubtaaehnngecaemuxng epn phuwarachkaremuxng ldbthbathecaemuxnglngihmakhunkbswnklangxyangetmthi ph s 2443 xuphad ethuxn rksikcnthr idrksakaremuxngmhasarkham epnphuwarachkaremuxng hrux ecaemuxngkhnthi 3 ph s 2444 emuxngmhasarkham mixaephxphayitkarpkkhrxng thnghmd 4 xaephx idaek xaephxoksumphisy aelaxaephxwapipthum ph s 2446 mikaryubtaaehnngkhahlwngkakbrachkaremuxngthing aelainpiediywkn phraphithksnrakr xun idepnphuwarachkaremuxng txmaphayhlng idrbaetngtngepnecaemuxngmhasarkhamkhnthi 4 mithinnamwa phraecriyrachedch xun ph s 2451 swnklangepliyn briewn epn emuxng klawkhux ihbangbriewnthiepnthitngsunyklangbriewn emuxngihythisudinbriewn ihepliynepnemuxng ethiybethacnghwd aelaihemuxngbriwar emuxngrxnginbriewn ldthanaepnxaephxkhunkbemuxngthiepnthitngsunyklangbriewn aelainpiediywkn phayhlngmikaryubemuxngsuwrrnphumiihklayepnxaephxkhuntrngtxcnghwdrxyexd cungmikaroxnxaephxphykhkhphumiphisysungekhyepnemuxngkhunkhxngemuxngsuwrrnphumi ihoxnipkhunkbcnghwdrxyexd inpi ph s 2456 mikarepliyn thiwakaremuxng epn salaklangcnghwd aelaepliynkhumkhxngecaemuxng epn cwnphuwarachkaremuxng ph s 2454 yayxaephxpracimsarkham ipthangthistawntk aelaepliynnam epn aelaepliynnamxaephxxuthysarkham epn xaephxemuxngmhasarkham ph s 2459 mikarykeliktaaehnngpldmnthlpracacnghwd aelainpiediywkn mikarepliynchuxphuwarachkaremuxng epn phuwarachkarcnghwd ph s 2456 rchkarthi 6 oprdekla ihcdtngmnthlihmkhunepn tngthithakarmnthlthiemuxngrxyexd sungmnthlrxyexdprakxbdwy cnghwdrxyexd cnghwdmhasarkham aelacnghwdkalsinthu inpiniidmikarcdtngsalyutithrrmkhunepnkhrngaerkkhxngcnghwdmhasarkham mikaroxnxaephxphykhkhphumiphisycakcnghwdrxyexdihmakhunkbcnghwdmhasarkham aelaoxnxaephxknthrwichy xaephxokhkphra cakcnghwdkalsinthuihmakhunkbcnghwdmhasarkham inpiediywknni cnghwdmhasarkhamcungmixaephxphayitkarpkkhrxngrwmthnghmd 6 xaephx idaek 1 xaephxemuxngmhasarkham 2 xaephxoksumphisy 3 xaephxemuxngwapipthum 4 phykhkhphumiphisy 5 xaephxthakhxnyang xaephxbrbux 6 xaephxknthrwichy xaephxokhkphra inpi ph s 2457 idmikarsrangsalaklangcnghwdkhunihm kxsrangesrcinpi 2467 txma ph s 2468 oprdekla ihyubmnthlrxyexdepncnghwd oxncnghwdthnghmdthiekhykhuntrngtxmnthlrxyexd khux cnghwdrxyexd cnghwdmhasarkham aelacnghwdkalsinthu ihipkhunxyukbmnthlnkhrrachsima ph s 2474 inyukhkhawyakhmakaephng sngphlihtxngmikarldkhaichcayaelangbpramanlng cungidmikaryubcnghwdkalsinthu hruxxuthykalsinthu lngepnxaephx ihmarwmkbcnghwdmhasarkham sungxaephxemuxngxuthykalsinthcungepliynchuxepn xaephxhlub khunkbcnghwdmhasarkham aelaoxnxaephxthiekhykhuntxcnghwdkalsinthumakhunkbcnghwdmhasarkhamthnghmd rwmxaephxthikhunkbcnghwdmhasarkhamidthnghmdepn 11 xaephx sungthuxwaepnkhrngaerkthixanaekhtkhxngcnghwdmhasarkhammiphunthikhnadihythisudethathiekhymima rwmphunthithngcnghwdmhasarkhamaelacnghwdkalsinthuinpccubn karepliynaeplngkarpkkhrxnghlng karptiwtisyam ph s 2475 inwnthi 24 mithunayn ph s 2475 idmikarepliynaeplngkarpkkhrxngcakrabxbsmburnayasiththirachy epn rabxbprachathipityxnmiphramhakstriythrngepnpramukh odykhnarasdr sungnaody phrayaphhlphlphyuhesna phrayathrngsuredch aelaphrayavththixakhen inwnthi 10 thnwakhm ph s 2475 rchkarthi 7 thrngphrarachthanrththrrmnuyaekchawsyam inpiediywkn cnghwdmhasarkhamidcdtng sakhasmakhmkhnarasdr pracacnghwdmhasarkham khunepnkhrngaerk inpi ph s 2476 eduxnknyayn cnghwdmhasarkham mikarcdihmikareluxktngphuaethntabl epnkhrngaerk aela inpiediywkn eduxn phvscikayn cnghwdmhasarkham mikarcdihmikareluxktngphuaethnrasdr epnkhrngaerk odyihphuaethntablthwthngcnghwdepnphulngkhaaenneluxktng aelatxma idepliyn phuwarachkarcnghwd epn khahlwngpracacnghwd phayhlngidepliynklbmaichkhawa phuwarachkarcnghwd xikkhrng inpiph s 2490 aeykxaephxkalsinthu hlub aelabangxaephx xxkcakcnghwdmhasarkham aelaykthanaxaephxkalsinthukhunepncnghwdkalsinthumatngaetbdnn txmain ph s 2496 salaklangcnghwdmhasarkham srangesrcsin aelaichnganeruxymacncwbpccubn odycnghwdmhasarkham inpiediywknni miekhtkarpkkhrxng thnghmd 10 aehng ody aebngepn xaephx 9 aehng aelakingxaephx 1 aehng idaek 1 xaephxemuxngmhasarkham 2 xaephxbrbux 3 xaephxknthrwichy 4 xaephxphykhkhphumiphisy 5 xaephxnadun 6 xaephxwapipthum 7 xaephxnaechuxk 8 xaephxechiyngyun 9 xaephxoksumphisy 10 txmaidykthanaepnxaephxaekda emuxngmhasarkhamidsrangwddxnemuxng sungphayhlngepliynchuxepn wdkhawhaw aelaidyaykxngbychakaripxyurimhnxngkrathumdanehnuxkhxngpccubn inpi ph s 2456 hmxmecanphmas nwrtn epnpldmnthlpracacnghwd odykhwamehnchxbkhxngphramhaxamatyathibdi esng wiriyasiri idyaysalaklangipxyuthitngsalaklanghlngedim thiwakarxaephxemuxngmhasarkhampccubn aelainpi ph s 2542 idyaysalaklangipxyu n thitngpccubn miphudarngtaaehnngecaemuxng hruxphuwarachkarcnghwd rwm 46 khnkhwamepliynaeplngsrupkhwamepliynaeplngednkhxngemuxngmhasarkham rahwangpi ph s 2408 2500 nbcakwnthi 22 singhakhm ph s 2408 thungpi ph s 2500 emuxngmhasarkhammikhwamepliynaeplngthisakhyhlayprakarkhux ph s 2408 khunkbemuxngrxyexd ph s 2412 khuntrngtxkrungethphmhankhr ph s 2419 ykthanaemuxngmhasarkhamepnemuxngpraethsrach thrngphrakrunaoprdeklaoprdkrahmxm eluxnthanathawmhachy kwd epn ecaphukhrxngemuxngpraethsrach ihmiphrarachthinnamwa phraecriyrachedch wirechsthmhakhtiyphngs rwiwngssurchati praethsrachtharngrks skdikitiysekriyngikr sriphichyethphwrvththi phisxnuphngspricha singhbutrsuwthna nkhraphibal chayphichysngkhram ph s 2422 phraecriyrachedch hung epnecaemuxngmhasarkham khnthi 2 ph s 2425 tngbannaelakhunepnemuxngwapipthum aelatngbriewnbungkuy epnemuxngoksumphisy khunkbemuxngmhasarkham ph s 2443 swnklangihyubtaaehnngecaemuxngepnphuwarachkaremuxng ldthxnxanackhxngecanaythxngthin inpiediywknnnidmikaraebngemuxngmhasarkhamxxkepn 2 xaephx khux xaephxxuthysarkham aelaxaephxpracimsarkham ph s 2446 phraphithksnrakr xun idepnphuwarachkaremuxng txmaphayhlng idrbaetngtngepnecaemuxngmhasarkhamkhnthi 4 mithinnamwa phraecriyrachedch xun ph s 2455 yubtaaehnngphuwarachkaremuxng epnphuwarachkarcnghwd odymi hmxmecanphmas nwrtn epnphuwarachkarcnghwdmhasarkhamkhnaerk ph s 2475 epliynrabxbkarpkkhrxngcakrabxbsmburnayasiththirachyepnrabxbprachathipityxnmiphramhakstriyepnpramukh aelainpiediywknnn ihyubcnghwdxuthykalsinthuihlngepnxaephxhlubkhunkbcnghwdmhasarkham aelaoxnthukxaephxthiekhykhunkbcnghwdxuthykalsinthihoxnmaepnxaephxkhuntrngtxcnghwdmhasarkham ph s 2477 mikarkhudkhlxngsmthwil ephuxsrangepnaehlngnathisakhy khxngchawchumchnemuxngmhasarkham ph s 2478 cnghwdmhasarkhammikarcdtngxngkhkarbriharswncnghwdmhasarkhamkhun ph s 2490 aeykxaephxkalsinthu hlub aelabangxaephx xxkcakcnghwdmhasarkham aelaykthanaxaephxkalsinthukhunepncnghwdkalsinthumatngaetbdnn ph s 2498 cnghwdmhasarkhammikarcdtngethsbalemuxngmhasarkham ph s 2500 mikarsranghxnalikakhunephuxepnaelndmarkicklangtwemuxngkhxngcnghwdphumisastrthitngaelaxanaekht cnghwdmhasarkhamtngxyubriewntxnklangkhxngphakhtawnxxkechiyngehnux miphunthipraman 5 300 tarangkiolemtr 3 307 300 ir rayathanghangcakkrungethphmhankhr 475 kiolemtr mixanaekhttidtxkbcnghwdiklekhiyng dngni thisehnux tidtxkbcnghwdkhxnaekn aelacnghwdkalsinthu thisit tidtxkbcnghwdsurinthr aelacnghwdburirmy thistawnxxk tidtxkbcnghwdkalsinthu aelacnghwdrxyexd thistawntk tidtxkbcnghwdkhxnaekn aelacnghwdburirmy cnghwdmhasarkhammichayaepn dinaednaehngsaduxxisan enuxngcaktngxyuthicudkungklangkhxngphakhxisan sungtngxyuthibanbungkuy hmu 13 tablhwkhwang xaephxoksumphisy phumipraeths odythwip cnghwdmhasarkhammiphunthikhxnkhangraberiybthunglukkhlunlxnlad sungcakradbnathaelpraman 130 230 emtr thistawntkaelathisehnuxepnthisunginekhtxaephxoksumphisy xaephxechiyngyun aelaxaephxknthrwichy khrxbkhlumphunthipramankhrunghnungkhxngcnghwd aelakhxy ethladmathangthistawnxxkaelathisit sphaphphunthiaebngxxkepn 3 lksna khux phunthiraberiybthungkhxnkhangraberiyb swnihyepnthirablumrimna echn thirablumrimaemnachi inbriewnxaephxemuxngmhasarkham xaephxoksumphisy aelathangtxnitkhxngcnghwdaethbchaythungkularxngih phunthikhxnkhangraberiybslbkblukkhlunlxnlad txnehnuxkhxngxaephxphykhkhphumiphisy epnaenwyawipthangtawnxxk thungxaephxemuxngmhasarkham phunthilukkhlunlxnladslbkbphunthilukkhlunlxnchn txnehnuxaelatawntkkhxngcnghwd briewnnimienuxthipramankhrunghnungkhxngcnghwdphumixakas lksnaphumixakasinekhtcnghwdmhasarkham epnaebbmrsumemuxngrxn mifntkslbkbxakasaehng inpi ph s 2555 miprimannafnechliyrayeduxn 118 1 milliemtr aelaprimannafnmakthisudthi 414 9 milliemtr ineduxnphvsphakhm xunhphumiechliyineduxnmkrakhm krkdakhm thi 27 91 xngsaeslesiys xunhphumisungsud 39 3 xngsaeslesiys ineduxnemsayn aelaxunhphumitasud 15 0 xngsaeslesiys ineduxnmkrakhm khwamchunsmphththechliy praman 73 55 eduxnmkrakhm krkdakhm karemuxngkarpkkhrxngkarpkkhrxngswnphumiphakh cnghwdmhasarkhamaebngkarpkkhrxngxxkepn 13 xaephx 133 tabl 1 804 hmuban miraychuxxaephxdngni aephnthielkh chuxxaephx canwntabl phunthi tr km rayahang cak salaklang km 1 xaephxemuxngmhasarkham 14 556 697 2 xaephxaekda 5 149 521 263 xaephxoksumphisy 17 827 876 304 xaephxknthrwichy 10 372 221 175 xaephxechiyngyun 8 289 027 376 xaephxbrbux 15 681 622 267 xaephxnaechuxk 10 528 198 588 xaephxphykhkhphumiphisy 14 409 783 849 xaephxwapipthum 15 605 774 4210 xaephxnadun 9 248 449 6711 xaephxyangsisurach 7 242 507 7512 xaephxkudrng 5 267 4013 xaephxchunchm 4 113 008 56rwm 133 5 291 683karpkkhrxngswnthxngthin cnghwdmhasarkhammixngkhkrpkkhrxngswnthxngthinthnghmd 143 aehng epnxngkhkarbriharswncnghwd 1 aehng khux xngkhkarbriharswncnghwdmhasarkham swnxngkhkrpkkhrxngswnthxngthinradblang prakxbdwy ethsbal 47 aehng epnethsbalemuxng 1 aehng khuxethsbalemuxngmhasarkham aelaethsbaltabl 18 aehng thiehluxepnxngkhkarbriharswntablcanwn 123 aehng odyethsbalthnghmdaebngtamxaephxincnghwdmhasarkham midngni xaephxemuxngmhasarkham ethsbalemuxngmhasarkham ethsbaltablaewngnang xaephxoksumphisy ethsbaltabloksumphisy xaephxknthrwichy ethsbaltablokhkphra xaephxechiyngyun xaephxchunchm xaephxaekda xaephxnadun ethsbaltablhnxngiph xaephxbrbux ethsbaltablbrbux xaephxphykhkhphumiphisy ethsbaltablphykhkhphumiphisy xaephxwapipthum xaephxnaechuxk ethsbaltablnaechuxk raychuxecaemuxngaelaphuwarachkarcnghwd ladb pi ph s phranam chux ecaemuxnghruxphuwarachkarcnghwd1 2408 2422 phraecriyrachedch thawmhachy kwd phwphutannth n mhasarkham tntrakul phwphutannth n mhasarkham 2 2422 2443 phraecriyrachedch thawichywngsa hung phwphutannth n mhasarkham 3 2443 2444 xuphad ethuxn rksikcnthr 4 2444 2455 phraecriyrachedch thawophthisar xun phwphutannth n mhasarkham 5 2455 24596 2460 2462 phrayasarkhamkhnaphibal phrxm n nkhr 7 2462 2466 phrayasarkhamkhnaphibal thiphy orcnpradisth 8 2466 2468 phrayaprachakrbrirks say palannthn 9 2468 2474 phrayasarkhamkhnaphibal xnngkh phykhkhnt 10 2474 2476 phraxrrthepslsrwdi ecriy thrphysar 11 2476 2482 hlwngxngkhnanurks smthwil ethphakha 12 2482 2484 hlwngprasiththiburirks prasithth supiyngtu 13 2484 2486 hlwngbriharchnbth san sihitr 14 2486 2489 khunimtripracharks imtri imtripracharks 15 2489 2490 khuncrryawiess ethiyng buyynity 16 2490 2493 khunphisalavsdikrrm thxngib nxyxrun 17 2493 2495 nayechuxm sirisnthi18 2495 2500 hlwngxnumtirachkic xn xnumtirachkic 19 2500 2501 khuncrryawiess ethiyng buyynity 20 2501 2506 naynwn michanay21 2506 2510 nayrng thsnaychli22 2510 2513 nayewiyng sakhrsinthu23 2513 2514 nayphl cuthangkur24 2514 2517 naysucint kityarks25 2517 2519 naychanay phcna26 2519 2522 naywuthinnth phngsxarya27 2522 2523 naysmphaph sriwrkhan28 2523 2524 rxytrikitti pthumaekw29 2524 2526 naythwch mkrphngs30 2526 2528 naysmburn phrhmemsr31 2528 2531 nayisw phrahmmni32 2531 2534 naycint wiphatakls33 2534 2535 naywirachy aenwbuyeniyr34 2535 2537 nayphphphl chiphsuwrrn35 2537 2538 nayprapha yuwannth36 2538 2540 naywichy thsnesrsth37 2540 2542 nayekiyrtiphnth nxymni38 2542 2544 nangsirielis emkhiphbuly39 2544 2546 naysmskdi aekwsuththi40 2546 2548 naywithy limannthwraichy41 2548 2550 naychwn sirinnthphr42 2550 2551 nayrngsrrkh ephiyrxdwngs43 2551 2552 nayphinic ecriyphanich44 2552 2554 naythxngthwi phimesn45 2554 2555 naywirawthn chunwarin46 2555 2557 naynphwchr singhskda47 2557 2558 naychyawuth cnthr48 2558 2559 nayochkhchy edchxmrthy49 2559 2561 nayesnh nnthaochti50 2561 2563 nayekiyrtiskdi cnthra51 2563 2566 nayekiyrtiskdi trngsiri52 2566 pccubn naywiburn aewwbnthitkarkhmnakhmthangbk rthyntswntw esnthangthisadwkaelasnthisud khuxichesnthangthnnphhloythinekhasucnghwdsraburi aelaeliywkhwaekhasuthnnmitrphaph phancnghwdnkhrrachsima ekhasucnghwdkhxnaekn aelweliywkhwaekhasuthnnaecngsnith cnkrathngekhasucnghwdmhasarkham rthodysarpracathang sthanikhnsngphuodysarcnghwdmhasarkham tngxyubriewnthnneliybkhlxngsmthwil phuihbrikarrthodysarcakkrungethph xathi bristh khnsng cakd nkhrchyaexr echidchythwr rungpraesriththwr aelachaythwr nxkcakniyngmiphuihbrikarrthodysaripyngcnghwdkhangekhiyng xathi shphnthrxyexdthwr aesngprathipthwr aelaxun cakxaephxemuxngmhasarkham mirthodysarpracathangihbrikaripyngxaephxtang idaek phykhkhphumiphisy wapipthum nadun naechuxk brbux kudrng aelaechiyngyun cnghwdmhasarkhammisthanikhnsngphuodysarhlayaehng idaekthiethsbalemuxngmhasarkham brbux phykhkhphumiphisy wapipthum aelaoksumphisy thangrthif inpccubn cnghwdmhasarkhamyngimmithangrthiftdphan sthanirthifthixyuiklthisud idaek sthanirthifkhxnaekn 71 kiolemtr aelasthanirthifbaniph 69 kiolemtr sungthngsxngsthaninnxyuincnghwdkhxnaekn inxnakht camiokhrngkarrthifthangkhusaybaniph nkhrphnm sungcaphanhlaycnghwdinxisantxnklang rwmthungmhasarkhamdwy thangxakas cnghwdmhasarkhamimmithaxakasyan cungtxngichbrikarthaxakasyankhxngcnghwdkhangekhiyng idaek thaxakasyankhxnaekn 82 kiolemtr thaxakasyanrxyexd 59 kiolemtr aelathaxakasyanburirmy 121 kiolemtr esrsthkicpraephniaelawthnthrrmsthanthisakhyobransthan duephimetimthihwkhx raychuxobransthanincnghwdmhasarkhamphraxaramhlwng wdmhachy phraxaramhlwng phraxaramhlwng chntri chnidsamysthanthithxngethiyw xaephxemuxngmhasarkham xangekbnahnxngaewng hmubanhtthkrrmbanhnxngekhuxnchang wdmhachy phraxaramhlwng hmubanpnhmx xuthyanmcchaokhngkudhway wdpawngnaeyn phrathatusrisarkham sthanthisakhyxun ekhtethsbalemuxngmhasarkham wdxuthythis kudnangiy esahngs ohngecaemuxngkhnthi 1 thitngemuxngaelasunyrachkar khlxngsmthwil wdnakhwichy wdxphisiththi edinbanihy tukdinxakharphanichyaehngaerk tladsikk ohngecaemuxngkhnthi 2 ohngecaemuxngkhnthi 3 tladecriy wdophthisri wdmhachy phraxaramhlwng tladsdemuxngmhasarkham hxnalika orngeriynsarkhamphithyakhm orngeriynemuxngmhasarkham orngeriynmhawichanukul orngeriynswnkuhlabwithyalymhasarkham ang salecaphxhlkemuxng wdthyyawas aekngelingcan xnuesawriyethxdrththrrmnuyxaephxknthrwichy phraphuththmingemuxng phiphithphnthphunbanwdphuththmngkhl hlwngpuchinwrn khuntasaray yataphiluxxaephxbrbux prangkhkubwmas xaephxaekda xangekbnahwyaexngxaephxoksumphisy bungbxn wnxuthyanoksmphi bungkuyxaephxwapipthum kubanaedng nganklxngyaw xaephxnaechuxk xangekbnahwykhx ekhtrksaphnthustwpadunlaphnxaephxnadun phiphithphnthbanxisan sthabnwicywlyrukkhewch bxnaskdisiththi kusntrtn hupaetmsimwdophtharamxaephxphykhkhphumiphisy sunysilpachiphdxnlisthanphyabalorngphyabalmhasarkham orngphyabalthwipkhnad 580 etiyng orngphyabalsuththaewch khnaaephthysastr mhawithyalymhasarkham orngphyabalmhasarkhamxinetxrenchnaenl exkchn sthansuksaduephimetimthihwkhx hmwdhmu sthabnxudmsuksa incnghwdmhasarkham raychuxorngeriynincnghwdmhasarkham cnghwdmhasarkhammichayawaepn tksilankhr hruxaepltamtwkhux nkhraehngkarsuksa hruxemuxngaehngkarsuksakhxngphakhxisan enuxngcakmisthabnkarsuksaxyuhlayaehngaelamimakthisudaehnghnungkhxngphakhxisan xikthngyngmimakepnxndbtn khxngpraethsithy thaihepncnghwdthiidrbkhwamniymcakprachachninphakhxisanthangdankarsuksa radbxudmsuksa mhawithyalymhasarkham mhawithyalyrachphtmhasarkham mhawithyalykarkilaaehngchati withyaekhtmhasarkham withyalyphyabalsrimhasarkham withyaly withyalyethkhnikhmhasarkham withyalyxachiwsuksamhasarkham withyalyekstraelaethkhonolyimhasarkham orngeriynmthymduephimetimthihwkhx raychuxorngeriynincnghwdmhasarkhambukhkhlthimichuxesiyngphraphiksusngkh phrathrrmwchracary nxy yanwuth oth ecakhnacnghwdmhasarkham faymhanikay p th 5 xditecakhnacnghwdely thipruksaecakhnacnghwdmhasarkham faythrrmyut thipruksaecakhnacnghwdmhasarkham faymhanikay rxngecakhnacnghwdmhasarkham faymhanikay xditecakhnacnghwdmhasarkham faythrrmyut phrawchiryanwisist suriynt okhspy oy nkkaremuxng kharachkar calxng daweruxng xditrthmntrichwywakarkrathrwngphanichy chaychy chyrungeruxng xditrthmntriwakarkrathrwngxutsahkrrm rchni sriiphrwrrn xditsuksaniethsk krathrwngsuksathikar suthin khlngaesng rthmntriwakarkrathrwngklaohmkhxngithy sriemuxng ecriysiri xdit rthmntriwakarkrathrwngsuksathikar yuththphngs crsesthiyr esrstha thwisin xditrthmntrichwywakarkrathrwngekstraelashkrn xditsmachiksphaphuaethnrasdr phrrkhephuxithy prayuthth siriphanichy s s eebbbychiraychux phrrkhephuxithy s s phrrkhephuxithy ekht1 ichywthna tinrtn s s phrrkhephuxithy ekht2 s s phrrkhphumiicithy ekht3 srrphphyyu siriipl s s phrrkhephuxithyekht4 cirwthn siriphanichy s s phrrkhephuxithy ekht5 s s phrrkhephuxithy ekht6silpin nkaesdng skdisyam ephchrchmphu eduxnephy xanwyphr phumiphathit nityars layxng hnxnghinhaw ecnniefxr khim rnwir esrirtn kvskr knkthr phr phirdi hmxlaephchrlaephlin oc ymnil hmxlabwrimbungnkkila nvml khanxnnkpraphnthephlngduephimraychuxwdincnghwdmhasarkham raychuxorngeriynincnghwdmhasarkham raychuxhangsrrphsinkhaincnghwdmhasarkhamxangxingprakassanknaykrthmntri eruxng aetngtngkharachkarphleruxnsamy rachkiccanuebksa elm 140 txnphiess 245 ng hna 4 wnthi 2 tulakhm 2566 sunysarsnethsephuxkarbriharaelanganpkkhrxng krmkarpkkhrxng krathrwngmhadithy khxmulkarpkkhrxng xxniln ekhathungidcak http www dopa go th padmic jungwad76 jungwad76 htm 2016 03 10 thi ewyaebkaemchchin m p p subkhn 18 emsayn 2553 krmkarpkkhrxng krathrwngmhadithy prakassankthaebiynklang krmkarpkkhrxng eruxng canwnrasdrthwrachxanackr aeykepnkrungethphmhankhraelacnghwdtang tamhlkthankarthaebiynrasdr n wnthi 31 thnwakhm 2564 xxniln ekhathungidcak http stat bora dopa go th stat pk pk 64 pdf 2564 subkhn 9 kumphaphnth 2565 Mahasarakham University khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 10 16 subkhnemux 6 December 2020 www m culture go th khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2022 01 30 subkhnemux 2022 01 30 esan108 com 2015 10 10 thaimcnghwdmhasarkham thungidchuxwa tksilankhr xisanrxyaepd capankhr prawtikhwamepnma capankhr mrdkolkthiwdphu funfxyhamrdkyukhxananikhmkhxngxinodcinaehngfrngess 2021 06 19 thi ewyaebkaemchchin mulnithi praiphr wiriyphnthu 2016 2 1 sila wirawngs phngsawdarlaw ewiyngcnthn krathrwngsuksathikar 2500 yakhukhihxm phrakhruophnsaemk hruxecarachkhruhlwngophnsaemk spp law 108 phraekci 2020 10 29 khmphiriblaneruxng phngsawdaremuxng bngcumhruxtananemuxng chbbwdophnkxk banpakkayung emuxngthulakhm nkhrewiyngcn praethssatharnrthprachathipityprachachnlaw xksrthrrmlaw mi 35 hnalan hxphuththsilp mcr withyaekhtkhxnaekn www mcukk com dxnkhumengin aelabxphnkhn eklux aelanaskdisiththi srangxanackrkhxmobran matichonweekly com 2018 05 31 https www facebook com Sriphoum posts 1551242851919445 phumibanphumiemuxng emuxngrxyexd phumiaehngchychnakhxngphraecacitresn naewna com 2014 09 07 ecaaekwmngkhl wikiphiediy 2021 12 28 subkhnemux 2022 02 05 Unknown ekhiynody prawtixaephxsuwrrnphumi cnghwdrxyexd rtnthrrm xychli nilwrrnapha rachny 2021 12 23 karnaesnxxudmkarnthangsngkhminkdhmayobranxisan warsarsntisuksaprithrrsn mcr 9 7 3083 3095 ISSN 2539 6765 okhrngkarxnurkskhmphiriblan mms www facebook com chwnakr cnnaewch 2560 kdhmayobrancakexksarobraninphakhtawnxxkechiyngehnux exksarwichakarladbthi 26 klumnganxnurksexksarobran sthabnwicysilpaaelawthnthrrmxisan mhawithyalymhasarkham mhasarkham xphichatkarphimph https web facebook com Sriphoum photos a 722488601461545 1344327505944315 https web facebook com swp pr posts 614168832070117 rdc 1 amp rdr aecng GotoKnow www gotoknow org khtiywngsa ehla nrxyexc phraya phngsawdarphakhxisan chabbkhxng phrayakhtiywngsa ehla nrxyexc phimphinnganplngsph nangsrisupha ot exiymsiri nechingbrmbrrpht wdsraeks emuxpimaesng ph s 2472 cdphimphodycruychwnaphthn phra phrankhr srihngs 2472 https www car chula ac th display7 php bib b1275880 hmxmxmrwngswicitr m r w pthm khencr tanan emuxngnkhrcapaskdi xublrachthani innganchapnkicsph naywicitrskdi saraosphn n emruwdeecng 2527 n 4 https finearts go th storage contents file S7yoBa3aJe2AkCKdVqwQCKbvlt16f6i01xIy9q3Z pdf xaephxsuwrrnphumi wikiphiediy 2021 12 26 subkhnemux 2022 02 05 Ltd BECi Corporation 5 chumnumihy ithyaebngithy yukhkrungaetk www ch3thailand com phracrschwnaphnth ecakrmrachbnthit phrarachphngsawdarkrungthnburi aephndinsmedcphrabrmrachathi 4 phraecataksin krungethph krmtara krathrwngthrrmkar 2472 https web facebook com Sriphoum posts 1176559959387738 rdc 1 amp rdr https web facebook com 722488218128250 posts 1180913005619100 rdc 1 amp rdr khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2022 01 20 subkhnemux 2022 02 05 prawtimhadithyswnphumiphakhcnghwdmhasarkham mhasarkham orngphimphpridakarphimph 2542 cnghwdmhasarkham 2556 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2014 05 10 subkhnemux 5 phvsphakhm 2557 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help cnghwdmhasarkham 2556 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2014 05 10 subkhnemux 5 phvsphakhm 2557 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2022 01 30 subkhnemux 2022 01 30 khxmulcanwnxngkhkrpkkhrxngswnthxngthinaeykraycnghwd krmsngesrimkarpkkhrxngthxngthin krathrwngmhadithy https esan108 com E0 B8 95 E0 B8 B1 E0 B8 81 E0 B8 AA E0 B8 B4 E0 B8 A5 E0 B8 B2 E0 B8 99 E0 B8 84 E0 B8 A3 html aehlngkhxmulxunewbistthangkar cnghwdmhasarkham 2019 12 03 thi ewyaebkaemchchin 16 11 N 103 17 E 16 18 N 103 29 E 16 18 103 29 aephnthiaelaphaphthaythangxakaskhxng cnghwdmhasarkham aephnthi cak mltiaemp oklbxlikd hrux kuekilaephnthi phaphthaythangxakas cak ethxrraesirfewxr phaphthaydawethiym cak wikiaemepiy