โพนพิสัย เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดหนองคาย อดีตเป็นอำเภอที่เคยมีอาณาเขตพื้นที่ขนาดใหญ่มาก ซึ่งพื้นที่อำเภอโพนพิสัยเดิมครอบคลุมพื้นที่อำเภอโซ่พิสัยอำเภอปากคาดจังหวัดบึงกาฬ อำเภอเฝ้าไร่ และอำเภอรัตนวาปีจังหวัดหนองคายในปัจจุบัน ซึ่งแยกการปกครองออกเรื่อยมา
อำเภอโพนพิสัย | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Amphoe Phon Phisai |
ริมฝั่งแม่น้ำโขง อำเภอโพนพิสัย | |
คำขวัญ: หลวงพ่อพระเสียงคู่บ้าน ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค | |
แผนที่จังหวัดหนองคาย เน้นอำเภอโพนพิสัย | |
พิกัด: 18°1′19″N 103°4′38″E / 18.02194°N 103.07722°E | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | หนองคาย |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 642.7 ตร.กม. (248.1 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2564) | |
• ทั้งหมด | 98,258 คน |
• ความหนาแน่น | 152.88 คน/ตร.กม. (396.0 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 43120 |
รหัสภูมิศาสตร์ | 4305 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอโพนพิสัย เลขที่ 1111 หมู่ที่ 1 ถนนพิสัยสรเดช ตำบลจุมพล อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย 43120 |
ส่วนหนึ่งของ |
ประวัติ
ในปีพ.ศ. 2369 – 2370 พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 3 (เจ้าอนุวงศ์) แห่งเวียงจันทน์ แข็งเมืองบุกมาถึงนครราชสีมา และถูกยันทัพกลับไปล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 3 โปรดให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ เป็นแม่ทัพหลวง (สิงห์ สิงหเสนี) สมุหนายกมหาดไทยเป็นแม่ทัพหน้าปราบเวียงจันทน์ได้ครั้งที่ 1 แต่เจ้าอนุวงศ์หนีไปได้ จนสมุหนายกกรีฑาทัพมาปราบครั้ง 2 ตั้งทัพอยู่ค่ายพานพร้าว (บริเวณ นปข.ปัจจุบัน) และถูกหลอกล่อจนค่ายแตกหนีไปเมืองยโสธร คู่อริต่อเวียงจันทน์ดั้งเดิมจึงตามมาสมทบ เช่น บุตรหลานพระวอ-พระตา แห่งอุบลราชธานี และบุตรหลานจารย์แก้วแห่งสุวรรณภูมิ ช่วยเจ้าคุณสมุหนายกถล่มเวียงจันทน์จน "ฮ้างดังโนนขี้หมาจอก" หน่วยโสถิ่ม (กล้าตาย) นำโดย ท้าวสุวอธรรม (บุญมา) อุปฮาดยโสธร หลังศึกเจ้าอนุวงศ์ ฝ่ายกรุงเทพฯ มีนโยบายอพยพผู้คนมาฝั่งภาคอีสานจึงยุบเมืองเวียงจันทน์ปล่อยให้เป็นเมืองร้าง ชาวเมืองเวียงจันทน์บางส่วนก็อพยพมาภาคกลางและบางส่วนก็อยู่ที่บริเวณเมืองเวียงคุก เมืองปะโค (อำเภอเมืองหนองคายในปัจจุบัน) เมื่อจัดการบ้านเมืองเรียบร้อยแล้ว เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) จึงกราบบังคมทูลพระกรุณาขอตั้งบ้านไผ่หรือบ้านหนองไผ่ ขึ้นเป็นเมืองหนองค่าย(คำว่า "หนองคาย" ถูกเรียกเพี้ยนมาจากคำว่า "หนองค่าย" ซึ่งมีความหมายโดยตรงว่า "หนองน้ำบริเวณที่ตั้งของค่ายทหาร" ซึ่งคำว่าหนองค่ายถูกเรียกเพี้ยนเป็น"หนองคาย"ใน สมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งแต่นั้นมา) ต่อมาโปรดเกล้าให้ ท้าวสุวอธรรม (บุญมา) เป็น พระปทุมเทวาภิบาลที่ 1 แห่งเมืองหนองคาย ต้นตระกูล ณ หนองคาย และ ท้าวตาดี บุตร (สีลัง) แห่งเมืองร้อยเอ็ด เชื้อสายเจ้าจารย์แก้ว ได้เป็นเจ้าเมืองโพนพิสัยคนแรก จากความดีความชอบที่ได้รับบัญชาจากเจ้าคุณแม่ทัพมาสกัดเจ้าอนุวงศ์ เพื่อมิให้หนีไปญวนอีก โดยตั้งทัพอยู่ จึงเรียกกันว่า "เจ้าโพนแพง" ครั้นเสร็จศึกจึงยกเป็น "เมืองโพนแพง" ท้าวตาดีได้เป็น เจ้าเมืองคนแรก ต่อมายังรุ่นลูกรุ่นหลาน เมื่อ พ.ศ. 2373 ต้นตระกูล พิสัยพันธ์,สิงคศิริ,สิมะสิงห์,สิริสิงห์ สืบมาจะเป็นด้วยเหตุใดไม่ชัดแจ้ง พระพิสัยสรเดช (ตาดี) ได้ย้ายที่ตั้งเมืองจากโพนแพงมาอยู่ ณ เมืองปากห้วยหลวงเก่า ซึ่งคงจะร้างในสมัยนั้น และเอาชื่อเมืองโพนพิสัยมาตั้งที่นี่ พื้นที่ตำบลโพนแพงก็ห่างไกล จึงขอยก " บ้านหนองแก้ว" ขึ้นเป็น"เมืองรัตนวาปี" อีกเมืองหนึ่ง หลังจากเสร็จศึกเจ้าอนุวงศ์และก่อตั้งเมืองหนองคายได้ไม่นาน เมืองหนองคายได้รับฐานะเป็นเมืองประเทศราช โดยยุบเมืองเวียงจันทน์(ร้าง)ซึ่งพึ่งถูกทัพสยามทำลายไปให้มาขึ้นกับเมืองหนองคาย และ ณ. ขณะนั้น ทั้งเมืองหนองคาย และ เมืองโพนพิสัย ไม่ได้ขึ้นตรงต่อกัน แต่ล้วนเป็นเมืองเอกขึ้นกับกรุงเทพทั้งคู่ โดยเมืองโพนพิสัยมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ อำเภอโพนพิสัย,อำเภอรัตนวาปี,อำเภอเฝ้าไร่ ของจังหวัดหนองคาย อำเภอเพ็ญ,อำเภอสร้างคอม ของจังหวัดอุดรธานี และ อำเภอโซ่พิสัย,อำเภอปากคาด ของจังหวัดบึงกาฬในปัจจุบัน
ในปีพ.ศ. 2389 วันจันทร์ ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 3 พระยาขัติยวงษาสีลัง เจ้าเมืองร้อยเอ็ด ป่วยและถึงแก่กรรม อุปฮาดสิงห์ ราชวงศ์อินบุตร จึงพาเจ้าเพี้ยลงมากรุงเทพฯ พบกับพระยาพิสัยสรเดช(ท้าวตาดี)เจ้าเมืองโพนพิสัย ซึ่งเป็นพี่ชายของพระขัติยวงษาอินทร์และอุปฮาดสิงห์ และเป็นบุตรของพระยาขัติยวงษาสีลัง พระยาพิสัยสรเดชจึงพาอุปฮาดราชวงศ์ท้าวเพี้ย กรมการเมืองร้อยเอ็ด ลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาพิสัยสรเดชเจ้าเมืองโพนพิสัย กลับไปรักษาราชการเมืองร้อยเอ็ด พระยาพิสัยสรเดชจึงให้บุตรหลานรักษาการเมืองโพนพิสัยแทน ครั้นพระยาพิสัยสรเดชลงไปถึงเมืองร้อยเอ็ด จัดการเผาศพพระยาขัติยวงษาสีลังพระบิดาเสร็จแล้ว คืนวันหนึ่งอุปฮาดสิงห์ผู้เป็นน้องชายได้ตั้งบ่อนโป นัดให้พระยาพิสัยสรเดชกับพวกนักเลงมาเล่นที่หอนั่งบ้านพระยาขัติยวงษา ครั้นเวลาดึกมีคนมาลอบแทงพระยาพิสัยสรเดชถูกที่สีข้างซ้าย ถึงแก่กรรม ได้ความว่าอุปฮาดสิงห์เกี่ยวข้องในคดีนี้ ครั้นความทราบถึงกรุงเทพฯ จึงมีตราโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าเมืองสุวรรณภูมิส่งตัวอุปฮาดสิงห์และบรรดาบุตรหลานของพระยาขัติยวงษา ลงมากรุงเทพฯ โปรดเกล้าฯให้ตุลาการชำระคดี อุปฮาดสิงห์ พิจารณาได้ความเป็นสัตย์ว่าอุปฮาดสิงห์เป็นผู้ใช้ให้จีนจั้นมาแทงพระยาพิสัยสรเดช อุปฮาดสิงห์เลยต้องถูกจำคุกตายอยู่ในที่คุมขัง พระยาพิสัยสรเดชซึ่งป็นพี่ชายต่างมารดากับอุปฮาดสิงห์และราชวงศ์อินทร์ ราชวงศอินทร์ภายหลังเป็นพระยาขัติยวงษา(อินทร์ ธนสีลังกูร)เจ้าเมืองร้อยเอ็ดท่านที่ 3 อีกทั้งพระยาพิสัยสรเดช(ท้าวตาดี)ยังเป็นน้องร่วมมารดากับญาแม่ปทุมมา ซึ่งเป็นย่าของพระเจริญราชเดช (ท้าวอุ่น ภวภูตานนท์) เจ้าเมืองมหาสารคามคนที่ 3 ต่อมาได้มีการสืบสวนข้อเท็จจริงจากหลักฐานที่พึงเชื่อถือได้แน่นอน ปรากฏว่าอุปฮาดสิงห์หาได้เป็นผู้วางแผนฆ่าพระยาพิสัยฯ ตามที่เล่ามานั้นไม่ เมื่อพิจารณาจากเหตุผลจากสิ่งแวดล้อมต่างๆแล้ว เห็นว่ามีอยู่หลายกรณีที่อ้างอิงประกอบได้ เช่น คราวที่พระยาพิสัยฯ พร้อมอุปฮาดสิงห์ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบบังคมทูลข่าวการอสัญกรรมของพระยาขัติยวงษาสีลังผู้บิดานั้น อุปฮาดสิงห์ก็ได้กราบบังคมทูลสนับสนุนพี่ชายเป็นอย่างดี จนได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาพิสัยสรเดชกลับมารับราชการเมืองร้อยเอ็ด และโดยปกติสองพี่น้องนี้มีความรักใคร่ปรองดองกันดีมาก นอกจากนี้ยังปรากฏว่าจีนจั้นผู้แทงพระยาพิสัยฯ ก็เคยมีอริวิวาทกันกับพระยาพิสัยฯ มาช้านาน อนึ่งตามเนื้อเรื่องที่ว่า “พิจารณาได้ความเป็นสัตย์ว่าอุปฮาดสิงห์ ได้ให้จีนจั้นแทงพระยาพิสัยฯ และอุปฮาดสิงห์เลยต้องจำตายอยู่ในที่คุมขัง” จากข้อเท็จจริงโดยคำยืนยันของพระเจริญราชเดช (อุ่น) หลานญาแม่ปทุมมาซึ่งเป็นพี่สาวของพระยาพิสัยฯ เอง ได้ความชัดว่าอุปฮาดสิงห์ได้ดื่มยาพิษถึงแก่กรรมในระหว่างทางก่อนจะถึงกรุงเทพฯ ใกล้เมืองนครราชสีมา และญาติได้ค้นพบจดหมายลาตาย ถึงภรรยาว่า “เราไม่เคยคิดขบถต่อเจ้าพี่โพนแพงเลย ตายเองดีกว่าที่จะถูกคนอื่นประหาร เลี้ยงลูกใหดีจนได้ไปตั้งเมืองใหม่ขึ้นอีก” ส่วนจีนจั้นนั้นรับสารภาพและไม่มีการซัดทอดผู้ใดเลย เป็นอันว่าอุปฮาดสิงห์เป็นผู้บริสุทธิ์โดยแท้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงระบบการพิจารณาคดีของสยามหรือไทยในสมัยก่อนที่ยังมีข้อบกพร่องในการหาหลักฐานและความไม่ชัดเจนในการตัดสินคดีอยู่พอสมควร
ในสมัยที่พระปทุมเทวาภิบาล (เคน) เป็นเจ้าเมืองหนองคายคนที่ 3 นี้เองก็เกิดศึกสำคัญขึ้นเรียกกันว่าศึกฮ่อ ครั้งแรกเกิดขึ้นใน พ.ศ. 2420 แต่ในระยะนี้พระประทุมเทวาภิบาล (เคน) ไม่ได้อยู่ในหนองคายมีราชการต้องมาต้อนรับพระยามหาอำมาตย์เสียที่เมืองอุบลราชธานีและได้มอบกิจการบ้านเมืองให้ท้าวจันทรศรีสุราช (ชื่น) รักษาราชการแทน พวกฮ่อได้ตีหัวเมืองลายทางเรื่อยมาจนเข้ายึดเอาเวียงจันทร์ไว้ได้ พวกกรมการเมืองหนองคายแทนที่จะหาทางป้องกันข้าศึกกับคิดอพยพหนีพวกฮ่อ โดยท้าวจันทรศรีสุราชกับครอบครัวหนีไปอยู่บ้านพรานพร้าวอุดรธานี เมื่อตัวนายไม่คิดสู้พวกราษฎร์ก็พลอยขวัญเสียอพยพออกจากเมืองบางเหตุการณ์ในตอนนี้ถึงกับทำให้เมืองหนองคายตกอยู่ในสภาพเป็นเมืองร้างนอกนี้เมืองใกล้ ๆ กัน คือเมืองโพนพิสัยก็พลอยไม่คิดสู้ขี้นมาอีก พระพิไสยสรเดช (หนู) เจ้าเมืองอพยพครอบครัวหนีไปอยู่บึงกาฬ ส่วน ราชวงศ์เมืองหนองคาย ซึ่งถูกส่งมารักษาการแทนกับพระพิสัยสรเดช (หนู) ถูกพวกฮ่อฆ่าตาย ทางกรุงเทพจึงได้มีพระบรมราชองค์การให้พระยามหาอำมาตย์ (ชื่น) ซึ่งไปราชการ ณ เมืองอุบลราชธานี นั้น เกณฑ์ทัพเข้าปราบฮ่อกองทัพของพระยามหาอำมาตย์ได้ยกเข้ามาตั้งพักอยู่ที่เมืองหนองคายแล้วก็สั่งให้จับเอาเท้าจันทรศรีสุราชและพระยาพิไสยสรเดช(หนู)ไปประหารชีวิตเสียทั้งคู่เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบต่อไปจากนี้ก็เกณฑ์คนในเมืองต่าง ๆ คือ นครพนม มุกดาหาร เขมราฐ อุบลและร้อยเอ็ด เข้าสมทบกับกองทัพเมืองหนองคาย รวมพลได้ทั้งสิ้นประมาณ 20,000 คน แล้วยกออกไปตีเมืองเวียงจันทร์ซึ่งพวกฮ่อสู้ไม่ได้แตกและทิ้งกรุงเวียงจันทร์ไป กองทัพของพระยามหาอำมาตย์ก็กลับมาพักที่หนองคายจัดกิจกรรมบ้านเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็กลับกรุงเทพฯ ครั้งนี้พระประทุมเทวาภิบาล (เคน) เจ้าเมืองหนองคายได้ติดตามลงมากรุงเทพฯ ด้วย
เมื่อ พ.ศ. 2428 เกิดสงครามปราบฮ่อครั้งที่สองในบริเวณทุ่งไหหิน (ทุ่งเชียงคำ) พวกฮ่อกำเริบตีมาจนถึงเวียงจันทน์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบข่าวศึกฮ่อ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมขณะดำรงพระอิสริยศเป็น กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม เป็นแม่ทัพปราบฮ่อครั้งนั้นจนพวกฮ่อแตกหนี และสร้างอนุสาวรีย์ปราบฮ่อไว้ที่เมืองหนองคาย
ส่วนทางฝั่งเมืองโพนพิสัย หลังเสร็จศึกปราบฮ่อ ท้าวคำสิงห์ ซึ่งขณะนั้นมีราชทินนามเป็น พระศรีสุรศักดิ์สุนทร เจ้าเมืองรัตนวาปี อดีตเจ้าเมืองประชุมพนาลัย (เมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว) ขึ้นเเขวงเมืองโพนพิสัย ซึ่งเป็นบุตรหลานของพระพิสัยสรเดชท่านแรก (ท้าวตาดี) ได้รับแต่งตั้งเป็น "พระรัตนเขตรักษา" เจ้าเมืองโพนพิสัยแทนเจ้าเมืองเดิมสืบต่อมา ซึ่งท่านได้แสดงความกล้าหาญรบพุ่งกับฮ่อหลายครั้ง จนได้ราชทินนามเป็น พระยาพิสัยสรเดช (คำสิงห์ สิงหศิริ) เป็นต้นตระกูล สิงหศิริ จึงเห็นได้ว่า ทุกครั้งที่เกิดศึกและเกิดเหตุข้าศึกศัตรูเข้ามารุกราน ทั้งเมืองหนองคายและเมืองโพนพิสัยล้วนเป็นพันธมิตรร่วมกันต่อสู้ เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาโดยตลอด
อำเภอโพนพิสัย เดิมมีฐานะเป็น "เมืองโพนพิสัย" ซึ่งเป็นหัวเมือง 1 ใน 7 ของมณฑลอุดร การปฏิรูปการปกครองตามระบบเทศาภิบาลนั้นก็ดำเนินต่อไป จนเมื่อยุบเมืองโพนพิสัยเป็นอำเภอแล้วพระยาโพนพิสัยสรเดช ดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอโพนพิสัย จนถึงปี พ.ศ. 2450 พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย มาตรวจราชการในเขตมณฑลอุดร และได้เปลี่ยนฐานะเมืองโพนพิสัยเป็นอำเภอโพนพิสัย ขึ้นกับจังหวัดหนองคายจนถึงปัจจุบัน และยุบเมืองรัตนวาปี เป็นตำบลรัตนวาปี ให้ขึ้นการปกครองอยู่ในอำเภอโพนพิสัย
เมื่อครั้งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ปฐมเสนาบดีมหาดไทยเสด็จตรวจราชการแม่น้ำโขง ได้ทรงบรรยายทัศนียภาพแม่น้ำโขงว่า "ถึงเมืองโพนพิสัย พระยาพิสัยสรเดช ได้ล่วงหน้ามารับ แวะขึ้นดูเมืองโพนพิสัย แล้วไปบ้านพระยาพิสัยสรเดชพอหมดเวลาครึ่งชั่วโมงที่กำหนดไว้ก็กลับลงเรือ" และ "เวลา 12.40 น.ผ่านหน้าเมืองรัตนวาปี เลยปากน้ำคาดไปหน่อยหนึ่ง"
- วันที่ 31 พฤษภาคม 2468 ยุบตำบลบ้านใหม่ รวมกับท้องที่ตำบลกุดบง
- วันที่ 23 พฤษภาคม 2469 ยุบตำบลทุ่งธาตุ รวมกับท้องที่ตำบลชุมช้าง ตำบลจุมพล และตำบลวัดหลวง
- วันที่ 1 เมษายน 2480 โอนพื้นที่ตำบลทุ่งหลวง อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี มาขึ้นกับอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย
- วันที่ 10 มิถุนายน 2490 ตั้งตำบลทุ่งหลวง แยกออกจากตำบลวัดหลวง และตั้งตำบลกุดบง แยกออกจากตำบลรัตนวาปี
- วันที่ 30 พฤษภาคม 2499 จัดตั้งสุขาภิบาลจุมพล ในท้องที่บางส่วนของตำบลจุมพล
- วันที่ 22 มกราคม 2506 ตั้งตำบลปากคาด แยกออกจากตำบลโพนแพง
- วันที่ 7 มีนาคม 2510 ตั้งตำบลศรีชมภู และตั้งตำบลหนองพันทา แยกออกจากตำบลโซ่ ตั้งตำบลนาหนัง แยกออกจากตำบลชุมช้าง
- วันที่ 5 มีนาคม 2511 จัดตั้งสุขาภิบาลปากคาด ในท้องที่หมู่ 1 บ้านปากคาด หมู่ 4 บ้านโนนชัยศรี และหมู่ 7 บ้านท่าสวรรค์ ตำบลปากคาด
- วันที่ 28 พฤษภาคม 2511 ตั้งตำบลเหล่าต่างคำ แยกออกจากตำบลทุ่งหลวง
- วันที่ 1 มีนาคม 2515 แยกพื้นที่ตำบลโซ่ ตำบลศรีชมภู และตำบลหนองพันทา จากอำเภอโพนพิสัย ไปตั้งเป็น กิ่งอำเภอโซ่พิสัย และให้ขึ้นการปกครองกับอำเภอโพนพิสัย
- วันที่ 22 สิงหาคม 2515 ตั้งตำบลหนองหลวง แยกออกจากตำบลจุมพล
- วันที่ 19 มิถุนายน 2516 ตั้งตำบลหนองยอง แยกออกจากตำบลปากคาด
- วันที่ 13 เมษายน 2520 ยกฐานะจากกิ่งอำเภอโซ่พิสัย อำเภอโพนพิสัย เป็น อำเภอโซ่พิสัย
- วันที่ 1 สิงหาคม 2521 ตั้งตำบลเฝ้าไร่ แยกออกจากตำบลเซิม
- วันที่ 31 ตุลาคม 2521 ตั้งตำบลนากั้ง แยกออกจากตำบลปากคาด
- วันที่ 21 พฤศจิกายน 2521 แยกพื้นที่ตำบลปากคาด ตำบลหนองยอง และตำบลนากั้ง จากอำเภอโพนพิสัย ไปตั้งเป็น กิ่งอำเภอปากคาด และให้ขึ้นการปกครองกับอำเภอโพนพิสัย
- วันที่ 13 พฤศจิกายน 2522 ตั้งตำบลบ้านโพธิ์ แยกออกจากตำบลเซิม ตั้งตำบลนาทับไฮ แยกออกจากตำบลโพนแพง
- วันที่ 9 สิงหาคม 2526 ตั้งตำบลวังหลวง แยกออกจากตำบลหนองหลวง
- วันที่ 9 ตุลาคม 2527 ตั้งตำบลอุดมพร แยกออกจากตำบลเซิม ตั้งตำบลพระบาทนาสิงห์ แยกออกจากตำบลรัตนวาปี
- วันที่ 25 พฤศจิกายน 2528 ตั้งตำบลโนนศิลา แยกออกจากตำบลปากคาด
- วันที่ 20 มีนาคม 2529 ยกฐานะจากกิ่งอำเภอปากคาด อำเภอโพนพิสัย เป็น อำเภอปากคาด
- วันที่ 10 ตุลาคม 2529 ตั้งตำบลนาดี แยกออกจากตำบลเฝ้าไร่ ตั้งตำบลสมสนุก แยกออกจากตำบลหนองยอง
- วันที่ 21 ตุลาคม 2531 ตั้งตำบลบ้านต้อน แยกออกจากตำบลโพนแพง
- วันที่ 27 พฤศจิกายน 2535 ตั้งตำบลบ้านผือ แยกออกจากตำบลนาหนัง
- วันที่ 26 มกราคม 2536 ตั้งตำบลสร้างนางขาว แยกออกจากตำบลทุ่งหลวง
- วันที่ 22 มีนาคม 2538 แยกพื้นที่ตำบลเฝ้าไร่ ตำบลนาดี ตำบลหนองหลวง ตำบลวังหลวง และตำบลอุดมพร จากอำเภอโพนพิสัย ไปตั้งเป็น กิ่งอำเภอเฝ้าไร่ และแยกพื้นที่ตำบลรัตนวาปี ตำบลนาทับไฮ ตำบลบ้านต้อน ตำบลพระบาทนาสิงห์ และตำบลโพนแพง จากอำเภอโพนพิสัย ไปตั้งเป็น กิ่งอำเภอรัตนวาปี ให้ขึ้นการปกครองกับอำเภอโพนพิสัย
- วันที่ 25 พฤษภาคม 2542 ยกฐานะจากสุขาภิบาลจุมพล เป็นเทศบาลตำบลจุมพล ด้วยผลของกฎหมาย
- วันที่ 20 ตุลาคม 2549 เปลี่ยนแปลงชื่อเทศบาลตำบลจุมพล อำเภอโพนพิสัย เป็น เทศบาลตำบลโพนพิสัย
- วันที่ 8 กันยายน 2550 ยกฐานะจากกิ่งอำเภอเฝ้าไร่ และกิ่งอำเภอรัตนวาปี อำเภอโพนพิสัย เป็น อำเภอเฝ้าไร่ และอำเภอรัตนวาปี
ที่ตั้งและอาณาเขต
อำเภอโพนพิสัย มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับนครหลวงเวียงจันทน์ แขวงบอลิคำไซ (ประเทศลาว) และอำเภอรัตนวาปี
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอเฝ้าไร่
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอบ้านดุง อำเภอสร้างคอม และอำเภอเพ็ญ (จังหวัดอุดรธานี)
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอเมืองหนองคาย และนครหลวงเวียงจันทน์ (ประเทศลาว)
การแบ่งเขตการปกครอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
อำเภอโพนพิสัยแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 11 ตำบล 159 หมู่บ้าน ได้แก่
1. | จุมพล | (Chumphon) | 26 หมู่บ้าน | 7. | นาหนัง | (Na Nang) | 17 หมู่บ้าน | |||||
2. | วัดหลวง | (Wat Luang) | 16 หมู่บ้าน | 8. | เซิม | (Soem) | 11 หมู่บ้าน | |||||
3. | กุดบง | (Kut Bong) | 14 หมู่บ้าน | 9. | บ้านโพธิ์ | (Ban Pho) | 13 หมู่บ้าน | |||||
4. | ชุมช้าง | (Chum Chang) | 19 หมู่บ้าน | 10. | บ้านผือ | (Ban Phue) | 8 หมู่บ้าน | |||||
5. | ทุ่งหลวง | (Thung Luang) | 12 หมู่บ้าน | 11. | สร้างนางขาว | (Sang Nang Khao) | 8 หมู่บ้าน | |||||
6. | เหล่าต่างคำ | (Lao Tang Kham) | 15 หมู่บ้าน |
การปกครองส่วนท้องถิ่น
ท้องที่อำเภอโพนพิสัยประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 12 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลตำบลโพนพิสัย ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลจุมพล
- เทศบาลตำบลสร้างนางขาว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสร้างนางขาวทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลจุมพล ครอบคลุมพื้นที่ตำบลจุมพล (นอกเขตเทศบาลตำบลโพนพิสัย)
- องค์การบริหารส่วนตำบลวัดหลวง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวัดหลวงทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลกุดบง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกุดบงทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลชุมช้าง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลชุมช้างทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งหลวง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลทุ่งหลวงทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลเหล่าต่างคำ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเหล่าต่างคำทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลนาหนัง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาหนังทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลเซิม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเซิมทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโพธิ์ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านโพธิ์ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านผือ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านผือทั้งตำบล
อ้างอิง
- (PDF). Royal Gazette. 89 (31 ง special): 9. March 1, 1972. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-03-09. สืบค้นเมื่อ 2021-07-11.
- (PDF). Royal Gazette. 98 (31 ก): 326–330. April 12, 1977. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2008-12-03. สืบค้นเมื่อ 2021-07-11.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 95 (130 ง): 4081. November 21, 1978. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-02-24. สืบค้นเมื่อ 2021-07-11.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 103 (45 ง): (ฉบับพิเศษ) 4-6. March 20, 1986. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-02-24. สืบค้นเมื่อ 2021-07-11.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แบ่งเขตท้องที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคายตั้งเป็นกิ่งอำเภอเฝ้าไร่" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 112 (พิเศษ 9 ง): 50. March 22, 1995.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 112 (พิเศษ 9 ง): 51. March 22, 1995. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-02-24. สืบค้นเมื่อ 2021-07-11.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 124 (46 ก): 14–21. August 24, 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2007-09-30. สืบค้นเมื่อ 2021-07-11.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-31. สืบค้นเมื่อ 2022-04-09.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-05. สืบค้นเมื่อ 2021-12-10.
- https://www.facebook.com/722488218128250/posts/1578154679228262/
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-28. สืบค้นเมื่อ 2022-01-28.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 24 (41): 1088. January 12, 1907. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-01-25. สืบค้นเมื่อ 2021-07-11.
- "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษา พ.ศ. ๒๔๖๔ ในตำบลบ้านใหม่ อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ซึ่งยุบไปรวมขึ้นตำบลกุดบง และสำหรับท้องที่ในอำเภอหมากแข้ง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งยุบตำบลเชียงเพ็งไปรวมขึ้นตำบลเชียงยืน กับยุบตำบลนาแอง ซึ่งตั้งตำบลหมากหญ้าขึ้นแทน" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 42 (0 ก): 39–40. May 31, 1925.
- "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษา พ.ศ. ๒๔๖๔ ในตำบลทุ่งธาตุ อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ซึ่งยุบไปรวมกับตำบลชุมช้าง ตำบลจุมพล และตำบลวัดหลวง ท้องที่อำเภอเดียวกัน" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 43 (0 ก): 198. May 23, 1926.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 54 (0 ก): 40–54. April 1, 1937. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-05-16. สืบค้นเมื่อ 2021-07-11.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 64 (26 ง): 1114–1433. June 10, 1947. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-11-09. สืบค้นเมื่อ 2021-07-11.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งสุขาภิบาลจุมพล อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 73 (45 ง): (ฉบับพิเศษ) 39-40. May 30, 1956.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 80 (8 ง): 96–101. January 22, 1963.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอท่าบ่อ และอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 84 (23 ง): 857–865. March 10, 1967.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งสุขาภิบาลปากคาด อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 85 (23 ง): 692–693. March 5, 1968.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 85 (48 ง): 1525–1534. November 28, 1968. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-12-03. สืบค้นเมื่อ 2021-07-11.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 89 (126 ง): 2129–2131. August 22, 1972.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่ อำเภอโพนพิสัยและอำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 90 (70 ง): 1895–1899. June 16, 1973.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอโพนพิสัยและอำเภอโซ่พิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 95 (76 ง): 2436–2439. August 1, 1978.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 95 (121 ง): 3733–3739. October 31, 1978. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-12-03. สืบค้นเมื่อ 2021-07-11.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 96 (189 ง): 4159–4165. November 13, 1979.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอบึงกาฬ อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 100 (131 ง): 2706–2711. August 9, 1983.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอท่าบ่อ อำเภอโพนพิสัย อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 101 (142 ง): 3652–3662. October 9, 1984.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่กิ่งอำเภอปากคาด อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 102 (175 ง): (ฉบับพิเศษ) 4-6. November 25, 1985.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอโพนพิสัย อำเภอบึงกาฬ และกิ่งอำเภอปากคาด จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 103 (175 ง): (ฉบับพิเศษ) 137-146. October 10, 1986.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอบึงกาฬ อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 105 (171 ง): (ฉบับพิเศษ) 1-8. October 21, 1988.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและกำหนดเขตตำบลในท้องที่อำเภอโพนพิสัย และอำเภอพรเจริญ จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 109 (151 ง): (ฉบับพิเศษ) 60-66. November 27, 1992.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและกำหนดเขตตำบลในท้องที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 110 (9 ง): 19–21. January 26, 1993.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 116 (9 ก): 1–4. February 24, 1999. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2008-04-09. สืบค้นเมื่อ 2021-07-11.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง เปลี่ยนชื่อเทศบาล" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา: 1. October 20, 2006.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ophnphisy epnxaephxhnungkhxngcnghwdhnxngkhay xditepnxaephxthiekhymixanaekhtphunthikhnadihymak sungphunthixaephxophnphisyedimkhrxbkhlumphunthixaephxosphisyxaephxpakkhadcnghwdbungkal xaephxefair aelaxaephxrtnwapicnghwdhnxngkhayinpccubn sungaeykkarpkkhrxngxxkeruxymaxaephxophnphisyxaephxkarthxdesiyngxksrormn xksrormnAmphoe Phon Phisairimfngaemnaokhng xaephxophnphisykhakhwy hlwngphxphraesiyngkhuban praktkarnbngifphyanakhaephnthicnghwdhnxngkhay ennxaephxophnphisyphikd 18 1 19 N 103 4 38 E 18 02194 N 103 07722 E 18 02194 103 07722praeths ithycnghwdhnxngkhayphunthi thnghmd642 7 tr km 248 1 tr iml prachakr 2564 thnghmd98 258 khn khwamhnaaenn152 88 khn tr km 396 0 khn tr iml rhsiprsniy 43120rhsphumisastr4305thitngthiwakarthiwakarxaephxophnphisy elkhthi 1111 hmuthi 1 thnnphisysredch tablcumphl xaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay 43120swnhnungkhxngsaranukrmpraethsithyhlwngphxphraesiyng wdmniokhtr tablcumphl xaephxophnphisy cnghwdhnxngkhaytablcumphlthaelsab hnxng inxaephxophnphisyprawtiinpiph s 2369 2370 phraecaichyechsthathirachthi 3 ecaxnuwngs aehngewiyngcnthn aekhngemuxngbukmathungnkhrrachsima aelathukynthphklbiplnekla rchkalthi 3 oprdihsmedcphrabwrrachecamhaskdiphlesph epnaemthphhlwng singh singhesni smuhnaykmhadithyepnaemthphhnaprabewiyngcnthnidkhrngthi 1 aetecaxnuwngshniipid cnsmuhnaykkrithathphmaprabkhrng 2 tngthphxyukhayphanphraw briewn npkh pccubn aelathukhlxklxcnkhayaetkhniipemuxngyosthr khuxritxewiyngcnthndngedimcungtammasmthb echn butrhlanphrawx phrata aehngxublrachthani aelabutrhlancaryaekwaehngsuwrrnphumi chwyecakhunsmuhnaykthlmewiyngcnthncn hangdngonnkhihmacxk hnwyosthim klatay naody thawsuwxthrrm buyma xuphadyosthr hlngsukecaxnuwngs faykrungethph minoybayxphyphphukhnmafngphakhxisancungyubemuxngewiyngcnthnplxyihepnemuxngrang chawemuxngewiyngcnthnbangswnkxphyphmaphakhklangaelabangswnkxyuthibriewnemuxngewiyngkhuk emuxngpaokh xaephxemuxnghnxngkhayinpccubn emuxcdkarbanemuxngeriybrxyaelw ecaphrayabdinthredcha singh singhesni cungkrabbngkhmthulphrakrunakhxtngbaniphhruxbanhnxngiph khunepnemuxnghnxngkhay khawa hnxngkhay thukeriykephiynmacakkhawa hnxngkhay sungmikhwamhmayodytrngwa hnxngnabriewnthitngkhxngkhaythhar sungkhawahnxngkhaythukeriykephiynepn hnxngkhay in smyrchkalthi 5 tngaetnnma txmaoprdeklaih thawsuwxthrrm buyma epn phrapthumethwaphibalthi 1 aehngemuxnghnxngkhay tntrakul n hnxngkhay aela thawtadi butr silng aehngemuxngrxyexd echuxsayecacaryaekw idepnecaemuxngophnphisykhnaerk cakkhwamdikhwamchxbthiidrbbychacakecakhunaemthphmaskdecaxnuwngs ephuxmiihhniipywnxik odytngthphxyu cungeriykknwa ecaophnaephng khrnesrcsukcungykepn emuxngophnaephng thawtadiidepn ecaemuxngkhnaerk txmayngrunlukrunhlan emux ph s 2373 tntrakul phisyphnth singkhsiri simasingh sirisingh submacaepndwyehtuidimchdaecng phraphisysredch tadi idyaythitngemuxngcakophnaephngmaxyu n emuxngpakhwyhlwngeka sungkhngcaranginsmynn aelaexachuxemuxngophnphisymatngthini phunthitablophnaephngkhangikl cungkhxyk banhnxngaekw khunepn emuxngrtnwapi xikemuxnghnung hlngcakesrcsukecaxnuwngsaelakxtngemuxnghnxngkhayidimnan emuxnghnxngkhayidrbthanaepnemuxngpraethsrach odyyubemuxngewiyngcnthn rang sungphungthukthphsyamthalayipihmakhunkbemuxnghnxngkhay aela n khnann thngemuxnghnxngkhay aela emuxngophnphisy imidkhuntrngtxkn aetlwnepnemuxngexkkhunkbkrungethphthngkhu odyemuxngophnphisymixanaekhtkhrxbkhlumphunthi xaephxophnphisy xaephxrtnwapi xaephxefair khxngcnghwdhnxngkhay xaephxephy xaephxsrangkhxm khxngcnghwdxudrthani aela xaephxosphisy xaephxpakkhad khxngcnghwdbungkalinpccubn inpiph s 2389 wncnthr khun 9 kha eduxn 3 phrayakhtiywngsasilng ecaemuxngrxyexd pwyaelathungaekkrrm xuphadsingh rachwngsxinbutr cungphaecaephiylngmakrungethph phbkbphrayaphisysredch thawtadi ecaemuxngophnphisy sungepnphichaykhxngphrakhtiywngsaxinthraelaxuphadsingh aelaepnbutrkhxngphrayakhtiywngsasilng phrayaphisysredchcungphaxuphadrachwngsthawephiy krmkaremuxngrxyexd lngmaefathullaxxngthuliphrabath cungoprdekla ihphrayaphisysredchecaemuxngophnphisy klbiprksarachkaremuxngrxyexd phrayaphisysredchcungihbutrhlanrksakaremuxngophnphisyaethn khrnphrayaphisysredchlngipthungemuxngrxyexd cdkarephasphphrayakhtiywngsasilngphrabidaesrcaelw khunwnhnungxuphadsinghphuepnnxngchayidtngbxnop ndihphrayaphisysredchkbphwknkelngmaelnthihxnngbanphrayakhtiywngsa khrnewladukmikhnmalxbaethngphrayaphisysredchthukthisikhangsay thungaekkrrm idkhwamwaxuphadsinghekiywkhxnginkhdini khrnkhwamthrabthungkrungethph cungmitraoprdekla ihecaemuxngsuwrrnphumisngtwxuphadsinghaelabrrdabutrhlankhxngphrayakhtiywngsa lngmakrungethph oprdeklaihtulakarcharakhdi xuphadsingh phicarnaidkhwamepnstywaxuphadsinghepnphuichihcincnmaaethngphrayaphisysredch xuphadsinghelytxngthukcakhuktayxyuinthikhumkhng phrayaphisysredchsungpnphichaytangmardakbxuphadsinghaelarachwngsxinthr rachwngsxinthrphayhlngepnphrayakhtiywngsa xinthr thnsilngkur ecaemuxngrxyexdthanthi 3 xikthngphrayaphisysredch thawtadi yngepnnxngrwmmardakbyaaempthumma sungepnyakhxngphraecriyrachedch thawxun phwphutannth ecaemuxngmhasarkhamkhnthi 3 txmaidmikarsubswnkhxethccringcakhlkthanthiphungechuxthuxidaennxn praktwaxuphadsinghhaidepnphuwangaephnkhaphrayaphisy tamthielamannim emuxphicarnacakehtuphlcaksingaewdlxmtangaelw ehnwamixyuhlaykrnithixangxingprakxbid echn khrawthiphrayaphisy phrxmxuphadsinghidekhaefathullaxxngthuliphrabathkrabbngkhmthulkhawkarxsykrrmkhxngphrayakhtiywngsasilngphubidann xuphadsinghkidkrabbngkhmthulsnbsnunphichayepnxyangdi cnidthrngphrakrunaoprdekla ihphrayaphisysredchklbmarbrachkaremuxngrxyexd aelaodypktisxngphinxngnimikhwamrkikhrprxngdxngkndimak nxkcakniyngpraktwacincnphuaethngphrayaphisy kekhymixriwiwathknkbphrayaphisy machanan xnungtamenuxeruxngthiwa phicarnaidkhwamepnstywaxuphadsingh idihcincnaethngphrayaphisy aelaxuphadsinghelytxngcatayxyuinthikhumkhng cakkhxethccringodykhayunynkhxngphraecriyrachedch xun hlanyaaempthummasungepnphisawkhxngphrayaphisy exng idkhwamchdwaxuphadsinghiddumyaphisthungaekkrrminrahwangthangkxncathungkrungethph iklemuxngnkhrrachsima aelayatiidkhnphbcdhmaylatay thungphrryawa eraimekhykhidkhbthtxecaphiophnaephngely tayexngdikwathicathukkhnxunprahar eliynglukihdicnidiptngemuxngihmkhunxik swncincnnnrbsarphaphaelaimmikarsdthxdphuidely epnxnwaxuphadsinghepnphubrisuththiodyaeth sungsathxnihehnthungrabbkarphicarnakhdikhxngsyamhruxithyinsmykxnthiyngmikhxbkphrxnginkarhahlkthanaelakhwamimchdecninkartdsinkhdixyuphxsmkhwr insmythiphrapthumethwaphibal ekhn epnecaemuxnghnxngkhaykhnthi 3 niexngkekidsuksakhykhuneriykknwasukhx khrngaerkekidkhunin ph s 2420 aetinrayaniphraprathumethwaphibal ekhn imidxyuinhnxngkhaymirachkartxngmatxnrbphrayamhaxamatyesiythiemuxngxublrachthaniaelaidmxbkickarbanemuxngihthawcnthrsrisurach chun rksarachkaraethn phwkhxidtihwemuxnglaythangeruxymacnekhayudexaewiyngcnthriwid phwkkrmkaremuxnghnxngkhayaethnthicahathangpxngknkhasukkbkhidxphyphhniphwkhx odythawcnthrsrisurachkbkhrxbkhrwhniipxyubanphranphrawxudrthani emuxtwnayimkhidsuphwkrasdrkphlxykhwyesiyxphyphxxkcakemuxngbangehtukarnintxnnithungkbthaihemuxnghnxngkhaytkxyuinsphaphepnemuxngrangnxkniemuxngikl kn khuxemuxngophnphisykphlxyimkhidsukhinmaxik phraphiisysredch hnu ecaemuxngxphyphkhrxbkhrwhniipxyubungkal swn rachwngsemuxnghnxngkhay sungthuksngmarksakaraethnkbphraphisysredch hnu thukphwkhxkhatay thangkrungethphcungidmiphrabrmrachxngkhkarihphrayamhaxamaty chun sungiprachkar n emuxngxublrachthani nn eknththphekhaprabhxkxngthphkhxngphrayamhaxamatyidykekhamatngphkxyuthiemuxnghnxngkhayaelwksngihcbexaethacnthrsrisurachaelaphrayaphiisysredch hnu ippraharchiwitesiythngkhuephuximihepneyiyngxyangsubtxipcaknikeknthkhninemuxngtang khux nkhrphnm mukdahar ekhmrath xublaelarxyexd ekhasmthbkbkxngthphemuxnghnxngkhay rwmphlidthngsinpraman 20 000 khn aelwykxxkiptiemuxngewiyngcnthrsungphwkhxsuimidaetkaelathingkrungewiyngcnthrip kxngthphkhxngphrayamhaxamatykklbmaphkthihnxngkhaycdkickrrmbanemuxngepnthieriybrxyaelwkklbkrungethph khrngniphraprathumethwaphibal ekhn ecaemuxnghnxngkhayidtidtamlngmakrungethph dwy emux ph s 2428 ekidsngkhramprabhxkhrngthisxnginbriewnthungihhin thungechiyngkha phwkhxkaeribtimacnthungewiyngcnthn emuxphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwthrngthrabkhawsukhx cungthrngphrakrunaoprdekla phraecabrmwngsethx phraxngkhecathxngkxngkxnihy krmhlwngprackssilpakhmkhnadarngphraxisriysepn krmhmunprackssilpakhm epnaemthphprabhxkhrngnncnphwkhxaetkhni aelasrangxnusawriyprabhxiwthiemuxnghnxngkhay swnthangfngemuxngophnphisy hlngesrcsukprabhx thawkhasingh sungkhnannmirachthinnamepn phrasrisurskdisunthr ecaemuxngrtnwapi xditecaemuxngprachumphnaly emuxngpaksn aekhwngbxlikhais spp law khuneekhwngemuxngophnphisy sungepnbutrhlankhxngphraphisysredchthanaerk thawtadi idrbaetngtngepn phrartnekhtrksa ecaemuxngophnphisyaethnecaemuxngedimsubtxma sungthanidaesdngkhwamklahayrbphungkbhxhlaykhrng cnidrachthinnamepn phrayaphisysredch khasingh singhsiri epntntrakul singhsiri cungehnidwa thukkhrngthiekidsukaelaekidehtukhasukstruekhamarukran thngemuxnghnxngkhayaelaemuxngophnphisylwnepnphnthmitrrwmkntxsu ekhiyngbaekhiyngihlknmaodytlxd xaephxophnphisy edimmithanaepn emuxngophnphisy sungepnhwemuxng 1 in 7 khxngmnthlxudr karptirupkarpkkhrxngtamrabbethsaphibalnnkdaenintxip cnemuxyubemuxngophnphisyepnxaephxaelwphrayaophnphisysredch darngtaaehnngepnnayxaephxophnphisy cnthungpi ph s 2450 phraecabrmwngsethxkrmphrayadarngrachanuphaphesnabdikrathrwngmhadithy matrwcrachkarinekhtmnthlxudr aelaidepliynthanaemuxngophnphisyepnxaephxophnphisy khunkbcnghwdhnxngkhaycnthungpccubn aelayubemuxngrtnwapi epntablrtnwapi ihkhunkarpkkhrxngxyuinxaephxophnphisy emuxkhrngsmedckrmphrayadarngrachanuphaph pthmesnabdimhadithyesdctrwcrachkaraemnaokhng idthrngbrryaythsniyphaphaemnaokhngwa thungemuxngophnphisy phrayaphisysredch idlwnghnamarb aewakhunduemuxngophnphisy aelwipbanphrayaphisysredchphxhmdewlakhrungchwomngthikahndiwkklblngerux aela ewla 12 40 n phanhnaemuxngrtnwapi elypaknakhadiphnxyhnung wnthi 31 phvsphakhm 2468 yubtablbanihm rwmkbthxngthitablkudbng wnthi 23 phvsphakhm 2469 yubtablthungthatu rwmkbthxngthitablchumchang tablcumphl aelatablwdhlwng wnthi 1 emsayn 2480 oxnphunthitablthunghlwng xaephxephy cnghwdxudrthani makhunkbxaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay wnthi 10 mithunayn 2490 tngtablthunghlwng aeykxxkcaktablwdhlwng aelatngtablkudbng aeykxxkcaktablrtnwapi wnthi 30 phvsphakhm 2499 cdtngsukhaphibalcumphl inthxngthibangswnkhxngtablcumphl wnthi 22 mkrakhm 2506 tngtablpakkhad aeykxxkcaktablophnaephng wnthi 7 minakhm 2510 tngtablsrichmphu aelatngtablhnxngphntha aeykxxkcaktablos tngtablnahnng aeykxxkcaktablchumchang wnthi 5 minakhm 2511 cdtngsukhaphibalpakkhad inthxngthihmu 1 banpakkhad hmu 4 banonnchysri aelahmu 7 banthaswrrkh tablpakkhad wnthi 28 phvsphakhm 2511 tngtablehlatangkha aeykxxkcaktablthunghlwng wnthi 1 minakhm 2515 aeykphunthitablos tablsrichmphu aelatablhnxngphntha cakxaephxophnphisy iptngepn kingxaephxosphisy aelaihkhunkarpkkhrxngkbxaephxophnphisy wnthi 22 singhakhm 2515 tngtablhnxnghlwng aeykxxkcaktablcumphl wnthi 19 mithunayn 2516 tngtablhnxngyxng aeykxxkcaktablpakkhad wnthi 13 emsayn 2520 ykthanacakkingxaephxosphisy xaephxophnphisy epn xaephxosphisy wnthi 1 singhakhm 2521 tngtablefair aeykxxkcaktablesim wnthi 31 tulakhm 2521 tngtablnakng aeykxxkcaktablpakkhad wnthi 21 phvscikayn 2521 aeykphunthitablpakkhad tablhnxngyxng aelatablnakng cakxaephxophnphisy iptngepn kingxaephxpakkhad aelaihkhunkarpkkhrxngkbxaephxophnphisy wnthi 13 phvscikayn 2522 tngtablbanophthi aeykxxkcaktablesim tngtablnathbih aeykxxkcaktablophnaephng wnthi 9 singhakhm 2526 tngtablwnghlwng aeykxxkcaktablhnxnghlwng wnthi 9 tulakhm 2527 tngtablxudmphr aeykxxkcaktablesim tngtablphrabathnasingh aeykxxkcaktablrtnwapi wnthi 25 phvscikayn 2528 tngtablonnsila aeykxxkcaktablpakkhad wnthi 20 minakhm 2529 ykthanacakkingxaephxpakkhad xaephxophnphisy epn xaephxpakkhad wnthi 10 tulakhm 2529 tngtablnadi aeykxxkcaktablefair tngtablsmsnuk aeykxxkcaktablhnxngyxng wnthi 21 tulakhm 2531 tngtablbantxn aeykxxkcaktablophnaephng wnthi 27 phvscikayn 2535 tngtablbanphux aeykxxkcaktablnahnng wnthi 26 mkrakhm 2536 tngtablsrangnangkhaw aeykxxkcaktablthunghlwng wnthi 22 minakhm 2538 aeykphunthitablefair tablnadi tablhnxnghlwng tablwnghlwng aelatablxudmphr cakxaephxophnphisy iptngepn kingxaephxefair aelaaeykphunthitablrtnwapi tablnathbih tablbantxn tablphrabathnasingh aelatablophnaephng cakxaephxophnphisy iptngepn kingxaephxrtnwapi ihkhunkarpkkhrxngkbxaephxophnphisy wnthi 25 phvsphakhm 2542 ykthanacaksukhaphibalcumphl epnethsbaltablcumphl dwyphlkhxngkdhmay wnthi 20 tulakhm 2549 epliynaeplngchuxethsbaltablcumphl xaephxophnphisy epn ethsbaltablophnphisy wnthi 8 knyayn 2550 ykthanacakkingxaephxefair aelakingxaephxrtnwapi xaephxophnphisy epn xaephxefair aelaxaephxrtnwapithitngaelaxanaekhtxaephxophnphisy mixanaekhttidtxkbekhtkarpkkhrxngkhangekhiyngdngtxipni thisehnux tidtxkbnkhrhlwngewiyngcnthn aekhwngbxlikhais praethslaw aelaxaephxrtnwapi thistawnxxk tidtxkbxaephxefair thisit tidtxkbxaephxbandung xaephxsrangkhxm aelaxaephxephy cnghwdxudrthani thistawntk tidtxkbxaephxemuxnghnxngkhay aelankhrhlwngewiyngcnthn praethslaw karaebngekhtkarpkkhrxngkarpkkhrxngswnphumiphakh xaephxophnphisyaebngekhtkarpkkhrxngyxyxxkepn 11 tabl 159 hmuban idaek 1 cumphl Chumphon 26 hmuban 7 nahnng Na Nang 17 hmuban2 wdhlwng Wat Luang 16 hmuban 8 esim Soem 11 hmuban3 kudbng Kut Bong 14 hmuban 9 banophthi Ban Pho 13 hmuban4 chumchang Chum Chang 19 hmuban 10 banphux Ban Phue 8 hmuban5 thunghlwng Thung Luang 12 hmuban 11 srangnangkhaw Sang Nang Khao 8 hmuban6 ehlatangkha Lao Tang Kham 15 hmubankarpkkhrxngswnthxngthin thxngthixaephxophnphisyprakxbdwyxngkhkrpkkhrxngswnthxngthin 12 aehng idaek ethsbaltablophnphisy khrxbkhlumphunthibangswnkhxngtablcumphl ethsbaltablsrangnangkhaw khrxbkhlumphunthitablsrangnangkhawthngtabl xngkhkarbriharswntablcumphl khrxbkhlumphunthitablcumphl nxkekhtethsbaltablophnphisy xngkhkarbriharswntablwdhlwng khrxbkhlumphunthitablwdhlwngthngtabl xngkhkarbriharswntablkudbng khrxbkhlumphunthitablkudbngthngtabl xngkhkarbriharswntablchumchang khrxbkhlumphunthitablchumchangthngtabl xngkhkarbriharswntablthunghlwng khrxbkhlumphunthitablthunghlwngthngtabl xngkhkarbriharswntablehlatangkha khrxbkhlumphunthitablehlatangkhathngtabl xngkhkarbriharswntablnahnng khrxbkhlumphunthitablnahnngthngtabl xngkhkarbriharswntablesim khrxbkhlumphunthitablesimthngtabl xngkhkarbriharswntablbanophthi khrxbkhlumphunthitablbanophthithngtabl xngkhkarbriharswntablbanphux khrxbkhlumphunthitablbanphuxthngtablxangxing PDF Royal Gazette 89 31 ng special 9 March 1 1972 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2012 03 09 subkhnemux 2021 07 11 PDF Royal Gazette 98 31 k 326 330 April 12 1977 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2008 12 03 subkhnemux 2021 07 11 PDF rachkiccanuebksa 95 130 ng 4081 November 21 1978 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2012 02 24 subkhnemux 2021 07 11 PDF rachkiccanuebksa 103 45 ng chbbphiess 4 6 March 20 1986 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2012 02 24 subkhnemux 2021 07 11 prakaskrathrwngmhadithy eruxng aebngekhtthxngthixaephxophnphisy cnghwdhnxngkhaytngepnkingxaephxefair PDF rachkiccanuebksa 112 phiess 9 ng 50 March 22 1995 PDF rachkiccanuebksa 112 phiess 9 ng 51 March 22 1995 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2012 02 24 subkhnemux 2021 07 11 PDF rachkiccanuebksa 124 46 k 14 21 August 24 2007 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2007 09 30 subkhnemux 2021 07 11 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2022 01 31 subkhnemux 2022 04 09 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2022 10 05 subkhnemux 2021 12 10 https www facebook com 722488218128250 posts 1578154679228262 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2022 01 28 subkhnemux 2022 01 28 PDF rachkiccanuebksa 24 41 1088 January 12 1907 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2012 01 25 subkhnemux 2021 07 11 prakaskrathrwngsuksathikar eruxng karichphrarachbyytiprathmsuksa ph s 2464 intablbanihm xaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay sungyubiprwmkhuntablkudbng aelasahrbthxngthiinxaephxhmakaekhng cnghwdxudrthani sungyubtablechiyngephngiprwmkhuntablechiyngyun kbyubtablnaaexng sungtngtablhmakhyakhunaethn PDF rachkiccanuebksa 42 0 k 39 40 May 31 1925 prakaskrathrwngsuksathikar eruxng karichphrarachbyytiprathmsuksa ph s 2464 intablthungthatu xaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay sungyubiprwmkbtablchumchang tablcumphl aelatablwdhlwng thxngthixaephxediywkn PDF rachkiccanuebksa 43 0 k 198 May 23 1926 PDF rachkiccanuebksa 54 0 k 40 54 April 1 1937 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2012 05 16 subkhnemux 2021 07 11 PDF rachkiccanuebksa 64 26 ng 1114 1433 June 10 1947 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2011 11 09 subkhnemux 2021 07 11 prakaskrathrwngmhadithy eruxng cdtngsukhaphibalcumphl xaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 73 45 ng chbbphiess 39 40 May 30 1956 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelaepliynaeplngekhttablinthxngthixaephxemuxnghnxngkhay xaephxsriechiyngihm aelaxaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 80 8 ng 96 101 January 22 1963 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelaepliynaeplngekhttablinthxngthixaephxthabx aelaxaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 84 23 ng 857 865 March 10 1967 prakaskrathrwngmhadithy eruxng cdtngsukhaphibalpakkhad xaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 85 23 ng 692 693 March 5 1968 PDF rachkiccanuebksa 85 48 ng 1525 1534 November 28 1968 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2013 12 03 subkhnemux 2021 07 11 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelaepliynaeplngekhttablinthxngthixaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 89 126 ng 2129 2131 August 22 1972 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelaepliynaeplngekhttablinthxngthi xaephxophnphisyaelaxaephxeska cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 90 70 ng 1895 1899 June 16 1973 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelaepliynaeplngekhttablinthxngthixaephxophnphisyaelaxaephxosphisy cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 95 76 ng 2436 2439 August 1 1978 PDF rachkiccanuebksa 95 121 ng 3733 3739 October 31 1978 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2013 12 03 subkhnemux 2021 07 11 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelaepliynaeplngekhttablinthxngthixaephxemuxnghnxngkhay xaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 96 189 ng 4159 4165 November 13 1979 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelaepliynaeplngekhttablinthxngthixaephxbungkal xaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 100 131 ng 2706 2711 August 9 1983 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelaepliynaeplngekhttablinthxngthixaephxthabx xaephxophnphisy xaephxbungkal cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 101 142 ng 3652 3662 October 9 1984 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelaepliynaeplngekhttablinthxngthikingxaephxpakkhad xaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 102 175 ng chbbphiess 4 6 November 25 1985 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelaepliynaeplngekhttablinthxngthixaephxophnphisy xaephxbungkal aelakingxaephxpakkhad cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 103 175 ng chbbphiess 137 146 October 10 1986 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelaepliynaeplngekhttablinthxngthixaephxbungkal xaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 105 171 ng chbbphiess 1 8 October 21 1988 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelakahndekhttablinthxngthixaephxophnphisy aelaxaephxphrecriy cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 109 151 ng chbbphiess 60 66 November 27 1992 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelakahndekhttablinthxngthixaephxophnphisy cnghwdhnxngkhay PDF rachkiccanuebksa 110 9 ng 19 21 January 26 1993 PDF rachkiccanuebksa 116 9 k 1 4 February 24 1999 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2008 04 09 subkhnemux 2021 07 11 prakaskrathrwngmhadithy eruxng epliynchuxethsbal PDF rachkiccanuebksa 1 October 20 2006 bthkhwamekhtkarpkkhrxngkhxngpraethsithyniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk