บทความนี้ต้องการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ โปรดเพิ่มพารามิเตอร์ reason หรือ talk ลงในแม่แบบนี้เพื่ออธิบายปัญหาของบทความ |
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า หรือ ให้ คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้เพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
เจ้าพระตา หรือ พระวรราชปิตา (พ.ศ. ไม่ระบุ-2314) เป็นเจ้าผู้ครองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน (หนองบัวลำภู) พระองค์ที่ 2 (พ.ศ. 2283-พ.ศ. 2314) เป็นพระราชโอรสในเจ้าอุปราชนอง (เจ้านอง) ปฐมผู้ปกครองเมืองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน อันสืบมาแต่สายราชวงศ์แสนทิพย์นาบัว สืบมาแต่วงศ์สามัญชนเชื้อสายไทพวน เป็นพระบิดาพระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราช พระประเทศราชผู้ครองนครจำปาศักดิ์ องค์ที่ 3 และเป็นพระราชบิดาพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ พระประเทศราชผู้ครองเมืองอุบลราชธานีศรีวนาไลยประเทศราช องค์ที่ 1
พระวรราชปิตา | |
---|---|
เจ้าผู้ครองนคร | |
ประสูติ | พ.ศ. ไม่ระบุ |
พิราลัย | พ.ศ. 2314 |
พระมเหสี | พระนางบุศดีเทวี |
พระวรราชปิตา | |
ราชวงศ์ | แสนทิพย์นาบัว |
พระบิดา | เจ้าอุปราชนอง |
พระมารดา | หญิงชาวลาวเวียงจันทน์ |
ประวัติ
พระตา ทรงเป็นพระโอรสของเจ้าอุปราชนองปฐมเจ้าครองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน และมีพระมารดาเป็นชาวลาวเวียงจันทน์ พระตามีศักดิ์เป็นพระราชนัดดาของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ พระองค์ที่ 1 สมภพที่นครเวียงจันทน์ มีพระอนุชา 1 พระองค์ คือ เจ้าพระวอ แต่ประชาชนทั้งหลายมักเรียกพระนามทั้งสองพระองค์รวมกันจนติดปากว่า "พระตาพระวอ" มาจวบจนปัจจุบัน เมื่อพระตาทรงเจริญชนม์ เจ้าอุปราชนองทรงโปรดให้เข้ารับราชการสนองพระคุณพระเจ้าไชยองค์เว้ผู้เป็นพระมาตุลา(น้าชาย) ที่พระราชสำนักนครเวียงจันทน์
ต่อมาเจ้าพระตาทรงอภิเษกสมรสกับเจ้านางบุศดี หรือ พระนางบุศดีเทวี มีพระโอรส และพระธิดา ทั้งหมด 9 องค์ ดังปรากฏรายพระนามดังนี้
- เจ้านางสีดา
- ท้าวคำผง ต่อมาเป็นพระประเทศราชผู้ครองเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัยประเทศราช องค์ที่ 1 ต้นสายสกุล
- ท้าวฝ่ายหน้า ต่อมาเป็นพระประเทศราชผู้ครอง องค์ที่ 3 ทรงมีตำแหน่งพระประเทศราชแห่งอาณาจักร์กรุงรัตนโกสินทร์
- ต่อมาเป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัยประเทศราช องค์ที่ 2 ต้นสายสกุล
- ท้าวโคตร ต้นสายสกุล
- เจ้านางมิ่ง
- ท้าวซุย
- เจ้านางเหมือนตา
- ท้าวสุ่ย ต่อมาเป็นราชบุตรเมืองอุบลราชธานี และได้รับพระราชทานเป็นผู้ครองเมืองอุบลราชธานี องค์ที่ 3 แต่ถึงแก่อนิจกรรมที่กรุงเทพฯ ก่อนขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นผู้ครองเมือง ต้นสายสกุล สิงหัษฐิต
ศึกชิงราชบัลลังก์นครเวียงจันทน์
ในปี พ.ศ. 2238 พระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราชสวรรคต ไม่มีผู้สืบราชสมบัติอย่างชัดเจน มีแต่พระราชนัดดาที่ทรงพระเยาว์ ทำให้เกิดความปั่นป่วนและศึกแย่งชิงเชื้อพระวงศ์มาเป็นพวกตน บางพระองค์ได้หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร การแย่งชิงราชสมบัติหลังการสวรรคตของพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราชจึงเป็นชนวนเหตุการนำไปสู่การแบ่งแยกอาณาจักรล้านช้างอันเข้มแข็ง และยิ่งใหญ่ ออกเป็น 3 อาณาจักรเล็กอันอ่อนแอในที่สุด และพระยาเมืองแสนอัครมหาเสนาบดี ได้เข้ายึดราชบัลลังก์พร้อมสถาปนาตนขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์อาณาจักรล้านช้าง พระองค์ที่ 33 พระนามว่า "พระยาจันทสีหราช (เมืองแสน)" ขณะนั้นเจ้าองค์บุญ พระราชโอรสของเจ้าองค์ลอง และเป็นหลานของพระไชยเชษฐาธิราชที่ 2 (พระเจ้าไชยองค์เว้) จึงได้หนีราชภัยสงครามมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารเจ้าอุปราชนองผู้เป็นญาติใกล้ชิด เนื่องจากเจ้าอุปราชนองเป็นพระอนุชาร่วมมารดากับเจ้าไชยองค์เว้ แต่ต่างบิดา โดยที่เจ้าไชยองค์เว้มีเชื้อสายกษัตริย์ลาวทางพระราชบิดาจากเจ้าชมพู ส่วนเจ้าอุปราชนองเป็นเพียงสามัญชนที่สืบเชื้อสายมาจากบิดาชาวไทพวน เมื่อเจ้าองค์บุญที่หนองบัวลุ่มภู เจ้าอุปราชนองทรงชุบเลี้ยงเจ้าองค์บุญเยี้ยงพระราชโอรสของพระองค์
ในปี พ.ศ. 2273 พระไชยเชษฐาธิราชที่ 2 (พระเจ้าไชยองค์เว้) เสด็จสวรรคต เจ้าองค์ลองซึ่งเป็นพระราชโอรสจึงเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ พระองค์ที่ 2 ซึ่งมีพระราชโอรสคือ เจ้าองค์บุญ อาศัยอยู่ที่หนองบัวลุ่มภู และในปี พ.ศ. 2283 เจ้าองค์ลองสวรรคต พระบิดาของพระวอ-พระตา ยึดอำนาจจากเจ้าองค์ลองและสำเร็จโทษ แล้วแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ พระองค์ที่ 3 แต่เนื่องจากอุปราชนองเป็นเพียงสามัญชนไม่มีเชื้อสายกษัตริย์จึงไม่เป็นที่ยอมรับจากขุนนาง ตำแหน่งจึงคงไว้แค่เพียง เจ้าอุปราช
ปี พ.ศ. 2294 เจ้าองค์บุญมีความประสงค์จะได้ราชบัลลังก์นครเวียงจันทน์โดยอ้างสิทธิเป็นพระราชโอรสของเจ้าองค์ลอง และพระราชนัดดาของพระเจ้าไชยองค์เว้ ซึ่งพระตา และพระวอ จึงได้ยกกองกำลังร่วมต่อต้านพระบิดาของตน หนองบัวลุ่มภูเข้าช่วงชิงราชบัลลังก์จากเจ้าอุปราชนอง พระมหากษัตริย์อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ พระองค์ที่ 3 จนสำเร็จ แล้วปราบดาภิเษกเจ้าองค์บุญขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ครองอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ พระองค์ที่ 4 พระนามว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 3 หรือ พระเจ้าสิริบุญสาร และพระเจ้าสิริบุญสารได้ให้พระตา และพระวอดูแลรักษาบ้านหินโงมอีกด้วย แต่หาได้เป็นเสนาบดีในราชสำนักนครเวียงจันทน์ไม่ ดังปรากฏในพงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสาณของหม่อมอมรวงษ์วิจิตร ความว่า "จุลศักราช ๑๑๒๙ ปีกุญนพศก พระเจ้าองค์หล่อผู้ครองกรุงศรีสัตนาคนหุตถึงแก่พิราไลย หามีโอรสที่จะสืบตระกูลไม่ แสนท้าวพระยาแลนายวอ นายตา จึ่งได้พร้อมกันเชิญกุมารสองคน ซึ่งเปนเชื้อวงษ์พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตคนเก่า อันได้หนีไปอยู่กับนายวอ นายตา เมื่อพระเจ้าองค์หล่อยกกำลังมาจับพระยาเมืองแสนฆ่านั้น ขึ้นครองกรุงศรีสัตนาคนหุต "
เหตุขัดแย้งกับนครเวียงจันทน์
ในปี พ.ศ. 2294 เจ้านองผู้เป็นบิดาพิราลัยลงจากการที่บุตรทั้งสองมีส่วนร่วมกันกับองค์บุญสำเร็จโทษบิดาตนเองหรือการปิตุฆาต ส่วนพระตา แลพระวอ ผู้ปกครองอยู่ที่บ้านหินโงม (ห่างจากตัวเมืองหนองคายไปทางอำเภอโพนพิสัย ประมาณ 1 กิโลเมตร) ซึ่งเป็นที่รักใคร่ของไพร่พลจนผู้สมัครใจมาร่วมอาศัยอยู่ในชุมชนเป็นจำนวนมาก
ในปี พ.ศ. 2310 พระเจ้าสิริบุญสารเกรงว่ากลุ่มพระตาจะก่อการกบฎต่อพระราชสำนักนครเวียงจันทน์ จึงคิดหาอุบายกำจัดพระวอและพระตา เหตุจากทรงเกรงว่าจะมีการพยายามจะแย่งชิงอำนาจ จึงเป็นชนวนเหตุเกิดความขัดแย้ง พระตาพระวอจึงได้ชักชวนแม่ทัพนายกองที่ไม่สมัครใจจะทำราชการกับพระเจ้าสิริบุญสารด้วย จึงร่วมกันกับกลุ่มพันธมิตร คือ ท้าวโสมพมิตร ได้อพยพไพร่พลกองครัวญาติพี่น้องลงมาพร้อมกับพระตา จากบ้านหินโงมมายังเมืองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน(หนองบัวลำภู) อันมีพระบิดาปกครองอยู่
ครองเมือง
ปี พ.ศ. 2313 เมื่อพระตามาถึงหนองบัวลุ่มภู ก็ขึ้นครองเมืองเป็นเจ้าผู้ครองเมืองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน พระองค์ที่ 2 แทนพระบิดา พระนามว่า "พระวรราชปิตา" ตั้งให้พระวอ ผู้เป็นพระอนุชา เป็นที่อุปราช บูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม แลค่ายคูประตูกำแพงเมืองอย่างแน่นหนาถาวร มีกองกำลังทหารเข้มแข็ง แลมีช้างเผือกคู่เวียง ปกครองนครด้วยธรรมใส่ใจทุกข์สุขไพร่ฟ้าราษฎรอยู่ร่มเย็นเป็นสุข ให้ท้าวผ้าขาวพากลุ่มไพร่พลกองครัว ประมาณ 5,000 คน ไปตั้งถิ่นฐานบริเวณบ้านผ้าขาว บ้านพันนา ยกขึ้นเป็นเมืองหน้าด่านทางทิศตะวันออกของหนองบัวลุ่มภู (ปัจจุบันคือพื้นที่ของจังหวัดสกลนคร) ท้าวนามไปปกครองอยู่ที่เมืองภูเวียงเป็นเมืองหน้าด่านทางทิศใต้ และตั้งเมืองนาด้วงเป็นเมืองหน้าด่านทางทิศตะวันตก ประมาณในปี พ.ศ. 2311 หลังจากประมาณสิบกว่าปีที่พระวอพระตาได้ช่วยพระเจ้าแผ่นดินลาวเวียงจันทน์ ทางฝ่ายพระเจ้าสิริบุญสาร เห็นว่า พระวรราชปิตาแห่งเมืองหนองบัวลุ่มภูสะสมกำลังไพร่พลจำนวนมาก และมีความเข้มแข็ง เกรงจะคิดกบฎต่อพระราชบัลลังก์ จึงให้พระยาเมืองแสน พระยาเมืองจันทร์ยกทัพมาตีหนองบัวลุ่มภู ใช้เวลาอยู่ 3 ปี แต่ยังไม่สามารถตีหนองบัวลุ่มภูแตกได้
สงครามนครเวียงจันทน์
ปี พ.ศ. 2314 พระเจ้าสิริบุญสารเห็นว่าหนองบัวลุ่มภูไม่สามารถตีแตกได้ จึงแต่งคณะทูตนำสาส์นพร้อมเครื่องราชบรรณาการไปหาพระเจ้ามังระแห่งหงสาวดีที่ปกครองอยู่นครเชียงใหม่ยกทัพลงมาช่วยตีหนองบัวลุ่มภู เมื่อพระวราชปิตาทราบข่าวการส่งสาร์นของพระเจ้าสิริบุญสาร พระองค์ก็ได้จัดแจงแต่งค่ายคูประตูเมืองให้มั่นคงหาทางหนีทีไล่พร้อมสรรพ จึงมีรับสั่งให้ท้าวคำสู ท้าวคำขุย ท้าวคำสิงห์ แลท้าวอินทิสารยกไพร่พลกองครัวส่วนหนึ่งลงมาสร้างบ้านแปงเมืองใหม่ หากพ่ายแพ้สงครามก็จะได้อพยพลงมาสบทบ โดยท้าวคำสูได้พากลุ่มไพร่พลมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตามลำพะเนียงต่อลำน้ำพองตามแม่น้ำชีลงมาถึงดงใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำชี เรียกว่า ดงผีสิงห์ ท้าวคำสูพาไพร่พลตั้งบ้านแปงเมืองขึ้น เรียกว่า บ้านสิงห์ท่า และท้าวคำขุยพาไพร่พลส่วนหนึ่งขึ้นไปตั้งบ้านเมืองที่ดงโต่งโต้น เรียกว่า บ้านสิงห์โคก (ต่อมาคือเมืองยศสุนทรประเทศราช) ส่วนพระวรราชปิตาได้เกณฑ์เอากำลังไพร่พลจากเมืองผ้าขาว เมืองพันนา เมืองภูเวียง เมืองนาด้วง มาร่วมต้านข้าศึก เมื่อทัพจากนครเวียงจันทน์และทัพสนับสนุนจากพม่ามายั้งทัพตั้งค่ายล้อมเมืองหนองบัวลุ่มภูไว้ด้านหนึ่ง พระวรราชปิตา แลอุปราชได้นำกำลังไพร่พลออกมารบ เมื่อข้าศึกมีจำนวนมาก ประกอบกับพระวรราชปิตามีพระชนม์สูงวัยจึงอ่อนกำลังลง และพระวรราชปิตาถูกพระแสงปืนข้าศึกจนตกม้าถึงแก่พิราลัย บริเวณช่องน้ำจั่นใต้น้ำตกเฒ่าโต้ เทือกเขาภูพาน และทัพนครเวียงจันทน์จึงสามารถตีหนองบัวลุ่มภูแตกได้
พิราลัย
เมื่อทัพนครเวียงจันทน์ได้กำลังสนับสนุนจากทัพพม่า จึงทำให้เมืองหนองบัวลุ่มภูที่มีปราการอันแน่นหนาถูกตีแตก พระวรราชปิตาได้เป็นแม่ทัพหน้า อุปราชเป็นแม่ทัพหลังออกปราบข้าศึก และพระวรราชปิตาถูกพระแสงปืนจนถึงแก่พิราลัยที่ช่องน้ำจั่นใต้น้ำตกเฒ่าโต้ บริเวณเทือกเขาภูพาน วันศุกร์ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 3 พ.ศ. 2314 ขณะมีพระชนม์ 78 พรรษา ก่อนที่พระองค์จะพิราลัยได้สั่งเสียอุปราช ท้าวคำผง ท้าวฝ่ายหน้า ท้าวทิดพรหม และท้าวก่ำต่อไปภายหน้า ด้วยกลอนผญาว่า ไม้ลำเดียวล้อมฮั่วบ่ไขว่ ไพร่บ่พร้อมแปงบ้านบ่เฮือง ไผผู้เป็นขุนกล้าครองเมืองจั่งฮุ่ง ครั้นแม่นขุนขี้ย้านครองบ้านบ่เฮือง อย่าเห็นแก่เงินแสนไถ ให้เห็นแก่ไพร่แสนเมือง ได้ขึ้นเฮือนแล้ว อย่าลืมแพป้องไม้ไผ่ ได้เป็นใหญ่แล้วอย่าลืมข้าผู้พลอย ได้กินพาคำอย่าลืมกะเบียนฮ้าง ได้ขึ้นขี่ช้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าลืมประชาผู้ขี่ควายเกาฮิ้น แลอุปราชพร้อมไพร่พลได้คุ้มกันนำพระศพของพระวรราชปิตาเข้ามายังหนองบัวลุ่มภู
พระนามในประวัติศาสตร์
ตำนานพื้นเมืองอุบล
อันว่า เมืองอุบลนี้ มีแต่คนเวียงเกี้ยงอ่อยฮ่อย แต่หากเป็นไพร่น้อย อยู่ตามบ้านเขตแขวง พระตามีเดชกล้า คนยอย้องว่าดี ได้เป็นนายกองนอก เป็นผู้ตุ้มไพร่น้อยนาขึ้นซ่อยเวียง พระก็สถิตย์แห่งห้อง หินโง่มเป็นบ้านใหญ่ เป็นผู้มีเดชกล้า คนสะดุ้งกระเดื่องดิน พระตานั้นได้ลูกเต้า ผู้จักสืบแทนแนว มีอยู่เพียงเจ็ดคน สะอาดตาปานแต้ม หากเป็นชายล้วน สามคนสิทธิเดช เหลือกว่านั้น เป็นหญิงแท้คนย้องฮูปงามˈ.........พร้อมว่าเจ้าคึดแล้ว จึงได้ฮ้องเฮียกเอิ้น ลูกฮักทั้งสามคน คือว่า พระวอ ท้าวคำผง ท้าวทิดพรม ฮีบสั่งการเดี๋ยวนี้ ดูรา บุตรราชเจ้า ทั้งสามลูกพ่อเอย พวกเฮาอยู่บ่ได้ เมืองนี้ฝืดเคือง พ่อแล้ว.........
พงศาวดารอีสาน
หม่อมอมรวงศ์วิจิตร (ม.ร.ว.ปฐม คเนจร) เป็นผู้เรียบเรียงในประชุมพงศาวดาร ภาค 4 เกี่ยวกับเรื่องราวของเจ้าพระตา และเจ้าพระวอ (หน้า 42-43) ว่า "เมื่อ พ.ศ. 2310 พระเจ้าองค์หล่อ ผู้ครองกรุงศรีสัตนาคนหุตถึงแก่พิลาลัย ไม่มีโอรสสืบสกุล แสนท้าวพระยา และนายวอนายตา จึงพร้อมกันอันเชิญกุมารทั้งสอง ซึ่งเป็นเชื้อววงศ์ของพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตองค์เก่า อันได้หนีไปอาศัยอยู่กับนายวอนายตา เมื่อครั้งพระเจ้าองค์หล่อยกกำลังมาจับพระยาเมืองแสนฆ่านั้น ขึ้นครองกรุงศรีสัตนาคนหุต แล้วนายวอนายตาจะขอเป็นที่มหาอุปราชฝ่ายหน้า กุมารทั้งสองเห็นว่า นายวอนายตามิได้เป็นเชื้อเจ้า"
เรื่องวินิจฉัยประวัติพระประทุมราชวงศา
ขุนวรรณรักษ์วิจิตร ในศิลปากร ปีที่ 1 เล่ม 1 หน้า 91 พ.ศ. 2540 ตอนหนึ่งว่า "...สรุปผลของการสอบสวนตอนนี้เป็นอันได้ความว่า ท้าวคำผงบุตรพระวอ และพระตาก็เป็นเชื้อเจ้าหรือราชสกุลลาวล้านช้างจริง..."
สถานที่อันเนื่องมาจากพระนาม
- ศาลหลักเมืองพระวอพระตา อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู
- ตึกพระวอพระตา โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี
พงศาวลี
พงศาวลีของเจ้าพระตา | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- หม่อมอมรวงษ์วิจิตร (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร). พงศาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ. ตีพิมพ์ในประชุมพงศาวดาร ภาค 4
- และคณะ. อุบลราชธานี 200 ปี. กรุงเทพฯ : ชวนพิมพ์, 2535.
- เติม วิภาคย์พจนกิจ ประวัติศาสตร์อีสาน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย, 2513
- พระปทุมวรราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง) พ.ศ.2325-2338 2017-10-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ทุ่งศรีเมือง 2010-06-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- เจ้าคำผง.... เจ้าแห่งเมืองอุบล 2019-05-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnitxngkartrwcsxbkhwamthuktxngcakphuechiywchayineruxngnn oprdephimpharamietxr reason hrux talk lnginaemaebbniephuxxthibaypyhakhxngbthkhwamemuxwangaethkni ihphicarnaechuxmoyngkhakhxnikbokhrngkarwikibthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxng ecaphrata hrux phrawrrachpita ph s imrabu 2314 epnecaphukhrxngnkhrekhuxnkhnthkabaekwbwban hnxngbwlaphu phraxngkhthi 2 ph s 2283 ph s 2314 epnphrarachoxrsinecaxuprachnxng ecanxng pthmphupkkhrxngemuxngnkhrekhuxnkhnthkabaekwbwban xnsubmaaetsayrachwngsaesnthiphynabw submaaetwngssamychnechuxsayithphwn epnphrabidaphrawiichyrachsuriywngskhtiyrach phrapraethsrachphukhrxngnkhrcapaskdi xngkhthi 3 aelaepnphrarachbidaphraprathumwrrachsuriywngs phrapraethsrachphukhrxngemuxngxublrachthanisriwnailypraethsrach xngkhthi 1phrawrrachpitaecaphukhrxngnkhrprasutiph s imrabuphiralyph s 2314phramehsiphranangbusdiethwiphrawrrachpitarachwngsaesnthiphynabwphrabidaecaxuprachnxngphramardahyingchawlawewiyngcnthnprawtiphrata thrngepnphraoxrskhxngecaxuprachnxngpthmecakhrxngnkhrekhuxnkhnthkabaekwbwban aelamiphramardaepnchawlawewiyngcnthn phratamiskdiepnphrarachnddakhxngphraecaichyechsthathirachthi 2 phramhakstriyaehngxanackrlanchangewiyngcnthn phraxngkhthi 1 smphphthinkhrewiyngcnthn miphraxnucha 1 phraxngkh khux ecaphrawx aetprachachnthnghlaymkeriykphranamthngsxngphraxngkhrwmkncntidpakwa phrataphrawx macwbcnpccubn emuxphratathrngecriychnm ecaxuprachnxngthrngoprdihekharbrachkarsnxngphrakhunphraecaichyxngkhewphuepnphramatula nachay thiphrarachsanknkhrewiyngcnthn txmaecaphratathrngxphiesksmrskbecanangbusdi hrux phranangbusdiethwi miphraoxrs aelaphrathida thnghmd 9 xngkh dngpraktrayphranamdngni ecanangsida thawkhaphng txmaepnphrapraethsrachphukhrxngemuxngxublrachthanisriwnalypraethsrach xngkhthi 1 tnsayskul thawfayhna txmaepnphrapraethsrachphukhrxng xngkhthi 3 thrngmitaaehnngphrapraethsrachaehngxanackrkrungrtnoksinthr txmaepnecaemuxngxublrachthanisriwnalypraethsrach xngkhthi 2 tnsayskul thawokhtr tnsayskul ecanangming thawsuy ecanangehmuxnta thawsuy txmaepnrachbutremuxngxublrachthani aelaidrbphrarachthanepnphukhrxngemuxngxublrachthani xngkhthi 3 aetthungaekxnickrrmthikrungethph kxnkhunmadarngtaaehnngepnphukhrxngemuxng tnsayskul singhsthitsukchingrachbllngknkhrewiyngcnthninpi ph s 2238 phraecasuriywngsathrrmikrachswrrkht immiphusubrachsmbtixyangchdecn miaetphrarachnddathithrngphraeyaw thaihekidkhwampnpwnaelasukaeyngchingechuxphrawngsmaepnphwktn bangphraxngkhidhlbhnixxknxkrachxanackr karaeyngchingrachsmbtihlngkarswrrkhtkhxngphraecasuriywngsathrrmikrachcungepnchnwnehtukarnaipsukaraebngaeykxanackrlanchangxnekhmaekhng aelayingihy xxkepn 3 xanackrelkxnxxnaexinthisud aelaphrayaemuxngaesnxkhrmhaesnabdi idekhayudrachbllngkphrxmsthapnatnkhunepnphramhakstriyxanackrlanchang phraxngkhthi 33 phranamwa phrayacnthsihrach emuxngaesn khnannecaxngkhbuy phrarachoxrskhxngecaxngkhlxng aelaepnhlankhxngphraichyechsthathirachthi 2 phraecaichyxngkhew cungidhnirachphysngkhrammaphungphrabrmophthismpharecaxuprachnxngphuepnyatiiklchid enuxngcakecaxuprachnxngepnphraxnucharwmmardakbecaichyxngkhew aettangbida odythiecaichyxngkhewmiechuxsaykstriylawthangphrarachbidacakecachmphu swnecaxuprachnxngepnephiyngsamychnthisubechuxsaymacakbidachawithphwn emuxecaxngkhbuythihnxngbwlumphu ecaxuprachnxngthrngchubeliyngecaxngkhbuyeyiyngphrarachoxrskhxngphraxngkh inpi ph s 2273 phraichyechsthathirachthi 2 phraecaichyxngkhew esdcswrrkht ecaxngkhlxngsungepnphrarachoxrscungeswyrachsmbtiepnphramhakstriyxanackrlanchangewiyngcnthn phraxngkhthi 2 sungmiphrarachoxrskhux ecaxngkhbuy xasyxyuthihnxngbwlumphu aelainpi ph s 2283 ecaxngkhlxngswrrkht phrabidakhxngphrawx phrata yudxanaccakecaxngkhlxngaelasaercoths aelwaetngtngtnexngkhunepnphramhakstriyxanackrlanchangewiyngcnthn phraxngkhthi 3 aetenuxngcakxuprachnxngepnephiyngsamychnimmiechuxsaykstriycungimepnthiyxmrbcakkhunnang taaehnngcungkhngiwaekhephiyng ecaxuprach pi ph s 2294 ecaxngkhbuymikhwamprasngkhcaidrachbllngknkhrewiyngcnthnodyxangsiththiepnphrarachoxrskhxngecaxngkhlxng aelaphrarachnddakhxngphraecaichyxngkhew sungphrata aelaphrawx cungidykkxngkalngrwmtxtanphrabidakhxngtn hnxngbwlumphuekhachwngchingrachbllngkcakecaxuprachnxng phramhakstriyxanackrlanchangewiyngcnthn phraxngkhthi 3 cnsaerc aelwprabdaphieskecaxngkhbuykhunepnphramhakstriykhrxngxanackrlanchangewiyngcnthn phraxngkhthi 4 phranamwa phraecaichyechsthathirachthi 3 hrux phraecasiribuysar aelaphraecasiribuysaridihphrata aelaphrawxduaelrksabanhinongmxikdwy aethaidepnesnabdiinrachsanknkhrewiyngcnthnim dngpraktinphngsawdarhwemuxngmnthlxisankhxnghmxmxmrwngswicitr khwamwa culskrach 1129 pikuynphsk phraecaxngkhhlxphukhrxngkrungsristnakhnhutthungaekphiraily hamioxrsthicasubtrakulim aesnthawphrayaaelnaywx nayta cungidphrxmknechiykumarsxngkhn sungepnechuxwngsphraecakrungsristnakhnhutkhneka xnidhniipxyukbnaywx nayta emuxphraecaxngkhhlxykkalngmacbphrayaemuxngaesnkhann khunkhrxngkrungsristnakhnhut ehtukhdaeyngkbnkhrewiyngcnthninpi ph s 2294 ecanxngphuepnbidaphiralylngcakkarthibutrthngsxngmiswnrwmknkbxngkhbuysaercothsbidatnexnghruxkarpitukhat swnphrata aelphrawx phupkkhrxngxyuthibanhinongm hangcaktwemuxnghnxngkhayipthangxaephxophnphisy praman 1 kiolemtr sungepnthirkikhrkhxngiphrphlcnphusmkhricmarwmxasyxyuinchumchnepncanwnmak inpi ph s 2310 phraecasiribuysarekrngwaklumphratacakxkarkbdtxphrarachsanknkhrewiyngcnthn cungkhidhaxubaykacdphrawxaelaphrata ehtucakthrngekrngwacamikarphyayamcaaeyngchingxanac cungepnchnwnehtuekidkhwamkhdaeyng phrataphrawxcungidchkchwnaemthphnaykxngthiimsmkhriccatharachkarkbphraecasiribuysardwy cungrwmknkbklumphnthmitr khux thawosmphmitr idxphyphiphrphlkxngkhrwyatiphinxnglngmaphrxmkbphrata cakbanhinongmmayngemuxngnkhrekhuxnkhnthkabaekwbwban hnxngbwlaphu xnmiphrabidapkkhrxngxyukhrxngemuxngpi ph s 2313 emuxphratamathunghnxngbwlumphu kkhunkhrxngemuxngepnecaphukhrxngemuxngnkhrekhuxnkhnthkabaekwbwban phraxngkhthi 2 aethnphrabida phranamwa phrawrrachpita tngihphrawx phuepnphraxnucha epnthixuprach burnaptisngkhrnwdwaxaram aelkhaykhupratukaaephngemuxngxyangaennhnathawr mikxngkalngthharekhmaekhng aelmichangephuxkkhuewiyng pkkhrxngnkhrdwythrrmisicthukkhsukhiphrfarasdrxyurmeynepnsukh ihthawphakhawphaklumiphrphlkxngkhrw praman 5 000 khn iptngthinthanbriewnbanphakhaw banphnna ykkhunepnemuxnghnadanthangthistawnxxkkhxnghnxngbwlumphu pccubnkhuxphunthikhxngcnghwdsklnkhr thawnamippkkhrxngxyuthiemuxngphuewiyngepnemuxnghnadanthangthisit aelatngemuxngnadwngepnemuxnghnadanthangthistawntk pramaninpi ph s 2311 hlngcakpramansibkwapithiphrawxphrataidchwyphraecaaephndinlawewiyngcnthn thangfayphraecasiribuysar ehnwa phrawrrachpitaaehngemuxnghnxngbwlumphusasmkalngiphrphlcanwnmak aelamikhwamekhmaekhng ekrngcakhidkbdtxphrarachbllngk cungihphrayaemuxngaesn phrayaemuxngcnthrykthphmatihnxngbwlumphu ichewlaxyu 3 pi aetyngimsamarthtihnxngbwlumphuaetkidsngkhramnkhrewiyngcnthnpi ph s 2314 phraecasiribuysarehnwahnxngbwlumphuimsamarthtiaetkid cungaetngkhnathutnasasnphrxmekhruxngrachbrrnakariphaphraecamngraaehnghngsawdithipkkhrxngxyunkhrechiyngihmykthphlngmachwytihnxngbwlumphu emuxphrawrachpitathrabkhawkarsngsarnkhxngphraecasiribuysar phraxngkhkidcdaecngaetngkhaykhupratuemuxngihmnkhnghathanghnithiilphrxmsrrph cungmirbsngihthawkhasu thawkhakhuy thawkhasingh aelthawxinthisarykiphrphlkxngkhrwswnhnunglngmasrangbanaepngemuxngihm hakphayaephsngkhramkcaidxphyphlngmasbthb odythawkhasuidphaklumiphrphlmathangthistawnxxkechiyngit tamlaphaeniyngtxlanaphxngtamaemnachilngmathungdngihyrimfngaemnachi eriykwa dngphisingh thawkhasuphaiphrphltngbanaepngemuxngkhun eriykwa bansinghtha aelathawkhakhuyphaiphrphlswnhnungkhuniptngbanemuxngthidngotngotn eriykwa bansinghokhk txmakhuxemuxngyssunthrpraethsrach swnphrawrrachpitaideknthexakalngiphrphlcakemuxngphakhaw emuxngphnna emuxngphuewiyng emuxngnadwng marwmtankhasuk emuxthphcaknkhrewiyngcnthnaelathphsnbsnuncakphmamayngthphtngkhaylxmemuxnghnxngbwlumphuiwdanhnung phrawrrachpita aelxuprachidnakalngiphrphlxxkmarb emuxkhasukmicanwnmak prakxbkbphrawrrachpitamiphrachnmsungwycungxxnkalnglng aelaphrawrrachpitathukphraaesngpunkhasukcntkmathungaekphiraly briewnchxngnacnitnatkethaot ethuxkekhaphuphan aelathphnkhrewiyngcnthncungsamarthtihnxngbwlumphuaetkidphiralyemuxthphnkhrewiyngcnthnidkalngsnbsnuncakthphphma cungthaihemuxnghnxngbwlumphuthimiprakarxnaennhnathuktiaetk phrawrrachpitaidepnaemthphhna xuprachepnaemthphhlngxxkprabkhasuk aelaphrawrrachpitathukphraaesngpuncnthungaekphiralythichxngnacnitnatkethaot briewnethuxkekhaphuphan wnsukr khun 13 kha eduxn 3 ph s 2314 khnamiphrachnm 78 phrrsa kxnthiphraxngkhcaphiralyidsngesiyxuprach thawkhaphng thawfayhna thawthidphrhm aelathawkatxipphayhna dwyklxnphyawa imlaediywlxmhwbikhw iphrbphrxmaepngbanbehuxng iphphuepnkhunklakhrxngemuxngcnghung khrnaemnkhunkhiyankhrxngbanbehuxng xyaehnaekenginaesnith ihehnaekiphraesnemuxng idkhunehuxnaelw xyalumaephpxngimiph idepnihyaelwxyalumkhaphuphlxy idkinphakhaxyalumkaebiynhang idkhunkhichangknghmepnphraya xyalumprachaphukhikhwayekahin aelxuprachphrxmiphrphlidkhumknnaphrasphkhxngphrawrrachpitaekhamaynghnxngbwlumphuphranaminprawtisastrtananphunemuxngxubl xnwa emuxngxublni miaetkhnewiyngekiyngxxyhxy aethakepniphrnxy xyutambanekhtaekhwng phratamiedchkla khnyxyxngwadi idepnnaykxngnxk epnphutumiphrnxynakhunsxyewiyng phraksthityaehnghxng hinongmepnbanihy epnphumiedchkla khnsadungkraeduxngdin phratannidluketa phucksubaethnaenw mixyuephiyngecdkhn saxadtapanaetm hakepnchaylwn samkhnsiththiedch ehluxkwann epnhyingaethkhnyxnghupngamˈ phrxmwaecakhudaelw cungidhxngehiykexin lukhkthngsamkhn khuxwa phrawx thawkhaphng thawthidphrm hibsngkarediywni dura butrracheca thngsamlukphxexy phwkehaxyubid emuxngnifudekhuxng phxaelw phngsawdarxisan hmxmxmrwngswicitr m r w pthm khencr epnphueriyberiynginprachumphngsawdar phakh 4 ekiywkberuxngrawkhxngecaphrata aelaecaphrawx hna 42 43 wa emux ph s 2310 phraecaxngkhhlx phukhrxngkrungsristnakhnhutthungaekphilaly immioxrssubskul aesnthawphraya aelanaywxnayta cungphrxmknxnechiykumarthngsxng sungepnechuxwwngskhxngphraecakrungsristnakhnhutxngkheka xnidhniipxasyxyukbnaywxnayta emuxkhrngphraecaxngkhhlxykkalngmacbphrayaemuxngaesnkhann khunkhrxngkrungsristnakhnhut aelwnaywxnaytacakhxepnthimhaxuprachfayhna kumarthngsxngehnwa naywxnaytamiidepnechuxeca eruxngwinicchyprawtiphraprathumrachwngsa khunwrrnrkswicitr insilpakr pithi 1 elm 1 hna 91 ph s 2540 txnhnungwa srupphlkhxngkarsxbswntxnniepnxnidkhwamwa thawkhaphngbutrphrawx aelaphratakepnechuxecahruxrachskullawlanchangcring sthanthixnenuxngmacakphranam salhlkemuxngphrawxphrata xaephxemuxnghnxngbwlaphu cnghwdhnxngbwlaphu tukphrawxphrata orngphyabalsrrphsiththiprasngkh cnghwdxublrachthaniphngsawliphngsawlikhxngecaphrata aesnthiphynabw samychnechuxsaychawithphwn ecaxuprachnxng ecapangkha aehngnkhrekhuxnkhnthkabaekwbwban phramehsi echuxsaychawemuxngew ewiydnam phrawrrachpita ecaphrata bida hyingchawlawewiyngcnthn marda xangxinghmxmxmrwngswicitr hmxmrachwngspthm khencr phngsawdarhwemuxngmnthlxisan tiphimphinprachumphngsawdar phakh 4 aelakhna xublrachthani 200 pi krungethph chwnphimph 2535 etim wiphakhyphcnkic prawtisastrxisan krungethph sankphimphsmakhmsngkhmsastraehngpraethsithy 2513 phrapthumwrrachsuriywngs ecakhaphng ph s 2325 2338 2017 10 15 thi ewyaebkaemchchin thungsriemuxng 2010 06 19 thi ewyaebkaemchchin ecakhaphng ecaaehngemuxngxubl 2019 05 29 thi ewyaebkaemchchin kxnhna ecaphrata thdipecaxuprachnxng ecapangkha ecaphukhrxngnkhr ph s 2311 2314 phrawrrachphkdi ecaphrawx