ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
มาตราธรณีกาล (อังกฤษ: geologic time scale หรือ geological time scale ย่อว่า GTS) เป็นการแสดงเวลาโดยอ้างอิงจากของโลก เป็นระบบของที่ใช้ (กระบวนการหาความสัมพันธ์ระหว่างกับเวลา) และ (แขนงในธรณีวิทยาที่มีจุดมุ่งหมายในการกำหนดอายุหิน) ซึ่งถูกใช้เป็นหลักโดยนักวิทยาศาสตร์โลก (ได้แก่ นักธรณีวิทยา นักบรรพชีวินวิทยา นักธรณีฟิสิกส์ นักธรณีเคมี และ ) เพื่ออธิบายการวัดเวลาและความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ในทางธรณีประวัติ โดยมาตราธรณีกาลได้ถูกพัฒนาผ่านการศึกษาชั้นหินและการสังเกตและความสัมพันธ์ของชั้นหินกับการระบุคุณสมบัติ เช่น สมบัติทาง และ ซากดึกดำบรรพ์ คำจำกัดความของหน่วยมาตรฐานสากลของธรณีกาลอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ (ICS) ซึ่งเป็นองค์กรประกอบของ (IUGS) อันมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อกำหนดหน่วยลำดับชั้นหินตามอายุกาลโลกในแผนภูมิการลำดับชั้นหินตามอายุกาลสากล (ICC) ที่ถูกนำมาใช้ในการแบ่งมาตราธรณีกาล ส่วนการแบ่งย่อยลำดับชั้นหินตามอายุกาลจะถูกใช้เพื่อกำหนดหน่วยทางธรณีกาลวิทยา
อย่างไรก็ตาม ศัพท์ระดับภูมิภาคบางคำยังคงมีการใช้อยู่ ดังนั้นตารางของธรณีกาลดังปรากฏในบทความนี้จะสอดคล้องกับ อายุ และ รหัสสีซึ่งได้กำหนดไว้เป็นมาตรฐานโดยคณะกรรมาธิการการลำดับชั้นหินสากลในมาตราธรณีกาลสากล
หลักการ
มาตราธรณีกาลเป็นวิธีหนึ่งในการแสดงตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดประวัติศาสตร์ของโลก ซึ่งกินเวลาประมาณ ชั้นหินนั้นถูกจัดเรียงตามลำดับเวลา และตามลำดับของเวลา โดยสังเกตการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในลำดับชั้นหินที่สอดคล้องกับเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาหรือบรรพชีวินวิทยาที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์การสูญพันธุ์ยุคครีเทเชียส–พาลีโอจีน ถูกกำหนดเป็นขอบล่างของหินยุค/ยุคพาลีโอจีน จึงถือเป็นขอบเขตระหว่างหินยุค/ยุคครีเทเชียสและพาลีโอจีน สำหรับการแบ่งก่อนยุคไครโอเจเนียนจะใช้ขอบเขคที่เป็นตัวเลขโดยไม่มีเกณฑ์ (การกำหนดอายุลำดับชั้นหินมาตรฐานโลก; GSSAs) ในการแบ่งธรณีกาล อย่างไรก็ตาม มีการเสนอให้ใช้หินในการแบ่งดังกล่าวเพื่อให้เข้ากับการแบ่งอื่นยิ่งขึ้น
ในอดีต มีการใช้มาตราธรณีกาลระดับภูมิภาค เนื่องจากความแตกต่างทางการลำดับชั้นหินตามลักษณะหินและการลำดับชั้นหินตามชีวภาพในหินเทียบเท่าต่าง ๆ ทั่วโลก โดยคณะกรรมาธิการการลำดับชั้นหินสากลได้ทำงานมาเป็นเวลายาวนานในการประนีประนอมความขัดแย้งทางศัพทวิทยา โดยการสร้างมาตรฐานที่มีนัยสำคัญทั่วโลก และระบุของการลำดับชั้นหินที่สามารถนำมาใช้กำหนดขอบล่างของหน่วยลำดับชั้นหินตามอายุกาล การกำหนดหน่วยลำดับชั้นหินตามอายุกาลในลักษณะดังกล่าวช่วยให้สามารถใช้ระบบการตั้งชื่อที่เป็นมาตรฐานสากลได้ โดยมี ICC เป็นสิ่งแสดงถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องนี้
ความสัมพันธ์สัมพัทธ์ของหินในการกำหนดตำแหน่งลำดับชั้นหินตามอายุกาล จะใช้หลักซ้อนทับ ดังนี้
- คือ ชั้นของหินที่ใหม่กว่าจะวางตัวอยู่เหนือชั้นของหินที่เก่ากว่า เว้นแต่ลำดับการวางตัวทับนั้นจะเกิดการพลิกกับด้าน
- คือ ชั้นของหินทุกชั้นจะมีแนวในการวางตัวดั้งเดิมเป็นแนวนอน
- คือ ชั้นของหินที่มีการทับถมกันดั้งเดิมจะมีการแผ่ขยายออกไปในด้านข้างทุกด้านจนบางลงหรือถูกขั้นออกโดยชั้นหินอื่น
- ความต่อเนื่องทางชีวภาพ (ถ้าสามารถนำมาใช้ได้) คือ ชั้นหินแต่ละชั้นที่เรียงต่อเนื่องกันจะมีชุดของซากดึกดำบรรพ์ที่โดดเด่น ซึ่งช่วยให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างชั้นหินได้ แม้ว่าแนวชั้นระหว่างชั้นหินทั้งสองนั้นจะไม่ต่อเนื่องกันก็ตาม
- คือ รูปแบบของหินที่ตัดผ่านหินอื่นจะเป็นชั้นหินที่มีอายุน้อยกว่าชั้นหินที่ถูกตัดผ่านเสมอ
- คือ ชิ้นส่วนขนาดเล็กของหินชนิดหนึ่งแต่ฝังตัวอยู่ภายในหินชนิดที่สองจะต้องก่อตัวขึ้นก่อนเสมอ ซึ่งหินที่สองก่อตัวขึ้นก็ได้รวมเอาหินแรกเข้าไป
- ความสัมพันธ์ของ คือ ลักษณะทางธรณีวิทยาที่แสดงถึงช่วงของการกร่อนหรือการไม่ทับถม อันแสดงถึงหินที่ไม่ทับถมตัวอย่างต่อเนื่อง
ศัพทวิทยา
มาตราธรณีกาลแบ่งออกเป็นหน่วยลำดับชั้นหินตามอายุกาลและหน่วยทางธรณีกาลวิทยาที่สอดคล้องกัน เหล่านี้จะปรากฏอยู่ในแผนภูมิการลำดับชั้นหินตามอายุกาลสากลซึ่งเผยแพร่โดยคณะกรรมาธิการการลำดับชั้นหินสากล ซึ่งยังคงมีการใช้ศัพท์ระดับภูมิภาคอยู่บ้างในบางพื้นที่
การลำดับชั้นหินตามอายุกาล เป็นองค์ประกอบของการลำดับชั้นหินที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างหินและการวัดสัมพัทธ์ทางธรณีกาล เป็นกระบวนการที่มีการกำหนดชั้นที่แตกต่างระหว่างแนวชั้นทางการลำดับชั้นหินที่ถูกกำหนดไว้ เพื่อแสดงถึงช่วงเวลาสัมพัทธ์ของธรณีกาล
หน่วยลำดับชั้นหินตามอายุกาล เป็นตัวหินทั้งแบบเป็นชั้นหรือไม่เป็นชั้น ซึ่งถูกกำหนดไว้ระหว่างแนวชั้นทางการลำดับชั้นหินที่ระบุไว้ ซึ่งแสดงถึงช่วงเวลาในธรณีกาล หินทั้งหมดนั้นรวมขึ้นเป็นตัวแทนของช่วงเวลาที่เจาะจงทางธรณีกาลและเฉพาะช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น โดยมีหินบรมบุค (eonothem) หินมหายุค (erathem) หินยุค (system) หินสมัย (series) หินกึ่งสมัย (subseries) หินช่วงอายุ (stage) และ หินกึ่งช่วงอายุ (substage) เป็นหน่วยตามลำดับของหน่วยลำดับชั้นหินตามอายุกาลธรณีกาลวิทยา เป็นสาขาหนึ่งของธรณีวิทยาที่มีจุดมุ่งหมายในการกำหนดอายุของหิน ซากดึกดำบรรพ์ และ ตะกอน ไม่ว่าจะโดยวิธีสัมบูรณ์ (เช่น ) หรือวิธีสัมพัทธ์ (เช่น )
หน่วยธรณีกาลวิทยา เป็นการแบ่งย่อยของธรณีกาล เป็นการแสดงตัวเลขของสมบัติที่เป็นนามธรรม (เวลา) โดยมี บรมยุค (eon) มหายุค (era) ยุค (period) สมัย (epoch) กึ่งสมัย (subepoch) ช่วงอายุ (age) และ กึ่งช่วงอายุ (subage) เป็นหน่วยตามลำดับทางธรณีกาลวิทยา เป็นสาขาหนึ่งของธรณีกาลวิทยาที่คำนวณเวลาทางธรณีกาลออกมาเป็นตัวเลข
(GSSP) เป็นจุดอ้างอิงที่ตกลงกันไว้ในระดับสากลในส่วนการลำดับชั้นหิน ซึ่งเป็นตัวกำหนดขอบล่างของหินช่วงอายุในมาตราธรณีกาล (และล่าสุดถูกใช้เพื่อกำหนดฐานของหินยุคด้วย)
(GSSA) เป็นจุดอ้างอิงตามลำดับเวลาที่เป็นตัวเลขเท่านั้น ซึ่งใช้ในการกำหนดฐานของหน่วยธรณีกาลวิทยาในช่วงก่อนยุคไครโอเจเนียน โดยจุดเหล่านี้ถูกกำหนดขึ้นโดยไม่มีเกณฑ์ในการคัดเลือกตายตัว ใช้ในกรณีที่ยังไม่มีการกำหนด GSSPs ซึ่งปัจจุบันการวิจัยกำลังดำเนินอยู่เพื่อระบุ GSSP สำหรับทุกหน่วยที่ยังคงใช้ GSSA เป็นฐานในปัจจุบัน
การแสดงตัวเลข (การวัดเวลาธรณี) ของหน่วยธรณีกาลวิทยาสามารถเปลี่ยนแปลงได้และบางครั้งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างบ่อยครั้งเมื่อธรณีกาลวิทยานั้นปรับแต่งการวัดเวลาธรณี ขณะที่หน่วยลำดับชั้นหินตามอายุกาลที่เทียบเท่านั้นจะยังคงเดิม ซึ่งมีการแก้ไขที่น้อยกว่า ตัวอย่างเช่น ต้นปี พ.ศ. 2565 ขอบเขตระหว่างยุคอีดีแอคารันและยุคแคมเบรียน (หน่วยธรณีกาลวิทยา) ถูกแก้ไขจาก 541 ล้านปีก่อนไปเป็น 538.8 ล้านปีก่อน เว้นแต่หินจำกัดความของขอบเขต (GSSP) ที่ฐานของหินยุคแคมเบรียนนั้นยังคงเดิม ด้วยเหตุนี้ ขอบเขตระหว่างอีดีแอคารันและหินยุคแคมเบรียน (หน่วยลำดับชั้นหินตามอายุกาล) จึงไม่ได้เปลี่ยนแปลง มีเพียงแต่การวัดเวลาธรณีเท่านั้นที่มีการปรับแก้
ค่าตัวเลขบนแผนภูมิ ICC นั้นถูกแสดงอยู่ในหน่วยล้านปีก่อน (megaannum หรือย่อว่า Ma) เช่น ขอบล่างของยุคจูแรสซิกนั้นอยู่ที่ 201.3 ± 0.2 ล้านปีก่อน หมายความว่ายุคจูแรสซิกนั้นมีขอบล่างอยู่ที่ 201,300,000 ปี และมีค่าความไม่แน่นอนอยู่ที่ 200,000 ปี ส่วนหน่วยเอสไออี่นที่ใช้กันทั่วไปโดยนักธรณีวิทยา ได้แก่ พันล้านปี (gigaannum หรือย่อว่า Ga) และ พันปีก่อน (kiloannum หรือย่อว่า ka) ซึ่งในภายหลังมักแสดงเป็นหน่วยที่ปรับเทียบแล้ว ()
การแบ่งย่อยของธรณีกาล
บรมยุค (eon) เป็นหน่วยธรณีกาลวิทยาทางการที่ใหญ่ที่สุดและเทียบเท่ากับ (eonothem) ในการลำดับชั้นหินตามอายุกาล ณ เมษายน พ.ศ. 2565 มีบรมยุค/หินบรมยุคทางการที่ถูกกำหนดไว้ทั้งสิ้นสามช่วง ได้แก่ อาร์เคียน โพรเทอโรโซอิก และ ฟาเนอโรโซอิก ส่วนเฮเดียนเป็นบรมยุค/หินบรมยุคที่ไม่เป็นทางการ แต่เป็นที่นิยมใช้โดยทั่วไป
มหายุค (era) เป็นหน่วยธรณีกาลวิทยาที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สองและเทียบเท่ากับ (erathem) ในการลำดับชั้นหินตามอายุกาล ณ เมษายน พ.ศ. 2565 มีมหายุค/หินมหายุคทางการที่ถูกกำหนดไว้ทั้งสิ้นสิบช่วง
ยุค (period) เป็นหน่วยธรณีกาลวิทยาที่ใหญ่รองจาก มหายุค แต่เหนือกว่า สมัย เทียบเท่ากับ (system) ในการลำดับชั้นหินตามอายุกาลข้อมูลเมื่อ เมษายน 2022[update] ณ เมษายน พ.ศ. 2565 มีมหายุค/หินมหายุคทางการที่ถูกกำหนดไว้ทั้งสิ้น 22 ช่วง ยกเว้น 2 กึ่งยุค/หินกึ่งยุคซึ่งใช้เป็นหน่วยของยุค/หินยุคคาร์บอนิเฟอรัส
สมัย (epoch) เป็นหน่วยธรณีกาลวิทยาที่เล็กที่สุดเป็นอันดับที่สอง อยู่ระหว่าง ยุค และ ช่วงอายุ เทียบเท่ากับ (series) ในการลำดับชั้นหินตามอายุกาล ณ เมษายน พ.ศ. 2565 มีสมัย/หินสมัยทางการที่ถูกกำหนดไว้ทั้งสิ้น 37 ช่วง กับไม่เป็นทางการอีกทั้งสิ้น 1 ช่วง นอกจากนี้ยังมี 11 กึ่งสมัย (subepoch)/หินกึ่งสมัย (subseries) ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายในนีโอจีนและควอเทอร์นารีด้วย โดยการใช้กึ่งสมัย/หินกึ่งสมัยเป็นอันดับ/หน่วยทางการในการลำดับชั้นหินตามอายุกาลสากลนั้นได้รับการอนุมัติในปี พ.ศ. 2565
ช่วงอายุ (age) เป็นหน่วยธรณีกาลวิทยาที่เล็กที่สุด เทียบเท่ากับ (stage) ในการลำดับชั้นหินตามอายุกาล ณ เมษายน พ.ศ. 2565 มีช่วงอายุ/หินช่วงอายุทางการที่ถูกกำหนดไว้ทั้งสิ้น 96 ช่วง และไม่เป็นทางการอีก 5 ช่วง
รุ่น (chron) เป็นหน่วยการลำดับเวลาธรณีทางการของสิ่งที่ไม่ได้ระบุอันดับ เทียบเท่ากับ (chronozone)ในการลำดับชั้นหินตามอายุกาล หน่วยต่าง ๆ เหล่านี้สัมพันธ์กับหน่วย หรือ เนื่องจากอ้างอิงตามหน่วยการลำดับชั้นหินหรือลักษณะทางธรณีวิทยาที่ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้านี้
ตอนต้น (early) และ ตอนปลาย (late) เป็นการแบ่งย่อยที่ถูกใช้ในธรณีวิทยา เทียบเท่ากับ ล่าง (lower) และ บน upper ในการลำดับชั้นหินตามอายุกาล เช่น ยุคไทรแอสซิกตอนต้น (Early Triassic Period) ซึ่งเป็นหน่วยธรณีกาลวิทยาจะเสมอด้วย หินยุคไทรแอสซิกล่าง (Lower Triassic Series) อันเป็นหน่วยการลำดับชั้นหินตามอายุกาล
ในสาระสำคัญ การกล่าวว่าหินเป็นตัวแทนของหน่วยลำดับชั้นหินตามอายุกาล ที่หน่วยลำดับชั้นหินตามอายุกาลและเวลาที่หินนั้นก่อตัวขึ้นอยู่ในหน่วยธรณีกาลวิทยาเป็นความจริง เช่น หินที่เป็นตัวแทนของหินยุคไซลูเรียน "คือ" หินยุคไซลูเรียนที่ได้เกิดการทับถมตัวขึ้นในระหว่างยุคไซลูเรียน
หน่วยลำดับชั้นหินตามอายุกาล (ชั้นหิน) | หน่วยธรณีกาลวิทยา (เวลา) | ช่วงเวลา |
---|---|---|
หินบรมยุค (Eonothem) | บรมยุค (Eon) | หลายร้อยล้านปี |
หินมหายุค (Erathem) | มหายุค (Era) | สิบถึงร้อยล้านปี |
หินยุค (System) | ยุค (Period) | ล้านถึงสิบล้านปี |
หินสมัย (Series) | สมัย (Epoch) | แสนถึงสิบล้านปี |
หินกึ่งสมัย (Subseries) | กึ่งสมัย (Subepoch) | พันถึงล้านปี |
หินช่วงอายุ (Stage) | ช่วงอายุ (Age) | พันถึงล้านปี |
การตั้งชื่อธรณีกาล
ชื่อของหน่วยธรณีกาลถูกกำหนดไว้สำหรับหน่วยลำดับชั้นหินตามอายุกาลที่มีหน่วยธรณีกาลวิทยาอันสอดคล้องกันและใช้ชื่อร่วมกัน เพียงแค่เปลี่ยนคำนำหน้า (เช่น ฟาเนอโรโซอิก เป็น บรมยุคฟาเนอโรโซอิก) ชื่อของหินมหายุคในฟาเนอโรโซอิกนั้น ถูกเลือกให้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของประวัติศาสตร์สิ่งมีชีวิตบนโลก นั่นคือ พาลีโอโซอิก (สิ่งมีชีวิตเก่า) มีโซโซอิก (สิ่งมีชีวิตกลาง) และ ซีโนโซอิก (สิ่งมีชีวิตใหม่) ชื่อของหินยุคมีแหล่งที่มาที่หลากหลาย บางส่วนจะชี้ให้เห็นถึงตำแหน่งทางการลำดับเวลา (เช่น พาลีโอจีน) ขณะที่ชื่ออื่นนั้นถูกตั้งตามแหล่งกำเนิดด้าน (เช่น ครีเทเชียส) ภูมิศาสตร์ (เช่น เพอร์เมียน) หรือเกี่ยวกับชนเผ่า (เช่น ออร์โดวิเชียน) หินสมัยและหินกึ่งสมัยส่วนมากที่รู้จักกันในปัจจุบันแล้ว ส่วนมากจะถูกตั้งชื่อตามตำแหน่งภายในหินยุค/หินสมัย (ตอนต้น/ตอนกลาง/ตอนปลาย) อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการการลำดับชั้นหินสากลสนับสนุนให้หินสมัยและหินกึ่งสมัยใหม่ทั้งหมดได้รับการตั้งชื่อตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ ในบริเวณใกล้เคียงกับหรือของหินสมัยหรือหินกึ่งสมัยนั้น นอกจากนี้ ชื่อของหินช่วงอายุควรมาจากที่มาทางลักษณะทางภูมิศาสตร์ในที่ตั้งแบบฉบับของชั้นหินแบบฉบับของหินช่วงอายุด้วยเช่นกัน
เวลาก่อนแคมเบรียนมักถูกเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า พรีแคมเบรียน (pre-Cambrian หรือ Precambrian) ซึ่งจัดเป็นอภิมหาบรมยุค (Supereon)
ชื่อ | ช่วงเวลา | นิรุกติศาสตร์ของชื่อ |
---|---|---|
ฟาเนอโรโซอิก | 541 ถึง 0 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า φανερός (phanerós, ฟาเนโรส) หมายถึง 'ชัดเจน' หรือ 'มากมาย' และ ζωή (zoḯ, โซอี) หมายถึง 'สิ่งมีชีวิต' |
โพรเทอโรโซอิก | 2,500 ถึง 541 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า πρότερος (próteros, โปรเตโรส) หมายถึง 'อดีต' หรือ 'ก่อนหน้า' และ ζωή (zoḯ, โซอี) หมายถึง 'สิ่งมีชีวิต' |
อาร์เคียน | 4,000 ถึง 2,500 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า αρχή (arche, อาร์คี) หมายถึง 'จุดเริ่มต้น, ต้นกำเนิด' |
เฮเดียน | ~4,600 ถึง 4,000 ล้านปีก่อน | มาจากเฮดีส เทพในปรำปรากรีก |
ชื่อ | ช่วงเวลา | นิรุกติศาสตร์ของชื่อ |
---|---|---|
ซีโนโซอิก | 66 ถึง 0 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า καινός (kainós, เคโนส) หมายถึง 'ใหม่' และ ζωή (zoḯ, โซอี) หมายถึง 'สิ่งมีชีวิต' |
มีโซโซอิก | 251.9 ถึง 66 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า μέσο (méso, เมโซ) หมายถึง 'กลาง' และ ζωή (zoḯ, โซอี) หมายถึง 'สิ่งมีชีวิต' |
พาลีโอโซอิก | 541 ถึง 251.9 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า παλιός (palaiós, ปัลโลส) หมายถึง 'เก่า' และ ζωή (zoḯ, โซอี) หมายถึง 'สิ่งมีชีวิต' |
นีโอโพรเทอโรโซอิก | 1,000 ถึง 541 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า νέος (néos, เนโอส) หมายถึง 'ใหม่' หรือ 'เยาว์', πρότερος (próteros, โปรเตโรส) หมายถึง 'อดีต' หรือ 'ก่อนหน้า' และ ζωή (zoḯ, โซอี) หมายถึง 'สิ่งมีชีวิต' |
มีโซโพรเทอโรโซอิก | 1,600 ถึง 1,000 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า μέσο (méso, เมโซ) หมายถึง 'กลาง', πρότερος (próteros, โปรเตโรส) หมายถึง 'อดีต' หรือ 'ก่อนหน้า' และ ζωή (zoḯ, โซอี) หมายถึง 'สิ่งมีชีวิต' |
แพลีโอโพรเทอโรโซอิก | 2,500 ถึง 1,600 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า παλιός (palaiós, ปัลโลส) หมายถึง 'เก่า', πρότερος (próteros, โปรเตโรส) หมายถึง 'อดีต' หรือ 'ก่อนหน้า' และ ζωή (zoḯ, โซอี) หมายถึง 'สิ่งมีชีวิต' |
นีโออาร์เคียน | 2,800 ถึง 2,500 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า νέος (néos, เนโอส) หมายถึง 'ใหม่' หรือ 'เยาว์' และ ἀρχαῖος (arkhaîos, อาร์เคโอส) หมายถึง 'โบราณ' |
มีโซอาร์เคียน | 3,200 ถึง 2,800 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า μέσο (méso, เมโซ) หมายถึง 'กลาง' และ ἀρχαῖος (arkhaîos, อาร์เคโอส) หมายถึง 'โบราณ' |
พาลีโออาร์เคียน | 3,600 ถึง 3,200 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า παλιός (palaiós, ปัลโลส) หมายถึง 'เก่า' และ ἀρχαῖος (arkhaîos, อาร์เคโอส) หมายถึง 'โบราณ' |
อีโออาร์เคียน | 4,000 ถึง 3,600 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า Ηώς (Iós, อีโอส) หมายถึง 'รุ่งอรุณ' และ ἀρχαῖος (arkhaîos, อาร์เคโอส) หมายถึง 'โบราณ' |
ชื่อ | ช่วงเวลา | นิรุกติศาสตร์ของชื่อ |
---|---|---|
ควอเทอร์นารี | 2.6 ถึง 0 ล้านปีก่อน | เสนอครั้งแรกโดยในปี พ.ศ. 2372 สำหรับตะกอนในแอ่งแซนของประเทศฝรั่งเศสที่ปรากฏใหม่กว่าหิน |
นีโอจีน | 23 ถึง 2.6 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า νέος (néos, เนโอส) หมายถึง 'ใหม่' หรือ 'เยาว์' และ γενεά (geneá, เยเนอา) หมายถึง 'การกำเนิด' หรือ 'การเกิด' |
พาลีโอจีน | 66 ถึง 23 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า παλιός (palaiós, ปัลโลส) หมายถึง 'เก่า' และ γενεά (geneá, เยเนอา) หมายถึง 'การกำเนิด' หรือ 'การเกิด' |
ครีเทเชียส | 145 ถึง 66 ล้านปีก่อน | มาจาก Terrain Crétacé (เทอร็อง เครตาเซ) ถูกใช้เมื่อปี ค.ศ. 1822 โดยในการอ้างอิงถึงชั้นกว้างของภายใน โดยมีรากมาจากภาษาละติน crēta (เครตา) หมายถึง "ชอล์ก" |
จูแรสซิก | 201.3 ถึง 145 ล้านปีก่อน | ตั้งชื่อตาม ใช้เป็นครั้งแรกโดยอเล็คซันเดอร์ ฟ็อน ฮุมบ็อลท์ในวลีว่า 'Jura Kalkstein' (หินปูนจูลา) ในปี ค.ศ. 1799 ส่วนเป็นบุคคลแรกที่ตีพิมพ์คำว่า Jurassic ในปี ค.ศ. 1829 |
ไทรแอสซิก | 251.9 ถึง 201.3 ล้านปีก่อน | จากคำว่า Trias (ทรีอัส) ของในการอ้างอิงถึงการก่อตัวสามชุดในตอนใต้ของประเทศเยอรมนี |
เพอร์เมียน | 298.9 ถึง 251.9 ล้านปีก่อน | ตั้งตามภูมิภาคในประวัติศาสตร์ นั่นคือ จักรวรรดิรัสเซีย |
คาร์บอนิเฟอรัส | 358.9 ถึง 298.9 ล้านปีก่อน | หมายถึง 'การแบกถ่านหิน' มาจากภาษาละตินว่า carbō (คาร์โบ) หมายถึง ถ่าน และ ferō (เฟโร) หมายถึง การแบก, การอุ้ม |
ดีโวเนียน | 419.2 ถึง 358.9 ล้านปีก่อน | ตั้งตามมณฑลเดวอน ประเทศอังกฤษ |
ไซลูเรียน | 443.8 ถึง 419.2 ล้านปีก่อน | ตั้งตามเผ่าของชาวเคลต์ |
ออร์โดวิเชียน | 485.4 ถึง 443.8 ล้านปีก่อน | ตั้งตามเผ่าของชาวเคลต์ |
แคมเบรียน | 541 ถึง 485.4 ล้านปีก่อน | ตั้งตาม ชื่อละตินของ Cymru หรือประเทศเวลส์ |
อีดีแอคารัน | 635 ถึง 541 ล้านปีก่อน | ตั้งตาม โดยคำว่าอีดีแอคาราอาจเพี้ยนมาจากคำว่า 'ยาตา ตาการ์รา' ในภาษา หมายถึง พื้นแข็งหรือเป็นหิน |
ไครโอเจเนียน | 720 ถึง 635 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า κρύος (krýos, ครีโอส) หมายถึง 'หนาว' และ γενεά (geneá, เยเนอา) หมายถึง 'การกำเนิด' หรือ 'การเกิด' |
โทเนียน | 1,000 ถึง 720 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า τόνος (tónos, โตโนส) หมายถึง 'ยืด' |
สเทเนียน | 1,200 ถึง 1,000 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า στενός (stenós, สเตโนส) หมายถึง 'แคบ' |
เอกเทเซียน | 1,400 ถึง 1,200 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า ἔκτᾰσῐς (éktasis, เอ็กตาซิส) หมายถึง 'การขยาย' |
คาลิมเมียน | 1,600 ถึง 1,400 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า κάλυμμᾰ (kálumma, กาลิมมา) หมายถึง 'บดบัง' |
สตาทีเรียน | 1,800 ถึง 1,600 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า σταθερός (statherós, สตาเทโรส) หมายถึง 'มั่นคง' |
ออโรซีเรียน | 2,050 ถึง 1,800 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า ὀροσειρά (oroseirá, โอโรเซรา) หมายถึง 'เทือกเขา' |
ไรเอเซียน | 2,300 ถึง 2,050 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า ῥύαξ (rhýax, รีอากซ์) หมายถึง 'ธารลาวา' |
ไซดีเรียน | 2,500 ถึง 2,300 ล้านปีก่อน | มาจากคำในภาษากรีกว่า σίδηρος (sídiros, ซีดีโรส) หมายถึง 'เหล็ก' |
ประวัติของมาตราธรณีกาล
ประวัติช่วงต้น
ในสมัยกรีซโบราณ แอริสตอเติล (384–322 BCE) ได้สังเกตว่ามีซากดึกดำบรรพ์ของเปลือกหอยในหิน ซึ่งคล้ายกันกับที่พบได้ตามชายหาด เขาได้อนุมานว่าซากดึกดำบรรพ์ในหินเหล่านั้นเกิดขึ้นจากสิ่งมีขีวิต และเขาให้เหตผลว่า ตำแหน่งของแผ่นดินและทะเลนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปเมื่อนานมาแล้ว เลโอนาร์โด ดา วินชี (ค.ศ. 1452–1519) เห็นด้วยกับการตีความของแอริสตอเดิลที่ว่าซากดึกดำบรรพ์นั้นเป็นตัวแทนของสิ่งมีชีวิตโบราณที่เหลืออยู่
ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 แอวิเซนนา (เสียชีวิต ค.ศ. 1037) และอัลแบร์ตุส มาญุส (เสียชีวิต ค.ศ. 1280) มุขนายกแห่งคณะดอมินิกันในศาสนาคริสต์ ได้ขยายความคำอธิบายของแอริสตอเติลไปเป็นทฤษฏีของเหลวกลายเป็นหิน นอกจากนี้แอวิเซนนายังได้เสนอหลักการข้อหนึ่งที่อยู่ภายใต้มาตรธรณีกาลด้วย นั่นคือ ของชั้นหิน ในขณะที่กล่าวถึงการกำเนิดภูเขาในหนังสือ The Book of Healing (ค.ศ. 1027) และยังมี (ค.ศ. 1031–1095) ซึ่งเป็นผู้ค้นพบแนวคิดของ "" ด้วย
การจัดตั้งหลักการเบื้องต้น
ในช่วงปลายคริสต์ตวรรษที่ 17 (ค.ศ. 1638–1686) ได้กล่าวถึงหลักการพื้นฐานของมาตรธรณีกาล โดยสตีโนแย้งว่าชั้นหินนั้นถูกวางเรียงต่อ ๆ กันและแต่ละชั้นแสดงถึง "ส่วน" ของเวลา นอกจากนี้ เขายังได้ตั้งขึ้น ซึ่งระบุว่าชั้นหินหนึ่ง ๆ อาจมีอายุมากกว่าชั้นที่อยู่ด้านบนและมีอายุน้อยกว่าชั้นที่อยู่ด้านล่างชั้นดังกล่าว แม้ว่าหลักการของสตีโนนั้นจะเรียบง่าย แต่การนำไปพิสูจน์นั้นกลับมีความท้าทาย นอกจากนี้ แนวคิดของสตีโนยังนำไปสู่แนวคิดที่สำคัญอื่น ๆ ที่นักธรณีวิทยาใช้ในปัจจุบันด้วย เช่น ซึ่งตลอดช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 นั้น นักธรณีวิทยาตระหนักได้ว่า
- ลำดับของชั้นหินมักจะถูกกร่อน ถูกบิดให้ผิดรูป ถูกทำให้เอียง หรือแม้แต่เกิดกลับด้านหลังจากการถูกทับถมแล้ว
- ชั้นหินที่วางตัวในเวลาเดียวกันแต่ต่างพื้นที่กัน อาจมีลักษณะที่แตกต่างกันได้อย่างสิ้นเชิง
- ชั้นหินของพื้นที่หนึ่ง ๆ เป็นเพียงส่วนเดียวของประวัติอันยาวนานของโลกเท่านั้น
ทฤษฎีที่เป็นที่นิยมในเวลานั้น (ทฤษฎีได้รับการอธิบายโดย (ค.ศ. 1749–1817) ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18) เสนอว่า หินทั้งหมดนั้นเกิดการตะกอนจากมหาอุทกภัยครั้งใหญ่เพียงครั้งเดียว ก่อนที่การเปลี่ยนแปลงทางความคิดได้เกิดขึ้นครั้งใหญ่เมื่อได้นำเสนอ ทฤษฎีโลก หรือ การตรวจสอบกฎที่สามารถสังเกตได้จากองค์ประกอบ การยุบ และการบูรณะขึ้นของแผ่นดินบนโลก ขึ้น ที่ในเดือนมีนาคมและเมษายน ค.ศ. 1785 โดยได้ยืนยันว่า "เมื่อสิ่งต่าง ๆ ปรากฏขึ้นจากมุมมองของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ทำให้เจมส์ ฮุตตันจากการอ่านเหล่านั้นกลายมาเป็นผู้ก่อกำเนิดธรณีวิทยาสมัยใหม่": 95–100 โดยฮุตตันเสนอว่า ภายใน [เนื้อใน] ของโลกนั้นร้อน และความร้อนนี้เป็นกลไกขับเคลื่อนการสร้างชั้นหินใหม่ขึ้น โดยแผ่นดินจะถูกก่อนไปโดยอากศและน้ำ และเกิดการทับถมเป็นชั้นในทะเล จากนั้นความร้อนก็จะรวมตะกอนเหล่านั้นให้เป็นหิน และยกให้เป็นแผ่นดินใหม่ โดยทฤษฎีนี้เรียกว่า ซึ่งตรงกันข้ามกับทฤษฎีที่มุ่งไปที่อุทกภัยแบบเนปจูนนิยม
การประดิษฐ์มาตรธรณีกาล
ความพยายามอย่างจริงจังครั้งแรกในการกำหนดมาตรธรณีกาลที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั่วโลกนั้นเกิดขึ้นในช่วงปลายคริตส์ศตวรรษที่ 18 ผู้ที่มีอิทธิพลต่อความคิดมากที่สุดในช่วงแรก ๆ (โดยมีเวร์เนร์เป็นผู้ครองอิทธิพลเหนือบุคคลอื่น) ได้แบ่งหินของเปลือกโลกออกเป็นสี่ประเภท ได้แก่ ปฐมภูมิ (Primary) ทุติยภูมิ (Secondary) ตติยภูมิ (Tertiary) และ จตุรภูมิ (Quaternary) โดยตามทฤษฎีแล้ว หินแต่ละประเภทนั้นจะก่อตัวขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ในประวัติโลก ดังนั้น อันที่จริงแล้วจึงเป็นไปได้ที่จะกล่าวถึง "ยุคเทอร์เทียรี" เช่นเดียวกับ "หินเทอร์เทียรี" โดย "ยุคตติยภูมิ" หรือ "เทอร์เทียรี" (ปัจจุบันแบ่งออกเป็นยุคพาลีโอจีนและนีโอจีน) ถูกใช้งานในฐานะชื่อของยุคทางธรณีวิทยามาจนถึงศตวรรษที่ 20 ส่วน "ยุคจตุรภูมิ" หรือ "ควอเทอร์นารี" ยังคงถูกใช้เป็นชื่อของยุคอย่างเป็นทางการจวบจนปัจจุบัน
การระบุชั้นหินโดยใช้ซากดึกดำบรรพ์ที่มีอยู่ ซึ่งถูกบุกเบิกโดย, , และในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ช่วยให้นักธรณีวิทยาสามารถแบ่งประวัติของโลกได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้นักธรณีวิทยาเชื่อมโยงชั้นหินต่าง ๆ ข้ามพรมแดนของประเทศ (หรือแม้แต่ทวีป) ได้ โดยหากชั้นหินสองสั้น (แต่ว่าอยู่ห่างไกลกัยหรือมีองค์ประกอบต่างกัน) ซึ่งมีซากดึกดำบรรพ์เหมือนกัน โอกาสที่ชั้นหินทั้งสองจะวางตัวในเวลาเดียวกันนั้นจะอยู่ในระดับดี จากการศึกษาโดยละเอียดเกี่ยวกับชั้นหินและซากดึกดำบรรพ์ในยุโรประหว่างปี ค.ศ. 1820 ถึง 1850 ทำให้เกิดของลำดับทางธรณีที่ยังใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้
การตั้งชื่อยุค สมัย และ มหายุค
งานเริ่มแรกในการพัฒนามาตรธรณีกาลนั้นถูกครอบงำโดยนักธรณีวิทยาชาวอังกฤษ ชื่อของยุคทางธรณีวิทยาจึงสะท้อนถึงการครอบงำนั้น โดย คำว่า "แคมเบรียน" (ชื่อโบราณของประเทศเวลส์) และ "ออร์โดวิเชียน" และ "ไซลูเรียน" ก็เป็นชื่อที่ตั้งตามเผ่าโบราณของประเทศเวลส์ เนื่องจากมีการกำหนดลำดับชั้นหินและกำหนดยุคจากประเทศเวลส์: 113–114 ส่วน "ดรโวเนียน" เป้นชื่อที่ตั้งตามเทศมณฑลเดวอนของประเทศอังกฤษ และ "คาร์บอนิเฟอรัส" มาจากคำว่า "the Coal Measures" ซึ่งเป็นคำเก่าที่ใช้โดยนักธรณีวิทยาชาวอังกฤษในชั้นหินชุดเดียวกัน ขณะที่ "เพอร์เมียน" ตั้งตามดินแดนเปียร์มของประเทศรัสเซีย เนื่องจากยุคดังกล่าวถูกกำหนดโดยใช้ชั้นหินในภูมิภาคดังกล่าวโดย นักธรณีวิทยาชาวสก็อต อย่างไรก็ตาม บางยุคก็ได้รับการตั้งชื่อโดยนักธรณีวิทยาจากประเทศอื่น เช่น "ไทรแอสซิก" ตั้งโดย นักธรณีวิทยาชาวเยอรมัน โดยชื่อมาจากลักษณะสามชั้นที่แตกต่างกัน (ในภาษาละติน trias หมายถึง ตรีลักษณ์) กล่าวคือ ซึ่งถูกปิดทับด้วยชั้น และตามด้วยชั้นหินดินดานดำ ซึ่งลักษณะนี้สามารถพบได้ทั่วประเทศเยอรมนีและภูมิภาคยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ จึงเป็นที่มาของชื่อ 'ไทรแอส' (trias) ชื่อ "จูแรสซิก" ตั้งโดย นักธรณีวิทยาชาวฝรั่งเศส โดยมีที่มาจากหินปูนทะเลเป็นบริเวณกว้างของ (Jura) ชื่อ "ครีเทเชียส" (จากภาษาละติน creta หมายถึง หินชอล์ก) เป็นยุคที่ถูกกำหนดครั้งแรกโดย นักธรณีวิทยาชาวเบลเยียมในปี พ.ศ. 2365 โดยการใช้ชั้นหินใน และได้ตั้งชื่อตามชั้นหินชอล์ก (การทับถมของแคลเซียมคาร์บอเนตที่เกิดจากเปลือกของสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลัง) ที่กว้างขวาง ซึ่งพบได้ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก
นักธรณีวิทยาชาวอังกฤษยังได้รับหน้าที่ในการจัดกลุ่มยุคให้เป็นมหายุคต่าง ๆ ด้วย รวมถึงการแบ่งยุคเทอร์เทียรีและควอเทอร์นารีออกเป็นสมัยต่าง ๆ ในปี พ.ศ. 2384 ได้ตีพิมพ์มาตรธรณีกาลทั่วโลกครั้งแรกขึ้นตามประเภทของซากดึกดำบรรพ์ที่พบในแต่ละมหายุค โดยมาตรของฟิลลิปส์ช่วยทำให้คำศัพท์ เช่น พาลีโอโซอิก ("สิ่งมีชีวิตเก่า") ซึ่งเขาได้ขยายให้มันครอบคลุมเวลามากกว่าที่เคยใช้มาให้เป็นคำมาตรฐาน และยังได้คิดค้นคำว่า มีโซโซอิก ("สิ่งมีชีวิตกลาง") ขึ้นด้วย
การหาอายุของธรณีกาล
เมื่อวิลเลียม สมิธและเซอร์รู้เป็นครั้งแรกว่าชั้นหินนั้นเป็นตัวแทนของช่วงเวลาที่ต่อเนื่องกัน มาตรกาลสามารถประมาณขึ้นได้อย่างคราว ๆ ไม่แม่นยำเท่านั้น อันเนื่องมาจากค่าประมาณของอัตราการเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอน ขณะเดียวกันนักคิดได้เสนออายุของโลกเอาไว้ที่ประมาณหกพันถึงเจ็ดพันปี โดยอ้างอิงจากคัมภีร์ไบเบิล ส่วนนักธรณีวิทยาได้เสนอมาตรธรณีกาลไว้ที่หลักล้านปี และบางกลุ่มถึงกับเสนอว่าอายุของโลกนั้นเป็นอนันต์[] นักธรณีวิทยาและนักบรรพชีวินวิทยาได้สร้างตารางธรณีขึ้น โดยอิงจากตำแหน่งสัมพัทธ์ของชั้นหินและซากดึกดำบรรพ์ต่าง ๆ และประเมินมาตรกาลขึ้นจากการศึกษาอัตรา การกร่อน และ การแข็งตัวกลายเป็นหิน จนกระทั่งมีการค้นพบกัมมันตรังสีในปี พ.ศ. 2439 และได้มีการนำมาประยุกต์ใช้ทางธรณีวิทยาด้วยในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ขณะที่อายุของชั้นหินต่าง ๆ และอายุของโลกนั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก
มาตรธรณีกาลแรกที่ใช้อายุสมบูรณ์ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2456 โดย นักธรณีวิทยาชาวอังกฤษ เขาได้พัฒนาแขนงทางขึ้น และยังได้ตีพิมพ์หนังสือระดับโลก The Age of the Earth ขึ้น ซึ่งเขาได้ประมาณอายุของโลกว่ามีอายุอย่างน้อย 1.6 พันล้านปี
ในความพยายามอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 ได้ทำงานเพื่อเชื่อมโยงบันทึกทางชั้นหินท้องถิ่นในบริเวณต่าง ๆ ของโลกให้เป็นระบบเกณฑ์มาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งโลก
ในปี พ.ศ. 2520 คณะกรรมาธิการการลำดับชั้นหินโลก (ปัจจุบัน คือ คณะกรรมาธิการการลำดับชั้นหินสากล) ได้เริ่มกำหนดจุดอ้างอิงทั่วโลกขึ้น เรียกว่า GSSP () สำหรับช่วงเวลาทางธรณีวิทยาและระยะของกลุ่มซากดึกดำบรรพ์ โดยงานของคณะกรรมาธิการได้ถูกอธิบายไว้ในมาตรธรณีกาลปี พ.ศ. 2555 ของแกรดสเทนและคณะ นอกจากนี้ยังมีแบบจำลองยูเอ็มแอล สำหรับเป็นวิธีการจัดโครงสร้างมาตรเวลาที่เกี่ยวข้องกับ GSSP ด้วย
ปัญหาสหสัมพันธ์
นักธรณีวิทยาชาวอเมริกันถือว่าและเป็นยุคตามการแบ่งของตนมาอย่างยาวนาน แม้ว่า ICS จะรับรองทั้งสองช่วงเป็น "กึ่งยุค" (subperiods) ของยุคคาร์บอนิเฟอรัสตามการรับรองของนักธรณีวิทยาชาวยุโรป กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศจีน ประเทศรัสเซีย และแม้แต่ประเทศนิวซีแลนด์ซึ่งมีมหายุคอื่น ๆ ทำให้การจัดบันทึกทางการลำดับชั้นหินให้เป็นหนึ่งเดียวกันนั้นช้าลง
แอนโทรโปซีน
วัฒนธรรมสมัยนิยมและนักวิทยาศาสตร์จำนวนที่มากขึ้นได้ใช้คำว่า "แอนโทรโปซีน" อย่างไม่เป็นทางการในการระบุสมัยปัจจุบันที่เรากำลังอาศัยอยู่ คำนี้ถูกบัญญัติโดยและในปี พ.ศ. 2543 เพื่ออธิบายถึงเวลาปัจจุบันที่ซึ่งมนุษย์ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อม และยังมีการวิวัฒนาการเพื่ออธิบาย "สมัย" ซึ่งเริ่มต้นไปแล้วในอดีตด้วย โดยกำหนดเริ่มจากการปล่อยคาร์บอนของมนุษย์และการผลิตและการบริโภคสินค้าพลาสติกที่หลงเหลืออยู่ในพื้นดิน
นักวิจารณ์คำศัพท์คำนี้กล่าวว่า ไม่ควรใช้คำศัพท์คำนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ยากในการกำหนดเวลาอย่างเฉพาะเจาะจงที่มนุษย์เริ่มมีอิทธิพลต่อชั้นหิน ซึ่งถือเป็นการกำหนดจุดเริ่มต้นของสมัย
คำนี้ไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้อย่างเป็นทางการโดย ICS ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2558 โดยคณะทำงานแอนโทรโปซีนได้จัดประชุมกัน ณ กรุงออสโล ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2559 เพื่อรวบรวมหลักฐานสนับสนุนข้อโต้แย้งสำหรับแอนโทรโปซีนว่าเป็นสมัยทางธรณีวิทยาอย่างแท้จริง โดยหลักฐานได้รับการประเมินและทางกลุ่มได้ลงมติสนับสนุนให้ใช้คำว่า "แอนโทรโปซีน" เป็นชื่อช่วงอายุใหม่ทางทางธรณีวิทยาในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 หากคณะกรรมาธิการการลำดับชั้นหินสากลอนุมัติข้อแนะนำนี้ ข้อเสนออนุมัติดังกล่าวจะต้องได้รับรองสัตยาบันโดย จึงจะถูกยอมรับอย่างเป็นทางการในฐานะส่วนหนึ่งของมาตรธรณีกาลได้
การเปลี่ยนแปลงยุคที่สำคัญ
- การเปลี่ยนแปลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คือ การยกเลิกการใช้ยุคเทอร์เทียรี และใช้คำว่า ยุคพาลีโอจีน และ ยุคนีโอจีนตามลำดับแทน โดยสิ่งนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
- มีการพิจารณาการยกเลิกยุคควอเทอร์นารี แต่ถูกพักไว้ก่อนด้วยเหตุผลด้านความต่อเนื่อง
- แม้กระทั่งก่อนหน้าในประวัติของวิทยาศาสตร์ เทอร์เทียรียังถูกถือเป็น "มหายุค" และมีการแบ่งย่อยของตนด้วย (พาลีโอซีน, อีโอซีน, โอลิโกซีน, ไมโอซีน และ ไพลโอซีน) โดยเรียกการแบ่งย่อยนั้นว่า "ยุค"
ตารางธรณีกาล
ตารางด้านล่างนี้ เป็นตารางสรุปเหตุการณ์สำคัญและลักษณะเฉพาะของช่วงของเวลาซึ่งประกอบขึ้นเป็นมาตรธรณีกาล ตารางนี้ถูกจัดเรียงโดยแสดงช่วงเวลาล่าสุดไว้ทางด้านบน และด้านล่างสุดคือช่วงเวลาที่เก่าแก่ที่สุด ความสูงของแต่ละรายการในตารางนั้นไม่สอดคล้องกับระยะของแต่ละการแบ่งย่อย
เนื้อหาของตารางนี้อ้างอิงกับมาตรธรณีการอย่างเป็นทางการปัจจุบันของ (ICS) โดยมีการเปลี่ยนแปลงชื่อสมัยเป็นรูปแบบตอนต้น/ตอนปลายจากล่าง/บนซึ่งเป็นรูปแบบเดิม ตามการแนะนำของคณะกรรมาธิการการลำดับชั้นหินสากล เมื่อต้องใช้
คณะกรรมาธิการการลำดับชั้นหินสากลยังมีบริการตารางธรณีกาลรูปแบบออนไลน์ด้วยผ่าน ics-chart โดยอ้างอิงมาจากบริการส่งมอบ / บนอุปกรณ์ที่อ่านได้ในการแสดงมาตรกาล ซึ่งพร้อมใช้งานผ่านบริการโปรเจกต์ ของ และ
ตารางนี้ไม่เป็นไปตามมาตราส่วน โดยแม้ว่าบรมยุคฟาเนอโรโซอิกจะดูแล้วมีขนาดใหญ่กว่าบรมยุคที่เหลือ แต่กินเวลาเพียง 500 ล้านปีเท่านั้น ขณะที่สามบรมยุคก่อนหน้า (หรืออภิมหาบรมยุคพรีแคมเบรียน) กินเวลารวมกันกว่า 3.5 พันล้านปี ลักษณะเช่นนี้ เนื่องมาจากการขาดข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสามบรมยุคแรก (หรืออภิมหาบรมยุค) เมื่อเทียบกับบรมยุคปัจจุบัน (บรมยุคฟาเนอโรโซอิก])[] ส่วนสมัยแอนโทรโปซีนนั้นยังไม่ถูกรวมอยู่ในตารางนี้
หินบรมยุค /บรมยุค | หินมหายุค /มหายุค | หินยุค /ยุค | หินสมัย /สมัย | หินช่วงอายุ /ช่วงอายุ | เหตุการณ์สำคัญ | เริ่มต้น (ล้านปีที่แล้ว) |
---|---|---|---|---|---|---|
ฟาเนอโรโซอิก (Phanerozoic) | ซีโนโซอิก (Cenozoic) | ควอเทอร์นารี (Quaternary) | โฮโลซีน (Holocene) | เมฆาลายัน (Meghalayan) | เหตุการณ์ 4.2 พันปี, (ไปยังเกาะมาดากัสการ์และ), การเพิ่มขึ้นของจากอุตสาหกรรม | 0.0042* |
นอร์ทกริปเปียน (Northgrippian) | , , ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นท่วมและซุนดาแลนด์, การแปรสภาพเป็นทะเลทรายของพื้นที่สะฮาราและอาหรับ, จุดสิ้นสุดของยุคหินและจุดเริ่มต้นของยุค, มนุษย์ขยายดินแดนไปยังกลุ่มเกาะอาร์กติกและกรีนแลนด์ | 0.0082* | ||||
กรีนแลนด์เดียน (Greenlandian) | การเข้าสู่เสถียรภาพของภูมิอากาศ, ปัจจุบันและการสูญพันธุ์สมัยโฮโลซีนเริ่มต้นขึ้น, เริ่มต้นการทำเกษตรกรรม, มนุษย์แพร่กระจายไปทั่วและคาบสมุทรอาหรับ และทวีปอเมริกา (แผ่นดินใหญ่และแคริบเบียน) | 0.0117* | ||||
ไพลสโตซีน (Pleistocene) | บน/ตอนปลาย (ทารันเทียน) (Upper/Late (Tarantian)) | , , จุดสิ้นสุดของ, , , มนุษย์ขยายดินแดนเข้าสู่และทวีปอเมริกา | 0.129 | |||
ชิบาเนียน (Chibanian) | เกิด, มีแอมพลิจูดสูง, กำเนิดมนุษย์โฮโมเซเปียนส์ | 0.774 | ||||
คาลาเบรียน (Calabrian) | ภูมิอากาศเย็นลงต่อไป, ยักษ์สูญพันธุ์, การแพร่กระจายของมนุษย์โฮโมอิเร็กตัสทั่วทวีปแอฟโฟร-ยูเรเชีย | 1.8* | ||||
เจลาเซียน (Gelasian) | จุดเริ่มต้นของและภูมิอากาศไม่เสถียร, กำเนิดและมนุษย์โฮโมแฮบิลิส | 2.58* | ||||
นีโอจีน (Neogene) | ไพลโอซีน (Pliocene) | ปีอาเซนเซียน (Piacenzian) | การพัฒนาขึ้นของ ขณะที่ความหนาวเย็นค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงสมัยไพลสโตซีน, ออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศถึงระดับปัจจุบันขณะที่มวลแผ่นดินเคลื่อนมาถึงยังตำแหน่งปัจจุบัน (เช่น คอคอดปานามารวมทวีปอเมริกาเหนือและใต้เข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการ), เมทาเธอเรียไม่มีกระเป๋าหน้าท้องพวกสุดท้ายสูญพันธุ์, แพร่กระจายอยู่ทั่วด้านตะวันออกของทวีปแอฟริกา, เริ่มต้นยุคหิน | 3.6* | ||
ซานเคลียน (Zanclean) | ในบริเวณเมดิเตอร์เรเนียน, การเย็นลงของภูมิอากาศต่อเนื่องมาจากสมัยไมโอซีน, สัตว์คล้ายม้าและพวกแรก, วานร(อาร์ดิพิเทคัส)อาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา | 5.333* | ||||
ไมโอซีน (Miocene) | (Messinian) | พร้อมทะเลสาบเกลือในบริเวณเมดิเตอร์เรเนียนอันว่างเปล่า, ซึ่งคั่นด้วยยุคน้ำแข็งและการก่อตัวขึ้นของ, ที่ไม่ใช่จระเข้ และสูญพันธุ์, หลังจากการแยกออกจากกันอย่างช้า ๆ ของ วานรและอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา | 7.246* | |||
(Tortonian) | 11.63* | |||||
(Serravallian) | ช่วงที่มีอากาศอบอุ่นขึ้นในภูมิอากาศที่เหมาะสมที่สุดในสมัยอีโอซีนกลาง, การสูญพันธุ์ใน, ความหลากหลายของสายพันธุ์ฉลามลดลง, ฮิปโปพวกแรก, บรรพบุรุษของลิงใหญ่ | 13.82* | ||||
(Langhian) | 15.97 | |||||
(Burdigalian) | การก่อเทือกเขาในซีกโลกเหนือ, การเริ่มต้นของซึ่งให้กำเนิด, การแพร่กระจายของผืนป่าดึงเอาคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมหาศาลมาใช้ จนกระทั่งทำให้ระดับของคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศลดลงจาก 650 ppmv เหลือประมาณ 100 ppmv ในระหว่างสมัยไมโอซีน, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนกยุคใหม่มีรูปร่างดังปัจจุบัน, วาฬดึกดำบรรพ์พวกสุดท้ายสูญพันธุ์, หญ้าสามารถพบได้ทั่วไป, บรรพบุรุษของเอป รวมถึง มนุษย์ อาศัยอยู่ในยุคนี้, ทวีปแอฟโฟร-อาหรับชนกับทวีปยูเรเซีย ทำให้ก่อตัวขึ้นอย่างเต็มที่และทำให้มหาสมุทรเททิสหายไป แต่ช่วยให้มีการแลกเปลี่ยนทางสัตว์ชาติของทั้งสองทวีป, ในเวลาเดียวกัน ทวีปแอฟโฟร-อาหรับแยกออกเป็นทวีปแอฟริกาและเอเชียตะวันตก | 20.44 | ||||
(Aquitanian) | 23.03* | |||||
พาลีโอจีน (Paleogene) | (Oligocene) | (Chattian) | , จุดเริ่มต้นการแพร่กระจายของวิวัฒนาการและความหลากหลายของสัตวชาติเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (เช่น และ), การวิวัฒนาการและการแพร่พันธุ์ครั้งใหญ่ของพืชดอกยุคใหม่, มีอาคอยด์ และคอนดีลาร์ทสูญพันธุ์, การปรากฏขึ้นของพวกวาฬและโลมาแรก (ที่เป็นสัตว์น้ำอย่างเต็มตัว) | 28.1 | ||
(Rupelian) | 33.9* | |||||
อีโอซีน (Eocene) | (Priabonian) | , สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุคโบราณ (เช่น , , "" ฯลฯ) มีอยู่มากมายและยังคงพัฒนาต่อไปในระหว่างสมัยนี้, วงศ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม "ยุคใหม่" หลายวงศ์ปรากฏขึ้น, สายพันธุ์วาฬโบราณและพะยูนมีความหลากหลายหลังจากกลับลงไปในน้ำ, พันธุ์นกมีความหลากหลาย, หมี และ พวกแรก, มัลติทูเบอร์คิวเลและเลปติกติดันสูญพันธุ์ในช่วงปลายของสมัย, การกลับมาของธารน้ำแข็งแอนตาร์กติกาและการก่อตัวของครอบน้ำแข็ง, และของเทือกเขาร็อกกีในทวีปอเมริกาเหนือสิ้นสุดลง, การก่อเทือกเขาของเทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรปเริ่มต้นขึ้น, ในประเทศกรีซและทะเลอีเจียนเริ่มต้นขึ้น | 37.8 | |||
(Bartonian) | 41.2 | |||||
(Lutetian) | 47.8* | |||||
(Ypresian) | เหตุการณ์ชั่วคราวสองเหตุการณ์ของภาวะโลกร้อน ( และ ) และภูมิอากาศอบอุ่นไปจนถึงช่วง(ภูมิอากาศที่เหมาะสมที่สุดสมัยอีโอซีน), ทำให้ระดับของคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงจาก 3500 ppm เหลือ 650 ppm ซึ่งนับเป็นระยะเริ่มต้นของช่วงสภาพอากาศเย็นลงยาวนาน, อนุทวีปอินเดียชนเข้ากับทวีปเอเชียและการเริ่มต้นขึ้นของ (ทำให้เกิด) ขณะที่ทวีปยูเรเซียแยกออกจากทวีปอเมริกาเหนืออย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นสมุทรเบนออกจากส่วนที่เหลือของทวีปยูเรเซีย, นกเกาะคอน สัตว์เคี้ยวเอื้อง ตัวนิ่ม ค้างคาว และ ไพรเมทที่แท้จริงอยู่ในสมัยนี้ | 56* | ||||
พาลีโอซีน (Paleocene) | (Thanetian) | เริ่มต้นจากการชนของอุกกาบาตชิกชูลุบและเหตุการณ์การสูญพันธุ์ยุคครีเทเชียส–พาลีโอจีน ทำให้ไดโนเสาร์กลุ่มที่ไม่ใช่สัตว์ปีกและเทอโรซอร์ สัตว์ทะเลเลี้อยคลานส่วยใหญ่ สัตว์มีกระดูกสันหลังอื่นจำนวนมาก (เช่น เมทาเธอเรียลอเรเซีย) เซฟาโลพอด (มีเพียงหอยงวงช้างและหมึกที่เหลือรอด) และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอื่นจำนวนมากสูญสิ้นไป, , มีการแพร่หลายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนกไปเป็นวงศ์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมากภายหลังจากการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์กลุ่มที่ไม่ใช่สัตว์ปีก (ขณะที่การวิวัฒนาการในทะเลหยุดลง), มัลติทูเบอร์คิวเลและสัตว์ฟันแทะพวกแรกแพร่กระจายไปทั่ว, นกขนาดใหญ่ (เช่น และ) และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ (ใหญ่ขนาดหมีหรือเล็กขนาดฮิปโปโปเตมัส) ปรากฏขึ้นครั้งแรก, ในทวีปยุโรปและทวีปเอเชียเริ่มต้นขึ้น, พวกช้างและ (บรรพบุรุษก่อกำเนิดไพรเมท) ปรากฏขึ้น, บางส่วนอพยพไปยังทวีปออสเตรเลีย | 59.2* | |||
(Selandian) | 61.6* | |||||
(Danian) | 66* | |||||
มีโซโซอิก (Mesozoic) | ครีเทเชียส (Cretaceous) | (Upper/Late) | (Maastrichtian) | พืชดอกเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว (หลังจากการพัฒนาลักษณะหลายประการตั้งแต่ยุคคาร์บอนิเฟอรัส) พร้อมกับแมลงชนิดใหม่ ขณะที่พืชดอกอื่น (พืชเมล็ดเปลือยและเฟิร๋นมีเมล็ด) เสื่อมลง, ปลายุคใหม่เริ่มต้นปรากฏมากขึ้น, แอมโมไนต์ ไบวาลเวีย เม่นทะเล และ ฟองน้ำ พบได้ทั่วไป, ไดโนเสาร์ชนิดใหม่หลายชนิด (เช่น ไทแรนโนซอรัส, , ฮาโดรซอร์ และ ) วิวัฒนาการขึ้นบนแผ่นดิน] ขณะที่จระเข้ปรากฏในน้ำและอาจเป็นเหตุให้เทมโนสปอนดีลส์พวกสุดท้ายสูญพันธุ์ไป และโมซาซอร์ และปลาฉลามยุคใหม่ปรากฏขึ้นในทะเล, การปฏิวัติที่เริ่มต้นโดยสัตว์เลี้อยคลานและฉลามในทะเลถึงจุดสูงสุด แม้ว่าอิกทีโอซอร์จะหายไปในไม่กี่ล้านปีหลังจากถูกลดขนาดลงอย่างมากจาก, นกมีหยักซี่ฟันและไร้หยักซี่ฟันปรากฏขึ้นพร้อมกันกับเทอโรซอร์, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมพวกโมโนทรีม เมทาเธอเรีย (ประกอบด้วย มาร์ซูเพียล ซึ่งอพยพไปยังทวีปอเมริกาใต้) และ (ประกอบด้วย และ ) ปรากฏขึ้นขณะที่ไซโนดอนต์พวกสุกท้ายที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสูญพันธุ์ไป, ปูบกพวกแรก, หอยทากจำนวนมากขึ้นมาอยู่บนบก, การแตกออกของมหาทวีปกอนด์วานาทำให้เกิดทวีปอเมริกาใต้ ทวีปแอนตาร์กติกา โอเชียเนีย เกาะมาดากัสการ์ อินเดียใหญ่ และเกิดมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ มหาสมุทรอินเดีย และ มหาสมุทรแอนตาร์กติก และเกิดหมู่เกาะต่าง ๆ ขึ้นในมหาสมุทรอินเดีย (และบางส่วนของมหาสมุทรแอตแลนติก) ขึ้น, และของเทือกเขาร็อกกีเริ่มต้นขึ้น, คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศของโลกมีระดับใกล้เคียงกับปัจจุบัน, หายไป, ภูมิอากาศเริ่มอุ่นขึ้นแต่เย็นลงในภายหลัง | 72.1 ± 0.2* | |
(Campanian) | 83.6 ± 0.2 | |||||
(Santonian) | 86.3 ± 0.5* | |||||
(Coniacian) | 89.8 ± 0.3 | |||||
(Turonian) | 93.9* | |||||
(Cenomanian) | 100.5* | |||||
(Lower/Early) | (Albian) | ~113 | ||||
(Aptian) | ~125 | |||||
(Barremian) | ~129.4 | |||||
(Hauterivian) | ~132.9 | |||||
(Valanginian) | ~139.8 | |||||
(Berriasian) | ~145 | |||||
จูแรสซิก (Jurassic) | (Upper/Late) | (Tithonian) | ภูมิอากาศแบบชื้นกลับมาอีกครั้ง, พืชเมล็ดเปลือย (โดยเฉพาะ โคนิเฟอร์, และ) และเฟิร์นแพร่หลายโดยทั่วไป, ไดโนเสาร์หลายชนิด เช่น ซอโรพอด และกลายเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่ครองพื้นที่บนแผ่นดิน, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีการหลากหลายของพันธุ์ไปเป็นพวก และ แต่ยังคงมีขนาดเล็ก, นก กิ้งก่า งู และเต่าปรากฏขึ้นครั้งแรก, ปลากระเบน กุ้งฝอย ปู และ ล็อบสเตอร์พวกแรก, และเพลสิโอซอร์มีการแตกไปเป็นสายพันธุ์ต่าง ๆ, ไรนโคเซฟาเลียแพร่ไปทั่วโลก, ไบวาลเวีย แอมโมไนต์ และ เบเลมไนต์มีอยู่อยากมากมายมหาศาล, เม่นทะเลพบได้ทั่วไปอย่างมาก พร้อมกับไครนอยด์ ดาวทะเล ฟองน้ำ และ และแบรคิโอพอด, การแตกออกของมหาทวีปแพนเจียเป็นมหาทวีปกอนด์วานาและมหาทวีปลอเรเชีย ซึ่งภายหลังมีการแตกออกอีกเป็นสองส่วนหลัก มหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอาร์กติกก่อตัวขึ้น, ก่อตัวขึ้น, ในทวีปอเมริกาเหนือ, และมีกิจกรรมน้อยลง, ระดับของคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศมีมากเป็น 3–4 เท่าของระดับปัจจุบัน (1200–1500 ppmv เทียบกับปัจจุบันที่ 400 ppmv), หาช่องทางในการใช้ชีวิตในน้ำ, ดำเนินต่อเนื่องมาจากสมัยไทรแอสซิกตอนปลาย, เทนตะคูไลต์หายไป | 152.1 ± 0.9 | ||
(Kimmeridgian) | 157.3 ± 1.0 | |||||
(Oxfordian) | 163.5 ± 1.0 | |||||
(Middle) | (Callovian) | 166.1 ± 1.2 | ||||
(Bathonian) | 168.3 ± 1.3* | |||||
(Bajocian) | 170.3 ± 1.4* | |||||
(Aalenian) | 174.1 ± 1.0* | |||||
(Lower/Early) | (Toarcian) | 182.7 ± 0.7* | ||||
(Pliensbachian) | 190.8 ± 1.0* | |||||
(Sinemurian) | 199.3 ± 0.3* | |||||
(Hettangian) | 201.3 ± 0.2* | |||||
ไทรแอสซิก (Triassic) | (Upper/Late) | (Rhaetian) | อาร์โคซอร์เป็นไดโนเสาร์ครองแผ่นดินและเทอโรซอร์ครองท้องฟ้า, ยังมีไดโนเสาร์ที่เจริญมาจากอาร์โคซอร์สองเท้า, และเป็นสัตวชาติที่ครองผืนสมุทร, เริ่มมีขนาดเล็กลงและคล้ายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมากขึ้นจนในที่สุดกลายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแท้พวกแรก ขณะที่สัตว์เลี้อยคลานคล้ายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ ที่เหลือสูญพันธุ์ไป, มีอยู่อย่างทั่วไป, ที่เรียกว่า ยังคงมีอยู่ทั่วไปในมหาทวีปกอนด์วานา ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยพืชเมล็ดเปลือยชั้นสูง, ทะเลสะเทินน้ำสะเทินบกขนาดใหญ่มีอยู่มากมาย, เซราไทติกแอมโมนอยด์มีอยู่ทั่วไปเป็นอย่างมาก, และปลารวมถึงบรรพบุรุษของแมลงยุคใหม่มากมายได้ปรากฏขึ้น, (การก่อเทือกเขาแอนดีส)ในทวีปอเมริกาใต้เริ่มต้นขึ้น, ในทวีปเอเชียเริ่มต้นขึ้น, ในประเทศนิวซีแลนด์เริ่มต้นขึ้น, ใน ควีนส์แลนด์ และรัฐนิวเซาท์เวลส์สิ้นสุดลง (ประมาณ 260–225 ล้านปีก่อน), เกิดขึ้นประมาณ 234-232 ล้านปีก่อน ช่วยให้ไดโนเสาร์และแพร่กระจาย, เกิดขึ้นเมื่อ 201 ล้านปีก่อน ทำให้และพวกสุดท้าย สัตว์เลี้อยคลานทะเลหลายชนิด (เช่น ซอโรปเทอรีเจียนทั้งหมดยกเว้นเพลสิโอซอร์และอิกทีโอซอร์ทั้งหมดยกเว้นพาร์วิเพลเวีย) โครโคโพดันทั้งหมดยกเว้นโครโคไดโลมอร์ฟ เทอร์โรซอร์ ไดโนเสาร์ แอมโมนอยด์ส่วนใหญ่ (รวมถึงเซราทิทิดาทั้งหมด) ไบวาลเวีย แบรคิโอพอด ปะการัง และ ฟองน้ำสูญพันธุ์ไป, ไดอะตอมพวกแรก | ~208.5 | ||
(Norian) | ~227 | |||||
(Carnian) | ~237* | |||||
(Middle) | (Ladinian) | ~242* | ||||
(Anisian) | 247.2 | |||||
(Lower/Early) | (Olenekian) | 251.2 | ||||
(Induan) | 251.902 ± 0.06* | |||||
พาลีโอโซอิก (Paleozoic) | เพอร์เมียน (Permian) | (Lopingian) | (Changhsingian) | มวลแผ่นดินรวมเข้าด้วยกันเป็นมหาทวีปแพนเจียและได้ก่อกำเนิดเทือกเขาแอปพาเลเชียน ยูรัล และขึ้นท่ามกลางเทือกเขาอื่น ๆ (มหาสมุทรยักษ์แพนทาลัสซาหรือมหาสมุทรแปซิฟิกดั้งเดิมก่อตัวขึ้น), ยุคน้ำแข็งเพอร์โม-คาร์บอนิเฟอรัสสิ้นสุดลง, ภูมิอากาศแบบร้อนและแห้ง, เป็นไปได้ว่าเกิดการลดระดับลงอย่างรวดเร็วของออกซิเจน, ซีแนปซิด (ประกอบด้วย และ) มีอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะที่ สะเทินน้ำสะเทินบกยังคงมีอยู่ทั่วไป, ในยุคเพอร์เมียนกลาง พฤกษชาตยุคถ่านหินถูกแทนที่ด้วยพืชเมล็ดเปลือยมี (แท้กลุ่มแรก) และด้วยมอสส์แท้กลุ่มแรก, ด้วงและแมลงวันวิวัฒนาการขึ้น, สัตว์ขาปล้องขนาดใหญ่มากและเตตระพอโดมอร์ฟาที่ไม่ใช่เตตระพอดสูญพันธุ์, สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลเจริญงอกงามตามแนวปะการังน้ำตื้นที่อบอุ่น โดยและแบรคิโอพอด ไบวาลเวีย ฟอรามินิเฟอรา และทั้งหมดมีอยู่มากมาย, เจริญขึ้นจากไดแอปซิดและแยกออกไปเป็นบรรพบุรุษของเลพิโดซอร์ คูเอนีโอซอร์ คอริสโตเดเรส อาร์โคซอร์ เทสตูดีนาทัน อิกคิโอซอรัส ทาลัตโตซอร์ และซอโรเทรีเจียน, ไซโนดอนต์วิวัฒนาการขึ้นจากเทอแรปซิดขนาดใหญ่, (273 ล้านปีก่อน) (260 ล้านปีก่อน) และเหตุการณ์การสูญพันธุ์ยุคเพอร์เมียน–ไทรแอสซิก (252 ล้านปีก่อน) เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน ทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกมากว่าร้อยละ 80 สูญพันธุ์ไปในที่สุด ประกอบด้วย แพลงก์ตอนส่วนมาก ปะการัง (และสูญพันธ์ไปทั้งหมด) แบรคิโอพอด ไบรโอโซอัน แกสโทรพอด (โกเนียทิทิสสูญพันธุ์ไปทั้งหมด) แมลง พาราเรปไทล์ ไซแนปซิด แอมฟีเบียน และ ไครนอยด์ (มีเฉพาะที่รอด) และยูริปเทอริด ไทรโลไบต์ แกรพโตไลต์ และ ทั้งหมด, และในทวีปอเมริกาเหนือ, ในทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย]]ลดลง, การก่อเทือกเขาอัลไตในทวีปเอเชีย, ในทวีปออสเตรเลียเริ่มต้นขึ้น (ประมาณ 260–225 ล้านปีก่อน) ก่อกำเนิดขึ้น | 254.14 ± 0.07* | |
(Wuchiapingian) | 259.1 ± 0.4* | |||||
(Guadalupian) | (Capitanian) | 265.1 ± 0.4* | ||||
(Wordian) | 268.8 ± 0.5* | |||||
(Roadian) | 272.95 ± 0.5* | |||||
(Cisuralian) | (Kungurian) | 283.5 ± 0.6 | ||||
(Artinskian) | 290.1 ± 0.26 | |||||
(Sakmarian) | 295 ± 0.18 | |||||
(Asselian) | 298.9 ± 0.15* | |||||
คาร์บอนิเฟอรัส (Carboniferous) | (Pennsylvanian) | (Gzhelian) | แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว โดยบางชนิด (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง และ) โดยบางส่วนเช่นกิ้งก่าและแมงป่องมีขนาดค่อนข้างใหญ่, ป่าพืชถ่านหินพวกแรก (, เฟิร์น, , , ฯลฯ), ระดับออกซิเจนในชั้นบรรยากาศโลกอยู่ในระดับสูงที่สุด, ยุคน้ำแข็งดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงตอนต้นของยุคเพอร์เมียน, แบรคิโอพอด ไบรโอซัว ไบวาลเวีย และปะการังมีอยู่อย่างแพร่หลายในทะเลและมหาสมุทร, พวกแรก, ฟอรามินิเฟอราเทสเตตมีอยู่อย่างแพร่หลาย, ทวีปยูราเมริกาชนกับมหาทวีปกอนด์วานาและไซบีเรีย-คาซัคสถาเนีย ซึ่งภายหลังก่อตัวเป็นมหาทวีปลอเรเชียและเกิดขึ้น, การก่อเทือกเขาวาริสแคนกำเนินต่อไป (การชนกันของทวีปต่าง ๆ นี้ก่อการก่อเทือกเขาขึ้นและในที่สุดแล้วจะกลายเป็นมหาทวีปแพนเจีย), สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก (เช่น เทมโนสปอนดิล) แพร่หลายในทวีปยูราเมริกา โดยบางส่วนกลายเป็นพวกแรก, เกิดทำให้สภาพอากาศแห้งแล้ง ซึ่งเอื้ออำนวยต่อแอมนิโอตมากกว่าสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก, แอมนิโอตขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วไปเป็นซีแนปซิด และ , มีอยู่ทั่วไปก่อนที่จะสูญพันธุ์ไปในช่วงสิ้นสุดของยุค, ปลาฉลามพวกแรก | 303.7 ± 0.1 | ||
(Kasimovian) | 307 ± 0.1 | |||||
(Moscovian) | 315.2 ± 0.2 | |||||
(Bashkirian) | 323.2 ± 0.4* | |||||
(Mississippian) | (Serpukhovian) | ต้นไม้โบราณขนาดใหญ่เจริญงอกงามและยูริปเทอริดสะเทินน้ำสะเทินบกอาศัยอยู่ท่ามกลางบริเวณชายฝั่งน้ำกร่อยจากการก่อตัวของถ่านหินและมีการแตกขยายสายพันธุ์อย่างสำคัญเป็นครั้งสุดท้าย, พืชเมล็ดเปลือยพวกแรก, แมลง และ เอเฟเมรอปเทราพวกแรก และเพรียงพวกแรก, เทเทรอพอดสะเทินน้ำสะเทินบกห้านิ้วและพวกแรก, ในมหาสมุทร ปลากระดูกแข็งและกระดูกอ่อนเป็นพวกหลักและมีการสายพันธุ์แพร่หลาย เอไคโนเดอร์มาตา (โดยเฉพาะอย่างยิ่งไครนอยด์และ) มีอยู่มากมาย, ปะการัง ไบรโอซัว และแบรคิโอพอด ( และ ฯลฯ) ฟื้นตัวและเริ่มมีอยู่ทั่วไปอีกครั้ง แต่ไทรโลไบต์และนอติลอยด์เริ่มจำนวนลดลง, ในฝั่งตะวันออกของมหาทวีปกอนด์วานาต่อเนื่องมาจากสมัยดีโวเนียนตอนปลาย, ในประเทศนิวซีแลนด์ลดลง, ปลาที่มีครีบเป็นพู่ชื่อไรโซดอนต์เริ่มมีจำนวนมากและเป็นพวกหลักในน้ำจืด, ชนกับทวีปที่มีขนาดเล็ก | 330.9 ± 0.2 | |||
(Viséan) | 346.7 ± 0.4* | |||||
(Tournaisian) | 358.9 ± 0.4* | |||||
ดีโวเนียน (Devonian) | บน/ตอนปลาย (Upper/Late) | (Famennian) | เฟิร์น (จากก่อนหน้า) ต้นไม้ต้นแรก (โพรจิมโนสเปิร์ม) และ (พาลีออปเทราและนีออปเทรา) พวกแรก, และแบรคิโอพอด และ ปะการัง และ ไครนอยด์ทั้งหมดนั้นมีอยู่เต็มไปหมดในมหาสมุทร, เซฟาโลพอดตัวขด (แอมโมนอยด์และ) พวกแรกโดยกลุ่มเดิมนั้นมีอยู่อย่างมากมาย (โดยเฉพาะอย่างยึ่งโกเนียทิทิส), ไทรโลไบต์และออสตราโคเดิร์มมีจำนวนลดลง ขณะที่ปลามีขากรรไกร (ปลามีเกราะ, ปลาที่มีครีบเป็นพู่ และปลากระดูกแข็ง และปลาฉลามยุคแรก) แพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว, ปลาที่มีครีบเป็นพู่เทเทรอพอโดมอร์ฟาเปลี่ยนไปเป็นที่มีนิ้ว และค่อย ๆ กลายเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกอย่างช้า ๆ, อาร์ทิโอพอดที่ไม่ใช่ไทรโลไบต์พวกสุดท้ายสูญพันธุ์, (เช่น ) และไอโซพอดกลุ่มแรก, ความกดดันจากปลามีขากรรไกรทำให้ยูริปเทอริดลดจำนวนลงและเซฟาโลพอดบางชนิดสูญเสียเปลือกของตนไป ขณะที่อะโนมาโลคาริดสูญหายไป, "ทวีปแดงเก่า" ของยูราเมริกายังคงปรากฏอยู่หลังจากการก่อเทือกเขาแคลิโดเนีย, ของเทือกเขาแอนไทแอตลาสของแอฟริกาเหนือ และเทือกเขาแอปพาเลเชียนของอเมริกาเหนือเริ่มต้นขึ้น นอกจากนี้ยังมี และ ในประเทศนิวซีแลนด์ด้วย, ชุดของเหตุการณ์สูญพันธุ์ ประกอบด้วย และ ทำให้แอคริทาก ปะการัง ฟองน้ำ มอลลัสกา ไทรโลไบต์ ยูริปเทอริด กราฟโตไลต์ แบรคิโอพอด ไครโนซัว (เช่น พวกทั้งหมด) และ ปลา รวมไปถึงพลาโคเดิร์มและออสตราโคเดิร์มสูญพันธุ์ไปเป็นจำนวนมาก | 372.2 ± 1.6* | ||
(Frasnian) | 382.7 ± 1.6* | |||||
ตอนกลาง (Middle) | (Givetian) | 387.7 ± 0.8* | ||||
(Eifelian) | 393.3 ± 1.2* | |||||
ล่าง/ตอนต้น (Lower/Early) | (Emsian) | 407.6 ± 2.6* | ||||
(Pragian) | 410.8 ± 2.8* | |||||
(Lochkovian) | 419.2 ± 3.2* | |||||
ไซลูเรียน (Silurian) | (Pridoli) | ชั้นโอโซนหนาขึ้น, พืชมีท่อลำเลียงพวกแรกปรากฏขึ้นและสัตว์ขาปล้อง ได้แก่ (ประกอบด้วย แมลง) และ แมงขึ้นมาอยู่บนบกอย่างสมบูรณ์, ยูริปเทอริดขยายสายพันธุ์อย่างรวดเร็วจนกระจายไปจนทั่วและมีจำนวนมาก, เซฟาโลพอดหรือพวกหมึกยังคงมีอยู่อย่างมากมาย, พร้อมกับออสตราโคเดิร์มแท้แพร่ไปทั่วทั้งทะเล, ปะการังและ แบรคิโอพอด (เพนตะเมริดา, ฯลฯ) และ ไครนอยด์ทั้งหมดมีอยู่อย่างมากมาย, ไทรโลไบต์และมอลลัสกามีอยู่อย่างหลากหลายสายพันธุ์ ส่วนแกรพโตไลต์ไม่ค่อยหลากหลาย, เหตุการณ์การสูญพันธุ์ครั้งย่อยสามครั้ง, สัตว์พวกผิวหนามบางส่วนสูญพันธุ์, (การชนกันระหว่างลอเรนเชียและบัลติกาและหนึ่งในแผ่นดินกอนด์วานาขนาดเล็ก) สำหรับเทือกเขาในประเทศอังกฤษ ไอร์แลนด์ เวลส์ สก็อตแลนด์ และเริ่มต้นขึ้น, นอกจากนี้ยังมีด้านบนที่ต่อเนื่องเข้าสู่ยุคดีโวเนียน (และจึงก่อตัวเป็นทวีปยูราเมริกาขึ้น), ลดลง, สิ้นสุดลงในปลายยุคนี้หลังจากเริ่มต้นขึ้นในสมัยออร์โดวิเชียนตอนปลาย, ในทวีปออสเตรเลียลดลง | 423 ± 2.3* | |||
(Ludlow) | (Ludfordian) | 425.6 ± 0.9* | ||||
(Gorstian) | 427.4 ± 0.5* | |||||
(Wenlock) | (Homerian) | 430.5 ± 0.7* | ||||
(Sheinwoodian) | 433.4 ± 0.8* | |||||
(Llandovery) | (Telychian) | 438.5 ± 1.1* | ||||
(Aeronian) | 440.8 ± 1.2* | |||||
(Rhuddanian) | 443.8 ± 1.5* | |||||
ออร์โดวิเชียน (Ordovician) | บน/ตอนปลาย (Upper/Late) | (Hirnantian) | เกิดขึ้นโดยเป็นการเพิ่มจำนวนขึ้นของแพลงก์ตอน สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมีสายพันธุ์เกิดขึ้นจำนวนมาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรคิโอพอด และ มอลัสกา เช่น สัตว์พวกหมึก เช่น พวกที่มีอายุยืนยาวและมีสายพันธุ์หลายหลาย) แบรคิโอพอดที่ต่อกัน (เช่น ออร์ทิดา, สโตรโฟเมนิดา ฯลฯ) ไบวาลเวีย เซฟาโลพอด (นอติลอยด์) ไทรโลไบต์ ไบรโอซัว เอไคโนเดอร์มาตาหลายชนิด ( ไครนอยด์ เม่นทะเล ปลิงทะเล และ ฯลฯ) และลำดับขั้นอื่น ๆ ทั่วไป, ยังคงอยู่มีอยู่โดยทั่วไป, เซฟาโลพอดมีจำนวนมากขึ้นและมีอยู่โดยทั่วไป พร้อมทั้งมีแนวโน้มที่จะมีเปลือกแบบขด, อะโนมาโลคาริดสูญพันธุ์, เทนตะคูไลต์ปริศนาปรากฏขึ้น, ปลายูริปเทอริดและออสตราโคเดิร์มปรากฏขึ้น ซึ่งภายหลังมีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาไปเป็นตอนสิ้นสุดยุค, เห็ดราบกพวกแรกและการขึ้นมาอยู่บนบกของพืชอย่างเต็มตัว, ตอนสิ้นสุดยุค รวมถึงชุดของ ทำให้เซฟาโลพอดบางส่วนและแบรคิโอพอด ไบรโอซัว เอไคโนเดิร์ม แกรพโตไลต์ ไทรโลไบต์ ไบวาลเวีย ปะการัง และ จำนวนมากตายไป | 445.2 ± 1.4* | ||
(Katian) | 453 ± 0.7* | |||||
(Sandbian) | 458.4 ± 0.9* | |||||
ตอนกลาง (Middle) | (Darriwilian) | 467.3 ± 1.1* | ||||
(Dapingian) | 470 ± 1.4* | |||||
ล่าง/ตอนต้น (Lower/Early) | (Floian) | 477.7 ± 1.4* | ||||
(Tremadocian) | 485.4 ± 1.9* | |||||
แคมเบรียน (Cambrian) | (Furongian) | (Stage 10) | เกิดความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตครั้งใหญ่ในเหตุการณ์จากการเพิ่มขึ้นของระดับออกซิเจน, พบซากดึกดำบรรพ์จำนวนมาก โดยไฟลัมของสัตว์ยุคใหม่ (ประกอบด้วย สัตว์ขาปล้อง มอลลัสกา สัตว์พวกหนอนปล้อง เอไคโนเดอร์มาตา และ ) ปรากฏขึ้น, คล้ายปะการังมีอยู่อย่างแพร่หลายและสาบสูญไปในเวลาต่อม โดยสโตรมาไลต์มาแทนที่ แต่ก็ตกเป็นเหยื่อใน เมื่อสัตว์บางชนิดเริ่มขุดเจาะลงไปตามแผ่นจุลินทรีย์ (ส่งผลกับสัตว์อื่นบางชนิดด้วยเช่นกัน), (ได้แก่ ไทรโลไบต์) หนอนไพรอะพูลา แบรคิโอพอดแบบไม่ประกบกัน (เปลือกแบบไม่มีบานพับ) ไบรโอซัว แกรพโตไลต์ เอไคโนเดิร์มห้าแฉก (เช่น และ ) และสัตว์อื่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก, เป็นสัตว์นักล่าขนาดใหญ่ ขณะที่, สัตว์พวกกุ้งกั้งปูและมอลลัสกาขยายจำนวนสายพันธุ์อย่างรวดเร็ว, โพรแคริโอต โพรทิสต์ (เช่น ฟอรามินิเฟอรา) เห็ดรา และ สาหร่ายยังคงปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้, สัตว์มีแกนสันหลังพวกแรกปรากฏตัวขึ้นจากพวกคอร์เดตก่อนหน้านี้, ในทวีปออสเตรเลียลดลง (550–535 ล้านปีก่อน), การก่อเทือกเขารอสส์ในทวีปแอนตาร์กติกา, (ประมาณ 514–490 ล้านปีก่อน) และ (ประมาณ 540–440 ล้านปี) ในทวีปออสเตรเลีย, ศิลาภูมิประเทศขนาดเล็กบางส่วนแตกออกจากมหาทวีปกอนด์วานา, ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศมีจำนวนเป็น 15 เท่าของปัจจุบัน (สมัยโฮโลซีน) (6000 ppmv เทียบกับปัจจุบันที่ 440 ppmv), สัตว์ขาปล้องและพืชบกเริ่มยืดครองแผ่นดิน, เหตุการณ์สูญพันธุ์สามครั้งเกิดขึ้นเมื่อ 517 502 และ 488 ล้านปีก่อน โดยและทำให้พวกอะโนมาโลคาริด สัตว์ขาปล้อง ไฮโอไลต์ แบรคิโอพอด มอลลัสกา และโคโนดอนต์ (สัตว์มีแกนสันหลังไร้ขากรรไกรยุคแรก) สูญพันธุ์ไปเป็นจำนวนมาก | ~489.5 | ||
(Jiangshanian) | ~494* | |||||
(Paibian) | ~497* | |||||
(Miaolingian) | (Guzhangian) | ~500.5* | ||||
(Drumian) | ~504.5* | |||||
(Wuliuan) | ~509 | |||||
(Series 2) | (Stage 4) | ~514 | ||||
(Stage 3) | ~521 | |||||
(Terreneuvian) | (Stage 2) | ~529 | ||||
(Fortunian) | ~541 ± 1.0* | |||||
โพรเทอโรโซอิก (Proterozoic) | นีโอโพรเทอโรโซอิก (Neoproterozoic) | อีดีแอคารัน (Ediacaran) | ซากดึกดำบรรพ์ในสภาพดีของสัตว์หลายเซลล์พวกแรก, อุดมสมบูรณ์ไปในทะเลทั่วโลก อาจปรากฏขึ้นภายหลังซึ่งอาจเกิดจากเหตุการณ์ออกซิเดชันครั้งใหญ่, (ไม่ทราบความใกล้เคียงในสัตว์) ไนดาเรีย และ ไบลาทีเรียพวกแรก, พวกเวนโดซัวปริศนารวมถึงสิ่งมีชีวิตอ่อนนุ่มหลายชนิดที่มีลักษณะเป็นแผ่น กระเป๋า หรือ ฟูก (เช่น ), ซากดึกดำบรรพ์ร่องรอยทั่วไปของสิ่งมีชีวิตคล้ายหนอน เช่น ฯลฯ, ในทวีปอเมริกาเหนือ, การก่อเทือกเขาของเทือกเขาอราวลีในอนุทวีปอินเดีย, เริ่มต้นขึ้น นำไปสู่การก่อตัวของมหาทวีปแพนโนเชียในยุคอีดีแอคารันซึ่งเป็นมหาทวีปที่มีอายุสั้น โดยแตกตัวไปในช่วงปลายของยุคเป็น และ กอนด์วานา, ในทวีปออสเตรเลีย, การก่อเทือกเขาเบียร์ดมอร์ในทวีปแอนตาร์กติกา (633–620 ล้านปีก่อน), ชั้นโอโซนก่อตัวขึ้น, ระดับของแร่ในมหาสมุทรเพิ่มขึ้น | ~635* | ||
ไครโอเจเนียน (Cryogenian) | อาจเกิดยุค "" ขึ้น, ซากดึกดำบรรพ์ยังคงพบได้ยาก, มวลแผ่นดินเริ่มแตกออก, การก่อเทือกเขารูเกอร์ตอนปลาย / นิมรอดในทวีปแอนตาร์กติกาลดลง, ซากดึกดำบรรพ์แรกของสัตว์ที่ไม่มีข้อโต้แย้ง, สิ่งที่สงสัยว่าเป็นพวก และ แรก, | ~720 | ||||
โทเนียน (Tonian) | ยังคงปรากฏอยู่, สิ้นสุดลง, ในทวีปอเมริกาเหนือลดลง, การก่อเทือกเขารูเกอร์ตอนปลาย / นิมรอดในทวีปแอนตาร์กติกา (1,000 ± 150 ล้านปีก่อน), การก่อเทือกเขาเอ็ดมันเดียน (ประมาณ 920–850 ล้านปีก่อน) เวสเทิร์นออสเตรเลีย, การทับถมกันของและเริ่มต้นขึ้นในทวีปออสเตรเลีย, สิ่งที่สงสัยว่าเป็นพวกสัตว์ (จากโฮโลซัว) และผืดสาหร่ายบกพวกแรก, เหตุการณ์เอนโดซืมไบโอติกหลายครั้งเกี่ยวกับสาหร่ายสีแดงและเขียวเกิดขึ้น มีการถ่ายโอนพลาสทิดไปยัง (เช่น ไดอะตอม ) ไดโนแฟลกเจลเลต และ (เหตุการณ์อาจเริ่มต้นขึ้นในมหายุคมีโซโพรเทอโรโซอิก) ขณะที่พวกแรก (เช่น ฟอรามินิเฟอรา) ยังคงปรากฏอยู่ พวกยูแคริโอต ได้แก่ สาหร่าย ยูแคริโอโวริก และ รูปแบบแพร่จำนวนสายพันธุ์อย่างรวดเร็ว, ซากดึกดำบรรพ์ร่องรอยของยูแคริโอตหลายเซลล์อย่างง่าย | 1000 | ||||
มีโซโพรเทอโรโซอิก (Mesoproterozoic) | สเทเนียน (Stenian) | แถบหินแปรลดลงเป็นอย่างมากเนื่องจากการก่อเทือกเขาของที่เริ่มต้นขึ้น ซึ่งถูกล้อมรอบโดย, เริ่มต้นขึ้น, การก่อเทือกเขารูเกอร์ตอนปลาย / นิมรอดในทวีปแอนตาร์กติกาอาจเริ่มต้นขึ้น, การก่อเทือกเขามัสเกรฟ (ประมาณ 1,080 ล้านปีก่อน) ใน , สโตรมาโตไลต์ลดลงเมื่อสาหร่ายเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว | 1200 | |||
เอกเทเซียน (Ectasian) | ยังคงขยายไปอย่างต่อเนื่อง, สาหร่ายสีเขียวอยู่ในทะเล, ในทวีปอเมริกาเหนือ, มหาทวีปโคลัมเบียแตกออก | 1400 | ||||
คาลิมเมียน (Calymmian) | ขยายตัวออก, การก่อเทือกเขาบาร์รามันดีใน และการก่อเทือกเขาอีซา (ประมาณ 1,600 ล้านปีก่อน) ในกลุ่มรอยเลื่อนเขาอีซา รัฐควีนส์แลนด์, (ยูแคริโอตพวกแรกที่มีพลาสติดจากไซยาโนแบคทีเรีย เช่น สาหร่ายสีแดง และ สาหร่ายสีเขียว) และ โอพิสโธคอนตา (จะเจริญไปเป็นเห็ดราและพวกแรก) พวกแรก, (อาจเป็นสาหร่ายทะเลที่ยังคงหลงเหลือ) เริ่มปรากฏเป็นบันทึกซากดึกดำบรรพ์ | 1600 | ||||
แพลีโอโพรเทอโรโซอิก (Paleoproterozoic) | สตาทีเรียน (Statherian) | สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวซับซ้อนพวกแรก ได้แก่ โพรทิสต์ที่มีหลายนิวเคลียส และ ระบบเอนโดเมมเบรน, ก่อตัวขึ้นเป็นมหาทวีปแรกสุดอันดับที่สองที่ไม่มีข้อโต้แย้ง, การก่อเทือกเขาคิมบันในทวีปออสเตรเลียสิ้นสุดลง, มหาทวีปยาปุงกูในในเวสเทิร์นออสเตรเลีย, การก่อเทือกเขาแมงการูนเมื่อ 1,680–1,620 ล้านปีก่อนใน เวสเทิร์นออสเตรเลีย, การก่อเทือกเขาคารารัน (1,650 ล้านปีก่อน) ในหินฐานธรณีกอว์เลอร์ , ระดับออกซิเจนลดลงอีกครั้ง | 1800 | |||
ออโรซีเรียน (Orosirian) | ชั้นบรรยากาศเริ่มอุดมไปด้วยออกซิเจน ขณะที่สโตรมาโตไลต์ไซยาโนแบคทีเรียปรากฏขึ้น, แอ่งเฟรเดอฟอร์ตและถูกดาวเคราะห์น้อยพุ่งชน, เกิดการก่อเทือกเขาอย่างมาก, และในทวีปอเมริกาเหนือ, การก่อเทือกเขารูเกอร์ตอนต้นในทวีปแอนตาร์กติกา (2,000–1,700 ล้านปีก่อน), การก่อเทือกเขาเกลนเบิร์กใน ทวีปออสเตรเลีย (ประมาณ 2,005–1,920 ล้านปีก่อน), การก่อเทือกเขาคิมบันในในทวีปออสเตรเลียเริ่มต้นขึ้น | 2050 | ||||
ไรเอเซียน (Rhyacian) | รูปแบบ, , สิ่งต้องสงสัยว่าเป็นยูแคริโอตพวกแรก, แบบหลายเซลล์, เคนอร์แลนด์แยกตัวออก | 2300 | ||||
ไซดีเรียน (Siderian) | (เนื่องจากไซยาโนแบคทีเรีย) ทำให้เกิดออกซิเจนเพิ่มขึ้น, การก่อเทือกเขาสลีเฟิร์ดใน ทวีปออสเตรเลีย เมื่อ 2,440–2,420 ล้านปีก่อน | 2500 | ||||
อาร์เคียน (Archean) | นีโออาร์เคียน (Neoarchean) | ยุคใหม่ส่วนมากมีเสถียรภาพ เป็นไปได้ว่าอาจเกิดเหตุการณ์เนื้อโลกตลบทับ, การก่อเทือกเขาอินเซลล์เมื่อ 2,650 ± 150 ล้านปีก่อน, ที่ปรากฏทุกวันนี้ในรัฐออนแทรีโอและรัฐควิเบกเริ่มก่อตัวขึ้นและเข้าสู่เสถียรภาพเมื่อ 2,600 ล้านปีก่อน, มหาทวีปเป็นมหาทวีปแรกที่ไม่มีข้อโต้แย้ง และโพรแคริโอตบกพวกแรก | 2800 | |||
มีโซอาร์เคียน (Mesoarchean) | สโตรมาโตไลต์ (ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะเป็นของแบคทีเรียอาศัยพลังแสง เช่น ไซยาโนแบคทีเรีย) พวกแรก, ที่เก่าแก่ที่สุด, การก่อเทือกเขาฮัมโบล์ดในทวีปแอนตาร์กติกา, เริ่มต้นก่อตัวขึ้นซึ่งปัจจุบันอยู่ในรัฐออนแทรีโอและรัฐควิเบก โดยสิ้นสุดลงประมาณ 2,696 ล้านปีก่อน | 3200 | ||||
พาลีโออาร์เคียน (Paleoarchean) | อาร์เคียโพรแคริโอต (เช่น เมทาโนเจน) และ แบคทีเรีย (เช่น ไซยาโนแบคทีเรีย) ขยายจำนวนสายพันธุ์ขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางไวรัสยุคแรก, แบคทีเรียที่รู้จักพวกแรก, ที่แน่ชัดที่เก่าที่สุด, พวกแรก, ที่เก่าที่สุดบนโลก (เช่น และ) อาจก่อตัวขึ้นในช่วงยุคนี้, การก่อเทือกเขาเรย์เนอร์ในทวีปแอนตาร์กติกา | 3600 | ||||
อีโออาร์เคียน (Eoarchean) | สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีข้อโต้แย้งพวกแรก โดยเป็นแรกที่มียีนเป็นRNAเมื่อประมาณ 4,000 ล้านปีก่อน หลังจากที่เซลล์แท้ (โพรแคริโอต) วิวัฒนาการขึ้นพร้อมยีนที่เป็นโปรตีนและดีเอ็นเอเมื่อประมาณ 3,800 ล้านปีก่อน, การระดมชนหนักครั้งหลังสิ้นสุดลง, การก่อเทือกเขาในทวีปแอนตาร์กติกาเมื่อ 4,000 ± 200 ล้านปีก่อน | ~4000 | ||||
เฮเดียน (Hadean) | การก่อตัวขึ้นของหินต้นกำเนิด (protolith) ของหินที่เก่าแก่ที่สุดที่เป็นที่รู้จัก () อายุประมาณ 4,031 ถึง 3,580 ล้านปีก่อน, การปรากฏขึ้นครั้งแรกของการแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาคที่เป็นไปได้, สมมติฐานรูปแบบของสิ่งมีชีวิตแรก, สิ้นสุดการระดมชนหนักครั้งต้น, แร่เก่าแก่ที่สุดที่เป็นที่รู้จัก (เพทาย อายุ 4,408 ± 8 ล้านปีก่อน), ดาวเคราะห์น้อยและดาวหางนำน้ำมาสู่โลก เกิดเป็นมหาสมุทรแรกขึ้น, กำเนิดดวงจันทร์ (4,533 ถึง 4,527 ล้านปีก่อน) ซึ่งอาจเกิดจาก, กำเนิดโลก (4,570 ถึง 4,567.17 ล้านปีก่อน) | ~4600 |
การเสนอเส้นเวลาของพรีแคมเบรียน
หนังสือ Geologic Time Scale 2012 ของ ICS ซึ่งมีมาตรกาลใหม่ซึ่งได้รับอนุมัติ ยังมีการนำเสนอข้อเสนอเพื่อแก้ไขมาตรกาลของพรีแคมเบรียน เพื่อให้สะท้อนถึงเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ เช่น (การก่อตัวของโลก) หรือ ขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งการตั้งชื่อการลำดับชั้นหินตามอายุกาลก่อนหน้าส่วนใหญ่ไว้สำหรับช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง
- บรมยุคเฮเดียน – 4568–4030 ล้านปีก่อน
- บรมยุคอาร์เคียน – 4031–2420 ล้านปีก่อน
- มหายุคพาลีโออาร์เคียน – 4031–3490 ล้านปีก่อน
- ยุคอาคัสตัน (Acastan) – 4031–3810 ล้านปีก่อน – ตั้งชื่อตาม
- ยุคอีสวน (Isuan) – 3810–3490 ล้านปีก่อน – ตั้งชื่อตาม
- มหายุคมีโซอาร์เคียน – 3490–2780 ล้านปีก่อน
- ยุควาลบารัน (Vaalbaran) – 3490–3020 ล้านปีก่อน – ตั้งชื่อตามชื่อของ (ตอนใต้ของทวีปแอฟริกา) และ (รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย)
- ยุคปอนโกลัน (Pongolan) – 3020–2780 ล้านปีก่อน – ตั้งชื่อตามซูเปอร์กรุ๊ปปอนโกลา
- มหายุคนีโออาร์เคียน – 2780–2420 ล้านปีก่อน
- ยุคเมทาเนียน (Methanian) – 2780–2630 ล้านปีก่อน – ตั้งชื่อตามการอนุมานที่โดดเด่นของโพรแคริโอต
- ยุคไซดีเรียน (Siderian) – 2630–2420 ล้านปีก่อน – ตั้งชื่อตามการต่อตัวของแถบเหล็กภายในช่วงยุค
- มหายุคพาลีโออาร์เคียน – 4031–3490 ล้านปีก่อน
- บรมยุคโพรเทอโรโซอิก – 2420–541 ล้านปีก่อน
- มหายุคแพลีโอโพรเทอโรโซอิก – 2420–1780 ล้านปีก่อน
- ยุคออกซีเจเนียน (Oxygenian) – 2420–2250 ล้านปีก่อน – ตั้งชื่อตามการแสดงหลักฐานชิ้นแรกสำหรับการออกซิไดซ์ชั้นบรรยากาศทั่วโลก
- – 2250–2060 ล้านปีก่อน – ตั้งชื่อตามเหตุการณ์การแพร่กระจายของไอโซโทป Lomagundi–Jatuli δ13C ในช่วงยุค และการพบซากดึกดำบรรพ์แรกของยูแคริโอต (เสนอ) first fossil appearance of eukaryotes
- ยุคโคลัมเบียน (Columbian) – 2060–1780 ล้านปีก่อน – ตั้งชื่อตาม
- มหายุคมีโซโพรเทอโรโซอิก – 1780–850 ล้านปีก่อน
- ยุคโรดีเนียน (Rodinian) – 1780–850 ล้านปีก่อน – ตั้งชื่อตาม ซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่เสถียร
- มหายุคนีโอโพรเทอโรโซอิก – 850–541 ล้านปีก่อน
- ยุคไครโอเจเนียน – 850–630 ล้านปีก่อน – ตั้งชื่อตามการเกิดขึ้นของการเปลี่ยนสภาพโดยธารน้ำแข็งหลายครั้ง
- ยุคอีดีแอคารัน – 630–541 ล้านปีก่อน
- มหายุคแพลีโอโพรเทอโรโซอิก – 2420–1780 ล้านปีก่อน
แสดงตามมาตราส่วน:
เปรียบเทียบกับเส้นเวลาปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้แสดงตามมาตราส่วน:
เชิงอรรถ
- เป็นที่ทราบกันดีว่าหินชั้นบางชนิดนั้นมิได้มีการวางตัวในแนวนอนอย่างสมบูรณ์แบบ แต่อย่างไรก็ตาม หลักการนี้ยังคงถือได้ว่าเป็นแนวคิดที่มีประโยชน์
- ช่วงเวลาของหน่วยธรณีกาลนั้นแตกต่างกันอย่างมาก และไม่มีข้อจำกัดด้านตัวเลขเกี่ยวกับเวลาที่สามารถแสดงได้ โดยถูกจำกัดเพียงช่วงเวลาของหน่วยที่มีอันดับสูงกว่าซึ่งหน่วยดังกล่าวอยู่ภายใต้ และขอบเขตด้านการลำดับชั้นหินตามอายุกาลที่กำหนดขึ้นไว้
- พรีแคมเบรียน เป็นศัพท์ทางธรณีวิทยาที่ไม่เป็นทางการสำหรับช่วงเวลาก่อนแคมเบรียน
- เทอร์เทียรีเป็นชื่อหินยุค/ยุคทางธรณีวิทยาที่ล้าสมัย กินเวลาตั้งแต่ 66 ล้านปีก่อนถึง 2.6 ล้านปีก่อน ไม่สามารถเทียบได้กับแผนภูมิ ICC ปัจจุบัน แต่อาจเทียบเคียงได้กับหินยุค/ยุคพาลีโอจีนและนีโอจีน
- แม้ว่าจะมีการใช้งานกันอย่างทั่วไป แต่บรมยุคเฮเดียนนั้นไม่ถูกจัดเป็นบรมยุคอย่างเป็นทางการ
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อabsolute-age
อ้างอิง
- "Statutes". stratigraphy.org. International Commission on Stratigraphy. สืบค้นเมื่อ 2022-04-05.
- Cohen, K.M.; Finney, S.C.; Gibbard, P.L.; Fan, J.-X. (2013-09-01). "The ICS International Chronostratigraphic Chart". Episodes (ภาษาอังกฤษ) (updated ed.). 36 (3): 199–204. doi:10.18814/epiiugs/2013/v36i3/002. ISSN 0705-3797.
- Van Kranendonk, Martin J.; Altermann, Wladyslaw; Beard, Brian L.; Hoffman, Paul F.; Johnson, Clark M.; Kasting, James F.; Melezhik, Victor A.; Nutman, Allen P. (2012), "A Chronostratigraphic Division of the Precambrian", The Geologic Time Scale (ภาษาอังกฤษ), Elsevier, pp. 299–392, doi:10.1016/b978-0-444-59425-9.00016-0, ISBN , สืบค้นเมื่อ 2022-04-05
- "International Commission on Stratigraphy". International Geological Time Scale. สืบค้นเมื่อ 5 June 2022.
- Dalrymple, G. Brent (2001). "The age of the Earth in the twentieth century: a problem (mostly) solved". Special Publications, Geological Society of London. 190 (1): 205–221. Bibcode:2001GSLSP.190..205D. doi:10.1144/GSL.SP.2001.190.01.14. S2CID 130092094.
- Shields, Graham A.; Strachan, Robin A.; Porter, Susannah M.; Halverson, Galen P.; Macdonald, Francis A.; Plumb, Kenneth A.; de Alvarenga, Carlos J.; Banerjee, Dhiraj M.; Bekker, Andrey; Bleeker, Wouter; Brasier, Alexander (2022). "A template for an improved rock-based subdivision of the pre-Cryogenian timescale". Journal of the Geological Society (ภาษาอังกฤษ). 179 (1): jgs2020–222. doi:10.1144/jgs2020-222. ISSN 0016-7649. S2CID 236285974.
- "Chapter 9. Chronostratigraphic Units". stratigraphy.org. International Commission on Stratigraphy. สืบค้นเมื่อ 2022-04-02.
- "Chapter 3. Definitions and Procedures". stratigraphy.org. International Commission on Stratigraphy. สืบค้นเมื่อ 2022-04-02.
- "Global Boundary Stratotype Section and Points". stratigraphy.org. International Commission on Stratigraphy. สืบค้นเมื่อ 2022-04-02.
- Knoll, Andrew; Walter, Malcolm; Narbonne, Guy; Christie-Blick, Nicholas (2006). "The Ediacaran Period: a new addition to the geologic time scale". Lethaia (ภาษาอังกฤษ). 39 (1): 13–30. doi:10.1080/00241160500409223.
- Remane, Jürgen; Bassett, Michael G; Cowie, John W; Gohrbandt, Klaus H; Lane, H Richard; Michelsen, Olaf; Naiwen, Wang; the cooperation of members of ICS (1996-09-01). "Revised guidelines for the establishment of global chronostratigraphic standards by the International Commission on Stratigraphy (ICS)". Episodes (ภาษาอังกฤษ). 19 (3): 77–81. doi:10.18814/epiiugs/1996/v19i3/007. ISSN 0705-3797.
- Michael Allaby (2020). A dictionary of geology and earth sciences (Fifth ed.). Oxford. ISBN . OCLC 1137380460.
- Aubry, Marie-Pierre; Piller, Werner E.; Gibbard, Philip L.; Harper, David A. T.; Finney, Stanley C. (2022-03-01). "Ratification of subseries/subepochs as formal rank/units in international chronostratigraphy". Episodes (ภาษาอังกฤษ). 45 (1): 97–99. doi:10.18814/epiiugs/2021/021016. ISSN 0705-3797. S2CID 240772165.
- Desnoyers, J. (1829). "Observations sur un ensemble de dépôts marins plus récents que les terrains tertiaires du bassin de la Seine, et constituant une formation géologique distincte; précédées d'un aperçu de la nonsimultanéité des bassins tertiares" [Observations on a set of marine deposits [that are] more recent than the tertiary terrains of the Seine basin and [that] constitute a distinct geological formation; preceded by an outline of the non-simultaneity of tertiary basins]. Annales des Sciences Naturelles (ภาษาฝรั่งเศส). 16: 171–214, 402–491. From p. 193: "Ce que je désirerais ... dont il faut également les distinguer." (What I would desire to prove above all is that the series of tertiary deposits continued – and even began in the more recent basins – for a long time, perhaps after that of the Seine had been completely filled, and that these later formations – Quaternary (1), so to say – should not retain the name of alluvial deposits any more than the true and ancient tertiary deposits, from which they must also be distinguished.) However, on the very same page, Desnoyers abandoned the use of the term "Quaternary" because the distinction between Quaternary and Tertiary deposits wasn't clear. From p. 193: "La crainte de voir mal comprise ... que ceux du bassin de la Seine." (The fear of seeing my opinion in this regard be misunderstood or exaggerated, has made me abandon the word "quaternary", which at first I had wanted to apply to all deposits more recent than those of the Seine basin.)
- d'Halloy, d'O., J.-J. (1822). "Observations sur un essai de carte géologique de la France, des Pays-Bas, et des contrées voisines" [Observations on a trial geological map of France, the Low Countries, and neighboring countries]. Annales des Mines. 7: 353–376.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () From page 373: "La troisième, qui correspond à ce qu'on a déja appelé formation de la craie, sera désigné par le nom de terrain crétacé." (The third, which corresponds to what was already called the "chalk formation", will be designated by the name "chalky terrain".) - Humboldt, Alexander von (1799). Ueber die unterirdischen Gasarten und die Mittel ihren Nachtheil zu vermindern: ein Beytrag zur Physik der praktischen Bergbaukunde (ภาษาเยอรมัน). Vieweg.
- Brongniart, Alexandre (1770-1847) Auteur du texte (1829). Tableau des terrains qui composent l'écorce du globe ou Essai sur la structure de la partie connue de la terre . Par Alexandre Brongniart,... (ภาษาฝรั่งเศส).
- Ogg, J.G.; Hinnov, L.A.; Huang, C. (2012), "Jurassic", The Geologic Time Scale (ภาษาอังกฤษ), Elsevier, pp. 731–791, doi:10.1016/b978-0-444-59425-9.00026-3, ISBN , สืบค้นเมื่อ 2022-05-01
- Murchison; Murchison, Sir Roderick Impey; Verneuil; Keyserling, Graf Alexander (1842). On the Geological Structure of the Central and Southern Regions of Russia in Europe, and of the Ural Mountains (ภาษาอังกฤษ). Print. by R. and J.E. Taylor.
- Phillips, John (1835). Illustrations of the Geology of Yorkshire: Or, A Description of the Strata and Organic Remains: Accompanied by a Geological Map, Sections and Plates of the Fossil Plants and Animals ... (ภาษาอังกฤษ). J. Murray.
- Sedgwick, A.; Murchison, R. I. (1840-01-01). "XLIII.--On the Physical Structure of Devonshire, and on the Subdivisions and Geological Relations of its older stratified Deposits, &c". Transactions of the Geological Society of London (ภาษาอังกฤษ). s2-5 (3): 633–703. doi:10.1144/transgslb.5.3.633. ISSN 2042-5295. S2CID 128475487.
- Murchison, Roderick Impey (1835). "VII. On the silurian system of rocks". The London, Edinburgh, and Dublin Philosophical Magazine and Journal of Science (ภาษาอังกฤษ). 7 (37): 46–52. doi:10.1080/14786443508648654. ISSN 1941-5966.
- Lapworth, Charles (1879). "I.—On the Tripartite Classification of the Lower Palæozoic Rocks". Geological Magazine (ภาษาอังกฤษ). 6 (1): 1–15. doi:10.1017/S0016756800156560. ISSN 0016-7568. S2CID 129165105.
- Bassett, Michael G. (1979-06-01). "100 Years of Ordovician Geology". Episodes (ภาษาอังกฤษ). 2 (2): 18–21. doi:10.18814/epiiugs/1979/v2i2/003. ISSN 0705-3797.
- Chisholm, Hugh, บ.ก. (1911). . สารานุกรมบริตานิกา ค.ศ. 1911 (11 ed.). สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์.
- Butcher, Andy (26 May 2004). . LISTSERV 16.0 - AUSTRALIAN-LINGUISTICS-L Archives. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 October 2007. สืบค้นเมื่อ 19 July 2011.
- "Place Details: Ediacara Fossil Site – Nilpena, Parachilna, SA, Australia". Department of Sustainability, Environment, Water, Population and Communities. Australian Heritage Database. Commonwealth of Australia. จากแหล่งเดิมเมื่อ 3 มิถุนายน 2011. สืบค้นเมื่อ 19 กรกฎาคม 2011.
- Janke, Paul R. (1999). "Correlating Earth's History". Worldwide Museum of Natural History.
- Rudwick, M. J. S. (1985). The Meaning of Fossils: Episodes in the History of Palaeontology. . p. 24. ISBN .
- Fischer, Alfred G.; Garrison, Robert E. (2009). "The role of the Mediterranean region in the development of sedimentary geology: A historical overview". Sedimentology. 56 (1): 3. Bibcode:2009Sedim..56....3F. doi:10.1111/j.1365-3091.2008.01009.x.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
lingkkhamphasa inbthkhwamni miiwihphuxanaelaphurwmaekikhbthkhwamsuksaephimetimodysadwk enuxngcakwikiphiediyphasaithyyngimmibthkhwamdngklaw krann khwrribsrangepnbthkhwamodyerwthisud matrathrnikal xngkvs geologic time scale hrux geological time scale yxwa GTS epnkaraesdngewlaodyxangxingcakkhxngolk epnrabbkhxngthiich krabwnkarhakhwamsmphnthrahwangkbewla aela aekhnnginthrniwithyathimicudmunghmayinkarkahndxayuhin sungthukichepnhlkodynkwithyasastrolk idaek nkthrniwithya nkbrrphchiwinwithya nkthrnifisiks nkthrniekhmi aela ephuxxthibaykarwdewlaaelakhwamsmphnthkhxngehtukarninthangthrniprawti odymatrathrnikalidthukphthnaphankarsuksachnhinaelakarsngektaelakhwamsmphnthkhxngchnhinkbkarrabukhunsmbti echn smbtithang aela sakdukdabrrph khacakdkhwamkhxnghnwymatrthansaklkhxngthrnikalxyuphayitkhwamrbphidchxbkhxng ICS sungepnxngkhkrprakxbkhxng IUGS xnmiwtthuprasngkhhlk ephuxkahndhnwyladbchnhintamxayukalolkinaephnphumikarladbchnhintamxayukalsakl ICC thithuknamaichinkaraebngmatrathrnikal swnkaraebngyxyladbchnhintamxayukalcathukichephuxkahndhnwythangthrnikalwithyamatrathrnikalaesdngtamsdswnkhxngbrmyukh hinbrmyukhaelamhayukh hinmhayukh odysionsnmacaksionosxik nxkcakniyngaesdngehtukarnsakhybangxyanginprawtisastrolkaelawiwthnakarkhxngsingmichiwit xyangirktam sphthradbphumiphakhbangkhayngkhngmikarichxyu dngnntarangkhxngthrnikaldngpraktinbthkhwamnicasxdkhlxngkb xayu aela rhssisungidkahndiwepnmatrthanodykhnakrrmathikarkarladbchnhinsaklinmatrathrnikalsaklhlkkarmatrathrnikalepnwithihnunginkaraesdngtamehtukarnthiekidkhuntlxdprawtisastrkhxngolk sungkinewlapraman chnhinnnthukcderiyngtamladbewla aelatamladbkhxngewla odysngektkarepliynaeplngkhnphunthaninladbchnhinthisxdkhlxngkbehtukarnthangthrniwithyahruxbrrphchiwinwithyathisakhy twxyangechn ehtukarnkarsuyphnthuyukhkhriethechiys phalioxcin thukkahndepnkhxblangkhxnghinyukh yukhphalioxcin cungthuxepnkhxbekhtrahwanghinyukh yukhkhriethechiysaelaphalioxcin sahrbkaraebngkxnyukhikhroxeceniyncaichkhxbekhkhthiepntwelkhodyimmieknth karkahndxayuladbchnhinmatrthanolk GSSAs inkaraebngthrnikal xyangirktam mikaresnxihichhininkaraebngdngklawephuxihekhakbkaraebngxunyingkhun inxdit mikarichmatrathrnikalradbphumiphakh enuxngcakkhwamaetktangthangkarladbchnhintamlksnahinaelakarladbchnhintamchiwphaphinhinethiybethatang thwolk odykhnakrrmathikarkarladbchnhinsaklidthanganmaepnewlayawnaninkarpranipranxmkhwamkhdaeyngthangsphthwithya odykarsrangmatrthanthiminysakhythwolk aelarabukhxngkarladbchnhinthisamarthnamaichkahndkhxblangkhxnghnwyladbchnhintamxayukal karkahndhnwyladbchnhintamxayukalinlksnadngklawchwyihsamarthichrabbkartngchuxthiepnmatrthansaklid odymi ICC epnsingaesdngthungkhwamphyayamxyangtxenuxngni khwamsmphnthsmphththkhxnghininkarkahndtaaehnngladbchnhintamxayukal caichhlksxnthb dngni khux chnkhxnghinthiihmkwacawangtwxyuehnuxchnkhxnghinthiekakwa ewnaetladbkarwangtwthbnncaekidkarphlikkbdan khux chnkhxnghinthukchncamiaenwinkarwangtwdngedimepnaenwnxn khux chnkhxnghinthimikarthbthmkndngedimcamikaraephkhyayxxkipindankhangthukdancnbanglnghruxthukkhnxxkodychnhinxun khwamtxenuxngthangchiwphaph thasamarthnamaichid khux chnhinaetlachnthieriyngtxenuxngkncamichudkhxngsakdukdabrrphthioddedn sungchwyihekidkhwamsmphnthrahwangchnhinid aemwaaenwchnrahwangchnhinthngsxngnncaimtxenuxngknktam khux rupaebbkhxnghinthitdphanhinxuncaepnchnhinthimixayunxykwachnhinthithuktdphanesmx khux chinswnkhnadelkkhxnghinchnidhnungaetfngtwxyuphayinhinchnidthisxngcatxngkxtwkhunkxnesmx sunghinthisxngkxtwkhunkidrwmexahinaerkekhaip khwamsmphnthkhxng khux lksnathangthrniwithyathiaesdngthungchwngkhxngkarkrxnhruxkarimthbthm xnaesdngthunghinthiimthbthmtwxyangtxenuxngsphthwithyamatrathrnikalaebngxxkepnhnwyladbchnhintamxayukalaelahnwythangthrnikalwithyathisxdkhlxngkn ehlanicapraktxyuinaephnphumikarladbchnhintamxayukalsaklsungephyaephrodykhnakrrmathikarkarladbchnhinsakl sungyngkhngmikarichsphthradbphumiphakhxyubanginbangphunthi karladbchnhintamxayukal epnxngkhprakxbkhxngkarladbchnhinthiekiywkhxngkbkhwamsmphnthrahwanghinaelakarwdsmphthththangthrnikal epnkrabwnkarthimikarkahndchnthiaetktangrahwangaenwchnthangkarladbchnhinthithukkahndiw ephuxaesdngthungchwngewlasmphththkhxngthrnikal hnwyladbchnhintamxayukal epntwhinthngaebbepnchnhruximepnchn sungthukkahndiwrahwangaenwchnthangkarladbchnhinthirabuiw sungaesdngthungchwngewlainthrnikal hinthnghmdnnrwmkhunepntwaethnkhxngchwngewlathiecaacngthangthrnikalaelaechphaachwngewlaidchwngewlahnungethann odymihinbrmbukh eonothem hinmhayukh erathem hinyukh system hinsmy series hinkungsmy subseries hinchwngxayu stage aela hinkungchwngxayu substage epnhnwytamladbkhxnghnwyladbchnhintamxayukalthrnikalwithya epnsakhahnungkhxngthrniwithyathimicudmunghmayinkarkahndxayukhxnghin sakdukdabrrph aela takxn imwacaodywithismburn echn hruxwithismphthth echn hnwythrnikalwithya epnkaraebngyxykhxngthrnikal epnkaraesdngtwelkhkhxngsmbtithiepnnamthrrm ewla odymi brmyukh eon mhayukh era yukh period smy epoch kungsmy subepoch chwngxayu age aela kungchwngxayu subage epnhnwytamladbthangthrnikalwithya epnsakhahnungkhxngthrnikalwithyathikhanwnewlathangthrnikalxxkmaepntwelkh GSSP epncudxangxingthitklngkniwinradbsaklinswnkarladbchnhin sungepntwkahndkhxblangkhxnghinchwngxayuinmatrathrnikal aelalasudthukichephuxkahndthankhxnghinyukhdwy GSSA epncudxangxingtamladbewlathiepntwelkhethann sungichinkarkahndthankhxnghnwythrnikalwithyainchwngkxnyukhikhroxeceniyn odycudehlanithukkahndkhunodyimmieknthinkarkhdeluxktaytw ichinkrnithiyngimmikarkahnd GSSPs sungpccubnkarwicykalngdaeninxyuephuxrabu GSSP sahrbthukhnwythiyngkhngich GSSA epnthaninpccubn karaesdngtwelkh karwdewlathrni khxnghnwythrnikalwithyasamarthepliynaeplngidaelabangkhrngmikarepliynaeplngxyangbxykhrngemuxthrnikalwithyannprbaetngkarwdewlathrni khnathihnwyladbchnhintamxayukalthiethiybethanncayngkhngedim sungmikaraekikhthinxykwa twxyangechn tnpi ph s 2565 khxbekhtrahwangyukhxidiaexkharnaelayukhaekhmebriyn hnwythrnikalwithya thukaekikhcak 541 lanpikxnipepn 538 8 lanpikxn ewnaethincakdkhwamkhxngkhxbekht GSSP thithankhxnghinyukhaekhmebriynnnyngkhngedim dwyehtuni khxbekhtrahwangxidiaexkharnaelahinyukhaekhmebriyn hnwyladbchnhintamxayukal cungimidepliynaeplng miephiyngaetkarwdewlathrniethannthimikarprbaek khatwelkhbnaephnphumi ICC nnthukaesdngxyuinhnwylanpikxn megaannum hruxyxwa Ma echn khxblangkhxngyukhcuaerssiknnxyuthi 201 3 0 2 lanpikxn hmaykhwamwayukhcuaerssiknnmikhxblangxyuthi 201 300 000 pi aelamikhakhwamimaennxnxyuthi 200 000 pi swnhnwyexsixxinthiichknthwipodynkthrniwithya idaek phnlanpi gigaannum hruxyxwa Ga aela phnpikxn kiloannum hruxyxwa ka sunginphayhlngmkaesdngepnhnwythiprbethiybaelw karaebngyxykhxngthrnikal brmyukh eon epnhnwythrnikalwithyathangkarthiihythisudaelaethiybethakb eonothem inkarladbchnhintamxayukal n emsayn ph s 2565 mibrmyukh hinbrmyukhthangkarthithukkahndiwthngsinsamchwng idaek xarekhiyn ophrethxorosxik aela faenxorosxik swnehediynepnbrmyukh hinbrmyukhthiimepnthangkar aetepnthiniymichodythwip mhayukh era epnhnwythrnikalwithyathiihythisudepnxndbthisxngaelaethiybethakb erathem inkarladbchnhintamxayukal n emsayn ph s 2565 mimhayukh hinmhayukhthangkarthithukkahndiwthngsinsibchwng yukh period epnhnwythrnikalwithyathiihyrxngcak mhayukh aetehnuxkwa smy ethiybethakb system inkarladbchnhintamxayukalkhxmulemux emsayn 2022 update n emsayn ph s 2565 mimhayukh hinmhayukhthangkarthithukkahndiwthngsin 22 chwng ykewn 2 kungyukh hinkungyukhsungichepnhnwykhxngyukh hinyukhkharbxniefxrs smy epoch epnhnwythrnikalwithyathielkthisudepnxndbthisxng xyurahwang yukh aela chwngxayu ethiybethakb series inkarladbchnhintamxayukal n emsayn ph s 2565 mismy hinsmythangkarthithukkahndiwthngsin 37 chwng kbimepnthangkarxikthngsin 1 chwng nxkcakniyngmi 11 kungsmy subepoch hinkungsmy subseries sungthnghmdxyuphayinnioxcinaelakhwxethxrnaridwy odykarichkungsmy hinkungsmyepnxndb hnwythangkarinkarladbchnhintamxayukalsaklnnidrbkarxnumtiinpi ph s 2565 chwngxayu age epnhnwythrnikalwithyathielkthisud ethiybethakb stage inkarladbchnhintamxayukal n emsayn ph s 2565 michwngxayu hinchwngxayuthangkarthithukkahndiwthngsin 96 chwng aelaimepnthangkarxik 5 chwng run chron epnhnwykarladbewlathrnithangkarkhxngsingthiimidrabuxndb ethiybethakb chronozone inkarladbchnhintamxayukal hnwytang ehlanismphnthkbhnwy hrux enuxngcakxangxingtamhnwykarladbchnhinhruxlksnathangthrniwithyathithukkahndiwkxnhnani txntn early aela txnplay late epnkaraebngyxythithukichinthrniwithya ethiybethakb lang lower aela bn upper inkarladbchnhintamxayukal echn yukhithraexssiktxntn Early Triassic Period sungepnhnwythrnikalwithyacaesmxdwy hinyukhithraexssiklang Lower Triassic Series xnepnhnwykarladbchnhintamxayukal insarasakhy karklawwahinepntwaethnkhxnghnwyladbchnhintamxayukal thihnwyladbchnhintamxayukalaelaewlathihinnnkxtwkhunxyuinhnwythrnikalwithyaepnkhwamcring echn hinthiepntwaethnkhxnghinyukhislueriyn khux hinyukhislueriynthiidekidkarthbthmtwkhuninrahwangyukhislueriyn ladbkhxnghnwythangkarkhxngmatrathrnikal ihyipelk hnwyladbchnhintamxayukal chnhin hnwythrnikalwithya ewla chwngewlahinbrmyukh Eonothem brmyukh Eon hlayrxylanpihinmhayukh Erathem mhayukh Era sibthungrxylanpihinyukh System yukh Period lanthungsiblanpihinsmy Series smy Epoch aesnthungsiblanpihinkungsmy Subseries kungsmy Subepoch phnthunglanpihinchwngxayu Stage chwngxayu Age phnthunglanpikartngchuxthrnikalchuxkhxnghnwythrnikalthukkahndiwsahrbhnwyladbchnhintamxayukalthimihnwythrnikalwithyaxnsxdkhlxngknaelaichchuxrwmkn ephiyngaekhepliynkhanahna echn faenxorosxik epn brmyukhfaenxorosxik chuxkhxnghinmhayukhinfaenxorosxiknn thukeluxkihsathxnthungkarepliynaeplngthisakhykhxngprawtisastrsingmichiwitbnolk nnkhux phalioxosxik singmichiwiteka miososxik singmichiwitklang aela sionosxik singmichiwitihm chuxkhxnghinyukhmiaehlngthimathihlakhlay bangswncachiihehnthungtaaehnngthangkarladbewla echn phalioxcin khnathichuxxunnnthuktngtamaehlngkaeniddan echn khriethechiys phumisastr echn ephxremiyn hruxekiywkbchnepha echn xxrodwiechiyn hinsmyaelahinkungsmyswnmakthiruckkninpccubnaelw swnmakcathuktngchuxtamtaaehnngphayinhinyukh hinsmy txntn txnklang txnplay xyangirktam khnakrrmathikarkarladbchnhinsaklsnbsnunihhinsmyaelahinkungsmyihmthnghmdidrbkartngchuxtamlksnathangphumisastr inbriewniklekhiyngkbhruxkhxnghinsmyhruxhinkungsmynn nxkcakni chuxkhxnghinchwngxayukhwrmacakthimathanglksnathangphumisastrinthitngaebbchbbkhxngchnhinaebbchbbkhxnghinchwngxayudwyechnkn ewlakxnaekhmebriynmkthukeriykxyangimepnthangkarwa phriaekhmebriyn pre Cambrian hrux Precambrian sungcdepnxphimhabrmyukh Supereon chwngewlaaelasphthmulwithyakhxngchuxhinbrmyukh brmyukh chux chwngewla niruktisastrkhxngchuxfaenxorosxik 541 thung 0 lanpikxn macakkhainphasakrikwa faneros phaneros faenors hmaythung chdecn hrux makmay aela zwh zoḯ osxi hmaythung singmichiwit ophrethxorosxik 2 500 thung 541 lanpikxn macakkhainphasakrikwa proteros proteros opretors hmaythung xdit hrux kxnhna aela zwh zoḯ osxi hmaythung singmichiwit xarekhiyn 4 000 thung 2 500 lanpikxn macakkhainphasakrikwa arxh arche xarkhi hmaythung cuderimtn tnkaenid ehediyn 4 600 thung 4 000 lanpikxn macakehdis ethphinpraprakrikchwngewlaaelasphthmulwithyakhxngchuxhinmhayukh mhayukh chux chwngewla niruktisastrkhxngchuxsionosxik 66 thung 0 lanpikxn macakkhainphasakrikwa kainos kainos ekhons hmaythung ihm aela zwh zoḯ osxi hmaythung singmichiwit miososxik 251 9 thung 66 lanpikxn macakkhainphasakrikwa meso meso emos hmaythung klang aela zwh zoḯ osxi hmaythung singmichiwit phalioxosxik 541 thung 251 9 lanpikxn macakkhainphasakrikwa palios palaios plols hmaythung eka aela zwh zoḯ osxi hmaythung singmichiwit nioxophrethxorosxik 1 000 thung 541 lanpikxn macakkhainphasakrikwa neos neos enoxs hmaythung ihm hrux eyaw proteros proteros opretors hmaythung xdit hrux kxnhna aela zwh zoḯ osxi hmaythung singmichiwit miosophrethxorosxik 1 600 thung 1 000 lanpikxn macakkhainphasakrikwa meso meso emos hmaythung klang proteros proteros opretors hmaythung xdit hrux kxnhna aela zwh zoḯ osxi hmaythung singmichiwit aephlioxophrethxorosxik 2 500 thung 1 600 lanpikxn macakkhainphasakrikwa palios palaios plols hmaythung eka proteros proteros opretors hmaythung xdit hrux kxnhna aela zwh zoḯ osxi hmaythung singmichiwit nioxxarekhiyn 2 800 thung 2 500 lanpikxn macakkhainphasakrikwa neos neos enoxs hmaythung ihm hrux eyaw aela ἀrxaῖos arkhaios xarekhoxs hmaythung obran miosxarekhiyn 3 200 thung 2 800 lanpikxn macakkhainphasakrikwa meso meso emos hmaythung klang aela ἀrxaῖos arkhaios xarekhoxs hmaythung obran phalioxxarekhiyn 3 600 thung 3 200 lanpikxn macakkhainphasakrikwa palios palaios plols hmaythung eka aela ἀrxaῖos arkhaios xarekhoxs hmaythung obran xioxxarekhiyn 4 000 thung 3 600 lanpikxn macakkhainphasakrikwa Hws Ios xioxs hmaythung rungxrun aela ἀrxaῖos arkhaios xarekhoxs hmaythung obran chwngewlaaelasphthmulwithyakhxngchuxhinyukh yukh chux chwngewla niruktisastrkhxngchuxkhwxethxrnari 2 6 thung 0 lanpikxn esnxkhrngaerkodyinpi ph s 2372 sahrbtakxninaexngaesnkhxngpraethsfrngessthipraktihmkwahinnioxcin 23 thung 2 6 lanpikxn macakkhainphasakrikwa neos neos enoxs hmaythung ihm hrux eyaw aela genea genea eyenxa hmaythung karkaenid hrux karekid phalioxcin 66 thung 23 lanpikxn macakkhainphasakrikwa palios palaios plols hmaythung eka aela genea genea eyenxa hmaythung karkaenid hrux karekid khriethechiys 145 thung 66 lanpikxn macak Terrain Cretace ethxrxng ekhrtaes thukichemuxpi kh s 1822 odyinkarxangxingthungchnkwangkhxngphayin odymirakmacakphasalatin creta ekhrta hmaythung chxlk cuaerssik 201 3 thung 145 lanpikxn tngchuxtam ichepnkhrngaerkodyxelkhsnedxr fxn humbxlthinwliwa Jura Kalkstein hinpuncula inpi kh s 1799 swnepnbukhkhlaerkthitiphimphkhawa Jurassic inpi kh s 1829ithraexssik 251 9 thung 201 3 lanpikxn cakkhawa Trias thrixs khxnginkarxangxingthungkarkxtwsamchudintxnitkhxngpraethseyxrmniephxremiyn 298 9 thung 251 9 lanpikxn tngtamphumiphakhinprawtisastr nnkhux ckrwrrdirsesiykharbxniefxrs 358 9 thung 298 9 lanpikxn hmaythung karaebkthanhin macakphasalatinwa carbō kharob hmaythung than aela ferō efor hmaythung karaebk karxumdioweniyn 419 2 thung 358 9 lanpikxn tngtammnthledwxn praethsxngkvsislueriyn 443 8 thung 419 2 lanpikxn tngtamephakhxngchawekhltxxrodwiechiyn 485 4 thung 443 8 lanpikxn tngtamephakhxngchawekhltaekhmebriyn 541 thung 485 4 lanpikxn tngtam chuxlatinkhxng Cymru hruxpraethsewlsxidiaexkharn 635 thung 541 lanpikxn tngtam odykhawaxidiaexkharaxacephiynmacakkhawa yata takarra inphasa hmaythung phunaekhnghruxepnhinikhroxeceniyn 720 thung 635 lanpikxn macakkhainphasakrikwa kryos kryos khrioxs hmaythung hnaw aela genea genea eyenxa hmaythung karkaenid hrux karekid otheniyn 1 000 thung 720 lanpikxn macakkhainphasakrikwa tonos tonos otons hmaythung yud setheniyn 1 200 thung 1 000 lanpikxn macakkhainphasakrikwa stenos stenos setons hmaythung aekhb exkethesiyn 1 400 thung 1 200 lanpikxn macakkhainphasakrikwa ἔktᾰsῐs ektasis exktasis hmaythung karkhyay khalimemiyn 1 600 thung 1 400 lanpikxn macakkhainphasakrikwa kalymmᾰ kalumma kalimma hmaythung bdbng stathieriyn 1 800 thung 1 600 lanpikxn macakkhainphasakrikwa sta8eros statheros staethors hmaythung mnkhng xxorsieriyn 2 050 thung 1 800 lanpikxn macakkhainphasakrikwa ὀroseira oroseira oxoresra hmaythung ethuxkekha irexesiyn 2 300 thung 2 050 lanpikxn macakkhainphasakrikwa ῥya3 rhyax rixaks hmaythung tharlawa isdieriyn 2 500 thung 2 300 lanpikxn macakkhainphasakrikwa sidhros sidiros sidiors hmaythung ehlk prawtikhxngmatrathrnikalwngwnthrnikal aesdngihehnprawtisastrxnyawnan 4 6 phnlanpikhxngolktngaetxphimhabrmyukhphriaekhmebriyncnthungpccubnprawtichwngtn insmykrisobran aexristxetil 384 322 BCE idsngektwamisakdukdabrrphkhxngepluxkhxyinhin sungkhlayknkbthiphbidtamchayhad ekhaidxnumanwasakdukdabrrphinhinehlannekidkhuncaksingmikhiwit aelaekhaihehtphlwa taaehnngkhxngaephndinaelathaelnnmikarepliynaeplngipemuxnanmaaelw eloxnarod da winchi kh s 1452 1519 ehndwykbkartikhwamkhxngaexristxedilthiwasakdukdabrrphnnepntwaethnkhxngsingmichiwitobranthiehluxxyu chwngkhriststwrrsthi 11 aexwiesnna esiychiwit kh s 1037 aelaxlaebrtus mayus esiychiwit kh s 1280 mukhnaykaehngkhnadxminikninsasnakhrist idkhyaykhwamkhaxthibaykhxngaexristxetilipepnthvstikhxngehlwklayepnhin nxkcakniaexwiesnnayngidesnxhlkkarkhxhnungthixyuphayitmatrthrnikaldwy nnkhux khxngchnhin inkhnathiklawthungkarkaenidphuekhainhnngsux The Book of Healing kh s 1027 aelayngmi kh s 1031 1095 sungepnphukhnphbaenwkhidkhxng dwy karcdtnghlkkarebuxngtn inchwngplaykhristtwrrsthi 17 kh s 1638 1686 idklawthunghlkkarphunthankhxngmatrthrnikal odystionaeyngwachnhinnnthukwangeriyngtx knaelaaetlachnaesdngthung swn khxngewla nxkcakni ekhayngidtngkhun sungrabuwachnhinhnung xacmixayumakkwachnthixyudanbnaelamixayunxykwachnthixyudanlangchndngklaw aemwahlkkarkhxngstionnncaeriybngay aetkarnaipphisucnnnklbmikhwamthathay nxkcakni aenwkhidkhxngstionyngnaipsuaenwkhidthisakhyxun thinkthrniwithyaichinpccubndwy echn sungtlxdchwngkhriststwrrsthi 18 nn nkthrniwithyatrahnkidwa ladbkhxngchnhinmkcathukkrxn thukbidihphidrup thukthaihexiyng hruxaemaetekidklbdanhlngcakkarthukthbthmaelw chnhinthiwangtwinewlaediywknaettangphunthikn xacmilksnathiaetktangknidxyangsineching chnhinkhxngphunthihnung epnephiyngswnediywkhxngprawtixnyawnankhxngolkethann thvsdithiepnthiniyminewlann thvsdiidrbkarxthibayody kh s 1749 1817 inchwngplaystwrrsthi 18 esnxwa hinthnghmdnnekidkartakxncakmhaxuthkphykhrngihyephiyngkhrngediyw kxnthikarepliynaeplngthangkhwamkhididekidkhunkhrngihyemuxidnaesnx thvsdiolk hrux kartrwcsxbkdthisamarthsngektidcakxngkhprakxb karyub aelakarburnakhunkhxngaephndinbnolk khun thiineduxnminakhmaelaemsayn kh s 1785 odyidyunynwa emuxsingtang praktkhuncakmummxngkhxngkhriststwrrsthi 20 thaihecms huttncakkarxanehlannklaymaepnphukxkaenidthrniwithyasmyihm 95 100 odyhuttnesnxwa phayin enuxin khxngolknnrxn aelakhwamrxnniepnklikkhbekhluxnkarsrangchnhinihmkhun odyaephndincathukkxnipodyxaksaelana aelaekidkarthbthmepnchninthael caknnkhwamrxnkcarwmtakxnehlannihepnhin aelaykihepnaephndinihm odythvsdinieriykwa sungtrngknkhamkbthvsdithimungipthixuthkphyaebbenpcunniym karpradisthmatrthrnikal khwamphyayamxyangcringcngkhrngaerkinkarkahndmatrthrnikalthisamarthnaipprayuktichidthwolknnekidkhuninchwngplaykhritsstwrrsthi 18 phuthimixiththiphltxkhwamkhidmakthisudinchwngaerk odymiewrenrepnphukhrxngxiththiphlehnuxbukhkhlxun idaebnghinkhxngepluxkolkxxkepnsipraephth idaek pthmphumi Primary thutiyphumi Secondary ttiyphumi Tertiary aela cturphumi Quaternary odytamthvsdiaelw hinaetlapraephthnncakxtwkhuninchwngewlahnung inprawtiolk dngnn xnthicringaelwcungepnipidthicaklawthung yukhethxrethiyri echnediywkb hinethxrethiyri ody yukhttiyphumi hrux ethxrethiyri pccubnaebngxxkepnyukhphalioxcinaelanioxcin thukichnganinthanachuxkhxngyukhthangthrniwithyamacnthungstwrrsthi 20 swn yukhcturphumi hrux khwxethxrnari yngkhngthukichepnchuxkhxngyukhxyangepnthangkarcwbcnpccubn karrabuchnhinodyichsakdukdabrrphthimixyu sungthukbukebikody aelainchwngtnkhriststwrrsthi 19 chwyihnkthrniwithyasamarthaebngprawtikhxngolkidxyangaemnyamakyingkhun nxkcakniyngchwyihnkthrniwithyaechuxmoyngchnhintang khamphrmaednkhxngpraeths hruxaemaetthwip id odyhakchnhinsxngsn aetwaxyuhangiklkyhruxmixngkhprakxbtangkn sungmisakdukdabrrphehmuxnkn oxkasthichnhinthngsxngcawangtwinewlaediywknnncaxyuinradbdi cakkarsuksaodylaexiydekiywkbchnhinaelasakdukdabrrphinyuorprahwangpi kh s 1820 thung 1850 thaihekidkhxngladbthangthrnithiyngichmacnthungpccubnni kartngchuxyukh smy aela mhayukh nganerimaerkinkarphthnamatrthrnikalnnthukkhrxbngaodynkthrniwithyachawxngkvs chuxkhxngyukhthangthrniwithyacungsathxnthungkarkhrxbngann ody khawa aekhmebriyn chuxobrankhxngpraethsewls aela xxrodwiechiyn aela islueriyn kepnchuxthitngtamephaobrankhxngpraethsewls enuxngcakmikarkahndladbchnhinaelakahndyukhcakpraethsewls 113 114 swn droweniyn epnchuxthitngtamethsmnthledwxnkhxngpraethsxngkvs aela kharbxniefxrs macakkhawa the Coal Measures sungepnkhaekathiichodynkthrniwithyachawxngkvsinchnhinchudediywkn khnathi ephxremiyn tngtamdinaednepiyrmkhxngpraethsrsesiy enuxngcakyukhdngklawthukkahndodyichchnhininphumiphakhdngklawody nkthrniwithyachawskxt xyangirktam bangyukhkidrbkartngchuxodynkthrniwithyacakpraethsxun echn ithraexssik tngody nkthrniwithyachaweyxrmn odychuxmacaklksnasamchnthiaetktangkn inphasalatin trias hmaythung trilksn klawkhux sungthukpidthbdwychn aelatamdwychnhindindanda sunglksnanisamarthphbidthwpraethseyxrmniaelaphumiphakhyuorptawntkechiyngehnux cungepnthimakhxngchux ithraexs trias chux cuaerssik tngody nkthrniwithyachawfrngess odymithimacakhinpunthaelepnbriewnkwangkhxng Jura chux khriethechiys cakphasalatin creta hmaythung hinchxlk epnyukhthithukkahndkhrngaerkody nkthrniwithyachawebleyiyminpi ph s 2365 odykarichchnhinin aelaidtngchuxtamchnhinchxlk karthbthmkhxngaekhlesiymkharbxentthiekidcakepluxkkhxngstwthaelimmikraduksnhlng thikwangkhwang sungphbidinphumiphakhyuorptawntk nkthrniwithyachawxngkvsyngidrbhnathiinkarcdklumyukhihepnmhayukhtang dwy rwmthungkaraebngyukhethxrethiyriaelakhwxethxrnarixxkepnsmytang inpi ph s 2384 idtiphimphmatrthrnikalthwolkkhrngaerkkhuntampraephthkhxngsakdukdabrrphthiphbinaetlamhayukh odymatrkhxngfillipschwythaihkhasphth echn phalioxosxik singmichiwiteka sungekhaidkhyayihmnkhrxbkhlumewlamakkwathiekhyichmaihepnkhamatrthan aelayngidkhidkhnkhawa miososxik singmichiwitklang khundwy karhaxayukhxngthrnikal emuxwileliym smithaelaesxrruepnkhrngaerkwachnhinnnepntwaethnkhxngchwngewlathitxenuxngkn matrkalsamarthpramankhunidxyangkhraw imaemnyaethann xnenuxngmacakkhapramankhxngxtrakarepliynaeplngthiimaennxn khnaediywknnkkhididesnxxayukhxngolkexaiwthipramanhkphnthungecdphnpi odyxangxingcakkhmphiribebil swnnkthrniwithyaidesnxmatrthrnikaliwthihlklanpi aelabangklumthungkbesnxwaxayukhxngolknnepnxnnt txngkarxangxing nkthrniwithyaaelankbrrphchiwinwithyaidsrangtarangthrnikhun odyxingcaktaaehnngsmphththkhxngchnhinaelasakdukdabrrphtang aelapraeminmatrkalkhuncakkarsuksaxtra karkrxn aela karaekhngtwklayepnhin cnkrathngmikarkhnphbkmmntrngsiinpi ph s 2439 aelaidmikarnamaprayuktichthangthrniwithyadwyinchwngkhrungaerkkhxngstwrrsthi 20 khnathixayukhxngchnhintang aelaxayukhxngolknnyngkhngepnthithkethiyngknxyangmak matrthrnikalaerkthiichxayusmburnthuktiphimphkhrngaerkinpi ph s 2456 ody nkthrniwithyachawxngkvs ekhaidphthnaaekhnngthangkhun aelayngidtiphimphhnngsuxradbolk The Age of the Earth khun sungekhaidpramanxayukhxngolkwamixayuxyangnxy 1 6 phnlanpi inkhwamphyayamxyangtxenuxngtngaetpi ph s 2517 idthanganephuxechuxmoyngbnthukthangchnhinthxngthininbriewntang khxngolkihepnrabbeknthmatrthanediywknthwthngolk inpi ph s 2520 khnakrrmathikarkarladbchnhinolk pccubn khux khnakrrmathikarkarladbchnhinsakl iderimkahndcudxangxingthwolkkhun eriykwa GSSP sahrbchwngewlathangthrniwithyaaelarayakhxngklumsakdukdabrrph odyngankhxngkhnakrrmathikaridthukxthibayiwinmatrthrnikalpi ph s 2555 khxngaekrdsethnaelakhna nxkcakniyngmiaebbcalxngyuexmaexl sahrbepnwithikarcdokhrngsrangmatrewlathiekiywkhxngkb GSSP dwy pyhashsmphnth nkthrniwithyachawxemriknthuxwaaelaepnyukhtamkaraebngkhxngtnmaxyangyawnan aemwa ICS carbrxngthngsxngchwngepn kungyukh subperiods khxngyukhkharbxniefxrstamkarrbrxngkhxngnkthrniwithyachawyuorp krniechnniekidkhuninpraethscin praethsrsesiy aelaaemaetpraethsniwsiaelndsungmimhayukhxun thaihkarcdbnthukthangkarladbchnhinihepnhnungediywknnnchalng aexnothropsin wthnthrrmsmyniymaelankwithyasastrcanwnthimakkhunidichkhawa aexnothropsin xyangimepnthangkarinkarrabusmypccubnthierakalngxasyxyu khanithukbyytiodyaelainpi ph s 2543 ephuxxthibaythungewlapccubnthisungmnusysngphlkrathbxyangmaktxsingaewdlxm aelayngmikarwiwthnakarephuxxthibay smy sungerimtnipaelwinxditdwy odykahnderimcakkarplxykharbxnkhxngmnusyaelakarphlitaelakarbriophkhsinkhaphlastikthihlngehluxxyuinphundin nkwicarnkhasphthkhaniklawwa imkhwrichkhasphthkhani enuxngcakepneruxngthiyakinkarkahndewlaxyangechphaaecaacngthimnusyerimmixiththiphltxchnhin sungthuxepnkarkahndcuderimtnkhxngsmy khaniimidrbkarxnumtiihichxyangepnthangkarody ICS ineduxnknyayn ph s 2558 odykhnathanganaexnothropsinidcdprachumkn n krungxxsol ineduxnemsayn ph s 2559 ephuxrwbrwmhlkthansnbsnunkhxotaeyngsahrbaexnothropsinwaepnsmythangthrniwithyaxyangaethcring odyhlkthanidrbkarpraeminaelathangklumidlngmtisnbsnunihichkhawa aexnothropsin epnchuxchwngxayuihmthangthangthrniwithyaineduxnsinghakhm ph s 2559 hakkhnakrrmathikarkarladbchnhinsaklxnumtikhxaenanani khxesnxxnumtidngklawcatxngidrbrxngstyabnody cungcathukyxmrbxyangepnthangkarinthanaswnhnungkhxngmatrthrnikalid karepliynaeplngyukhthisakhy karepliynaeplnginchwngimkipithiphanma khux karykelikkarichyukhethxrethiyri aelaichkhawa yukhphalioxcin aela yukhnioxcintamladbaethn odysingniyngkhngepnthithkethiyngknxyu mikarphicarnakarykelikyukhkhwxethxrnari aetthukphkiwkxndwyehtuphldankhwamtxenuxng aemkrathngkxnhnainprawtikhxngwithyasastr ethxrethiyriyngthukthuxepn mhayukh aelamikaraebngyxykhxngtndwy phalioxsin xioxsin oxlioksin imoxsin aela iphloxsin odyeriykkaraebngyxynnwa yukh tarangthrnikaltarangdanlangni epntarangsrupehtukarnsakhyaelalksnaechphaakhxngchwngkhxngewlasungprakxbkhunepnmatrthrnikal tarangnithukcderiyngodyaesdngchwngewlalasudiwthangdanbn aeladanlangsudkhuxchwngewlathiekaaekthisud khwamsungkhxngaetlaraykarintarangnnimsxdkhlxngkbrayakhxngaetlakaraebngyxy enuxhakhxngtarangnixangxingkbmatrthrnikarxyangepnthangkarpccubnkhxng ICS odymikarepliynaeplngchuxsmyepnrupaebbtxntn txnplaycaklang bnsungepnrupaebbedim tamkaraenanakhxngkhnakrrmathikarkarladbchnhinsakl emuxtxngich khnakrrmathikarkarladbchnhinsaklyngmibrikartarangthrnikalrupaebbxxnilndwyphan ics chart odyxangxingmacakbrikarsngmxb bnxupkrnthixanidinkaraesdngmatrkal sungphrxmichnganphanbrikaropreckt khxng aela tarangniimepniptammatraswn odyaemwabrmyukhfaenxorosxikcaduaelwmikhnadihykwabrmyukhthiehlux aetkinewlaephiyng 500 lanpiethann khnathisambrmyukhkxnhna hruxxphimhabrmyukhphriaekhmebriyn kinewlarwmknkwa 3 5 phnlanpi lksnaechnni enuxngmacakkarkhadkhxmulekiywkbehtukarnthiekidkhuninsambrmyukhaerk hruxxphimhabrmyukh emuxethiybkbbrmyukhpccubn brmyukhfaenxorosxik txngkarxangxing swnsmyaexnothropsinnnyngimthukrwmxyuintarangni tarangthrnikal hinbrmyukh brmyukh hinmhayukh mhayukh hinyukh yukh hinsmy smy hinchwngxayu chwngxayu ehtukarnsakhy erimtn lanpithiaelw faenxorosxik Phanerozoic sionosxik Cenozoic khwxethxrnari Quaternary oholsin Holocene emkhalayn Meghalayan ehtukarn 4 2 phnpi ipyngekaamadakskaraela karephimkhunkhxngcakxutsahkrrm 0 0042 nxrthkripepiyn Northgrippian radbnathaelsungkhunthwmaelasundaaelnd karaeprsphaphepnthaelthraykhxngphunthisaharaaelaxahrb cudsinsudkhxngyukhhinaelacuderimtnkhxngyukh mnusykhyaydinaednipyngklumekaaxarktikaelakrinaelnd 0 0082 krinaelndediyn Greenlandian karekhasuesthiyrphaphkhxngphumixakas pccubnaelakarsuyphnthusmyoholsinerimtnkhun erimtnkarthaekstrkrrm mnusyaephrkracayipthwaelakhabsmuthrxahrb aelathwipxemrika aephndinihyaelaaekhribebiyn 0 0117 iphlsotsin Pleistocene bn txnplay tharnethiyn Upper Late Tarantian cudsinsudkhxng mnusykhyaydinaednekhasuaelathwipxemrika 0 129chibaeniyn Chibanian ekid miaexmphlicudsung kaenidmnusyohomesepiyns 0 774khalaebriyn Calabrian phumixakaseynlngtxip ykssuyphnthu karaephrkracaykhxngmnusyohomxierktsthwthwipaexfofr yuerechiy 1 8 eclaesiyn Gelasian cuderimtnkhxngaelaphumixakasimesthiyr kaenidaelamnusyohomaehbilis 2 58 nioxcin Neogene iphloxsin Pliocene pixaesnesiyn Piacenzian karphthnakhunkhxng khnathikhwamhnaweynkhxy thwikhwamrunaerngkhuncnthungsmyiphlsotsin xxksiecnaelakharbxnidxxkisdinchnbrryakasthungradbpccubnkhnathimwlaephndinekhluxnmathungyngtaaehnngpccubn echn khxkhxdpanamarwmthwipxemrikaehnuxaelaitekhadwykn thaihekidkar emthaethxeriyimmikraepahnathxngphwksudthaysuyphnthu aephrkracayxyuthwdantawnxxkkhxngthwipaexfrika erimtnyukhhin 3 6 sanekhliyn Zanclean inbriewnemdietxrereniyn kareynlngkhxngphumixakastxenuxngmacaksmyimoxsin stwkhlaymaaelaphwkaerk wanrxardiphiethkhsxasyxyuinthwipaexfrika 5 333 imoxsin Miocene Messinian phrxmthaelsabekluxinbriewnemdietxrereniynxnwangepla sungkhndwyyukhnaaekhngaelakarkxtwkhunkhxng thiimichcraekh aelasuyphnthu hlngcakkaraeykxxkcakknxyangcha khxng wanraelaxasyxyuinthwipaexfrika 7 246 Tortonian 11 63 Serravallian chwngthimixakasxbxunkhuninphumixakasthiehmaasmthisudinsmyxioxsinklang karsuyphnthuin khwamhlakhlaykhxngsayphnthuchlamldlng hipopphwkaerk brrphburuskhxnglingihy 13 82 Langhian 15 97 Burdigalian karkxethuxkekhainsikolkehnux karerimtnkhxngsungihkaenid karaephrkracaykhxngphunpadungexakharbxnidxxkisdcanwnmhasalmaich cnkrathngthaihradbkhxngkharbxnidxxkisdinchnbrryakasldlngcak 650 ppmv ehluxpraman 100 ppmv inrahwangsmyimoxsin stweliynglukdwynmaelankyukhihmmiruprangdngpccubn waldukdabrrphphwksudthaysuyphnthu hyasamarthphbidthwip brrphburuskhxngexp rwmthung mnusy xasyxyuinyukhni thwipaexfofr xahrbchnkbthwipyueresiy thaihkxtwkhunxyangetmthiaelathaihmhasmuthreththishayip aetchwyihmikaraelkepliynthangstwchatikhxngthngsxngthwip inewlaediywkn thwipaexfofr xahrbaeykxxkepnthwipaexfrikaaelaexechiytawntk 20 44 Aquitanian 23 03 phalioxcin Paleogene Oligocene Chattian cuderimtnkaraephrkracaykhxngwiwthnakaraelakhwamhlakhlaykhxngstwchatiekidkhunxyangrwderw odyechphaaxyangying stweliynglukdwynm echn aela karwiwthnakaraelakaraephrphnthukhrngihykhxngphuchdxkyukhihm mixakhxyd aelakhxndilarthsuyphnthu karpraktkhunkhxngphwkwalaelaolmaaerk thiepnstwnaxyangetmtw 28 1 Rupelian 33 9 xioxsin Eocene Priabonian stweliynglukdwynmyukhobran echn l mixyumakmayaelayngkhngphthnatxipinrahwangsmyni wngsstweliynglukdwynanm yukhihm hlaywngspraktkhun sayphnthuwalobranaelaphayunmikhwamhlakhlayhlngcakklblngipinna phnthunkmikhwamhlakhlay hmi aela phwkaerk mltithuebxrkhiwelaelaelptiktidnsuyphnthuinchwngplaykhxngsmy karklbmakhxngtharnaaekhngaexntarktikaaelakarkxtwkhxngkhrxbnaaekhng aelakhxngethuxkekharxkkiinthwipxemrikaehnuxsinsudlng karkxethuxkekhakhxngethuxkekhaaexlpinthwipyuorperimtnkhun inpraethskrisaelathaelxieciynerimtnkhun 37 8 Bartonian 41 2 Lutetian 47 8 Ypresian ehtukarnchwkhrawsxngehtukarnkhxngphawaolkrxn aela aelaphumixakasxbxunipcnthungchwngphumixakasthiehmaasmthisudsmyxioxsin thaihradbkhxngkharbxnidxxkisdldlngcak 3500 ppm ehlux 650 ppm sungnbepnrayaerimtnkhxngchwngsphaphxakaseynlngyawnan xnuthwipxinediychnekhakbthwipexechiyaelakarerimtnkhunkhxng thaihekid khnathithwipyueresiyaeykxxkcakthwipxemrikaehnuxxyangsmburn thaihekidmhasmuthraextaelntikehnux exechiytawnxxkechiyngitphakhphunsmuthrebnxxkcakswnthiehluxkhxngthwipyueresiy nkekaakhxn stwekhiywexuxng twnim khangkhaw aela iphremththiaethcringxyuinsmyni 56 phalioxsin Paleocene Thanetian erimtncakkarchnkhxngxukkabatchikchulubaelaehtukarnkarsuyphnthuyukhkhriethechiys phalioxcin thaihidonesarklumthiimichstwpikaelaethxorsxr stwthaelelixykhlanswyihy stwmikraduksnhlngxuncanwnmak echn emthaethxeriylxeresiy esfaolphxd miephiynghxyngwngchangaelahmukthiehluxrxd aelastwimmikraduksnhlngxuncanwnmaksuysinip mikaraephrhlaykhxngstweliynglukdwynmaelankipepnwngstang epncanwnmakphayhlngcakkarsuyphnthukhxngidonesarklumthiimichstwpik khnathikarwiwthnakarinthaelhyudlng mltithuebxrkhiwelaelastwfnaethaphwkaerkaephrkracayipthw nkkhnadihy echn aela aelastweliynglukdwynmkhnadihy ihykhnadhmihruxelkkhnadhipopopetms praktkhunkhrngaerk inthwipyuorpaelathwipexechiyerimtnkhun phwkchangaela brrphburuskxkaenidiphremth praktkhun bangswnxphyphipyngthwipxxsetreliy 59 2 Selandian 61 6 Danian 66 miososxik Mesozoic khriethechiys Cretaceous Upper Late Maastrichtian phuchdxkephimcanwnkhunxyangrwderw hlngcakkarphthnalksnahlayprakartngaetyukhkharbxniefxrs phrxmkbaemlngchnidihm khnathiphuchdxkxun phuchemldepluxyaelaefirnmiemld esuxmlng playukhihmerimtnpraktmakkhun aexmomint ibwalewiy emnthael aela fxngna phbidthwip idonesarchnidihmhlaychnid echn ithaernonsxrs haodrsxr aela wiwthnakarkhunbnaephndin khnathicraekhpraktinnaaelaxacepnehtuihethmonspxndilsphwksudthaysuyphnthuip aelaomsasxr aelaplachlamyukhihmpraktkhuninthael karptiwtithierimtnodystwelixykhlanaelachlaminthaelthungcudsungsud aemwaxikthioxsxrcahayipinimkilanpihlngcakthukldkhnadlngxyangmakcak nkmihyksifnaelairhyksifnpraktkhunphrxmknkbethxorsxr stweliynglukdwynmphwkomonthrim emthaethxeriy prakxbdwy marsuephiyl sungxphyphipyngthwipxemrikait aela prakxbdwy aela praktkhunkhnathiisondxntphwksukthaythiimichstweliynglukdwynmsuyphnthuip pubkphwkaerk hxythakcanwnmakkhunmaxyubnbk karaetkxxkkhxngmhathwipkxndwanathaihekidthwipxemrikait thwipaexntarktika oxechiyeniy ekaamadakskar xinediyihy aelaekidmhasmuthraextaelntikit mhasmuthrxinediy aela mhasmuthraexntarktik aelaekidhmuekaatang khuninmhasmuthrxinediy aelabangswnkhxngmhasmuthraextaelntik khun aelakhxngethuxkekharxkkierimtnkhun kharbxnidxxkisdinbrryakaskhxngolkmiradbiklekhiyngkbpccubn hayip phumixakaserimxunkhunaeteynlnginphayhlng 72 1 0 2 Campanian 83 6 0 2 Santonian 86 3 0 5 Coniacian 89 8 0 3 Turonian 93 9 Cenomanian 100 5 Lower Early Albian 113 Aptian 125 Barremian 129 4 Hauterivian 132 9 Valanginian 139 8 Berriasian 145cuaerssik Jurassic Upper Late Tithonian phumixakasaebbchunklbmaxikkhrng phuchemldepluxy odyechphaa okhniefxr aela aelaefirnaephrhlayodythwip idonesarhlaychnid echn sxorphxd aelaklayepnstwmikraduksnhlngthikhrxngphunthibnaephndin stweliynglukdwynmmikarhlakhlaykhxngphnthuipepnphwk aela aetyngkhngmikhnadelk nk kingka ngu aelaetapraktkhunkhrngaerk plakraebn kungfxy pu aela lxbsetxrphwkaerk aelaephlsioxsxrmikaraetkipepnsayphnthutang irnokhesfaeliyaephripthwolk ibwalewiy aexmomint aela ebelmintmixyuxyakmakmaymhasal emnthaelphbidthwipxyangmak phrxmkbikhrnxyd dawthael fxngna aela aelaaebrkhioxphxd karaetkxxkkhxngmhathwipaephneciyepnmhathwipkxndwanaaelamhathwiplxerechiy sungphayhlngmikaraetkxxkxikepnsxngswnhlk mhasmuthraepsifikaelamhasmuthrxarktikkxtwkhun kxtwkhun inthwipxemrikaehnux aelamikickrrmnxylng radbkhxngkharbxnidxxkisdinchnbrryakasmimakepn 3 4 ethakhxngradbpccubn 1200 1500 ppmv ethiybkbpccubnthi 400 ppmv hachxngthanginkarichchiwitinna daenintxenuxngmacaksmyithraexssiktxnplay ethntakhuilthayip 152 1 0 9 Kimmeridgian 157 3 1 0 Oxfordian 163 5 1 0 Middle Callovian 166 1 1 2 Bathonian 168 3 1 3 Bajocian 170 3 1 4 Aalenian 174 1 1 0 Lower Early Toarcian 182 7 0 7 Pliensbachian 190 8 1 0 Sinemurian 199 3 0 3 Hettangian 201 3 0 2 ithraexssik Triassic Upper Late Rhaetian xarokhsxrepnidonesarkhrxngaephndinaelaethxorsxrkhrxngthxngfa yngmiidonesarthiecriymacakxarokhsxrsxngetha aelaepnstwchatithikhrxngphunsmuthr erimmikhnadelklngaelakhlaystweliynglukdwynmmakkhuncninthisudklayepnstweliynglukdwynmaethphwkaerk khnathistwelixykhlankhlaystweliynglukdwynmxun thiehluxsuyphnthuip mixyuxyangthwip thieriykwa yngkhngmixyuthwipinmhathwipkxndwana kxncathukaethnthidwyphuchemldepluxychnsung thaelsaethinnasaethinbkkhnadihymixyumakmay esraithtikaexmomnxydmixyuthwipepnxyangmak aelaplarwmthungbrrphburuskhxngaemlngyukhihmmakmayidpraktkhun karkxethuxkekhaaexndisinthwipxemrikaiterimtnkhun inthwipexechiyerimtnkhun inpraethsniwsiaelnderimtnkhun in khwinsaelnd aelarthniwesathewlssinsudlng praman 260 225 lanpikxn ekidkhunpraman 234 232 lanpikxn chwyihidonesaraelaaephrkracay ekidkhunemux 201 lanpikxn thaihaelaphwksudthay stwelixykhlanthaelhlaychnid echn sxorpethxrieciynthnghmdykewnephlsioxsxraelaxikthioxsxrthnghmdykewnpharwiephlewiy okhrokhophdnthnghmdykewnokhrokhidolmxrf ethxrorsxr idonesar aexmomnxydswnihy rwmthungesrathithidathnghmd ibwalewiy aebrkhioxphxd pakarng aela fxngnasuyphnthuip idxatxmphwkaerk 208 5 Norian 227 Carnian 237 Middle Ladinian 242 Anisian 247 2 Lower Early Olenekian 251 2 Induan 251 902 0 06 phalioxosxik Paleozoic ephxremiyn Permian Lopingian Changhsingian mwlaephndinrwmekhadwyknepnmhathwipaephneciyaelaidkxkaenidethuxkekhaaexpphaelechiyn yurl aelakhunthamklangethuxkekhaxun mhasmuthryksaephnthalssahruxmhasmuthraepsifikdngedimkxtwkhun yukhnaaekhngephxrom kharbxniefxrssinsudlng phumixakasaebbrxnaelaaehng epnipidwaekidkarldradblngxyangrwderwkhxngxxksiecn siaenpsid prakxbdwy aela mixyuepncanwnmak khnathi saethinnasaethinbkyngkhngmixyuthwip inyukhephxremiynklang phvkschatyukhthanhinthukaethnthidwyphuchemldepluxymi aethklumaerk aeladwymxssaethklumaerk dwngaelaaemlngwnwiwthnakarkhun stwkhaplxngkhnadihymakaelaettraphxodmxrfathiimichettraphxdsuyphnthu singmichiwititthaelecriyngxkngamtamaenwpakarngnatunthixbxun odyaelaaebrkhioxphxd ibwalewiy fxraminiefxra aelathnghmdmixyumakmay ecriykhuncakidaexpsidaelaaeykxxkipepnbrrphburuskhxngelphiodsxr khuexnioxsxr khxrisoteders xarokhsxr ethstudinathn xikkhioxsxrs thaltotsxr aelasxorethrieciyn isondxntwiwthnakarkhuncakethxaerpsidkhnadihy 273 lanpikxn 260 lanpikxn aelaehtukarnkarsuyphnthuyukhephxremiyn ithraexssik 252 lanpikxn ekidkhuntxenuxngkn thaihsingmichiwitbnolkmakwarxyla 80 suyphnthuipinthisud prakxbdwy aephlngktxnswnmak pakarng aelasuyphnthipthnghmd aebrkhioxphxd ibroxosxn aeksothrphxd okeniythithissuyphnthuipthnghmd aemlng pharaerpithl isaenpsid aexmfiebiyn aela ikhrnxyd miechphaathirxd aelayuripethxrid ithrolibt aekrphotilt aela thnghmd aelainthwipxemrikaehnux inthwipyuorpaelathwipexechiy ldlng karkxethuxkekhaxlitinthwipexechiy inthwipxxsetreliyerimtnkhun praman 260 225 lanpikxn kxkaenidkhun 254 14 0 07 Wuchiapingian 259 1 0 4 Guadalupian Capitanian 265 1 0 4 Wordian 268 8 0 5 Roadian 272 95 0 5 Cisuralian Kungurian 283 5 0 6 Artinskian 290 1 0 26 Sakmarian 295 0 18 Asselian 298 9 0 15 kharbxniefxrs Carboniferous Pennsylvanian Gzhelian aephrkracayxyangrwderw odybangchnid odyechphaaxyangying aela odybangswnechnkingkaaelaaemngpxngmikhnadkhxnkhangihy paphuchthanhinphwkaerk efirn l radbxxksiecninchnbrryakasolkxyuinradbsungthisud yukhnaaekhngdaenintxenuxngipcnthungtxntnkhxngyukhephxremiyn aebrkhioxphxd ibroxsw ibwalewiy aelapakarngmixyuxyangaephrhlayinthaelaelamhasmuthr phwkaerk fxraminiefxraethsettmixyuxyangaephrhlay thwipyuraemrikachnkbmhathwipkxndwanaaelaisbieriy khaskhsthaeniy sungphayhlngkxtwepnmhathwiplxerechiyaelaekidkhun karkxethuxkekhawarisaekhnkaenintxip karchnknkhxngthwiptang nikxkarkxethuxkekhakhunaelainthisudaelwcaklayepnmhathwipaephneciy stwsaethinnasaethinbk echn ethmonspxndil aephrhlayinthwipyuraemrika odybangswnklayepnphwkaerk ekidthaihsphaphxakasaehngaelng sungexuxxanwytxaexmnioxtmakkwastwsaethinnasaethinbk aexmnioxtkhyayphnthuxyangrwderwipepnsiaenpsid aela mixyuthwipkxnthicasuyphnthuipinchwngsinsudkhxngyukh plachlamphwkaerk 303 7 0 1 Kasimovian 307 0 1 Moscovian 315 2 0 2 Bashkirian 323 2 0 4 Mississippian Serpukhovian tnimobrankhnadihyecriyngxkngamaelayuripethxridsaethinnasaethinbkxasyxyuthamklangbriewnchayfngnakrxycakkarkxtwkhxngthanhinaelamikaraetkkhyaysayphnthuxyangsakhyepnkhrngsudthay phuchemldepluxyphwkaerk aemlng aela exefemrxpethraphwkaerk aelaephriyngphwkaerk ethethrxphxdsaethinnasaethinbkhaniwaelaphwkaerk inmhasmuthr plakradukaekhngaelakradukxxnepnphwkhlkaelamikarsayphnthuaephrhlay exikhonedxrmata odyechphaaxyangyingikhrnxydaela mixyumakmay pakarng ibroxsw aelaaebrkhioxphxd aela l funtwaelaerimmixyuthwipxikkhrng aetithrolibtaelanxtilxyderimcanwnldlng infngtawnxxkkhxngmhathwipkxndwanatxenuxngmacaksmydioweniyntxnplay inpraethsniwsiaelndldlng plathimikhribepnphuchuxirosdxnterimmicanwnmakaelaepnphwkhlkinnacud chnkbthwipthimikhnadelk 330 9 0 2 Visean 346 7 0 4 Tournaisian 358 9 0 4 dioweniyn Devonian bn txnplay Upper Late Famennian efirn cakkxnhna tnimtnaerk ophrcimonsepirm aela phalixxpethraaelanixxpethra phwkaerk aelaaebrkhioxphxd aela pakarng aela ikhrnxydthnghmdnnmixyuetmiphmdinmhasmuthr esfaolphxdtwkhd aexmomnxydaela phwkaerkodyklumedimnnmixyuxyangmakmay odyechphaaxyangyungokeniythithis ithrolibtaelaxxstraokhedirmmicanwnldlng khnathiplamikhakrrikr plamiekraa plathimikhribepnphu aelaplakradukaekhng aelaplachlamyukhaerk aephrphnthuxyangrwderw plathimikhribepnphuethethrxphxodmxrfaepliynipepnthiminiw aelakhxy klayepnstwsaethinnasaethinbkxyangcha xarthioxphxdthiimichithrolibtphwksudthaysuyphnthu echn aelaixosphxdklumaerk khwamkddncakplamikhakrrikrthaihyuripethxridldcanwnlngaelaesfaolphxdbangchnidsuyesiyepluxkkhxngtnip khnathixaonmaolkharidsuyhayip thwipaedngeka khxngyuraemrikayngkhngpraktxyuhlngcakkarkxethuxkekhaaekhliodeniy khxngethuxkekhaaexnithaextlaskhxngaexfrikaehnux aelaethuxkekhaaexpphaelechiynkhxngxemrikaehnuxerimtnkhun nxkcakniyngmi aela inpraethsniwsiaelnddwy chudkhxngehtukarnsuyphnthu prakxbdwy aela thaihaexkhrithak pakarng fxngna mxllska ithrolibt yuripethxrid krafotilt aebrkhioxphxd ikhronsw echn phwkthnghmd aela pla rwmipthungphlaokhedirmaelaxxstraokhedirmsuyphnthuipepncanwnmak 372 2 1 6 Frasnian 382 7 1 6 txnklang Middle Givetian 387 7 0 8 Eifelian 393 3 1 2 lang txntn Lower Early Emsian 407 6 2 6 Pragian 410 8 2 8 Lochkovian 419 2 3 2 islueriyn Silurian Pridoli chnoxosnhnakhun phuchmithxlaeliyngphwkaerkpraktkhunaelastwkhaplxng idaek prakxbdwy aemlng aela aemngkhunmaxyubnbkxyangsmburn yuripethxridkhyaysayphnthuxyangrwderwcnkracayipcnthwaelamicanwnmak esfaolphxdhruxphwkhmukyngkhngmixyuxyangmakmay phrxmkbxxstraokhedirmaethaephripthwthngthael pakarngaela aebrkhioxphxd ephntaemrida l aela ikhrnxydthnghmdmixyuxyangmakmay ithrolibtaelamxllskamixyuxyanghlakhlaysayphnthu swnaekrphotiltimkhxyhlakhlay ehtukarnkarsuyphnthukhrngyxysamkhrng stwphwkphiwhnambangswnsuyphnthu karchnknrahwanglxernechiyaelabltikaaelahnunginaephndinkxndwanakhnadelk sahrbethuxkekhainpraethsxngkvs ixraelnd ewls skxtaelnd aelaerimtnkhun nxkcakniyngmidanbnthitxenuxngekhasuyukhdioweniyn aelacungkxtwepnthwipyuraemrikakhun ldlng sinsudlnginplayyukhnihlngcakerimtnkhuninsmyxxrodwiechiyntxnplay inthwipxxsetreliyldlng 423 2 3 Ludlow Ludfordian 425 6 0 9 Gorstian 427 4 0 5 Wenlock Homerian 430 5 0 7 Sheinwoodian 433 4 0 8 Llandovery Telychian 438 5 1 1 Aeronian 440 8 1 2 Rhuddanian 443 8 1 5 xxrodwiechiyn Ordovician bn txnplay Upper Late Hirnantian ekidkhunodyepnkarephimcanwnkhunkhxngaephlngktxn stwimmikraduksnhlngmisayphnthuekidkhuncanwnmak odyechphaaxyangyingaebrkhioxphxd aela mxlska echn stwphwkhmuk echn phwkthimixayuyunyawaelamisayphnthuhlayhlay aebrkhioxphxdthitxkn echn xxrthida sotrofemnida l ibwalewiy esfaolphxd nxtilxyd ithrolibt ibroxsw exikhonedxrmatahlaychnid ikhrnxyd emnthael plingthael aela l aelaladbkhnxun thwip yngkhngxyumixyuodythwip esfaolphxdmicanwnmakkhunaelamixyuodythwip phrxmthngmiaenwonmthicamiepluxkaebbkhd xaonmaolkharidsuyphnthu ethntakhuiltprisnapraktkhun playuripethxridaelaxxstraokhedirmpraktkhun sungphayhlngmikhwamepnipidthicaphthnaipepntxnsinsudyukh ehdrabkphwkaerkaelakarkhunmaxyubnbkkhxngphuchxyangetmtw txnsinsudyukh rwmthungchudkhxng thaihesfaolphxdbangswnaelaaebrkhioxphxd ibroxsw exikhonedirm aekrphotilt ithrolibt ibwalewiy pakarng aela canwnmaktayip 445 2 1 4 Katian 453 0 7 Sandbian 458 4 0 9 txnklang Middle Darriwilian 467 3 1 1 Dapingian 470 1 4 lang txntn Lower Early Floian 477 7 1 4 Tremadocian 485 4 1 9 aekhmebriyn Cambrian Furongian Stage 10 ekidkhwamhlakhlaykhxngsingmichiwitkhrngihyinehtukarncakkarephimkhunkhxngradbxxksiecn phbsakdukdabrrphcanwnmak odyiflmkhxngstwyukhihm prakxbdwy stwkhaplxng mxllska stwphwkhnxnplxng exikhonedxrmata aela praktkhun khlaypakarngmixyuxyangaephrhlayaelasabsuyipinewlatxm odysotrmailtmaaethnthi aetktkepnehyuxin emuxstwbangchniderimkhudecaalngiptamaephnculinthriy sngphlkbstwxunbangchniddwyechnkn idaek ithrolibt hnxniphrxaphula aebrkhioxphxdaebbimprakbkn epluxkaebbimmibanphb ibroxsw aekrphotilt exikhonedirmhaaechk echn aela aelastwxunmixyuepncanwnmak epnstwnklakhnadihy khnathi stwphwkkungkngpuaelamxllskakhyaycanwnsayphnthuxyangrwderw ophraekhrioxt ophrthist echn fxraminiefxra ehdra aela sahrayyngkhngpraktmacnthungthukwnni stwmiaeknsnhlngphwkaerkprakttwkhuncakphwkkhxredtkxnhnani inthwipxxsetreliyldlng 550 535 lanpikxn karkxethuxkekharxssinthwipaexntarktika praman 514 490 lanpikxn aela praman 540 440 lanpi inthwipxxsetreliy silaphumipraethskhnadelkbangswnaetkxxkcakmhathwipkxndwana primankharbxnidxxkisdinchnbrryakasmicanwnepn 15 ethakhxngpccubn smyoholsin 6000 ppmv ethiybkbpccubnthi 440 ppmv stwkhaplxngaelaphuchbkerimyudkhrxngaephndin ehtukarnsuyphnthusamkhrngekidkhunemux 517 502 aela 488 lanpikxn odyaelathaihphwkxaonmaolkharid stwkhaplxng ihoxilt aebrkhioxphxd mxllska aelaokhondxnt stwmiaeknsnhlngirkhakrrikryukhaerk suyphnthuipepncanwnmak 489 5 Jiangshanian 494 Paibian 497 Miaolingian Guzhangian 500 5 Drumian 504 5 Wuliuan 509 Series 2 Stage 4 514 Stage 3 521 Terreneuvian Stage 2 529 Fortunian 541 1 0 ophrethxorosxik Proterozoic nioxophrethxorosxik Neoproterozoic xidiaexkharn Ediacaran sakdukdabrrphinsphaphdikhxngstwhlayesllphwkaerk xudmsmburnipinthaelthwolk xacpraktkhunphayhlngsungxacekidcakehtukarnxxksiedchnkhrngihy imthrabkhwamiklekhiynginstw indaeriy aela iblathieriyphwkaerk phwkewnodswprisnarwmthungsingmichiwitxxnnumhlaychnidthimilksnaepnaephn kraepa hrux fuk echn sakdukdabrrphrxngrxythwipkhxngsingmichiwitkhlayhnxn echn l inthwipxemrikaehnux karkxethuxkekhakhxngethuxkekhaxrawliinxnuthwipxinediy erimtnkhun naipsukarkxtwkhxngmhathwipaephnonechiyinyukhxidiaexkharnsungepnmhathwipthimixayusn odyaetktwipinchwngplaykhxngyukhepn aela kxndwana inthwipxxsetreliy karkxethuxkekhaebiyrdmxrinthwipaexntarktika 633 620 lanpikxn chnoxosnkxtwkhun radbkhxngaerinmhasmuthrephimkhun 635 ikhroxeceniyn Cryogenian xacekidyukh khun sakdukdabrrphyngkhngphbidyak mwlaephndinerimaetkxxk karkxethuxkekharuekxrtxnplay nimrxdinthwipaexntarktikaldlng sakdukdabrrphaerkkhxngstwthiimmikhxotaeyng singthisngsywaepnphwk aela aerk 720otheniyn Tonian yngkhngpraktxyu sinsudlng inthwipxemrikaehnuxldlng karkxethuxkekharuekxrtxnplay nimrxdinthwipaexntarktika 1 000 150 lanpikxn karkxethuxkekhaexdmnediyn praman 920 850 lanpikxn ewsethirnxxsetreliy karthbthmknkhxngaelaerimtnkhuninthwipxxsetreliy singthisngsywaepnphwkstw cakoholsw aelaphudsahraybkphwkaerk ehtukarnexnodsumiboxtikhlaykhrngekiywkbsahraysiaedngaelaekhiywekidkhun mikarthayoxnphlasthidipyng echn idxatxm idonaeflkeclelt aela ehtukarnxacerimtnkhuninmhayukhmiosophrethxorosxik khnathiphwkaerk echn fxraminiefxra yngkhngpraktxyu phwkyuaekhrioxt idaek sahray yuaekhrioxowrik aela rupaebbaephrcanwnsayphnthuxyangrwderw sakdukdabrrphrxngrxykhxngyuaekhrioxthlayesllxyangngay 1000miosophrethxorosxik Mesoproterozoic setheniyn Stenian aethbhinaeprldlngepnxyangmakenuxngcakkarkxethuxkekhakhxngthierimtnkhun sungthuklxmrxbody erimtnkhun karkxethuxkekharuekxrtxnplay nimrxdinthwipaexntarktikaxacerimtnkhun karkxethuxkekhamsekrf praman 1 080 lanpikxn in sotrmaotiltldlngemuxsahrayephimcanwnkhunxyangrwderw 1200exkethesiyn Ectasian yngkhngkhyayipxyangtxenuxng sahraysiekhiywxyuinthael inthwipxemrikaehnux mhathwipokhlmebiyaetkxxk 1400khalimemiyn Calymmian khyaytwxxk karkxethuxkekhabarramndiin aelakarkxethuxkekhaxisa praman 1 600 lanpikxn inklumrxyeluxnekhaxisa rthkhwinsaelnd yuaekhrioxtphwkaerkthimiphlastidcakisyaonaebkhthieriy echn sahraysiaedng aela sahraysiekhiyw aela oxphisothkhxnta caecriyipepnehdraaelaphwkaerk phwkaerk xacepnsahraythaelthiyngkhnghlngehlux erimpraktepnbnthuksakdukdabrrph 1600aephlioxophrethxorosxik Paleoproterozoic stathieriyn Statherian singmichiwitesllediywsbsxnphwkaerk idaek ophrthistthimihlayniwekhliys aela rabbexnodemmebrn kxtwkhunepnmhathwipaerksudxndbthisxngthiimmikhxotaeyng karkxethuxkekhakhimbninthwipxxsetreliysinsudlng mhathwipyapungkuininewsethirnxxsetreliy karkxethuxkekhaaemngkarunemux 1 680 1 620 lanpikxnin ewsethirnxxsetreliy karkxethuxkekhakhararn 1 650 lanpikxn inhinthanthrnikxwelxr radbxxksiecnldlngxikkhrng 1800xxorsieriyn Orosirian chnbrryakaserimxudmipdwyxxksiecn khnathisotrmaotiltisyaonaebkhthieriypraktkhun aexngefredxfxrtaelathukdawekhraahnxyphungchn ekidkarkxethuxkekhaxyangmak aelainthwipxemrikaehnux karkxethuxkekharuekxrtxntninthwipaexntarktika 2 000 1 700 lanpikxn karkxethuxkekhaeklnebirkin thwipxxsetreliy praman 2 005 1 920 lanpikxn karkxethuxkekhakhimbnininthwipxxsetreliyerimtnkhun 2050irexesiyn Rhyacian rupaebb singtxngsngsywaepnyuaekhrioxtphwkaerk aebbhlayesll ekhnxraelndaeyktwxxk 2300isdieriyn Siderian enuxngcakisyaonaebkhthieriy thaihekidxxksiecnephimkhun karkxethuxkekhasliefirdin thwipxxsetreliy emux 2 440 2 420 lanpikxn 2500xarekhiyn Archean nioxxarekhiyn Neoarchean yukhihmswnmakmiesthiyrphaph epnipidwaxacekidehtukarnenuxolktlbthb karkxethuxkekhaxinesllemux 2 650 150 lanpikxn thipraktthukwnniinrthxxnaethrioxaelarthkhwiebkerimkxtwkhunaelaekhasuesthiyrphaphemux 2 600 lanpikxn mhathwipepnmhathwipaerkthiimmikhxotaeyng aelaophraekhrioxtbkphwkaerk 2800miosxarekhiyn Mesoarchean sotrmaotilt sungepnipidwacaepnkhxngaebkhthieriyxasyphlngaesng echn isyaonaebkhthieriy phwkaerk thiekaaekthisud karkxethuxkekhahmobldinthwipaexntarktika erimtnkxtwkhunsungpccubnxyuinrthxxnaethrioxaelarthkhwiebk odysinsudlngpraman 2 696 lanpikxn 3200phalioxxarekhiyn Paleoarchean xarekhiyophraekhrioxt echn emthaonecn aela aebkhthieriy echn isyaonaebkhthieriy khyaycanwnsayphnthukhunxyangrwderwthamklangiwrsyukhaerk aebkhthieriythiruckphwkaerk thiaenchdthiekathisud phwkaerk thiekathisudbnolk echn aela xackxtwkhuninchwngyukhni karkxethuxkekhaeryenxrinthwipaexntarktika 3600xioxxarekhiyn Eoarchean singmichiwitthiimmikhxotaeyngphwkaerk odyepnaerkthimiyinepnRNAemuxpraman 4 000 lanpikxn hlngcakthiesllaeth ophraekhrioxt wiwthnakarkhunphrxmyinthiepnoprtinaeladiexnexemuxpraman 3 800 lanpikxn karradmchnhnkkhrnghlngsinsudlng karkxethuxkekhainthwipaexntarktikaemux 4 000 200 lanpikxn 4000ehediyn Hadean karkxtwkhunkhxnghintnkaenid protolith khxnghinthiekaaekthisudthiepnthiruck xayupraman 4 031 thung 3 580 lanpikxn karpraktkhunkhrngaerkkhxngkaraeprsnthanaephnthrniphakhthiepnipid smmtithanrupaebbkhxngsingmichiwitaerk sinsudkarradmchnhnkkhrngtn aerekaaekthisudthiepnthiruck ephthay xayu 4 408 8 lanpikxn dawekhraahnxyaeladawhangnanamasuolk ekidepnmhasmuthraerkkhun kaeniddwngcnthr 4 533 thung 4 527 lanpikxn sungxacekidcak kaenidolk 4 570 thung 4 567 17 lanpikxn 4600karesnxesnewlakhxngphriaekhmebriynhnngsux Geologic Time Scale 2012 khxng ICS sungmimatrkalihmsungidrbxnumti yngmikarnaesnxkhxesnxephuxaekikhmatrkalkhxngphriaekhmebriyn ephuxihsathxnthungehtukarnsakhytang echn karkxtwkhxngolk hrux khnaediywknkyngkhngiwsungkartngchuxkarladbchnhintamxayukalkxnhnaswnihyiwsahrbchwngewlathiekiywkhxng brmyukhehediyn 4568 4030 lanpikxn 4568 4404 lanpikxn twchuxhmaythungthngaelarayaxlwnkhxngkarkxtwkhxngdawekhraah mhayukhaeckhhillesiyn Jack Hillsian hruxmhayukhesxrokheniyn Zirconian 4404 4030 lanpikxn thngsxngchuxhmaythungekhmkhdkrinsotnaeckhhill sungphbaerthiekaaekthisudbnolk nnkhux ephthay zircons brmyukhxarekhiyn 4031 2420 lanpikxn mhayukhphalioxxarekhiyn 4031 3490 lanpikxn yukhxakhstn Acastan 4031 3810 lanpikxn tngchuxtam yukhxiswn Isuan 3810 3490 lanpikxn tngchuxtam mhayukhmiosxarekhiyn 3490 2780 lanpikxn yukhwalbarn Vaalbaran 3490 3020 lanpikxn tngchuxtamchuxkhxng txnitkhxngthwipaexfrika aela rthewsethirnxxsetreliy yukhpxnokln Pongolan 3020 2780 lanpikxn tngchuxtamsuepxrkruppxnokla mhayukhnioxxarekhiyn 2780 2420 lanpikxn yukhemthaeniyn Methanian 2780 2630 lanpikxn tngchuxtamkarxnumanthioddednkhxngophraekhrioxt yukhisdieriyn Siderian 2630 2420 lanpikxn tngchuxtamkartxtwkhxngaethbehlkphayinchwngyukh brmyukhophrethxorosxik 2420 541 lanpikxn mhayukhaephlioxophrethxorosxik 2420 1780 lanpikxn yukhxxksieceniyn Oxygenian 2420 2250 lanpikxn tngchuxtamkaraesdnghlkthanchinaerksahrbkarxxksiidschnbrryakasthwolk 2250 2060 lanpikxn tngchuxtamehtukarnkaraephrkracaykhxngixosothp Lomagundi Jatuli d13C inchwngyukh aelakarphbsakdukdabrrphaerkkhxngyuaekhrioxt esnx first fossil appearance of eukaryotes yukhokhlmebiyn Columbian 2060 1780 lanpikxn tngchuxtam mhayukhmiosophrethxorosxik 1780 850 lanpikxn yukhordieniyn Rodinian 1780 850 lanpikxn tngchuxtam sungmisphaphaewdlxmthiesthiyr mhayukhnioxophrethxorosxik 850 541 lanpikxn yukhikhroxeceniyn 850 630 lanpikxn tngchuxtamkarekidkhunkhxngkarepliynsphaphodytharnaaekhnghlaykhrng yukhxidiaexkharn 630 541 lanpikxn aesdngtammatraswn epriybethiybkbesnewlapccubn sungimidaesdngtammatraswn echingxrrthepnthithrabkndiwahinchnbangchnidnnmiidmikarwangtwinaenwnxnxyangsmburnaebb aetxyangirktam hlkkarniyngkhngthuxidwaepnaenwkhidthimipraoychn chwngewlakhxnghnwythrnikalnnaetktangknxyangmak aelaimmikhxcakddantwelkhekiywkbewlathisamarthaesdngid odythukcakdephiyngchwngewlakhxnghnwythimixndbsungkwasunghnwydngklawxyuphayit aelakhxbekhtdankarladbchnhintamxayukalthikahndkhuniw phriaekhmebriyn epnsphththangthrniwithyathiimepnthangkarsahrbchwngewlakxnaekhmebriyn ethxrethiyriepnchuxhinyukh yukhthangthrniwithyathilasmy kinewlatngaet 66 lanpikxnthung 2 6 lanpikxn imsamarthethiybidkbaephnphumi ICC pccubn aetxacethiybekhiyngidkbhinyukh yukhphalioxcinaelanioxcin aemwacamikarichnganknxyangthwip aetbrmyukhehediynnnimthukcdepnbrmyukhxyangepnthangkar xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux absolute agexangxing Statutes stratigraphy org International Commission on Stratigraphy subkhnemux 2022 04 05 Cohen K M Finney S C Gibbard P L Fan J X 2013 09 01 The ICS International Chronostratigraphic Chart Episodes phasaxngkvs updated ed 36 3 199 204 doi 10 18814 epiiugs 2013 v36i3 002 ISSN 0705 3797 Van Kranendonk Martin J Altermann Wladyslaw Beard Brian L Hoffman Paul F Johnson Clark M Kasting James F Melezhik Victor A Nutman Allen P 2012 A Chronostratigraphic Division of the Precambrian The Geologic Time Scale phasaxngkvs Elsevier pp 299 392 doi 10 1016 b978 0 444 59425 9 00016 0 ISBN 978 0 444 59425 9 subkhnemux 2022 04 05 International Commission on Stratigraphy International Geological Time Scale subkhnemux 5 June 2022 Dalrymple G Brent 2001 The age of the Earth in the twentieth century a problem mostly solved Special Publications Geological Society of London 190 1 205 221 Bibcode 2001GSLSP 190 205D doi 10 1144 GSL SP 2001 190 01 14 S2CID 130092094 Shields Graham A Strachan Robin A Porter Susannah M Halverson Galen P Macdonald Francis A Plumb Kenneth A de Alvarenga Carlos J Banerjee Dhiraj M Bekker Andrey Bleeker Wouter Brasier Alexander 2022 A template for an improved rock based subdivision of the pre Cryogenian timescale Journal of the Geological Society phasaxngkvs 179 1 jgs2020 222 doi 10 1144 jgs2020 222 ISSN 0016 7649 S2CID 236285974 Chapter 9 Chronostratigraphic Units stratigraphy org International Commission on Stratigraphy subkhnemux 2022 04 02 Chapter 3 Definitions and Procedures stratigraphy org International Commission on Stratigraphy subkhnemux 2022 04 02 Global Boundary Stratotype Section and Points stratigraphy org International Commission on Stratigraphy subkhnemux 2022 04 02 Knoll Andrew Walter Malcolm Narbonne Guy Christie Blick Nicholas 2006 The Ediacaran Period a new addition to the geologic time scale Lethaia phasaxngkvs 39 1 13 30 doi 10 1080 00241160500409223 Remane Jurgen Bassett Michael G Cowie John W Gohrbandt Klaus H Lane H Richard Michelsen Olaf Naiwen Wang the cooperation of members of ICS 1996 09 01 Revised guidelines for the establishment of global chronostratigraphic standards by the International Commission on Stratigraphy ICS Episodes phasaxngkvs 19 3 77 81 doi 10 18814 epiiugs 1996 v19i3 007 ISSN 0705 3797 Michael Allaby 2020 A dictionary of geology and earth sciences Fifth ed Oxford ISBN 978 0 19 187490 1 OCLC 1137380460 Aubry Marie Pierre Piller Werner E Gibbard Philip L Harper David A T Finney Stanley C 2022 03 01 Ratification of subseries subepochs as formal rank units in international chronostratigraphy Episodes phasaxngkvs 45 1 97 99 doi 10 18814 epiiugs 2021 021016 ISSN 0705 3797 S2CID 240772165 Desnoyers J 1829 Observations sur un ensemble de depots marins plus recents que les terrains tertiaires du bassin de la Seine et constituant une formation geologique distincte precedees d un apercu de la nonsimultaneite des bassins tertiares Observations on a set of marine deposits that are more recent than the tertiary terrains of the Seine basin and that constitute a distinct geological formation preceded by an outline of the non simultaneity of tertiary basins Annales des Sciences Naturelles phasafrngess 16 171 214 402 491 From p 193 Ce que je desirerais dont il faut egalement les distinguer What I would desire to prove above all is that the series of tertiary deposits continued and even began in the more recent basins for a long time perhaps after that of the Seine had been completely filled and that these later formations Quaternary 1 so to say should not retain the name of alluvial deposits any more than the true and ancient tertiary deposits from which they must also be distinguished However on the very same page Desnoyers abandoned the use of the term Quaternary because the distinction between Quaternary and Tertiary deposits wasn t clear From p 193 La crainte de voir mal comprise que ceux du bassin de la Seine The fear of seeing my opinion in this regard be misunderstood or exaggerated has made me abandon the word quaternary which at first I had wanted to apply to all deposits more recent than those of the Seine basin d Halloy d O J J 1822 Observations sur un essai de carte geologique de la France des Pays Bas et des contrees voisines Observations on a trial geological map of France the Low Countries and neighboring countries Annales des Mines 7 353 376 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk From page 373 La troisieme qui correspond a ce qu on a deja appele formation de la craie sera designe par le nom de terrain cretace The third which corresponds to what was already called the chalk formation will be designated by the name chalky terrain Humboldt Alexander von 1799 Ueber die unterirdischen Gasarten und die Mittel ihren Nachtheil zu vermindern ein Beytrag zur Physik der praktischen Bergbaukunde phasaeyxrmn Vieweg Brongniart Alexandre 1770 1847 Auteur du texte 1829 Tableau des terrains qui composent l ecorce du globe ou Essai sur la structure de la partie connue de la terre Par Alexandre Brongniart phasafrngess Ogg J G Hinnov L A Huang C 2012 Jurassic The Geologic Time Scale phasaxngkvs Elsevier pp 731 791 doi 10 1016 b978 0 444 59425 9 00026 3 ISBN 978 0 444 59425 9 subkhnemux 2022 05 01 Murchison Murchison Sir Roderick Impey Verneuil Keyserling Graf Alexander 1842 On the Geological Structure of the Central and Southern Regions of Russia in Europe and of the Ural Mountains phasaxngkvs Print by R and J E Taylor Phillips John 1835 Illustrations of the Geology of Yorkshire Or A Description of the Strata and Organic Remains Accompanied by a Geological Map Sections and Plates of the Fossil Plants and Animals phasaxngkvs J Murray Sedgwick A Murchison R I 1840 01 01 XLIII On the Physical Structure of Devonshire and on the Subdivisions and Geological Relations of its older stratified Deposits amp c Transactions of the Geological Society of London phasaxngkvs s2 5 3 633 703 doi 10 1144 transgslb 5 3 633 ISSN 2042 5295 S2CID 128475487 Murchison Roderick Impey 1835 VII On the silurian system of rocks The London Edinburgh and Dublin Philosophical Magazine and Journal of Science phasaxngkvs 7 37 46 52 doi 10 1080 14786443508648654 ISSN 1941 5966 Lapworth Charles 1879 I On the Tripartite Classification of the Lower Palaeozoic Rocks Geological Magazine phasaxngkvs 6 1 1 15 doi 10 1017 S0016756800156560 ISSN 0016 7568 S2CID 129165105 Bassett Michael G 1979 06 01 100 Years of Ordovician Geology Episodes phasaxngkvs 2 2 18 21 doi 10 18814 epiiugs 1979 v2i2 003 ISSN 0705 3797 Chisholm Hugh b k 1911 Cambria saranukrmbritanika kh s 1911 11 ed sankphimphmhawithyalyekhmbridc Butcher Andy 26 May 2004 LISTSERV 16 0 AUSTRALIAN LINGUISTICS L Archives khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 23 October 2007 subkhnemux 19 July 2011 Place Details Ediacara Fossil Site Nilpena Parachilna SA Australia Department of Sustainability Environment Water Population and Communities Australian Heritage Database Commonwealth of Australia cakaehlngedimemux 3 mithunayn 2011 subkhnemux 19 krkdakhm 2011 Janke Paul R 1999 Correlating Earth s History Worldwide Museum of Natural History Rudwick M J S 1985 The Meaning of Fossils Episodes in the History of Palaeontology p 24 ISBN 978 0 226 73103 2 Fischer Alfred G Garrison Robert E 2009 The role of the Mediterranean region in the development of sedimentary geology A historical overview Sedimentology 56 1 3 Bibcode 2009Sedim 56 3F doi 10 1111 j 1365 3091 2008 01009 x