อันดับสัตว์ฟันแทะ ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: –ปัจจุบัน | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Mammalia |
ชั้นฐาน: | Eutheria |
อันดับใหญ่: | |
อันดับ: | Rodentia , 1821 |
อันดับย่อย | |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ของสัตว์ฟันแทะรอบโลก (ไม่รวมสายพันธุ์ต่างถิ่นที่ถูกนำเข้ามา) |
อันดับสัตว์ฟันแทะ (อังกฤษ: Rodent, ชื่อวิทยาศาสตร์: Rodentia) เป็นหนึ่งในอันดับของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ซึ่งเป็นประมาณร้อยละ 40 ของสปีชีส์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด สัตว์ในอันดับสัตว์ฟันแทะมีถิ่นอาศัยอยู่บนหลายทวีปยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา
วิธีการอยู่อาศัยของสัตว์ฟันแทะมีความหลากหลาย เช่น การอาศัยอยู่บนต้นไม้ การขุดรูอาศัยใต้ดิน หรือการอาศัยแบบครึ่งบกครึ่งน้ำ ชนิดของสัตว์ฟันแทะที่มนุษย์รู้จักกันเป็นอย่างดี ได้แก่ หนู กระรอก แพรรีด็อก เม่น ชิปมังก์ บีเวอร์ หนูตะเภา แฮมสเตอร์ แคพิบารา เป็นต้น ในขณะที่กระต่าย กระต่ายแจ็ก กระแต ไพกา ตุ่น และชูการ์ไกลเดอร์ไม่ถูกนับว่าเป็นสัตว์ฟันแทะถึงแม้จะมีรูปลักษณะภายนอกที่คล้ายคลึงกัน และกระต่าย กระต่ายแจ็ก และไพกามีฟันดัดหน้าที่สามารถเติบโตได้เรื่อย ๆ แต่มีจำนวนฟันที่ไม่เท่ากัน และมีพฤติกรรมการเคี้ยวที่ต่างจากสัตว์ฟันแทะ อีกทั้งสัตว์เหล่านี้มีประวัติการวิวัฒนาการที่แตกต่างจากสัตว์ฟันแทะที่แท้จริง จึงได้ถูกจัดให้อยู่ในอันดับกระต่าย โดยอันดับกระต่ายและอันดับสัตว์ฟันแทะเป็น "พี่น้อง" ซึ่งมีบรรพบุรุษร่วมกันที่ฐานและสร้างเคลดที่มีชื่อ (Glires)
สัตว์ฟันแทะส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก ร่างกายที่แข็งแรง ขาสั้น และหางยาว มีฟันตัดหน้าที่คมซึ่งเหมาะสมสำหรับการแทะอาหาร ขุด และป้องกันตัวเอง โดยส่วนมากจะกินเมล็ดหรือวัสดุอื่น ๆ จากพืช ในขณะที่สมาชิกอื่นอาจจะมีความหลากหลายทางอาหาร สัตว์ฟันแทะเป็นสัตว์สังคมซึ่งอยู่เป็นกลุ่มและมีวิธีการสื่อสารที่ซับซ้อน นอกจากนี้แล้วการผสมพันธุ์ระหว่างสัตว์ในอันดับนี้มีตั้งแต่แบบผัวเดียวเมียเดียว และสำส่อน ตัวเมียจะออกลูกได้เป็นครอก โดยลูกที่ออกมานั้นอาจจะพัฒนาได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับแต่ละชนิด
ซากฟอสซิลที่เก่าแก่ที่สุดของสัตว์ฟันแทะมีอายุตั้งแต่สมัยพาลีโอซีนบนมหาทวีปลอเรเชีย ความหลากหลายทางชนิดพันธุ์ของสัตว์ฟันแทะเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงสมัยอีโอซีน โดยมีสาเหตุมาจากการแพร่กระจายไปยังทวีปต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการข้ามมหาสมุทร สัตว์ฟันแทะที่มาจากทวีปแอฟริกาเดินทางถึงทวีปอเมริกาใต้และมาดากัสการ์ นอกจากนี้แล้วสัตว์ฟันแทะยังเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่มีสายรกและอาศัยอยู่บนบกกลุ่มแรกที่มาถึงและแพร่กระจายในทวีปออสเตรเลีย
สัตว์ฟันแทะถูกนำมาใช้งานโดยมนุษย์ในหลายด้าน เช่น เสื้อผ้า อาหาร สัตว์เลี้ยง และสัตว์ทดลอง สัตว์ฟันแทะบางชนิด เช่น หนูบ้าน หนูท้องขาว หนูหริ่งบ้านเป็นสัตว์ก่อความรำคาญที่กัดกินอาหารของมนุษย์หรือแพร่เชื้อโรค เมื่อสัตว์เหล่านี้ถูกนำเข้ามาหรือแพร่กระจายมาจากที่อื่น มักจะรุกรานสัตว์ที่อยู่ในท้องถิ่นและอาจก่อให้เกิดการสูญพันธุ์ของได้
ลักษณะทั่วไป
ลักษณะสำคัญที่จำแนกสัตว์ฟันแทะจากสัตว์อื่นนั้น คือฟันตัดหน้า (incisors) ที่คมและเติบโตเรื่อย ๆ ตัวอย่างเช่นฟันตัดหน้าของหนูตะเภาซึ่งมีระยะการเจริญเติบโตของฟันตัดหน้าขากรรไกรล่างอยู่ระหว่าง 1.34-1.74 มิลลิเมตรต่ออาทิตย์ ในขณะที่ของฟันตัดหน้าขากรรไกรล่างอยู่ระหว่าง 1.89-2.21 มิลลิเมตรต่ออาทิตย์ เนื่องจากมีเลือดมาหล่อเลี้ยงฟันตลอดเวลา สัตว์อันดับนี้จึงต้องใช้ฟันแทะอย่างสม่ำเสมอเพราะไม่งั้นจะทำให้ฟันนั้นยาวเกินไปและสามารถเจาะผ่านกะโหลกได้ โดยด้านหน้าของฟันตัดหน้าจะมีที่หนามาก ในขณะที่ด้านหลังมีชั้นเคลือบฟันที่บาง เมื่อฟันตัดหน้าจากขากรรไกรบนและล่างเสียดสีกัน ฟันที่มีชั้นเคลือบฟันที่บางกว่าจะสึกกร่อน ก่อให้เกิดขอบฟันดัดหน้าที่คมและมีลักษณะคล้ายสิ่ว โดยในกรณีฟันตัดหน้าของหนูตะเภา ระยะการสึกกร่อนของฟันตัดหน้าขากรรไกรบนอยู่ระหว่าง 1.09-2.04 มิลลิเมตรต่ออาทิตย์ ในขณะที่ของฟันตัดหน้าขากรรไกรล่างจะอยู่ระหว่าง 1.71-2.08 มิลลิเมตรต่ออาทิตย์ สัตว์ฟันแทะส่วนใหญ่มีฟันมากถึง 22 ซี่โดยไม่มีฟันเขี้ยวหรือฟันกรามน้อยที่อยู่ด้านหน้า และจะมีช่องว่าง () ระหว่างฟันตัดหน้าและฟันแก้มซึ่งทำให้สัตว์ในอันดับนี้สามารถดูดแก้มหรือริมฝีปากเพื่อที่กำจัดและป้องกันไม่ให้เศษไม้และวัสดุที่กินไม่ได้บาดปากหรือลำคอได้ ฟันกรามของและหนูตะเภาไม่มีรากฟันซึ่งทำให้ฟันนั้นเติบโตเรื่อย ๆ เหมือนกับฟันตัดหน้า เหมาะสมกับอาหารที่เส้นใยอาหารเป็นจำนวนมาก
สัตว์ฟันแทะส่วนมากมีที่ใหญ่ โครงสร้างที่ประณีต และที่สูง ซึ่งสามารถเคี้ยวอาหารให้เป็นชิ้นเล็กได้ นอกจากนี้แล้วยังมีกล้ามเนื้อขากรรไกรที่แข็งแรง โดยที่ขากรรไกรล่างจะผลักไปข้างหน้าเมื่อแทะ และดึงไปด้านหลังเมื่อเคี้ยว กลุ่มของสัตว์ฟันแทะมีความแตกต่างกันในการจัดโครงสร้างของกล้ามเนื้อขากรรไกรและกะโหลก สมาชิกในอันดับย่อย เช่น มี (masseter muscle) ที่ใหญ่และลึก ซึ่งเหมาะสำหรับการแทะด้วยฟันตัดหน้า สมาชิกในอันดับย่อย เช่น หนูบ้าน มีกล้ามเนื้อเทมโพราลิส (temporal muscle) ที่ใหญ่ เหมาะสำหรับการเคี้ยวด้วยฟันกราม สมาชิกในอันดับย่อยเม่นเช่น หนูตะเภา มีกล้ามเนื้อแมซีเทอร์ชั้นนอก (superficial masseter muscle) ที่ใหญ่กว่าและกันมีกล้ามเนื้อแมซีเทอร์ชั้นใน (deep masseter muscle) ที่เล็กกว่าเมื่อเทียบกับหนูหรือกระรอก ซึ่งส่งผลให้การกัดด้วยฟันตัดหน้ามีประสิทธิภาพน้อยลง แต่ในขณะเดียวกันมัดใน (internal pterygoid) ที่มีขนาดใหญ่ทำให้สามารถการขยับขากรรไกรทางด้านข้างได้มากขึ้นในขณะเคี้ยว กลุ่มย่อยของสัตว์ฟันแทะ เช่น แฮมสเตอร์ ชิปมังก์ และโกเฟอร์ มีกระพุ้งแก้มสองข้างสำหรับสะสมอาหาร ถึงแม้ว่าสัตว์ฟันแทะในวงศ์ย่อยหนูจะไม่มีโครงสร้างนี้ กระพุ้งแก้มยังมีความยืดหยุ่นมากเนื่องจากการถูกปกคลุมด้วยกล้ามเนื้อและเส้นประสาทเป็นจำนวนมาก
สัตว์ฟันแทะที่มีขนาดเล็กที่สุดคือ (Salpingotulus michaelis) โดยที่ตัวโตเต็มวัยจะมีความยาวจากหัวจรดตัวเฉลี่ย 4.4 เซนติเมตรและน้ำหนักของตัวเมียเต็มวัยอยู่ที่ 3.75 กรัม สัตว์ฟันแทะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือแคพิบารา (Hydrochoerus hydrochaeris) พบในทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งมีน้ำหนักได้มากถึง 66 กิโลกรัมและมีรายงานว่าพบมากถึง 91 กิโลกรัม ในขณะที่น้ำหนักเฉลี่ยของสัตว์ฟันแทะส่วนใหญ่มีน้อยกว่า 100 กรัม สัตว์ฟันแทะส่วนมากมีรูปร่างที่อ้วนท้วนและขาที่สั้น โดยแต่ล่ะขาหน้าจะมี 5 นิ้ว ซึ่งรวมถึงหัวแม่มือที่สามารถจับสิ่งของได้ ในขณะที่แต่ล่ะขาหลังมี 3-5 นิ้ว นอกจากนี้แล้วยังมีข้อศอกที่ช่วยให้ขาแต่ล่ะข้างมีความยืดหยุ่นสูง สัตว์ฟันแทะส่วนใหญ่มีลักษณะการเดินด้วยเต็มเท้า () และมีกรงเล็บ โดยที่สมาชิกที่ขุดรูอยู่ใต้ดินหรือบนดินจะมีกรงเล็บที่ยาวและแข็งแรง ในขณะที่กรงเล็บของสมาชิกที่อาศัยอยู่บนต้นไม้จะมีลักษณะสั้นและคม วิธีการเคลื่อนที่ของสัตว์ในอันดับนี้มีความหลากหลายมาก เช่น วิ่ง ขุดรู ปีน การใช้สองขาเพื่อกระโดด (เช่น และ ) ว่ายน้ำ และร่อน และกระรอกบินสามารถร่อนลงมาจากต้นไม้ได้โดยใช้ที่ขยายออกมาจากด้านข้างลำตัวที่ติดต่อระหว่างขาหน้าและขาหลัง () สมาชิกใน (Agouti) สามารถเคลื่อนไหวด้วยนิ้วเท้าได้อย่างรวดเร็วและมีกีบเล็บ หางของสัตว์ฟันแทะส่วนใหญ่มีความหลากหลายทางลักษณะมาก บางชนิดสามารถใช้เพื่อจับหรือหยิบสิ่งของได้เช่น บางชนิดมีขนมากอยู่บนหาง ในขณะที่หางของบางชนิดไม่มีขน หางสามารถใช้เพื่อสื่อสารกับสัตว์ตัวอื่นได้เช่น การที่บีเวอร์ใช้หางเพื่อตีน้ำหรือการที่หนูสั่นหางตัวเองเพื่อให้สัญญาณเตือน สัตว์ฟันแทะบางชนิดอาจจะมีโครงสร้างที่หลงเหลือของหางหรือไม่มีหาง หางของสัตว์ฟันแทะบางชนิดสามารถโตใหม่ได้ถึงแม้ว่าบางส่วนอาจจะขาดหายไป
สัตว์ฟันแทะมีประสาทการรับรู้ที่ดี เช่น การมองเห็น การรับฟัง และสายตา สมาชิกส่วนมากที่ออกหากินในเวลากลางคืนจะมีตาที่ใหญ่ และในบางสมาชิกมีตาที่ไวต่อแสงอัลตราไวโอเลต สัตว์ฟันแทะส่วนมากมีหนวดที่ยาวและไวต่อการจับต้องหรือตรวจสอบสิ่งรอบข้าง บางสมาชิกมีกระพุ้งแก้มที่อาจจะปกคลุมไปด้วยขน เนื่องจากลิ้นไม่สามารถยื่นถึงฟันตัดหน้าได้ การทำความสะอาดกระพุ้งแก้มสามารถทำได้โดยการขยับให้กระพุ้งแก้มข้างในนั้นออกมาและกลับเข้าไปใหม่ สัตว์ฟันแทะมีระบบการย่อยอาหารที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งสามารถย่อยและดูดซึมพลังงานได้ถึงร้อยละ 80 จากพลังงานในอาหารทั้งหมด เซลลูโลสจะถูกกระเพาะอาหารย่อยให้นุ่มลงและส่งต่อไปยังกระเปาะลำไส้ใหญ่ซึ่งมีแบคทีเรียที่ย่อยเซลลูโลสต่อ หลังจากนั้นสัตว์ฟันแทะนี้จะ (coprophagy) ของตัวเองเพื่อให้ลำไส้ได้ดูดซึมอาหาร เพราะฉะนั้นมูลของสัตว์ในอันดับนี้จะมีลักษณะแข็งและแห้ง ในสัตว์ฟันแทะหลายชนิด องคชาติของตัวผู้จะมีกระดูก () ส่วนอัณฑะจะอยู่บริเวณท้องหรือหน้าขา
(sexual dimorphism) ของสัตว์ฟันแทะสายพันธ์เดียวกันเกิดขึ้นอยู่มากในบางกลุ่มเช่น และโกเฟอร์ ตัวผู้จะมีขนาดร่างกายที่ใหญ่และแข็งแรงกว่าตัวเมียซึ่งอาจจะเกิดมากจาก (sexual selection) และการต่อสู้เพื่อคู่ผสมพันธุ์ในหมู่สัตว์เพศผู้ ในขณะที่สิ่งตรงข้ามเกิดขึ้นกลับสัตว์ฟันแทะบางชนิด เช่น ชิปมังก์ และ โดยที่ตัวเมียจะมีขนาดร่างกายที่ใหญ่และแข็งแรงกว่าตัวผู้ ซึ่งเหตุผลของการเกิดปรากฏการณ์นี้ยังไม่ทราบเป็นแน่ชัด แต่ในกรณีของ ตัวผู้เลือกตัวเมียที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าเพราะว่ามีโอกาสในการสืบพันธุ์ที่สูงกว่า นอกจากนี้แล้วความแตกต่างระหว่างเพศอาจจะมีไม่เหมือนกันในแต่ละประชากรในสัตว์ฟันแทะชนิดเดียวกัน เช่น (Vole) เช่นในกรณีของ (Bank vole) โดยทั่วไปตัวเมียจะมีร่างกายที่ใหญ่กว่าตัวผู้ แต่ทว่าในประชากร ณ เขตภูเขาสูง ตัวผู้มีร่างกายที่ใหญ่มากกว่าตัวเมีย ซึ่งอาจจะมีผลมาจากจำนวนผู้ล่าที่น้อยและการต่อสู้เพื่อคู่ผสมพันธุ์ในหมู่สัตว์เพศผู้ที่น้อยกว่า
ถิ่นที่อยู่และการแพร่กระจาย
สัตว์ฟันแทะอาศัยในทุกทวีปยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา นอกจากนี้แล้วยังเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่อยู่อาศัยบนบกและมีสายรกกลุ่มแรกที่ถึงและแพร่กระจายในทวีปออสเตรเลียและเกาะนิวกินีโดยมนุษย์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์นี้ ในทางกลับกันมนุษย์ทำให้สัตว์ฟันแทะเช่น หนูจี๊ด แพร่กระจายในเกาะต่าง ๆ สัตว์ฟันแทะสามารถปรับตัวให้เข้ากับภูมิอากาศเกือบทุกที่บนโลกตั้งแต่ทันดรา (มีหิมะ) ถึงทะเลทราย
สัตว์ฟันแทะบางชนิดเช่น (Tree squirrel) และสมาชิกของวงศ์เม่นโลกใหม่ อาศัยบนต้นไม้ได้ ในขณะที่สัตว์ฟันแทะอื่นเช่นโกเฟอร์ (Gopher) (Tuco-tuco) หนูตุ่น (mole rat) อาศัยใต้ดินเป็นส่วนมากและสร้างระบบโพรงที่ซับซ้อน สัตว์ฟันแทะอื่นอีกอาศัยอยู่บนพื้นดิน แต่ยังสามารถสร้างโพรงใต้ดินเพื่อหลบศัตรู บีเวอร์และ (Muskrat) อาศัยอยู่ทั้งบนบกและน้ำ แต่สัตว์ฟันแทะที่ปรับตัวกับการอาศัยอยู่ในน้ำมากที่สุดคือ จากเกาะนิวกินี นอกจากพื้นที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติ สัตว์ฟันแทะบางชนิดอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นเช่น เขตการเกษตรและเมือง
ถึงแม้ว่าสัตว์ฟันแทะบางชนิดเป็นสัตว์ที่ก่อความรังควานให้แก่มนุษย์ สัตว์ฟันแทะอื่นมีบทบาทสำคัญในการหมุนเวียนของระบบนิเวศ บางสมาชิกถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตคีย์สโตน (keystone species) และ (ecosystem engineer) ตัวอย่างเช่นในทวีปอเมริกาเหนือ ณ บริเวณ (Great Plains) การสร้างโพรงของแพรรีด็อกถือว่ามีมีบทบาทสำคัญในการสึกกร่อน การกักตุนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการแจกจ่ายสารอาหารของดินเช่น เพิ่มสารอินทรียและการดูดซึมน้ำของดิน นอกจากนี้แล้วสัตว์กินพืชชนิดอื่นเช่น (bison) และ (pronghorn) ชอบที่จะกินหญ้าในบริเวณที่อยู่อาศัยของแพรรีด็อก เนื่องจากคุณภาพทางโภชนาการของหญ้าที่สูง
การลดลงของประชากรแพรรีด็อกสามารถนำไปสู่ (biodiversity loss) ในระดับภูมิภาคและท้องถิ่น การลดลงของการถูกกินของเมล็ดพันธุ์พืช และการเริ่มต้นและแพร่กระจายของ เช่น (Prosopis glandulosa) นอกจากนี้แล้วสัตว์ฟันแทะที่ขุดดินอาจจะกินฟรุตติ้งบอดีของเห็ดราและแพร่กระจายสปอร์ผ่านทางมูลของสัตว์ ซึ่งทำให้เห็ดราขยายอาณาเขตและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อรากับรากพืช
ในหลายพื้นที่เขตร้อน บีเวอร์มีบทบาทสำคัญในการจัดการทรัพยากรน้ำ การที่บีเวอร์สร้างเขื่อนและรังสามารถเปลี่ยนทิศทางของสายน้ำได้ ซึ่งส่งผลให้มีการสร้างพื้นที่ชุ่มน้ำใหม่ งานวิจัยหนึ่งพบว่าการสร้างเขื่อนของบีเวอร์เพิ่มประชากรของไม้ล้มลุกในบริเวณ (riparian zone) ได้ถึงร้อยละ 33 และอีกงานวิจัยหนึ่งพบว่าช่วยเพิ่มประชากรของปลาแซลมอน
พฤติกรรมและประวัติชีวิต
การกินอาหาร
สัตว์ฟันแทะส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่กินแต่พืชเช่น เมล็ด ก้าน ใบไม้ ดอกไม้ และรากไม้ ในขณะที่บางสมาชิกกินทั้งพืชและเนื้อหรือเป็นผู้ล่าสัตว์ชนิดอื่น (Field vole) เป็นสัตว์ฟันแทะที่กินพืชเช่น หญ้า สมุนไพร หัวราก ตะไคร่น้ำ และเปลือกไม้ และกินสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นครั้งคราวเช่น ตัวอ่อนแมลง (Plains pocket gopher) กินเศษซากพืชที่พบเจออยู่ในใต้ดินหรือเก็บภายในกระพุ้งแก้มเพื่อกักตุนไว้กินในคราวหน้า
(Texas pocket gopher) จะหลีกเลี่ยงที่จะโผล่ออกมาบนผิวดินนานโดยการยึดรากพืชด้วยขากรรไกรและดึงทั้งต้นลงไปยังโพรงใต้ดิน ในขณะที่ จะหาอาหารบนพื้นดินและเก็บไว้ในกระพุ้งแก้มจนกว่าจะเต็ม แล้วจึงกลับไปยังโพรงเพื่อที่จะได้นำอาหารออกมาเลือกกิน
(Agouti) เป็นหนึ่งในไม่กี่กลุ่มที่สามารถเปิดเปลือกของผลบราซิลนัตได้ เนื่องจากผลบราซิลนัตมีเมล็ดที่ใหญ่กว่าที่จะกินได้ในหนึ่งมื้อ อะกูติจึงได้ถือเมล็ดที่เหลือไปด้วย ซึ่งก่อให้เกิดการกระจายอาณาเขตของพืชเพราะยังมีเมล็ดหลงเหลืออยู่ที่สมาชิกของกลุ่มอะกูติไม่ได้เอาติดตัวไปและเมล็ดนั้นห่างไกลจากต้นกำเนิด ต้นอื่นที่มีผลเป็นลูกนัตมีแนวโน้มที่จะออกผลมากเกินกว่าที่ต้องการในช่วงฤดูใบไม้ร่วง กระรอกจะนำผลเหล่านี้กักตุนในรอยแตกหรือพื้นที่กรวงของต้นไม้เพื่อไว้กินคราวหน้า ในเขตทะเลทรายผลเมล็ดของพืชมักจะออกเพียงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น (kangaroo rat) จึงจะเก็บเมล็ดเหล่านี้เท่าที่เก็บได้ และนำไปกักตุนในโพรงเพื่อไว้ใช้คราวหน้า
อีกกลยุทธ์ในการจัดการทรัพยากรอาหารที่แตกต่างตามฤดูกาลคือการกินให้ได้มากที่สุดและสะสมสารอาหารในรูปแบบไขมันตัวอย่างเช่น น้ำหนักตัวของมาร์มอตในฤดูใบไม้ร่วงอาจจะร้อยละ 50 มากกว่าน้ำหนักในช่วงฤดูใบไม้ผลิ มาร์มอตต้องการสะสมไขมันเพื่อช่วงฤดูหนาวบีเวอร์กินพืชน้ำและใบไม้และเปลือกไม้ชั้นในของต้นไม้ที่กำลังโต บีเวอร์สะสมอาหารสำหรับฤดูหนาวโดยการตัดต้นไม้ต้นเล็กและกิ่งไม้ที่มีใบในฤดูใบไม่ร่วง จากนั้นแล้วจึงปักไม้เหล่านั้นไว้ในดินที่อยู่ใต้แอ่งน้ำ บีเวอร์จึงสามารถมีอาหารใต้น้ำไว้กินได้ตลอดฤดูหนาวถึงแม้ว่าพื้นผิวน้ำของแอ่งจะเป็นน้ำแข็งก็ตาม
คนทั่วไปมักคิดว่าสัตว์ฟันแทะเป็นสัตว์กินพืช แต่ทว่าสัตว์ฟันแทะหลายชนิดโดยเฉพาะสมาชิกที่มีโครงสร้างร่างกายพิเศษ กินแมลง ปลา หรือเนื้อสัตว์ควบคู่กับพืช งานวิจัยทางสัณฐานวิทยาในระบบฟันของหนูตรงกับความคิดที่ว่าสัตว์ฟันแทะดั้งเดิมเป็นมากกว่าสัตว์ที่กินแต่พืช หลายสมาชิกของ และ และบางสมาชิกของ Hystricomorpha มีการกินเนื้อเยื้อจากสัตว์โดยปกติหรือได้เตรียมพร้อมที่จะกินอาหารดังกล่าวเมื่อถูกนำเสนอในเวลาสัตว์เหล่านั้นถูกจองจำ จากการตรวจสอบอาหารในกระเพาะของ (North American white-footed mouse) พบว่าร้อยละ 34 ของอาหารทั้งหมดเป็นเนื้อสัตว์ ถึงแม้ว่าสมาชิกนี้โดยปกติถือว่าเป็นสัตว์กินพืช
สัตว์ฟันแทะกินเนื้อชนิดพิเศษอื่น ๆ ได้แก่ จากประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งกินแมลงและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มีเนื้อนุ่ม กินแมลงในน้ำ ปลา กุ้ง หอย หอยทาก กบ ไข่นก และนกน้ำ grasshopper mouse จากเขตแล้งของทวีปอเมริกาตอนเหนือมีแหล่งอาหารหลักคือแมลง แมงป่อง และหนูขนาดเล็กชนิดอื่น ในขณะที่มีพืชเป็นแหล่งอาหารย่อย หนูชนิดนี้มีลำตัวที่อ้วนเล็กน้อย มีขาสั้นและหาง แต่มีความว่องไวมากและสามารถเอาชนะเหยื่อที่มีขนาดร่างกายเท่ากับตัวเอง
พฤติกรรมทางสังคม
สัตว์ฟันแทะมีความหลากหลายในพฤติกรรมทางสังคม ซึ่งมีตั้งแต่ของ (naked mole-rat) ระบบสังคมแบบอาณาเขตของแพรรีด็อก การอยู่เป็นกลุ่มฝูงจนถึงการอยู่อย่างสันโดษเช่น (edible dormouse) ดอร์เมาส์ที่โตเต็มวัยอาจจะมาอาณาเขตแหล่งอาหารที่ทับซ้อนกับตัวอื่น แต่ดอร์เมาส์มีรังเป็นของตัวเองและหากินเดี่ยว ยกเว้นช่วงฤดูผสมพันธุ์ที่ดอร์เมาส์จะเจอกันและผสมพันธุ์ โกเฟอร์เป็นสัตว์สันโดษยกเว้นช่วงฤดูผสมพันธุ์ โดยแต่ล่ะตัวนั้นจะขุดโพรงที่ซับซ้อนและมีอาณาเขตเป็นตัวเอง
สัตว์ฟันแทะที่มีขนาดใหญ่มักจะอาศัยเป็นครอบครัวโดยที่พ่อและแม่จะอยู่กับลูกจนกว่าที่ลูกนั้นจะออกจากครอบครัว ตัวอย่างเช่น บีเวอร์ โดยครอบครัวมักจะประกอบไปด้วยผู้ใหญ่หนึ่งคู่ ลูกของปีนี้ และลูกของปีที่แล้วหรือแก่กว่านี้เป็นบางครั้ง หนูบ้านมักอยู่อาศัยเป็นฝูงที่มีขนาดเล็กโดยมีสมาชิกเพศเมียหกตัวขึ้นไปอาศัยอยู่ในโพรง ในขณะที่ตัวผู้ป้องกันอาณาเขตบริเวณโพรง แต่ทว่าระบบนี้จะเปลี่ยนเมื่อมีความหนาแน่นของประชากรเพิ่มขึ้น โดยตัวผู้จะมีการจัดลำดับความสำคัญในสังคมที่ซับซ้อน ลูกตัวเมียยังคงอาศัยอยู่ในโพรงเป็นกลุ่ม ในขณะที่เมื่อลูกตัวผู้โตพอประมาณแล้วจะออกจากรัง (Prairie vole) มีพฤติกรรมการผสมพันธุ์แบบผัวเดียวเมียเดียว ซึ่งเมื่อสัตว์เลือกคู่ผสมพันธุ์ได้แล้วจะอยู่กับคู่ผสมพันธุ์ตลอดชีวิต ในช่วงเวลานอกฤดูผสมพันธุ์หนูนาแพรรีจะอาศัยเป็นกลุ่มเล็ก โดยตัวผู้ไม่แสดงอาการก้าวร้าวต่อตัวผู้ตัวอื่นจนกว่าเมื่อตัวผู้จะเจอคู่ครอง ซึ่งในเวลานั้นตัวผู้จะป้องกันตัวเมีย อาณาเขต และรังจากตัวผู้อื่น ตัวเมียและตัวผู้จะอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด ทำความสะอาดให้ซึ่งกันและกัน และแบ่งปันหน้าที่ดูแลลูกกับรังด้วยกัน
ในบรรดาสัตว์ฟันแทะที่เป็นสัตว์มีสังคมมากที่สุดคือ ซึ่งอยู่อาศัยกันเป็นฝูงโดยที่มีตัวเมียที่สร้างเป็นระบบเครือญาติในขณะที่ตัวผู้จะกระจายตัวออกจากกลุ่มหลังจากที่หย่านมแม่และอาศัยอย่างแร่รอนเมื่อโตเต็มวัย การร่วมมือของกระรอกดินมีความแตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์ แต่โดยทั่วไปแล้วมักมีการแจ้งเตือนภัย การป้องกันอาณาเขต การแบ่งปันอาหาร การป้องกันพื้นที่บริเวณรัง และการขัดขวางการฆ่าทารก (Black-tailed prairie dog) อยู่อาศัยเป็นฝูงและมีการสร้างโพรงที่มีลักษณะคล้ายเมืองขนาดใหญ่ซึ่งอาจครอบคลุมได้หลายเฮกตาร์ โดยที่แต่ละโพรงจะไม่เชื่อมต่อซึ่งกันและกัน และครอบครองโดยแต่ละอาณาาเขตของครอบครัวที่เรียกว่าหมู่ (coteries) ในแต่ละหมู่มักจะมีหนึ่งตัวผู้ที่โตเต็มวัย สามหรือสี่ตัวเมียที่โตเต็มวัย ลูกที่ยังไม่ผสมพันธุ์และมีอายุหนึ่งปี และลูกของปีนี้ โดยสมาชิกในกลุ่มจะเป็นมิตรซึ่งกันและกันแต่จะแสดงอาการก้าวร้าวกับสมาชิกภายนอก
ตุ่นหนูไร้ขนและ (Damaraland mole-rat) แสดงให้ถึงลักษณะการอยู่กันเป็นฝูงอย่างมาก โดยที่ตุ่นหนูไร้ขนอยู่อาศัยภายใต้ดินตลอดเวลาและสร้างฝูงที่มีสมาชิกมากถึงแปดสิบสมาชิก แต่ทว่ามีเพียงหนึ่งตัวเมียและตัวผู้ได้มากถึงสามตัวในฝูงที่สามารถผสมพันธุ์ ในขณะที่สมาชิกอื่นที่มีขนาดเล็กกว่าเป็นหมันและมีหน้าที่หลักคือทำงาน บางสมาชิกที่มีขนาดปานกลางมีหน้าที่ช่วยเลี้ยงดูตัวอ่อนและทำหน้าที่ผสมพันธุ์แทนเมื่อตัวขยายพันธุ์หลักตาย หนูตุ่นแดมมาร่าแลนด์มีลักษณะเด่นโดยในฝูงจะมีเพียงตัวผู้และตัวเมียอย่างละตัวที่ทำหน้าที่ขยายพันธุ์ ในขณะสมาชิกที่เหลือเป็นหมันอย่างไม่แท้จริงและสามารถผสมพันธุ์ได้ต่อเมื่อสมาชิกนั้นสร้างฝูงใหม่เอง
การสื่อสาร
การรับกลิ่น
สัตว์ฟันแทะมีการวางเครื่องหมายกลิ่นในบริบททางสังคมต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการสื่อสารระหว่างภายในและนอกสายพันธุ์ การก่อตั้งอาณาเขต และการกำหนดทางเคลื่อนที่ ข้อมูลทางพันธุกรรมที่พบจากปัสสาวะของสัตว์ฟันแทะให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวมันเองเช่นเพศ สายพันธุ์ ระดับชั้นทางสังคม สถานการณ์สืบพันธุ์ และสุขภาพ ปัสสาวะของสัตว์ฟันแทะยังมีโปรตีนที่เกาะกับสารประกอบที่ได้จากลุ่มของยีนซึ่งเป็นตัวกำหนดและควบคุมลักษณะของแอนติเจนบนผิวเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการตอบรับหรือปฏิเสธเนื้อเยื้อรวมทั้งการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน (major histocompatibility complex, MHC) พฤติกรรมการวางกลิ่นของสัตว์ฟันแทะสามารถถูกรบกวนได้ด้วยกลิ่นตัวของนักล่าซึ่งอาจจะมีผลยาวนาน (ขั้นต่ำเจ็ดวัน)
สัตว์ฟันแทะสามารถแยกแยะสัตว์ที่อยู่ตระกูลและสายพันธุ์เดียวกันจากสัตว์ต่างตระกูลได้ด้วยกลิ่น ซึ่งสัตว์จะแสดงความเห็นแก่ญาติต่อสัตว์สายตระกูลและสายพันธุ์เดียวกันและหลีกเหลียงการผสมเลือดชิด กลิ่นที่สัตว์ได้รับสามารถมาได้จากมูล ปัสสาวะ และสารที่ขับจากต่อม นอกจากนี้แล้วความสามารถในการแยกแยะนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ MHC โดยที่ระดับความสัมพันธ์ของสัตว์สองตัวจะเกี่ยวข้องกับความคล้ายคลึงกันของยีน MHC การสื่อสารระหว่างสัตว์ต่างสายพันธุ์ควรมีเครื่องหมายกลิ่นที่อยู่คงนานกว่า เพราะฉะนั้นแล้วสัตว์อาจจะใช้โปรตีนหลักในปัสสาวะ (, MUPs) ที่ไม่สามารถระเหยได้เป็นตัวขนส่งฟีโรโมน นอกจากนี้แล้วสัตว์ฟันแทะอาจจะใช้ MUPs ในการส่งสัญญาณบ่งบอกถึงสถานะของตัวเองอย่างเช่น หนูหริ่งบ้านตัวผู้ที่ขับปัสสาวะที่มี MUPs อยู่จำนวนมาก
หนูหริ่งบ้านขับปัสสาวะที่มีฟีโรโมนสำหรับการก่อตั้งอาณาเขต การแยกแยะสมาชิกในกลุ่ม และระดับชั้นทางสังคมบีเวอร์และ (red squirrel) สามารถรับรู้ถึงกลิ่นของสมาชิกในอาณาเขตเพื่อนบ้าน ส่งผลให้มีการตอบสนองต่อการบุกรุกโดยสมาชิกของอาณาเขตเพื่อนบ้านรุนแรงน้อยกว่าสมาชิกต่างถิ่นหรือแปลกหน้า ปรากฏการณ์นี้มีชื่อเรียกว่า
การรับฟัง
สัตว์ฟันแทะหลายชนิดโดยเฉพาะสัตว์สังคมที่หากินตอนกลางวันมีวิธีการแจ้งเตือนภัยที่หลากหลายเมื่อสัตว์รู้สึกอันตราย โดยพฤติกรรมของสัตว์นี้ให้ประโยชน์แก่สัตว์ทั้งโดยตรงและไม่โดยตรง สัตว์ผู้ล่าอาจจะหยุดการล่าเมื่อถูกพบเจอ หรือการแจ้งเตือนให้อพยพ สัตว์หลายพันธุเช่นแพรรีด็อกมีระบบการเตือนภัยผู้ล่าที่ซับซ้อน ซึ่งวิธีการเตือนภัยของแพรรีด็อกจะแตกต่างกันเมื่อพบเจอผู้ล่าแตกต่างพันธุ์ (เช่น สัตว์ปีกหรือสัตว์บก) โดยในแต่ละวิธีการเตือนภัยจะมีข้อมูลที่แม่นยำและระดับความฉุกเฉินเกี่ยวกับภัยอันตราย
สัตว์ฟันแทะที่มีสังคมมีระบบเสียงที่หลากหลายมากกว่าสัตว์ฟันแทะที่อยู่อย่างสันโดษ สิบห้าเสียงที่แตกต่างกันได้ถูกค้นพบใน ที่โตเต็มวัยและลูกสัตว์สี่ตัว เช่นเดียวกับ (common degu) ซึ่งเป็นหนูที่มีสังคมและขุดหลุมอีกชนิดหนึ่ง มีวิธีการสื่อสารที่หลากหลายและเสียงที่มีถึงสิบห้าชนิดด้วยกัน นอกจากนี้แล้วการสื่อสารของมีการใช้เสียงที่มีความถี่สูงเมื่ออยู่ไกลกัน
หนูหริ่งบ้านใช้เสียงที่คนสามารถได้ยินได้และเสียงที่มีความถี่สูงในโอกาสต่าง ๆ โดยเสียงที่คนสามารถได้ยินนั้นมักเป็นเสียงที่หนูใช้เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งอันตราย ในขณะที่เสียงที่มีความถี่สูงถูกใช้สำหรับการหาคู่ผสมพันธุ์และเมื่อลูกหนูหริ่งบ้านตกจากรัง
(โดยส่วนมากจะเป็นหนูบ้าน ) มีเสียงที่สั้นและความถี่สูงเมื่อรู้สึกดีเช่นในเวลาเล่น รอคอยการฉีดมอร์ฟีน ผสมพันธุ์ หรือถูกจักจี้ โดยเสียงของหนูทดลองมีลักษณะคล้ายคลึงกับเสียงหัวเราะและถูกตีความว่าเป็นเสียงการคาดหวังถึงสิ่งที่ทำให้มีความสุข จากการศึกษาในคลินิกเสียงนี้ของหนูทดลองมีความสัมพันธ์กับความรู้สึกทางอารมณ์ในเชิงบวกและการสร้างมิตรภาพเมื่อถูกจักจี้ ซึ่งส่งผลให้หนูทดลองมีความแสวงหาการถูกจักจี้มากขึ้น แต่ทว่าเมื่ออายุของหนูเพิ่มขึ้นความต้องการนั้นลดลง เช่นเดียวกับเสียงของสัตว์ฟันแทะอื่น เสียงของหนูทดลองมีความถี่ที่สูงมากเกินกว่าที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้ถ้าไม่มีอุปกรณ์พิเศษเช่น
การมองเห็น
สัตว์ฟันแทะมีความเหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่มีสายรกยกเว้นสัตว์ในอันดับวานร ตรงที่มีเซลล์รับแสงรูปกรวยในจอตาอยู่สองชนิดคือแบบความยาวคลื่นสั้น (สีน้ำเงิน-แสงอัลตราไวโอเลต) และแบบความยาวปานกลาง (สีเขียว) เพราะฉะนั้นสัตว์ฟันแทะถือว่าอยู่ในกลุ่มสัตว์ที่มีตัวรับสีสองแบบ แต่ทว่าสัตว์ฟันแทะมีตัวรับแสงที่ไวต่อสเปกตรัมของแสงอัลตราไวโอเลต ซึ่งสามารถให้สัตว์ฟันแทะเห็นแสงที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ โดยข้อมูลเกี่ยวกับความไวต่อแสงอัลตราไวโอเลตยังไม่เป็นที่แน่ชัด ในกรณีของ (common degu) มีท้องที่สามารถสะท้อนแสงอัลตราไวโอเลตได้มากกว่าผิวบนหลัง เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อหนูเดกูรู้สึกตื่นตระหนก ส่งผลให้หนูเดกูยืนขึ้นด้วยขาหลังซึ่งทำให้หน้าท้องของมันเปิดเผยและสะท้อนแสงอัลตราไวโอเลตไปยังหนูตัวอื่นเพื่อส่งสัญญาณเตือนภัย ในทางกลับกันเมื่อหนูเดกูยืนด้วยสี่ขาการสะท้อนแสงอัลตราไวโอเลตจะลดลง ซึ่งลดโอกาสของสัตว์ผู้ล่าในการพบเจอหนูเดกู แสงอัลตราไวโอเลตมีมากในช่วงกลางวันแต่ไม่ใช่ช่วงกลางคืน สัตว์ฟันแทะส่วนมากจะตื่นตัวในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและลงซึ่งมีประโยชน์กับสัตว์ฟันแทะมากเพราะเป็นช่วงที่อัตราการการเพิ่มของแสงอัลตราไวโอเลตจะมากขึ้น ในขณะที่ความสามารถในการสะท้อนแสงอัลตราไวโอเลตอาจจะไม่มีประโยชน์มากสำหรับสัตว์ฟันแทะที่ออกหากินตอนกลางคืน
ปัสสาวะของสัตว์ฟันแทะสามารถสะท้อนแสงอัลตราไวโอเลตเป็นอย่างดี เพราะเหตุนี้ปัสสาวะอาจจะสามารถใช้ในการสื่อสารระหว่างสัตว์ฟันแทะทางทั้งกลิ่นและการมองเห็น แต่ทว่าอัตราการสะท้อนแสงอัลตราไวโอเลตของปัสสาวะจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งอาจจะให้โทษให้แก่สัตว์ฟันแทะเพราะเหยี่ยวเคสเตรลสามารถแยกแยะหว่างเครื่องหมายกลิ่นปัสสาวะของสัตว์ฟันแทะที่ใหม่และเก่าได้ ซึ่งเพิ่มความสำเร็จในการล่าของเหยี่ยวถ้าปัสสาวะของสัตว์ฟันแทะนั้นยังใหม่
การวางแผน
สัตว์ฟันแทะใช้การสั่นสะเทือนเป็นการส่งสัญญาณให้กับสัตว์สายพันธุ์เดียวกันเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำของสัตว์ตัวหนึ่ง การแจ้งเตือนถึงภัยอันตรายและการมาผู้ล่า การดูแลฝูงหรือญาติ และการเกี้ยวพาราสี (Middle East blind mole rat) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตัวแรกที่ถูกพบเจอว่ามี (seismic communication) โดยที่หนูตุ่นไร้ขนนี้จะกระแทกหัวตัวเองเข้ากับกำแพงในโพรงของมัน โดยตอนแรกการกระทำนี้ถูกตีความว่าเป็นหนึ่งในพฤติกรรมการขุดโพรงของหนูตุ่นไร้ขน แต่ทว่านักสัตววิทยาค้นพบตอนหลังว่าการกระทำนี้ใช้เป็นการสื่อสารทางไกลกับหนูตุ่นไร้ขนตัวอื่น
การสร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยเท้าถูกใช้ส่วนมากเพื่อเป็นการเตือนนักล่าหรือการป้องกันตัวเอง ซึ่งพฤติกรรมนี้ใช้โดยสัตว์ที่อาศัยอยู่ใต้ดินหรือกึ่งใต้ดินเป็นหลัก (banner-tailed kangaroo rat) สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยเท้าในหลายรูปแบบในแต่ละโอกาสเช่น เมื่อพบเจองู การสร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยเท้าอาจจะเตือนภัยแก่ลูกของหนูจิงโจ้ได้ แต่ทว่าสาเหตุหลักของการกระทำนี้คือการแสดงให้งูเห็นว่าหนูจิงโจ้ตื่นตระหนกเกินกว่าที่งูจะสามารถล่าหนูได้อย่างสำเร็จ ซึ่งทำให้งูนั้นล้มเลิกการล่า หลายการศึกษาพบว่า (Cape mole rat) มีการใช้สำหรับการหาคู่ผสมพันธุ์ โดยการสร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยเท้าจะถูกใช้เมื่อมีการแข่งขันในหมู่ตัวผู้เพื่อแย่งตัวเมีย ตัวผู้ที่แข็งแรงกว่าจะแสดงศักยภาพในการสร้างแรงสั่นสะเทือน เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ทางกายภาพกับคู่แข่งที่สามารถสร้างการบาดเจ็บให้ทั้งสองฝั่งได้
กลยุทธ์การผสมพันธุ์
สัตว์ฟันแทะบางชนิดมีลักษณะการผสมพันธุ์แบบผัวเดียวเมียเดียว ซึ่งมีสองรูปแบบหลัก โดยในรูปแบบแรก (obligate monogamy) ทั้งพ่อและแม่จะดูแลลูกและมีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิตอยู่ของลูก พฤติกรรมนี้มีประโยชน์เนื่องจากตัวผู้ลดโอกาสในการที่ไม่เจอคู่ผสมพันธุ์ตัวใหม่หรือผสมพันธุ์กับตัวเมียที่เป็นหมัน สัตว์อันดับฟันแทะที่ใช้รูปแบบนี้คือ (California mouse) (Oldfield mouse) (Malagasy giant rat) และบีเวอร์ ในขณะที่รูปแบบที่สอง (facultative monogamy) ตัวผู้ไม่สามารถดูแลลูกและจะอยู่กับตัวเมียเพียงตัวเดียวเพราะไม่สามารถหาตัวเมียใหม่ได้เนื่องจากการอยู่อย่างกระจัดกระจาย ตัวอย่างของสัตว์ฟันแทะที่ใช้รูปแบบนี้คือ (Prairie vole) โดยที่ตัวผู้จะอยู่ในบริเวณรังและมีหน้าที่ป้องกันตัวเมียและลูกจากผู้ล่า
สัตว์ฟันแทะชนิดอื่นมีพฤติกรรมการผสมพันธุ์แบบ โดยตัวผู้จะผสมพันธุ์กับตัวเมียหลายตัว พฤติกรรมนี้แบ่งออกเป็นสองชนิดหลัก โดยชนิดแรก (defense polygyny) ตัวผู้จะครอบครองอาณาเขตที่มีทรัพยากรมากเพื่อดึงดูดตัวเมีย สัตว์กลุ่มที่มีพฤติกรรมลักษณะแรกได้แก่ (Yellow-bellied marmot) (California ground squirrel) (Columbian ground squirrel) (Richardson's ground squirrel) ตัวผู้ที่ปกครองอาณาเขตนั้นถือว่าเป็น “พ่อบ้าน” ในขณะที่ตัวเมียที่อาศัยในอาณาเขตนั้นถือว่าเป็น “แม่บ้าน” ในกรณีของมาร์มอต ตัวผู้ที่เป็นพ่อบ้านจะสู้เพื่ออาณาเขตของตัวเองและชนะผู้บุกรุกตัวผู้เป็นบ่อยครั้ง สัตว์ฟันแทะบางชนิดปกป้องตัวเมียที่เป็นแม่บ้านโดยตรงและการต่อสู้อาจจะก่อความบาดเจ็บสาหัสแก่ทั้งสองฝั่ง ในขณะที่พฤติกรรมแบบที่สอง (non-defense polygyny) ตัวผู้จะไม่อยู่เป็นหลักเป็นฐานแต่จะเดินเรื่อย ๆ เพื่อหาตัวเมียที่จะครองครอง ตัวผู้เหล่านี้มีลำดับชั้นทางสังคม โดยที่ตัวผู้ที่มีลำดับชั้นสูงจะมีโอกาสเข้าถึงตัวเมียมากกว่าตัวผู้ที่มีลำดับชั้นต่ำ พฤติกรรมเกิดขึ้นในกลุ่มสัตว์ฟันแทะเช่น (Belding's ground squirrel) และกระรอกต้นไม้บางชนิด
พฤติกรรมความสำส่อนเกิดขึ้นในทั้งตัวผู้และตัวเมียของสัตว์ฟันแทะบางชนิด ในกรณีของ (White-footed mouse) ตัวเมียจะมีลูกหลายตัวที่มาจากต่างพ่อ พฤติกรรมความสำส่อนก่อให้เกิดการแข่งขันทางอสุจิโดยตัวผู้มักจะมีอัณฑะที่ใหญ่ ในกรณีของกระรอกดินเคป (Cape ground squirrel) อัณฑะของตัวผู้อาจจะมีความยาวได้ถึงร้อยละ 20 ของความยาวหัวจรดตัว สัตว์ฟันแทะบางชนิดมีพฤติกรรมการเลือกคู่ผสมพันธุ์ที่ไม่ตายตัวซึ่งสามารถมีได้ทั้งแบบผัวเดียวเมียเดียว ผัวเดียวหลายเมีย และสำส่อน
ตัวเมียของสัตว์ฟันแทะมีบทบาทสำคัญในการเลือกคู่ผสมพันธุ์ โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลกับการตัดสินใจของตัวเมียได้แก่ ขนาดตัว อันดับทางสังคม และการเคลื่อนไหวของตัวผู้ ในกรณีของหนูตุ่นที่มีลักษณะทางสังคมแบบหนึ่งตัวเมียของฝูงทำหน้าที่สืบพันธุ์ในขณะที่ตัวเมียตัวอื่นมีหน้าที่ดูแลเด็ก หนึ่งตัวเมียจะปกครองฝูงและผสมพันธุ์กับตัวผู้อย่างน้อยสามตัว
ในสัตว์ฟันแทะหลายชนิดเช่น หนูบ้านและหนูหริ่งบ้าน มีวงจรการตกไข่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่สัตว์ฟันแทะชนิดอื่นเช่น หนูนา (Vole) การเริ่มผสมพันธุ์จะกระตุ้นวงจรการตกไข่ ในระหว่างที่ผสมพันธุ์ตัวผู้ของสัตว์ฟันแทะบางชนิดจะวาง (mating plug) บนทางเปิดของอวัยะเพศของตัวเมีย ซึ่งจะป้องกันการรั่วไหลของอสุจิและป้องกันไม่ให้ตัวผู้อื่นฉีดอสุจิให้ตัวเมีย ตัวเมียสามารถนำแท่งกันชู้ออกได้เลยหรือหลายชั่วโมงหลังจากการผสมพันธุ์
การเกิดและการเลี้ยงดู
สัตว์ฟันแทะอาจจะเกิดมาเป็นตัวอ่อนที่ไม่สมบูรณ์ (มีขนน้อยและไม่สามารถมองเห็นได้) หรือตัวอ่อนที่สมบูรณ์ (มีขนมากและมองเห็นได้) ขึ้นอยู่กับชนิดของสัตว์ โดยส่วนมากกระรอกและหนูจะออกลูกเป็นตัวอ่อนที่ไม่สมบูรณ์ ในขณะที่หนูตะเภาและเม่นจะออกลูกเป็นตัวอ่อนที่สมบูรณ์ โดยทั่วไปตัวเมียของสัตว์ที่ออกลูกไม่สมบูรณ์จะสร้างรังอย่างปณีตก่อนที่จะออกลูก ต่อมาตัวเมียจะดูแลลูกจนกว่าลูกจะ ตัวเมียจะออกลูกโดยการนั่งหรือนอนลงและลูกจะออกออกมาในทางที่ตัวเมียหันหน้า ลูกที่เกิดมาใหม่นั้นสามารถเดินทางออกจากรังเมื่อสามารถเห็นได้แล้วและจะกลับยังรังบ่อยครั้ง จนกระทั่งเมื่อลูกโตและพัฒนามากขึ้นลูกจะกลับมายังรังน้อยลง เมื่อลูกหย่านม ลูกจะออกจากรังอย่างถาวร
ในสัตว์ที่ออกตัวอ่อนที่สมบูรณ์ ตัวเมียมักจะไม่ค่อยสร้างรังที่ละเอียดและซับซ้อนมากในขณะที่ตัวเมียบางตัวไม่สร้างรังเลย ตัวเมียจะยืนระหว่างออกลูกและลูกจะออกมาทางด้านหลังของตัวเมีย ตัวเมียของสัตว์ที่ออกลูกที่สมบูรณ์สามารถรักษาการติดต่อกับลูกที่เคลื่อนไหวได้ด้วยเสียงเรียกของแม่ ถึงแม้ว่าลูกจะสามารถอยู่รอดได้ด้วยตัวเองและหย่านมแล้ว ลูกยังคงถูกดูแลโดยแม่ต่อไป ตัวเมียออกจำนวนลูกต่อหนึ่งคอกแตกต่างกัน โดยตัวเมียที่ออกลูกน้อยจะใช้เวลาอยู่ในรังมากกว่าตัวเมียที่ออกลูกเยอะ
ตัวเมียของสัตว์ฟันแทะสามารถดูแลลูกทั้งแบบโดยตรงเช่น การทำความสะอาดตัวและการขดตัวอยู่ใกล้ ๆ และแบบทางอ้อมเช่น การหาอาหาร หาสร้างรัง และการปกป้องลูก ในหลายสัตว์ฟันแทะที่มีสังคม ลูกอาจจะถูกดูแลโดยสัตว์ตัวอื่นนอกเหนือจากพ่อแม่ของมัน ซึ่งเป็นการกระทำที่เรียกว่า (alloparenting) หรือ โดยพฤติกรรมการดูแลนี้เกิดขึ้นกับ (Black-tailed prairie dog) และ (Belding's ground squirrel) โดยที่ตัวเมียหลายตัวจะสร้างหลายรังและใช้ร่วมกันเพื่อดูแลทั้งลูกของตัวเองและลูกของตัวอื่น พฤติกรรมนี้ก่อให้เกิดคำถามที่ว่าแม่เหล่านี้สามารถแยกแยะระหว่างลูกของตัวเองจากของตัวอื่นได้หรือไม่ ในกรณีของ (Patagonian Mara) ลูกจะอยู่ในรังที่แบ่งปันกับลูกของตัวอื่นด้วยกัน แต่ทว่าแม่จะไม่อนุญาตให้ลูกสัตว์ของตัวอื่นดูแลลูกนอกเหนือจากของตัวเอง
พฤติกรรมเกิดขึ้นในสัตว์ฟันแทะหลายชนิด และอาจจะมีในสัตว์เต็มวัยชนิดเดียวกันทั้งตัวผู้และตัวเมีย ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมอาจจะมีได้ทั้งความเครียดด้านอาหาร การแข่งขันด้านทรัพยากรอาหาร หลีกเลี่ยงการดูแลที่ผิดผลาด และในกรณีของตัวผู้ ทำให้ตัวเมียพร้อมที่จะผสมพันธุ์อีกครั้ง โดยเหตุผลอันดับสุดท้ายเกิดขึ้นบ่อยครั้งในสัตว์อันดับวานรและสิงโต แต่น้อยครั้งในสัตว์อันดับฟันแทะ พฤติกรรมการฆ่าเด็กอ่อนเกิดขึ้นบ่อยครั้งใน (Black-tailed prairie dog) ซึ่งรวมถึงการฆ่าเด็กอ่อนโดยผู้บุกรุกที่เป็นตัวผู้ ผู้อพยพที่เป็นตัวเมีย และพฤติกรรมการกินลูกตัวเองของสัตว์ ตัวเมียมีการป้องการฆ่าเด็กอ่อนจากสัตว์เต็มวัยตัวอื่นโดยอาจจะแสดงอาการก้าวร้าวต่อสัตว์ตัวนั้น ผสมพันธุ์หลายครั้ง ป้องกันอาณาเขตของตัวเอง หรือการออกลูกก่อนกำหนด พฤติกรรมเกิดขึ้นในสัตว์ฟันแทะเช่นกัน ในกรณีของ (Alpine marmot) ตัวเมียที่มีอันดับทางสังคมที่สูงจะข่มการผสมพันธุ์ของตัวเมียตัวอื่นโดยแสดงอาการไม่เป็นมิตรต่อตัวเมียตัวอื่นในระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลให้เกิดการแท้งของทารกในครรภ์
สติปัญญา
สัตว์ฟันแทะมีความฉลาดที่สูง สัตว์ฟันแทะมักจะไม่กินอาหารที่แปลกใหม่ (สะท้อนกับการปรับตัวของสัตว์ฟันแทะที่ไม่สามารถอาเจียนอาหาร) แต่จะชิม รอและสังเกตว่าอาหารที่กินทำให้ตัวสัตว์เองหรือสัตว์อื่นป่วยหรือไม่ การที่สัตว์ฟันแทะสามารถเรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงเหยื่ออาหารที่เป็นพิษทำให้เป็นสัตว์ก่อความวุ่นวายที่ยากต่อการกำจัด หนูตะเภาสามารถเรียนรู้และจำเส้นทางที่ซับซ้อนไปยังอาหาร กระรอกและหนูจิงโจ้สามารถค้นหาตำแหน่งของอาหารได้ด้วยความจำเกี่ยวกับสถานที่นอกเหนือจากการดมกลิ่น
ความรู้เกี่ยวกับความฉลาดของสัตว์ฟันแทะมีความก้าวหน้ามากขึ้นเนื่องจากการนำหนูหริ่งบ้านและหนูบ้านมาเป็นสัตว์ทดลอง หนูบ้านมีอคติทางการตัดสินใจ โดยการประมวลผลข้อมูลจะเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาวะทางจิตใจ ตัวอย่างเช่นเมื่อหนูทดลองถูกฝึกให้ตอบสนองต่อโทนเสียงเฉพาะโดยการกดคันโยกเพื่อรับรางวัลและกดคันโยกอื่นเมื่อได้ยินอีกโทนเสียงเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกไฟฟ้าช็อต หนูทดลองตัวนั้นจะต่อสอบสนองต่อเสียงที่อยู่ระหว่างโทนเสียงทั้งสองโดยการกดคันโยกที่ได้รับรางวัลมากกว่าเมื่อหนูตัวนั้นได้ถูกจักจี้ (สิ่งที่หนูชอบ) การทดลองนี้ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสภาวะจิตใจที่ดีและการตัดสินใจเมื่อพบเจอสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของสัตว์ทดลอง
นอกจากนี้แล้วหนูบ้านอาจจะมี (metacognition) ซึ่งหมายถึงการตระหนักถึงการเรียนรู้ของตัวเองและตัดสินใจด้วยความรู้ที่มีหรือไม่มี โดยความคิดนี้สนับสนุนโดยผลการทดลองเกี่ยวกับการตัดสินใจของหนูบ้านเกี่ยวกับการเลือกหน้าที่ที่ง่ายกว่าและมีรางวัลสูง ซึ่งทำให้หนูเป็นสัตว์ที่สองหลังจากสัตว์อันดับวานรที่มีความสามารถนี้ แต่ทว่าผลการทดลองนี้มีข้อโต้แย้งอยู่เป็นจะนวนมากเนื่องจากหนูทดลองอาจจะเพียงทำตามที่ (operant conditioning principles) หรือโมเดลเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม หนูบ้านใช้ความสามารถในการเรียนรู้สังคมในสถานการณ์หลายอย่างโดยเฉพาะการแสวงหาอาหารที่ชอบ
การจัดจำแนกและวิวัฒนาการ
ประวัติวิวัฒนาการ
การเรียงของฟัน (Dentition) เป็นลักษณะสำคัญในการจำแนกฟอสซิลของสัตว์ฟันแทะจากฟอสซิลของสัตว์ชนิดอื่น โดยฟอสซิลสัตว์ฟันแทะที่เก่าแก่ที่สุดที่เคยบันทึกมาจากสมัยสมัยพาลีโอซีนซึ่งเป็นช่วงหลังจากการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ที่ไม่ใช่นกเมื่อ 66 ล้านปีทีแล้ว ฟอสซิลเหล่านี้ถูกพบเจอ ณ มหาทวีปลอเรเชีย ซึ่งรวมทวีป ณ ปัจจุบันได้แก่ ทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย กลิเรสเป็นเคลดที่รวมอันดับสัตว์ฟันแทะและอันดับกระต่ายไว้ด้วยกัน โดยเคลดนี้แบ่งแยกออกจากเชื้อสายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในไม่กี่ล้านปีหลังจาก Cretaceous-Tertiary boundary ต่อมาสัตว์ฟันแทะและกระต่ายจึงแพร่มีความหลากหลายทางสายพันธุ์ที่มากขึ้นในช่วงมหายุคซีโนโซอิก ผลข้อมูลจาก (molecular clock data) ชี้ให้เห็นว่าสัตว์ฟันแทะ ณ ปัจจุบันโพร่ขึ้นมาจากปลายยุคครีเทเชียส แต่ทว่าการคาดการณ์ของงานวิจัยอื่นตรงกับการบันทึกของฟอสซิลมากกว่า (สมัยพาลีโอซีน)
สัตว์ฟันแทะถูกเชื่อว่ามีแหล่งกำเนิดในเอเชีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่สัตว์ ได้รับผลกระทบอย่างมากเนื่องจากเหตุการณ์การสูญพันธุ์ยุคครีเทเชียส–พาลีโอจีน และไม่เคยฟื้นฟูกลับได้ไม่เหมือนเดิมซึ่งไม่เหมือนกับญาติของมันในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป อันเป็นผลจากการที่ระบบนิเวศได้ผลกระทบจากเหตุการณ์การสูญพันธุ์ เปิดโอกาสให้สัตว์ฟันแทะและสมาชิกในเคลดกลิเรสมีวิวัฒนาการและสามารถกระจายพันธุ์ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างการแพร่กระจายของสัตว์ฟันแทะและการสูญพันธุ์ของ multituberculates เป็นหัวข้อที่มีการถกเถียงเป็นอย่างมาก ความหลากหลายทางชีวภาพของ multituberculates อเมริกันและยุโรปลดลงเมื่อมีการนำเข้าของสัตว์อันดับฟันแทะในพื้นที่นี้ แต่ทว่า multituberculates จากทวีปเอเชียยังคงหลงเหลืออยู่และอาศัยรวมกันกับสัตว์ฟันแทะอย่างน้อย 15 ล้านปี
ประวัติศาสตร์การปกครองทวีปบนโลกโดยสัตว์ฟันแทะมีความซับซ้อน การแพร่กระจายของวงศ์ใหญ่ (รวมสัตว์เช่น แฮมสเตอร์ เจอร์บิล หนูที่แท้จริง) อาจจะรวมถึง 7 พื้นที่ในทวีปแอฟริกา 5 พื้นที่ในทวีปอเมริกาเหนือ 4 พื้นที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2 พื้นที่ในทวีปอเมริกาใต้ และมากถึง 10 พื้นที่ในทวีปยูเรเชีย
ความหลากหลายทางสายพันธุ์ของสัตว์ฟันแทะเพิ่มในสมัยอีโอซีน บีเวอร์มีต้นกำเนิดอยู่ ณ ทวีปยูเรเซียในปลายสมัยอีโอซีนก่อนที่จะแพร่กระจายถิ่นฐานไปยังทวีปอเมริกาเหนือในปลายสมัยไมโอซีน กลุ่มของเม่นโลกเก่า () คาดการว่ามีต้นกำเนิด ณ ทวีปเอเชียเมื่อ 39.5 ล้านปีที่แล้วและเริ่มที่จะแพร่กระจายในทวีปแอฟริกาในช่วงปลายอีโอซีน ฟอสซิลจากแอฟริกาบ่งบอกว่าสัตว์บางชนิดจากกลุ่มเม่นโลกเก่า (Caviomorpha) ปกครองทวีปอเมริกาใต้ซึ่งตอนนั้นเป็นทวีปสันโดษ โดยสัตว์เหล่านี้เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกโดยลอยตามกระแสน้ำมาพร้อมกับเศษขยะ มาถึงยังทวีปอเมริกาใต้เมื่อ 41 ล้านปีที่แล้วและถึงเกรตเตอร์แอนทิลลีสเมื่อต้น ซึ่งบงบอกว่าสัตว์กลุ่มนี้แพร่กระจายอย่างต่อเนื่องบนทวีปอเมริกาใต้
ถูกเชื่อว่าเดินทางจากทวีปแอฟริกาไปยังมาดากัสการ์เมื่อประมาณ 20-24 ล้านปีที่แล้ว 27 ชนิดหมดของคาดว่าน่าจะสืบทอดมาจากเหตุการณ์การปกครองครั้งเดียว
ฟอสซิลที่เป็นของกลุ่มสัตว์เช่น วงศ์ Muridae เริ่มที่จะเกิดขึ้นเมื่อ 20 ล้านปีที่แล้ว ในสมัยไมโอซีนเมื่อทวีปแอฟริกาเชื่อมกับทวีปเอเชีย สัตว์ฟันแทะทวีปแอฟริกาเช่น เม่น เริ่มที่จะแพร่กระจายประชากรใน ฟอสซิลของสัตว์บางชนิดมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับสัตว์ฟันแทะในยุคปัจจุบันรวมถึง (Castoroides ohioensis) ซึ่งสามารถโตและมีความยาวไดถึง 2.5 เมตรและมีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม สัตว์ฟันแทะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ ซึ่งเป็น (pacarana) ที่มีความยาวตัวได้ถึง 3 เมตร
สัตว์ฟันแทะตัวแรกที่ถึงทวีปออสเตรเลียมาจากอินโดนีเซียเมื่อ 5 ล้านปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าสัตว์ที่มีกระเป๋าหน้าท้องจะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นรู้จักเมื่อพูดถึงทวีปออสเตรเลีย สัตว์ฟันแทะหลายชนิดซึ่งทั้งหมดอยู่ใน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมท้องถิ่นที่สำคัญ โดยจะมีสัตว์ฟันแทะมีประมาณ 50 ชนิดที่ถือว่าเป็น “สมาชิกท้องถิ่นเก่า” โดยในกลุ่มแรกของสัตว์ฟันแทะปกครองทวีปออสเตรเลียเมื่อสมัยไมโอซีนหรือต้นสมัยไพลโอซีน ในขณะที่หนูที่แท้จริง 8 ชนิดซึ่งถือว่าเป็น “สมาชิกท้องถิ่นใหม่” มาปกครองทวีปออสเตรเลียเป็นกลุ่มที่สองในช่วงปลายสมัยไพลโอซีนหรือต้นสมัยไพลสโตซีน ฟอสซิลที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในทวีปออสเตรเลียมีอายุได้มากถึง 4.5 ล้านปีและข้อมูลจากการศึกษาระดับโมเลกุลตรงกับการปกครองเกาะนิวกินีช่วงตะวันตกเมื่อช่วงปลายสมัยไมโอซีนหรือต้นสมัยไพลโอซีนและตามมาด้วยการเพิ่มขึ้นของความหลากหลายทางชีวิต การแผ่ขยายของการปรับตัวเกิดขึ้นอีกรอบเมื่อหลักจากการปกครองทวีปออสเตรเลียหนึ่งครั้งหรือมากกว่าเมื่อ 2-3 ล้านปีต่อมา
สัตว์ฟันแทะมีบทบาทสำคัญเมื่อมีการเกิดขึ้นของ ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อกันของทวีปอเมริกาใต้และเหนือด้วยแผ่นดินคอคอดปานามาเมื่อ 3 ล้านปีที่แล้วใน โดยการเชื่อมต่อนี้ทำให้กลุ่มของสัตว์จำนวนน้อยเช่น เม่นโลกใหม่ (Erethizontidae) เดินทางไปยังอเมริกาเหนือ ในทางกลับกันการบุกรุกไปยังทางใต้ของ เกิดขึ้นไม่กี่ล้านปีก่อนที่ทวีปทั้งสองจะเชื่อมกันโดยสัตว์กลุ่มนี้เดินทางโดยวิธีการล่องแพ Sigmodontinae กระจายตัวและเพิ่มความหลากหลายเป็นอย่างมากเมื่อถึงทวีปอเมริกาใต้ แต่ทว่าการหลากหลายของสัตว์กลุ่มนี้เกิดขึ้นบนอเมริกากลางแล้วก่อนการปกครองทวีปอเมริกาใต้ เนื่องจากการปกครองของสัตว์กลุ่มนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ระยะต้น ๆ ส่งผลให้สัตว์ฟันแทะทวีปอเมริกาเหนือเช่น sciurids geomyids heteromyids และ nonsigmodontine cricetids มีกลุ่มประชากรน้อยในสัตว์ทวีปอเมริกาใต้
การจัดจำแนกมาตรฐาน
ชื่อกลุ่ม “สัตว์ฟันแทะ (rodentia)” เริ่มใช้โดยนักเดินทางและนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ (ค.ศ.1821) คำภาษาลาตินยุคปัจจุบันว่า “Rodentia” มีรากฐานมาจากคำกริยาปัจจุบัน “rodere” ซึ่งแปลว่า “แทะ” หรือ “กัดกิน” กระต่ายป่า กระต่าย และพิกา (อันดับกระต่าย) มีฟันดัดหน้าที่เติบโตเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับสัตว์ฟันแทะ และเคยถูกนับว่าอยู่อันดับเดียวกัน แต่ทว่าสมาชิกในอันดับกระต่ายมีฟันดัดหน้าอีกคู่บนฟันกรามบน และทั้งสองอันดับต่างมีประวัติวิวัฒนาการที่แตกต่าง เนื่องจากวงศ์วานวิวัฒนาการของอันดับสัตว์ฟันแทะ จึงทำสัตว์ฟันแทะถูกจัดอยู่ในเคลดซึ่งรวมอันดับใหญ่ และ แผนผังเคลดด้านล่างข้อความนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกของอันดับสัตว์ฟันแทะ อ้างอิงจาก Wu และคณะ (ค.ศ. 2012) ซึ่งใช้ข้อมูลจากการศึกษาเชิงวงศวานวิวัฒนาการระดับโมเลกุลและบรรพชีวินวิทยา:
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
วงศ์ของอันดับสัตว์ฟันแทะที่ยังมีชีวิตอยู่ อ้างอิงจากงานวิจัยโดย Fabre และคณะ (ค.ศ. 2012)
Rodentia classification | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อันดับสัตว์ฟันแทะสามารถแยกเป็น อันดับย่อย อันดับฐาน วงศ์ใหญ่ และวงศ์ และเกิดขึ้นบ่อยครั้งในอันดับสัตว์ฟันแทะเนื่องจากสมาชิกเหล่านี้มักที่จะวิวัฒนาการให้มีบทบาทคล้ายกัน วิวัฒนาการแบบขนานที่เกิดขึ้นมีทั้งโครงสร้างฟัน และบริเวณรอบกะโหลก (ใต้เบ้าตา) ซึ่งทำให้ยากต่อการจัดแจงเนื่องจากลักษณะที่เหมือนกันอาจจะไม่เกิดจากการมีบรรพบุรุษเหมือนกัน (ค.ศ. 1855) เป็นนักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมันคนแรกที่เสนอให้แบ่งอันดับสัตว์ฟันแทะเป็นสามอันดับย่อย Sciuromorpha Hystricomorpha และ Myomorpha โดยมีพื้นฐานข้อมูลมาจากการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อกรามบางมัดและทำให้ระบบการจัดแยกนี้เป็นที่ยอมรับในเวลานั้น Schlosser (ค.ศ. 1884) ได้ทำการวิจัยแบบครอบคลุมกับฟอสซิลของสัตว์ฟันแทะ โดยส่วนใหญ่ใช้ฟันกรามและพบว่าตรงกับการจัดเรียงอันดับสัตว์ตอนนั้น แต่ทว่า Tullborg (ค.ศ. 1899) เสนอการจัดเรียงอันย่อยของสัตว์ฟันแทะใหม่เป็น Sciurognathi and Hystricognathi โดยมีพื้นฐานข้อมูลจาก Inflection ของกรามล่าง และต่อมาแบ่งเป็นอันดับย่อยเพิ่มเติมเป็น Sciuromorpha Myomorpha Hystricomorpha และ Bathyergomorpha แมทธิว (ค.ศ. 1910) คิดค้นของสัตว์ฟันแทะโลกใหม่แต่ไม่รวมกับสัตว์ฟันแทะโลกเก่าที่มีปัญหามาก การจัดเรียงอันดับย่อยของสัตว์ฟันแทะยังคงดำเนินต่อไปโดยที่ยังไม่มีข้อตกลง โดยบางผู้แต่งยังคงใช้ระบบสามอันดับย่อย ในขณะที่ผู้แต่งท่านอื่นใช้ระบบ Tullborg แบบสองอันดับย่อย
ข้อถกเถียงของการจัดอันย่อยของอันดับสัตว์แทะยังคงดำเนินต่อไปและข้อมูลจากการศึกษาเชิงวงศวานวิวัฒนาการระดับโมเลกุล (Molecular phylogenetics) ยังไม่สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ แต่ทว่าข้อมูลนี้ยืนยันว่ากลุ่มอันดับสัตว์ฟันแทะมาจาก (monophyly) และมีบรรพบุรุษ ณ สมัยพาลีโอซีน Carleton and Musser (ค.ศ. 2005) จาก Mammal Species of the World ใช้ระบบห้าอันดับย่อยที่ยังคงรอคอยการยืนยัน Sciuromorpha Castorimorpha Myomorpha Anomaluromorpha และ Hystricomorpha โดยระบบนี้มี 33 วงศ์ 481 สกุล และ 2277 สปีชีส์
อันดับสัตว์ฟันแทะ (จากคำในภาษาละติน rodere แปลว่าแทะ)
- อันดับย่อย
- วงศ์ : กระรอกหางเกล็ด (scaly-tailed squirrel)
- วงศ์ : (springhare)
- อันดับย่อย
- วงศ์ใหญ่
- วงศ์ : บีเวอร์
- วงศ์ใหญ่
- วงศ์ : โกเฟอร์พ็อกเก็ต (pocket gopher)
- วงศ์ : (kangaroo rats & kangaroo mouse)
- วงศ์ใหญ่
- อันดับย่อย Hystricomorpha
- วงศ์ : หนูหิน
- อันดับฐาน
- วงศ์ : (gundi)
- อันดับฐาน
- วงศ์ : (African mole rat)
- วงศ์ Hystricidae: เม่นโลกเก่า (Old World porcupine)
- วงศ์ : Dassie rat
- วงศ์ : cane rat
- Parvorder
- วงศ์ †: giant hutia
- วงศ์ : หนูชินชิลลา (chinchilla rat)
- วงศ์ : hutia
- วงศ์ : cavies รวมถึงหนูตะเภาและแคพิบารา
- วงศ์ : (chinchilla) และ
- วงศ์ : (tuco-tuco)
- วงศ์ Dasyproctidae: (agouti)
- วงศ์ : (paca)
- วงศ์ : (pacarana)
- วงศ์ : หนูขนเสี้ยน
- วงศ์ Erethizontidae: เม่นโลกใหม่ (New World porcupine)
- วงศ์ Myocastoridae: นากหญ้า
- วงศ์ : octodont
- อันดับย่อย
- วงศ์ใหญ่
- วงศ์ : (jerboa) และ (jumping mouse)
- วงศ์ใหญ่
- วงศ์ : mouse-like hamster
- วงศ์ Cricetidae: แฮมสเตอร์ (New World rat and mouse) มัสคแร็ต (muskrat) หนูนา (vole) เลมมิ่ง (lemming)
- วงศ์ Muridae: เจอร์บิล (gerbil) หนูขนเสี้ยน (crested rat)
- วงศ์ : หนูปีน (climbing mouse) หนูหิน (rock mouse) หนูหางขาว (white-tailed rat) หนูมาลากาซี (Malagasy rat)
- วงศ์ : (spiny dormouse)
- วงศ์ Spalacidae: หนูตุ่น (mole rat) อ้น
- วงศ์ใหญ่
- อันดับย่อย
ปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์
การอนุรักษ์
ถึงแม้ว่ากลุ่มสัตว์ฟันแทะเป็นกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ไม่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก 168 สปีชีส์ใน 126 สกุลของสัตว์ฟันแทะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต้องได้รับการปกป้อง เนื่องจากร้อยละ 76 ของสกุลของอันดับสัตว์ฟันแทะจะมีเพียงแค่หนึ่งสปีชีส์ต่อสกุล ความหลากหลายด้านวงศ์วานวิวัฒนาการอาจจะขาดหายมากถึงแม้ว่าจะมีสัตว์สูญพันธุ์เป็นจำนวนน้อย เนื่องจากไม่มีข้อมูลที่รายละเอียดของสปีชีส์และอนุกรมวิธารที่แม่นยำ การอนุรักษ์ของสัตว์ฟันแทะจึงเน้นส่วนใหญ่ที่ลำดับขั้นที่สูง (เช่น การเน้นที่วงศ์มากกว่าสปีชีส์) และสถานที่สำคัญ หลายสปีชีส์ของ (rice rat) สูญพันธุ์ตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 อาจจะมีสาเหตุมาจากการสูญเสียที่อยู่อาศัยและการนำเข้าสัตว์ต่างท้องถิ่น ในประเทศโคลอมเบีย (brown hairy dwarf porcupine) ได้ถูกบันทึกว่ามีที่อยู่บนภูเขาเพียงสองที่เมื่อคริสต์ทศวรรษที่ 1920 ในขณะที่ (red crested soft-furred spiny rat) มีเพียงแค่ (type locality) ณ ชายฝั่งทะเลแคริบเบียน ดั้งนั้นสปีชีส์เหล่านี้ถือว่ามีมูลค่าทางระบบนิเวศและชีววิทยามากและควรได้รับการปกป้อง สหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) เขียนไว้ว่า “เราสามารถสรุปได้อย่างแน่นอนแล้วว่าสัตว์ฟันแทะของทวีปอเมริกาใต้อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เป็นอย่างมากเนื่องมาจากการรบกวนสิ่งแวดล้อมและการล่าสัตว์ที่มากเกินไป”
สามสปีชีส์ของสัตว์ฟันแทะที่แพร่กระจายอยู่ทั่วโลกได้แก่ หนูบ้าน หนูหริ่งบ้าน และหนูท้องขาว โดยการแพร่กระจายของสปีชีส์เหล่านี้เกิดเนื่องจากการทำของมนุษย์โดยเฉพาะการล่องเรือช่วงยุคแห่งการสำรวจ ต่อมาด้วยสปีชีส์ที่สี่คือหนูจี๊ด โดยสปีชีส์เหล่านี้เป็นสัตว์ก่อความรำคาญและทำลายระบบนิเวศทั่วโลกตัวอย่างเช่น เมื่อหนูจี๊ดถึง (Lord Howe Island) ในช่วงค.ศ. 1918 มากกว่าร้อยล่ะ 40 ของสปีชีส์นกรวมถึง สูญพันธุ์ภายในสิบปีหลังจากการมาของหนูจี๊ด เหตุการณ์การทำลายล้างนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกันบนเกาะมิดเวย์อะทอลล์ (ค.ศ. 1943) และ (ค.ศ. 1962) โปรเจกต์การอนุรักษ์ที่ถูกวางแผนเป็นอย่างดีสามารถกำจัดสัตว์ก่อความรำคาญเหล่านี้ออกจากเกาะได้โดยใช้ยาฆ่าสัตว์ฟันแทะชนิดสารกันเลือดแข็งเช่น (brodifacoum) แผนการรับมือนี้ถูกใช้ได้อย่างสำเร็จบน ณ สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ โดยคาดการว่ากำจัดหนูบ้านได้ถึง 40,000 ตัว ซึ่งทำให้ประชากรของ (Manx shearwater) และนกพัฟฟินแอตแลนติก (Atlantic puffin) สามารถฟื้นฟูจากสภาวะใกล้สูญพันธุ์ได้
การใช้ประโยชน์
มนุษย์ใช้ผิวหนังสัตว์เป็นเสื้อผ้ามาเป็นยาวนานเนื่องจากผ้าหนังมีความทนทานสูงและขนช่วยให้ความอบอุ่นได้ คนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาฟอกและเย็บหนังของบีเวอร์เพื่อทำเสื้อคลุม คนยุโรปชื่นชอบคุณภาพของเสื้อคลุมนี้เป็นอย่างมาก จึงทำให้พัฒนาและมีความสำคัญกับคนท้องถิ่นมาก บนทวีปยุโรปขนชั้นในซึ่งที่รู้จักว่า “ขนบีเวอร์” เป็นขนในอุดมคติสำหรับอุสาหกรรมการทำผ้าสักหลาด และได้นำมาทำเป็นหมวกและผ้าประดับ ภายหลังนากหญ้าเป็นที่นิยมมากขึ้นสำหรับการผลิตขนสำหรับการทำผ้าสักหลาดในทวีปอเมริกาและยุโรปเนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำกว่า แต่ทว่าเมื่อความนิยมเสื้อผ้าเปลี่ยน วัตถุดิบใหม่มีมากขึ้นและทำให้อุสาหกรรมขนสัตว์นี้ลดตัวลง มีขนที่นุ่มและลื่นซึ่งทำให้เป็นที่นิยมและมีราคาสูงมากจนกระทั่งประชากรชินชิลลาในป่าเกือบถูกทำลายก่อนที่การเลี้ยงในกรงขังเพื่อขนจะลดการทำลายนี้ ก้านขนและขนชั้นบนของเม่นถูกนำมาใช้เป็นอุปกรณ์ตกแต่งเสื้อผ้าพื้นเมือง ตัวอย่างเช่นขนชั้นบนของเม่นสามารถนำมาทำของชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกา ก้านขนหลักอาจจะนำมาย้อมสีและนำมาร้อยตกแต่งเครื่องหนังเช่น ปลอกมีดและกระเป๋าหนัง ผู้หญิงชนเผ่า จะเก็บก้านขนเม่นโดยการเอาผ้าคลุมตัวเม่นและนำขนเม่นที่ติดมากับผ้าคลุมเพื่อทำผ้า
อาหาร
อย่างน้อย 89 สปีชีส์ของสัตว์ฟันแทะซึ่งโดยส่วนใหญ่จากลุ่ม Hystricomorpha เช่นหนูตะเภา อกูติ (agouti) และแคพิบารา ถูกนำมาใช้เป็นอาหาร อย่างน้อย 42 สังคมมีการกินหนูใน ค.ศ. 1985 หนูตะเภาถูกเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารเป็นครั้งแรกเมื่อก่อนคริสตกาลที่ 2500 และเมื่อก่อนคริสตกาลที่ 1500 หนูตะเภาเป็นทรัพยากรเนื้อหลักของจักรวรรดิอินคา ดอร์เมาส์ (dormouse) ถูกเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารโดยคนโรมันในที่พิเศษชื่อว่า "gliraria" หรือกรงขังกลางแจ้งขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่ที่ดอร์เมาส์ถูกขุนให้อ้วนด้วยวอลนัต เกาลัด และผลต้นโอ๊ก นอกจากนี้แล้วดอร์เมาส์ยังถูกจับจากป่าในฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นช่วงที่ดอร์เมาส์อ้วนที่สุด คนโรมันนำดอร์เมาส์ไปย่างและจุ่มในน้ำผึ้งหรือนำมาสอดไส้ด้วยเนื้อหมู ถั่วสน และเครื่องปรุงรสต่าง ๆ แล้วอบ นักวิจัยพบว่าในป่าดิบชื้นแอมะซอนซึ่งเป็นสถานที่มีสัตว์ใหญ่น้อย พาคา (paca) และอกูติ (agouti) เป็นประมาณร้อยละ 39 ของอาหารของคนท้องถิ่น แต่ทว่าเมื่ออยู่ในเขตที่มีสัตว์ใหญ่มาก สัตว์ฟันแทะเหล่านี้เหลือเป็นประมาณร้อยละ 3 ของอาหารของคนท้องถิ่น
หนูตะเภาถูกนำมาใช้เป็นอาหารของเมืองกุสโก ณ ประเทศเปรู เช่น cuy al horno ซึ่งเป็นหนูตะเภาอบ เตาอบท้องถิ่นของตนในเขตแอนดีสซึ่งเป็นที่รู้จักว่า qoncha หรือ fogón ถูกสร้างด้วยโคลนและดินโคลน และทำให้แข็งแรงด้วยเส้นฟางข้าวและขนของสัตว์เช่น หนูตะเภา โดยในประเทศเปรู หนูตะเภาถูกเลี้ยงมากกว่า 20 ล้านตัวซึ่งสามารถผลิตเนื้อที่กินได้มากกว่า 64 ล้านชิ้นต่อปี หนูตะเภาถือว่าเป็นแหล่งอาหารยอดเยี่ยมเนื่องจากเนื้อหนูตะเภามีโปรตีนเฉลี่ยร้อยละ 19 มัสคแร็ต (muskrats) เม่น กราวน์ฮ็อก (ground hog) และกระรอกถูกนำมาเป็นอาหารคนในสหรัฐอเมริกา คนชนเผ่านาวาโฮกินแพรรีด็อกโดยการนำมาอบใต้โคลน ในขณะที่คน (Paiute) กินโกเฟอร์ กระรอก และหนู
สัตว์ทดลอง
สัตว์ฟันแทะถูกนิยมใช้เป็นสิ่งมีชีวิตแบบจำลอง ถูกใช้เป็นครั้งแรกเพื่อการงานวิจัยเมื่อ ค.ศ. 1828 และต่อมาเป็นสัตว์ตัวแรกที่ถูกเลี้ยงให้เชื่องด้วยวัตถุประสงค์เพื่องานวิจัย ในปัจจุบันหนูหริ่งบ้านเป็นที่นิยมอย่างมากเพื่อการทดลองและใน ค.ศ.1979 เชื่อว่ามีการนำหนูหริ่งมากกว่า 50 ล้านตัวต่อปีมาใช้ หนูหริ่งบ้านเป็นที่นิยมเนื่องจากมีขนาดเล็ก ออกลูกจำนวนมาก ระยะการตั้งครรภ์สั้น ง่ายต่อการควบคุม และเพราะหนูหริ่งบ้านตอบสนองไวต่อหลายสภาวะและโรคที่เกิดขึ้นในมนุษย์ หนูหริ่งบ้านถูกนำมาใช้ในงานวิจัยสาขาพันธุศาสตร์ ชีววิทยาการเจริญ เซลล์ชีววิทยา วิทยามะเร็ง และภูมิคุ้มกันวิทยา หนูตะเภาเป็นสัตว์ทดลองที่นิยมมากจนกระทั่งเมื่อถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 ประมาณ 2.5 ล้านตัวถูกใช้ต่อปีในสหรัฐอเมริกาสำหรับการวิจัยในคริสต์ทศวรรษที่ 1960 แต่ทว่าลดลงเป็น 375,000 ตัวต่อปีเมื่อกลางคริสต์ทศวรรษที่ 1990 และเหลือเพียงร้อยล่ะ 2 ของสัตว์ทดลองทั้งหมดเมื่อ ค.ศ. 2007 หนูตะเภามีบทบาทสำคัญในการคิดค้น (germ theory) ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ผ่านทางงานทดลองของ หลุยส์ ปาสเตอร์ (Émile Roux) และโรแบร์ท ค็อค นอกจากนี้แล้วหนูตะเภายังถูกยิงไปยังบนอวกาศหลายครั้ง ครั้งแรกโดยสหภาพโซเวียตเมื่อ 9 มีนาคม ค.ศ.1961 บน Sputnik 9 ซึ่งเป็นและกลับมาบนโลกอย่างสำเร็จ หนูตุ่นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเดียวเท่านั้นที่รู้จักว่าเป็นสัตว์เลือดเย็น ดั้งนั้นหนูตุ่นจึงถูกใช้เพื่อศึกษาการปรับอุณหภูมิกาย นอกจากนี้หนูตุ่นเป็นสัตว์ที่แปลกเนื่องจากไม่ผลิตสารสื่อประสาท ซึ่งเป็นสาเหตุที่นักวิจัยนำมาใช้ศึกษาเกี่ยวกับความเจ็บปวด
สัตว์ฟันแทะมีความสามารถในการจับกลิ่นที่ไว จึงถูกนำมาใช้โดยมนุษย์เพื่อไว้ตรวจจับกลิ่นหรือสารเคมีที่ต้องการศึกษา สามารถตรวจจับแบคทีเรียก่อวัณโรคได้ดีถึงร้อยล่ะ 86.6 และตรวจว่าไม่มีแบคทีเรียก่อวัณโรคได้ดีถึงร้อยล่ะ 93 นอกจากนี้แล้วยังสามารถนำไปตรวจจับทุ่นระเบิดได้ หนูสามารถถูกใช้เพื่อศึกษาเหตุการณ์อันตรายเช่นพื้นที่ประสบภัย และยังสามารถถูกฝึกเพื่อตอบสนองต่อคำสั่งในระยะไกล และยังสามารถโน้มน้าวไปยังที่มีแสงสว่างได้ซึ่งเป็นสถานที่ที่หนูมักหลีกเลี่ยง
สัตว์เลี้ยง
สัตว์ฟันแทะหลายชนิดเช่น หนูตะเภาแฮมสเตอร์ และชิปมังก์ เป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายและสามารถเลี้ยงในพื้นที่เล็ก โดยแต่ล่ะสปีชีส์มีลักษณะเฉพาะส่วนตัว ส่วนใหญ่ถูกนำไปเก็บไว้ในกรงขังที่เหมาะสมกับขนาดและมีความต้องการสำหรับพื้นที่และปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่แตกต่างกัน ถ้าสัตว์เลี้ยงฟันแทะถูกเลี้ยงต้นแต่เด็ก สัตว์เหล่านี้มักจะไม่ดื้อและไม่กัด หนูตะเภามีอายุขัยยาวและต้องการกรงขังที่ใหญ่ เมื่อเชื่องสามารถถูกสอนให้เล่นกลได้ และดูเหมือนจะชอบมิตรภาพของมนุษย์ หนูขนาดเล็กมักจะมีอายุไขน้อยแต่ทว่าสามารถอยู่ในพื้นที่เล็กได้ แฮมสเตอร์เป็นสัตว์สันโดษแต่มักจะเป็นสัตว์ออกหากินเวลากลางคืน แฮมสเตอร์มีพฤติกรรมที่น่าสนใจแต่ทว่ามักจะมีนิสัยป้องกันตัวเองถ้าไม่ถูกจับต้องเพียงพอ เจอร์บิลมักที่จะไม่แสดงอาการก้าวร้าว กัดน้อย และเป็นสัตว์สังคมที่ชอบมิตรภาพของมนุษย์และสปีชีส์ตัวเอง
สัตว์รำคาญและพาหะโรค
สัตว์ฟันแทะบางชนิดเป็นสัตว์ก่อความเสียหายแก่ผลผลิตเกษตรกรรม ด้วยการกินผลผลิตที่กักตุนไว้โดยมนุษย์ ตัวอย่างเช่น ใน ค.ศ. 2003 จำนวนข้าวที่เสียหายเพราะหนูในทวีปเอเชียคาดการว่ามีปริมาณมากพอที่จะเลี้ยงมนุษย์ได้ถึง 200 ล้านคน ความเสียหายต่อผลผลิตการเกษตรที่มีอยู่ทั่วโลกเกิดขึ้นจากไม่กี่สปีชีส์ของสัตว์ฟันแทะ ในประเทศอินโดนีเซียและแทนซาเนีย สัตว์ฟันแทะลดผลผลิตทางเกษตรกรรมประมาณร้อยละ 15 ในขณะที่ผลผลิตทางเกษตรกรรมบางสถานที่ในทวีปอเมริกาใต้ลดลงถึงร้อยละ 90 นอกจากนี้แล้วสัตว์ฟันแทะบางชนิดเช่น และ ลดผลผลิตทางการเกษตรในทวีปแอฟริกาเช่นธัญพืช ถั่วลิสง ผัก และโกโก้ สัตว์ฟันแทะในทวีปเอเชียเช่น มองโกเลียนเจอร์บิล และ ก่อความเสียหายแก่ข้าว ข้าวฟ่าง พืชหัว ผัก และถั่ว สัตว์ฟันแทะในทวีปยุโรปเช่น , Microtus และ สร้างความเสียหายแก่สวนผลไม้ สวนผัก ทุ่งเลี้ยงสัตว์ และธัญพืช สัตว์ฟันแทะหลายชนิดในทวีปแอฟริกาใต้เช่น , , , , , และ ก่อความเสียหายแก่ต้นอ้อย ผลไม้ ผัก และพืชหัว
สัตว์ฟันแทะบางชนิดเป็นพาหะนำโรคหลัก เช่นหนูท้องขาวจะมีตัวติดมาด้วย ซึ่งตัวหมัดนี้จะมีบทบาทสำคัญในการกระจายเชื้อ ซึ่งก่อให้เกิดกาฬโรค นอกจากนี้สัตว์ฟันแทะชนิดอื่นยังเป็นพาหะเองและมีสัตว์อื่นซึ่งเป็นพาหะของโรคเช่น:
โรค | ตัวก่อโรค | พาหะและแหล่งสะสมโรค |
---|---|---|
(Scrub typhus) | ไรบนสัตว์ฟันแทะ | |
(Murine typhus) | หมัดบนสัตว์ฟันแทะ | |
โรคฉี่หนู | แบคทีเรียสกุล Leptospira | ฉี่ เนื้อเยื้อ เลือดจากสัตว์ฟันแทะ |
(toxoplasmosis) | มูลจากสัตว์วงศ์เสือและแมว โดยสัตว์ฟันแทะสามารถติดเชื้อและแพร่กระจายสู่แมวเมื่อสัตว์ฟันแทะถูกกิน | |
(Trichinosis) | หนอนตัวกลมสกุล | หมูกินซากสัตว์ฟันแทะที่ติดเชื้อ |
กลุ่ม (hantaviruses) เช่น (Puumala virus) (Dobrava virus) และ | ละอองจากมูล ฉี่ น้ำลายของสัตว์ฟันแทะ | |
(Babesiosis) | โพรทิสต์สกุล | เห็บบนสัตว์ฟันแทะ |
โรคติดเชื้อลิชมาเนีย | โพรโทซัวสกุล | สัตว์ฟันแทะเป็นแหล่งสะสมโรคให้ (sandfly) รับเชื้อและส่งต่อ |
(human granulocytic anaplasmosis) | เห็บบนสัตว์ฟันแทะ | |
โรคไลม์ | แบคทีเรียสกุล เช่น , | เห็บบนสัตว์ฟันแทะ |
(Omsk hemorrhagic fever) | (Omsk hemorrhagic fever virus) | เห็บบนสัตว์ฟันแทะ ฉี่ มูล เลือดจากสัตว์ฟันแทะ |
สมองอักเสบ | (Powassan virus) | เห็บบนสัตว์ฟันแทะ |
(rickettsialpox) | ไรบนสัตว์ฟันแทะ | |
(relapsing fever) | แบคทีเรียสกุล เช่น | แมลงปรสิตขนาดเล็ก (lice) หรือเห็บบนสัตว์ฟันแทะ |
(Rocky Mountain spotted fever) | เห็บบนสัตว์ฟันแทะ | |
(West Nile fever) | ไวรัสเวสต์ไนล์ | สัตว์ฟันแทะเป็นแหล่งสะสมโรคให้ยุงและเห็บรับเชื้อและส่งต่อ |
เนื่องจากสัตว์ฟันแทะบางชนิดเป็นสัตว์ที่ก่อความวุ่นวายและอันตรายกับสาธารณสุข มนุษย์จึงพยายามที่จับควบคุมประชากรสัตว์เหล่านี้ วิธีการวางยาหรือวางกับดับมักจะไม่ปลอดภัยและไม่มีประสิทธิภาพ (Integrated pest management) พยายามที่จะปรับปรุงวิธีการรับมือโดยทำการสำรวจหลายครั้งเพื่อกำหนดขนาดประชากรและขอบเขตการแพร่กระจาย การตั้งขอบเขตการควบคุมการกระทำของสัตว์ฟันแทะ การรบกวน และการประเมิณผลของประสิทธิภาพ มาตการการรบกวนอาจจะรวมถึงให้การศึกษา ตั้งกฎหมาย และปรับเปลี่ยนที่อยู่อาศัย วิธีการเกษตร โดยใช้เชื้อโรคหรือสัตว์ผู้ล่า รวมถึงการวางยาและวางกับดัก เนื่องจากสัตว์ฟันแทะมีพฤติกรรมการเข็ดขยาดต่อสารพิษ (poison shyness) หรือการที่สัตว์ไม่กินอาหารบางประเภทหลังจากที่เรียนรู้ว่าอาหารนั้นถูกวางพิษ ทำให้เกิดความยากต่อการกำจัดสัตว์ก่อความรังควาน แต่ทว่ายาเบื่อหนูประเภทที่มีฤทธิ์ช้า เช่นยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant) (ซึ่งทำให้เส้นเลือดฝอยของสัตว์ฟันแทะเกิดความเสียหายได้และนำไปสู่การตกเลือดภายใน) สามารถนำมาใช้รับมือพฤติกรรมการเข็ดขยาดต่อสารพิษของสัตว์ฟันแทะได้ การใช้เชื้อโรคเช่น Salmonella เพื่อควบคุมประชากรสัตว์ฟันแทะมีผลเสียกลับมาเนื่องจากเชื้อติดต่อสามารถแพร่กระจายไปยังมนุษย์และสัตว์เลี้ยงได้ นอกจากนี้แล้วสัตว์ก่อความรังควานมักพัฒนาภูมิคุ้มกัน การใช้สัตว์ผู้ล่าเช่น เฟร์ริต พังพอน และกิ้งก่ามอนิเตอร์ เพื่อควบคุมประชากรมีผลออกมาไม่น่าพอใจ การใช้แมวเลี้ยงสามารถควบคุมสัตว์ฟันแทะได้อย่างมีประสิทธิภาพถ้าประชากรไม่มีขนาดใหญ่เกินไป ในสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ สัตว์ฟันแทะสองชนิดได้แก่ หนูหริ่งบ้านและหนูบ้าน ถูกควบคุมประชากรอย่างมีประสิทธิภาพและถูกกฎหมายเพื่อลดความเสียหายทางเกษตรกรรม การแพร่เชื้อบนผลผลิตทางเกษตร และความเสียหาต่อเครื่องมือ นอกเหนือจากนี้แล้ว การควบคุมประชากร
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- จาก itis.gov (อังกฤษ)
- Single, G.; Dickman, C. R.; MacDonald, D. W. (2001). "Rodents". ใน MacDonald, D. W. (บ.ก.). The Encyclopedia of Mammals (2nd ed.). Oxford University Press. pp. 578–587. ISBN .
- Müller, J.; Clauss, M.; Codron, D.; Schulz, E.; Hummel, J.; Kircher, P.; Hatt, J. M. (2014). "Tooth length and incisal wear and growth in guinea pigs (Cavia porcellus) fed diets of different abrasiveness". Animal Physiology and Animal Nutrition. doi:10.1111/jpn.12226.
- Waggoner, Ben (15 August 2000). "Introduction to the Rodentia". University of California Museum of Paleontology. สืบค้นเมื่อ 4 July 2014.
- Nowak, R. M. (1999). Walker's Mammals of the World. . p. 1244. ISBN .
- Blashfield, Jean F. "Rodents". Science Encyclopedia. สืบค้นเมื่อ 14 July 2014.
- Niemiec, Brook A. (15 October 2011). Small Animal Dental, Oral and Maxillofacial Disease: A Colour Handbook. CRC Press. p. 13. ISBN .
- Cox, Philip G.; Jeffery, Nathan (2011). "Reviewing the Morphology of the Jaw-Closing Musculature in Squirrels, Rats, and Guinea Pigs with Contrast-Enhanced MicroCT". The Anatomical Record. 294: 915–928. doi:10.1002/ar.21381.
- Duckett, W. (1853). "cheek pouch". English conversation and reading. Ed Michel Levi. p. 3.
- Mustapha, O. (2015). "Morphology of the Oral Cavity of the African Giant Rat". Bulgarian Journal of Veterinary Medicine. 18 (1): 19–30. doi:10.15547/bjvm.793.
- Stefoff, Rebecca (2008). The Rodent Order. Marshall Cavendish. pp. 62–63, 71–73. ISBN .
- Thorington, R. W Jr.; Darrow, K.; Anderson, C. G. (1998). "Wing tip anatomy and aerodynamics in flying squirrels" (PDF). Journal of Mammalogy. 79 (1): 245–250. doi:10.2307/1382860. JSTOR 1382860.
- Schulte-Hostedde, A. I. (2008). "Chapter 10: Sexual Size Dimorphism in Rodents". ใน Wolff, Jerry O.; Sherman, Paul W. (บ.ก.). Rodent Societies: An Ecological and Evolutionary Perspective. University of Chicago Press. pp. 117–119. ISBN .
- Helgen, Kristofer M. (2005). "The amphibious murines of New Guinea (Rodentia, Muridae): the generic status of Baiyankamys and description of a new species of Hydromys". Zootaxa. 913: 1–20. ISSN 1175-5326.
- Parshad, V.R. (1999). "Rodent control in India" (PDF). Integrated Pest Management Reviews. 4: 97–126. doi:10.1023/A:1009622109901.
- Janke, Axel; Martínez-Estévez, Lourdes; Balvanera, Patricia; Pacheco, Jesús; Ceballos, Gerardo (2013). "Prairie dog decline reduces the supply of ecosystem services and leads to desertification of semiarid grasslands". PLOS ONE. 8 (10): e75229. Bibcode:2013PLoSO...875229M. doi:10.1371/journal.pone.0075229. ISSN 1932-6203. PMC 3793983. PMID 24130691.
- Krueger, Kirsten (1986). "Feeding relationships among bison, pronghorn, and prairie dogs: an experimental analysis". Ecology. 67 (3): 760–770. doi:10.2307/1937699. ISSN 0012-9658.
- Pérez, Francisco; Castillo-Guevara, Citlalli; Galindo-Flores, Gema; Cuautle, Mariana; Estrada-Torres, Arturo (2012). "Effect of gut passage by two highland rodents on spore activity and mycorrhiza formation of two species of ectomycorrhizal fungi (Laccaria trichodermophora and Suillus tomentosus)". Botany. 90 (11): 1084–1092. doi:10.1139/b2012-086. ISSN 1916-2790.
- Burchsted, D.; Daniels, M.; Thorson, R.; Vokoun, J. (2010). "The river discontinuum: applying beaver modifications to baseline conditions for restoration of forested headwaters". BioScience. 60 (11): 908–922. doi:10.1525/bio.2010.60.11.7.
- Wright, J. P.; Jones, C. G.; Flecker, A. S. (2002). "An ecosystem engineer, the beaver, increases species richness at the landscape scale" (PDF). Oecologia. 132 (1): 96–101. Bibcode:2002Oecol.132...96W. doi:10.1007/s00442-002-0929-1.
- Kemp, P. S.; Worthington, T. A.; Langford, T. E. l.; Tree, A. R. J.; Gaywood, M. J. (2012). "Qualitative and quantitative effects of reintroduced beavers on stream fish". Fish and Fisheries. 13 (2): 158–181. doi:10.1111/j.1467-2979.2011.00421.x.
- Hansson, Lennart (1971). . Viltrevy. 8: 268–278. ISSN 0505-611X. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 September 2013.
- Connior, M. B. (2011). "Geomys bursarius (Rodentia: Geomyidae)". Mammalian Species. 43 (1): 104–117. doi:10.1644/879.1.
- . The Mammals of Texas: Rodents. NSRL: Museum of Texas Tech University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-10-05. สืบค้นเมื่อ 4 July 2014.
- Attenborough, David (2002). The Life of Mammals. BBC Books. pp. 61–86. ISBN .
- Müller-Schwarze, Dietland; Sun, Lixing (2003). The Beaver: Natural History of a Wetlands Engineer. Cornell University Press. pp. 67–75. ISBN .
- Landry, Stuart O. Jr. (1970). "The Rodentia as omnivores". The Quarterly Review of Biology. 45 (4): 351–372. doi:10.1086/406647. JSTOR 2821009.
- "Hydromys chrysogaster: Water rat". Water for a healthy country. CSIRO. 30 June 2004. สืบค้นเมื่อ 4 July 2014.
- . The Mammals of Texas: Rodents. NSRL: Museum of Texas Tech University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-10-05. สืบค้นเมื่อ 4 July 2014.
- Jarvis, Jennifer (1981). "Eusociality in a Mammal: Cooperative Breeding in Naked Mole-Rat Colonies". Science. 212 (4494): 571–573. Bibcode:1981Sci...212..571J. doi:10.1126/science.7209555. JSTOR 1686202.
- Hoogland, John L. (1995). The Black-Tailed Prairie Dog: Social Life of a Burrowing Mammal. University of Chicago Press. p. 1. ISBN .
- Baker, Bruce W.; Hill, Edward P. (2003). "Chapter 15: Beaver". ใน Feldhamer, George A.; Thompson, Bruce C.; Chapman, Joseph A. (บ.ก.). Wild Mammals of North America: Biology, Management, and Conservation. JHU Press. pp. 288–310. ISBN .
- Hanson, Anne (25 October 2006). "Wild Norway rat behavior". Rat behavior and biology. สืบค้นเมื่อ 1 July 2014.
- Winslow, James T.; Hastings, Nick; Carter, C. Sue; Harbaugh, Carroll R.; Insel, Thomas R. (1993). (PDF). Letters to Nature. 365 (6446): 545–548. Bibcode:1993Natur.365..545W. doi:10.1038/365545a0. PMID 8413608. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 14 July 2014.
- Yensen, Eric; Sherman, Paul W. (2003). "Chapter 10: Ground Squirrels". ใน Feldhamer, George A.; Thompson, Bruce C.; Chapman, Joseph A. (บ.ก.). Wild Mammals of North America: Biology, Management, and Conservation. JHU Press. pp. 211–225. ISBN .
- Jarvis, Jennifer (1981). "Eusociality in a mammal: Cooperative breeding in naked mole-rat colonies". Science. 212 (4494): 571–573. Bibcode:1981Sci...212..571J. doi:10.1126/science.7209555. JSTOR 1686202.
- Bennett, N. C.; Jarvis, J. U. M. (2004). "Cryptomys damarensis". Mammalian Species. 756: Number 756: pp. 1–5. doi:10.1644/756.
- Arakawa, Hiroyuki; Blanchard, D. Caroline; Arakawa, Keiko; Dunlap, Christopher; Blanchard, Robert J. (2008). "Scent marking behavior as an odorant communication in mice". Neuroscience and Biobehavioral Reviews. 32 (7): 1236–1248. doi:10.1016/j.neubiorev.2008.05.012. PMC 2577770.
- Holmes, Warren G.; Mateo, Jill M. (2008). "Chapter 19: Kin Recognition in Rodents: Issues and Evidence". ใน Wolff, Jerry O.; Sherman, Paul W. (บ.ก.). Rodent Societies: An Ecological and Evolutionary Perspective. University of Chicago Press. pp. 216–230. ISBN .
- Sherwin, C.M. (2002). "Comfortable quarters for mice in research institutions". ใน Viktor and Annie Reinhardt (บ.ก.). (9 ed.). Animal Welfare Institute. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 October 2014.
- Bjorkoyli, Tore; Rosell, Frank (2002). "A test of the dear enemy phenomenon in the Eurasian beaver". Animal Behaviour. 63 (6): 1073–1078. doi:10.1006/anbe.2002.3010.
- Vaché, M.; Ferron, J.; Gouat, P. (2001). "The ability of red squirrels (Tamiasciurus hudsonicus) to discriminate conspecific olfactory signatures". Canadian Journal of Zoology. 79 (7): 1296–1300. doi:10.1139/z01-085.
- Shelley, Erin L.; Blumstein, Daniel T. (2005). "The evolution of vocal alarm communication in rodents". Behavioral Ecology. 16 (1): 169–177. doi:10.1093/beheco/arh148.
- Slobodchikoff, C. N.; Paseka, Andrea; Verdolin, Jennifer L (2009). (PDF). Animal Cognition. 12 (3): 435–439. doi:10.1007/s10071-008-0203-y. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-10-07. สืบค้นเมื่อ 2018-11-03.
- Zimmermann, Elke; Leliveld, Lisette; Schehka, Lisette (2013). "8: Toward the evolutionary roots of affective prosody in human acoustic communication: A comparative approach to mammalian voices". ใน Altenmüller, Eckart; Schmidt, Sabine; Zimmermann, Elke (บ.ก.). The Evolution of Emotional Communication: From Sounds in Nonhuman Mammals to Speech and Music in Man. Oxford University Press. pp. 123–124. ISBN .
- Vanden Hole, Charlotte; Van Daele, Paul A. A. G.; Desmet, Niels; Devos, Paul; Adriaens, Dominique (2014). "Does sociality imply a complex vocal communication system? A case study for Fukomys micklemi (Bathyergidae, Rodentia)". Bioacoustics. 23 (2): 143–160. doi:10.1080/09524622.2013.841085.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Long, C. V. (2007). Vocalisations of the degu (Octodon degus), a social caviomorph rodent. Bioacoustics. Vol. 16. pp. 223–244. doi:10.1080/09524622.2007.9753579. ISSN 0952-4622.
- Ancillotto, Leonardo; Sozio, Giulia; Mortelliti, Alessio; Russo, Danilo (2014). "Ultrasonic communication in Gliridae (Rodentia): the hazel dormouse (Muscardinus avellanarius) as a case study". Bioacoustics. 23 (2): 129–141. doi:10.1080/09524622.2013.838146.
- Panksepp, Jaak; Burgdorf, Jeff (2003). ""Laughing" rats and the evolutionary antecedents of human joy?". Physiology & Behavior. 79 (3): 533–547. doi:10.1016/S0031-9384(03)00159-8. PMID 12954448.
- Haverkamp, Silke; Waessle, Heinz; Duebel, Jens; Kuner, Thomas; Augustine, George J.; Feng, Guoping; Euler, Thomas (2005). "The primordial, blue-cone color system of the mouse retina" (PDF). Journal of Neuroscience. 25 (22): 5438–5445. doi:10.1523/JNEUROSCI.1117-05.2005. PMID 15930394.
- Hanson, Anne. "What do rats see?". Rat behavior and biology. สืบค้นเมื่อ 1 July 2014.
- Pickrell, John (8 July 2003). "Urine vision? How rodents communicate with UV light". National Geographic News. สืบค้นเมื่อ 8 July 2014.
- Desjardins, C.; Maruniak, J. A.; Bronson, F. H. (1973). "Social rank in house mice: Differentiation revealed by ultraviolet visualization of urinary marking patterns". Science. 182 (4115): 939–941. Bibcode:1973Sci...182..939D. doi:10.1126/science.182.4115.939. PMID 4745598.
- Viitala, J.; Korpimäki, E.; Palokangas, P.; Koivula, M. (1995). "Attraction of kestrels to vole scent marks visible in ultraviolet light". Nature. 373 (6513): 425–427. Bibcode:1995Natur.373..425V. doi:10.1038/373425a0.
- "Vibrational communication in mammals". Map of Life: Convergent evolution online. University of Cambridge. 4 August 2010. สืบค้นเมื่อ 5 July 2014.
- Randall, J. A. (2001). "Evolution and function of drumming as communication in mammals". American Zoologist. 41: 1143–1156. doi:10.1093/icb/41.5.1143.
- Randall, Jan A.; Matocq, Marjorie D. (1997). "Why do kangaroo rats (Dipodomys spectabilis) footdrum at snakes?". Behavioral Ecology. 8: 404–413. doi:10.1093/beheco/8.4.404.
- Narins, P. M.; Reichman, O. J.; Jarvis, J. U. M.; Lewis, E. R. (1992). "Seismic signal transmission between burrows of the Cape mole-rat Georychus capensis". Journal of Comparative Physiology [A]. 170: 13–22. doi:10.1007/BF00190397.
- Waterman, Jane (2008). "Chapter 3: Male Mating Strategies in Rodents". ใน Wolff, Jerry O.; Sherman, Paul W. (บ.ก.). Rodent Societies: An Ecological and Evolutionary Perspective. University of Chicago Press. pp. 28–39. ISBN .
- Soloman, Nancy G.; Keane, Brain (2008). "Chapter 4: Reproductive Strategies in Female Rodents". ใน Wolff, Jerry O.; Sherman, Paul W. (บ.ก.). Rodent Societies: An Ecological and Evolutionary Perspective. University of Chicago Press. pp. 42–52. ISBN .
- McGuire, Betty; Bernis, William E. (2008). "Chapter 20: Parental Care". ใน Wolff, Jerry O.; Sherman, Paul W. (บ.ก.). Rodent Societies: An Ecological and Evolutionary Perspective. University of Chicago Press. pp. 231–235. ISBN .
- Holmes, Warren G.; Mateo, Jill M. (2008). "Chapter 19: Kin Recognition in Rodents: Issues and Evidence". ใน Wolff, Jerry O.; Sherman, Paul W. (บ.ก.). Rodent Societies: An Ecological and Evolutionary Perspective. University of Chicago Press. pp. 226–227. ISBN .
- Ebensperger, Luis A.; Blumsperger, Daniel T. (2008). "Chapter 23: Nonparental Infanticide". ใน Wolff, Jerry O.; Sherman, Paul W. (บ.ก.). Rodent Societies: An Ecological and Evolutionary Perspective. University of Chicago Press. pp. 274–278. ISBN .
- Hoogland, J. L. (1985). "Infanticide in prairie dogs: Lactating females kill offspring of close kin". Science. 230 (4729): 1037–1040. Bibcode:1985Sci...230.1037H. doi:10.1126/science.230.4729.1037. PMID 17814930.
- Hackländera, Klaus; Möstlb, Erich; Arnold, Walter (2003). "Reproductive suppression in female Alpine marmots, Marmota marmota". Animal Behaviour. 65 (6): 1133–1140. doi:10.1006/anbe.2003.2159.
- Horns, Charles C.; Kimball, Bruce A.; Wang, Hong; Kaus, James; Dienel, Samuel; Nagy, Allysa; Gathright, Gordon R.; Yates, Bill J.; Andrews, Paul L. R. (2013). "Why can't rodents vomit? A comparative behavioral, anatomical, and physiological study". PloS one. doi:10.1371/journal.pone.0060537.
- Robbins, Robert J. (1980). "Taste-Aversion Learning and its Implication for Rodent Control".
{{}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
((help)) - Charters, Jessie Blount Allen (1904). "The associative processes of the guinea pig: A study of the psychical development of an animal with a nervous system well medullated at birth". Journal of Comparative Neurology and Psychology. University of Chicago Press. XIV (4): 300–337.
- Jacobs, Lucia F.; Liman, Emily R. (1991). (PDF). Animal Behaviour. 41: 103–110. doi:10.1016/s0003-3472(05)80506-8. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-07-28. สืบค้นเมื่อ 2018-11-09.
- Jacobs, Lucia F. (1992). (PDF). Animal Behaviour. 43 (4): 585–593. doi:10.1016/S0003-3472(05)81018-8. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 26 August 2014.
- Harding, E. J.; Paul, E. S.; Mendl, M. (2004). "Animal behaviour: Cognitive bias and affective state". Nature. 427 (6972): 312. Bibcode:2004Natur.427..312H. doi:10.1038/427312a. PMID 14737158.
- Rygula, Rafal; Pluta, Helena; Popik, Piotr (2012). "Laughing rats are optimistic". PLOS ONE. 7 (12): e51959. Bibcode:2012PLoSO...751959R. doi:10.1371/journal.pone.0051959. PMC 3530570. PMID 23300582.
- Carlyle, Kim (8 March 2007). "Rats capable of reflecting on mental processes". University of Georgia. สืบค้นเมื่อ 13 August 2014.
- Foote, Allison L.; Crystal, J. D. (2007). "Metacognition in the rat". Current Biology. 17 (6): 551–555. doi:10.1016/j.cub.2007.01.061. PMC 1861845. PMID 17346969.
- Smith, J. David; Beran, M. J.; Couchman, J. J.; Coutinho, M. V. C. (2008). "The comparative study of metacognition: Sharper paradigms, safer inferences". Psychonomic Bulletin & Review. 15 (4): 679–691. doi:10.3758/PBR.15.4.679.
- Jozefowiez, J.; Staddon, J. E. R.; Cerutti, D. T. (2009). "Metacognition in animals: how do we know that they know?". Comparative Cognition & Behavior Reviews. 4: 29–39. doi:10.3819/ccbr.2009.40003.
- Hanson, Anne (2012). "How do rats choose what to eat?". Rat behavior and biology. สืบค้นเมื่อ 24 August 2014.
- Galef, Bennett G.; Laland, Kevin N. (June 2005). "Social Learning in Animals: Empirical Studies and Theoretical Models". BioScience. 55 (6): 489–499. doi:10.1641/0006-3568(2005)055[0489:sliaes]2.0.co;2. JSTOR 10.1641/0006-3568%282005%29055%5B0489%3ASLIAES%5D2.0.CO%3B2.
- Asher1, Robert J.; Meng, Jin; Wible, John R.; McKenna, Malcolm C.; Rougier, Guillermo W.; Dashzeveg, Demberlyn; Novacek, Michael J. (2005). "Stem Lagomorpha and the Antiquity of Glires". Science. 307 (5712): 1091–1094. Bibcode:2005Sci...307.1091A. doi:10.1126/science.1107808. PMID 15718468.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Douzery, E. J. P.; Delsuc, F.; Stanhope, M. J.; Huchon, D. (2003). "Local molecular clocks in three nuclear genes: divergence times for rodents and other mammals and incompatibility among fossil calibrations". Journal of Molecular Evolution. 57: S201–13. Bibcode:2003JMolE..57S.201D. doi:10.1007/s00239-003-0028-x. PMID 15008417.
- Horner, D. S.; Lefkimmiatis, K.; Reyes, A.; Gissi, C.; Saccone, C.; Pesole, G. (2007). "Phylogenetic analyses of complete mitochondrial genome sequences suggest a basal divergence of the enigmatic rodent Anomalurus". BMC Evolutionary Biology. 7 (1): 16. doi:10.1186/1471-2148-7-16. PMC 1802082. PMID 17288612.
- Wood, D. Joseph (2010).
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xndbstwfnaetha chwngewlathimichiwitxyu pccubn PreꞒ Ꞓ O S D C P T J K Pg Nkarcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Chordatachn Mammaliachnthan Eutheriaxndbihy xndb Rodentia 1821xndbyxyHystricomorphaaephnthiaesdngkarkracayphnthukhxngstwfnaetharxbolk imrwmsayphnthutangthinthithuknaekhama xndbstwfnaetha xngkvs Rodent chuxwithyasastr Rodentia epnhnunginxndbkhxngstweliynglukdwynanm sungepnpramanrxyla 40 khxngspichisstweliynglukdwynmthukchnid stwinxndbstwfnaethamithinxasyxyubnhlaythwipykewnthwipaexntarktika withikarxyuxasykhxngstwfnaethamikhwamhlakhlay echn karxasyxyubntnim karkhudruxasyitdin hruxkarxasyaebbkhrungbkkhrungna chnidkhxngstwfnaethathimnusyruckknepnxyangdi idaek hnu krarxk aephrridxk emn chipmngk biewxr hnutaepha aehmsetxr aekhphibara epntn inkhnathikratay kratayaeck kraaet iphka tun aelachukarikledxrimthuknbwaepnstwfnaethathungaemcamiruplksnaphaynxkthikhlaykhlungkn aelakratay kratayaeck aelaiphkamifnddhnathisamarthetibotideruxy aetmicanwnfnthiimethakn aelamiphvtikrrmkarekhiywthitangcakstwfnaetha xikthngstwehlanimiprawtikarwiwthnakarthiaetktangcakstwfnaethathiaethcring cungidthukcdihxyuinxndbkratay odyxndbkratayaelaxndbstwfnaethaepn phinxng sungmibrrphburusrwmknthithanaelasrangekhldthimichux Glires stwfnaethaswnihymikhnadelk rangkaythiaekhngaerng khasn aelahangyaw mifntdhnathikhmsungehmaasmsahrbkaraethaxahar khud aelapxngkntwexng odyswnmakcakinemldhruxwsduxun cakphuch inkhnathismachikxunxaccamikhwamhlakhlaythangxahar stwfnaethaepnstwsngkhmsungxyuepnklumaelamiwithikarsuxsarthisbsxn nxkcakniaelwkarphsmphnthurahwangstwinxndbnimitngaetaebbphwediywemiyediyw aelasasxn twemiycaxxklukidepnkhrxk odylukthixxkmannxaccaphthnaidxyangsmburnhruximnnkhunxyukbaetlachnid sakfxssilthiekaaekthisudkhxngstwfnaethamixayutngaetsmyphalioxsinbnmhathwiplxerechiy khwamhlakhlaythangchnidphnthukhxngstwfnaethaephimkhunxyangmakinchwngsmyxioxsin odymisaehtumacakkaraephrkracayipyngthwiptang hruxaemkrathngkarkhammhasmuthr stwfnaethathimacakthwipaexfrikaedinthangthungthwipxemrikaitaelamadakskar nxkcakniaelwstwfnaethayngepnstweliynglukdwynanmthimisayrkaelaxasyxyubnbkklumaerkthimathungaelaaephrkracayinthwipxxsetreliy stwfnaethathuknamaichnganodymnusyinhlaydan echn esuxpha xahar stweliyng aelastwthdlxng stwfnaethabangchnid echn hnuban hnuthxngkhaw hnuhringbanepnstwkxkhwamrakhaythikdkinxaharkhxngmnusyhruxaephrechuxorkh emuxstwehlanithuknaekhamahruxaephrkracaymacakthixun mkcarukranstwthixyuinthxngthinaelaxackxihekidkarsuyphnthukhxngidlksnathwipphaphwadokhrngsrangfnkhxngstwfnaetha odydanhnakhxngfntdhna incisors michnekhluxbfnthihnamak inkhnathidanhlngmienuxfnthinumkwa sungthaihekidkarsukkrxnkhxngenuxfntdhnadanhlngaelathaihfntdhnamilksnakhlaysiw lksnasakhythicaaenkstwfnaethacakstwxunnn khuxfntdhna incisors thikhmaelaetiboteruxy twxyangechnfntdhnakhxnghnutaephasungmirayakarecriyetibotkhxngfntdhnakhakrrikrlangxyurahwang 1 34 1 74 milliemtrtxxathity inkhnathikhxngfntdhnakhakrrikrlangxyurahwang 1 89 2 21 milliemtrtxxathity enuxngcakmieluxdmahlxeliyngfntlxdewla stwxndbnicungtxngichfnaethaxyangsmaesmxephraaimngncathaihfnnnyawekinipaelasamarthecaaphankaohlkid odydanhnakhxngfntdhnacamithihnamak inkhnathidanhlngmichnekhluxbfnthibang emuxfntdhnacakkhakrrikrbnaelalangesiydsikn fnthimichnekhluxbfnthibangkwacasukkrxn kxihekidkhxbfnddhnathikhmaelamilksnakhlaysiw odyinkrnifntdhnakhxnghnutaepha rayakarsukkrxnkhxngfntdhnakhakrrikrbnxyurahwang 1 09 2 04 milliemtrtxxathity inkhnathikhxngfntdhnakhakrrikrlangcaxyurahwang 1 71 2 08 milliemtrtxxathity stwfnaethaswnihymifnmakthung 22 siodyimmifnekhiywhruxfnkramnxythixyudanhna aelacamichxngwang rahwangfntdhnaaelafnaekmsungthaihstwinxndbnisamarthdudaekmhruxrimfipakephuxthikacdaelapxngknimihessimaelawsduthikinimidbadpakhruxlakhxid fnkramkhxngaelahnutaephaimmirakfnsungthaihfnnnetiboteruxy ehmuxnkbfntdhna ehmaasmkbxaharthiesniyxaharepncanwnmak stwfnaethaswnmakmithiihy okhrngsrangthipranit aelathisung sungsamarthekhiywxaharihepnchinelkid nxkcakniaelwyngmiklamenuxkhakrrikrthiaekhngaerng odythikhakrrikrlangcaphlkipkhanghnaemuxaetha aeladungipdanhlngemuxekhiyw klumkhxngstwfnaethamikhwamaetktangkninkarcdokhrngsrangkhxngklamenuxkhakrrikraelakaohlk smachikinxndbyxy echn mi masseter muscle thiihyaelaluk sungehmaasahrbkaraethadwyfntdhna smachikinxndbyxy echn hnuban miklamenuxethmophralis temporal muscle thiihy ehmaasahrbkarekhiywdwyfnkram smachikinxndbyxyemnechn hnutaepha miklamenuxaemsiethxrchnnxk superficial masseter muscle thiihykwaaelaknmiklamenuxaemsiethxrchnin deep masseter muscle thielkkwaemuxethiybkbhnuhruxkrarxk sungsngphlihkarkddwyfntdhnamiprasiththiphaphnxylng aetinkhnaediywknmdin internal pterygoid thimikhnadihythaihsamarthkarkhybkhakrrikrthangdankhangidmakkhuninkhnaekhiyw klumyxykhxngstwfnaetha echn aehmsetxr chipmngk aelaokefxr mikraphungaekmsxngkhangsahrbsasmxahar thungaemwastwfnaethainwngsyxyhnucaimmiokhrngsrangni kraphungaekmyngmikhwamyudhyunmakenuxngcakkarthukpkkhlumdwyklamenuxaelaesnprasathepncanwnmak phaphcalxnghwkaohlkkhxngstwfnaetha CT stwfnaethathimikhnadelkthisudkhux Salpingotulus michaelis odythitwotetmwycamikhwamyawcakhwcrdtwechliy 4 4 esntiemtraelanahnkkhxngtwemiyetmwyxyuthi 3 75 krm stwfnaethathimikhnadihythisudkhuxaekhphibara Hydrochoerus hydrochaeris phbinthwipxemrikait sungminahnkidmakthung 66 kiolkrmaelamiraynganwaphbmakthung 91 kiolkrm inkhnathinahnkechliykhxngstwfnaethaswnihyminxykwa 100 krm stwfnaethaswnmakmiruprangthixwnthwnaelakhathisn odyaetlakhahnacami 5 niw sungrwmthunghwaemmuxthisamarthcbsingkhxngid inkhnathiaetlakhahlngmi 3 5 niw nxkcakniaelwyngmikhxsxkthichwyihkhaaetlakhangmikhwamyudhyunsung stwfnaethaswnihymilksnakaredindwyetmetha aelamikrngelb odythismachikthikhudruxyuitdinhruxbndincamikrngelbthiyawaelaaekhngaerng inkhnathikrngelbkhxngsmachikthixasyxyubntnimcamilksnasnaelakhm withikarekhluxnthikhxngstwinxndbnimikhwamhlakhlaymak echn wing khudru pin karichsxngkhaephuxkraodd echn aela wayna aelarxn aelakrarxkbinsamarthrxnlngmacaktnimidodyichthikhyayxxkmacakdankhanglatwthitidtxrahwangkhahnaaelakhahlng smachikin Agouti samarthekhluxnihwdwyniwethaidxyangrwderwaelamikibelb hangkhxngstwfnaethaswnihymikhwamhlakhlaythanglksnamak bangchnidsamarthichephuxcbhruxhyibsingkhxngidechn bangchnidmikhnmakxyubnhang inkhnathihangkhxngbangchnidimmikhn hangsamarthichephuxsuxsarkbstwtwxunidechn karthibiewxrichhangephuxtinahruxkarthihnusnhangtwexngephuxihsyyanetuxn stwfnaethabangchnidxaccamiokhrngsrangthihlngehluxkhxnghanghruximmihang hangkhxngstwfnaethabangchnidsamarthotihmidthungaemwabangswnxaccakhadhayip thimihnwdyaw stwfnaethamiprasathkarrbruthidi echn karmxngehn karrbfng aelasayta smachikswnmakthixxkhakininewlaklangkhuncamitathiihy aelainbangsmachikmitathiiwtxaesngxltraiwoxelt stwfnaethaswnmakmihnwdthiyawaelaiwtxkarcbtxnghruxtrwcsxbsingrxbkhang bangsmachikmikraphungaekmthixaccapkkhlumipdwykhn enuxngcaklinimsamarthyunthungfntdhnaid karthakhwamsaxadkraphungaekmsamarththaidodykarkhybihkraphungaekmkhanginnnxxkmaaelaklbekhaipihm stwfnaethamirabbkaryxyxaharthimiprasiththiphaphsung sungsamarthyxyaeladudsumphlngnganidthungrxyla 80 cakphlngnganinxaharthnghmd eslluolscathukkraephaaxaharyxyihnumlngaelasngtxipyngkraepaalaisihysungmiaebkhthieriythiyxyeslluolstx hlngcaknnstwfnaethanica coprophagy khxngtwexngephuxihlaisiddudsumxahar ephraachannmulkhxngstwinxndbnicamilksnaaekhngaelaaehng instwfnaethahlaychnid xngkhchatikhxngtwphucamikraduk swnxnthacaxyubriewnthxnghruxhnakha sexual dimorphism khxngstwfnaethasayphnthediywknekidkhunxyumakinbangklumechn aelaokefxr twphucamikhnadrangkaythiihyaelaaekhngaerngkwatwemiysungxaccaekidmakcak sexual selection aelakartxsuephuxkhuphsmphnthuinhmustwephsphu inkhnathisingtrngkhamekidkhunklbstwfnaethabangchnid echn chipmngk aela odythitwemiycamikhnadrangkaythiihyaelaaekhngaerngkwatwphu sungehtuphlkhxngkarekidpraktkarnniyngimthrabepnaenchd aetinkrnikhxng twphueluxktwemiythimikhnadtwihykwaephraawamioxkasinkarsubphnthuthisungkwa nxkcakniaelwkhwamaetktangrahwangephsxaccamiimehmuxnkninaetlaprachakrinstwfnaethachnidediywkn echn Vole echninkrnikhxng Bank vole odythwiptwemiycamirangkaythiihykwatwphu aetthwainprachakr n ekhtphuekhasung twphumirangkaythiihymakkwatwemiy sungxaccamiphlmacakcanwnphulathinxyaelakartxsuephuxkhuphsmphnthuinhmustwephsphuthinxykwathinthixyuaelakaraephrkracayhnubaninkrathangdxkim stwfnaethabangchnidxyuinphunthixyuxasykhxngmnusy stwfnaethaxasyinthukthwipykewnthwipaexntarktika nxkcakniaelwyngepnstweliynglukdwynanmthixyuxasybnbkaelamisayrkklumaerkthithungaelaaephrkracayinthwipxxsetreliyaelaekaaniwkiniodymnusyimidmiswnekiywkhxngkbpraktkarnni inthangklbknmnusythaihstwfnaethaechn hnucid aephrkracayinekaatang stwfnaethasamarthprbtwihekhakbphumixakasekuxbthukthibnolktngaetthndra mihima thungthaelthray stwfnaethabangchnidechn Tree squirrel aelasmachikkhxngwngsemnolkihm xasybntnimid inkhnathistwfnaethaxunechnokefxr Gopher Tuco tuco hnutun mole rat xasyitdinepnswnmakaelasrangrabbophrngthisbsxn stwfnaethaxunxikxasyxyubnphundin aetyngsamarthsrangophrngitdinephuxhlbstru biewxraela Muskrat xasyxyuthngbnbkaelana aetstwfnaethathiprbtwkbkarxasyxyuinnamakthisudkhux cakekaaniwkini nxkcakphunthixasyxyuinthrrmchati stwfnaethabangchnidxasyxyuinsphaphaewdlxmthimnusysrangkhunechn ekhtkarekstraelaemuxng stwxndbfnaethabangchnidechn srangekhuxncakthxnim sungthaihekidaehlngnaihm odyspichisnithuxwaepn ecosystem engineer thungaemwastwfnaethabangchnidepnstwthikxkhwamrngkhwanihaekmnusy stwfnaethaxunmibthbathsakhyinkarhmunewiynkhxngrabbniews bangsmachikthuxwaepnsingmichiwitkhiysotn keystone species aela ecosystem engineer twxyangechninthwipxemrikaehnux n briewn Great Plains karsrangophrngkhxngaephrridxkthuxwamimibthbathsakhyinkarsukkrxn karkktunkaskharbxnidxxkisd aelakaraeckcaysarxaharkhxngdinechn ephimsarxinthriyaelakardudsumnakhxngdin nxkcakniaelwstwkinphuchchnidxunechn bison aela pronghorn chxbthicakinhyainbriewnthixyuxasykhxngaephrridxk enuxngcakkhunphaphthangophchnakarkhxnghyathisung karldlngkhxngprachakraephrridxksamarthnaipsu biodiversity loss inradbphumiphakhaelathxngthin karldlngkhxngkarthukkinkhxngemldphnthuphuch aelakarerimtnaelaaephrkracaykhxng echn Prosopis glandulosa nxkcakniaelwstwfnaethathikhuddinxaccakinfruttingbxdikhxngehdraaelaaephrkracayspxrphanthangmulkhxngstw sungthaihehdrakhyayxanaekhtaelasrangkhwamsmphnthrahwangechuxrakbrakphuch inhlayphunthiekhtrxn biewxrmibthbathsakhyinkarcdkarthrphyakrna karthibiewxrsrangekhuxnaelarngsamarthepliynthisthangkhxngsaynaid sungsngphlihmikarsrangphunthichumnaihm nganwicyhnungphbwakarsrangekhuxnkhxngbiewxrephimprachakrkhxngimlmlukinbriewn riparian zone idthungrxyla 33 aelaxiknganwicyhnungphbwachwyephimprachakrkhxngplaaeslmxnphvtikrrmaelaprawtichiwitkarkinxahar sasmxahariwinkraphungaekm stwfnaethaswnihyepnstwthikinaetphuchechn emld kan ibim dxkim aelarakim inkhnathibangsmachikkinthngphuchaelaenuxhruxepnphulastwchnidxun Field vole epnstwfnaethathikinphuchechn hya smuniphr hwrak taikhrna aelaepluxkim aelakinstwimmikraduksnhlngepnkhrngkhrawechn twxxnaemlng Plains pocket gopher kinesssakphuchthiphbecxxyuinitdinhruxekbphayinkraphungaekmephuxkktuniwkininkhrawhna Texas pocket gopher cahlikeliyngthicaophlxxkmabnphiwdinnanodykaryudrakphuchdwykhakrrikraeladungthngtnlngipyngophrngitdin inkhnathi cahaxaharbnphundinaelaekbiwinkraphungaekmcnkwacaetm aelwcungklbipyngophrngephuxthicaidnaxaharxxkmaeluxkkin Agouti epnhnunginimkiklumthisamarthepidepluxkkhxngphlbrasilntid enuxngcakphlbrasilntmiemldthiihykwathicakinidinhnungmux xakuticungidthuxemldthiehluxipdwy sungkxihekidkarkracayxanaekhtkhxngphuchephraayngmiemldhlngehluxxyuthismachikkhxngklumxakutiimidexatidtwipaelaemldnnhangiklcaktnkaenid tnxunthimiphlepnlukntmiaenwonmthicaxxkphlmakekinkwathitxngkarinchwngvduibimrwng krarxkcanaphlehlanikktuninrxyaetkhruxphunthikrwngkhxngtnimephuxiwkinkhrawhna inekhtthaelthrayphlemldkhxngphuchmkcaxxkephiyngewlasn ethann kangaroo rat cungcaekbemldehlaniethathiekbid aelanaipkktuninophrngephuxiwichkhrawhna aekhphibaraelmthunghya xikklyuththinkarcdkarthrphyakrxaharthiaetktangtamvdukalkhuxkarkinihidmakthisudaelasasmsarxaharinrupaebbikhmntwxyangechn nahnktwkhxngmarmxtinvduibimrwngxaccarxyla 50 makkwanahnkinchwngvduibimphli marmxttxngkarsasmikhmnephuxchwngvduhnawbiewxrkinphuchnaaelaibimaelaepluxkimchninkhxngtnimthikalngot biewxrsasmxaharsahrbvduhnawodykartdtnimtnelkaelakingimthimiibinvduibimrwng caknnaelwcungpkimehlanniwindinthixyuitaexngna biewxrcungsamarthmixaharitnaiwkinidtlxdvduhnawthungaemwaphunphiwnakhxngaexngcaepnnaaekhngktam khnthwipmkkhidwastwfnaethaepnstwkinphuch aetthwastwfnaethahlaychnidodyechphaasmachikthimiokhrngsrangrangkayphiess kinaemlng pla hruxenuxstwkhwbkhukbphuch nganwicythangsnthanwithyainrabbfnkhxnghnutrngkbkhwamkhidthiwastwfnaethadngedimepnmakkwastwthikinaetphuch hlaysmachikkhxng aela aelabangsmachikkhxng Hystricomorpha mikarkinenuxeyuxcakstwodypktihruxidetriymphrxmthicakinxahardngklawemuxthuknaesnxinewlastwehlannthukcxngca cakkartrwcsxbxaharinkraephaakhxng North American white footed mouse phbwarxyla 34 khxngxaharthnghmdepnenuxstw thungaemwasmachikniodypktithuxwaepnstwkinphuch stwfnaethakinenuxchnidphiessxun idaek cakpraethsfilippinssungkinaemlngaelastwimmikraduksnhlngthimienuxnum kinaemlnginna pla kung hxy hxythak kb ikhnk aelankna grasshopper mouse cakekhtaelngkhxngthwipxemrikatxnehnuxmiaehlngxaharhlkkhuxaemlng aemngpxng aelahnukhnadelkchnidxun inkhnathimiphuchepnaehlngxaharyxy hnuchnidnimilatwthixwnelknxy mikhasnaelahang aetmikhwamwxngiwmakaelasamarthexachnaehyuxthimikhnadrangkayethakbtwexng phvtikrrmthangsngkhm aephrridxksrangophrngaelaxyuepnfung stwfnaethamikhwamhlakhlayinphvtikrrmthangsngkhm sungmitngaetkhxng naked mole rat rabbsngkhmaebbxanaekhtkhxngaephrridxk karxyuepnklumfungcnthungkarxyuxyangsnodsechn edible dormouse dxremasthiotetmwyxaccamaxanaekhtaehlngxaharthithbsxnkbtwxun aetdxremasmirngepnkhxngtwexngaelahakinediyw ykewnchwngvduphsmphnthuthidxremascaecxknaelaphsmphnthu okefxrepnstwsnodsykewnchwngvduphsmphnthu odyaetlatwnncakhudophrngthisbsxnaelamixanaekhtepntwexng stwfnaethathimikhnadihymkcaxasyepnkhrxbkhrwodythiphxaelaaemcaxyukblukcnkwathiluknncaxxkcakkhrxbkhrw twxyangechn biewxr odykhrxbkhrwmkcaprakxbipdwyphuihyhnungkhu lukkhxngpini aelalukkhxngpithiaelwhruxaekkwaniepnbangkhrng hnubanmkxyuxasyepnfungthimikhnadelkodymismachikephsemiyhktwkhunipxasyxyuinophrng inkhnathitwphupxngknxanaekhtbriewnophrng aetthwarabbnicaepliynemuxmikhwamhnaaennkhxngprachakrephimkhun odytwphucamikarcdladbkhwamsakhyinsngkhmthisbsxn luktwemiyyngkhngxasyxyuinophrngepnklum inkhnathiemuxluktwphuotphxpramanaelwcaxxkcakrng Prairie vole miphvtikrrmkarphsmphnthuaebbphwediywemiyediyw sungemuxstweluxkkhuphsmphnthuidaelwcaxyukbkhuphsmphnthutlxdchiwit inchwngewlanxkvduphsmphnthuhnunaaephrricaxasyepnklumelk odytwphuimaesdngxakarkawrawtxtwphutwxuncnkwaemuxtwphucaecxkhukhrxng sunginewlanntwphucapxngkntwemiy xanaekht aelarngcaktwphuxun twemiyaelatwphucaxasyxyurwmknxyangiklchid thakhwamsaxadihsungknaelakn aelaaebngpnhnathiduaellukkbrngdwykn rngkhxng inbrrdastwfnaethathiepnstwmisngkhmmakthisudkhux sungxyuxasyknepnfungodythimitwemiythisrangepnrabbekhruxyatiinkhnathitwphucakracaytwxxkcakklumhlngcakthihyanmaemaelaxasyxyangaerrxnemuxotetmwy karrwmmuxkhxngkrarxkdinmikhwamaetktangkninaetlasayphnthu aetodythwipaelwmkmikaraecngetuxnphy karpxngknxanaekht karaebngpnxahar karpxngknphunthibriewnrng aelakarkhdkhwangkarkhathark Black tailed prairie dog xyuxasyepnfungaelamikarsrangophrngthimilksnakhlayemuxngkhnadihysungxackhrxbkhlumidhlayehktar odythiaetlaophrngcaimechuxmtxsungknaelakn aelakhrxbkhrxngodyaetlaxanaaekhtkhxngkhrxbkhrwthieriykwahmu coteries inaetlahmumkcamihnungtwphuthiotetmwy samhruxsitwemiythiotetmwy lukthiyngimphsmphnthuaelamixayuhnungpi aelalukkhxngpini odysmachikinklumcaepnmitrsungknaelaknaetcaaesdngxakarkawrawkbsmachikphaynxk tunhnuirkhnaela Damaraland mole rat aesdngihthunglksnakarxyuknepnfungxyangmak odythitunhnuirkhnxyuxasyphayitdintlxdewlaaelasrangfungthimismachikmakthungaepdsibsmachik aetthwamiephiynghnungtwemiyaelatwphuidmakthungsamtwinfungthisamarthphsmphnthu inkhnathismachikxunthimikhnadelkkwaepnhmnaelamihnathihlkkhuxthangan bangsmachikthimikhnadpanklangmihnathichwyeliyngdutwxxnaelathahnathiphsmphnthuaethnemuxtwkhyayphnthuhlktay hnutunaedmmaraaelndmilksnaednodyinfungcamiephiyngtwphuaelatwemiyxyanglatwthithahnathikhyayphnthu inkhnasmachikthiehluxepnhmnxyangimaethcringaelasamarthphsmphnthuidtxemuxsmachiknnsrangfungihmexng karsuxsar karrbklin sayphnthuthiaesdngkhwamehnaekyatiechn hnuhringbanphungphaklincakmul pssawa aelasarthikhbcaktxm inkaraeykaeyastwthixyutrakulaelasayphnthuediywkncakstwtangtrakul stwfnaethamikarwangekhruxnghmayklininbribththangsngkhmtang sungrwmthungkarsuxsarrahwangphayinaelanxksayphnthu karkxtngxanaekht aelakarkahndthangekhluxnthi khxmulthangphnthukrrmthiphbcakpssawakhxngstwfnaethaihkhxmulekiywkbtwmnexngechnephs sayphnthu radbchnthangsngkhm sthankarnsubphnthu aelasukhphaph pssawakhxngstwfnaethayngmioprtinthiekaakbsarprakxbthiidcaklumkhxngyinsungepntwkahndaelakhwbkhumlksnakhxngaexntiecnbnphiwesllthiekiywkhxngkbkartxbrbhruxptiesthenuxeyuxrwmthngkartxbsnxngthangphumikhumkn major histocompatibility complex MHC phvtikrrmkarwangklinkhxngstwfnaethasamarththukrbkwniddwyklintwkhxngnklasungxaccamiphlyawnan khntaecdwn stwfnaethasamarthaeykaeyastwthixyutrakulaelasayphnthuediywkncakstwtangtrakuliddwyklin sungstwcaaesdngkhwamehnaekyatitxstwsaytrakulaelasayphnthuediywknaelahlikehliyngkarphsmeluxdchid klinthistwidrbsamarthmaidcakmul pssawa aelasarthikhbcaktxm nxkcakniaelwkhwamsamarthinkaraeykaeyanixaccamiswnekiywkhxngkb MHC odythiradbkhwamsmphnthkhxngstwsxngtwcaekiywkhxngkbkhwamkhlaykhlungknkhxngyin MHC karsuxsarrahwangstwtangsayphnthukhwrmiekhruxnghmayklinthixyukhngnankwa ephraachannaelwstwxaccaichoprtinhlkinpssawa MUPs thiimsamarthraehyidepntwkhnsngfioromn nxkcakniaelwstwfnaethaxaccaich MUPs inkarsngsyyanbngbxkthungsthanakhxngtwexngxyangechn hnuhringbantwphuthikhbpssawathimi MUPs xyucanwnmak hnuhringbankhbpssawathimifioromnsahrbkarkxtngxanaekht karaeykaeyasmachikinklum aelaradbchnthangsngkhmbiewxraela red squirrel samarthrbruthungklinkhxngsmachikinxanaekhtephuxnban sngphlihmikartxbsnxngtxkarbukrukodysmachikkhxngxanaekhtephuxnbanrunaerngnxykwasmachiktangthinhruxaeplkhna praktkarnnimichuxeriykwa karrbfng common degu mirabbesiyngthisbsxn stwfnaethahlaychnidodyechphaastwsngkhmthihakintxnklangwnmiwithikaraecngetuxnphythihlakhlayemuxstwrusukxntray odyphvtikrrmkhxngstwniihpraoychnaekstwthngodytrngaelaimodytrng stwphulaxaccahyudkarlaemuxthukphbecx hruxkaraecngetuxnihxphyph stwhlayphnthuechnaephrridxkmirabbkaretuxnphyphulathisbsxn sungwithikaretuxnphykhxngaephrridxkcaaetktangknemuxphbecxphulaaetktangphnthu echn stwpikhruxstwbk odyinaetlawithikaretuxnphycamikhxmulthiaemnyaaelaradbkhwamchukechinekiywkbphyxntray stwfnaethathimisngkhmmirabbesiyngthihlakhlaymakkwastwfnaethathixyuxyangsnods sibhaesiyngthiaetktangknidthukkhnphbin thiotetmwyaelalukstwsitw echnediywkb common degu sungepnhnuthimisngkhmaelakhudhlumxikchnidhnung miwithikarsuxsarthihlakhlayaelaesiyngthimithungsibhachniddwykn nxkcakniaelwkarsuxsarkhxngmikarichesiyngthimikhwamthisungemuxxyuiklkn hnuhringbanichesiyngthikhnsamarthidyinidaelaesiyngthimikhwamthisunginoxkastang odyesiyngthikhnsamarthidyinnnmkepnesiyngthihnuichemuxephchiyhnakbsingxntray inkhnathiesiyngthimikhwamthisungthukichsahrbkarhakhuphsmphnthuaelaemuxlukhnuhringbantkcakrng source source source source source source marmxtkalngphiwpak odyswnmakcaepnhnuban miesiyngthisnaelakhwamthisungemuxrusukdiechninewlaeln rxkhxykarchidmxrfin phsmphnthu hruxthukckci odyesiyngkhxnghnuthdlxngmilksnakhlaykhlungkbesiynghweraaaelathuktikhwamwaepnesiyngkarkhadhwngthungsingthithaihmikhwamsukh cakkarsuksainkhlinikesiyngnikhxnghnuthdlxngmikhwamsmphnthkbkhwamrusukthangxarmninechingbwkaelakarsrangmitrphaphemuxthukckci sungsngphlihhnuthdlxngmikhwamaeswnghakarthukckcimakkhun aetthwaemuxxayukhxnghnuephimkhunkhwamtxngkarnnldlng echnediywkbesiyngkhxngstwfnaethaxun esiyngkhxnghnuthdlxngmikhwamthithisungmakekinkwathimnusysamarthrbruidthaimmixupkrnphiessechn karmxngehn stwfnaethamikhwamehmuxnkbstweliynglukdwynanmthimisayrkykewnstwinxndbwanr trngthimiesllrbaesngrupkrwyincxtaxyusxngchnidkhuxaebbkhwamyawkhlunsn sinaengin aesngxltraiwoxelt aelaaebbkhwamyawpanklang siekhiyw ephraachannstwfnaethathuxwaxyuinklumstwthimitwrbsisxngaebb aetthwastwfnaethamitwrbaesngthiiwtxsepktrmkhxngaesngxltraiwoxelt sungsamarthihstwfnaethaehnaesngthimnusyimsamarthmxngehnid odykhxmulekiywkbkhwamiwtxaesngxltraiwoxeltyngimepnthiaenchd inkrnikhxng common degu mithxngthisamarthsathxnaesngxltraiwoxeltidmakkwaphiwbnhlng ephraachannaelwemuxhnuedkurusuktuntrahnk sngphlihhnuedkuyunkhundwykhahlngsungthaihhnathxngkhxngmnepidephyaelasathxnaesngxltraiwoxeltipynghnutwxunephuxsngsyyanetuxnphy inthangklbknemuxhnuedkuyundwysikhakarsathxnaesngxltraiwoxeltcaldlng sungldoxkaskhxngstwphulainkarphbecxhnuedku aesngxltraiwoxeltmimakinchwngklangwnaetimichchwngklangkhun stwfnaethaswnmakcatuntwinchwngphraxathitykhunaelalngsungmipraoychnkbstwfnaethamakephraaepnchwngthixtrakarkarephimkhxngaesngxltraiwoxeltcamakkhun inkhnathikhwamsamarthinkarsathxnaesngxltraiwoxeltxaccaimmipraoychnmaksahrbstwfnaethathixxkhakintxnklangkhun pssawakhxngstwfnaethasamarthsathxnaesngxltraiwoxeltepnxyangdi ephraaehtunipssawaxaccasamarthichinkarsuxsarrahwangstwfnaethathangthngklinaelakarmxngehn aetthwaxtrakarsathxnaesngxltraiwoxeltkhxngpssawacaldlngemuxewlaphanip sungxaccaihothsihaekstwfnaethaephraaehyiywekhsetrlsamarthaeykaeyahwangekhruxnghmayklinpssawakhxngstwfnaethathiihmaelaekaid sungephimkhwamsaercinkarlakhxngehyiywthapssawakhxngstwfnaethannyngihm karwangaephn Middle East blind mole rat ichkarsuxsardwykarsrangaerngsnsaethuxnindin stwfnaethaichkarsnsaethuxnepnkarsngsyyanihkbstwsayphnthuediywknephuxihkhxmulekiywkbkarkrathakhxngstwtwhnung karaecngetuxnthungphyxntrayaelakarmaphula karduaelfunghruxyati aelakarekiywpharasi Middle East blind mole rat epnstweliynglukdwynanmtwaerkthithukphbecxwami seismic communication odythihnutunirkhnnicakraaethkhwtwexngekhakbkaaephnginophrngkhxngmn odytxnaerkkarkrathanithuktikhwamwaepnhnunginphvtikrrmkarkhudophrngkhxnghnutunirkhn aetthwankstwwithyakhnphbtxnhlngwakarkrathaniichepnkarsuxsarthangiklkbhnutunirkhntwxun karsrangaerngsnsaethuxndwyethathukichswnmakephuxepnkaretuxnnklahruxkarpxngkntwexng sungphvtikrrmniichodystwthixasyxyuitdinhruxkungitdinepnhlk banner tailed kangaroo rat samarthsrangaerngsnsaethuxndwyethainhlayrupaebbinaetlaoxkasechn emuxphbecxngu karsrangaerngsnsaethuxndwyethaxaccaetuxnphyaeklukkhxnghnucingocid aetthwasaehtuhlkkhxngkarkrathanikhuxkaraesdngihnguehnwahnucingoctuntrahnkekinkwathingucasamarthlahnuidxyangsaerc sungthaihngunnlmelikkarla hlaykarsuksaphbwa Cape mole rat mikarichsahrbkarhakhuphsmphnthu odykarsrangaerngsnsaethuxndwyethacathukichemuxmikaraekhngkhninhmutwphuephuxaeyngtwemiy twphuthiaekhngaerngkwacaaesdngskyphaphinkarsrangaerngsnsaethuxn ephuxhlikeliyngkartxsuthangkayphaphkbkhuaekhngthisamarthsrangkarbadecbihthngsxngfngid klyuththkarphsmphnthu krarxkdinekhpepntwxyangkhxngstwfnaethathimiphvtikrrmkhwamsasxn stwfnaethabangchnidmilksnakarphsmphnthuaebbphwediywemiyediyw sungmisxngrupaebbhlk odyinrupaebbaerk obligate monogamy thngphxaelaaemcaduaellukaelamibthbathsakhyinkardarngchiwitxyukhxngluk phvtikrrmnimipraoychnenuxngcaktwphuldoxkasinkarthiimecxkhuphsmphnthutwihmhruxphsmphnthukbtwemiythiepnhmn stwxndbfnaethathiichrupaebbnikhux California mouse Oldfield mouse Malagasy giant rat aelabiewxr inkhnathirupaebbthisxng facultative monogamy twphuimsamarthduaellukaelacaxyukbtwemiyephiyngtwediywephraaimsamarthhatwemiyihmidenuxngcakkarxyuxyangkracdkracay twxyangkhxngstwfnaethathiichrupaebbnikhux Prairie vole odythitwphucaxyuinbriewnrngaelamihnathipxngkntwemiyaelalukcakphula stwfnaethachnidxunmiphvtikrrmkarphsmphnthuaebb odytwphucaphsmphnthukbtwemiyhlaytw phvtikrrmniaebngxxkepnsxngchnidhlk odychnidaerk defense polygyny twphucakhrxbkhrxngxanaekhtthimithrphyakrmakephuxdungdudtwemiy stwklumthimiphvtikrrmlksnaaerkidaek Yellow bellied marmot California ground squirrel Columbian ground squirrel Richardson s ground squirrel twphuthipkkhrxngxanaekhtnnthuxwaepn phxban inkhnathitwemiythixasyinxanaekhtnnthuxwaepn aemban inkrnikhxngmarmxt twphuthiepnphxbancasuephuxxanaekhtkhxngtwexngaelachnaphubukruktwphuepnbxykhrng stwfnaethabangchnidpkpxngtwemiythiepnaembanodytrngaelakartxsuxaccakxkhwambadecbsahsaekthngsxngfng inkhnathiphvtikrrmaebbthisxng non defense polygyny twphucaimxyuepnhlkepnthanaetcaedineruxy ephuxhatwemiythicakhrxngkhrxng twphuehlanimiladbchnthangsngkhm odythitwphuthimiladbchnsungcamioxkasekhathungtwemiymakkwatwphuthimiladbchnta phvtikrrmekidkhuninklumstwfnaethaechn Belding s ground squirrel aelakrarxktnimbangchnid mating plug intwemiykhxng Belding s ground squirrel phvtikrrmkhwamsasxnekidkhuninthngtwphuaelatwemiykhxngstwfnaethabangchnid inkrnikhxng White footed mouse twemiycamilukhlaytwthimacaktangphx phvtikrrmkhwamsasxnkxihekidkaraekhngkhnthangxsuciodytwphumkcamixnthathiihy inkrnikhxngkrarxkdinekhp Cape ground squirrel xnthakhxngtwphuxaccamikhwamyawidthungrxyla 20 khxngkhwamyawhwcrdtw stwfnaethabangchnidmiphvtikrrmkareluxkkhuphsmphnthuthiimtaytwsungsamarthmiidthngaebbphwediywemiyediyw phwediywhlayemiy aelasasxn twemiykhxngstwfnaethamibthbathsakhyinkareluxkkhuphsmphnthu odypccyhlkthisngphlkbkartdsinickhxngtwemiyidaek khnadtw xndbthangsngkhm aelakarekhluxnihwkhxngtwphu inkrnikhxnghnutunthimilksnathangsngkhmaebbhnungtwemiykhxngfungthahnathisubphnthuinkhnathitwemiytwxunmihnathiduaeledk hnungtwemiycapkkhrxngfungaelaphsmphnthukbtwphuxyangnxysamtw instwfnaethahlaychnidechn hnubanaelahnuhringban miwngcrkartkikhekidkhunxyangsmaesmx inkhnathistwfnaethachnidxunechn hnuna Vole karerimphsmphnthucakratunwngcrkartkikh inrahwangthiphsmphnthutwphukhxngstwfnaethabangchnidcawang mating plug bnthangepidkhxngxwyaephskhxngtwemiy sungcapxngknkarrwihlkhxngxsuciaelapxngknimihtwphuxunchidxsuciihtwemiy twemiysamarthnaaethngknchuxxkidelyhruxhlaychwomnghlngcakkarphsmphnthu karekidaelakareliyngdu twxxnkhxng Bank vole xasyxyuinrngitkxngim stwfnaethaxaccaekidmaepntwxxnthiimsmburn mikhnnxyaelaimsamarthmxngehnid hruxtwxxnthismburn mikhnmakaelamxngehnid khunxyukbchnidkhxngstw odyswnmakkrarxkaelahnucaxxklukepntwxxnthiimsmburn inkhnathihnutaephaaelaemncaxxklukepntwxxnthismburn odythwiptwemiykhxngstwthixxklukimsmburncasrangrngxyangpnitkxnthicaxxkluk txmatwemiycaduaellukcnkwalukca twemiycaxxklukodykarnnghruxnxnlngaelalukcaxxkxxkmainthangthitwemiyhnhna lukthiekidmaihmnnsamarthedinthangxxkcakrngemuxsamarthehnidaelwaelacaklbyngrngbxykhrng cnkrathngemuxlukotaelaphthnamakkhunlukcaklbmayngrngnxylng emuxlukhyanm lukcaxxkcakrngxyangthawr instwthixxktwxxnthismburn twemiymkcaimkhxysrangrngthilaexiydaelasbsxnmakinkhnathitwemiybangtwimsrangrngely twemiycayunrahwangxxklukaelalukcaxxkmathangdanhlngkhxngtwemiy twemiykhxngstwthixxklukthismburnsamarthrksakartidtxkblukthiekhluxnihwiddwyesiyngeriykkhxngaem thungaemwalukcasamarthxyurxdiddwytwexngaelahyanmaelw lukyngkhngthukduaelodyaemtxip twemiyxxkcanwnluktxhnungkhxkaetktangkn odytwemiythixxkluknxycaichewlaxyuinrngmakkwatwemiythixxklukeyxa Patagonian Mara thiotetmwysxngtwxasyxyukbtwxxn epntwxyangkhxnglksnakarphsmphnthuaebbphwediywemiyediyaelachnidkhxngstwthimikaraebngpnrng twemiykhxngstwfnaethasamarthduaellukthngaebbodytrngechn karthakhwamsaxadtwaelakarkhdtwxyuikl aelaaebbthangxxmechn karhaxahar hasrangrng aelakarpkpxngluk inhlaystwfnaethathimisngkhm lukxaccathukduaelodystwtwxunnxkehnuxcakphxaemkhxngmn sungepnkarkrathathieriykwa alloparenting hrux odyphvtikrrmkarduaelniekidkhunkb Black tailed prairie dog aela Belding s ground squirrel odythitwemiyhlaytwcasranghlayrngaelaichrwmknephuxduaelthnglukkhxngtwexngaelalukkhxngtwxun phvtikrrmnikxihekidkhathamthiwaaemehlanisamarthaeykaeyarahwanglukkhxngtwexngcakkhxngtwxunidhruxim inkrnikhxng Patagonian Mara lukcaxyuinrngthiaebngpnkblukkhxngtwxundwykn aetthwaaemcaimxnuyatihlukstwkhxngtwxunduaelluknxkehnuxcakkhxngtwexng phvtikrrmekidkhuninstwfnaethahlaychnid aelaxaccamiinstwetmwychnidediywknthngtwphuaelatwemiy pccyhlkthikxihekidphvtikrrmxaccamiidthngkhwamekhriyddanxahar karaekhngkhndanthrphyakrxahar hlikeliyngkarduaelthiphidphlad aelainkrnikhxngtwphu thaihtwemiyphrxmthicaphsmphnthuxikkhrng odyehtuphlxndbsudthayekidkhunbxykhrnginstwxndbwanraelasingot aetnxykhrnginstwxndbfnaetha phvtikrrmkarkhaedkxxnekidkhunbxykhrngin Black tailed prairie dog sungrwmthungkarkhaedkxxnodyphubukrukthiepntwphu phuxphyphthiepntwemiy aelaphvtikrrmkarkinluktwexngkhxngstw twemiymikarpxngkarkhaedkxxncakstwetmwytwxunodyxaccaaesdngxakarkawrawtxstwtwnn phsmphnthuhlaykhrng pxngknxanaekhtkhxngtwexng hruxkarxxklukkxnkahnd phvtikrrmekidkhuninstwfnaethaechnkn inkrnikhxng Alpine marmot twemiythimixndbthangsngkhmthisungcakhmkarphsmphnthukhxngtwemiytwxunodyaesdngxakarimepnmitrtxtwemiytwxuninrahwangtngkhrrph sngphlihekidkaraethngkhxngtharkinkhrrph stipyya hnucingocsamarthkhnhataaehnngkhxngxahardwykhwamcaekiywkbsthanthi stwfnaethamikhwamchladthisung stwfnaethamkcaimkinxaharthiaeplkihm sathxnkbkarprbtwkhxngstwfnaethathiimsamarthxaeciynxahar aetcachim rxaelasngektwaxaharthikinthaihtwstwexnghruxstwxunpwyhruxim karthistwfnaethasamartheriynruthicahlikeliyngehyuxxaharthiepnphisthaihepnstwkxkhwamwunwaythiyaktxkarkacd hnutaephasamartheriynruaelacaesnthangthisbsxnipyngxahar krarxkaelahnucingocsamarthkhnhataaehnngkhxngxahariddwykhwamcaekiywkbsthanthinxkehnuxcakkardmklin khwamruekiywkbkhwamchladkhxngstwfnaethamikhwamkawhnamakkhunenuxngcakkarnahnuhringbanaelahnubanmaepnstwthdlxng hnubanmixkhtithangkartdsinic odykarpramwlphlkhxmulcaepliynaeplngkhunxyukbsphawathangcitic twxyangechnemuxhnuthdlxngthukfukihtxbsnxngtxothnesiyngechphaaodykarkdkhnoykephuxrbrangwlaelakdkhnoykxunemuxidyinxikothnesiyngephuxhlikeliyngkarthukiffachxt hnuthdlxngtwnncatxsxbsnxngtxesiyngthixyurahwangothnesiyngthngsxngodykarkdkhnoykthiidrbrangwlmakkwaemuxhnutwnnidthukckci singthihnuchxb karthdlxngnichiihehnthungkhwamsmphnthrahwangsphawaciticthidiaelakartdsinicemuxphbecxsthankarnthiimaennxnkhxngstwthdlxng nxkcakniaelwhnubanxaccami metacognition sunghmaythungkartrahnkthungkareriynrukhxngtwexngaelatdsinicdwykhwamruthimihruximmi odykhwamkhidnisnbsnunodyphlkarthdlxngekiywkbkartdsinickhxnghnubanekiywkbkareluxkhnathithingaykwaaelamirangwlsung sungthaihhnuepnstwthisxnghlngcakstwxndbwanrthimikhwamsamarthni aetthwaphlkarthdlxngnimikhxotaeyngxyuepncanwnmakenuxngcakhnuthdlxngxaccaephiyngthatamthi operant conditioning principles hruxomedlesrsthsastrphvtikrrm hnubanichkhwamsamarthinkareriynrusngkhminsthankarnhlayxyangodyechphaakaraeswnghaxaharthichxbkarcdcaaenkaelawiwthnakarprawtiwiwthnakar fxssilkhxng cakaehlngfxssilxioxsin n praethseyxrmn kareriyngkhxngfn Dentition epnlksnasakhyinkarcaaenkfxssilkhxngstwfnaethacakfxssilkhxngstwchnidxun odyfxssilstwfnaethathiekaaekthisudthiekhybnthukmacaksmysmyphalioxsinsungepnchwnghlngcakkarsuyphnthukhxngidonesarthiimichnkemux 66 lanpithiaelw fxssilehlanithukphbecx n mhathwiplxerechiy sungrwmthwip n pccubnidaek thwipxemrikaehnux yuorp aelaexechiy kliersepnekhldthirwmxndbstwfnaethaaelaxndbkratayiwdwykn odyekhldniaebngaeykxxkcakechuxsaystweliynglukdwynminimkilanpihlngcak Cretaceous Tertiary boundary txmastwfnaethaaelakrataycungaephrmikhwamhlakhlaythangsayphnthuthimakkhuninchwngmhayukhsionosxik phlkhxmulcak molecular clock data chiihehnwastwfnaetha n pccubnophrkhunmacakplayyukhkhriethechiys aetthwakarkhadkarnkhxngnganwicyxuntrngkbkarbnthukkhxngfxssilmakkwa smyphalioxsin stwfnaethathukechuxwamiaehlngkaenidinexechiy sungepnsthanthithistw idrbphlkrathbxyangmakenuxngcakehtukarnkarsuyphnthuyukhkhriethechiys phalioxcin aelaimekhyfunfuklbidimehmuxnedimsungimehmuxnkbyatikhxngmninthwipxemrikaehnuxaelayuorp xnepnphlcakkarthirabbniewsidphlkrathbcakehtukarnkarsuyphnthu epidoxkasihstwfnaethaaelasmachikinekhldkliersmiwiwthnakaraelasamarthkracayphnthuid khwamsmphnthrahwangkaraephrkracaykhxngstwfnaethaaelakarsuyphnthukhxng multituberculates epnhwkhxthimikarthkethiyngepnxyangmak khwamhlakhlaythangchiwphaphkhxng multituberculates xemriknaelayuorpldlngemuxmikarnaekhakhxngstwxndbfnaethainphunthini aetthwa multituberculates cakthwipexechiyyngkhnghlngehluxxyuaelaxasyrwmknkbstwfnaethaxyangnxy 15 lanpi prawtisastrkarpkkhrxngthwipbnolkodystwfnaethamikhwamsbsxn karaephrkracaykhxngwngsihy rwmstwechn aehmsetxr ecxrbil hnuthiaethcring xaccarwmthung 7 phunthiinthwipaexfrika 5 phunthiinthwipxemrikaehnux 4 phunthiinexechiytawnxxkechiyngit 2 phunthiinthwipxemrikait aelamakthung 10 phunthiinthwipyuerechiy epnokefxrthimiekha stweliynglukdwynmthikhuddininplaysmyimoxsinthungtnsmyiphlsotsin aelaepnstwfnaethaediywthiruckwamiekha khwamhlakhlaythangsayphnthukhxngstwfnaethaephiminsmyxioxsin biewxrmitnkaenidxyu n thwipyueresiyinplaysmyxioxsinkxnthicaaephrkracaythinthanipyngthwipxemrikaehnuxinplaysmyimoxsin klumkhxngemnolkeka khadkarwamitnkaenid n thwipexechiyemux 39 5 lanpithiaelwaelaerimthicaaephrkracayinthwipaexfrikainchwngplayxioxsin fxssilcakaexfrikabngbxkwastwbangchnidcakklumemnolkeka Caviomorpha pkkhrxngthwipxemrikaitsungtxnnnepnthwipsnods odystwehlaniedinthangkhammhasmuthraextaelntikodylxytamkraaesnamaphrxmkbesskhya mathungyngthwipxemrikaitemux 41 lanpithiaelwaelathungekrtetxraexnthillisemuxtn sungbngbxkwastwklumniaephrkracayxyangtxenuxngbnthwipxemrikait thukechuxwaedinthangcakthwipaexfrikaipyngmadakskaremuxpraman 20 24 lanpithiaelw 27 chnidhmdkhxngkhadwanacasubthxdmacakehtukarnkarpkkhrxngkhrngediyw fxssilthiepnkhxngklumstwechn wngs Muridae erimthicaekidkhunemux 20 lanpithiaelw insmyimoxsinemuxthwipaexfrikaechuxmkbthwipexechiy stwfnaethathwipaexfrikaechn emn erimthicaaephrkracayprachakrin fxssilkhxngstwbangchnidmikhnadihymakemuxethiybkbstwfnaethainyukhpccubnrwmthung Castoroides ohioensis sungsamarthotaelamikhwamyawidthung 2 5 emtraelaminahnk 100 kiolkrm stwfnaethathimikhnadihythisudkhux sungepn pacarana thimikhwamyawtwidthung 3 emtr praman 2 3 khxngstwfnaethathnghmdxyuinwngsihy ducakaephnphumiwngklmcaehnidwawngshnu sinaengin aelawngshnuthung siaedng epnswnprakxbhlkkhxngwngsihy Muroidea stwfnaethatwaerkthithungthwipxxsetreliymacakxinodniesiyemux 5 lanpithiaelw thungaemwastwthimikraepahnathxngcaepnstweliynglukdwynmthiepnruckemuxphudthungthwipxxsetreliy stwfnaethahlaychnidsungthnghmdxyuin epnstweliynglukdwynmthxngthinthisakhy odycamistwfnaethamipraman 50 chnidthithuxwaepn smachikthxngthineka odyinklumaerkkhxngstwfnaethapkkhrxngthwipxxsetreliyemuxsmyimoxsinhruxtnsmyiphloxsin inkhnathihnuthiaethcring 8 chnidsungthuxwaepn smachikthxngthinihm mapkkhrxngthwipxxsetreliyepnklumthisxnginchwngplaysmyiphloxsinhruxtnsmyiphlsotsin fxssilthimixayuekaaekthisudinthwipxxsetreliymixayuidmakthung 4 5 lanpiaelakhxmulcakkarsuksaradbomelkultrngkbkarpkkhrxngekaaniwkinichwngtawntkemuxchwngplaysmyimoxsinhruxtnsmyiphloxsinaelatammadwykarephimkhunkhxngkhwamhlakhlaythangchiwit karaephkhyaykhxngkarprbtwekidkhunxikrxbemuxhlkcakkarpkkhrxngthwipxxsetreliyhnungkhrnghruxmakkwaemux 2 3 lanpitxma stwfnaethamibthbathsakhyemuxmikarekidkhunkhxng sungepnkarechuxmtxknkhxngthwipxemrikaitaelaehnuxdwyaephndinkhxkhxdpanamaemux 3 lanpithiaelwin odykarechuxmtxnithaihklumkhxngstwcanwnnxyechn emnolkihm Erethizontidae edinthangipyngxemrikaehnux inthangklbknkarbukrukipyngthangitkhxng ekidkhunimkilanpikxnthithwipthngsxngcaechuxmknodystwklumniedinthangodywithikarlxngaeph Sigmodontinae kracaytwaelaephimkhwamhlakhlayepnxyangmakemuxthungthwipxemrikait aetthwakarhlakhlaykhxngstwklumniekidkhunbnxemrikaklangaelwkxnkarpkkhrxngthwipxemrikait enuxngcakkarpkkhrxngkhxngstwklumnierimkhuntngaetrayatn sngphlihstwfnaethathwipxemrikaehnuxechn sciurids geomyids heteromyids aela nonsigmodontine cricetids miklumprachakrnxyinstwthwipxemrikait karcdcaaenkmatrthan chuxklum stwfnaetha rodentia erimichodynkedinthangaelankthrrmchatiwithyachawxngkvs kh s 1821 khaphasalatinyukhpccubnwa Rodentia mirakthanmacakkhakriyapccubn rodere sungaeplwa aetha hrux kdkin krataypa kratay aelaphika xndbkratay mifnddhnathietiboteruxy echnediywkbstwfnaetha aelaekhythuknbwaxyuxndbediywkn aetthwasmachikinxndbkrataymifnddhnaxikkhubnfnkrambn aelathngsxngxndbtangmiprawtiwiwthnakarthiaetktang enuxngcakwngswanwiwthnakarkhxngxndbstwfnaetha cungthastwfnaethathukcdxyuinekhldsungrwmxndbihy aela aephnphngekhlddanlangkhxkhwamniaesdngthungkhwamsmphnthrahwangsmachikkhxngxndbstwfnaetha xangxingcak Wu aelakhna kh s 2012 sungichkhxmulcakkarsuksaechingwngswanwiwthnakarradbomelkulaelabrrphchiwinwithya PerissodactylaCarnivoraPrimatesLagomorpha Ochotona Old World rabbits New World rabbits Rodentia Hystricomorpha gundis brush tailed porcupines mountain degus North American porcupines guinea pigs mountain beavers New World flying squirrels Tamias chipmunks Castor beavers kangaroo rats pocket gophers deer mice Mus true mice Rattus rats birch mice jumping mice pygmy jerboas wngskhxngxndbstwfnaethathiyngmichiwitxyu xangxingcaknganwicyody Fabre aelakhna kh s 2012 Rodentia classificationRodentia SciuridaeHystricidaeErethizontidaeDasyproctidaeSpalacidaeCricetidaeMuridae xndbstwfnaethasamarthaeykepn xndbyxy xndbthan wngsihy aelawngs aelaekidkhunbxykhrnginxndbstwfnaethaenuxngcaksmachikehlanimkthicawiwthnakarihmibthbathkhlaykn wiwthnakaraebbkhnanthiekidkhunmithngokhrngsrangfn aelabriewnrxbkaohlk itebata sungthaihyaktxkarcdaecngenuxngcaklksnathiehmuxnknxaccaimekidcakkarmibrrphburusehmuxnkn kh s 1855 epnnkthrrmchatiwithyachaweyxrmnkhnaerkthiesnxihaebngxndbstwfnaethaepnsamxndbyxy Sciuromorpha Hystricomorpha aela Myomorpha odymiphunthankhxmulmacakkarecriyetibotkhxngklamenuxkrambangmdaelathaihrabbkarcdaeykniepnthiyxmrbinewlann Schlosser kh s 1884 idthakarwicyaebbkhrxbkhlumkbfxssilkhxngstwfnaetha odyswnihyichfnkramaelaphbwatrngkbkarcderiyngxndbstwtxnnn aetthwa Tullborg kh s 1899 esnxkarcderiyngxnyxykhxngstwfnaethaihmepn Sciurognathi and Hystricognathi odymiphunthankhxmulcak Inflection khxngkramlang aelatxmaaebngepnxndbyxyephimetimepn Sciuromorpha Myomorpha Hystricomorpha aela Bathyergomorpha aemththiw kh s 1910 khidkhnkhxngstwfnaethaolkihmaetimrwmkbstwfnaethaolkekathimipyhamak karcderiyngxndbyxykhxngstwfnaethayngkhngdaenintxipodythiyngimmikhxtklng odybangphuaetngyngkhngichrabbsamxndbyxy inkhnathiphuaetngthanxunichrabb Tullborg aebbsxngxndbyxy khxthkethiyngkhxngkarcdxnyxykhxngxndbstwaethayngkhngdaenintxipaelakhxmulcakkarsuksaechingwngswanwiwthnakarradbomelkul Molecular phylogenetics yngimsamarthchwyaekpyhaniid aetthwakhxmulniyunynwaklumxndbstwfnaethamacak monophyly aelamibrrphburus n smyphalioxsin Carleton and Musser kh s 2005 cak Mammal Species of the World ichrabbhaxndbyxythiyngkhngrxkhxykaryunyn Sciuromorpha Castorimorpha Myomorpha Anomaluromorpha aela Hystricomorpha odyrabbnimi 33 wngs 481 skul aela 2277 spichis xndbstwfnaetha cakkhainphasalatin rodere aeplwaaetha xndbyxy East African springhare xndbyxy Parvorder North American porcupine xndbyxy Golden hamster xndbyxy African dormousexndbyxy wngs krarxkhangekld scaly tailed squirrel wngs springhare dd xndbyxy wngsihy wngs biewxr wngsihy wngs okefxrphxkekt pocket gopher wngs kangaroo rats amp kangaroo mouse xndbyxy Hystricomorpha wngs hnuhin dd xndbthan wngs gundi xndbthan wngs African mole rat wngs Hystricidae emnolkeka Old World porcupine wngs Dassie rat wngs cane ratParvorder wngs giant hutia wngs hnuchinchilla chinchilla rat wngs hutia wngs cavies rwmthunghnutaephaaelaaekhphibara wngs chinchilla aela wngs tuco tuco wngs Dasyproctidae agouti wngs paca wngs pacarana wngs hnukhnesiyn wngs Erethizontidae emnolkihm New World porcupine wngs Myocastoridae nakhya wngs octodont xndbyxy wngsihy wngs jerboa aela jumping mouse wngsihy wngs mouse like hamster wngs Cricetidae aehmsetxr New World rat and mouse mskhaert muskrat hnuna vole elmming lemming wngs Muridae ecxrbil gerbil hnukhnesiyn crested rat wngs hnupin climbing mouse hnuhin rock mouse hnuhangkhaw white tailed rat hnumalakasi Malagasy rat wngs spiny dormouse wngs Spalacidae hnutun mole rat xn xndbyxy wngs mountain beaver wngs also Myoxidae Muscardinidae dxremas dormouse wngs Sciuridae krarxkrwmthung chipmngk aephrridxk marmxt dd ptismphnthkbmnusykarxnurks phaphwadkhxng Red crested tree rat sungepnstwthiesiyngtxkarsuyphnthuepnxyangmak thungaemwaklumstwfnaethaepnklumstweliynglukdwynmthiimesiyngtxkarsuyphnthumak 168 spichisin 126 skulkhxngstwfnaethathuxwaxyuineknthtxngidrbkarpkpxng enuxngcakrxyla 76 khxngskulkhxngxndbstwfnaethacamiephiyngaekhhnungspichistxskul khwamhlakhlaydanwngswanwiwthnakarxaccakhadhaymakthungaemwacamistwsuyphnthuepncanwnnxy enuxngcakimmikhxmulthiraylaexiydkhxngspichisaelaxnukrmwitharthiaemnya karxnurkskhxngstwfnaethacungennswnihythiladbkhnthisung echn karennthiwngsmakkwaspichis aelasthanthisakhy hlayspichiskhxng rice rat suyphnthutngaetchwngkhriststwrrsthi 19 xaccamisaehtumacakkarsuyesiythixyuxasyaelakarnaekhastwtangthxngthin inpraethsokhlxmebiy brown hairy dwarf porcupine idthukbnthukwamithixyubnphuekhaephiyngsxngthiemuxkhristthswrrsthi 1920 inkhnathi red crested soft furred spiny rat miephiyngaekh type locality n chayfngthaelaekhribebiyn dngnnspichisehlanithuxwamimulkhathangrabbniewsaelachiwwithyamakaelakhwridrbkarpkpxng shphaphrahwangpraethsephuxkarxnurksthrrmchati IUCN ekhiyniwwa erasamarthsrupidxyangaennxnaelwwastwfnaethakhxngthwipxemrikaitxyuinphawaesiyngtxkarsuyphnthuepnxyangmakenuxngmacakkarrbkwnsingaewdlxmaelakarlastwthimakekinip samspichiskhxngstwfnaethathiaephrkracayxyuthwolkidaek hnuban hnuhringban aelahnuthxngkhaw odykaraephrkracaykhxngspichisehlaniekidenuxngcakkarthakhxngmnusyodyechphaakarlxngeruxchwngyukhaehngkarsarwc txmadwyspichisthisikhuxhnucid odyspichisehlaniepnstwkxkhwamrakhayaelathalayrabbniewsthwolktwxyangechn emuxhnucidthung Lord Howe Island inchwngkh s 1918 makkwarxyla 40 khxngspichisnkrwmthung suyphnthuphayinsibpihlngcakkarmakhxnghnucid ehtukarnkarthalaylangniekidkhunechnediywknbnekaamidewyxathxll kh s 1943 aela kh s 1962 oprecktkarxnurksthithukwangaephnepnxyangdisamarthkacdstwkxkhwamrakhayehlanixxkcakekaaidodyichyakhastwfnaethachnidsarkneluxdaekhngechn brodifacoum aephnkarrbmuxnithukichidxyangsaercbn n shrachxanackrbrietnihyaelaixraelndehnux odykhadkarwakacdhnubanidthung 40 000 tw sungthaihprachakrkhxng Manx shearwater aelankphffinaextaelntik Atlantic puffin samarthfunfucaksphawaiklsuyphnthuid karichpraoychn esuxkhlumkhnchinchillathukisinngan Exposition Universelle kh s 1900 n emuxngparis mnusyichphiwhnngstwepnesuxphamaepnyawnanenuxngcakphahnngmikhwamthnthansungaelakhnchwyihkhwamxbxunid khnphunemuxnginthwipxemrikafxkaelaeybhnngkhxngbiewxrephuxthaesuxkhlum khnyuorpchunchxbkhunphaphkhxngesuxkhlumniepnxyangmak cungthaihphthnaaelamikhwamsakhykbkhnthxngthinmak bnthwipyuorpkhnchninsungthiruckwa khnbiewxr epnkhninxudmkhtisahrbxusahkrrmkarthaphaskhlad aelaidnamathaepnhmwkaelaphapradb phayhlngnakhyaepnthiniymmakkhunsahrbkarphlitkhnsahrbkarthaphaskhladinthwipxemrikaaelayuorpenuxngcakmitnthunthitakwa aetthwaemuxkhwamniymesuxphaepliyn wtthudibihmmimakkhunaelathaihxusahkrrmkhnstwnildtwlng mikhnthinumaelalunsungthaihepnthiniymaelamirakhasungmakcnkrathngprachakrchinchillainpaekuxbthukthalaykxnthikareliynginkrngkhngephuxkhncaldkarthalayni kankhnaelakhnchnbnkhxngemnthuknamaichepnxupkrntkaetngesuxphaphunemuxng twxyangechnkhnchnbnkhxngemnsamarthnamathakhxngchnphunemuxnginthwipxemrika kankhnhlkxaccanamayxmsiaelanamarxytkaetngekhruxnghnngechn plxkmidaelakraepahnng phuhyingchnepha caekbkankhnemnodykarexaphakhlumtwemnaelanakhnemnthitidmakbphakhlumephuxthapha xahar xyangnxy 89 spichiskhxngstwfnaethasungodyswnihycaklum Hystricomorpha echnhnutaepha xkuti agouti aelaaekhphibara thuknamaichepnxahar xyangnxy 42 sngkhmmikarkinhnuin kh s 1985 hnutaephathukeliyngephuxepnxaharepnkhrngaerkemuxkxnkhristkalthi 2500 aelaemuxkxnkhristkalthi 1500 hnutaephaepnthrphyakrenuxhlkkhxngckrwrrdixinkha dxremas dormouse thukeliyngephuxepnxaharodykhnormninthiphiesschuxwa gliraria hruxkrngkhngklangaecngkhnadihysungepnsthanthithidxremasthukkhunihxwndwywxlnt ekald aelaphltnoxk nxkcakniaelwdxremasyngthukcbcakpainvduibimrwngsungepnchwngthidxremasxwnthisud khnormnnadxremasipyangaelacuminnaphunghruxnamasxdisdwyenuxhmu thwsn aelaekhruxngprungrstang aelwxb nkwicyphbwainpadibchunaexmasxnsungepnsthanthimistwihynxy phakha paca aelaxkuti agouti epnpramanrxyla 39 khxngxaharkhxngkhnthxngthin aetthwaemuxxyuinekhtthimistwihymak stwfnaethaehlaniehluxepnpramanrxyla 3 khxngxaharkhxngkhnthxngthin hnutaephathuknamaichepnxaharkhxngemuxngkusok n praethsepru echn cuy al horno sungepnhnutaephaxb etaxbthxngthinkhxngtninekhtaexndissungepnthiruckwa qoncha hrux fogon thuksrangdwyokhlnaeladinokhln aelathaihaekhngaerngdwyesnfangkhawaelakhnkhxngstwechn hnutaepha odyinpraethsepru hnutaephathukeliyngmakkwa 20 lantwsungsamarthphlitenuxthikinidmakkwa 64 lanchintxpi hnutaephathuxwaepnaehlngxaharyxdeyiymenuxngcakenuxhnutaephamioprtinechliyrxyla 19 mskhaert muskrats emn krawnhxk ground hog aelakrarxkthuknamaepnxaharkhninshrthxemrika khnchnephanawaohkinaephrridxkodykarnamaxbitokhln inkhnathikhn Paiute kinokefxr krarxk aelahnu stwthdlxng hnuthdlxng stwfnaethathukniymichepnsingmichiwitaebbcalxng thukichepnkhrngaerkephuxkarnganwicyemux kh s 1828 aelatxmaepnstwtwaerkthithukeliyngihechuxngdwywtthuprasngkhephuxnganwicy inpccubnhnuhringbanepnthiniymxyangmakephuxkarthdlxngaelain kh s 1979 echuxwamikarnahnuhringmakkwa 50 lantwtxpimaich hnuhringbanepnthiniymenuxngcakmikhnadelk xxklukcanwnmak rayakartngkhrrphsn ngaytxkarkhwbkhum aelaephraahnuhringbantxbsnxngiwtxhlaysphawaaelaorkhthiekidkhuninmnusy hnuhringbanthuknamaichinnganwicysakhaphnthusastr chiwwithyakarecriy esllchiwwithya withyamaerng aelaphumikhumknwithya hnutaephaepnstwthdlxngthiniymmakcnkrathngemuxthungplaykhriststwrrsthi 20 praman 2 5 lantwthukichtxpiinshrthxemrikasahrbkarwicyinkhristthswrrsthi 1960 aetthwaldlngepn 375 000 twtxpiemuxklangkhristthswrrsthi 1990 aelaehluxephiyngrxyla 2 khxngstwthdlxngthnghmdemux kh s 2007 hnutaephamibthbathsakhyinkarkhidkhn germ theory inplaykhriststwrrsthi 19 phanthangnganthdlxngkhxng hluys pasetxr Emile Roux aelaoraebrth khxkh nxkcakniaelwhnutaephayngthukyingipyngbnxwkashlaykhrng khrngaerkodyshphaphosewiytemux 9 minakhm kh s 1961 bn Sputnik 9 sungepnaelaklbmabnolkxyangsaerc hnutunepnstweliynglukdwynmtwediywethannthiruckwaepnstweluxdeyn dngnnhnutuncungthukichephuxsuksakarprbxunhphumikay nxkcaknihnutunepnstwthiaeplkenuxngcakimphlitsarsuxprasath sungepnsaehtuthinkwicynamaichsuksaekiywkbkhwamecbpwd stwfnaethamikhwamsamarthinkarcbklinthiiw cungthuknamaichodymnusyephuxiwtrwccbklinhruxsarekhmithitxngkarsuksa samarthtrwccbaebkhthieriykxwnorkhiddithungrxyla 86 6 aelatrwcwaimmiaebkhthieriykxwnorkhiddithungrxyla 93 nxkcakniaelwyngsamarthnaiptrwccbthunraebidid hnusamarththukichephuxsuksaehtukarnxntrayechnphunthiprasbphy aelayngsamarththukfukephuxtxbsnxngtxkhasnginrayaikl aelayngsamarthonmnawipyngthimiaesngswangidsungepnsthanthithihnumkhlikeliyng stweliyng stwfnaethahlaychnidechn hnutaephaaehmsetxr aelachipmngk epnstwthieliyngngayaelasamartheliynginphunthielk odyaetlaspichismilksnaechphaaswntw swnihythuknaipekbiwinkrngkhngthiehmaasmkbkhnadaelamikhwamtxngkarsahrbphunthiaelaptismphnththangsngkhmthiaetktangkn thastweliyngfnaethathukeliyngtnaetedk stwehlanimkcaimduxaelaimkd hnutaephamixayukhyyawaelatxngkarkrngkhngthiihy emuxechuxngsamarththuksxnihelnklid aeladuehmuxncachxbmitrphaphkhxngmnusy hnukhnadelkmkcamixayuikhnxyaetthwasamarthxyuinphunthielkid aehmsetxrepnstwsnodsaetmkcaepnstwxxkhakinewlaklangkhun aehmsetxrmiphvtikrrmthinasnicaetthwamkcaminisypxngkntwexngthaimthukcbtxngephiyngphx ecxrbilmkthicaimaesdngxakarkawraw kdnxy aelaepnstwsngkhmthichxbmitrphaphkhxngmnusyaelaspichistwexng stwrakhayaelaphahaorkh stwfnaethabangchnidkxkhwamesiyhaytxphlphlitkarekstrepnxyangmakechn hnuna vole thithalaymnfrng stwfnaethabangchnidepnstwkxkhwamesiyhayaekphlphlitekstrkrrm dwykarkinphlphlitthikktuniwodymnusy twxyangechn in kh s 2003 canwnkhawthiesiyhayephraahnuinthwipexechiykhadkarwamiprimanmakphxthicaeliyngmnusyidthung 200 lankhn khwamesiyhaytxphlphlitkarekstrthimixyuthwolkekidkhuncakimkispichiskhxngstwfnaetha inpraethsxinodniesiyaelaaethnsaeniy stwfnaethaldphlphlitthangekstrkrrmpramanrxyla 15 inkhnathiphlphlitthangekstrkrrmbangsthanthiinthwipxemrikaitldlngthungrxyla 90 nxkcakniaelwstwfnaethabangchnidechn aela ldphlphlitthangkarekstrinthwipaexfrikaechnthyphuch thwlisng phk aelaokok stwfnaethainthwipexechiyechn mxngokeliynecxrbil aela kxkhwamesiyhayaekkhaw khawfang phuchhw phk aelathw stwfnaethainthwipyuorpechn Microtus aela srangkhwamesiyhayaekswnphlim swnphk thungeliyngstw aelathyphuch stwfnaethahlaychnidinthwipaexfrikaitechn aela kxkhwamesiyhayaektnxxy phlim phk aelaphuchhw stwfnaethabangchnidepnphahanaorkhhlk echnhnuthxngkhawcamitwtidmadwy sungtwhmdnicamibthbathsakhyinkarkracayechux sungkxihekidkalorkh nxkcaknistwfnaethachnidxunyngepnphahaexngaelamistwxunsungepnphahakhxngorkhechn orkh twkxorkh phahaaelaaehlngsasmorkh Scrub typhus irbnstwfnaetha Murine typhus hmdbnstwfnaethaorkhchihnu aebkhthieriyskul Leptospira chi enuxeyux eluxdcakstwfnaetha toxoplasmosis mulcakstwwngsesuxaelaaemw odystwfnaethasamarthtidechuxaelaaephrkracaysuaemwemuxstwfnaethathukkin Trichinosis hnxntwklmskul hmukinsakstwfnaethathitidechuxklum hantaviruses echn Puumala virus Dobrava virus aela laxxngcakmul chi nalaykhxngstwfnaetha Babesiosis ophrthistskul ehbbnstwfnaethaorkhtidechuxlichmaeniy ophrothswskul stwfnaethaepnaehlngsasmorkhih sandfly rbechuxaelasngtx human granulocytic anaplasmosis ehbbnstwfnaethaorkhilm aebkhthieriyskul echn ehbbnstwfnaetha Omsk hemorrhagic fever Omsk hemorrhagic fever virus ehbbnstwfnaetha chi mul eluxdcakstwfnaethasmxngxkesb Powassan virus ehbbnstwfnaetha rickettsialpox irbnstwfnaetha relapsing fever aebkhthieriyskul echn aemlngprsitkhnadelk lice hruxehbbnstwfnaetha Rocky Mountain spotted fever ehbbnstwfnaetha West Nile fever iwrsewstinl stwfnaethaepnaehlngsasmorkhihyungaelaehbrbechuxaelasngtxbankbdbstwfnaethathiemuxngecnin praethsxinediy enuxngcakstwfnaethabangchnidepnstwthikxkhwamwunwayaelaxntraykbsatharnsukh mnusycungphyayamthicbkhwbkhumprachakrstwehlani withikarwangyahruxwangkbdbmkcaimplxdphyaelaimmiprasiththiphaph Integrated pest management phyayamthicaprbprungwithikarrbmuxodythakarsarwchlaykhrngephuxkahndkhnadprachakraelakhxbekhtkaraephrkracay kartngkhxbekhtkarkhwbkhumkarkrathakhxngstwfnaetha karrbkwn aelakarpraeminphlkhxngprasiththiphaph matkarkarrbkwnxaccarwmthungihkarsuksa tngkdhmay aelaprbepliynthixyuxasy withikarekstr odyichechuxorkhhruxstwphula rwmthungkarwangyaaelawangkbdk enuxngcakstwfnaethamiphvtikrrmkarekhdkhyadtxsarphis poison shyness hruxkarthistwimkinxaharbangpraephthhlngcakthieriynruwaxaharnnthukwangphis thaihekidkhwamyaktxkarkacdstwkxkhwamrngkhwan aetthwayaebuxhnupraephththimivththicha echnyatankaraekhngtwkhxngeluxd anticoagulant sungthaihesneluxdfxykhxngstwfnaethaekidkhwamesiyhayidaelanaipsukartkeluxdphayin samarthnamaichrbmuxphvtikrrmkarekhdkhyadtxsarphiskhxngstwfnaethaid karichechuxorkhechn Salmonella ephuxkhwbkhumprachakrstwfnaethamiphlesiyklbmaenuxngcakechuxtidtxsamarthaephrkracayipyngmnusyaelastweliyngid nxkcakniaelwstwkxkhwamrngkhwanmkphthnaphumikhumkn karichstwphulaechn efrrit phngphxn aelakingkamxnietxr ephuxkhwbkhumprachakrmiphlxxkmaimnaphxic karichaemweliyngsamarthkhwbkhumstwfnaethaidxyangmiprasiththiphaphthaprachakrimmikhnadihyekinip inshrachxanackrbrietnihy stwfnaethasxngchnididaek hnuhringbanaelahnuban thukkhwbkhumprachakrxyangmiprasiththiphaphaelathukkdhmayephuxldkhwamesiyhaythangekstrkrrm karaephrechuxbnphlphlitthangekstr aelakhwamesiyhatxekhruxngmux nxkehnuxcakniaelw karkhwbkhumprachakrduephimyaebuxhnuxangxingcak itis gov xngkvs Single G Dickman C R MacDonald D W 2001 Rodents in MacDonald D W b k The Encyclopedia of Mammals 2nd ed Oxford University Press pp 578 587 ISBN 978 0 7607 1969 5 Muller J Clauss M Codron D Schulz E Hummel J Kircher P Hatt J M 2014 Tooth length and incisal wear and growth in guinea pigs Cavia porcellus fed diets of different abrasiveness Animal Physiology and Animal Nutrition doi 10 1111 jpn 12226 Waggoner Ben 15 August 2000 Introduction to the Rodentia University of California Museum of Paleontology subkhnemux 4 July 2014 Nowak R M 1999 Walker s Mammals of the World p 1244 ISBN 0 8018 5789 9 Blashfield Jean F Rodents Science Encyclopedia subkhnemux 14 July 2014 Niemiec Brook A 15 October 2011 Small Animal Dental Oral and Maxillofacial Disease A Colour Handbook CRC Press p 13 ISBN 978 1 84076 630 1 Cox Philip G Jeffery Nathan 2011 Reviewing the Morphology of the Jaw Closing Musculature in Squirrels Rats and Guinea Pigs with Contrast Enhanced MicroCT The Anatomical Record 294 915 928 doi 10 1002 ar 21381 Duckett W 1853 cheek pouch English conversation and reading Ed Michel Levi p 3 Mustapha O 2015 Morphology of the Oral Cavity of the African Giant Rat Bulgarian Journal of Veterinary Medicine 18 1 19 30 doi 10 15547 bjvm 793 Stefoff Rebecca 2008 The Rodent Order Marshall Cavendish pp 62 63 71 73 ISBN 978 0 7614 3073 5 Thorington R W Jr Darrow K Anderson C G 1998 Wing tip anatomy and aerodynamics in flying squirrels PDF Journal of Mammalogy 79 1 245 250 doi 10 2307 1382860 JSTOR 1382860 Schulte Hostedde A I 2008 Chapter 10 Sexual Size Dimorphism in Rodents in Wolff Jerry O Sherman Paul W b k Rodent Societies An Ecological and Evolutionary Perspective University of Chicago Press pp 117 119 ISBN 978 0 226 90538 9 Helgen Kristofer M 2005 The amphibious murines of New Guinea Rodentia Muridae the generic status of Baiyankamys and description of a new species of Hydromys Zootaxa 913 1 20 ISSN 1175 5326 Parshad V R 1999 Rodent control in India PDF Integrated Pest Management Reviews 4 97 126 doi 10 1023 A 1009622109901 Janke Axel Martinez Estevez Lourdes Balvanera Patricia Pacheco Jesus Ceballos Gerardo 2013 Prairie dog decline reduces the supply of ecosystem services and leads to desertification of semiarid grasslands PLOS ONE 8 10 e75229 Bibcode 2013PLoSO 875229M doi 10 1371 journal pone 0075229 ISSN 1932 6203 PMC 3793983 PMID 24130691 Krueger Kirsten 1986 Feeding relationships among bison pronghorn and prairie dogs an experimental analysis Ecology 67 3 760 770 doi 10 2307 1937699 ISSN 0012 9658 Perez Francisco Castillo Guevara Citlalli Galindo Flores Gema Cuautle Mariana Estrada Torres Arturo 2012 Effect of gut passage by two highland rodents on spore activity and mycorrhiza formation of two species of ectomycorrhizal fungi Laccaria trichodermophora and Suillus tomentosus Botany 90 11 1084 1092 doi 10 1139 b2012 086 ISSN 1916 2790 Burchsted D Daniels M Thorson R Vokoun J 2010 The river discontinuum applying beaver modifications to baseline conditions for restoration of forested headwaters BioScience 60 11 908 922 doi 10 1525 bio 2010 60 11 7 Wright J P Jones C G Flecker A S 2002 An ecosystem engineer the beaver increases species richness at the landscape scale PDF Oecologia 132 1 96 101 Bibcode 2002Oecol 132 96W doi 10 1007 s00442 002 0929 1 Kemp P S Worthington T A Langford T E l Tree A R J Gaywood M J 2012 Qualitative and quantitative effects of reintroduced beavers on stream fish Fish and Fisheries 13 2 158 181 doi 10 1111 j 1467 2979 2011 00421 x Hansson Lennart 1971 Viltrevy 8 268 278 ISSN 0505 611X khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 27 September 2013 Connior M B 2011 Geomys bursarius Rodentia Geomyidae Mammalian Species 43 1 104 117 doi 10 1644 879 1 The Mammals of Texas Rodents NSRL Museum of Texas Tech University khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2018 10 05 subkhnemux 4 July 2014 Attenborough David 2002 The Life of Mammals BBC Books pp 61 86 ISBN 978 0 563 53423 5 Muller Schwarze Dietland Sun Lixing 2003 The Beaver Natural History of a Wetlands Engineer Cornell University Press pp 67 75 ISBN 978 0 8014 4098 4 Landry Stuart O Jr 1970 The Rodentia as omnivores The Quarterly Review of Biology 45 4 351 372 doi 10 1086 406647 JSTOR 2821009 Hydromys chrysogaster Water rat Water for a healthy country CSIRO 30 June 2004 subkhnemux 4 July 2014 The Mammals of Texas Rodents NSRL Museum of Texas Tech University khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2018 10 05 subkhnemux 4 July 2014 Jarvis Jennifer 1981 Eusociality in a Mammal Cooperative Breeding in Naked Mole Rat Colonies Science 212 4494 571 573 Bibcode 1981Sci 212 571J doi 10 1126 science 7209555 JSTOR 1686202 Hoogland John L 1995 The Black Tailed Prairie Dog Social Life of a Burrowing Mammal University of Chicago Press p 1 ISBN 978 0 226 35118 6 Baker Bruce W Hill Edward P 2003 Chapter 15 Beaver in Feldhamer George A Thompson Bruce C Chapman Joseph A b k Wild Mammals of North America Biology Management and Conservation JHU Press pp 288 310 ISBN 978 0 8018 7416 1 Hanson Anne 25 October 2006 Wild Norway rat behavior Rat behavior and biology subkhnemux 1 July 2014 Winslow James T Hastings Nick Carter C Sue Harbaugh Carroll R Insel Thomas R 1993 PDF Letters to Nature 365 6446 545 548 Bibcode 1993Natur 365 545W doi 10 1038 365545a0 PMID 8413608 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 14 July 2014 Yensen Eric Sherman Paul W 2003 Chapter 10 Ground Squirrels in Feldhamer George A Thompson Bruce C Chapman Joseph A b k Wild Mammals of North America Biology Management and Conservation JHU Press pp 211 225 ISBN 978 0 8018 7416 1 Jarvis Jennifer 1981 Eusociality in a mammal Cooperative breeding in naked mole rat colonies Science 212 4494 571 573 Bibcode 1981Sci 212 571J doi 10 1126 science 7209555 JSTOR 1686202 Bennett N C Jarvis J U M 2004 Cryptomys damarensis Mammalian Species 756 Number 756 pp 1 5 doi 10 1644 756 Arakawa Hiroyuki Blanchard D Caroline Arakawa Keiko Dunlap Christopher Blanchard Robert J 2008 Scent marking behavior as an odorant communication in mice Neuroscience and Biobehavioral Reviews 32 7 1236 1248 doi 10 1016 j neubiorev 2008 05 012 PMC 2577770 Holmes Warren G Mateo Jill M 2008 Chapter 19 Kin Recognition in Rodents Issues and Evidence in Wolff Jerry O Sherman Paul W b k Rodent Societies An Ecological and Evolutionary Perspective University of Chicago Press pp 216 230 ISBN 978 0 226 90538 9 Sherwin C M 2002 Comfortable quarters for mice in research institutions in Viktor and Annie Reinhardt b k 9 ed Animal Welfare Institute khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 6 October 2014 Bjorkoyli Tore Rosell Frank 2002 A test of the dear enemy phenomenon in the Eurasian beaver Animal Behaviour 63 6 1073 1078 doi 10 1006 anbe 2002 3010 Vache M Ferron J Gouat P 2001 The ability of red squirrels Tamiasciurus hudsonicus to discriminate conspecific olfactory signatures Canadian Journal of Zoology 79 7 1296 1300 doi 10 1139 z01 085 Shelley Erin L Blumstein Daniel T 2005 The evolution of vocal alarm communication in rodents Behavioral Ecology 16 1 169 177 doi 10 1093 beheco arh148 Slobodchikoff C N Paseka Andrea Verdolin Jennifer L 2009 PDF Animal Cognition 12 3 435 439 doi 10 1007 s10071 008 0203 y khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2018 10 07 subkhnemux 2018 11 03 Zimmermann Elke Leliveld Lisette Schehka Lisette 2013 8 Toward the evolutionary roots of affective prosody in human acoustic communication A comparative approach to mammalian voices in Altenmuller Eckart Schmidt Sabine Zimmermann Elke b k The Evolution of Emotional Communication From Sounds in Nonhuman Mammals to Speech and Music in Man Oxford University Press pp 123 124 ISBN 978 0 19 164489 4 Vanden Hole Charlotte Van Daele Paul A A G Desmet Niels Devos Paul Adriaens Dominique 2014 Does sociality imply a complex vocal communication system A case study for Fukomys micklemi Bathyergidae Rodentia Bioacoustics 23 2 143 160 doi 10 1080 09524622 2013 841085 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Long C V 2007 Vocalisations of the degu Octodon degus a social caviomorph rodent Bioacoustics Vol 16 pp 223 244 doi 10 1080 09524622 2007 9753579 ISSN 0952 4622 Ancillotto Leonardo Sozio Giulia Mortelliti Alessio Russo Danilo 2014 Ultrasonic communication in Gliridae Rodentia the hazel dormouse Muscardinus avellanarius as a case study Bioacoustics 23 2 129 141 doi 10 1080 09524622 2013 838146 Panksepp Jaak Burgdorf Jeff 2003 Laughing rats and the evolutionary antecedents of human joy Physiology amp Behavior 79 3 533 547 doi 10 1016 S0031 9384 03 00159 8 PMID 12954448 Haverkamp Silke Waessle Heinz Duebel Jens Kuner Thomas Augustine George J Feng Guoping Euler Thomas 2005 The primordial blue cone color system of the mouse retina PDF Journal of Neuroscience 25 22 5438 5445 doi 10 1523 JNEUROSCI 1117 05 2005 PMID 15930394 Hanson Anne What do rats see Rat behavior and biology subkhnemux 1 July 2014 Pickrell John 8 July 2003 Urine vision How rodents communicate with UV light National Geographic News subkhnemux 8 July 2014 Desjardins C Maruniak J A Bronson F H 1973 Social rank in house mice Differentiation revealed by ultraviolet visualization of urinary marking patterns Science 182 4115 939 941 Bibcode 1973Sci 182 939D doi 10 1126 science 182 4115 939 PMID 4745598 Viitala J Korpimaki E Palokangas P Koivula M 1995 Attraction of kestrels to vole scent marks visible in ultraviolet light Nature 373 6513 425 427 Bibcode 1995Natur 373 425V doi 10 1038 373425a0 Vibrational communication in mammals Map of Life Convergent evolution online University of Cambridge 4 August 2010 subkhnemux 5 July 2014 Randall J A 2001 Evolution and function of drumming as communication in mammals American Zoologist 41 1143 1156 doi 10 1093 icb 41 5 1143 Randall Jan A Matocq Marjorie D 1997 Why do kangaroo rats Dipodomys spectabilis footdrum at snakes Behavioral Ecology 8 404 413 doi 10 1093 beheco 8 4 404 Narins P M Reichman O J Jarvis J U M Lewis E R 1992 Seismic signal transmission between burrows of the Cape mole rat Georychus capensis Journal of Comparative Physiology A 170 13 22 doi 10 1007 BF00190397 Waterman Jane 2008 Chapter 3 Male Mating Strategies in Rodents in Wolff Jerry O Sherman Paul W b k Rodent Societies An Ecological and Evolutionary Perspective University of Chicago Press pp 28 39 ISBN 978 0 226 90538 9 Soloman Nancy G Keane Brain 2008 Chapter 4 Reproductive Strategies in Female Rodents in Wolff Jerry O Sherman Paul W b k Rodent Societies An Ecological and Evolutionary Perspective University of Chicago Press pp 42 52 ISBN 978 0 226 90538 9 McGuire Betty Bernis William E 2008 Chapter 20 Parental Care in Wolff Jerry O Sherman Paul W b k Rodent Societies An Ecological and Evolutionary Perspective University of Chicago Press pp 231 235 ISBN 978 0 226 90538 9 Holmes Warren G Mateo Jill M 2008 Chapter 19 Kin Recognition in Rodents Issues and Evidence in Wolff Jerry O Sherman Paul W b k Rodent Societies An Ecological and Evolutionary Perspective University of Chicago Press pp 226 227 ISBN 978 0 226 90538 9 Ebensperger Luis A Blumsperger Daniel T 2008 Chapter 23 Nonparental Infanticide in Wolff Jerry O Sherman Paul W b k Rodent Societies An Ecological and Evolutionary Perspective University of Chicago Press pp 274 278 ISBN 978 0 226 90538 9 Hoogland J L 1985 Infanticide in prairie dogs Lactating females kill offspring of close kin Science 230 4729 1037 1040 Bibcode 1985Sci 230 1037H doi 10 1126 science 230 4729 1037 PMID 17814930 Hacklandera Klaus Mostlb Erich Arnold Walter 2003 Reproductive suppression in female Alpine marmots Marmota marmota Animal Behaviour 65 6 1133 1140 doi 10 1006 anbe 2003 2159 Horns Charles C Kimball Bruce A Wang Hong Kaus James Dienel Samuel Nagy Allysa Gathright Gordon R Yates Bill J Andrews Paul L R 2013 Why can t rodents vomit A comparative behavioral anatomical and physiological study PloS one doi 10 1371 journal pone 0060537 Robbins Robert J 1980 Taste Aversion Learning and its Implication for Rodent Control a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a Cite journal txngkar journal help Charters Jessie Blount Allen 1904 The associative processes of the guinea pig A study of the psychical development of an animal with a nervous system well medullated at birth Journal of Comparative Neurology and Psychology University of Chicago Press XIV 4 300 337 Jacobs Lucia F Liman Emily R 1991 PDF Animal Behaviour 41 103 110 doi 10 1016 s0003 3472 05 80506 8 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2020 07 28 subkhnemux 2018 11 09 Jacobs Lucia F 1992 PDF Animal Behaviour 43 4 585 593 doi 10 1016 S0003 3472 05 81018 8 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 26 August 2014 Harding E J Paul E S Mendl M 2004 Animal behaviour Cognitive bias and affective state Nature 427 6972 312 Bibcode 2004Natur 427 312H doi 10 1038 427312a PMID 14737158 Rygula Rafal Pluta Helena Popik Piotr 2012 Laughing rats are optimistic PLOS ONE 7 12 e51959 Bibcode 2012PLoSO 751959R doi 10 1371 journal pone 0051959 PMC 3530570 PMID 23300582 Carlyle Kim 8 March 2007 Rats capable of reflecting on mental processes University of Georgia subkhnemux 13 August 2014 Foote Allison L Crystal J D 2007 Metacognition in the rat Current Biology 17 6 551 555 doi 10 1016 j cub 2007 01 061 PMC 1861845 PMID 17346969 Smith J David Beran M J Couchman J J Coutinho M V C 2008 The comparative study of metacognition Sharper paradigms safer inferences Psychonomic Bulletin amp Review 15 4 679 691 doi 10 3758 PBR 15 4 679 Jozefowiez J Staddon J E R Cerutti D T 2009 Metacognition in animals how do we know that they know Comparative Cognition amp Behavior Reviews 4 29 39 doi 10 3819 ccbr 2009 40003 Hanson Anne 2012 How do rats choose what to eat Rat behavior and biology subkhnemux 24 August 2014 Galef Bennett G Laland Kevin N June 2005 Social Learning in Animals Empirical Studies and Theoretical Models BioScience 55 6 489 499 doi 10 1641 0006 3568 2005 055 0489 sliaes 2 0 co 2 JSTOR 10 1641 0006 3568 282005 29055 5B0489 3ASLIAES 5D2 0 CO 3B2 Asher1 Robert J Meng Jin Wible John R McKenna Malcolm C Rougier Guillermo W Dashzeveg Demberlyn Novacek Michael J 2005 Stem Lagomorpha and the Antiquity of Glires Science 307 5712 1091 1094 Bibcode 2005Sci 307 1091A doi 10 1126 science 1107808 PMID 15718468 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Douzery E J P Delsuc F Stanhope M J Huchon D 2003 Local molecular clocks in three nuclear genes divergence times for rodents and other mammals and incompatibility among fossil calibrations Journal of Molecular Evolution 57 S201 13 Bibcode 2003JMolE 57S 201D doi 10 1007 s00239 003 0028 x PMID 15008417 Horner D S Lefkimmiatis K Reyes A Gissi C Saccone C Pesole G 2007 Phylogenetic analyses of complete mitochondrial genome sequences suggest a basal divergence of the enigmatic rodent Anomalurus BMC Evolutionary Biology 7 1 16 doi 10 1186 1471 2148 7 16 PMC 1802082 PMID 17288612 Wood D Joseph 2010