สาธารณรัฐจีน (อังกฤษ: Republic of China; จีน: 中華民國; พินอิน: Zhōnghuá Mínguó; เวด-ไจลส์: Chung1-hua2 Min2-kuo2) เป็นรัฐในเอเชียตะวันออกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1912 ถึงปี ค.ศ. 1949 ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1912 หลังจากที่สามารถโค่นล้มราชวงศ์ชิง (การปฏิวัติซินไฮ่ 辛亥革命) ได้สำเร็จ และสิ้นสุดลงหลังสงครามกลางเมืองจีน ด้วยความพ่ายแพ้ของพรรคก๊กมินตั๋งหรือจีนคณะชาติ ซึ่งได้ลี้ภัยไปยังเกาะไต้หวันและก่อตั้งสาธารณรัฐจีนขึ้นมาใหม่ ในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เป็นฝ่ายได้ชัยชนะได้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนบนแผ่นดินใหญ่จีนในปัจจุบัน
สาธารณรัฐจีน 中華民國 จงหฺวาหมิงกั๋ว | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 1912–ค.ศ. 1949 | |||||||||||||||
เพลงชาติ: 《五族共和歌》 "" (1912–1913) 《卿雲歌》 "" (1913–1915, 1921–1928) 《中華雄立宇宙間》 "เมืองจีนยืนแกร่งกลางพิภพ" (1915–1921) 《中華民國國歌》 "เพลงชาติสาธารณรัฐจีน" (1930–1949) "เพลงธงชาติสาธารณรัฐจีน" (1937–1949) | |||||||||||||||
อาณาเขตของสาธารณรัฐจีนในปี ค.ศ. 1945 | |||||||||||||||
เมืองหลวง | หนานจิง (1912; 1927-1949) ปักกิ่ง (1912-1928) ฉงชิ่ง (ช่วงสงคราม; 1937-1946) | ||||||||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาจีนมาตรฐาน (อักษรจีนตัวเต็ม) | ||||||||||||||
ศาสนา | ชาวบ้านจีน | ||||||||||||||
การปกครอง | สหพันธ์ สาธารณรัฐระบบกึ่งประธานาธิบดี (1912—1928) รัฐเดี่ยว เผด็จการทหาร (1928—1946) รัฐเดี่ยว สาธารณรัฐระบบรัฐสภา (1946—1949) | ||||||||||||||
ประธานาธิบดี | |||||||||||||||
• 1912 | ดร. ซุน ยัตเซ็น (เฉพาะกาล) (คนแรก) | ||||||||||||||
• 1949 | (รักษาการ) (คนสุดท้าย) | ||||||||||||||
นายกรัฐมนตรี | |||||||||||||||
• 1912 | ถัง เฉายี (คนแรก) | ||||||||||||||
• 1949 | (คนสุดท้าย) | ||||||||||||||
สภานิติบัญญัติ | พรรคชาตินิยมแห่งประเทศจีน | ||||||||||||||
• สภาสูง | สมัชชาแห่งชาติ | ||||||||||||||
• สภาล่าง | |||||||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | ศตวรรษที่ 20 | ||||||||||||||
10 ตุลาคม ค.ศ. 1911 | |||||||||||||||
• ก่อตั้ง | 1 มกราคม ค.ศ. 1912 | ||||||||||||||
• กำหนดอำนาจรัฐบาลหลักที่นานกิง | 18 เมษายน ค.ศ. 1927 | ||||||||||||||
7 กรกฎาคม ค.ศ. 1937 | |||||||||||||||
• มี | 25 ธันวาคม ค.ศ. 1947 | ||||||||||||||
• | ธันวาคม ค.ศ. 1948 | ||||||||||||||
• หนีไปเกาะไต้หวัน | 10 ธันวาคม ค.ศ. 1949 | ||||||||||||||
พื้นที่ | |||||||||||||||
1912 | 11,420,000 ตารางกิโลเมตร (4,410,000 ตารางไมล์) | ||||||||||||||
1949 | 9,634,057 ตารางกิโลเมตร (3,719,730 ตารางไมล์) | ||||||||||||||
ประชากร | |||||||||||||||
• 1912 | 432375000 | ||||||||||||||
• 1949 | 541670000 | ||||||||||||||
สกุลเงิน | , | ||||||||||||||
รหัส ISO 3166 | |||||||||||||||
| |||||||||||||||
Population from http://www.populstat.info/Asia/chinac.htm |
สาธารณรัฐจีนมีประธานาธิบดีคนแรกคือ ดร. ซุน ยัตเซ็น ดำรงตำแหน่งหน้าที่เพียงระยะเวลาอันสั้น พรรคของซุนต่อมาได้นำโดย ซึ่งชนะการเลือกตั้งรัฐสภาที่จัดขึ้นในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1912 อย่างไรก็ตามกองทัพนำโดยประธานาธิบดียฺเหวียน ชื่อไข่ยังคงควบคุมรัฐบาลแห่งชาติในปักกิ่งต่อไป ตั้งแต่ปลายปี 1915 ถึงต้นปี 1916 ยฺเหวียนได้รื้อฟื้นระบอบจักรพรรดิจีนที่เรียกว่าจักรวรรดิจีนขึ้นมาใหม่ และสถาปนาตนเองเป็น "จักรพรรดิหงเซี่ยน (洪憲皇帝)" แต่จักรวรรดิใหม่ของยฺเหวียนกลับดำรงอยู่ได้เพียงระยะเวลาสั้น ๆ หลังยฺเหวียนได้เสียชีวิตลง ผู้นำกองกำลังท้องถิ่นตามแคว้นต่าง ๆ ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นเหล่าขุนศึก และได้ประกาศตั้งตนเป็นอิสระไม่ขึ้นกับรัฐบาลกลางหรือรัฐบาลแห่งชาติอีกต่อไป ทำให้จีนเข้าสู่สมัยขุนศึกในเวลาต่อมา
ในปี ค.ศ. 1925 พรรคก๊กมินตั๋งได้เริ่มก่อตั้ง รัฐบาลคู่แข่งในบริเวณตอนใต้ของเมืองกวางโจว ในขณะที่เศรษฐกิจของภาคเหนือมีการขูดรีดเพื่อสนับสนุนเหล่าขุนศึก ซึ่งต่อมาเหล่าขุนศึกได้ถูกยุบในปี 1928 โดยนายพลเจียง ไคเชก ผู้ได้ขึ้นเป็นผู้นำพรรคก๊กมินตั๋ง หลังการเสียชีวิตของซุน ยัตเซ็น เจียงได้นำกองทัพกรีธาทัพขึ้นเหนือ ซึ่งเป็นการรบเพื่อล้มล้างรัฐบาลกลางในกรุงปักกิ่ง ต่อมารัฐบาลกลางได้ถูกล้มในปี 1928 และเจียงได้สถาปนารัฐบาลชาตินิยมขึ้นที่นานกิง หลังจากนั้นเขาก็ตัดความสัมพันธ์ของเขากับพรรคคอมมิวนิสต์และขับไล่ผู้ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ออกจากพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งความขัดแย้งนี้ได้นำไปสู่สงครามกลางเมืองจีน
สาธารณรัฐจีนได้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมและความทันสมัย แต่ก็ยังมีความปัญหาขัดแย้งระหว่างรัฐบาลคณะชาติในนานกิง อาทิเช่น พรรคคอมมิวนิสต์จีน, ขุนศึกที่เหลือและ จักรวรรดิญี่ปุ่น อย่างต่อเนื่อง สาธารณรัฐจีนได้มีการเร่งพัฒนาประเทศอย่างจริงจังเมื่อเกิดสงครามกับญี่ปุ่น เมื่อกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นได้รุกรานจีนอย่างอย่างเต็มรูปแบบในปี ค.ศ. 1937
สงครามกับญี่ปุ่นได้ยืดเยื้อจนกระทั่งนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สอง สาธารณรัฐจีนได้เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองยุติลงและจักรวรรดิญี่ปุ่นยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขในปี ค.ศ. 1945 สาธารณรัฐจีนมีฐานะเป็นผู้ชนะสงครามและได้กลายมาเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจ มีส่วนในการก่อตั้งองค์การสหประชาชาติ
ในระหว่างยุคสงครามเย็นได้เกิดความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียต นำไปสู่การขัดแย้งครั้งใหม่ระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งได้ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นอีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1947 ได้ถือกำเนิดขึ้นและเป็นกฎหมายพื้นฐานของประเทศ จนกระทั่งพรรคก๊กมินตั๋งของเจียง ไคเชก ได้พ่ายแพ้ในการสู้รบสงครามกลางเมืองกับพรรคคอมมิวนิสต์ ในปี ค.ศ. 1949 พรรคคอมมิวนิสต์นำโดย เหมา เจ๋อตง ได้จัดตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ขับไล่รัฐบาลจีนคณะชาติออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนเจียง ไคเชกและพรรคก๊กมินตั๋งได้ถอยร่นไปยังเกาะไต้หวัน
ประวัติศาสตร์
สาธารณรัฐได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1912 หลังการปฏิวัติซินไฮ่ ซึ่งเริ่มด้วยการเกิดการก่อการกำเริบอู่ชางในประเทศจีน ซึ่งนำไปสู่การโค่นล้มราชวงศ์ชิงและสิ้นสุดระบอบการปกครองโดยจักรพรรดินับห้าพันปีในประวัติศาสตร์จีน ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปี ค.ศ. 1949 สาธารณรัฐจีนได้ดำรงอยู่กับจีนแผ่นดินใหญ่ อำนาจรัฐบาลกลางของสาธารณรัฐจีนได้สั่นคลอนในสมัยขุนศึก (ค.ศ. 1915–28) ประกอบกับภาวะสงครามกับจักรวรรดิญี่ปุ่น (ค.ศ. 1927–37) เมื่อรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋งได้ดำเนินนโยบายการรวบรวมประเทศจีนเป็นปึกแผ่นได้อย่างมั่นคงภายใต้ เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่สองได้ยุติลง จักรวรรดิญี่ปุ่นได้ยอมจำนนและได้คืนเกาะไต้หวันและแก่ฝ่ายสัมพันธมิตร ฝ่ายสัมพันธมิตรได้พิจารณาให้เกาะไต้หวันได้กลับคืนมาภายใต้การปกครองของสาธารณรัฐจีน
เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ยึดครองประเทศจีนได้สำเร็จ หลังสงครามกลางเมืองจีนในปี ค.ศ. 1949 รัฐบาลสาธารณรัฐจีนได้ลี้ภัยไปยังเกาะไต้หวันและประกาศให้เมืองไทเป เป็นเมืองหลวงรัฐบาลพลัดถิ่น ฝ่ายพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อยึดครองแผ่นดินใหญ่จีนก็ได้สถาปนา สาธารณรัฐประชาชนจีน ขึ้นที่กรุงปักกิ่ง และได้ดำเนินนโยบายจีนเดียว อ้างสิทธิ์และอำนาจเหนือดินแดนจีนทั้งหมด โดยมีการอ้างสิทธิ์ในการรวมเกาะไต้หวันมาเป็นส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลคอมมิวนิสต์ที่ปักกิ่งและรัฐบาลก๊กมินตั๋งที่ไทเป
การก่อตั้งสาธารณรัฐจีน
การปฏิวัติซินไฮ่เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1912 โดยการนำของ ดร.ซุน ยัตเซ็น ซึ่งเป็นการโค่นล้มอำนาจการปกครองของราชวงศ์ชิง สิ้นสุดการปกครองโดยจักรพรรดิของจีน จีนได้เปลี่ยนแปลงการปกครองสู่สาธารณรัฐ เป็นผลทำให้จีนเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยในที่สุด
สาเหตุที่ก่อให้เกิดการโค่นล้มอำนาจครั้งนี้น่าจะมาจากความเสื่อมโทรมของสภาพสังคมจีน ชาวจีนอยู่ภายใต้การปกครองโดยราชวงศ์ชิง ชนกลุ่มน้อยเผ่าแมนจูซึ่งได้ให้อภิสิทธิ์แก่เฉพาะชาวแมนจูและกดขี่ชาวจีนฮั่น อีกทั้งราชวงศ์ชิงไม่มีอำนาจกำลังพอที่จะปกครองประเทศได้ ซึ่งตลอดระยะเวลาปกครอง 268 ปี (ค.ศ. 1644–1912) มีแต่การแย่งชิงอำนาจในหมู่ผู้นำราชวงศ์ ด้วยเหตุนี้ราษฎรส่วนมากจึงตกอยู่ในสภาพยากจน ชาวไร่ชาวนาถูกขูดรีดภาษีอย่างหนัก ถูกเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าของที่ดิน ชาวต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ แผ่นดินจีนถูกคุกคามจากเหล่าประเทศลัทธิล่าอาณานิคม โดยเฉพาะชาติมหาอำนาจตะวันตก และญี่ปุ่น จีนได้ทำสงครามต่อต้านการรุกรานของกองกำลังต่างชาติเป็นฝ่ายแพ้มาโดยตลอด ทำให้ราษฎรหมดความเชื่อถือต่อราชวงศ์ชิงเป็นอย่างมากนำไปสู่การต่อต้านระบอบการปกครองของราชวงศ์แมนจู
แนวความคิดต่อต้านราชวงศ์ชิงเริ่มมาจากการที่ราชวงศ์ชิงได้ทำสงครามฝิ่นกับอังกฤษ โดยสงครามฝิ่นครั้งที่หนึ่ง ทำให้จีนต้องสูญเสียเกาะฮ่องกงและลงนามสนธิสัญญานานกิง ผลกระทบของสนธิสัญญานานกิงที่จีนจำต้องลงนามเมื่อพ่ายแพ้สงครามฝิ่นครั้งแรก ในด้านสังคมที่ร้ายแรงที่สุด คือ อังกฤษบังคับให้จีนยอมรับว่าการค้าฝิ่นเป็นเรื่องถูกกฎหมาย โดยถือว่าเป็นยารักษาโรคและทำได้โดยเสรี ทำให้สังคมจีนอยู่ในสภาพอ่อนแอ เพราะประชากรจำนวนมากอยู่ในสภาพติดยาเสพติด บ้านเมืองตกอยู่สภาพจลาจลในวุ่นวาย แม้ราชวงศ์ชิงจะพยายามแก้ปัญหาการเสพติดฝิ่นของประชาชน แต่เมื่อจีนได้ทำสงครามฝิ่นครั้งที่สองและเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อีกครั้งทำให้จีนต้องทำซึ่งทำให้จีนสูญเสียผลประโยชน์มากขึ้นไปอีก
กบฎนักมวยเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1900 กองโจรนักมวยได้บุกเข้าโจมตีฐานที่มั่นของพันธมิตรแปดชาติ ราชวงศ์ชิงนำโดยซูสีไทเฮาได้สนับสนุนการกบฎดังกล่าว แต่ก็ได้พ่ายแพ้ให้กับกลุ่มพันธมิตรแปดชาติ ทำให้จีนถูกบังคับให้ลงนามพิธีสารนักมวย และต้องจ่ายค่าชดใช้สงครามจำนวนมหาศาล ทำให้ชาวจีนอัปยศอดสูเป็นอย่างมาก
ในขณะที่ราชวงศ์ชิงกำลังอ่อนแอจากปัญหารุมเร้าทั้งภายในประเทศและจากนอกประเทศ ชาวตะวันตกและญี่ปุ่นดูถูกชาวจีนโดยการขนานนามว่า ขี้โรคแห่งเอเชีย ทำให้ชาวจีนบางส่วนมีแนวความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไปสู่ประชาธิปไตยและนำไปสู่ขบวนการถงเหมิงฮุ่ยต่อต้านราชวงศ์ชิง นำโดย ดร.ซุน ยัตเซ็น
การจัดตั้งสาธารณรัฐจีนพัฒนามาจากการก่อการกำเริบอู่ชางโดยได้เริ่มลุกฮือต่อต้านราชวงศ์ชิง เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1911 ต่อมาการลุกฮือได้พัฒนามาเป็นการปฏิวัติซินไฮ่ การปฏิวัติสิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของขบวนการถงเหมิงฮุ่ย ราชสำนักชิงโดยมี ไจ้เฟิง องค์ชายฉุน และ พระพันปีหลงยฺวี่ เป็นผู้สำเร็จราชการ ยอมสละอำนาจโดยประทับตราพระราชสัญจักร คืนอำนาจให้ประชาชน หลังจากการยอมสละอำนาจของราชสำนักชิงแล้ว ชาวจีนทั่วประเทศและชาวจีนโพ้นทะเลได้มีการเฉลิมฉลอง วันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1911 ที่เป็นที่รู้จักกันใน "วันสองสิบ" ซี่งวันดังกล่าวนี้เองในปัจจุบันได้เป็นวันชาติสาธารณรัฐจีน เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 1911 ซุน ยัตเซ็น ได้ถูกเลือกเป็นประธานาธิบดี โดยการประชุมที่นานกิงโดยมีตัวแทนจากทุกมณฑลของจีน ซุนได้แถลงกาณ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และให้สัตย์คำมั่นสัญญาว่า จะรวมสาธารณรัฐจีนให้มั่นคงและวางแผนเพื่อความเป็นอยู่ของประชาชน
ซุนได้ตระหนักถึงการขาดแคลนการสนับสนุนทางด้านการทหาร ซึ่งผู้นำ นายพลยฺเหวียน ชื่อไข่ได้เสนอให้การสนับสนุนแต่ต้องแลกกับกับการที่เขาจะได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ซุน ยัตเซ็นจึงได้มอบอำนาจตำแหน่งประธานาธิบดีให้แก่ ยฺเหวียน ชื่อไข่ ผู้ซึ่งต่อมาได้บีบบังคับให้จักรพรรดิผู่อี๋ จักรพรรดิราชวงศ์ชิงองค์สุดท้ายสละราชสมบัติ นายพลยฺเหวียนได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีต่อในปี ค.ศ. 1913
ยฺเหวียน ชื่อไข่รื้อฟื้นระบอบจักรพรรดิ
ยฺเหวียน ชื่อไข่ได้อำนาจปกครองประเทศและมีอำนาจด้านการทหารอยู่ในกำมือ เขากลับแสดงตนเป็นเผด็จการและละเลยต่อหลักการของสาธารณรัฐที่ก่อตั้งโดยเจตนารมณ์ของ ดร. ซุน ยัตเซ็น ยฺเหวียนได้คุกคามขู่เข็ญประหารชีวิตสมาชิกรัฐสภาผู้ไม่เห็นด้วยกับเขาและได้ยุบพรรคก๊กมินตั๋ง มีการล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐ การเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยที่ถูกคาดหวังไว้ในปี ค.ศ. 1912 ถูกยุติลงด้วยการลอบสังหารผู้ลงสมัครเลือกตั้งโดยคนของยฺเหวียน ชื่อไข่
ยฺเหวียน ชื่อไข่หลังจากได้ทำลายหลักการประชาธิปไตยแล้วได้ทะเยอทะยานที่ต้องการขึ้นเป็นฮ่องเต้ โดยได้รื้อฟื้นระบอบจักรพรรดิหรือฮ่องเต้ขึ้นมาอีกครั้ง จนในที่สุดยฺเหวียนได้ปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้หรือ "จักรพรรดิหงเซียน (洪憲皇帝)" และสถาปนาเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น จักรวรรดิจีน ขึ้นในปี ค.ศ. 1915 เท่ากับเป็นการทรยศและขัดต่อหลักการของดร.ซุน และสาธารณรัฐจีน ทำให้แผ่นดินเกิดความวุ่นวายอีกครั้ง เกิดการลุกฮือขึ้นต่อต้านฮ่องเต้หงเซียนทั่วประเทศเกิดขึ้นโดยกลุ่มทหารที่ไม่เห็นด้วยกับการรื้อฟื้นระบอบฮ่องเต้กลับมา จักรวรรดิจีนของยฺเหวียน ชื่อไข่ดำรงอยู่ได้เพียง 1 ปี ใน ค.ศ. 1916 ยฺเหวียน ชื่อไข่ได้เสียชีวิตด้วยวัยชราและระบอบจักรพรรดิที่เขารื้อฟื้นก็สิ้นสุดลง
หลังจากการตายของฮ่องเต้ยฺเหวียน ชื่อไข่ บรรดาแว่นแคว้นจังหวัดต่าง ๆ ได้ประกาศตั้งตนเป็นอิสระไม่ขึ้นกับรัฐบาลกลางอีกต่อไปทำให้ประเทศจีนเข้าสู่ยุคแห่งความแตกแยกหรือยุคที่เรียกว่า สมัยขุนศึก
รัฐบาลเป่ย์หยางและสมัยขุนศึก
หลังจากนั้นประเทศจีนก็ได้เข้าสู่สมัยขุนศึก ประชาชนอยู่อย่างยากลำบากเกิดสงครามการสู้รบขึ้นทุกหย่อมหญ้าทั่วทั้งประเทศ อดีตกลุ่มทหารของยฺเหวียน ชื่อไข่ได้เริ่มแตกแยกกัน โดยกลุ่มที่เข้มแข็งที่สุดได้ตั้ง รัฐบาลเป่ย์หยาง ที่กรุงปักกิ่งสืบอำนาจเป็นรัฐบาลต่อไป รัฐบาลเป่ย์หยางนั้นถือว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยจอมปลอมที่มีประธานาธิบดีที่ถูกแต่งตั้งเป็นเพียงหุ่นเชิดให้แก่กองทัพเท่านั้น ทำให้ชาวจีนเริ่มลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลเป่ย์หยางขึ้น สถานการณ์ที่วุ่นวายได้ทำให้ ดร.ซุน ยัตเซ็นได้ถูกบีบบังคับให้ต้องลี้ภัยกลับไปที่เมืองกวางตุ้งในภาคใต้อีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของกลุ่มขุนศึกที่สนับสนุนประชาธิปไตย ในปี ค.ศ. 1917 และ ค.ศ. 1922 ดร.ซุนได้ตั้งรัฐบาลกู้ชาติเป็นรัฐบาลคู่แข่งในภาคใต้ขึ้นโดยใช้เมืองกวางตุ้งเป็นฐานที่มั่นหวังจะกอบกู้ประเทศจีนให้เป็นประชาธิปไตยเพื่อปวงชนอีกครั้ง
ดร.ซุนได้ฟื้นฟูพรรคก๊กมินตั๋งอีกครั้งในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1919 ทั้งนี้ดร.ซุนมิได้หมดหวังท้อแท้เขายังได้มีความหวังที่จะรวมประเทศจีนอีกครั้ง โดยมี เจียง ไคเชก ลูกศิษย์ผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของเขาได้กรีธาทัพรวมชาติขึ้นเหนือเพื่อล้มล้างรัฐบาลเป่ย์หยางที่ปักกิ่งในตอนเหนือหรือการกรีธาทัพขึ้นเหนือ อย่างไรก็ตาม ดร.ซุนกลับขาดแคลนการสนับสนุนด้านการทหารที่เพียงพอและมีงบประมาณที่จำกัด ในขณะเดียวกันรัฐบาลเป่ย์หยางได้พยายามต่อสู้ดิ้นรนที่จะยื้อเวลาอยู่ในอำนาจต่อไป
และความไม่เป็นธรรม
ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่ได้ปะทุขึ้น ประเทศจีนได้ถูกบรรดาชาติตะวันตกและจักรวรรดิญี่ปุ่นบีบบังคับให้เข้าร่วมฝ่ายสัมพันธมิตรและประกาศสงครามกับเยอรมนี รัฐบาลเป่ย์หยางยอมปฏิบัติตามโดยไม่มีเงื่อนไข มีการยึดทรัพย์จับเชลยชาวเยอรมันในจีนและได้ส่งอาหาร, แรงงานไปช่วยฝ่ายสัมพันธมิตรในการรบ แต่ในปี ค.ศ. 1919 เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งยุติลง ถึงแม้จีนจะอยู่ฝ่ายสัมพันธมิตรตามหลักมีสิทธิ์เป็นผู้ชนะสงคราม แต่หลังสงครามสิ้นสุดลงประเทศจีนกลับเป็นฝ่ายถูกเอารัดเอาเปรียบ สนธิสัญญาแวร์ซายได้ปล่อยให้สัมปทานของเยอรมนีในมณฑลชานตงของจีนต้องถูกโอนให้แก่ญี่ปุ่นแทนที่จะถูกโอนกลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของจีน
อีกทั้งญี่ปุ่นยังได้พยายามรื้อฟื้นประเด็นข้อเรียกร้อง 21 ประการเพื่อขูดรีดผลประโยชน์จากจีนอีกครั้ง ประกอบกับบรรดาประเทศตะวันตกและญี่ปุ่นไม่ยอมแก้ไขยอมให้สิทธิสภาพนอกอาณาเขตคืนแก่จีน จนทำให้ชาวจีนโกรธแค้นเป็นอย่างมากทำให้เกิดการประท้วงของนักศึกษาต่อต้านรัฐบาลที่ยอมอ่อนข้อเพิกเฉยต่อสนธิสัญญาแวร์ซายโดยกลุ่มปัญญาชน นำไปสู่การเดินขบวนเรียกร้องความเป็นธรรมหรือเป็นที่รู้จักกันในเหตุการณ์ ขบวนการ 4 พฤษภาคม
การเดินขบวนเคลื่อนไหวในครั้งนี้เกิดการรับเอาอิทธิพลแนวคิดลัทธิมากซ์มาเผยแพร่ทำให้รากฐานของแนวความคิดลัทธิคอมมิวนิสต์ได้เริ่มถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกอย่างแพร่หลายในหมู่ปัญญาชนและนักศึกษา จนท้ายที่สุดได้นำไปสู่การก่อตัวของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในภายภาคหน้า
กำเนิดพรรคคอมมิวนิสต์จีน
หลังดร.ซุนได้ตั้งรัฐบาลในภาคใต้ขึ้น เขาได้ตัดสินใจขอความช่วยเหลือทางด้านการทหารและงบประมาณส่วนหนึ่งจากสหภาพโซเวียตและก่อตั้ง ซึ่งเป็นโรงเรียนทหารแห่งแรกขึ้น แต่การสนับสนุนของโซเวียตกลับต้องแลกเปลี่ยนกับการให้โซเวียตก่อตั้งและสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีต้นกำเนิดจากขบวนการเคลื่อนไหว 4 พฤษภาคม ที่เริ่มรวมตัวเป็นรูปเป็นร่างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1919 พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ก่อตั้งสำเร็จในปี ค.ศ. 1921 ซึ่งได้รับความนิยมพอ ๆ กับพรรคก๊กมินตั๋ง ในระยะแรก ๆ ทั้ง 2 พรรคได้ตกลงที่จะร่วมมือกันฟื้นฟูและสร้างชาติจีนขึ้นมาโดยยึดหลักการรวมประเทศจีนและความผาสุขของประชาชน
รัฐบาลชาตินิยมจีน (จีนคณะชาติ)
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1925 ดร.ซุน ยัตเซ็น บิดาแห่งสาธารณรัฐจีนได้เสียชีวิตลง ได้ทิ้งหลักลัทธิไตรราษฎร์ เอาไว้เป็นปรัชญาทางการเมืองที่กล่าวถึงชาติใน 3 ด้าน
เจียง ไคเชก ได้ดำรงตำแหน่งสืบทอดเป็นผู้นำพรรคก๊กมินตั๋งต่อเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของ ดร.ซุน เจียง ไคเชกได้นำทัพกรีธาขึ้นเหนือจนสำเร็จ ในปี ค.ศ. 1926 ถึง ปี ค.ศ. 1928 เจียงได้ล้มรัฐบาลเป่ย์หยางเดินหน้าปราบกลุ่มขุนศึกจนราบคาบ เขาได้ตั้งรัฐบาลที่เมืองนานกิง ประกาศตั้งรัฐบาลชาตินิยมแห่งสาธารณรัฐจีนขึ้น
สงครามกลางเมือง
สงครามจีน-ญี่ปุ่น และสงครามโลกครั้งที่สอง
จักรวรรดิญี่ปุ่นพยายามดินจีนมาโดยตลอด ทั้งนี้เพื่อบรรลุเป้าที่จะหาประโยชน์สูงสุดจากแผ่นดินจีน จนกระทั่งวันที่ 18 กันยายน 1931 นั่นคือวันที่ญี่ปุ่นได้สร้างสถานการณ์ “เหตุการณ์บึงหลิ่วเถียว” (柳条湖事变)ในการโจมตีเมืองเสิ่นหยางใกล้บึงหลิ่วเถียวของจีน ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น ญี่ปุ่นพยายามหาข้ออ้างในการเข้าบุกยึดแมนจูเรียและโจมตีภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนมาโดยตลอด จึงจงใจจุดชนวนศึกสงครามขึ้น
โดยในวันที่ 18 กันยายนปีนั้น เกิดระเบิดขึ้นที่ทางรถไฟสายแมนจูเรียใต้ของญี่ปุ่น แต่มีความเสียหายน้อยมากจนไม่กระเทือนการให้บริการปกติ ทว่าทหารญี่ปุ่นกลับอ้างว่า ทหารจีนยิงใส่พวกตนจากท้องนา จึงจำเป็นต้อง “ป้องกันตนเอง” เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่จักกันในกรณีมุกเดน ต่อมาญี่ปุ่นจึงเปิดฉากยิงใส่ทหารจีนทันทีและถือโอกาสเข้ารุกรานประเทศจีนโดยเริ่มการรุกรานแมนจูเรีย
ในเวลานั้น รัฐบาลก๊กมินตั๋งอยู่ในช่วงรวบรวมกำลัง เพื่อสู้รบกับคอมมิวนิสต์ที่ลุกขึ้นต่อต้านในประเทศ จึงได้มีคำสั่งห้ามต่อต้าน ให้พยายามแก้ไขด้วยวิธีการทางการทูต และให้ถอนกำลังไปที่ด่านซันไห่กวน ทำให้ทหารญี่ปุ่นบุกยึดเสิ่นหยาง แล้วบุกยึดต่อไปที่จี๋หลิน เฮยหลงเจียง จนกระทั่งสามารถยึด 3 มณฑลทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนได้ในเดือนมกราคม 1932
ในเดือนถัดมาญี่ปุ่นได้สร้างรัฐใหม่ขึ้นบนแผ่นดินแมนจูเรีย โดยมีญี่ปุ่นคอยเชิดอยู่เบื้องหลัง ตั้งชื่อว่า ประเทศแมนจูกัว (满洲国) มีฉางชุนเป็นเมืองหลวง แล้วนำจักรพรรดิผู่อี๋ (ปูยี) ฮ่องเต้ราชวงศ์ชิงองค์สุดท้ายที่ถูกปฏิวัติในปี ค.ค. 1911 ซึ่งมีอายุ 25 พรรษในขณะนั้นมาเป็นฮ่องเต้หุ่นเชิดที่ได้ปกครองแต่ในนาม จากนั้นญี่ปุ่นก็ใช้อำนาจในการขูดรีดประชาชน ทำลายวัฒนธรรม ทำให้ชาวจีนกว่า 30 ล้านคนต้องทนทุกข์ทรมาน
เหตุร้าย 18 กันยายนได้กลายเป็นชนวนความแค้นของจีนทั่วประเทศ จนมีการเรียกร้องให้ต่อต้านญี่ปุ่น และถึงขั้นประท้วงรัฐบาลก๊กมินตั๋งที่ไม่ยอมต่อกรกับญี่ปุ่น จนกระทั่งประชาชนจีนทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนต่างเริ่มลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่น เมื่อถึงปี 1937 การรวมตัวก็กระจายกว้างออกไป จนสามารถยืดหยัดสู้รบกับทัพญี่ปุ่นได้อย่างยาวนาน
เรื่องราวในวันที่ 18 กันยายน เป็นหนึ่งในแผนการที่ญี่ปุ่นได้วางไว้นานแล้ว เห็นได้จากเมื่อปี 1927 ที่ญี่ปุ่นได้ประชุมที่โตเกียว แล้วกำหนด “โครงสร้างนโยบายต่อจีน” ออกมา จากนั้นก็ได้แจ้งต่อจักรพรรดิ พร้อมประกาศว่า หากต้องการยึดครองจีน จะต้องสยบแผ่นดินแมนจูเรียก่อน และหากจะพิชิตโลก ก็จะต้องสยบจีนให้ได้ก่อน สงครามครั้งนี้ได้บานปลายจนกลายเป็นสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สองในที่สุด
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง การยึดและถอยมาเกาะไต้หวัน
2 กันยายน ค.ศ. 1945 หลังการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ ญี่ปุ่นยอมจำนนแบบไม่มีเงื่อนไข อเมริกาเข้ายึดครองญี่ปุ่นและหมู่เกาะต่าง ๆ ที่ญี่ปุ่นตั้งฐานทัพอยู่ รวมถึงเกาะไต้หวันด้วย ส่วนโซเวียตรัสเซียเข้าตีแมนจูเรียและเกาหลีตอนเหนือขับไล่ญี่ปุ่นกลับประเทศตนไป ประเทศจีนได้เข้าร่วมฝ่ายสัมพันธมิตรได้เป็นส่วนหนึ่งในประเทศผู้ชนะสงครามเหนือญี่ปุ่น มีศักดิ์ศรีเป็นหนึ่งใน แต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศจีนเสียหายย่อยยับ ผู้คนทุกข์ยาก อดอยาก ขาดซึ่งปัจจัยสี่ ประกอบกับตลอดระยะ 10 กว่าปีที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนดำเนินการเผยแพร่อุดมการณ์ ทั้งแบบใต้ดินบนดิน ทำให้มีประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เพราะอุดมการณ์แบบสังคมนิยมนั้นดึงดูดคนยากคนจนเป็นพิเศษ เวลานี้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (人民解放軍) ก็พร้อมแล้วสำหรับสงครามปลดปล่อยประชาชนจากระบบ นายทุน ขุนศึก ศักดินา
ส่วนรัฐบาลก๊กมินตั๋งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลหมดเนื้อหมดตัวเพราะใช้เงินไปกับสงครามโลกจำนวนมาก ซ้ำด้วยปัญหาการคอรัปชั่นในวงราชการอย่างกว้างขวางทำให้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน อีกทั้งทหารก๊กมินตั๋งก็เหนื่อยล้าจากการรบที่ต่อเนื่องยาวนานทำให้ทหารไร้ระเบียบวินัยทั้งยังขาดแคลนยุทธปัจจัย ขวัญกำลังใจตกต่ำ เทียบไม่ได้เลยกับกองทัพปลดแอกประชาชนจีนที่มีขวัญกำลังใจเปี่ยมล้น เพียบพร้อมทั้งกำลังพลและยุทธปัจจัยเพราะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ปี ค.ศ. 1947 อเมริกาพยายามเป็นตัวกลาง ให้ทั้งสองพรรคเจรจากันอย่างสันติ แต่อเมริกาก็ต้องถอนทหารออกไปเพราะเดิมทหารอเมริกันนั้นเพียงแค่มาช่วยก๊กมินตั๋งรบกับญี่ปุ่น อีกทั้งไม่มีกำลังพลมากพอที่จะยับยั้งไม่ให้ทั้งสองพรรคทำสงครามกัน จึงเกิดเป็นสงครามกลางเมืองจีนอีกเป็นครั้งที่สอง
หลังจากนั้นในปี 1949 พรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้ายึดเมืองสำคัญ ๆ ของจีนได้โดยแทบจะไม่มีการต่อต้าน สงครามกลางเมืองได้สิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของพรรคก๊กมินตั๋งของเจียง ไคเช็กต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนของเหมา เจ๋อตุง พรรคก๊กมินตั๋งจึงได้หนีไปเกาะไต้หวัน เมื่อเป็นดังนี้ ในวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ.1949 เจียง ไคเชก จึงนำพลพรรคก๊กมินตั๋งพร้อมทั้งสมบัติมีค่า เช่น วัตถุโบราณจากวังต้องห้าม ทองคำในธนาคาร ตลอดจนทรัพย์สินต่าง ๆ เหล่าพ่อค้าประชาชนที่กลัวภัยคอมมิวนิสต์หนีตามเจียงไปตั้งหลักที่เกาะไต้หวันจำนวนมากกว่า 1 ล้าน 5 แสนคน เพื่อรอวันมายึดแผ่นดินใหญ่คืน
การเมือง
รัฐบาลแห่งชาติของสาธารณรัฐจีนได้ก่อตั้งเป็นครั้งแรก ในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1912 ที่เมืองนานกิง (จีน: 南京市) โดยมี ดร.ซุน ยัตเซ็น เป็นประธานาธิบดีชั่วคราวคนแรก บรรดาผู้แทนจากมณฑลต่าง ๆ ทั่วประเทศจีนถูกส่งไปเพื่อยืนยันรับรองอำนาจของรัฐบาลแห่งชาติที่นานกิง และต่อมาก็มีการจัดตั้งรัฐสภาขึ้นเป็นครั้งแรก อำนาจของรัฐบาลแห่งชาตินี้มี จำกัด และอายุสั้น เนื่องจากสาธารณรัฐจีนอยู่ในช่วงสมัยขุนศึก มียังการแบ่งนายพล หรือขุนศึก ได้ตั้งตนเป็นอิสระควบคุมทั้งภาคกลางและภาคเหนือของจังหวัดและมณฑลทั่วประเทศ การปฏิบัติหน้าที่ที่จำกัดโดยรัฐบาลชุดนี้ ประกอบไปด้วย การประกาศล้มล้างราชวงศ์ชิงอย่างเป็นทางการ จักรพรรดิผู่อี๋ จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง ถูกบีบบังคับให้ออกจากพระราชวังต้องห้ามในปี ค.ศ. 1917 อีกทั้งยังมีแนวนโยบายความคิดริเริ่มทางพัฒนาเศรษฐกิจ
อำนาจของรัฐสภากลายได้น้อยลง เมื่อได้มีการละเมิดรัฐธรรมนูญโดย นายพลยฺเหวียน ชื่อไข่ และสมาชิกรัฐสภาพรรคก๊กมินตั๋งถูกกองทัพของนายพลยฺเหวียนบีบให้ยอมแพ้ อีกทั้งยังให้สมาชิกของในพรรคก๊กมินตั๋งสนับสนุนเขาด้วยการเสนอเงินจำนวน 1,000 ปอนด์สเตอร์ลิงเป็นการตอบแทน ยฺเหวียนได้รักษาอำนาจของเขาโดยการส่งนายพลคนสนิทใกล้ชิดไปประจำตามจังหวัดและมณฑลทั่วประเทศจีนในฐานะผู้ปกครองแคว้น เมื่อนายพลยฺเหวียน ชื่อไข่ได้ฟื้นคืนระบอบจักรพรรดิและสถาปนาตั้งตนเป็นฮ่องเต้ นามว่า "จักรพรรดิหงเซียน (洪憲皇帝)" ได้มีการต่อต้านทั่วประเทศและเกิดการจลาจลขึ้น เมื่อยฺเหวียนได้เสียชีวิต ในปี ค.ศ. 1916 รัฐสภาได้ถูกเรียกให้มีประชุมอีกครั้งเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมายและรัฐธรรมนูญให้เกิดถูกต้องชอบธรรมให้กับรัฐบาลใหม่ อย่างไรก็ตามบรรดานายพลได้ถูกส่งไปประจำยังแคว้นต่าง ๆ ทั่วประเทศจีนได้ตั้งตนเป็นอิสระหลังจากการเสียชีวิตของยฺเหวียน ชื่อไข่ โดยไม่ขึ้นตรงกับรัฐบาลแห่งชาติอีกต่อไป ทำให้จีนเข้าสู่แห่งความแตกแยกหรือ สมัยขุนศึก แต่รัฐบาลแห่งชาติที่ไร้อำนาจก็ได้ดำรงอยู่อย่างกระท่อนกระแท่น เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งขึ้น สาธารณรัฐจีนได้เห็นสมควรที่จะเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรเพื่อที่จะได้ยื่นข้อเสนอในการขอแก้ไขสนธิสัญญาไม่เป็นธรรมและเรียกร้องสิทธิสภาพนอกอาณาเขตกลับคืนมา แต่รัฐบาลแห่งชาติก็ยังคงลังเลเพราะต้องการดูสถานการณ์ความได้เปรียบในสงคราม เมื่อหลายประเทศตะวันตกและจักรวรรดิญี่ปุ่นได้บีบบังคับให้จีนประกาศสงครามกับเยอรมนี ทำให้สาธารณรัฐจีนต้องประกาศสงครามกับจักรวรรดิเยอรมันและเข้าร่วมฝ่ายสัมพันธมิตร แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงคือเมื่อเยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เพื่อที่จะเลิกกิจการการถือครองเยอรมันและยึดครองบรรดาทรัพย์สิน ธุรกิจ ของชาวเยอรมันในประเทศจีน นอกจากนี้รัฐบาลแห่งชาติ สาธารณรัฐจีนยังมีรัฐบาลขุนศึกที่ต้องคอยรับมืออีกในช่วงเวลาเดียวกัน
รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐจีนก่อตั้งขึ้นบนพื้นฐานของและหลักลัทธิไตรราษฎร์ ซึ่งระบุว่า (สาธารณรัฐจีน) จะเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยของประชาชน จะถูกปกครองร่วมกันโดยประชาชนและเพื่อประชาชน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากวาทะของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา อับราฮัม ลินคอล์น ที่ว่า ประชาธิปไตยเป็น การปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน
ต่อมา เจียง ไคเช็ก ผู้นำการทหาร มือขวาผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจาก ดร.ซุน ยัตเซ็น ได้เข้าปราบปรามเหล่าขุนศึกและรวบรวมประเทศให้เป็นหนึ่งและก่อตั้ง รัฐบาลคณะชาติ ขึ้นแทน โดยมีพรรคก๊กมินตั๋งเป็นพรรคหลัก ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1928 การประชุมสมัชชาภาคที่สี่ครั้งที่ 2 ของรัฐสภาแห่งชาติก๊กมินตั๋งที่จัดขึ้นในนานกิงผ่านการปฏิรูปกฎหมายของรัฐบาลคณะชาติ กฎหมายได้ระบุว่ารัฐบาลแห่งชาติจะถูกกำกับและควบคุมภายใต้คณะกรรมการบริหารกลางของพรรคก๊กมินตั๋ง กับคณะกรรมการรัฐบาลแห่งชาติซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากคณะกรรมการกลางของพรรคก๊กมินตั๋ง ภายใต้รัฐบาลคณะชาติได้มีการก่อตั้งกระทรวงหลักขึ้น 7 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงการต่างประเทศ, , , กระทรวงยุติธรรม, และ และนอกจากนี้เช่น ศาลฎีกา, และทั่วไป
การแบ่งเขตการปกครอง
ดูบทความหลักที่: และ
เขตการปกครอง | จำนวน | สาธารณรัฐจีน การแบ่งเขตการปกครองภาคแรก สมัยรัฐบาลเป่ย์หยาง (ภาคเหนือ) | เขตปกครองของสาธารณรัฐจีนในปี ค.ศ. 1945 |
---|---|---|---|
มณฑล | 22 | (直隸) | มณฑลเฟิ่งเทียน (奉天) | มณฑลจี๋หลิน (吉林) | มณฑลเฮย์หลงเจียง (黑龍江) | มณฑลชานตง (山東) | มณฑลเหอหนาน (河南) | มณฑลชานซี (山西) | มณฑลเจียงซู (江蘇) | มณฑลอานฮุย (安徽) | มณฑลเจียงซี (江西) | มณฑลฝูเจี้ยน (福建) | มณฑลเจ้อเจียง (浙江) | มณฑลหูเป่ย์ (湖北) | มณฑลหูหนาน (湖南) | มณฑลฉ่านซี (陝西) | มณฑลกานซู่ (甘肅) | มณฑลซินเจียง (新疆) | มณฑลเสฉวน (四川) | มณฑลกวางตุ้ง (廣東) | มณฑลกว่างซี (廣西) | มณฑลยูนนาน (雲南) | มณฑลกุ้ยโจว (貴州) | |
เมืองท่าสำคัญ | 2 | เจียวอ้าว (膠澳商埠) | ซงฮู่ (淞滬商埠) | |
เขตบริหารพิเศษ | 4 | (川邊特別區) | (เร่อเหอ) (热河特别区) | (ฉาฮาเอ่อร์) (察哈尔特别区) | (綏遠特別區) | |
เขตปกครองภูมิภาค | 4 | ทิเบต (西藏地方) | มองโกเลีย (เหมิงกู่) (蒙古地方) | ชิงไห่ (青海省) | จิงเจ้า (เมืองหลวง) (京兆地方) | |
เขตการปกครอง | จำนวน | สาธารณรัฐจีน การแบ่งเขตการปกครองภาคสอง สมัยรัฐบาลจีนคณะชาติ (พรรคก๊กมินตั๋ง) | |
มณฑล | 28 | มณฑลเจียงซู (江蘇) | มณฑลเจ้อเจียง (浙江) | มณฑลอานฮุย (安徽) | มณฑลเจียงซี (江西) | มณฑลหูเป่ย์ (湖北) | มณฑลหูหนาน (湖南) | มณฑลเสฉวน (四川) | มณฑลซีคัง (西康) | มณฑลฝูเจี้ยน (福建) | มณฑลกวางตุ้ง (廣東) | มณฑลกว่างซี (廣西) | มณฑลยูนนาน (雲南) | มณฑลกุ้ยโจว (貴州) | มณฑลหูเป่ย์ (河北) | มณฑลชานตง (山東) | มณฑลหูหนาน (河南) | มณฑลชานซี (山西) | มณฑลฉ่านซี (陝西) | มณฑลกานซู่ (甘肅) | มณฑลหนิงเซี่ย (寧夏省) | มณฑลชิงไห่ (青海省) | (綏遠) | (ฉาฮาเอ่อร์) (察哈爾) | (熱河) | มณฑลเหลียวหนิง (遼寧) | มณฑลจี๋หลิน (吉林) | มณฑลเฮย์หลงเจียง (黑龍江) | มณฑลซินเจียง (新疆) | |
เขตเทศบาล | 6 | หนานจิง (南京) | เซี่ยงไฮ้ (上海) | เป่ย์ผิง (北平) | ชิงเต่า (青島) | เทียนจิน (天津) | ฮั่นโข่ว (漢口) | |
นครระดับจังหวัด | 2 | เวยไห่ (威海衛行政區) | ตงเฉิ่ง (東省特別行政區]) | |
เขตบริหารภูมิภาค | 2 | ทิเบต (西藏地方) | มองโกเลีย (เหมิงกู่) (蒙古地方) |
- แผนที่สาธารณรัฐจีนในปี ค.ศ. 1936
- แผนที่สาธารณรัฐจีนในปี ค.ศ. 1914 มาตราส่วนขนาดแผนที่โลก
- ดินแดนที่สาธารณรัฐจีนอ้างสิทธิ
สาธารณรัฐจีนมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับประเทศมองโกเลีย () ในฐานะที่เป็นรัฐสืบต่อจากราชวงศ์ชิง สาธารณรัฐจีนอ้างสิทธิ์ในดินแดน มองโกเลียนอก ประเทศมองโกเลียได้ถูกปกครองโดยรัฐบาลเป่ย์หยางตลอดจนถึงสมัยของรัฐบาลจีนคณะชาตินำโดยพรรคก๊กมินตั๋ง จนกระทั่งประเทศมองโกเลียได้รับเอกราชจากจีนหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง สาธารณรัฐจีนได้ทำเนื่องจากการกดดันโดยสหภาพโซเวียต
เมืองสำคัญ
ในระเวลาแรกที่ก่อตั้งสาธารณรัฐจีน ได้มีการก่อตั้ง "เขตปกครองชนบทเพื่อพัฒนาไปสู่ระบบเมือง" ขึ้น เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างชนบทเพื่อขยายเป็นเมืองใหญ่ แต่การพัฒนาเมืองชนบทหยุดชะงักลงในช่วงรัฐบาลเป่ย์หยาง ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1921 กว่างโจว ถูกพัฒนายกระดับขึ้นเป็นเมือง รัฐบาลเห็นผลของความสำเร็จของเมืองกว่างโจว จึงเพิ่มการใช้ระบบเมืองทั่วประเทศ วันที่ 3 กรกฎาคม ในปีเดียวกัน รัฐบาลเป่ย์หยางประกาศใช้ "ระบบเขตเทศบาล" ขึ้น "เมือง" ได้ถูกแบ่งออกเป็น "เมืองสำคัญ" และ "เมืองธรรมดา" ได้แก่ "เทียนสิน, ซ่งอู๋ (ปัจจุบันคือเซี่ยงไฮ้), ชิงเต่า, ฮาร์บิน, ฮั่นโข้ว (ปัจจุบันคืออู่ฮั่น) รวมทั้งสิ้น 6 เมืองสำคัญ ในปี ค.ศ. 1930 รัฐบาลจีนคณะชาติได้ประกาศใช้ "" ขึ้น "เมือง" ได้ถูกแบ่งออกเป็น "" และ โดยเมืองท้องถิ่นภูมิภาคและเขตชนบทจะอยู่ในระดับเดียวกัน มีฐานะเทียบเท่ากับจังหวัด เมืองแต่ละเมืองของเขตชนบทจะอยู่ภายใต้เขตอำนาจของเมืองท้องถิ่นภูมิภาค กฎหมายได้กำหนดแต่ละเมืองมีประชากรได้ถึงหนึ่งล้านคน แต่มีข้อยกเว้น ในปี ค.ศ. 1948 "" เมืองแต่ละเมืองจะอยู่ภายใต้เขตอำนาจเขตเทศบาล ก่อนปี ค.ศ. 1949 ทั้งประเทศมีเขตเทศบาล 12 แห่ง
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ก่อนหน้าที่รัฐบาลชาตินิยมจะถูกขับออกจากแผ่นดินใหญ่ สาธารณรัฐจีนได้มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 59 ประเทศ[] รวมถึงออสเตรเลีย, แคนาดา, , เชโกสโลวาเกีย, เอสโตเนีย, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส, อิตาลี, ญี่ปุ่น, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, นอร์เวย์, ปานามา, สยาม, สหภาพโซเวียต, , สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา, และสันตะสำนัก สาธารณรัฐจีนสามารถรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศเหล่านี้ไว้ได้เกือบทั้งหมด อย่างน้อยที่สุดในช่วงแรกของการล่าถอยไปยังเกาะไต้หวัน เจียง ไค-เช็ก ได้สาบานว่าจะรีบกลับมาและ "ปลดปล่อย" แผ่นดินใหญ่ และเชื่อมั่นว่าจะกลายเป็นรากฐานของนโยบายต่างประเทศของสาธารณรัฐจีนภายหลังปี 1949
ภายใต้กฎบัตรแอตแลนติก สาธารณรัฐจีนได้รับสิทธิที่นั่งถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) แม้ว่าจะมีการคัดค้านอยู่หลายต่อหลายครั้งว่าที่นั่งถาวรนั้นควรจะเป็นของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ สาธารณรัฐจีนยังคงได้รับสิทธิที่นั่งถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติต่อไป จนกระทั่งในปี 1971 เมื่อสิทธินั้นถูกแทนที่โดยสาธารณรัฐประชาชนจีน
สังคม
หลังจากที่ได้มีการโค้นล้มราชวงศ์ชิงและเปลี่ยนแปลงไปสู่สาธารณรัฐ ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลแห่งชาติชุดแรกของดร.ซุน ยัตเซ็น ได้เริ่มร่างรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐจีนขึ้น บรรดาชนชั้นของขุนนางราชวงศ์ชิงถูกปลดเป็นพลเมืองธรรมดารวมทั้งจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง จักรพรรดิผู่อี๋ ก็ถูกถอดจากบัลลังก์เป็นเพียงพลเมืองแห่งสาธารณรัฐจีน รัฐบาลมีการออกกฎหมายอาญาและแพ่งขึ้นใช้บังคับทั่วประเทศอย่างเท่าเทียม มีการรณรงค์แจกใบปลิวและติดป้ายประกาศจำนวนมากให้ตระหนักถึง หน้าที่พลเมืองดี สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และรู้จักติดตามข่าวสารสมัยใหม่ รัฐบาลสาธารณรัฐจีนยังได้สนับสนุนให้มีการยกเลิกการสูบฝิ่นของประชาชน มีการออกกฎหมายถือว่าฝิ่นเป็นสิ่งผิดกฎหมาย มีการส่งเสริมสุขอนามัยประชาชน ในช่วงนี้ทำให้เกิดขึ้น
ในขณะเดียวกันในยุคสาธารณรัฐจีนได้มีการรณรงค์ให้ใช้ปฏิทินหมิงกั๋วเป็นการนับปีศักราชแทนการนับศักราชแบบปฏิทินจีนโบราณที่นิยมเรียกตามพระนามของจักรพรรดิ โดยกำหนดให้เรียกปีที่หนึ่งของสาธารณรัฐว่า หมิงกั๋วปีที่ 1 หรือ ปีสาธารณรัฐที่ 1
การแต่งกาย
กองทัพ
กองทัพแห่งสาธารณรัฐจีนมีรากฐานมาจากกองทัพปฏิวัติแห่งชาติจีนซึ่งก่อตั้งโดย ดร.ซุน ยัตเซ็น ในปี ค.ศ. 1925 ที่ กับเป้าหมายของการรวมประเทศจีนภายใต้ก๊กมินตั๋ง
โดยแรกเริ่มนั้นกองทัพปฏิวัติได้ถูกจัดตั้งโดยการช่วยเหลือทางทหารจากสหภาพโซเวียต เพื่อช่วยให้พรรคก๊กมินตั๋งในการรวบรวมประเทศจีนในช่วงสมัยขุนศึก กองทัพปฏิวัติแห่งชาติด้ทำการสู้รบในการรบหลักคือ การกรีธาทัพขึ้นเหนือ, การต่อต้านกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สองและในการสู้รบกับกองทัพปลดปล่อยประชาชนของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในสงครามกลางเมืองจีน
และการร่วมมือยังคงมีความขัดแย้งและในที่สุดพรรคคอมมิวนิสต์ได้แยกออกไปกองทัพปลดปล่อยประชาชนของตนเองหลังสงครามกับญี่ปุ่นยุติลง ด้วยการปรักาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐจีนปี ค.ศ. 1947 และการสิ้นสุดการปกครองจีนแผ่นดินใหญ่ของก๊กมินตั๋ง หลังจากการพ่ายแพ้ของพรรคก๊กมินตั๋งในสงครามกลางเมืองจีนให้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน และกองทัพปฏิวัติแห่งชาติได้ล่าถอยอพยพไปยังเกาะไต้หวันในปี ค.ศ. 1949 ต่อมากองทัพปฏิวัติแห่งชาติได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นกองทัพแห่งสาธารณรัฐจีน
เศรษฐกิจ
ในช่วงปีแรก ๆ ของสาธารณรัฐจีนเศรษฐกิจยังคงไม่มั่นคงเนื่องจากประเทศถูกทำให้โดดเด่นด้วยสงครามอย่างต่อเนื่องระหว่างกลุ่มขุนศึกในภูมิภาคต่าง ๆ รัฐบาลเป่ย์หยางในปักกิ่งก็มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำอย่างต่อเนื่องและความไร้เสถียรภาพทางการเมืองทำให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ซบเซาจนกระทั่งเกิดการรวมชาติของจีนได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1928 โดยพรรคก๊กมินตั๋ง
หลังจากที่พรรคก๊กมินตั๋งได้รวมประเทศจีนสำเร็จอีกครั้งในปี ค.ศ. 1928 จีนเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความมั่นคงแม้ว่าจะมีความขัดแย้งทางทหารอย่างต่อเนื่องและเผชิญกับการรุกรานของญี่ปุ่นใน มณฑลซานตงและในที่สุดแมนจูเรีย ในปี ค.ศ. 1931
ช่วงทศวรรษที่ 1930 ในประเทศจีนเป็นที่รู้จักกันในนาม "ทศวรรษนานกิง" ซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจยังดำเนินต่อไปเนื่องจากความมั่นคงทางการเมืองที่สัมพันธ์กันเมื่อเทียบกับทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมของจีนเติบโตอย่างมากจากปี ค.ศ. 1928 ถึงปี ค.ศ. 1931 ในขณะที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการยึดครองแมนจูเรียของญี่ปุ่นอีกครั้งในปี ค.ศ. 1931 และในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในปี 1931 ถึง 1935 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาสู่จุดสูงสุดก่อนหน้านี้ในปี ค.ศ. 1936 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของจีดีพีของจีน ในปี ค.ศ. 1932 จีดีพีของจีนพุ่งสูงสุดที่ 28.8 พันล้านก่อนร่วงลงมาที่ 21.3 พันล้านในปี ค.ศ. 1934 และฟื้นตัวเป็น 23.7 พันล้านในปี ค.ศ. 1935 ในปี ค.ศ. 1930 การลงทุนจากต่างประเทศในประเทศจีนมีจำนวนทั้งสิ้น 3.5 พันล้าน โดยมีการพยายามแทรกแซงของญี่ปุ่นที่จะเข้ามาเป็นผู้นำ (1.4 พันล้าน) และสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 1 พันล้าน อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ. 1948 หุ้นทุนได้หยุดลงด้วยการลงทุนลดลงเหลือเพียง 3 พันล้านดอลลาร์โดยผู้นำของสหรัฐฯและอังกฤษ
อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจในชนบทได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษที่ 1930 ซึ่งเป็นผลมาจากผลผลิตทางการเกษตรที่มากเกินไปทำให้ราคาตกต่ำอย่างมากสำหรับจีนรวมถึงการนำเข้าจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น (เป็นสินค้าเกษตรที่ผลิตในประเทศตะวันตกถูก "เข้ามาขายระบายสินค้า" ในประเทศจีน) ในปี ค.ศ. 1931 การนำเข้าข้าวในประเทศจีนมีจำนวน 21 ล้านบุชเชล (Bushel) เมื่อเทียบกับ 12 ล้านในปี ค.ศ. 1928 สินค้าอื่น ๆ ก็เห็นการเพิ่มขึ้นของการส่ายมากขึ้น ในปี ค.ศ. 1932 มีการนำเข้าธัญพืช 15 ล้านบุชเชลเมื่อเทียบกับ 900,000 ในปี ค.ศ. 1928 การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นนี้นำไปสู่การลดลงอย่างมากในราคาสินค้าเกษตรของจีน (ซึ่งมีราคาถูกกว่า) และทำรายได้ให้เกษตรกรในชนบท ในปี ค.ศ. 1932 ราคาสินค้าเกษตรอยู่ที่ระดับร้อยละ 41 จากปี ค.ศ. 1921
วัฒนธรรมสมัยนิยม
ภาพยนตร์
- ละครชุด มนต์รักในสายฝน เป็นเรื่องราวในยุคหมิงกั๋วช่วงสมัยขุนศึกรัฐบาลเป่ย์หยางจนถึงช่วงรัฐบาลคณะชาติ
- ภาพยนตร์เรื่อง เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ เดอะ มูฟวี่ เป็นเรื่องราวในยุคสาธารณรัฐจีน เกี่ยวกับเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ได้ถูกครอบครองโดยกลุ่มอาชญากร หรือ เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ก่อนเมืองเซี่ยงไฮ้จะถูกกองทัพญี่ปุ่นยึดครองในยุทธการเมืองเซี่ยงไฮ้
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- Roy, Denny (2003). Taiwan: A Political History. Ithaca, New York: Cornell University Press. pp. 55, 56. ISBN .
- "Taiwan Timeline – Retreat to Taiwan". BBC News. 2000. สืบค้นเมื่อ 2009-06-21.
- China, Fiver thousand years of History and Civilization. City University Of Hong Kong Press. 2007. p. 116. สืบค้นเมื่อ 12 พฤษภาคม 2560.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "The Chinese Revolution of 1911". US Department of State. สืบค้นเมื่อ 2016-10-27.
- Spence, Jonathan D. [1991] (1991), The Search for Modern China, WW Norton & Co. .
- Fenby 2009, pp. 123–125
- Fenby 2009, p. 131
- Fenby 2009, pp. 136–138
- Meyer, Kathryn; James H Wittebols; Terry Parssinen (2002). Webs of Smoke. Rowman & Littlefield. pp. 54–56. ISBN .
- Guillermaz, Jacques (1972). A History of the Chinese Communist Party 1921–1949. Taylor & Francis. pp. 22–23.
- "The Republic of China Yearbook 2008 / CHAPTER 4 Government". Government Information Office, Republic of China (Taiwan). 2008. สืบค้นเมื่อ 2009-05-28.[]
- name="Japan Contemporary Chinese Society�">"1945年「外モンゴル独立公民投票」をめぐる中モ外交交渉".
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2017-05-23.
- 「中國地理」.中華民國發行之地理課本
- Li Shui. Chiang Kai-shek Captain of the Guard Publishers. Discloses the history of retaking the mainland. 13 November 2006. [1] 2008-10-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Qin Xin. Taiwan army published new book uncovering secrets of Chiang Kai-shek: Plan to retake the mainland. 28 June 2006. China News Agency. China News
- "1945: The San Francisco Conference". United Nations. จากแหล่งเดิมเมื่อ 12 January 2017. สืบค้นเมื่อ 1 July 2015.
- Stephen Schlesinger, "FDR's five policemen: creating the United Nations." World Policy Journal 11.3 (1994): 88-93. online
- Wellens, Karel C., บ.ก. (1990). Resolutions and Statements of the United Nations Security Council: (1946–1989); a Thematic Guide. Dordrecht: BRILL. p. 251. ISBN .
- Cook, Chris Cook. Stevenson, John. [2005] (2005). The Routledge Companion to World History Since 1914. Routledge. . p. 376.
- CHINA'S REPRESENTATION IN THE UNITED NATIONS by Khurshid Hyder - Pakistan Horizon; Vol. 24, No. 4, The Great Powers and Asia (Fourth Quarter, 1971), pp. 75-79 Published by: Pakistan Institute of International Affairs
- Sun Jian, pg 1059–1071
- Sun Jian, pg 1353
- Sun Jian, page 1089
แหล่งข้อมูลอื่น
- คู่มือการท่องเที่ยว Chinese Revolutionary Destinations จากวิกิท่องเที่ยว (ในภาษาอังกฤษ)
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Republic of China (1912–1949)
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
satharnrthcin xngkvs Republic of China cin 中華民國 phinxin Zhōnghua Minguo ewd icls Chung1 hua2 Min2 kuo2 epnrthinexechiytawnxxktngaetpi kh s 1912 thungpi kh s 1949 kxtngkhuninpi kh s 1912 hlngcakthisamarthokhnlmrachwngsching karptiwtisinih 辛亥革命 idsaerc aelasinsudlnghlngsngkhramklangemuxngcin dwykhwamphayaephkhxngphrrkhkkmintnghruxcinkhnachati sungidliphyipyngekaaithwnaelakxtngsatharnrthcinkhunmaihm inkhnathiphrrkhkhxmmiwnistcinthiepnfayidchychnaidkxtngsatharnrthprachachncinbnaephndinihycininpccubnsatharnrthcin 中華民國 cngh wahmingkwkh s 1912 kh s 1949bn thngchatisatharnrthcin tngaet kh s 1912 28 lang thngchatisatharnrthcin tngaet kh s 1928 49 bn traaephndinkhxngsatharnrthcin tngaet kh s 1913 28 lang traaephndinkhxngsatharnrthcin tngaet kh s 1928 49 khakhwy 民主 自由 博愛 prachathipity esriphaph phradrphaph ephlngchati 五族共和歌 1912 1913 source source source track track 卿雲歌 1913 1915 1921 1928 source source source source track track 中華雄立宇宙間 emuxngcinyunaekrngklangphiphph 1915 1921 source source source track track track track track 中華民國國歌 ephlngchatisatharnrthcin 1930 1949 source source track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track track ephlngthngchati 中華民國國旗歌 ephlngthngchatisatharnrthcin 1937 1949 source source track track track track track track track track track xanaekhtkhxngsatharnrthcininpi kh s 1945emuxnghlwnghnancing 1912 1927 1949 pkking 1912 1928 chngching chwngsngkhram 1937 1946 phasathwipphasacinmatrthan xksrcintwetm sasnachawbancinkarpkkhrxngshphnth satharnrthrabbkungprathanathibdi 1912 1928 rthediyw ephdckarthhar 1928 1946 rthediyw satharnrthrabbrthspha 1946 1949 prathanathibdi 1912dr sun ytesn echphaakal khnaerk 1949 rksakar khnsudthay naykrthmntri 1912thng echayi khnaerk 1949 khnsudthay sphanitibyytiphrrkhchatiniymaehngpraethscin sphasungsmchchaaehngchati sphalangyukhprawtisastrstwrrsthi 20 karptiwtisinih10 tulakhm kh s 1911 kxtng1 mkrakhm kh s 1912 kahndxanacrthbalhlkthinanking18 emsayn kh s 1927 sngkhramcin yipunkhrngthisxng7 krkdakhm kh s 1937 mi25 thnwakhm kh s 1947 thnwakhm kh s 1948 hniipekaaithwn10 thnwakhm kh s 1949phunthi191211 420 000 tarangkiolemtr 4 410 000 tarangiml 19499 634 057 tarangkiolemtr 3 719 730 tarangiml prachakr 1912432375000 1949541670000skulengin rhs ISO 3166kxnhna thdiprachwngsching satharnrthprachachncinsatharnrthprachachnmxngokeliysatharnrthcinsatharnrthprachachntuwaPopulation from http www populstat info Asia chinac htm satharnrthcinmiprathanathibdikhnaerkkhux dr sun ytesn darngtaaehnnghnathiephiyngrayaewlaxnsn phrrkhkhxngsuntxmaidnaody sungchnakareluxktngrthsphathicdkhunineduxnthnwakhm kh s 1912 xyangirktamkxngthphnaodyprathanathibdiy ehwiyn chuxikhyngkhngkhwbkhumrthbalaehngchatiinpkkingtxip tngaetplaypi 1915 thungtnpi 1916 y ehwiynidruxfunrabxbckrphrrdicinthieriykwackrwrrdicinkhunmaihm aelasthapnatnexngepn ckrphrrdihngesiyn 洪憲皇帝 aetckrwrrdiihmkhxngy ehwiynklbdarngxyuidephiyngrayaewlasn hlngy ehwiynidesiychiwitlng phunakxngkalngthxngthintamaekhwntang sungtxmaidklaymaepnehlakhunsuk aelaidprakastngtnepnxisraimkhunkbrthbalklanghruxrthbalaehngchatixiktxip thaihcinekhasusmykhunsukinewlatxma inpi kh s 1925 phrrkhkkmintngiderimkxtng rthbalkhuaekhnginbriewntxnitkhxngemuxngkwangocw inkhnathiesrsthkickhxngphakhehnuxmikarkhudridephuxsnbsnunehlakhunsuk sungtxmaehlakhunsukidthukyubinpi 1928 odynayphleciyng ikhechk phuidkhunepnphunaphrrkhkkmintng hlngkaresiychiwitkhxngsun ytesn eciyngidnakxngthphkrithathphkhunehnux sungepnkarrbephuxlmlangrthbalklanginkrungpkking txmarthbalklangidthuklminpi 1928 aelaeciyngidsthapnarthbalchatiniymkhunthinanking hlngcaknnekhaktdkhwamsmphnthkhxngekhakbphrrkhkhxmmiwnistaelakhbilphufkifkhxmmiwnistxxkcakphrrkhkkmintng sungkhwamkhdaeyngniidnaipsusngkhramklangemuxngcin satharnrthcinidmikarphthnaxutsahkrrmaelakhwamthnsmy aetkyngmikhwampyhakhdaeyngrahwangrthbalkhnachatiinnanking xathiechn phrrkhkhxmmiwnistcin khunsukthiehluxaela ckrwrrdiyipun xyangtxenuxng satharnrthcinidmikarerngphthnapraethsxyangcringcngemuxekidsngkhramkbyipun emuxkxngthphckrwrrdiyipunidrukrancinxyangxyangetmrupaebbinpi kh s 1937 sngkhramkbyipunidyudeyuxcnkrathngnaipsusngkhramolkkhrngthisxng satharnrthcinidekharwmkbfaysmphnthmitr emuxsngkhramolkkhrngthisxngyutilngaelackrwrrdiyipunyxmcannodyimmienguxnikhinpi kh s 1945 satharnrthcinmithanaepnphuchnasngkhramaelaidklaymaepnhnunginchatimhaxanac miswninkarkxtngxngkhkarshprachachati inrahwangyukhsngkhrameynidekidkhwamkhdaeyngrahwangshrthxemrikakbshphaphosewiyt naipsukarkhdaeyngkhrngihmrahwangphrrkhkkmintngaelaphrrkhkhxmmiwnistsungidthaihekidsngkhramklangemuxngkhunxikkhrng inpi kh s 1947 idthuxkaenidkhunaelaepnkdhmayphunthankhxngpraeths cnkrathngphrrkhkkmintngkhxngeciyng ikhechk idphayaephinkarsurbsngkhramklangemuxngkbphrrkhkhxmmiwnist inpi kh s 1949 phrrkhkhxmmiwnistnaody ehma ecxtng idcdtngsatharnrthprachachncin khbilrthbalcinkhnachatixxkcakcinaephndinihy swneciyng ikhechkaelaphrrkhkkmintngidthxyrnipyngekaaithwnprawtisastrsatharnrthidrbkarcdtngxyangepnthangkarkhunemuxwnthi 1 mkrakhm kh s 1912 hlngkarptiwtisinih sungerimdwykarekidkarkxkarkaeribxuchanginpraethscin sungnaipsukarokhnlmrachwngschingaelasinsudrabxbkarpkkhrxngodyckrphrrdinbhaphnpiinprawtisastrcin tlxdrayaewlatngaetkxtngcnthungpi kh s 1949 satharnrthciniddarngxyukbcinaephndinihy xanacrthbalklangkhxngsatharnrthcinidsnkhlxninsmykhunsuk kh s 1915 28 prakxbkbphawasngkhramkbckrwrrdiyipun kh s 1927 37 emuxrthbalphrrkhkkmintngiddaeninnoybaykarrwbrwmpraethscinepnpukaephnidxyangmnkhngphayit emuxhlngsngkhramolkkhrngthisxngidyutilng ckrwrrdiyipunidyxmcannaelaidkhunekaaithwnaelaaekfaysmphnthmitr faysmphnthmitridphicarnaihekaaithwnidklbkhunmaphayitkarpkkhrxngkhxngsatharnrthcin emuxphrrkhkhxmmiwnistcinidyudkhrxngpraethscinidsaerc hlngsngkhramklangemuxngcininpi kh s 1949 rthbalsatharnrthcinidliphyipyngekaaithwnaelaprakasihemuxngithep epnemuxnghlwngrthbalphldthin fayphrrkhkhxmmiwnistcinemuxyudkhrxngaephndinihycinkidsthapna satharnrthprachachncin khunthikrungpkking aelaiddaeninnoybaycinediyw xangsiththiaelaxanacehnuxdinaedncinthnghmd odymikarxangsiththiinkarrwmekaaithwnmaepnswnhnungkhxngcinaephndinihy naipsukhwamkhdaeyngrahwangrthbalkhxmmiwnistthipkkingaelarthbalkkmintngthiithep karkxtngsatharnrthcin dr sun ytesn prathanathibdikhnaerkkhxngsatharnrthcinthngchatikhxngsatharnrthcin tngaetpi ph s 2455 2471traaephndinkhxngsatharnrthcin tngaetpi ph s 2455 2471 karptiwtisinihekidkhunemuxpi kh s 1912 odykarnakhxng dr sun ytesn sungepnkarokhnlmxanackarpkkhrxngkhxngrachwngsching sinsudkarpkkhrxngodyckrphrrdikhxngcin cinidepliynaeplngkarpkkhrxngsusatharnrth epnphlthaihcinekhasurabxbprachathipityinthisud saehtuthikxihekidkarokhnlmxanackhrngninacamacakkhwamesuxmothrmkhxngsphaphsngkhmcin chawcinxyuphayitkarpkkhrxngodyrachwngsching chnklumnxyephaaemncusungidihxphisiththiaekechphaachawaemncuaelakdkhichawcinhn xikthngrachwngschingimmixanackalngphxthicapkkhrxngpraethsid sungtlxdrayaewlapkkhrxng 268 pi kh s 1644 1912 miaetkaraeyngchingxanacinhmuphunarachwngs dwyehtunirasdrswnmakcungtkxyuinsphaphyakcn chawirchawnathukkhudridphasixyanghnk thukexardexaepriybcakecakhxngthidin chawtangchatiekhamakxbokyphlpraoychn aephndincinthukkhukkhamcakehlapraethslththilaxananikhm odyechphaachatimhaxanactawntk aelayipun cinidthasngkhramtxtankarrukrankhxngkxngkalngtangchatiepnfayaephmaodytlxd thaihrasdrhmdkhwamechuxthuxtxrachwngschingepnxyangmaknaipsukartxtanrabxbkarpkkhrxngkhxngrachwngsaemncu aenwkhwamkhidtxtanrachwngschingerimmacakkarthirachwngschingidthasngkhramfinkbxngkvs odysngkhramfinkhrngthihnung thaihcintxngsuyesiyekaahxngkngaelalngnamsnthisyyananking phlkrathbkhxngsnthisyyanankingthicincatxnglngnamemuxphayaephsngkhramfinkhrngaerk indansngkhmthirayaerngthisud khux xngkvsbngkhbihcinyxmrbwakarkhafinepneruxngthukkdhmay odythuxwaepnyarksaorkhaelathaidodyesri thaihsngkhmcinxyuinsphaphxxnaex ephraaprachakrcanwnmakxyuinsphaphtidyaesphtid banemuxngtkxyusphaphclaclinwunway aemrachwngschingcaphyayamaekpyhakaresphtidfinkhxngprachachn aetemuxcinidthasngkhramfinkhrngthisxngaelaepnfayphayaephxikkhrngthaihcintxngthasungthaihcinsuyesiyphlpraoychnmakkhunipxik kbdnkmwyekidkhuninpi kh s 1900 kxngocrnkmwyidbukekhaocmtithanthimnkhxngphnthmitraepdchati rachwngschingnaodysusiithehaidsnbsnunkarkbddngklaw aetkidphayaephihkbklumphnthmitraepdchati thaihcinthukbngkhbihlngnamphithisarnkmwy aelatxngcaykhachdichsngkhramcanwnmhasal thaihchawcinxpysxdsuepnxyangmak inkhnathirachwngschingkalngxxnaexcakpyharumerathngphayinpraethsaelacaknxkpraeths chawtawntkaelayipunduthukchawcinodykarkhnannamwa khiorkhaehngexechiy thaihchawcinbangswnmiaenwkhwamkhidthicaepliynaeplngkarpkkhrxngkhxngpraethsipsuprachathipityaelanaipsukhbwnkarthngehminghuytxtanrachwngsching naody dr sun ytesn karcdtngsatharnrthcinphthnamacakkarkxkarkaeribxuchangodyiderimlukhuxtxtanrachwngsching emuxwnthi 10 tulakhm kh s 1911 txmakarlukhuxidphthnamaepnkarptiwtisinih karptiwtisinsudlngdwychychnakhxngkhbwnkarthngehminghuy rachsankchingodymi icefing xngkhchaychun aela phraphnpihlngy wi epnphusaercrachkar yxmslaxanacodyprathbtraphrarachsyckr khunxanacihprachachn hlngcakkaryxmslaxanackhxngrachsankchingaelw chawcinthwpraethsaelachawcinophnthaelidmikarechlimchlxng wnthi 10 tulakhm kh s 1911 thiepnthiruckknin wnsxngsib singwndngklawniexnginpccubnidepnwnchatisatharnrthcin emuxwnthi 29 thnwakhm kh s 1911 sun ytesn idthukeluxkepnprathanathibdi odykarprachumthinankingodymitwaethncakthukmnthlkhxngcin sunidaethlngkanepidtwxyangepnthangkar aelaihstykhamnsyyawa carwmsatharnrthcinihmnkhngaelawangaephnephuxkhwamepnxyukhxngprachachn sunidtrahnkthungkarkhadaekhlnkarsnbsnunthangdankarthhar sungphuna nayphly ehwiyn chuxikhidesnxihkarsnbsnunaettxngaelkkbkbkarthiekhacaidkhunepnprathanathibdi sun ytesncungidmxbxanactaaehnngprathanathibdiihaek y ehwiyn chuxikh phusungtxmaidbibbngkhbihckrphrrdiphuxi ckrphrrdirachwngschingxngkhsudthayslarachsmbti nayphly ehwiynidrbkareluxktngepnprathanathibditxinpi kh s 1913 y ehwiyn chuxikhruxfunrabxbckrphrrdi y ehwiyn chuxikhidxanacpkkhrxngpraethsaelamixanacdankarthharxyuinkamux ekhaklbaesdngtnepnephdckaraelalaelytxhlkkarkhxngsatharnrththikxtngodyectnarmnkhxng dr sun ytesn y ehwiynidkhukkhamkhuekhypraharchiwitsmachikrthsphaphuimehndwykbekhaaelaidyubphrrkhkkmintng mikarlmlangrththrrmnuyaehngsatharnrth kareluxktngaebbprachathipitythithukkhadhwngiwinpi kh s 1912 thukyutilngdwykarlxbsngharphulngsmkhreluxktngodykhnkhxngy ehwiyn chuxikh y ehwiyn chuxikhhlngcakidthalayhlkkarprachathipityaelwidthaeyxthayanthitxngkarkhunepnhxnget odyidruxfunrabxbckrphrrdihruxhxngetkhunmaxikkhrng cninthisudy ehwiynidprabdaphiesktngtnepnhxngethrux ckrphrrdihngesiyn 洪憲皇帝 aelasthapnaepliynchuxpraethsepn ckrwrrdicin khuninpi kh s 1915 ethakbepnkarthrysaelakhdtxhlkkarkhxngdr sun aelasatharnrthcin thaihaephndinekidkhwamwunwayxikkhrng ekidkarlukhuxkhuntxtanhxngethngesiynthwpraethsekidkhunodyklumthharthiimehndwykbkarruxfunrabxbhxngetklbma ckrwrrdicinkhxngy ehwiyn chuxikhdarngxyuidephiyng 1 pi in kh s 1916 y ehwiyn chuxikhidesiychiwitdwywychraaelarabxbckrphrrdithiekharuxfunksinsudlng hlngcakkartaykhxnghxngety ehwiyn chuxikh brrdaaewnaekhwncnghwdtang idprakastngtnepnxisraimkhunkbrthbalklangxiktxipthaihpraethscinekhasuyukhaehngkhwamaetkaeykhruxyukhthieriykwa smykhunsuk rthbalepyhyangaelasmykhunsuk hlngcaknnpraethscinkidekhasusmykhunsuk prachachnxyuxyangyaklabakekidsngkhramkarsurbkhunthukhyxmhyathwthngpraeths xditklumthharkhxngy ehwiyn chuxikhiderimaetkaeykkn odyklumthiekhmaekhngthisudidtng rthbalepyhyang thikrungpkkingsubxanacepnrthbaltxip rthbalepyhyangnnthuxwaepnrthbalprachathipitycxmplxmthimiprathanathibdithithukaetngtngepnephiynghunechidihaekkxngthphethann thaihchawcinerimlukkhuntxtanrthbalepyhyangkhun sthankarnthiwunwayidthaih dr sun ytesnidthukbibbngkhbihtxngliphyklbipthiemuxngkwangtunginphakhitxikkhrngdwykhwamchwyehluxkhxngklumkhunsukthisnbsnunprachathipity inpi kh s 1917 aela kh s 1922 dr sunidtngrthbalkuchatiepnrthbalkhuaekhnginphakhitkhunodyichemuxngkwangtungepnthanthimnhwngcakxbkupraethscinihepnprachathipityephuxpwngchnxikkhrng dr sunidfunfuphrrkhkkmintngxikkhrngineduxntulakhm kh s 1919 thngnidr sunmiidhmdhwngthxaethekhayngidmikhwamhwngthicarwmpraethscinxikkhrng odymi eciyng ikhechk luksisyphusubthxdectnarmnkhxngekhaidkrithathphrwmchatikhunehnuxephuxlmlangrthbalepyhyangthipkkingintxnehnuxhruxkarkrithathphkhunehnux xyangirktam dr sunklbkhadaekhlnkarsnbsnundankarthharthiephiyngphxaelamingbpramanthicakd inkhnaediywknrthbalepyhyangidphyayamtxsudinrnthicayuxewlaxyuinxanactxip aelakhwamimepnthrrm inrahwangsngkhramolkkhrngthihnungthiidpathukhun praethscinidthukbrrdachatitawntkaelackrwrrdiyipunbibbngkhbihekharwmfaysmphnthmitraelaprakassngkhramkbeyxrmni rthbalepyhyangyxmptibtitamodyimmienguxnikh mikaryudthrphycbechlychaweyxrmnincinaelaidsngxahar aerngnganipchwyfaysmphnthmitrinkarrb aetinpi kh s 1919 emuxsngkhramolkkhrngthihnungyutilng thungaemcincaxyufaysmphnthmitrtamhlkmisiththiepnphuchnasngkhram aethlngsngkhramsinsudlngpraethscinklbepnfaythukexardexaepriyb snthisyyaaewrsayidplxyihsmpthankhxngeyxrmniinmnthlchantngkhxngcintxngthukoxnihaekyipunaethnthicathukoxnklbmaxyuphayitkarpkkhrxngkhxngcin xikthngyipunyngidphyayamruxfunpraednkhxeriykrxng 21 prakarephuxkhudridphlpraoychncakcinxikkhrng prakxbkbbrrdapraethstawntkaelayipunimyxmaekikhyxmihsiththisphaphnxkxanaekhtkhunaekcin cnthaihchawcinokrthaekhnepnxyangmakthaihekidkarprathwngkhxngnksuksatxtanrthbalthiyxmxxnkhxephikechytxsnthisyyaaewrsayodyklumpyyachn naipsukaredinkhbwneriykrxngkhwamepnthrrmhruxepnthiruckkninehtukarn khbwnkar 4 phvsphakhm karedinkhbwnekhluxnihwinkhrngniekidkarrbexaxiththiphlaenwkhidlththimaksmaephyaephrthaihrakthankhxngaenwkhwamkhidlththikhxmmiwnistiderimthuxkaenidkhunepnkhrngaerkxyangaephrhlayinhmupyyachnaelanksuksa cnthaythisudidnaipsukarkxtwkhxngphrrkhkhxmmiwnistcininphayphakhhna kaenidphrrkhkhxmmiwnistcin hlngdr sunidtngrthbalinphakhitkhun ekhaidtdsinickhxkhwamchwyehluxthangdankarthharaelangbpramanswnhnungcakshphaphosewiytaelakxtng sungepnorngeriynthharaehngaerkkhun aetkarsnbsnunkhxngosewiytklbtxngaelkepliynkbkarihosewiytkxtngaelasnbsnunphrrkhkhxmmiwnistcinthimitnkaenidcakkhbwnkarekhluxnihw 4 phvsphakhm thierimrwmtwepnrupepnrangtngaetpi kh s 1919 phrrkhkhxmmiwnistcinidkxtngsaercinpi kh s 1921 sungidrbkhwamniymphx kbphrrkhkkmintng inrayaaerk thng 2 phrrkhidtklngthicarwmmuxknfunfuaelasrangchaticinkhunmaodyyudhlkkarrwmpraethscinaelakhwamphasukhkhxngprachachn rthbalchatiniymcin cinkhnachati thngrthbalchatiniymaehngsatharnrthcin cinkhnachati xutsahkrrmaelakarthharkhxngcinidrbkarprbprungihdikhunepnxyangmak kxncaekidsngkhramkbckrwrrdiyipun ineduxnminakhm kh s 1925 dr sun ytesn bidaaehngsatharnrthcinidesiychiwitlng idthinghlklththiitrrasdr exaiwepnprchyathangkaremuxngthiklawthungchatiin 3 dan eciyng ikhechk iddarngtaaehnngsubthxdepnphunaphrrkhkkmintngtxephuxsubthxdectnarmnkhxng dr sun eciyng ikhechkidnathphkrithakhunehnuxcnsaerc inpi kh s 1926 thung pi kh s 1928 eciyngidlmrthbalepyhyangedinhnaprabklumkhunsukcnrabkhab ekhaidtngrthbalthiemuxngnanking prakastngrthbalchatiniymaehngsatharnrthcinkhun sngkhramklangemuxng sngkhramcin yipun aelasngkhramolkkhrngthisxng eciyng ikhechk phunasungsudkhxngcininchwngsngkhramcin yipunkhrngthisxng ckrwrrdiyipunphyayamdincinmaodytlxd thngniephuxbrrluepathicahapraoychnsungsudcakaephndincin cnkrathngwnthi 18 knyayn 1931 nnkhuxwnthiyipunidsrangsthankarn ehtukarnbunghliwethiyw 柳条湖事变 inkarocmtiemuxngesinhyangiklbunghliwethiywkhxngcin sunginewlaediywknnn yipunphyayamhakhxxanginkarekhabukyudaemncueriyaelaocmtiphakhtawnxxkechiyngehnuxkhxngcinmaodytlxd cungcngiccudchnwnsuksngkhramkhun odyinwnthi 18 knyaynpinn ekidraebidkhunthithangrthifsayaemncueriyitkhxngyipun aetmikhwamesiyhaynxymakcnimkraethuxnkarihbrikarpkti thwathharyipunklbxangwa thharcinyingisphwktncakthxngna cungcaepntxng pxngkntnexng ehtukarndngklawepnthickkninkrnimukedn txmayipuncungepidchakyingisthharcinthnthiaelathuxoxkasekharukranpraethscinodyerimkarrukranaemncueriy inewlann rthbalkkmintngxyuinchwngrwbrwmkalng ephuxsurbkbkhxmmiwnistthilukkhuntxtaninpraeths cungidmikhasnghamtxtan ihphyayamaekikhdwywithikarthangkarthut aelaihthxnkalngipthidansnihkwn thaihthharyipunbukyudesinhyang aelwbukyudtxipthicihlin ehyhlngeciyng cnkrathngsamarthyud 3 mnthlthangtawnxxkechiyngehnuxkhxngcinidineduxnmkrakhm 1932 ineduxnthdmayipunidsrangrthihmkhunbnaephndinaemncueriy odymiyipunkhxyechidxyuebuxnghlng tngchuxwa praethsaemncukw 满洲国 michangchunepnemuxnghlwng aelwnackrphrrdiphuxi puyi hxngetrachwngschingxngkhsudthaythithukptiwtiinpi kh kh 1911 sungmixayu 25 phrrsinkhnannmaepnhxngethunechidthiidpkkhrxngaetinnam caknnyipunkichxanacinkarkhudridprachachn thalaywthnthrrm thaihchawcinkwa 30 lankhntxngthnthukkhthrman ehturay 18 knyaynidklayepnchnwnkhwamaekhnkhxngcinthwpraeths cnmikareriykrxngihtxtanyipun aelathungkhnprathwngrthbalkkmintngthiimyxmtxkrkbyipun cnkrathngprachachncinthangtawnxxkechiyngehnuxkhxngcintangerimlukhuxkhuntxtanyipun emuxthungpi 1937 karrwmtwkkracaykwangxxkip cnsamarthyudhydsurbkbthphyipunidxyangyawnan eruxngrawinwnthi 18 knyayn epnhnunginaephnkarthiyipunidwangiwnanaelw ehnidcakemuxpi 1927 thiyipunidprachumthiotekiyw aelwkahnd okhrngsrangnoybaytxcin xxkma caknnkidaecngtxckrphrrdi phrxmprakaswa haktxngkaryudkhrxngcin catxngsybaephndinaemncueriykxn aelahakcaphichitolk kcatxngsybcinihidkxn sngkhramkhrngniidbanplaycnklayepnsngkhramcin yipunkhrngthisxnginthisud hlngsngkhramolkkhrngthisxng karyudaelathxymaekaaithwn esnthangkarxphyphhniphykhxngrthbalcinkhnachati phrrkhkkmintng ipyngemuxngithep ekaaithwnaephnthihlngsngkhramklangemuxngcinyuti satharnrthprachachncin cinaephndinihythiphrrkhkhxmmiwnistcinyudkhrxng siaedng satharnrthcinthirthbalcinkhnachatiliphymathiekaaithwn sinaengin 2 knyayn kh s 1945 hlngkarthingraebidniwekhliyrthihiorchimaaelanangasaki yipunyxmcannaebbimmienguxnikh xemrikaekhayudkhrxngyipunaelahmuekaatang thiyipuntngthanthphxyu rwmthungekaaithwndwy swnosewiytrsesiyekhatiaemncueriyaelaekahlitxnehnuxkhbilyipunklbpraethstnip praethscinidekharwmfaysmphnthmitridepnswnhnunginpraethsphuchnasngkhramehnuxyipun miskdisriepnhnungin aethlngsngkhramolkkhrngthisxng praethscinesiyhayyxyyb phukhnthukkhyak xdxyak khadsungpccysi prakxbkbtlxdraya 10 kwapithiphrrkhkhxmmiwnistcindaeninkarephyaephrxudmkarn thngaebbitdinbndin thaihmiprachachnekharwmepncanwnmak ephraaxudmkarnaebbsngkhmniymnndungdudkhnyakkhncnepnphiess ewlanikxngthphpldplxyprachachncin 人民解放軍 kphrxmaelwsahrbsngkhrampldplxyprachachncakrabb naythun khunsuk skdina swnrthbalkkmintnghlngsngkhramolkkhrngthisxng rthbalhmdenuxhmdtwephraaichenginipkbsngkhramolkcanwnmak sadwypyhakarkhxrpchninwngrachkarxyangkwangkhwangthaihimidrbkarsnbsnuncakprachachn xikthngthharkkmintngkehnuxylacakkarrbthitxenuxngyawnanthaihthharirraebiybwinythngyngkhadaekhlnyuththpccy khwykalngictkta ethiybimidelykbkxngthphpldaexkprachachncinthimikhwykalngicepiymln ephiybphrxmthngkalngphlaelayuththpccyephraaidrbkarsnbsnuncakprachachn pi kh s 1947 xemrikaphyayamepntwklang ihthngsxngphrrkhecrcaknxyangsnti aetxemrikaktxngthxnthharxxkipephraaedimthharxemriknnnephiyngaekhmachwykkmintngrbkbyipun xikthngimmikalngphlmakphxthicaybyngimihthngsxngphrrkhthasngkhramkn cungekidepnsngkhramklangemuxngcinxikepnkhrngthisxng hlngcaknninpi 1949 phrrkhkhxmmiwnistcinekhayudemuxngsakhy khxngcinidodyaethbcaimmikartxtan sngkhramklangemuxngidsinsudlngdwykhwamphayaephkhxngphrrkhkkmintngkhxngeciyng ikhechktxphrrkhkhxmmiwnistcinkhxngehma ecxtung phrrkhkkmintngcungidhniipekaaithwn emuxepndngni inwnthi 8 thnwakhm kh s 1949 eciyng ikhechk cungnaphlphrrkhkkmintngphrxmthngsmbtimikha echn wtthuobrancakwngtxngham thxngkhainthnakhar tlxdcnthrphysintang ehlaphxkhaprachachnthiklwphykhxmmiwnisthnitameciyngiptnghlkthiekaaithwncanwnmakkwa 1 lan 5 aesnkhn ephuxrxwnmayudaephndinihykhunkaremuxngkhnarthbalkhxngdr sun ytesn rthbalaehngchatikhxngsatharnrthcinidkxtngepnkhrngaerk inwnthi 1 mkrakhm kh s 1912 thiemuxngnanking cin 南京市 odymi dr sun ytesn epnprathanathibdichwkhrawkhnaerk brrdaphuaethncakmnthltang thwpraethscinthuksngipephuxyunynrbrxngxanackhxngrthbalaehngchatithinanking aelatxmakmikarcdtngrthsphakhunepnkhrngaerk xanackhxngrthbalaehngchatinimi cakd aelaxayusn enuxngcaksatharnrthcinxyuinchwngsmykhunsuk miyngkaraebngnayphl hruxkhunsuk idtngtnepnxisrakhwbkhumthngphakhklangaelaphakhehnuxkhxngcnghwdaelamnthlthwpraeths karptibtihnathithicakdodyrthbalchudni prakxbipdwy karprakaslmlangrachwngschingxyangepnthangkar ckrphrrdiphuxi ckrphrrdixngkhsudthaykhxngrachwngsching thukbibbngkhbihxxkcakphrarachwngtxnghaminpi kh s 1917 xikthngyngmiaenwnoybaykhwamkhidrierimthangphthnaesrsthkic xanackhxngrthsphaklayidnxylng emuxidmikarlaemidrththrrmnuyody nayphly ehwiyn chuxikh aelasmachikrthsphaphrrkhkkmintngthukkxngthphkhxngnayphly ehwiynbibihyxmaeph xikthngyngihsmachikkhxnginphrrkhkkmintngsnbsnunekhadwykaresnxengincanwn 1 000 pxndsetxrlingepnkartxbaethn y ehwiynidrksaxanackhxngekhaodykarsngnayphlkhnsnithiklchidippracatamcnghwdaelamnthlthwpraethscininthanaphupkkhrxngaekhwn emuxnayphly ehwiyn chuxikhidfunkhunrabxbckrphrrdiaelasthapnatngtnepnhxnget namwa ckrphrrdihngesiyn 洪憲皇帝 idmikartxtanthwpraethsaelaekidkarclaclkhun emuxy ehwiynidesiychiwit inpi kh s 1916 rthsphaidthukeriykihmiprachumxikkhrngephuxihmikarprbprungkdhmayaelarththrrmnuyihekidthuktxngchxbthrrmihkbrthbalihm xyangirktambrrdanayphlidthuksngippracayngaekhwntang thwpraethscinidtngtnepnxisrahlngcakkaresiychiwitkhxngy ehwiyn chuxikh odyimkhuntrngkbrthbalaehngchatixiktxip thaihcinekhasuaehngkhwamaetkaeykhrux smykhunsuk aetrthbalaehngchatithiirxanackiddarngxyuxyangkrathxnkraaethn emuxekidsngkhramolkkhrngthihnungkhun satharnrthcinidehnsmkhwrthicaekharwmkbfaysmphnthmitrephuxthicaidyunkhxesnxinkarkhxaekikhsnthisyyaimepnthrrmaelaeriykrxngsiththisphaphnxkxanaekhtklbkhunma aetrthbalaehngchatikyngkhnglngelephraatxngkardusthankarnkhwamidepriybinsngkhram emuxhlaypraethstawntkaelackrwrrdiyipunidbibbngkhbihcinprakassngkhramkbeyxrmni thaihsatharnrthcintxngprakassngkhramkbckrwrrdieyxrmnaelaekharwmfaysmphnthmitr aetcudprasngkhthiaethcringkhuxemuxeyxrmnaephsngkhramolkkhrngthihnung ephuxthicaelikkickarkarthuxkhrxngeyxrmnaelayudkhrxngbrrdathrphysin thurkic khxngchaweyxrmninpraethscin nxkcaknirthbalaehngchati satharnrthcinyngmirthbalkhunsukthitxngkhxyrbmuxxikinchwngewlaediywkn rthbalaehngsatharnrthcinkxtngkhunbnphunthankhxngaelahlklththiitrrasdr sungrabuwa satharnrthcin caepnsatharnrthprachathipitykhxngprachachn cathukpkkhrxngrwmknodyprachachnaelaephuxprachachn odyidrbaerngbndaliccakwathakhxngprathanathibdishrthxemrika xbrahm linkhxln thiwa prachathipityepn karpkkhrxngkhxngprachachn odyprachachn aelaephuxprachachn txma eciyng ikhechk phunakarthhar muxkhwaphuthiidrbkhwamiwwangiccak dr sun ytesn idekhaprabpramehlakhunsukaelarwbrwmpraethsihepnhnungaelakxtng rthbalkhnachati khunaethn odymiphrrkhkkmintngepnphrrkhhlk ineduxnkumphaphnth kh s 1928 karprachumsmchchaphakhthisikhrngthi 2 khxngrthsphaaehngchatikkmintngthicdkhuninnankingphankarptirupkdhmaykhxngrthbalkhnachati kdhmayidrabuwarthbalaehngchaticathukkakbaelakhwbkhumphayitkhnakrrmkarbriharklangkhxngphrrkhkkmintng kbkhnakrrmkarrthbalaehngchatisungidrbkareluxktngcakkhnakrrmkarklangkhxngphrrkhkkmintng phayitrthbalkhnachatiidmikarkxtngkrathrwnghlkkhun 7 krathrwng idaek krathrwngmhadithy krathrwngkartangpraeths krathrwngyutithrrm aela aelanxkcakniechn saldika aelathwipkaraebngekhtkarpkkhrxngdubthkhwamhlkthi aela ekhtkarpkkhrxng canwn satharnrthcin karaebngekhtkarpkkhrxngphakhaerk smyrthbalepyhyang phakhehnux ekhtpkkhrxngkhxngsatharnrthcininpi kh s 1945mnthl 22 直隸 mnthlefingethiyn 奉天 mnthlcihlin 吉林 mnthlehyhlngeciyng 黑龍江 mnthlchantng 山東 mnthlehxhnan 河南 mnthlchansi 山西 mnthleciyngsu 江蘇 mnthlxanhuy 安徽 mnthleciyngsi 江西 mnthlfueciyn 福建 mnthlecxeciyng 浙江 mnthlhuepy 湖北 mnthlhuhnan 湖南 mnthlchansi 陝西 mnthlkansu 甘肅 mnthlsineciyng 新疆 mnthleschwn 四川 mnthlkwangtung 廣東 mnthlkwangsi 廣西 mnthlyunnan 雲南 mnthlkuyocw 貴州 emuxngthasakhy 2 eciywxaw 膠澳商埠 snghu 淞滬商埠 ekhtbriharphiess 4 川邊特別區 erxehx 热河特别区 chahaexxr 察哈尔特别区 綏遠特別區 ekhtpkkhrxngphumiphakh 4 thiebt 西藏地方 mxngokeliy ehmingku 蒙古地方 chingih 青海省 cingeca emuxnghlwng 京兆地方 ekhtkarpkkhrxng canwn satharnrthcin karaebngekhtkarpkkhrxngphakhsxng smyrthbalcinkhnachati phrrkhkkmintng mnthl 28 mnthleciyngsu 江蘇 mnthlecxeciyng 浙江 mnthlxanhuy 安徽 mnthleciyngsi 江西 mnthlhuepy 湖北 mnthlhuhnan 湖南 mnthleschwn 四川 mnthlsikhng 西康 mnthlfueciyn 福建 mnthlkwangtung 廣東 mnthlkwangsi 廣西 mnthlyunnan 雲南 mnthlkuyocw 貴州 mnthlhuepy 河北 mnthlchantng 山東 mnthlhuhnan 河南 mnthlchansi 山西 mnthlchansi 陝西 mnthlkansu 甘肅 mnthlhningesiy 寧夏省 mnthlchingih 青海省 綏遠 chahaexxr 察哈爾 熱河 mnthlehliywhning 遼寧 mnthlcihlin 吉林 mnthlehyhlngeciyng 黑龍江 mnthlsineciyng 新疆 ekhtethsbal 6 hnancing 南京 esiyngih 上海 epyphing 北平 chingeta 青島 ethiyncin 天津 hnokhw 漢口 nkhrradbcnghwd 2 ewyih 威海衛行政區 tngeching 東省特別行政區 ekhtbriharphumiphakh 2 thiebt 西藏地方 mxngokeliy ehmingku 蒙古地方 aephnthisatharnrthcininpi kh s 1936 aephnthisatharnrthcininpi kh s 1914 matraswnkhnadaephnthiolk dinaednthisatharnrthcinxangsiththi satharnrthcinmikhwamsmphnththisbsxnkbpraethsmxngokeliy inthanathiepnrthsubtxcakrachwngsching satharnrthcinxangsiththiindinaedn mxngokeliynxk praethsmxngokeliyidthukpkkhrxngodyrthbalepyhyangtlxdcnthungsmykhxngrthbalcinkhnachatinaodyphrrkhkkmintng cnkrathngpraethsmxngokeliyidrbexkrachcakcinhlngsngkhramolkkhrngthisxngyutilng satharnrthcinidthaenuxngcakkarkddnodyshphaphosewiyt emuxngsakhy emuxngesiyngihinpi kh s 1930 inraewlaaerkthikxtngsatharnrthcin idmikarkxtng ekhtpkkhrxngchnbthephuxphthnaipsurabbemuxng khun ephuxsnbsnunkarkxsrangchnbthephuxkhyayepnemuxngihy aetkarphthnaemuxngchnbthhyudchangklnginchwngrthbalepyhyang ineduxnkumphaphnth kh s 1921 kwangocw thukphthnaykradbkhunepnemuxng rthbalehnphlkhxngkhwamsaerckhxngemuxngkwangocw cungephimkarichrabbemuxngthwpraeths wnthi 3 krkdakhm inpiediywkn rthbalepyhyangprakasich rabbekhtethsbal khun emuxng idthukaebngxxkepn emuxngsakhy aela emuxngthrrmda idaek ethiynsin sngxu pccubnkhuxesiyngih chingeta harbin hnokhw pccubnkhuxxuhn rwmthngsin 6 emuxngsakhy inpi kh s 1930 rthbalcinkhnachatiidprakasich khun emuxng idthukaebngxxkepn aela odyemuxngthxngthinphumiphakhaelaekhtchnbthcaxyuinradbediywkn mithanaethiybethakbcnghwd emuxngaetlaemuxngkhxngekhtchnbthcaxyuphayitekhtxanackhxngemuxngthxngthinphumiphakh kdhmayidkahndaetlaemuxngmiprachakridthunghnunglankhn aetmikhxykewn inpi kh s 1948 emuxngaetlaemuxngcaxyuphayitekhtxanacekhtethsbal kxnpi kh s 1949 thngpraethsmiekhtethsbal 12 aehngkhwamsmphnthrahwangpraethskxnhnathirthbalchatiniymcathukkhbxxkcakaephndinihy satharnrthcinidmikhwamsmphnththangkarthutkb 59 praeths txngkarxangxing rwmthungxxsetreliy aekhnada echoksolwaekiy exsoteniy frngess eyxrmni kwetmala hxndurs xitali yipun ltewiy lithweniy nxrewy panama syam shphaphosewiyt shrachxanackr shrthxemrika aelasntasank satharnrthcinsamarthrksakhwamsmphnththangkarthutkbpraethsehlaniiwidekuxbthnghmd xyangnxythisudinchwngaerkkhxngkarlathxyipyngekaaithwn eciyng ikh echk idsabanwacaribklbmaaela pldplxy aephndinihy aelaechuxmnwacaklayepnrakthankhxngnoybaytangpraethskhxngsatharnrthcinphayhlngpi 1949 phayitkdbtraextaelntik satharnrthcinidrbsiththithinngthawrinkhnamntrikhwammnkhngaehngshprachachati UNSC aemwacamikarkhdkhanxyuhlaytxhlaykhrngwathinngthawrnnkhwrcaepnkhxngrthbalcinaephndinihy satharnrthcinyngkhngidrbsiththithinngthawrinkhnamntrikhwammnkhngaehngshprachachatitxip cnkrathnginpi 1971 emuxsiththinnthukaethnthiodysatharnrthprachachncinsngkhmokhsnakhxngemuxngesiyngih misuphaphstrisxngkhnischudkiepha inpi kh s 1930 okhsnaekiywkb sbuwikhtxeriy hlngcakthiidmikarokhnlmrachwngschingaelaepliynaeplngipsusatharnrth pkkhrxngodyrabxbprachathipity rthbalaehngchatichudaerkkhxngdr sun ytesn iderimrangrththrrmnuyaehngsatharnrthcinkhun brrdachnchnkhxngkhunnangrachwngschingthukpldepnphlemuxngthrrmdarwmthngckrphrrdixngkhsudthaykhxngrachwngsching ckrphrrdiphuxi kthukthxdcakbllngkepnephiyngphlemuxngaehngsatharnrthcin rthbalmikarxxkkdhmayxayaaelaaephngkhunichbngkhbthwpraethsxyangethaethiym mikarrnrngkhaeckibpliwaelatidpayprakascanwnmakihtrahnkthung hnathiphlemuxngdi siththimnusychn prachathipity aelarucktidtamkhawsarsmyihm rthbalsatharnrthcinyngidsnbsnunihmikarykelikkarsubfinkhxngprachachn mikarxxkkdhmaythuxwafinepnsingphidkdhmay mikarsngesrimsukhxnamyprachachn inchwngnithaihekidkhun inkhnaediywkninyukhsatharnrthcinidmikarrnrngkhihichptithinhmingkwepnkarnbpiskrachaethnkarnbskrachaebbptithincinobranthiniymeriyktamphranamkhxngckrphrrdi odykahndiheriykpithihnungkhxngsatharnrthwa hmingkwpithi 1 hrux pisatharnrththi 1 karaetngkaykxngthphthharkxngthphptiwtiaehngchaticininsngkhramolkkhrngthisxngthharkxngthphptiwtiaehngchaticinthiemuxngechingtu kxngthphaehngsatharnrthcinmirakthanmacakkxngthphptiwtiaehngchaticinsungkxtngody dr sun ytesn inpi kh s 1925 thi kbepahmaykhxngkarrwmpraethscinphayitkkmintng odyaerkerimnnkxngthphptiwtiidthukcdtngodykarchwyehluxthangthharcakshphaphosewiyt ephuxchwyihphrrkhkkmintnginkarrwbrwmpraethscininchwngsmykhunsuk kxngthphptiwtiaehngchatidthakarsurbinkarrbhlkkhux karkrithathphkhunehnux kartxtankxngthphckrwrrdiyipuninsngkhramcin yipunkhrngthisxngaelainkarsurbkbkxngthphpldplxyprachachnkhxngphrrkhkhxmmiwnistcininsngkhramklangemuxngcin aelakarrwmmuxyngkhngmikhwamkhdaeyngaelainthisudphrrkhkhxmmiwnistidaeykxxkipkxngthphpldplxyprachachnkhxngtnexnghlngsngkhramkbyipunyutilng dwykarprkasichrththrrmnuyaehngsatharnrthcinpi kh s 1947 aelakarsinsudkarpkkhrxngcinaephndinihykhxngkkmintng hlngcakkarphayaephkhxngphrrkhkkmintnginsngkhramklangemuxngcinihkbphrrkhkhxmmiwnistcin aelakxngthphptiwtiaehngchatiidlathxyxphyphipyngekaaithwninpi kh s 1949 txmakxngthphptiwtiaehngchatiidthukepliynchuxepnkxngthphaehngsatharnrthcinesrsthkicthnbtr dr sun ytesn engintrathiichinsatharnrthcin pi kh s 1930karcracrthangnainesiyngih kh s 1920 inchwngpiaerk khxngsatharnrthcinesrsthkicyngkhngimmnkhngenuxngcakpraethsthukthaihoddedndwysngkhramxyangtxenuxngrahwangklumkhunsukinphumiphakhtang rthbalepyhyanginpkkingkmikarepliynaeplngphunaxyangtxenuxngaelakhwamiresthiyrphaphthangkaremuxngthaihekidkarphthnathangesrsthkicthisbesacnkrathngekidkarrwmchatikhxngcinidsaercinpi kh s 1928 odyphrrkhkkmintng hlngcakthiphrrkhkkmintngidrwmpraethscinsaercxikkhrnginpi kh s 1928 cinekhasuchwngewlaaehngkhwammnkhngaemwacamikhwamkhdaeyngthangthharxyangtxenuxngaelaephchiykbkarrukrankhxngyipunin mnthlsantngaelainthisudaemncueriy inpi kh s 1931 chwngthswrrsthi 1930 inpraethscinepnthiruckkninnam thswrrsnanking sungkaretibotthangesrsthkicyngdaenintxipenuxngcakkhwammnkhngthangkaremuxngthismphnthknemuxethiybkbthswrrsthiphanma xutsahkrrmkhxngcinetibotxyangmakcakpi kh s 1928 thungpi kh s 1931 inkhnathiesrsthkicidrbphlkrathbcakkaryudkhrxngaemncueriykhxngyipunxikkhrnginpi kh s 1931 aelainchwngphawaesrsthkictktakhrngihyinpi 1931 thung 1935 phlphlitphakhxutsahkrrmklbmasucudsungsudkxnhnaniinpi kh s 1936 sungsathxnihehnthungaenwonmkhxngcidiphikhxngcin inpi kh s 1932 cidiphikhxngcinphungsungsudthi 28 8 phnlankxnrwnglngmathi 21 3 phnlaninpi kh s 1934 aelafuntwepn 23 7 phnlaninpi kh s 1935 inpi kh s 1930 karlngthuncaktangpraethsinpraethscinmicanwnthngsin 3 5 phnlan odymikarphyayamaethrkaesngkhxngyipunthicaekhamaepnphuna 1 4 phnlan aelashrachxanackrxyuthi 1 phnlan xyangirktaminpi kh s 1948 hunthunidhyudlngdwykarlngthunldlngehluxephiyng 3 phnlandxllarodyphunakhxngshrthaelaxngkvs xyangirktamesrsthkicinchnbthidrbphlkrathbxyanghnkcakphawaesrsthkictktakhrngihyinchwngthswrrsthi 1930 sungepnphlmacakphlphlitthangkarekstrthimakekinipthaihrakhatktaxyangmaksahrbcinrwmthungkarnaekhacaktangpraethsthiephimkhun epnsinkhaekstrthiphlitinpraethstawntkthuk ekhamakhayrabaysinkha inpraethscin inpi kh s 1931 karnaekhakhawinpraethscinmicanwn 21 lanbuchechl Bushel emuxethiybkb 12 laninpi kh s 1928 sinkhaxun kehnkarephimkhunkhxngkarsaymakkhun inpi kh s 1932 mikarnaekhathyphuch 15 lanbuchechlemuxethiybkb 900 000 inpi kh s 1928 karaekhngkhnthiephimkhunninaipsukarldlngxyangmakinrakhasinkhaekstrkhxngcin sungmirakhathukkwa aelatharayidihekstrkrinchnbth inpi kh s 1932 rakhasinkhaekstrxyuthiradbrxyla 41 cakpi kh s 1921wthnthrrmsmyniymphaphyntr lakhrchud mntrkinsayfn epneruxngrawinyukhhmingkwchwngsmykhunsukrthbalepyhyangcnthungchwngrthbalkhnachati phaphyntreruxng ecaphxesiyngih edxa mufwi epneruxngrawinyukhsatharnrthcin ekiywkbemuxngesiyngihthiidthukkhrxbkhrxngodyklumxachyakr hrux ecaphxesiyngih kxnemuxngesiyngihcathukkxngthphyipunyudkhrxnginyuththkaremuxngesiyngihduephimckrwrrdicin ph s 2458 2459 rthbalepyhyang aemncukw satharnrthprachachncin ithwnxangxingRoy Denny 2003 Taiwan A Political History Ithaca New York Cornell University Press pp 55 56 ISBN 0 8014 8805 2 Taiwan Timeline Retreat to Taiwan BBC News 2000 subkhnemux 2009 06 21 China Fiver thousand years of History and Civilization City University Of Hong Kong Press 2007 p 116 subkhnemux 12 phvsphakhm 2560 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a trwcsxbkhawnthiin accessdate help The Chinese Revolution of 1911 US Department of State subkhnemux 2016 10 27 Spence Jonathan D 1991 1991 The Search for Modern China WW Norton amp Co ISBN 0 393 30780 8 Fenby 2009 pp 123 125harvnb error no target CITEREFFenby2009 Fenby 2009 p 131harvnb error no target CITEREFFenby2009 Fenby 2009 pp 136 138harvnb error no target CITEREFFenby2009 Meyer Kathryn James H Wittebols Terry Parssinen 2002 Webs of Smoke Rowman amp Littlefield pp 54 56 ISBN 0 7425 2003 X Guillermaz Jacques 1972 A History of the Chinese Communist Party 1921 1949 Taylor amp Francis pp 22 23 The Republic of China Yearbook 2008 CHAPTER 4 Government Government Information Office Republic of China Taiwan 2008 subkhnemux 2009 05 28 lingkesiy name Japan Contemporary Chinese Society gt 1945年 外モンゴル独立公民投票 をめぐる中モ外交交渉 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 03 04 subkhnemux 2017 05 23 中國地理 中華民國發行之地理課本 Li Shui Chiang Kai shek Captain of the Guard Publishers Discloses the history of retaking the mainland 13 November 2006 1 2008 10 21 thi ewyaebkaemchchin Qin Xin Taiwan army published new book uncovering secrets of Chiang Kai shek Plan to retake the mainland 28 June 2006 China News Agency China News 1945 The San Francisco Conference United Nations cakaehlngedimemux 12 January 2017 subkhnemux 1 July 2015 Stephen Schlesinger FDR s five policemen creating the United Nations World Policy Journal 11 3 1994 88 93 online Wellens Karel C b k 1990 Resolutions and Statements of the United Nations Security Council 1946 1989 a Thematic Guide Dordrecht BRILL p 251 ISBN 0 7923 0796 8 Cook Chris Cook Stevenson John 2005 2005 The Routledge Companion to World History Since 1914 Routledge ISBN 0 415 34584 7 p 376 CHINA S REPRESENTATION IN THE UNITED NATIONS by Khurshid Hyder Pakistan Horizon Vol 24 No 4 The Great Powers and Asia Fourth Quarter 1971 pp 75 79 Published by Pakistan Institute of International Affairs Sun Jian pg 1059 1071 Sun Jian pg 1353 Sun Jian page 1089aehlngkhxmulxunkhumuxkarthxngethiyw Chinese Revolutionary Destinations cakwikithxngethiyw inphasaxngkvs wikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb Republic of China 1912 1949 bthkhwamprawtisastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk