Azərbaycanca
Беларускі
Dansk
Deutsch
Española
Français
Indonesia
Italiana
日本語
Қазақ
Lietuvos
Nederlands
Português
Русский
සිංහල
แบบไทย
Türkçe
Українська
中國人
United State
Afrikaans
สนธิสัญญานานกิง (จีนตัวย่อ: 南京条约; จีนตัวเต็ม: 南京條約; พินอิน: Nánjīng Tiáoyuē) เป็นสนธิสัญญาที่ได้รับการลงนามเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1842 เป็นจุดสิ้นสุดของสงครามฝิ่นครั้งที่หนึ่ง (ค.ศ. 1839-42) ระหว่างสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์และจีนราชวงศ์ชิง ที่กินเวลานานกว่า 2 ปี
| สัญญาสันติภาพ เพื่อผลประโยชน์ทางการค้าและความเป็นมิตรไมตรีระหว่างพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักรกับจักรพรรดิแห่งจีน | |
|---|---|
 การลงนามและประทับตราในสนธิสัญญานานกิง | |
| ประเภท | สนธิสัญญาสันติภาพ |
| วันลงนาม | 29 สิงหาคม ค.ศ. 1842 |
| ที่ลงนาม | นานกิง จีน |
| วันตรา | 29 สิงหาคม ค.ศ. 1842 |
| ผู้ลงนาม |  ฉีอิง
 เฮนรี พอตทิงเจอร์ |
| ภาคี | ประเทศจีน จักรวรรดิอังกฤษ |
 Treaty of Nanking ที่ วิกิซอร์ซ | |
ด้วยความตื่นตัวในความพ่ายแพ้ทางทหารของจีน ประกอบกับการที่อังกฤษส่งเรือรบซึ่งวางตัวจะโจมตีเมือง ผู้แทนจากทั้งอังกฤษและราชวงศ์ชิงได้เจรจากันบนเรือเอชเอ็มเอส คอร์นวอลลิส ซึ่งทอดสมออยู่ที่นานกิง เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1842 ผู้แทนเจรจาฝ่ายอังกฤษ เซอร์เฮนรี พอตทิงเจอร์ และผู้แทนเจรจาฝ่ายจีน ฉีอิง และอีหลี่ปู้ ลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าว สนธิสัญญามีเนื้อหา 13 มาตรา และมีผลบังคับใช้โดยสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียและจักรพรรดิเต้ากวงในอีกเก้าเดือนต่อมา
เงื่อนไข
การค้ากับต่างประเทศ
จุดประสงค์หลักของสนธิสัญญาคือเพื่อเปลี่ยนแปลงเค้าโครงการค้ากับต่างประเทศซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ ค.ศ. 1760 () สนธิสัญญาดังกล่าวได้ยกเลิกการผูกขาดการค้าระหว่างประเทศของ (มาตรา 5) ในกว่างโจว และให้เปิดเมืองท่า 5 แห่งค้าขายกับต่างประเทศแทน ได้แก่ กว่างโจว (เกาะชามีม กระทั่ง ค.ศ. 1943) อามอย (เซียะเหมิน กระทั่ง ค.ศ. 1930) ฝูโจว และเซี่ยงไฮ้ (จนถึง ค.ศ. 1943) ที่ซึ่งชาวอังกฤษได้รับอนุญาตให้ค้าขายได้อย่างเสรี อังกฤษยังได้รับสิทธิ์ในการส่งกงสุลไปยังเมืองท่าสนธิสัญญาได้ ซึ่งได้รับสิทธิ์ให้ติดต่อโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่นจีน (มาตรา 2) สนธิสัญญาดังกล่าวยังได้กำหนดเงื่อนไขว่าการค้าในเมืองท่าสนธิสัญญาควรจะมีการเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่แน่นอน ซึ่งได้รับการตกลงระหว่างอังกฤษและรัฐบาลราชวงศ์ชิง (มาตรา 10)
ค่าปฏิกรรมสงครามและการเลิกระดมพล
ราชวงศ์ชิงถูกบีบบังคับให้จ่ายเงินเป็นมูลค่าหกล้านดอลล่าร์เงินเป็นค่าฝิ่นที่ถูกยึดโดยหลิน ซีซู ใน ค.ศ. 1839 (มาตรา 4) อีกสามล้านดอลล่าร์เป็นค่าชดเชยหนี้ที่พ่อค้าจีนในกว่างโจวติดหนี้พ่อค้าอังกฤษ (มาตรา 5) และอีกสิบสองล้านดอลล่าร์เป็นค่าปฏิกรรมสงครามชดเชยความเสียหายจากสงคราม (มาตรา 6) รวมเป็นมูลค่า 21 ล้านดอลล่าร์ โดยจะต้องผ่อนชำระจนหมดในเวลาสามปีและราชวงศ์ชิงชิงจะถูกคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปีหากชำระเงินไม่เป็นไปตามกำหนด (มาตรา 7)
ราชวงศ์ชิงรับรองจะปล่อยตัวเชลยศึกชาวอังกฤษทุกคน (มาตรา 8) และให้ประกาศนิรโทษกรรมชาวจีนที่ให้ความร่วมมือกับอังฤษระหว่างสงคราม (มาตรา 9)
ในส่วนของอังกฤษ รับรองว่าจะถอนกำลังทั้งหมดจากนานกิงและคลองต้ายุ่นเหอ (คลองหลวง) หลังจากจักรพรรดิจีนทรงเห็นชอบในสนธิสัญญาดังกล่าวและได้รับเงินชำระงวดแรกแล้ว (มาตรา 12) ทหารอังกฤษจะยังคงประจำอยู่ในกู่ลั่งอวี่และโจวซานจนกระทั่งรัฐบาลชำระค่าปฏิกรรมสงครามจนหมด
การยกฮ่องกงให้แก่อังกฤษ
ใน ค.ศ. 1841 ต้นร่างคร่าว ๆ ของสนธิสัญญาถูกส่งไปเพื่อขอคำชี้แนะจากอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็ม ชาร์ลส์ อีเลียต โดยฉบับร่างดังกล่าวมีข้อความว่า "การยกเกาะ [islands] _____" พอตทิงเจอร์ส่งฉบับร่างเก่าของสนธิสัญญาขึ้นฝั่ง โดยมีอักษร s ถูกตัดออกจากคำว่า "เกาะ" (เปลี่ยนจากพหูพจน์เป็นเอกพจน์) และคำว่า "ฮ่องกง" ได้ถูกเติมลงไปในช่องว่างดังกล่าว โรเบิร์ต มอนต์โกเมรี มาร์ติน เสนาบดีการคลังฮ่องกง ได้เขียนในรายงานอย่างเป็นทางการว่า:
หลังจากที่ได้มีการอ่านเงื่อนไขสนธิสัญญาสันติภาพ อีหลี่ปู้ ข้าหลวงอาวุโส ชะงักไปชั่วคราว รอคอยว่าจะกล่าวอะไรเพิ่มหรือไม่ และในที่สุดก็ได้กล่าวว่า "มีอะไรอีกไหม" คุณมอร์ริสันถามพันโทมัลคอล์มว่ามีอะไรเพิ่มอีกไหม และได้รับการปฏิเสธ อีหลี่ปู้ได้กล่าวปิดการเจรจาอย่างรวดเร็วและด้วยไหวพริบโดยกล่าวว่า "ทุกอย่างได้รับการยินยอม ถือว่าเป็นอันตกลง มันจบแล้ว"
รัฐบาลชิงได้ตกลงที่จะยกเกาะฮ่องกงให้เป็นราชอาณานิคมของอังกฤษ โดยผนวกเข้ากับสมเด็จพระราชินีอังกฤษ "ทรงดำรงอยู่ตลอดกาล" เพื่อให้พ่อค้าชาวอังกฤษมีท่าเรือไว้สำหรับขนสินค้าขึ้นฝั่ง (มาตรา 3) ในภายหลัง พอตทิงเจอร์ได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าราชการฮ่องกงคนแรก
ใน ค.ศ. 1860 อาณานิคมได้ขยายออกไปรวมกับคาบสมุทรเกาลูน และใน ค.ศ. 1898 ข้อตกลงปักกิ่งที่สองได้ขยายอาณานิคมออกไปเป็นการเช่านิวเทอร์ริทอรีส์ ใน ค.ศ. 1984 รัฐบาลสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐประชาชนจีนได้สรุปปฏิญญาร่วมจีน-อังกฤษต่อปัญหาฮ่องกง โดยที่อธิปไตยเหนือดินแดนที่อังกฤษเช่า ร่วมกับเกาะฮ่องกงและเกาลูน (ทางใต้ของถนนบาวน์เดอรี) ผนวกเข้าภายใต้ข้อตกลงปักกิ่ง (1860) มีกำหนดจะโอนให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1997
ผลที่ตามมาและมรดก
เนื่องจากสนธิสัญญานานกิงยังเป็นเพียงฉบับร่างและมีเพียงข้อกำหนดทั่วไปเท่านั้น ผู้แทนอังกฤษและจีนจึงได้ตกลงว่าจะมีสนธิสัญญาเสริมผนวกเข้าไปด้วยเพื่อให้ข้อตกลงต่าง ๆ มีรายละเอียดมากยิ่งขึ้น เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1843 จึงได้มีการทำสนธิสัญญาโบกู เป็นสนธิสัญญาเสริมที่หูเหมิน นอกกว่างโจว
อย่างไรก็ตาม การทำสนธิสัญญาใน ค.ศ. 1842-43 ยังหลงเหลือประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อสรุปอยู่หลายประกาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันยังมิได้แก้ไขสถานภาพของการค้าฝิ่น ถึงแม้ว่าสนธิสัญญากับสหรัฐอเมริกาใน ค.ศ. 1844 จะได้ห้ามชาวอเมริกันมิให้ขายฝิ่นอย่างชัดเจน การค้าฝิ่นยังคงดำเนินต่อไปโดยทั้งพ่อค้าอังกฤษและอเมริกันที่อยู่ในบังคับทางกฎหมายของกงสุลที่ตั้งอยู่ในจีนเท่านั้น การค้าฝิ่นในภายหลังได้รับรองว่าถูกต้องตามกฎหมายตามสนธิสัญญาเทียนจิน ซึ่งจีนได้ทำขึ้นหลังจากสงครามฝิ่นครั้งที่สอง
สนธิสัญญานานกิงได้ยุติระบบกว่างโจวที่มีอยู่เดิมและสถาปนาเค้าโครงใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการค้าโพ้นทะเลของจีน ซึ่งใช้กันเรื่อยมาในอีกร้อยปีข้างหน้า จีนได้รับความเสียหายอย่างมากจากการกำหนดอัตราภาษีศุลกากรที่ชัดเจน การให้สิทธิสภาพนอกอาณาเขตแก่ชาวต่างด้าว และการมอบสถานะชาติที่ได้รับอนุเคราะห์ยิ่ง ซึ่งข้อกำหนดดังกล่าวบางส่วนเป็นเพราะความได้เปรียบและบางส่วนเป็นเพราะทางการราชวงศ์ชิงไม่ทราบกฎหมายระหว่างประเทศหรือตระหนักถึงผลกระทบในระยะยาว การกำหนดอัตราภาษีศุลกากรที่ร้อยละ 5 สูงว่าอัตราภาษีเดิม แนวคิดของการมอบสิทธิสภาพนอกอาณาเขตให้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการมอบภาระดูแลชาวต่างประเทศให้แก่ตำรวจชาติเดียวกัน และการปฏิบัติกับชาติอื่นในสถานะชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการทำให้ชาวต่างประเทศเผชิญหน้ากันเอง ถึงแม้ว่าจีนจะได้รับอิสระในการกำหนดอัตราภาษีศุลกากรเองในคริสต์ทศวรรษ 1920 แต่สิทธิสภาพนอกอาณาเขตยังไม่ได้รับการยกเลิกอย่างเป็นทางการกระทั่ง ค.ศ. 1943
เชิงอรรถ
- (1902). Treaties Between the Empire of China and Foreign Powers (4th ed.). Shanghai: North-China Herald, London (1871)ld. p. 1.
- John Darwin, 'After Tamerlane: The Global History of Empire', p.431. (London: Allen Lane, 2007)
- Martin, Robert Montgomery (1847). China: Political, Commercial, and Social; In an Official Report to Her Majesty's Government. Volume 2. James Madden. p. 84.
- Hsu, The Rise of Modern China: 190-92.
อ้างอิง
- Fairbank, John King. Trade and Diplomacy on the China Coast: The Opening of the Treaty Ports, 1842-1854. 2 vols. Cambridge, MA: Harvard University Press, 1953.
- Têng Ssu-yü. Chang Hsi and the Treaty of Nanking, 1842. Chicago: University of Chicago Press, 1944.
- R. Derek Wood, 'The Treaty of Nanking: Form and the Foreign Office, 1842-1843', Journal of Imperial and Commonwealth History (London) 24 (May 1996), 181-196.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
snthisyyananking cintwyx 南京条约 cintwetm 南京條約 phinxin Nanjing Tiaoyue epnsnthisyyathiidrbkarlngnamemuxwnthi 29 singhakhm kh s 1842 epncudsinsudkhxngsngkhramfinkhrngthihnung kh s 1839 42 rahwangshrachxanackrbrietnihyaelaixraelndaelacinrachwngsching thikinewlanankwa 2 pisnthisyyanankingsyyasntiphaph ephuxphlpraoychnthangkarkhaaelakhwamepnmitrimtrirahwangphrarachininathaehngshrachxanackrkbckrphrrdiaehngcinkarlngnamaelaprathbtrainsnthisyyanankingpraephthsnthisyyasntiphaphwnlngnam29 singhakhm kh s 1842thilngnamnanking cinwntra29 singhakhm kh s 1842phulngnamchixing xihlipu ehnri phxtthingecxrphakhipraethscin ckrwrrdixngkvsTreaty of Nanking thi wikisxrs dwykhwamtuntwinkhwamphayaephthangthharkhxngcin prakxbkbkarthixngkvssngeruxrbsungwangtwcaocmtiemuxng phuaethncakthngxngkvsaelarachwngschingidecrcaknbneruxexchexmexs khxrnwxllis sungthxdsmxxyuthinanking emuxwnthi 29 singhakhm kh s 1842 phuaethnecrcafayxngkvs esxrehnri phxtthingecxr aelaphuaethnecrcafaycin chixing aelaxihlipu lngnaminsnthisyyadngklaw snthisyyamienuxha 13 matra aelamiphlbngkhbichodysmedcphranangecawiktxeriyaelackrphrrdietakwnginxikekaeduxntxmaenguxnikhkarkhakbtangpraeths cudprasngkhhlkkhxngsnthisyyakhuxephuxepliynaeplngekhaokhrngkarkhakbtangpraethssungmiphlbngkhbichmatngaet kh s 1760 snthisyyadngklawidykelikkarphukkhadkarkharahwangpraethskhxng matra 5 inkwangocw aelaihepidemuxngtha 5 aehngkhakhaykbtangpraethsaethn idaek kwangocw ekaachamim krathng kh s 1943 xamxy esiyaehmin krathng kh s 1930 fuocw aelaesiyngih cnthung kh s 1943 thisungchawxngkvsidrbxnuyatihkhakhayidxyangesri xngkvsyngidrbsiththiinkarsngkngsulipyngemuxngthasnthisyyaid sungidrbsiththiihtidtxodytrngkbecahnathithangkarthxngthincin matra 2 snthisyyadngklawyngidkahndenguxnikhwakarkhainemuxngthasnthisyyakhwrcamikarekbphasisulkakrinxtrathiaennxn sungidrbkartklngrahwangxngkvsaelarthbalrachwngsching matra 10 khaptikrrmsngkhramaelakarelikradmphl rachwngschingthukbibbngkhbihcayenginepnmulkhahklandxllarenginepnkhafinthithukyudodyhlin sisu in kh s 1839 matra 4 xiksamlandxllarepnkhachdechyhnithiphxkhacininkwangocwtidhniphxkhaxngkvs matra 5 aelaxiksibsxnglandxllarepnkhaptikrrmsngkhramchdechykhwamesiyhaycaksngkhram matra 6 rwmepnmulkha 21 landxllar odycatxngphxncharacnhmdinewlasampiaelarachwngschingchingcathukkhidxtradxkebiyrxyla 5 txpihakcharaenginimepniptamkahnd matra 7 rachwngschingrbrxngcaplxytwechlysukchawxngkvsthukkhn matra 8 aelaihprakasnirothskrrmchawcinthiihkhwamrwmmuxkbxngvsrahwangsngkhram matra 9 inswnkhxngxngkvs rbrxngwacathxnkalngthnghmdcaknankingaelakhlxngtayunehx khlxnghlwng hlngcakckrphrrdicinthrngehnchxbinsnthisyyadngklawaelaidrbengincharangwdaerkaelw matra 12 thharxngkvscayngkhngpracaxyuinkulngxwiaelaocwsancnkrathngrthbalcharakhaptikrrmsngkhramcnhmd karykhxngkngihaekxngkvs in kh s 1841 tnrangkhraw khxngsnthisyyathuksngipephuxkhxkhachiaenacakxkhrrachthutphumixanacetm charls xieliyt odychbbrangdngklawmikhxkhwamwa karykekaa islands phxtthingecxrsngchbbrangekakhxngsnthisyyakhunfng odymixksr s thuktdxxkcakkhawa ekaa epliyncakphhuphcnepnexkphcn aelakhawa hxngkng idthuketimlngipinchxngwangdngklaw orebirt mxntokemri martin esnabdikarkhlnghxngkng idekhiyninraynganxyangepnthangkarwa hlngcakthiidmikarxanenguxnikhsnthisyyasntiphaph xihlipu khahlwngxawuos changkipchwkhraw rxkhxywacaklawxairephimhruxim aelainthisudkidklawwa mixairxikihm khunmxrrisnthamphnothmlkhxlmwamixairephimxikihm aelaidrbkarptiesth xihlipuidklawpidkarecrcaxyangrwderwaeladwyihwphribodyklawwa thukxyangidrbkaryinyxm thuxwaepnxntklng mncbaelw rthbalchingidtklngthicaykekaahxngkngihepnrachxananikhmkhxngxngkvs odyphnwkekhakbsmedcphrarachinixngkvs thrngdarngxyutlxdkal ephuxihphxkhachawxngkvsmithaeruxiwsahrbkhnsinkhakhunfng matra 3 inphayhlng phxtthingecxridrbeluxkihepnphuwarachkarhxngkngkhnaerk in kh s 1860 xananikhmidkhyayxxkiprwmkbkhabsmuthrekalun aelain kh s 1898 khxtklngpkkingthisxngidkhyayxananikhmxxkipepnkarechaniwethxrrithxris in kh s 1984 rthbalshrachxanackraelasatharnrthprachachncinidsrupptiyyarwmcin xngkvstxpyhahxngkng odythixthipityehnuxdinaednthixngkvsecha rwmkbekaahxngkngaelaekalun thangitkhxngthnnbawnedxri phnwkekhaphayitkhxtklngpkking 1860 mikahndcaoxnihkbsatharnrthprachachncinemuxwnthi 1 krkdakhm kh s 1997phlthitammaaelamrdkenuxngcaksnthisyyanankingyngepnephiyngchbbrangaelamiephiyngkhxkahndthwipethann phuaethnxngkvsaelacincungidtklngwacamisnthisyyaesrimphnwkekhaipdwyephuxihkhxtklngtang miraylaexiydmakyingkhun emuxwnthi 3 tulakhm kh s 1843 cungidmikarthasnthisyyaobku epnsnthisyyaesrimthihuehmin nxkkwangocw xyangirktam karthasnthisyyain kh s 1842 43 ynghlngehluxpraednthiyngimidkhxsrupxyuhlayprakas odyechphaaxyangying mnyngmiidaekikhsthanphaphkhxngkarkhafin thungaemwasnthisyyakbshrthxemrikain kh s 1844 caidhamchawxemriknmiihkhayfinxyangchdecn karkhafinyngkhngdaenintxipodythngphxkhaxngkvsaelaxemriknthixyuinbngkhbthangkdhmaykhxngkngsulthitngxyuincinethann karkhafininphayhlngidrbrxngwathuktxngtamkdhmaytamsnthisyyaethiyncin sungcinidthakhunhlngcaksngkhramfinkhrngthisxng snthisyyanankingidyutirabbkwangocwthimixyuedimaelasthapnaekhaokhrngihmkhxngkhwamsmphnthrahwangpraethsaelakarkhaophnthaelkhxngcin sungichkneruxymainxikrxypikhanghna cinidrbkhwamesiyhayxyangmakcakkarkahndxtraphasisulkakrthichdecn karihsiththisphaphnxkxanaekhtaekchawtangdaw aelakarmxbsthanachatithiidrbxnuekhraahying sungkhxkahnddngklawbangswnepnephraakhwamidepriybaelabangswnepnephraathangkarrachwngschingimthrabkdhmayrahwangpraethshruxtrahnkthungphlkrathbinrayayaw karkahndxtraphasisulkakrthirxyla 5 sungwaxtraphasiedim aenwkhidkhxngkarmxbsiththisphaphnxkxanaekhtihkduehmuxnwacaepnkarmxbpharaduaelchawtangpraethsihaektarwcchatiediywkn aelakarptibtikbchatixuninsthanachatithiidrbkhwamxnuekhraahyingduehmuxnwacaepnkarthaihchawtangpraethsephchiyhnaknexng thungaemwacincaidrbxisrainkarkahndxtraphasisulkakrexnginkhristthswrrs 1920 aetsiththisphaphnxkxanaekhtyngimidrbkarykelikxyangepnthangkarkrathng kh s 1943echingxrrth 1902 Treaties Between the Empire of China and Foreign Powers 4th ed Shanghai North China Herald London 1871 ld p 1 John Darwin After Tamerlane The Global History of Empire p 431 London Allen Lane 2007 Martin Robert Montgomery 1847 China Political Commercial and Social In an Official Report to Her Majesty s Government Volume 2 James Madden p 84 Hsu The Rise of Modern China 190 92 xangxingFairbank John King Trade and Diplomacy on the China Coast The Opening of the Treaty Ports 1842 1854 2 vols Cambridge MA Harvard University Press 1953 Teng Ssu yu Chang Hsi and the Treaty of Nanking 1842 Chicago University of Chicago Press 1944 R Derek Wood The Treaty of Nanking Form and the Foreign Office 1842 1843 Journal of Imperial and Commonwealth History London 24 May 1996 181 196