บทความนี้ไม่มีจาก |
กบฏนักมวย (อังกฤษ: Boxer Rebellion, จีนตัวย่อ: 义和团起义; จีนตัวเต็ม: 義和團起義; พินอิน: Yìhétuán Yùndòng, อี้เหอถวน ย้วนต้ง) หรือเรียกกันต่าง ๆ ว่า การก่อการกำเริบของนักมวย ขบวนการอี้เหอถ้วน หรือศึกพันธมิตรแปดชาติ เป็นการก่อกำเริบต่อต้านชาวต่างชาติ ต่อต้านชาวคริสเตียน และต่อต้านจักรวรรดินิยมอย่างรุนแรงในจีน ระหว่างปี ค.ศ. 1899 และ ค.ศ. 1901 ตลอดจนถึงช่วงปลายราชวงศ์ชิงโดยกองทหารอาสาสมัครในความชอบธรรม(อี้เหอช่วน) เป็นที่รู้จักกันในภาษาอังกฤษว่า บ็อกเซอร์หรือแปลว่า นักมวย เพราะสมาชิกเหล่านั้นเคยฝึกศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบจีน ซึ่งในสมัยนั้นเรียกว่า มวยจีน
กบฏนักมวย | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ภาพบน: ปืนใหญ่จากกองทัพรัสเซีย ภาพล่าง: กองทัพสหรัฐ | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
จักรวรรดิชิง | |||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
เซอร์ อัลเฟรท ฟ็อน วัลเดอร์เซ | พระพันปีหลวงฉือสี่ หรงลู่ จาง ซวิน | ||||||
กำลัง | |||||||
50,255 กำลังผสม 100,000 ทหารรัสเซีย | 100,000-300,000 กบฏนักมวย 10,000 ชาวมุสลิม 100,000 กองกำลังหลวง | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
ทหาร 2,500 คน ชาวต่างชาติ 526 คน ชาวคริสต์จีนจำนวนนับพันคน | กลุ่มนักมวย "ทั้งหมด" ทหารกองกำลังหลวง 20,000 คน | ||||||
100,000 – 300,000 นักมวย | |||||||
หมายเหตุ: มีพลเรือนเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้มากกว่า 18,952 คนและหรงลู่ไม่เห็นด้วยจึงพิทักษ์ชาวต่างชาติ |
ภายหลังสงครามจีน-ญี่ปุ่น ปี ค.ศ. 1895 พวกชาวบ้านในภาคเหนือของจีนต่างเกรงกลัวการขยายอิทธิพลของต่างชาติและไม่พอใจการขยายสิทธิพิเศษให้กับเหล่ามิชชันนารีคริสเตียน ซึ่งใช้พวกเขาเพื่อสนับสนุนผู้ติดตามของพวกเขา ด้วยภัยแล้งที่รุนแรง ความรุนแรงได้แผ่ขยายไปทั่วมณฑลซานตงและที่ราบจีนตอนเหนือ ได้เข้าทำลายทรัพย์สินต่างชาติ เข้าโจมตีหรือสังหารเหล่ามิชชันนารีคริสเตียนและคริสเตียนชาวจีน ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1900 นักสู้มวยที่มีความเชื่อว่า พวกเขาอยู่ยงคงกระพันต้านทานจากอาวุธของต่างชาติ รวมตัวกันที่เป่ย์จิงด้วยคำขวัญว่า "สนับสนุนรัฐบาลชิงและขจัดชาวต่างชาติให้หมดสิ้นไป" นักการทูต มิชชันนารี ทหาร และชาวคริสเตียนบางส่วนได้พากันลี้ภัยเข้าไปอยู่ในเขตพื้นที่สถานอัครราชทูต และถูกล้อมเป็นเวลา 55 วันโดยกองทัพจักรวรรดิจีนและนักมวย
พันธมิตรแปดชาติ ได้แก่ อเมริกา ออสเตรีย-ฮังการี บริติช ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น และรัสเซียได้เข้ารุกรานจีนเพื่อคลายวงล้อม ฉือสี่ไท่โฮ่วทรงลังเลพระทัยในตอนแรก แต่กลับตัดสินพระทัยที่จะสนับสนุนแก่พวกนักมวย และเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ทรงออกกับชาติมหาอำนาจผู้รุกราน พวกข้าราชการจีนที่ถูกแบ่งแยกระหว่างผู้สนับสนุนนักมวยและผู้ที่ต้องการเจรจาไกล่เกลี่ยประนีประนอม ภายใต้การนำโดยอ๋องชิง ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพจีน แม่ทัพชาวแมนจูนามว่า หรงลู่(จุงลู่) ซึ่งต่อมาได้กล่าวอ้างว่า เขาทำเพื่อปกป้องชาวต่างชาติ เจ้าหน้าที่ในมณฑลทางใต้ก็เพิกเฉยต่อพระบรมราชโองการของจักรพรรดิในการต่อสู้รบกับชาวต่างชาติ
พันธมิตรแปดชาติ ภายหลังช่วงแรกได้ถูกหันหลังกลับโดยกองทัพจักรวรรดิจีนและกองทหารอาสาสมัครนักมวย ได้นำกองกำลังติดอาวุธ 20,000 นายเข้ามายังจีน สามารถเอาชนะกองทัพจักรวรรดิในเทียนจิน และเคลื่อนทัพมาถึงเป่ยจิ่ง เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ซึ่งได้คลายการล้อมสถานอัครราชทูต เกิดการปล้นสะดมภายในเมืองหลวงและชนบทโดยรอบอย่างไร้การควบคุม รวมทั้งมีการประหารชีวิตผู้ต้องสงสัยโดยสรุปว่าเป็นนักมวย พิธีสารนักมวย เมื่อวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 1901 ให้มีการประหารชีวิตข้าราชการที่ให้การสนับสนุนแก่พวกนักมวย จัดหาเสบียงอาหารให้แก่กองทหารต่างชาติที่เข้าประจำการในเป่ยจิ่ง และจ่ายด้วยเงินประมาณ 450 ล้านตำลึงจีน หรือประมาณสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ ราคาเงินในปี ค.ศ. 2018 และมากกว่ารายได้ภาษีประจำปีของรัฐบาล เพื่อชดใช้ค่าเสียหายตลอด 39 ปีข้างหน้าแก่แปดประเทศที่เกี่ยวข้อง
ชนวนเหตุ
กบฏนักมวยได้เกิดขึ้นในเมืองชานตงในปี ค.ศ. 1898 และเริ่มตอบโต้ชาวเยอรมันในชิงเต่าและจับกุมชาวอังกฤษในเวยไห่แต่ก็พ่ายแพ้กับกองกำลังนานาชาติ ความอ่อนแอของจีนได้แสดงให้เห็นหลังจากแพ้สงครามจีน-ญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1895 และความวุ่นวายก็เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในเมืองชานตงเนื่องจากปัญหาที่ดินของวัดพุทธและโบสถ์คริสต์โรมันคาทอลิก มิชชันนารีจึงร้องเรียนว่าที่ดินผืนนี้เป็นของตนมาแต่เดิมแล้ว การที่มีการสร้างโบสถ์ในที่ดินผืนนี้ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจอย่างมาก จึงทำลายโบสถ์และก่อกบฏนักมวยขึ้น
การจลาจลในจีน
เริ่มจากกรณีเรื่องที่ดินของวัดในการสร้างโบสถ์โรมันคาทอลิก เนื่องจากฝ่ายมิชชันนารีอ้างว่าที่ดินเป็นของตนตั้งแต่สมัยจักรพรรดิคังซีแล้วแต่ได้ถูกทิ้งร้างไปนาน ชาวบ้านในท้องถิ่นรู้สึกว่าข้อเรียกร้องไม่เป็นธรรมกับตนเพราะเดิมเป็นวัดประจำหมู่บ้านแต่ต้องมาสร้างโบสถ์ในวัดแทนที่จึงเกิดจลาจล โดยชาวบ้านได้จับมิชชันนารีเป็นตัวประกันและทำลายโบสถ์นั้นเสีย
เนื่องจากจีนแพ้สงครามจีน-ญี่ปุ่น จักรพรรดิกวางสูจึงทรงทำการปฏิรูปร้อยวัน ทำให้พระนางซูสีไทเฮาทรงเข้ายึดพระราชอำนาจแล้วนำจักรพรรดิกวางสูขังไว้ และร่วมมือกับกบฏนักมวยซึ่งมีความคิดอนุรักษนิยมเช่นเดียวกับพระนาง จนประมาณเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1900 กบฏนักมวยได้ต่อสู้กับกองกำลังนานาชาติในเมืองเทียนจินและกรุงปักกิ่ง ทางสถานทูตสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เบลเยี่ยม, เนเธอร์แลนด์, สหรัฐอเมริกา, รัสเซีย และญี่ปุ่น ที่อยู่ในสถานทูตในกรุงปักกิ่ง ได้นำกำลังมาปิดล้อมพระราชวังต้องห้าม การกระทำเช่นนี้ทำให้กบฏนักมวยสังหารบาทหลวงชาวเยอรมันชื่อ ในวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1900 พระนางซูสีไทเฮาประกาศสงครามกับชาวต่างชาติในวันต่อมาเพื่อเป็นการต่อต้านอำนาจของชาวต่างชาติ แต่พวกข้าหลวงตามหัวเมืองกลับปฏิเสธสงครามและพวกปัญญาชนในเมืองเซี่ยงไฮ้ก็ยังได้ให้ความช่วยเหลือข้าหลวงในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีนที่ต่อต้านการประกาศสงครามด้วย
ส่วนกองกำลังนานาชาติได้ทำการป้องกันบริเวณสถานทูตของตนจากการโอบล้อมจากกบฏนักมวยภายใต้คำสั่งของบาทหลวงชาวอังกฤษ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อกบฏนักมวยบุกเข้าไปในกรุงปักกิ่งได้สังหารชาวจีนที่เป็นคริสเตียนกว่าหนึ่งหมื่นคนและจับกุมชาวต่างชาติไปเป็นเชลยจำนวนมาก เรื่องการจลาจลจำนวนมากได้ลงในหนังสือพิมพ์ทั้งในจีน ญี่ปุ่น ยุโรปและอเมริกาจำนวนมาก แต่เชลยทั้งหมดก็ถูกปลดปล่อยโดยกองกำลังนานาชาติในที่สุด
กองกำลังนานาชาติ
กองกำลังนานาชาติก่อตั้งขึ้นเมื่อทัพเรือ 8 ประเทศรวมตัวกันในชายฝั่งทะเลทางตอนเหนือของจีนในปลายเดือนเมษายน ค.ศ. 1900 จนในวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1900 ได้เรียกร้องสิทธิชาวต่างชาติที่สถานทูตในกรุงปักกิ่งและได้ส่งทหารเรือ 435 นายจาก 5 ประเทศที่ฐานทัพที่ต้ากูไปกรุงปักกิ่ง
การบุกปักกิ่ง
การบุกครั้งแรก
ในสถานการณ์ที่เลวร้าย กองกำลังนานาชาติที่อยู่บนเรือประมาณ 2,000 คน ภายใต้คำสั่งของนายพล ได้ส่งกำลังไปกรุงปักกิ่งโดยการเดินทางจากท่าเรือต้ากูไปเมืองเทียนจินนั้นได้รับความร่วมมืออย่างดีจากข้าหลวงเมืองเทียนจินเป็นอย่างดี แต่การเดินทางจากเทียนจินไปกรุงปักกิ่งนั้นมีการตรวจตราชาวต่างชาติอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตามนายพลเซมอร์ก็ยังเดินหน้าต่อไปและสามารถนำทหารเดินเท้าไปกรุงปักกิ่งสำเร็จจนได้
อย่างไรก็ดี กองทัพของเขาถูกฝ่ายนักมวยล้อมและทางรถไฟหลายสายถูกทำลาย ในที่สุดนายพลเซมอร์จึงตัดสินใจถอยทัพกลับเมืองเทียนจินในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1900
การบุกครั้งที่สอง
หลังจากนายพลเซมอร์ถอยทัพกลับเมืองเทียนจินแล้ว ทางกองกำลังนานาชาติจึงระดมกำลังทหารขึ้นมาใหม่ และในวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1900 กองกำลังนานาชาติได้สร้างป้อมปราการขึ้นใกล้เมืองเทียนจินและท่าเรือต้ากูขึ้น
กองกำลังนานาชาติภายใต้คำสั่งของนายพล ประมาณ 45,000 คน ประกอบด้วยกำลังจากญี่ปุ่น 20,840 คน รัสเซีย 13,150 คน สหราชอาณาจักร 12,020 คน ฝรั่งเศส 3,520 คน สหรัฐอเมริกา 3,420 คน เยอรมนี 900 คน อิตาลี 80 คน และออสเตรีย-ฮังการี 75 คน ได้ยึดเมืองเทียนจินในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1900
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir kbtnkmwy xngkvs Boxer Rebellion cintwyx 义和团起义 cintwetm 義和團起義 phinxin Yihetuan Yundong xiehxthwn ywntng hruxeriykkntang wa karkxkarkaeribkhxngnkmwy khbwnkarxiehxthwn hruxsukphnthmitraepdchati epnkarkxkaeribtxtanchawtangchati txtanchawkhrisetiyn aelatxtanckrwrrdiniymxyangrunaerngincin rahwangpi kh s 1899 aela kh s 1901 tlxdcnthungchwngplayrachwngschingodykxngthharxasasmkhrinkhwamchxbthrrm xiehxchwn epnthiruckkninphasaxngkvswa bxkesxrhruxaeplwa nkmwy ephraasmachikehlannekhyfuksilpakartxsupxngkntwaebbcin sunginsmynneriykwa mwycinkbtnkmwyphaphbn punihycakkxngthphrsesiy phaphlang kxngthphshrthwnthi12 ph y 1899 7 k y 1901sthanthicintxnehnuxphlphnthmitraepdchatichnakhusngkhramphnthmitraepdchati rsesiy shrachxanackr frngess shrth yipun eyxrmni xitali xxsetriy hngkarickrwrrdichingphubngkhbbychaaelaphunaesxr xlefrth fxn wledxresphraphnpihlwngchuxsi hrnglu cang swinkalng50 255 kalngphsm 100 000 thharrsesiy100 000 300 000 kbtnkmwy 10 000 chawmuslim 100 000 kxngkalnghlwngkhwamsuyesiythhar 2 500 khn chawtangchati 526 khn chawkhristcincanwnnbphnkhnklumnkmwy thnghmd thharkxngkalnghlwng 20 000 khn100 000 300 000 nkmwyhmayehtu miphleruxnesiychiwitcakehtukarnnimakkwa 18 952 khnaelahrngluimehndwycungphithkschawtangchati phayhlngsngkhramcin yipun pi kh s 1895 phwkchawbaninphakhehnuxkhxngcintangekrngklwkarkhyayxiththiphlkhxngtangchatiaelaimphxickarkhyaysiththiphiessihkbehlamichchnnarikhrisetiyn sungichphwkekhaephuxsnbsnunphutidtamkhxngphwkekha dwyphyaelngthirunaerng khwamrunaerngidaephkhyayipthwmnthlsantngaelathirabcintxnehnux idekhathalaythrphysintangchati ekhaocmtihruxsngharehlamichchnnarikhrisetiynaelakhrisetiynchawcin ineduxnmithunayn kh s 1900 nksumwythimikhwamechuxwa phwkekhaxyuyngkhngkraphntanthancakxawuthkhxngtangchati rwmtwknthiepycingdwykhakhwywa snbsnunrthbalchingaelakhcdchawtangchatiihhmdsinip nkkarthut michchnnari thhar aelachawkhrisetiynbangswnidphaknliphyekhaipxyuinekhtphunthisthanxkhrrachthut aelathuklxmepnewla 55 wnodykxngthphckrwrrdicinaelankmwy phnthmitraepdchati idaek xemrika xxsetriy hngkari britich frngess eyxrmn xitali yipun aelarsesiyidekharukrancinephuxkhlaywnglxm chuxsiithohwthrnglngelphrathyintxnaerk aetklbtdsinphrathythicasnbsnunaekphwknkmwy aelaemuxwnthi 21 mithunayn thrngxxkkbchatimhaxanacphurukran phwkkharachkarcinthithukaebngaeykrahwangphusnbsnunnkmwyaelaphuthitxngkarecrcaiklekliypranipranxm phayitkarnaodyxxngching phubychakarthharsungsudkhxngkxngthphcin aemthphchawaemncunamwa hrnglu cunglu sungtxmaidklawxangwa ekhathaephuxpkpxngchawtangchati ecahnathiinmnthlthangitkephikechytxphrabrmrachoxngkarkhxngckrphrrdiinkartxsurbkbchawtangchati phnthmitraepdchati phayhlngchwngaerkidthukhnhlngklbodykxngthphckrwrrdicinaelakxngthharxasasmkhrnkmwy idnakxngkalngtidxawuth 20 000 nayekhamayngcin samarthexachnakxngthphckrwrrdiinethiyncin aelaekhluxnthphmathungepycing emuxwnthi 14 singhakhm sungidkhlaykarlxmsthanxkhrrachthut ekidkarplnsadmphayinemuxnghlwngaelachnbthodyrxbxyangirkarkhwbkhum rwmthngmikarpraharchiwitphutxngsngsyodysrupwaepnnkmwy phithisarnkmwy emuxwnthi 7 knyayn kh s 1901 ihmikarpraharchiwitkharachkarthiihkarsnbsnunaekphwknkmwy cdhaesbiyngxaharihaekkxngthhartangchatithiekhapracakarinepycing aelacaydwyenginpraman 450 lantalungcin hruxpramansiblandxllarshrth n rakhaengininpi kh s 2018 aelamakkwarayidphasipracapikhxngrthbal ephuxchdichkhaesiyhaytlxd 39 pikhanghnaaekaepdpraethsthiekiywkhxngchnwnehtukbtnkmwyidekidkhuninemuxngchantnginpi kh s 1898 aelaerimtxbotchaweyxrmninchingetaaelacbkumchawxngkvsinewyihaetkphayaephkbkxngkalngnanachati khwamxxnaexkhxngcinidaesdngihehnhlngcakaephsngkhramcin yipuninpi kh s 1895 aelakhwamwunwaykekidkhunthihmubanelk aehnghnunginemuxngchantngenuxngcakpyhathidinkhxngwdphuththaelaobsthkhristormnkhathxlik michchnnaricungrxngeriynwathidinphunniepnkhxngtnmaaetedimaelw karthimikarsrangobsthinthidinphunnithaihchawbanimphxicxyangmak cungthalayobsthaelakxkbtnkmwykhunkarclaclincinerimcakkrnieruxngthidinkhxngwdinkarsrangobsthormnkhathxlik enuxngcakfaymichchnnarixangwathidinepnkhxngtntngaetsmyckrphrrdikhngsiaelwaetidthukthingrangipnan chawbaninthxngthinrusukwakhxeriykrxngimepnthrrmkbtnephraaedimepnwdpracahmubanaettxngmasrangobsthinwdaethnthicungekidclacl odychawbanidcbmichchnnariepntwpraknaelathalayobsthnnesiy enuxngcakcinaephsngkhramcin yipun ckrphrrdikwangsucungthrngthakarptiruprxywn thaihphranangsusiithehathrngekhayudphrarachxanacaelwnackrphrrdikwangsukhngiw aelarwmmuxkbkbtnkmwysungmikhwamkhidxnurksniymechnediywkbphranang cnpramaneduxnkrkdakhm kh s 1900 kbtnkmwyidtxsukbkxngkalngnanachatiinemuxngethiyncinaelakrungpkking thangsthanthutshrachxanackr frngess ebleyiym enethxraelnd shrthxemrika rsesiy aelayipun thixyuinsthanthutinkrungpkking idnakalngmapidlxmphrarachwngtxngham karkrathaechnnithaihkbtnkmwysngharbathhlwngchaweyxrmnchux inwnthi 20 minakhm kh s 1900 phranangsusiithehaprakassngkhramkbchawtangchatiinwntxmaephuxepnkartxtanxanackhxngchawtangchati aetphwkkhahlwngtamhwemuxngklbptiesthsngkhramaelaphwkpyyachninemuxngesiyngihkyngidihkhwamchwyehluxkhahlwnginphakhtawnxxkechiyngitkhxngcinthitxtankarprakassngkhramdwy kbtnkmwyinemuxngethiyncin swnkxngkalngnanachatiidthakarpxngknbriewnsthanthutkhxngtncakkaroxblxmcakkbtnkmwyphayitkhasngkhxngbathhlwngchawxngkvs eruxngrawekidkhunemuxkbtnkmwybukekhaipinkrungpkkingidsngharchawcinthiepnkhrisetiynkwahnunghmunkhnaelacbkumchawtangchatiipepnechlycanwnmak eruxngkarclaclcanwnmakidlnginhnngsuxphimphthngincin yipun yuorpaelaxemrikacanwnmak aetechlythnghmdkthukpldplxyodykxngkalngnanachatiinthisudkxngkalngnanachatiphaphphimphaekaimyipunsmyemci aesdngekhruxngaebbthharnanachatithiekharwmprabkbtnkmwyphrxmthngpracathpheruxkhxngtninpi kh s 1900 caksayipkhwa aethwbn xitali xxsetriy hngkari eyxrmni rsesiy aethwlang shrthxemrika frngess yipun shrachxanackr kxngkalngnanachatikxtngkhunemuxthpherux 8 praethsrwmtwkninchayfngthaelthangtxnehnuxkhxngcininplayeduxnemsayn kh s 1900 cninwnthi 31 phvsphakhm kh s 1900 ideriykrxngsiththichawtangchatithisthanthutinkrungpkkingaelaidsngthharerux 435 naycak 5 praethsthithanthphthitakuipkrungpkkingkarbukpkkingkarbukkhrngaerk insthankarnthielwray kxngkalngnanachatithixyubneruxpraman 2 000 khn phayitkhasngkhxngnayphl idsngkalngipkrungpkkingodykaredinthangcakthaeruxtakuipemuxngethiyncinnnidrbkhwamrwmmuxxyangdicakkhahlwngemuxngethiyncinepnxyangdi aetkaredinthangcakethiyncinipkrungpkkingnnmikartrwctrachawtangchatixyangekhmngwd xyangirktamnayphlesmxrkyngedinhnatxipaelasamarthnathharedinethaipkrungpkkingsaerccnid xyangirkdi kxngthphkhxngekhathukfaynkmwylxmaelathangrthifhlaysaythukthalay inthisudnayphlesmxrcungtdsinicthxythphklbemuxngethiyncininwnthi 26 mithunayn kh s 1900 karbukkhrngthisxng thharyipunkbnayphlesmxr hlngcaknayphlesmxrthxythphklbemuxngethiyncinaelw thangkxngkalngnanachaticungradmkalngthharkhunmaihm aelainwnthi 17 krkdakhm kh s 1900 kxngkalngnanachatiidsrangpxmprakarkhuniklemuxngethiyncinaelathaeruxtakukhun kxngkalngnanachatiphayitkhasngkhxngnayphl praman 45 000 khn prakxbdwykalngcakyipun 20 840 khn rsesiy 13 150 khn shrachxanackr 12 020 khn frngess 3 520 khn shrthxemrika 3 420 khn eyxrmni 900 khn xitali 80 khn aelaxxsetriy hngkari 75 khn idyudemuxngethiyncininwnthi 14 krkdakhm kh s 1900 bthkhwamprawtisastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk