วันวิสาขบูชา (บาลี: วิสาขปุณฺณมีปูชา; อังกฤษ: Vesak) มีอีกชื่อว่า พุทธชยันตี,พุทธปูรณิมา และ วันพระพุทธเจ้า เป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธสำหรับพุทธศาสนิกชนทุกนิกายทั่วโลก ทั้งเป็นวันหยุดราชการในหลายประเทศ และวันสำคัญในระดับนานาชาติตามข้อมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในศาสนาพุทธ 3 เหตุการณ์ด้วยกัน คือ การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระโคตมพุทธเจ้า โดยทั้งสามเหตุการณ์ได้เกิด ณ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขะ (ต่างปีกัน) ชาวพุทธจึงถือว่า เป็นวันที่รวมเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ยิ่ง และเรียกการบูชาในวันนี้ว่า "วิสาขบูชา" ย่อมาจาก "วิสาขปุรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ" อันเป็นเดือนที่สองตามปฏิทินของอินเดีย ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย และมักตรงกับเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนตามปฏิทินจันทรคติของไทย โดยในประเทศไทย ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปทำในวันเพ็ญเดือน 7 แต่ประเทศอื่นที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาท และไม่ได้ถือคติตามปฏิทินจันทรคติไทย จะจัดพิธีวิสาขบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 แม้ในปีนั้นจะมีเดือน 8 สองหนตามปฏิทินจันทรคติไทยก็ตาม ส่วนในกลุ่มชาวพุทธมหายานบางนิกายที่นับถือว่า เหตุการณ์ทั้ง 3 นั้นเกิดในวันต่างกันไป จะมีการจัดพิธีวิสาขบูชาต่างวันกันตามความเชื่อในนิกายของตน ซึ่งไม่ตรงกับวันวิสาขบูชาตามปฏิทินของชาวพุทธเถรวาท
วันวิสาขบูชา | |
---|---|
ชื่ออื่น | หรือวันพระพุทธเจ้า |
จัดขึ้นโดย | ชาวพุทธและบางส่วน โดยหลักในเอเชียใต้, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออก |
ประเภท | วันสำคัญในศาสนาพุทธ |
ความสำคัญ | วันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระโคตมพุทธเจ้า |
การถือปฏิบัติ | , ดำเนินตามศีลแปด, กินอาหารมังสวิรัติ, บริจาคทาน, สรงน้ำพระ |
วันที่ | ขึ้น 15 ค่ำ เดือนวิสาขะ (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6) มักตกอยู่ในช่วงเดือนเมษายน พฤษภาคม หรือมิถุนายน |
วันที่ในปี 2023 | 3 มิถุนายน |
วันที่ในปี 2024 | 22 พฤษภาคม |
วันที่ในปี 2025 | 11 พฤษภาคม |
วันที่ในปี 2026 | 31 พฤษภาคม |
ความถี่ | ทุกปี |
ส่วนเกี่ยวข้อง | เทศกาลที่เกี่ยวข้อง (ในประเทศจีน) โรฮัตสึ (ในประเทศญี่ปุ่น) |
วันวิสาขบูชา นั้นได้รับการยกย่องจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลกให้เป็นวันสำคัญสากลทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากเป็นวันที่บังเกิดเหตุการณ์สำคัญ 3 เหตุการณ์ ที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าและจุดเริ่มต้นของศาสนาพุทธ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดได้เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน ณ ดินแดนที่เรียกว่าชมพูทวีปในสมัยพุทธกาล โดยเหตุการณ์แรก เมื่อ 80 ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น "วันประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ" ณ ใต้ร่มสาลพฤกษ์ ในพระราชอุทยานลุมพินีวัน (อยู่ในเขตประเทศเนปาลในปัจจุบัน) และเหตุการณ์ต่อมา เมื่อ 45 ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น "วันที่เจ้าชายสิทธัตถะได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ณ ใต้ร่มโพธิ์พฤกษ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม (อยู่ในเขตประเทศอินเดียในปัจจุบัน) และเหตุการณ์สุดท้าย เมื่อ 1 ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น "วันเสด็จดับขันธปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ณ ใต้ร่มสาลพฤกษ์ ในสาลวโนทยาน พระราชอุทยานของเจ้ามัลละ เมืองกุสินารา (อยู่ในเขตประเทศอินเดียในปัจจุบัน) โดยเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนเกิดตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 หรือเดือนวิสาขะนี้ทั้งสิ้น ชาวพุทธจึงนับถือว่าวันเพ็ญเดือน 6 นี้ เป็นวันที่รวมวันคล้ายวันเกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของพระพุทธเจ้าไว้มากที่สุด และได้นิยมประกอบพิธีบำเพ็ญบุญกุศลและประกอบพิธีพุทธบูชาต่าง ๆ เพื่อเป็นการถวายสักการะรำลึกถึงแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบมาจนปัจจุบัน
วิสาขบูชา มีการนับถือปฏิบัติกันในหลายประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาทั้งมหายานและเถรวาททุกนิกายมาช้านานแล้ว ในบางประเทศเรียกพิธีนี้ว่า "พุทธชยันตี" (Buddha Jayanti) เช่นใน ประเทศอินเดียและประเทศศรีลังกา ในปัจจุบันมีหลายประเทศที่ยกย่องให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการ เช่น ประเทศอินเดีย ประเทศไทย ประเทศพม่า ประเทศศรีลังกา สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เป็นต้น (ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรที่นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทมากที่สุด) ในฝ่ายของประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ได้รับคติการปฏิบัติบูชาในวันวิสาขบูชามาจากลังกา (ประเทศศรีลังกา) ในประเทศไทยปรากฏหลักฐานว่ามีการจัดพิธีวิสาขบูชามาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
วันวิสาขบูชา ถือได้ว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล เพราะชาวพุทธทุกนิกายจะพร้อมใจกันจัดพิธีพุทธบูชาในวันนี้พร้อมกันทั่วทั้งโลก (ซึ่งไม่เหมือนวันมาฆบูชา และวันอาสาฬหบูชา ที่เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่นิยมนับถือกันเฉพาะในประเทศไทย, ลาว, และกัมพูชา) และด้วยเหตุนี้ ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติจึงยกย่องให้วันวิสาขบูชาเป็น "วันสำคัญสากล" (International Day) ตามข้อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ 54/112 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2542
ปัจจุบัน ประเทศไทยได้ประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการ โดยพุทธศาสนิกชนทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ พระสงฆ์ และประชาชน จะมีการประกอบพิธีต่าง ๆ เช่น การตักบาตร การฟังพระธรรมเทศนา เป็นต้น เพื่อเป็นการบูชารำลึกถึงพระรัตนตรัยและเหตุการณ์สำคัญ 3 เหตุการณ์ดังกล่าว ที่ถือได้ว่าเป็นวันคล้ายวันที่ "ประสูติ" ของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ซึ่งต่อมาได้ "ตรัสรู้" เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงกอปรไปด้วย "พระบริสุทธิคุณ", "พระปัญญาคุณ" ผู้ซึ่งได้ทรงสั่งสอนประกาศพระสัจธรรม คือ ความจริงของโลก แก่ชนทั้งปวงโดย "พระมหากรุณาธิคุณ" จวบจนทรง "เสด็จดับขันธปรินิพพาน" ในวาระสุดท้าย ทั้งสามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสืบเนื่องในวันเพ็ญเดือน 6 นี้ทำให้พระพุทธศาสนาได้บังเกิดและสืบต่อมาอย่างมั่นคงจนถึงปัจจุบัน
ความสำคัญในวันวิสาขบูชา
วันวิสาขบูชาเป็นวันที่ระลึกถึงวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ซึ่งตรงกับวันเพ็ญ เดือนวิสาขมาส (เดือน 6) ตรงกันทั้ง 3 คราว คือ
- เช้าวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี เจ้าชายสิทธัตถะ ประสูติ ที่พระราชอุทยานลุมพินีวันระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับเทวทหะ
- เช้ามืดวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา ก่อนพุทธศักราช 45 ปี เจ้าชายสิทธัตถะ ตรัสรู้ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม หลังจากออกผนวชได้ 6 ปี ปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย
- หลังจากตรัสรู้ ทรงออกประกาศพระธรรมวินัยและโปรดเวไนยสัตว์เป็นเวลา 45 ปี เมื่อพระชนมายุได้ 80 พรรษา ก็ เสด็จดับขันธปรินิพพาน เมื่อวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยาน ของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ (ปัจจุบันอยู่ในเมืองกุสีนคระ รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย)
เนื่องจากเหตุการณ์สำคัญทั้ง 3 เหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น เกิดขึ้นตรงกันในวันเพ็ญ เดือน 6 ชาวพุทธจึงเรียกการบูชาในวันนี้ว่า "วันวิสาขบูชา" ซึ่งแปลว่า การบูชาในวันเพ็ญเดือนหก (บางแห่งเรียกว่า วันพระพุทธเจ้า หรือ พุทธชยันตี)
เหตุการณ์สำคัญที่เกิดในวันวิสาขบูชาในพุทธประวัติ
เหตุการณ์ในวันประสูติเป็นเหตุการณ์สำคัญลำดับแรกของพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในวันเพ็ญ เดือนวิสาขมาส โดยพระพุทธเจ้าหรือพระนามเดิม "เจ้าชายสิทธัตถะ" ได้ประสูติในพระบรมศากยราชวงศ์ เป็นพระราชโอรสแห่งพระเจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริมหามายา ผู้เป็นพระราชมเหสีแห่งพระเจ้าสุทโธทนะ โดยเจ้าชายสิทธัตถะทรงดำรงตำแหน่งศากยมกุฏราชกุมาร ผู้จักได้รับสืบพระราชบัลลังก์เป็นกษัตริย์แห่งกรุงกบิลพัสดุ์สืบไป
จากหลักฐานชั้นบาลี (พระไตรปิฎก) และอรรถกถา กล่าวว่า หลังจากพระโพธิสัตว์ผู้ดำรงอยู่ในดุสิตเทวโลกได้บำเพ็ญพระบารมีครบถ้วนแล้ว ได้ทรงรับคำอาราธนาเพื่อจุติลงมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์จึงได้จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตลงมาสู่พระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา เมื่อเวลาใกล้รุ่ง วันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปี ระกา ก่อนพุทธศักราช 80 ปี
เมื่อพระนางสิริมหามายาทรงพระครรถ์ครบถ้วนทศมาส (10 เดือน) ในวันเพ็ญ เดือนวิสาขมาส (ตรงกับ วันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ก่อนพุทธศักราช 80 ปี) พระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จพระราชดำเนินกลับไปประสูติพระราชบุตรยังเมืองเทวทหะอันเป็นเมืองบ้านเกิดของพระองค์ แต่ขณะเสด็จพระราชดำเนินได้เพียงกลางทางหรือภายในพระราชอุทยานลุมพินีวันซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์และเมืองเทวทหะต่อกัน พระองค์เกิดประชวรพระครรภ์จะประสูติ อำมาตย์ผู้ตามเสด็จจึงจัดร่มไม้สาละถวาย พระนางจึงประสูติพระโอรส ณ ใต้ร่มไม้สาละนั้น โดยขณะประสูติพระนางประทับยืน พระหัตถ์ทรงจับกิ่งสาละไว้ เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติแล้ว (โดยอาการที่พระบาทออกจากพระครรภ์ก่อน) พระโพธิสัตว์ได้ทรงพระดำเนินไปได้ 7 ก้าว และได้ทรงเปล่งอาสภิวาจา (วาจาประกาศความเป็นผู้สูงสุด) ขึ้นว่า
อคฺโคหมสฺมึ โลกสฺส เชฏฺโฐหมสฺมึ โลกสฺส เสฏฺโฐหมสฺมึ โลกสฺส.
อยมนฺติมา ชาติ. นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว.คำแปล : เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก, เราเป็นผู้เจริญที่สุดแห่งโลก, เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดแห่งโลก. ชาตินี้ เป็นชาติสุดท้าย. บัดนี้ ภพใหม่ย่อมไม่มี ดังนี้
— สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. อจฺฉริยอพฺภูตธมฺมสุตฺต อุปริ. ม. 14/249-251/366-7-8-9, 371
โดยการทรงเปล่งอาสภิวาจาเป็นอัศจรรย์นี้ นับเป็นบุรพนิมิตแห่งพระบรมโพธิญาณ ที่เจ้าชายน้อยผู้เป็นพระบรมโพธิสัตว์จักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกาลอีกไม่นาน
การตรัสรู้
เหตุการณ์การตรัสรู้พระบรมสัมมาสัมโพธิญาณของเจ้าชายสิทธัตถะนี้ เป็นเหตุการณ์สำคัญลำดับที่สองของพระพุทธเจ้าที่ได้เกิดในวันเพ็ญ เดือนวิสาขมาส ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญมากที่สุดของพระพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนา โดยถือได้ว่าเป็นการเกิดครั้งที่สองของเจ้าชายสิทธัตถะ คือ ครั้งแรกนั้นเพียงเกิดเป็นมนุษย์ แต่การตรัสรู้นี้ถือว่าเป็นการเกิดใหม่อีกครั้ง เป็นการเกิดที่หาได้โดยยาก เป็นการเกิดที่สมบูรณ์พร้อมด้วยอริยผล รู้แจ้งซึ่งสรรพกิเลสทั้งปวง หลุดพ้นจากบ่วงแห่งมาร คือ ทุกข์และสุขทั้งปวงได้หมดสิ้น เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เจ้าชายสิทธัตถะเป็น "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า" แปลว่า ผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง (ผู้ไม่ได้รับบัญชาจากใคร ผู้ไม่ได้รับโองการจากพระผู้สร้าง หรือเทพเทวดาองค์ไหน) เป็นการ "รู้แจ้งโลกทั้งปวง" ที่เจ้าชายสิทธัตถะในฐานะมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งพึงกระทำได้ และทุกคนมีสิทธิ์ที่จะ "รู้" เหมือนที่พระองค์ทรงรู้ด้วยเหมือนกัน ดังนั้น จึงทำให้มีผู้เรียกพระธรรมวินัยหรือคำสั่งสอนของพระองค์ว่า "พระพุทธศาสนา" แปลว่า "ศาสนาของผู้รู้แจ้ง - ศาสนาของผู้ (ปฏิบัติเพื่อ) หลุดพ้นจากกิเลสทั้งมวล"
การออกผนวช
เหตุการณ์การออกผนวชจากหลักฐานชั้นต้น คือ พระไตรปิฎก กล่าวว่า เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะอายุได้ 29 พรรษา ได้ทรงปรารภเหตุคือ ความแก่ เจ็บ ตาย ที่มีอยู่ทุกคนเป็นธรรมโลก ไม่มีใครจะรอดพ้นไปได้ แต่เพราะว่ามิได้ฟังคำสั่งสอนของผู้รู้ จึงทำให้มัวแต่มานั่งรังเกียจเหตุเหล่านั้นว่าเป็นของไม่ควรคิด ไม่ควรสนใจ ทำให้คนเราทั้งหลาย มัวมาแต่ลุ่มหลงอยู่ในกิเลสทั้งหลายเพราะความเมา 3 ประการ คือ เมาว่าตัวยังหนุ่มยังสาวอยู่อีกนานกว่าจะแก่ 1 เมาว่าไม่มีโรคอยู่และโรคคงจะไม่เกิดแก่เรา 1 เมาว่าชีวิตเป็นของยั่งยืน 1 มัวแต่ใช้ชีวิตทิ้งไปวัน ๆ กล่าวคือ ทรงดำริว่า
...มนุษย์ทั้งหลายมีความทุกข์เกิดขึ้นครอบงำอยู่ตลอดเวลาก็จริง เกลียดความทุกข์อยู่ตลอดเวลาก็จริง
แต่ทำไมมนุษย์ทั้งหลายยังมัวแสวงหาทุกข์ร้อนใส่ตัวอยู่ตลอดเวลา แล้วทำไม เราต้องมามัวนั่งแสวงหาทุกข์ใส่ตัว (ให้โง่) อยู่อีกเล่า!— สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. ปาสราสิสุตฺต โอปทฺทมวคฺค อุปริ. ม. มู. ม. 12/316/316
ด้วยความคิดเช่นนี้ ทำให้เจ้าชายสิทธัตถะถึงกับตั้งพระทัยออกผนวชด้วยดำริว่า
เมื่อรู้ว่าการเกิดมี (ทุกข์) เป็นโทษแล้ว เราพึงแสวงหา "นิพพาน" อันไม่มีความเกิด อันเป็นธรรมที่เกษมจากเครื่องร้อยรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าเถิด
— สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. ปาสราสิสุตฺต โอปทฺทมวคฺค มู. ม. 12/316/316
นอกจากนี้ ในสคารวสูตร มีพระพุทธพจน์ตรัสสรุปสาเหตุที่ทำให้ทรงตั้งพระทัยออกบรรพชาไว้สั้น ๆ ว่า
ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, ส่วนบรรพชาเป็นโอกาสแสงสว่าง; ผู้อยู่ครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียว เหมือนสังข์ที่เขาขัดดีแล้ว, โดยง่าย นั้นไม่ได้. ถ้าไฉนเราพึงปลงผมและหนวด ครองผ้าย้อมน้ำฝาดออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีประโยชน์เกี่ยวข้องด้วยเรือน เถิด
— สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. สคารวสุตฺต พฺราหฺมณวคฺค ม. มู.13/669/738
ด้วยเหตุดังกล่าวทั้งหลายนี้พระองค์จึงทรงตั้งพระทัยเสด็จออกผนวช โดยการเสด็จออกผนวชตามนัยพระไตรปิฎกนั้น มิได้ทรงหนีออกจากพระราชวัง แต่เสด็จออกผนวชต่อหน้าพระราชบิดาและพระราชมารดาเลยทีเดียว ดังในโพธิราชกุมารสูตร ราชวรรค ว่า
...เรายังหนุ่มเทียว เกสายังดำจัด บริบูรณ์ด้วยเยาว์อันเจริญในปฐมวัย, เมื่อบิดามารดาไม่ปรารถนาด้วย กำลังพากันร้องไห้ น้ำตานองหน้าอยู่ เราได้ปลงผมและหนวด ครองผ้าย้อมฝาด ออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีเรือนแล้ว...
— สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. โพธิราชกุมารสุตฺต ราชวคฺค ม. มู. 13/443/489
ตรัสรู้
แสวงหาอาจารย์
เมื่อทรงออกผนวชแล้ว พระองค์ทรงเข้าศึกษาในสำนักลัทธิต่าง ๆ เช่น สำนักอาฬารดาบส รามบุตร และสำนักอุทกดาบส รามโคตร ได้บรรลุสมาบัติ 8 สิ้นความรู้เจ้าสำนักทั้งสอง แต่พระองค์ยังไม่ทรงพอพระทัยเพราะสมาบัติทั้ง 8 นั้น ไม่สามารถทำให้พระองค์ตรัสรู้ได้ จึงทรงออกจากสำนักของอาจารย์ทั้งสอง เสด็จไปถึงตำบลอุรุเวลาเสนานิคม เป็นสถานที่รมณียสถาน มีป่าชัฏ แม่น้ำใสสะอาด และมีโคจรคาม (สถานที่บิณฑบาต) อยู่โดยรอบ จึงทรงตั้งพระทัยที่จะบำเพ็ญเพียรอยู่ ณ ที่แห่งนี้
บำเพ็ญทุกกรกิริยา
ในช่วงแรกนั้น พระองค์ทรงบำเพ็ญเพียรทางกาย คือ "" คือ การบำเพ็ญเพียรที่นักพรตผู้บำเพ็ญตบะในสมัยนั้นยกย่องว่าเป็นยอดของการบำเพ็ญเพียรทั้งปวง 3 ประการ โดยในระหว่างบำเพ็ญเพียร ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ ผู้เป็นพราหมณ์ (โกณฑัญญะ) และบุตรแห่งพราหมณ์ (ปัญจวัคคีย์ที่เหลือ) ที่ได้ร่วมงานทำนายลักษณะมหาบุรุษแห่งเจ้าชายสิทธัตถะ (ในคราว 5 วันหลังจากประสูติ) ว่า "ถ้าเจ้าชายสิทธัตถะออกผนวช จักได้เป็นศาสดาเอกของโลก" เมื่อท่านเหล่านั้นได้ทราบข่าวการออกผนวชของเจ้าชายสิทธัตถะ จึงชักชวนกันออกบวชเพื่อตามหาเจ้าชาย และได้พบเจ้าชายสิทธัตถะในขณะกำลังบำเพ็ญทุกกรกิริยาจึงคอยเฝ้าอยู่ปฏิบัติ ต่อมา เมื่อพระองค์ได้ทรงบำเพ็ญเพียรถึงขั้นยวดยิ่งแล้วแต่ยังไม่ตรัสรู้ พระองค์ได้ทราบอุปมาแห่งพิณ 3 สาย ว่าการปฏิบัติเช่นนี้เป็นหนทางอันสุดโต่งเกินไป จึงได้ละทุกกรกิริยาเสีย หันกลับมาเสวยอาหาร เหล่าปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 จึงคิดว่าพระองค์ทรงคลายความเพียรทางกายด้วยทุกกรกิริยา ไม่มีโอกาสตรัสรู้ได้ จึงพาพวกละทิ้งพระองค์ไปอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี
วันตรัสรู้
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะกลับมาเสวยพระกระยาหารจนพระวรกายกลับมามีพระกำลังขึ้นเหมือนเดิมแล้ว จึงทรงเปลี่ยนมาเริ่มบำเพ็ญเพียรทางใจต่อไป จนล่วงเข้าเช้าวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนวิสาขมาส หลังบรรพชาได้ 6 ปี นางสุชาดา ธิดานายบ้านอุรุเวลาเสนานิคม ได้นำข้าวมธุปายาสไปถวายพระองค์ขณะประทับอยู่ ณ ต้นไทรใกล้กับบ้านของนาง ด้วยคิดว่าพระองค์เป็นเทวดา เพราะวันนั้นพระองค์มีรัศมีผ่องใส จนเมื่อทรงรับเสวยข้าวมธุปายาสแล้วจึงได้ทรงนำถาดทองคำไปอธิษฐานลอยในแม่น้ำเนรัญชรา
จวบจนเวลาเย็น ได้ทรงรับถวายหญ้าคา (หญ้ากุศะ) 8 กำมือ จากนายโสตถิยะพราหมณ์ ทรงนำไปปูลาดเป็นโพธิบัลลังก์ ณ ใต้ต้นอัสสถะพฤกษ์ (หลังจากการตรัสรู้จึงได้ชื่อใหม่ว่า "ต้นพระศรีมหาโพธิ์" หรือ "ต้นโพธิ์") ต้นหนึ่ง ริมฝั่งน้ำเนรัญชรา ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก หันพระปฤษฏางค์ (หลัง) ไปทางลำต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทรงอธิษฐานในพระทัยว่า
...หนัง เอ็น กระดูก จักไม่เหลืออยู่ เนื้อและเลือดในสรีระ จักเหือดแห้งไปก็ตามที เมื่อยังไม่ลุถึงประโยชน์อันบุคคลจะลุได้ด้วยกำลังของบุรุษ (การตรัสรู้) ด้วยความเพียรของบุรุษ (มนุษย์) ด้วยความบากบั่นของบุรุษแล้ว จักหยุดความเพียรนั้นเสีย เป็นไม่มีเลย...
— สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. ปญิจมสุตฺต กมฺมกรณวคฺค ทุก. อํ 20/64/251
จากนั้น พญามารได้ยกพลเสนามารมาผจญ พระองค์ต้องต่อสู้ด้วยพระบารมี 10 ทัศ กล่าวในแง่ธรรมาธิษฐาน คือ ทรงต่อสู้กับกิเลสภายในใจจนทรงเอาชนะได้ด้วยพระบารมี คือ ความลำบากในการบำเพ็ญความดีทั้งปวง อันทรงได้สั่งสมมาตลอดแต่ครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ ทรงต่อสู้จนพญามารพ่ายแพ้ไปตอนพระอาทิตย์จะตกแล้ว พระองค์จึงทรงเริ่มเจริญสมถภาวนา ทำจิตใจให้เป็นสมาธิ จนบรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน ตามลำดับ แล้วทรงทำให้ฌานอันเป็นองค์แห่งปัญญา 3 ประการ เกิดขึ้นในยามทั้ง 3 คือ
- ปฐมยาม ทรงบรรลุ "ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ" คือ ทรงสามารถระลึกชาติได้
- มัชฌิมยาม ทรงบรรลุ "จุตูปปาตญาณ" คือ รู้การตายการเกิดของสัตว์ทั้งปวง หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่าได้ ทิพยจักษุญาณ คือ ตาทิพย์
- ปัจฉิมยาม พระองค์ได้ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท คือ ธรรมที่อาศัยซึ่งกันและกัน เกิดขึ้นเป็นเหตุเป็นผลของกันและกันต่อเนื่องเสมือนกับลูกโซ่ จนได้รู้แจ้งซึ่งอริยสัจธรรม 4 ประการ คือ
- ทุกข์ ความทุกข์ สภาวะที่ทนได้ยาก ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ (ปัญหา)
- สมุทัย สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ (สาเหตุของปัญหา)
- นิโรธ ความดับไปซึ่งต้นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ (จุดมุ่งหมายในการแก้ปัญหา)
- มรรค หนทางที่จะดับทุกข์ได้ (วิธีการแก้ปัญหา)
— สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาวาร. สํ. 19/528/1664
แล้วพระองค์จึงทรงบรรลุซึ่ง "อาสวักขยญาณ" คือ ความรู้เป็นเหตุสิ้นอาสวกิเลสทั้งปวง เมื่อนั้นจิตของพระองค์ก็หลุดพ้นจากกิเลสและอาสวะทั้งปวง ไม่มีความยึดถือมั่นด้วยตัณหาอุปาทาน อันเป็นการได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสมบูรณ์ ในยามที่ 3 แห่งคืนวิสาขมาส ก่อนพุทธศักราช 45 ปี
ตั้งแต่นั้น พระองค์ทรงได้รับการถวายพระนามบัญญัติโดยคุณนิมิตแห่งพระองค์ว่า "อรหํ" เป็นพระอรหันต์ผู้ห่างไกลจากกิเลสทั้งปวง และ "สมฺมาสมฺพุทฺโธ" เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ได้ตรัสรู้ชอบได้โดยลำพังพระองค์เอง หามีผู้ใดเป็นครูอาจารย์ไม่ ต่อมา พระองค์ได้ทรงนำสิ่งที่พระองค์ทรงรู้แจ้งในวันตรัสรู้นี้มาเผยแก่หมู่ชนทั้งหลาย พระองค์จึงทรงได้รับขนานพระนามว่า "สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า" สืบมา
วันปรินิพพาน
ทรงปลงพระชนมายุสังขาร
พระพุทธองค์ทรงปฏิบัติดำรงตนในฐานะพระบรมศาสดา เผยแผ่พระธรรมวินัย คือ พระพุทธศาสนาแก่พหูชนชาวชมพูทวีปเป็นเวลากว่า 45 ปี ทำให้พระศาสนาตั้งหลักฐานอย่างมั่นคง ณ ชมพูทวีปกว่าพันปี และพระพุทธศาสนาได้ขยายออกไปทั่วแผ่นดินเอเชียนับแต่นั้นมา จวบจนพระพุทธองค์มีพระชนมายุ 80 พรรษา มีพระวรกายชราภาพเสมือนคนทั่วไป พระองค์ตรัสว่า ศาสนาของพระองค์ได้ทรงตั้งมั่นแล้ว ทรงทำหน้าที่แห่งพระพุทธเจ้าบริบูรณ์แล้ว ในเวลาสามเดือนก่อนจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ขณะพระองค์ประทับอยู่ ณ ปาวาลเจดีย์ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เมืองเวสาลี ได้ตรัสอภิญญาเทสิตธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วพระองค์ทรงทำการว่า
...ภิกษุทั้งหลาย! บัดนี้ เราจักเตือนท่านทั้งหลาย: สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา..., ตถาคตจักปรินิพพาน โดยกาลล่วงไปแห่งสามเดือนจากนี้...
— สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาปรินิพฺพานสุตฺต มหา. ที. 10/142/109
เสด็จไปเมืองกุสินารา
จากนั้น พระองค์เสด็จไปบ้านภัณฑคาม บ้านหัตถิคาม จนเสด็จถึงเมืองปาวา โดยลำดับ ที่นี่พระองค์ได้ประทับที่สวนมะม่วงของนายจุนทะ กัมมารบุตร ทรงแสดงธรรมแก่นายจุนทะ และเสด็จไปรับบิณฑบาตในวันรุ่งขึ้น พระองค์ทรงอนุญาตรับบิณฑบาตเสวยสูกรมัททวะที่นายจุนทะจัดไว้ (ต่อจากนี้ พระองค์ประชวรด้วยโรคปักขันธิกาพาธอย่างกล้าจวบจนสิ้นพระชนมายุ) จากนั้น ได้เสด็จไปสู่เมืองกุสินารา ในกลางทางทรงพักที่ร่มไม้แห่งหนึ่ง รับสั่งให้พระอานนท์ปูลาดสังฆาฏิเพื่อเสวยน้ำดื่มและทรงสนทนากับปุกกุสสะ มัลละบุตร จนเกิดศรัทธาถวายผ้าเนื้อดีสองผืน ทรงรับสั่งให้นำมาห่มคลุมพระองค์ผืนหนึ่ง อีกผืนหนึ่งรับสั่งให้ถวายแก่พระอานนท์ เมื่อปุกกุสสะถวายผ้านั้นแล้วหลีกไป พระอานนท์ได้น้อมถวายผ้าของตนแก่พระพุทธเจ้า ได้เห็นพระวรกายของพระองค์ว่ามีพระฉวีผ่องใสยิ่งจึงได้ทูลถาม พระองค์ตรัสตอบว่า
...อานนท์! เป็นอย่างนั้น, กายของตถาคต ย่อมมีฉวีผุดผ่องในกาลสองครั้งคือ ในราตรีที่ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ, และราตรี ที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ.
อานนท์! การปรินิพพานของตถาคตจักมีในระหว่างต้นสาละคู่ ในสวนสาละอันเป็นที่พัก ของพวกมัลลกษัตริย์ ใกล้เมืองกุสินารา ในตอนปัจฉิมยามคืนนี้...— สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาปรินิพฺพานสุตฺต มหา. ที. 10/149/117
ประทับสีหไสยาสน์
เมื่อเสด็จถึงพระราชอุทยานของมัลลกษัตริย์ พระองค์ทรงให้พระอานนท์จัดที่บรรทมระหว่างต้นสาละคู่ ขณะทรงประทับสีหเสยยาสน์หันพระเศียรไปทางทิศเหนือ ได้เกิดอัศจรรย์ คือ ดอกาละผลิดอกผิดฤดูกาลโปรยลงบนพระสรีระ ดอกมณฑารพ จุรณ์ไม้จันทร์ ตกลงและดนตรีทิพย์บรรเลงขึ้นเพื่อบูชาแก่พระพุทธเจ้า เทวดาทั่วโลกธาตุได้มาประชุมกันเพื่อเห็นพระพุทธเจ้า บางองค์คร่ำครวญเสียใจด้วยอาการต่าง ๆ
ประทานพระปัจฉิมโอวาท
จากนั้น พระองค์ทรงอนุญาตให้พวกมัลละกษัตริย์เข้าเฝ้าและได้ตรัสแก้ปัญหาของสุภัททะปริพาชก จนเกิดศรัทธาขอบรรพชาด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทาเป็นพระสาวกองค์สุดท้ายในบรรดาสาวกที่ทันเห็นพระพุทธองค์ แล้วตรัสให้พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์เป็นผู้สืบศาสดาไว้ว่า
...อานนท์! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นองค์ศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว...
— สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาปรินิพฺพานสุตฺต มหา. ที. 10/149/117
จากนั้นตรัสพระโอวาทที่สำคัญ ๆ อีก 4-5 เรื่อง จนในที่สุดตรัสพระปัจฉิมโอวาทเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่า
...หนฺททานิ ภิกฺขเว อามนฺตยามิ โว วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ...
แปลว่า : ภิกษุทั้งหลาย! บัดนี้ เราจักเตือนพวกเธอทั้งหลายว่า "สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา. พวกเธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตนและท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด"— สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาปรินิพฺพานสุตฺต มหา. ที. 10/149/117
ปรินิพพาน
จากนั้น พระองค์ทรงนิ่งเงียบ หลับตา ทรงเข้าอนุปุพพวิหารสมาบัติ 9 มีรูปฌาน 4 คือ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน จากนั้นเป็นอรูปฌาน 4 คือ อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ (เรียกรวมเป็น สมาบัติ 8) และ นิโรธสมาบัติ 1 ชื่อเต็มคือสัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วย้อนลงมาตามลำดับจนถึงปฐมฌาน แล้วย้อนขึ้นอีกเป็น ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌานเป็นปัจฉิมสมาบัติ เมื่อออกจากจตุตถฌานจึง เสด็จดับขันธปรินิพพาน
พระพุทธองค์ตรัสถึงความดับสมุทัยอันเป็นเหตุแห่งความดับทุกข์ (เสด็จดับขันธปรินิพพาน) ไว้เมื่อคราวทรงพระชนม์อยู่ว่า
...ต้นไม้ เมื่อโคนต้นยังอยู่ ไม่มีอุปัทวะ แม้ถูกตัด (ส่วนบน) แล้วก็งอกได้อีกอยู่นั่น ฉันใดก็ดี แม้ทุกข์นี้ก็ฉันนั้น เมื่อตัณหานุสัยยังมิได้ถูกถอนทิ้งแล้ว ก็ได้เกิดร่ำไป...
— สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. ขุ. ธ. 25/338/138
กล่าวคือ พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานเพราะความดับไปแห่งสมุทัย คือ ได้ทรงถอนเสียสิ้นซึ่งต้นและราก กิเลสตัณหาอันเป็นสาเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวงนี้แล้วเมื่อในวันตรัสรู้ การเสด็จดับขันธปรินิพพานนี้จึงเป็นการตายครั้งสุดท้ายของพระพุทธองค์ โดย "สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ" (สิ้นตัณหาเมื่อคราวตรัสรู้ และสิ้นขันธ์ห้า เมื่อคราวปรินิพพาน)
เมื่อนั้นได้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ โลมชาติลุกขึ้นชูชัน กลองทิพย์บรรลือลั่นไปในอากาศ ไว้อาลัยแด่การจากไปของพระพุทธองค์ ผู้ทรงเป็นบรมครูของโลก กายของพระองค์สิ้นเชื้อคือตัณหาที่จะนำไปเกิดในภพใหม่ ครั้นกายแตกดับแล้ว ถึงความเป็นของว่าง ไม่มีอะไรเหลือสำหรับส่วนผสมของกายในภพต่อไป พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานในปัจฉิมราตรี วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ก่อนพุทธศักราช 1 ปี ตามการนับของไทย (หากเป็นกัมพูชาหรือพม่า จะนับเป็น พ.ศ. 1 ทันที ดูเพิ่มที่ พุทธศักราช)
พุทธสังเวชนียสถานเนื่องด้วยวันวิสาขบูชา
เหตุการณ์สำคัญทั้ง 3 เหตุการณ์ที่เกิดในวันวิสาขบูชา เกิดภายในบริเวณที่เรียกว่าชมพูทวีปในสมัยพุทธกาล หรือประเทศอินเดียและเนปาลในปัจจุบัน โดยสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงประสูติอยู่ที่ลุมพินีวัน ประเทศเนปาลในปัจจุบัน, สถานที่ตรัสรู้ อยู่ที่ พุทธคยา และสถานที่ปรินิพพานอยู่ที่ กุสินารา ประเทศอินเดียในปัจจุบัน โดย 2 ใน 3 ของพุทธสังเวชนียสถานที่เกี่ยวข้องกับวันวิสาขบูชาได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นแหล่งมรดกโลก
สถานที่เนื่องด้วยการประสูติ (ลุมพินีวัน)
ที่ตั้ง
ลุมพินีวันเป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญ 1 ใน 4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธ เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ซึ่งต่อมาตรัสรู้เป็นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่ที่อำเภอไภรวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล เป็นพุทธสังเวชนียสถาน 4 ตำบลเพียงแห่งเดียวที่อยู่นอกประเทศอินเดีย ตัวลุมพินีวันอยู่ใกล้กับชายแดนประเทศอินเดียตอนเหนือ ห่างจากสิทธารถนคร (หรือ นครเทวทหะ) ทางทิศตะวันตกประมาณ 22 กิโลเมตร และห่างจากเมืองติเลาราโกต (หรือ นครกบิลพัสดุ์) ทางทิศตะวันออก 22 กิโลเมตร ซึ่งถูกต้องตามตำราพระพุทธศาสนาที่กล่าวว่าลุมพินีวันสถานที่ประสูติ ตั้งอยู่ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์และเมืองเทวทหะ ปัจจุบัน ลุมพินีวันได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลก ประเภทมรดกทางวัฒนธรรม ตั้งแต่ พ.ศ. 2540
ลุมพินีวันในสมัยพุทธกาล
ในสมัยพุทธกาล ลุมพินีวันอยู่ในเขตแห่งดินแดนที่เรียกว่าชมพูทวีป ตั้งอยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์ เมืองหลวงของพระเจ้าสุทโธทนะ และกรุงเทวทหะ เมืองหลวงของพระเจ้าชนาธิป เป็นพระราชอุทยานลาดลุ่มร่มรื่นกึ่งกลางระหว่างทางสำหรับพักผ่อนหย่อนใจของกษัตริย์และประชาชน สภาพของลุมพินีวันในสมัยนั้นอาจจะพิจารณาได้จากคัมภีร์วิสุทธชนวิลาสินี อรรถกถาขุททกนิกาย อปทาน ได้พรรณนาเป็นภาษาบาลีไว้ว่า
"ทวินฺนํ ปน นครานํ อนฺตเร อุภยนครวาสีนมฺปิ ลุมพินีวนํ นาม มงฺคลสาลวนํ อตฺถิ, ตสฺมึ สมเย มูลโต ปฏฺฐาย ยาว อคฺคสาขา สพฺพํ เอกปาลิผุลฺลํ อโหสิ สาขนฺตเรหิ เจว ปุปฺผนฺตเรหิ จ ปญฺจวณฺณา ภมรคณา นานปฺปการา จ สกุณสงฺฆา มธุรสฺสเรน วิกูชนฺตา สกลํ ลุมฺพินีวนํ จิตฺตลตาวนสทิสํ ฯเปฯ"
แปลว่า: "ในระหว่างเมืองทั้งสอง มีป่าสาละชื่อลุมพินีวันอันเป็นมงคล สมัยนั้นสาละทั้งหมดล้วนมีดอกออกสะพรั่งเป็นแนวเดียวกัน แต่รากจนสุดปลายกิ่ง ตามกิ่งก้านสาขาและดอกนั้นล้วนมีหมู่ภมรนานาชนิด และหมู่นกหลากหลายชนิดส่งเสียงกู่ร้องประสานสำเนียง ดังทั่วทั้งป่า ลุมพินีวันนั้นจึงประดุจเช่นเดียวกับสวนจิตรลดา (อันมีในดาวดึงสเทวโลก) ฉะนั้น ฯลฯ"
— วิสุทฺธชนวิลาสินี 1, หน้า 64
หลังจากการประสูติของพระพุทธองค์แล้ว ไม่ปรากฏหลักฐานอื่นว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จมา ณ ที่แห่งนี้แต่อย่างใด แม้พระพุทธเจ้าจะได้เสด็จมา ณ กรุงกบิลพัสดุ์ ก็ประทับที่นิโครธารามที่พระประยูรญาติจัดถวายหาได้มาประทับหรือแสดงธรรม ณ ลุมพินีวันอีกไม่ เนื่องเพราะลุมพินีวันนั้นเป็นอุทยานไม่มีผู้คนอาศัยนั่นเอง
ลุมพินีวันหลังพุทธปรินิพพาน
หลังพุทธปรินิพาน กษัตริย์ซึ่งได้รับส่วนแบ่งแห่งพระบรมสารีริกธาตุ ได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ในสถูปแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากลุมพินีวันนัก จวบจนพุทธศักราชได้ 294 ปี พระเจ้าอโศกมหาราชได้เสด็จนมัสการพุทธสังเวชนียสถานทั่วทั้งชมพูทวีป พร้อมด้วยพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ (หรือพระอุปคุต) ได้เสด็จมานมัสการ ณ ลุมพินีนี้ พระองค์โปรดฯ ให้พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระนำทางและชี้จุดที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ แล้วทรงสร้างอาราม พระเจดีย์และเสาศิลาจารึกไว้เป็นสัญลักษณ์ว่า ลุมพินีวันนี้มีความสำคัญอย่างไร ซึ่งเสาศิลาหินทรายของพระเจ้าอโศกยังคงตั้งอยู่ ณ ที่เดิมจนถึงปัจจุบัน
หลังจากยุคของพระเจ้าอโศกมหาราช เรื่องราวของลุมพินีวันได้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาเกือบ 700 ปี โดยไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่สามารถสืบค้นถึงความเป็นไปของลุมพินีวันในช่วงนี้ได้ จนในประมาณ พ.ศ. 900 ได้เดินทางจากประเทศจีนมาถึงลุมพินีวัน ท่านได้กล่าวไว้สั้น ๆ เพียงว่าได้พบบ่อสรงสนาน และระบุที่ตั้งของลุมพินีวันว่าอยู่ไกลจากกรุงกบิลพัสดุ์ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 14-16 กิโลเมตร
ต่อมา ใน พ.ศ. 1181 สมณะเฮี้ยนจัง หรือ พระถังซำจั๋ง ได้เดินทางมาถึงลุมพินีวัน โดยได้ทำการการจดบันทึกระบุที่ตั้งสถานที่ต่าง ๆ ในลุมพินีวันไว้คร่าว ๆ ท่านได้กล่าวถึงบ่อสรงสนาน ซึ่งคงเป็นบ่อเดียวกับที่สมณะฟาเหียนกล่าวไว้ในบันทึก ซึ่งบ่อนี้ยังคงมีอยู่มาจนปัจจุบัน และกล่าวว่าไม่ไกลจากบ่อนั้นไปประมาณ 24 ก้าว มีต้นสาละต้นหนึ่ง เชื่อกันว่าเป็นจุดที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ จากจุดนั้นไปทางใต้มีเจดีย์องค์หนึ่ง เชื่อกันว่าเป็นจุดที่พระอินทร์เสด็จจากสวรรค์ลงมาต้อนรับพระราชโอรสที่ประสูติใหม่ ใกล้ ๆ กันมีเจดีย์อีกสี่องค์ ที่สร้างไว้เพื่อถวายแก่ท้าวจตุโลกบาล ที่ทำหน้าที่ถวายอภิบาลพระโอรสประสูติใหม่ และใกล้กันนั้นมีเสาอโศกรูปสิงห์ประดิษฐานอยู่บนยอด
ใน พ.ศ. 2438-2439 เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮมและคณะ ได้ค้นพบเสาศิลาพระเจ้าอโศกซึ่งถูกฝังดินไว้และพบจารึกเป็นอักษรพราหมีระบุว่าที่แห่งนี้คือสถานที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ จากนั้นจึงเริ่มมีการขุดค้นทางโบราณคดี โดยพบซากปรักหักพังจำนวนมาก ซากสถูปกว่า 50 องค์ และซากวิหารอาราม มีอายุตั้งแต่สมัยราชวงศ์โมริยะ ราชวงศ์ศุงคะ ราชวงศ์กุษาณะ และสมัยคุปตะ (ประมาณ พ.ศ. 300 - พ.ศ. 950)
จุดแสวงบุญและสภาพของลุมพินีวันในปัจจุบัน
ปัจจุบัน ลุมพินีวันได้รับการบูรณะและมีถาวรวัตถุสำคัญที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะ คือ "เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช" ที่ระบุว่าสถานที่นี้เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ นอกจากนี้ ยังมี "วิหารมายาเทวี" ภายในประดิษฐานภาพหินแกะสลักพระรูปพระนางสิริมหามายาประสูติพระราชโอรส โดยเป็นวิหารเก่ามีอายุร่วมสมัยกับเสาหินพระเจ้าอโศก ปัจจุบัน ทางการเนปาลได้สร้างวิหารใหม่ทับวิหารมายาเทวีหลังเก่า และได้ขุดค้นพบศิลาจารึกรูปคล้ายรอยเท้า สันนิษฐานว่าเป็นจารึกรอยเท้าก้าวที่เจ็ดของเจ้าชายสิทธัตถะที่ทรงดำเนินได้เจ็ดก้าวในวันประสูติ
ลุมพินีวันได้รับการพัฒนาจากชาวพุทธทั่วโลก โดยเฉพาะจากโครงการฟื้นฟูพุทธสถานลุมพินีวันให้เป็น "พุทธอุทยานทางประวัติศาสตร์ของโลก" ซึ่งเป็นดำริของ อู ถั่น ชาวพุทธพม่า ในสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ท่านตั้งใจเริ่มโครงการฟื้นฟูให้ลุมพินีวันเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวพุทธบนพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้ากว่า 6,000 ไร่ (ขนานตามแนวเหนือใต้) แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนสำหรับปลูกป่าและสร้างวัดพุทธนานาชาติจากทั่วโลกกว่า 41 ประเทศ โดยโบราณสถานลุมพินีวันตั้งอยู่ทางด้านใต้ ปัจจุบัน มีวัดไทยและวัดพุทธทั่วโลกไปสร้างอยู่จำนวนมากและมีขนาดใหญ่โต เพื่อรองรับพุทธศาสนิกชนที่มาสักการะแสวงบุญ
ใน พ.ศ. 2540 ลุมพินีวันได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นแหล่งมรดกโลก ภายใต้ชื่อ "ลุมพินี สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า" ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 21 ที่เมืองนาโปลี ประเทศอิตาลี อีกด้วย
- ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ภายในปริมณฑลลุมพินีวัน
- รอยพระพุทธบาทหินสลัก ภายในวิหารมหามายาเทวี (ใหม่)
- วัดพุทธนานาชาติ ภายในพุทธอุทยานลุมพินีวัน
- ดวงไฟแห่งสินติภาพ ภายในพุทธอุทยานทางประวัติศาสตร์ของโลก สวนลุมพินีวัน
สถานที่เนื่องด้วยการตรัสรู้ (พุทธคยา)
ที่ตั้ง
พุทธคยานับเป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญที่สุดและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวพุทธทั่วโลกเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของพระพุทธศาสนา โดยเป็นสถานที่ที่เจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า นับเป็นเวลากว่า 2,500 ปีที่สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของจุดหมายในการแสวงบุญของชาวพุทธผู้มีศรัทธาทั่วโลก พุทธคยามีชื่อเรียกอีกชื่อว่า วัดมหาโพธิ์ (Mahabodhi Temple) ตั้งอยู่ที่จังหวัดคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ห่างจากริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา 350 เมตร ในอดีตตำบลที่ตั้งพุทธคยามีชื่อว่า อุรุเวลาเสนานิคม ต่อมา จึงเพี้ยนเป็น อุเรล ปัจจุบัน พุทธคยาอยู่ในความดูแลของคณะกรรมการร่วมพุทธ-ฮินดู2 และยังได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลก ประเภทมรดกทางวัฒนธรรม ตั้งแต่ พ.ศ. 2545
พุทธคยาในสมัยพุทธกาล
ในสมัยพุทธกาล พุทธคยาอยู่ในดินแดนที่เรียกว่าชมพูทวีป ตั้งอยู่ในหมู่บ้านนิคมชื่อว่าอุรุเวลา ในแคว้นมคธ เป็นสถานที่ที่ร่มรื่น (รมณียสถาน) สะดวกด้วยโคจรคาม เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรทางจิต สภาพของพุทธคยาในสมัยพุทธกาลอาจจะพิจารณาได้จากพุทธพจน์ในพระไตรปิฎกที่ได้ตรัสกับโพธิราชกุมาร ในโพธิราชกุมารสูตร ราชวรรค มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงพรรณาถึงตำบลอุรุเวลาเสนานิคมไว้ว่า
ราชกุมาร! เรานั้นเมื่อหลีกไปจากสำนักอุทกผู้รามบุตรแล้ว แสวงหาอยู่ว่าอะไรเป็นกุศล ค้นหาแต่สิ่งที่ประเสริฐฝ่ายสันติอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า, เที่ยวจาริกไปตามลำดับหลายตำบลในมคธรัฐ จนบรรลุถึงตำบล อุรุเวลาเสนานิคม พักแรมอยู่ ณ ตำบลนั้น. ณ ที่นั้น เราได้พบภาคพื้นรมณียสถาน มีชัฏป่าเยือกเย็น แม่น้ำใสเย็นจืดสนิท มีท่าน้ำราบเรียบเป็นอันดีน่าเพลินใจ มีบ้านสำหรับโคจรตั้งอยู่โดยรอบ. ราชกุมาร! เราได้เห็นแล้ว เกิดความรู้สึกว่า "ภูมิภาคนี้น่ารื่นรมย์จริง ชัฏป่าเย็นเยือก แม่น้ำไหลใสเย็นจืดสนิท มีท่าน้ำราบเรียบเป็นอันดีน่าเพลินใจ ทั้งที่โคจรก็ตั้งอยู่โดยรอบ, ที่นี้สมควรเพื่อจะตั้งความเพียรของกุลบุตรผู้ต้องการด้วยความเพียร" ดังนี้. ราชกุมาร! เรานั่งพักอยู่ ณ ตำบลนั้นเอง ด้วยคิดว่าที่นี้สมควรแล้วเพื่อการตั้งความเพียร ดังนี้.
— สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. โพธิราชกุมารสุตฺตํ ราชวคฺค ม. ม. 13/448/491
เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้แล้ว พระองค์ก็ได้ประทับอยู่ ณ พุทธคยา เพื่อเสวยวิมุตติสุข (ความสุขอันเกิดจากความหลุดพ้น) อยู่ 7 สัปดาห์ และเกิดเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ณ โพธิมณฑลแห่งนี้ภายในเวลา 7 สัปดาห์ดังกล่าว ซึ่งรวมถึงเรื่องราวของตปุสสะและภัลลิกะ 2 พ่อค้า ที่เดินทางผ่านมาเห็นพระพุทธองค์มีพระวรกายผ่องใส จึงเข้ามาถวายข้าวสัตตุผลและสัตตุก้อน แล้วแสดงตนเป็นเทววาจิกอุบาสก ผู้ถึงพระพุทธและพระธรรมเป็นสรณะคู่แรกของโลก3
หลังจากการตรัสรู้และเสวยวิมุตติสุขของพระพุทธองค์แล้ว ไม่ปรากฏหลักฐานว่าพระพุทธองค์เสด็จมา ณ ที่แห่งนี้แต่อย่างใด มีกล่าวถึงในอรรถกถาแต่เมื่อคราวพระอานนท์มา ณ พุทธคยา เพื่อนำเมล็ดพันธุ์ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่เจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้กลับไปปลูก ณ วัดพระเชตวัน เมืองสาวัตถี ตามความต้องการของอนาถบิณฑิกเศรษฐี ซึ่งปรารถนาให้มีสิ่งเตือนใจเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปประทับที่อื่น ต้นโพธิ์ต้นที่อยู่ ณ วัดพระเชตวัน จึงได้ชื่อว่า "อานันทโพธิ์" และยังคงยืนต้นมาจนถึงปัจจุบัน
พุทธคยาหลังพุทธปรินิพพาน
บริเวณกลุ่มพุทธสถานพุทธคยา อันเป็นอนุสรณียสถานระลึกถึงการตรัสรู้ของพระพุทธองค์นั้น เริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่สมัย พระเจ้าอโศกมหาราช4 และสร้างต่อเติมเรื่อยมาโดยกษัตริย์ชาวพุทธในอินเดีย พระองค์ต่อ ๆ มา จนกระทั่ง เมื่อกองทัพมุสลิมบุกเข้ามาโจมตีอินเดีย พุทธคยาจึงถูกปล่อยให้รกร้างไม่มีผู้คอยเฝ้าดูแล
สำหรับความเป็นไปของต้นพระศรีมหาโพธิ์ตรัสรู้นั้น ต้นแรกเป็นสหชาติกับพระพุทธเจ้า (เกิดในวันเดียวกับวันที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ) มีอายุมาได้ 352 ปี จนถึงสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช จึงถูกทำลายโดยพระชายาของพระเจ้าอโศกมหาราช เพราะความอิจฉาที่พระเจ้าอโศกรักและหวงแหนต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้จนไม่สนใจพระนาง ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สองนั้น ปลูกโดยพระเจ้าอโศกมหาราชจากหน่อพระศรีมหาโพธิ์ต้นเดิม และมีอายุยืนมาประมาณ 871-891 ปี จนถูกทำลายในประมาณ พ.ศ. 1143-1163 ด้วยน้ำมือของพระราชาฮินดูแห่งเบงกอลพระนามว่า ศศางกา ซึ่งพระองค์อิจฉาพระพุทธศาสนาที่มีความรุ่งเรืองมาก จึงทรงแอบนำกองทัพเข้ามาทำลายต้นโพธิ์ต้นนี้ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สามนั้นปลูกโดยพระเจ้าปูรณวรมา กษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์เมารยะ และต้นที่สามนี้มีอายุยืนมากว่า 1,258-1,278 ปี จึงล้มลงในสมัยที่อินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สี่ ที่ยังคงยืนต้นมาจนปัจจุบัน ปลูกโดยนายพลเซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม เมื่อ พ.ศ. 2423
สำหรับความเป็นไปขององค์พระมหาโพธิเจดีย์นั้น พระเจ้าหุวิชกะ (Huvishka) มีพระราชศรัทธาสร้างมหาเจดีย์ถวายเป็นพุทธบูชา ใน พ.ศ. 694 เพื่อเป็นสถานที่สักการะสำหรับพุทธบริษัท โดยได้สร้างเป็นพระเจดีย์รูปทรงสี่เหลี่ยมทรงรีสวยงามติดกับพระแท่นวัชรอาสน์ทางทิศตะวันออก มี 2 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นสถานที่กราบนมัสการและชั้นบนเป็นห้องเจริญภาวนา ลักษณะของพระมหาโพธิเจดีย์มีเอกลักษณ์เฉพาะและตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ของมหาโพธิมณฑลมากว่าสองพันปี ในบางช่วงพระราชาแห่งแคว้นต่าง ๆ ได้เข้ามาทำนุบำรุงอยู่เสมอ และได้รับการบูชารักษาจากชาวพุทธมาตลอด แต่มาขาดตอนไปเมื่อช่วงพันกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากแผ่นดินอินเดียแถบนี้ถูกคุกคามจากสงครามและการเสื่อมถอยของพระพุทธศาสนา พุทธคยาจึงถูกปล่อยทิ้งร้างและถูกชาวฮินดูเข้าครอบครอง รวมทั้ง แปลงมหาโพธิเจดีย์เป็นเทวสถาน
โดยเหตุการณ์ที่พุทธคยาถูกชาวฮินดูครอบครองนั้น เริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2133 จากการที่นักบวชฮินดูชื่อ โคเสนฆมัณฑิคีร์ ได้เดินทางมาถึงพุทธคยาและได้ตั้งสำนักเล็ก ๆ ใกล้กับพระมหาโพธิเจดีย์ เมื่ออยู่ไปนาน ๆ จึงกลายเป็นเจ้าของที่ไปโดยปริยาย (มีผู้กล่าวว่า พราหมณ์มหันต์นี้ คือ นักธุรกิจการค้าที่มาในรูปนักบวชฮินดู กล่าวกันว่าติดอันดับมหาเศรษฐี 1 ใน 5 ของรัฐพิหาร ผู้นำของมหันต์องค์ที่ 15 ในปัจจุบันก็มีการสืบทอดมาตั้งแต่โคเสณฆมัณฑิคีร์) ซึ่งการที่พราหมณ์มหันต์เข้ามาครอบครองพุทธคยานั้นก็ไม่ได้ดูแลพุทธคยาแต่อย่างไร
สภาพอันเสื่อมโทรมของพุทธคยานั้น อาจพิจารณาได้จากข้อความในบทความของท่านเซอร์ เอดวินด์ อาโนลด์ (Sir Edwin Arnold) ผู้เรียบเรียงหนังสือพุทธประวัติภาษาอังกฤษที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และกล่าวกันว่าเป็นพุทธประวัติฉบับภาษาอังกฤษที่มีความไพเราะ ละน่าเลื่อมใสมาก คือ ซึ่งท่านเซอร์ได้เดินทางไปที่พุทธคยาและพบกับความน่าเศร้าสลดใจหลายประการ ท่านได้เขียนบทความ "EAST and West ; A Splendid Opportunity" (ตะวันตกและตะวันออก โอกาสแจ่มจรัส โอกาสแห่งความรุ่งโรจน์) ไว้ โดยกล่าวถึงสาเหตุของการที่พุทธสถานในอินเดียถูกทอดทิ้งเพราะความเสื่อมถอยของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านได้พรรณาถึงความเสื่อมโทรมอย่างหนักและการขาดการเอาใจใส่จากพราหมณ์มหันต์ซึ่งครอบครองพุทธคยาอยู่ ท่านกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า "ชาวพุทธทั่วโลกได้ลืมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นศูนย์กลางที่ยิ่งใหญ่แห่งศรัทธาของตน ที่มีความสำคัญได้เช่นเดียวกับนครเมกกะและเยรูซาเล็ม (Mecca and Jeruzaiem)" ซึ่งบทความนี้ได้ตีพิมพ์ไปทั่วโลกและเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวพุทธทั่วโลกเริ่มเข้ามาหาทางบูรณะพุทธสถานต่าง ๆ ในอินเดีย
ใน พ.ศ. 2417 พระเจ้ามินดง กษัตริย์แห่งพม่า ได้ส่งคณะทูตมายังอุปราชแห่งอินเดียเพื่อขอทำการบูรณปฏิสังขรณ์พระวิหารและจัดการบางประการเพื่อดูแลรักษาแห่งนี้ เมื่อได้รับความยินยอมจากพวกมหันต์และรัฐบาลอินเดีย จึงเริ่มทำการบูรณะ ทางรัฐบาลอินเดียได้ส่งนายพลเซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม กับ ดร.ราเชนทรลาละ มิตระ เข้าเป็นผู้ดูแลกำกับการบูรณะ เมื่อคณะผู้แทนจากพม่าจำเป็นต้องเดินทางกลับ ทางรัฐบาลอินเดียจึงรับงานบูรณะทั้งหมดมาทำแทนและเสร็จสมบูรณ์ ใน พ.ศ. 2427
พ.ศ. 2434อนาคาริก ธรรมปาละ ชาวพุทธศรีลังกา ได้จัดตั้งสมาคมมหาโพธิ์และเริ่มดำเนินการเรียกร้องให้พุทธคยากลับมาเป็นของชาวพุทธ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียกร้องให้ประเทศพระพุทธศาสนาทั่วโลกให้ความสนใจในการบูรณะและฟื้นฟูพุทธคยา
จนกระทั่ง ใน พ.ศ. 2500 รัฐบาลอินเดียได้เฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2500 (วิสาขบูชากึ่งพุทธกาล) โดย เยาวหรลาล เนรูห์ นายกรัฐมนตรีแห่งอินเดีย ได้เชิญชวนให้ประเทศพุทธศาสนาทั่วโลกมาสร้างวัดไว้ในดินแดนต้นพุทธอุบัติภูมิ ซึ่งประเทศไทยโดยการนำของจอมพล แปลก พิบูลสงคราม ได้ตอบรับและดำเนินการสร้างวัดเป็นชาติแรกตั้งแต่ พ.ศ. 2500 และประเทศชาวพุทธอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น พม่า เกาหลี จีน ศรีลังกา ธิเบต ฯลฯ ได้ดำเนินการสร้างวัดต่อมาตามลำดับ โดยรัฐบาลอินเดียได้มีส่วนสำคัญในการบูรณะพุทธคยาอย่างต่อเนื่องจนมีสภาพดังที่เห็นในปัจจุบัน
จุดแสวงบุญและสภาพของพุทธคยาในปัจจุบัน
พุทธคยาในปัจจุบันเป็นพื้นที่อยู่ต่ำกว่าพื้นปกติเหมือนหลุมขนาดใหญ่ เนื่องจากผ่านระยะเวลากว่าสองพันปี ดินและตะกอนจากแม่น้ำได้ทับถมจนพื้นที่ในบริเวณนี้สูงขึ้นกว่าในสมัยพุทธกาลหลายเมตร ทำให้ในปัจจุบันผู้ไปนมัสการสังเวชนียสถานแห่งนี้ต้องเดินลงบันไดกว่าหลายสิบขั้น เพื่อถึงระดับพื้นดินเดิมที่เป็นฐานที่ตั้งพุทธสถานโบราณ
ปัจจุบัน พุทธคยาได้รับการบูรณะและมีถาวรวัตถุที่สำคัญ ๆ ที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะ คือ "พระมหาโพธิเจดีย์" อนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นเจดีย์ 4 เหลี่ยม สูง 170 ฟุต วัดโดยรอบฐานได้ 121.29 เมตร ภายในประดิษฐาน "พระพุทธเมตตา" พระพุทธรูปที่รอดจากการถูกทำลายจากพระเจ้าศศางกา พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบศิลปะปาละ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธทั่วโลก "พระแท่นวัชรอาสน" แปลว่า พระแท่นมหาบุรุษใจเพชร สร้างด้วยวัสดุหินทรายเป็นรูปหัวเพชรสี่เหลี่ยม กว้าง 4.10 นิ้ว 7.6 นิ้ว หนา 5 นิ้วครึ่ง ประดิษฐานอยู่ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นพระแท่นจำลองขึ้นทับพระแท่นเดิมเพื่อเป็นหลักฐานยืนยังว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ณ จุดนี้ ปัจจุบัน ประชาชนและรัฐบาลประเทศศรีลังกาได้อุทิศสร้างกำแพงแก้ว ทำด้วยทองคำแท้ ประดิษฐานรอบต้นพระศรีมหาโพธิ์และพระแท่นวัชรอาสน์ นอกจากนี้ บริเวณพุทธคยาและโดยรอบยังมีสถานที่สำคัญมากมาย เช่น กลุ่มพระเจดีย์เสวยวิมุตติสุข สระมุจลินทร์ บ้านนางสุชาดา ถ้ำดงคสิริ (สถานที่เจ้าชายสิทธัตถะบำเพ็ญทุกกรกิริยา) วัดพุทธนานาชาติ เป็นต้น
ต่อมา ชาวพุทธทั่วโลกได้ร่วมเสนอขอให้พุทธคยาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก จนใน พ.ศ. 2545 ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกจึงพิจารณาให้พุทธคยาเป็นแหล่งมรดกโลก ปัจจุบัน พุทธคยานับได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญที่สุดของนักแสวงบุญชาวพุทธทั่วโลก โดยแต่ละปีจะมีผู้แสวงบุญนับล้านคนเดินทางมานมัสการมหาพุทธสถานแห่งนี้ ในฐานะที่เป็นสังเวชนียสถานศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่สุดของชาวพุทธ สถานที่อันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งพระพุทธศาสนา และสถานที่ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมมหาศาสดาของชาวพุทธทั้งมวล
- เครื่องพุทธบูชาทองคำของพระเจ้าหุวิชกะ (กษัตริย์ผู้สร้างมหาโพธิเจดีย์) ที่พบในพุทธคยา
- พระพุทธรูป "พระพุทธเมตตา" ในมหาโพธิเจดีย์ สร้างในสมัยปาละด้วยหินแกรนิตสีดำ มีอายุกว่า 1,400 ปี
- พระสงฆ์สวดมนต์ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์
- ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เหนือพระแท่นวัชรอาสนพุทธบัลลังก์ สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
สถานที่เนื่องด้วยการปรินิพพาน (กุสินารา)
ที่ตั้ง
กุสินาราเป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญ 1 ใน 4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธ เป็นสถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่ที่ตำบลมถากัวร์ อำเภอกุสินคร หรือกาเซีย หรือกาสยา (โรมัน:Kushinagar-Kasia-Kasaya) ในเขตจังหวัดเดวเย หรือ เทวริยา (โรมัน:Devria-Devriya-Kasia-Kasaya) รัฐอุตรประเทศ ประเทศอินเดีย สาลวโนทาย สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน มีชื่อเรียกในท้องถิ่นว่า มาถากุนวะระกาโกฎ (โรมัน:Matha-Kunwar-Ka-Kot) ซึ่งแปลว่า ตำบลเจ้าชายสิ้นชีพ
กุสินาราในสมัยพุทธกาล
ในสมัยพุทธกาล เมืองกุสินาราอันเป็นที่ตั้งของสาลวโนทยานอยู่ในแคว้นมัลละ 1 ใน 16 แคว้น ซึ่งเป็นเขตการปกครองสมัยพุทธกาล โดยในสมัยนั้นแคว้นมัลละแยกเป็นสองส่วน คือ ฝ่ายเหนือมีเมืองกุสินาราเป็นเมืองหลวง เจ้าปกครองเรียกว่า "โกสินารกา" และฝ่ายใต้มีเมืองปาวาเป็นเมืองหลวง เจ้าปกครองเรียกว่า "ปาเวยยมัลลกะ" ทั้งสองเมืองนั้นตั้งอยู่ห่างกันเพียง 12 กิโลเมตร มีอำนาจในการบริหารแยกจากกัน โดยมีระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (สามัคคีธรรม) โดยมีแม่น้ำหิรัญญวดีคั่นตรงกลาง กุสินารานั้นเมื่อเปรียบเทียบกับแคว้นอื่น ๆ ในสมัยพุทธกาล จัดว่าเป็นแคว้นเล็ก ไม่ค่อยมีความสำคัญมากนักในด้านเศรษฐกิจ ดังที่พระอานนท์ได้ทูลทักท้วงพระพุทธองค์ที่ทรงเลือกเมืองกุสินาราเป็นสถานที่ปรินิพพานไว้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์อย่าเสด็จปรินิพพานในเมืองดอนในฐานะเมืองกิ่งนี้เลย เมืองอื่นอันมีขนาดใหญ่กว่านี้ยังมีอยู่คือ จัมปา ราชคฤห์ สาวัตถี สาเกต โกสัมพี พาราณสี ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงเสด็จดับขันธปรินิพพานในเมืองเหล่านี้เถิด กษัตริย์ผู้มีอำนาจ พราหมณ์ผู้มีบารมี เศรษฐีคหบดีผู้มั่งคั่งที่เลื่อมใสในพระองค์มีมากในเมืองเหล่านี้ ท่านผู้มีอำนาจเหล่านั้นจักได้กระทำการบูชาพระสรีระของตถาคต
— พระอานนท์
สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์อยู่ในพระราชอุทยานของเจ้ามัลละฝ่ายเหนือแห่งกุสินารา ชื่อว่า "อุปวตฺตนสาลวนํ" หรือ อุปวัตตนะสาลวัน ซึ่งในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า สาลวโนทยาน แปลว่า สวนป่าไม้สาละ ป่าแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำหิรัญญวดี เป็นป่าไม้สาละร่มรื่น ซึ่งหลังการปรินิพพานของพระพุทธองค์แล้ว กษัตริย์แห่งมัลละก็ได้ประดิษฐานพระพุทธสรีระไว้ ณ เมืองกุสินาราเป็นเวลากว่า 7 วัน ก่อนที่จะประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ ในวันที่ 8 แห่งพุทธปรินิพพาน
การที่พระพุทธองค์ทรงเลือกเมืองกุสินาราอันเป็นเมืองเล็กแห่งนี้เป็นสถานที่ปรินิพพาน มีหลายสาเหตุ แต่สาเหตุสำคัญ คือ ทรงทราบดีว่าเมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว พระสรีระและพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์จักถูกแว่นแคว้นต่าง ๆ แย่งชิงไปทำการบูชา หากพระองค์ปรินิพพานในเมืองใหญ่ เมืองใหญ่เหล่านั้นอาจไม่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้เมืองเล็ก ๆ เช่น เมืองกุสินารา เป็นต้น ซึ่งก็เป็นความจริงเพราะหลังพระพุทธองค์ปรินิพพาน เจ้าผู้ครองแคว้นต่าง ๆ ก็ได้ยกกองทัพหลวงของตนมาล้อมเมืองกุสินาราเพื่อจะแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ แต่ด้วยความที่กุสินาราเป็นเมืองเล็ก จึงต้องยอมระงับศึกโดยแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ทุกเมืองโดยไม่ต้องเกิดสงคราม
กุสินาราหลังพุทธปรินิพพาน
หลังพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว เมืองกุสินารากลายเป็นเมืองสำคัญศูนย์กลางแห่งการสักการบูชาของพุทธศาสนิกชน เหล่ามัลลกษัตริย์ได้สร้างเจดีย์และวิหารเป็นจำนวนมากไว้รอบ ๆ สถูปใหญ่คือ มหาปรินิพานสถูป อันเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า มหาสถูปนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของปูชนียสถานอื่น ๆ ที่สร้างขึ้นมาภายหลังในบริเวณนั้น
ต่อมาเมื่อแคว้นมัลละได้ตกอยู่ในความอารักขาของแคว้นมคธ ซึ่งในขณะนั้นมีเมืองปาตลีบุตรเป็นเมืองหลวง สาลวโนทยานยังคงเป็นสถานที่สำคัญอยู่ แต่อยู่ในสภาพที่ไม่รุ่งเรืองนัก ดังในทิพยาวทาน ได้พรรณาไว้ว่า "พระเจ้าอโศกมหาราชเสด็จมาจาริกแสวงบุญยังกุสินารา ประมาณ พ.ศ. 310 ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ 100,000 กหาปณะ เพื่อเป็นค่าสร้างสถูป เจดีย์ และเสาศิลา พระเจ้าอโศกเมื่อทรงทราบชัดว่า ณ จุดนี้เป็นสถานที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ถึงกับทรงสลดพระทัย โศกเศร้าถึงเป็นลมสิ้นสติสมปฤดี"
หลวงจีนฟาเหียน (Fa-hsien) ที่ได้เข้ามาสืบศาสนาในพุทธภูมิในช่วง พ.ศ. 942-947 ในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2 (พระเจ้าศรีวิกรมาฑิตย์) แห่งราชวงศ์คุปตะ ซึ่งท่านได้พรรณนาไว้ว่า "เมื่อมาถึงกุสินารา มีแต่เมืองที่ทรุดโทรม หมู่บ้านเป็นหย่อม ๆ ห่างกันไป โบสถ์ วิหาร และปูชนียวัตถุ ปรักหักพังโดยมาก สังฆารามที่ควรเป็นที่อยู่อาศัยก็ไม่มีพระสงฆ์อาศัยอยู่ ได้เห็นศิลาจารึกพระเจ้าอโศก 2 หลัก ปักปรากฏอยู่ 2 แห่งในอุทยานสาลวัน จารึกนั้นบอกว่า ณ ที่นี้ เป็นสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์"
ในบันทึกของพระถังซำจั๋ง (Hiuen-Tsang) ซึ่งได้จาริกมาเมืองกุสินาราราว พ.ศ. 1300 ได้พรรณนาไว้ในจดหมายเหตุของท่านว่า เมืองกุสินาราในสมัยนั้นยังคงมีซากเมือง ป้อมปราการ หอสูง และสังฆารามอยู่บ้าง แต่อยู่ในสภาพปรักหักพัง ภายในเขตกำแพงเมืองยังพอมีคนอาศัยอยู่บ้างแต่น้อยมาก ท่านยังได้ทันพบบ่อน้ำและซากสถูปบ้านของนายจุนทะ และได้เห็นความร่มรื่นของสาลวโนทยาน สถานที่ปรินิพพาน และมกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงฯ
จนในพุทธศตวรรษที่ 14-15 ราชวงศ์สกลจุรีได้เข้ามาสร้างวัดขึ้นในบริเวณสาลวโนทยานจำนวนมาก จนพระพุทธศาสนาได้หมดจากอินเดียไปใน พ.ศ. 1743 ทำให้สถานะของพระพุทธศาสนาในกุสินาราถูกปล่อยทิ้งร้างและกลายเป็นป่ารกทึบ จนใน พ.ศ. 2433 ภิกษุมหาวีระ สวามี และท่านเทวจันทรมณี ชาวศรีลังกา เดินทางมายังกุสินาราและเริ่มอุทิศตัวในการฟื้นฟูพุทธสถานแห่งนี้ร่วมกับเนซารี ชาวพุทธพม่า จนได้สร้างวัดขึ้นใหม่ชื่อว่า "มหาปรินิวานะ ธรรมะศาลา"
ใน พ.ศ. 2397 นายวิลสัน นักโบราณคดีอังกฤษ ได้ทำการพิสูจน์ขั้นต้นว่าหมู่บ้านกาเซียคือกุสินารา จนใน พ.ศ. 2404-2420 เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม ได้เริ่มทำการขุดค้นเนินดินในสาลวโนทยาน จนใน พ.ศ. 2418]]-2420 นายคาร์ลลีเล่ หนึ่งในผู้ช่วยในทีมขุดค้นของท่านเซอร์ อเล็กซานเดอร์ ได้ทำการขุดค้นต่อจนได้พบพระพุทธรูปปางปรินิพพาน วิหารปรินิพพาน และสถูปจำนวนมากที่ผู้ศรัทธาได้สร้างไว้ในอดีตเมื่อครั้งพระพุทธศาสนายังรุ่งเรือง โดยนายคาร์ลลีเล่ เป็นท่านแรกที่เอาใจใส่ในงานบูรณะและรักษาคุ้มครองพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ขุดพบ
จากนั้น นับแต่ พ.ศ. 2443 เป็นต้นมา กุสินาราได้เริ่มมีผู้อุปถัมภ์ช่วยกันบูรณปฏิสังขรณ์ เข้ามาสร้างวัดและสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้จาริกแสวงบุญที่เริ่มเข้ามาสักการะมหาสังเวชนียสถานแห่งนี้จนใน พ.ศ. 2498 รัฐบาลอินเดียได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพัฒนาปูชนียสถานแห่งนี้เพื่อเตรียมเฉลิมฉลอง 25 พุทธชยันตี โดยได้รื้อโครงสร้างวิหารปรินิพพานเก่าที่พึ่งได้รับการบูรณะสร้างใหม่ไม่นานออกเพื่อสร้างมหาปรินิพพานวิหารใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างและสามารถรองรับพุทธศาสนิกชนได้ ใน พ.ศ. 2499 จนใน พ.ศ. 2507 วิหารได้พังลงมา ทางการอินเดียจึงบูรณะสร้างขึ้นใหม่ใน พ.ศ. 2518 และทางการอินเดียและพุทธศาสนิกชนก็ได้มีส่วนร่วมในการบูรณะกุสินาราจนมีสภาพสวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
จุดแสวงบุญและสภาพของกุสินาราในปัจจุบัน
ปัจจุบันกุสินาราได้รับการบูรณะ และมีปูชนียวัตถุสำคัญ ๆ ที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะคือ "สถูปปรินิพพาน" เป็นสถูปแบบทรงโอคว่ำที่เป็นทรงพระราชนิยมในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช บนสถูปมียอมมน มีฉัตรสามชั้น "มหาปรินิพพานวิหาร" ตั้งอยู่ด้านหน้าในฐานเดียวกันกับสถูปปรินิพพาน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางเสด็จดับขันธปรินิพพาน (คือพระพุทธรูปนอนบรรทมตะแคงเบื้องขวา) ศิลปะมถุรา มีอายุกว่า 1,500 ปี ในจารึกระบุผู้สร้างคือ หริพละสวามี โดยนายช่างชื่อ ทินะ ชาวเมืองมถุรา ในปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ถือได้ว่าเป็นจุดหมายสำคัญที่ชาวพุทธจะมาสักการะ เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะอันพิเศษคือเหมือนคนนอนหลับธรรมดา แสดงให้เห็นว่าพระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานจากไปอย่างผู้หมดกังวลในโลกทั้งปวง "มกุฏพันธนเจดีย์" อยู่ห่างจากปรินิพพานสถูปไปทางทิศตะวันออก 1 กิโลเมตร ชาวท้องถิ่นเรียก รัมภาร์สถูป เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ มีสภาพเป็นเนินดินก่อด้วยอิฐขนาดใหญ่ ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมไว้อย่างดี
ปัจจุบันชาวพุทธทั่วโลกได้มาก่อสร้างวัดไว้มากมาย โดยมีวัดของไทยด้วย ชื่อ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ปัจจุบันชาวไทยที่มาสักการะ ณ กุสินารา นิยมมาพักที่นี่ ในส่วนพุทธสถานโบราณลุมพินีนั้น ปัจจุบันได้รับการบูรณะซ่อมแซมเป็นอย่างดีจากรัฐบาลอินเดีย โดยรอบมีสภาพเป็นสวนป่าสาละร่มรื่นเหมือนครั้งพุทธกาล ชวนให้เจริญศรัทธาแก่ผู้มาสักการะตลอดมาจนปัจจุบัน
- มกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า
- พระมหาธาตุเฉลิมราชย์ศรัทธา ภายใน วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เมืองกุสินารา
- พระพุทธรูปปางมหาปรินิพพาน ในพระวิหารแห่งมหาปรินิพพานสถูป
- สถานที่ประดิษฐานพระพุทธบรมศพพระพุทธเจ้าเป็นเวลา 7 วันก่อนอัญเชิญไปถวายพระเพลิงพระบรมศพ
กิจกรรมที่พุทธศาสนิกชนพึงปฏิบัติในวันวิสาขบูชา
ในวันวิสาขบูชานี้ ถือเป็นวันสำคัญยิ่งที่ชาวพุทธทั่วโลกจะมารวมกันจัดพิธีทำบุญใหญ่หรือจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อบำเพ็ญกุศลระลึกถึงพระพุทธเจ้า ซึ่งในฐานะที่วันวิสาขบูชาได้รับการยกย่องให้เป็นวันสำคัญสากลของโลก เมื่อถึงวันวิสาขบูชา องค์การสหประชาชาติจะมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อรำลึกถึงพระพุทธเจ้าด้วย เช่น สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา จะมีการอัญเชิญพระเจดีย์วิสาขบูชานุสรณ์ สกลโลกประกาศบูชาวันวิสาขะ (ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ) ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติเป็นการถาวร มาประดิษฐานให้ประชาชนสักการบูชา เป็นต้น
สำหรับในประเทศไทย นอกจากพุทธศาสนิกชนจะเข้าวัดบำเพ็ญบุญกุศลถือศีลฟังธรรมแล้ว ยังนิยมปล่อยนกปล่อยปลา และเวียนเทียนรอบพระอุโบสถในตอนค่ำเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาด้วย
วันวิสาขบูชา พุทธศาสนิกชนชาวไทยนิยมทำบุญตักบาตรในตอนเช้า และตลอดวันจะมีการบำเพ็ญบุญกุศลความดีอื่น ๆ เช่น ตั้งใจรักษาศีล 5 ศีล 8 งดเว้นการทำบาปทั้งปวง ทำบุญถวายสังฆทาน ให้อิสระทาน (ปล่อยนกปล่อยปลา) ฟังพระธรรมเทศนา และไปรอบโบสถ์ในเวลาเย็น
โดยก่อนทำการเวียนเทียนพุทธศาสนิกชนควรร่วมกันกล่าวคำสวดมนต์และคำบูชาในวันวิสาขบูชา โดยปกติตามวัดต่าง ๆ จะจัดให้มีการทำวัตรสวดมนต์ก่อนทำการเวียนเทียน ซึ่งส่วนใหญ่นิยมทำการเวียนเทียนอย่างเป็นทางการ (โดยมีพระภิกษุสงฆ์นำเวียนเทียน) ในเวลาประมาณ 20 นาฬิกา โดยบทสวดมนต์ที่พระสงฆ์นิยมสวดในวันวิสาขบูชาก่อนทำนิยมสวด (ทั้งบาลีและคำแปล) ตามลำดับดังนี้
- บทบูชาพระรัตนตรัย (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:อรหัง สัมมา ฯลฯ)
- บทนมัสการนอบน้อมบูชาพระพุทธเจ้า (นะโม ฯลฯ 3 จบ)
- บทสรรเสริญพระพุทธคุณ (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:อิติปิโส ฯลฯ)
- บทสรรเสริญพระพุทธคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทสวดสรภัญญะที่ขึ้นต้นด้วย:องค์ใดพระสัมพุทธ ฯลฯ)
- บทสรรเสริญพระธรรมคุณ (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:สวากขาโต ฯลฯ)
- บทสรรเสริญพระธรรมคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทสวดสรภัญญะที่ขึ้นต้นด้วย:ธรรมมะคือ คุณากร ฯลฯ)
- บทสรรเสริญพระสังฆคุณ (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:สุปฏิปันโน ฯลฯ)
- บทสรรเสริญพระสังฆคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทสวดสรภัญญะที่ขึ้นต้นด้วย:สงฆ์ใดสาวกศาสดา ฯลฯ)
- บทสวดบูชาเนื่องในวันวิสาขบูชา (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:ยะมัมหะ โข ฯลฯ)
จากนั้นจุดธูปเทียนและถือดอกไม้เป็นเครื่องสักการบูชาในมือ แล้วเดินเวียนรอบปูชนียสถาน 3 รอบ โดยขณะที่เดินนั้นพึงตั้งจิตให้สงบ พร้อมสวดระลึกถึงพระพุทธคุณ ด้วยการสวดบทอิติปิโส (รอบที่หนึ่ง) ระลึกถึงพระธรรมคุณ ด้วยการสวดสวากขาโต (รอบที่สอง) และระลึกถึงพระสังฆคุณ ด้วยการสวดสุปะฏิปันโน (รอบที่สาม) จนกว่าจะเวียนจบ 3 รอบ จากนั้นนำธูปเทียนดอกไม้ไปบูชาตามปูชนียสถานจึงเป็นอันเสร็จพิธี
หลักธรรมในวันวิสาขบูชา
วันวิสาขบูชา เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของพระพุทธเจ้าถึง 3 เหตุการณ์ คือ การประสูติ การตรัสรู้ และการปรินิพพาน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเหตุการณ์เหล่านั้น คติธรรมหลักคือไตรลักษณ์ หรืออนิจจลักษณะ อันได้แก่ความเป็นธรรมดาของโลก 3 ประการ คือ อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความเป็นทุกข์คือตั้งอยู่ในสภาพเดิมมิได้ และอนัตตา ความที่สังขารทั้งหลายไม่สามารถบังคับบัญชาให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้ (เช่น บังคับไม่ให้แก่ไม่ได้ บังคับไม่ให้ตายไม่ได้) ซึ่งทุกสรรพสิ่งในโลก ล้วนตกอยู่ในสภาพ 3 ประการนี้ แม้พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระบรมศาสดาของโลก ก็ยังต้องทรงตกอยู่ในกฎเหล่านี้ ไม่มีใครสามารถพ้นไปได้
สำหรับหลักธรรมคติเทียบเคียงกับเหตุการณ์ทั้ง 3 ที่สามารถนำมาประพฤติปฏิบัติได้ 3 อย่าง คือ
ความกตัญญู
ในเหตุการณ์วันประสูติ สามารถยกหลักธรรมมาเทียบเคียงได้ คือ "หลักความกตัญญู" เพราะในพระพุทธประวัติ แม้พระนางสิริมหามายา ผู้เป็นพระราชมารดาของเจ้าชายสิทธัตถะจะสิ้นพระชนม์ไปหลังที่เจ้าชายประสูติได้เพียง 7 วัน แต่เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้แล้ว ก็ได้เสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาบนดาวดึงสเทวโลก ถึงแม้พระเจ้าสุทโธทนะ ผู้เป็นพระราชบิดา พระพุทธองค์ก็เสด็จไปโปรดถึงพระราชวังที่ประทับ จนพระเจ้าสุทโธทนะประชวรหนักใกล้สวรรคต พระพุทธองค์ก็ได้เสด็จเข้าไปโปรดจนพระราชบิดาได้บรรลุสำเร็จเป็นพระอรหันต์และนิพพานในพระราชวังในวันนั้นเอง
ซึ่งในเรื่องความกตัญญูต่อบิดามารดา และผู้มีอุปการะก่อนนั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้หลายพระสูตรด้วยกัน เช่นใน หลัก เป็นต้น ซึ่งความกตัญญูนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะกับบุคคลเท่านั้น แต่รวมไปแม้กระทั่งต้นไม้ที่ให้ร่มเงาด้วย ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า
"บุคคลนั่งหรือนอนที่ร่มเงาต้นไม้ใด ไม่ควรหักกิ่งต้นไม้นั้น ผู้ประทุษร้ายมิตร เป็นคนเลวทราม"
— พระพุทธพจน์จาก — พระไตรปิฏก ขุททกนิกาย ชาดก. 28/26
ความกตัญญู จึงนับได้ว่าเป็นหลักสำคัญในพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่ง มีตัวอย่างหลายเรื่องในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่กล่าวว่าพระพุทธองค์ทรงยกย่องผู้มีความกตัญญูต่อบิดามารดา เช่น เรื่องพระภิกษุเลี้ยงบิดามารดาในมหานิบาต เป็นต้น ซึ่งทำให้พระพุทธองค์ตรัสว่า
"นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา" แปลว่า: "ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี"
— พระพุทธพจน์จาก — พระไตรปิฏก อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต "ปุตตสูตร"
กล่าวโดยสรุป เหตุการณ์ประสูตินี้เป็นเครื่องเตือนให้พุทธศาสนิกชนระลึกถึงความกตัญญูกตเวที ที่ทุกคนควรมีในตนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม
อริยสัจ 4
ในเหตุการณ์วันตรัสรู้ สามารถยกหลักธรรมมาเทียบเคียงได้ คือ "อริยสัจ 4" อันเป็นหลักธรรมในการแก้ปัญหาชีวิตที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ คือ
- "ทุกข์" ความไม่สบายกายไม่สบายใจ สภาวะที่ทนได้ยากทั้งหลาย (ปัญหา)
- "สมุทัย" ต้นเหตุของความทุกข์ คือกิเลสตัณหา (ต้นเหตุของปัญหา)
- "นิโรธ" จุดหมายที่จะดับทุกข์ คือนิพพาน (วางเป้าหมาย)
- "มรรค" แนวทางในการปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ (ลงมือแก้ไข)
— พระพุทธพจน์จาก — พระไตรปิฏก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค 19/528/1664
ความไม่ประมาท
ในเหตุการณ์วันปรินิพพาน พระพุทธองค์ตรัสปัจฉิมโอวาทไว้บทหนึ่ง อันเป็นยอดของคำสอนในพระพุทธศาสนาที่ทุกคนควรนำมาปฏิบัติ คือ การมีสติอยู่ทุกเมื่อ ไม่ให้ความทุกข์ร้อนใจอันเกิดจากอำนาจกิเลสเข้าครอบงำ กล่าวคือ ความไม่ประมาทในกาลทุกเมื่อ โดยพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
"...อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ..."
แปลว่า: "พวกเธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตนและท่าน ให้ถึงพร้อมด้วย ความไม่ประมาท เถิด"
— สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาปรินิพฺพานสุตฺต มหา. ที. 10/149/117
การประกอบพิธีวิสาขบูชาในประเทศไทย
ประวัติความเป็นมาของการประกอบพิธีวันวิสาขบูชาในประเทศไทย
การจัดพิธีวิสาขบูชาในประเทศไทย ได้รับอิทธิพลมาจากลังกา สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัยเป็นราชธานี โดยปรากฏหลักฐานจากหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ซึ่งกล่าวถึงการพิธีวิสาขบูชาไว้ว่ามีมาแต่สมัยสุโขทัยแล้ว1 โดยในหนังสือได้กล่าวไว้ว่างานวิสาขบูชาเป็นงานเฉลิมฉลองใหญ่สำหรับอาณาจักร ทั้งพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์และพสกนิกรทั้งปวงจะมาร่วมกันประกอบพิธีนี้ โดยมีการพร้อมใจกันทำความสะอาดและตกแต่งประดับประดาดอกไม้โคมไฟเพื่อเฉลิมฉลอง และพร้อมใจกันบำเพ็ญบุญกุศลและทานต่าง ๆ เช่น เข้าวัดทำบุญ รักษาศีล 5 ฟังพระธรรมเทศนา และการสาธารณะสงเคราะห์สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ เช่น ตั้งโรงทานเลี้ยงดูคนยากจนเป็นต้น เป็นเวลาถึงสามวันสามคืน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เมื่อถึงวันวิสาขบูชา เวลาเย็นจะมีการเวียนเทียนรอบสถูปเจดีย์
ความจากหนังสือตำหรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ดังกล่าวมานี้ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงอธิบายเกี่ยวกับเค้าโครงของหนังสือนี้ว่ามีเค้าโครงมาจากสมัยสุโขทัยจริง แต่รายละเอียดบางส่วนอาจจะมีการแต่งเสริมกันขึ้นมาในสมัยอยุธยาหรือรัตนโกสินทร์ อย่างไรก็ดี จากหลักฐานดังกล่าว (แม้จะไม่แน่ชัด) การพิธีวิสาขบูชา ย่อมเริ่มมีมาแต่สมัยสุโขทัย เพราะในสมัยนั้นกรุงสุโขทัยได้สืบพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทมาจากลังกาประเทศ ซึ่งเป็นเมืองที่มั่นทางพระพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช และขนาดของการจัดพิธีบูชาเฉลิมฉลองในวันวิสาขบูชาของชาวศรีลังกานั้น นับเป็นพิธีใหญ่และสำคัญมากของอาณาจักรมาตั้งแต่แรกรับพระพุทธศาสนามาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการจัดพิธีเฉลิมฉลองในวันวิสาขบูชาของประเทศศรีลังกานั้นมีความสำคัญและส่งอิทธิพลต่อประเทศพุทธศาสนาอื่นเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาณาจักรสุโขทัยที่รับสืบพระพุทธศาสนามาจากประเทศศรีลังกาโดยตรง และหลังการเสื่อมอำนาจของอาณาจักรสุโขทัย จนถึงในสมัยอยุธยาก็สันนิษฐานว่าคงมีการปฏิบัติพิธีวิสาขบูชาอยู่ แต่ลดความสำคัญลงไปมาก จนไม่ปรากฏหลักฐานในพระราชพงศาวดารหรือจารึกใด จนมาในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พิธีวิสาขบูชาจึงได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง หลังจากความเสื่อมของพระพุทธศาสนาหลังยุคสุโขทัยล่มสลาย เพราะหลังจากสิ้นยุคอาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรอยุธยาได้ถูกครอบงำด้วยแนวคิดทางคติพราหมณ์ซึ่งได้รับจากการซึมซับวัฒนธรรมฮินดูแบบขอม (นครวัด) จนในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 พระองค์ได้มีพระราชประสงค์ให้ทำการฟื้นฟูการประกอบพิธีวิสาขบูชาขึ้น พระองค์ได้ทรงปรึกษากับ สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (มี) วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) ให้วางแนวปฏิบัติการพระราชพิธีวิสาขบูชา และพระราชพิธีวันวิสาขบูชาครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร์ก็ได้จัดขึ้นเป็นการพระราชพิธีใหญ่ 3 วัน 3 คืน นับตั้งแต่วันศุกร์ ขึ้น 14 ค่ำ ถึง วันแรม 1 ค่ำ เดือน 6 ปีฉลู นพศก จุลศักราช 1179 ( พ.ศ. 2360) ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงเพิ่มจัดให้มีการเทศน์ปฐมสมโพธิกถา (พระพุทธประวัติ) ในวันวิสาขบูชาด้วย ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการตั้งโต๊ะเครื่องบูชารอบระเบียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ปรากฏหลักฐานว่าได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการจุดดอกไม้เพลิงถวายเป็นพุทธบูชา และให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการฝ่ายใน และหน่วยราชการต่าง ๆ เดินเวียนเทียน จัดโคมประทีป และสวดมนต์ที่พระพุทธรัตนสถาน วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และมีการจัดพิธีวิสาขบูชาสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
จากความเป็นมาของการจัดพิธีวิสาขบูชาในประเทศไทยจากสมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบันดังกล่าว กล่าวได้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้พิธีวิสาขบูชาแพร่หลายในหมู่ประชาชน ซึ่งปัจจุบันการพิธีวิสาขบูชาก็ได้แพร่หลายในประเทศไทยและได้รับการปฏิบัติสืบมาอย่างเข้มแข็ง วันวิสาขบูชากลายเป็นวันหยุดราชการโดยพฤตินัยมาแต่โบราณ ทั้งภาครัฐภาคเอกชนประชาชนและคณะสงฆ์ได้กลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในวันวิสาขบูชาเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาพร้อม ๆ กับชาวพุทธทั่วทั้งโลก และเป็นการช่วยกันสนับสนุนในการรักษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปพร้อม ๆ กันด้วยอีกทางหนึ่ง
ปี | วันที่ | วันที่ | วันที่ |
---|---|---|---|
ปีชวด | 1 มิถุนายน พ.ศ. 2539 | 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 | 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 |
ปีฉลู | 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 | 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 | 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 |
ปีขาล | 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 | 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 | 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 |
ปีเถาะ | 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 | 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 | 3 มิถุนายน พ.ศ. 2566 |
ปีมะโรง | 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 | 4 มิถุนายน พ.ศ. 2555 | 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 |
ปีมะเส็ง | 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 | 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 | 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 |
ปีมะเมีย | 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 | 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 | 1 มิถุนายน พ.ศ. 2569 |
ปีมะแม | 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 | 1 มิถุนายน พ.ศ. 2558 | 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2570 |
ปีวอก | 2 มิถุนายน พ.ศ. 2547 | 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 | 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2571 |
ปีระกา | 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 | 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 | 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2572 |
ปีจอ | 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 | 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 | 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2573 |
ปีกุน | 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 | 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 | 5 มิถุนายน พ.ศ. 2574 |
การประกอบพิธีทางศาสนาในวันวิสาขบูชาในประเทศไทย
พระราชพิธี
พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา
พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลในวันวิสาขบูชานี้มีปรากฏในพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือน ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วย โดยได้ทรงกล่าวถึงการพระราชพิธีในเดือนหก คือพระราชพิธีบำเพ็ญกุศลในวันวิสาขบูชาไว้ เรียกว่า "พิธีไพศาขย์ จรดพระราชนังคัล" (คือในเดือน 6 มีพระราชพิธีสำคัญสองพระราชพิธีคือ "พระราชพิธีวิสาขบูชา" (ในหนังสือพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือนใช้ศัพท์สันสกฤต) และ"พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ") ปัจจุบันนี้โดยปกติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลฯ และบางครั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จแทน โดยสถานที่ประกอบพระราชพิธีหลักจะจัดในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สำนักพระราชวังจะออกหมายกำหนดการประกาศการพระราชพิธีนี้ให้ทราบทั่วไปเป็นประจำทุกปี ในอดีตจะใช้ชื่อเรียกการพระราชพิธีในราชกิจจานุเบกษาแตกต่างกัน บางครั้งจะใช้ชื่อ " การพระราชกุศลวิสาขบูชา และกาลานุกาล" หรือ " การพระราชกุศลกาลานุกาลวิสาขบูชา" หรือแม้ "วิสาขบูชา" ส่วนในรัชกาลปัจจุบัน สำนักพระราชวังจะใช้ชื่อเรียกหมายกำหนดการที่ชัดเจน เช่น "หมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา พุทธศักราช 2551
รายละเอียดการประกอบพระราชพิธีวิสาขบูชา อาจพิจารณาได้จากราชกิจจานุเบกษาประกาศหมายกำหนดการวิสาขบูชาในปีนั้น ๆ ได้ ในอดีตการประกอบพระราชพิธีวันวิสาขบูชาจัดว่าเป็นพิธีใหญ่ ดังตัวอย่างความใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 13 หน้า 105 ที่ประกาศในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2437 เรื่อง "การพระราชกุศลวิสาขบูชา และกาลานุกาล" ว่า
...วันจันทร์เพ็ญ เสวยวิสาขนักษัตรฤกษ ซึ่งนิยมสืบมาแต่โบราณว่า เป็นมหามงคลสมัย คล้ายกับวันประสูติแลวันตรัสรู้ วันดับขันธปรินิพพาน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ในรัตนโกสินทร์ศก 113 นี้ ตกในวันที่ 19 พฤษภาคม ได้มีการพระราชกุศลในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม ตลอดไป 3 วันตามเคย คือเวลาเช้า วันที่ 18 ที่ 19 พฤษภาคม มีการเลี้ยงพระสงฆ์ 20 รูป วันที่ 20 พฤษภาคม มีการเลี้ยงพระสงฆ์ 34 รูป ที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เวลาค่ำในวันทั้ง 3 นั้น พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการ ได้จัดโคมตราตำแหน่งแลเทียนรุ่งมาจุด จัดพวงดอกไม้ต่าง ๆ มาแขวน ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม บูชาพระรัตนไตรย มีจำนวนโคมตรา 296 โคม เทียนรุ่ง 57 เล่ม พวงดอกไม้ 1005 พวง รวมทั้ง 3 คืน ของหลวงมีดอกไม้เพลิงบูชา แลเทศนาประถมสมโพธิ์ด้วย วันที่ 18 พฤษภาคม พระอมรโมลีถวาย คัพโภกกันติกถา 1 กัณฑ์ วันที่ 19 พฤษภาคม พระเมธาธรรมรส ถวายอภิสัมโพธิกถา 1 กัณฑ์ วันที่ 20 พฤษภาคม พระวิเชียรมุนี ถวายปรินิพพานกถา 1 กัณฑ์ ก่อนแต่มีเวลาเทศน์ ในวันที่ 19 ที่ 20 มีการเดินเทียนด้วย แลในวันที่ 19 นั้น พระสงฆ์ 24 รูป (ซึ่งได้รับพระราชทานฉันในวันที่ 20) ได้เจริญพระพุทธมนต์ที่พระที่นั่งดุสิตาภิรมย์ด้วย ส่วนการวิสาขบูชาตามพระอารามหลวงบางพระอาราม ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานเทียนรุ่งเทียนราย และเทียนประจำกัณฑ์ไป เช่นทุกปีมา อนึ่ง วันที่ 20 พฤษภาคม นี้ เปนวันสดับปกรณ์กาลานุกาลด้วย พระสงฆ์ 34 รูปนั้น เมื่อรับพระราชทานฉันแล้ว ได้สดับปกรณ์ โดยที่จัดอนุโลมในพระบรมอัฏฐิแลพระอัฏฐิ ที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย 29 รูป ขึ้นไปสดับปกรณ์ ที่พระราชวังบวร 5 รูปแล้ว มีสดับปกรณ์รายร้อย 400 รูป...
— ราชกิจจานุเบกษา, การพระราชกุศลวิสาขบูชา และกาลานุกาล, เล่ม 13, 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2437, หน้า 105
ในรัชกาลต่อมาได้มีการลดทอดพิธีบางอย่างออกไปบ้าง เช่น งดการพระราชพิธีในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ลดวันประกอบพระราชพิธีจากสามวันคงเหลือสองวัน ยกเลิกการถวายภัตตาหารพระสงฆ์ หรือการจุดเทียนโคมเทียนราย เป็นต้น แต่ก็ยังคงมีการบำเพ็ญพระราชกุศลในวัดพระศรีรัตนศาสดารามเหมือนเคย โดยในบางปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงประกอบพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชาและทรงเวียนเทียนรอบพุทธศาสนสถานเป็นการส่วนพระองค์ตามพระอารามหลวงหรือวัดราษฎร์ อื่น ๆ บ้าง ตามพระราชอัธยาศัย ซึ่งการพระราชพิธีนี้เป็นการแสดงออกถึงพระราชศรัทธาอันแน่นแฟ้นในพระพุทธศาสนา ขององค์พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นเอกอัครพุทธศาสนูปถัมภ์มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
พระราชพิธีทรงตั้งเปรียญธรรม
การพระราชพิธีสำคัญอีกพระราชพิธีหนึ่งที่เนื่องด้วยพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลในวันวิสาขบูชานั้น คือ พระราชพิธีทรงตั้งเปรียญธรรม แก่พระสงฆ์และสามเณรซึ่งสอบไล่ได้ประโยคบาลีในสนามหลวง พระราชพิธีนี้ เป็นพระราชภาระแห่งองค์พระมหากษัตริย์ไทยมาแต่โบราณ เป็นการยกย่องแก่พระสงฆ์สามเณรผู้มีความอุตสาหะเล่าเรียนศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ก็ได้รับเป็นพระราชภาระธุระ ในการส่งเสริมการศึกษาภาษาบาลีอันเป็นภาษาที่บันทึกพระไตรปิฎกและคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาตลอดมา โดยพระสงฆ์สามเณรที่สอบไล่ได้ประโยคบาลีในชั้นใด ตั้งแต่ เปรียญธรรม 3 ประโยค ขึ้นไป จะได้รับพระราชทานพัดยศตั้งสมณศักดิ์สายเปรียญธรรม ได้รับคำยกย่องนำหน้านามประดุจบรรดาศักดิ์ของฝ่ายฆราวาสว่า "พระมหา" และจะได้รับพระราชทานนิตยภัตรเป็นประจำทุกเดือน
ในอดีต การตั้งเปรียญจะตั้ง ณ ที่ใด ขึ้นอยู่กับพระบรมราชวินิจฉัยขององค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งอาจจะเป็น ณ พระที่นั่งองค์ใดก็ได้ ภายในพระบรมมหาราชวังหรือพระราชวัง หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในรัชกาลปัจจุบัน พระสงฆ์สามเณรผู้สอบได้เปรียญธรรม ตั้งแต่เปรียญธรรม 6 ประโยค ขึ้นไป จะได้รับพระราชทานให้เข้ารับพระราชทานผ้าไตรพัดยศตั้งเปรียญธรรม ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในเวลาเย็นของ วันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานพัดยศตั้งเปรียญธรรมด้วยพระองค์เอง หรือในบางครั้งอาจจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ หรือผู้แทนพระองค์ประกอบพระราชพิธีทรงตั้งเปรียญธรรมแทน
พิธีสามัญ
การประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชาของพุทธศาสนิกชนชาวไทย โดยทั่วไปนิยมทำบุญตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนา รอบอุโบสถหรือสถูปเจดีย์พุทธสถานต่าง ๆ ภายในวัด เพื่อเป็นการระลึกถึงวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญของพระพุทธเจ้าในวัน ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
พุทธศาสนิกชนชาวไทยนิยมนับถือเอาวันนี้เป็นวันสำคัญในการบำเพ็ญกุศล และปฏิบัติบูชาตามแนวทางพระบรมพุทโธวาท เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยทั่วไปชาวพุทธในประเทศไทยนิยมตั้งใจไปวัดเพื่อบำเพ็ญกุศลทำบุญตักบาตรฟังพระธรรมเทศนาและเจริญจิตตภาวนาในวันนี้ เมื่อตกกลางคืนก็มีการเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชาตามอารามต่าง ๆ และอาจมีการบำเพ็ญปกิณณกะกุศลต่าง ๆ ตามแต่จะเห็นสมควร
การประกอบพิธีวันวิสาขบูชาในปัจจุบันนี้นอกจากการ ทำบุญตักบาตรฯ ในวันสำคัญแล้ว ยังมีหน่วยงานภาครัฐ องค์กรทางศาสนา และภาคประชาชน ร่วมกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นมากมาย เพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและประชาสัมพันธ์กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาต่าง ๆ ให้แก่ประชาชน เช่น กิจกรรมสัปดาห์เผยแผ่พระพุทธศาสนาวันวิสาขบูชา ณ ท้องสนามหลวง (กรุงเทพมหานคร) พุทธมณฑล (จังหวัดนครปฐม) หรือตามวัดในจังหวัดต่าง ๆ เป็นต้น
การจัดสร้างตราไปรษณียากรที่ระลึกวันวิสาขบูชาในประเทศไทย
นอกจากภาครัฐจะประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการและให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในวันวิสาขบูชาแล้ว ยังได้มีการจัดพิมพ์จำหน่ายตราไปรษณียกรที่ระลึกในวันวิสาขบูชาทุกปีอีกด้วย โดยจะให้วันวิสาขบูชาเป็นวันเริ่มจำหน่ายตราไปรษณียกร ซึ่งรูปแบบที่จัดพิมพ์ลงในตราไปรษณียกรที่ระลึกวันวิสาขบูชานั้น ส่วนใหญ่จะจัดพิมพ์เป็นรูปพระพุทธประวัติ พระพุทธรูป หรือพุทธสังเวชนียสถาน มีบ้างที่จัดพิมพ์เป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ สำหรับใน พ.ศ. 2551 รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคม ได้ให้บริษัทไปรษณีย์ไทยจัดพิมพ์ตราไปรษณียกรที่ระลึกวันวิสาขบูชา เป็นรูปภาพสังเวชนียสถานพุทธคยา อันเป็นสังเวชนียสถานแห่งที่ 2 คือ รูปจิตรกรรมแบบไทยแสดงเหตุการณ์ตอนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ และรูปพระมหาโพธิเจดีย์ พุทธคยา ขอบภาพด้านล่างมี คำว่า ประเทศไทย THAILAND วันวิสาขบูชา 2551 VISAKHAPUJA DAY 2008 ส่วนใน พ.ศ. 2552 จัดพิมพ์เป็นรูปสังเวชนียสถานแห่งที่ 3 คือพระธรรมเมกขสถูป ทรงบาตรคว่ำก่อด้วยหินทราย ที่สารนาถ สถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่พระปัญจวัคคีย์ โดยตราไปรษณียกรที่ระลึกวันวิสาขบูชาของประเทศไทยนั้น ทั้งหมดจะพิมพ์เป็นชนิดราคา 3 บาท มีราคาเดียวเท่านั้น
การจัดงานเฉลิมฉลองวิสาขบูชาในต่างประเทศ
ปัจจุบันวันวิสาขบูชาได้ถูกกำหนดให้เป็นวันสำคัญทางศาสนาหรือวันหยุดราชการในหลายประเทศ เช่น อินเดีย , ศรีลังกา, สิงคโปร์, ไทย, พม่า, บังคลาเทศ, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย (วันสำคัญ ไม่ใช่วันหยุดราชการ), เนปาล, เกาหลีใต้, กัมพูชา , ภูฏาน เป็นต้น
ในประเทศที่มีประชากรนับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทเช่นที่ศรีลังกาจะกำหนดวันทางจันทรคติตรงกันกับประเทศไทย คือกำหนดในวันเพ็ญเดือน 6 โดยงานวิสาขบูชาในศรีลังกานั้น ถือได้ว่าเป็นงานใหญ่ระดับประเทศ รัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดราชการ มีการปล่อยนักโทษให้ได้รับอิสรภาพถวายเป็นพุทธบูชา ตามบ้านเรือนจะมีการตั้งโรงทาน และประดับประดาธงทิว และโคมไฟต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของศรีลังกา โดยจะทำเป็นรูปเรื่องราวในพุทธประวัติหรืออรรถกถาชาดกต่าง ๆ โดยงานวิสาขบูชาในศรีลังกานั้นจัดติดต่อกันถึง 7 วัน 7 คืน ซึ่งในประเทศไทยคงจัดงานวิสาขบูชาคล้ายกับศรีลังกา มีการประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการเช่นเดียวกัน แต่ต่างตรงที่ในปัจจุบันงานวิสาขบูชาในไทยที่จัดไม่ใหญ่โตมากนักเมื่อเทียบกับศรีลังกา แม้จะมีการจัดงาน 7 วัน 7 คืนเหมือนกัน แต่คงมีเฉพาะที่ส่วนกลาง คือที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงและพุทธมณฑลเท่านั้น โดยพุทธศาสนิกชนชาวไทยส่วนใหญ่นิยมไปทำบุญในวันวิสาขบูชาเพียงวันเดียว
สำหรับชาวพุทธ (มหายาน) เช่น ในประเทศสิงคโปร์ วันวิสาขบูชาได้ถูกกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการของประเทศ มีการจัดงานเฉลิมฉลองตามวัดพุทธต่าง ๆ โดยการกำหนดวันวิสาขบูชาของสิงคโปร์นั้นกำหนดตามปฏิทินเถรวาท แต่ในจีนเกาหลีและญี่ปุ่น จะกำหนดวันวิสาขบูชาแตกต่างจากประเทศพระพุทธศาสนาเถรวาทมาก เช่น ที่ประเทศญี่ปุ่น วันที่เกิดเหตุการณ์ประสูติ, ตรัสรู้ และปรินิพพานนั้น จะอยู่ต่างเดือนกัน เดิมญี่ปุ่นกำหนดว่าวันที่ 8 ของเดือนที่ 4 เป็นวันประสูติ วันที่ 8 ของเดือน 12 เป็นวันตรัสรู้ และวันที่ 15 เดือนที่ 2 เป็นวันปรินิพพาน โดยกำหนดวันตามเดือนในปฏิทินจันทรคติจีน จนมาในสมัยเมจิ ญี่ปุ่นได้รับคตินิยมปฏิทินสุริยคติจากประเทศตะวันตก จึงมีการปรับเปลี่ยนให้กำหนดตามปฏิทินจันทรคติแทน เช่น วันปรินิพพาน จะอยู่ในวันที่ 15 กลางเดือนกุมภาพันธ์ ตามปฏิทินสุริยคติที่ใช้กันอยู่ทั่วโลก โดยไม่อิงปฏิทินจันทรคติจีน ในปัจจุบันในประเทศญี่ปุ่น วันที่เกิดเหตุการณ์ประสูติ, ตรัสรู้ และปรินิพพาน ไม่ได้ถูกประกาศให้เป็นวันหยุดราชการ และไม่ได้รับความสนใจจากชาวญี่ปุ่นเท่าใดนัก เมื่อถึงวันนี้จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองโดยผู้ร่วมพิธีจะมีเพียงพระสงฆ์หรือชาวพุทธที่เคร่งครัด
วันวิสาขบูชาเคยถูกประกาศจากรัฐบาลห้ามจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาโดยเด็ดขาดในเวียดนามใต้ เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งของผู้ปกครอง (ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา) ที่นับถือศาสนาคริสต์ มีการปราบปรามพระพุทธศาสนาอย่างหนัก กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และผู้ฝ่าฝืนต้องได้รับโทษถึงจำคุก ปัจจุบันหลังจากกรุงไซ่ง่อน เมืองหลวงของเวียดนามใต้ถูกเวียดกง (เวียดนามเหนือ) ตีแตก และเวียดนามเหนือใต้ได้รวมเป็นประเทศเดียวกัน พระพุทธศาสนาก็ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูเท่าใด ในปัจจุบันยังคงมีการจัดงานวิสาขบูชาบ้างจากชาวพุทธเวียดนาม ซึ่งเป็นงานที่ไม่ใหญ่โตเหมือนประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาท
ในประเทศอินโดนีเซีย ที่ปัจจุบันเป็นประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามมากที่สุด ก็ได้ให้ความสำคัญกับวันวิสาขบูชามาก เพราะเดิมนั้นพระพุทธศาสนาเคยเป็นศาสนาที่ชาวชวาหรืออินโดนีเซียนับถือมากที่สุด งานวิสาขบูชาในสมัยที่พระพุทธศาสนารุ่งเรืองคงเป็นพิธีใหญ่ แต่หลังพระพุทธศาสนาเสื่อมลงเนื่องจากการการเสื่อมของราชวงศ์ไศเลนทร์ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่นับถือพระพุทธศาสนา ผู้ปกครองต่อมาได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม งานวิสาขบูชาจึงไม่มีผู้สืบทอด ในปัจจุบันเริ่มมีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินโดนีเซีย รัฐบาลเริ่มให้ความสำคัญกับชาวพุทธ โดยรัฐบาลประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการ ซึ่งชาวพุทธส่วนใหญ่ในอินโดนีเซียนั้นเป็นคนอินโดนีเซียเชื้อสายจีนที่นับถือมหายาน ซึ่งมีชาวอินโดนีเซียส่วนหนึ่งที่นับถือพุทธศาสนาแบบเถรวาท การจัดงานวิสาขบูชาในระยะหลังจึงเป็นงานใหญ่ โดยศูนย์กลางจัดงานอยู่ที่พระมหาสถูปบุโรพุทโธ เกาะชวา ทุกปีประธานาธิบดีแห่งอินโดนีเซียจะมาเป็นประธานเปิดงาน โดยเชิญผู้นำชาวพุทธจากทั่วโลกมาร่วมงาน
การกำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลก
การกำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลก เริ่มต้นขึ้นจากการที่ผู้แทนจากประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาพุทธ คือ บังคลาเทศ จีน ลาว เกาหลีใต้ เวียดนาม ภูฎาน อินโดนีเซีย เนปาล กัมพูชา อินเดีย ปากีสถาน และไทย ได้มีมติร่วมกันที่จะเสนอให้สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติประกาศรับรองข้อมติกำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดของสหประชาชาติ ในการประชุมพุทธศาสนาระหว่างประเทศ (International Buddhist Conference) ณ กรุงโคลัมโบ เมืองหลวงของประเทศศรีลังกา ระหว่างวันที่ 9-14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 ต่อมา คณะทูตถาวรศรีลังกาประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก จึงได้จัดเตรียมร่างข้อมติ และได้ขอเสียงสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ เพื่อให้มีการรับรองข้อมติเรื่องการประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดของสหประชาชาติในที่ประชุมงสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 55 แต่คณะผู้แทนจากศรีลังกาเปลี่ยนเสนอให้ประกาศวันวิสาขบูชาเป็น "วันสำคัญสากล" แทน เนื่องจากวันหยุดของสหประชาชาติมีมากแล้ว และจะกระทบต่อการดำเนินงานของสหประชาชาติ และได้ดำเนินการให้คณะผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติจำนวน 16 ประเทศ คือ ศรีลังกา บังคลาเทศ ภูฎาน กัมพูชา ลาว มัลดีฟส์ มองโกเลีย พม่า เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ สเปน อินเดีย ไทย และยูเครน ให้ร่วมลงนามในหนังสือถึงประธานที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อนำเรื่องนี้เข้าสู่ระเบียบวาระของการประชุมใหญ่ฯ จนเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2542 ที่ประชุมใหญ่สมัชชาแห่งสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 55 จึงได้พิจารณาระเบียบวาระที่ 174 ว่าด้วยการยอมรับวันวิสาขบูชาในระดับสากล (International recognition of the Day of Visak) โดยการเสนอของศรีลังกา ประธานที่ประชุมได้ให้ผู้แทนจากศรีลังกาเสนอร่างข้อมติ และเชิญให้ผู้แทนจาก ไทย สิงคโปร์ บังคลาเทศ ภูฎาน สเปน พม่า เนปาล ปากีสถาน อินเดีย ขึ้นแถลง สรุปความได้ว่า
"วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ เสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้มวลมนุษย์มีเมตตาธรรมและขันติธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อให้เกิดสันติสุขในสังคม อันเป็นแนวทางของสหประชาชาติ จึงขอให้ที่ประชุมรับรองข้อมตินี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการรับรองความสำคัญของพุทธศาสนาในองค์การสหประชาชาติ โดยถือว่าวันดังกล่าวเป็นที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติและที่ทำการสมัชชาจะจัดให้มีการระลึกถึง (observance) ตามความเหมาะสม"
นายวรวีร์ วีรสัมพันธ์ อุปทูตคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ให้เหตุผลในถ้อยแถลงมีใจความตอนหนึ่งว่า "องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวลมนุษย์ เปิดโอกาสให้ทุกศาสนาสามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนา เพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และทรงสั่งสอนทุกคนโดยใช้ปัญญาธิคุณ โดยไม่คิดค่าตอบแทน"
ในที่สุด องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็น "วันสำคัญสากล" (ด้วยชื่อวันว่า "Vesak") โดยการเสนอของประเทศศรีลังกาดังกล่าว ด้วยมติเอกฉันท์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2542
เชิงอรรถ
หมายเหตุ 1: สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพไม่ทรงเชื่อว่าหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ แต่งขึ้นในสมัยสุโขทัยทั้งหมด โดยทรงสันนิษฐานไว้ว่าสำนวนและเรื่องราวบางส่วนในเป็นสำนวนใหม่ที่แต่งในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ แต่ในส่วนเค้าโครงหลัก ๆ ทรงสันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจมีเค้าโครงเรื่องจริงมาจากสมัยสุโขทัย
หมายเหตุ 2: พื้นที่บริเวณพุทธคยาเป็นกรรมสิทธิ์ของตระกูลพราหมณ์มหันต์ เนื่องจากพุทธคยาถูกทอดทิ้งไปหลังจากพระพุทธศาสนาเสื่อมไปจากอินเดีย และพราหมณ์มหันต์เข้าครอบครองมหาโพธิเจดีย์โดยปรับเป็นเทวสถาน ต่อมารัฐบาลอินเดียได้รื้อถอนศิวลิงก์เพื่อปรับเป็นพุทธสถาน และชาวพุทธได้เรียกร้องขอเข้ามีส่วนร่วมในการจัดการพุทธคยาในภายหลังจนมีการตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารร่วมกัน
หมายเหตุ 3: พ่อค้าทั้งคู่นั้น ตามตำนานของพม่ากล่าวว่าพ่อค้าทั้งสองเป็นพ่อค้ามาจากเมืองพม่า โดยในตำนานกล่าวว่าพระพุทธองค์ได้ทรงประทานพระเกศาแก่พ่อค้าทั้งคู่เป็นที่ระลึกในพุทธานุสสติด้วย เมื่อพ่อค้าทั้งสองได้นำพระเกศาธาตุกลับไปจึงได้นำไปสร้างสถูปประดิษฐาน ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นพระมหาธาตุชเวดากองอันเป็นสถานที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธองค์จนเป็นที่เคารพของชาวพุทธทั่วไปจนปัจจุบันนี้
หมายเหตุ 4: พระองค์ได้เสด็จมานมัสการ ณ ที่แห่งนี้ และได้ทรงสร้างอารามและสร้างเสริมพระแท่นวัชรอาสน์ (พระแท่นตรัสรู้ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์) ด้วยศิลาแกะสลักประดับอัญมณี (ซึ่งพระแท่นนี้ยังคงปรากฏมาจนปัจจุบัน) และในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชนี้เอง พระนางสังฆมิตตาเถรี พระราชธิดาในพระเจ้าอโศกมหาราช ได้นำกิ่งด้านขวาของต้นพระศรีมหาโพธิ์ไปถวายแด่พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ พระมหากษัตริย์แห่งลังกา โดยได้ทรงปลูกไว้ ณ เมือง;อนุราธปุระ ซึ่งยังคงมีอายุยืนยาวมาจนปัจจุบัน ...
ดูเพิ่ม
- งานวันวิสาขบูชาโลก
- รายการวันสำคัญทางพุทธศาสนา
- วันมาฆบูชา (วันสำคัญทางพุทธศาสนา และวันหยุดราชการในประเทศไทย)
- วันอาสาฬหบูชา (วันสำคัญทางพุทธศาสนา และวันหยุดราชการในประเทศไทย)
- วันอัฏฐมีบูชา (วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 8 วัน)
- พุทธชยันตี
อ้างอิง
- "BBC on Buddhism". BBC Religions. BBC. สืบค้นเมื่อ 21 November 2018.
- "Making History: Vesak Celebrated at the White House with Candle Offerings". 27 May 2021.
- "Visakha Puja". Accesstoinsight.org. สืบค้นเมื่อ 20 March 2012.
- Request for inclusion of an additional item in the agenda of the fifty-fourth session in United Nations (12 November 1999). International recognition of the Day of Vesak. Retrieved on May 7, 2009 (อังกฤษ)
- พระพุทธศาสนาในสถานการณ์ปัจจุบัน 2020-08-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. UNDV Celebration. เรียกข้อมูลวันที่ 23 เมษายน 2552
- Nirvana Day - 15th February 2009. BBC Schools-Buddhism. Retrieved on May 7, 2009 (อังกฤษ)
- Wesak (Buddha Day) - First Full Moon in May - around 20th May 2009. BBC Schools - Buddhism. Retrieved on May 7, 2009 (อังกฤษ)
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. อจฺฉริยอพฺภูตธมฺมสุตฺต อุปริ. ม. 14/248/363
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. อจฺฉริยอพฺภูตธมฺมสุตฺต อุปริ. ม. 14/249-251/366-7-8-9, 371
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. อจฺฉริยอพฺภูตธมฺมสุตฺต อุปริ. ม. 14/249-251/366-7-8-9, 371
- เทวประภาส มากคล้าย. สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น : ประเพณีวัฒนธรรมและพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของวัดและหมู่บ้านคุ้งตะเภา. อุตรดิตถ์ : วัดคุ้งตะเภา, 2552.
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาปรินิพฺพานสุตฺต มหา. ที. 10/176/139
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. ปาสราสิสุตฺต โอปทฺทมวคฺค มู. ม. 12/316/316
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. ปาสาราสิสุตฺต โอปทฺทมวคฺค มู. ม. 13/443/89
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาสีหนาทสุตฺต สีหนาทวคฺค มู. ม. 12/155/177
- มธุรัตถวิลาสินี อัพภันตรนิทาน พรรณนารัตนจังกมนกัณฑ์ อรรถกถาขุททกนิกาย พุทธวงศ์ อรรถกถารัตนะจงกรมกัณฑ์. พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [1] เก็บถาวร 2011-11-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เข้าถึงเมื่อ 9-7-52
- พระไตรปิฎก เล่มที่ 33 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 25 ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก โคตมพุทธวงศ์ที่ 25 (ว่าด้วยพระประวัติพระโคตมพุทธเจ้า). พระไตรปิฏกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [2]. เข้าถึงเมื่อ 11-6-52
- พระไตรปิฎก เล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 17 ขุททกนิกาย ธรรมบท คาถาธรรมบท ชราวรรคที่ 11. พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [3]. เข้าถึงเมื่อ 23-10-52
- อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ชราวรรคที่ 11. อรรถกถาพระไตรปิฎก. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [4]. เข้าถึงเมื่อ 23-10-52
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. สคารวสุตฺต พฺราหมณวคฺค ม. ม. 13/685/754
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. ธนฺธ. สํ. 17/81/125
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาวาร. ม. 19/287/963
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. ปาสาทิกสุตฺต ปา. ที. 11/117/105
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาปรินิพฺพานสุตฺต มหา. ที. 10/139/106
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาปรินิพฺพานสุตฺต มหา. ที. 10/142/109
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาปรินิพฺพานสุตฺต มหา. ที. 10/147/117
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาปรินิพฺพานสุตฺต มหา. ที. 10/149/117
- สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาปรินิพฺพานสุตฺต มหา. ที. 10/159/128
- สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถระ). คัมภีร์วิสุทธิมรรค พระพุทธโฆสเถระ รจนา. กรุงเทพ: สำนักพิมพ์ธนาเพรส. 2551
- พระธรรมโกศาจารย์. ธรรมโฆษณ์ของพุทธทาส-พุทธประวัติจากพระโอษฐ์. ธรรมทานมูลนิธิ. พิมพ์ครั้งที่ 11
- Malalasekera, G.P. Dictionary of Pali Proper Names Vols.I-II. New Delhi : Munshiram Manoharlal, 1983.
- Lumbini, the Birthplace of the Lord Buddha. UNESCO World Heritage Centre. เรียกข้อมูลเมื่อ 5-5-52 (อังกฤษ)
- ศรีกิตติโสภณ (สุกิตติ) , พระ. มหาชนบท 16 แคว้นในชมพูทวีปในสมัยพุทธกาล และจดหมายเล่าเรื่องอนาคาริกธรรมปาละ. กรุงเทพมหานคร : ไม่ปรากฏชื่อสถานที่พิมพ์, 2539
- เสฐียร พันธรังษี. พุทธสถานในชมพูทวีป. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ยูไนเต็ด โปรดั๊กชั่น, 2528
- Li, Yongshi, (translator) (1959). The Life of Hsuan Tsang by Huili. Chinese Buddhist Association, Beijing.
- อมตานันทะ,พระ และคณะ.เอกสารโครงการค้นคว้าพุทธสถานในแดนพุทธองค์ทางวิชาการ. กรุงเทพมหานคร : เอกสารตีพิมพ์ถ่ายสำเนาจากต้นฉบับ, ม.ป.ป.
- พระมหาสมจินต์ สมฺมาปญฺโญ. ลุมพินี สถานที่ประสูติพระรูปกายของพระสิทธัตถโคตมพุทธเจ้าแห่งศากยวงศ์. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. 2541
- Mahabodhi Temple. UNESCO World Heritage Centre. เรียกข้อมูลเมื่อ 5-5-52 (อังกฤษ)
- พระไตรปิฎก เล่มที่ 20 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 12 อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต เอตทัคคบาลี
- พระราชวรมุนี (ประยุทธ์ ปยุตโต). พจนานุกรมพุทธศาสน์ : ฉบับประมวลศัพท์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2527
- พระราชธรรมมุนี (เกียรติ สุกิตฺติ) (2543). จดหมายเล่าเรื่องอนาคาริกธรรมปาละ. กรุงเทพ.
- . Root Institute for Wisdom Culture. 2009-05-05. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-07-24.
- สุชีพ ปุญญานุภาพ. พระไตรปิฏกสำหรับประชาชน. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2522
- สมัย สิงห์ศิริ (ผู้แปล). พระพุทธศาสนาในชมพูทวีป. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ ประพาสต้น, 2504.
- Bagri, S.C. Buddhhist Pilgrimages & Tours in India. Nodida : Publication Division of Indian Government, 1992
- สุนนท์ ปัทมาคม, รศ. . สมุดภาพแดนพุทธภูมิ ฉลองชนมายุ 80 ปี พระสุเมธาธิบดี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2541.
- พระเจดีย์วิสาขบูชานุสรณ์..สู่สหประชาชาติ 2012-09-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. สำนักข่าวออนไลน์คมชัดลึก. เรียกข้อมูลเมื่อ 6-5-52
- วันสำคัญของเรา, กรมวิชาการ, กระทรวงศึกษาธิการ, พ.ศ. 2520, หน้า 6
- วันสำคัญทางศาสนา วันวิสาข[]. เว็บไซต์ศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ (TKC:Thailand Knowledge Center). เรียกข้อมูลเมื่อ 2-5-52
- วันวิสาขบูชา หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติ 2009-08-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. นิทรรศการออนไลน์ หอสมุด มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. เรียกข้อมูลเมื่อ 5-5-52
- อรรถกถา สุวรรณสามชาดก ว่าด้วย สุวรรณสามบำเพ็ญเมตตาบารมี. เว็บไซต์ 84,000 พระธรรมขันธ์. เรียกข้อมูลเมื่อ 5-5-2552
- เอกรัตน์ อุดมพร. วรรณคดีสมัยสุโขทัย. กรุงเทพ: สำนักพิมพ์พัฒนาศึกษา, ไม่ทราบปีที่พิมพ์.
- วันวิสาขบูชาวันสำคัญสากลโลก 2012-11-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ. เรียกข้อมูลเมื่อ 4-5-52
- คำบรรยายรายวิชาแนวคิดทางจริยศาสตร์ในสังคมไทย 2009-10-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (SHES 531 History of Ethical Thoughts in Thai Society). ภาควิชามนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. เรียกข้อมูลเมื่อ 4-5-52
- การทูตเชิงวัฒนธรรมเบื้องต้น ฉบับปกิณกะ 2007-05-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน โดย: สุขุม สมประสงค์. เว็ปไซต์สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ฯ. เรียกข้อมูลเมื่อ 4-5-52
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกำหนดวันหยุดราชการ นักขัตฤกษ์ประจำปี (พระพุทธศักราช 2456) 2011-11-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม 30, 30 มีนาคม พ.ศ. 2456, หน้า 533
- จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระราชพิธีสิบสองเดือน. โรงพิมพ์พระจันทร์ : พระนคร, 2496.
- ราชกิจจานุเบกษา, การพระราชกุศลวิสาขบูชา และกาลานุกาล, เล่ม 13, 31 พฤษภาคม พ.ศ. 1896, หน้า 105
- ราชกิจจานุเบกษา, การพระราชกุศลวิสาขบูชาแลกาลานุกาล, เล่ม 16, ตอน 8 , 23 พฤษภาคม พ.ศ. 1897, หน้า 89
- ราชกิจจานุเบกษา, วิสาขบูชา, เล่ม 1, ตอนที่ 24, 15 กรกฎาคม พ.ศ. 1884, หน้า 213
- ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา พุทธศักราช 2551, เล่ม 125, ตอนที่ 10 ข, 13 มิถุนายน พ.ศ. 2551, หน้า 14
- ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการ ที่ 8/2508 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา ณ วัดมหาธาตุ จังหวัดเพชรบุรี พุทธศักราช 2508, เล่ม 82, ตอน 39 ง, 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2508, หน้า 1397
- สำนักศาสนาศึกษาวัดเทพลีลา: คู่มือเปิดตำราเรียนบาลี. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย , 2545.
- ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการ ที่ 10/2502 พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา พุทธศักราช 2502, เล่ม 76, ตอน 53 ง, 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2502, หน้า 1407
- ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการ ที่ 10/2547 พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา พุทธศักราช 2547, เล่ม 121, พิเศษ 61 ง, 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2547, หน้า 91
- ราชกิจจานุเบกษา, กำหนดการ ที่ 7/2490 พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา มิถุนายน พุทธศักราช 2490, เล่ม 64, ตอน 24 ง, 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2490, หน้า 1016
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง สร้างและจำหน่ายตราไปรษณียากรชุดวันสำคัญทางพุทธศาสนา (วันวิสาขบูชา), เล่ม 115, ตอน 40 ง, 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2541, หน้า 13
- ตราไปรษณียากรชุดวันสำคัญทางพุทธศาสนา (วันวิสาขบูชา) ประจำปี 2552 2011-11-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เว็บไซต์บริษัทไปรษณีย์ไทย. เรียกข้อมูลเมื่อ 12-5-52
- India Public Holidays 2009. The Professional Source of World Public Holidays. The Professional Source of World Public Holidays. เรียกข้อมูลเมื่อ 11-5-52
- Singapore Public Holidays 2009. The Professional Source of World Public Holidays. The Professional Source of World Public Holidays. เรียกข้อมูลเมื่อ 11-5-52
- Sri Lanka Public Holidays 2009. The Professional Source of World Public Holidays. เรียกข้อมูลเมื่อ 11-5-52
- Burma Public Holidays 2009. The Professional Source of World Public Holidays. เรียกข้อมูลเมื่อ 11-5-52
- Bangladesh Public Holidays 2009. The Professional Source of World Public Holidays. เรียกข้อมูลเมื่อ 11-5-52
- Indonesia Public Holidays 2009. The Professional Source of World Public Holidays. เรียกข้อมูลเมื่อ 11-5-52
- Malaysia Public Holidays 2009. The Professional Source of World Public Holidays. เรียกข้อมูลเมื่อ 11-5-52
- Nepal Public Holidays 2009. The Professional Source of World Public Holidays. เรียกข้อมูลเมื่อ 11-5-52
- South Korea Public Holidays 2009. The Professional Source of World Public Holidays. เรียกข้อมูลเมื่อ 11-5-52
- Cambodia Public Holidays 2009. The Professional Source of World Public Holidays. เรียกข้อมูลเมื่อ 11-5-52
- Bhutan Public Holidays 2009. The Professional Source of World Public Holidays. เรียกข้อมูลเมื่อ 11-5-52
- อดิศร อิสิ. อนันตริยกรรม ณเวียดนามใต้ 2012-09-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. กรุงเทพมหานคร: ไม่ทราบปีที่พิมพ์
- Vesak Day in BOROBUDUR 2007 Ep.1. DMC: Dhamma Media Channel. เรียกข้อมูลเมื่อ 11-5-52
- Vesak Day in BOROBUDUR 2007 Ep.2. DMC: Dhamma Media Channel. เรียกข้อมูลเมื่อ 11-5-52
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-01-22. สืบค้นเมื่อ 22 มิถุนายน 2551.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - BURMA, D. G . E. HALL, M.A., D.LIT., F.R.HIST.S.Professor Emeritus of the University of London and formerly Professor of History in the University of Rangoon, Burma.Third edition 1960.(อังกฤษ)
หนังสืออ่านเพิ่มเติม
- พระธรรมโกศาจารย์. ธรรมโฆษณ์ของพุทธทาส-พุทธประวัติจากพระโอษฐ์. กรุงเทพฯ : ธรรมทานมูลนิธิ, 2529. พิมพ์ครั้งที่ 11.
- ปัณณวัฒน์. ปฏิทิน 100 พ.ศ. 2468-2568 คัมภีร์พยากรณ์คู่บ้าน. กรุงเทพฯ : ไพลิน, 2550.
- เบญจมาศ พลอินทร์. วรรณคดีขนบประเพณี พระราชพิธีสิบสองเดือน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, 2523.
- ไพโรจน์ คุ้มไพโรจน์.ตามรอยบาทพระศาสดา. กรุงเทพ: สำนักพิมพ์ธรรมสภา, 2539.
แหล่งข้อมูลอื่น
- พระไตรปิฎก เล่มที่ 10 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 2 ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร 2004-05-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- อรรถกถา ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
wnwisakhbucha bali wisakhpun nmipucha xngkvs Vesak mixikchuxwa phuththchynti phuththpurnima aela wnphraphuththeca epnwnsakhythangsasnaphuththsahrbphuththsasnikchnthuknikaythwolk thngepnwnhyudrachkarinhlaypraeths aelawnsakhyinradbnanachatitamkhxmtikhxngsmchchaihyaehngshprachachati ephraaepnwnkhlaywnthiekidehtukarnsakhythisudinsasnaphuthth 3 ehtukarndwykn khux karprasuti trsru aelapriniphphankhxngphraokhtmphuththeca odythngsamehtukarnidekid n wnkhun 15 kha eduxn 6 hruxwnephyaehngeduxnwisakha tangpikn chawphuththcungthuxwa epnwnthirwmekidehtukarnxscrryying aelaeriykkarbuchainwnniwa wisakhbucha yxmacak wisakhpurnmibucha aeplwa karbuchainwnephyeduxnwisakha xnepneduxnthisxngtamptithinkhxngxinediy sungtrngkbwnephyeduxn 6 tamptithincnthrkhtikhxngithy aelamktrngkbeduxnphvsphakhmhruxmithunayntamptithincnthrkhtikhxngithy odyinpraethsithy thapiidmieduxn 8 sxnghn keluxnipthainwnephyeduxn 7 aetpraethsxunthinbthuxphraphuththsasnaethrwath aelaimidthuxkhtitamptithincnthrkhtiithy cacdphithiwisakhbuchainwnephyeduxn 6 aeminpinncamieduxn 8 sxnghntamptithincnthrkhtiithyktam swninklumchawphuththmhayanbangnikaythinbthuxwa ehtukarnthng 3 nnekidinwntangknip camikarcdphithiwisakhbuchatangwnkntamkhwamechuxinnikaykhxngtn sungimtrngkbwnwisakhbuchatamptithinkhxngchawphuththethrwathwnwisakhbuchaphithichlxngwnwisakhbuchathioborbudurincnghwdchwaklang praethsxinodniesiychuxxunhruxwnphraphuththecacdkhunodychawphuththaelabangswn odyhlkinexechiyit exechiytawnxxkechiyngit aelaexechiytawnxxkpraephthwnsakhyinsasnaphuththkhwamsakhywnprasuti trsru aelapriniphphankhxngphraokhtmphuththecakarthuxptibti daenintamsilaepd kinxaharmngswirti bricakhthan srngnaphrawnthikhun 15 kha eduxnwisakha khun 15 kha eduxn 6 mktkxyuinchwngeduxnemsayn phvsphakhm hruxmithunaynwnthiinpi 20233 mithunaynwnthiinpi 202422 phvsphakhmwnthiinpi 202511 phvsphakhmwnthiinpi 202631 phvsphakhmkhwamthithukpiswnekiywkhxngethskalthiekiywkhxng inpraethscin orhtsu inpraethsyipun wnwisakhbucha nnidrbkarykyxngcakphuththsasnikchnthwolkihepnwnsakhysaklthangphraphuththsasna enuxngcakepnwnthibngekidehtukarnsakhy 3 ehtukarn thiekiywenuxngkbphraphuththecaaelacuderimtnkhxngsasnaphuthth sungehtukarnthnghmdidekidkhunemux 2 500 kwapikxn n dinaednthieriykwachmphuthwipinsmyphuththkal odyehtukarnaerk emux 80 pi kxnphuththskrach epn wnprasutikhxngecachaysiththttha n itrmsalphvks inphrarachxuthyanlumphiniwn xyuinekhtpraethsenpalinpccubn aelaehtukarntxma emux 45 pi kxnphuththskrach epn wnthiecachaysiththtthaidbrrluphrasmmasmophthiyan trsruepnxngkhsmedcphrasmmasmphuththeca n itrmophthiphvks rimfngaemnaenrychra tablxuruewlaesnanikhm xyuinekhtpraethsxinediyinpccubn aelaehtukarnsudthay emux 1 pi kxnphuththskrach epn wnesdcdbkhnthpriniphphankhxngxngkhsmedcphrasmmasmphuththeca n itrmsalphvks insalwonthyan phrarachxuthyankhxngecamlla emuxngkusinara xyuinekhtpraethsxinediyinpccubn odyehtukarnthnghmdlwnekidtrngkbwnephyeduxn 6 hruxeduxnwisakhanithngsin chawphuththcungnbthuxwawnephyeduxn 6 ni epnwnthirwmwnkhlaywnekidehtukarnsakhy khxngphraphuththecaiwmakthisud aelaidniymprakxbphithibaephybuykuslaelaprakxbphithiphuththbuchatang ephuxepnkarthwayskkararalukthungaedxngkhsmedcphrasmmasmphuththecasubmacnpccubn wisakhbucha mikarnbthuxptibtikninhlaypraethsthinbthuxphraphuththsasnathngmhayanaelaethrwaththuknikaymachananaelw inbangpraethseriykphithiniwa phuththchynti Buddha Jayanti echnin praethsxinediyaelapraethssrilngka inpccubnmihlaypraethsthiykyxngihwnwisakhbuchaepnwnhyudrachkar echn praethsxinediy praethsithy praethsphma praethssrilngka singkhopr aelaxinodniesiy epntn swnihyepnpraethsthimisdswnprachakrthinbthuxphraphuththsasnanikayethrwathmakthisud infaykhxngpraethsthinbthuxphraphuththsasnaethrwathinpccubn swnihyidrbkhtikarptibtibuchainwnwisakhbuchamacaklngka praethssrilngka inpraethsithyprakthlkthanwamikarcdphithiwisakhbuchamatngaetsmysuokhthy wnwisakhbucha thuxidwaepnwnsakhythangphraphuththsasnasakl ephraachawphuthththuknikaycaphrxmickncdphithiphuththbuchainwnniphrxmknthwthngolk sungimehmuxnwnmakhbucha aelawnxasalhbucha thiepnwnsakhythangphraphuththsasnathiniymnbthuxknechphaainpraethsithy law aelakmphucha aeladwyehtuni prachumihysmchchashprachachaticungykyxngihwnwisakhbuchaepn wnsakhysakl International Day tamkhxmtismchchaihyaehngshprachachatithi 54 112 lngwnthi 13 thnwakhm ph s 2542 pccubn praethsithyidprakasihwnwisakhbuchaepnwnhyudrachkar odyphuththsasnikchnthngphrabrmwngsanuwngs phrasngkh aelaprachachn camikarprakxbphithitang echn kartkbatr karfngphrathrrmethsna epntn ephuxepnkarbucharalukthungphrartntryaelaehtukarnsakhy 3 ehtukarndngklaw thithuxidwaepnwnkhlaywnthi prasuti khxngecachaysiththttha phusungtxmaid trsru epnphrasmmasmphuththeca phuthrngkxpripdwy phrabrisuththikhun phrapyyakhun phusungidthrngsngsxnprakasphrascthrrm khux khwamcringkhxngolk aekchnthngpwngody phramhakrunathikhun cwbcnthrng esdcdbkhnthpriniphphan inwarasudthay thngsamehtukarnthiekidkhunsubenuxnginwnephyeduxn 6 nithaihphraphuththsasnaidbngekidaelasubtxmaxyangmnkhngcnthungpccubnkhwamsakhyinwnwisakhbuchawnwisakhbuchaepnwnthiralukthungwnprasuti trsru aelapriniphphankhxngphraphuththeca sungtrngkbwnephy eduxnwisakhmas eduxn 6 trngknthng 3 khraw khux echawnsukr khun 15 kha eduxn 6 picx kxnphuththskrach 80 pi ecachaysiththttha prasuti thiphrarachxuthyanlumphiniwnrahwangkrungkbilphsdukbethwthha echamudwnphuth khun 15 kha eduxn 6 piraka kxnphuththskrach 45 pi ecachaysiththttha trsru epnphrasmmasmphuththeca emuxphrachnmayu 35 phrrsa n itrmimsrimhaophthi fngaemnaenrychra tablxuruewlaesnanikhm hlngcakxxkphnwchid 6 pi pccubn sthanthiaehngnieriykwa phuththkhya epntablhnungkhxngemuxngkhya aehngrthphihar praethsxinediy hlngcaktrsru thrngxxkprakasphrathrrmwinyaelaoprdewinystwepnewla 45 pi emuxphrachnmayuid 80 phrrsa k esdcdbkhnthpriniphphan emuxwnxngkhar khun 15 kha eduxn 6 pimaesng n salwonthyan khxngmllkstriy emuxngkusinara aekhwnmlla pccubnxyuinemuxngkusinkhra rthxuttrpraeths praethsxinediy enuxngcakehtukarnsakhythng 3 ehtukarndngklawkhangtn ekidkhuntrngkninwnephy eduxn 6 chawphuththcungeriykkarbuchainwnniwa wnwisakhbucha sungaeplwa karbuchainwnephyeduxnhk bangaehngeriykwa wnphraphuththeca hrux phuththchynti ehtukarnsakhythiekidinwnwisakhbuchainphuththprawtiehtukarninwnprasutiepnehtukarnsakhyladbaerkkhxngphraphuththecaekidkhuninwnephy eduxnwisakhmas odyphraphuththecahruxphranamedim ecachaysiththttha idprasutiinphrabrmsakyrachwngs epnphrarachoxrsaehngphraecasuthoththnaaelaphranangsirimhamaya phuepnphrarachmehsiaehngphraecasuthoththna odyecachaysiththtthathrngdarngtaaehnngsakymkutrachkumar phuckidrbsubphrarachbllngkepnkstriyaehngkrungkbilphsdusubip phaphcitrkrrmfaphnngphraphuththprawtitxnecachaysiththtthaprasuti phayinphrarachxuthyanlumphiniwn cakhlkthanchnbali phraitrpidk aelaxrrthktha klawwa hlngcakphraophthistwphudarngxyuindusitethwolkidbaephyphrabarmikhrbthwnaelw idthrngrbkhaxarathnaephuxcutilngmatrsruepnphrasmmasmphuththeca phraophthistwcungidcuticakswrrkhchndusitlngmasuphrakhrrphkhxngphranangsirimhamaya emuxewlaiklrung wnphvhsbdi khun 15 kha eduxn 6 pi raka kxnphuththskrach 80 pi emuxphranangsirimhamayathrngphrakhrrthkhrbthwnthsmas 10 eduxn inwnephy eduxnwisakhmas trngkb wnsukr khun 15 kha eduxn 6 kxnphuththskrach 80 pi phraxngkhmiphrarachprasngkhthicaesdcphrarachdaeninklbipprasutiphrarachbutryngemuxngethwthhaxnepnemuxngbanekidkhxngphraxngkh aetkhnaesdcphrarachdaeninidephiyngklangthanghruxphayinphrarachxuthyanlumphiniwnsungtngxyurahwangemuxngkbilphsduaelaemuxngethwthhatxkn phraxngkhekidprachwrphrakhrrphcaprasuti xamatyphutamesdccungcdrmimsalathway phranangcungprasutiphraoxrs n itrmimsalann odykhnaprasutiphranangprathbyun phrahtththrngcbkingsalaiw emuxphraophthistwprasutiaelw odyxakarthiphrabathxxkcakphrakhrrphkxn phraophthistwidthrngphradaeninipid 7 kaw aelaidthrngeplngxasphiwaca wacaprakaskhwamepnphusungsud khunwa xkh okhhms mu olks s echt othhms mu olks s est othhms mu olks s xymn tima chati nt thithani punph phow khaaepl eraepnphuelisaehngolk eraepnphuecriythisudaehngolk eraepnphupraesriththisudaehngolk chatini epnchatisudthay bdni phphihmyxmimmi dngni syamrt thetpitk pali xc chriyxph phutthm msut t xupri m 14 249 251 366 7 8 9 371 odykarthrngeplngxasphiwacaepnxscrryni nbepnburphnimitaehngphrabrmophthiyan thiecachaynxyphuepnphrabrmophthistwckidtrsruepnphrasmmasmphuththecainkalxikimnan kartrsru ehtukarnkartrsruphrabrmsmmasmophthiyankhxngecachaysiththtthani epnehtukarnsakhyladbthisxngkhxngphraphuththecathiidekidinwnephy eduxnwisakhmas sungehtukarnnithuxidwaepnehtukarnthimikhwamsakhymakthisudkhxngphraphuththecaaelaphraphuththsasna odythuxidwaepnkarekidkhrngthisxngkhxngecachaysiththttha khux khrngaerknnephiyngekidepnmnusy aetkartrsrunithuxwaepnkarekidihmxikkhrng epnkarekidthihaidodyyak epnkarekidthismburnphrxmdwyxriyphl ruaecngsungsrrphkielsthngpwng hludphncakbwngaehngmar khux thukkhaelasukhthngpwngidhmdsin ehtukarninkhrngnithaihecachaysiththtthaepn phrasmmasmphuththeca aeplwa phutrsruchxbdwyphraxngkhexng phuimidrbbychacakikhr phuimidrboxngkarcakphraphusrang hruxethphethwdaxngkhihn epnkar ruaecngolkthngpwng thiecachaysiththtthainthanamnusythrrmdakhnhnungphungkrathaid aelathukkhnmisiththithica ru ehmuxnthiphraxngkhthrngrudwyehmuxnkn dngnn cungthaihmiphueriykphrathrrmwinyhruxkhasngsxnkhxngphraxngkhwa phraphuththsasna aeplwa sasnakhxngphuruaecng sasnakhxngphu ptibtiephux hludphncakkielsthngmwl karxxkphnwch ehtukarnkarxxkphnwchcakhlkthanchntn khux phraitrpidk klawwa emuxecachaysiththtthaxayuid 29 phrrsa idthrngprarphehtukhux khwamaek ecb tay thimixyuthukkhnepnthrrmolk immiikhrcarxdphnipid aetephraawamiidfngkhasngsxnkhxngphuru cungthaihmwaetmanngrngekiycehtuehlannwaepnkhxngimkhwrkhid imkhwrsnic thaihkhnerathnghlay mwmaaetlumhlngxyuinkielsthnghlayephraakhwamema 3 prakar khux emawatwynghnumyngsawxyuxiknankwacaaek 1 emawaimmiorkhxyuaelaorkhkhngcaimekidaekera 1 emawachiwitepnkhxngyngyun 1 mwaetichchiwitthingipwn klawkhux thrngdariwa mnusythnghlaymikhwamthukkhekidkhunkhrxbngaxyutlxdewlakcring ekliydkhwamthukkhxyutlxdewlakcring aetthaimmnusythnghlayyngmwaeswnghathukkhrxnistwxyutlxdewla aelwthaim eratxngmamwnngaeswnghathukkhistw ihong xyuxikela syamrt thetpitk pali pasrasisut t oxpth thmwkh khxupri m mu m 12 316 316 dwykhwamkhidechnni thaihecachaysiththtthathungkbtngphrathyxxkphnwchdwydariwa emuxruwakarekidmi thukkh epnothsaelw eraphungaeswngha niphphan xnimmikhwamekid xnepnthrrmthieksmcakekhruxngrxyrd immithrrmxunyingkwaethid syamrt thetpitk pali pasrasisut t oxpth thmwkh khmu m 12 316 316 nxkcakni inskharwsutr miphraphuththphcntrssrupsaehtuthithaihthrngtngphrathyxxkbrrphchaiwsn wa khrawaskhbaekhb epnthangmaaehngthuli swnbrrphchaepnoxkasaesngswang phuxyukhrxngeruxncapraphvtiphrhmcrryihbrisuththibriburnodyswnediyw ehmuxnsngkhthiekhakhddiaelw odyngay nnimid thaichneraphungplngphmaelahnwd khrxngphayxmnafadxxkcakeruxn bwchepnphuimmipraoychnekiywkhxngdwyeruxn ethid syamrt thetpitk pali skharwsut t ph rah mnwkh khm mu 13 669 738 dwyehtudngklawthnghlayniphraxngkhcungthrngtngphrathyesdcxxkphnwch odykaresdcxxkphnwchtamnyphraitrpidknn miidthrnghnixxkcakphrarachwng aetesdcxxkphnwchtxhnaphrarachbidaaelaphrarachmardaelythiediyw dnginophthirachkumarsutr rachwrrkh wa eraynghnumethiyw eksayngdacd briburndwyeyawxnecriyinpthmwy emuxbidamardaimprarthnadwy kalngphaknrxngih natanxnghnaxyu eraidplngphmaelahnwd khrxngphayxmfad xxkcakeruxn bwchepnphuimmieruxnaelw syamrt thetpitk pali ophthirachkumarsut t rachwkh khm mu 13 443 489 trsru aeswnghaxacary emuxthrngxxkphnwchaelw phraxngkhthrngekhasuksainsanklththitang echn sankxalardabs rambutr aelasankxuthkdabs ramokhtr idbrrlusmabti 8 sinkhwamruecasankthngsxng aetphraxngkhyngimthrngphxphrathyephraasmabtithng 8 nn imsamarththaihphraxngkhtrsruid cungthrngxxkcaksankkhxngxacarythngsxng esdcipthungtablxuruewlaesnanikhm epnsthanthirmniysthan mipacht aemnaissaxad aelamiokhcrkham sthanthibinthbat xyuodyrxb cungthrngtngphrathythicabaephyephiyrxyu n thiaehngni baephythukkrkiriya phraphuththrupphramhaburusthrngbaephythukkrkiriyaimeswyphrakrayaharcnphrawrkayphxmehluxthungkraduk phayinthadngkhsiri inchwngaerknn phraxngkhthrngbaephyephiyrthangkay khux khux karbaephyephiyrthinkphrtphubaephytbainsmynnykyxngwaepnyxdkhxngkarbaephyephiyrthngpwng 3 prakar odyinrahwangbaephyephiyr pycwkhkhiythng 5 khux oknthyya wppa phththiya mhanama aelaxsschi phuepnphrahmn oknthyya aelabutraehngphrahmn pycwkhkhiythiehlux thiidrwmnganthanaylksnamhaburusaehngecachaysiththttha inkhraw 5 wnhlngcakprasuti wa thaecachaysiththtthaxxkphnwch ckidepnsasdaexkkhxngolk emuxthanehlannidthrabkhawkarxxkphnwchkhxngecachaysiththttha cungchkchwnknxxkbwchephuxtamhaecachay aelaidphbecachaysiththtthainkhnakalngbaephythukkrkiriyacungkhxyefaxyuptibti txma emuxphraxngkhidthrngbaephyephiyrthungkhnywdyingaelwaetyngimtrsru phraxngkhidthrabxupmaaehngphin 3 say wakarptibtiechnniepnhnthangxnsudotngekinip cungidlathukkrkiriyaesiy hnklbmaeswyxahar ehlapycwkhkhiythng 5 cungkhidwaphraxngkhthrngkhlaykhwamephiyrthangkaydwythukkrkiriya immioxkastrsruid cungphaphwklathingphraxngkhipxyuthipaxisiptnmvkhthaywn aekhwngemuxngpharansi wntrsru emuxecachaysiththtthaklbmaeswyphrakrayaharcnphrawrkayklbmamiphrakalngkhunehmuxnedimaelw cungthrngepliynmaerimbaephyephiyrthangictxip cnlwngekhaechawnkhun 15 kha eduxnwisakhmas hlngbrrphchaid 6 pi nangsuchada thidanaybanxuruewlaesnanikhm idnakhawmthupayasipthwayphraxngkhkhnaprathbxyu n tnithriklkbbankhxngnang dwykhidwaphraxngkhepnethwda ephraawnnnphraxngkhmirsmiphxngis cnemuxthrngrbeswykhawmthupayasaelwcungidthrngnathadthxngkhaipxthisthanlxyinaemnaenrychra cwbcnewlaeyn idthrngrbthwayhyakha hyakusa 8 kamux caknayostthiyaphrahmn thrngnaippuladepnophthibllngk n ittnxssthaphvks hlngcakkartrsrucungidchuxihmwa tnphrasrimhaophthi hrux tnophthi tnhnung rimfngnaenrychra phinphraphktripthangthistawnxxk hnphrapvstangkh hlng ipthanglatnphrasrimhaophthi thrngxthisthaninphrathywa hnng exn kraduk ckimehluxxyu enuxaelaeluxdinsrira ckehuxdaehngipktamthi emuxyngimluthungpraoychnxnbukhkhlcaluiddwykalngkhxngburus kartrsru dwykhwamephiyrkhxngburus mnusy dwykhwambakbnkhxngburusaelw ckhyudkhwamephiyrnnesiy epnimmiely syamrt thetpitk pali pyicmsut t km mkrnwkh khthuk x 20 64 251 phaphwadcitrkrrmfaphnng phraphuththecathrngphcyphyamarinkhunwntrsru caknn phyamaridykphlesnamarmaphcy phraxngkhtxngtxsudwyphrabarmi 10 ths klawinaengthrrmathisthan khux thrngtxsukbkielsphayiniccnthrngexachnaiddwyphrabarmi khux khwamlabakinkarbaephykhwamdithngpwng xnthrngidsngsmmatlxdaetkhrngepnphraophthistw thrngtxsucnphyamarphayaephiptxnphraxathitycatkaelw phraxngkhcungthrngerimecriysmthphawna thaciticihepnsmathi cnbrrlupthmchan thutiychan ttiychan aelactutthchan tamladb aelwthrngthaihchanxnepnxngkhaehngpyya 3 prakar ekidkhuninyamthng 3 khux pthmyam thrngbrrlu puphephniwasanusstiyan khux thrngsamarthralukchatiid mchchimyam thrngbrrlu cutuppatyan khux rukartaykarekidkhxngstwthngpwng hruxxiknyhnungeriykwaid thiphycksuyan khux tathiphy pcchimyam phraxngkhidthrngphicarnapticcsmupbath khux thrrmthixasysungknaelakn ekidkhunepnehtuepnphlkhxngknaelakntxenuxngesmuxnkblukos cnidruaecngsungxriyscthrrm 4 prakar khuxphraphuththruppangmarwichy pangchnamar epnphraphuththrupthisuxthungehtukarnthiphraphuththxngkhthrngexachnaphyamar kiels aelabrrluepnphrasmmasmphuththeca silpathiebtthukkh khwamthukkh sphawathithnidyak khwamimsbaykay imsbayic pyha smuthy saehtuthithaihekidthukkh saehtukhxngpyha niorth khwamdbipsungtnehtuthithaihekidthukkh cudmunghmayinkaraekpyha mrrkh hnthangthicadbthukkhid withikaraekpyha syamrt thetpitk pali mhawar s 19 528 1664 aelwphraxngkhcungthrngbrrlusung xaswkkhyyan khux khwamruepnehtusinxaswkielsthngpwng emuxnncitkhxngphraxngkhkhludphncakkielsaelaxaswathngpwng immikhwamyudthuxmndwytnhaxupathan xnepnkaridtrsruphraxnuttrsmmasmophthiyan saercepnphrasmmasmphuththecaxyangsmburn inyamthi 3 aehngkhunwisakhmas kxnphuththskrach 45 pi tngaetnn phraxngkhthrngidrbkarthwayphranambyytiodykhunnimitaehngphraxngkhwa xrh epnphraxrhntphuhangiklcakkielsthngpwng aela sm masm phuth oth epnphrasmmasmphuththeca phuidtrsruchxbidodylaphngphraxngkhexng hamiphuidepnkhruxacaryim txma phraxngkhidthrngnasingthiphraxngkhthrngruaecnginwntrsrunimaephyaekhmuchnthnghlay phraxngkhcungthrngidrbkhnanphranamwa smedcphrabrmsasdasmmasmphuththeca subma wnpriniphphan thrngplngphrachnmayusngkhar pawalecdiy emuxngewsali sthanthithiphraphuththxngkhthrngthakar phraphuththxngkhthrngptibtidarngtninthanaphrabrmsasda ephyaephphrathrrmwiny khux phraphuththsasnaaekphhuchnchawchmphuthwipepnewlakwa 45 pi thaihphrasasnatnghlkthanxyangmnkhng n chmphuthwipkwaphnpi aelaphraphuththsasnaidkhyayxxkipthwaephndinexechiynbaetnnma cwbcnphraphuththxngkhmiphrachnmayu 80 phrrsa miphrawrkaychraphaphesmuxnkhnthwip phraxngkhtrswa sasnakhxngphraxngkhidthrngtngmnaelw thrngthahnathiaehngphraphuththecabriburnaelw inewlasameduxnkxncaesdcdbkhnthpriniphphan khnaphraxngkhprathbxyu n pawalecdiy kutakharsala pamhawn emuxngewsali idtrsxphiyyaethsitthrrmaekphiksuthnghlay aelwphraxngkhthrngthakarwa phiksuthnghlay bdni eracketuxnthanthnghlay sngkharthnghlay mikhwamesuxmipepnthrrmda tthakhtckpriniphphan odykallwngipaehngsameduxncakni syamrt thetpitk pali mhapriniph phansut tmha thi 10 142 109 esdcipemuxngkusinara caknn phraxngkhesdcipbanphnthkham banhtthikham cnesdcthungemuxngpawa odyladb thiniphraxngkhidprathbthiswnmamwngkhxngnaycuntha kmmarbutr thrngaesdngthrrmaeknaycuntha aelaesdciprbbinthbatinwnrungkhun phraxngkhthrngxnuyatrbbinthbateswysukrmththwathinaycunthacdiw txcakni phraxngkhprachwrdwyorkhpkkhnthikaphathxyangklacwbcnsinphrachnmayu caknn idesdcipsuemuxngkusinara inklangthangthrngphkthirmimaehnghnung rbsngihphraxannthpuladsngkhatiephuxeswynadumaelathrngsnthnakbpukkussa mllabutr cnekidsrththathwayphaenuxdisxngphun thrngrbsngihnamahmkhlumphraxngkhphunhnung xikphunhnungrbsngihthwayaekphraxannth emuxpukkussathwayphannaelwhlikip phraxannthidnxmthwayphakhxngtnaekphraphuththeca idehnphrawrkaykhxngphraxngkhwamiphrachwiphxngisyingcungidthultham phraxngkhtrstxbwa xannth epnxyangnn kaykhxngtthakht yxmmichwiphudphxnginkalsxngkhrngkhux inratrithitrsruxnuttrsmmasmophthiyan aelaratri thitthakhtpriniphphandwyxnupathiessniphphanthatu xannth karpriniphphankhxngtthakhtckmiinrahwangtnsalakhu inswnsalaxnepnthiphk khxngphwkmllkstriy iklemuxngkusinara intxnpcchimyamkhunni syamrt thetpitk pali mhapriniph phansut tmha thi 10 149 117 prathbsihisyasn phaphwadcitrkrrmfaphnng phraphuththxngkhesdcdbkhnthpriniphphan emuxesdcthungphrarachxuthyankhxngmllkstriy phraxngkhthrngihphraxannthcdthibrrthmrahwangtnsalakhu khnathrngprathbsihesyyasnhnphraesiyripthangthisehnux idekidxscrry khux dxkalaphlidxkphidvdukaloprylngbnphrasrira dxkmntharph curnimcnthr tklngaeladntrithiphybrrelngkhunephuxbuchaaekphraphuththeca ethwdathwolkthatuidmaprachumknephuxehnphraphuththeca bangxngkhkhrakhrwyesiyicdwyxakartang prathanphrapcchimoxwath caknn phraxngkhthrngxnuyatihphwkmllakstriyekhaefaaelaidtrsaekpyhakhxngsuphththapriphachk cnekidsrththakhxbrrphchadwyexhiphikkhuxupsmpthaepnphrasawkxngkhsudthayinbrrdasawkthithnehnphraphuththxngkh aelwtrsihphrathrrmkhasngsxnkhxngphraxngkhepnphusubsasdaiwwa xannth thrrmkdi winykdi thieraaesdngaelw byytiaelwaekphwkethxthnghlay thrrmwinynn ckepnxngkhsasdakhxngphwkethxthnghlay emuxeralwnglbipaelw syamrt thetpitk pali mhapriniph phansut tmha thi 10 149 117 caknntrsphraoxwaththisakhy xik 4 5 eruxng cninthisudtrsphrapcchimoxwathetuxnepnkhrngsudthaywa hn ththani phik khew xamn tyami ow wythm ma sng khara xp pmaethn sm paethth aeplwa phiksuthnghlay bdni eracketuxnphwkethxthnghlaywa sngkharthnghlaymikhwamesuxmipepnthrrmda phwkethxthnghlay cngyngpraoychntnaelathan ihthungphrxmdwykhwamimpramathethid syamrt thetpitk pali mhapriniph phansut tmha thi 10 149 117 priniphphan caknn phraxngkhthrngningengiyb hlbta thrngekhaxnupuphphwiharsmabti 9 mirupchan 4 khux pthmchan thutiychan ttiychan ctutthchan caknnepnxrupchan 4 khux xakasanycaytna wiyyanycaytna xakiycyyaytna enwsyyanasyyaytna eriykrwmepn smabti 8 aela niorthsmabti 1 chuxetmkhuxsyyaewthyitniorth aelwyxnlngmatamladbcnthungpthmchan aelwyxnkhunxikepn thutiychan ttiychan aelactutthchanepnpcchimsmabti emuxxxkcakctutthchancung esdcdbkhnthpriniphphan phraphuththxngkhtrsthungkhwamdbsmuthyxnepnehtuaehngkhwamdbthukkh esdcdbkhnthpriniphphan iwemuxkhrawthrngphrachnmxyuwa tnim emuxokhntnyngxyu immixupthwa aemthuktd swnbn aelwkngxkidxikxyunn chnidkdi aemthukkhnikchnnn emuxtnhanusyyngmiidthukthxnthingaelw kidekidraip syamrt thetpitk pali khu th 25 338 138 klawkhux phraphuththxngkhesdcdbkhnthpriniphphanephraakhwamdbipaehngsmuthy khux idthrngthxnesiysinsungtnaelarak kielstnhaxnepnsaehtuaehngthukkhthngpwngniaelwemuxinwntrsru karesdcdbkhnthpriniphphannicungepnkartaykhrngsudthaykhxngphraphuththxngkh ody sxupathiessniphphanthatu sintnhaemuxkhrawtrsru aelasinkhnthha emuxkhrawpriniphphan emuxnnidekidaephndinihwihy olmchatilukkhunchuchn klxngthiphybrrluxlnipinxakas iwxalyaedkarcakipkhxngphraphuththxngkh phuthrngepnbrmkhrukhxngolk kaykhxngphraxngkhsinechuxkhuxtnhathicanaipekidinphphihm khrnkayaetkdbaelw thungkhwamepnkhxngwang immixairehluxsahrbswnphsmkhxngkayinphphtxip phraphuththxngkhesdcdbkhnthpriniphphaninpcchimratri wnkhun 15 kha eduxn 6 kxnphuththskrach 1 pi tamkarnbkhxngithy hakepnkmphuchahruxphma canbepn ph s 1 thnthi duephimthi phuththskrach phuththsngewchniysthanenuxngdwywnwisakhbuchaehtukarnsakhythng 3 ehtukarnthiekidinwnwisakhbucha ekidphayinbriewnthieriykwachmphuthwipinsmyphuththkal hruxpraethsxinediyaelaenpalinpccubn odysthanthithiphraphuththxngkhthrngprasutixyuthilumphiniwn praethsenpalinpccubn sthanthitrsru xyuthi phuththkhya aelasthanthipriniphphanxyuthi kusinara praethsxinediyinpccubn ody 2 in 3 khxngphuththsngewchniysthanthiekiywkhxngkbwnwisakhbuchaidrbkarkhunthaebiynihepnaehlngmrdkolk sthanthienuxngdwykarprasuti lumphiniwn thitng lumphiniwnepnphuththsngewchniysthanthisakhy 1 in 4 sngewchniysthankhxngchawphuthth epnsthanthiprasutikhxngecachaysiththttha phusungtxmatrsruepnphrabrmsasdasmmasmphuththeca tngxyuthixaephxiphrwa aekhwnxuth praethsenpal epnphuththsngewchniysthan 4 tablephiyngaehngediywthixyunxkpraethsxinediy twlumphiniwnxyuiklkbchayaednpraethsxinediytxnehnux hangcaksiththarthnkhr hrux nkhrethwthha thangthistawntkpraman 22 kiolemtr aelahangcakemuxngtielaraokt hrux nkhrkbilphsdu thangthistawnxxk 22 kiolemtr sungthuktxngtamtaraphraphuththsasnathiklawwalumphiniwnsthanthiprasuti tngxyurahwangemuxngkbilphsduaelaemuxngethwthha pccubn lumphiniwnidrbkarykyxngcakxngkhkaryuensokihepnaehlngmrdkolk praephthmrdkthangwthnthrrm tngaet ph s 2540 lumphiniwninsmyphuththkal chawphuththnmskar esaphraecaxoskmharach ekhruxnghmaysthanthiphraphuththecaprasuti n lumphiniwn praethsenpal insmyphuththkal lumphiniwnxyuinekhtaehngdinaednthieriykwachmphuthwip tngxyurahwangkrungkbilphsdu emuxnghlwngkhxngphraecasuthoththna aelakrungethwthha emuxnghlwngkhxngphraecachnathip epnphrarachxuthyanladlumrmrunkungklangrahwangthangsahrbphkphxnhyxnickhxngkstriyaelaprachachn sphaphkhxnglumphiniwninsmynnxaccaphicarnaidcakkhmphirwisuththchnwilasini xrrthkthakhuththknikay xpthan idphrrnnaepnphasabaliiwwa thwin n pn nkhran xn ter xuphynkhrwasinm pi lumphiniwn nam mng khlsalwn xt thi ts mu smey mulot pt thay yaw xkh khsakha sph ph exkpaliphul l xohsi sakhn terhi ecw pup phn terhi c py cwn na phmrkhna nanp pkara c skunsng kha mthurs sern wikuchn ta skl lum phiniwn cit tltawnsthis ep aeplwa inrahwangemuxngthngsxng mipasalachuxlumphiniwnxnepnmngkhl smynnsalathnghmdlwnmidxkxxksaphrngepnaenwediywkn aetrakcnsudplayking tamkingkansakhaaeladxknnlwnmihmuphmrnanachnid aelahmunkhlakhlaychnidsngesiyngkurxngprasansaeniyng dngthwthngpa lumphiniwnnncungpraducechnediywkbswncitrlda xnmiindawdungsethwolk chann l wisuth thchnwilasini 1 hna 64 hlngcakkarprasutikhxngphraphuththxngkhaelw imprakthlkthanxunwaphraphuththecaidesdcma n thiaehngniaetxyangid aemphraphuththecacaidesdcma n krungkbilphsdu kprathbthiniokhrtharamthiphraprayuryaticdthwayhaidmaprathbhruxaesdngthrrm n lumphiniwnxikim enuxngephraalumphiniwnnnepnxuthyanimmiphukhnxasynnexng lumphiniwnhlngphuththpriniphphan hlngphuththpriniphan kstriysungidrbswnaebngaehngphrabrmsaririkthatu idnaphrabrmsaririkthatumabrrcuiwinsthupaehnghnung imiklcaklumphiniwnnk cwbcnphuththskrachid 294 pi phraecaxoskmharachidesdcnmskarphuththsngewchniysthanthwthngchmphuthwip phrxmdwyphraomkhkhllibutrtissethra hruxphraxupkhut idesdcmanmskar n lumphinini phraxngkhoprd ihphraomkhkhllibutrtissethranathangaelachicudthiecachaysiththtthaprasuti aelwthrngsrangxaram phraecdiyaelaesasilacarukiwepnsylksnwa lumphiniwnnimikhwamsakhyxyangir sungesasilahinthraykhxngphraecaxoskyngkhngtngxyu n thiedimcnthungpccubn srasrngsnan aela mhamayaethwiwihar hlngkarburna hlngcakyukhkhxngphraecaxoskmharach eruxngrawkhxnglumphiniwnidhayipcakhnaprawtisastrkhxngphraphuththsasnaekuxb 700 pi odyimprakthlkthanexksarthisamarthsubkhnthungkhwamepnipkhxnglumphiniwninchwngniid cninpraman ph s 900 idedinthangcakpraethscinmathunglumphiniwn thanidklawiwsn ephiyngwaidphbbxsrngsnan aelarabuthitngkhxnglumphiniwnwaxyuiklcakkrungkbilphsduipthangthistawnxxkpraman 14 16 kiolemtr txma in ph s 1181 smnaehiyncng hrux phrathngsacng idedinthangmathunglumphiniwn odyidthakarkarcdbnthukrabuthitngsthanthitang inlumphiniwniwkhraw thanidklawthungbxsrngsnan sungkhngepnbxediywkbthismnafaehiynklawiwinbnthuk sungbxniyngkhngmixyumacnpccubn aelaklawwaimiklcakbxnnippraman 24 kaw mitnsalatnhnung echuxknwaepncudthiecachaysiththtthaprasuti cakcudnnipthangitmiecdiyxngkhhnung echuxknwaepncudthiphraxinthresdccakswrrkhlngmatxnrbphrarachoxrsthiprasutiihm ikl knmiecdiyxiksixngkh thisrangiwephuxthwayaekthawctuolkbal thithahnathithwayxphibalphraoxrsprasutiihm aelaiklknnnmiesaxoskrupsinghpradisthanxyubnyxd in ph s 2438 2439 esxr xelksanedxr khnningaehmaelakhna idkhnphbesasilaphraecaxosksungthukfngdiniwaelaphbcarukepnxksrphrahmirabuwathiaehngnikhuxsthanthiecachaysiththtthaprasuti caknncungerimmikarkhudkhnthangobrankhdi odyphbsakprkhkphngcanwnmak saksthupkwa 50 xngkh aelasakwiharxaram mixayutngaetsmyrachwngsomriya rachwngssungkha rachwngskusana aelasmykhupta praman ph s 300 ph s 950 cudaeswngbuyaelasphaphkhxnglumphiniwninpccubn xu thn xditelkhathikarshprachachati phudariihchawphuthththwolkrwmknburnalumphiniwnihepnphuththxuthyanprawtisastrkhxngolk pccubn lumphiniwnidrbkarburnaaelamithawrwtthusakhythichawphuththniymipskkara khux esahinphraecaxoskmharach thirabuwasthanthiniepnsthanthiprasutikhxngecachaysiththttha nxkcakni yngmi wiharmayaethwi phayinpradisthanphaphhinaekaslkphrarupphranangsirimhamayaprasutiphrarachoxrs odyepnwiharekamixayurwmsmykbesahinphraecaxosk pccubn thangkarenpalidsrangwiharihmthbwiharmayaethwihlngeka aelaidkhudkhnphbsilacarukrupkhlayrxyetha snnisthanwaepncarukrxyethakawthiecdkhxngecachaysiththtthathithrngdaeninidecdkawinwnprasuti lumphiniwnidrbkarphthnacakchawphuthththwolk odyechphaacakokhrngkarfunfuphuththsthanlumphiniwnihepn phuththxuthyanthangprawtisastrkhxngolk sungepndarikhxng xu thn chawphuththphma insmythithandarngtaaehnngelkhathikarxngkhkarshprachachati thantngicerimokhrngkarfunfuihlumphiniwnepnsunyrwmciticchawphuththbnphunthisiehliymphunphakwa 6 000 ir khnantamaenwehnuxit aebngphunthiepnsdswnsahrbplukpaaelasrangwdphuththnanachaticakthwolkkwa 41 praeths odyobransthanlumphiniwntngxyuthangdanit pccubn miwdithyaelawdphuthththwolkipsrangxyucanwnmakaelamikhnadihyot ephuxrxngrbphuththsasnikchnthimaskkaraaeswngbuy in ph s 2540 lumphiniwnidrbkarkhunthaebiynihepnaehlngmrdkolk phayitchux lumphini sthanthiprasutikhxngphraphuththeca inkarprachumkhnakrrmkarmrdkolksmysamykhrngthi 21 thiemuxngnaopli praethsxitali xikdwy tnphrasrimhaophthi phayinprimnthllumphiniwn rxyphraphuththbathhinslk phayinwiharmhamayaethwi ihm wdphuththnanachati phayinphuththxuthyanlumphiniwn dwngifaehngsintiphaph phayinphuththxuthyanthangprawtisastrkhxngolk swnlumphiniwn sthanthienuxngdwykartrsru phuththkhya thitng phuththkhyanbepnphuththsngewchniysthanthisakhythisudaelaepnsthanthiskdisiththithisudkhxngchawphuthththwolkephraaepncuderimtnkhxngphraphuththsasna odyepnsthanthithiecachaysiththtthatrsruphraxnuttrsmmasmophthiyanepnsmedcphrabrmsasdasmmasmphuththeca nbepnewlakwa 2 500 pithisthanthiaehngniepnsunyrwmkhxngcudhmayinkaraeswngbuykhxngchawphuththphumisrththathwolk phuththkhyamichuxeriykxikchuxwa wdmhaophthi Mahabodhi Temple tngxyuthicnghwdkhya rthphihar praethsxinediy hangcakrimfngaemnaenrychra 350 emtr inxdittablthitngphuththkhyamichuxwa xuruewlaesnanikhm txma cungephiynepn xuerl pccubn phuththkhyaxyuinkhwamduaelkhxngkhnakrrmkarrwmphuthth hindu2 aelayngidrbkarykyxngcakxngkhkaryuensokihepnaehlngmrdkolk praephthmrdkthangwthnthrrm tngaet ph s 2545 phuththkhyainsmyphuththkal phrasngkh nmskarphramhaophthiecdiy sthanthitrsrukhxngxngkhsmedcphrasmmasmphuththeca phuththsngewchniysthanthisakhythisudkhxngchawphuthth insmyphuththkal phuththkhyaxyuindinaednthieriykwachmphuthwip tngxyuinhmubannikhmchuxwaxuruewla inaekhwnmkhth epnsthanthithirmrun rmniysthan sadwkdwyokhcrkham ehmaaaekkarbaephyephiyrthangcit sphaphkhxngphuththkhyainsmyphuththkalxaccaphicarnaidcakphuththphcninphraitrpidkthiidtrskbophthirachkumar inophthirachkumarsutr rachwrrkh mchchimnikay mchchimpnnask sungphraphuththxngkhidthrngphrrnathungtablxuruewlaesnanikhmiwwa rachkumar erannemuxhlikipcaksankxuthkphurambutraelw aeswnghaxyuwaxairepnkusl khnhaaetsingthipraesrithfaysntixnimmixunyingkwa ethiywcarikiptamladbhlaytablinmkhthrth cnbrrluthungtabl xuruewlaesnanikhm phkaermxyu n tablnn n thinn eraidphbphakhphunrmniysthan michtpaeyuxkeyn aemnaiseyncudsnith mithanaraberiybepnxndinaephlinic mibansahrbokhcrtngxyuodyrxb rachkumar eraidehnaelw ekidkhwamrusukwa phumiphakhninarunrmycring chtpaeyneyuxk aemnaihliseyncudsnith mithanaraberiybepnxndinaephlinic thngthiokhcrktngxyuodyrxb thinismkhwrephuxcatngkhwamephiyrkhxngkulbutrphutxngkardwykhwamephiyr dngni rachkumar eranngphkxyu n tablnnexng dwykhidwathinismkhwraelwephuxkartngkhwamephiyr dngni syamrt thetpitk pali ophthirachkumarsut t rachwkh khm m 13 448 491 emuxphraphuththxngkhidtrsruaelw phraxngkhkidprathbxyu n phuththkhya ephuxeswywimuttisukh khwamsukhxnekidcakkhwamhludphn xyu 7 spdah aelaekideruxngrawtang makmay n ophthimnthlaehngniphayinewla 7 spdahdngklaw sungrwmthungeruxngrawkhxngtpussaaelaphllika 2 phxkha thiedinthangphanmaehnphraphuththxngkhmiphrawrkayphxngis cungekhamathwaykhawsttuphlaelasttukxn aelwaesdngtnepnethwwacikxubask phuthungphraphuththaelaphrathrrmepnsrnakhuaerkkhxngolk3 hlngcakkartrsruaelaeswywimuttisukhkhxngphraphuththxngkhaelw imprakthlkthanwaphraphuththxngkhesdcma n thiaehngniaetxyangid miklawthunginxrrthkthaaetemuxkhrawphraxannthma n phuththkhya ephuxnaemldphnthutnphrasrimhaophthithiecachaysiththtthatrsruklbippluk n wdphraechtwn emuxngsawtthi tamkhwamtxngkarkhxngxnathbinthikesrsthi sungprarthnaihmisingetuxnicemuxphraphuththecaesdcipprathbthixun tnophthitnthixyu n wdphraechtwn cungidchuxwa xannthophthi aelayngkhngyuntnmacnthungpccubn phuththkhyahlngphuththpriniphphan briewnklumphuththsthanphuththkhya xnepnxnusrniysthanralukthungkartrsrukhxngphraphuththxngkhnn erimsrangkhuntngaetsmy phraecaxoskmharach4 aelasrangtxetimeruxymaodykstriychawphuththinxinediy phraxngkhtx ma cnkrathng emuxkxngthphmuslimbukekhamaocmtixinediy phuththkhyacungthukplxyihrkrangimmiphukhxyefaduael phramhaophthiecdiykxnburna thayemux ph s 2417 inkhrawthiphraecamindng kstriyaehngphma phrarachthanphrarachthrphyephuxburnaphramhaecdiy hlngthukthingrangipkwaphnpi sahrbkhwamepnipkhxngtnphrasrimhaophthitrsrunn tnaerkepnshchatikbphraphuththeca ekidinwnediywkbwnthiecachaysiththtthaprasuti mixayumaid 352 pi cnthungsmyphraecaxoskmharach cungthukthalayodyphrachayakhxngphraecaxoskmharach ephraakhwamxicchathiphraecaxoskrkaelahwngaehntnphrasrimhaophthitnnicnimsnicphranang tnphrasrimhaophthitnthisxngnn plukodyphraecaxoskmharachcakhnxphrasrimhaophthitnedim aelamixayuyunmapraman 871 891 pi cnthukthalayinpraman ph s 1143 1163 dwynamuxkhxngphrarachahinduaehngebngkxlphranamwa ssangka sungphraxngkhxicchaphraphuththsasnathimikhwamrungeruxngmak cungthrngaexbnakxngthphekhamathalaytnophthitnni tnphrasrimhaophthitnthisamnnplukodyphraecapurnwrma kstriyphraxngkhsudthayaehngrachwngsemarya aelatnthisamnimixayuyunmakwa 1 258 1 278 pi cunglmlnginsmythixinediyepnxananikhmkhxngxngkvs aelatnphrasrimhaophthitnthisi thiyngkhngyuntnmacnpccubn plukodynayphlesxr xelksanedxr khnningaehm emux ph s 2423 sahrbkhwamepnipkhxngxngkhphramhaophthiecdiynn phraecahuwichka Huvishka miphrarachsrththasrangmhaecdiythwayepnphuththbucha in ph s 694 ephuxepnsthanthiskkarasahrbphuththbristh odyidsrangepnphraecdiyrupthrngsiehliymthrngriswyngamtidkbphraaethnwchrxasnthangthistawnxxk mi 2 chn odychnlangepnsthanthikrabnmskaraelachnbnepnhxngecriyphawna lksnakhxngphramhaophthiecdiymiexklksnechphaaaelatngtrahnganepnsylksnkhxngmhaophthimnthlmakwasxngphnpi inbangchwngphrarachaaehngaekhwntang idekhamathanubarungxyuesmx aelaidrbkarbucharksacakchawphuththmatlxd aetmakhadtxnipemuxchwngphnkwapithiphanma enuxngcakaephndinxinediyaethbnithukkhukkhamcaksngkhramaelakaresuxmthxykhxngphraphuththsasna phuththkhyacungthukplxythingrangaelathukchawhinduekhakhrxbkhrxng rwmthng aeplngmhaophthiecdiyepnethwsthan odyehtukarnthiphuththkhyathukchawhindukhrxbkhrxngnn erimkhunin ph s 2133 cakkarthinkbwchhinduchux okhesnkhmnthikhir idedinthangmathungphuththkhyaaelaidtngsankelk iklkbphramhaophthiecdiy emuxxyuipnan cungklayepnecakhxngthiipodypriyay miphuklawwa phrahmnmhntni khux nkthurkickarkhathimainrupnkbwchhindu klawknwatidxndbmhaesrsthi 1 in 5 khxngrthphihar phunakhxngmhntxngkhthi 15 inpccubnkmikarsubthxdmatngaetokhesnkhmnthikhir sungkarthiphrahmnmhntekhamakhrxbkhrxngphuththkhyannkimidduaelphuththkhyaaetxyangir sphaphxnesuxmothrmkhxngphuththkhyann xacphicarnaidcakkhxkhwaminbthkhwamkhxngthanesxr exdwind xaonld Sir Edwin Arnold phueriyberiynghnngsuxphuththprawtiphasaxngkvsthimichuxesiyngodngdng aelaklawknwaepnphuththprawtichbbphasaxngkvsthimikhwamipheraa lanaeluxmismak khux sungthanesxridedinthangipthiphuththkhyaaelaphbkbkhwamnaesrasldichlayprakar thanidekhiynbthkhwam EAST and West A Splendid Opportunity tawntkaelatawnxxk oxkasaecmcrs oxkasaehngkhwamrungorcn iw odyklawthungsaehtukhxngkarthiphuththsthaninxinediythukthxdthingephraakhwamesuxmthxykhxngphraphuththsasna odyechphaaxyangyingthanidphrrnathungkhwamesuxmothrmxyanghnkaelakarkhadkarexaiciscakphrahmnmhntsungkhrxbkhrxngphuththkhyaxyu thanklawiwtxnhnungwa chawphuthththwolkidlumsthanthiskdisiththithiepnsunyklangthiyingihyaehngsrththakhxngtn thimikhwamsakhyidechnediywkbnkhremkkaaelaeyrusaelm Mecca and Jeruzaiem sungbthkhwamniidtiphimphipthwolkaelaepnpccysakhythithaihchawphuthththwolkerimekhamahathangburnaphuththsthantang inxinediy esxr exdwind xaonld phuaetnghnngsux prathipaehngexechiy in ph s 2417 phraecamindng kstriyaehngphma idsngkhnathutmayngxuprachaehngxinediyephuxkhxthakarburnptisngkhrnphrawiharaelacdkarbangprakarephuxduaelrksaaehngni emuxidrbkhwamyinyxmcakphwkmhntaelarthbalxinediy cungerimthakarburna thangrthbalxinediyidsngnayphlesxr xelksanedxr khnningaehm kb dr raechnthrlala mitra ekhaepnphuduaelkakbkarburna emuxkhnaphuaethncakphmacaepntxngedinthangklb thangrthbalxinediycungrbnganburnathnghmdmathaaethnaelaesrcsmburn in ph s 2427 ph s 2434xnakharik thrrmpala chawphuththsrilngka idcdtngsmakhmmhaophthiaelaerimdaeninkareriykrxngihphuththkhyaklbmaepnkhxngchawphuthth sungepncuderimtnkhxngkareriykrxngihpraethsphraphuththsasnathwolkihkhwamsnicinkarburnaaelafunfuphuththkhya cnkrathng in ph s 2500 rthbalxinediyidechlimchlxngphuththchynti 2500 wisakhbuchakungphuththkal ody eyawhrlal enruh naykrthmntriaehngxinediy idechiychwnihpraethsphuththsasnathwolkmasrangwdiwindinaedntnphuththxubtiphumi sungpraethsithyodykarnakhxngcxmphl aeplk phibulsngkhram idtxbrbaeladaeninkarsrangwdepnchatiaerktngaet ph s 2500 aelapraethschawphuththxun echn yipun phma ekahli cin srilngka thiebt l iddaeninkarsrangwdtxmatamladb odyrthbalxinediyidmiswnsakhyinkarburnaphuththkhyaxyangtxenuxngcnmisphaphdngthiehninpccubn cudaeswngbuyaelasphaphkhxngphuththkhyainpccubn phuththkhyainpccubnepnphunthixyutakwaphunpktiehmuxnhlumkhnadihy enuxngcakphanrayaewlakwasxngphnpi dinaelatakxncakaemnaidthbthmcnphunthiinbriewnnisungkhunkwainsmyphuththkalhlayemtr thaihinpccubnphuipnmskarsngewchniysthanaehngnitxngedinlngbnidkwahlaysibkhn ephuxthungradbphundinedimthiepnthanthitngphuththsthanobran pccubn phuththkhyaidrbkarburnaaelamithawrwtthuthisakhy thichawphuththniymipskkara khux phramhaophthiecdiy xnusrnsthanaehngkartrsrukhxngphrasmmasmphuththeca milksnaepnecdiy 4 ehliym sung 170 fut wdodyrxbthanid 121 29 emtr phayinpradisthan phraphuththemtta phraphuththrupthirxdcakkarthukthalaycakphraecassangka phraphuththrupxngkhniepnphraphuththruppangmarwichyaebbsilpapala epnthiekharphsrththakhxngchawphuthththwolk phraaethnwchrxasn aeplwa phraaethnmhaburusicephchr srangdwywsduhinthrayepnruphwephchrsiehliym kwang 4 10 niw 7 6 niw hna 5 niwkhrung pradisthanxyuphayittnphrasrimhaophthi epnphraaethncalxngkhunthbphraaethnedimephuxepnhlkthanyunyngwa phrasmmasmphuththecaidtrsru n cudni pccubn prachachnaelarthbalpraethssrilngkaidxuthissrangkaaephngaekw thadwythxngkhaaeth pradisthanrxbtnphrasrimhaophthiaelaphraaethnwchrxasn nxkcakni briewnphuththkhyaaelaodyrxbyngmisthanthisakhymakmay echn klumphraecdiyeswywimuttisukh sramuclinthr bannangsuchada thadngkhsiri sthanthiecachaysiththtthabaephythukkrkiriya wdphuththnanachati epntn txma chawphuthththwolkidrwmesnxkhxihphuththkhyaidrbkarkhunthaebiynepnaehlngmrdkolk cnin ph s 2545 thiprachumkhnakrrmkarmrdkolkcungphicarnaihphuththkhyaepnaehlngmrdkolk pccubn phuththkhyanbidwaepnhnungincudhmayplaythangthisakhythisudkhxngnkaeswngbuychawphuthththwolk odyaetlapicamiphuaeswngbuynblankhnedinthangmanmskarmhaphuththsthanaehngni inthanathiepnsngewchniysthanskdisiththiaelasakhythisudkhxngchawphuthth sthanthixnepncuderimtnaehngphraphuththsasna aelasthanthitrsruphraxnuttrsmmasmophthiyanaehngxngkhsmedcphrabrmsasdasmmasmphuththeca phrabrmmhasasdakhxngchawphuthththngmwl ekhruxngphuththbuchathxngkhakhxngphraecahuwichka kstriyphusrangmhaophthiecdiy thiphbinphuththkhya phraphuththrup phraphuththemtta inmhaophthiecdiy sranginsmypaladwyhinaekrnitsida mixayukwa 1 400 pi phrasngkhswdmntittnphrasrimhaophthi tnphrasrimhaophthi ehnuxphraaethnwchrxasnphuththbllngk sthanthitrsrukhxngphraphuththeca sthanthienuxngdwykarpriniphphan kusinara thitng kusinaraepnphuththsngewchniysthanthisakhy 1 in 4 sngewchniysthankhxngchawphuthth epnsthanthiesdcdbkhnthpriniphphanaehngxngkhsmedcphrasmmasmphuththeca tngxyuthitablmthakwr xaephxkusinkhr hruxkaesiy hruxkasya ormn Kushinagar Kasia Kasaya inekhtcnghwdedwey hrux ethwriya ormn Devria Devriya Kasia Kasaya rthxutrpraeths praethsxinediy salwonthay sthanthiesdcdbkhnthpriniphphan michuxeriykinthxngthinwa mathakunwarakaokd ormn Matha Kunwar Ka Kot sungaeplwa tablecachaysinchiph kusinarainsmyphuththkal mhapriniphphanwihar phayinsalwonthyan insmyphuththkal emuxngkusinaraxnepnthitngkhxngsalwonthyanxyuinaekhwnmlla 1 in 16 aekhwn sungepnekhtkarpkkhrxngsmyphuththkal odyinsmynnaekhwnmllaaeykepnsxngswn khux fayehnuxmiemuxngkusinaraepnemuxnghlwng ecapkkhrxngeriykwa oksinarka aelafayitmiemuxngpawaepnemuxnghlwng ecapkkhrxngeriykwa paewyymllka thngsxngemuxngnntngxyuhangknephiyng 12 kiolemtr mixanacinkarbriharaeykcakkn odymirabxbkarpkkhrxngaebbrachathipityphayitrththrrmnuy samkhkhithrrm odymiaemnahiryywdikhntrngklang kusinarannemuxepriybethiybkbaekhwnxun insmyphuththkal cdwaepnaekhwnelk imkhxymikhwamsakhymaknkindanesrsthkic dngthiphraxannthidthulthkthwngphraphuththxngkhthithrngeluxkemuxngkusinaraepnsthanthipriniphphaniwwa khaaetphraxngkhphuecriy khxphraxngkhxyaesdcpriniphphaninemuxngdxninthanaemuxngkingniely emuxngxunxnmikhnadihykwaniyngmixyukhux cmpa rachkhvh sawtthi saekt oksmphi pharansi khxphraphumiphraphakhecacngesdcdbkhnthpriniphphaninemuxngehlaniethid kstriyphumixanac phrahmnphumibarmi esrsthikhhbdiphumngkhngthieluxmisinphraxngkhmimakinemuxngehlani thanphumixanacehlannckidkrathakarbuchaphrasrirakhxngtthakht phraxannth sthanthipriniphphankhxngphraphuththxngkhxyuinphrarachxuthyankhxngecamllafayehnuxaehngkusinara chuxwa xupwt tnsalwn hrux xupwttnasalwn sunginkhmphirthangphraphuththsasnaeriykwa salwonthyan aeplwa swnpaimsala paaehngnitngxyuiklfngaemnahiryywdi epnpaimsalarmrun sunghlngkarpriniphphankhxngphraphuththxngkhaelw kstriyaehngmllakidpradisthanphraphuththsriraiw n emuxngkusinaraepnewlakwa 7 wn kxnthicaprakxbphithithwayphraephlingphrabrmsph n mkutphnthnecdiy inwnthi 8 aehngphuththpriniphphan karthiphraphuththxngkhthrngeluxkemuxngkusinaraxnepnemuxngelkaehngniepnsthanthipriniphphan mihlaysaehtu aetsaehtusakhy khux thrngthrabdiwaemuxphraxngkhpriniphphanipaelw phrasriraaelaphrabrmsaririkthatukhxngphraxngkhckthukaewnaekhwntang aeyngchingipthakarbucha hakphraxngkhpriniphphaninemuxngihy emuxngihyehlannxacimaebngphrabrmsaririkthatuihemuxngelk echn emuxngkusinara epntn sungkepnkhwamcringephraahlngphraphuththxngkhpriniphphan ecaphukhrxngaekhwntang kidykkxngthphhlwngkhxngtnmalxmemuxngkusinaraephuxcaaeyngchingphrabrmsaririkthatu aetdwykhwamthikusinaraepnemuxngelk cungtxngyxmrangbsukodyaebngphrabrmsaririkthatuihthukemuxngodyimtxngekidsngkhram kusinarahlngphuththpriniphphan hlngphraphuththxngkhpriniphphanaelw emuxngkusinaraklayepnemuxngsakhysunyklangaehngkarskkarbuchakhxngphuththsasnikchn ehlamllkstriyidsrangecdiyaelawiharepncanwnmakiwrxb sthupihykhux mhapriniphansthup xnepnsthanthibrrcuphrabrmsaririkthatukhxngphraphuththeca mhasthupniidklayepnsunyklangkhxngpuchniysthanxun thisrangkhunmaphayhlnginbriewnnn txmaemuxaekhwnmllaidtkxyuinkhwamxarkkhakhxngaekhwnmkhth sunginkhnannmiemuxngpatlibutrepnemuxnghlwng salwonthyanyngkhngepnsthanthisakhyxyu aetxyuinsphaphthiimrungeruxngnk dnginthiphyawthan idphrrnaiwwa phraecaxoskmharachesdcmacarikaeswngbuyyngkusinara praman ph s 310 thrngbricakhphrarachthrphy 100 000 khapna ephuxepnkhasrangsthup ecdiy aelaesasila phraecaxoskemuxthrngthrabchdwa n cudniepnsthanthiphrabrmsasdasmmasmphuththecaesdcdbkhnthpriniphphan phraxngkhthungkbthrngsldphrathy oskesrathungepnlmsinstismpvdi cunthsthup bnthitngkhxngbannaycuntha xnepnsthanthiphraphuththecaeswyphrakrayaharmuxsudthaykxnpriniphphan hlwngcinfaehiyn Fa hsien thiidekhamasubsasnainphuththphumiinchwng ph s 942 947 inchwngrchsmykhxngphraecacnthrkhuptthi 2 phraecasriwikrmathity aehngrachwngskhupta sungthanidphrrnnaiwwa emuxmathungkusinara miaetemuxngthithrudothrm hmubanepnhyxm hangknip obsth wihar aelapuchniywtthu prkhkphngodymak sngkharamthikhwrepnthixyuxasykimmiphrasngkhxasyxyu idehnsilacarukphraecaxosk 2 hlk pkpraktxyu 2 aehnginxuthyansalwn caruknnbxkwa n thini epnsthanthipriniphphankhxngphraphuththxngkh inbnthukkhxngphrathngsacng Hiuen Tsang sungidcarikmaemuxngkusinararaw ph s 1300 idphrrnnaiwincdhmayehtukhxngthanwa emuxngkusinarainsmynnyngkhngmisakemuxng pxmprakar hxsung aelasngkharamxyubang aetxyuinsphaphprkhkphng phayinekhtkaaephngemuxngyngphxmikhnxasyxyubangaetnxymak thanyngidthnphbbxnaaelasaksthupbankhxngnaycuntha aelaidehnkhwamrmrunkhxngsalwonthyan sthanthipriniphphan aelamkutphnthnecdiy sthanthithwayphraephling cninphuththstwrrsthi 14 15 rachwngssklcuriidekhamasrangwdkhuninbriewnsalwonthyancanwnmak cnphraphuththsasnaidhmdcakxinediyipin ph s 1743 thaihsthanakhxngphraphuththsasnainkusinarathukplxythingrangaelaklayepnparkthub cnin ph s 2433 phiksumhawira swami aelathanethwcnthrmni chawsrilngka edinthangmayngkusinaraaelaerimxuthistwinkarfunfuphuththsthanaehngnirwmkbensari chawphuththphma cnidsrangwdkhunihmchuxwa mhapriniwana thrrmasala sthanthipradisthanphraphuththsriraphraphuththecaepnewla 7 wnkxnxyechiyipthwayphraephlingphrabrmsph in ph s 2397 naywilsn nkobrankhdixngkvs idthakarphisucnkhntnwahmubankaesiykhuxkusinara cnin ph s 2404 2420 esxr xelksanedxr khnningaehm iderimthakarkhudkhnenindininsalwonthyan cnin ph s 2418 2420 naykharlliel hnunginphuchwyinthimkhudkhnkhxngthanesxr xelksanedxr idthakarkhudkhntxcnidphbphraphuththruppangpriniphphan wiharpriniphphan aelasthupcanwnmakthiphusrththaidsrangiwinxditemuxkhrngphraphuththsasnayngrungeruxng odynaykharlliel epnthanaerkthiexaicisinnganburnaaelarksakhumkhrxngphraphuththruppangisyasnthikhudphb caknn nbaet ph s 2443 epntnma kusinaraiderimmiphuxupthmphchwyknburnptisngkhrn ekhamasrangwdaelasingxanwykhwamsadwkaekphucarikaeswngbuythierimekhamaskkaramhasngewchniysthanaehngnicnin ph s 2498 rthbalxinediyidtngkhnakrrmkarephuxphthnapuchniysthanaehngniephuxetriymechlimchlxng 25 phuththchynti odyidruxokhrngsrangwiharpriniphphanekathiphungidrbkarburnasrangihmimnanxxkephuxsrangmhapriniphphanwiharihm ephuxihehmaasmkbokhrngsrangaelasamarthrxngrbphuththsasnikchnid in ph s 2499 cnin ph s 2507 wiharidphnglngma thangkarxinediycungburnasrangkhunihmin ph s 2518 aelathangkarxinediyaelaphuththsasnikchnkidmiswnrwminkarburnakusinaracnmisphaphswyngamxyangthiehninpccubn cudaeswngbuyaelasphaphkhxngkusinarainpccubn pccubnkusinaraidrbkarburna aelamipuchniywtthusakhy thichawphuththniymipskkarakhux sthuppriniphphan epnsthupaebbthrngoxkhwathiepnthrngphrarachniyminsmyphraecaxoskmharach srangodyphraecaxoskmharach bnsthupmiyxmmn michtrsamchn mhapriniphphanwihar tngxyudanhnainthanediywknkbsthuppriniphphan phayinpradisthanphraphuththruppangesdcdbkhnthpriniphphan khuxphraphuththrupnxnbrrthmtaaekhngebuxngkhwa silpamthura mixayukwa 1 500 pi incarukrabuphusrangkhux hriphlaswami odynaychangchux thina chawemuxngmthura inpccubnphraphuththrupxngkhnithuxidwaepncudhmaysakhythichawphuththcamaskkara ephraaepnphraphuththrupthimiphuththlksnaxnphiesskhuxehmuxnkhnnxnhlbthrrmda aesdngihehnwaphraphuththxngkhidesdcdbkhnthpriniphphancakipxyangphuhmdkngwlinolkthngpwng mkutphnthnecdiy xyuhangcakpriniphphansthupipthangthistawnxxk 1 kiolemtr chawthxngthineriyk rmpharsthup epnsthanthithwayphraephlingphraphuththsrira misphaphepnenindinkxdwyxithkhnadihy pccubnrthbalxinediyidekhamaburnasxmaesmiwxyangdi pccubnchawphuthththwolkidmakxsrangwdiwmakmay odymiwdkhxngithydwy chux wdithykusinaraechlimrachy pccubnchawithythimaskkara n kusinara niymmaphkthini inswnphuththsthanobranlumphininn pccubnidrbkarburnasxmaesmepnxyangdicakrthbalxinediy odyrxbmisphaphepnswnpasalarmrunehmuxnkhrngphuththkal chwnihecriysrththaaekphumaskkaratlxdmacnpccubn mkutphnthnecdiy sthanthithwayphraephlingphrabrmsphsmedcphrasmmasmphraphuththeca phramhathatuechlimrachysrththa phayin wdithykusinaraechlimrachy emuxngkusinara phraphuththruppangmhapriniphphan inphrawiharaehngmhapriniphphansthup sthanthipradisthanphraphuththbrmsphphraphuththecaepnewla 7 wnkxnxyechiyipthwayphraephlingphrabrmsphkickrrmthiphuththsasnikchnphungptibtiinwnwisakhbuchachawphuththinmaelesiy thuxdxkbwskkaraephuxthwayepnphuththbuchainwnwisakhbuchawikisxrs mingantnchbbekiywkb bthswdmntbuchaphrartntrythanxngsrphyya wikisxrs mingantnchbbekiywkb khanathwaydxkimthupethiyninwnwisakhbucha bthswdwisakhbucha inwnwisakhbuchani thuxepnwnsakhyyingthichawphuthththwolkcamarwmkncdphithithabuyihyhruxcdkickrrmtang ephuxbaephykuslralukthungphraphuththeca sunginthanathiwnwisakhbuchaidrbkarykyxngihepnwnsakhysaklkhxngolk emuxthungwnwisakhbucha xngkhkarshprachachaticamikarcdkickrrmtang ephuxralukthungphraphuththecadwy echn sanknganihyxngkhkarshprachachati mhankhrniwyxrk praethsshrthxemrika camikarxyechiyphraecdiywisakhbuchanusrn sklolkprakasbuchawnwisakha phayinpradisthanphrabrmsaririkthatu sungpradisthanxyu n sanknganihyxngkhkarshprachachatiepnkarthawr mapradisthanihprachachnskkarbucha epntn sahrbinpraethsithy nxkcakphuththsasnikchncaekhawdbaephybuykuslthuxsilfngthrrmaelw yngniymplxynkplxypla aelaewiynethiynrxbphraxuobsthintxnkhaephuxthwayepnphuththbuchadwy wnwisakhbucha phuththsasnikchnchawithyniymthabuytkbatrintxnecha aelatlxdwncamikarbaephybuykuslkhwamdixun echn tngicrksasil 5 sil 8 ngdewnkarthabapthngpwng thabuythwaysngkhthan ihxisrathan plxynkplxypla fngphrathrrmethsna aelaiprxbobsthinewlaeyn odykxnthakarewiynethiynphuththsasnikchnkhwrrwmknklawkhaswdmntaelakhabuchainwnwisakhbucha odypktitamwdtang cacdihmikarthawtrswdmntkxnthakarewiynethiyn sungswnihyniymthakarewiynethiynxyangepnthangkar odymiphraphiksusngkhnaewiynethiyn inewlapraman 20 nalika odybthswdmntthiphrasngkhniymswdinwnwisakhbuchakxnthaniymswd thngbaliaelakhaaepl tamladbdngni bthbuchaphrartntry bthswdbalithikhuntndwy xrhng smma l bthnmskarnxbnxmbuchaphraphuththeca naom l 3 cb bthsrresriyphraphuththkhun bthswdbalithikhuntndwy xitipios l bthsrresriyphraphuththkhun swdthanxngsrphyya bthswdsrphyyathikhuntndwy xngkhidphrasmphuthth l bthsrresriyphrathrrmkhun bthswdbalithikhuntndwy swakkhaot l bthsrresriyphrathrrmkhun swdthanxngsrphyya bthswdsrphyyathikhuntndwy thrrmmakhux khunakr l bthsrresriyphrasngkhkhun bthswdbalithikhuntndwy suptipnon l bthsrresriyphrasngkhkhun swdthanxngsrphyya bthswdsrphyyathikhuntndwy sngkhidsawksasda l bthswdbuchaenuxnginwnwisakhbucha bthswdbalithikhuntndwy yammha okh l caknncudthupethiynaelathuxdxkimepnekhruxngskkarbuchainmux aelwedinewiynrxbpuchniysthan 3 rxb odykhnathiedinnnphungtngcitihsngb phrxmswdralukthungphraphuththkhun dwykarswdbthxitipios rxbthihnung ralukthungphrathrrmkhun dwykarswdswakkhaot rxbthisxng aelaralukthungphrasngkhkhun dwykarswdsupatipnon rxbthisam cnkwacaewiyncb 3 rxb caknnnathupethiyndxkimipbuchatampuchniysthancungepnxnesrcphithihlkthrrminwnwisakhbuchawnwisakhbucha epnwnthiekidehtukarnsakhy khxngphraphuththecathung 3 ehtukarn khux karprasuti kartrsru aelakarpriniphphan khxngxngkhsmedcphrasmmasmphuththeca inehtukarnehlann khtithrrmhlkkhuxitrlksn hruxxnicclksna xnidaekkhwamepnthrrmdakhxngolk 3 prakar khux xniccng khwamimethiyng thukkhng khwamepnthukkhkhuxtngxyuinsphaphedimmiid aelaxntta khwamthisngkharthnghlayimsamarthbngkhbbychaihepniptamthieratxngkarid echn bngkhbimihaekimid bngkhbimihtayimid sungthuksrrphsinginolk lwntkxyuinsphaph 3 prakarni aemphraphuththecaphuepnphrabrmsasdakhxngolk kyngtxngthrngtkxyuinkdehlani immiikhrsamarthphnipid sahrbhlkthrrmkhtiethiybekhiyngkbehtukarnthng 3 thisamarthnamapraphvtiptibtiid 3 xyang khux khwamktyyu hlkkhtithrrmxupmathiidcakehtukarninwnwisakhbucha thng 3 ehtukarn khux khwamktyyu xriysc 4 aela sti inehtukarnwnprasuti samarthykhlkthrrmmaethiybekhiyngid khux hlkkhwamktyyu ephraainphraphuththprawti aemphranangsirimhamaya phuepnphrarachmardakhxngecachaysiththtthacasinphrachnmiphlngthiecachayprasutiidephiyng 7 wn aetemuxecachaysiththtthaidtrsruaelw kidesdcipoprdphraphuththmardabndawdungsethwolk thungaemphraecasuthoththna phuepnphrarachbida phraphuththxngkhkesdcipoprdthungphrarachwngthiprathb cnphraecasuthoththnaprachwrhnkiklswrrkht phraphuththxngkhkidesdcekhaipoprdcnphrarachbidaidbrrlusaercepnphraxrhntaelaniphphaninphrarachwnginwnnnexng sungineruxngkhwamktyyutxbidamarda aelaphumixupkarakxnnn phraphuththecaidtrsiwhlayphrasutrdwykn echnin hlk epntn sungkhwamktyyunnimidcakdechphaakbbukhkhlethann aetrwmipaemkrathngtnimthiihrmengadwy dngthiphraphuththxngkhidtrsiwwa bukhkhlnnghruxnxnthirmengatnimid imkhwrhkkingtnimnn phuprathusraymitr epnkhnelwthram phraphuththphcncak phraitrpitk khuththknikay chadk 28 26 khwamktyyu cungnbidwaepnhlksakhyinphraphuththsasnaxyanghnung mitwxyanghlayeruxnginkhmphirthangphraphuththsasnathiklawwaphraphuththxngkhthrngykyxngphumikhwamktyyutxbidamarda echn eruxngphraphiksueliyngbidamardainmhanibat epntn sungthaihphraphuththxngkhtrswa nimit t sathurupan kty yuktewthita aeplwa khwamktyyuktewthiepnekhruxnghmaykhxngkhndi phraphuththphcncak phraitrpitk xngkhuttrnikay pycknibat puttsutr klawodysrup ehtukarnprasutiniepnekhruxngetuxnihphuththsasnikchnralukthungkhwamktyyuktewthi thithukkhnkhwrmiintnimwacanbthuxsasnaidktam xriysc 4 inehtukarnwntrsru samarthykhlkthrrmmaethiybekhiyngid khux xriysc 4 xnepnhlkthrrminkaraekpyhachiwitthiphraphuththxngkhtrsru khux thukkh khwamimsbaykayimsbayic sphawathithnidyakthnghlay pyha smuthy tnehtukhxngkhwamthukkh khuxkielstnha tnehtukhxngpyha niorth cudhmaythicadbthukkh khuxniphphan wangepahmay mrrkh aenwthanginkarptibtiephuxdbthukkh lngmuxaekikh phraphuththphcncak phraitrpitk sngyuttnikay mhawarwrrkh 19 528 1664 khwamimpramath inehtukarnwnpriniphphan phraphuththxngkhtrspcchimoxwathiwbthhnung xnepnyxdkhxngkhasxninphraphuththsasnathithukkhnkhwrnamaptibti khux karmistixyuthukemux imihkhwamthukkhrxnicxnekidcakxanackielsekhakhrxbnga klawkhux khwamimpramathinkalthukemux odyphraphuththxngkhtrsiwwa xp pmaethn sm paethth aeplwa phwkethxthnghlay cngyngpraoychntnaelathan ihthungphrxmdwy khwamimpramath ethid syamrt thetpitk pali mhapriniph phansut tmha thi 10 149 117karprakxbphithiwisakhbuchainpraethsithyprawtikhwamepnmakhxngkarprakxbphithiwnwisakhbuchainpraethsithy inxdittngaetsmysuokhthy sthabnphramhakstriyepnphumiswnsakhyinkarphlkdnihphithiwisakhbuchaaephrhlayinhmuprachachn phaph khbwnxyechiyphrabrmsaririkthatuphrarachthancakphrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr ephuxpradisthanyngthxngsnamhlwngihprachachnskkarbucha enuxnginethskalwnwisakhbucha karcdphithiwisakhbuchainpraethsithy idrbxiththiphlmacaklngka snnisthanwamimatngaetsmyxanackrsuokhthyepnrachthani odyprakthlkthancakhnngsuxtarbthawsriculalksn sungklawthungkarphithiwisakhbuchaiwwamimaaetsmysuokhthyaelw1 odyinhnngsuxidklawiwwanganwisakhbuchaepnnganechlimchlxngihysahrbxanackr thngphramhakstriyaelaphrabrmwngsanuwngsaelaphsknikrthngpwngcamarwmknprakxbphithini odymikarphrxmicknthakhwamsaxadaelatkaetngpradbpradadxkimokhmifephuxechlimchlxng aelaphrxmicknbaephybuykuslaelathantang echn ekhawdthabuy rksasil 5 fngphrathrrmethsna aelakarsatharnasngekhraahsatharnpraoychntang echn tngorngthaneliyngdukhnyakcnepntn epnewlathungsamwnsamkhun ephuxthwayepnphuththbucha emuxthungwnwisakhbucha ewlaeyncamikarewiynethiynrxbsthupecdiy khwamcakhnngsuxtahrbthawsriculalksndngklawmani smedckrmphrayadarngrachanuphaph idthrngxthibayekiywkbekhaokhrngkhxnghnngsuxniwamiekhaokhrngmacaksmysuokhthycring aetraylaexiydbangswnxaccamikaraetngesrimknkhunmainsmyxyuthyahruxrtnoksinthr xyangirkdi cakhlkthandngklaw aemcaimaenchd karphithiwisakhbucha yxmerimmimaaetsmysuokhthy ephraainsmynnkrungsuokhthyidsubphraphuththsasnanikayethrwathmacaklngkapraeths sungepnemuxngthimnthangphraphuththsasnamatngaetsmyphraecaxoskmharach aelakhnadkhxngkarcdphithibuchaechlimchlxnginwnwisakhbuchakhxngchawsrilngkann nbepnphithiihyaelasakhymakkhxngxanackrmatngaetaerkrbphraphuththsasnamacnthungpccubn sungaesdngihehnwakarcdphithiechlimchlxnginwnwisakhbuchakhxngpraethssrilngkannmikhwamsakhyaelasngxiththiphltxpraethsphuththsasnaxunephiyngid odyechphaaxyangyingxanackrsuokhthythirbsubphraphuththsasnamacakpraethssrilngkaodytrng aelahlngkaresuxmxanackhxngxanackrsuokhthy cnthunginsmyxyuthyaksnnisthanwakhngmikarptibtiphithiwisakhbuchaxyu aetldkhwamsakhylngipmak cnimprakthlkthaninphrarachphngsawdarhruxcarukid cnmainsmytnkrungrtnoksinthr phithiwisakhbuchacungidrbkarfunfuxikkhrng hlngcakkhwamesuxmkhxngphraphuththsasnahlngyukhsuokhthylmslay ephraahlngcaksinyukhxanackrsuokhthy xanackrxyuthyaidthukkhrxbngadwyaenwkhidthangkhtiphrahmnsungidrbcakkarsumsbwthnthrrmhinduaebbkhxm nkhrwd cninrchsmykhxngphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly rchkalthi 2 phraxngkhidmiphrarachprasngkhihthakarfunfukarprakxbphithiwisakhbuchakhun phraxngkhidthrngpruksakb smedcphraxriywngsyan smedcphrasngkhrach mi wdrachburna wdeliyb ihwangaenwptibtikarphrarachphithiwisakhbucha aelaphrarachphithiwnwisakhbuchakhrngaerkinsmyrtnoksinthrkidcdkhunepnkarphrarachphithiihy 3 wn 3 khun nbtngaetwnsukr khun 14 kha thung wnaerm 1 kha eduxn 6 pichlu nphsk culskrach 1179 ph s 2360 inrchsmykhxngphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw rchkalthi 3 idthrngephimcdihmikarethsnpthmsmophthiktha phraphuththprawti inwnwisakhbuchadwy txmainrchsmykhxngphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw rchkalthi 4 idthrngphrakrunaoprdekla ihphrabrmwngsanuwngsaelakharachkartngotaekhruxngbucharxbraebiyngphraxuobsthwdphrasrirtnsasdaramephuxthwayepnphuththbucha inrchsmykhxngphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw rchkalthi 5 prakthlkthanwaidthrngphrakrunaoprdekla ihmikarcuddxkimephlingthwayepnphuththbucha aelaihphrabrmwngsanuwngs kharachkarfayin aelahnwyrachkartang edinewiynethiyn cdokhmprathip aelaswdmntthiphraphuththrtnsthan wdphrasrirtnsasdaram aelamikarcdphithiwisakhbuchasubtxknmacnthungpccubn cakkhwamepnmakhxngkarcdphithiwisakhbuchainpraethsithycaksmysuokhthycnthungpccubndngklaw klawidwasthabnphramhakstriyepnphumiswnsakhyinkarphlkdnihphithiwisakhbuchaaephrhlayinhmuprachachn sungpccubnkarphithiwisakhbuchakidaephrhlayinpraethsithyaelaidrbkarptibtisubmaxyangekhmaekhng wnwisakhbuchaklayepnwnhyudrachkarodyphvtinymaaetobran thngphakhrthphakhexkchnprachachnaelakhnasngkhidklayepnphumiswnrwminkarcdkickrrmechlimchlxnginwnwisakhbuchaephuxthwayepnphuththbuchaphrxm kbchawphuthththwthngolk aelaepnkarchwyknsnbsnuninkarrksaaelaephyaephphraphuththsasnaipphrxm kndwyxikthanghnung pi wnthi wnthi wnthipichwd 1 mithunayn ph s 2539 19 phvsphakhm ph s 2551 6 phvsphakhm ph s 2563pichlu 20 phvsphakhm ph s 2540 8 phvsphakhm ph s 2552 26 phvsphakhm ph s 2564pikhal 10 phvsphakhm ph s 2541 28 phvsphakhm ph s 2553 15 phvsphakhm ph s 2565piethaa 29 phvsphakhm ph s 2542 17 phvsphakhm ph s 2554 3 mithunayn ph s 2566pimaorng 18 phvsphakhm ph s 2543 4 mithunayn ph s 2555 22 phvsphakhm ph s 2567pimaesng 7 phvsphakhm ph s 2544 24 phvsphakhm ph s 2556 12 phvsphakhm ph s 2568pimaemiy 26 phvsphakhm ph s 2545 13 phvsphakhm ph s 2557 1 mithunayn ph s 2569pimaaem 15 phvsphakhm ph s 2546 1 mithunayn ph s 2558 21 phvsphakhm ph s 2570piwxk 2 mithunayn ph s 2547 20 phvsphakhm ph s 2559 9 phvsphakhm ph s 2571piraka 22 phvsphakhm ph s 2548 10 phvsphakhm ph s 2560 28 phvsphakhm ph s 2572picx 12 phvsphakhm ph s 2549 29 phvsphakhm ph s 2561 17 phvsphakhm ph s 2573pikun 31 phvsphakhm ph s 2550 18 phvsphakhm ph s 2562 5 mithunayn ph s 2574karprakxbphithithangsasnainwnwisakhbuchainpraethsithy phrarachphithi phrarachphithithrngbaephyphrarachkuslwisakhbucha okhmtraethiynrungethiynray cudtamprathipepnphuththbuchainphrarachphithithrngbaephyphrarachkuslwisakhbucha wdphrasrirtnsasdaram inrchkalthi 7 phrarachphithibaephyphrarachkuslinwnwisakhbuchanimipraktinphrarachniphnthphrarachphithisibsxngeduxn khxngphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw dwy odyidthrngklawthungkarphrarachphithiineduxnhk khuxphrarachphithibaephykuslinwnwisakhbuchaiw eriykwa phithiiphsakhy crdphrarachnngkhl khuxineduxn 6 miphrarachphithisakhysxngphrarachphithikhux phrarachphithiwisakhbucha inhnngsuxphrarachniphnthphrarachphithisibsxngeduxnichsphthsnskvt aela phrarachphithicrdphranngkhlaerknakhwy pccubnniodypkti phrabathsmedcphraecaxyuhw caesdcphrarachdaeninepnxngkhprathaninkarphrarachphithibaephyphrarachkusl aelabangkhrngthrngphrakrunaoprdekla ihphrabrmwngsanuwngsesdcaethn odysthanthiprakxbphrarachphithihlkcacdinwdphrasrirtnsasdaram sankphrarachwngcaxxkhmaykahndkarprakaskarphrarachphithiniihthrabthwipepnpracathukpi inxditcaichchuxeriykkarphrarachphithiinrachkiccanuebksaaetktangkn bangkhrngcaichchux karphrarachkuslwisakhbucha aelakalanukal hrux karphrarachkuslkalanukalwisakhbucha hruxaem wisakhbucha swninrchkalpccubn sankphrarachwngcaichchuxeriykhmaykahndkarthichdecn echn hmaykahndkarphrarachphithithrngbaephyphrarachkuslwisakhbucha phuththskrach 2551 raylaexiydkarprakxbphrarachphithiwisakhbucha xacphicarnaidcakrachkiccanuebksaprakashmaykahndkarwisakhbuchainpinn id inxditkarprakxbphrarachphithiwnwisakhbuchacdwaepnphithiihy dngtwxyangkhwamin rachkiccanuebksa elm 13 hna 105 thiprakasinwnthi 31 phvsphakhm ph s 2437 eruxng karphrarachkuslwisakhbucha aelakalanukal wa wncnthrephy eswywisakhnkstrvks sungniymsubmaaetobranwa epnmhamngkhlsmy khlaykbwnprasutiaelwntrsru wndbkhnthpriniphphan khxngsmedcphrasmmasmphuththecann inrtnoksinthrsk 113 ni tkinwnthi 19 phvsphakhm idmikarphrarachkuslinphrabrmmharachwng tngaetwnthi 18 phvsphakhm tlxdip 3 wntamekhy khuxewlaecha wnthi 18 thi 19 phvsphakhm mikareliyngphrasngkh 20 rup wnthi 20 phvsphakhm mikareliyngphrasngkh 34 rup thiphrathinngxmrinthrwinicchy ewlakhainwnthng 3 nn phrabrmwngsanuwngsaelkharachkar idcdokhmtrataaehnngaelethiynrungmacud cdphwngdxkimtang maaekhwn inwdphrasrirtnsasdaram buchaphrartnitry micanwnokhmtra 296 okhm ethiynrung 57 elm phwngdxkim 1005 phwng rwmthng 3 khun khxnghlwngmidxkimephlingbucha aelethsnaprathmsmophthidwy wnthi 18 phvsphakhm phraxmromlithway khphophkkntiktha 1 knth wnthi 19 phvsphakhm phraemthathrrmrs thwayxphismophthiktha 1 knth wnthi 20 phvsphakhm phrawiechiyrmuni thwaypriniphphanktha 1 knth kxnaetmiewlaethsn inwnthi 19 thi 20 mikaredinethiyndwy aelinwnthi 19 nn phrasngkh 24 rup sungidrbphrarachthanchninwnthi 20 idecriyphraphuththmntthiphrathinngdusitaphirmydwy swnkarwisakhbuchatamphraxaramhlwngbangphraxaram idoprdekla phrarachthanethiynrungethiynray aelaethiynpracaknthip echnthukpima xnung wnthi 20 phvsphakhm ni epnwnsdbpkrnkalanukaldwy phrasngkh 34 rupnn emuxrbphrarachthanchnaelw idsdbpkrn odythicdxnuolminphrabrmxtthiaelphraxtthi thiphrathinngxmrinthrwinicchy 29 rup khunipsdbpkrn thiphrarachwngbwr 5 rupaelw misdbpkrnrayrxy 400 rup rachkiccanuebksa karphrarachkuslwisakhbucha aelakalanukal elm 13 31 phvsphakhm ph s 2437 hna 105 inrchkaltxmaidmikarldthxdphithibangxyangxxkipbang echn ngdkarphrarachphithiinphrathinngxmrinthrwinicchy ldwnprakxbphrarachphithicaksamwnkhngehluxsxngwn ykelikkarthwayphttaharphrasngkh hruxkarcudethiynokhmethiynray epntn aetkyngkhngmikarbaephyphrarachkuslinwdphrasrirtnsasdaramehmuxnekhy odyinbangpi phrabathsmedcphraecaxyuhwcathrngprakxbphithibaephyphrarachkuslwisakhbuchaaelathrngewiynethiynrxbphuththsasnsthanepnkarswnphraxngkhtamphraxaramhlwnghruxwdrasdr xun bang tamphrarachxthyasy sungkarphrarachphithiniepnkaraesdngxxkthungphrarachsrththaxnaennaefninphraphuththsasna khxngxngkhphramhakstriyithyphuthrngepnexkxkhrphuththsasnupthmphmatngaetxditcnthungpccubn phrarachphithithrngtngepriyythrrm karphrarachphithisakhyxikphrarachphithihnungthienuxngdwyphrarachphithibaephyphrarachkuslinwnwisakhbuchann khux phrarachphithithrngtngepriyythrrm aekphrasngkhaelasamenrsungsxbilidpraoykhbaliinsnamhlwng phrarachphithini epnphrarachpharaaehngxngkhphramhakstriyithymaaetobran epnkarykyxngaekphrasngkhsamenrphumikhwamxutsahaelaeriynsuksaphrapriytithrrmaephnkbalimatngaetsmysuokhthy insmyrtnoksinthr phramhakstriyaehngrachwngsckrithukphraxngkhkidrbepnphrarachpharathura inkarsngesrimkarsuksaphasabalixnepnphasathibnthukphraitrpidkaelakhmphirthangphraphuththsasnatlxdma odyphrasngkhsamenrthisxbilidpraoykhbaliinchnid tngaet epriyythrrm 3 praoykh khunip caidrbphrarachthanphdystngsmnskdisayepriyythrrm idrbkhaykyxngnahnanampraducbrrdaskdikhxngfaykhrawaswa phramha aelacaidrbphrarachthannityphtrepnpracathukeduxn khbwnxyechiyphrabrmsaririkthatuxxkcakwdphrasrirtnsasdaram inphrabrmmharachwng ephuxpradisthanihprachachnskkarbucha n phramhamnthp mnthlphithithxngsnamhlwng inxdit kartngepriyycatng n thiid khunxyukbphrabrmrachwinicchykhxngxngkhphramhakstriy sungxaccaepn n phrathinngxngkhidkid phayinphrabrmmharachwnghruxphrarachwng hruxwdphrasrirtnsasdaram inrchkalpccubn phrasngkhsamenrphusxbidepriyythrrm tngaetepriyythrrm 6 praoykh khunip caidrbphrarachthanihekharbphrarachthanphaitrphdystngepriyythrrm n wdphrasrirtnsasdaram inewlaeynkhxng wnkhun 14 kha eduxn 6 khxngthukpi odyphrabathsmedcphraecaxyuhwcaesdcphrarachdaeninmaphrarachthanphdystngepriyythrrmdwyphraxngkhexng hruxinbangkhrngxaccathrngphrakrunaoprdekla ihphrabrmwngsanuwngs hruxphuaethnphraxngkhprakxbphrarachphithithrngtngepriyythrrmaethn phithisamy phuththsasnikchntangnathup ethiyn dxkim edinthangipewiynethiynenuxnginwnwisakhbucha n phuththmnthl c nkhrpthm karprakxbphithithangphraphuththsasnaenuxnginwnwisakhbuchakhxngphuththsasnikchnchawithy odythwipniymthabuytkbatr fngphrathrrmethsna rxbxuobsthhruxsthupecdiyphuththsthantang phayinwd ephuxepnkarralukthungwnkhlaywnthiekidehtukarnsakhykhxngphraphuththecainwn khun 15 kha eduxn 6 phuththsasnikchnchawithyniymnbthuxexawnniepnwnsakhyinkarbaephykusl aelaptibtibuchatamaenwthangphrabrmphuthothwath ephuxthwayepnphuththbuchaaedxngkhsmedcphrabrmsasdasmmasmphuththeca odythwipchawphuththinpraethsithyniymtngicipwdephuxbaephykuslthabuytkbatrfngphrathrrmethsnaaelaecriycittphawnainwnni emuxtkklangkhunkmikarewiynethiynthwayepnphuththbuchatamxaramtang aelaxacmikarbaephypkinnkakusltang tamaetcaehnsmkhwr karprakxbphithiwnwisakhbuchainpccubnninxkcakkar thabuytkbatr inwnsakhyaelw yngmihnwynganphakhrth xngkhkrthangsasna aelaphakhprachachn rwmkncdkickrrmtang khunmakmay ephuxepnkarephyaephphraphuththsasnaaelaprachasmphnthkickrrmthangphraphuththsasnatang ihaekprachachn echn kickrrmspdahephyaephphraphuththsasnawnwisakhbucha n thxngsnamhlwng krungethphmhankhr phuththmnthl cnghwdnkhrpthm hruxtamwdincnghwdtang epntn karcdsrangtraiprsniyakrthiralukwnwisakhbuchainpraethsithy nxkcakphakhrthcaprakasihwnwisakhbuchaepnwnhyudrachkaraelaihkarsnbsnunngbpramanephuxcdkickrrmtang inwnwisakhbuchaaelw yngidmikarcdphimphcahnaytraiprsniykrthiralukinwnwisakhbuchathukpixikdwy odycaihwnwisakhbuchaepnwnerimcahnaytraiprsniykr sungrupaebbthicdphimphlngintraiprsniykrthiralukwnwisakhbuchann swnihycacdphimphepnrupphraphuththprawti phraphuththrup hruxphuththsngewchniysthan mibangthicdphimphepnphaphcitrkrrmfaphnngeruxngramekiyrti sahrbin ph s 2551 rthbalodykrathrwngkhmnakhm idihbristhiprsniyithycdphimphtraiprsniykrthiralukwnwisakhbucha epnrupphaphsngewchniysthanphuththkhya xnepnsngewchniysthanaehngthi 2 khux rupcitrkrrmaebbithyaesdngehtukarntxnphraphuththecatrsruittnsrimhaophthi aelarupphramhaophthiecdiy phuththkhya khxbphaphdanlangmi khawa praethsithy THAILAND wnwisakhbucha 2551 VISAKHAPUJA DAY 2008 swnin ph s 2552 cdphimphepnrupsngewchniysthanaehngthi 3 khuxphrathrrmemkkhsthup thrngbatrkhwakxdwyhinthray thisarnath sthanthiphraphuththecathrngaesdngpthmethsnaaekphrapycwkhkhiy odytraiprsniykrthiralukwnwisakhbuchakhxngpraethsithynn thnghmdcaphimphepnchnidrakha 3 bath mirakhaediywethannkarcdnganechlimchlxngwisakhbuchaintangpraethsnithrrskarthangphraphuththsasnaenuxnginwnwisakhbuchathipraethssingkhopr pccubnwnwisakhbuchaidthukkahndihepnwnsakhythangsasnahruxwnhyudrachkarinhlaypraeths echn xinediy srilngka singkhopr ithy phma bngkhlaeths xinodniesiy maelesiy wnsakhy imichwnhyudrachkar enpal ekahliit kmphucha phutan epntn inpraethsthimiprachakrnbthuxphraphuththsasnaethrwathechnthisrilngkacakahndwnthangcnthrkhtitrngknkbpraethsithy khuxkahndinwnephyeduxn 6 odynganwisakhbuchainsrilngkann thuxidwaepnnganihyradbpraeths rthbalprakasihepnwnhyudrachkar mikarplxynkothsihidrbxisrphaphthwayepnphuththbucha tambaneruxncamikartngorngthan aelapradbpradathngthiw aelaokhmiftang thiepnexklksnechphaakhxngsrilngka odycathaepnruperuxngrawinphuththprawtihruxxrrthkthachadktang odynganwisakhbuchainsrilngkanncdtidtxknthung 7 wn 7 khun sunginpraethsithykhngcdnganwisakhbuchakhlaykbsrilngka mikarprakasihwnwisakhbuchaepnwnhyudrachkarechnediywkn aettangtrngthiinpccubnnganwisakhbuchainithythicdimihyotmaknkemuxethiybkbsrilngka aemcamikarcdngan 7 wn 7 khunehmuxnkn aetkhngmiechphaathiswnklang khuxthimnthlphithithxngsnamhlwngaelaphuththmnthlethann odyphuththsasnikchnchawithyswnihyniymipthabuyinwnwisakhbuchaephiyngwnediyw okhmifphuththbuchaechlimchlxngwnwisakhbuchakhxngchawsrilngka sahrbchawphuthth mhayan echn inpraethssingkhopr wnwisakhbuchaidthukkahndihepnwnhyudrachkarkhxngpraeths mikarcdnganechlimchlxngtamwdphuththtang odykarkahndwnwisakhbuchakhxngsingkhoprnnkahndtamptithinethrwath aetincinekahliaelayipun cakahndwnwisakhbuchaaetktangcakpraethsphraphuththsasnaethrwathmak echn thipraethsyipun wnthiekidehtukarnprasuti trsru aelapriniphphannn caxyutangeduxnkn edimyipunkahndwawnthi 8 khxngeduxnthi 4 epnwnprasuti wnthi 8 khxngeduxn 12 epnwntrsru aelawnthi 15 eduxnthi 2 epnwnpriniphphan odykahndwntameduxninptithincnthrkhticin cnmainsmyemci yipunidrbkhtiniymptithinsuriykhticakpraethstawntk cungmikarprbepliynihkahndtamptithincnthrkhtiaethn echn wnpriniphphan caxyuinwnthi 15 klangeduxnkumphaphnth tamptithinsuriykhtithiichknxyuthwolk odyimxingptithincnthrkhticin inpccubninpraethsyipun wnthiekidehtukarnprasuti trsru aelapriniphphan imidthukprakasihepnwnhyudrachkar aelaimidrbkhwamsniccakchawyipunethaidnk emuxthungwnnicamikarcdnganechlimchlxngodyphurwmphithicamiephiyngphrasngkhhruxchawphuthththiekhrngkhrd wnwisakhbuchaekhythukprakascakrthbalhamcdkickrrmthangphraphuththsasnaodyeddkhadinewiydnamit enuxngcakpyhakhwamkhdaeyngkhxngphupkkhrxng sungidrbkarhnunhlngcakrthbalshrthxemrika thinbthuxsasnakhrist mikarprabpramphraphuththsasnaxyanghnk kickrrmthangphraphuththsasnaepnsingthiphidkdhmay aelaphufafuntxngidrbothsthungcakhuk pccubnhlngcakkrungisngxn emuxnghlwngkhxngewiydnamitthukewiydkng ewiydnamehnux tiaetk aelaewiydnamehnuxitidrwmepnpraethsediywkn phraphuththsasnakyngimidrbkarfunfuethaid inpccubnyngkhngmikarcdnganwisakhbuchabangcakchawphuththewiydnam sungepnnganthiimihyotehmuxnpraethsthinbthuxphraphuththsasnaethrwath inpraethsxinodniesiy thipccubnepnpraethsthimiphunbthuxsasnaxislammakthisud kidihkhwamsakhykbwnwisakhbuchamak ephraaedimnnphraphuththsasnaekhyepnsasnathichawchwahruxxinodniesiynbthuxmakthisud nganwisakhbuchainsmythiphraphuththsasnarungeruxngkhngepnphithiihy aethlngphraphuththsasnaesuxmlngenuxngcakkarkaresuxmkhxngrachwngsiselnthrsungepnrachwngsthinbthuxphraphuththsasna phupkkhrxngtxmaidepliynipnbthuxsasnaxislam nganwisakhbuchacungimmiphusubthxd inpccubnerimmikarfunfuphraphuththsasnainxinodniesiy rthbalerimihkhwamsakhykbchawphuthth odyrthbalprakasihwnwisakhbuchaepnwnhyudrachkar sungchawphuththswnihyinxinodniesiynnepnkhnxinodniesiyechuxsaycinthinbthuxmhayan sungmichawxinodniesiyswnhnungthinbthuxphuththsasnaaebbethrwath karcdnganwisakhbuchainrayahlngcungepnnganihy odysunyklangcdnganxyuthiphramhasthupbuorphuthoth ekaachwa thukpiprathanathibdiaehngxinodniesiycamaepnprathanepidngan odyechiyphunachawphuththcakthwolkmarwmngankarkahndihwnwisakhbuchaepnwnsakhykhxngolkthiprachumsmchchaihyaehngshprachachati nkhrniwyxrk karkahndihwnwisakhbuchaepnwnsakhykhxngolk erimtnkhuncakkarthiphuaethncakpraethsthimiprachakrnbthuxsasnaphuthth khux bngkhlaeths cin law ekahliit ewiydnam phudan xinodniesiy enpal kmphucha xinediy pakisthan aelaithy idmimtirwmknthicaesnxihsmchchaihyaehngshprachachatiprakasrbrxngkhxmtikahndihwnwisakhbuchaepnwnhyudkhxngshprachachati inkarprachumphuththsasnarahwangpraeths International Buddhist Conference n krungokhlmob emuxnghlwngkhxngpraethssrilngka rahwangwnthi 9 14 phvscikayn ph s 2541 txma khnathutthawrsrilngkapracashprachachati n nkhrniwyxrk cungidcdetriymrangkhxmti aelaidkhxesiyngsnbsnuncakpraethstang ephuxihmikarrbrxngkhxmtieruxngkarprakasihwnwisakhbuchaepnwnhyudkhxngshprachachatiinthiprachumngsmchchaihyaehngshprachachati smysamy khrngthi 55 aetkhnaphuaethncaksrilngkaepliynesnxihprakaswnwisakhbuchaepn wnsakhysakl aethn enuxngcakwnhyudkhxngshprachachatimimakaelw aelacakrathbtxkardaeninngankhxngshprachachati aelaiddaeninkarihkhnaphuaethnthawrpracashprachachaticanwn 16 praeths khux srilngka bngkhlaeths phudan kmphucha law mldifs mxngokeliy phma enpal pakisthan filippins ekahliit sepn xinediy ithy aelayuekhrn ihrwmlngnaminhnngsuxthungprathanthiprachumsmchchaihyaehngshprachachati ephuxnaeruxngniekhasuraebiybwarakhxngkarprachumihy cnemuxwnthi 15 thnwakhm 2542 thiprachumihysmchchaaehngshprachachati smysamy khrngthi 55 cungidphicarnaraebiybwarathi 174 wadwykaryxmrbwnwisakhbuchainradbsakl International recognition of the Day of Visak odykaresnxkhxngsrilngka prathanthiprachumidihphuaethncaksrilngkaesnxrangkhxmti aelaechiyihphuaethncak ithy singkhopr bngkhlaeths phudan sepn phma enpal pakisthan xinediy khunaethlng srupkhwamidwa wnwisakhbuchaepnwnsakhykhxngphuththsasnikchnthwolk ephraaepnwnthiphraphuththecaprasuti trsru esdcdbkhnthpriniphphan phraphuththecathrngsngsxnihmwlmnusymiemttathrrmaelakhntithrrmtxephuxnmnusydwykn ephuxihekidsntisukhinsngkhm xnepnaenwthangkhxngshprachachati cungkhxihthiprachumrbrxngkhxmtini sungethakbepnkarrbrxngkhwamsakhykhxngphuththsasnainxngkhkarshprachachati odythuxwawndngklawepnthisanknganihyxngkhkarshprachachatiaelathithakarsmchchacacdihmikarralukthung observance tamkhwamehmaasm naywrwir wirsmphnth xupthutkhnaphuaethnthawrithypracashprachachati n nkhrniwyxrk idihehtuphlinthxyaethlngmiickhwamtxnhnungwa xngkhsmedcphrasmmasmphuththecathrngepnmhaburusphuihkhwamemttatxhmumwlmnusy epidoxkasihthuksasnasamarthekhamasuksaphuththsasna ephuxphisucnhakhxethccringidodyimcaepntxngepliynmanbthuxsasnaphuthth aelathrngsngsxnthukkhnodyichpyyathikhun odyimkhidkhatxbaethn inthisud xngkhkarshprachachatiidkahndihwnwisakhbuchaepn wnsakhysakl dwychuxwnwa Vesak odykaresnxkhxngpraethssrilngkadngklaw dwymtiexkchnthinthiprachumsmchchaihyaehngshprachachati emuxwnthi 15 thnwakhm ph s 2542echingxrrthhmayehtu 1 smedckrmphrayadarngrachanuphaphimthrngechuxwahnngsuxtarbthawsriculalksn aetngkhuninsmysuokhthythnghmd odythrngsnnisthaniwwasanwnaelaeruxngrawbangswninepnsanwnihmthiaetnginsmytnrtnoksinthr aetinswnekhaokhrnghlk thrngsnnisthanwamikhwamepnipidthixacmiekhaokhrngeruxngcringmacaksmysuokhthy hmayehtu 2 phunthibriewnphuththkhyaepnkrrmsiththikhxngtrakulphrahmnmhnt enuxngcakphuththkhyathukthxdthingiphlngcakphraphuththsasnaesuxmipcakxinediy aelaphrahmnmhntekhakhrxbkhrxngmhaophthiecdiyodyprbepnethwsthan txmarthbalxinediyidruxthxnsiwlingkephuxprbepnphuththsthan aelachawphuththideriykrxngkhxekhamiswnrwminkarcdkarphuththkhyainphayhlngcnmikartngepnkhnakrrmkarbriharrwmkn hmayehtu 3 phxkhathngkhunn tamtanankhxngphmaklawwaphxkhathngsxngepnphxkhamacakemuxngphma odyintananklawwaphraphuththxngkhidthrngprathanphraeksaaekphxkhathngkhuepnthiralukinphuththanusstidwy emuxphxkhathngsxngidnaphraeksathatuklbipcungidnaipsrangsthuppradisthan sungtxmaidklayepnphramhathatuchewdakxngxnepnsthanthipradisthanphraeksathatukhxngphraphuththxngkhcnepnthiekharphkhxngchawphuthththwipcnpccubnni hmayehtu 4 phraxngkhidesdcmanmskar n thiaehngni aelaidthrngsrangxaramaelasrangesrimphraaethnwchrxasn phraaethntrsruphayittnphrasrimhaophthi dwysilaaekaslkpradbxymni sungphraaethnniyngkhngpraktmacnpccubn aelainsmyphraecaxoskmharachniexng phranangsngkhmittaethri phrarachthidainphraecaxoskmharach idnakingdankhwakhxngtnphrasrimhaophthiipthwayaedphraecaethwanmpiytissa phramhakstriyaehnglngka odyidthrngplukiw n emuxng xnurathpura sungyngkhngmixayuyunyawmacnpccubn duephimnganwnwisakhbuchaolk raykarwnsakhythangphuththsasna wnmakhbucha wnsakhythangphuththsasna aelawnhyudrachkarinpraethsithy wnxasalhbucha wnsakhythangphuththsasna aelawnhyudrachkarinpraethsithy wnxtthmibucha wnthwayphraephlingphraphuththsrirakhxngsmedcphrasmmasmphuththeca hlngesdcdbkhnthpriniphphanid 8 wn phuththchyntixangxing BBC on Buddhism BBC Religions BBC subkhnemux 21 November 2018 Making History Vesak Celebrated at the White House with Candle Offerings 27 May 2021 Visakha Puja Accesstoinsight org subkhnemux 20 March 2012 Request for inclusion of an additional item in the agenda of the fifty fourth session in United Nations 12 November 1999 International recognition of the Day of Vesak Retrieved on May 7 2009 xngkvs phraphuththsasnainsthankarnpccubn 2020 08 11 thi ewyaebkaemchchin UNDV Celebration eriykkhxmulwnthi 23 emsayn 2552 Nirvana Day 15th February 2009 BBC Schools Buddhism Retrieved on May 7 2009 xngkvs Wesak Buddha Day First Full Moon in May around 20th May 2009 BBC Schools Buddhism Retrieved on May 7 2009 xngkvs syamrt thetpitk pali xc chriyxph phutthm msut t xupri m 14 248 363 syamrt thetpitk pali xc chriyxph phutthm msut t xupri m 14 249 251 366 7 8 9 371 syamrt thetpitk pali xc chriyxph phutthm msut t xupri m 14 249 251 366 7 8 9 371 ethwpraphas makkhlay sarakareriynruthxngthin praephniwthnthrrmaelaphthnakarthangprawtisastrkhxngwdaelahmubankhungtaepha xutrditth wdkhungtaepha 2552 syamrt thetpitk pali mhapriniph phansut t mha thi 10 176 139 syamrt thetpitk pali pasrasisut t oxpth thmwkh kh mu m 12 316 316 syamrt thetpitk pali pasarasisut t oxpth thmwkh kh mu m 13 443 89 syamrt thetpitk pali mhasihnathsut t sihnathwkh kh mu m 12 155 177 mthurtthwilasini xphphntrnithan phrrnnartncngkmnknth xrrthkthakhuththknikay phuththwngs xrrthkthartnacngkrmknth phraitrpidkaelaxrrthkthaaepl chbbmhamkutrachwithyaly xxniln ekhathungidcak 1 ekbthawr 2011 11 09 thi ewyaebkaemchchin ekhathungemux 9 7 52 phraitrpidk elmthi 33 phrasuttntpidk elmthi 25 khuththknikay xpthan phakh 2 phuththwngsa criyapidk okhtmphuththwngsthi 25 wadwyphraprawtiphraokhtmphuththeca phraitrpitkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak 2 ekhathungemux 11 6 52 phraitrpidk elmthi 25 phrasuttntpidk elmthi 17 khuththknikay thrrmbth khathathrrmbth chrawrrkhthi 11 phraitrpidkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak 3 ekhathungemux 23 10 52 xrrthktha khuththknikay khathathrrmbth chrawrrkhthi 11 xrrthkthaphraitrpidk xxniln ekhathungidcak 4 ekhathungemux 23 10 52 syamrt thetpitk pali skharwsut t ph rahmnwkh kh m m 13 685 754 syamrt thetpitk pali thn th s 17 81 125 syamrt thetpitk pali mhawar m 19 287 963 syamrt thetpitk pali pasathiksut t pa thi 11 117 105 syamrt thetpitk pali mhapriniph phansut t mha thi 10 139 106 syamrt thetpitk pali mhapriniph phansut t mha thi 10 142 109 syamrt thetpitk pali mhapriniph phansut t mha thi 10 147 117 syamrt thetpitk pali mhapriniph phansut t mha thi 10 149 117 syamrt thetpitk pali mhapriniph phansut t mha thi 10 159 128 smedcphraphuthacary xac xasphmhaethra khmphirwisuththimrrkh phraphuththokhsethra rcna krungethph sankphimphthnaephrs 2551 phrathrrmoksacary thrrmokhsnkhxngphuthththas phuththprawticakphraoxsth thrrmthanmulnithi phimphkhrngthi 11 Malalasekera G P Dictionary of Pali Proper Names Vols I II New Delhi Munshiram Manoharlal 1983 Lumbini the Birthplace of the Lord Buddha UNESCO World Heritage Centre eriykkhxmulemux 5 5 52 xngkvs srikittiosphn sukitti phra mhachnbth 16 aekhwninchmphuthwipinsmyphuththkal aelacdhmayelaeruxngxnakharikthrrmpala krungethphmhankhr impraktchuxsthanthiphimph 2539 esthiyr phnthrngsi phuththsthaninchmphuthwip krungethphmhankhr orngphimphyuinetd oprdkchn 2528 Li Yongshi translator 1959 The Life of Hsuan Tsang by Huili Chinese Buddhist Association Beijing xmtanntha phra aelakhna exksarokhrngkarkhnkhwaphuththsthaninaednphuththxngkhthangwichakar krungethphmhankhr exksartiphimphthaysaenacaktnchbb m p p phramhasmcint sm mapy oy lumphini sthanthiprasutiphrarupkaykhxngphrasiththtthokhtmphuththecaaehngsakywngs krungethphmhankhr sankphimphmhawithyalymhaculalngkrnrachwithyaly 2541 Mahabodhi Temple UNESCO World Heritage Centre eriykkhxmulemux 5 5 52 xngkvs phraitrpidk elmthi 20 phrasuttntpidk elmthi 12 xngkhuttrnikay exk thuk tiknibat extthkhkhbali phrarachwrmuni prayuthth pyutot phcnanukrmphuththsasn chbbpramwlsphth phimphkhrngthi 2 krungethph mhaculalngkrnrachwithyaly 2527 phrarachthrrmmuni ekiyrti sukit ti 2543 cdhmayelaeruxngxnakharikthrrmpala krungethph Root Institute for Wisdom Culture 2009 05 05 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2013 07 24 suchiph puyyanuphaph phraitrpitksahrbprachachn krungethphmhankhr orngphimphmhamkutrachwithyaly 2522 smy singhsiri phuaepl phraphuththsasnainchmphuthwip krungethphmhankhr sankphimph praphastn 2504 Bagri S C Buddhhist Pilgrimages amp Tours in India Nodida Publication Division of Indian Government 1992 sunnth pthmakhm rs smudphaphaednphuththphumi chlxngchnmayu 80 pi phrasuemthathibdi wdmhathatuyuwrachrngsvsdi krungethphmhankhr sankphimphmhawithyalymhaculalngkrnrachwithyaly 2541 phraecdiywisakhbuchanusrn sushprachachati 2012 09 20 thi ewyaebkaemchchin sankkhawxxnilnkhmchdluk eriykkhxmulemux 6 5 52 wnsakhykhxngera krmwichakar krathrwngsuksathikar ph s 2520 hna 6 wnsakhythangsasna wnwisakh lingkesiy ewbistsunyklangkhwamruaehngchati TKC Thailand Knowledge Center eriykkhxmulemux 2 5 52 wnwisakhbucha hlkthrrmthikhwrnaipptibti 2009 08 12 thi ewyaebkaemchchin nithrrskarxxniln hxsmud mhawithyalysngkhlankhrinthr eriykkhxmulemux 5 5 52 xrrthktha suwrrnsamchadk wadwy suwrrnsambaephyemttabarmi ewbist 84 000 phrathrrmkhnth eriykkhxmulemux 5 5 2552 exkrtn xudmphr wrrnkhdismysuokhthy krungethph sankphimphphthnasuksa imthrabpithiphimph wnwisakhbuchawnsakhysaklolk 2012 11 20 thi ewyaebkaemchchin sankngankhnakrrmkarsngesrimkarsuksaexkchn krathrwngsuksathikar eriykkhxmulemux 4 5 52 khabrryayraywichaaenwkhidthangcriysastrinsngkhmithy 2009 10 08 thi ewyaebkaemchchin SHES 531 History of Ethical Thoughts in Thai Society phakhwichamnusysastr mhawithyalymhidl eriykkhxmulemux 4 5 52 karthutechingwthnthrrmebuxngtn chbbpkinka 2007 05 03 thi ewyaebkaemchchin ody sukhum smprasngkh ewpiststhanexkxkhrrachthutithy n krungbrsesls eriykkhxmulemux 4 5 52 rachkiccanuebksa prakaskahndwnhyudrachkar nkkhtvkspracapi phraphuththskrach 2456 2011 11 08 thi ewyaebkaemchchin elm 30 30 minakhm ph s 2456 hna 533 culcxmeklaecaxyuhw phrabathsmedcphra phrarachphithisibsxngeduxn orngphimphphracnthr phrankhr 2496 rachkiccanuebksa karphrarachkuslwisakhbucha aelakalanukal elm 13 31 phvsphakhm ph s 1896 hna 105 rachkiccanuebksa karphrarachkuslwisakhbuchaaelkalanukal elm 16 txn 8 23 phvsphakhm ph s 1897 hna 89 rachkiccanuebksa wisakhbucha elm 1 txnthi 24 15 krkdakhm ph s 1884 hna 213 rachkiccanuebksa hmaykahndkarphrarachphithithrngbaephyphrarachkuslwisakhbucha phuththskrach 2551 elm 125 txnthi 10 kh 13 mithunayn ph s 2551 hna 14 rachkiccanuebksa hmaykahndkar thi 8 2508 esdcphrarachdaeninipthrngbaephyphrarachkuslwisakhbucha n wdmhathatu cnghwdephchrburi phuththskrach 2508 elm 82 txn 39 ng 11 phvsphakhm ph s 2508 hna 1397 sanksasnasuksawdethphlila khumuxepidtaraeriynbali krungethph orngphimphmhaculalngkrnrachwithyaly 2545 rachkiccanuebksa hmaykahndkar thi 10 2502 phrarachphithithrngbaephyphrarachkuslwisakhbucha phuththskrach 2502 elm 76 txn 53 ng 19 phvsphakhm ph s 2502 hna 1407 rachkiccanuebksa hmaykahndkar thi 10 2547 phrarachphithithrngbaephyphrarachkuslwisakhbucha phuththskrach 2547 elm 121 phiess 61 ng 31 phvsphakhm ph s 2547 hna 91 rachkiccanuebksa kahndkar thi 7 2490 phrarachphithithrngbaephyphrarachkuslwisakhbucha mithunayn phuththskrach 2490 elm 64 txn 24 ng 27 phvsphakhm ph s 2490 hna 1016 rachkiccanuebksa prakaskrathrwngkhmnakhm eruxng srangaelacahnaytraiprsniyakrchudwnsakhythangphuththsasna wnwisakhbucha elm 115 txn 40 ng 19 phvsphakhm ph s 2541 hna 13 traiprsniyakrchudwnsakhythangphuththsasna wnwisakhbucha pracapi 2552 2011 11 09 thi ewyaebkaemchchin ewbistbristhiprsniyithy eriykkhxmulemux 12 5 52 India Public Holidays 2009 The Professional Source of World Public Holidays The Professional Source of World Public Holidays eriykkhxmulemux 11 5 52 Singapore Public Holidays 2009 The Professional Source of World Public Holidays The Professional Source of World Public Holidays eriykkhxmulemux 11 5 52 Sri Lanka Public Holidays 2009 The Professional Source of World Public Holidays eriykkhxmulemux 11 5 52 Burma Public Holidays 2009 The Professional Source of World Public Holidays eriykkhxmulemux 11 5 52 Bangladesh Public Holidays 2009 The Professional Source of World Public Holidays eriykkhxmulemux 11 5 52 Indonesia Public Holidays 2009 The Professional Source of World Public Holidays eriykkhxmulemux 11 5 52 Malaysia Public Holidays 2009 The Professional Source of World Public Holidays eriykkhxmulemux 11 5 52 Nepal Public Holidays 2009 The Professional Source of World Public Holidays eriykkhxmulemux 11 5 52 South Korea Public Holidays 2009 The Professional Source of World Public Holidays eriykkhxmulemux 11 5 52 Cambodia Public Holidays 2009 The Professional Source of World Public Holidays eriykkhxmulemux 11 5 52 Bhutan Public Holidays 2009 The Professional Source of World Public Holidays eriykkhxmulemux 11 5 52 xdisr xisi xnntriykrrm newiydnamit 2012 09 20 thi ewyaebkaemchchin krungethphmhankhr imthrabpithiphimph Vesak Day in BOROBUDUR 2007 Ep 1 DMC Dhamma Media Channel eriykkhxmulemux 11 5 52 Vesak Day in BOROBUDUR 2007 Ep 2 DMC Dhamma Media Channel eriykkhxmulemux 11 5 52 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2009 01 22 subkhnemux 22 mithunayn 2551 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help BURMA D G E HALL M A D LIT F R HIST S Professor Emeritus of the University of London and formerly Professor of History in the University of Rangoon Burma Third edition 1960 xngkvs hnngsuxxanephimetimphrathrrmoksacary thrrmokhsnkhxngphuthththas phuththprawticakphraoxsth krungethph thrrmthanmulnithi 2529 phimphkhrngthi 11 ISBN 974 497 908 9 pnnwthn ptithin 100 ph s 2468 2568 khmphirphyakrnkhuban krungethph iphlin 2550 ISBN 974 455 535 1 ebycmas phlxinthr wrrnkhdikhnbpraephni phrarachphithisibsxngeduxn krungethph sankphimphoxediynsotr 2523 iphorcn khumiphorcn tamrxybathphrasasda krungethph sankphimphthrrmspha 2539 ISBN 974 89383 5 2aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb wnwisakhbucha phraitrpidk elmthi 10 phrasuttntpidk elm 2 thikhnikay mhawrrkh mhapriniphphansutr 2004 05 14 thi ewyaebkaemchchin xrrthktha thikhnikay mhawrrkh mhapriniphphansutr