ศาสนาฮินดู เป็นศาสนาหนึ่งในกลุ่มศาสนาอินเดีย และเป็นธรรมะหรือแนวทางการใช้ชีวิตของผู้คน ที่เป็นที่นับถืออย่างแพร่หลายในอนุทวีปอินเดียและบางส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะบนเกาะบาหลี เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าเป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ศาสนิกชนและนักวิชาการบางกลุ่มเรียกศาสนาฮินดูว่าเป็น "" หรือหนทางนิรันดร์ชั่วประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ นักวิชาการมักมองศาสนาฮินดูว่าเป็นการผสมผสานของ หรือสังเคราะห์มาจาก วัฒนธรรม จารีต และประเพณีอันหลากหลายในอนุทวีปอินเดีย ที่มีรากฐานหลากหลาย และไม่มีศาสดาหรือผู้ริเริ่มตั้งศาสนา แต่ผู้เผยแผ่คำภีร์พระเวท ยุคแรกเริ่มคือ ฤๅษีวยาส ท่านเปรียบเสมือนเป็นศาสดาคนหนึ่ง "การสังเคราะห์ศาสนาฮินดู" (Hindu synthesis) นี้เริ่มมีขึ้นระหว่างราว 500 ปีก่อนคริสตกาล ถึงคริสต์ศักราช 300 ภายหลังการสิ้นสุดลงของยุคพระเวท (1500 ถึง 500 ก่อนคริสตกาล), และเจริญรุ่งเรืองในอินเดียสมัยกลางไปพร้อมกับ
ถึงแม้ว่าศาสนาฮินดูจะเต็มไปด้วยปรัชญาหลายแขนง แต่ก็สามารถเชื่อมโยงถึงกันผ่านแนวคิดที่มีร่วมกัน, พิธีกรรมที่คล้ายคลึงกัน, , และ ส่วนคัมภีร์ของศาสนาฮินดูนั้นจำแนกออกเป็น (จากการฟัง) และ (จากการจำ) คัมภีร์เหล่านี้มีทั้ง, , พระเวท, โยคะ, พิธีกรรม, และการสร้างโบสถ์พราหมณ์ เป็นต้น คัมภีร์เล่มสำคัญได้แก่ พระเวท, อุปนิษัท, ภควัทคีตา, รามายณะ และ ที่มา ผู้ประพันธ์ และความจริงนิรันดร์ในคัมภีร์เหล่านี้ล้วนมีบทบาทสำคัญ แต่ศาสนาฮินดูก็มีแนวคิดหลักสำคัญที่สนับสนุนการตั้งคำถามต่อที่มาและเนื้อความของคัมภีร์เพื่อให้เข้าใจสัจธรรมต่าง ๆ ได้อย่างลึกซึ้ง และสร้างประเพณีหรือแนวคิดต่อยอดในอนาคต
สาระสำคัญในศาสนาฮินดูคือ "" ทั้งสี่ อันเป็นจุดมุ่งหมายอันสมควรในชีวิตของมุนษย์ ได้แก่ ธรรมะ (หน้าที่/จริยธรรม), (การเจริญเติบโต/หน้าที่การงาน), กามะ (ประสงค์/แรงจูงใจ) และ โมกษะ (การหลุดพ้น/การเป็นอิสระจากการเวียนว่ายตายเกิด) นอกจากนี้ แนวคิดสำคัญอื่น ๆ ที่พบในศาสนาฮินดูยังรวมถึง กรรม (การกระทำ/ผลของการกระทำ), สังสารวัฏ (วงจรเวียนว่ายตายเกิด) และ การปฏิบัติโยคะ (หนทางสู่โมกษะ) ที่มีอยู่หลากหลายปรัชญา การปฏิบัติในศาสนาฮินดู มีทั้ง ปูชา (การบูชา), การสวดมนต์และร้องเพลงสวด, , การปฏิบัติสมาธิ, สังสการ (พิธีกรรมเปลี่ยนผ่าน), เทศกาลประจำปีและการออกเดินทางแสวงบุญตามโอกาส ศาสนิกชนบางส่วนละทิ้งชีวิตทางโลกและการยึดติดกับวัตถุ เพื่ออกสู่ (ถือพรต/ออกบวช) เพื่อเข้าสู่โมกษะ ศาสนาฮินดูยังเน้นย้ำถึงหน้าที่ตลอดกาล เช่น ความกตัญญู ซื่อสัตย์, ไม่ทำร้ายสัตว์และผู้คน (อหิงสา), การใจเย็น, ความอดทนอดกลั้น, การข่มใจตนเอง และความเมตตานิกายในศาสนาฮินดูหลักมี 4 นิกาย คือ ลัทธิไวษณพ, ลัทธิไศวะ, ลัทธิศักติ และ
ศาสนาฮินดูถือเป็นเป็นอันดับที่ 3 มีศาสนิกชนซึ่งเรียกว่า อยู่ราว 1.15 พันล้านคน หรือ 15-16% ของประชากรโลก ศาสนาฮินดูมีผู้นับถือมากที่สุดในอินเดีย, และ นอกจากนี้ยังเป็นศาสนาหลักในจังหวัดบาหลี เช่นกัน ชุมชนฮินดูขนาดใหญ่ยังพบได้ในแคริบเบียน, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อเมริกาเหนือ, ยุโรป, แอฟริกา และ
ความเชื่อ
สาระสำคัญในศาสนาฮินดูมันวนเวียนอยู่กับประเด็นของธรรมะ, สังสาระ, โมกษะ และการปฏิบัติโยคะ
ปุรุษารถะ
ศาสนาฮินดูดั้งเดิมเชื่อว่าจุดมุ่งหมายในชีวิตของมนุษย์มีอยู่สี่ประการ ได้แก่ ธรรมะ, , กามะ และ โมกษะ เป้าหมายทั้งสี่นี่เรียกรวมว่า ""
ธรรมะ (ทางที่ถูกต้อง/จริยะ)
ธรรมะถือเป็นจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนที่สุดในศาสนาฮินดู แนวคิดของธรรมะนั้นรวมถึงพฤติกรรมที่ถือว่าสอดคล้องไปกับ หนทางที่ทำให้ทั้งชีวิตและจักรวาลคงอยู่ได้ และยังรวมถึงหน้าที่, สิทธิ, กฎระเบียบ, สัจธรรม และ "การใช้ชีวิตอย่างถูกทาง" ธรรมะฮินดูประกอบด้วยหน้าที่ทางศาสนา, จริยธรรมและคุณธรรม และหน้าที่ของแต่ละบุคคล รวมถึงการปฏิบัติตนและนิสัยที่นำไปสู่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม ได้เคยกล่าวว่า ธรรมะนั้นเป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่มีอยู่จะต้องยอมรับและเคารพเพื่อยังผลให้เกิดการรักษาความสามัคคีและความสงบเรียบร้อยในโลก เป็นการแสวงหาและการดำเนินการตามธรรมชาติและการเรียกหาที่แท้จริง อันมีบทบาทในการปรองดองโดยทั่วกัน ส่วน ได้ระบุว่าธรรมะคือ
ไม่มีสิ่งใดเหนือยิ่งกว่าธรรมะ ผู้ที่อ่อนแอจะเอาชนะผู้ที่แข็งแกร่งกว่าได้ก็ด้วยธรรมะ ธรรมะนั้นคือความจริง (สัตยะ) อย่างแท้จริง ดังนั้นเมื่อผู้ใดพูดความจริง เป็นอันเรียกได้ว่าเขาผู้นั้น "ได้เปล่งวาจาของธรรมะ!" เพราะทั้งคู่ (ความจริง และ ธรรมะ) เป็นคำที่มีความหมายเดียวกัน
— , 1.4.xiv
พระกฤษณะ ในมหาภารตะ ได้ทรงนิยามธรรมว่าเป็น การสนับสนุนความจริงทั้งในโลกนี้และโลกอื่น (Mbh 12.110.11) คำว่า "สนาตนะ" แปลว่า "นิรันดร์" ดังนั้น "สนาตนธรรม" จึงแปลว่า "ความจริงอันเป็นนิรันดร์" ไม่มีจุดเริ่มต้น และไม่มีที่สิ้นสุด
อรรถ
อรรถะ หรือ อารถะ คือ การแสวงหาความมั่งคั่งอย่างมีเป้าหมายและมีคุณธรรม เพื่อการดำรงชีวิต ภาระผูกพัน และความมั่งคั่งทางทรัพย์สิน อรรถะยังรวมถึงชีวิตทางการเมือง การทูต และการมีความเป็นอยู่ที่ดี แนวคิดนี้รวมถึง "วิถีชีวิตทุกมุมของชีวิต" กิจกรรมและทรัพยากรทั้งหมดที่ช่วยให้คนหนึ่งสามารถมีความมั่งคงทางอาชีพการงานและทางการเงิน การแสวงหาอรรถะอย่างพอเหมาะพอควรถือเป็นเป้าหมายสำคัญของชีวิตมนุษย์ในศาสนาฮินดู
กามะ
กาม แปลว่า ความปรารถนา, ความรัก, ชอบ, หลงใหล ทั้งมีและปราศจากความคิดเชิงชู้สาวและอารมณ์ทางเพศ และหมายถึงความสุข ความยินดี อันเกิดจากสัมผัสต่าง ๆ ของร่างกาย ในศาสนาฮินดู กามะถือเป็นส่วนจำเป็นที่ช่วยให้ชีวิตคงอยู่ได้อย่างแข็งแรง ทั้งนี้ทั้งนั้นยังต้องอยู่ภายใต้การนำพาของธรรมะ, อรรถะ และโมกษะ
โมกษะ
โมกษะ หรือ มุขติ ถือเป็นเป้าหมายสูงที่สุดในศาสนาฮินดู โมกษะอาจหมายถึงการหลุดพ้นจากความทุกข์ และจากสังสาระ (การเวียนว่ายตายเกิด) ในนิกายอื่น ๆ ของศาสนาฮินดูเช่น Monistic ถือว่าโมกษะเป็นเป้าหมายที่เข้าถึงได้ในชาติปัจจุบัน เป็นสถานะของความสุขผ่านการรับรู้ตนเอง การเข้าใจธรรมชาติของจิตวิญญาณของเสรีภาพและ "ตระหนักว่าจักรวาลทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของตน"
กรรม
โมกษะ
เป้าหมายสูงสุดของชีวิตเรียกว่า "โมกษะ", "นิรวานะ" หรือ "สมาธิ" เป็นที่เข้าใจกันอยู่หลายแบบ: การเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้า, การเข้าสู่ความสัมพันธ์นิรันดร์กับพระเจ้า, การเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล, การละทิ้งความเห็นแก่ตัวจนสิ้น, การหลุดพ้นจากสังสาระ ซึ่งคือการไม่เกิดอีก การไม่ทุกข์อีก
แนวคิดเรื่องพระเป็นเจ้า
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ศาสนาฮินดูนั้นมีหลายความเชื่อ มีตั้งแต่ เอกเทวนิยม, พหุเทวนิยม, สรรพันตรเทวนิยม, สรรพเทวนิยม, ไปจนถึง
นิกายหลัก
ศาสนาฮินดูไม่มีหลักคำสอนหลักกลาง ในขณะเดียวกันชาวฮินดูเองจำนวนมากก็ไม่ได้อ้างว่าเป็นของนิกายหรือประเพณีใด ๆ อย่างไรก็ตาม ในงานศึกษาเชิงวิชาการนิยมแบ่งออกเป็น 4 นิกายหลัก ได้แก่ ลัทธิไวษณพ, ลัทธิไศวะ, ลัทธิศักติ และ ลัทธิสมารตะ นิกายต่าง ๆ นี้แตกต่างกันหลัก ๆ ที่เทพเจ้าองค์กลางที่บูชา, ธรรมเนียมและมุมมองต่อการ ได้ระบุไว้ว่าการแบ่งนิกายของศาสนาฮินดูนั้นแตกต่างจากในศาสนาหลักอื่น ๆ ของโลก เพราะนิกายของศาสนาฮินดูนั้นคลุมเครือกับการฝึกฝนของบุคคลมากกว่า เป็นที่มาของคำว่า "Hindu polycentrism" (หลากหลายนิยมฮินดู, ฮินดูตามท้องถิ่น)
ลัทธิไวษณพ บูชาพระวิษณุ และปางอวตารของพระองค์ โดยเฉพาะ พระกฤษณะ และ พระราม ลักษณะของนิกายนี้โดยทั่วไป ไม่ใช่ลักษณะนักพรตติดอาราม แต่มุ่งเน้นไปที่กิจกรรมชุมชนและการปฏิบัติที่นับถือศรัทธา ความรักสนุกนี้มีที่มาจากการสื่อนัย ๆ ถึงลักษณะอัน "ขี้เล่น ร่าเริง และสนุกสนาน" ของพระกฤษณะรวมถึงอวตารองค์อื่น ๆ พิธีกรรมและการปฏิบัติจึงมักเต็มไปด้วยการระบำในชุมชน, ขับร้องดนตรี ทั้ง กีรตัน (Kirtan) และ (Bhajan) โดยเชื่อกันว่าเสียงและดนตรีเหล่านี้จะมีพลังในการช่วยทำสมาธิและมีพลังอำนาจเชิงความเชื่อ การเฉลิมฉลองและพิธีกรรมในศาสนสถานของไวษณพมักมีความประณีต ละเอียดลออ ส่วนรากฐานเชิงศาสนศาสตร์ของไวษณพนั้นมาจากภควัทคีตา, รามายณะ และปุราณะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระวิษณุ
ลัทธิไศวะ มุ่งเน้นที่พระศิวะ ศาสนิกชนไศวะมีแนวโน้มไปทางปัจเจกพรตนิยม (ascetic individualism) และแตกออกเป็นนิกายแยกย่อยได้อีก แนวทางปฏิบัติของไศวะรวมถึงการศรัทธาแบบภักติ แต่ความเชื่อโน้มเอียงมาทางนิกายแบบ nondual, monistic อย่าง Advaita และ ไศวะมีทั้งกลุ่มที่นิยมบูชาในศาสนสถาน บางส่วนก็มุ่งเน้นที่การปฏิบัติโยคะ ทั้งหมดเพื่อพยายามเข้าเป็นอันหนึ่งเดียวกันกับพระศิวะทั้งสิ้น ลักษณะขององค์อวตารนั้นไม่ค่อยพบ และไศวะบางกลุ่มมองพระเป็นเจ้าในลักษณะของครึ่งบุรุษ-ครึ่งสตรี (อรธนารีศวร) ไศวะนั้นมีความเกี่ยวพันกับศักติ โดยมักมองว่าองค์ศักติเป็น พระชายาของพระศิวะ การเฉลิมฉลองประกอบด้วยเทศกาลต่าง ๆ และการมีส่วนร่วมในศาสนพิธีและเดินทางไปแสวงบุญยังสถานที่แสวงบุญเช่น ร่วมกับไวษณพ ลัทธิไศวะพบได้ทั่วไปในแถบหิมาลัย ตั้งแต่กัศมีร์จนถึงเนปาล และในอินเดียใต้
ลัทธิศักติ บูชาเทวีหรือศักติเป็นพระมารดาของจักรวาล พบมากเปนพิเศษในรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันออกของอินเดีย เช่น รัฐอัสสัม และเบงกอลตะวันตก เทวีที่บูชานั้นมีรูปลักษณ์ตั้งแต่พระแม่ปราวตี ซึ่งทรงอ่อนโยนไปจนถึงองค์ที่มีพระลักษณะดุดันเช่น พระแม่ทุรคา และ พระแม่กาลี ศาสนิกชนเชื่อว่าศักติเป็นพลังอำนาจที่คอยรองรับความเป็นบุรุษ ระเบียบการปฏิบัติของศักติเกี่ยวข้องกับแนวทางแบบ การเฉลิมฉลองมีทั้งเทศกาล ซึ่งบางส่วนมีพิธีกรรมที่นำเทวรูปดินเหนียวแช่ลงให้ละลายไปในแม่น้ำ
บูชาเทพเจ้าฮินดูองค์หลัก ๆ ไปพร้อม ๆ กัน ได้แก่ พระศิวะ, พระวิษณุ, องค์ศักติ, พระคเนศ, พระสุริยะ และ พระการติเกยะ ธรรมเนียมแบบสมารตะนั้นเกิดขึ้นราวหลังยุคคาสสิกของฮินดูตอนต้น ราวเริ่มต้นคริสตกาล หลังศาสนาฮินดูเริ่มรวมเข้ากับการปฏิบัติแบบพราหมณ์และความเชื่อพื้นเมือง
ประวัติ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ศาสนาพราหมณ์มีวิธีวัฒนาการทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน นับตั้งแต่การเริ่มตั้งถิ่นฐานของชาวอารยันเริ่มตั้งถิ่นฐานในชมพูทวีป ต่อมาในสมัยหลังพุทธกาลศาสนาพราหมณ์ได้วิวัฒนาการมาเป็นศาสนาฮินดูหรือพราหมณ์ใหม่ ซึ่งมีหลักคำสอนที่ผิดแผกแตกต่างจากต้นกำเนิดเดิมของศาสนานี้ จึงนับว่าศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาที่มีอายุยาวนานที่สุดของโลกศาสนาหนึ่ง ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเป็นศาสนาที่แตกต่างจากศาสนาอื่นในโลกเพราะเป็นศาสนาที่ไม่มีศาสดาผู้ก่อตั้ง เพราะมีจุดเริ่มต้นมาจากความเชื่อว่ามีเทพเจ้าผู้มีอำนาจเหนือธรรมชาติ เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง ต่อมาชาวอารยันผู้ทำหน้าที่ติดต่อกับเทพเจ้า ได้สอนหลักการเรื่องกำเนิดของสรรพสิ่งว่า เทพเจ้าหรือพระพรหม เป็นผู้สร้างสรรพสิ่งในลักษณะต่างๆ ต่อมาสรรพสิ่งที่พระพรหมสร้างก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเทพเจ้าองค์อื่นๆ ด้วย ทำให้มีเทพเจ้ามากมายและทำหน้าที่ต่างๆกันในที่สุด ศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูจึงกลายมาเป็นศาสนาประเภทพหุเทวนิยมในปัจจุบัน เนื่องจาก ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีวิวัฒนาการมาเป็นเวลาอันยาวนาน ทำให้แนวความคิดทางศาสนาแตกต่างกันออกไปมาก ดังนั้น การศึกษาประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยแบงออกเป็นยุคต่างๆ ยุคอริยกะหรืออารยัน ยุคพระเวท ยุคพราหมณะ ยุคฮินดูเก่า(ฮินดูแท้) และอุปนิษัท สมัยสูตร สมัยอวตาร สมัยเสื่อม สมัยฟื้นฟู และสมัยภักติ สรุปได้ว่า ศาสนาพราหมณ์เริ่มต้นจากลัทธิประจำเผ่าพัฒนามาเป็นศาสนาประจำเผ่าอารยัน ซึ่งอพยพมารบชนะชาวเผ่าพื้นเมืองที่เรียกว่า ทราวิฑ หรือมิลักขะได้ขับไล่พวกชนเผ่าเจ้าของดินแดนเดิมออกไปอยู่ทางใต้ของอินเดีย(รัฐทมิฬนาฑู)และบางส่วนหนีข้ามฝากไปยังศรีลังกา เกิดเป็นตำนานมหากาพย์สงครามระหว่าง 2 เผ่าพันธุ์ในเรื่อง รามายณะซึ่งแต่งโดยฤๅษีวาลมีกิ พระราม (ชาวอารยัน)หรืออริยกะ ได้ทำสงครามรบกับชนพื้นเมืองเดิม(มิลักขะ)ยักษ์หรือ (ทศกัณฐ์) แล้วตั้งถิ่นฐานที่อยู่ครอบครองลุ่มแม่น้ำสินธุและแม่น้ำคงคา ได้ผสมผสานความเชื่อของท้องถิ่นให้เข้ากับความเชื่อของตน ทำให้เกิดแนวความคิดเรื่องวรรณะ โดยมีความเชื่อที่ว่าพระพรหมเป็นผู้สร้างมนุษย์ในวรรณะต่างๆ จากอวัยวะแต่ละส่วนของพระองค์ เช่น พราหมณ์เกิดจากโอษฐ์ กษัตริย์เกิดจากอก เกิดจากตัก และเกิดจากเท้า ชาวอินเดียจะยึดถือวรรณะกันมาก ถ้าใครแต่งงานข้ามวรรณะกันลูกก็จะกลายเป็นจัณฑาล ในยุคโบราณ เมื่อพวกอริยะชนะสงคราม จึงใช้ศาสนาพราหมณ์เป็นเครื่องมือในการแบ่งวรรณะเป็น 4 วรรณะ เพื่อให้ง่ายต่อการปกครอง ต่อมาในยุคพระเวทเป็นยุคที่มีพัฒนาการการนับถือพระเจ้าให้มีระเบียบแบบแผนมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งเกิดการรวบรวมบทสวดอ้อนวอนพระเจ้าต่างๆ เรียกว่าคัมภีร์พระเวท ในยุคพราหมณะเป็นยุคที่วรรณะพราหมณ์มีอำนาจสูงสุด เพราะเป็นผู้ผูกขาดการทำพิธีกรรมต่างๆมีการแต่งคัมภีร์พระเวทขึ้นอีกหนึ่งคัมภีร์คือ และคัมภีร์อุปนิษัทซึ่งเป็นรากฐานของแนวคิดทางปรัชญามีความสุขุมลุ่มลึกยิ่งขึ้นมากกว่าเดิม เป็นยุคที่มีการแข่งขันกันระหว่างศาสนา คือเกิดศาสนาใหม่ คือ ศาสนาเชนและศาสนาพุทธ จนทำให้ศาสนาพราหมณ์ต้องปรับกระบวนการในการสอนศาสนาใหม่จนต้องเรียกตนเองใหม่ว่า ศาสนาฮินดู
คัมภีร์
คัมภีร์พระเวท เดิมมี 3 คัมภีร์ เรียกว่า "ไตรเวท" โดยประกอบไปด้วย
- ฤคเวท เป็นคัมภีร์ที่รวบรวมบทสวดสดุดีพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย บรรดาเทพเจ้าที่ปรากฏในฤคเวทสัมหิตามีจำนวน 33 องค์ ทั้ง 33 องค์ ได้จัดแบ่งตามลักษณะของที่อยู่เป็น 3 กลุ่ม คือ เทพเจ้าที่อยู่ในสวรรค์ เทพเจ้าที่อยู่ในอากาศ และเทพเจ้าที่อยู่ในโลกมนุษย์ มีจำนวนกลุ่มละ 11 องค์
- ยชุรเวท เป็นคัมภีร์ที่รวบรวมบทประพันธ์ที่ว่าด้วยสูตรสำหรับใช้ในการประกอบยัญพิธียชุเวทสัมหิตา แบ่งออกเป็น 2 แขนง คือ
- ศุกลชุรเวท หรือ ยชุรเวทขาว ได้แก่ ยชุรเวทที่บรรจุมนต์ หรือคำสวดและสูตรที่ต้องสวด
- กฤษณยชุรเวท หรือ ยชุรเวทดำ ได้แก่ ยชุรเวทที่บรรจุมนต์และคำแนะนำเกี่ยวกับการประกอบยัญพิธีบวงสรวง ตลอดทั้งคำอธิบายในการประกอบพิธีอีกด้วย
- สามเวท เป็นคัมภีร์ที่รวบรวมบทประพันธ์อันเป็นบทสวดขับร้อง บทสวดในสามเวทสัมหิตามีจำนวน 1,549 บท ในจำนวนนี้มีเพียง 75 บท ที่มิได้ปรากฏในฤคเวท
ต่อมาได้เพิ่ม เป็นคัมภีร์ที่รวบรวมบทประพันธ์ที่ว่าด้วยมนต์หรือคาถาต่าง ๆ
หลักปฏิบัติ
อาศรม หรือ อาศรม 4 หมายถึง ขั้นตอนการดำเนินชีวิตของชาวฮินดู เฉพาะที่เป็นพราหมณ์วัยต่าง ๆ โดยกำหนดเกณฑ์อายุคนไว้ 100 ปี แบ่งช่วงของการไว้ชีวิตไว้ 4 ตอน ตอนละ 25 ปี ช่วงชีวิตแต่ละช่วงเรียกว่า อาศรม (วัย) อาศรมทั้ง 4 ช่วง มีดังนี้
- พรหมจรยอาศรม เริ่มตั้งแต่อายุ 8-15 ปี ผู้เข้าสู่อาศรมนี้เรียกว่า พรหมจารี
- คฤหัสถาศรม อยู่ในช่วงอายุ 15-40 ปี
- วานปรัสถาศรม อยู่ในช่วงอายุ 40-60 ปี
- สันยัสตาศรม อยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป สำหรับผู้ปรารถนาความหลุดพ้น (โมกษะ) จะออกบวชเป็น "สันยาสี" เมื่อบวชแล้วจะสึกไม่ได้
จุดมุ่งหมายสูงสุด
โมกษะ การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เช่นเดียวกับศาสนาพุทธ ถือว่าเป็นหลักความดีสูงสุด ดังคำสอนของศาสนาฮินดูสอนว่า "ผู้ใดรู้แจ้งในอาตมันของตนว่าเป็นหลักอาตมันของโลกพรหมแล้ว ผู้นั้นย่อมพ้นจากสังสาระการเวียนว่าย ตาย เกิด และจะไม่ปฏิสนธิอีก"
ศาสนสถาน
เชิงอรรถ
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อdefinition
- See:
- Fowler: "probably the oldest religion in the world" (Fowler 1997, p. 1 )
- Klostermaier: The "oldest living major religion" in the world (Klostermaier 2007, p. 1)
- Kurien: "There are almost a billion Hindus living on Earth. They practice the world's oldest religion..."
- Bakker: "it [Hinduism] is the oldest religion".
- Noble: "Hinduism, the world's oldest surviving religion, continues to provide the framework for daily life in much of South Asia."
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อLockard
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อHiltebeitel-synthesis
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อfusion
- Among its roots are the Vedic religion of the late Vedic period (Flood 1996, p. 16 ) and its emphasis on the status of Brahmans (Samuel 2010, pp. 48–53 ), but also the religions of the (Narayanan 2009, p. 11 ; Lockard 2007, p. 52 ; Hiltebeitel 2007, p. 3 ; Jones & Ryan 2006, p. xviii ) the or renouncer traditions of north-east India (Flood 1996, p. 16 ; Gomez 2013, p. 42 ), with possible roots in a non-Vedic Indo-European culture (Brokhorst 2007 ), and "popular or " (Flood 1996, p. 16 ).
อ้างอิง
- Kurien, Prema (2006). "Multiculturalism and American Religion: The Case of Hindu Indian Americans". Social Forces. 85 (2): 723–741. doi:10.1353/sof.2007.0015.
- Bakker, F.L. (1997). "Balinese Hinduism and the Indonesian State: Recent Developments". Bijdragen Tot de Taal-, Land- en Volkenkunde. Deel 153, 1ste Afl. (1): 15–41. doi:10.1163/22134379-90003943. JSTOR 27864809.
- Noble, Allen (1998). "South Asian Sacred Places". Journal of Cultural Geography. 17 (2): 1–3. doi:10.1080/08873639809478317.
- Knott 1998, pp. 5, Quote: "Many describe Hinduism as sanatana dharma, the eternal tradition or religion. This refers to the idea that its origins lie beyond human history".
- Bowker 2000 ; Harvey 2001, p. xiii ;
- Samuel 2010, p. 193.
- Hiltebeitel 2007, p. 12 ; Flood 1996, p. 16 ; Lockard 2007, p. 50
- Narayanan 2009, p. 11.
- Fowler 1997, pp. 1, 7.
- พระบูรพมหาพฤฒาจารย์-พระมหาฤษีวยาสะ (กฤษณะ ไทวปายนะ วยาส)
- Hiltebeitel 2007, p. 12.
- Larson 2009.
- Larson 1995, p. 109-111.
- Michaels 2004.
- Zaehner, R. C. (1992). Hindu Scriptures. Penguin Random House. pp. 1–7. ISBN .
- Klostermaier, Klaus (2007). A Survey of Hinduism (3rd ed.). State University of New York Press. pp. 46–52, 76–77. ISBN .
- Frazier, Jessica (2011). The Continuum companion to Hindu studies. London: Continuum. pp. 1–15. ISBN .
- Bilimoria; และคณะ, บ.ก. (2007). Indian Ethics: Classical Traditions and Contemporary Challenges. p. 103. See also Koller, John (1968). "Puruṣārtha as Human Aims". Philosophy East and West. 18 (4): 315–319. doi:10.2307/1398408. JSTOR 1398408.
- Flood, Gavin (1997). "The Meaning and Context of the Puruṣārthas". ใน Lipner, Julius J. (บ.ก.). The Bhagavadgītā for Our Times. Oxford University Press. pp. 11–27. ISBN .
- Brodd 2003.
- Herbert Ellinger (1996). Hinduism. Bloomsbury Academic. pp. 69–70. ISBN .
- Dharma, Samanya; Kane, P. V. History of Dharmasastra. Vol. 2. pp. 4–5. See also Widgery, Alban (1930). "The Priniciples of Hindu Ethics". International Journal of Ethics. 40 (2): 232–245. doi:10.1086/intejethi.40.2.2377977.
- (2009), Hindus: Their Religious Beliefs and Practices, 2nd Edition, Routledge, ISBN , pages 377, 398
- (PDF). gordonconwell.edu. January 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2017-05-25. สืบค้นเมื่อ 29 May 2015.
- "Peringatan". sp2010.bps.go.id.
- Vertovec, Steven (2013). The Hindu Diaspora: Comparative Patterns. Routledge. pp. 1–4, 7–8, 63–64, 87–88, 141–143. ISBN .
- "Hindus". Pew Research Center's Religion & Public Life Project. 18 December 2012. สืบค้นเมื่อ 14 February 2015.;
. Pew Research Center's Religion & Public Life Project. 18 December 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 February 2013. สืบค้นเมื่อ 14 February 2015. - (1996), The meaning and context of the Purusarthas, in Julius Lipner (Editor) – The Fruits of Our Desiring, ISBN , pp 16–21
- The Oxford Dictionary of World Religions, Dharma, The : "In Hinduism, dharma is a fundamental concept, referring to the order and custom which make life and a universe possible, and thus to the behaviours appropriate to the maintenance of that order."
- Dharma, The Columbia Encyclopedia, 6th Ed. (2013), Columbia University Press, Gale, ISBN
- J. A. B. Van Buitenen, Dharma and Moksa, Philosophy East and West, Vol. 7, No. 1/2 (Apr. – Jul. 1957), pp 33–40
- , The Mukhya Upanishads: Books of Hidden Wisdom, Kshetra, ISBN , page 481, for discussion: pages 478–505
- Paul Horsch (Translated by Jarrod Whitaker), From Creation Myth to World Law: The early history of Dharma, Journal of Indian Philosophy, Vol 32, pages 423–448, (2004)
- Swami Prabhupādā, A. C. Bhaktivedanta (1986), Bhagavad-gītā as it is, The Bhaktivedanta Book Trust, p. 16, ISBN
- John Koller, Puruṣārtha as Human Aims, Philosophy East and West, Vol. 18, No. 4 (Oct. 1968), pp. 315–319
- James Lochtefeld (2002), The Illustrated Encyclopedia of Hinduism, Rosen Publishing, New York, ISBN , pp 55–56
- Bruce Sullivan (1997), Historical Dictionary of Hinduism, ISBN , pp 29–30
- Macy, Joanna (1975). "The Dialectics of Desire". Numen. 22 (2): 145–60. doi:10.2307/3269765. JSTOR 3269765.
- Monier Williams, काम, kāma Monier-Williams Sanskrit English Dictionary, pp 271, see 3rd column
- See:
- The Hindu Kama Shastra Society (1925), The Kama Sutra of Vatsyayana, University of Toronto Archives, pp. 8;
- A. Sharma (1982), The Puruṣārthas: a study in Hindu axiology, Michigan State University, ISBN , pp 9–12; See review by Frank Whaling in Numen, Vol. 31, 1 (Jul. 1984), pp. 140–142;
- A. Sharma (1999), The Puruṣārthas: An Axiological Exploration of Hinduism, The Journal of Religious Ethics, Vol. 27, No. 2 (Summer, 1999), pp. 223–256;
- Chris Bartley (2001), Encyclopedia of Asian Philosophy, Editor: Oliver Learman, ISBN , Routledge, Article on Purushartha, pp 443
- R.C. Mishra, Moksha and the Hindu Worldview, Psychology & Developing Societies, Vol. 25, Issue 1, pp 23, 27
- J. A. B. Van Buitenen, Dharma and Moksa, Philosophy East and West, Vol. 7, No. 1/2 (Apr. – Jul. 1957), pp. 33–40
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อE. Deutsch pp 343-360
- see:
- Karl Potter, Dharma and Mokṣa from a Conversational Point of View, Philosophy East and West, Vol. 8, No. 1/2 (Apr. – Jul. 1958), pp. 49–63
- Daniel H. H. Ingalls, Dharma and Moksha, Philosophy East and West, Vol. 7, No. 1/2 (Apr. – Jul. 1957), pp. 41–48;
- Klaus Klostermaier, Mokṣa and Critical Theory, Philosophy East and West, Vol. 35, No. 1 (Jan. 1985), pp. 61–71
- Rinehart 2004, pp. 19–21
- J. Bruce Long (1980), The concepts of human action and rebirth in the Mahabharata, in Wendy D. O'Flaherty, Karma and Rebirth in Classical Indian Traditions, University of California Press, ISBN , Chapter 2
- (2010), Hindus: Their Religious Beliefs and Practices, 2nd Edition, Routledge, ISBN , page 8; Quote: "[...] one need not be religious in the minimal sense described to be accepted as a Hindu by Hindus, or describe oneself perfectly validly as Hindu. One may be polytheistic or monotheistic, monistic or pantheistic, even an agnostic, humanist or atheist, and still be considered a Hindu."
- Chakravarti, Sitansu (1991), Hinduism, a way of life, Motilal Banarsidass Publ., p. 71, ISBN
- Werner 2005, pp. 13, 45
- Lance Nelson (2007), An Introductory Dictionary of Theology and Religious Studies (Editors: Orlando O. Espín, James B. Nickoloff), Liturgical Press, ISBN , pages 562–563
- Flood 1996, p. 113, 134, 155–161, 167–168.
- SS Kumar (2010), Bhakti – the Yoga of Love, LIT Verlag Münster, ISBN , pages 35–36
- (2009), Hindus: Their Religious Beliefs and Practices, 2nd Edition, Routledge, ISBN , pages 371–375
- sometimes with Lakshmi, the spouse of Vishnu; or, as Narayana and Sri; see: Guy Beck (2006), Alternative Krishnas: Regional and Vernacular Variations on a Hindu Deity, State University of New York Press, ISBN , page 65 and Chapter 5
- Edwin Francis Bryant; Maria Ekstrand (2013). The Hare Krishna Movement: The Postcharismatic Fate of a Religious Transplant. Columbia University Press. pp. 15–17. ISBN .
- Edwin Bryant and Maria Ekstrand (2004), The Hare Krishna Movement, Columbia University Press, ISBN , pages 38–43
- Bruno Nettl; Ruth M. Stone; James Porter; Timothy Rice (1998). The Garland Encyclopedia of World Music: South Asia : the Indian subcontinent. Routledge. pp. 246–247. ISBN .
- Lance Nelson (2007), An Introductory Dictionary of Theology and Religious Studies (Editors: Orlando O. Espín, James B. Nickoloff), Liturgical Press, ISBN , pages 1441, 376
- Roshen Dalal (2010). The Religions of India: A Concise Guide to Nine Major Faiths. Penguin Books. p. 209. ISBN .
- James Lochtefeld (2010), God's Gateway: Identity and Meaning in a Hindu Pilgrimage Place, Oxford University Press, ISBN
- Natalia Isaeva (1995), From Early Vedanta to Kashmir Shaivism, State University of New York Press, ISBN , pages 141–145
- Massimo Scaligero (1955), The Tantra and the Spirit of the West, East and West, Vol. 5, No. 4, pages 291–296
- History: Hans Koester (1929), The Indian Religion of the Goddess Shakti, Journal of the Siam Society, Vol 23, Part 1, pages 1–18;
Modern practices: June McDaniel (2010), Goddesses in World Culture, Volume 1 (Editor: Patricia Monaghan), ISBN , Chapter 2 - Flood 1996, p. 113.
- (2013), "Hinduism", ใน Kitagawa, Joseph (บ.ก.), The Religious Traditions of Asia: Religion, History, and Culture, Routledge
- Flood 1996.
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref>
สำหรับกลุ่มชื่อ "web" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="web"/>
ที่สอดคล้องกัน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
sasnahindu epnsasnahnunginklumsasnaxinediy aelaepnthrrmahruxaenwthangkarichchiwitkhxngphukhn thiepnthinbthuxxyangaephrhlayinxnuthwipxinediyaelabangswninexechiytawnxxkechiyngit odyechphaabnekaabahli epnthiyxmrbknthwipwaepnsasnathiekaaekthisudinolk sasnikchnaelankwichakarbangklumeriyksasnahinduwaepn hruxhnthangnirndrchwprawtisastrkhxngmnusychati nkwichakarmkmxngsasnahinduwaepnkarphsmphsankhxng hruxsngekhraahmacak wthnthrrm carit aelapraephnixnhlakhlayinxnuthwipxinediy thimirakthanhlakhlay aelaimmisasdahruxphurierimtngsasna aetphuephyaephkhaphirphraewth yukhaerkerimkhux visiwyas thanepriybesmuxnepnsasdakhnhnung karsngekhraahsasnahindu Hindu synthesis nierimmikhunrahwangraw 500 pikxnkhristkal thungkhristskrach 300 phayhlngkarsinsudlngkhxngyukhphraewth 1500 thung 500 kxnkhristkal aelaecriyrungeruxnginxinediysmyklangipphrxmkb thungaemwasasnahinducaetmipdwyprchyahlayaekhnng aetksamarthechuxmoyngthungknphanaenwkhidthimirwmkn phithikrrmthikhlaykhlungkn aela swnkhmphirkhxngsasnahindunncaaenkxxkepn cakkarfng aela cakkarca khmphirehlanimithng phraewth oykha phithikrrm aelakarsrangobsthphrahmn epntn khmphirelmsakhyidaek phraewth xupnisth phkhwthkhita ramayna aela thima phupraphnth aelakhwamcringnirndrinkhmphirehlanilwnmibthbathsakhy aetsasnahindukmiaenwkhidhlksakhythisnbsnunkartngkhathamtxthimaaelaenuxkhwamkhxngkhmphirephuxihekhaicscthrrmtang idxyangluksung aelasrangpraephnihruxaenwkhidtxyxdinxnakht sarasakhyinsasnahindukhux thngsi xnepncudmunghmayxnsmkhwrinchiwitkhxngmunsy idaek thrrma hnathi criythrrm karecriyetibot hnathikarngan kama prasngkh aerngcungic aela omksa karhludphn karepnxisracakkarewiynwaytayekid nxkcakni aenwkhidsakhyxun thiphbinsasnahinduyngrwmthung krrm karkratha phlkhxngkarkratha sngsarwt wngcrewiynwaytayekid aela karptibtioykha hnthangsuomksa thimixyuhlakhlayprchya karptibtiinsasnahindu mithng pucha karbucha karswdmntaelarxngephlngswd karptibtismathi sngskar phithikrrmepliynphan ethskalpracapiaelakarxxkedinthangaeswngbuytamoxkas sasnikchnbangswnlathingchiwitthangolkaelakaryudtidkbwtthu ephuxxksu thuxphrt xxkbwch ephuxekhasuomksa sasnahinduyngennyathunghnathitlxdkal echn khwamktyyu suxsty imtharaystwaelaphukhn xhingsa kariceyn khwamxdthnxdkln karkhmictnexng aelakhwamemttanikayinsasnahinduhlkmi 4 nikay khux lththiiwsnph lththiiswa lththiskti aela sasnahinduthuxepnepnxndbthi 3 misasnikchnsungeriykwa xyuraw 1 15 phnlankhn hrux 15 16 khxngprachakrolk sasnahindumiphunbthuxmakthisudinxinediy aela nxkcakniyngepnsasnahlkincnghwdbahli echnkn chumchnhindukhnadihyyngphbidinaekhribebiyn exechiytawnxxkechiyngit xemrikaehnux yuorp aexfrika aelakhwamechuxphratrimurticahlk prakxbdwy phrawisnu phrasiwa aela phraphrhm sarasakhyinsasnahindumnwnewiynxyukbpraednkhxngthrrma sngsara omksa aelakarptibtioykha purusartha sasnahindudngedimechuxwacudmunghmayinchiwitkhxngmnusymixyusiprakar idaek thrrma kama aela omksa epahmaythngsinieriykrwmwa thrrma thangthithuktxng criya thrrmathuxepncudmunghmaythichdecnthisudinsasnahindu aenwkhidkhxngthrrmannrwmthungphvtikrrmthithuxwasxdkhlxngipkb hnthangthithaihthngchiwitaelackrwalkhngxyuid aelayngrwmthunghnathi siththi kdraebiyb scthrrm aela karichchiwitxyangthukthang thrrmahinduprakxbdwyhnathithangsasna criythrrmaelakhunthrrm aelahnathikhxngaetlabukhkhl rwmthungkarptibtitnaelanisythinaipsukhwamepnraebiyberiybrxykhxngsngkhm idekhyklawwa thrrmannepnsingthisingmichiwitthnghmdthimixyucatxngyxmrbaelaekharphephuxyngphlihekidkarrksakhwamsamkhkhiaelakhwamsngberiybrxyinolk epnkaraeswnghaaelakardaeninkartamthrrmchatiaelakareriykhathiaethcring xnmibthbathinkarprxngdxngodythwkn swn idrabuwathrrmakhux immisingidehnuxyingkwathrrma phuthixxnaexcaexachnaphuthiaekhngaekrngkwaidkdwythrrma thrrmannkhuxkhwamcring stya xyangaethcring dngnnemuxphuidphudkhwamcring epnxneriykidwaekhaphunn ideplngwacakhxngthrrma ephraathngkhu khwamcring aela thrrma epnkhathimikhwamhmayediywkn 1 4 xiv phrakvsna inmhapharta idthrngniyamthrrmwaepn karsnbsnunkhwamcringthnginolkniaelaolkxun Mbh 12 110 11 khawa snatna aeplwa nirndr dngnn snatnthrrm cungaeplwa khwamcringxnepnnirndr immicuderimtn aelaimmithisinsud xrrth xrrtha hrux xartha khux karaeswnghakhwammngkhngxyangmiepahmayaelamikhunthrrm ephuxkardarngchiwit pharaphukphn aelakhwammngkhngthangthrphysin xrrthayngrwmthungchiwitthangkaremuxng karthut aelakarmikhwamepnxyuthidi aenwkhidnirwmthung withichiwitthukmumkhxngchiwit kickrrmaelathrphyakrthnghmdthichwyihkhnhnungsamarthmikhwammngkhngthangxachiphkarnganaelathangkarengin karaeswnghaxrrthaxyangphxehmaaphxkhwrthuxepnepahmaysakhykhxngchiwitmnusyinsasnahindu kama kam aeplwa khwamprarthna khwamrk chxb hlngihl thngmiaelaprascakkhwamkhidechingchusawaelaxarmnthangephs aelahmaythungkhwamsukh khwamyindi xnekidcaksmphstang khxngrangkay insasnahindu kamathuxepnswncaepnthichwyihchiwitkhngxyuidxyangaekhngaerng thngnithngnnyngtxngxyuphayitkarnaphakhxngthrrma xrrtha aelaomksa omksa omksa hrux mukhti thuxepnepahmaysungthisudinsasnahindu omksaxachmaythungkarhludphncakkhwamthukkh aelacaksngsara karewiynwaytayekid innikayxun khxngsasnahinduechn Monistic thuxwaomksaepnepahmaythiekhathungidinchatipccubn epnsthanakhxngkhwamsukhphankarrbrutnexng karekhaicthrrmchatikhxngcitwiyyankhxngesriphaphaela trahnkwackrwalthnghmdepnswnhnungkhxngtn krrm omksa epahmaysungsudkhxngchiwiteriykwa omksa nirwana hrux smathi epnthiekhaicknxyuhlayaebb karekhaepnhnungediywkbphraepneca karekhasukhwamsmphnthnirndrkbphraeca karepnhnungediywkbckrwal karlathingkhwamehnaektwcnsin karhludphncaksngsara sungkhuxkarimekidxik karimthukkhxik aenwkhideruxngphraepneca murtikhxngphraram phralksmn aela phrasida inkhbwnaeh swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniid sasnahindunnmihlaykhwamechux mitngaet exkethwniym phhuethwniym srrphntrethwniym srrphethwniym ipcnthungnikayhlksasnahinduimmihlkkhasxnhlkklang inkhnaediywknchawhinduexngcanwnmakkimidxangwaepnkhxngnikayhruxpraephniid xyangirktam inngansuksaechingwichakarniymaebngxxkepn 4 nikayhlk idaek lththiiwsnph lththiiswa lththiskti aela lththismarta nikaytang niaetktangknhlk thiethphecaxngkhklangthibucha thrrmeniymaelamummxngtxkar idrabuiwwakaraebngnikaykhxngsasnahindunnaetktangcakinsasnahlkxun khxngolk ephraanikaykhxngsasnahindunnkhlumekhruxkbkarfukfnkhxngbukhkhlmakkwa epnthimakhxngkhawa Hindu polycentrism hlakhlayniymhindu hindutamthxngthin khuxethphecathng 5 thiidrbkarbuchaphrxmknin lththiiwsnph buchaphrawisnu aelapangxwtarkhxngphraxngkh odyechphaa phrakvsna aela phraram lksnakhxngnikayniodythwip imichlksnankphrttidxaram aetmungennipthikickrrmchumchnaelakarptibtithinbthuxsrththa khwamrksnuknimithimacakkarsuxny thunglksnaxn khieln raering aelasnuksnan khxngphrakvsnarwmthungxwtarxngkhxun phithikrrmaelakarptibticungmketmipdwykarrabainchumchn khbrxngdntri thng kirtn Kirtan aela Bhajan odyechuxknwaesiyngaeladntriehlanicamiphlnginkarchwythasmathiaelamiphlngxanacechingkhwamechux karechlimchlxngaelaphithikrrminsasnsthankhxngiwsnphmkmikhwampranit laexiydlxx swnrakthanechingsasnsastrkhxngiwsnphnnmacakphkhwthkhita ramayna aelapuranatang thiekiywkhxngkbphrawisnu lththiiswa mungennthiphrasiwa sasnikchniswamiaenwonmipthangpceckphrtniym ascetic individualism aelaaetkxxkepnnikayaeykyxyidxik aenwthangptibtikhxngiswarwmthungkarsrththaaebbphkti aetkhwamechuxonmexiyngmathangnikayaebb nondual monistic xyang Advaita aela iswamithngklumthiniymbuchainsasnsthan bangswnkmungennthikarptibtioykha thnghmdephuxphyayamekhaepnxnhnungediywknkbphrasiwathngsin lksnakhxngxngkhxwtarnnimkhxyphb aelaiswabangklummxngphraepnecainlksnakhxngkhrungburus khrungstri xrthnariswr iswannmikhwamekiywphnkbskti odymkmxngwaxngkhsktiepn phrachayakhxngphrasiwa karechlimchlxngprakxbdwyethskaltang aelakarmiswnrwminsasnphithiaelaedinthangipaeswngbuyyngsthanthiaeswngbuyechn rwmkbiwsnph lththiiswaphbidthwipinaethbhimaly tngaetksmircnthungenpal aelainxinediyit lththiskti buchaethwihruxsktiepnphramardakhxngckrwal phbmakepnphiessinrththangtawnxxkechiyngehnuxaelatawnxxkkhxngxinediy echn rthxssm aelaebngkxltawntk ethwithibuchannmiruplksntngaetphraaemprawti sungthrngxxnoynipcnthungxngkhthimiphralksnadudnechn phraaemthurkha aela phraaemkali sasnikchnechuxwasktiepnphlngxanacthikhxyrxngrbkhwamepnburus raebiybkarptibtikhxngsktiekiywkhxngkbaenwthangaebb karechlimchlxngmithngethskal sungbangswnmiphithikrrmthinaethwrupdinehniywaechlngihlalayipinaemna buchaethphecahinduxngkhhlk ipphrxm kn idaek phrasiwa phrawisnu xngkhskti phrakhens phrasuriya aela phrakartiekya thrrmeniymaebbsmartannekidkhunrawhlngyukhkhassikkhxnghindutxntn rawerimtnkhristkal hlngsasnahinduerimrwmekhakbkarptibtiaebbphrahmnaelakhwamechuxphunemuxngprawtiswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniid sasnaphrahmnmiwithiwthnakarthangprawtisastrxnyawnan nbtngaetkarerimtngthinthankhxngchawxarynerimtngthinthaninchmphuthwip txmainsmyhlngphuththkalsasnaphrahmnidwiwthnakarmaepnsasnahinduhruxphrahmnihm sungmihlkkhasxnthiphidaephkaetktangcaktnkaenidedimkhxngsasnani cungnbwasasnaphrahmnepnsasnathimixayuyawnanthisudkhxngolksasnahnung sasnaphrahmn hinduepnsasnathiaetktangcaksasnaxuninolkephraaepnsasnathiimmisasdaphukxtng ephraamicuderimtnmacakkhwamechuxwamiethphecaphumixanacehnuxthrrmchati epnphusrangsrrphsing txmachawxarynphuthahnathitidtxkbethpheca idsxnhlkkareruxngkaenidkhxngsrrphsingwa ethphecahruxphraphrhm epnphusrangsrrphsinginlksnatang txmasrrphsingthiphraphrhmsrangktkxyuphayitkarkhwbkhumkhxngethphecaxngkhxun dwy thaihmiethphecamakmayaelathahnathitangkninthisud sasnaphrahmnhruxhinducungklaymaepnsasnapraephthphhuethwniyminpccubn enuxngcak sasnaphrahmn hindu miwiwthnakarmaepnewlaxnyawnan thaihaenwkhwamkhidthangsasnaaetktangknxxkipmak dngnn karsuksaprawtikhwamepnmaaelaphthnakarkhxngsasnaphrahmn hindu odyaebngxxkepnyukhtang yukhxriykahruxxaryn yukhphraewth yukhphrahmna yukhhindueka hinduaeth aelaxupnisth smysutr smyxwtar smyesuxm smyfunfu aelasmyphkti srupidwa sasnaphrahmnerimtncaklththipracaephaphthnamaepnsasnapracaephaxaryn sungxphyphmarbchnachawephaphunemuxngthieriykwa thrawith hruxmilkkhaidkhbilphwkchnephaecakhxngdinaednedimxxkipxyuthangitkhxngxinediy rththmilnathu aelabangswnhnikhamfakipyngsrilngka ekidepntananmhakaphysngkhramrahwang 2 ephaphnthuineruxng ramaynasungaetngodyvisiwalmiki phraram chawxaryn hruxxriyka idthasngkhramrbkbchnphunemuxngedim milkkha ykshrux thsknth aelwtngthinthanthixyukhrxbkhrxnglumaemnasinthuaelaaemnakhngkha idphsmphsankhwamechuxkhxngthxngthinihekhakbkhwamechuxkhxngtn thaihekidaenwkhwamkhideruxngwrrna odymikhwamechuxthiwaphraphrhmepnphusrangmnusyinwrrnatang cakxwywaaetlaswnkhxngphraxngkh echn phrahmnekidcakoxsth kstriyekidcakxk ekidcaktk aelaekidcaketha chawxinediycayudthuxwrrnaknmak thaikhraetngngankhamwrrnaknlukkcaklayepncnthal inyukhobran emuxphwkxriyachnasngkhram cungichsasnaphrahmnepnekhruxngmuxinkaraebngwrrnaepn 4 wrrna ephuxihngaytxkarpkkhrxng txmainyukhphraewthepnyukhthimiphthnakarkarnbthuxphraecaihmiraebiybaebbaephnmakyingkhun cnkrathngekidkarrwbrwmbthswdxxnwxnphraecatang eriykwakhmphirphraewth inyukhphrahmnaepnyukhthiwrrnaphrahmnmixanacsungsud ephraaepnphuphukkhadkarthaphithikrrmtangmikaraetngkhmphirphraewthkhunxikhnungkhmphirkhux aelakhmphirxupnisthsungepnrakthankhxngaenwkhidthangprchyamikhwamsukhumlumlukyingkhunmakkwaedim epnyukhthimikaraekhngkhnknrahwangsasna khuxekidsasnaihm khux sasnaechnaelasasnaphuthth cnthaihsasnaphrahmntxngprbkrabwnkarinkarsxnsasnaihmcntxngeriyktnexngihmwa sasnahindukhmphirkhmphirphraewth edimmi 3 khmphir eriykwa itrewth odyprakxbipdwy vkhewth epnkhmphirthirwbrwmbthswdsdudiphraphuepnecathnghlay brrdaethphecathipraktinvkhewthsmhitamicanwn 33 xngkh thng 33 xngkh idcdaebngtamlksnakhxngthixyuepn 3 klum khux ethphecathixyuinswrrkh ethphecathixyuinxakas aelaethphecathixyuinolkmnusy micanwnklumla 11 xngkh ychurewth epnkhmphirthirwbrwmbthpraphnththiwadwysutrsahrbichinkarprakxbyyphithiychuewthsmhita aebngxxkepn 2 aekhnng khux suklchurewth hrux ychurewthkhaw idaek ychurewththibrrcumnt hruxkhaswdaelasutrthitxngswd kvsnychurewth hrux ychurewthda idaek ychurewththibrrcumntaelakhaaenanaekiywkbkarprakxbyyphithibwngsrwng tlxdthngkhaxthibayinkarprakxbphithixikdwy samewth epnkhmphirthirwbrwmbthpraphnthxnepnbthswdkhbrxng bthswdinsamewthsmhitamicanwn 1 549 bth incanwnnimiephiyng 75 bth thimiidpraktinvkhewth txmaidephim epnkhmphirthirwbrwmbthpraphnththiwadwymnthruxkhathatang hlkptibtixasrm hrux xasrm 4 hmaythung khntxnkardaeninchiwitkhxngchawhindu echphaathiepnphrahmnwytang odykahndeknthxayukhniw 100 pi aebngchwngkhxngkariwchiwitiw 4 txn txnla 25 pi chwngchiwitaetlachwngeriykwa xasrm wy xasrmthng 4 chwng midngni phrhmcryxasrm erimtngaetxayu 8 15 pi phuekhasuxasrmnieriykwa phrhmcari khvhsthasrm xyuinchwngxayu 15 40 pi wanprsthasrm xyuinchwngxayu 40 60 pi snystasrm xyuinchwngxayutngaet 60 pikhunip sahrbphuprarthnakhwamhludphn omksa caxxkbwchepn snyasi emuxbwchaelwcasukimidcudmunghmaysungsudomksa karhludphncakkarewiynwaytayekid echnediywkbsasnaphuthth thuxwaepnhlkkhwamdisungsud dngkhasxnkhxngsasnahindusxnwa phuidruaecnginxatmnkhxngtnwaepnhlkxatmnkhxngolkphrhmaelw phunnyxmphncaksngsarakarewiynway tay ekid aelacaimptisnthixik sasnsthanechingxrrthxangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux definition See Fowler probably the oldest religion in the world Fowler 1997 p 1harvnb error no target CITEREFFowler1997 Klostermaier The oldest living major religion in the world Klostermaier 2007 p 1 Kurien There are almost a billion Hindus living on Earth They practice the world s oldest religion Bakker it Hinduism is the oldest religion Noble Hinduism the world s oldest surviving religion continues to provide the framework for daily life in much of South Asia xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux Lockard xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux Hiltebeitel synthesis xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux fusion Among its roots are the Vedic religion of the late Vedic period Flood 1996 p 16harvnb error no target CITEREFFlood1996 and its emphasis on the status of Brahmans Samuel 2010 pp 48 53harvnb error no target CITEREFSamuel2010 but also the religions of the Narayanan 2009 p 11harvnb error no target CITEREFNarayanan2009 Lockard 2007 p 52harvnb error no target CITEREFLockard2007 Hiltebeitel 2007 p 3harvnb error no target CITEREFHiltebeitel2007 Jones amp Ryan 2006 p xviiiharvnb error no target CITEREFJonesRyan2006 the or renouncer traditions of north east India Flood 1996 p 16harvnb error no target CITEREFFlood1996 Gomez 2013 p 42harvnb error no target CITEREFGomez2013 with possible roots in a non Vedic Indo European culture Brokhorst 2007harvnb error no target CITEREFBrokhorst2007 and popular or Flood 1996 p 16harvnb error no target CITEREFFlood1996 xangxingKurien Prema 2006 Multiculturalism and American Religion The Case of Hindu Indian Americans Social Forces 85 2 723 741 doi 10 1353 sof 2007 0015 Bakker F L 1997 Balinese Hinduism and the Indonesian State Recent Developments Bijdragen Tot de Taal Land en Volkenkunde Deel 153 1ste Afl 1 15 41 doi 10 1163 22134379 90003943 JSTOR 27864809 Noble Allen 1998 South Asian Sacred Places Journal of Cultural Geography 17 2 1 3 doi 10 1080 08873639809478317 Knott 1998 pp 5 Quote Many describe Hinduism as sanatana dharma the eternal tradition or religion This refers to the idea that its origins lie beyond human history sfn error no target CITEREFKnott1998 Bowker 2000harvnb error no target CITEREFBowker2000 Harvey 2001 p xiiiharvnb error no target CITEREFHarvey2001 Samuel 2010 p 193 sfn error no target CITEREFSamuel2010 Hiltebeitel 2007 p 12harvnb error no target CITEREFHiltebeitel2007 Flood 1996 p 16harvnb error no target CITEREFFlood1996 Lockard 2007 p 50harvnb error no target CITEREFLockard2007 Narayanan 2009 p 11 sfn error no target CITEREFNarayanan2009 Fowler 1997 pp 1 7 sfn error no target CITEREFFowler1997 phraburphmhaphvthacary phramhavsiwyasa kvsna ithwpayna wyas Hiltebeitel 2007 p 12 sfn error no target CITEREFHiltebeitel2007 Larson 2009 sfn error no target CITEREFLarson2009 Larson 1995 p 109 111 sfn error no target CITEREFLarson1995 Michaels 2004 sfn error no target CITEREFMichaels2004 Zaehner R C 1992 Hindu Scriptures Penguin Random House pp 1 7 ISBN 978 0679410782 Klostermaier Klaus 2007 A Survey of Hinduism 3rd ed State University of New York Press pp 46 52 76 77 ISBN 978 0791470824 Frazier Jessica 2011 The Continuum companion to Hindu studies London Continuum pp 1 15 ISBN 978 0 8264 9966 0 Bilimoria aelakhna b k 2007 Indian Ethics Classical Traditions and Contemporary Challenges p 103 See also Koller John 1968 Puruṣartha as Human Aims Philosophy East and West 18 4 315 319 doi 10 2307 1398408 JSTOR 1398408 Flood Gavin 1997 The Meaning and Context of the Puruṣarthas in Lipner Julius J b k The Bhagavadgita for Our Times Oxford University Press pp 11 27 ISBN 978 0195650396 Brodd 2003 sfn error no target CITEREFBrodd2003 Herbert Ellinger 1996 Hinduism Bloomsbury Academic pp 69 70 ISBN 978 1 56338 161 4 Dharma Samanya Kane P V History of Dharmasastra Vol 2 pp 4 5 See also Widgery Alban 1930 The Priniciples of Hindu Ethics International Journal of Ethics 40 2 232 245 doi 10 1086 intejethi 40 2 2377977 2009 Hindus Their Religious Beliefs and Practices 2nd Edition Routledge ISBN 978 0 415 45677 7 pages 377 398 PDF gordonconwell edu January 2015 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2017 05 25 subkhnemux 29 May 2015 Peringatan sp2010 bps go id Vertovec Steven 2013 The Hindu Diaspora Comparative Patterns Routledge pp 1 4 7 8 63 64 87 88 141 143 ISBN 978 1 136 36705 2 Hindus Pew Research Center s Religion amp Public Life Project 18 December 2012 subkhnemux 14 February 2015 Pew Research Center s Religion amp Public Life Project 18 December 2012 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 1 February 2013 subkhnemux 14 February 2015 1996 The meaning and context of the Purusarthas in Julius Lipner Editor The Fruits of Our Desiring ISBN 978 1896209302 pp 16 21 The Oxford Dictionary of World Religions Dharma The In Hinduism dharma is a fundamental concept referring to the order and custom which make life and a universe possible and thus to the behaviours appropriate to the maintenance of that order Dharma The Columbia Encyclopedia 6th Ed 2013 Columbia University Press Gale ISBN 978 0787650155 J A B Van Buitenen Dharma and Moksa Philosophy East and West Vol 7 No 1 2 Apr Jul 1957 pp 33 40 The Mukhya Upanishads Books of Hidden Wisdom Kshetra ISBN 978 1495946530 page 481 for discussion pages 478 505 Paul Horsch Translated by Jarrod Whitaker From Creation Myth to World Law The early history of Dharma Journal of Indian Philosophy Vol 32 pages 423 448 2004 Swami Prabhupada A C Bhaktivedanta 1986 Bhagavad gita as it is The Bhaktivedanta Book Trust p 16 ISBN 9780892132683 John Koller Puruṣartha as Human Aims Philosophy East and West Vol 18 No 4 Oct 1968 pp 315 319 James Lochtefeld 2002 The Illustrated Encyclopedia of Hinduism Rosen Publishing New York ISBN 0 8239 2287 1 pp 55 56 Bruce Sullivan 1997 Historical Dictionary of Hinduism ISBN 978 0810833272 pp 29 30 Macy Joanna 1975 The Dialectics of Desire Numen 22 2 145 60 doi 10 2307 3269765 JSTOR 3269765 Monier Williams क म kama Monier Williams Sanskrit English Dictionary pp 271 see 3rd column See The Hindu Kama Shastra Society 1925 The Kama Sutra of Vatsyayana University of Toronto Archives pp 8 A Sharma 1982 The Puruṣarthas a study in Hindu axiology Michigan State University ISBN 9789993624318 pp 9 12 See review by Frank Whaling in Numen Vol 31 1 Jul 1984 pp 140 142 A Sharma 1999 The Puruṣarthas An Axiological Exploration of Hinduism The Journal of Religious Ethics Vol 27 No 2 Summer 1999 pp 223 256 Chris Bartley 2001 Encyclopedia of Asian Philosophy Editor Oliver Learman ISBN 0 415 17281 0 Routledge Article on Purushartha pp 443 R C Mishra Moksha and the Hindu Worldview Psychology amp Developing Societies Vol 25 Issue 1 pp 23 27 J A B Van Buitenen Dharma and Moksa Philosophy East and West Vol 7 No 1 2 Apr Jul 1957 pp 33 40 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux E Deutsch pp 343 360 see Karl Potter Dharma and Mokṣa from a Conversational Point of View Philosophy East and West Vol 8 No 1 2 Apr Jul 1958 pp 49 63 Daniel H H Ingalls Dharma and Moksha Philosophy East and West Vol 7 No 1 2 Apr Jul 1957 pp 41 48 Klaus Klostermaier Mokṣa and Critical Theory Philosophy East and West Vol 35 No 1 Jan 1985 pp 61 71 Rinehart 2004 pp 19 21harvnb error no target CITEREFRinehart2004 J Bruce Long 1980 The concepts of human action and rebirth in the Mahabharata in Wendy D O Flaherty Karma and Rebirth in Classical Indian Traditions University of California Press ISBN 978 0520039230 Chapter 2 2010 Hindus Their Religious Beliefs and Practices 2nd Edition Routledge ISBN 978 0 415 45677 7 page 8 Quote one need not be religious in the minimal sense described to be accepted as a Hindu by Hindus or describe oneself perfectly validly as Hindu One may be polytheistic or monotheistic monistic or pantheistic even an agnostic humanist or atheist and still be considered a Hindu Chakravarti Sitansu 1991 Hinduism a way of life Motilal Banarsidass Publ p 71 ISBN 978 81 208 0899 7 Werner 2005 pp 13 45harvnb error no target CITEREFWerner2005 Lance Nelson 2007 An Introductory Dictionary of Theology and Religious Studies Editors Orlando O Espin James B Nickoloff Liturgical Press ISBN 978 0814658567 pages 562 563 Flood 1996 p 113 134 155 161 167 168 sfn error no target CITEREFFlood1996 SS Kumar 2010 Bhakti the Yoga of Love LIT Verlag Munster ISBN 978 3643501301 pages 35 36 2009 Hindus Their Religious Beliefs and Practices 2nd Edition Routledge ISBN 978 0 415 45677 7 pages 371 375 sometimes with Lakshmi the spouse of Vishnu or as Narayana and Sri see Guy Beck 2006 Alternative Krishnas Regional and Vernacular Variations on a Hindu Deity State University of New York Press ISBN 978 0791464168 page 65 and Chapter 5 Edwin Francis Bryant Maria Ekstrand 2013 The Hare Krishna Movement The Postcharismatic Fate of a Religious Transplant Columbia University Press pp 15 17 ISBN 978 0231508438 Edwin Bryant and Maria Ekstrand 2004 The Hare Krishna Movement Columbia University Press ISBN 978 0231122566 pages 38 43 Bruno Nettl Ruth M Stone James Porter Timothy Rice 1998 The Garland Encyclopedia of World Music South Asia the Indian subcontinent Routledge pp 246 247 ISBN 978 0824049461 Lance Nelson 2007 An Introductory Dictionary of Theology and Religious Studies Editors Orlando O Espin James B Nickoloff Liturgical Press ISBN 978 0814658567 pages 1441 376 Roshen Dalal 2010 The Religions of India A Concise Guide to Nine Major Faiths Penguin Books p 209 ISBN 978 0 14 341517 6 James Lochtefeld 2010 God s Gateway Identity and Meaning in a Hindu Pilgrimage Place Oxford University Press ISBN 978 0195386141 Natalia Isaeva 1995 From Early Vedanta to Kashmir Shaivism State University of New York Press ISBN 978 0791424490 pages 141 145 Massimo Scaligero 1955 The Tantra and the Spirit of the West East and West Vol 5 No 4 pages 291 296 History Hans Koester 1929 The Indian Religion of the Goddess Shakti Journal of the Siam Society Vol 23 Part 1 pages 1 18 Modern practices June McDaniel 2010 Goddesses in World Culture Volume 1 Editor Patricia Monaghan ISBN 978 0313354656 Chapter 2 Flood 1996 p 113 sfn error no target CITEREFFlood1996 2013 Hinduism in Kitagawa Joseph b k The Religious Traditions of Asia Religion History and Culture Routledge Flood 1996 sfn error no target CITEREFFlood1996 sthaniyxysasnawikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb sasnahindu bthkhwamsasnaniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk xangxingphidphlad mipayrabu lt ref gt sahrbklumchux web aetimphbpayrabu lt references group web gt thisxdkhlxngkn