กุสินารา หรือ กุศินคร (ฮินดี: कुशीनगर, อูรดู: کُشی نگر, อังกฤษ: Kusinaga, Kushinagar) เป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถานแห่งที่ 4 ในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองเอกหนึ่งในสองของแคว้นมัลละ อยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำคู่กับเมือง ปาวา เป็นที่ตั้งของ สาลวโนทยาน หรือป่าไม้สาละที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า
กุสินารา, กุศีนคร, กุสีนคร, กุสินคร कुशीनगर Kushinagar | |
---|---|
เมือง | |
กุสินารา, กุศีนคร, กุสีนคร, กุสินคร | |
พิกัด: 26°44′28″N 83°53′17″E / 26.741°N 83.888°E | |
ประเทศ | อินเดีย |
อุตตรประเทศ | |
อำเภอ | กุสินารา |
การปกครอง | |
• ผู้นำท้องถิ่น | Dr Ram narayan tiwar Pepara |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 2,873.5 ตร.กม. (1,109.5 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2001) | |
• ทั้งหมด | 17,982 คน |
• ความหนาแน่น | 6.3 คน/ตร.กม. (16 คน/ตร.ไมล์) |
ภาษา | |
• ราชการ | ฮินดี |
เขตเวลา | () |
เว็บไซต์ | www |
กุสินาราจัดเป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญแห่งที่ 4 ใน 4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธ เป็นสถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่ที่ตำบลมถากัวร์ อำเภอกุสินคร หรือกาเซีย หรือกาสยา (Kushinaga; Kasia; Kasaya) ในเขตจังหวัดเทวริยา (Devria; Devriya) รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย สาลวโนทยาน สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน มีชื่อเรียกในท้องถิ่นว่า มาถากุนวะระกาโกฎ (Matha-Kunwar-Ka-Kot) ซึ่งแปลว่า ตำบลเจ้าชายสิ้นชีพ ปรากฏตามคัมภีร์ว่า เมืองนี้เคยเป็นที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ เป็นที่เกิดบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์หลายครั้ง เคยเป็นราชธานีนามว่ากุสาวดี ของพระเจ้ามหาสุทัสสนจักรพรรดิ์
ปัจจุบันกุสินารา มีอนุสรณ์สถานที่สำคัญคือสถูปใหญ่ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วิหารปรินิพพานซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปรินิพพานอยู่ภายในและมีซากศาสนสถานโบราณโดยรอบมากมาย
กุสินาราในสมัยพุทธกาล
ในสมัยพุทธกาล เมืองกุสินาราอันเป็นที่ตั้งของสาลวโนทยานอยู่ในแคว้นมัลละ 1 ใน 16 แคว้น ซึ่งเป็นเขตการปกครองสมัยพุทธกาล โดยในสมัยนั้นแคว้นมัลละแยกเป็นสองส่วน คือ ฝ่ายเหนือมีเมืองกุสินาราเป็นเมืองหลวง เจ้าปกครองเรียกว่า "โกสินารกา" และฝ่ายใต้มีเมืองปาวาเป็นเมืองหลวง เจ้าปกครองเรียกว่า "ปาเวยยมัลลกะ" ทั้งสองเมืองนั้นตั้งอยู่ห่างกันเพียง 12 กิโลเมตร มีอำนาจในการบริหารแยกจากกัน โดยมีระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (สามัคคีธรรม) โดยมีแม่น้ำหิรัญญวดีคั่นตรงกลาง กุสินารานั้นเมื่อเปรียบเทียบกับแคว้นอื่น ๆ ในสมัยพุทธกาล จัดว่าเป็นแคว้นเล็ก ไม่ค่อยมีความสำคัญมากนักในด้านเศรษฐกิจ ดังที่พระอานนท์ได้ทูลทักท้วงพระพุทธองค์ที่ทรงเลือกเมืองกุสินาราเป็นสถานที่ปรินิพพานไว้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์อย่าเสด็จปรินิพพานในเมืองดอนในฐานะเมืองกิ่งนี้เลย เมืองอื่นอันมีขนาดใหญ่กว่านี้ยังมีอยู่คือ จัมปา ราชคฤห์ สาวัตถี สาเกต โกสัมพี พาราณสี ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงเสด็จดับขันธปรินิพพานในเมืองเหล่านี้เถิด กษัตริย์ผู้มีอำนาจ พราหมณ์ผู้มีบารมี เศรษฐีคหบดีผู้มั่งคั่งที่เลื่อมใสในพระองค์มีมากในเมืองเหล่านี้ ท่านผู้มีอำนาจเหล่านั้นจักได้กระทำการบูชาพระสรีระของตถาคต
— พระอานนท์
สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์อยู่ในพระราชอุทยานของเจ้ามัลละฝ่ายเหนือแห่งกุสินารา ชื่อว่า "อุปวตฺตนสาลวนํ" หรือ อุปวัตตนะสาลวัน ซึ่งในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า สาลวโนทยาน แปลว่า สวนป่าไม้สาละ ป่าแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำหิรัญญวดี เป็นป่าไม้สาละร่มรื่น ซึ่งหลังการปรินิพพานของพระพุทธองค์แล้ว กษัตริย์แห่งมัลละก็ได้ประดิษฐานพระพุทธสรีระไว้ ณ เมืองกุสินาราเป็นเวลากว่า 7 วัน ก่อนที่จะประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ ในวันที่ 8 แห่งพุทธปรินิพพาน
การที่พระพุทธองค์ทรงเลือกเมืองกุสินาราอันเป็นเมืองเล็กแห่งนี้เป็นสถานที่ปรินิพพาน มีหลายสาเหตุ แต่สาเหตุสำคัญ คือ ทรงทราบดีว่าเมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว พระสรีระและพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์จักถูกแว่นแคว้นต่าง ๆ แย่งชิงไปทำการบูชา หากพระองค์ปรินิพพานในเมืองใหญ่ เมืองใหญ่เหล่านั้นอาจไม่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้เมืองเล็ก ๆ เช่น เมืองกุสินารา เป็นต้น ซึ่งก็เป็นความจริงเพราะหลังพระพุทธองค์ปรินิพพาน เจ้าผู้ครองแคว้นต่าง ๆ ก็ได้ยกกองทัพหลวงของตนมาล้อมเมืองกุสินาราเพื่อจะแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ แต่ด้วยความที่กุสินาราเป็นเมืองเล็ก จึงต้องยอมระงับศึกโดยแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ทุกเมืองโดยไม่ต้องเกิดสงคราม
กุสินาราหลังพุทธปรินิพพาน
หลังพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว เมืองกุสินารากลายเป็นเมืองสำคัญศูนย์กลางแห่งการสักการบูชาของพุทธศาสนิกชน เหล่ามัลลกษัตริย์ได้สร้างเจดีย์และวิหารเป็นจำนวนมากไว้รอบ ๆ สถูปใหญ่คือ มหาปรินิพานสถูป อันเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า มหาสถูปนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของปูชนียสถานอื่น ๆ ที่สร้างขึ้นมาภายหลังในบริเวณนั้น
ต่อมาเมื่อแคว้นมัลละได้ตกอยู่ในความอารักขาของแคว้นมคธ (ซึ่งในขณะนั้นมีเมืองปาตลีบุตรเป็นเมืองหลวง) สาลวโนทยานยังคงเป็นสถานที่สำคัญอยู่ แต่อยู่ในสภาพที่ไม่รุ่งเรืองนัก ดังในทิพยาวทาน ได้พรรณาไว้ว่า
“ | พระเจ้าอโศกมหาราชเสด็จมาจาริกแสวงบุญยังกุสินารา ประมาณ พ.ศ. 310 ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ 100,000 กหาปณะ เพื่อเป็นค่าสร้างสถูป เจดีย์ และเสาศิลา พระเจ้าอโศกเมื่อทรงทราบชัดว่า ณ จุดนี้เป็นสถานที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ถึงกับทรงสลดพระทัย โศกเศร้าถึงเป็นลมสิ้นสติสมปฤดี | ” |
หลวงจีนฟาเหียน (Fa-hsien) ที่ได้เข้ามาสืบศาสนาในพุทธภูมิในช่วงปี พ.ศ. 942 - 947 ในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2 (พระเจ้าวิกรมาทิตย์) แห่งราชวงศ์คุปตะ ซึ่งท่านได้พรรณาไว้ว่า
“ | เมื่อมาถึงกุสินารา มีแต่เมืองที่ทรุดโทรม หมู่บ้านเป็นหย่อม ๆ ห่างกันไป โบสถ์ วิหาร และปูชนียวัตถุ ปรักหักพังโดยมาก สังฆารามที่ควรเป็นที่อยู่อาศัยก็ไม่มีพระสงฆ์อาศัยอยู่ ได้เห็นศิลาจารึกพระเจ้าอโศก 2 หลัก ปักปรากฏอยู่ 2 แห่งในอุทยานสาลวัน จารึกนั้นบอกว่า ณ ที่นี้ เป็นสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์ | ” |
บันทึกของพระถังซำจั๋ง (Hiuen-Tsang) ซึ่งได้จาริกมาเมืองกุสินาราราวปี พ.ศ. 1300 ได้พรรณาไว้ในจดหมายเหตุของท่านว่า
“ | ...เมืองกุสินาราเต็มไปด้วยป้อมปราการ หอสูง และสังฆาราม อยู่ห่างจากเมืองเวสาลี 19 โยชน์ กุสินาราเป็นเมืองหลวงของมัลละกษัตริย์ อยู่ในสภาพปรักหักพัง มองเห็นตัวเมืองและหมู่บ้านเป็นสถานที่รกร้าง หาคนอยู่อาศัยมิได้ กำแพงเมืองเก่าที่ก่อไว้โดยอิฐ มองดูโดยรอบยาวประมาณ 1 ลี้ มีคนอาศัยอยู่ในกำแพงเมืองเก่าเพียงเล็กน้อย ตามถนนสายเล็ก ๆ ของเมืองเป็นที่ร้าง... ประตูทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง มีสถูปแห่งหนึ่งเหลือแต่ซาก มีหลักฐานว่าผู้สร้างคือพระเจ้าอโศกมหาราช สถานที่แห่งนี้เป็นซากบ้านของนายจุนทะบุตรของนายช่างทอง (จุนทะกัมมารบุตร) คนที่ได้ถวายภัตตาหารครั้งสุดท้ายแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กลางหมู่บ้าน มีบ่อแห่งหนึ่ง เป็นบ่อที่ขุดฝังอาหารที่เหลือจากเศษเสวยของพระพุทธองค์ และพระพุทธองค์รับสั่งให้ฝังเสีย ไม่ทรงยอมให้ภิกษุอื่นบริโภค น้ำในบ่อนั้นล่วงเลยมานานเพียงใดก็ดี ก็ยังมีน้ำสะอาดใสอยู่เสมอ... ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวเมือง ห่างไป 3-4 ลี้ เราข้ามแม่น้ำอชิตวดีไปทางตะวันตกของแม่น้ำนั้น ไม่ไกลนักเป็นสาลวโนทยาน มีไม้สาละขึ้นเป็นหมู่ใหญ่ ลักษณะของไม้เป็นเปลือกสีขาว ส่วนใบสะอาดเป็นเงาไม่มีขรุขระ ในป่าไม้สาละนั้น มีสาละใหญ่อยู่ 4 ต้น ที่มีลักษณะใหญ่กว่าไม้อื่น ๆ ... ในสาลวโนทยาน มีสถูปแห่งหนึ่งเหลือแต่ซาก มีหลักฐานว่าสร้างโดยพระเจ้าอโศก ทางตะวันออกเฉียงเหนือมีแม่น้ำหิรัญญวดี (ในบันทึกบอกว่าอชิตวดี) มีน้ำเปี่มอยู่ มีไม้สาละขึ้นอยู่เต็มทั้งป่า วิหารใหญ่ก่ออิฐถือปูน มีพระพุทธรูปไสยาสน์ปางปรินิพพานหันเศียรไปทางทิศเหนือ มีลักษณะเหมือนบรรทมหลับ ข้าง ๆ มีสถูปใหญ่ มีจารึกว่าพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นผู้สร้าง แม้จะทรุดโทรม แต่ก็ยังเหลือความสูงถึง 200 ฟุต ข้างสถูปมีศิลาจารึกว่า ที่นี่ เป็นที่เสด็จดับขันธปรินิพพานของพระตถาคต... ทางทิศเหนือของเมืองกุสินารา (ในมหาปรินิพพานสูตรว่าทางทิศตะวันออก) เราเดินข้ามแม่น้ำสายหนึ่ง เดินไปประมาณ 300 ก้าว ได้พบพระสถูปองค์หนึ่ง สถานที่นี้เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ พื้นดินตรงที่ถวายพระเพลิง บางแห่งเป็นสีเหลืองปนดำ บางแห่งร่วนเหมือนกับถ่านไฟ ใครก็ตามเมื่อจาริกแสวงบุญ มาถึงสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแห่งนี้ ถ้าตั้งจิตให้เป็นสมาธิ สาธยายมนต์ บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้านั้นก็จะเสด็จมาสู่ตน... | ” |
จนในพุทธศตวรรษที่ 14-15 ราชวงศ์สกลจุรีได้เข้ามาสร้างวัดขึ้นในบริเวณสาลวโนทยานจำนวนมาก จนพระพุทธศาสนาได้หมดจากอินเดียไปใน พ.ศ. 1743 ทำให้สถานะของพระพุทธศาสนาในกุสินาราถูกปล่อยทิ้งร้างและกลายเป็นป่ารกทึบ จนใน พ.ศ. 2433 ภิกษุมหาวีระ สวามี และท่านเทวจันทรมณี ชาวศรีลังกา เดินทางมายังกุสินาราและเริ่มอุทิศตัวในการฟื้นฟูพุทธสถานแห่งนี้ร่วมกับเนซารี ชาวพุทธพม่า จนได้สร้างวัดขึ้นใหม่ชื่อว่า "มหาปรินิวานะ ธรรมะศาลา"
ในปี พ.ศ. 2397 นายวิลสัน นักโบราณคดีอังกฤษ ได้ทำการพิสูจน์ขั้นต้นว่าหมู่บ้านกาเซียคือกุสินารา จนในปี พ.ศ. 2404-2420 เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม ได้เริ่มทำการขุดค้นเนินดินในสาลวโนทยาน จนในปี พ.ศ. 2418-2420 นายคาร์ลลีเล่ หนึ่งในผู้ช่วยในทีมขุดค้นของท่านเซอร์ อเล็กซานเดอร์ ได้ทำการขุดค้นต่อจนได้พบพระพุทธรูปปางปรินิพพาน วิหารปรินิพพาน และสถูปจำนวนมากที่ผู้ศรัทธาได้สร้างไว้ในอดีตเมื่อครั้งพระพุทธศาสนายังรุ่งเรือง โดยนายคาร์ลลีเล่ เป็นท่านแรกที่เอาใจใส่ในงานบูรณะและรักษาคุ้มครองพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ขุดพบ
จากนั้น นับแต่ พ.ศ. 2443 เป็นต้นมา กุสินาราได้เริ่มมีผู้อุปถัมภ์ช่วยกันบูรณปฏิสังขรณ์ เข้ามาสร้างวัดและสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้จาริกแสวงบุญที่เริ่มเข้ามาสักการะมหาสังเวชนียสถานแห่งนี้จนในปี พ.ศ. 2498 รัฐบาลอินเดียได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพัฒนาปูชนัยสถานแห่งนี้เพื่อเตรียมเฉลิมฉลอง 25 พุทธชยันตี โดยได้รื้อโครงสร้างวิหารปรินิพพานเก่า (ที่ได้รับการบูรณะสร้างใหม่) ออกเพื่อสร้างมหาปรินิพพานวิหารใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างและสามารถรองรับพุทธศานิกชนได้ ในปี พ.ศ. 2499 จนในปี พ.ศ. 2507 วิหารได้พังลงมา ทางการอินเดียจึงบูรณะสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2518 และทางการอินเดียและพุทธศาสนิกชนก็ได้มีส่วนร่วมในการบูรณะกุสินาราจนมีสภาพสวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
จุดแสวงบุญและสภาพของกุสินาราในปัจจุบัน
ปัจจุบันกุสินาราได้รับการบูรณะ และมีปูชนียวัตถุสำคัญ ๆ ที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะคือ "สถูปปรินิพพาน" เป็นสถูปแบบทรงโอคว่ำที่เป็นทรงพระราชนิยมในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช บนสถูปมียอมมน มีฉัตรสามชั้น "มหาปรินิพพานวิหาร" ตั้งอยู่ด้านหน้าในฐานเดียวกันกับสถูปปรินิพพาน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางเสด็จดับขันธปรินิพพาน (คือพระพุทธรูปนอนบรรทมตะแคงเบื้องขวา) ศิลปะมถุรา มีอายุกว่า 1,500 ปี ในจารึกระบุผู้สร้างคือ หริพละสวามี โดยนายช่างชื่อ ทินะ ชาวเมืองมถุรา ในปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ถือได้ว่าเป็นจุดหมายสำคัญที่ชาวพุทธจะมาสักการะ เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะอันพิเศษคือเหมือนคนนอนหลับธรรมดา แสดงให้เห็นว่าพระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานจากไปอย่างผู้หมดกังวลในโลกทั้งปวง "มกุฏพันธนเจดีย์" อยู่ห่างจากปรินิพพานสถูปไปทางทิศตะวันออก 1 กิโลเมตร ชาวท้องถิ่นเรียก รัมภาร์สถูป เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ มีสภาพเป็นเนินดินก่อด้วยอิฐขนาดใหญ่ ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมไว้อย่างดี
ปัจจุบันชาวพุทธทั่วโลกได้มาก่อสร้างวัดไว้มากมาย โดยมีวัดของไทยด้วย ชื่อ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ปัจจุบันชาวไทยที่มาสักการะ ณ กุสินารา นิยมมาพักที่นี่
คลังภาพ
- มกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า
- พระมหาธาตุเฉลิมราชย์ศรัทธา ภายใน วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เมืองกุสินารา
- สถานที่ประดิษฐานพระพุทธบรมศพพระพุทธเจ้าเป็นเวลา ๗ วันก่อนอัญเชิญไปถวายพระเพลิงพระบรมศพ
- ภาพสีพระพุทธเจ้าปรินิพพาน บนแผ่นผ้า
อ้างอิง
- พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. ๒๕๔๘
- สุชีพ ปุญญานุภาพ. พระไตรปิฏกสำหรับประชาชน. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๒๒
- สุนนท์ ปัทมาคม, รศ. . สมุดภาพแดนพุทธภูมิ ฉลองชนมายุ ๘๐ ปี พระสุเมธาธิบดี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๑.
- ลักษณา จีระจันทร์, ตามรอยพระพุทธเจ้า, แพรวสำนักพิมพ์ฯ, กรุงเทพฯ พ.ศ. ๒๕๔๙
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- ภาพถ่ายทางอากาศของ กุสินารา
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
kusinara hrux kusinkhr hindi क श नगर xurdu ک شی نگر xngkvs Kusinaga Kushinagar epnthitngkhxngsngewchniysthanaehngthi 4 insmyphuththkalepnemuxngexkhnunginsxngkhxngaekhwnmlla xyutrngkhamfngaemnakhukbemuxng pawa epnthitngkhxng salwonthyan hruxpaimsalathiphraphuththecaesdcdbkhnthpriniphphanaelaepnsthanthithwayphraephlingphraphuththecakusinara kusinkhr kusinkhr kusinkhr क श नगर Kushinagaremuxngkusinara kusinkhr kusinkhr kusinkhrphikd 26 44 28 N 83 53 17 E 26 741 N 83 888 E 26 741 83 888praethsxinediyxuttrpraethsxaephxkusinarakarpkkhrxng phunathxngthinDr Ram narayan tiwar Peparaphunthi thnghmd2 873 5 tr km 1 109 5 tr iml prachakr 2001 thnghmd17 982 khn khwamhnaaenn6 3 khn tr km 16 khn tr iml phasa rachkarhindiekhtewlaUTC 5 30 ewbistwww wbr kushinagar wbr nic wbr in kusinaracdepnphuththsngewchniysthanthisakhyaehngthi 4 in 4 sngewchniysthankhxngchawphuthth epnsthanthiesdcdbkhnthpriniphphanaehngxngkhsmedcphrasmmasmphuththeca tngxyuthitablmthakwr xaephxkusinkhr hruxkaesiy hruxkasya Kushinaga Kasia Kasaya inekhtcnghwdethwriya Devria Devriya rthxuttrpraeths praethsxinediy salwonthyan sthanthiesdcdbkhnthpriniphphan michuxeriykinthxngthinwa mathakunwarakaokd Matha Kunwar Ka Kot sungaeplwa tablecachaysinchiph prakttamkhmphirwa emuxngniekhyepnthipriniphphankhxngphraphuththecaphranamwaphussa epnthiekidbaephybarmikhxngphraophthistwhlaykhrng ekhyepnrachthaninamwakusawdi khxngphraecamhasuthssnckrphrrdi pccubnkusinara mixnusrnsthanthisakhykhuxsthupihysungphraecaxoskmharachsrangiwaelabrrcuphrabrmsaririkthatu wiharpriniphphansungepnthipradisthanphraphuththruppangpriniphphanxyuphayinaelamisaksasnsthanobranodyrxbmakmaykusinarainsmyphuththkalmhapriniphphanwihar phayinsalwonthyan insmyphuththkal emuxngkusinaraxnepnthitngkhxngsalwonthyanxyuinaekhwnmlla 1 in 16 aekhwn sungepnekhtkarpkkhrxngsmyphuththkal odyinsmynnaekhwnmllaaeykepnsxngswn khux fayehnuxmiemuxngkusinaraepnemuxnghlwng ecapkkhrxngeriykwa oksinarka aelafayitmiemuxngpawaepnemuxnghlwng ecapkkhrxngeriykwa paewyymllka thngsxngemuxngnntngxyuhangknephiyng 12 kiolemtr mixanacinkarbriharaeykcakkn odymirabxbkarpkkhrxngaebbrachathipityphayitrththrrmnuy samkhkhithrrm odymiaemnahiryywdikhntrngklang kusinarannemuxepriybethiybkbaekhwnxun insmyphuththkal cdwaepnaekhwnelk imkhxymikhwamsakhymaknkindanesrsthkic dngthiphraxannthidthulthkthwngphraphuththxngkhthithrngeluxkemuxngkusinaraepnsthanthipriniphphaniwwa khaaetphraxngkhphuecriy khxphraxngkhxyaesdcpriniphphaninemuxngdxninthanaemuxngkingniely emuxngxunxnmikhnadihykwaniyngmixyukhux cmpa rachkhvh sawtthi saekt oksmphi pharansi khxphraphumiphraphakhecacngesdcdbkhnthpriniphphaninemuxngehlaniethid kstriyphumixanac phrahmnphumibarmi esrsthikhhbdiphumngkhngthieluxmisinphraxngkhmimakinemuxngehlani thanphumixanacehlannckidkrathakarbuchaphrasrirakhxngtthakht phraxannth sthanthisnnisthanwaepnthiothnphrahmnaeckphrabrmsaririkthatuaekecaphukhrxngnkhrthng 8 inkusinarankhr sthanthipriniphphankhxngphraphuththxngkhxyuinphrarachxuthyankhxngecamllafayehnuxaehngkusinara chuxwa xupwt tnsalwn hrux xupwttnasalwn sunginkhmphirthangphraphuththsasnaeriykwa salwonthyan aeplwa swnpaimsala paaehngnitngxyuiklfngaemnahiryywdi epnpaimsalarmrun sunghlngkarpriniphphankhxngphraphuththxngkhaelw kstriyaehngmllakidpradisthanphraphuththsriraiw n emuxngkusinaraepnewlakwa 7 wn kxnthicaprakxbphithithwayphraephlingphrabrmsph n mkutphnthnecdiy inwnthi 8 aehngphuththpriniphphan karthiphraphuththxngkhthrngeluxkemuxngkusinaraxnepnemuxngelkaehngniepnsthanthipriniphphan mihlaysaehtu aetsaehtusakhy khux thrngthrabdiwaemuxphraxngkhpriniphphanipaelw phrasriraaelaphrabrmsaririkthatukhxngphraxngkhckthukaewnaekhwntang aeyngchingipthakarbucha hakphraxngkhpriniphphaninemuxngihy emuxngihyehlannxacimaebngphrabrmsaririkthatuihemuxngelk echn emuxngkusinara epntn sungkepnkhwamcringephraahlngphraphuththxngkhpriniphphan ecaphukhrxngaekhwntang kidykkxngthphhlwngkhxngtnmalxmemuxngkusinaraephuxcaaeyngchingphrabrmsaririkthatu aetdwykhwamthikusinaraepnemuxngelk cungtxngyxmrangbsukodyaebngphrabrmsaririkthatuihthukemuxngodyimtxngekidsngkhramkusinarahlngphuththpriniphphanhlngphraphuththxngkhpriniphphanaelw emuxngkusinaraklayepnemuxngsakhysunyklangaehngkarskkarbuchakhxngphuththsasnikchn ehlamllkstriyidsrangecdiyaelawiharepncanwnmakiwrxb sthupihykhux mhapriniphansthup xnepnsthanthibrrcuphrabrmsaririkthatukhxngphraphuththeca mhasthupniidklayepnsunyklangkhxngpuchniysthanxun thisrangkhunmaphayhlnginbriewnnn txmaemuxaekhwnmllaidtkxyuinkhwamxarkkhakhxngaekhwnmkhth sunginkhnannmiemuxngpatlibutrepnemuxnghlwng salwonthyanyngkhngepnsthanthisakhyxyu aetxyuinsphaphthiimrungeruxngnk dnginthiphyawthan idphrrnaiwwa phraecaxoskmharachesdcmacarikaeswngbuyyngkusinara praman ph s 310 thrngbricakhphrarachthrphy 100 000 khapna ephuxepnkhasrangsthup ecdiy aelaesasila phraecaxoskemuxthrngthrabchdwa n cudniepnsthanthiphrabrmsasdasmmasmphuththecaesdcdbkhnthpriniphphan phraxngkhthungkbthrngsldphrathy oskesrathungepnlmsinstismpvdi hlwngcinfaehiyn Fa hsien thiidekhamasubsasnainphuththphumiinchwngpi ph s 942 947 inchwngrchsmykhxngphraecacnthrkhuptthi 2 phraecawikrmathity aehngrachwngskhupta sungthanidphrrnaiwwa emuxmathungkusinara miaetemuxngthithrudothrm hmubanepnhyxm hangknip obsth wihar aelapuchniywtthu prkhkphngodymak sngkharamthikhwrepnthixyuxasykimmiphrasngkhxasyxyu idehnsilacarukphraecaxosk 2 hlk pkpraktxyu 2 aehnginxuthyansalwn caruknnbxkwa n thini epnsthanthipriniphphankhxngphraphuththxngkh bnthukkhxngphrathngsacng Hiuen Tsang sungidcarikmaemuxngkusinararawpi ph s 1300 idphrrnaiwincdhmayehtukhxngthanwa cunthsthup bnthitngkhxngbannaycuntha xnepnsthanthiphraphuththecaeswyphrakrayaharmuxsudthaykxnpriniphphan emuxngkusinaraetmipdwypxmprakar hxsung aelasngkharam xyuhangcakemuxngewsali 19 oychn kusinaraepnemuxnghlwngkhxngmllakstriy xyuinsphaphprkhkphng mxngehntwemuxngaelahmubanepnsthanthirkrang hakhnxyuxasymiid kaaephngemuxngekathikxiwodyxith mxngduodyrxbyawpraman 1 li mikhnxasyxyuinkaaephngemuxngekaephiyngelknxy tamthnnsayelk khxngemuxngepnthirang pratuthistawnxxkechiyngehnuxkhxngemuxng misthupaehnghnungehluxaetsak mihlkthanwaphusrangkhuxphraecaxoskmharach sthanthiaehngniepnsakbankhxngnaycunthabutrkhxngnaychangthxng cunthakmmarbutr khnthiidthwayphttaharkhrngsudthayaekphrasmmasmphuththeca klanghmuban mibxaehnghnung epnbxthikhudfngxaharthiehluxcakesseswykhxngphraphuththxngkh aelaphraphuththxngkhrbsngihfngesiy imthrngyxmihphiksuxunbriophkh nainbxnnlwngelymananephiyngidkdi kyngminasaxadisxyuesmx thangthistawntkechiyngehnuxkhxngtwemuxng hangip 3 4 li erakhamaemnaxchitwdiipthangtawntkkhxngaemnann imiklnkepnsalwonthyan miimsalakhunepnhmuihy lksnakhxngimepnepluxksikhaw swnibsaxadepnengaimmikhrukhra inpaimsalann misalaihyxyu 4 tn thimilksnaihykwaimxun insalwonthyan misthupaehnghnungehluxaetsak mihlkthanwasrangodyphraecaxosk thangtawnxxkechiyngehnuxmiaemnahiryywdi inbnthukbxkwaxchitwdi minaepimxyu miimsalakhunxyuetmthngpa wiharihykxxiththuxpun miphraphuththrupisyasnpangpriniphphanhnesiyripthangthisehnux milksnaehmuxnbrrthmhlb khang misthupihy micarukwaphraecaxoskmharachepnphusrang aemcathrudothrm aetkyngehluxkhwamsungthung 200 fut khangsthupmisilacarukwa thini epnthiesdcdbkhnthpriniphphankhxngphratthakht thangthisehnuxkhxngemuxngkusinara inmhapriniphphansutrwathangthistawnxxk eraedinkhamaemnasayhnung edinippraman 300 kaw idphbphrasthupxngkhhnung sthanthiniepnsthanthithwayphraephlingphraphuththsrira phundintrngthithwayphraephling bangaehngepnsiehluxngpnda bangaehngrwnehmuxnkbthanif ikhrktamemuxcarikaeswngbuy mathungsthanthithwayphraephlingphraphuththsriraaehngni thatngcitihepnsmathi sathyaymnt buchaphrasmmasmphuththecaaelw phrabrmsaririkthatukhxngphraphuththecannkcaesdcmasutn cninphuththstwrrsthi 14 15 rachwngssklcuriidekhamasrangwdkhuninbriewnsalwonthyancanwnmak cnphraphuththsasnaidhmdcakxinediyipin ph s 1743 thaihsthanakhxngphraphuththsasnainkusinarathukplxythingrangaelaklayepnparkthub cnin ph s 2433 phiksumhawira swami aelathanethwcnthrmni chawsrilngka edinthangmayngkusinaraaelaerimxuthistwinkarfunfuphuththsthanaehngnirwmkbensari chawphuththphma cnidsrangwdkhunihmchuxwa mhapriniwana thrrmasala sthanthipradisthanphraphuththsriraphraphuththecaepnewla 7 wnkxnxyechiyipthwayphraephlingphrabrmsph inpi ph s 2397 naywilsn nkobrankhdixngkvs idthakarphisucnkhntnwahmubankaesiykhuxkusinara cninpi ph s 2404 2420 esxr xelksanedxr khnningaehm iderimthakarkhudkhnenindininsalwonthyan cninpi ph s 2418 2420 naykharlliel hnunginphuchwyinthimkhudkhnkhxngthanesxr xelksanedxr idthakarkhudkhntxcnidphbphraphuththruppangpriniphphan wiharpriniphphan aelasthupcanwnmakthiphusrththaidsrangiwinxditemuxkhrngphraphuththsasnayngrungeruxng odynaykharlliel epnthanaerkthiexaicisinnganburnaaelarksakhumkhrxngphraphuththruppangisyasnthikhudphb caknn nbaet ph s 2443 epntnma kusinaraiderimmiphuxupthmphchwyknburnptisngkhrn ekhamasrangwdaelasingxanwykhwamsadwkaekphucarikaeswngbuythierimekhamaskkaramhasngewchniysthanaehngnicninpi ph s 2498 rthbalxinediyidtngkhnakrrmkarephuxphthnapuchnysthanaehngniephuxetriymechlimchlxng 25 phuththchynti odyidruxokhrngsrangwiharpriniphphaneka thiidrbkarburnasrangihm xxkephuxsrangmhapriniphphanwiharihm ephuxihehmaasmkbokhrngsrangaelasamarthrxngrbphuththsanikchnid inpi ph s 2499 cninpi ph s 2507 wiharidphnglngma thangkarxinediycungburnasrangkhunihminpi ph s 2518 aelathangkarxinediyaelaphuththsasnikchnkidmiswnrwminkarburnakusinaracnmisphaphswyngamxyangthiehninpccubncudaeswngbuyaelasphaphkhxngkusinarainpccubnpccubnkusinaraidrbkarburna aelamipuchniywtthusakhy thichawphuththniymipskkarakhux sthuppriniphphan epnsthupaebbthrngoxkhwathiepnthrngphrarachniyminsmyphraecaxoskmharach srangodyphraecaxoskmharach bnsthupmiyxmmn michtrsamchn mhapriniphphanwihar tngxyudanhnainthanediywknkbsthuppriniphphan phayinpradisthanphraphuththruppangesdcdbkhnthpriniphphan khuxphraphuththrupnxnbrrthmtaaekhngebuxngkhwa silpamthura mixayukwa 1 500 pi incarukrabuphusrangkhux hriphlaswami odynaychangchux thina chawemuxngmthura inpccubnphraphuththrupxngkhnithuxidwaepncudhmaysakhythichawphuththcamaskkara ephraaepnphraphuththrupthimiphuththlksnaxnphiesskhuxehmuxnkhnnxnhlbthrrmda aesdngihehnwaphraphuththxngkhidesdcdbkhnthpriniphphancakipxyangphuhmdkngwlinolkthngpwng mkutphnthnecdiy xyuhangcakpriniphphansthupipthangthistawnxxk 1 kiolemtr chawthxngthineriyk rmpharsthup epnsthanthithwayphraephlingphraphuththsrira misphaphepnenindinkxdwyxithkhnadihy pccubnrthbalxinediyidekhamaburnasxmaesmiwxyangdi pccubnchawphuthththwolkidmakxsrangwdiwmakmay odymiwdkhxngithydwy chux wdithykusinaraechlimrachy pccubnchawithythimaskkara n kusinara niymmaphkthinikhlngphaphmkutphnthnecdiy sthanthithwayphraephlingphrabrmsphsmedcphrasmmasmphraphuththeca phramhathatuechlimrachysrththa phayin wdithykusinaraechlimrachy emuxngkusinara sthanthipradisthanphraphuththbrmsphphraphuththecaepnewla 7 wnkxnxyechiyipthwayphraephlingphrabrmsph phaphsiphraphuththecapriniphphan bnaephnpha phraphuththruppangmhapriniphphan inphrawiharaehngmhapriniphphansthupxangxingphrathrrmkittiwngs thxngdi suretoch p th 9 rachbnthit phcnanukrmephuxkarsuksaphuththsasn chud khawd wdrachoxrsaram krungethph ph s 2548 suchiph puyyanuphaph phraitrpitksahrbprachachn krungethphmhankhr orngphimphmhamkutrachwithyaly 2522 sunnth pthmakhm rs smudphaphaednphuththphumi chlxngchnmayu 80 pi phrasuemthathibdi wdmhathatuyuwrachrngsvsdi krungethphmhankhr sankphimphmhawithyalymhaculalngkrnrachwithyaly 2541 lksna ciracnthr tamrxyphraphuththeca aephrwsankphimph krungethph ph s 2549duephimkaraeswngbuykhxngchawphuththindinaednphuththphumiaehlngkhxmulxunwikisxrs mingantnchbbekiywkb khabuchaphuththsngewchniysthan 4 tabl wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb kusinara phaphthaythangxakaskhxng kusinara