สาวัตถี (บาลี: Sāvatthī สาวัตถี; สันสกฤต: श्रावस्ती Śrāvastī ศราวัสตี) คือเมืองโบราณในสมัยพุทธกาล มีความสำคัญในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล 1 ใน แคว้นมหาอำนาจใน 16 มหาชนบทในสมัยพุทธกาล เมืองนี้รุ่งเรืองจากการที่เป็นชุมนุมการค้าขาย การทหาร เป็นเมืองมหาอำนาจใหญ่ควบคู่กับเมืองราชคฤห์แห่งแคว้นมคธในสมัยโบราณ ปัจจุบันเมืองนี้เหลือเพียงซากโบราณสถาน คนอินเดียในปัจจุบันลืมชื่อเมืองสาวัตถี (ในภาษาบาลี) หรือ ศราวัสตี (ในภาษาสันสกฤต) ไปหมดแล้ว คงเรียกแถบตำบลที่ตั้งเมืองสาวัตถีนี้เพียงว่า สะเหถ-มะเหถ (Saheth-Maheth) ปัจจุบัน สะเหต-มะเหต ตั้งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย
ซากมูลคันธกุฎี ที่ประทับของพระพุทธเจ้าที่วัดเชตวัน | |
แสดงที่ตั้งภายในรัฐอุตตรประเทศ สาวัตถี (ประเทศอินเดีย) | |
ที่ตั้ง | รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย |
---|---|
พิกัด | 27°31′1.5″N 82°3′2.2″E / 27.517083°N 82.050611°E |
พื้นที่ |
เมืองสาวัตถีในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองที่ใหญ่พอกับเมืองราชคฤห์และพาราณสี เป็นเมืองศูนย์กลางการค้าขายในสมัยพุทธกาล โดยในสมัยนั้นเมืองสาวัตถีมีพระเจ้าปเสนทิโกศลปกครองร่วมสมัยกับพระเจ้าพิมพิสาร นอกจากนี้เมืองสาวัตถีนับว่าเป็นเมืองสำคัญในการเป็นฐานในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าที่สำคัญ เพราะเป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าประทับนานที่สุดถึง 25 พรรษา เป็นที่ตรัสพระสูตรมากมายและเป็นเมืองที่พระพุทธศาสนามั่นคงที่สุด เพราะมีผู้อุปถัมภ์สำคัญ เช่น พระเจ้าปเสนทิโกศล อนาถบิณฑิกเศรษฐี นางวิสาขา เป็นต้น
ปัจจุบันยังมีซากโบราณสถานที่สำคัญปรากฏร่องรอยอยู่ คือวัดเชตวันมหาวิหาร (ซึ่งพระพุทธเจ้าเคยประทับอยู่ถึง 19 พรรษา), บริเวณวังของพระเจ้าปเสนทิโกศล, บ้านของอนาถบิณฑิกเศรษฐี (สถูป), บ้านบิดาขององคุลีมาล (สถูป), สถานที่พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ (หน้าวัดพระเชตวันมหาวิหาร), ที่แสดง แล้วเสด็จไปจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อแสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา เป็นต้น
ต้นกำเนิดของสาวัตถี
ชื่อของเมืองมาจากชื่อของฤๅษีชื่อ สวัตถะ หรืออีกนัยหนึ่งเมืองสาวัตถีมาจากคำภาษาบาลีที่แปลว่า มีสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคเพียบพร้อมทุกอย่าง หรือจากตำนานที่ว่าเมื่อพ่อค้ามาที่เมืองนี้มักถูกถามว่ามีข้าวของอะไรมาขายบ้าง ซึ่งคำว่าทุกอย่างมาจากภาษาบาลีว่า "สพฺพํ อตฺถิ" ซึ่ง สพฺพํ แปลว่า ทุกอย่าง หรือมาจากภาษาสันสกฤตว่า สรฺวํ อสฺติ จึงกลายมาเป็นชื่อเมืองนี้ว่า สาวัตถี หรือศราวัสตี
เมืองสาวัตถีในสมัยพุทธกาล
เมืองสาวัตถีมีความเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองหลวงของแคว้นโกศลมาแต่ก่อนพุทธกาล ในสมัยพุทธกาลเมืองสาวัตถีมีพระเจ้าปเสนทิโกศลปกครอง เมืองสาวัตถีในการปกครองของพระเจ้าปเสนทิโกศลมีความสงบและรุ่งเรืองมาก เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับจำพรรษาที่เมืองแห่งนี้มากที่สุดกว่า 25 พรรษา สาเหตุสำคัญที่พระพุทธเจ้าเลือกเมืองนี้เป็นสถานที่จำพรรษานานที่สุดเพราะว่าพระเจ้าปเสนทิโกศล เป็นพระญาติกับพระเจ้าพิมพิสาร กษัตริย์แห่งแคว้นมคธ โดยพระนางเวเทหิอัครมเหสี ของพระเจ้าพิมพิสาร เป็นพระภคินีของพระเจ้าปเสนทิโกศล (พระเจ้ามหาโกศล พระราชบิดาของพระเจ้าปเสนทิโกศล ส่งพระนางเวเทหิไปอภิเษกสมรสกับพระเจ้าพิมพิสาร และมอบเมืองในแคว้นกาสีให้พระเจ้าพิมพิสารเพื่อเป็นของขวัญ ทำให้เมืองสาวัตถีและเมืองราชคฤห์เป็นไมตรีกันจนสิ้นรัชกาลของพระเจ้าพิมพิสาร) ทำให้พระพุทธเจ้าสามารถมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในเมืองสาวัตถีได้สะดวก เพราะพระเจ้าปเสนทิโกศลย่อมมีความเกรงใจในพระศาสดาของพระเจ้าพิมพิสารซึ่งเป็นพระญาติของพระองค์เอง ซึ่งต่อมาคัมภีร์พระพุทธศาสนากล่าวว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลได้สดับพระธรรมเทศนาจนบรรลุเป็นพระโสดาบัน และเป็นองค์อัครพุทธศาสนูปถัมภกที่สำคัญองค์หนึ่ง โดยเป็นพระมหากษัตริย์ที่เป็นสหชาติ (คือเกิดปีเดียวกันกับพระพุทธเจ้า) และมีความรักเคารพและมีความสนิทสนมกับพระพุทธองค์มาก โดยทรงสร้างมหาสังฆารามถวายคือ ซึ่งความสนิทสนมของพระเจ้าปเสนทิโกศลกับพระพุทธองค์นั้น ปรากฏในหลายเหตุการณ์เช่น ทรงเข้ามาจูบกอดพระบาทของพระพุทธเจ้า (ส่วนใหญ่เหตุการณ์เหล่านี้ได้ถูกบันทึกไว้ใน ธรรมเจดีย์สูตร โดยพระราชดำรัสของพระเจ้าปเสนทิโกศลทั้งพระสูตร แสดงถึงเหตุผลที่พระองค์ทรงรักและเคารพพระพุทธเจ้า โดยเปรียบเทียบกับลัทธิศาสนาอื่นไปด้วย) หรือตอนหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเคยกล่าวตักเตือนพระเจ้าปเสนทิโกศลว่ากินจุเหมือนหมู ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสนิทสนมกับพระพุทธองค์ได้อย่างดี และถึงแม้พระเจ้าปเสนทิโกศลจะศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า แต่ทว่าพระองค์ไม่ได้กีดกั้นผู้นับถือศาสนาอื่นแต่อย่างใด และยังคงให้ความอุปถัมภ์บำรุงศาสนาอื่นเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ เมืองสาวัตถี มีมหาอุบาสกมหาอุบาสิกาหลายคน เช่น อนาถบิณฑิกเศรษฐี, นางวิสาขามหาอุบาสิกา ซึ่งมีความเคารพรักศรัทธาสร้างมหาสังฆารามวัดเชตวันมหาวิหาร (ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี) และวัดบุพพารามมหาวิหาร (ของนางวิสาขา) และให้การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง ด้วยเหตุหลายประการดังกล่าว พระพุทธเจ้าจึงเสด็จมาประทับที่เมืองนี้มากที่สุด โดยมาทรงประทับอยู่ถึง 25 พรรษา โดยแบ่งเป็น 19 พรรษาที่วัดเชตวันมหาวิหาร และอีก 6 พรรษาที่วัดบุพพาราม
เนื่องด้วยพระพุทธองค์ประทับที่เมืองสาวัตถีนานที่สุด จึงทำให้เป็นเมืองที่เกิดพระสูตรมากมาย เช่น มงคลสูตร ธรรมนิยามสูตร รวมไปถึงกาลามสูตร ที่ตรัสแสดง ณ เกสปุตตนิคม ก็อยู่ในอาณาเขตของแคว้นโกศลด้วย
ในช่วงปลายพุทธกาล ได้เกิดเหตุการณ์ที่พระเจ้าอชาตศัตรู ทำปิตุฆาต ปลงพระชนม์พระราชบิดาของพระองค์เอง ทำให้พระนางเวเทหิ อัครมเหสีของพระเจ้าพิมพิสารเสียพระทัยจนสิ้นพระชนม์ตามกันไป พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงกริ้วพระเจ้าอชาตศัตรูมาก จึงสั่งยึดเมืองในแคว้นกาสีที่พระเจ้ามหาโกศลยกให้พระเจ้าพิมพิสารคืน โดยทรงถือว่า ผู้ฆ่าพ่อไม่มีสิทธิ์ได้รับสมบัติพ่อ และได้ทำสงครามกัน ผลัดกันแพ้ชนะ จนสุดท้ายพระเจ้าปเสนทิโกศลชนะ จับพระเจ้าอชาตศัตรูได้ แต่ไม่ประหารชีวิตเพราะเห็นแก่เป็นพระนัดดา แต่สั่งให้สละราชสมบัติแทน และต่อมาก็ทรงให้พระเจ้าอชาตศัตรูกลับไปครองราชสมบัติอีกด้วยคงเห็นพระทัย โดยในครั้งนั้นได้ทรงส่งพระราชธิดาของพระองค์ให้ไปอภิเษกด้วย ทั้งสองแคว้นจึงกลัยมามีสัมพันธไมตรีกันอีกครั้ง ทำให้เมืองสาวัตถีและเมืองราชคฤห์กลับเป็นไมตรีกันจนสิ้นรัชกาลของพระปเสนทิโกศล
ในช่วงปลายรัชกาลพระเจ้าปเสนทิโกศล ถูกพระเจ้าวิฑูฑภะพระราชโอรสของพระองค์เองยึดอำนาจ พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงทรงม้าหนีไปเมืองราชคฤห์กับนางสนมคนหนึ่ง โดยหวังให้พระเจ้าอชาตศัตรูช่วยเหลือเพื่อนำราชสมบัติคืน แต่พระองค์เสด็จมาถึงเมืองราชคฤห์ในเวลากลางคืน ช่วงนั้นเป็นเวลาปิดประตูเมืองไม่สามารถเข้าประตูเมืองได้ ทำให้พระองค์เสด็จสวรรคตหน้าประตูเมืองในคืนนั้นเองเพราะทรงชราภาพมีพระชนม์มากถึง 80 พรรษา และเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกลแถมยังต้องประทับค้างแรมอยู่ข้างนอกที่มีอากาศหนาว นางสนมที่ได้ติดตามพระองค์ก็ร้องไห้คร่ำครวญ เมื่อถึงเวลาเช้าพระเจ้าอชาตศัตรูซึ่งพึ่งทราบข่าวจึงอัญเชิญพระศพไว้ถวายพระเพลิงเสร็จสิ้นไปด้วยดี แต่ยังไม่ทันที่จะยกทัพไปรบกับพระเจ้าวิฑูฑภะ พระเจ้าอชาตศัตรูก็ได้ข่าวว่าพระเจ้าวิฑูฑภะกับกองทัพได้ถูกน้ำหลากพัดหายไป หลังจากบุกโจมตีกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะและทำการกวาดล้างศากยะวงศ์จนหมดสิ้น(โดยเฉพาะในกรุงกบิลพัสดุ์และเป็นต้นตระกูลของพระพุทธองค์)เนื่องจากแค้นที่ถูกพวกศากยะวงศ์ดูหมิ่นว่าตนเป็นลูกจัณฑาล
เมื่อสิ้นรัชกาลพระเจ้าวิฑูฑภะ สาวัตถีก็ขาดพระราชาปกครอง แต่ว่าเนื่องจากพระเจ้าอชาตศัตรูนั้นทรงพระประสูติมาจากพระนางเวเทหิ ผู้เป็นพระภคินีและเป็นพระภาคิไนยของพระเจ้าปเสนทิโกศลซึ่งมีเชื้อสายแห่งราชวงศ์โกศล ทำให้พระเจ้าอชาตศัตรูผู้มีเชื้อสายราชวงศ์โกศลจึงมีสิทธิ์ที่จะปกครองแคว้น จึงยกทัพไปบุกเข้ายึดเมืองสาวัตถีพร้อมกับแคว้นโกศลมาไว้ในอำนาจและผนวกแคว้นโกศลและแคว้นสักกะที่อยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นโกศลมาเข้ากับแคว้นมคธมาด้วยกัน ทำให้เมืองสาวัตถีจึงสิ้นสุดความสำคัญในฐานะเมืองหลวงแห่งแคว้นโกศล หลังจากนั้นการค้า ฯลฯ อำนาจต่าง ๆ ได้ไปรวมศูนย์ที่เมืองราชคฤห์และสุดท้ายที่เมืองปาฏลีบุตรในฐานะเมืองหลวงแห่งแคว้น แต่วัดเชตวันมหาวิหารยังคงเป็นศูนย์กลางสำคัญทางศาสนาอยู่ แต่ทว่าจนในที่สุดหลังพุทธศตวรรษที่ 18 เมืองสาวัตถีได้เสื่อมความสำคัญและถูกทิ้งร้างไปโดยสิ้นเชิงจนเหลือแต่ซากโบราณสถานในปัจจุบัน
สาวัตถีในปัจจุบัน
กำแพงเมืองสาวัตถีโบราณยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน ภายในกำแพงเมืองมีโบราณสถานคงเหลืออยู่มากมาย เช่น ซากบ้านของบิดาพระองคุลีมาล, ซากคฤหาสถ์ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี, และวัดเก่าแก่ที่สร้างอุทิศแก่ พระติรธังกร (ศาสดาองค์แรกของศาสนาเชน) บริเวณนอกเขตเมืองสาวัตถียังมีสถานที่สำคัญเช่น ซากยมกปาฏิหาริย์สถูป (สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง) และวัดเชตวันมหาวิหาร (พระอารามที่พระพุทธเจ้าทรงจำพรรษามากที่สุดในพุทธกาล) ซึ่งเป็นสถานที่แสวงบุญสำคัญของชาวพุทธทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีวัดที่ประเทศต่างๆ ที่นับถือศาสนาพุทธมาสร้างไว้ ได้แก่ ประเทศไทย เกาหลีใต้ ศรีลังกา พม่า ธิเบตและจีน
วัดพุทธนานาชาติ
4.1 วัดไทยเชตวันมหาวิหาร 939
ซึ่งในมหามงคลสมัย พระบาทสมเด็จพะเจ้าอยู่หัวฯ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี นับได้ว่าทรงครองราชย์นานยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใด และในวโรกาสที่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา พสกนิกรใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ มีสมานฉันท์ที่จะจัดสร้างอนุสรณ์สถาน คือ วัดไทยเชตวันมหาวิหาร ในพุทธภูมิขึ้น และได้เลือกสถานที่ที่มีทำเลเหมาะสมที่ซึ่งพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษานานที่สุด (25 พรรษา) เพื่อเป็นศูนย์รวมใจชาวพุทธไทยทั้งชาติ ร่วมกันน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศล
และตามนโยบายการขยายงานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล ดำริที่จะสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2530 ในสมัยพระสุเมธาธิบดี เป็นหัวหน้าพระธรรมทูตในขณะนั้น และได้สืบสานให้ต่อเนื่องใน พ.ศ. 2545-ถึงปัจจุบัน มีพระเทพโพธิวิเทศ (วีรยุทฺโธ) เป็นหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ได้ดำริให้พระครูปริยัติโพธิวิเทศ (คมสรณ์) ปฏิบัติหน้าที่เจ้าอาวาสวัดไทยเชตวันมหาวิหาร โดยสร้างขึ้นในวันที่ 9 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา ซึ่งวัดตั้งอยู่ในปริมณฑลโบราณสถานวัดพระเชตวันมหาวิหาร ที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีมหาอุบาสกสร้างถวายพระพุทธเจ้า ทรงจำพรรษา 19 พรรษา กับมหาสถูปยมกปาฏิหาริย์ สารีปุตตสถูป และโมคคัลลานะสถูป มีพื้นที่เริ่มแรก จำนวน 38 ไร่ (เท่ากับมงคล 38 ที่พระพุทธเจ้าแสดง) โดยสังกัดมหานิกาย
4.2 วัดบุพพาราม (วัดป่า)
4.3 วัดไทยสาวัตถีพุทธวิปัสสนา
4.4 ศูนย์ปฏิบัติธรรมแดนมหามงคลชัย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
- ต้นพระศรีมหาโพธิ์ในวัดเชตวันมหาวิหาร
- พระมูลคันธกุฎี ภายในวัดเชตวันมหาวิหาร
- องคุลิมาลสถูป (ซากบ้านบิดาของพระองคุลีมาล)
- ซากพุทธสถานในวัดเชตวันมหาวิหาร
- ซากประตูเมืองสาวัตถี
- ยมกปาฏิหาริย์สถูป
- สถูปวัดเชตวันมหาวิหาร
- ต้น ต้นโพธิ์ซึ่งชาวพุทธนับถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอันดับสองรองจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา
อ้างอิง
- พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. 9 ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548
- พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต).พุทธสถานในอินเดีย - เวฬุวันมหาวิหาร เมืองราชคฤห์. กรุงเทพ: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2541.
- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ธรรมเจติยสูตร ที่ ๙ - พระพุทธเจ้ากับพระเจ้าปเสนทิโกศลมีพระชนม์เท่ากัน. พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก <[1]>. เข้าถึงเมื่อ 4-6-52
- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ธรรมเจติยสูตร. พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก <[2]>. เข้าถึงเมื่อ 4-6-52
- ธัมมปทัฏฐกถา นาควรรควรรณนา๔. เรื่องพระเจ้าปเสนทิโกศล. อรรถกถาพระไตรปิฏก. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก <[3]> (วิกิซอร์ซ). เข้าถึงเมื่อ 4-6-52
- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต. พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก <[4]>. เข้าถึงเมื่อ 4-6-52
- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต วรรคที่ ๗. พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก <[5]>. เข้าถึงเมื่อ 4-6-52
- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘ ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา. พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก <[6]>. เข้าถึงเมื่อ 4-6-52
- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ปฐมสังคามวัตถุสูตรที่ ๔. พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก <[7]>. เข้าถึงเมื่อ 4-6-52
บรรณานุกรม
- Brown, Robert L. (1984). "The Śrāvastī Miracles in the Art of India and Dvāravatī". Archives of Asian Art. 37: 79–95.
- Buswell, R.E.; Lopez, D.S. (2013). The Princeton Dictionary of Buddhism. Princeton University Press. ISBN .
- Chandra, Moti (2011). Trade And Trade Routes In Ancient India. Abhinav Publications. ISBN .
- Fogelin, Lars (2015). An Archaeological History of Indian Buddhism. Oxford University Press. ISBN .
- Fogelin, Lars (2006). Archaeology of Early Buddhism. AltaMira Press. ISBN .
- Higham, C. (2014). Encyclopedia of Ancient Asian Civilizations. Infobase. ISBN .
- Huntington, Susan L.; Huntington, John C. (2014). The Art of Ancient India: Buddhist, Hindu, Jain. Motilal Banarsidass. ISBN .
- Law, B.C. (1935). Sravasti in Indian Literature. Memoirs of the Archaeological Survey of India: Number 50, ASI.
- Ling, T. (1973). The Buddha: Buddhist Civilization in India and Ceylon. Temple Smith. ISBN .
- Marshall, John H (1914). Excavations at Saheth Maheth, Annual Report of the Archaeological Survey of India: 1910–11. ASI.
- Sinha, K.K. (1967). Excavations at Sravasti: 1959. Monographs of the Department of Ancient Indian History, Culture and Archaeology, BHU.
- J. Ph. Vogel (1908), The Site of Sravasti, The Journal of the Royal Asiatic Society of Great Britain and Ireland, pp. 971-975, JSTOR 25210665
- Yung-hsi, Li (1959). The Life of Hsuan Tsang by Huili (Translated). Chinese Buddhist Association, Beijing. (a more recent, abridged translation)
- Li, Rongxi, trans. (1995). A Biography of the Tripiṭaka Master of the Great Ci’en Monastery of the Great Tang Dynasty. Numata Center for Buddhist Translation and Research. Berkeley, California. ISBN (a recent, full translation)
แหล่งข้อมูลอื่น
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
sawtthi bali Savatthi sawtthi snskvt श र वस त Sravasti srawsti khuxemuxngobraninsmyphuththkal mikhwamsakhyinthanathiepnemuxnghlwngkhxngaekhwnoksl 1 in aekhwnmhaxanacin 16 mhachnbthinsmyphuththkal emuxngnirungeruxngcakkarthiepnchumnumkarkhakhay karthhar epnemuxngmhaxanacihykhwbkhukbemuxngrachkhvhaehngaekhwnmkhthinsmyobran pccubnemuxngniehluxephiyngsakobransthan khnxinediyinpccubnlumchuxemuxngsawtthi inphasabali hrux srawsti inphasasnskvt iphmdaelw khngeriykaethbtablthitngemuxngsawtthiniephiyngwa saehth maehth Saheth Maheth pccubn saeht maeht tngxyuinrthxuttrpraeths praethsxinediysawtthisakmulkhnthkudi thiprathbkhxngphraphuththecathiwdechtwnaesdngthitngphayinrthxuttrpraethsaesdngaephnthirthxuttrpraethssawtthi praethsxinediy aesdngaephnthipraethsxinediythitngrthxuttrpraeths praethsxinediyphikd27 31 1 5 N 82 3 2 2 E 27 517083 N 82 050611 E 27 517083 82 050611phunthi emuxngsawtthiinsmyphuththkalepnemuxngthiihyphxkbemuxngrachkhvhaelapharansi epnemuxngsunyklangkarkhakhayinsmyphuththkal odyinsmynnemuxngsawtthimiphraecapesnthiokslpkkhrxngrwmsmykbphraecaphimphisar nxkcakniemuxngsawtthinbwaepnemuxngsakhyinkarepnthaninkarephyaephrphraphuththsasnakhxngphraphuththecathisakhy ephraaepnemuxngthiphraphuththecaprathbnanthisudthung 25 phrrsa epnthitrsphrasutrmakmayaelaepnemuxngthiphraphuththsasnamnkhngthisud ephraamiphuxupthmphsakhy echn phraecapesnthioksl xnathbinthikesrsthi nangwisakha epntn pccubnyngmisakobransthanthisakhypraktrxngrxyxyu khuxwdechtwnmhawihar sungphraphuththecaekhyprathbxyuthung 19 phrrsa briewnwngkhxngphraecapesnthioksl bankhxngxnathbinthikesrsthi sthup banbidakhxngxngkhulimal sthup sthanthiphraethwthtthukaephndinsub hnawdphraechtwnmhawihar thiaesdng aelwesdcipcaphrrsa n swrrkhchndawdungs ephuxaesdngphraxphithrrmoprdphraphuththmarda epntntnkaenidkhxngsawtthichuxkhxngemuxngmacakchuxkhxngvisichux swttha hruxxiknyhnungemuxngsawtthimacakkhaphasabalithiaeplwa misingkhxngekhruxngxupophkhbriophkhephiybphrxmthukxyang hruxcaktananthiwaemuxphxkhamathiemuxngnimkthukthamwamikhawkhxngxairmakhaybang sungkhawathukxyangmacakphasabaliwa sph ph xt thi sung sph ph aeplwa thukxyang hruxmacakphasasnskvtwa sr w xs ti cungklaymaepnchuxemuxngniwa sawtthi hruxsrawstiemuxngsawtthiinsmyphuththkalsawtthikbsthanthithaphraphuththsasnaxun emuxngsawtthimikhwamecriyrungeruxnginthanaemuxnghlwngkhxngaekhwnokslmaaetkxnphuththkal insmyphuththkalemuxngsawtthimiphraecapesnthiokslpkkhrxng emuxngsawtthiinkarpkkhrxngkhxngphraecapesnthiokslmikhwamsngbaelarungeruxngmak epnsaehtuhnungthithaihphraphuththecaesdcmaprathbcaphrrsathiemuxngaehngnimakthisudkwa 25 phrrsa saehtusakhythiphraphuththecaeluxkemuxngniepnsthanthicaphrrsananthisudephraawaphraecapesnthioksl epnphrayatikbphraecaphimphisar kstriyaehngaekhwnmkhth odyphranangewethhixkhrmehsi khxngphraecaphimphisar epnphraphkhinikhxngphraecapesnthioksl phraecamhaoksl phrarachbidakhxngphraecapesnthioksl sngphranangewethhiipxphiesksmrskbphraecaphimphisar aelamxbemuxnginaekhwnkasiihphraecaphimphisarephuxepnkhxngkhwy thaihemuxngsawtthiaelaemuxngrachkhvhepnimtrikncnsinrchkalkhxngphraecaphimphisar thaihphraphuththecasamarthmaephyaephrphraphuththsasnainemuxngsawtthiidsadwk ephraaphraecapesnthiokslyxmmikhwamekrngicinphrasasdakhxngphraecaphimphisarsungepnphrayatikhxngphraxngkhexng sungtxmakhmphirphraphuththsasnaklawwaphraecapesnthiokslidsdbphrathrrmethsnacnbrrluepnphraosdabn aelaepnxngkhxkhrphuththsasnupthmphkthisakhyxngkhhnung odyepnphramhakstriythiepnshchati khuxekidpiediywknkbphraphuththeca aelamikhwamrkekharphaelamikhwamsnithsnmkbphraphuththxngkhmak odythrngsrangmhasngkharamthwaykhux sungkhwamsnithsnmkhxngphraecapesnthiokslkbphraphuththxngkhnn praktinhlayehtukarnechn thrngekhamacubkxdphrabathkhxngphraphuththeca swnihyehtukarnehlaniidthukbnthukiwin thrrmecdiysutr odyphrarachdarskhxngphraecapesnthiokslthngphrasutr aesdngthungehtuphlthiphraxngkhthrngrkaelaekharphphraphuththeca odyepriybethiybkblththisasnaxunipdwy hruxtxnhnungthiphraphuththecaekhyklawtketuxnphraecapesnthiokslwakincuehmuxnhmu sungepnekhruxngyunynthungkhwamsnithsnmkbphraphuththxngkhidxyangdi aelathungaemphraecapesnthiokslcasrththainphraphuththsasnaxyangaerngkla aetthwaphraxngkhimidkidknphunbthuxsasnaxunaetxyangid aelayngkhngihkhwamxupthmphbarungsasnaxunepnxyangdi nxkcakni emuxngsawtthi mimhaxubaskmhaxubasikahlaykhn echn xnathbinthikesrsthi nangwisakhamhaxubasika sungmikhwamekharphrksrththasrangmhasngkharamwdechtwnmhawihar khxngxnathbinthikesrsthi aelawdbuphpharammhawihar khxngnangwisakha aelaihkarthanubarungphraphuththsasnaxyangmnkhng dwyehtuhlayprakardngklaw phraphuththecacungesdcmaprathbthiemuxngnimakthisud odymathrngprathbxyuthung 25 phrrsa odyaebngepn 19 phrrsathiwdechtwnmhawihar aelaxik 6 phrrsathiwdbuphpharam enuxngdwyphraphuththxngkhprathbthiemuxngsawtthinanthisud cungthaihepnemuxngthiekidphrasutrmakmay echn mngkhlsutr thrrmniyamsutr rwmipthungkalamsutr thitrsaesdng n eksputtnikhm kxyuinxanaekhtkhxngaekhwnoksldwy inchwngplayphuththkal idekidehtukarnthiphraecaxchatstru thapitukhat plngphrachnmphrarachbidakhxngphraxngkhexng thaihphranangewethhi xkhrmehsikhxngphraecaphimphisaresiyphrathycnsinphrachnmtamknip phraecapesnthiokslcungkriwphraecaxchatstrumak cungsngyudemuxnginaekhwnkasithiphraecamhaokslykihphraecaphimphisarkhun odythrngthuxwa phukhaphximmisiththiidrbsmbtiphx aelaidthasngkhramkn phldknaephchna cnsudthayphraecapesnthiokslchna cbphraecaxchatstruid aetimpraharchiwitephraaehnaekepnphrandda aetsngihslarachsmbtiaethn aelatxmakthrngihphraecaxchatstruklbipkhrxngrachsmbtixikdwykhngehnphrathy odyinkhrngnnidthrngsngphrarachthidakhxngphraxngkhihipxphieskdwy thngsxngaekhwncungklymamismphnthimtriknxikkhrng thaihemuxngsawtthiaelaemuxngrachkhvhklbepnimtrikncnsinrchkalkhxngphrapesnthioksl inchwngplayrchkalphraecapesnthioksl thukphraecawithuthphaphrarachoxrskhxngphraxngkhexngyudxanac phraecapesnthiokslcungthrngmahniipemuxngrachkhvhkbnangsnmkhnhnung odyhwngihphraecaxchatstruchwyehluxephuxnarachsmbtikhun aetphraxngkhesdcmathungemuxngrachkhvhinewlaklangkhun chwngnnepnewlapidpratuemuxngimsamarthekhapratuemuxngid thaihphraxngkhesdcswrrkhthnapratuemuxnginkhunnnexngephraathrngchraphaphmiphrachnmmakthung 80 phrrsa aelaehndehnuxycakkaredinthangiklaethmyngtxngprathbkhangaermxyukhangnxkthimixakashnaw nangsnmthiidtidtamphraxngkhkrxngihkhrakhrwy emuxthungewlaechaphraecaxchatstrusungphungthrabkhawcungxyechiyphrasphiwthwayphraephlingesrcsinipdwydi aetyngimthnthicaykthphiprbkbphraecawithuthpha phraecaxchatstrukidkhawwaphraecawithuthphakbkxngthphidthuknahlakphdhayip hlngcakbukocmtikrungkbilphsdu aekhwnskkaaelathakarkwadlangsakyawngscnhmdsin odyechphaainkrungkbilphsduaelaepntntrakulkhxngphraphuththxngkh enuxngcakaekhnthithukphwksakyawngsduhminwatnepnlukcnthal emuxsinrchkalphraecawithuthpha sawtthikkhadphrarachapkkhrxng aetwaenuxngcakphraecaxchatstrunnthrngphraprasutimacakphranangewethhi phuepnphraphkhiniaelaepnphraphakhiinykhxngphraecapesnthiokslsungmiechuxsayaehngrachwngsoksl thaihphraecaxchatstruphumiechuxsayrachwngsokslcungmisiththithicapkkhrxngaekhwn cungykthphipbukekhayudemuxngsawtthiphrxmkbaekhwnokslmaiwinxanacaelaphnwkaekhwnokslaelaaekhwnskkathixyuphayitkarpkkhrxngkhxngaekhwnokslmaekhakbaekhwnmkhthmadwykn thaihemuxngsawtthicungsinsudkhwamsakhyinthanaemuxnghlwngaehngaekhwnoksl hlngcaknnkarkha l xanactang idiprwmsunythiemuxngrachkhvhaelasudthaythiemuxngpatlibutrinthanaemuxnghlwngaehngaekhwn aetwdechtwnmhawiharyngkhngepnsunyklangsakhythangsasnaxyu aetthwacninthisudhlngphuththstwrrsthi 18 emuxngsawtthiidesuxmkhwamsakhyaelathukthingrangipodysinechingcnehluxaetsakobransthaninpccubnsawtthiinpccubnkaaephngemuxngsawtthiobranyngkhngpraktihehnxyuinpccubn phayinkaaephngemuxngmiobransthankhngehluxxyumakmay echn sakbankhxngbidaphraxngkhulimal sakkhvhasthkhxngxnathbinthikesrsthi aelawdekaaekthisrangxuthisaek phratirthngkr sasdaxngkhaerkkhxngsasnaechn briewnnxkekhtemuxngsawtthiyngmisthanthisakhyechn sakymkpatihariysthup sthanthithiphraphuththecathrngaesdng aelawdechtwnmhawihar phraxaramthiphraphuththecathrngcaphrrsamakthisudinphuththkal sungepnsthanthiaeswngbuysakhykhxngchawphuthththwolk nxkcakniyngmiwdthipraethstang thinbthuxsasnaphuththmasrangiw idaek praethsithy ekahliit srilngka phma thiebtaelacinwdphuththnanachati4 1 wdithyechtwnmhawihar 939 sunginmhamngkhlsmy phrabathsmedcphaecaxyuhw thrngkhrxngsirirachsmbtikhrb 60 pi nbidwathrngkhrxngrachynanyingkwaphramhakstriyphraxngkhid aelainworkasthiphraxngkhphuthrngphrakhunxnpraesrith thrngecriyphrachnmayu 80 phrrsa phsknikritrmphrabrmophthismphartangsanukinphramhakrunathikhun mismanchnththicacdsrangxnusrnsthan khux wdithyechtwnmhawihar inphuththphumikhun aelaideluxksthanthithimithaelehmaasmthisungphrabrmsasdaphrasmmasmphuththecathrngprathbcaphrrsananthisud 25 phrrsa ephuxepnsunyrwmicchawphuththithythngchati rwmknnxmekla thwayepnphrarachkusl aelatamnoybaykarkhyayngankarephyaephphraphuththsasnakhxngphrathrrmthut saypraethsxinediy enpal darithicasrangtngaet ph s 2530 insmyphrasuemthathibdi epnhwhnaphrathrrmthutinkhnann aelaidsubsanihtxenuxngin ph s 2545 thungpccubn miphraethphophthiwieths wiryuth oth epnhwhnaphrathrrmthutsaypraethsxinediy enpal ecaxawaswdithyphuththkhya iddariihphrakhrupriytiophthiwieths khmsrn ptibtihnathiecaxawaswdithyechtwnmhawihar odysrangkhuninwnthi 9 eduxnmithunayn ph s 2549 epntnma sungwdtngxyuinprimnthlobransthanwdphraechtwnmhawihar thithanxnathbinthikesrsthimhaxubasksrangthwayphraphuththeca thrngcaphrrsa 19 phrrsa kbmhasthupymkpatihariy sariputtsthup aelaomkhkhllanasthup miphunthierimaerk canwn 38 ir ethakbmngkhl 38 thiphraphuththecaaesdng odysngkdmhanikay 4 2 wdbuphpharam wdpa 4 3 wdithysawtthiphuththwipssna 4 4 sunyptibtithrrmaednmhamngkhlchy swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidtnphrasrimhaophthiinwdechtwnmhawihar phramulkhnthkudi phayinwdechtwnmhawihar xngkhulimalsthup sakbanbidakhxngphraxngkhulimal sakphuththsthaninwdechtwnmhawihar sakpratuemuxngsawtthi ymkpatihariysthup sthupwdechtwnmhawihar tn tnophthisungchawphuththnbthuxwamikhwamskdisiththiepnxndbsxngrxngcaktnphrasrimhaophthithiphuththkhyaxangxingphrathrrmkittiwngs thxngdi suretoch p th 9 rachbnthit phcnanukrmephuxkarsuksaphuththsasn chud khawd wdrachoxrsaram krungethph ph s 2548 phraphrhmkhunaphrn prayuthth pyut ot phuththsthaninxinediy ewluwnmhawihar emuxngrachkhvh krungethph orngphimphmhaculalngkrnrachwithyaly 2541 phraitrpidk elmthi 13 phrasuttntpidk elmthi 5 mchchimnikay mchchimpnnask thrrmectiysutr thi 9 phraphuththecakbphraecapesnthiokslmiphrachnmethakn phraitrpidkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak lt 1 gt ekhathungemux 4 6 52 phraitrpidk elmthi 13 phrasuttntpidk elmthi 5 mchchimnikay mchchimpnnask thrrmectiysutr phraitrpidkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak lt 2 gt ekhathungemux 4 6 52 thmmpthtthktha nakhwrrkhwrrnna4 eruxngphraecapesnthioksl xrrthkthaphraitrpitk xxniln ekhathungidcak lt 3 gt wikisxrs ekhathungemux 4 6 52 phraitrpidk elmthi 20 phrasuttntpidk elmthi 12 xngkhuttrnikay exk thuk tiknibat phraitrpidkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak lt 4 gt ekhathungemux 4 6 52 phraitrpidk elmthi 20 phrasuttntpidk elmthi 12 xngkhuttrnikay exk thuk tiknibat wrrkhthi 7 phraitrpidkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak lt 5 gt ekhathungemux 4 6 52 phraitrpidk elmthi 26 phrasuttntpidk elmthi 18 khuththknikay wiman eptwtthu ethr ethrikhatha phraitrpidkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak lt 6 gt ekhathungemux 4 6 52 phraitrpidk elmthi 15 phrasuttntpidk elmthi 7 sngyuttnikay skhathwrrkh pthmsngkhamwtthusutrthi 4 phraitrpidkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak lt 7 gt ekhathungemux 4 6 52 brrnanukrm Brown Robert L 1984 The Sravasti Miracles in the Art of India and Dvaravati Archives of Asian Art 37 79 95 Buswell R E Lopez D S 2013 The Princeton Dictionary of Buddhism Princeton University Press ISBN 978 0 691 15786 3 Chandra Moti 2011 Trade And Trade Routes In Ancient India Abhinav Publications ISBN 978 81 7017 055 6 Fogelin Lars 2015 An Archaeological History of Indian Buddhism Oxford University Press ISBN 978 0 19 026692 9 Fogelin Lars 2006 Archaeology of Early Buddhism AltaMira Press ISBN 978 0 7591 0750 2 Higham C 2014 Encyclopedia of Ancient Asian Civilizations Infobase ISBN 978 1 4381 0996 1 Huntington Susan L Huntington John C 2014 The Art of Ancient India Buddhist Hindu Jain Motilal Banarsidass ISBN 978 81 208 3617 4 Law B C 1935 Sravasti in Indian Literature Memoirs of the Archaeological Survey of India Number 50 ASI Ling T 1973 The Buddha Buddhist Civilization in India and Ceylon Temple Smith ISBN 978 0 85117 034 3 Marshall John H 1914 Excavations at Saheth Maheth Annual Report of the Archaeological Survey of India 1910 11 ASI Sinha K K 1967 Excavations at Sravasti 1959 Monographs of the Department of Ancient Indian History Culture and Archaeology BHU J Ph Vogel 1908 The Site of Sravasti The Journal of the Royal Asiatic Society of Great Britain and Ireland pp 971 975 JSTOR 25210665 Yung hsi Li 1959 The Life of Hsuan Tsang by Huili Translated Chinese Buddhist Association Beijing a more recent abridged translation Li Rongxi trans 1995 A Biography of the Tripiṭaka Master of the Great Ci en Monastery of the Great Tang Dynasty Numata Center for Buddhist Translation and Research Berkeley California ISBN 1 886439 00 1 a recent full translation aehlngkhxmulxunwikikhakhmmikhakhmekiywkb sawtthi sthaniyxypraethsxinediywikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb sawtthi