บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ โดยแก้ศักราชคืนเป็น ค.ศ. ตามเดิม เพราะก่อนเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ ปีเหลื่อมกันอยู่ ไม่อาจเอา 543 บวกลบตามปกติได้ คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
ราชวงศ์ชิง (ภาษาแมนจู: daicing gurun; ภาษาจีน:清朝 ; พินอิน: qīng cháo ชิงเฉา ; ) หรือบ้างเรียก ราชวงศ์แมนจู ปกครองแผ่นดินจีนต่อจากราชวงศ์หมิง และถือเป็นราชวงศ์สุดท้ายของประเทศจีน ตั้งแต่ ค.ศ. 1636 ถึง ค.ศ. 1912
จักรวรรดิต้าชิง 大清 | |||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 1636–1912 | |||||||||||||||||||||||
ตราพระราชลัญจกร | |||||||||||||||||||||||
อาณาเขตของจักรวรรดิชิงในช่วงที่แผ่อำนาจกว้างที่สุดในปี ค.ศ. 1760 ดินแดนภายใต้การควบคุมของราชสำนักแสดงด้วยสีเขียวเข้ม และดินแดนที่อ้างสิทธิ์แต่มิได้ควบคุมแสดงด้วยสีเขียวอ่อน | |||||||||||||||||||||||
สถานะ | จักรวรรดิ | ||||||||||||||||||||||
เมืองหลวง | เฉิ่นหยาง (ค.ศ. 1636–1644) ปักกิ่ง (ค.ศ. 1644–1912) | ||||||||||||||||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาจีน ภาษาแมนจู ภาษามองโกล | ||||||||||||||||||||||
ศาสนา | เต๋า, ขงจื๊อ, พุทธ, คริสต์, อิสลาม, อื่นๆ | ||||||||||||||||||||||
เดมะนิม | ชาวจีน | ||||||||||||||||||||||
การปกครอง | สมบูรณาญาสิทธิราชย์ (ค.ศ.1636–1911) ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (ค.ศ.1911–1912) | ||||||||||||||||||||||
จักรพรรดิ | |||||||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1636-1643 | จักรพรรดิฉงเต๋อ (พระองค์แรก) | ||||||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1661-1722 | จักรพรรดิคังซี | ||||||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1908-1912 | จักรพรรดิเซฺวียนถ่ง (พระองค์สุดท้าย) | ||||||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1911 | |||||||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1911-1912 | ยฺเหวียน ชื่อไข่ | ||||||||||||||||||||||
สภานิติบัญญัติ | สภาพิจารณา (ค.ศ. 1636–1733) (ค.ศ. 1910–1912) | ||||||||||||||||||||||
ประวัติศาสตร์ | |||||||||||||||||||||||
• การก่อตั้งจินยุคหลัง | ค.ศ. 1616 | ||||||||||||||||||||||
• เปลี่ยนชื่อจาก "จิน" เป็น "ชิง" | เมษายน ค.ศ. 1636 | ||||||||||||||||||||||
6 มิถุนายน ค.ศ. 1644 | |||||||||||||||||||||||
ค.ศ. 1755-1792 | |||||||||||||||||||||||
ค.ศ. 1850-1864 | |||||||||||||||||||||||
ค.ศ. 1898 | |||||||||||||||||||||||
• การปฏิวัติซินไฮ่และจักรพรรดิเซฺวียนถ่งสละพระราชสมบัติ | 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1912 | ||||||||||||||||||||||
ประชากร | |||||||||||||||||||||||
140,000,000 | |||||||||||||||||||||||
301,000,000 | |||||||||||||||||||||||
395,918,000 | |||||||||||||||||||||||
|
จักรวรรดิชิง | |||||||||
ชื่อภาษาจีน | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ภาษาจีน | 清朝 | ||||||||
| |||||||||
มหาจักรวรรดิชิง | |||||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 大清帝國 | ||||||||
อักษรจีนตัวย่อ | 大清帝国 | ||||||||
| |||||||||
ราชวงศ์จินยุคหลัง | |||||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 後金朝 | ||||||||
อักษรจีนตัวย่อ | 后金朝 | ||||||||
| |||||||||
ชื่อภาษาแมนจู | |||||||||
อักษรแมนจู | | ||||||||
อักษรโรมัน | Daiqing gurun ไดชิง กูรุง อมากา ไอซิง กูรุง |
ราชวงศ์ชิงไม่ได้ก่อตั้งโดยชาวฮั่นซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศจีน แต่เป็นชาวแมนจูซึ่งอาศัยอยู่ในเขตแมนจูเรีย ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปัจจุบัน ในสมัยนั้น ชาวแมนจูเป็นเพียงชนกลุ่มน้อยเร่ร่อนทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งยังไม่มีคนรู้จักมากนั้น ในช่วงที่ราชวงศ์หมิงของชาวจีนฮั่นอยู่ในสภาพอ่อนแอ เกิดจลาจลและการเมืองไร้เสถียรภาพ
ราชวงศ์ชิงนั้นได้ก่อตั้งโดยชนเผ่า โดยตระกูลอ้ายซินเจว๋หลัวเป็นผู้นำ ตั้งอยู่ในดินแดนแมนจูเรีย ในปลายศตวรรษที่สิบหก นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ผู้นำเผ่าหนู่เจินได้แข็งข้อไม่ยอมขึ้นกับราชวงศ์หมิงและได้เริ่มจัดตั้งกองทัพแปดกองธงขึ้น ซึ่งเป็นกองทัพที่รวมเผ่าต่าง ๆ เข้าด้วยกัน อันได้แก่ , ชาวจีนฮั่นและ ชาวมองโกล นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ได้รวมเผ่าหนู่เจินเป็นปึกแผ่นและเปลี่ยนชื่อเป็น แมนจู นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ถือได้ว่าเป็นผู้นำชาวแมนจูคนแรกที่ได้ถือโอกาสรวบรวมกำลังพล ในปี ค.ศ. 1637 หฺวัง ไถจี๋ โอรสของนู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ได้นำกองทัพขับไล่กองทัพราชวงศ์หมิงออกจากคาบสมุทรเหลียวตง และก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ ชื่อว่า ราชวงศ์ชิง
ในปี ค.ศ. 1636 ได้เกิดกบฎชาวนานำโดย หลี่ จื้อเฉิง นำกำลังเข้ายึดกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของราชวงศ์หมิง นำไปสู่การล่มสลายของราชวงศ์หมิง หลี่ จื้อเฉิงได้ตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิก่อตั้งราชวงศ์ชุนขึ้นมาแทน ในขณะเดียวกันผู้นำราชวงศ์ชิง จักรพรรดิซุ่นจื้อ ได้เริ่มนำกองทัพรุกรานแผ่นดินจีนและล้อมกรุงปักกิ่ง อู๋ ซานกุ้ย แม่ทัพราชวงศ์หมิงผู้ทรยศ ได้แอบติดต่อกับกองทัพแมนจูลับ ๆ และเปิดประตูป้อมด่านซันไห่ ทำให้กองทัพแมนจูแปดกองธง นำโดยตัวเอ่อร์กุ่น เข้ายึดกรุงปักกิ่งได้สำเร็จ ราชวงศ์ชุนล่มสลาย
เมื่อกองทัพแมนจูนำเข้าบุกยึดกรุงปักกิ่งซึ่งเป็นอดีตราชธานีของราชวงศ์หมิงได้ จักรพรรดิซุ่นจื้อได้สถาปนา จักรวรรดิต้าชิง (ภาษาจีน: 大清帝國, พินอิน: dàqīngdìguó) แต่ในระยะแรกของปกครองของราชวงศ์ชิง ชาวแมนจูได้เรียกตำแหน่งจักรพรรดิของตนว่า ตามแบบมองโกล จักรพรรดิแมนจูยังทรงให้การอุปถัมภ์ศาสนาพุทธแบบทิเบต ราชวงศ์ชิงปกครองโดยใช้รูปแบบขงจื๊อ แต่ในการปกครองนั้นยังมีชาวจีนฮั่นที่ต่อต้านการปกครองของชาวแมนจูอยู่ และได้รวมตัวกันเป็นและได้เกิดกบฏสามเจ้าศักดินา ของอู๋ ซานกุ้ย แต่ก่อกบฎของชาวฮั่นได้ถูกทางการราชวงศ์ชิงปราบปรามได้สำเร็จ ในรัชสมัยของจักรพรรดิคังซี (พ.ศ. 2204–2265) ภายหลังการต่อต้านของชาวฮั่นนั้นทำให้ราชวงศ์ชิงหันมาใช้นโยบายประนีประนอมและผ่อนปรน โดยอนุญาตให้ชาวฮั่นมีสิทธิ์สอบจอหงวนเข้ารับราชการ และมีสิทธิ์เท่าเทียมกับชาวแมนจูได้บางอย่าง
ในรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงถือเป็นยุคทองที่รุ่งเรืองของราชวงศ์ชิง พระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะขยายอาณาเขตของจักรวรรดิต้าชิงโดยรวมเอเชียกลางและบางส่วนของ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ พม่าและเวียดนาม สิ่งนำไปสู่การรบครั้งใหญ่หรือที่เรียกว่า สิบการทัพใหญ่ ตลอดรัชสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลงมีการใช้ระบบรัฐบรรณาการหรือจิ้มก้อง โดยจะมีการเรียกเครื่องราชบรรณาการจากบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน
ในปลายสมัยของราชวงศ์ชิง ถือว่าได้เป็นยุคตกต่ำของราชวงศ์ การปกครองของราชวงศ์เป็นไปด้วยความล้มเหลว เกิดการฉ้อโกง สังคมเสื่อมโทรม ภาวะอดอยาก อีกทั้งต้องประสบกับการถูกรุกรานจากบรรดาชาตินักล่าอาณานิคมเนื่องจากในขณะนั้นเกิดจักรวรรดินิยมและลัทธิล่าอาณานิคมขึ้น ประเทศตะวันตกในยุโรป ได้เริ่มล่าอาณานิคมในเมืองจีน โดยมีจักรวรรดิอังกฤษเป็นชาติแรก อังกฤษได้นำฝิ่นมามอมเมาชาวจีนทำให้ราชสำนักชิงอ่อนแอ นำไปสู่สงครามฝิ่นถึง 2 ครั้ง ซึ่งราชวงศ์ชิงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทำให้ต้องสูญเสียเกาะฮ่องกงแก่อังกฤษ อีกทั้งต้องทำสนธิสัญญาไม่เป็นธรรมจำนวนมากกับชาติตะวันตก และจีนต้องเสียเกาะมาเก๊าให้โปรตุเกส รวมถึงเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ราชวงศ์ชิงยังพ่ายแพ้สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง ซึ่งทำให้จีนสูญเสียเกาหลีและเกาะไต้หวัน แก่ญี่ปุ่น อีกทั้งการเกิดกบฎนักมวย ในปี พ.ศ. 2442 ทำให้ชาวจีนรู้สึกอัปยศอดสูเป็นอย่างมาก จักรพรรดิกวางสูได้ทรงพยายามทำการปฏิรูปพัฒนาประเทศให้ทันสมัยแต่แผนการของพระองค์กลับถูกทำลายลงโดย พระนางซูสีไทเฮา ซึ่งถือเป็นผู้ขัดขวางการพัฒนาสู่สมัยใหม่ของจักรวรรดิต้าชิง
ตลอดระยะเวลาที่ราชวงศ์ชิงระส่ำระส่าย เป็นประเทศล้าหลังและวุ่นวาย ชาวจีนถูกชาวตะวันตกและญี่ปุ่น ขนานนามว่าเป็น ขี้โรคแห่งเอเชีย ทำให้ชาวจีนบางส่วนต้องการกอบกู้ศักดิ์ศรีของประเทศ โดยมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้เจริญและเป็นประชาธิปไตย โดยมีขบวนการถงเหมิงฮุ่ย มี ดร. ซุน ยัตเซ็น เป็นผู้นำ ราชวงศ์ชิงครองแผ่นดินจีนจนถึงปี พ.ศ. 2454 เกิดการปฏิวัติซินไฮ่ซึ่งเป็นการลุกฮือต่อต้านราชวงศ์ชิง ราชวงศ์ชิงถูกยึดอำนาจในปีนั้น และใน พ.ศ. 2455 จักรพรรดิผู่อี๋ จักรพรรดิองค์สุดท้ายถูกบังคับให้สละราชสมบัติ ถือเป็นจุดอวสานของราชวงศ์ชิง และการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นเวลานับ 5,000 ปีของประวัติศาสตร์จีน ถงเหมิงฮุ่ยได้เปลี่ยนแปลงประเทศนำไปสู่การปกครองแบบประชาธิปไตย และมีชื่อประเทศว่า สาธารณรัฐจีน
ชื่อ
นู่เอ๋อร์ฮาชื่อตั้งตนเป็น "ข่านแห่งแสงสว่าง" แห่ง จิน ที่แปลว่า ทอง เพื่อเป็นเกียรติแก่อาณาจักรโบราณ ในศตวรรษที่ 12-13 ของชาวโดยมีราชวงศ์จินปกครอง และเพื่อเป็นเกียรติแด่ ตระกูลอ้ายซินเจว๋หลัว (อ้ายซิน เป็น ภาษาแมนจู สำหรับทับศัพท์ภาษาจีน คำว่า 金 (จิน, ที่แปลว่า "ทองคำ") ต่อมาในรัชสมัยหฺวัง ไถจี๋ ได้ทรงเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น "จักรวรรดิต้าชิง" ในปี พ.ศ. 2179 โดยคำว่า "ชิง" แปลว่า บริสุทธิ์ หรือ ใหม่ ชื่อของคำว่าชิงนั้น มีการสันนิษฐานในยุคหลังว่าอาจจะเป็นการแทนที่คำว่า "หมิง" (明) ของราชวงศ์หมิง ซึ่งประกอบด้วย ตัวอักษรจีน คำว่า "ดวงอาทิตย์" (日) และ "ดวงจันทร์" (月) ซึ่งทั้งสองคำเกี่ยวข้องกับธาตุไฟของในศาสตร์ฮวงจุ้ย ในขณะที่คำว่า ชิง (清) เกิดจากการรวมอักษรของคำว่า น้ำ (氵) และอักษรคำว่า สีฟ้า (青) ซึ่งทั้งสองคำเกี่ยวข้องกับธาตุน้ำ ซึ่งพรรณนาแสดงให้เห็นถึงการที่ราชวงศ์ชิงชนะ ไฟ ด้วย น้ำ
หลังจากที่ชาวแมนจูยึดครองแผ่นดินจีนได้ทั้งหมด ชาวแมนจูก็ได้รับเอาอิทธิพลจาก มาปรับใช้ มีการใช้ชื่อเรียกจักรวรรดิของตนว่า จีน (中國, จงกั๋ว; ที่แปลว่า อาณาจักรศูนย์กลางของโลก) ซึ่งตรงกับภาษาแมนจู ดูลิมไบ กูรุง (ดูลิมไบ แปลว่า "ศูนย์กลาง" หรือ "ตรงกลาง," กูรุง แปลว่า "ชาติ" หรือ "รัฐ") ราชสำนักชิงมีการพรรณนาถึงจักรวรรดิของตนโดยเปรียบเสมือน กับศูนย์กลางโลกและจักรวาล เหมือนในสมัยราชวงศ์หยวนของชาวมองโกล
จักรพรรดิราชวงศ์ชิงทุกพระองค์ตั้งแต่ หฺวัง ไถจี๋ เป็นต้นมาจะใช้ คำว่า "จีน" กับ "ชิง" เป็นชื่อเรียกจักรวรรดิ สลับกันไปมา มีการใช้ภาษาจีน (ดูลิมไบ กูรุง อี บิเตอ) เป็นภาษากลางในการสื่อสารของจักรวรรดิ และเรียกราษฎรในจักรวรรดิว่า ชาวจีน (中國之人 จงกั๋ว จื้อ เริน; ภาษาแมนจู: ดูลิมไบ กูรุง อี นียัลมา) เพื่อความเป็นเอกภาพและหนึ่งเดียว ในเอกสารสำคัญเกี่ยวกับราชสำนักและเอกสาร สนธิสัญญาระหว่างประเทศ ราชวงศ์ชิง เป็นที่รู้จักกันในการติดต่อระหว่างประเทศในชื่อ จีน หรือ จักรวรรดิจีน)
ประวัติ
ก่อตั้งรัฐแมนจู
ราชวงศ์ชิงนั้นเป็นราชวงศ์ที่ไม่ได้ถูกก่อตั้งโดยชาวจีนฮั่น ซึ่งเป็นชนชาติส่วนใหญ่ของประเทศจีน แต่ถูกก่อตั้งโดยชาวแมนจู หรือ (女眞; Jurchen) ซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อน ชาวหนี่เจินมีลักษณะการแต่งกายต่างจากชาวจีนฮั่นโดยนิยมไว้ทรงผมแบบ โกนครึ่งหัว และไว้ผมหางเปียข้างหลัง ชาวหนี่เจินใช้ชีวิตโดยการ ล่าสัตว์ ทำการเกษตร ในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของดินแดนจักรวรรดิราชวงศ์หมิง ในแรกเริ่มรัฐแมนจูเป็นดินแดนของชนเผ่าที่เรียกตัวเองว่า ชาวหนี่เจิน อาศัยอยู่บริเวณ มณฑลจี๋หลิน มณฑลเฮย์หลงเจียงของประเทศจีน และบางส่วนในประเทศรัสเซียอันได้แก่ ดินแดนปรีมอร์สกี บางส่วนของดินแดนฮาบารอฟสค์และแคว้นอามูร์
ดินแดนของชาวหนี่เจินได้เริ่มเป็นหนึ่งเดียวเมื่อมีผู้นำชื่อ นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ จากตระกูล อ้ายซินเจว๋หลัว มีอำนาจอยู่ในบริเวณ ซึ่งในขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์หมิง ชาวหนี่เจินถูกทางการที่เป็นชาวจีนฮั่นจากราชสำนักหมิงมองว่าเป็นคนป่าเถื่อนนอกกำแพงเมืองจีน มีการกดขี่และเก็บภาษีชาวหนี่เจินอย่างมหาศาล สร้างความเกลียดชังให้กับชาวหนี่เจิน ในต้น โดยเริ่มแรก นู่เอ๋อร์ฮาชื่อได้ยอมสวามิภักดิ์กับราชวงศ์หมิง และรับตำแหน่งเป็นขุนนางของราชวงศ์หมิง ครองที่ดินทางตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ เมื่อราชวงศ์หมิงอ่อนแอลง นู่เอ๋อร์ฮาได้ถือโอกาสตั้งตนเป็นอิสระไม่ขึ้นกับอำนาจจากราชสำนักหมิง ได้รวบรวมชนเผ่าหนู่เจินรอบข้างเป็นหนึ่งเดียว และเปลี่ยนชื่อเป็น แมนจู ทั้งยังตั้งตนเป็น ข่าน แห่งขึ้นใน พ.ศ. 2152
สองปีต่อมานู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ได้ประกาศเป็นการประกาศสงครามกับหมิง นู่เอ๋อร์ฮาชื่อได้หยุดส่งเครื่องราชบรรณาการให้ราชวงศ์หมิง เท่ากับเป็นการประกาศไม่ขึ้นต่ออำนาจราชวงศ์หมิง ทั้งยังได้ยุยงให้เผ่าหนี่เจินที่เหลือแข็งข้อไม่อยู่ใต้อาณัติของหมิง และให้หันมาร่วมกำลังเป็นเผ่าแมนจู ในที่ขณะที่ราชสำนักหมิงกำลังอ่อนแอจากปัญหาการเมืองภายใน ทำให้กองทัพของหมิงอ่อนแอพ่ายแพ้แก่กองทัพแมนจูของนู่เอ๋อร์ฮาชื่อเรื่อยมา การได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่องของกองทัพแมนจู ทำให้นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ยึดเมืองสำคัญ ๆ ของหมิงแถบคาบสมุทรเหลียวตง ได้เป็นจำนวนมาก เขาย้ายเมืองหลวงมาที่เหลียวหยาง ในปี พ.ศ. 2164 และ เฉิ่นหยาง (沈阳/瀋陽 Shěnyáng) ในปี พ.ศ. 2168 ตามลำดับ
การที่นู่เอ๋อร์ฮาชื่อได้ย้ายเมืองหลวงจากเจี้ยนโจวมาที่เหลียวตงทำให้แมนจูได้ครอบครองแหล่งทรัพยากรเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังทำให้เขาได้ติดต่อกับเผ่ามองโกล ที่มีอาณาจักรตั้งอยู่บนที่ราบของมองโกเลีย ได้สะดวกขึ้น ซึ่งราชสำนักหมิงมองชาวมองโกลเป็นภัยต่อจักรวรรดิพอ ๆ กับพวกแมนจู นู่เอ๋อร์ฮาชื่อได้ทำการผูกมิตรและทำสัญญาพันธมิตรกับคอร์ชินแห่งมองโกลร่วมกับต่อต้านราชวงศ์หมิง นอกจากนี้พวกมองโกลคอร์ชินยังเป็นพันธมิตรที่ดีของแมนจูในการรบ ทำให้ชาวหนี่เจินได้เรียนรู้ทักษะความชำนาญในการยิงธนูขี่ม้า เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับมองโกล นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ได้ริเริ่มนโยบายการแต่งงานดองญาติระหว่างเผ่าแมนจูกับเผ่ามองโกล ทำให้ความสัมพันธ์กับมองโกลแนบแน่นขึ้นไปอีก เป็นเหตุให้ชาวมองโกลได้ร่วมรบและช่วยเหลือชาวแมนจูตลอดสมัยของราชวงศ์ชิง
ในขณะเดียวกันนู่เอ๋อร์ฮาชื่อได้เร่งสร้างเศรษฐกิจ แรงงาน และเทคโนโลยีของรัฐ โดยการจับชาวจีนที่อาศัยในแมนจูเรียมาเป็นทาส นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ สถาปนาเมืองเฉิ่นหยาง ให้เข้มแข็งและมั่นคงยิ่งขึ้นไปอีก แต่ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2169 เขาได้รับบาดเจ็บจากการรบกับแม่ทัพเอกของหมิง หยวน ชงหวน ผู้เก่งกาจ ในขณะนำกองทัพเข้าล้อมเมืองหนิงหยวน ใน นู่เอ๋อร์ฮาชื่อสวรรคตในปีเดียวกัน ความสำเร็จที่สำคัญสิ่งหนึ่งของนู่เอ๋อร์ฮาชื่อคือการตั้ง ซึ่งเป็นระบบในการแบ่งสายการปกครองออกเป็นส่วน ๆ มีประโยชน์ทั้งทางด้านการปกครองและการทหาร โดยแรกเริ่มนั้นมี 8 กองธง หรือ กองทัพแปดกองธง
ผู้สืบบัลลังก์จากนู่เอ๋อร์ฮาชื่อ คือ หวงไท่จี๋ ผู้ซึ่งขึ้นมามีอำนาจสืบต่อจากนู่เอ๋อร์ฮาชื่อ หลังจากการช่วงชิงราชสมบัติในราชวงศ์และขึ้นเป็นข่านองค์ใหม่ แม้ว่าหวงไท่จี๋จะเคยมีประสบการณ์ในการร่วมรบในแปดกองทัพของกองทัพแมนจู แต่ในรัชสมัยแรกของหวงไท่จี๋นั้นการทหารยังไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร ในปี พ.ศ. 2170 กองทัพแมนจูก็ได้พ่ายแพ้ให้กับกองทัพหมิงอีกครั้งนำโดย หยวน ชงหวน การรบครั้งก่อนหน้านี้นั้น การที่กองทัพแมนจูประสบกับความปราชัยเนื่องมาจากการที่กองทัพหมิงได้ใช้อาวุธปืนใหญ่และปืนคาบศิลาจากโปรตุเกส เพื่อแก้ไขปัญหาความด้อยกว่าทางด้านเทคโนโลยีอาวุธ ในปี พ.ศ. 2177 หวงไท่จี๋ สร้างกองปืนใหญ่ของตนเองขึ้น หรือ (ภาษาแมนจู: อูเจ็น ชูฮา, ภาษาจีน: 重軍) กองปืนใหญ่ดังกล่าวได้มาจากการยึดอาวุธปืนใหญ่ของหมิง และเชลยศึกชาวจีนฮั่นผู้มีความรู้ด้านการหล่อปืนใหญ่แบบตะวันตก ในปี พ.ศ. 2178 หวงไท่จี๋ ได้ปรับปรุงระบบกองธงโดยรวมชาวมองโกล ซึ่งเป็นพันธมิตรให้อยู่ในกองธงด้วย ต่อมาในปี พ.ศ. 2179 หวงไท่จี๋ได้เริ่มโจมตีอาณาจักรโชซอนหรือเกาหลี ซึ่งชาวแมนจูถือว่าเป็นศัตรูของตน เนื่องจากอาณาจักรโชซอนเป็นประเทศราชอยู่ใต้อาณัติของราชวงศ์หมิง และได้ช่วยเหลือราชวงศ์หมิงทำกับสงครามกับแมนจูอยู่ตลอด
หลัง อาณาจักรโชซอนได้พ่ายแพ้ให้แก่กองทัพแมนจู เกาหลีถูกยึดครอง กษัตริย์แห่งโชซอนได้ถูกบังคับให้ยกเจ้าหญิงให้เป็นนางสนมของเจ้าชายแมนจูหรือผู้สำเร็จราชการตัวเอ่อร์กุ่น
หวงไท่จี๋ยังคงพัฒนากองธงอย่างต่อเนื่อง เขาได้ตั้งกองธงแรกที่เป็นชาวฮั่นขึ้น และได้มีการนำระบบธรรมเนียมการปกครองแบบราชวงศ์หมิงมาปรับใช้บางส่วน แต่ก็ยังให้สิทธิพิเศษกับหน่วยปกครองของแมนจูเองโดยระบบโควตา การปฏิรูปทางทหารเหล่านี้ทำให้หวงไท่จี๋สามารถเอาชนะกับกองทัพหมิงได้อย่างรวดเร็วในการต่อสู้ระหว่างปี พ.ศ. 2183 ถึงปี พ.ศ. 2185 ทำให้ได้ดินแดน และ ทำให้แมนจูครอบครองดินแดนแมนจูเรีย บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนได้ทั้งหมด ชัยชนะครั้งสุดท้ายนี้ส่งผลให้กองทัพราชวงศ์หมิงแทบเสื่อมสภาพในการสู้รบ มีทหารกองทัพราชวงศ์หมิงหันมายอมสวามิภักดิ์จำนนต่อแมนจูเป็นจำนวนมาก การตายของหยวน ชงหวน แม่ทัพหมิง โดยคำสั่งประหารชีวิตจากพระเจ้าหมิงซือจง เนื่องจากเชื่อคำพูดของเหล่าขันทีในราชสำนักว่า หยวน ชงหวน คิดทรยศและตั้งตนเป็นใหญ่ ทำให้หยวน ชงหวน ถูกประหาร และนำไปสู่การถอยทัพกองทัพของหมิงบริเวณทางตอนเหนือของกำแพงเมืองจีน
เมื่อลิงตันข่าน มหาข่านองค์สุดท้ายของมองโกลสิ้นพระชนม์ลงระหว่างเดินทางไปทิเบตในพ.ศ. 2177 บุตรของเขานาม เอเจยข่าน ได้สวามิภักดิ์ต่อกองทัพแมนจูและมอบของอดีตจักรพรรดิหยวนให้หวงไท่จี๋ ใน พ.ศ. 2179 หวงไท่จี๋เปลี่ยนชื่อรัฐแมนจู ที่ชื่อ "อาณาจักรจิน" เป็น อาณาจักรต้าชิง (แปลว่า บริสุทธิ์) และสถาปนาตนเป็น จักรพรรดิไท่จง พระองค์ทรงรวมมองโกเลีย, เกาหลี และครอบครองพื้นที่ลุ่ม หรือในปัจจุบัน นอกจากนี้พระองค์ได้มีพระราชประสงค์หมายที่จะขยายอาณาเขตไปนอกแมนจูเรีย ซึ่งก็คือทางตอนใต้หรือดินแดนจีนที่ถูกป้องกันด้วยป้อมซานไฮ่กวาน (山海关/山海關: Shānhǎi Guān) ซึ่งเป็น ด่านป้องกันสุดท้ายของราชวงศ์หมิง
การประกาศอาณัติแห่งสวรรค์
จักรพรรดิไท่จงสวรรคตอย่างกะทันหันในเดือนกันยายน พ.ศ. 2186 โดยไม่มีการแต่งตั้งรัชทายาท โดยปกติชาวแมนจูจะคัดเลือกผู้นำของพวกเขาผ่านสภาขุนนาง ราชวงศ์ชิงไม่มีระบบการสืบทอดตำแหน่งรัชทายาทจนกระทั่งถึงรัชสมัยจักรพรรดิคังซี ผู้ที่กุมอำนาจมากที่สุดในเวลานั้นโอรสชายที่อายุมากที่สุด เหาเก๋อ และ พระเชษฐาของพระองค์ คือ ตัวเอ่อร์กุ่น ตัวเอ่อร์กุ่นได้เจรจาประนีประนอมเพื่อไม่ต้องการให้เกิดการแย่งชิงบัลลังก์รัชทายาทจึงอัญเชิญ "ฝูหลิน" โอรสวัยห้าชันษาขึ้นครองราชย์เป็น จักรพรรดิซุ่นจื้อ โดยมีตัวเอ่อร์กุ่นเป็นผู้สำเร็จราชการ และเป็นผู้นำโดยพฤตินัยของแมนจู
รัฐบาลราชสำนักหมิงนอกจากจะต้องทำสงครามอย่างต่อเนื่องกับแมนจู ยังต้องเผชิญกับปัญหาภายใน เช่น ปัญหาทางด้านการเงินการคลัง และการปราบปรามกบฎชาวนา
การยึดครองประเทศจีน
ในสมัยพระเจ้าหมิงซือจง (明思宗) แห่งราชวงศ์หมิง เกิดเหตุการณ์สำคัญหลายครั้ง ได้แก่ การผนวกที่ดิน การเก็บภาษีเบ็ดเตล็ด ความไม่พอใจของทหาร และภัยแล้งครั้งใหญ่ ทั้งหมดทำให้ประชาชนและทหารไม่พอใจราชวงศ์หมิงอย่างมาก และรวมตัวเป็นกลุ่มย่อยก่อจลาจลในหลายพื้นที่ กินเวลาหลายปี ในที่สุดก็รวมตัวกันก่อจลาจลครั้งใหญ่ ซึ่งนำโดย หลี่จื้อเฉิง (李自成: Lǐ Zìchéng) อดีตขุนนางชั้นผู้น้อยของราชวงศ์หมิง ได้นำกำลังเข้ายึดครองกรุงปักกิ่ง ราชธานีของราชวงศ์หมิง ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2187 จนพระเจ้าหมิงซือจงต้องผูกพระศอปลงพระชนม์ตัวเองที่ต้นไม้บนเนินเขาที่มองเห็นพระราชวังต้องห้ามได้ชัด ถือเป็นจุดอวสานของราชวงศ์หมิง
หลังจากที่ยึดครองกรุงปักกิ่งแล้ว หลี่จื้อเฉิงได้ตั้งปราบดาภิเษกเป็นจักรพรรดิก่อตั้งราชวงศ์ชุนขึ้นมาแทน และได้นำกำลังพล 60,000 นาย บุกเผชิญหน้ากับอู๋ซานกุ้ย (吳三桂: Wú Sānguì) นายพลหมิงที่คุมกองกำลังกว่า 100,000 นาย ที่ประจำอยู่ในป้อมซานไฮ่กวาน ป้อมซานไฮ่กวานเป็นประตูของกำแพงเมืองจีนผ่านไปสู่ตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง ป้อมซานไฮ่กวานถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่คอยกั้นพวกแมนจูอยู่ที่อ่าวไม่ให้เข้ามาสู่แผ่นดินจีนทางใต้ได้ และป้องกันไม่ให้ราชธานีปักกิ่งของหมิงถูกแมนจูเข้ายึดครอง นายพลอู๋จนมุมศัตรูทั้ง 2 ทาง ทั้งกลุ่มกบฏของหลี่จื้อเฉิงและกองทัพแมนจู เป็นที่สันนิษฐานว่า นายพลอู๋ อาจจะได้รับการปฏิบัติไม่ดีโดยหลี่จื้อเฉิง โดยหลังจากที่หลี่จื้อเฉิงยึดกรุงปักกิ่งแล้วบรรดาครอบครัว ทรัพย์สินของนายพลอู๋ ถูกยึดไปหมด รวมทั้งได้มีตำนานบอกเล่าว่า หลี่จื้อเฉิงยังลักพาเอานาง ภรรยาโปรดของนายพลอู๋ไปเป็นของตนด้วย ทำให้นายพลอู๋โกรธแค้นเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจที่จะสวามิภักดิ์ต่อแมนจูซึ่งมีองค์ชายตัวเอ่อร์กุ่น ผู้สำเร็จราชการแทนจักรพรรดิซุ่นจื้อ และได้เปิดประตูป้อมด่านซานไฮ่กวานให้กองทัพแมนจูเข้ามาได้สำเร็จ
วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2187 ทั้งกองทัพของนายพลอู๋และกองทัพแมนจูเข้าล้อมกลุ่มกบฏหลี่จื้อเฉิงไว้ กลุ่มกบฏมีกำลังไม่เพียงพอจะรักษาเมืองไว้ได้ จึงต้องตีฝ่าวงล้อมออกไปตั้งมั่นที่อื่น ฝ่ายกองทัพนายพลอู๋ก็ปล่อยให้กลุ่มกบฏตีฝ่าไปได้เพราะอ่อนแรงหลังจากต้องต่อสู้กับกองทัพแมนจูก่อนจะสวามิภักดิ์ กองทัพแมนจูได้เข้ายึดกรุงปักกิ่งได้ในวันที่ 6 มิถุนายน ในปีเดียวกัน
ตัวเอ่อร์กุ่นแม่ทัพแมนจูผู้ยึดกรุงปักกิ่งได้เชิญพระราชวงศ์อ้ายซินเจว๋หลัวมาประทับที่พระราชวังต้องห้ามซึ่งเป็นที่ประทับของของอดีตฮ่องเต้ราชวงศ์หมิงที่กรุงปักกิ่ง จักรพรรดิซุ่นจื้อ เป็นจักรพรรดิแมนจูพระองค์แรกที่เข้าประทับในพระราชวังต้องห้าม อีกทั้งได้ตั้งราชวงศ์ขึ้นแบบจีนและเข้าปกครองแผ่นดินจีน
สมัยต้นราชวงศ์ชิง
เนื่องจากต้นราชวงศ์มีกบฏเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากทำให้ราชวงศ์ชิงต้องร่วมมือกับขุนนางราชวงศ์หมิงที่ทรยศชาติปราบกบฏหมิงใต้ หลังจากกบฏหมิงใต้สิ้นสุดเมื่อปี 1662 ปี 1673 เกิดกบฏสามเจ้าศักดินา ราชวงศ์ชิงใช้เวลาปราบกบฏทางใต้ 8 ปี 1673-1681
ปราบหมิงใต้
นับจากปี ค.ศ. 1644 หลังอู๋ซันกุ้ยเปิดด่านซันไห่กวนให้กองทัพชิงบุกเข้ายึดครองแผ่นดินจีน จนฮ่องเต้หมิงซือจงต้องปลงพระชนม์ตนเอง ยังให้ราชวงศ์หมิงอันเป็นราชวงศ์สุดท้ายของชนชาวฮั่นต้องอวสานลง ในปีเดียวกันตัวเอ่อกุ่น แม่ทัพใหญ่ของแมนจูก็ได้ทูลเชิญซุ่นจื้อ ให้เสด็จมาประทับยังบัลลังก์ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ชิงในกรุงปักกิ่ง
ทว่าในยามนั้น ยังคงมีกองกำลังทหารของต้าหมิง และกองทัพประชาชนที่ต่อต้านแมนจูอยู่ทั่วไป ทำให้ราชสำนักชิง ต้องร่วมมือกับอดีตขุนนางราชวงศ์หมิงที่แปรพักตร์อย่างอู๋ซันกุ้ย เกิ่งจ้งหมิง(耿仲明) ซั่งเขอสี่ (尚可喜) ขงโหย่วเต๋อ(孔有德) ระดมกำลังปราบกองกำลังทางใต้อย่างฝูอ๋อง หลู่อ๋อง ถังอ๋อง กุ้ยอ๋องและกองกำลังต่างๆที่เหลืออยู่
หลังจากกองทัพแมนจูแห่งราชวงศ์ชิงสามารถเข้าด่านมายึดครองปักกิ่ง ก่อตั้งราชวงศ์ชิงบนแผ่นดินจีนได้ในปี ค.ศ.1644 นั้นสถานการณ์โดยรวมในเวลานั้น แผ่นดินจีนถูกแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ ๆ คือฝั่งเหนือกับฝั่งใต้ โดยฝั่งเหนืออยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ชิง มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่ปักกิ่ง ภายใต้พระราชอำนาจของจักรพรรดิซุ่นจื้อ ส่วนฝั่งใต้อยู่ภายใต้อิทธิพลของราชวงศ์หนานหมิง หรือ (ก่อตั้งโดยอดีตเชื้อพระวงศ์และขุนนางราชวงศ์หมิงจำนวนหนึ่งที่รอดตายหนีมาจากปักกิ่งตั้งแต่คราวที่ปักกิ่งถูกกบฎหลี่จื้อเฉิงตีแตก) มีศูนย์กลางการปกครองที่เมืองนานกิง
จากการสู้รบกันหลายครั้งครา กองทัพแมนจูแห่งราชวงศ์ชิงภายใต้การบัญชาการหลักของรุ่ยชินอ๋องตัวเอ่อกุ๋น ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิซุ่นจื้อ มีแม่ทัพที่เป็นหัวหอกหลัก ๆ คือ ตัวตั๋ว หงเฉิงโฉว หวูลิ่วอี รบชนะต่อเนื่อง ฝ่ายหมิงใต้ต้องถอยร่นไปเรื่อย ๆ
ในปี ค.ศ. 1645 ในขณะที่กองกำลังแมนจูบุกตีเหมือนหยางโจว สื่อ เขอฝ่า (史可法) แม่ทัพชาวฮั่นผู้รักษาเมืองได้นำทหารจีนเพียงน้อยนิดต้านยันไว้ 7 วัน 7 คืน จนกระทั่งเมืองถูกตีแตก สื่อเขอฝ่าปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่อกองทัพแมนจูและถูกประหาร ตัวเอ่อร์กุ่น ก็ได้ออกคำสั่งให้ฆ่าล้างเมืองหยางโจว โดยใน “บันทึกสิบวันในหยางโจว” ของหวังซิ่วฉู่ ผู้โชคดีรอดชีวิต ได้ระบุว่าว่าการเข่นฆ่าล้างเมืองดำเนินไปโดยไม่หยุดตลอด 10 วัน เป็นที่รู้จักในเหตุการณ์
กองทัพแมนจูมีชัยชนะต่อเนื่องและฮึกเหิมไล่สังหารชาวจีนฮั่นอย่างโหดเหี้ยม ฮ่องเต้หมิงใต้พระองค์แล้วพระองค์เล่า ตั้งแต่ฮ่องเต้หงกวงจนถึงหลงอู่ ล้วนถูกพวกแมนจูจับฆ่าเสียหมด
กระทั่งมาถึงฮ่องเต้พระองค์สุดท้ายของหมิงใต้ คือฮ่องเต้หย่งลี่ หรือกุ้ยอ๋องจูโหย่วหลาง สถาปนาตนเป็นฮ่องเต้ที่ยูนนานได้ไม่นาน ก็ถูกกองทัพของหงเฉิงโฉวคุกคามอย่างหนัก จนกระทั่งในปี ค.ศ.1658 หลี่ติ้งกั๋ว นายพลผู้ภักดีต่อหมิงใต้ จึงคุ้มครองฮ่องเต้หย่งลี่พาหนีแมนจูเข้าแดนพม่า ไปขอความคุ้มครองจากพระเจ้าพินดาเลแห่งราชวงศ์ตองอูของพม่า พระเจ้าพินดาเลก็ทรงรับไมตรีของฝ่ายหมิงใต้ ยอมให้การคุ้มครองฮ่องเต้หย่งลี่
ลุถึงปี ค.ศ.1661 อู๋ซานกุ้ยนำกำลังผสมฮั่น-แมนจู 2หมื่นคนบุกประชิดเมืองตองอู เรียกร้องให้พระเจ้าพินดาเลส่งตัวฮ่องเต้หย่งลี่ให้แก่ราชวงศ์ชิง เพื่อแลกกับสันติภาพระหว่างต้าชิงกับตองอู หาไม่แล้วแมนจูกับพม่าคงต้องตายกันไปข้าง การมาของอู๋ซานกุ้ยในครั้งนี้ทำให้ภายในราชสำนักตองอูเกิดความขัดแย้งอย่างหนักว่า จะจัดการกับฮ่องเต้หย่งลี่อย่างไร จะรับมือกับอู๋ซานกุ้ยและพวกแมนจูอย่างไร ในขณะที่พระเจ้าพินดาเลเองก็ทรงยืนกรานไม่ยอมมอบฮ่องเต้หย่งลี่ให้แก่ต้าชิง สถานการณ์ระหว่างต้าชิงกับตองอูตึงเครียดหนัก
กระทั่งถึงปี ค.ศ.1662 องค์ชายพเยมิน อนุชาของพระเจ้าพินดาเล ซึ่งมีตำแหน่งผู้บัญชาการทหารแห่งตองอู ก็ตัดสินใจกระทำรัฐประหาร ชิงอำนาจจากพระเชษฐา ตั้งตนเป็นกษัตริย์องค์ใหม่แห่งราชวงศ์ตองอู และเปิดการเจรจากับอู๋ซานกุ้ยอีกครั้ง ในที่สุดพระเจ้าพเยมินก็ยอมขับฮ่องเต้หย่งลี่และหลี่ติ้งกั๋วออกนอกแดนพม่า เปิดทางให้อู๋ซานกุ้ยจัดการกับฮ่องเต้หย่งลี่ได้โดยสะดวก เป็นการปิดฉากราชวงศ์หมิงใต้โดยสมบูรณ์
การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม
เมื่อกองทัพแมนจูยึดภาคกลางของจีนได้ จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการกลืนกินข่มวัฒนธรรมฮั่นอย่างเข้มงวด ในรัชสมัยของจักรพรรดิซุ่นจื้อ ทรงมีคำสั่งให้ชาวฮั่นใช้ชาวแมนจูอย่างเป็นทางการ จักรพรรดิชิงทรงออกกฎหมายบังคับให้ชาวฮั่นทุกคนต้องไว้ผมเปียและสวมเสื้อผ้าอย่างชาวแมนจู เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและภักดีต่อราชวงศ์ชิง ชายชาวฮั่นทุกคนต้องโกนผมครึ่งศีรษะและหนวดเครา และผูกผมด้านท้ายเป็นหางเปียยาว กฎนี้ขัดแย้งกับประเพณีปฏิบัติเดิมของชาวฮั่นที่ห้ามตัดผม เพราะถือว่า เส้นผม ตามหลักแล้วเป็นสิ่งที่พ่อแม่บรรพบุรุษให้มา หากตัดทิ้งเท่ากับไม่เคารพบรรพชน ชาวจีนทั่วประเทศต้องปฏิบัติตามโดยไม่มีทางเลือก มิฉะนั้นจะถูกตัดหัว กว่า 258 ปีที่ราชวงศ์ชิงครองประเทศ ชาวจีนได้ก่อกบฏขึ้นหลายครั้งเนื่องจากกฎดังกล่าวนี้ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินตัวเอ่อร์กุ่นมีคำสั่งให้ชาวฮั่นโกนผมไว้เปียทั้งหมด หากไม่ไว้มีแต่ตายสถานเดียว จนมีคำกล่าวว่า
“ไว้ผมไม่ไว้หัว ไว้หัวไม่ไว้ผม” หมายความว่า หากคิดรักษาหัวให้โกนผมไว้เปีย หากไม่คิดไว้เปียก็เตรียมถูกบั่นศีรษะได้ ครั้งนั้นมีคนตายจากการขัดคำสั่งหลายแสนคน ทั่วแผ่นดินเต็มไปด้วยเสียงร่ำไห้ระงมผสมเคียดแค้นเพราะคำสั่งนี้
ยุคทองของราชวงศ์ชิง
ยุครุ่งเรืองแห่งราชวงศ์ชิง เริ่มจากช่วงรัชกาลจักรพรรดิคังซีถึงจักรพรรดิเฉียนหลง จัดเป็นยุครุ่งเรืองสุดท้ายในประวัติศาสตร์ราชวงศ์จีน โดยกล่าวถึงรัชกาลของจักรพรรดิต้าชิง 3 พระองค์ ได้แก่ จักรพรรดิคังซี จักรพรรดิยงเจิ้ง และจักรพรรดิเฉียนหลง รวมเป็นระยะเวลากว่า 130 ปี ในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากการปกครองเป็นไปในแนวทางเดียวกัน สามารถลดความขัดแย้งระหว่างชนชาติและชนชั้น ดำเนินนโยบายหนึ่งประเทศหลายเผ่าพันธุ์ทั้งในทางเศรษฐกิจและสังคม ทำให้สังคมมีความสงบสุขเป็นระยะเวลาที่ยาวนานนับร้อยปี
ความเป็นปึกแผ่นในรัชสมัยจักรพรรคังซี
ตลอดระยะหกสิบเอ็ดปีของการครองราชยของจักรพรรดิคังซี ถือได้ว่าเป็นยุคที่ราชวงศ์ปราบกบฎชาวจีนฮั่นได้หมดสิ้นสำเร็จ จักรวรรดิต้าชิงสงบสุขและมั่นคง เป็นการเริ่มต้นเข้าสู่ยุคทองของราชวงศ์ชิงที่รุ่งเรือง การปกครองที่ยาวนานของจักรพรรดิคังซีเริ่มต้นจากการที่พระองค์มีพระชันษาแปดชันษาเมื่อพระราชบิดาของพระองค์สิ้นพระชนม์ เพื่อป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในในรัชสมัยของจักรพรรดิซุ่นจื้อ ที่มีตัวเอ่อร์กุ่น เป็นผู้สำเร็จราชการ ในยุคนั้นผู้สำเร็จราชการมีอำนาจมากและมีลักษณะเผด็จการ จักรพรรดิแทบไม่มีพระราชอำนาจ จักรพรรดิคังซีจึงได้ทรงริบอำนาจจากเหล่าขุนนางเข้าสู่ศูนย์กลาง
โดยหลังจากที่คังซีได้รับอำนาจเต็มในการปกครอง นอกจากจะมีการหยุดการเวนคืนที่ดิน ผ่อนปรนภาษีแล้ว เพื่อป้องกันมิให้ขุนนางทั้งหลายปิดบังหลอกลวง อ้าวซินเจี๋ยว์หลอเสวียนเยี่ย หรือคังซีจึงมักเสด็จออกประพาส เพื่อทำความเข้าใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และรับทราบถึงผลจากนโยบายการปกครองในรูปแบบต่าง ๆ โดยที่ทราบกับทั่วไปก็คือประพาสทางใต้ 6 ครั้ง ตะวันออก 3 ครั้ง ตะวันตก 1 ครั้ง ประพาสในเขตเมืองหลวงและมองโกลหลายร้อยครั้ง นอกจากนั้นยังมีการเดินทางประพาสเพื่อสำรวจเส้นทางน้ำของแม่น้ำฮวงโห และตรวจงานก่อสร้างอีกด้วย
คังซียังให้ความสำคัญกับชนชั้นปัญญาชนของชาวฮั่นเป็นอย่างยิ่ง ให้ความยกย่องความรู้ของหยูเจีย (ลัทธิขงจื้อ) โดยเฉพาะ หลี่เสียว์ (理学) ของปราชญ์จูซี (朱熹) พระองค์ยังเคยเสด็จไปยังชีว์ฟู่ เพื่อไปสักการะยังอารามขงจื้อที่นั่นด้วย
อีกหนึ่งผลงานที่ถือกำเนิดขึ้นในยุคนี้ก็คือ “พจนานุกรมคังซี” (康熙字典) มีราชบัณฑิตจากตำหนักเหวินหัวอย่างจางอี้ว์ซู กับราชบัณฑิตจากตำหนักเหวินยวน นามเฉินถิงจิ้ง เป็นแกนนำในการจัดทำ โดยได้ทำการตรวจทาน ตรวจสอบอักษรจีนที่ใช้ในราชวงศ์หมิง และเป็นตำราที่ถูกจัดพิมพ์ยาวนานตั้งแต่รัชกาลคังซีปีที่ 55 หรือ ค.ศ.1716 มาตราบจนปัจจุบัน
ฮ่องเต้คังซีได้มีรับสั่งให้จัดเรียบเรียงพจนานุกรมดังกล่าวในเดือน 3 ปีค.ศ.1710 ใช้เวลาในการจัดทำถึง 6 ปี มีทั้งสิ้น 47,035 อักษร แบ่งเป็น 12 ชุด แต่ละชุดมี 3 พับ โดยมีคำอธิบายถึงอักษรพ้องเสียง แต่ต่างความหมาย หรืออักษรพ้องรูปที่ต่างความหมาย ซึ่งภายหลังได้ถูกนำมาใช้เป็นมาตรฐานที่ใช้ในการสอบรับราชการในราชวงศ์ชิง และเป็นที่แพร่หลายแม้ในเวลาต่อมา
รัชทายาทอิ้นเหริง (胤礽) ออกจากตำแหน่งเป็นครั้งแรก เนื่องจากทรงทราบว่ามีพฤติกรรมที่นิยมในเพศชายด้วยกัน และชอบทำร้ายขุนนาง โดยในขั้นตอนการคัดเลือกรัชทายาทคนใหม่ อิ้นเจิน (胤禛) ในเวลาต่อมาได้ให้การสนับสนุนให้คืนตำแหน่งให้กับอิ้นเหริงใหม่ กระทั่งในปีต่อมา จึงมีการคืนตำแหน่งให้กับรัชทายาทคนเดิม ทว่าเมื่อมาถึงปีค.ศ. 1712 คังซีก็ทรงปลดอิ้นเหริงออกจากตำแหน่งรัชทายาทอีกครั้ง และไม่มีการแต่งตั้งหรือคัดสรรรัชทายาทต่อ ทำให้ในหมู่พระโอรสมีการแก่งแย่งช่วงชิงทั้งในที่ลับและที่แจ้งอย่างดุเดือด
ในขณะนั้นอิ้นเจิน ภายนอกแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่สนใจแก่แย่งชิงดี ทุ่มเทให้กับพุทธศาสนา โดยขนานนามตนเองว่าเป็น “คนว่างอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน” พยายามปรองดองกับพระโอรสองค์อื่น ๆ ทว่าเบื้องหลังก็ได้คบหากับเกิงเหยา และลู่เคอตัวบ่มเพาะเป็นขุมกำลังอันเข้มแข็งของตนขึ้น นอกจากนั้น จากการที่มีผลงานในการแก้ปัญหาอุทกภัยของแม่น้ำฮวงโหที่ได้ผลมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายราชวงศ์หมิงเป็นตนมา ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากคังซีเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าในช่วงปลายรัชกาล ฮ่องเต้คังซีให้ความชื่นชมกับองค์ชาย 14 อิ้นถี (胤禵) อีกทั้งแต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่ให้เดินทางไปยังภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้ในขณะนั้นมีการคาดเดาว่า อิ้นถี อาจจะเป็นทายาทที่คังซีคิดจะให้สืบทอดบัลลังก์อย่างถูกต้องชอบธรรม
กระทั่งรัชกาลคังซีปีที่ 61 หรือค.ศ.1722 เมื่อคังซีเสด็จสวรรคต ประจวบกับเป็นช่วงเวลาที่อิ้นเจิน ได้รับพระบัญชาให้ไปทำพิธีสักการะฟ้า ทำให้กลับมาไม่ทัน ช่วงเวลาที่หลงเคอตัวกำลังประกาศผู้สืบทอดตำแหน่ง ซึ่งในระบุให้อิ้นเจินขึ้นเป็นฮ่องเต้ต้าชิงพระองค์ต่อไป
ความมั่นคงในรัชสมัยจักรพรรดิยงเจิ้ง
อิ้นเจิ้งขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ยงเจิ้ง (雍正皇帝) ด้วยพระชนมายุ 45 พรรษา กระนั้นขั้นตอนการขึ้นครองราชย์ของพระองค์ยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ มีการสันนิษฐานว่ายงเจิ้งคิดชิงบัลลังก์อาจจะปลอมพินัยกรรมของจักรพรรดิคังซีเพื่อที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้เสียเอง โดยมีการเล่าขานเอาไว้หลากหลาย โดยบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์ชิงได้บันทึกว่า ในปีค.ศ. 1722 ฮ่องเต้คังซีทรงพระประชวรจนเสด็จสวรรคต ณ กรุงปักกิ่ง โดยก่อนนั้นได้มีรับสั่งเชิญพระโอรส 7 พระองค์เข้าเฝ้า จากนั้นก็มีรับสั่งให้ผู้บัญชาการทหารบกลู่เคอตัวเป็นผู้ถ่ายทอดราชโองการ ให้กับพระโอรสองค์ที่สี่นามอิ้นเจิน อันเป็นผู้ที่มีความประพฤติดีงาม เหมาะสมที่จะเป็นผู้สืบสานบัลลังก์สืบไป”
ทว่าในบันทึกของชาวบ้าน กลับมีคำเล่าลือว่าเดิมพระราชโองการฉบับดังกล่าวเป็นการถ่ายทอดตำแหน่งให้พระโอรสองค์ที่ 14 แต่แล้วมีการแก้อักษรเลขสิบ (十) ให้เป็นคำว่า “ให้กับ” (于) จึงออกมาเป็นคำว่าถ่ายถอดให้กับพระโอรสองค์ที่ 4 แทน อย่างไรก็ตาม ในภายหลังมีการระบุว่า พระพินัยกรรมของคังซี จะต้องมีฉบับที่เป็นภาษาแมนจูด้วย ฉะนั้นต่อให้สามารถแก้ไขในภาษาฮั่นได้ ก็ไม่สามารถแก้ไขในฉบับภาษาแมนจูด้วยวิธีการเดียวกันนี้ได้ ผนวกกับในสมัยนั้นยังไม่มีอักษรย่อ ดังนั้นคำว่า “ให้กับ” ที่ถูกต้องจึงควรเป็นตัวอักษร (於) ไม่ใช่ตัวอักษร (于)
ในช่วงการครองราชย์ของยงเจิ้ง แม้จะทรงโหดเหี้ยมกับบรรดาพี่น้องของตน แต่ก็เป็นฮ่องเต้ที่มีความขยันหมั่นเพียรในราชกิจเป็นอย่างยิ่ง จะทรงตื่นบรรทมแต่ก่อนเช้า และทรงงานตรวจฎีกาจนดึกดื่น ทรงรวบอำนาจ จัดสรรระบบภาษี การเงินการคลัง และขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวงจนถือว่าเป็นช่วงสืบทอดยุคความรุ่งเรืองของราชวงศ์ที่สำคัญ จนสามารถยังผลให้ประเทศจีนรุ่งเรืองถึงขีดสุดในยุคของฮ่องเต้เฉียนหลง
หลังยงเจิ้งสวรรคตจากการทำงานที่ตรากตรำมากจนเกินไป อ้ายซินเจี๋ยว์หลอหงลี่ ก็ได้ขึ้นครองราชย์ เป็นเฉียนหลงฮ่องเต้ ซึ่งการครองราชย์ของเฉียนหลง ที่สามารถดำเนินไปอย่างราบรื่น เนื่องจากยงเจิ้งเองเกรงว่าจะมีการแย่งชิงบัลลังก์ระหว่างพระโอรสเหมือนในสมัยของตน จึงได้ใช้วิธีการเขียนรายชื่อผู้ที่จะขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์แล้วประทับตราลัญจกร จากนั้นแบ่งเป็น 2 ชุด ชุดหนึ่งเก็บใส่หีบปิดผนึกแล้ววางไว้ที่ป้ายโลหะหน้าท้องพระโรง อีกชุดหนึ่งเก็บไว้กับพระองค์เอง โดยมีรับสั่งให้นำออกมาเปิดอ่านพร้อมกันหลังจากที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์
ความรุ่งเรืองในรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง
ในรัชกาลของจักรพรรดิเฉียนหลงถือเป็นยุคทองที่รุ่งเรืองที่สุดของราชวงศ์ชิง จากความพยายามปฏิรูปนโยบายภาษี การใช้จ่าย นโยบายการเงินการคลังของยงเจิ้ง ได้ทำให้มีเงินท้องพระคลังเหลือมาถึงยุคของเฉียนหลงเป็นจำนวนมาก เมื่อผนวกกับการที่ประชาชนเมื่อไม่มีภัยสงครามมาเป็นเวลานาน จึงทุ่มเทไปกับการสร้างผลผลิต จนทำให้ยุคสมัยนี้มีความมั่งคั่ง และมีความเจริญก้าวหน้าทางศิลปะวิทยาการต่าง ๆ เป็นอันมาก
ในปีค.ศ.1772 หรือรัชกาลเฉียนหลงปีที่ 49 อีกผลงานหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับมาจนถึงปัจจุบันก็คือ “ซื่อคู่เฉวียนซู” (四库全书) หรือจตุคลังคัมภีร์ ซึ่งถือว่าเป็นหนังสือชุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก (รองลงมาคือสารานุกรมหย่งเล่อในราชวงศ์หมิง) โดยใช้เวลาในการชำระคัมภีร์และตำราต่าง ๆ นานถึง 9 ปี รวบรวมตำราไว้ทั้งสิ้น 3,503 ประเภท เรียบเรียงเป็น 36,304 เล่ม 79,337 บรรพ มีจำนวนเกือบ 2,300,000 หน้า มีอักษรราว 800 ล้านตัว โดยเป็นการรวบรวมคัมภีร์สำคัญตั้งแต่ยุคโบราณ ซึ่งบางเล่มเคยถูกระบุเป็นคัมภีร์ต้องห้ามในสมัยราชวงศ์ฉิน ครอบคลุมศาสตร์อันหลากหลายแทบทุกประเภทในประเทศจีน
นอกจากความสามารถอันหลากหลายจนเป็นที่ประจักษ์แล้ว ฮ่องเต้เฉียนหลงยังเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่ามีความรักประชาชน และมีความวิริยะอุตสาหะในการปฏิบัติราชกิจเป็นอย่างยิ่ง ทำให้มีขุนนางที่สุจริตซื่อสัตย์ช่วยเหลือในการปกครองบ้านเมืองไม่น้อย โดยพระองค์ได้ต่อต้านและเรียกร้องไม่ให้ขุนนางใช้แต่ภาษาที่สวยหรูแต่จอมปลอมอีกด้วย
ในช่วงยุครุ่งโรจน์ จักรพรรดิ 3 รัชกาลถือเป็นยุคทองอันรุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์เกือบ 300 ปีของราชวงศ์ชิง และถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของจีน ไม่ว่าจะเป็นด้านพื้นที่การทำไร่ทำนา จำนวนผลผลิตการเกษตร จำนวนประชากร ที่มีอย่างยากที่จะหายุคใดเปรียบเทียบได้ จากสถิติที่มีการบันทึก ในรัชกาลคังซีปีที่ 24 ทั่วประเทศมีพื้นที่สำหรับทำการเพาะปลูกถึง 600 ล้านไร่จีน เมื่อมาถึงช่วงปลายรัชกาลของเฉียนหลง ทั่วประเทศมีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มเป็น 1,050 ล้านไร่จีน ผลผลิตทางการเกษตรทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 204,000 ล้านชั่ง จนเป็นประเทศที่มีผลผลิตสูงที่สุดในโลกในสมัยนั้น ในขณะที่จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นจากปีค.ศ. 1700 ที่มีราว 150 ล้านคนมาเป็น 313 ล้านคนในปีค.ศ. 1794 หรือคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของทั่วโลกในเวลานั้น
ยุคราชวงศ์ชิงตอนปลายและความเสื่อมถอย
เริ่มระส่ำระสาย
หลังจากเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในช่วงต้นราชวงศ์ สภาพทั่วไปใน ราชวงศ์ชิงเริ่มอ่อนแอและความเจริญรุ่งเรืองลดลง เนื่องจากประเทศจีนประสบปัญหาความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงของกลุ่มคนในวงการต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการเมืองที่มีขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง เศรษฐกิจหยุดนิ่ง เพราะจักรพรรดิเฉียนหลง กษัตริย์เจ้าสำราญโปรดความหรูหราฟุ่มเฟือยและทำสงครามบ่อยครั้ง เงินท้องพระคลังขัดสน และจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนที่ทำกิน จะเห็นได้ว่าราชวงศ์ชิงมีปัญหาความกดดันภายในประเทศที่สะสมมานาน ประกอบกับความกดดันภายนอกจากชาติมหาอำนาจในยุคล่าอาณานิคม ที่ราชวงศ์ชิงไม่อาจทานได้เพราะระบบการปกครอง และเศรษฐกิจที่ล้าสมัย
จากจักรวรรดิสู่ "ขี้โรคแห่งเอเชีย"
สงครามฝิ่น
แม้ราชวงศ์ชิงจะมีความยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม แต่ที่ผ่านมาราชสำนักชิงก็ยังคงทะนงตน ถือว่าตนเป็นอาณาจักรศูนย์กลางของโลกและจักรวาล และเลือกที่จะปิดประเทศไม่ยอมค้าขายกับชาติอื่น ไม่ยอมรับวัฒนธรรมและเทคโนโลยีจากตะวันตกมาพัฒนาประเทศ ทำให้ประเทศยังคงล้าหลังอยู่ จนกระทั่งปีค.ศ. 1757 หรือในรัชกาลเฉียนหลงปีที่ 22 ก็ได้มีการกำหนดให้เมืองกว่างโจวเป็นเมืองท่าเพียงแห่งเดียวที่ได้รับการอนุญาตให้ติดต่อกับชาวต่างชาติ ซึ่งนับตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา อังกฤษได้นำเข้าใบชา ถ้วยชามเครื่องเคลือบและผ้าไหมจากจีนเป็นจำนวนมาก ในขณะที่มีสินค้าส่งออกให้จีนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้อังกฤษเสียเปรียบดุลการค้าให้จีนอย่างมหาศาล
กระทั่งรัชกาลเฉียนหลงปีที่ 28 หรือ ค.ศ.1763 เพื่อถ่วงดุลการค้าที่เสียเปรียบ อังกฤษได้เริ่มนโยบายจักรวรรดินิยมและได้ใช้ลัทธิล่าอาณานิคมในเมืองจีน อังกฤษได้วางแผนนำฝิ่นมามอมเมาชาวจีนให้อ่อนแอ โดยนำเอาฝิ่นเข้ามาจำหน่ายในเมืองจีน ซึ่งเดิมทีสำหรับคนจีน นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 เป็นต้นมา ฝิ่นก็ถูกจัดและถูกใช้ในฐานะยาสมุนไพรประเภทหนึ่ง กระทั่งหลังจากที่อังกฤษได้เข้าพิชิตอินเดีย และได้มอบสิทธิผูกขาดในการจำหน่ายให้กับบริษัทอีสต์อินเดีย และนำเข้าจำหน่ายในจีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งในเวลานั้นนอกจากอังกฤษแล้ว ยังมีอเมริกา ฝรั่งเศสและรัสเซียที่ต่างก็พยายามนำเอาฝิ่นจากตุรกี และเอเชียกลางมาจำหน่ายในจีนเช่นกัน
ในช่วงเวลานั้น ราคาของฝิ่นอยู่ชั่งละ 5 ตำลึงเงิน ในช่วงเวลา 40 ปีก่อนที่สงครามฝิ่นจะปะทุขึ้น อังกฤษได้ขนฝิ่นเข้ามาประเทศจีนมากถึง 400,000 ลัง จนดูดเอาเงินแท่งออกไปจากจีนได้ราว 300 ล้าน – 400 ล้านแท่ง จนกระทั่งเกิดปัญหาการขาดแคลนเงินแท่งภายในประเทศและทำให้ราคาของเงินแท่งพุ่งสูงขึ้นไปกว่า 1 เท่าตัว จนประชาชนและประเทศชาติต่างยากจนลงไปตาม ๆ กัน คนที่สูบฝิ่นมากขึ้นทุกขณะ ไม่เพียงแต่เป็นในวงขุนนางข้าราชการเท่านั้น แต่เลยไปถึงบรรดาเจ้าของที่ดิน พ่อค้า บัณฑิต และแม้กระทั่งชาวไร่ชาวนา ช่างแรงงาน ทหารก็ไม่เว้น
เมื่อมาถึงปีค.ศ. 1838 ทั่วประเทศมีชาวจีนที่ติดฝิ่นมากถึง 2,000,000 คน จนถึงกับมีคำกล่าวว่าฝิ่นนั้น นอกจากจะขูดเอาเงินแท่งจากจีนไปแล้ว ยังได้ทำลายสุขภาพร่างกายและจิตวิญญาณชาวจีนไปด้วย ในปีเดียวกันนี้จึงมีกลุ่มขุนนางถวายฎีกาโดยเปิดโปงบรรดาข้าราชการที่ค้าฝิ่น และผลักดันให้มีการหยุดฝิ่นด้วยการลงโทษผู้ที่สูบอย่างรุนแรง หลังจากนั้นหลินเจ๋อสีว์ (林则徐) ผู้ตรวจการหูกว่างได้ถวายฎีกาถึง 3 ครั้งต่อฮ่องเต้เต้ากวง โดยระบุว่าหากไม่ทำการหยุดฝิ่นในประเทศจีน ในระยะยาวอีกหลายสิบปีนั้น จีนจะไม่เหลือทหารไว้รบ ไม่เหลือเงินไว้ใช้อีกต่อไป จนทำให้จักรพรรดิเต้ากวงมีดำริที่จะปราบปรามฝิ่นอย่างจริงจัง นำไปสู่สงครามฝิ่นกับอังกฤษทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งราชวงศ์ชิงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เนื่องจากอาวุธปืนของอังกฤษมีความทันสมัยกว่ามาก ทำให้ต้องราชวงศ์ชิงต้องสูญเสียเกาะฮ่องกงแก่อังกฤษ อีกทั้งต้องทำสนธิสัญญาไม่เป็นธรรมจำนวนมากกับชาติตะวันตกและเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต
- ชาวจีนเสพติดฝิ่น
- กุลีแรงงานชาวจีน
- ชาวจีนผู้ยากไร้ที่เมืองกว่างโจว
กบฏไท่ผิงเทียนกั๋ว
หลังจากพ่ายแพ้ในสงครามฝิ่น รัฐบาลชิงต้องเสียดินแดนและชำระค่าฝิ่นกับค่าปฏิกรรมสงครามเป็นจำนวนสูง จึงขูดรีดภาษีจากประชาชน การคลังขาดแคลน ประชาชนอดอยาก สังคมเริ่มวุ่นวาย ไร้ความสงบสุข ประชาชนเริ่มรวมตัวต่อต้านอำนาจรัฐกลายเป็นกบฏไท่ผิงเทียนกั๋ว โดยมีผู้นำคือ หงซิ่วฉวน เป็นชาวอำเภอฮัวเซี่ยน มณฑลกวางตุ้ง ซึ่งได้รับอิทธิพลของคริสต์ศาสนา จึงร่วมกับ เฝิงอวิ๋นซาน ก่อตั้งสมาคมนับถือพระเจ้าที่มณฑลก่วงซี แล้วกลายสภาพเป็นกบฏไท่ผิงเทียนกั๋วในเวลาต่อมาในปี ค.ศ. 1851 รัชศกเต้ากวง ปลายรัชสมัยปีที่ 30
กองทัพของหงซิ่วฉวนกับเฝิงอวิ๋นซานบุกยึดเมืองนานกิงได้ในปีค.ศ. 1853 รัชศกเสียนฟง ปีที่ 3 ขณะนั้นกองทัพมีกำลังพลนับล้านกว่าคนและในอีก 2 ปี ต่อมา ก็ได้รับชัยชนะจากยุทธการหูโข่ว หลังจากได้ชัยชนะในหลายสมรภูมิช่วงท้ายของกบฏไท่ผิงเทียนกั๋ว ผู้นำทั้งสองเกิดความขัดแย้งกันเองด้วยการแยกตัวเป็นอิสระ การลอบสังหารกันด้วยความระแวงใจ ทำให้กองทัพกบฏเริ่มอ่อนแอลง กอปรกับราชสำนักชิงขอร้องกองทัพอังกฤษซึ่งมีอาวุธทันสมัยและทหารแข็งแกร่งให้ช่วยกวาดล้างกบฏแลกกับผลประโยชน์ที่เสนอให้อังกฤษ ฝ่ายกบฏเริ่มสูญเสียที่มั่นไปจนถึงปลายปีค.ศ. 1863 รัชศกถงจื้อ ปีที่ 2 ทหารชิงและทหารต่างชาติล้อมเมืองเทียนจิงได้ ปีถัดมาเมืองนั้นเกิดสภาพอดอยาก หงซิ่วฉวนฆ่าตัวตาย เมืองเทียนจิงแตก จึงถือเป็นการปิดฉากกบฏไท่ผิงเทียนกั๋วลง แต่จิตวิญญาณต่อต้านราชวงศ์ชิงยังฝังแน่นในหัวใจของชาวฮั่นซึ่งส่งผลสืบเนื่องให้เกิดการปฏิวัติต่อต้านแมนจูในเวลาข้างหน้าอีก
สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง
หลังการปฏิรูปเมจิในญี่ปุ่นช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ญี่ปุ่นได้พัฒนาประเทศจนเจริญทัดเทียมกับตะวันตกและเริ่มขยายอำนาจออกนอกประเทศ โดยมีเป้าหมายที่แผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ ญี่ปุ่นเริ่มการคุกคามจีนด้วยการนำกองทัพบุกยึดครองเกาหลีซึ่งเป็นประเทศราชของจีนเพื่อหวังเป็นเส้นทางเข้าสู่จีน ปี พ.ศ. 2437 (ค.ศ. 1894) รัชศกกวงซี่ ปีที่ 20 เกาหลีเกิดจลาจลกลุ่มภูมิปัญญาตะวันออก (ตงเสวียตั่ง) ขึ้น จึงร้องขอให้จีนช่วยเหลือ จีนส่งกองทัพไปตามคำขอ ส่วนญี่ปุ่นส่งกองทัพเรือไปยึดครองเกาหลีและโจมตีทหารจีนอันเป็นการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการ กองทหารชิงพ่ายแพ้ ญี่ปุ่นยังรุกต่อเนื่องทำให้ราชสำนักชิงหวั่นเกรงความเข้มแข็งของกองทัพญี่ปุ่น ราชสำนักชิงจึงรีบขอเจรจาสงบศึกก่อน ในปี ค.ศ. 1895 ได้เกิดสนธิสัญญาชิโมะโนะเซะกิ อันเป็นสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม มีการลงนามระหว่างขุนนางราชสำนักชิง หลี่ หงจางกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น อิโต ฮิโระบุมิ ความสูญเสียของจีนคือ ยกเกาหลี ไต้หวัน, คาบสมุทรเหลียวตงให้ญี่ปุ่น ใช้เงินค่าปฏิกรรมสงครามนับสองร้อยล้านตำลึง อนุญาตให้ญี่ปุ่นตั้งโรงงานตามเมืองท่าของจีนได้
ผลจากสนธิสัญญานี้บางส่วนไปกระทบต่อความมั่นคงของรัสเซียซึ่งมีดินแดนบางส่วนติดกับจีนที่บริเวณคาบสมุทรเหลียวตง รัสเซียร่วมกับฝรั่งเศส เยอรมัน ทำการคัดค้านการยึดครองดินแดนผืนนั้นอย่างหนักหน่วง ญี่ปุ่นจำใจคืนคาบสมุทรเหลียวตงให้จีน โดยแลกกับเงินแท่งหลายล้านตำลึง การต้องใช้จ่ายเงินจำนวนสูงมากในหลายกรณีโดยราชสำนักชิง ทำให้ประชาชนเดือดร้อนหนักจากการรีดภาษี ความยากแค้นแผ่ขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ แรงคับแค้นใจถูกเก็บอัดแน่นมากขึ้นในหมู่ประชาชน
การปฏิรูป / รัฐประหาร อู้ซีว์
หลังการพ่ายแพ้สงครามต่อฝรั่งเศสและญี่ปุ่น รัชศกกวางสู์ ปีที่ 23 เยอรมันใช้กำลังยึดครองอ่าวเจียวโจว คังโหย่วเหวย ถานซือถง เสนอหลักเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบใหม่เพื่อความเข้มแข็งของชาติ ซึ่งเรียกกันว่า “แผนปฏิรูป อู๋ซีว์” โดยเน้นการผลิตบัณฑิตสมัยใหม่ เปิดกว้างการวิพากษ วิเคราะห์ พัฒนากิจการใหม่ ๆ ที่ส่งผลต่อความเข้มแข็งของชาติ และความอิ่มท้องของชาวบ้าน ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากพระเจ้ากวางสู์ ซึ่งต้องการใช้แผนปฏิรูปนี้ยึดคืนอำนาจจากพระนางซูสีไทเฮา ข้าราชสำนักส่วนใหญ่เกิดความระแวงใจว่าแผนดังกล่าวมาจากบัณฑิตชาวฮั่น จึงร่วมมือกับพระนางซูสีทำรัฐประหาร กักขังพระเจ้ากวางสู จับถานซื่อถงกับพวกนักปฏิรูป รวมทั้งลงโทษขุนนางที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สั่งยกเลิกแผนปฏิรูปทั้งหมด เรียกว่า รัฐประหาร อู้ซีว์ ส่วนคังโหย่วเหวยกับเหลียงฉี่เชาหลบหนีไปนอกประเทศได้
หลังการปฏิรูปชาติล้มเหลว ราษฎรเริ่มตระหนักใจว่าหากไม่ล้มล้างรัฐบาลชิงซึ่งไร้ความสามารถ ราชสำนักชิงภายใต้อำนาจของพระนางซูสีเหลวแหลกและเป็นอุปสรรคในการปฏิรูปไปสู่ความเข้มแข็งของชาติ คนจำนวนมากจึงเข้าร่วมขบวนการปฏิวัติของดร.ซุนยัดเซน ในเวลาต่อไป
ขบวนการอี้เหอถวน / ศึกพันธมิตรแปดชาติ
ตอนปลายราชวงศ์ชิงการรุกรานของต่างชาติทั้งด้านกองทหารและศาสนาคริสต์สร้างความไม่พอใจแก่ราษฎรอันเกิดจากความไม่เท่าเทียมกันที่ราชสำนักกลัวเกรงต่างชาติโดยไม่คุ้มครองชาวบ้านที่ถูกรังแกเหยียดหยาม จึงสั่งสมความแค้นกลายเป็นพลังต่อต้านต่างชาติอย่างเร็ว กอปรกับภัยพิบัติของแม่น้ำฮวงโหแล้งติดต่อกันหลายปี ทำให้เกิดความยากแค้นจึงมีกลุ่มความเชื่อลัทธิต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มอี้เหอถวนในมณฑลซานตุงกับเหอเป่ย ซึ่งนอกจากสอนมวยแล้ว ยังฝังความเชื่อเกี่ยวกับเวทมนตร์ให้ชาวบ้านด้วยพร้อมกับแนวคิดสนับสนุนราชวงศ์ชิง กำจัดต่างชาติ ทำให้มีผู้ร่วมกลุ่มเพิ่มทวีขึ้น นอกจากนั้นราชสำนักชิงโดยพระนางซูสีต้องการใช้กลุ่มนี้ต่อต้านต่างชาติซึ่งคัดค้านพระนางกักขังพระเจ้ากวางสู กลุ่มนี้จึงกลายเป็นเครื่องมือทำลายต่างชาติของและได้รับการสนับสนุนจากพระนางซูสีซึ่งคอยบงการอยู่เบื้องหลัง อันสร้างความไม่พอใจแก่ชาวต่างชาติอย่างมาก
พระนางซูสีไทเฮาหนีภัยสงครามของตนเอง
ปี พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) รัชศก กวางสู์ ปีที่ 26 พระนางซูสีไทเฮาสั่งกลุ่มอี้เหอถวนโจมตีเขตสถานทูตของต่างชาติในปักกิ่ง ทำให้ชาติต่าง ๆ ซึ่งได้รับความเสียหายรวมตัวกันเป็นกองทัพพันธมิตรแปดชาติตอบโต้จีน ทหารชิงแตกพ่าย ทหารพันธมิตรบุกเข้ากรุงปักกิ่งและยึดพระราชวังต้องห้ามไว้ พระนางซูสีพาพระเจ้ากวางสูลี้ภัยหนีไปเมืองซีอาน ส่วนกองทัพพันธมิตรปล้นสะดมวังต้องห้ามและบ้านเรือนของชาวบ้าน อันสร้างความเสียหายอย่างมากทั้งสถานที่หรือสมบัติมีค่าของจีน ปีต่อมาราชสำนักชิงส่งตัวแทนเจรจาสันติภาพโดยยอมใช้ค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนสูงมาก ยอมให้ต่างชาติตั้งกองทหารในเขตที่ต้องการอันเป็นจุดยุทธศาสตร์ของชาติ รวมทั้งกำหนดขอบเขตที่ห้ามคนจีนเข้าไปทั้งที่เป็นดินแดนจีน การสูญเสียอธิปไตยเพิ่มเติมจากสัญญาต่าง ๆ ที่เคยทำไว้โดยมาจากความอ่อนแอของราชสำนักชิงสร้างความคับแค้นใจแก่คนจีนซึ่งเชื่อมั่นมากขึ้นว่า ชาติจะรอดพ้นภัยพิบัติได้ด้วยการล้มล้างราชวงศ์ชิงเท่านั้น แนวคิดนี้ลุกลามไปทั่วแผ่นดิน ขบวนการปฏิวัติจึงรวมตัวและเคลื่อนไหวเข้มข้นมากขึ้น อันสั่นคลอนต่ออำนาจของพระนางซูสีไทเฮาและราชสำนักชิงในเงื้อมเงาของพระนางหนักขึ้นทุกขณะ
รัฐธรรมนูญของราชสำนักชิง
ช่วงปลายลมหายใจของพระนางซูสีไทเฮา ฝ่ายต่อต้านราชสำนักชิงมีพลังมากขึ้นและแยกเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายสนับสนุนให้มีรัฐธรรมนูญโดยยังมีฮ่องเต้ของคังโหย่วเหวย กับ ฝ่ายล้มล้างราชวงศ์ชิงของดร.ซุนยัดเซน เพื่อเป็นการลดความร้อนแรงของประชาชน ราชสำนักชิงเลือกจะร่างรัฐธรรมนูญตามที่ประชาชนต้องการ ทำให้ฝ่ายล้มล้างราชวงศ์ชิงไม่เป็นที่สนใจเพราะความหวังใหม่ในท่าทีอ่อนลงของราชสำนัก พระนางซูสีไทเฮาคัดเลือกรัชทายาทใหม่และถือเป็นคนสุดท้ายของราชวงศ์ชิงก่อนสิ้นลมหายใจ คือ จักรพรรดิผู่อี๋หรือผู่อี๋ ตอนนั้นมีพระชนมายุไม่ถึง 3 ขวบ และเปลี่ยนเป็นรัชศกเซียนถ่ง โดยมีพระบิดา คือ เจ้าชายฉุน (ไจ้เฟิง) เป็นผู้สำเร็จราชการบริหารแผ่นดินแทน พระบิดาร่างรัฐธรรมนูญต่อไปเมื่อประกาศใช้ในแผ่นดินกลับสร้างความผิดหวังแก่ประชาชนอย่างมาก เมื่อกำหนดให้กลุ่มผู้บริหารประเทศเป็นเชื้อพระวงศ์ชิงส่วนใหญ่ คนจีนตระหนักใจแล้วว่าความหวังเดียวของชาติ คือ ต้องใช้กำลังล้มล้างราชวงศ์ชิงเท่านั้น ฝ่ายที่เคยเรียกร้องรัฐธรรมนูญของคังโหย่วเหวยผันตัวเองไปสนับสนุนกลุ่มดร.ซุนยัดเซนมากขึ้น หลังจากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับของราชสำนักชิงแล้ว ประชาชนเปลี่ยนไปเข้าร่วมแนวคิดของดร.ซุนยัดเซนเพิ่มทวีขึ้นและถือว่าทรงอิทธิพลมาก ชะตากรรมของราชสำนักชิงเข้าสู่จุดวิกฤติ
การปฏิวัติซินไฮ่
ราชวงศ์ชิงล่มสลาย
ในช่วงต้นของ ความไม่พอใจของประชาชนต่อการปกครองที่เหลวแหลกของราชสำนักชิงพวยพุ่งขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมีการรวมกลุ่มกันประท้วงมากขึ้นและขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งพระนางซูสีไทเฮาและจักรพรรดิกวางสูสวรรคตใน ค.ศ. 1908 ทิ้งให้สมาชิกราชวงศ์ที่ไร้บารมีและสถานภาพทางการเมืองไม่แน่นอนยังอยู่ในพระราชวังต้องห้าม ผู่อี๋ โอรสขององค์ชายชุนที่ 2 ได้รับการอภิเษกให้เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปตั้งแต่พระชนมายุเพียง 2 ชันษา โดยให้พระราชบิดาเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ต่อมา นายพลหยวน ซื่อไข่ ถูกปลดออกจากตำแหน่งทางทหาร ในกลางปี ค.ศ. 1911 องค์ชายชุนที่ 2 ทรงตั้งคณะรัฐมนตรีหลวง โดยสมาชิกเกือบทั้งหมดเป็นพระญาติสกุลอ้ายซินเจว๋หลัว มีหน้าที่บริหารประเทศจีนในเรื่องทั่วไป การตั้งคณะรัฐมนตรีหลวงครั้งนี้ได้สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้กับข้าราชการชั้นสูงทั้งหลาย ซึ่งรวมทั้ง จางจื่อตง ด้วย
ในวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 1911 ได้เกิดขึ้น และต่อมา ดร.ซุน ยัดเซ็น ได้ประกาศก่อตั้งรัฐบาลของตนขึ้นใหม่ ในนามสาธารณรัฐจีน ที่เมืองนานกิง หัวเมืองหลายแห่งเริ่มตีตัวแยกจากรัฐบาลราชวงศ์ชิง เมื่อสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจเช่นนี้ รัฐบาลราชวงศ์ชิงจึงเรียกตัวนายพลหยวน ซื่อไข่รู้สึกไม่พอใจราชวงศ์อยู่แล้วกลับเข้ามาควบคุม เพื่อปราบปรามกลุ่มผู้แข็งข้อทั้งหลาย หลังจากที่ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลของตนแล้ว นายพลหยวนก็ได้เรียกร้องให้องค์ชายชุนลงจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ โดยการเรียกร้องครั้งนี้ได้รับคำแนะนำจาก สมเด็จพระพันปีหลวงหรงยู่
หลังจากองค์ชายชุนออกจากตำแหน่งแล้ว หยวน ซื่อไข่และนายพลจากกองทัพเป่ย์หยางก็ครอบงำราชวงศ์ชิงได้สำเร็จ ประเทศจีนในครั้งนั้นก็มี รัฐบาล 2 ฝ่าย รัฐบาลหยวน ซื่อไข่ปฏิเสธการทำสงครามกับรัฐบาลสาธารณรัฐของซุน ยัดเซ็น โดยให้เหตุผลว่าเสียค่าใช้จ่ายสูงและไม่มีเหตุผล คำเรียกร้องของราชวงศ์ชิงคืออยากใประเทศจีนปกครองระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และซุนยัดเซ็นอยากให้ประเทศปกครองด้วยระบอบสาธารณรัฐ หลังจากที่ได้รับการอนุญาตจากหลงหยูไทเฮาแล้ว นายพลหยวนก็ได้เปิดการเจรจากับซุนยัดเซ็น โดยที่ซุนยัดเซ็นมีเป้าหมายว่าถ้าก่อตั้งสาธารณรัฐจีนสำเร็จแล้ว อาจจะให้นายพลหยวนขึ้นเป็นประธานาธิบดี ใน ค.ศ. 1912 หลังจากการเจรจา หลงหยูไทเฮาก็ได้ออกพระราชเสาวนีย์ประกาศให้จักรพรรดิผู่อี๋ผู้เป็นพระโอรสบุญธรรมสละราชบัลลังก์
การล่มสลายของราชวงศ์ชิงใน ค.ศ. 1912 ถือเป็นการสิ้นสุดของประวัติศาสตร์การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในจีนที่มีมายาวนานกว่า 5,000 ปี
การเมือง
ในสมัยจักรพรรดิราชวงศ์ชิงตอนต้นนำระบบโครงสร้างและสถาบันของข้าราชการของราชวงศ์หมิงมาปรับใช้ แต่มีแบ่งแยกการปกครองและตำแหน่งของข้าราชการระหว่างชาวฮั่นกับชาวแมนจู ตำแหน่งราชการบางตำแหน่งยังคงเป็นของชาวมองโกล เช่นเดียวกับราชวงศ์ในอดีตก่อนหน้านี้ ข้าราชการของราชวงศ์ชิงได้รับคัดเลือกผ่านทางสอบจอหงวนเข้ารับราชการ จนกระทั่งระบบถูกยกเลิกในปี ค.ศ. 1905 ราชวงศ์ชิงได้แบ่งตำแหน่งออกเป็นตำแหน่งพลเรือนและทหาร แต่ละหมวดย่อยแบ่งเป็น 2 แผนก แผนกแรก การแต่งตั้งตำแหน่งพลเรือนมีตำแหน่งตั้งแต่ข้าราชบริพารในจักรพรรดิ (ฮ่องเต้) ไปจนถึงตำแหน่งศาลาในที่ประจำอยู่ในพระราชวังต้องห้าม (ตำแหน่งสูงสุด) เป็นผู้จัดเก็บภาษีประจำจังหวัด, ผู้ช่วยผู้คุมในเรือนจำรอง, ผู้บัญชาการตำรวจหรือผู้ตรวจสอบภาษี แผนกที่ 2 การแต่งตั้งตำแหน่งทางทหารนั้นมีตั้งแต่การเป็นแม่ทัพใหญ่หรือมหาดเล็กกรมวังของราชองครักษ์ไปจนถึงจ่าสิบเอก,ชั้นสิบโทหรือตำแหน่งพลทหารชั้นหนึ่งหรือชั้นสอง
หน่วยงานราชการกลาง
โครงสร้างที่เป็นทางการของราชสำนักชิงมีศูนย์กลางที่จักรพรรดิในฐานะผู้ปกครองที่เป็นศูนย์รวมอำนาจสมบูรณ์ซึ่งเป็นประธานในคณะกรรมการหกคณะ หรือ หกกรม (จีน: 六部; พินอิน: lìubù) แต่ละกรมมีเสนาบดีสองคน (จีนตัวย่อ: 尚书; จีนตัวเต็ม: 尚書; พินอิน: shàngshū) และมีตำแหน่งผู้ช่วยรองลงมาอีก 4 คน (จีน: 侍郎; พินอิน: shìláng) อย่างไรก็ตามระบบของราชวงศ์ชิงตรงกันข้ามกับระบบของราชวงศ์หมิงที่นโยบายชาติพันธุ์ของชิงระบุว่าการแต่งตั้งบรรจุข้าราชการจะถูกแบ่งระหว่างข้าราชการชาวแมนจูและข้าราชการชาวฮั่นที่ผ่านระดับสูงสุดของการสอบจอหงวนเข้ารับราชการ ส่วนตำแหน่ง ศาลาใน (จีนตัวย่อ: 内阁; จีนตัวเต็ม: 內閣; พินอิน: nèigé) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำหนดนโยบายที่สำคัญในยุคสมัยราชวงศ์หมิงได้สูญเสียความสำคัญลงในช่วงราชวงศ์ชิงและกลายมาเป็นกรมบริหารระดับสูง องค์กรที่ได้รับการสืบทอดมาจากราชวงศ์หมิงเป็นแกนกลางของ "พระตำหนักชั้นนอก" ซึ่งทำหน้าที่จัดการเรื่องประจำและตั้งอยู่ทางตอนใต้ของพระราชวังต้องห้าม
เพื่อไม่ให้การบริหารกิจวัตรประจำวันเข้ามามีอิทธิพลครอบงำในราชสำนักมากเกินไป จักรพรรดิชิงจึงทรงทำให้แน่ใจว่าเรื่องสำคัญทั้งหมดต้องได้รับการตัดสินใจจากใน "พระตำหนักชั้นใน" ซึ่งปกครองโดยบรรดาสมาชิกของราชวงศ์ที่เป็นเชื้อพระวงศ์และขุนนางแมนจูซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณตอนเหนือของพระราชวังต้องห้าม
กรมความลับทหาร
องค์กรหลักของพระตำหนักชั้นในคือ กรมความลับทหาร (จีนตัวย่อ: 军机处; จีนตัวเต็ม: 軍機處; พินอิน: jūnjī chù) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1720 ภายใต้รัชสมัยของจักรพรรดิหย่งเจิ้ง ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดการกับความขัดแย้งแตกแยกทางทหารระหว่างราชสำนักชิงกับชาวมองโกล แต่ในไม่ช้าหน่วยงานดังกล่าวก็ได้เข้ามาดูแลราชการทหารและการบริหารอื่น ๆ และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางอำนาจภายใต้ราชสำนัก
นโยบายปกครองประเทศ
การปกครองสมัยต้นราชวงศ์ชิง
พุทธศตวรรษที่ 23 ในต้นราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นยุคที่ทางราชวงศ์ต้องผจญกับขบวนการกู้หมิงต้านชิง ของชาวฮั่นทั้งหลายที่โกรธแค้นที่ชนต่างเชื้อสายมาเป็นใหญ่ประเทศจีน ดังนั้นในสมัยของ จักรพรรดิคังซี, จักรพรรดิหย่งเจิ้ง และจักรพรรดิเฉียนหลง จึงต้องใช้ทั้งนโยบายประนีประนอมเพื่อให้อยู่กับชาวฮั่นได้อย่างเป็นสุข และนโยบายแข็งกร้าวเพื่อควบคุมชาวฮั่นไว้ไม่ให้คิดต่อต้าน ซึ่งนโยบายเหล่านี้กลายเป็นแนวปฏิบัติของจักรพรรดิองค์ต่อ ๆ มา เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับอำนาจรัฐ
ในประวัติศาสตร์จีนได้ปรากฏว่ามีชนกลุ่มน้อยขึ้นตั้งราชวงศ์ปกครองแผ่นดินจีน 2 ราชวงศ์ นั่นคือ ราชวงศ์หยวนของเผ่ามองโกล และราชวงศ์ชิงของเผ่าแมนจู ราชวงศ์หยวนถึงแม้จะเก่งกาจ มีกำลังทหารและอาวุธที่น่าเกรงขาม แต่ไม่มีความรู้ด้านการปกครอง จึงปกครองแผ่นดินจีนได้เพียงแค่ 90 ปีเศษก็ล่มสลายไป ส่วนราชวงศ์ชิงใช้นโยบายประนีประนอมและแข็งกร้าวได้อย่างแยบยล จึงประสบความสำเร็จทั้งทางด้านการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ และสังคม จนสามารถปกครองแผ่นดินจีนได้นานถึง 260 ปี
นโยบายประนีประนอม
นโยบายประนีประนอมถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการผูกมิตรเอาอกเอาใจชาวฮั่นซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่ราชวงศ์ชิงเข้าปกครองแผ่นดินจีนใหม่ๆ เพื่อสร้างบารมีให้กับราชวงศ์ชิง และขจัดความคิดต่อต้านแมนจู โดยนโยบายสำคัญ ๆ มีดังนี้
- จัดพระราชพิธีปลงพระศพของพระเจ้าหมิงซือจง จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์หมิงและพระมเหสี และสร้างสุสานถวายให้อย่างสมพระเกียรติ
- ยกย่องขุนนางราชวงศ์หมิงที่สละชีพเพื่อปกป้องเยี่ยงวีรบุรุษ และเกลี้ยกล่อมขุนนางหมิงให้สวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์ชิงและดูแลเป็นพิเศษ
- ยังคงใช้วิธีคัดเลือกข้าราชการโดยวิธีการสอบจอหงวนตามแบบของราชวงศ์หมิง และเปิดโอกาสให้ชาวจีนฮั่นเข้าสอบรับราชการได้
- จักรพรรดิคังซี ทรงจัดทำ พจนานุกรมคังซี ซึ่งรวบรวมตัวอักษรจีนได้ครบถ้วนที่สุดสมัยนั้น และในสมัย จักรพรรดิเฉียนหลง ได้มีการรวบรวมงานวิชาการครั้งยิ่งใหญ่ทั่วประเทศจีนมาเป็น (四庫全書 ซื่อคู่เฉวีนซู) มีการส่งเสริมบัณฑิตที่มีผลงานทางวิชาการให้ได้รับบำเหน็จ อย่างไรก็ตาม ในขณะรวบรวมผลงานทางวิชาการ หนังสือหลายเล่มถูกทำลายเนื่องจากเหตุผลทางการเมือง
- ยกเลิกหรือลดอัตราภาษีที่ขูดรีดในท้องที่ต่าง ๆ และล้มแนวการปกครองที่โหดร้ายของราชวงศ์หมิง
นโยบายแข็งกร้าว
ในขณะเดียวกัน ราชวงศ์ชิงก็ดำเนินนโยบายแข็งกร้าวเพื่อสยบชาวฮั่นที่คิดจะต่อต้านไว้ด้วย โดยนโยบายสำคัญมีดังนี้
- สังหารประชาชนที่รวมตัวก่อจลาจลต่อต้านราชสำนักตามท้องที่ต่าง ๆ อย่างโหดเหี้ยม
- ห้ามการรวมกลุ่มกันจัดตั้งสมาคมอย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันการรวมพลังมวลชน
- บังคับให้ชายชาวฮั่นทั่วประเทศต้องไว้ผมแบบชาวแมนจู คือ ไว้หางเปียยาวด้านหลัง และโกนผมครึ่งศีรษะ อย่างที่ชาวไทยคุ้นเคยกันดีจากภาพยนตร์ ใครฝ่าฝืนจะต้องโทษประหารชีวิต
- นำกฎหมายอาชญาทางภาษา (เหวินจื้ออวี้) มาใช้หลายครั้ง เพื่อควบคุมความคิดของชาวฮั่นให้อยู่ในกรอบ ในสมัยจักรพรรดิคังซี หย่งเจิ้ง และเฉียนหลง มีปรากฏว่ามีมากถึง 70-80 คดี แต่ละคดีจะมีผู้รับเคราะห์ 10 คน จนถึงหมื่นคนก็มี ตัวอย่างคดีที่สำคัญ เช่น คดีหนังสือประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง (หมิงสื่อ) ในสมัยคังซี ที่จวนถิงหลง จัดพิมพ์ไปกล่าวกระทบประวัติศาสตร์แมนจู ราชวงศ์ชิงถึงกับขุดศพจวนถิงหลงมาแยกร่าง ผู้เขียน ตรวจอักษร ขายหนังสือ และแม้แต่ผู้มีหนังสือในครอบครองถูกประหาร 72 คน และถูกขับไล่ให้เป็นทหารแถบชายแดนอีกนับร้อยคน
การทหาร
กองทัพแบบเก่า
จุดเริ่มต้นและการพัฒนาในช่วงต้น
การทหารชิงในช่วงต้นราชวงศ์มีรากฐานมาจากกองทัพแปดกองธงที่พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกโดยปฐมจักรพรรดิหนูเอ่อร์ฮาชื่อเพื่อจัดระเบียบด้วยกันเองและสังคมที่อยู่นอกเหนือความผูกพันของเผ่าเดียวกัน มีธงเป็นสัญลักษณ์ทั้งหมดแปดธงแยกตามสี สีเหลืองมีขอบสีเหลืองและสีขาวเป็นที่รู้จักในนาม "สามกองธงระดับสูง" และอยู่ภายใต้คำสั่งโดยตรงของจักรพรรดิ มีเพียงชาวแมนจูเท่านั้นที่เป็นสมาชิกของธงชั้นสูงสามธง และชาวจีนฮั่นที่ผ่านการสอบระดับสูงสุดมาแล้วเท่านั้นที่สามารถทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันส่วนตัวของจักรพรรดิได้ ธงที่เหลือเป็นที่รู้จักในนาม "ห้ากองธงระดับล่าง" ซึ่งได้รับคำสั่งบัญชาการจากบรรดาเชื้อพระวงศ์แมนจูที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลอ้ายซินเจว๋หลัว ซึ่งรู้จักกันอย่างไม่เป็นทางการว่า พร้อมกันนั้นได้มีการก่อตั้งสภาผู้ปกครองแห่งราชวงศ์แมนจู รวมถึงผู้บังคับบัญชากองทัพ พระโอรสของหนูเอ่อร์ฮาชื่อ หฺวัง ไถจี๋ ได้นำทัพบุกดินแดนประเทศจีนของราชวงศ์หมิง ได้ขยายระบบเพื่อรวมกองธงที่เป็นเผ่าชาวมองโกล และชาวฮั่น หลังจากการยึดครองกรุงปักกิ่งได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1644 กองทัพธงขนาดค่อนข้างเล็กนั้นถูกเสริมโดย ซึ่งประกอบด้วยกองทหารหมิงที่ยอมจำนนต่อราชวงศ์ชิงซึ่งในที่สุดมีจำนวนมากกว่าสามต่อหนึ่งกองทัพ พวกเขายังคงรักษาระบบการบริหารกองทัพยุคราชวงศ์หมิงของพวกเขาและนำมาผสมกับบรูปแบบการปกครองกองธงและเจ้าหน้าที่กองทัพมาตรฐานสีเขียว
กองทัพแปดกองธงได้มีการจัดเรียงตามกลุ่มชาติพันธุ์ ได้แก่ แมนจูและมองโกล แต่รวมถึงทาสที่ไม่ใช่แมนจูที่ลงทะเบียนสังกัดมูลนายภายใต้ครัวเรือนของเจ้านายของแมนจู ในภายต่อมาเมื่อราชวงศ์ชิงพิชิตดินแดนจีนมากขึ้น ทำให้มีการเพิ่มจำนวน ของชาวฮั่น ภายใต้การปกครองของแมนจูทำให้หฺวัง ไถจี๋สร้าง ขึ้น เมื่อแม่ทัพอู๋ซานกุ้ยแปรพักตร์เปิดด่านให้กองทัพแปดธงเข้าจงหยวน แมนจูก็สามารถยึดแผ่นดินจีนได้สำเร็จ และในช่วงเวลาที่ราชวงศ์ชิงยึดกรุงปักกิ่ง ตัวเลขของกองธงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กองธงชาวฮั่นมีสถานะและอำนาจในช่วงต้นราชวงศ์ชิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการพิชิตในช่วงจักรพรรดิซุ่นจื้อและจักรพรรดิคังซีที่พวกเขาครองตำแหน่งผู้ว่าการ-นายพลและผู้ว่าการทั่วประเทศจีน ในช่วงการขยายตัวของพลเรือนแมนจูและฮั่นในกองธง ชาวฮั่นยังมีครองอิทธิพลในกองธงเป็นจำนวนมากจนถึงกลางศตวรรษที่ 18 ผู้มาเยือนชาวยุโรปในปักกิ่งเรียกพวกเขาว่า "จีนแมนจู" หรือ "ชาวจีนแมนจู"
ในรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงทรงกังวลเกี่ยวกับการมีอิทธิพลมากเกินไปของชาวฮั่นในระบบกองธง และทรงตระหนักถึงการรักษาอัตลักษณ์ของเผ่าพันธุ์แมนจูที่เน้นภาษาเผ่าพันธุ์และวัฒนธรรมในแปดกองธง พระองค์จึงทรงเริ่มต้นการปลดทหารจำนวนกองธงชาวฮั่นจากแปดกองธงโดยสมัครใจหรือขอให้พวกเขาลาออกจากกองธงโดยสมัครใจหรือประกาศชื่อถอดถอนพวกเขาออก โดยทรงมอบทรัพย์สินปลอบใจตอบแทนเพื่อประนีประนอมกับชาวฮั่นอีกที สิ่งนี้นำไปสู่การเปลี่ยนจากเสียงส่วนใหญ่ของชาวฮั่นมาเป็นชาวแมนจูเสียส่วนใหญ่ภายในระบบกองธง และก่อนหน้านี้ทหารรักษาการณ์ที่เป็นกองธงชาวฮั่นในภาคใต้ของจีนเช่นที่ ฝูเจี้ยน, เจียงซู, กวางตุ้ง ถูกแทนที่ด้วยกองธงชาวแมนจู ในการสับเปลี่ยนกองธงซึ่งเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1754 การหมุนเวียนของจักรพรรดิเฉียนหลงส่งผลกระทบอย่างมากต่อการประจำการของทหารรักษาการณ์กองธงประจำจังหวัดต่าง ๆ ในขณะที่มีผลกระทบต่อกองธงชาวฮั่น ในกรุงปักกิ่งน้อยมาก ทำให้สัดส่วนของกองธงชาวฮั่นที่เหลืออยู่ในกรุงปักกิ่งมากกว่าจังหวัดอื่น ๆ สถานะของกองธงชาวฮั่นลดลงจากจุดนั้นด้วยการที่กองธงชาวแมนจูได้รับสถานะที่สูงขึ้น กองธงชาวฮั่นที่แต่เดิมมีจำนวนครองตำแหน่งในกองธงถึง 75% ในปี ค.ศ. 1648 รัชสมัยจักรพรรดิซุ่นจื้อ ในปี ค.ศ. 1723 ในช่วงจักรพรรดิยงเจิ้งครองราชย์ ลดเหลือ 72% ในปี ค.ศ. 1796 ในช่วงปีแรกของการครองราชย์ของจักรพรรดิเจียชิ่ง ลดลงเหลือ 43% ซึ่งเกิดภายหลังจากการลดจำนวนของจักรพรรดิเฉียนหลง
หลังจากศตวรรษแห่งสันติภาพกองทหารกองธงชาวแมนจูเริ่มอ่อนแอ พ่ายแพ้การต่อสู้หลายครั้ง ก่อนการพิชิตหมิงของชิง กองธงแมนจูนั้นเป็นกองทัพ "พลเมือง" ที่มีสมาชิกเป็นชาวนาและผู้เลี้ยงสัตว์มีหน้าที่ให้การรับราชการทหารในยามสงคราม การตัดสินใจเปลี่ยนกองธงให้กลายเป็นกองกำลังมืออาชีพที่รัฐต้องการทุกประการนำมาซึ่งการเต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่นและความเสื่อมถอยในฐานะกำลังต่อสู้ กองทัพมาตรฐานสีเขียวลดลงในทำนองเดียวกัน
กองทัพแบบใหม่
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ราชสำนักชิงเสื่อมถอยเนื่องจากไม่ยอมปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัยและมักพ่ายแพ้สงครามเรื่อยมา อีกทั้งต้องประสบจากภัยคุกคามจากเหล่าประเทศล่าอาณานิคม ฝ่ายที่อนุรักษ์นิยมที่สุดในราชสำนักชิงไม่สามารถเพิกเฉยต่อความอ่อนแอทางทหารของจีนได้อีกต่อไป ในปี ค.ศ. 1860 ในระหว่างสงครามฝิ่นครั้งที่สอง ราชวงศ์ชิงพ่ายแพ้อย่างยับเยินเมืองหลวงของกรุงปักกิ่งถูกยึดครองและพระราชวังฤดูร้อนถูกปล้นสะดมจากกองกำลังผสมของอังกฤษ-ฝรั่งเศสที่มีขนาดค่อนข้างเล็กจำนวน 25,000 คน เนื่องจากอังกฤษและฝรั่งเศสมีอาวุธที่ทันสมัยกว่า เนื่องจากการถือกำเนิดของอาวุธสมัยใหม่อันเป็นผลมาจากยุโรปมีการปฏิวัติอุตสาหกรรม ส่วนกองทัพบกและกองทัพเรือของจีนได้รับการฝึกฝนไม่เพียงพอและล้าสมัย ราชสำนักชิงพยายามที่จะทำให้กองทัพและประเทศทันสมัยในช่วงโดยพัฒนาประเทศยึดแบบตะวันตก แม้ประสบความสำเร็จในขั้นต้น แต่ให้ผลที่ยั่งยืนเพียงเล็กน้อยเนื่องจากราชสำนักขาดเงินทุนอีกทั้งยังขาดเจตจำนงทางการเมืองและไม่มีเต็มใจปฏิรูปประเทศเนื่องจากยังยึดแนวคิดแบบโบราณตามราชประเพณีที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงประเทศแบบตะวันตก
หลังราชวงศ์ชิงพ่ายแพ้ในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1894–1895 เป็นการตอกย้ำถึงความอ่อนด่อยและล้าหลังของกองทัพราชสำนักชิง เพราะการที่ราชวงศ์ชิงพ่ายแพ้ให้กับญี่ปุ่นซึ่งราชสำนักมักดูถูกว่าเป็นพวกโจรสลัดและมองว่าเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ต้อยต่ำกว่า แต่ญี่ปุ่นกลับเอาชนะราชวงศ์ชิงได้และทำลายล้างที่ทันสมัยและดีที่สุดของราชสำนักชิงได้อย่างราบคาบ ชัยชนะของญี่ปุ่นเกิดขึ้นเพียงสามทศวรรษหลังจากการปฏิรูปเมจิ โดยจักรพรรดิเมจิได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงประเทศญี่ปุ่นขึ้นให้ทันสมัยตามแบบชาติตะวันตกในความสำเร็จทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ในที่สุดในเดือนธันวาคมปี ค.ศ. 1894 หลังพ่ายแพ้สงครามและถูกประชาชนกดดันอย่างหนัก ราชสำนักชิงใช้ขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมในการปฏิรูปสถาบันทางทหารและฝึกอบรมหน่วยที่เลือกในการฝึกซ้อมยุทธวิธีและอาวุธแบบตะวันตก หน่วยเหล่านี้เรียกว่า ความสำเร็จที่สุดของสิ่งเหล่านี้คือ ภายใต้การควบคุมและการควบคุมโดยรวมของผู้บัญชาการกองทัพอดีตนายพลยฺเหวียน ชื่อไข่ ผู้ใช้ตำแหน่งของเขาในการสร้างเครือข่ายเจ้าหน้าที่ที่ซื่อสัตย์และในที่สุดเขาก็กลายเป็น ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจีนในภายหลัง
เศรษฐกิจ
ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 17 ในช่วงที่ราชวงศ์ชิงปกครองประเทศจีนนั้นเศรษฐกิจจีนได้ฟื้นจากความเสียหายที่เกิดจากสงครามที่ราชวงศ์หมิงถูกโค่นล้มและการตกต่ำทางการค้าขายขนส่งสินค้าที่เกิดขึ้น ในศตวรรษต่อมาตลาดยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ในช่วงปลายราชวงศ์หมิง แต่ด้วยการค้าระหว่างภูมิภาคมากขึ้นการพึ่งพาตลาดต่างประเทศและประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 18 ประชากรเพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านจากประมาณ 150 ล้านในช่วงปลายราชวงศ์หมิง จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นผลมาจากหลายสาเหตุรวมถึงช่วงเวลาแห่งสันติภาพและความมั่นคงในศตวรรษที่ 18 และการนำเข้าพืชใหม่ที่จีนได้รับจากอเมริการวมถึงถั่วลิสงมันฝรั่งหวานและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวสายพันธุ์ใหม่จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมากในการผลิต สมาคมผู้ค้าแพร่กระจายไปทั่วเมืองจีนที่กำลังเติบโตและมักได้รับอิทธิพลทางสังคมและการเมืองที่ยอดเยี่ยม พ่อค้าที่ร่ำรวยด้วยการติดต่อกับทางการสร้างความมั่งคั่งมหาศาล และการผลิตสิ่งทอและงานฝีมือก็มืความเจริญรุ่งเรือง
ราชสำนักชิงได้มีนโยบายขยายความเป็นเจ้าของที่ดินโดยการคืนที่ดินที่ขายให้กับเจ้าของที่ดินรายใหญ่ในช่วงต้นราชวงศ์โดยครอบครัวไม่สามารถจ่ายภาษีที่ดินได้ เพื่อให้ผู้คนมีแรงจูงใจมากขึ้นที่จะเข้าร่วมในตลาดพวกเขาลดภาระภาษีเมื่อเปรียบเทียบกับหมิงตอนปลายและแทนที่ระบบแรงงานเกณฑ์ ด้วยการจ่ายภาษีต่อหัวที่ใช้ในการจ้างแรงงาน การบริหารคลองต้า-ยฺวิ่นเหอ นั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นและการขนส่งเปิดทางให้พ่อค้าเอกชนส่วนตัว ระบบการตรวจสอบราคาข้าวช่วยลดปัญหาการขาดแคลนอย่างรุนแรงและทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นอย่างช้า ๆ และราบรื่นตลอดศตวรรษที่ 18 ราชสำนักชิงยังมีนโยบายจำกัดอิทธิพลของนายทุนพ่อค้า โดยคอยสอดส่องระมัดระวังอำนาจของพ่อค้าผู้มั่งคั่ง ราชสำนักได้จำกัดใบอนุญาตการค้าและมักจะปฏิเสธพวกพ่อค้าที่จะอนุญาตให้เปิดเหมืองใหม่ยกเว้นในพื้นที่ที่ยากจน ข้อจำกัดเหล่านี้เกี่ยวกับการสำรวจทรัพยากรในประเทศรวมถึงการค้าต่างประเทศเป็น ซึ่งเป็นสาเหตุที่เปิดช่องให้การค้าเสรีซึ่งโลกตะวันตกได้เข้ามายังประเทศจีนเพื่อเข้ามามีอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีน
ในช่วงระยะเวลาราชวงศ์หมิง-ชิง (ค.ศ. 1368–1911) การพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในเศรษฐกิจจีนคือการเปลี่ยนจากคำสั่งไปสู่เศรษฐกิจตลาด เศรษฐกิจตลาดภายหลังได้กลายเป็นแพร่หลายมากขึ้นตลอดทั่วการปกครองของราชวงศ์ชิง จากประมาณปี ค.ศ. 1550 ถึงปี ค.ศ. 1800 ประเทศจีนมีประสบการณ์การปฏิวัติเชิงพาณิชย์ครั้งที่สองการพัฒนาตามธรรมชาติจากการปฏิวัติเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของช่วงราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเห็นการเกิดขึ้นของการค้าระหว่างประเทศทางไกลของสินค้าฟุ่มเฟือย ในช่วงการปฏิวัติเชิงพาณิชย์ครั้งที่สองเป็นครั้งแรกผู้ประกอบการทำการเกษตรส่วนใหญ่เริ่มผลิตพืชผลเพื่อจำหน่ายในตลาดท้องถิ่นและระดับชาติมากกว่าเพื่อการบริโภคหรือแลกเปลี่ยนในเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม พืชส่วนเกินถูกนำไปวางขายในตลาดระดับชาติเพื่อรวมเกษตรกรเข้ากับเศรษฐกิจเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งนี้นำไปสู่ภูมิภาคที่มีความเชี่ยวชาญด้านพืชผลเพื่อการส่งออกเนื่องจากเศรษฐกิจของจีนพึ่งพาการค้าสินค้าหลักเช่น ผ้า,ฝ้าย ธัญพืช,ถั่ว,น้ำมันพืช,ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าและปุ๋ย
สังคม
จากข้อมูลในสมัยราชวงศืชิงตอนต้นและตอนกลาง พัฒนาการทางด้านสังคมมีการเจริญเติบโตสูง ประชากรเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงศตวรรษที่ 18 มีหลักฐานที่บ่งบอกว่าประชากรที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วของจักรวรรดิ ในขณะเดียวกันราชสำนักชิงก็จะมักระมัดระวังจับตาพฤติกรรมความเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันของชาวฮั่นตลอด เนื่องจากมีกลุ่มชาวฮั่นได้รวมตัวกันต่อต้านราชสำนักชิงที่มีชาวแมนจูมาปกครอง มีสมาคมลับผู้เป็นแกนนำชูอุดมการณ์ “โค่นชิงฟื้นหมิง” คือ พวกหงเหมิน (洪门) แต้จิ๋วว่า “อั่งมึ้ง” ในเมืองไทยเรียก “อั้งยี่” คำว่า อั้งหรือหง (洪) ในที่นี้เป็นคนละคำกับ อั้งหรือหง (红) ที่แปลว่า สีแดง อักษร 洪 (หง,อั้ง) ตัวนี้หมายถึง น้ำหลาก,ไหลหลาก และใช้เป็นแซ่คือ แซ่อั้ง ในภาษาแต้จิ๋ว หรือแซ่หงในภาษาจีนกลาง
มหาพจนานุกรมจีน (汉语大词典) อธิบายคำหงเหมิน ในแง่องค์กรลับไว้ว่า “หงเหมิน : สมาคมลับพื้นบ้านสมาคมหนึ่งในยุคราชวงศ์ชิง เรียกอีกอย่างว่า หงปัง (พรรคหง) เป็นขบวนการที่พัฒนามาจากเทียนตี้ฮุย (สมาคมฟ้าดิน) มุ่งโค่นชิงฟื้นหมิงเป็นจุดหมายหลัก ว่ากันว่าใช้คำว่า หง จากชื่อรัชศกหงอู่ของพระเจ้าหมิงไท่จู่เป็นคำเรียกขาน (จึงได้นามว่าหงเหมิน ชาวหง) สมาชิกของสมาคมเรียกกันว่า พี่น้องชาวหง แพร่หลายอยู่แถบลุ่มแม่น้ำแยงซีและลุ่มแม่น้ำจูเจียง ทั้งยังมีองค์กรสาขาที่จัดตั้งในโพ้นทะเลอีกด้วย
เมื่อแรกก่อตั้ง ขบวนการหงเหมินแพร่อยู่ในมณฑลฮกเกี้ยน กวางตุ้งและเจ้อเจียง แล้วค่อย ๆ ขยายกว้างออกไป ถึงยุคสงครามฝิ่น (พ.ศ. 2383) แพร่ไปหลายมณฑลตลอดจนโพ้นทะเลถึงอเมริกา มีสมาคมสาขาใช้ชื่อต่างกันมากมายทั้งในและนอกประเทศจีน
ขบวนการหงเหมินและเครือข่ายเป็นกบฏและก่อจลาจลหลายครั้ง บางส่วนเข้าร่วมกับกบฏไท่ผิง การโค่นล้มราชวงศ์ชิงของซุนยัตเซนได้รับความช่วยเหลือจากขบวนการหงเหมิน (อั้งยี่) ทั้งในและนอกประเทศจีนรวมทั้งประเทศไทยด้วย
มีความเห็นกันว่าพวกหงเหมิน (อั้งยี่) คงจะใช้เทศกาลกินเจบังหน้าหาพวกพ้องร่วมขบวนการต่อต้านราชวงศ์ชิง ศูนย์กลางอยู่ที่มณฑลฮกเกี้ยน ต่อมาถูกปราบ พลอยให้เทศกาลกินเจเสื่อมไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฮกเกี้ยน พวกหงเหมินเป็นอันมากหนีไปดำเนินการต่อในโพ้นทะเล กิจกรรมสำคัญประการหนึ่งคือสร้างโรงเจ ทำให้เทศกาลกินเจในโพ้นทะเลโดยเฉพาะอย่างยิ่งไทยกับมาเลเซียคึกคักยิ่งกว่าในจีน โรงเจเหล่านี้ส่วนมากมีกลอนคู่ (ตุ้ยเหลียน-ตุ้ยเลี้ยง) สื่อความหมาย “โค่นชิงฟื้น หมิง” อยู่ด้วย
- วิถีชีวิตประจำวันสมัยราชวงศ์ชิง
- กลุ่มวิถีของชาวจีน
- รูปปั้นครอบครัวชาวจีนสมัยราชวงศ์ชิงนั่งวงกำลังรับประทานอาหาร
การแต่งกาย
สมัยราชวงศ์ชิง ผู้หญิงชาวแมนจูจะสวมชุดคลุมยาวทรงกว้างที่มีความยาวถึงเท้า ด้านนอกจะสวมเสื้อกั๊กไม่มีแขนที่เรียกว่า “ขั่นเจียน” หรือ “หม่าเจี่ย” ทับเอาไว้ เนื่องจากชาวแมนจูมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “ฉีเหริน (ชาวกองธง)” ดังนั้นชุดคลุมยาวของสตรีจึงเรียกว่า “ชุดฉีผาว (กี่เพ้า)” แต่ชุดนี้ไม่เหมือนกับชุดกี่เพ้าที่เป็นสัญลักษณ์การแต่งกายของผู้หญิงจีนที่สืบต่อกันมาในภายหลัง ชุดกี่เพ้าของชาวแมนจูในสมัยราชวงศ์ชิงนั้นมีความกว้างและหลวม ต่อมา มีการเปลี่ยนเป็นเข้ารูปช่วงเอว และผ่านการปรับปรุงอีกมากมาย อีกทั้งยังเพิ่มเติมความเป็นกระโปรงแบบตะวันตกเข้าไป จึงกลายเป็นชุดกี่เพ้าในปัจจุบัน การแต่งกายของสตรีชาวฮั่นในสมัยราชวงศ์ชิงก็มีรูปแบบพื้นฐานมาจากสมัยราชวงศ์หมิง นั่นคือ ด้านบนสวมเสื้อ “เอ๋า” หรือเสื้อ “ซัน” ด้านล่างสวมกระโปรงหรือกางเกง
สำหรับการแต่งกายของบุรุษนั้น ชุดยาวและเสื้อกั๊กตัวสั้น “หม่ากว้า” เป็นการแต่งกายที่ผู้ชายในสมัยราชวงศ์ชิงทั้งชาวแมนจูและชาวฮั่นนิยมใส่ เสื้อหม่ากว้าเป็นเสื้อกั๊กตัวสั้นที่สวมทับชุดคลุมยาว ความยาวระดับเอว เดิมเป็นชุดที่คนทางเหนือใส่สำหรับขี่ม้า หลังจากชาวแมนจูรวบรวมแผ่นดินจีน ก็ค่อย ๆ เป็นที่นิยมไปทั่วประเทศ
- การไว้ผมเปียแบบแมนจู
- การแต่งกายของสตรีใส่ชุด กี่เพ้าในยุคราชวงศ์
-
รายพระนามจักรพรรดิราชวงศ์ชิง
พระนามที่รู้จักกันดี | พระบรมสาทิสลักษณ์/ฉายาลักษณ์ | ระยะเวลาครองราชย์ | พระนามเดิม | รัชศก | พระนามเรียกขาน (ภาษาจีน– ภาษาแมนจู) | พระนามแต่งตั้ง |
---|---|---|---|---|---|---|
นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ (21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1559– 30 กันยายน ค.ศ. 1626) | ค.ศ. 1616 ↓ ค.ศ. 1626 | นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ 努爾哈赤 (พินอิน: Nǔ'ěrhāchì) | เทียนมิ่ง 天命 Abkai fulingga | เกาตี้ 高帝 Dergi | ไท่จู่ 太祖 | |
หวงไท่จี๋ (28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1592– 21 กันยายน ค.ศ. 1643) | ค.ศ. 1626 ↓ ค.ศ. 1643 | หวงไท่จี๋ | เทียนฉง 天聰 Abkai sure (1627–1636) ฉงเต๋อ | เหวินตี้ 文帝 Genggiyen Su | ไท่จง 太宗 | |
จักรพรรดิซุ่นจื้อ (15 มีนาคม ค.ศ. 1638– 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1661) | (8 กุมภาพันธ์) ค.ศ. 1644 ↓ ค.ศ. 1661 (18 ปี) | ฟูหลิน 福臨 | ซุ่นจื้อ 順治 Ijishūn dasan | จางตี้ 章帝 Eldembure | ซื่อจู่ 世祖 | |
จักรพรรดิคังซี (4 พฤษภาคม ค.ศ. 1654– 20 ธันวาคม ค.ศ. 1722) | (18 กุมภาพันธ์) ค.ศ. 1662 ↓ ค.ศ. 1722 (61 ปี) | เสวียนเย่ 玄燁 | คังซี 康熙 Elhe taifin | เหรินตี้ 仁帝 Gosin | เซิ่งจู่ 聖祖 | |
จักรพรรดิยงเจิ้ง (13 ธันวาคม ค.ศ. 1678– 8 ตุลาคม ค.ศ. 1735) | (5 กุมภาพันธ์) ค.ศ. 1723 ↓ ค.ศ. 1735 (13 ปี) | อิ้นเจิน 胤禛 | ยงเจิ้ง 雍正 Hūwaliyasun tob | เซี่ยนตี้ 憲帝 Temgetulehe | ซื่อจง 世宗 | |
จักรพรรดิเฉียนหลง (25 กันยายน ค.ศ. 1711– 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1799) | (12 กุมภาพันธ์) ค.ศ. 1736 ↓ ค.ศ. 1796 (60 ปี) | หงลี่ 弘曆 | เฉียนตี้ 乾隆 Abkai wehiyehe | ฉุนตี้ 純帝 Yongkiyangga | เกาจง 高宗 | |
จักรพรรดิเจียชิ่ง (13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1760– 2 กันยายน ค.ศ. 1820) | (9 กุมภาพันธ์) ค.ศ. 1796 ↓ ค.ศ. 1820 (25 ปี) | หย่งเหยี่ยน 顒琰 | เจียชิ่ง 嘉慶 Saicungga fengšen | รุ่ยตี้ 睿帝 Sunggiyen | เหรินจง 仁宗 | |
จักรพรรดิเต้ากวง (16 กันยายน ค.ศ. 1782– 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1850) | (3 กุมภาพันธ์) ค.ศ. 1821 ↓ ค.ศ. 1850 (30 ปี) | หมินหนิง 旻寧 | เต้ากวง 道光 Doro eldengge | เฉิงตี้ 成帝 Šanggan | เซวียนจง 宣宗 | |
จักรพรรดิเสียนเฟิง (17 กรกฎาคม ค.ศ. 1831– 22 สิงหาคม ค.ศ. 1861) | (1 กุมภาพันธ์) ค.ศ. 1851 ↓ ค.ศ. 1861 (11 ปี) | อี้จู่ 奕詝 | เสียนเฟิง 咸豐 Gubci elgiyengge | เสี่ยนตี้ 顯帝 Iletu | เหวินจง 文宗 | |
จักรพรรดิถงจื้อ (27 เมษายน ค.ศ. 1856– 12 มกราคม ค.ศ. 1875) | (30 มกราคม) ค.ศ. 1862 ↓ ค.ศ. 1875 (13 ปี) | ไจ้ฉุน 載淳 | ถงจื้อ 同治 Yooningga dasan | อี้ตี้ 毅帝 Filingga | มู่จง 穆宗 | |
จักรพรรดิกวังซวี่ (14 สิงหาคม ค.ศ. 1871– 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1908) | (6 มกราคม) ค.ศ. 1875 ↓ ค.ศ. 1908 (34 ปี) | ไจ้ถียน 載湉 | กวังซวี่ 光緒 Badarangga doro | จิ่งตี้ 景帝 Ambalinggū | เต๋อจง 德宗 | |
จักรพรรดิผู่อี๋ (7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1906– 17 ตุลาคม ค.ศ. 1967) | (22 มกราคม) ค.ศ. 1909 ↓ (17 กุมภาพันธ์) ค.ศ. 1912 (3 ปี) | ผู่อี๋ 溥儀 | เซวียนถ่ง 宣統 Gehungge yoso | หมิงตี้ 明帝 | ชุนจง 询宗 |
วัฒนธรรมสมัยนิยม
- 13 ฮ่องเต้ตำนานจักรพรรดิราชวงศ์ชิง ภาพยนตร์ซีรีส์ของฮ่องกง เกี่ยวกับเรื่องราวของของประวัติศาสตร์จีนยุคราชวงศ์ชิง ตั้งแต่ยุคบุกเบิกและก่อตั้งราชวงศ์ไปจนกระทั่งมาถึงการล่มสลาย
- ภาพยนตร์ซีรีส์ชุด หวงเฟยหง ภาพยนตร์กำลังภายในสมัยยุคราชวงศ์ชิงตอนปลาย ซึ่งถือเป็นยุคที่ตกต่ำ บ้านเมืองอ่อนแอ เกิดศึกสงครามจากเหล่าผู้รุกรานจากชาติตะวันตก และภายในจากการฉ้อราษฎร์บังหลวงของเหล่าขุนนางในราชสำนักในปี ค.ศ. 1875 หวงเฟยหง ต้องต่อสู้เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของจีนกลับมาและช่วยชาวจีนไม่ให้ตกเป็นทาสนักล่าอาณานิคมตะวันตก
อ้างอิง
- Yamamuro, Shin'ichi (2006). Manchuria Under Japanese Domination. แปลโดย J. A. Fogel. University of Pennsylvania Press. p. 246. ISBN .
- Zhao (2006), pp. n .
- Treaty of Nanking. 1842.
- . "Second State of the Union Address". 5 Dec. 1898.
- Ebrey (2010), pp. 220–224.
- Bernard Hung-Kay Luk, Amir Harrak-Contacts between cultures, Volume 4, p.25
- Wakeman, Jr, Frederic (1985). The great enterprise : the Manchu reconstruction of imperial order in seventeenth-century China (Book on demand. ed.). Berkeley: University of California Press. p. 892. ISBN .
- Spence (2012), p. 39.
- Beverly Jackson and David Hugus Ladder to the Clouds: Intrigue and Tradition in Chinese Rank (Ten Speed Press, 1999) pp. 134–135.
- Bartlett (1991).
- Naquin (2000), p. 372.
- Naquin (2000), p. 380.
- CrossleySiuSutton (2006), p. 50.
- Liu & Smith (1980), pp. 251–273.
- Myers & Wang (2002), pp. 564, 566.
- Myers & Wang (2002), p. 564.
- Murphey (2007), p. 151.
- Myers & Wang (2002), p. 593.
- Myers & Wang (2002), pp. 593, 595.
- Myers & Wang (2002), p. 598.
- Myers & Wang (2002), pp. 572–573, 599–600.
- Myers & Wang (2002), pp. 606, 609.
- Jonathan, Porter. Imperial China, 1350–1900. Lanham. ISBN . OCLC 920818520.
- เทศกาลกินเจ กับ สมาคมลับเพื่อโค่นชิงฟื้นหมิง ศิลปวัฒนธรรม. 16 พฤษภาคม 2560
- โจวจยาหรง. ประวัติศาสตร์จีน. กรุงเทพมหานคร: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์, 2546.
ดูเพิ่ม
- Bickers, Robert (2011). The Scramble for China: Foreign Devils in the Qing Empire, 1832–1914. Penguin. ISBN .
- Cotterell, Arthur (2007). The Imperial Capitals of China – An Inside View of the Celestial Empire. London: Pimlico. ISBN .
- Dunnell, Ruth W.; Elliott, Mark C.; Foret, Philippe; และคณะ, บ.ก. (2004). New Qing Imperial History: The Making of Inner Asian Empire at Qing Chengde. Routledge. ISBN .
- Esherick, Joseph; Kayalı, Hasan; Van Young, Eric, บ.ก. (2006). Empire to Nation: Historical Perspectives on the Making of the Modern World. Rowman & Littlefield. ISBN .
- Fairbank, John K.; Liu, Kwang-Ching, บ.ก. (1980). Late Ch'ing 1800–1911, Part 2. . Vol. 11. Cambridge: Cambridge University Press. ISBN .
- Hummel, Arthur W (1944). Eminent Chinese Of The Ching Period 1644-1912. (2 vol) Vol. 2.
- Leung, Edwin Pak-wah (1992). Historical dictionary of revolutionary China, 1839–1976.
- Leung, Edwin Pak-wah (2002). Political Leaders of Modern China: A Biographical Dictionary.
- Morse, Hosea Ballou. The international relations of the Chinese empire
- Vol. I: The period of conflict, 1834-1860 (1910)
- Vol. II: The period of submission, 1861-1893 (1918)
- Vol. III: The period of subjection, 1894-1911 (1918)
- Owen, Stephen (1997). "The Qing Dynasty: Period Introduction" (PDF). ใน Owen, Stephen (บ.ก.). An Anthology of Chinese Literature: Beginnings to 1911. New York: . pp. 909–914. (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-03.
- Paludan, Ann (1998). Chronicle of the Chinese Emperors. London: Thames & Hudson. ISBN .
- Peterson, Willard, บ.ก. (2003). The Ch'ing Empire to 1800. The Cambridge History of China. Vol. 11. Cambridge: Cambridge University Press. ISBN .
- Setzekorn, Eric (2015). "Chinese Imperialism, Ethnic Cleansing, and Military History, 1850-1877". Journal of Chinese Military History. 4 (1): 80–100. doi:10.1163/22127453-12341278.
- Smith, Richard Joseph (2015). The Qing Dynasty and Traditional Chinese Culture. Rowman and Littlefield. ISBN .
- Spence, Jonathan (1997). God's Chinese Son: The Taiping Heavenly Kingdom of Hong Xiuquan. New York: W. W. Norton & Company. ISBN .
- Stanford, Edward (1917). Atlas of the Chinese Empire, containing separate maps of the eighteen provinces of China (2nd ed.). Legible color maps.
- Struve, Lynn A. (2004). The Qing Formation in World-Historical Time. Harvard University Asia Center. ISBN .
- Waley-Cohen, Joanna (2006). The culture of war in China: empire and the military under the Qing dynasty. I.B. Tauris. ISBN .
- Woo, X.L. (2002). Empress dowager Cixi: China's last dynasty and the long reign of a formidable concubine: legends and lives during the declining days of the Qing dynasty. Algora Publishing. ISBN .
- Zhao, Gang (2013). The Qing Opening to the Ocean: Chinese Maritime Policies, 1684–1757. University of Hawaii Press. ISBN .
Primary source collections and reference
- Brunnert, I. S.; Gagelstrom, V. V. (1912). Present Day Political Organization of China. แปลโดย Edward Eugene Moran. Shanghai: Kelly and Walsh. Lists bureaucratic structure and offices, with standard translations.
- MacNair, Harley Farnsworth, บ.ก. (1923). Modern Chinese History Selected Readings. Shanghai: Commercial Press; starts in 1842
{{}}
: CS1 maint: postscript () - The China year book. 1914.
Historiography
- Newby, L.J. (2011). "China: Pax Manjurica". Journal for Eighteenth-Century Studies. 34 (4): 557–563. doi:10.1111/j.1754-0208.2011.00454.x.
- Ho, Ping-Ti (1967). "The Significance of the Ch'ing Period in Chinese History". The Journal of Asian Studies. 26 (2): 189–195. doi:10.2307/2051924. JSTOR 2051924. S2CID 162396785.
- —— (1998). "In Defense of Sinicization: A Rebuttal of Evelyn Rawski's 'Reenvisioning the Qing'". The Journal of Asian Studies. 57 (1): 123–155. doi:10.2307/2659026. JSTOR 2659026.
- (2000). "The Late Imperial Chinese State". ใน Shambaugh, David L. (บ.ก.). The Modern Chinese State. New York: Cambridge University Press. pp. 15–36. ISBN .
- Rawski, Evelyn S. (1996). "Reenvisioning the Qing: The Significance of the Qing Period in Chinese History". The Journal of Asian Studies. 55 (4): 829–850. doi:10.2307/2646525. JSTOR 2646525.
- Sivin, Nathan (1988). "Science and medicine in imperial China—The state of the field". Journal of Asian Studies. 47 (1): 41–90. doi:10.2307/2056359. JSTOR 2056359. PMID 11617269.
- Wu, Guo (May 2016). "New Qing History: Dispute, Dialog, and Influence". Chinese Historical Review. 23 (1): 47–69. doi:10.1080/1547402X.2016.1168180. S2CID 148110389. Covers the New Qing History approach that arose in the U.S. in the 1980s and the responses to it.
- Yu, George T. (1991). "The 1911 Revolution: Past, Present, and Future". Asian Survey. 31 (10): 895–904. doi:10.2307/2645062. JSTOR 2645062.
แหล่งข้อมูลอื่น
- ปิยดา ชลวร. “เมื่อแมนจูเข้ามาปกครองฮั่น: การก่อตั้งและปกครองครองจีนในช่วงแรกของราชวงศ์ชิง” ใน ปกรณ์ ลิมปนุสรณ์ (บก.), เหตุเกิดในราชวงศ์ชิง. น. 14-45. กรุงเทพฯ: ชวนอ่าน, 2555.
- ประวัติราชวงศ์ชิง[] จากเว็บสถานีวิทยุ ซี.อาร์.ไอ. ปักกิ่ง ภาคภาษาไทย
- อัญมณีในราชวงศ์ชิง 2006-02-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จากเว็บสถานีวิจัยอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ
ก่อนหน้า | ราชวงศ์ชิง | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ราชวงศ์หมิง | ราชวงศ์ในประวัติศาสตร์จีน (ค.ศ. 1644–1912) | สาธารณรัฐจีน |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixactxngkartrwcsxbtnchbb odyaekskrachkhunepn kh s tamedim ephraakxnepliynwnkhunpiihm piehluxmknxyu imxacexa 543 bwklbtampktiid khunsamarthchwyphthnabthkhwamid rachwngsching phasaaemncu daicing gurun phasacin 清朝 phinxin qing chao chingecha hruxbangeriyk rachwngsaemncu pkkhrxngaephndincintxcakrachwngshming aelathuxepnrachwngssudthaykhxngpraethscin tngaet kh s 1636 thung kh s 1912ckrwrrditaching 大清kh s 1636 1912thng kh s 1889 1912 traphrarachlyckrephlngchati kh s 1911 1912 kngcinoxw Gong Jin ou khxihckrwrrdikhxngeracngekhmaekhng source source track track track track track track track track track track track track track xanaekhtkhxngckrwrrdichinginchwngthiaephxanackwangthisudinpi kh s 1760 dinaednphayitkarkhwbkhumkhxngrachsankaesdngdwysiekhiywekhm aeladinaednthixangsiththiaetmiidkhwbkhumaesdngdwysiekhiywxxnsthanackrwrrdiemuxnghlwngechinhyang kh s 1636 1644 pkking kh s 1644 1912 phasathwipphasacin phasaaemncu phasamxngoklsasnaeta khngcux phuthth khrist xislam xunedmanimchawcinkarpkkhrxngsmburnayasiththirachy kh s 1636 1911 rachathipityphayitrththrrmnuy kh s 1911 1912 ckrphrrdi kh s 1636 1643ckrphrrdichngetx phraxngkhaerk kh s 1661 1722ckrphrrdikhngsi kh s 1908 1912ckrphrrdies wiynthng phraxngkhsudthay kh s 1911 kh s 1911 1912y ehwiyn chuxikhsphanitibyytisphaphicarna kh s 1636 1733 kh s 1910 1912 prawtisastr karkxtngcinyukhhlngkh s 1616 epliynchuxcak cin epn ching emsayn kh s 1636 phichitkrungpkking6 mithunayn kh s 1644 sibkarthphihykh s 1755 1792 kbtithphingethiynkwkh s 1850 1864 karptiruprxywnkh s 1898 karptiwtisinihaelackrphrrdies wiynthngslaphrarachsmbti12 kumphaphnth kh s 1912prachakr kh s 1740140 000 000 kh s 1790301 000 000 kh s 1898395 918 000kxnhna thdiprachwngscinyukhhlngrachwngschunrachwngshmingitrthkhansungkar satharnrthcin kh s 1912 1949 rthkhanbxkdmxngokeliythiebt kh s 1912 1951 ckrwrrdichingchuxphasacinphasacin清朝karthxdesiyngphasacinklangmatrthanhny hwiphinxinQing Chaoewd iclsCh ing1 Ch ao2mhackrwrrdichingxksrcintwetm大清帝國xksrcintwyx大清帝国karthxdesiyngphasacinklangmatrthanhny hwiphinxinDa Qing Diguoewd iclsTa2 Ch ing1 Ti4 kuo2rachwngscinyukhhlngxksrcintwetm後金朝xksrcintwyx后金朝karthxdesiyngphasacinklangmatrthanhny hwiphinxinHou Jin ChaochuxphasaaemncuxksraemncuxksrormnDaiqing gurun idching kurung xmaka ixsing kurung rachwngschingimidkxtngodychawhnsungepnchnswnihykhxngpraethscin aetepnchawaemncusungxasyxyuinekhtaemncueriy thangtawnxxkechiyngehnuxkhxngsatharnrthprachachncininpccubn insmynn chawaemncuepnephiyngchnklumnxyerrxnthangtawnxxkechiyngehnuxkhxngcin sungyngimmikhnruckmaknn inchwngthirachwngshmingkhxngchawcinhnxyuinsphaphxxnaex ekidclaclaelakaremuxngiresthiyrphaph rachwngschingnnidkxtngodychnepha odytrakulxaysinecwhlwepnphuna tngxyuindinaednaemncueriy inplaystwrrsthisibhk nuexxrhachux phunaephahnuecinidaekhngkhximyxmkhunkbrachwngshmingaelaiderimcdtngkxngthphaepdkxngthngkhun sungepnkxngthphthirwmephatang ekhadwykn xnidaek chawcinhnaela chawmxngokl nuexxrhachux idrwmephahnuecinepnpukaephnaelaepliynchuxepn aemncu nuexxrhachux thuxidwaepnphunachawaemncukhnaerkthiidthuxoxkasrwbrwmkalngphl inpi kh s 1637 h wng ithci oxrskhxngnuexxrhachux idnakxngthphkhbilkxngthphrachwngshmingxxkcakkhabsmuthrehliywtng aelakxtngrachwngsihm chuxwa rachwngsching inpi kh s 1636 idekidkbdchawnanaody hli cuxeching nakalngekhayudkrungpkking emuxnghlwngkhxngrachwngshming naipsukarlmslaykhxngrachwngshming hli cuxechingidtngtnexngepnckrphrrdikxtngrachwngschunkhunmaaethn inkhnaediywknphunarachwngsching ckrphrrdisuncux iderimnakxngthphrukranaephndincinaelalxmkrungpkking xu sankuy aemthphrachwngshmingphuthrys idaexbtidtxkbkxngthphaemnculb aelaepidpratupxmdansnih thaihkxngthphaemncuaepdkxngthng naodytwexxrkun ekhayudkrungpkkingidsaerc rachwngschunlmslay emuxkxngthphaemncunaekhabukyudkrungpkkingsungepnxditrachthanikhxngrachwngshmingid ckrphrrdisuncuxidsthapna ckrwrrditaching phasacin 大清帝國 phinxin daqingdiguo aetinrayaaerkkhxngpkkhrxngkhxngrachwngsching chawaemncuideriyktaaehnngckrphrrdikhxngtnwa tamaebbmxngokl ckrphrrdiaemncuyngthrngihkarxupthmphsasnaphuththaebbthiebt rachwngschingpkkhrxngodyichrupaebbkhngcux aetinkarpkkhrxngnnyngmichawcinhnthitxtankarpkkhrxngkhxngchawaemncuxyu aelaidrwmtwknepnaelaidekidkbtsamecaskdina khxngxu sankuy aetkxkbdkhxngchawhnidthukthangkarrachwngschingprabpramidsaerc inrchsmykhxngckrphrrdikhngsi ph s 2204 2265 phayhlngkartxtankhxngchawhnnnthaihrachwngschinghnmaichnoybaypranipranxmaelaphxnprn odyxnuyatihchawhnmisiththisxbcxhngwnekharbrachkar aelamisiththiethaethiymkbchawaemncuidbangxyang inrchsmyckrphrrdiechiynhlngthuxepnyukhthxngthirungeruxngkhxngrachwngsching phraxngkhmiphrarachprasngkhthicakhyayxanaekhtkhxngckrwrrditachingodyrwmexechiyklangaelabangswnkhxng exechiytawnxxkechiyngit idaek phmaaelaewiydnam singnaipsukarrbkhrngihyhruxthieriykwa sibkarthphihy tlxdrchsmykhxngckrphrrdiechiynhlngmikarichrabbrthbrrnakarhruxcimkxng odycamikareriykekhruxngrachbrrnakarcakbrrdapraethsephuxnban inplaysmykhxngrachwngsching thuxwaidepnyukhtktakhxngrachwngs karpkkhrxngkhxngrachwngsepnipdwykhwamlmehlw ekidkarchxokng sngkhmesuxmothrm phawaxdxyak xikthngtxngprasbkbkarthukrukrancakbrrdachatinklaxananikhmenuxngcakinkhnannekidckrwrrdiniymaelalththilaxananikhmkhun praethstawntkinyuorp iderimlaxananikhminemuxngcin odymickrwrrdixngkvsepnchatiaerk xngkvsidnafinmamxmemachawcinthaihrachsankchingxxnaex naipsusngkhramfinthung 2 khrng sungrachwngschingepnfayphayaephthaihtxngsuyesiyekaahxngkngaekxngkvs xikthngtxngthasnthisyyaimepnthrrmcanwnmakkbchatitawntk aelacintxngesiyekaamaekaihoprtueks rwmthungesiysiththisphaphnxkxanaekht rachwngschingyngphayaephsngkhramcin yipunkhrngthihnung sungthaihcinsuyesiyekahliaelaekaaithwn aekyipun xikthngkarekidkbdnkmwy inpi ph s 2442 thaihchawcinrusukxpysxdsuepnxyangmak ckrphrrdikwangsuidthrngphyayamthakarptirupphthnapraethsihthnsmyaetaephnkarkhxngphraxngkhklbthukthalaylngody phranangsusiitheha sungthuxepnphukhdkhwangkarphthnasusmyihmkhxngckrwrrditaching tlxdrayaewlathirachwngschingrasarasay epnpraethslahlngaelawunway chawcinthukchawtawntkaelayipun khnannamwaepn khiorkhaehngexechiy thaihchawcinbangswntxngkarkxbkuskdisrikhxngpraeths odymikhwamkhidthicaepliynaeplngpraethsihecriyaelaepnprachathipity odymikhbwnkarthngehminghuy mi dr sun ytesn epnphuna rachwngschingkhrxngaephndincincnthungpi ph s 2454 ekidkarptiwtisinihsungepnkarlukhuxtxtanrachwngsching rachwngschingthukyudxanacinpinn aelain ph s 2455 ckrphrrdiphuxi ckrphrrdixngkhsudthaythukbngkhbihslarachsmbti thuxepncudxwsankhxngrachwngsching aelakarpkkhrxngrabxbsmburnayasiththirachyepnewlanb 5 000 pikhxngprawtisastrcin thngehminghuyidepliynaeplngpraethsnaipsukarpkkhrxngaebbprachathipity aelamichuxpraethswa satharnrthcinchuxnuexxrhachuxtngtnepn khanaehngaesngswang aehng cin thiaeplwa thxng ephuxepnekiyrtiaekxanackrobran instwrrsthi 12 13 khxngchawodymirachwngscinpkkhrxng aelaephuxepnekiyrtiaed trakulxaysinecwhlw xaysin epn phasaaemncu sahrbthbsphthphasacin khawa 金 cin thiaeplwa thxngkha txmainrchsmyh wng ithci idthrngepliynchuxpraethsepn ckrwrrditaching inpi ph s 2179 odykhawa ching aeplwa brisuththi hrux ihm chuxkhxngkhawachingnn mikarsnnisthaninyukhhlngwaxaccaepnkaraethnthikhawa hming 明 khxngrachwngshming sungprakxbdwy twxksrcin khawa dwngxathity 日 aela dwngcnthr 月 sungthngsxngkhaekiywkhxngkbthatuifkhxnginsastrhwngcuy inkhnathikhawa ching 清 ekidcakkarrwmxksrkhxngkhawa na 氵 aelaxksrkhawa sifa 青 sungthngsxngkhaekiywkhxngkbthatuna sungphrrnnaaesdngihehnthungkarthirachwngschingchna if dwy na hlngcakthichawaemncuyudkhrxngaephndincinidthnghmd chawaemncukidrbexaxiththiphlcak maprbich mikarichchuxeriykckrwrrdikhxngtnwa cin 中國 cngkw thiaeplwa xanackrsunyklangkhxngolk sungtrngkbphasaaemncu dulimib kurung dulimib aeplwa sunyklang hrux trngklang kurung aeplwa chati hrux rth rachsankchingmikarphrrnnathungckrwrrdikhxngtnodyepriybesmuxn kbsunyklangolkaelackrwal ehmuxninsmyrachwngshywnkhxngchawmxngokl ckrphrrdirachwngschingthukphraxngkhtngaet h wng ithci epntnmacaich khawa cin kb ching epnchuxeriykckrwrrdi slbknipma mikarichphasacin dulimib kurung xi bietx epnphasaklanginkarsuxsarkhxngckrwrrdi aelaeriykrasdrinckrwrrdiwa chawcin 中國之人 cngkw cux erin phasaaemncu dulimib kurung xi niylma ephuxkhwamepnexkphaphaelahnungediyw inexksarsakhyekiywkbrachsankaelaexksar snthisyyarahwangpraeths rachwngsching epnthiruckkninkartidtxrahwangpraethsinchux cin hrux ckrwrrdicin prawtikxtngrthaemncu dinaednaemncueriydinaednaemncueriyethiybkbaephnthipraethscinpccubn prakxbdwy aemncueriyin siaedng swntawnxxk mxngokeliyin sichmphu rachwngschingnnepnrachwngsthiimidthukkxtngodychawcinhn sungepnchnchatiswnihykhxngpraethscin aetthukkxtngodychawaemncu hrux 女眞 Jurchen sungepnchnephaerrxn chawhniecinmilksnakaraetngkaytangcakchawcinhnodyniymiwthrngphmaebb oknkhrunghw aelaiwphmhangepiykhanghlng chawhniecinichchiwitodykar lastw thakarekstr inbriewnphakhtawnxxkechiyngehnuxkhxngdinaednckrwrrdirachwngshming inaerkerimrthaemncuepndinaednkhxngchnephathieriyktwexngwa chawhniecin xasyxyubriewn mnthlcihlin mnthlehyhlngeciyngkhxngpraethscin aelabangswninpraethsrsesiyxnidaek dinaednprimxrski bangswnkhxngdinaednhabarxfskhaelaaekhwnxamur dinaednkhxngchawhnieciniderimepnhnungediywemuxmiphunachux nuexxrhachux caktrakul xaysinecwhlw mixanacxyuinbriewn sunginkhnannepnswnhnungkhxngrachwngshming chawhniecinthukthangkarthiepnchawcinhncakrachsankhmingmxngwaepnkhnpaethuxnnxkkaaephngemuxngcin mikarkdkhiaelaekbphasichawhniecinxyangmhasal srangkhwamekliydchngihkbchawhniecin intn odyerimaerk nuexxrhachuxidyxmswamiphkdikbrachwngshming aelarbtaaehnngepnkhunnangkhxngrachwngshming khrxngthidinthangtawnxxkechiyngehnux hrux emuxrachwngshmingxxnaexlng nuexxrhaidthuxoxkastngtnepnxisraimkhunkbxanaccakrachsankhming idrwbrwmchnephahnuecinrxbkhangepnhnungediyw aelaepliynchuxepn aemncu thngyngtngtnepn khan aehngkhunin ph s 2152 sxngpitxmanuexxrhachux idprakasepnkarprakassngkhramkbhming nuexxrhachuxidhyudsngekhruxngrachbrrnakarihrachwngshming ethakbepnkarprakasimkhuntxxanacrachwngshming thngyngidyuyngihephahniecinthiehluxaekhngkhximxyuitxantikhxnghming aelaihhnmarwmkalngepnephaaemncu inthikhnathirachsankhmingkalngxxnaexcakpyhakaremuxngphayin thaihkxngthphkhxnghmingxxnaexphayaephaekkxngthphaemncukhxngnuexxrhachuxeruxyma karidrbchychnaxyangtxenuxngkhxngkxngthphaemncu thaihnuexxrhachux yudemuxngsakhy khxnghmingaethbkhabsmuthrehliywtng idepncanwnmak ekhayayemuxnghlwngmathiehliywhyang inpi ph s 2164 aela echinhyang 沈阳 瀋陽 Shenyang inpi ph s 2168 tamladb karthinuexxrhachuxidyayemuxnghlwngcakeciynocwmathiehliywtngthaihaemncuidkhrxbkhrxngaehlngthrphyakrephimmakkhun thngyngthaihekhaidtidtxkbephamxngokl thimixanackrtngxyubnthirabkhxngmxngokeliy idsadwkkhun sungrachsankhmingmxngchawmxngoklepnphytxckrwrrdiphx kbphwkaemncu nuexxrhachuxidthakarphukmitraelathasyyaphnthmitrkbkhxrchinaehngmxngoklrwmkbtxtanrachwngshming nxkcakniphwkmxngoklkhxrchinyngepnphnthmitrthidikhxngaemncuinkarrb thaihchawhniecinideriynruthksakhwamchanayinkaryingthnukhima ephuxepnkaresrimsrangkhwamsmphnthkbmxngokl nuexxrhachux idrierimnoybaykaraetngngandxngyatirahwangephaaemncukbephamxngokl thaihkhwamsmphnthkbmxngoklaenbaennkhunipxik epnehtuihchawmxngoklidrwmrbaelachwyehluxchawaemncutlxdsmykhxngrachwngsching inkhnaediywknnuexxrhachuxiderngsrangesrsthkic aerngngan aelaethkhonolyikhxngrth odykarcbchawcinthixasyinaemncueriymaepnthas nuexxrhachux sthapnaemuxngechinhyang ihekhmaekhngaelamnkhngyingkhunipxik aetineduxnmkrakhm ph s 2169 ekhaidrbbadecbcakkarrbkbaemthphexkkhxnghming hywn chnghwn phuekngkac inkhnanakxngthphekhalxmemuxnghninghywn in nuexxrhachuxswrrkhtinpiediywkn khwamsaercthisakhysinghnungkhxngnuexxrhachuxkhuxkartng sungepnrabbinkaraebngsaykarpkkhrxngxxkepnswn mipraoychnthngthangdankarpkkhrxngaelakarthhar odyaerkerimnnmi 8 kxngthng hrux kxngthphaepdkxngthng phusubbllngkcaknuexxrhachux khux hwngithci phusungkhunmamixanacsubtxcaknuexxrhachux hlngcakkarchwngchingrachsmbtiinrachwngsaelakhunepnkhanxngkhihm aemwahwngithcicaekhymiprasbkarninkarrwmrbinaepdkxngthphkhxngkxngthphaemncu aetinrchsmyaerkkhxnghwngithcinnkarthharyngimekhmaekhngethathikhwr inpi ph s 2170 kxngthphaemncukidphayaephihkbkxngthphhmingxikkhrngnaody hywn chnghwn karrbkhrngkxnhnaninn karthikxngthphaemncuprasbkbkhwamprachyenuxngmacakkarthikxngthphhmingidichxawuthpunihyaelapunkhabsilacakoprtueks ephuxaekikhpyhakhwamdxykwathangdanethkhonolyixawuth inpi ph s 2177 hwngithci srangkxngpunihykhxngtnexngkhun hrux phasaaemncu xuecn chuha phasacin 重軍 kxngpunihydngklawidmacakkaryudxawuthpunihykhxnghming aelaechlysukchawcinhnphumikhwamrudankarhlxpunihyaebbtawntk inpi ph s 2178 hwngithci idprbprungrabbkxngthngodyrwmchawmxngokl sungepnphnthmitrihxyuinkxngthngdwy txmainpi ph s 2179 hwngithciiderimocmtixanackrochsxnhruxekahli sungchawaemncuthuxwaepnstrukhxngtn enuxngcakxanackrochsxnepnpraethsrachxyuitxantikhxngrachwngshming aelaidchwyehluxrachwngshmingthakbsngkhramkbaemncuxyutlxd hlng xanackrochsxnidphayaephihaekkxngthphaemncu ekahlithukyudkhrxng kstriyaehngochsxnidthukbngkhbihykecahyingihepnnangsnmkhxngecachayaemncuhruxphusaercrachkartwexxrkun hwngithciyngkhngphthnakxngthngxyangtxenuxng ekhaidtngkxngthngaerkthiepnchawhnkhun aelaidmikarnarabbthrrmeniymkarpkkhrxngaebbrachwngshmingmaprbichbangswn aetkyngihsiththiphiesskbhnwypkkhrxngkhxngaemncuexngodyrabbokhwta karptirupthangthharehlanithaihhwngithcisamarthexachnakbkxngthphhmingidxyangrwderwinkartxsurahwangpi ph s 2183 thungpi ph s 2185 thaihiddinaedn aela thaihaemncukhrxbkhrxngdinaednaemncueriy briewnphakhtawnxxkechiyngehnuxkhxngcinidthnghmd chychnakhrngsudthaynisngphlihkxngthphrachwngshmingaethbesuxmsphaphinkarsurb mithharkxngthphrachwngshminghnmayxmswamiphkdicanntxaemncuepncanwnmak kartaykhxnghywn chnghwn aemthphhming odykhasngpraharchiwitcakphraecahmingsuxcng enuxngcakechuxkhaphudkhxngehlakhnthiinrachsankwa hywn chnghwn khidthrysaelatngtnepnihy thaihhywn chnghwn thukprahar aelanaipsukarthxythphkxngthphkhxnghmingbriewnthangtxnehnuxkhxngkaaephngemuxngcin emuxlingtnkhan mhakhanxngkhsudthaykhxngmxngoklsinphrachnmlngrahwangedinthangipthiebtinph s 2177 butrkhxngekhanam execykhan idswamiphkditxkxngthphaemncuaelamxbkhxngxditckrphrrdihywnihhwngithci in ph s 2179 hwngithciepliynchuxrthaemncu thichux xanackrcin epn xanackrtaching aeplwa brisuththi aelasthapnatnepn ckrphrrdiithcng phraxngkhthrngrwmmxngokeliy ekahli aelakhrxbkhrxngphunthilum hruxinpccubn nxkcakniphraxngkhidmiphrarachprasngkhhmaythicakhyayxanaekhtipnxkaemncueriy sungkkhuxthangtxnithruxdinaedncinthithukpxngkndwypxmsanihkwan 山海关 山海關 Shanhǎi Guan sungepn danpxngknsudthaykhxngrachwngshming karprakasxantiaehngswrrkh ckrphrrdiithcngswrrkhtxyangkathnhnineduxnknyayn ph s 2186 odyimmikaraetngtngrchthayath odypktichawaemncucakhdeluxkphunakhxngphwkekhaphansphakhunnang rachwngschingimmirabbkarsubthxdtaaehnngrchthayathcnkrathngthungrchsmyckrphrrdikhngsi phuthikumxanacmakthisudinewlannoxrschaythixayumakthisud ehaekx aela phraechsthakhxngphraxngkh khux twexxrkun twexxrkunidecrcapranipranxmephuximtxngkarihekidkaraeyngchingbllngkrchthayathcungxyechiy fuhlin oxrswyhachnsakhunkhrxngrachyepn ckrphrrdisuncux odymitwexxrkunepnphusaercrachkar aelaepnphunaodyphvtinykhxngaemncu rthbalrachsankhmingnxkcakcatxngthasngkhramxyangtxenuxngkbaemncu yngtxngephchiykbpyhaphayin echn pyhathangdankarenginkarkhlng aelakarprabpramkbdchawna karyudkhrxngpraethscin phaphwad kxngthphaemncuekhaocmtikxngthphhminginpi kh s 1619 insmyphraecahmingsuxcng 明思宗 aehngrachwngshming ekidehtukarnsakhyhlaykhrng idaek karphnwkthidin karekbphasiebdetld khwamimphxickhxngthhar aelaphyaelngkhrngihy thnghmdthaihprachachnaelathharimphxicrachwngshmingxyangmak aelarwmtwepnklumyxykxclaclinhlayphunthi kinewlahlaypi inthisudkrwmtwknkxclaclkhrngihy sungnaody hlicuxeching 李自成 Lǐ Zicheng xditkhunnangchnphunxykhxngrachwngshming idnakalngekhayudkhrxngkrungpkking rachthanikhxngrachwngshming ineduxnemsayn ph s 2187 cnphraecahmingsuxcngtxngphukphrasxplngphrachnmtwexngthitnimbneninekhathimxngehnphrarachwngtxnghamidchd thuxepncudxwsankhxngrachwngshming hlngcakthiyudkhrxngkrungpkkingaelw hlicuxechingidtngprabdaphieskepnckrphrrdikxtngrachwngschunkhunmaaethn aelaidnakalngphl 60 000 nay bukephchiyhnakbxusankuy 吳三桂 Wu Sangui nayphlhmingthikhumkxngkalngkwa 100 000 nay thipracaxyuinpxmsanihkwan pxmsanihkwanepnpratukhxngkaaephngemuxngcinphanipsutawnxxkechiyngehnux tngxyuthangtawnxxkechiyngehnuxkhxngkrungpkking pxmsanihkwanthuxepncudyuththsastrsakhythikhxyknphwkaemncuxyuthixawimihekhamasuaephndincinthangitid aelapxngknimihrachthanipkkingkhxnghmingthukaemncuekhayudkhrxng nayphlxucnmumstruthng 2 thang thngklumkbtkhxnghlicuxechingaelakxngthphaemncu epnthisnnisthanwa nayphlxu xaccaidrbkarptibtiimdiodyhlicuxeching odyhlngcakthihlicuxechingyudkrungpkkingaelwbrrdakhrxbkhrw thrphysinkhxngnayphlxu thukyudiphmd rwmthngidmitananbxkelawa hlicuxechingynglkphaexanang phrryaoprdkhxngnayphlxuipepnkhxngtndwy thaihnayphlxuokrthaekhnepnxyangmak cungtdsinicthicaswamiphkditxaemncusungmixngkhchaytwexxrkun phusaercrachkaraethnckrphrrdisuncux aelaidepidpratupxmdansanihkwanihkxngthphaemncuekhamaidsaerc wnthi 27 phvsphakhm ph s 2187 thngkxngthphkhxngnayphlxuaelakxngthphaemncuekhalxmklumkbthlicuxechingiw klumkbtmikalngimephiyngphxcarksaemuxngiwid cungtxngtifawnglxmxxkiptngmnthixun faykxngthphnayphlxukplxyihklumkbttifaipidephraaxxnaernghlngcaktxngtxsukbkxngthphaemncukxncaswamiphkdi kxngthphaemncuidekhayudkrungpkkingidinwnthi 6 mithunayn inpiediywkn twexxrkunaemthphaemncuphuyudkrungpkkingidechiyphrarachwngsxaysinecwhlwmaprathbthiphrarachwngtxnghamsungepnthiprathbkhxngkhxngxdithxngetrachwngshmingthikrungpkking ckrphrrdisuncux epnckrphrrdiaemncuphraxngkhaerkthiekhaprathbinphrarachwngtxngham xikthngidtngrachwngskhunaebbcinaelaekhapkkhrxngaephndincinsmytnrachwngschingtwexxrkun phusaercrachkaraehngrachwngschingmibthbathxyangmakinchwngtnkhxngrachwngs enuxngcaktnrachwngsmikbtekidkhunepncanwnmakthaihrachwngschingtxngrwmmuxkbkhunnangrachwngshmingthithryschatiprabkbthmingit hlngcakkbthmingitsinsudemuxpi 1662 pi 1673 ekidkbtsamecaskdina rachwngschingichewlaprabkbtthangit 8 pi 1673 1681 prabhmingit kxngthphaemncuekhayudkhrxngdinaedncintxnit prabhmingit nbcakpi kh s 1644 hlngxusnkuyepiddansnihkwnihkxngthphchingbukekhayudkhrxngaephndincin cnhxngethmingsuxcngtxngplngphrachnmtnexng yngihrachwngshmingxnepnrachwngssudthaykhxngchnchawhntxngxwsanlng inpiediywkntwexxkun aemthphihykhxngaemncukidthulechiysuncux ihesdcmaprathbyngbllngkhxngetaehngrachwngschinginkrungpkking thharaemncuaehngkxngthphaepdkxngthng thwainyamnn yngkhngmikxngkalngthharkhxngtahming aelakxngthphprachachnthitxtanaemncuxyuthwip thaihrachsankching txngrwmmuxkbxditkhunnangrachwngshmingthiaeprphktrxyangxusnkuy ekingcnghming 耿仲明 sngekhxsi 尚可喜 khngohywetx 孔有德 radmkalngprabkxngkalngthangitxyangfuxxng hluxxng thngxxng kuyxxngaelakxngkalngtangthiehluxxyu phaphwad ehtukarnkarkhalangemuxnghyangocw kxngthphaemncusngharchawhnxyangohdray hlngcakkxngthphaemncuaehngrachwngschingsamarthekhadanmayudkhrxngpkking kxtngrachwngschingbnaephndincinidinpi kh s 1644 nnsthankarnodyrwminewlann aephndincinthukaebngepnsxngswnihy khuxfngehnuxkbfngit odyfngehnuxxyuphayitkarpkkhrxngkhxngrachwngsching misunyklangkarpkkhrxngxyuthipkking phayitphrarachxanackhxngckrphrrdisuncux swnfngitxyuphayitxiththiphlkhxngrachwngshnanhming hrux kxtngodyxditechuxphrawngsaelakhunnangrachwngshmingcanwnhnungthirxdtayhnimacakpkkingtngaetkhrawthipkkingthukkbdhlicuxechingtiaetk misunyklangkarpkkhrxngthiemuxngnanking cakkarsurbknhlaykhrngkhra kxngthphaemncuaehngrachwngschingphayitkarbychakarhlkkhxngruychinxxngtwexxkun inthanaphusaercrachkaraethnxngkhckrphrrdisuncux miaemthphthiepnhwhxkhlk khux twtw hngechingochw hwuliwxi rbchnatxenuxng fayhmingittxngthxyrniperuxy inpi kh s 1645 inkhnathikxngkalngaemncubuktiehmuxnhyangocw sux ekhxfa 史可法 aemthphchawhnphurksaemuxngidnathharcinephiyngnxynidtanyniw 7 wn 7 khun cnkrathngemuxngthuktiaetk suxekhxfaptiesththicayxmcanntxkxngthphaemncuaelathukprahar twexxrkun kidxxkkhasngihkhalangemuxnghyangocw odyin bnthuksibwninhyangocw khxnghwngsiwchu phuochkhdirxdchiwit idrabuwawakarekhnkhalangemuxngdaeninipodyimhyudtlxd 10 wn epnthiruckinehtukarn kxngthphaemncumichychnatxenuxngaelahukehimilsngharchawcinhnxyangohdehiym hxngethmingitphraxngkhaelwphraxngkhela tngaethxngethngkwngcnthunghlngxu lwnthukphwkaemncucbkhaesiyhmd krathngmathunghxngetphraxngkhsudthaykhxnghmingit khuxhxngethyngli hruxkuyxxngcuohywhlang sthapnatnepnhxngetthiyunnanidimnan kthukkxngthphkhxnghngechingochwkhukkhamxyanghnk cnkrathnginpi kh s 1658 hlitingkw nayphlphuphkditxhmingit cungkhumkhrxnghxngethyngliphahniaemncuekhaaednphma ipkhxkhwamkhumkhrxngcakphraecaphindaelaehngrachwngstxngxukhxngphma phraecaphindaelkthrngrbimtrikhxngfayhmingit yxmihkarkhumkhrxnghxngethyngli luthungpi kh s 1661 xusankuynakalngphsmhn aemncu 2hmunkhnbukprachidemuxngtxngxu eriykrxngihphraecaphindaelsngtwhxngethyngliihaekrachwngsching ephuxaelkkbsntiphaphrahwangtachingkbtxngxu haimaelwaemncukbphmakhngtxngtayknipkhang karmakhxngxusankuyinkhrngnithaihphayinrachsanktxngxuekidkhwamkhdaeyngxyanghnkwa cacdkarkbhxngethynglixyangir carbmuxkbxusankuyaelaphwkaemncuxyangir inkhnathiphraecaphindaelexngkthrngyunkranimyxmmxbhxngethyngliihaektaching sthankarnrahwangtachingkbtxngxutungekhriydhnk krathngthungpi kh s 1662 xngkhchaypheymin xnuchakhxngphraecaphindael sungmitaaehnngphubychakarthharaehngtxngxu ktdsinickratharthprahar chingxanaccakphraechstha tngtnepnkstriyxngkhihmaehngrachwngstxngxu aelaepidkarecrcakbxusankuyxikkhrng inthisudphraecapheyminkyxmkhbhxngethyngliaelahlitingkwxxknxkaednphma epidthangihxusankuycdkarkbhxngethyngliidodysadwk epnkarpidchakrachwngshmingitodysmburn karepliynaeplngthangwthnthrrm kariwphmhangepiyaebbchawaemncu emuxkxngthphaemncuyudphakhklangkhxngcinid cungcaepntxngichmatrkarklunkinkhmwthnthrrmhnxyangekhmngwd inrchsmykhxngckrphrrdisuncux thrngmikhasngihchawhnichchawaemncuxyangepnthangkar ckrphrrdichingthrngxxkkdhmaybngkhbihchawhnthukkhntxngiwphmepiyaelaswmesuxphaxyangchawaemncu ephuxepnkaraesdngkhwamekharphaelaphkditxrachwngsching chaychawhnthukkhntxngoknphmkhrungsirsaaelahnwdekhra aelaphukphmdanthayepnhangepiyyaw kdnikhdaeyngkbpraephniptibtiedimkhxngchawhnthihamtdphm ephraathuxwa esnphm tamhlkaelwepnsingthiphxaembrrphburusihma haktdthingethakbimekharphbrrphchn chawcinthwpraethstxngptibtitamodyimmithangeluxk michanncathuktdhw kwa 258 pithirachwngschingkhrxngpraeths chawcinidkxkbtkhunhlaykhrngenuxngcakkddngklawni phusaercrachkaraephndintwexxrkunmikhasngihchawhnoknphmiwepiythnghmd hakimiwmiaettaysthanediyw cnmikhaklawwa iwphmimiwhw iwhwimiwphm hmaykhwamwa hakkhidrksahwihoknphmiwepiy hakimkhidiwepiyketriymthukbnsirsaid khrngnnmikhntaycakkarkhdkhasnghlayaesnkhn thwaephndinetmipdwyesiyngraihrangmphsmekhiydaekhnephraakhasngniyukhthxngkhxngrachwngschingyukhrungeruxngaehngrachwngsching erimcakchwngrchkalckrphrrdikhngsithungckrphrrdiechiynhlng cdepnyukhrungeruxngsudthayinprawtisastrrachwngscin odyklawthungrchkalkhxngckrphrrditaching 3 phraxngkh idaek ckrphrrdikhngsi ckrphrrdiyngecing aelackrphrrdiechiynhlng rwmepnrayaewlakwa 130 pi inchwngewladngklaw enuxngcakkarpkkhrxngepnipinaenwthangediywkn samarthldkhwamkhdaeyngrahwangchnchatiaelachnchn daeninnoybayhnungpraethshlayephaphnthuthnginthangesrsthkicaelasngkhm thaihsngkhmmikhwamsngbsukhepnrayaewlathiyawnannbrxypi khwamepnpukaephninrchsmyckrphrrkhngsi ckrphrrdikhngsi tlxdrayahksibexdpikhxngkarkhrxngrachykhxngckrphrrdikhngsi thuxidwaepnyukhthirachwngsprabkbdchawcinhnidhmdsinsaerc ckrwrrditachingsngbsukhaelamnkhng epnkarerimtnekhasuyukhthxngkhxngrachwngschingthirungeruxng karpkkhrxngthiyawnankhxngckrphrrdikhngsierimtncakkarthiphraxngkhmiphrachnsaaepdchnsaemuxphrarachbidakhxngphraxngkhsinphrachnm ephuxpxngknprawtisastrsarxyininrchsmykhxngckrphrrdisuncux thimitwexxrkun epnphusaercrachkar inyukhnnphusaercrachkarmixanacmakaelamilksnaephdckar ckrphrrdiaethbimmiphrarachxanac ckrphrrdikhngsicungidthrngribxanaccakehlakhunnangekhasusunyklang odyhlngcakthikhngsiidrbxanacetminkarpkkhrxng nxkcakcamikarhyudkarewnkhunthidin phxnprnphasiaelw ephuxpxngknmiihkhunnangthnghlaypidbnghlxklwng xawsineciywhlxeswiyneyiy hruxkhngsicungmkesdcxxkpraphas ephuxthakhwamekhaickbchiwitkhwamepnxyukhxngprachachn aelarbthrabthungphlcaknoybaykarpkkhrxnginrupaebbtang odythithrabkbthwipkkhuxpraphasthangit 6 khrng tawnxxk 3 khrng tawntk 1 khrng praphasinekhtemuxnghlwngaelamxngoklhlayrxykhrng nxkcaknnyngmikaredinthangpraphasephuxsarwcesnthangnakhxngaemnahwngoh aelatrwcngankxsrangxikdwy khngsiyngihkhwamsakhykbchnchnpyyachnkhxngchawhnepnxyangying ihkhwamykyxngkhwamrukhxnghyueciy lththikhngcux odyechphaa hliesiyw 理学 khxngprachycusi 朱熹 phraxngkhyngekhyesdcipyngchiwfu ephuxipskkarayngxaramkhngcuxthinndwy xikhnungphlnganthithuxkaenidkhuninyukhnikkhux phcnanukrmkhngsi 康熙字典 mirachbnthitcaktahnkehwinhwxyangcangxiwsu kbrachbnthitcaktahnkehwinywn namechinthingcing epnaeknnainkarcdtha odyidthakartrwcthan trwcsxbxksrcinthiichinrachwngshming aelaepntarathithukcdphimphyawnantngaetrchkalkhngsipithi 55 hrux kh s 1716 matrabcnpccubn hxngetkhngsiidmirbsngihcderiyberiyngphcnanukrmdngklawineduxn 3 pikh s 1710 ichewlainkarcdthathung 6 pi mithngsin 47 035 xksr aebngepn 12 chud aetlachudmi 3 phb odymikhaxthibaythungxksrphxngesiyng aettangkhwamhmay hruxxksrphxngrupthitangkhwamhmay sungphayhlngidthuknamaichepnmatrthanthiichinkarsxbrbrachkarinrachwngsching aelaepnthiaephrhlayaeminewlatxma rchthayathxinehring 胤礽 xxkcaktaaehnngepnkhrngaerk enuxngcakthrngthrabwamiphvtikrrmthiniyminephschaydwykn aelachxbtharaykhunnang odyinkhntxnkarkhdeluxkrchthayathkhnihm xinecin 胤禛 inewlatxmaidihkarsnbsnunihkhuntaaehnngihkbxinehringihm krathnginpitxma cungmikarkhuntaaehnngihkbrchthayathkhnedim thwaemuxmathungpikh s 1712 khngsikthrngpldxinehringxxkcaktaaehnngrchthayathxikkhrng aelaimmikaraetngtnghruxkhdsrrrchthayathtx thaihinhmuphraoxrsmikaraekngaeyngchwngchingthnginthilbaelathiaecngxyangdueduxd inkhnannxinecin phaynxkaesdngihehnwatnexngimsnicaekaeyngchingdi thumethihkbphuththsasna odykhnannamtnexngwaepn khnwangxndbhnungaehngaephndin phyayamprxngdxngkbphraoxrsxngkhxun thwaebuxnghlngkidkhbhakbekingehya aelaluekhxtwbmephaaepnkhumkalngxnekhmaekhngkhxngtnkhun nxkcaknn cakkarthimiphlnganinkaraekpyhaxuthkphykhxngaemnahwngohthiidphlmakthisudnbtngaetchwngplayrachwngshmingepntnma thaihidrbkhwamiwwangiccakkhngsiepnxyangying thwainchwngplayrchkal hxngetkhngsiihkhwamchunchmkbxngkhchay 14 xinthi 胤禵 xikthngaetngtngepnaemthphihyihedinthangipyngphakhtawntkechiyngehnux thaihinkhnannmikarkhadedawa xinthi xaccaepnthayaththikhngsikhidcaihsubthxdbllngkxyangthuktxngchxbthrrm krathngrchkalkhngsipithi 61 hruxkh s 1722 emuxkhngsiesdcswrrkht pracwbkbepnchwngewlathixinecin idrbphrabychaihipthaphithiskkarafa thaihklbmaimthn chwngewlathihlngekhxtwkalngprakasphusubthxdtaaehnng sunginrabuihxinecinkhunepnhxngettachingphraxngkhtxip khwammnkhnginrchsmyckrphrrdiyngecing ckrphrrdiyngecing xinecingkhunkhrxngrachyepnhxngetyngecing 雍正皇帝 dwyphrachnmayu 45 phrrsa krannkhntxnkarkhunkhrxngrachykhxngphraxngkhyngkhngepnprisnamacnthungthukwnni mikarsnnisthanwayngecingkhidchingbllngkxaccaplxmphinykrrmkhxngckrphrrdikhngsiephuxthicakhunepnhxngetesiyexng odymikarelakhanexaiwhlakhlay odybnthukprawtisastrrachwngschingidbnthukwa inpikh s 1722 hxngetkhngsithrngphraprachwrcnesdcswrrkht n krungpkking odykxnnnidmirbsngechiyphraoxrs 7 phraxngkhekhaefa caknnkmirbsngihphubychakarthharbkluekhxtwepnphuthaythxdrachoxngkar ihkbphraoxrsxngkhthisinamxinecin xnepnphuthimikhwampraphvtidingam ehmaasmthicaepnphusubsanbllngksubip thwainbnthukkhxngchawban klbmikhaelaluxwaedimphrarachoxngkarchbbdngklawepnkarthaythxdtaaehnngihphraoxrsxngkhthi 14 aetaelwmikaraekxksrelkhsib 十 ihepnkhawa ihkb 于 cungxxkmaepnkhawathaythxdihkbphraoxrsxngkhthi 4 aethn xyangirktam inphayhlngmikarrabuwa phraphinykrrmkhxngkhngsi catxngmichbbthiepnphasaaemncudwy channtxihsamarthaekikhinphasahnid kimsamarthaekikhinchbbphasaaemncudwywithikarediywknniid phnwkkbinsmynnyngimmixksryx dngnnkhawa ihkb thithuktxngcungkhwrepntwxksr 於 imichtwxksr 于 inchwngkarkhrxngrachykhxngyngecing aemcathrngohdehiymkbbrrdaphinxngkhxngtn aetkepnhxngetthimikhwamkhynhmnephiyrinrachkicepnxyangying cathrngtunbrrthmaetkxnecha aelathrngngantrwcdikacndukdun thrngrwbxanac cdsrrrabbphasi karenginkarkhlng aelakhcdkarchxrasdrbnghlwngcnthuxwaepnchwngsubthxdyukhkhwamrungeruxngkhxngrachwngsthisakhy cnsamarthyngphlihpraethscinrungeruxngthungkhidsudinyukhkhxnghxngetechiynhlng hlngyngecingswrrkhtcakkarthanganthitraktramakcnekinip xaysineciywhlxhngli kidkhunkhrxngrachy epnechiynhlnghxnget sungkarkhrxngrachykhxngechiynhlng thisamarthdaeninipxyangrabrun enuxngcakyngecingexngekrngwacamikaraeyngchingbllngkrahwangphraoxrsehmuxninsmykhxngtn cungidichwithikarekhiynraychuxphuthicakhunkhrxngrachytxcakphraxngkhaelwprathbtralyckr caknnaebngepn 2 chud chudhnungekbishibpidphnukaelwwangiwthipayolhahnathxngphraorng xikchudhnungekbiwkbphraxngkhexng odymirbsngihnaxxkmaepidxanphrxmknhlngcakthiphraxngkhthrngsinphrachnm khwamrungeruxnginrchsmyckrphrrdiechiynhlng ckrphrrdiechiynhlngekhruxngthwyepluxkikh sinaenginekhmpradbolha silparachwngschingsmyckrphrrdiechiynhlngxanaekhtckrwrrditachinginrchsmyckrphrrdiechiynhlng inrchkalkhxngckrphrrdiechiynhlngthuxepnyukhthxngthirungeruxngthisudkhxngrachwngsching cakkhwamphyayamptirupnoybayphasi karichcay noybaykarenginkarkhlngkhxngyngecing idthaihmienginthxngphrakhlngehluxmathungyukhkhxngechiynhlngepncanwnmak emuxphnwkkbkarthiprachachnemuximmiphysngkhrammaepnewlanan cungthumethipkbkarsrangphlphlit cnthaihyukhsmynimikhwammngkhng aelamikhwamecriykawhnathangsilpawithyakartang epnxnmak inpikh s 1772 hruxrchkalechiynhlngpithi 49 xikphlnganhnungthiepnthiyxmrbmacnthungpccubnkkhux suxkhuechwiynsu 四库全书 hruxctukhlngkhmphir sungthuxwaepnhnngsuxchudthiihythisudinolk rxnglngmakhuxsaranukrmhyngelxinrachwngshming odyichewlainkarcharakhmphiraelataratang nanthung 9 pi rwbrwmtaraiwthngsin 3 503 praephth eriyberiyngepn 36 304 elm 79 337 brrph micanwnekuxb 2 300 000 hna mixksrraw 800 lantw odyepnkarrwbrwmkhmphirsakhytngaetyukhobran sungbangelmekhythukrabuepnkhmphirtxnghaminsmyrachwngschin khrxbkhlumsastrxnhlakhlayaethbthukpraephthinpraethscin nxkcakkhwamsamarthxnhlakhlaycnepnthipracksaelw hxngetechiynhlngyngepnphuthiidchuxwamikhwamrkprachachn aelamikhwamwiriyaxutsahainkarptibtirachkicepnxyangying thaihmikhunnangthisucritsuxstychwyehluxinkarpkkhrxngbanemuxngimnxy odyphraxngkhidtxtanaelaeriykrxngimihkhunnangichaetphasathiswyhruaetcxmplxmxikdwy inchwngyukhrungorcn ckrphrrdi 3 rchkalthuxepnyukhthxngxnrungeruxngthisudinprawtisastrekuxb 300 pikhxngrachwngsching aelathuxepnhnunginchwngewlathidithisudkhxngcin imwacaepndanphunthikarthairthana canwnphlphlitkarekstr canwnprachakr thimixyangyakthicahayukhidepriybethiybid caksthitithimikarbnthuk inrchkalkhngsipithi 24 thwpraethsmiphunthisahrbthakarephaaplukthung 600 lanircin emuxmathungchwngplayrchkalkhxngechiynhlng thwpraethsmiphunthiephaaplukephimepn 1 050 lanircin phlphlitthangkarekstrthwpraethsephimkhunxyangrwderwthung 204 000 lanchng cnepnpraethsthimiphlphlitsungthisudinolkinsmynn inkhnathicanwnprachakrephimkhuncakpikh s 1700 thimiraw 150 lankhnmaepn 313 lankhninpikh s 1794 hruxkhidepnpraman 1 in 3 khxngthwolkinewlannyukhrachwngschingtxnplayaelakhwamesuxmthxyerimrasarasay hlngcakecriyrungeruxngsungsudinchwngtnrachwngs sphaphthwipin rachwngschingerimxxnaexaelakhwamecriyrungeruxngldlng enuxngcakpraethscinprasbpyhakhwamkhdaeyngknxyangrunaerngkhxngklumkhninwngkartang odyechphaadankaremuxngthimikhunnangchxrasdrbnghlwng esrsthkichyudning ephraackrphrrdiechiynhlng kstriyecasarayoprdkhwamhruhrafumefuxyaelathasngkhrambxykhrng enginthxngphrakhlngkhdsn aelacanwnprachakrephimkhunxyangmak thaihekidpyhakhadaekhlnthithakin caehnidwarachwngschingmipyhakhwamkddnphayinpraethsthisasmmanan prakxbkbkhwamkddnphaynxkcakchatimhaxanacinyukhlaxananikhm thirachwngschingimxacthanidephraarabbkarpkkhrxng aelaesrsthkicthilasmy cakckrwrrdisu khiorkhaehngexechiy sngkhramfin eruxrbxngkvsthalayeruxrbsaephacin 1843 chawcinkalngsubfin inpi kh s 1902 aemrachwngschingcamikhwamyingihyephiyngidktam aetthiphanmarachsankchingkyngkhngthanngtn thuxwatnepnxanackrsunyklangkhxngolkaelackrwal aelaeluxkthicapidpraethsimyxmkhakhaykbchatixun imyxmrbwthnthrrmaelaethkhonolyicaktawntkmaphthnapraeths thaihpraethsyngkhnglahlngxyu cnkrathngpikh s 1757 hruxinrchkalechiynhlngpithi 22 kidmikarkahndihemuxngkwangocwepnemuxngthaephiyngaehngediywthiidrbkarxnuyatihtidtxkbchawtangchati sungnbtngaetplaystwrrsthi 18 epntnma xngkvsidnaekhaibcha thwychamekhruxngekhluxbaelaphaihmcakcinepncanwnmak inkhnathimisinkhasngxxkihcinephiyngelknxyethann thaihxngkvsesiyepriybdulkarkhaihcinxyangmhasal krathngrchkalechiynhlngpithi 28 hrux kh s 1763 ephuxthwngdulkarkhathiesiyepriyb xngkvsiderimnoybayckrwrrdiniymaelaidichlththilaxananikhminemuxngcin xngkvsidwangaephnnafinmamxmemachawcinihxxnaex odynaexafinekhamacahnayinemuxngcin sungedimthisahrbkhncin nbtngaetstwrrsthi 8 epntnma finkthukcdaelathukichinthanayasmuniphrpraephthhnung krathnghlngcakthixngkvsidekhaphichitxinediy aelaidmxbsiththiphukkhadinkarcahnayihkbbristhxistxinediy aelanaekhacahnayincinepncanwnmak sunginewlannnxkcakxngkvsaelw yngmixemrika frngessaelarsesiythitangkphyayamnaexafincakturki aelaexechiyklangmacahnayincinechnkn inchwngewlann rakhakhxngfinxyuchngla 5 talungengin inchwngewla 40 pikxnthisngkhramfincapathukhun xngkvsidkhnfinekhamapraethscinmakthung 400 000 lng cndudexaenginaethngxxkipcakcinidraw 300 lan 400 lanaethng cnkrathngekidpyhakarkhadaekhlnenginaethngphayinpraethsaelathaihrakhakhxngenginaethngphungsungkhunipkwa 1 ethatw cnprachachnaelapraethschatitangyakcnlngiptam kn khnthisubfinmakkhunthukkhna imephiyngaetepninwngkhunnangkharachkarethann aetelyipthungbrrdaecakhxngthidin phxkha bnthit aelaaemkrathngchawirchawna changaerngngan thharkimewn emuxmathungpikh s 1838 thwpraethsmichawcinthitidfinmakthung 2 000 000 khn cnthungkbmikhaklawwafinnn nxkcakcakhudexaenginaethngcakcinipaelw yngidthalaysukhphaphrangkayaelacitwiyyanchawcinipdwy inpiediywknnicungmiklumkhunnangthwaydikaodyepidopngbrrdakharachkarthikhafin aelaphlkdnihmikarhyudfindwykarlngothsphuthisubxyangrunaerng hlngcaknnhlinecxsiw 林则徐 phutrwckarhukwangidthwaydikathung 3 khrngtxhxngetetakwng odyrabuwahakimthakarhyudfininpraethscin inrayayawxikhlaysibpinn cincaimehluxthhariwrb imehluxenginiwichxiktxip cnthaihckrphrrdietakwngmidarithicaprabpramfinxyangcringcng naipsusngkhramfinkbxngkvsthng 2 khrng sungrachwngschingepnfayphayaephenuxngcakxawuthpunkhxngxngkvsmikhwamthnsmykwamak thaihtxngrachwngschingtxngsuyesiyekaahxngkngaekxngkvs xikthngtxngthasnthisyyaimepnthrrmcanwnmakkbchatitawntkaelaesiysiththisphaphnxkxanaekht chawcinesphtidfin kuliaerngnganchawcin chawcinphuyakirthiemuxngkwangocw kbtithphingethiynkw hlngcakphayaephinsngkhramfin rthbalchingtxngesiydinaednaelacharakhafinkbkhaptikrrmsngkhramepncanwnsung cungkhudridphasicakprachachn karkhlngkhadaekhln prachachnxdxyak sngkhmerimwunway irkhwamsngbsukh prachachnerimrwmtwtxtanxanacrthklayepnkbtithphingethiynkw odymiphunakhux hngsiwchwn epnchawxaephxhwesiyn mnthlkwangtung sungidrbxiththiphlkhxngkhristsasna cungrwmkb efingxwinsan kxtngsmakhmnbthuxphraecathimnthlkwngsi aelwklaysphaphepnkbtithphingethiynkwinewlatxmainpi kh s 1851 rchsketakwng playrchsmypithi 30 kxngthphkhxnghngsiwchwnkbefingxwinsanbukyudemuxngnankingidinpikh s 1853 rchskesiynfng pithi 3 khnannkxngthphmikalngphlnblankwakhnaelainxik 2 pi txma kidrbchychnacakyuththkarhuokhw hlngcakidchychnainhlaysmrphumichwngthaykhxngkbtithphingethiynkw phunathngsxngekidkhwamkhdaeyngknexngdwykaraeyktwepnxisra karlxbsngharkndwykhwamraaewngic thaihkxngthphkbterimxxnaexlng kxprkbrachsankchingkhxrxngkxngthphxngkvssungmixawuththnsmyaelathharaekhngaekrngihchwykwadlangkbtaelkkbphlpraoychnthiesnxihxngkvs faykbterimsuyesiythimnipcnthungplaypikh s 1863 rchskthngcux pithi 2 thharchingaelathhartangchatilxmemuxngethiyncingid pithdmaemuxngnnekidsphaphxdxyak hngsiwchwnkhatwtay emuxngethiyncingaetk cungthuxepnkarpidchakkbtithphingethiynkwlng aetcitwiyyantxtanrachwngschingyngfngaenninhwickhxngchawhnsungsngphlsubenuxngihekidkarptiwtitxtanaemncuinewlakhanghnaxik sngkhramcin yipunkhrngthihnung aemthphaehngtachingkhukekhayxmcanntxkxngthphckrwrrdiyipun hlngkarptirupemciinyipunchwngplaystwrrsthi 19 yipunidphthnapraethscnecriythdethiymkbtawntkaelaerimkhyayxanacxxknxkpraeths odymiepahmaythiaephndincinxnkwangihy yipunerimkarkhukkhamcindwykarnakxngthphbukyudkhrxngekahlisungepnpraethsrachkhxngcinephuxhwngepnesnthangekhasucin pi ph s 2437 kh s 1894 rchskkwngsi pithi 20 ekahliekidclaclklumphumipyyatawnxxk tngeswiytng khun cungrxngkhxihcinchwyehlux cinsngkxngthphiptamkhakhx swnyipunsngkxngthpheruxipyudkhrxngekahliaelaocmtithharcinxnepnkarprakassngkhramxyangepnthangkar kxngthharchingphayaeph yipunyngruktxenuxngthaihrachsankchinghwnekrngkhwamekhmaekhngkhxngkxngthphyipun rachsankchingcungribkhxecrcasngbsukkxn inpi kh s 1895 idekidsnthisyyachiomaonaesaki xnepnsnthisyyathiimepnthrrm mikarlngnamrahwangkhunnangrachsankching hli hngcangkbnaykrthmntriyipun xiot hiorabumi khwamsuyesiykhxngcinkhux ykekahli ithwn khabsmuthrehliywtngihyipun ichenginkhaptikrrmsngkhramnbsxngrxylantalung xnuyatihyipuntngorngngantamemuxngthakhxngcinid phlcaksnthisyyanibangswnipkrathbtxkhwammnkhngkhxngrsesiysungmidinaednbangswntidkbcinthibriewnkhabsmuthrehliywtng rsesiyrwmkbfrngess eyxrmn thakarkhdkhankaryudkhrxngdinaednphunnnxyanghnkhnwng yipuncaickhunkhabsmuthrehliywtngihcin odyaelkkbenginaethnghlaylantalung kartxngichcayengincanwnsungmakinhlaykrniodyrachsankching thaihprachachneduxdrxnhnkcakkarridphasi khwamyakaekhnaephkhyaykwangkhuneruxy aerngkhbaekhnicthukekbxdaennmakkhuninhmuprachachn karptirup rthprahar xusiw hlngkarphayaephsngkhramtxfrngessaelayipun rchskkwangsu pithi 23 eyxrmnichkalngyudkhrxngxaweciywocw khngohywehwy thansuxthng esnxhlkepliynaeplngkarpkkhrxngaebbihmephuxkhwamekhmaekhngkhxngchati sungeriykknwa aephnptirup xusiw odyennkarphlitbnthitsmyihm epidkwangkarwiphaks wiekhraah phthnakickarihm thisngphltxkhwamekhmaekhngkhxngchati aelakhwamximthxngkhxngchawban sungidrbkarsnbsnunxyangmakcakphraecakwangsu sungtxngkarichaephnptirupniyudkhunxanaccakphranangsusiitheha kharachsankswnihyekidkhwamraaewngicwaaephndngklawmacakbnthitchawhn cungrwmmuxkbphranangsusitharthprahar kkkhngphraecakwangsu cbthansuxthngkbphwknkptirup rwmthnglngothskhunnangthisnbsnunkarepliynaeplngkarpkkhrxng sngykelikaephnptirupthnghmd eriykwa rthprahar xusiw swnkhngohywehwykbehliyngchiechahlbhniipnxkpraethsid hlngkarptirupchatilmehlw rasdrerimtrahnkicwahakimlmlangrthbalchingsungirkhwamsamarth rachsankchingphayitxanackhxngphranangsusiehlwaehlkaelaepnxupsrrkhinkarptirupipsukhwamekhmaekhngkhxngchati khncanwnmakcungekharwmkhbwnkarptiwtikhxngdr sunydesn inewlatxip khbwnkarxiehxthwn sukphnthmitraepdchati kartunlxkaremuxngphrrnnathung klumpraethsnklaxananikhmkalngrumotaaebngknyudkhrxngpraethscin ody smedcphrarachininathwiktxeriy xngkvs ikesxrwilehlmthi 2 eyxrmn phraecasarniokhlsthi 2 rsesiy mariyan frngess aela samuir yipun kalngaebngpraethscinchawcintkepnechlyinkbdnkmwy txnplayrachwngschingkarrukrankhxngtangchatithngdankxngthharaelasasnakhristsrangkhwamimphxicaekrasdrxnekidcakkhwamimethaethiymknthirachsankklwekrngtangchatiodyimkhumkhrxngchawbanthithukrngaekehyiydhyam cungsngsmkhwamaekhnklayepnphlngtxtantangchatixyangerw kxprkbphyphibtikhxngaemnahwngohaelngtidtxknhlaypi thaihekidkhwamyakaekhncungmiklumkhwamechuxlththitang odyechphaaklumxiehxthwninmnthlsantungkbehxepy sungnxkcaksxnmwyaelw yngfngkhwamechuxekiywkbewthmntrihchawbandwyphrxmkbaenwkhidsnbsnunrachwngsching kacdtangchati thaihmiphurwmklumephimthwikhun nxkcaknnrachsankchingodyphranangsusitxngkarichklumnitxtantangchatisungkhdkhanphranangkkkhngphraecakwangsu klumnicungklayepnekhruxngmuxthalaytangchatikhxngaelaidrbkarsnbsnuncakphranangsusisungkhxybngkarxyuebuxnghlng xnsrangkhwamimphxicaekchawtangchatixyangmak phranangsusiithehahniphysngkhramkhxngtnexng phranangsusiitheha pi ph s 2443 kh s 1900 rchsk kwangsu pithi 26 phranangsusiithehasngklumxiehxthwnocmtiekhtsthanthutkhxngtangchatiinpkking thaihchatitang sungidrbkhwamesiyhayrwmtwknepnkxngthphphnthmitraepdchatitxbotcin thharchingaetkphay thharphnthmitrbukekhakrungpkkingaelayudphrarachwngtxnghamiw phranangsusiphaphraecakwangsuliphyhniipemuxngsixan swnkxngthphphnthmitrplnsadmwngtxnghamaelabaneruxnkhxngchawban xnsrangkhwamesiyhayxyangmakthngsthanthihruxsmbtimikhakhxngcin pitxmarachsankchingsngtwaethnecrcasntiphaphodyyxmichkhaptikrrmsngkhramcanwnsungmak yxmihtangchatitngkxngthharinekhtthitxngkarxnepncudyuththsastrkhxngchati rwmthngkahndkhxbekhtthihamkhncinekhaipthngthiepndinaedncin karsuyesiyxthipityephimetimcaksyyatang thiekhythaiwodymacakkhwamxxnaexkhxngrachsankchingsrangkhwamkhbaekhnicaekkhncinsungechuxmnmakkhunwa chaticarxdphnphyphibtiiddwykarlmlangrachwngschingethann aenwkhidniluklamipthwaephndin khbwnkarptiwticungrwmtwaelaekhluxnihwekhmkhnmakkhun xnsnkhlxntxxanackhxngphranangsusiithehaaelarachsankchinginenguxmengakhxngphrananghnkkhunthukkhna rththrrmnuykhxngrachsankching chwngplaylmhayickhxngphranangsusiitheha faytxtanrachsankchingmiphlngmakkhunaelaaeykepnsxngfay khux faysnbsnunihmirththrrmnuyodyyngmihxngetkhxngkhngohywehwy kb faylmlangrachwngschingkhxngdr sunydesn ephuxepnkarldkhwamrxnaerngkhxngprachachn rachsankchingeluxkcarangrththrrmnuytamthiprachachntxngkar thaihfaylmlangrachwngschingimepnthisnicephraakhwamhwngihminthathixxnlngkhxngrachsank phranangsusiithehakhdeluxkrchthayathihmaelathuxepnkhnsudthaykhxngrachwngschingkxnsinlmhayic khux ckrphrrdiphuxihruxphuxi txnnnmiphrachnmayuimthung 3 khwb aelaepliynepnrchskesiynthng odymiphrabida khux ecachaychun icefing epnphusaercrachkarbriharaephndinaethn phrabidarangrththrrmnuytxipemuxprakasichinaephndinklbsrangkhwamphidhwngaekprachachnxyangmak emuxkahndihklumphubriharpraethsepnechuxphrawngschingswnihy khncintrahnkicaelwwakhwamhwngediywkhxngchati khux txngichkalnglmlangrachwngschingethann faythiekhyeriykrxngrththrrmnuykhxngkhngohywehwyphntwexngipsnbsnunklumdr sunydesnmakkhun hlngcakehnrththrrmnuychbbkhxngrachsankchingaelw prachachnepliynipekharwmaenwkhidkhxngdr sunydesnephimthwikhunaelathuxwathrngxiththiphlmak chatakrrmkhxngrachsankchingekhasucudwikvti karptiwtisinih rachwngschinglmslay kxngthphfayptiwtiin kalngthakarrbin inchwngtnkhxng khwamimphxickhxngprachachntxkarpkkhrxngthiehlwaehlkkhxngrachsankchingphwyphungkhuneruxy erimmikarrwmklumknprathwngmakkhunaelakhyaytwkhunxyangtxenuxng thngphranangsusiithehaaelackrphrrdikwangsuswrrkhtin kh s 1908 thingihsmachikrachwngsthiirbarmiaelasthanphaphthangkaremuxngimaennxnyngxyuinphrarachwngtxngham phuxi oxrskhxngxngkhchaychunthi 2 idrbkarxphieskihepnckrphrrdixngkhtxiptngaetphrachnmayuephiyng 2 chnsa odyihphrarachbidaepnphusaercrachkaraethn txma nayphlhywn suxikh thukpldxxkcaktaaehnngthangthhar inklangpi kh s 1911 xngkhchaychunthi 2 thrngtngkhnarthmntrihlwng odysmachikekuxbthnghmdepnphrayatiskulxaysinecwhlw mihnathibriharpraethscinineruxngthwip kartngkhnarthmntrihlwngkhrngniidsrangkhwamimphxicxyangyingihkbkharachkarchnsungthnghlay sungrwmthng cangcuxtng dwy inwnthi 10 tulakhm ph s 1911 idekidkhun aelatxma dr sun ydesn idprakaskxtngrthbalkhxngtnkhunihm innamsatharnrthcin thiemuxngnanking hwemuxnghlayaehngerimtitwaeykcakrthbalrachwngsching emuxsthankarnimnaiwwangicechnni rthbalrachwngschingcungeriyktwnayphlhywn suxikhrusukimphxicrachwngsxyuaelwklbekhamakhwbkhum ephuxprabpramklumphuaekhngkhxthnghlay hlngcakthiidtaaehnngnaykrthmntriaelacdtngrthbalkhxngtnaelw nayphlhywnkideriykrxngihxngkhchaychunlngcaktaaehnngphusaercrachkar odykareriykrxngkhrngniidrbkhaaenanacak smedcphraphnpihlwnghrngyu kxngthphfayptiwtibukekhapratuemuxngnanking hlngcakxngkhchaychunxxkcaktaaehnngaelw hywn suxikhaelanayphlcakkxngthphepyhyangkkhrxbngarachwngschingidsaerc praethscininkhrngnnkmi rthbal 2 fay rthbalhywn suxikhptiesthkarthasngkhramkbrthbalsatharnrthkhxngsun ydesn odyihehtuphlwaesiykhaichcaysungaelaimmiehtuphl khaeriykrxngkhxngrachwngschingkhuxxyakipraethscinpkkhrxngrabxbkstriyphayitrththrrmnuy aelasunydesnxyakihpraethspkkhrxngdwyrabxbsatharnrth hlngcakthiidrbkarxnuyatcakhlnghyuithehaaelw nayphlhywnkidepidkarecrcakbsunydesn odythisunydesnmiepahmaywathakxtngsatharnrthcinsaercaelw xaccaihnayphlhywnkhunepnprathanathibdi in kh s 1912 hlngcakkarecrca hlnghyuithehakidxxkphrarachesawniyprakasihckrphrrdiphuxiphuepnphraoxrsbuythrrmslarachbllngk karlmslaykhxngrachwngschingin kh s 1912 thuxepnkarsinsudkhxngprawtisastrkarpkkhrxngrabxbsmburnayasiththirachyincinthimimayawnankwa 5 000 pikaremuxngekhruxngaebbchudkhunnangvduhnaw smyrachwngschingekhruxngaebbchudkhunnangvdurxn smyrachwngsching insmyckrphrrdirachwngschingtxntnnarabbokhrngsrangaelasthabnkhxngkharachkarkhxngrachwngshmingmaprbich aetmiaebngaeykkarpkkhrxngaelataaehnngkhxngkharachkarrahwangchawhnkbchawaemncu taaehnngrachkarbangtaaehnngyngkhngepnkhxngchawmxngokl echnediywkbrachwngsinxditkxnhnani kharachkarkhxngrachwngschingidrbkhdeluxkphanthangsxbcxhngwnekharbrachkar cnkrathngrabbthukykelikinpi kh s 1905 rachwngschingidaebngtaaehnngxxkepntaaehnngphleruxnaelathhar aetlahmwdyxyaebngepn 2 aephnk aephnkaerk karaetngtngtaaehnngphleruxnmitaaehnngtngaetkharachbripharinckrphrrdi hxnget ipcnthungtaaehnngsalainthipracaxyuinphrarachwngtxngham taaehnngsungsud epnphucdekbphasipracacnghwd phuchwyphukhumineruxncarxng phubychakartarwchruxphutrwcsxbphasi aephnkthi 2 karaetngtngtaaehnngthangthharnnmitngaetkarepnaemthphihyhruxmhadelkkrmwngkhxngrachxngkhrksipcnthungcasibexk chnsibothhruxtaaehnngphlthharchnhnunghruxchnsxng hnwynganrachkarklang okhrngsrangthiepnthangkarkhxngrachsankchingmisunyklangthickrphrrdiinthanaphupkkhrxngthiepnsunyrwmxanacsmburnsungepnprathaninkhnakrrmkarhkkhna hrux hkkrm cin 六部 phinxin liubu aetlakrmmiesnabdisxngkhn cintwyx 尚书 cintwetm 尚書 phinxin shangshu aelamitaaehnngphuchwyrxnglngmaxik 4 khn cin 侍郎 phinxin shilang xyangirktamrabbkhxngrachwngschingtrngknkhamkbrabbkhxngrachwngshmingthinoybaychatiphnthukhxngchingrabuwakaraetngtngbrrcukharachkarcathukaebngrahwangkharachkarchawaemncuaelakharachkarchawhnthiphanradbsungsudkhxngkarsxbcxhngwnekharbrachkar swntaaehnng salain cintwyx 内阁 cintwetm 內閣 phinxin neige sungepnhnwyngankahndnoybaythisakhyinyukhsmyrachwngshmingidsuyesiykhwamsakhylnginchwngrachwngschingaelaklaymaepnkrmbriharradbsung xngkhkrthiidrbkarsubthxdmacakrachwngshmingepnaeknklangkhxng phratahnkchnnxk sungthahnathicdkareruxngpracaaelatngxyuthangtxnitkhxngphrarachwngtxngham ephuximihkarbriharkicwtrpracawnekhamamixiththiphlkhrxbngainrachsankmakekinip ckrphrrdichingcungthrngthaihaenicwaeruxngsakhythnghmdtxngidrbkartdsiniccakin phratahnkchnin sungpkkhrxngodybrrdasmachikkhxngrachwngsthiepnechuxphrawngsaelakhunnangaemncusungtngxyuinbriewntxnehnuxkhxngphrarachwngtxngham krmkhwamlbthhar xngkhkrhlkkhxngphratahnkchninkhux krmkhwamlbthhar cintwyx 军机处 cintwetm 軍機處 phinxin junji chu kxtngkhuninpi kh s 1720 phayitrchsmykhxngckrphrrdihyngecing inthanathiepnhnwynganthimihnathicdkarkbkhwamkhdaeyngaetkaeykthangthharrahwangrachsankchingkbchawmxngokl aetinimchahnwyngandngklawkidekhamaduaelrachkarthharaelakarbriharxun aelathahnathiepnsunyklangxanacphayitrachsank noybaypkkhrxngpraeths karpkkhrxngsmytnrachwngsching phuththstwrrsthi 23 intnrachwngsching sungepnyukhthithangrachwngstxngphcykbkhbwnkarkuhmingtanching khxngchawhnthnghlaythiokrthaekhnthichntangechuxsaymaepnihypraethscin dngnninsmykhxng ckrphrrdikhngsi ckrphrrdihyngecing aelackrphrrdiechiynhlng cungtxngichthngnoybaypranipranxmephuxihxyukbchawhnidxyangepnsukh aelanoybayaekhngkrawephuxkhwbkhumchawhniwimihkhidtxtan sungnoybayehlaniklayepnaenwptibtikhxngckrphrrdixngkhtx ma ephuxsrangesthiyrphaphihkbxanacrth inprawtisastrcinidpraktwamichnklumnxykhuntngrachwngspkkhrxngaephndincin 2 rachwngs nnkhux rachwngshywnkhxngephamxngokl aelarachwngschingkhxngephaaemncu rachwngshywnthungaemcaekngkac mikalngthharaelaxawuththinaekrngkham aetimmikhwamrudankarpkkhrxng cungpkkhrxngaephndincinidephiyngaekh 90 piessklmslayip swnrachwngschingichnoybaypranipranxmaelaaekhngkrawidxyangaeybyl cungprasbkhwamsaercthngthangdankaremuxng karthhar esrsthkic aelasngkhm cnsamarthpkkhrxngaephndincinidnanthung 260 pi karprachumkhunnangnoybaypranipranxm noybaypranipranxmthuxepnekhruxngmuxsakhyinkarphukmitrexaxkexaicchawhnsungepnprachakrswnihykhxngpraeths odyechphaainchwngthirachwngschingekhapkkhrxngaephndincinihm ephuxsrangbarmiihkbrachwngsching aelakhcdkhwamkhidtxtanaemncu odynoybaysakhy midngni cdphrarachphithiplngphrasphkhxngphraecahmingsuxcng ckrphrrdixngkhsudthayaehngrachwngshmingaelaphramehsi aelasrangsusanthwayihxyangsmphraekiyrti ykyxngkhunnangrachwngshmingthislachiphephuxpkpxngeyiyngwirburus aelaekliyklxmkhunnanghmingihswamiphkditxrachwngschingaeladuaelepnphiess yngkhngichwithikhdeluxkkharachkarodywithikarsxbcxhngwntamaebbkhxngrachwngshming aelaepidoxkasihchawcinhnekhasxbrbrachkarid ckrphrrdikhngsi thrngcdtha phcnanukrmkhngsi sungrwbrwmtwxksrcinidkhrbthwnthisudsmynn aelainsmy ckrphrrdiechiynhlng idmikarrwbrwmnganwichakarkhrngyingihythwpraethscinmaepn 四庫全書 suxkhuechwinsu mikarsngesrimbnthitthimiphlnganthangwichakarihidrbbaehnc xyangirktam inkhnarwbrwmphlnganthangwichakar hnngsuxhlayelmthukthalayenuxngcakehtuphlthangkaremuxng ykelikhruxldxtraphasithikhudridinthxngthitang aelalmaenwkarpkkhrxngthiohdraykhxngrachwngshmingnoybayaekhngkraw inkhnaediywkn rachwngschingkdaeninnoybayaekhngkrawephuxsybchawhnthikhidcatxtaniwdwy odynoybaysakhymidngni sngharprachachnthirwmtwkxclacltxtanrachsanktamthxngthitang xyangohdehiym hamkarrwmklumkncdtngsmakhmxyangeddkhad ephuxpxngknkarrwmphlngmwlchn bngkhbihchaychawhnthwpraethstxngiwphmaebbchawaemncu khux iwhangepiyyawdanhlng aelaoknphmkhrungsirsa xyangthichawithykhunekhykndicakphaphyntr ikhrfafuncatxngothspraharchiwit nakdhmayxachyathangphasa ehwincuxxwi maichhlaykhrng ephuxkhwbkhumkhwamkhidkhxngchawhnihxyuinkrxb insmyckrphrrdikhngsi hyngecing aelaechiynhlng mipraktwamimakthung 70 80 khdi aetlakhdicamiphurbekhraah 10 khn cnthunghmunkhnkmi twxyangkhdithisakhy echn khdihnngsuxprawtisastrrachwngshming hmingsux insmykhngsi thicwnthinghlng cdphimphipklawkrathbprawtisastraemncu rachwngschingthungkbkhudsphcwnthinghlngmaaeykrang phuekhiyn trwcxksr khayhnngsux aelaaemaetphumihnngsuxinkhrxbkhrxngthukprahar 72 khn aelathukkhbilihepnthharaethbchayaednxiknbrxykhnkarthharkxngthphaebbeka cuderimtnaelakarphthnainchwngtn krabwnthphkxngthnginrchsmyckrphrrdiechiynhlngkhnaesdcpraphasphakhitthharkhxngkxngthngnaengininchwngrchsmyckrphrrdiechiynhlng karthharchinginchwngtnrachwngsmirakthanmacakkxngthphaepdkxngthngthiphthnakhunepnkhrngaerkodypthmckrphrrdihnuexxrhachuxephuxcdraebiybdwyknexngaelasngkhmthixyunxkehnuxkhwamphukphnkhxngephaediywkn mithngepnsylksnthnghmdaepdthngaeyktamsi siehluxngmikhxbsiehluxngaelasikhawepnthiruckinnam samkxngthngradbsung aelaxyuphayitkhasngodytrngkhxngckrphrrdi miephiyngchawaemncuethannthiepnsmachikkhxngthngchnsungsamthng aelachawcinhnthiphankarsxbradbsungsudmaaelwethannthisamarththahnathiepnphukhumknswntwkhxngckrphrrdiid thngthiehluxepnthiruckinnam hakxngthngradblang sungidrbkhasngbychakarcakbrrdaechuxphrawngsaemncuthisubechuxsaymacaktrakulxaysinecwhlw sungruckknxyangimepnthangkarwa phrxmknnnidmikarkxtngsphaphupkkhrxngaehngrachwngsaemncu rwmthungphubngkhbbychakxngthph phraoxrskhxnghnuexxrhachux h wng ithci idnathphbukdinaednpraethscinkhxngrachwngshming idkhyayrabbephuxrwmkxngthngthiepnephachawmxngokl aelachawhn hlngcakkaryudkhrxngkrungpkkingidsaercinpi kh s 1644 kxngthphthngkhnadkhxnkhangelknnthukesrimody sungprakxbdwykxngthharhmingthiyxmcanntxrachwngschingsunginthisudmicanwnmakkwasamtxhnungkxngthph phwkekhayngkhngrksarabbkarbriharkxngthphyukhrachwngshmingkhxngphwkekhaaelanamaphsmkbbrupaebbkarpkkhrxngkxngthngaelaecahnathikxngthphmatrthansiekhiyw kxngthphaepdkxngthngidmikarcderiyngtamklumchatiphnthu idaek aemncuaelamxngokl aetrwmthungthasthiimichaemncuthilngthaebiynsngkdmulnayphayitkhrweruxnkhxngecanaykhxngaemncu inphaytxmaemuxrachwngschingphichitdinaedncinmakkhun thaihmikarephimcanwn khxngchawhn phayitkarpkkhrxngkhxngaemncuthaihh wng ithcisrang zh khun emuxaemthphxusankuyaeprphktrepiddanihkxngthphaepdthngekhacnghywn aemncuksamarthyudaephndincinidsaerc aelainchwngewlathirachwngschingyudkrungpkking twelkhkhxngkxngthngkephimkhunxyangrwderw kxngthngchawhnmisthanaaelaxanacinchwngtnrachwngschingodyechphaaxyangyinghlngcakkarphichitinchwngckrphrrdisuncuxaelackrphrrdikhngsithiphwkekhakhrxngtaaehnngphuwakar nayphlaelaphuwakarthwpraethscin inchwngkarkhyaytwkhxngphleruxnaemncuaelahninkxngthng chawhnyngmikhrxngxiththiphlinkxngthngepncanwnmakcnthungklangstwrrsthi 18 phumaeyuxnchawyuorpinpkkingeriykphwkekhawa cinaemncu hrux chawcinaemncu inrchsmyckrphrrdiechiynhlngthrngkngwlekiywkbkarmixiththiphlmakekinipkhxngchawhninrabbkxngthng aelathrngtrahnkthungkarrksaxtlksnkhxngephaphnthuaemncuthiennphasaephaphnthuaelawthnthrrminaepdkxngthng phraxngkhcungthrngerimtnkarpldthharcanwnkxngthngchawhncakaepdkxngthngodysmkhrichruxkhxihphwkekhalaxxkcakkxngthngodysmkhrichruxprakaschuxthxdthxnphwkekhaxxk odythrngmxbthrphysinplxbictxbaethnephuxpranipranxmkbchawhnxikthi singninaipsukarepliyncakesiyngswnihykhxngchawhnmaepnchawaemncuesiyswnihyphayinrabbkxngthng aelakxnhnanithharrksakarnthiepnkxngthngchawhninphakhitkhxngcinechnthi fueciyn eciyngsu kwangtung thukaethnthidwykxngthngchawaemncu inkarsbepliynkxngthngsungerimkhuninpi kh s 1754 karhmunewiynkhxngckrphrrdiechiynhlngsngphlkrathbxyangmaktxkarpracakarkhxngthharrksakarnkxngthngpracacnghwdtang inkhnathimiphlkrathbtxkxngthngchawhn inkrungpkkingnxymak thaihsdswnkhxngkxngthngchawhnthiehluxxyuinkrungpkkingmakkwacnghwdxun sthanakhxngkxngthngchawhnldlngcakcudnndwykarthikxngthngchawaemncuidrbsthanathisungkhun kxngthngchawhnthiaetedimmicanwnkhrxngtaaehnnginkxngthngthung 75 inpi kh s 1648 rchsmyckrphrrdisuncux inpi kh s 1723 inchwngckrphrrdiyngecingkhrxngrachy ldehlux 72 inpi kh s 1796 inchwngpiaerkkhxngkarkhrxngrachykhxngckrphrrdieciyching ldlngehlux 43 sungekidphayhlngcakkarldcanwnkhxngckrphrrdiechiynhlng hlngcakstwrrsaehngsntiphaphkxngthharkxngthngchawaemncuerimxxnaex phayaephkartxsuhlaykhrng kxnkarphichithmingkhxngching kxngthngaemncunnepnkxngthph phlemuxng thimismachikepnchawnaaelaphueliyngstwmihnathiihkarrbrachkarthharinyamsngkhram kartdsinicepliynkxngthngihklayepnkxngkalngmuxxachiphthirthtxngkarthukprakarnamasungkaretmipdwykarkhxrrpchnaelakhwamesuxmthxyinthanakalngtxsu kxngthphmatrthansiekhiywldlnginthanxngediywkn kxngthphaebbihm kxngthphrupaebbihmkhxngrachwngschingkhnathakarfuk inchwngplaystwrrsthi 19 rachsankchingesuxmthxyenuxngcakimyxmptirupkxngthphihthnsmyaelamkphayaephsngkhrameruxyma xikthngtxngprasbcakphykhukkhamcakehlapraethslaxananikhm faythixnurksniymthisudinrachsankchingimsamarthephikechytxkhwamxxnaexthangthharkhxngcinidxiktxip inpi kh s 1860 inrahwangsngkhramfinkhrngthisxng rachwngschingphayaephxyangybeyinemuxnghlwngkhxngkrungpkkingthukyudkhrxngaelaphrarachwngvdurxnthukplnsadmcakkxngkalngphsmkhxngxngkvs frngessthimikhnadkhxnkhangelkcanwn 25 000 khn enuxngcakxngkvsaelafrngessmixawuththithnsmykwa enuxngcakkarthuxkaenidkhxngxawuthsmyihmxnepnphlmacakyuorpmikarptiwtixutsahkrrm swnkxngthphbkaelakxngthpheruxkhxngcinidrbkarfukfnimephiyngphxaelalasmy rachsankchingphyayamthicathaihkxngthphaelapraethsthnsmyinchwngodyphthnapraethsyudaebbtawntk aemprasbkhwamsaercinkhntn aetihphlthiyngyunephiyngelknxyenuxngcakrachsankkhadenginthunxikthngyngkhadectcanngthangkaremuxngaelaimmietmicptiruppraethsenuxngcakyngyudaenwkhidaebbobrantamrachpraephnithitxtankarepliynaeplngpraethsaebbtawntk hlngrachwngschingphayaephinsngkhramcin yipunkhrngaerkinpi kh s 1894 1895 epnkartxkyathungkhwamxxndxyaelalahlngkhxngkxngthphrachsankching ephraakarthirachwngschingphayaephihkbyipunsungrachsankmkduthukwaepnphwkocrsldaelamxngwaepnpraethselk thitxytakwa aetyipunklbexachnarachwngschingidaelathalaylangthithnsmyaeladithisudkhxngrachsankchingidxyangrabkhab chychnakhxngyipunekidkhunephiyngsamthswrrshlngcakkarptirupemci odyckrphrrdiemciidphthnaepliynaeplngpraethsyipunkhunihthnsmytamaebbchatitawntkinkhwamsaercthangesrsthkicaelaethkhonolyi inthisudineduxnthnwakhmpi kh s 1894 hlngphayaephsngkhramaelathukprachachnkddnxyanghnk rachsankchingichkhntxnthiepnrupthrrminkarptirupsthabnthangthharaelafukxbrmhnwythieluxkinkarfuksxmyuththwithiaelaxawuthaebbtawntk hnwyehlanieriykwa khwamsaercthisudkhxngsingehlanikhux phayitkarkhwbkhumaelakarkhwbkhumodyrwmkhxngphubychakarkxngthphxditnayphly ehwiyn chuxikh phuichtaaehnngkhxngekhainkarsrangekhruxkhayecahnathithisuxstyaelainthisudekhakklayepn prathanathibdiaehngsatharnrthcininphayhlngesrsthkicaecknsmyrachwngsching cdaesdngthi lisbxn oprtuekssmyrachwngsching intxnthaykhxngstwrrsthi 17 inchwngthirachwngschingpkkhrxngpraethscinnnesrsthkiccinidfuncakkhwamesiyhaythiekidcaksngkhramthirachwngshmingthukokhnlmaelakartktathangkarkhakhaykhnsngsinkhathiekidkhun instwrrstxmatladyngkhngkhyaytwxyangtxenuxngmatngaetinchwngplayrachwngshming aetdwykarkharahwangphumiphakhmakkhunkarphungphatladtangpraethsaelaprachakrthiephimkhunxyangmak intxnthaykhxngstwrrsthi 18 prachakrephimkhunepn 300 lancakpraman 150 laninchwngplayrachwngshming canwnprachakrthiephimkhunxyangmakepnphlmacakhlaysaehturwmthungchwngewlaaehngsntiphaphaelakhwammnkhnginstwrrsthi 18 aelakarnaekhaphuchihmthicinidrbcakxemrikarwmthungthwlisngmnfrnghwanaelakhawophdeliyngstw khawsayphnthuihmcakexechiytawnxxkechiyngitnaipsukarephimkhunxyangmakinkarphlit smakhmphukhaaephrkracayipthwemuxngcinthikalngetibotaelamkidrbxiththiphlthangsngkhmaelakaremuxngthiyxdeyiym phxkhathirarwydwykartidtxkbthangkarsrangkhwammngkhngmhasal aelakarphlitsingthxaelanganfimuxkmukhwamecriyrungeruxng esiynefingthngepa 咸豐通寶 ehriyyenginsdkhxngrachwngsching ehriyyenginthxngaedng thxngehluxng ichinchwngrachwngschingaemncu rchskckrphrrdiesiynefing kh s 1850 1861 rachsankchingidminoybaykhyaykhwamepnecakhxngthidinodykarkhunthidinthikhayihkbecakhxngthidinrayihyinchwngtnrachwngsodykhrxbkhrwimsamarthcayphasithidinid ephuxihphukhnmiaerngcungicmakkhunthicaekharwmintladphwkekhaldpharaphasiemuxepriybethiybkbhmingtxnplayaelaaethnthirabbaerngnganeknth dwykarcayphasitxhwthiichinkarcangaerngngan karbriharkhlxngta y winehx nnmiprasiththiphaphmakkhunaelakarkhnsngepidthangihphxkhaexkchnswntw rabbkartrwcsxbrakhakhawchwyldpyhakarkhadaekhlnxyangrunaerngaelathaihrakhakhawprbtwsungkhunxyangcha aelarabruntlxdstwrrsthi 18 rachsankchingyngminoybaycakdxiththiphlkhxngnaythunphxkha odykhxysxdsxngramdrawngxanackhxngphxkhaphumngkhng rachsankidcakdibxnuyatkarkhaaelamkcaptiesthphwkphxkhathicaxnuyatihepidehmuxngihmykewninphunthithiyakcn khxcakdehlaniekiywkbkarsarwcthrphyakrinpraethsrwmthungkarkhatangpraethsepn sungepnsaehtuthiepidchxngihkarkhaesrisungolktawntkidekhamayngpraethscinephuxekhamamixiththiphlthangesrsthkickhxngcin inchwngrayaewlarachwngshming ching kh s 1368 1911 karphthnathiihythisudinesrsthkiccinkhuxkarepliyncakkhasngipsuesrsthkictlad esrsthkictladphayhlngidklayepnaephrhlaymakkhuntlxdthwkarpkkhrxngkhxngrachwngsching cakpramanpi kh s 1550 thungpi kh s 1800 praethscinmiprasbkarnkarptiwtiechingphanichykhrngthisxngkarphthnatamthrrmchaticakkarptiwtiechingphanichykhrngaerkkhxngchwngrachwngssng sungehnkarekidkhunkhxngkarkharahwangpraethsthangiklkhxngsinkhafumefuxy inchwngkarptiwtiechingphanichykhrngthisxngepnkhrngaerkphuprakxbkarthakarekstrswnihyerimphlitphuchphlephuxcahnayintladthxngthinaelaradbchatimakkwaephuxkarbriophkhhruxaelkepliyninesrsthkicaebbdngedim phuchswnekinthuknaipwangkhayintladradbchatiephuxrwmekstrkrekhakbesrsthkicechingphanichytngaettncncb singninaipsuphumiphakhthimikhwamechiywchaydanphuchphlephuxkarsngxxkenuxngcakesrsthkickhxngcinphungphakarkhasinkhahlkechn pha fay thyphuch thw namnphuch phlitphnthcakstwpaaelapuysngkhmphaphwadkaraetngngansmyrachwngsching cakkhxmulinsmyrachwngsuchingtxntnaelatxnklang phthnakarthangdansngkhmmikarecriyetibotsung prachakrephimkhunepnsxngethainchwngstwrrsthi 18 mihlkthanthibngbxkwaprachakrthikhyaytwxyangrwderwkhxngckrwrrdi inkhnaediywknrachsankchingkcamkramdrawngcbtaphvtikrrmkhwamekhluxnihwinchiwitpracawnkhxngchawhntlxd enuxngcakmiklumchawhnidrwmtwkntxtanrachsankchingthimichawaemncumapkkhrxng mismakhmlbphuepnaeknnachuxudmkarn okhnchingfunhming khux phwkhngehmin 洪门 aetciwwa xngmung inemuxngithyeriyk xngyi khawa xnghruxhng 洪 inthiniepnkhnlakhakb xnghruxhng 红 thiaeplwa siaedng xksr 洪 hng xng twnihmaythung nahlak ihlhlak aelaichepnaeskhux aesxng inphasaaetciw hruxaeshnginphasacinklang mhaphcnanukrmcin 汉语大词典 xthibaykhahngehmin inaengxngkhkrlbiwwa hngehmin smakhmlbphunbansmakhmhnunginyukhrachwngsching eriykxikxyangwa hngpng phrrkhhng epnkhbwnkarthiphthnamacakethiyntihuy smakhmfadin mungokhnchingfunhmingepncudhmayhlk waknwaichkhawa hng cakchuxrchskhngxukhxngphraecahmingithcuepnkhaeriykkhan cungidnamwahngehmin chawhng smachikkhxngsmakhmeriykknwa phinxngchawhng aephrhlayxyuaethblumaemnaaeyngsiaelalumaemnacueciyng thngyngmixngkhkrsakhathicdtnginophnthaelxikdwy emuxaerkkxtng khbwnkarhngehminaephrxyuinmnthlhkekiyn kwangtungaelaecxeciyng aelwkhxy khyaykwangxxkip thungyukhsngkhramfin ph s 2383 aephriphlaymnthltlxdcnophnthaelthungxemrika mismakhmsakhaichchuxtangknmakmaythnginaelanxkpraethscin khbwnkarhngehminaelaekhruxkhayepnkbtaelakxclaclhlaykhrng bangswnekharwmkbkbtithphing karokhnlmrachwngschingkhxngsunytesnidrbkhwamchwyehluxcakkhbwnkarhngehmin xngyi thnginaelanxkpraethscinrwmthngpraethsithydwy mikhwamehnknwaphwkhngehmin xngyi khngcaichethskalkinecbnghnahaphwkphxngrwmkhbwnkartxtanrachwngsching sunyklangxyuthimnthlhkekiyn txmathukprab phlxyihethskalkinecesuxmipdwy odyechphaaxyangyinginhkekiyn phwkhngehminepnxnmakhniipdaeninkartxinophnthael kickrrmsakhyprakarhnungkhuxsrangorngec thaihethskalkinecinophnthaelodyechphaaxyangyingithykbmaelesiykhukkhkyingkwaincin orngecehlaniswnmakmiklxnkhu tuyehliyn tuyeliyng suxkhwamhmay okhnchingfun hming xyudwy withichiwitpracawnsmyrachwngsching klumwithikhxngchawcin ruppnkhrxbkhrwchawcinsmyrachwngschingnngwngkalngrbprathanxahar karaetngkay smyrachwngsching phuhyingchawaemncucaswmchudkhlumyawthrngkwangthimikhwamyawthungetha dannxkcaswmesuxkkimmiaekhnthieriykwa khneciyn hrux hmaeciy thbexaiw enuxngcakchawaemncumichuxeriykxikchuxwa chiehrin chawkxngthng dngnnchudkhlumyawkhxngstricungeriykwa chudchiphaw kiepha aetchudniimehmuxnkbchudkiephathiepnsylksnkaraetngkaykhxngphuhyingcinthisubtxknmainphayhlng chudkiephakhxngchawaemncuinsmyrachwngschingnnmikhwamkwangaelahlwm txma mikarepliynepnekharupchwngexw aelaphankarprbprungxikmakmay xikthngyngephimetimkhwamepnkraoprngaebbtawntkekhaip cungklayepnchudkiephainpccubn karaetngkaykhxngstrichawhninsmyrachwngschingkmirupaebbphunthanmacaksmyrachwngshming nnkhux danbnswmesux exa hruxesux sn danlangswmkraoprnghruxkangekng sahrbkaraetngkaykhxngburusnn chudyawaelaesuxkktwsn hmakwa epnkaraetngkaythiphuchayinsmyrachwngschingthngchawaemncuaelachawhnniymis esuxhmakwaepnesuxkktwsnthiswmthbchudkhlumyaw khwamyawradbexw edimepnchudthikhnthangehnuxissahrbkhima hlngcakchawaemncurwbrwmaephndincin kkhxy epnthiniymipthwpraeths kariwphmepiyaebbaemncu karaetngkaykhxngstriischud kiephainyukhrachwngs chawcinophnthaelthinkhrniwyxrk shrthxemrikarayphranamckrphrrdirachwngschingphranamthiruckkndi phrabrmsathislksn chayalksn rayaewlakhrxngrachy phranamedim rchsk phranameriykkhan phasacin phasaaemncu phranamaetngtngnuexxrhachux 21 kumphaphnth kh s 1559 30 knyayn kh s 1626 kh s 1616 kh s 1626 nuexxrhachux 努爾哈赤 phinxin Nǔ erhachi ethiynming 天命 Abkai fulingga ekati 高帝 Dergi ithcu 太祖hwngithci 28 phvscikayn kh s 1592 21 knyayn kh s 1643 kh s 1626 kh s 1643 hwngithci ethiynchng 天聰 Abkai sure 1627 1636 chngetx 崇德 Wesihun erdemungge 1636 1643 ehwinti 文帝 Genggiyen Su ithcng 太宗ckrphrrdisuncux 15 minakhm kh s 1638 5 kumphaphnth kh s 1661 8 kumphaphnth kh s 1644 kh s 1661 18 pi fuhlin 福臨 suncux 順治 Ijishun dasan cangti 章帝 Eldembure suxcu 世祖ckrphrrdikhngsi 4 phvsphakhm kh s 1654 20 thnwakhm kh s 1722 18 kumphaphnth kh s 1662 kh s 1722 61 pi eswiyney 玄燁 khngsi 康熙 Elhe taifin ehrinti 仁帝 Gosin esingcu 聖祖ckrphrrdiyngecing 13 thnwakhm kh s 1678 8 tulakhm kh s 1735 5 kumphaphnth kh s 1723 kh s 1735 13 pi xinecin 胤禛 yngecing 雍正 Huwaliyasun tob esiynti 憲帝 Temgetulehe suxcng 世宗ckrphrrdiechiynhlng 25 knyayn kh s 1711 7 kumphaphnth kh s 1799 12 kumphaphnth kh s 1736 kh s 1796 60 pi hngli 弘曆 echiynti 乾隆 Abkai wehiyehe chunti 純帝 Yongkiyangga ekacng 高宗ckrphrrdieciyching 13 phvscikayn kh s 1760 2 knyayn kh s 1820 9 kumphaphnth kh s 1796 kh s 1820 25 pi hyngehyiyn 顒琰 eciyching 嘉慶 Saicungga fengsen ruyti 睿帝 Sunggiyen ehrincng 仁宗ckrphrrdietakwng 16 knyayn kh s 1782 25 kumphaphnth kh s 1850 3 kumphaphnth kh s 1821 kh s 1850 30 pi hminhning 旻寧 etakwng 道光 Doro eldengge echingti 成帝 Sanggan eswiyncng 宣宗ckrphrrdiesiynefing 17 krkdakhm kh s 1831 22 singhakhm kh s 1861 1 kumphaphnth kh s 1851 kh s 1861 11 pi xicu 奕詝 esiynefing 咸豐 Gubci elgiyengge esiynti 顯帝 Iletu ehwincng 文宗ckrphrrdithngcux 27 emsayn kh s 1856 12 mkrakhm kh s 1875 30 mkrakhm kh s 1862 kh s 1875 13 pi icchun 載淳 thngcux 同治 Yooningga dasan xiti 毅帝 Filingga mucng 穆宗ckrphrrdikwngswi 14 singhakhm kh s 1871 14 phvscikayn kh s 1908 6 mkrakhm kh s 1875 kh s 1908 34 pi icthiyn 載湉 kwngswi 光緒 Badarangga doro cingti 景帝 Ambalinggu etxcng 德宗ckrphrrdiphuxi 7 kumphaphnth kh s 1906 17 tulakhm kh s 1967 22 mkrakhm kh s 1909 17 kumphaphnth kh s 1912 3 pi phuxi 溥儀 eswiynthng 宣統 Gehungge yoso hmingti 明帝 chuncng 询宗wthnthrrmsmyniym13 hxngettananckrphrrdirachwngsching phaphyntrsiriskhxnghxngkng ekiywkberuxngrawkhxngkhxngprawtisastrcinyukhrachwngsching tngaetyukhbukebikaelakxtngrachwngsipcnkrathngmathungkarlmslay phaphyntrsirischud hwngefyhng phaphyntrkalngphayinsmyyukhrachwngschingtxnplay sungthuxepnyukhthitkta banemuxngxxnaex ekidsuksngkhramcakehlaphurukrancakchatitawntk aelaphayincakkarchxrasdrbnghlwngkhxngehlakhunnanginrachsankinpi kh s 1875 hwngefyhng txngtxsuephuxkxbkuskdisrikhxngcinklbmaaelachwychawcinimihtkepnthasnklaxananikhmtawntkxangxingYamamuro Shin ichi 2006 Manchuria Under Japanese Domination aeplody J A Fogel University of Pennsylvania Press p 246 ISBN 9780812239126 Zhao 2006 pp n harv error no target CITEREFZhao2006 Treaty of Nanking 1842 Second State of the Union Address 5 Dec 1898 Ebrey 2010 pp 220 224 harv error no target CITEREFEbrey2010 Bernard Hung Kay Luk Amir Harrak Contacts between cultures Volume 4 p 25 Wakeman Jr Frederic 1985 The great enterprise the Manchu reconstruction of imperial order in seventeenth century China Book on demand ed Berkeley University of California Press p 892 ISBN 9780520048041 Spence 2012 p 39 harv error no target CITEREFSpence2012 Beverly Jackson and David Hugus Ladder to the Clouds Intrigue and Tradition in Chinese Rank Ten Speed Press 1999 pp 134 135 Bartlett 1991 harv error no target CITEREFBartlett1991 Naquin 2000 p 372 harv error no target CITEREFNaquin2000 Naquin 2000 p 380 harv error no target CITEREFNaquin2000 CrossleySiuSutton 2006 p 50 harv error no target CITEREFCrossleySiuSutton2006 Liu amp Smith 1980 pp 251 273 harv error no target CITEREFLiuSmith1980 Myers amp Wang 2002 pp 564 566 harv error no target CITEREFMyersWang2002 Myers amp Wang 2002 p 564 harv error no target CITEREFMyersWang2002 Murphey 2007 p 151 harv error no target CITEREFMurphey2007 Myers amp Wang 2002 p 593 harv error no target CITEREFMyersWang2002 Myers amp Wang 2002 pp 593 595 harv error no target CITEREFMyersWang2002 Myers amp Wang 2002 p 598 harv error no target CITEREFMyersWang2002 Myers amp Wang 2002 pp 572 573 599 600 harv error no target CITEREFMyersWang2002 Myers amp Wang 2002 pp 606 609 harv error no target CITEREFMyersWang2002 Jonathan Porter Imperial China 1350 1900 Lanham ISBN 9781442222915 OCLC 920818520 ethskalkinec kb smakhmlbephuxokhnchingfunhming silpwthnthrrm 16 phvsphakhm 2560 ocwcyahrng prawtisastrcin krungethphmhankhr nanmibukhsphbliekhchns 2546 duephimBickers Robert 2011 The Scramble for China Foreign Devils in the Qing Empire 1832 1914 Penguin ISBN 978 0 7139 9749 1 Cotterell Arthur 2007 The Imperial Capitals of China An Inside View of the Celestial Empire London Pimlico ISBN 978 1 84595 009 5 Dunnell Ruth W Elliott Mark C Foret Philippe aelakhna b k 2004 New Qing Imperial History The Making of Inner Asian Empire at Qing Chengde Routledge ISBN 978 1 134 36222 6 Esherick Joseph Kayali Hasan Van Young Eric b k 2006 Empire to Nation Historical Perspectives on the Making of the Modern World Rowman amp Littlefield ISBN 978 0 7425 4031 6 Fairbank John K Liu Kwang Ching b k 1980 Late Ch ing 1800 1911 Part 2 Vol 11 Cambridge Cambridge University Press ISBN 978 0 521 22029 3 Hummel Arthur W 1944 Eminent Chinese Of The Ching Period 1644 1912 2 vol Vol 2 Leung Edwin Pak wah 1992 Historical dictionary of revolutionary China 1839 1976 Leung Edwin Pak wah 2002 Political Leaders of Modern China A Biographical Dictionary Morse Hosea Ballou The international relations of the Chinese empire Vol I The period of conflict 1834 1860 1910 Vol II The period of submission 1861 1893 1918 Vol III The period of subjection 1894 1911 1918 Owen Stephen 1997 The Qing Dynasty Period Introduction PDF in Owen Stephen b k An Anthology of Chinese Literature Beginnings to 1911 New York pp 909 914 PDF cakaehlngedimemux 2016 03 03 Paludan Ann 1998 Chronicle of the Chinese Emperors London Thames amp Hudson ISBN 978 0 500 05090 3 Peterson Willard b k 2003 The Ch ing Empire to 1800 The Cambridge History of China Vol 11 Cambridge Cambridge University Press ISBN 978 0 521 24334 6 Setzekorn Eric 2015 Chinese Imperialism Ethnic Cleansing and Military History 1850 1877 Journal of Chinese Military History 4 1 80 100 doi 10 1163 22127453 12341278 Smith Richard Joseph 2015 The Qing Dynasty and Traditional Chinese Culture Rowman and Littlefield ISBN 978 1 4422 2193 2 Spence Jonathan 1997 God s Chinese Son The Taiping Heavenly Kingdom of Hong Xiuquan New York W W Norton amp Company ISBN 978 0 393 31556 1 Stanford Edward 1917 Atlas of the Chinese Empire containing separate maps of the eighteen provinces of China 2nd ed Legible color maps Struve Lynn A 2004 The Qing Formation in World Historical Time Harvard University Asia Center ISBN 978 0 674 01399 5 Waley Cohen Joanna 2006 The culture of war in China empire and the military under the Qing dynasty I B Tauris ISBN 978 1 84511 159 5 Woo X L 2002 Empress dowager Cixi China s last dynasty and the long reign of a formidable concubine legends and lives during the declining days of the Qing dynasty Algora Publishing ISBN 978 1 892941 88 6 Zhao Gang 2013 The Qing Opening to the Ocean Chinese Maritime Policies 1684 1757 University of Hawaii Press ISBN 978 0 8248 3643 6 Primary source collections and reference Brunnert I S Gagelstrom V V 1912 Present Day Political Organization of China aeplody Edward Eugene Moran Shanghai Kelly and Walsh Lists bureaucratic structure and offices with standard translations MacNair Harley Farnsworth b k 1923 Modern Chinese History Selected Readings Shanghai Commercial Press starts in 1842 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint postscript lingk The China year book 1914 Historiography Newby L J 2011 China Pax Manjurica Journal for Eighteenth Century Studies 34 4 557 563 doi 10 1111 j 1754 0208 2011 00454 x Ho Ping Ti 1967 The Significance of the Ch ing Period in Chinese History The Journal of Asian Studies 26 2 189 195 doi 10 2307 2051924 JSTOR 2051924 S2CID 162396785 1998 In Defense of Sinicization A Rebuttal of Evelyn Rawski s Reenvisioning the Qing The Journal of Asian Studies 57 1 123 155 doi 10 2307 2659026 JSTOR 2659026 2000 The Late Imperial Chinese State in Shambaugh David L b k The Modern Chinese State New York Cambridge University Press pp 15 36 ISBN 0521772346 Rawski Evelyn S 1996 Reenvisioning the Qing The Significance of the Qing Period in Chinese History The Journal of Asian Studies 55 4 829 850 doi 10 2307 2646525 JSTOR 2646525 Sivin Nathan 1988 Science and medicine in imperial China The state of the field Journal of Asian Studies 47 1 41 90 doi 10 2307 2056359 JSTOR 2056359 PMID 11617269 Wu Guo May 2016 New Qing History Dispute Dialog and Influence Chinese Historical Review 23 1 47 69 doi 10 1080 1547402X 2016 1168180 S2CID 148110389 Covers the New Qing History approach that arose in the U S in the 1980s and the responses to it Yu George T 1991 The 1911 Revolution Past Present and Future Asian Survey 31 10 895 904 doi 10 2307 2645062 JSTOR 2645062 aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb rachwngsching piyda chlwr emuxaemncuekhamapkkhrxnghn karkxtngaelapkkhrxngkhrxngcininchwngaerkkhxngrachwngsching in pkrn limpnusrn bk ehtuekidinrachwngsching n 14 45 krungethph chwnxan 2555 prawtirachwngsching lingkesiy cakewbsthaniwithyu si xar ix pkking phakhphasaithy xymniinrachwngsching 2006 02 13 thi ewyaebkaemchchin cakewbsthaniwicyxymniaelaekhruxngpradbaehngchatikxnhna rachwngsching thdiprachwngshming rachwngsinprawtisastrcin kh s 1644 1912 satharnrthcin