บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
ซามูไร (ญี่ปุ่น: 侍) แปลเป็นภาษาไทยว่าทหาร คำว่า ซามูไร มีต้นกำเนิดจากคำว่า ซาบูราอู ซึ่งเป็นคำกริยาในภาษาญี่ปุ่นโบราณ ที่มีความหมายว่า รับใช้ ฉะนั้น ซามูไรก็คือคนรับใช้นั่นเอง
ประวัติ
จุดกำเนิด
เป็นที่เชื่อกันว่า รูปแบบของเหล่านักรบบนหลังม้า มือธนู และทหารเดินเท้าในช่วงศตวรรษที่ 6น่าจะเป็นตัวบทต้นแบบของซามูไรดั้งเดิม ขณะที่จุดกำเนิดของซามูไรสมัยใหม่ยังเป็นปัญหาที่โต้เถียงกันอยู่
หลังจากการสู้รบในสงครามนองเลือดกับฝ่ายราชวงศ์ถังของจีน และอาณาจักรซิลลาของเกาหลี ญี่ปุ่นก็เข้าสู่ยุคแห่งการปฏิรูปไปทั่วทุกหัวระแหง โดยการปฏิรูปครั้งสำคัญที่สุดคือ ซึ่งกระทำโดยจักรพรรดิโคโตกุเมื่อ ค.ศ. 646 การปฏิรูปในครั้งนั้น ได้เริ่มนำเอาวัฒนธรรมการปฏิบัติและเทคนิคการบริหารต่าง ๆ ของจีนมาใช้กับกลุ่มชนชั้นสูงและระบบราชการของญี่ปุ่น
ถึง ค.ศ. 702 และประมวลกฎหมายไทโฮก็ถือกำเนิดขึ้น พร้อมกับคำสั่งที่ให้ประชาชนมารายงานตัวเป็นประจำกับทางการเพื่อเก็บข้อมูลมาสร้าง ที่ต่อมาจะถูกนำมาใช้เป็นตัวชี้วัดสำหรับการเกณฑ์ทหาร หลังจากนั้น เมื่อการทำสำมะโนประชากรเสร็จสิ้นลงจนทำให้รู้ว่าประชากรในญี่ปุ่นมีการกระจายตัวกันอย่างไร จักรพรรดิคัมมุก็ได้ริเริ่มกฎหมายให้ประชากรเพศชายที่เป็นผู้ใหญ่ 1 ใน 3 ถึง 4 คนต้องถูกเกณฑ์เป็นทหารเพื่อรับใช้ชาติ โดยผู้ที่จะเข้ามาเป็นทหารเหล่านี้จะถูกขอความร่วมมือให้ส่งมอบอาวุธของตนแก่ทางการ แต่พวกเขาจะได้รับการยกเว้นในการเสียภาษีและการรับหน้าที่ต่างๆ เป็นสิ่งตอบแทน
ในช่วงต้นของยุคเฮอัง ประมาณปลายคริสต์ศตวรรษที่ 8 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 9 จักรพรรดิคัมมุ (ญี่ปุ่น: 桓武天皇; โรมาจิ: Kanmu Tennō) ได้หาทางทำให้อำนาจของตนทรงพลังและแผ่ขยายไปทั่วตอนเหนือของเกาะฮนชู (แผ่นดินใหญ่ของญี่ปุ่น) แต่กระนั้นเอง ความหวังดังกล่าวก็เริ่มเกิดปัญหา เมื่อกำลังทหารที่จักรพรรดิส่งไปเพื่อปราบกบฏกลับไร้ซึ่งแรงจูงใจและระเบียบวินัยจนต้องแพ้ทัพกลับมา จักรพรรดิคัมมุจึงต้องแก้เกมใหม่โดยการสถาปนาตำแหน่งเซอิไตโชงุง (ญี่ปุ่น: 征夷大将軍; โรมาจิ: Seiitaishogun; "แม่ทัพใหญ่ผู้ปราบคนเถื่อน") หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า โชงุง (ภาษาไทยนิยมทับศัพท์ว่า โชกุน) ขึ้นมา เพื่อให้พวกเขาเหล่านี้ไปพิชิตกลุ่มกบฏเอมิชิ เป็นผลให้ทั้งหน่วยประจัญบานบนหลังม้าและนักแม่นธนู ( (ญี่ปุ่น: 弓道; โรมาจิ: Kyudo) ที่มีทักษะฝีมือ ต้องถูกเรียกเข้ามาเป็นเครื่องมือ สำคัญในการคว่ำกำลังกบฏทั้งหลาย ซึ่งถึงแม้ว่านักรบเหล่านี้จะเป็นผู้ที่มีการศึกษาก็ตาม แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว (ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 7 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 9) ตามสายตาของทางการแล้ว พวกเขายังถูกมองว่าเป็นชนชั้นที่สูงกว่าคนเถื่อนขึ้นมานิดเดียว
แต่ในที่สุด จักรพรรดิคัมมุก็ยุติการบัญชาทัพของพระองค์ไป และอำนาจของพระองค์ก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน กลุ่มตระกูลที่ทรงอิทธิพลในนครเคียวโตะ ก็ได้เข้าครองตำแหน่งเสนาบดี และบางส่วนก็มีอำนาจเป็นผู้ปกครองหรือศาลแขวง กลุ่มผู้ปกครองเหล่านี้มักจะเรียกเก็บภาษีจากประชาชนอย่างหนักหน่วง เพื่อที่จะสะสมความมั่งคั่งและเป็นการคืนกำไรให้กับพวกตน จึงส่งผลสำคัญให้ชาวนาหลายต่อหลายคนไร้ที่ดินอยู่ อัตราการปล้นสดมภ์ก็เพิ่มขึ้น เหล่าผู้ปกครองจึงแก้ปัญหาโดยการรับสมัครผู้ถูกเนรเทศในเขตคันโตให้มาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างเข้มงวด เพื่อที่จะใช้พวกเขาเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ทรงประสิทธิภาพ บางครั้งก็ให้ไปช่วยเก็บภาษีและยับยั้งการทำงานของเหล่าหัวขโมยและโจรป่า พวกเขาเหล่านี้ได้ถูกเรียกว่า ซะบุไร (saburai) หรือผู้ที่ถวายตัวเป็นข้ารับใช้ให้แก่กองทัพ ซึ่งผู้ที่เป็นซะบุไรมักจะได้เปรียบกว่าคนอื่น เนื่องจากพวกเขาจะได้รับอำนาจทางการเมืองและมีชนชั้นที่สูงขึ้น
แต่ซะบุไรบางกลุ่มก็เป็นเพียงชาวนาและพันธมิตรที่จับอาวุธขึ้นปกป้องตนเองจากกลุ่มซาบุไรที่มีอำนาจสูงกว่า และผู้ปกครองที่จักรวรรดิส่งมาเพื่อเก็บภาษีและครอบครองที่ดินของพวกเขา ซึ่งต่อมา ในช่วงยุคเฮอังตอนกลาง ซะบุไรกลุ่มนี้เองได้นำเอาลักษณะพิเศษของชุดเกราะและอาวุธต่างๆ ของญี่ปุ่นมาวางไว้เป็นพื้นฐานของกฎแห่งบุชิโด ซึ่งเป็นกฎที่ประมวลรวมหลักจรรยาต่างๆ ของพวกเขา
หลังจากการผ่านพ้นของ เป็นต้นมา ผู้ที่จะมาเป็นซามูไรต่างได้รับการคาดหวังว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีวัฒนธรรมและอ่านออกเขียนได้ โดยพวกเขาจะต้องสามารถใช้ชีวิตให้กลมกลืนไปกับคำกล่าวโบราณที่ว่า บุง บุ เรียว โดะ (สว่าง, ศิลปะอักษร, ศิลปะการทหาร, วิถีทั้งสอง) หรือ ความกลมกลืนแห่งพู่กันและดาบ ให้ได้ โดยจะเห็นจากชื่อเฉพาะที่ใช้เรียกเหล่านักรบในช่วงแรกๆ ว่า อุรุวะชิ คำนี้ถูกเขียนขึ้นมาด้วยตัวอักษรคันจิที่มีการผสมรวมระหว่างลักษณะเฉพาะตัวของศิลปะอักษร (ญี่ปุ่น: 文; โรมาจิ: bun ตรงกับภาษาจีน "บุ๋น") และศิลปะการทหาร (ญี่ปุ่น: 武; โรมาจิ: bu ตรงกับภาษาจีน "บู๊") เข้าด้วยกัน และมโนทัศน์เช่นเดียวกันนี้ ยังถูกกล่าวไว้ใน (เฮเกะ โมะโนะงะตะริ, สมัยปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12) โดยมีการอ้างอิงไว้ในคำกล่าวของตัวละครที่มีต่อการตายของ ไทระ โนะ ทะดะโนริ นักดาบ-นักกวีผู้มีการศึกษาคนหนึ่งว่า:
- “เหล่าเพื่อนและพวกศัตรูต่างก็มีน้ำตาชุ่มเปียกที่แขนเสื้อ และพากันกล่าวว่า ‘น่าเสียดายเหลือเกิน! ทะดะโนะริเป็นขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ มีฝีมือทั้งศิลปะการใช้ดาบและการกวี’ ”
ได้กล่าวเอาไว้ในหนังสือของเขาที่ชื่อ ว่า: “เหล่านักรบใน ถือได้ว่าเป็นตัวแบบสำหรับนักรบที่มีการศึกษาในรุ่นต่อๆ มา และอุดมการณ์ต่างๆ ที่ถูกอธิบายโดยนักรบแต่ละคนในเรื่องเล่า ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ยากที่จะทำตามหรือเอื้อมถึง ยิ่งกว่านั้น อุดมการณ์เหล่านี้ยังเป็นที่ต้องการอย่างมากในสังคมนักรบชั้นสูง และยังเป็นสิ่งที่ถูกแนะนำว่าเหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นรูปแบบของมนุษย์ติดอาวุธชาวญี่ปุ่นทุกคน ด้วยอิทธิพลของเฮเกะ โมะโนะงะตะริ นี่เอง ภาพลักษณ์ของนักรบญี่ปุ่นในงานวรรณกรรมต่างๆ จึงสุกงอมอย่างเต็มที่” ต่อมา วิลสันยังได้แปลงานเขียนของนักรบบางคนที่มีชื่อในเรื่องเล่าแห่งเฮเกะนี้ เพื่อเป็นตัวอย่างให้คนที่ได้อ่านปฏิบัติตนตามอีกด้วย
ยุคคะมะกุระ ความเฟื่องฟูของซามูไร
เดิมทีซามูไรเป็นเพียงนักรบรับจ้างให้กับองค์พระจักรพรรดิและกลุ่มชนชั้นสูง (คุเงะ (ญี่ปุ่น: 公家; โรมาจิ: kuge) เท่านั้น แต่ต่อมาอำนาจของพวกเขาได้ก่อตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ จนในที่สุดพวกเขาสามารถยึดอำนาจของผู้ปกครองชั้นสูงไว้ได้ และก่อร่างกลุ่มคณะที่ปกครองโดยซามูไรขึ้นมาแทน พวกเขาได้สร้างลำดับขั้นการบังคับบัญชาที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ โทเรียว หรือหัวหน้าของพวกเขาขึ้นมา เพื่อทำการสะสมกำลังคนกับทรัพยากรต่างๆ และผูกพันธมิตรกับกลุ่มอื่นๆ ผู้ที่เป็นโทเรียวจะมีระยะห่างเฉพาะในความสัมพันธ์ที่มีต่อองค์จักรพรรดิ และต่อสมาชิกส่วนน้อยของหนึ่งในสามตระกูลมีระดับ (ตระกูลฟุจิวะระ ตระกูลมินะโมะโตะ และตระกูลไทระ) ในด้านระเบียบการปกครอง ตามหลักการแล้ว โทเรียวเหล่านี้จะถูกส่งไปรับตำแหน่งเป็นผู้ปกครองหรือผู้พิพากษาศาลแขวงตามจังหวัดต่างๆ เป็นเวลาสี่ปี แต่ในความเป็นจริง เมื่อพวกเขาหมดสมัยปกครองแล้ว ก็มักปฏิเสธที่จะกลับมาสู่เมืองหลวงอีกครั้ง และยังได้นำทายาทของตนมาสืบต่อตำแหน่งแทน เพื่อให้การทำงานต่อเนื่องไป และให้เป็นผู้นำทัพออกปราบกบฏทั่วทั้งญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงตอนกลางและตอนปลายของยุคเฮอัง
ต่อมา เมื่อกำลังทหารและอำนาจทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น กลุ่มซามูไรผู้ปกครองก็กลายเป็นศูนย์กลางอำนาจใหม่ทางการเมือง การเข้าไปมีส่วนร่วมในกบฏโฮเง็ง ช่วงยุคเฮอังตอนปลายก็ยิ่งทำให้อำนาจของพวกเขาแข็งแกร่งมากกว่าเดิมอีก จนในที่สุด ในช่วง ปี ค.ศ. 1160 พวกเขาก็สามารถยุยงตระกูลมินะโมะโตะ และตระกูลไทระให้ปะทะกันเองได้ หลังจากชัยชนะปรากฏออกมาอย่างเด่นชัดต่อกลุ่มซามูไร แม่ทัพไทระ โนะ คิโยะโมะริ ก็กลายเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดในราชสำนัก ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ชนชั้นนักรบได้ขึ้นครองตำแหน่งชั้นสูงของญี่ปุ่น และสุดท้าย กลุ่มซามูไรก็เข้าไปควบคุมรัฐบาลได้อย่างเต็มตัว เกิดเป็นคณะรัฐบาลของญี่ปุ่นชุดแรกที่ถูกครอบงำโดยซามูไร ส่วนองค์จักรพรรดิก็ถูกลดทอนอำนาจให้มีสถานะเป็นเพียงประมุขของประเทศเท่านั้น แต่ไม่สามารถใช้อำนาจบริหารบ้านเมืองได้อย่างแต่ก่อน อย่างไรก็ตาม ตระกูลไทระก็ยังคงขับเคี่ยวกันกับตระกูลมินะโมะโตะอยู่เหมือนเดิม โดยแทนที่ตระกูลไทระจะใช้วิธีแผ่ขยายอำนาจโดยการเสริมความแข็งแกร่งให้กับกองทหารของตน พวกเขากลับใช้วิธีส่งผู้หญิงในตระกูลเข้าไปอภิเษกกับองค์จักรพรรดิ และพยายามเข้าไปใช้อำนาจผ่านทางจักรพรรดิเพื่อประโยชน์ของตระกูล
ตระกูลไทระและตระกูลมินะโมะโตะเข้าปะทะกันอีกครั้งในปี ค.ศ. 1180 เป็นการเริ่มต้นสงครามเก็มเปอย่างเป็นทางการ ซึ่งไปยุติลงในปี ค.ศ. 1185 หลังสงครามสิ้นสุดลง มินะโมะโตะ โนะ โยะริโตะโมะ ผู้ชนะในสงครามครั้งนั้น ได้ทำให้กลุ่มซามูไรมีความเหนือกว่ากลุ่มชนชั้นสูงมากขึ้นไปอีก โดยในปี ค.ศ. 1190 ตัวเขาได้ไปเยือนเมืองเคียวโตะ และใน ค.ศ. 1192 เขาก็กลายเป็นโชกุนในที่สุด และเพื่อเป็นการแทนที่อำนาจซึ่งมาจากเมืองเคียวโตะ ตัวเขาจึงได้จัดตั้งคณะการปกครองตามระบอบโชกุนในเมืองคะมะกุระขึ้นมา เรียกว่า รัฐบาลโชกุนคะมะกุระ สาเหตุที่เลือกก่อตั้งที่เมืองคะมะกุระเป็นเพราะว่า เมืองนี้อยู่ใกล้กับแหล่งฐานอำนาจของตัวเขาเอง
หลังจากช่วงเวลาดังกล่าว กลุ่มซามูไรผู้ทรงอำนาจก็กลายเป็นนักรบชนชั้นนำ () ผู้ซึ่งมีเพียงชื่อเท่านั้นที่ดำรงอยู่ภายใต้สำนักกลุ่มผู้ปกครองชนชั้นสูง หรือราชสำนัก เมื่อซามูไรเริ่มเข้าไปเป็นเจ้าของเครื่องจรรโลงใจต่างๆ ของกลุ่มชนชั้นสูง อย่างศิลปะลายมือ บทกวี และเพลง ในทางกลับกัน สำนักผู้ปกครองชนชั้นสูงบางสำนักก็เข้าไปเป็นเจ้าของธรรมเนียมต่างๆ ของซามูไรบ้าง แต่ถึงแม้ว่าจักรพรรดิหลายๆ พระองค์จะสร้างแผนการอันชั่วร้ายและกฎระยะสั้นต่างๆ ออกมาเพื่อลดบทบาทของกลุ่มซามูไร อำนาจที่แท้จริงในขณะนั้นก็ยังอยู่ในกำมือของโชกุนและซามูไรอยู่ดี
คริสต์ศตวรรษที่ 14
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 ศาสนาพุทธนิกายเซนถูกเผยแพร่ไปทั่วกลุ่มซามูไร ลัทธินี้ช่วยก่อร่างสร้างมาตรฐานแห่งประพฤติกรรมของพวกเขาขึ้นมา โดยเฉพาะพฤติกรรมการเอาชนะความกลัวตายและการสังหาร แต่สำหรับผู้คนกลุ่มอื่นๆ แล้ว ศาสนาพุทธกระแสหลักก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่
ในปี พ.ศ. 1817 (ค.ศ. 1274) กุบไลข่านแห่งจักรวรรดิมองโกล (ปกครองจีนในนามราชวงศ์หยวน) ได้ส่งกำลังทหารประมาณ 40,000 นาย และเรือ 900 ลำเพื่อมาตีญี่ปุ่นที่เกาะคีวชู ทางฝ่ายญี่ปุ่นจึงได้รวบรวมกำลังซามูไรประมาณ 10,000 คนเพื่อเตรียมต่อต้านการบุกรุกครั้งนี้ แต่ตลอดการบุกเข้ามา กองทหารมองโกลทั้งหมดกลับโดนโจมตีโดยพายุขนาดใหญ่หลายลูก เป็นผลให้ฝ่ายตั้งรับปลอดภัยจากการสูญเสียกำลังพลครั้งใหญ่ จนในที่สุดกองทหารหยวนก็ถูกเรียกกลับจักรวรรดิไปและการบุกรุกก็สิ้นสุดลง แต่การกระทำของมองโกลในครั้งนั้นถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำสำหรับญี่ปุ่น เนื่องจากว่ากองกำลังมองโกลกลุ่มนี้ใช้ระเบิดขนาดเล็กเป็นอาวุธด้วย ทำให้ญี่ปุ่นได้รู้จักกับระเบิดและดินปืนเป็นครั้งแรก
ฝ่ายญี่ปุ่นตระหนักดีว่ามีความเป็นไปได้ที่การถูกบุกรุกจะเกิดขึ้นอีก พวกเขาจึงต้องสร้างแนวป้องกันหินขนาดใหญ่รอบอ่าวฮะกะตะ โดยเริ่มลงมือสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 1819 (ค.ศ. 1276) จนถึงปี พ.ศ. 1820 (ค.ศ. 1277) แนวป้องกันนี้มีความยาว 20 กิโลเมตรทอดตัวไปตามแนวชายฝั่ง นี่ถือว่าเป็นจุดตั้งรับที่แข็งแรงที่จะต้านมองโกลไว้ได้ ทางฝ่ายมองโกลก็พยายามแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีทางการทูต โดยเริ่มกระทำตั้งแต่ปี พ.ศ. 1818 (ค.ศ. 1275) ถึงปี พ.ศ. 1822 (ค.ศ. 1279) แต่ผู้ส่งสารของมองโกลแต่ละคนที่เดินทางไปญี่ปุ่นล้วนแล้วถูกจับประหารชีวิตทั้งสิ้น เป็นผลให้ต้องเกิดการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในเวลาต่อมา
ในปี พ.ศ. 1824 (ค.ศ. 1281) กองทหาร 140,000 นายกับเรืออีก 4,400 ลำของราชวงศ์หยวน เดินทางมาที่ญี่ปุ่นอีกครั้งเพื่อมาทำสงครามครั้งใหม่ ทางด้านญี่ปุ่นก็จัดเตรียมซามูไร 40,000 คนเพื่อป้องกันตอนเหนือของเกาะคีวชูไว้ เมื่อทัพมองโกลเดินทางมาถึง ทหารมองโกลยังคงต้องอยู่บนเรือของพวกเขาเพื่อเตรียมตัวปฏิบัติการยกพลขึ้นบก แต่เมื่อถึงเวลายกพลขึ้นบกจริง พวกเขาต้องพบกับพายุไต้ฝุ่นที่เข้าปะทะเกาะคีวชูตอนเหนือพอดี ตามมาด้วยการพบกับกำลังป้องกันของญี่ปุ่นที่แนวป้องกันบนอ่าวฮะกะตะอีก ทำให้ทัพมองโกลรับความเสียหายและต้องสูญเสียกำลังพล ผลสุดท้าย ทัพมองโกลก็ต้องถูกเรียกกลับสู่จักรวรรดิอีกครั้ง
พายุฝนในปี พ.ศ. 1817 (ค.ศ. 1274) และพายุไต้ฝุ่นในปี พ.ศ. 1824 (ค.ศ. 1281) ช่วยให้กองกำลังซามูไรที่ทำหน้าที่ปกป้องญี่ปุ่นไล่ผู้บุกรุกชาวมองโกลกลับไปได้ แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีกำลังพลที่มากกว่าอย่างมากก็ตาม ลมพายุทั้งสองนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักกันในชื่อ คะมิ-โนะ-คะเซะ (หรือเรียกอย่างสั้นว่า "") ซึ่งมีความหมายตามตัวอักษรว่า ลมแห่งเทพเจ้า หรือที่แปลกันอย่างง่ายว่า ลมพระเจ้า ไต้ฝุ่นคะมิกะเซะได้สร้างความเชื่อให้แก่ชาวญี่ปุ่นว่าแผ่นดินต่างๆ ของพวกเขาอยู่ภายใต้การปกป้องของเทพเจ้าและสิ่งเหนือธรรมชาติ
ยุคมุโระมะชิ
ศตวรรษที่ 14
ช่างตีดาบที่ชื่อ ได้พัฒนาเหล็กกล้าที่มีโครงสร้างสองชั้นผสมกันระหว่างเหล็กอ่อนและเหล็กแข็งขึ้นเพื่อใช้ในการตีดาบ โครงสร้างนี้ได้สร้างความก้าวหน้าในพลังและคุณภาพการตัดอย่างมาก ซึ่งเทคนิคการผลิตดังกล่าวได้นำไปสู่การสร้างดาบญี่ปุ่น (ดาบคะตะนะ) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะของหนึ่งในอาวุธคู่มือที่ทรงอานุภาพมากที่สุดในเอเชียตะวันออกช่วงยุคก่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม ดาบหลาย ๆ เล่มที่สร้างขึ้นมาโดยเทคนิคดังกล่าวนี้ได้ถูกส่งออกข้ามทะเลจีนตะวันออกไป ซึ่งจุดที่ไกลที่สุดที่ดาบเดินทางไปถึงคือดินแดนอินเดีย
ประเด็นในเรื่องการสืบทอดตำแหน่งโดยทายาทเป็นเหตุให้การต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งโดยตระกูลต่าง ๆ เป็นเรื่องธรรมดา ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีการที่ขัดต่อระเบียบการสืบทอดอำนาจที่ตราเอาไว้ในกฎหมายของญี่ปุ่นก่อนศตวรรษที่ 14 ก็ตาม เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการใช้วิธีชิงอำนาจดังกล่าว การบุกรุกเข้ามาของกลุ่มซามูไรที่อยู่ในเขตแดนติดกันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และการวิวาทระหว่างซามูไรด้วยกันเองก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาตลอดเวลาสำหรับเมืองคะมะกุระและสมัยการปกครองของโชกุนอาชิกางะ
ยุคเซงโงะกุ (ยุคภาวะสงคราม) เป็นยุคที่ซามูไรสูญเสียวัฒนธรรมของตนเองให้กับกลุ่มคนที่เกิดในชนชั้นทางสังคมอื่น ๆ ที่บางครั้งได้อุปโลกน์ตัวเองว่าเป็นนักรบซามูไร โดยไม่ได้คำนึงถึงความถูกต้องตามครรลองแห่งการเป็นซามูไรหรือไม่ ดังนั้นในช่วงที่ไร้ความควบคุมเช่นนี้ หลักจรรรยาแบบบูชิโดจึงถูกนำมาใช้เป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมสังคมสาธารณะ
ศตวรรษที่ 15
กลยุทธ์และเทคโนโลยีการสงครามของญี่ปุ่นก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในช่วงศตวรรษที่ 15 และศตวรรษที่ 16 มีการใช้กองทหารราบที่เรียกกันว่า (หรือ เท้าเบา สืบเนื่องมาจากชุดเกราะเบาที่ใช้ ซึ่งที่จริงก็คือนักรบชั้นที่ต่ำลงไปและประชาชนธรรมดาที่ถูกจัดให้ใช้อาวุธนะงะยะริ (หอกยาว) หรือ (ง้าว) จำนวนมากร่วมกับกองทหารม้าที่เตรียมเอาไว้ตามแผนการรบอยู่แล้ว ทำให้จำนวนคนที่เข้าไปรับใช้กองทัพเพิ่มขึ้นจากหลักพันกลายเป็นหลักแสนทันที
อาวุธปืนเล็กยาวได้เข้ามาสู่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2086 (ค.ศ. 1543) โดยชาวโปรตุเกสผ่านทางเรือโจรสลัดของจีน (ในทศวรรษนี้ ชาวญี่ปุ่นทุกคนได้ชื่อว่าเป็นพลเมืองของประเทศญี่ปุ่นอย่างเต็มตัว) กลุ่มของทหารรับจ้างหลาย กลุ่มกับปืนเล็กยาวที่ถูกผลิตออกมาจำนวนมากจึงเล่นบทบาทสำคัญในญี่ปุ่นช่วงนั้น
เมื่อสิ้นสุดยุคศักดินา ญี่ปุ่นมีปืนชนิดต่างๆ ประมาณหนึ่งแสนกระบอก และมีกองทหารจำนวน 100,000 กว่าคนที่ทำหน้าที่ร่วมรบในสมรภูมิ ซึ่งถ้าเทียบกับกองทหารสเปนที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังมากที่สุดในทวีปยุโรปแล้ว พวกเขาก็มีอาวุธปืนเพียงแค่หนึ่งหมื่นกระบอก และกำลังทหารก็มีแค่ 30,000 คนเท่านั้น
ยุคอะซุชิโมะโมะยะมะ
ในปี พ.ศ. 2135 (ค.ศ. 1592) และอีกครั้งในปี พ.ศ. 2141 (ค.ศ. 1598) ไดเมียว โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ ตัดสินใจที่จะบุกจีน (ญี่ปุ่น: 唐入り) และอีกทางหนึ่งก็ส่งกำลังซามูไรจำนวน 160,000 คนไปบุกเกาหลี โดยใช้ความได้เปรียบในด้านความชำนาญในการใช้อาวุธปืนเล็กยาว และการบริหารกองทัพของฝ่ายเกาหลีที่แย่กว่าเป็นหนทางสู่ชัยชนะ ซามูไรที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสงครามครั้งนี้ได้แก่ คะโต คิโยะมะซะ และ
หลังจากนั้น การเปลี่ยนแปลงทางสังคมในด้านทรัพยากรมนุษย์ก็เป็นไปอย่างยืดหยุ่น เหมือนกับระบบโบราณที่ล่มสลายไปแล้วได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เนื่องจากซามูไรต้องการที่จะคงกำลังทหารขนาดใหญ่และองค์กรที่พวกตนบริหารเอาไว้ในเขตอิทธิพลของพวกเขาเอง ตระกูลซามูไรหลาย ๆ ตระกูลที่ดำรงอยู่จนถึงศตวรรษที่ 19 ก็ออกมาประกาศว่า พวกตนเป็นสายเลือดของหนึ่งในสี่ตระกูลชั้นนำโบราณ ซึ่งได้แก่ตระกูลมินะโมะโตะ ตระกูลไทระ ตระกูลฟุจิวะระ และ แต่อย่างไรก็ตาม ในหลาย ๆ กรณี ก็เป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์ว่าต้นตระกูลของพวกเขาเป็นใครกันแน่
ปลายยุคอะซุชิโมะโมะยะมะ
โอะดะ โนะบุนะงะ คือไดเมียวที่มีชื่อเสียงของเขตนะโงะยะ (ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่าแคว้นโอะวะริ) และยังเป็นตัวอย่างของซามูไรที่โดดเด่นต่างจากผู้อื่นในยุคเซงโงะกุ เขาเข้ามามีบทบาทและได้วางหนทางเพื่อความสำเร็จของเขา ไม่กี่ปีหลังจากการรวมญี่ปุ่นอีกครั้งภายใต้ “ค่ายรัฐบาล” หรือ “บะคุฟุ” (คณะปกครองในระบอบโชกุน) ใหม่
โอะดะ โนะบุนะงะ ได้สร้างนวัตกรรมทางด้านการบริหารและกลยุทธ์การสงครามเอาไว้มากมาย ได้แก่ การใช้ประโยชน์จากปืนเล็กยาวอย่างหนัก พัฒนาการพาณิชย์และอุตสาหกรรม และสร้างนวัตกรรมใหม่ในด้านการคลัง ชัยชนะของเขาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ตัวเขาเข้าใจถึงการสิ้นสุดลงของค่ายรัฐบาลอะชิคะงะ และการปลดอาวุธจากกำลังทหารของพระในศาสนาพุทธ ซึ่งนำไปสู่ความโกรธเกรี้ยวและการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ระหว่างประชาชนธรรมดาด้วยกันเป็นเวลาหลายศตวรรษ เขารู้ว่าการโจมตีที่มาจาก "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์” ของวัดชาวพุทธ เกิดจากแรงกดดันที่มีมาจากการกระทำของขุนศึกและแม้แต่จักรพรรดิซึ่งพยายามจะควบคุมการกระทำของพวกเขา
โอะดะถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. 2125 (ค.ศ. 1582) เมื่ออะเคะจิ มิสึฮิเดะ แม่ทัพคนหนึ่งในสังกัดของเขา หักหลังเขากับทหารของเขาด้วย
หลังจากนั้น โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ และโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ (ผู้ซึ่งก่อตั้ง คณะการปกครองโชกุนโทะกุงะวะ) ที่ต่างก็เป็นผู้ติดตามที่จงรักภักดีของโนบุนางะก็ได้หาทางกำจัดมิสึฮิเดะ ฮิเดะโยะชิเป็นผู้ที่เติบโตมาจากชาวนาไร้ชื่อเสียง ซึ่งเริ่มมาจากทหารราบ ไต่เต้ามาจนเป็นนายทหารสู่หนึ่งในแม่ทัพที่มีฝีมือของโนะบุนะงะ ส่วนอิะเอะยะซุนั้นก็เติบโตมาด้วยกันกับโนะบุนะงะตั้งแต่เด็ก โดยตอนะเด็ก อิเอะยะซุเคยเป็นตัวประกันของผู้ครองแคว้นมิคุวะมาก่อน
ในปี พ.ศ. 2125 (ค.ศ. 1582) ฮิเดะโยะชิเอาชนะมิสึฮิเดะได้ภายในหนึ่งเดือน และถือเป็นผู้ที่สืบทอดอำนาจต่อจากโนะบุนะงะโดยชอบธรรมจากการยึดทรัพย์สินของมิตสึฮิเดะ
แม่ทัพทั้งสองได้มอบความสำเร็จที่ผ่านมาของโนะบุนะงะเป็นของขวัญในการรวมญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน พวกเขาได้กล่าวคำสำคัญเอาไว้ในเหตุการณ์นี้ว่า: “การรวมแผ่นดินครั้งนี้ก็เหมือนกับข้าวปั้น โอดะทำมันขึ้นมา ฮาชิบะแต่งรูปร่างให้มัน และสุดท้าย มีเพียงอิเอะยะซุเท่านั้นที่จะเป็นคนลิ้มรสมัน” (ฮาชิบะ คือชื่อตระกูลที่โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ใช้ในขณะที่เขายังเป็นผู้ติดตามของโนบุนางะ)
โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ ผู้เป็นบุตรของตระกูลชาวนาที่ยากจน ได้รับตำแหน่งเป็นเสนาบดีในปี พ.ศ. 2129 เขาได้ตรากฎหมายให้ชนชั้นซามูไรมีความเป็นถาวรและสามารถตกทอดไปสู่ทายาทได้ ส่วนผู้ที่มิใช่ซามูไรนั้น ไม่สามารถพกพาอาวุธติดตัวได้ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้กลุ่มซามูไรที่อุปโลกน์ตัวเองขึ้นมาเป็นอันต้องสิ้นสุดลง
หลังจากที่เกิดกฎหมายดังกล่าวขึ้นมา ความคลุมเครือระหว่างซามูไรจริงกับซามูไรปลอมก็เริ่มลดลง ชายวัยผู้ใหญ่ของทุก ๆ ระดับชั้นทางสังคม (แม้แต่ชาวนา) ส่วนมากแล้วจะไปขึ้นตรงต่อองค์กรทางการทหารอย่างน้อยหนึ่งองค์กร เพื่อรับใช้องค์กรนั้นๆ ในการทำสงคราม จึงสามารถกล่าวได้ว่า สถานการณ์ “มวลชนปะทะมวลชน” กำลังจะดำเนินต่อไปอีกศตวรรษ
ตระกูลซามูไรที่มีอำนาจในช่วงหลังคริสต์ศตวรรษที่ 17 จะได้รับเลือกให้ติดตามโนะบุนะงะ, ฮิเดะโยะชิ, และอิเอะยะซุ สงครามขนาดใหญ่หลายๆ ครั้งเกิดขึ้นในช่วงการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ซามูไรที่พ่ายแพ้และถูกสังหารมีจำนวนมาก ซามูไรที่รอดกลับมาหลายต่อหลายคนก็ต้องกลายเป็นโรนิง หรือไม่ก็กลายเป็นประชาชนธรรมดา
ยุคเอะโดะ
ตลอดสมัยการปกครองของตระกูลโทะกุงะวะ (ที่มักจะเรียกกันว่ายุคเอะโดะ) นับตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา ก็เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีสงครามปะทุขึ้นอีกเลย ในยุคนี้ซามูไรหลายๆ คนจึงสูญเสียหน้าที่ทางการทหารไปทีละน้อย เป็นเหตุให้พวกเขาต้องหันมาทำงานเป็นข้าราชสำนัก ข้าราชการ และนักบริหารมากกว่าที่จะเป็นนักรบอย่างเคย
เมื่อสิ้นยุคของโทะกุงะวะ ซามูไรก็กลายเป็นข้าราชการชนชั้นสูงรับใช้ผู้ที่เป็นไดเมียว ในยุคนี้ของซามูไร (ดาบยาวและสั้นที่ซามูไรพกพาไว้คู่กัน หรือที่เรียกว่าคะตะนะ และ(วะกิซะชิ)) ได้กลายมาเป็นตราสัญลักษณ์ที่แสดงถึงอำนาจมากกว่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ในชีวิตประจำวัน พวกเขายังคงได้อำนาจตามกฎหมายที่จะฆ่าใครก็ได้ที่ไม่แสดงความเคารพอย่างเหมาะสมต่อตัวเขาอีกด้วย
ต่อมาเมื่อรัฐบาลกลางบังคับให้ไดเมียวต้องลดจำนวนซามูไรในสังกัดลง ปัญหาสังคมที่ตามมาคือจำนวนโรนิงที่เพิ่มมากขึ้น
ตามหลักการแล้ว พันธะที่เกิดขึ้นระหว่างซามูไรกับเจ้านายของพวกเขา (ส่วนใหญ่ก็คือไดเมียว) มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากจากสมัยสู่สมัยเอโดะ ในช่วงนี้ ซามูไรจะให้ความสำคัญต่อคำสอนของปราชญ์ขงจื๊อและเม่งจื๊ออย่างมาก ตำราของปราชญ์ทั้งสองเป็นที่ต้องการของชนชั้นซามูไรที่มีการศึกษา
ตลอดสมัยเอโดะ หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง การประมวลหลักบุชิโดก็เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ สิ่งสำคัญคือ หลักบุชิโดเป็นเรื่องของอุดมคติ แต่ก็เป็นหลักที่ยังคงรูปแบบเดิมได้ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 – อุดมการณ์บุชิโดเป็นอุดมการณ์ของชนชั้นนักรบที่อยู่เหนือบริบทชนชั้นทางสังคม เวลา และภูมิสถาน
หลักบุชิโดถูกทำให้เป็นทางการโดยซามูไรหลายๆ คน หลังจากที่บ้านเมืองอยู่ในความสงบ ไร้สงคราม คล้ายกันกับหลัก ชิวัลรี (Chivalry - หลักอัศวิน) ที่ถูกทำให้เป็นทางการเช่นกัน หลังจากที่อัศวินซึ่งเป็นชนชั้นนักรบในทวีปยุโรปล่มสลายไป
หลักความประพฤติของซามูไรได้กลายเป็นตัวแบบที่เป็นที่ชื่นชอบของประชาชนในสมัยเอโดะ ซึ่งเป็นสมัยที่เน้นความเป็นทางการอย่างมาก นอกจากนั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว ซามูไรหลายๆ คนยังได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการไล่ตามสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ ด้วย เช่น การได้เป็นบัณฑิตผู้มีความรู้อย่างลึกซึ้ง เป็นต้น
หลักบุชิโด และหลักเกณฑ์อื่นๆ ที่เป็นวิถีชีวิตของซามูไร ปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีชิวิตอยู่ในสังคมแบบญี่ปุ่น
ยุคเมจิ ความเสื่อมถอยของซามูไร
ในช่วงเวลานี้ วิถีทางแห่งความตายและเต็มไปด้วยอันตราย ได้ถูกทำให้ลดลงโดยการ "ปลุกให้ตื่นขึ้น" อย่างหยาบคายในปี พ.ศ. 2396 (ค.ศ. 1853) เมื่อพลเรือจัตวาแมทธิว เพอร์รี ได้นำเรือกลไฟจำนวนมากจากกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา มาทำการค้ากับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นชาติที่ถูกครอบงำโดยนโยบายโดดเดี่ยวตัวเองอยู่ช่วงหนึ่ง ในช่วงแรก เนื่องจากการควบคุมอย่างเข้มงวดจากโชกุน จึงมีเพียงแต่เมืองท่าบางเมืองเท่านั้นที่สามารถทำการค้ากับตะวันตกได้
การเข้ามาทำการค้าในญี่ปุ่นของชาติตะวันตกครั้งนั้นมีพื้นฐานมาจากความคิดที่จะแข่งขันกันระหว่างกลุ่มศาสนาคริสต์โรมันคาทอลิกนิกายฟรานซิสกันและโดมินิกันกับกลุ่มอื่น ๆ (เพื่อการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีปืนเล็กยาว ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ซามูไรแบบดั้งเดิมต้องล่มสลายไป)
ปฏิบัติการครั้งสุดท้ายของทัพซามูไรต้นตำรับเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2410 (ค.ศ. 1867) เมื่อซามูไรจากแคว้นโชชูและแคว้นซะสึมะสามารถเอาชนะกองกำลังของโชกุนที่ได้รับการสนับสนุนจากคำสั่งขององค์จักรพรรดิได้ ก่อนหน้านี้ไดเมียวของทั้งสองแคว้นได้ไปสวามิภักดิ์กับอิเอะยะซุหลังจากสงครามทุ่งเซกิงะฮะระสิ้นสุดลง พ.ศ. 2143 (ค.ศ. 1600)
แต่ก็มีแหล่งข้อมูลอื่นอีกที่อ้างว่า ปฏิบัติการครั้งสุดท้ายของซามูไรเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2420 (ค.ศ. 1877) ในช่วงที่เกิดกบฏซะสึมะใน ความขัดแย้งซึ่งเป็นที่มาของปฏิบัติการครั้งนั้นเริ่มมาจากการลุกฮือขึ้นก่อกบฏในครั้งที่ผ่านมาเพื่อที่จะเอาชนะโชกุนโทะกุงะวะ
เหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นได้นำไปสู่การปฏิรูปครั้งสำคัญ ที่เรียกว่าการปฏิรูปสมัยเมจิ
คณะรัฐบาลชุดใหม่ที่มีบทบาทในช่วงนั้น ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ อย่างถอนรากถอนโคน โดยได้ตั้งเป้าหมายไปที่การลดอำนาจของระบบศักดินาและการยุบเลิกสถานะความเป็นซามูไรลงไป ซึ่งรวมทั้งในแคว้นซะสึมะด้วย ในที่สุดแล้วการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้นำไปสู่การก่อกบฏที่เกิดขึ้นมาก่อนกำหนด โดยมีแกนนำคือ ไซโง ทะกะโมะริ
จักรพรรดิเมจิได้สั่งให้ยุติสิทธิของซามูไรในเรื่องของการเป็นชนกลุ่มเดียวที่สามารถเป็นกองกำลังทหารได้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดกองทัพทหารเกณฑ์ที่เป็นแบบตะวันตก และมีความทันสมัยมากขึ้น ซามูไรได้กลายเป็น “ชิโซกุ” (ญี่ปุ่น: 士族) ผู้ซึ่งยังได้รับเงินเดือนเป็นค่าตอบแทนอยู่ แต่สิทธิในการพกพาดาบคะตะนะในพื้นที่สาธารณะได้นั้น ต้องถูกยกเลิกไปพร้อมๆ กับสิทธิในการฆ่าใครก็ได้ที่ไม่ให้ความเคารพต่อตน ในที่สุด กลุ่มคนที่เรียกตนเองว่าซามูไรก็เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด หลังจากที่ผ่านเวลากว่าร้อยปีแห่งความสุขที่มีต่อสถานะของพวกตน อำนาจของพวกตน และความสามารถของพวกตนในการก่อร่างสร้างคณะรัฐบาลแห่งดินแดนญี่ปุ่นได้ แต่อย่างไรก็ตาม กฎของรัฐที่ออกมาจากชนชั้นทหารก็ยังไม่ได้สิ้นสุดลงไปด้วย
ภายหลังการปฏิรูปสมัยเมจิ
เพื่อเป็นการแสดงว่าญี่ปุ่นมีความทันสมัย สมาชิกในคณะรัฐบาลเมจิจึงตัดสินใจที่จะเดินตามรอยเท้าของสหราชอาณาจักรและเยอรมนี โดยให้อยู่บนฐานคติที่ว่า “สิทธิพิเศษย่อมมีข้อผูกมัด” (“noblesse obligé”) ส่วนซามูไรนั้น ก็ถูกลดอำนาจทางการเมืองไปเหมือนกับของปรัสเซีย
เมื่อการปฏิรูปสมัยเมจิเกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ชนชั้นซามูไรก็ล่มสลายไป และกองทัพประจำชาติแบบตะวันตกก็เกิดขึ้นแทน ทหารในกองทัพสมัยใหม่ขององค์พระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่นล้วนแล้วแต่เป็นทหารที่ถูกเกณฑ์เข้ามาทั้งสิ้น แต่ก็มีซามูไร (เก่า) หลายคนที่อาสาไปเป็นทหารให้ และอีกหลายคนก็เข้าไปฝึกเพื่อที่จะเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในกองทัพ ผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่ในกองทัพนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะมีจุดเริ่มต้นมาจากซามูไรแทบทั้งสิ้น ทำให้พวกเขาเข้ามาทำงานพร้อมกับแรงจูงใจและวินัยขั้นสูง ประกอบกับการหมั่นฝึกฝนที่โดดเด่นผิดธรรมดา
นักเรียนแลกเปลี่ยนชาวญี่ปุ่นหลายต่อหลายคนในช่วงหลังก็ล้วนเป็นซามูไรมาก่อนเช่นกัน ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะว่าซามูไรเท่านั้นถึงจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนได้ แต่เป็นเพราะว่า ซามูไรหลายๆ คนอ่านออกเขียนได้และมีการศึกษาที่ดี นักเรียนแลกเปลี่ยนบางคนเริ่มต้นเรียนที่โรงเรียนเอกชนก่อนเพื่อโอกาสทางการศึกษาที่สูงขึ้น
ในขณะเดียวกัน ซามูไรเก่าอีกหลายคนก็หันมาจับปากกาแทนปืน และได้กลายเป็นนักข่าวและนักประพันธ์ และยังได้ตั้งสำนักหนังสือพิมพ์ของตนเองอีกด้วย ส่วนอดีตซามูไรคนอื่นๆ ก็เข้าไปรับใช้คณะรัฐบาล เนื่องจากพวกเขาอ่านออกเขียนได้และมีการศึกษานั่นเอง
ซามูไรชาวตะวันตก
ชาวต่างประเทศคนแรกที่ได้รับเกียรติให้เป็นซามูไร น่าจะเป็นทหารและนักผจญภัยชาวอังกฤษที่มีนามว่า วิลเลียม แอดัมส์ (พ.ศ. 2107 – พ.ศ. 2163) โชกุนโทะกุงะวะ อิเอะยะซุได้มอบดาบคู่ให้แก่เขาเพื่อเป็นตัวแทนแห่งอำนาจของซามูไร พร้อมกับมีบัญชาออกมาว่า นักเดินเรือวิลเลียม แอดัมส์ ได้ตายไปแล้ว และซามูไร มิอุระ อันจิง (ญี่ปุ่น: 三浦按針) ได้ถือกำเนิดขึ้นมาแทน นอกจากการได้เป็นซามูไร แอดัมส์ยังได้รับตำแหน่ง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ได้รับความเคารพอย่างสูง มีหน้าที่เป็นข้ารับใช้โดยตรงในสำนักของโชกุน นอกจากนั้น เขายังได้รับที่ดินในเฮมิ (ญี่ปุ่น: 逸見) ซึ่งเป็นที่ดินที่มีเขตแดนอยู่ในเมืองโยะโกะซุกะในปัจจุบัน เป็นส่วนแบ่งจากท่านโชกุน พร้อมกับข้าทาสบริวารอีกส่วนหนึ่ง โดยมีหลักฐานปรากฏในจดหมายของเขาว่า “ด้วยชาวนาแปดสิบหรือเก้าสิบคนนี่แหละ ที่จะมาเป็นข้าทาสและบริวารของข้าพเจ้า” ทรัพย์สมบัติในรูปแบบของที่ดินของเขามีค่ามากเท่ากับ 250 (หน่วยวัดรายได้ที่มาจากผืนนาบนที่ดินของญี่ปุ่น มีค่าประมาณห้า)
ในท้ายที่สุด เขาได้เขียนในจดหมายของเขาว่า “พระเจ้าได้บันดาลพรให้ข้าพเจ้า หลังจากที่ข้าพเจ้าต้องพบกับความทุกข์ระทม” เนื้อความดังกล่าวหมายความว่า ความหายนะ (จากการเดินทาง) ได้นำเส้นทางของเขาให้มาพบกับชีวิตที่ดีในญี่ปุ่น
นอกจากวิลเลียม แอดัมส์ แล้ว ในช่วงที่เกิดสงครามโบะชิง พ.ศ. 2411 (ค.ศ. 1868) – พ.ศ. 2412 (ค.ศ. 1869) ก็ยังมีทหารชาวฝรั่งเศสหลายคนที่เข้ามาร่วมกับกองกำลังของโชกุนต่อสู้กับกลุ่มไดเมียวฝ่ายใต้ที่เห็นชอบกับการปฏิรูปสมัยเมจิ โดยได้มีการบันทึกไว้ว่า นายทหารเรือฝรั่งเศสคนหนึ่งที่ชื่อ (Eugène Collache) ได้ต่อสู้ในสงครามครั้งนี้ภายใต้เครื่องแบบของซามูไร เคียงบ่าเคียงใหล่ไปกับเพื่อนร่วมรบชาวญี่ปุ่นคนอื่น ๆ ด้วย
วัฒนธรรมซามูไร
ซามูไรได้พัฒนาวัฒนธรรมของพวกเขาเองในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งวัฒนธรรมเหล่านี้ยังได้ส่งอิทธิพลต่อรูปแบบวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นโดยรวมอีกด้วย
การศึกษา
ผู้ที่เป็นซามูไรต่างได้รับการคาดหวังว่าจะต้องเป็นคนที่สามารถอ่านออกเขียนได้ พร้อมกับต้องมีความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ด้วย นอกจากนั้น ยังได้รับความคาดหวังว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีความสนใจในศิลปะด้านอื่น ๆ อย่างเช่น การเต้นรำ การเล่นโกะ งานวรรณกรรม บทกวี และชา เป็นต้น ถึงแม้ว่าศิลปะเหล่านี้ไม่ได้จำเป็นต่อพวกเขาเลยก็ตาม
แต่ในประวัติศาสตร์ ซามูไรผู้ที่มีชื่อเสียงหลายคนก็ไม่ได้มีคุณสมบัติตามวุฒิการศึกษาที่กล่าวไว้ข้างต้น ตัวอย่างเช่น โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ ซามูไรผู้ยิ่งใหญ่ที่มีพื้นเพเป็นชาวนา ก็มีอุปสรรคสำคัญอยู่ตรงที่เขาสามารถอ่านและเขียนได้แต่ภาษาญี่ปุ่นที่ใช้ตัวอักษรฮิรางานะเท่านั้น อีกผู้หนึ่งคือ บุคคลผู้ที่ปกครองเอะโดะเป็นคนแรก ก็เคยเขียนระบายความในใจของเขาว่า เขาละอายใจเหลือเกินที่ได้พบว่า แม้แต่ประชาชนธรรมดายังมีความรู้ทางด้านการกวีมากกว่าตัวเขาเอง ทำให้เขารู้สึกอัปยศจนต้องยอมสละสมบัติและตำแหน่งของเขาไปในที่สุด
ประเพณีชุโด
(ญี่ปุ่น: 衆道) คือ ประเพณีแห่งสายใยรักที่เกิดขึ้นระหว่างซามูไรผู้แก่กล้าวิชากับซามูไรที่ยังไร้ประสบการณ์ ที่เปรียบได้ดัง “ดอกไม้แห่งจิตวิญญาณของซามูไร” ที่ได้ก่อร่างสร้างพื้นฐานที่แท้จริงของลัทธิความงามของผู้ที่เป็นซามูไรขึ้นมา ประเพณีนี้มีความคล้ายคลึงกับประเพณีของกรีกโบราณที่ชายวัยผู้ใหญ่มักจะมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเด็กผู้ชาย
สำหรับสังคมซามูไร นี่ถือว่าเป็นประเพณีที่มีเกียรติ เป็นการปฏิบัติที่สำคัญ และเป็นเส้นทางสายหลักที่จะสืบทอดความคิด คุณค่า จิตวิญญาณ และทักษะแห่งประเพณีซามูไร จากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นต่อ ๆ ไปได้
อีกชื่อหนึ่งของประเพณีนี้คือ บิโด (ญี่ปุ่น: 美道) (วิถีแห่งความงาม) เป็นประเพณีที่เชื่อว่า ความรักอันหนักแน่นที่ซามูไรสองคนมีให้แก่กันนั้น เป็นสิ่งที่เกือบจะยิ่งใหญ่เท่ากับความรักแบบเดียวกันที่มีให้แก่ไดเมียว จากข้อมูลในบทบันทึกร่วมสมัยฉบับหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า ทางเลือกระหว่างความรักที่มีต่อซามูไรอีกคน กับ เจ้านายของเขาเอง สามารถกลายมาเป็นปัญหาทางปรัชญาสำหรับซามูไรได้
ในตำราและคู่มือสำหรับซามูไรฉบับอื่น ๆ ได้ให้คำสอนที่เจาะจงไปที่วิถีของประเพณีเช่นนี้ว่า เป็นสิ่งที่ซามูไรควรจะต้องทำตามและให้ความเคารพ
หลังจากที่เกิดการปฏิรูปสมัยเมจิและการเข้ามาของแบบแผนการดำเนินชีวิตของตะวันตก การหลงใหลในความงามของผู้ชายก็ถูกแทนที่โดยความหลงใหลในเพศหญิงตามแบบยุโรปแทน นี่จึงเป็นจุดจบของประเพณีชุโดไปในที่สุด
การตั้งชื่อ
ชื่อเต็มของซามูไร มักจะตั้งขึ้นมาโดยการนำเอาชื่อที่อ่านตามตัวอักษรคันจิของพ่อหรือปู่ของเขา มารวมกับชื่อใหม่อีกหนึ่งชื่อที่อ่านตามตัวอักษรคันจิเหมือนกัน ซึ่งตามธรรมดาแล้ว ซามูไรจะใช้ชื่อบางส่วนจากชื่อเต็มทั้งหมดเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น โอะดะ คะซุซะโนะซุเกะ ซะบุโระ โนะบุนะงะ (ญี่ปุ่น: 織田上総介三郎信長) ก็คือชื่อเต็มของโอะดะ โนะบุนะงะ โดยคำว่า โอะดะ ก็คือชื่อของตระกูลหรือสังกัด คำว่า คะซุซะโนซุเกะ ก็คือชื่อตำแหน่งรองข้าหลวงประจำแคว้นคะซุซะ คำว่า ซะบุโระ ก็คือชื่อที่มีมาก่อนเข้าพิธีเก็มปุกุ (พิธีฉลองการเจริญวัย) และคำว่า โนะบุนะงะ ก็คือชื่อที่ตั้งขึ้นใหม่ต่อที่เป็นผู้ใหญ่
การสมรส
การแต่งงานของซามูไรจะถูกจัดขึ้นมาโดยผู้ที่แต่งงานแล้วและมียศศักดิ์เท่ากับหรือเหนือว่าซามูไรผู้เป็นเจ้าบ่าวเท่านั้น (นี่เป็นพิธีสำคัญสำหรับซามูไรที่มียศศักดิ์ต่ำกว่า และเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับซามูไรที่มียศศักดิ์สูงกว่า) ซามูไรส่วนมากมักจะแต่งงานกับผู้หญิงที่มาจากตระกูลซามูไรเหมือนกัน แต่สำหรับซามูไรที่มียศต่ำลงมา การแต่งงานกับหญิงสามัญชนถือเป็นเรื่องที่อนุโลมได้ ส่วนเรื่องของสินสมรส (สินเดิม) ฝ่ายเจ้าสาวจะเป็นผู้ที่นำมาให้เอง เพื่อใช้เริ่มต้นชีวิตใหม่ของพวกเขา
ก่อนการแต่งงาน ซามูไรจะส่งค่าหรือเอกสารยกเว้นการเก็บภาษีไปให้กับครอบครัวของฝ่ายหญิงผ่านทางผู้ส่งข่าว เพื่อที่จะขออนุญาตบิดาและมารดาแต่งงานกับฝ่ายหญิง ซึ่งบิดามารดาส่วนใหญ่ก็ยอมรับข้อเสนอด้วยความยินดี พ่อค้าฐานะดีหลายคนส่งลูกสาวของพวกเขาไปแต่งงานกับซามูไรเพื่อจะได้หักลบหนี้สินของซามูไรและจะได้ทำให้ตำแหน่งหน้าที่ของตนก้าวหน้าขึ้น
ถ้าหากว่าภรรยาของซามูไรให้กำเนิดบุตรชาย บุตรชายผู้นั้นก็สามารถที่จะเป็นซามูไรได้
ซามูไรสามารถมีได้ แต่พื้นหลังชีวิตของผู้ที่จะมาเป็นภรรยาน้อยจะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดโดยซามูไรระดับสูงเหมือนที่ทำในการแต่งงานจริง การลักพาตัวภรรยาน้อยถือว่าเป็นการกระทำที่น่าละอาย ถึงแม้ว่าการกระทำเช่นนี้ในนิยายหลาย ๆ เรื่องจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปก็ตาม
ซามูไรสามารถหย่าขาดจากภรรยาของเขาได้ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง แต่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้มีตำแหน่งสูงกว่าก่อน ซึ่งในความเป็นจริงการหย่าของซามูไรเกิดขึ้นมาน้อยมาก เหตุผลในการหย่าอาจจะเป็นเพราะว่า ภรรยาของเขาไม่สามารถให้บุตรชายแก่เขาได้ แต่วิธีการรับเด็กชายมาเลี้ยงก็สามารถใช้เป็นแนวทางแทนการหย่าได้เช่นกัน ซามูไรสามารถหย่าโดยใช้เหตุผลส่วนตัวที่ว่าเขาไม่ชอบภรรยาของเขาได้ แต่โดยทั่วไปเหตุผลนี้มักจะไม่ยกมาอ้างกัน เพราะมันจะสร้างความอับอายให้แก่ซามูไรระดับสูงที่จัดการแต่งงานให้ได้ แต่แม้ว่าโดยทั่วไปผู้ที่เป็นฝ่ายหย่าก่อนจะเป็นฝ่ายของซามูไร ฝ่ายหญิงก็สามารถเป็นฝ่ายที่เริ่มการหย่าก่อนได้เหมือนกัน หลังจากการหย่าแล้ว ฝ่ายซามูไรจะได้รับเงินค่าสินสอด ซึ่งมีไว้ป้องกันการหย่า กลับคืนมา
ภรรยาของซามูไรที่ไม่ซื่อสัตย์แล้วปฏิเสธในความผิดของเธอ จะได้รับอนุญาตให้ทำการ (การคว้านท้องฆ่าตัวตาย (เซ็ปปุกุ) ของผู้ชาย)
ปรัชญา
หลักปรัชญาของศาสนาพุทธนิกายเซน บวกกับบางส่วนของลัทธิขงจื๊อ มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมซามูไรได้ดีพอ ๆ กับลัทธิชินโต
นิกายเซนได้กลายเป็นหลักคำสอนสำคัญในเรื่องของวิธีการที่ทำให้จิตสงบ
ฐานคติของพุทธในเรื่องการกลับชาติมาเกิด ก็นำซามูไรไปสู่การละเลิกการทรมานและการฆ่าฟันอย่างไร้เหตุผล ฐานคตินี้มีอิทธิพลมากจนซามูไรบางคนถึงกับยอมเลิกใช้ความรุนแรง และบวชเป็นพระสงฆ์หลังจากที่ตระหนักว่าการฆ่าฟันไม่ได้ส่งผลดีอย่างไร ขณะที่ซามูไรบางคนตระหนักถึงเรื่องเช่นนี้ได้ตอนที่อยูในสมรภูมิจริง จนเป็นเหตุให้เขาต้องถูกฆ่าตาย ณ ที่นั้นก็มี
ส่วนบทบาทของลัทธิขงจื๊อที่มีผลต่อวัฒนธรรมซามูไรก็คือ การเน้นความสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้ปกครองให้ได้ ซึ่งนี่คือความจงรักภักดีที่ซามูไรต้องการจะแสดงต่อเจ้านายของเขา
บูชิโดคือ “ประมวลหลักการปฏิบัติ” ที่ติดตัวซามูไรทุก ๆ คน หลักนี้เริ่มบังคับใช้ในสมัยเอโดะ โดยรัฐบาลโชกุนโทกึงาวะ เพื่อพวกเขาจะได้ควบคุมเหล่าซามูไรได้ง่ายขึ้น
แต่เหตุการณ์ของ “กลุ่มโรนิงทั้ง 47” ก็ทำให้เกิดการโต้เถียงกันเกี่ยวกับประเด็นความถูกต้องของหลักปฏิบัติของซามูไร และประเด็นที่ว่าหลักบูชิโดควรจะประยุกต์ใช้ได้อย่างไร เนื่องจากซามูไรซึ่งกลายเป็นโรนิงทั้ง 47 คนนี้ไม่ได้ให้ความเคารพต่อโชกุนซึ่งเป็นผู้ปกครองของพวกเขา แต่ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะความภักดีและความซื่อสัตย์ที่มีต่อนายเก่าของพวกเขาเอง ผลสุดท้าย การกระทำของพวกเขาถูกตัดสินว่าเป็นการกระทำที่แสดงออกถึงความซื่อสัตย์ แต่ไม่เป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีต่อโชกุน นี่จึงเป็นเหตุให้พวกเขาทั้ง 47 คนต้องถูกฆาตกรรมด้วยการสำนึกผิดและสิทธิในการคว้านท้องฆ่าตัวตาย
สตรี
หน้าที่ของผู้หญิงในฐานะภรรยาของซามูไรคือ แม่บ้าน บทบาทนี้สำคัญมากในยุคศักดินาของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักรบผู้เป็นสามีมักจะเดินทางไปดินแดนอื่น หรือไปทำสงครามร่วมกับสังกัดของตนเอง ภรรยา หรือ “โอกุซัง” (แปลว่า ผู้ที่อยู่แต่ในบ้าน) จะเป็นผู้ที่จัดการกิจธุระทุกอย่างของครอบครัว ดูแลลูก ๆ และบางโอกาสยังต้องป้องกันบ้านจากการรุกรานด้วย ภรรยาของชนชั้นซามูไรหลาย ๆ คนต้องฝึกฝนการใช้ง้าว หรือที่เรียกว่า มือเดียวให้ได้ เพื่อจะได้สามารถปกป้องคนในครอบครัว บ้าน และเกียรติยศเอาไว้
ลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนใครของผู้ที่เป็นภรรยาซามูไรคือ ถ่อมตัว เชื่อฟัง ควบคุมตนเอง และจงรักภักดี ภรรยาในอุดมคติของซามูไรจะต้องมีทักษะในการจัดการกับทรัพย์สิน หมั่นจดบันทึก ดูแลการเงิน ให้การศึกษาแก่ลูกๆ (และบางทีก็ต้องให้การศึกษาแก่ผู้รับใช้ด้วย) และบำรุงบิดามารดายามแก่เฒ่าทั้งของตนและของสามี ซึ่งอาจจะอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน กฎของขงจื๊อได้ช่วยนิยามความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและประมวลรวมหลักจรรยาของชนชั้นนักรบในเรื่องนี้ไว้ว่า ภรรยาจะต้องแสดงความเคารพอย่างสูงแก่สามี ต้องกตัญญูและบูชาบิดามารดา และต้องดูแลเอาใจใส่แก่ลูก ๆ แต่ถ้าให้ความรักต่อลูกมากจนเกินไป ก็จะทำให้ลูกเป็นผู้ที่เอาแต่ใจตนเองได้ ดังนั้น ผู้เป็นแม่จึงต้องฝึกให้ลูกมีวินัยควบคู่ไปด้วย
แม้ว่าภรรยาของตระกูลซามูไรที่มั่งคั่งจะได้เสวยสุขจากทรัพย์สินเงินทองและตำแหน่งอันเลิศหรูในสังคม และยังมีสิทธิหลีกเลี่ยงการถูกใช้แรงงานทางกายด้วยก็ตาม พวกเธอก็ยังมีสถานะทางสังคมที่ต่ำกว่าเพศชายอยู่หลายระดับ ผู้หญิงจะถูกห้ามไม่ให้ข้องเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมือง และโดยมากก็จะไม่ได้มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าของครอบครัวด้วย
เมื่อการศึกษาเริ่มมีคุณค่ามากขึ้นในยุคของโทะกุงะวะ ผู้หญิงที่ได้รับการศึกษาตั้งแต่เด็กจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับครอบครัวและสังคมโดยรวม หลักเกณฑ์ในการเลือกสตรีมาแต่งงานด้วยจึงเริ่มถ่ายน้ำหนักไปที่ความฉลาดและระดับการศึกษา บวกกับความดึงดูดใจทางกายภาพของผู้ที่จะมาเป็นภรรยามากขึ้น ทำให้นอกจากจะต้องมีทักษะของการเป็นภรรยาและผู้จัดการครอบครัวที่ดี ผู้หญิงในยุคนั้นยังต้องพบกับความท้าทายในการเรียนการอ่านภาษาจีน และยังจะต้องมีความรู้ในวิชาทางด้านปรัชญาและเบื้องต้นอีกด้วย เพราะฉะนั้น จนถึงสิ้นสุดยุคโทะกุงะวะ ภรรยาของซามูไรเกือบทุกคนจึงสามารถอ่านออกเขียนได้หมด
อาวุธ
อาวุธที่ซามูไรใช้มีอยู่หลายชนิด แต่ดาบคะตะนะก็ไม่ได้เป็นอาวุธที่สำคัญที่สุดของซามูไร เพราะว่าซามูไรไม่สามารถนำคะตะนะติดตัวเข้าไปในบางสถานที่ได้ (วะกิซะชิ) คือ อาวุธติดตัวซามูไรที่สำคัญที่สุด หลักบูชิโดได้สอนว่าจิตวิญญาณของซามูไรก็คือคะตะนะของพวกเขาแต่ละคน และบางครั้งซามูไรก็ถูกจินตนาการให้ต้องพึ่งพาคะตะนะเพื่อการต่อสู้ด้วย แนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่ขัดแย้งกับหน้าไม้ของยุโรป หรือดาบของอัศวินที่ส่วนใหญ่ใช้เป็นแค่เครื่องมือในการต่อสู้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ดาบคะตะนะมักจะไม่ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธในสมรภูมิกัน จนกระทั่งยุคคะมะกุระ ตัวดาบคะตะนะเองก็ยังไม่ได้เป็นอาวุธหลักจนกระทั่งเกิดยุคเอโดะขึ้นมา
หลังจากที่บุตรชายของซามูไรได้ถือกำเนิดขึ้น เขาจะได้รับดาบเล่มแรกของเขาในพิธีฉลองที่เรียกว่า มะโมะริ-คะตะนะ อย่างไรก็ตาม ดาบที่ให้ไปเป็นเพียงแค่ดาบเครื่องรางเท่านั้น โดยจะห่อหุ้มด้วยไหมยกดอกเงินหรือทองเพื่อที่จะให้เด็กอายุไม่เกินห้าขวบพกเอาไว้ในกระเป๋าสตางค์ได้ เมื่อถึงอายุสิบสามปี ในพิธีฉลองที่เรียกว่า เก็มบุกุ (ญี่ปุ่น: 元服; โรมาจิ: Gembuku) บุตรชายจะได้รับดาบจริงเล่มแรกพร้อมกับชุดเกราะ ชื่อในวัยผู้ใหญ่ และกลายเป็นซามูไรในที่สุด ดาบคะตะนะและวะกิซะชิเมื่อใช้ร่วมกันแล้วจะเรียกว่าไดโช (แปลตามตัวอักษรว่า “ใหญ่กับเล็ก”)
วะกิซะชิ คือ “ดาบแห่งเกียรติยศ” ของซามูไร ซามูไรจะไม่ยอมให้มันหลุดจากข้างกายโดยเด็ดขาด มันจะต้องติดตัวพวกเขาไปตอนที่พวกเขาเข้าบ้านคนอื่น (แต่ต้องทิ้งอาวุธหลักเอาไว้ข้างนอก) ยามนอนก็ต้องมีมันอยู่ใต้หมอนด้วย
(ทันโตะ) คือ ดาบสั้นเล่มเล็กที่มักจะใส่คู่กับวะกิซะชิในไดโช ทันโตะหรือไม่ก็วะกิซะชินี่เองที่จะถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมการฆ่าตัวตาย หรือที่เรียกว่าเซ็ปปุกุ
นอกจากดาบ ซามูไรยังเน้นการฝึกทักษะในการใช้ธนูยุมิ (ธนูยาวญี่ปุ่น) เพื่อสะท้อนศิลปะแห่ง (แปลตามตัวอักษรว่า วิถีแห่งธนู) อีกด้วย ในช่วงยุคเซงโงะกุ ธนูยังคงเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับทหารชาวญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าในช่วงนั้นพวกเขาจะรู้จักกับอาวุธปืนกันแล้วก็ตาม ยุมิเป็นธนูที่มีรูปร่างไม่รับส่วนกัน โดยประกอบขึ้นมาจากไม้ไผ่ ไม้ และหนัง ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับธนูแบบประกอบขึ้นเหมือนกันแต่ยืดหยุ่นกว่าของแล้ว ความทรงพลังของยุมิยังต่ำกว่า ยุมิมีระยะการโจมตีที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพอยู่ที่ 50 เมตรหรือน้อยกว่านั้น (ระยะโจมตีเต็มที่คือ 100 เมตร) ยุมิมักจะใช้กันหลัง “เทะดะเทะ” (ญี่ปุ่น: 手盾; โรมาจิ: tedate) หรือกำแพงไม้ไผ่ขนาดใหญ่ที่เคลื่อนที่ได้ ส่วนธนูที่มีขนาดสั้นกว่า (ฮังกิว) มักจะใช้บนหลังม้ากัน (ต่อมา การฝึกฝนการยิงธนูบนหลังม้าได้กลายเป็นพิธีกรรมชินโตที่ชื่อ (ญี่ปุ่น: 流鏑馬; โรมาจิ: Yabusame)
ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 (หอก) ได้กลายเป็นอาวุธที่ได้รับความนิยมพร้อมๆ กับ (ง้าว) ยะริมักจะถูกนำมาใช้ในสมรภูมิ ที่ซึ่งการบริหารกองทหารเดินเท้าราคาถูกจำนวนมากเป็นปัจจัยที่สำคัญความกล้าหาญส่วนบุคคล การจู่โจมของทั้งทหารราบและทหารม้าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อใช้หอกแทนดาบคะตะนะ และเมื่อปะทะกับซามูไรที่ใช้ดาบคะตะนะเป็นอาวุธ ผู้ที่ใช้หอกก็มีมักจะได้เปรียบกว่าเสมอ
ใน ที่ซึ่งฝ่ายของ แพ้ให้กับฝ่ายฮะชิบะ ฮิเดะโยะชิ (ต่อมารู้จักกันในนามโทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ) ผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดชัยชนะครั้งนั้นก็คือมือหอกทั้งเจ็ดแห่งชิซุงะตะเกะ (ญี่ปุ่น: 賤ヶ岳七本槍; โรมาจิ: Shizugatake)
ในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 16 ปืนเล็กยาวได้เดินทางเข้ามาในญี่ปุ่นผ่านทางพ่อค้าชาวโปรตุเกส อาวุธชนิดใหม่นี้ทำให้ขุนศึกหลาย ๆ คนสามารถสร้างกองกำลังที่มีประสิทธิภาพขึ้นมาจากมวลชนชาวนาได้ แต่ตัวมันก็กลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในสมัยนั้น คนจำนวนมากแลเห็นว่า การที่มันเป็นอาวุธที่ใช้ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพการสังหารสูง เป็นการหมิ่นประเพณีอย่างไร้เกียรติยศ
โอะดะ โนะบุนะงะ ได้ใช้ปืนเล็กยาวจำนวนมากใน เมื่อปี พ.ศ. 2118 (ค.ศ. 1575) จนนำไปสู่การสูญสิ้นของตระกูลทะเกะดะในที่สุด
หลังจากที่ชาวโปรตุเกสและได้นำปืนเล็กยาวแบบบรรจุดินปืน หรือที่เรียกกันว่า เข้ามาในญี่ปุ่นในครั้งแรก ช่างสร้างปืนชาวญี่ปุ่นก็ได้ผลิตมันออกมาเองในปริมาณมาก จนกระทั่งสิ้นสุดศตวรรษที่ 16 จำนวนปืนในญี่ปุ่นก็เพิ่มขึ้นมามากกว่าประเทศใด ๆ ในทวีปยุโรป ปืนทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีตและสะท้อนถึงความมีฝีมือของช่างที่สร้างได้เป็นอย่างดี
เมื่อมาถึงสมัยการปกครองโดยโชกุนโทะกุงะวะ และการสิ้นสุดลงของสงครามกลางเมือง ยอดการผลิตปืนก็ลดลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับการออกคำสั่งห้ามไม่ให้ถือครองเป็นเจ้าของอาวุธปืน ในสมัยการปกครองนี้ อาวุธที่มีพื้นฐานมาจากหอกได้ถูกเลิกใช้ไปบางส่วน เนื่องจากอาวุธเหล่านี้มีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการต่อสู้ระยะประชิด (ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในสมัยเอโดะ) น้อย ส่วนกฎข้อห้ามเกี่ยวกับปืนที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น ก็มีผลให้ไดโชเป็นอาวุธชนิดเดียวเท่านั้นที่ซามูไรสามารถพกพาได้
ส่วนอาวุธอื่นๆ ที่ซามูไรนำมาใช้เป็นอาวุธก็ได้แก่ ไม้พลอง (), กระบองยาว (), ระเบิดมือ, เครื่องยิงหินแบบจีน (มักจะใช้ในการจู่โจมตัวบุคคลมากกว่าใช้เพื่อการล้อมโจมตี) และปืนใหญ่
นิรุกติศาสตร์ของคำว่า “ซามูไร” และคำอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
คำว่า ซามูไร ซึ่งถูกเขียนด้วยอักษรจีน (หรือคันจิ) มีความหมายที่แท้จริงว่า “ผู้ที่ให้การรับใช้อย่างใกล้ชิดแก่เหล่าขุนนาง หรือผู้ที่มีตำแหน่งสูง” ในช่วงก่อนยุคเฮอัง ชาวญี่ปุ่นเรียกคำนี้ว่า ซะบุระปิ ต่อมาก็เปลี่ยนมาเรียกว่า ซะบุไร จนกระทั่งยุคเอโดะ ถึงจะเรียกว่า ซามูไร เหมือนในปัจจุบัน
ในงานวรรณกรรมของญี่ปุ่น ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 10 ที่ชื่อโคะกินชู (ญี่ปุ่น: 古今集; โรมาจิ: Kokinshū) ก็ได้มีการอ้างอิงถึง ซามูไร ไว้ว่า:
- "ให้การรับใช้แก่ขุนนางของท่าน
- ถามหาร่มของเจ้านายท่าน
- เหล่าน้ำค้างใต้ต้นมิยะงิโนะ
- ย่อมหนากว่าฝน"
- (บทกลอน 1091)
คำว่า บุชิ หรือ บูชิ (ญี่ปุ่น: 武士; โรมาจิ: bushi อ่านแบบญี่ปุ่นจะออกว่า บุ๊ฉิ แปลตามตัวอักษรว่า "นักรบ" หรือ "ทหาร") ปรากฏขึ้นครั้งแรกในช่วงต้นของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่เรียกว่า (ญี่ปุ่น: 続日本記; โรมาจิ: Shoku Nihongi) (พ.ศ. 1340) คำว่า “บึชิ” มีรากฐานมาจากภาษาจีน ต่อมาได้ถูกนำมาเพิ่มไว้ในภาษาญี่ปุ่นดั้งเดิมสำหรับคำว่า นักรบ: สึวะโมะโนะ และ โมะโนะโนะฟุ คำว่า "บุชิ" และคำว่า "ซามูไร” ได้กลายมาเป็นความหมายเดียวกันในช่วงใกล้จะสิ้นสุดศตวรรษที่ 12
ในหนังสือชื่อ ไอดีลส์ ออฟ เดอะ ซามูไร—ไรติงส์ ออฟ เจแปนนิส วอรริเออรส์ ของ ที่ได้รวบรวมงานสำรวจเกี่ยวกับรากเง้าของคำว่า นักรบ ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ได้กล่าวไว้ว่า คำว่า บุชิ ที่จริงแล้วสามารถแปลออกมาได้ว่า “ชายผู้ที่มีความสามารถในการรักษาสันติภาพ โดยใช้วิธีทางวรรณกรรณหรือวิธีทางการทหารก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้วิธีหลังกันมากกว่า”
เมื่อมาถึงตอนต้นยุคสมัยใหม่ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะยุคอะซุชิโมะโมะยะมะและต้นยุคเอโดะ เมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ความหมายของคำว่า ซามูไร (ซึ่งนำมาใช้แทนคำว่า ซะบุไร ในตอนนั้น) ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
ในช่วงยุคสมัยแห่งกฎของซามูไร คำว่า ยุมิโตะริ (ญี่ปุ่น: 弓取; โรมาจิ: Yumitori) ที่จริงๆ แล้วแปลว่า “มือธนู” ได้ถูกนำมาใช้เป็นชื่อตำแหน่งอันทรงเกียรติสำหรับนักรบที่ประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าในขณะนั้น ทักษะการใช้ดาบจะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากกว่าทักษะการใช้ธนูก็ตาม (เชื่อกันว่านักแม่นธนูของญี่ปุ่น () มีสายสัมพันธ์ที่แข็งแรงและมั่นคงกับเทพเจ้าแห่งสงคราม)
ซามูไรที่ไม่มีความสัมพันธ์กับตระกูลหรือไดเมียว (ญี่ปุ่น: 大名; โรมาจิ: daimyo) คนใดเลย จะถูกเรียกว่า โรนิง (ญี่ปุ่น: 浪人; โรมาจิ: rōnin) ในภาษาญี่ปุ่น โรนิง มีความหมายว่า “คนคลื่น” หรือผู้ที่มีอนาคตอยู่ที่การเร่ร่อนอย่างไร้จุดหมายไปตลอดกาลเหมือนกับคลื่นในทะเล คำๆ นี้หมายถึงซามูไรที่ไม่ได้รับใช้เจ้านายของเขาอีกแล้ว เนื่องจากเจ้านายของเขาถึงแก่กรรม หรือเป็นเพราะตัวซามูไรเองถูกเนรเทศออกจากกลุ่ม หรืออาจจะเป็นเพราะซามูไรผู้นั้นเลือกที่จะเป็นโรนิงเองก็ได้
ค่าใช้จ่ายของซามูไรวัดเป็นข้าวทีละ 1 (หรือประมาณ 180 ลิตร ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอที่จะใช้ยังชีพคนหนึ่งคนเป็นเวลาหนึ่งปี) ซามูไรที่อยู่ในการรับใช้ของจะถูกเรียกวา ฮันชิ
นอกจากคำทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ก็ยังมีคำอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กับประเพณีซามูไรอีก ซึ่งได้แก่:
- อึรึวะชี
นักรบที่มีความสนใจในศิลปะ ซึ่งถูกนำมาทำเป็นสัญลักษณ์ตัวอักษรคันจิที่อ่านว่า “บุง” (บุ๋น - การศึกษาทางด้านการอักษร) และ “บุ” (บู๊ - การศึกษาด้านการทหารและศิลปะ)
- บุเกะ
(ญี่ปุ่น: 武家; โรมาจิ: buke) : องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการทำสงคราม หรือสมาชิกที่อยู่ในองค์กรดังกล่าว
- โมะโนะโนะฟุ
(ญี่ปุ่น: もののふ; โรมาจิ: mononofu) : คำโบราณแปลว่านักรบ
- มุชะ
(ญี่ปุ่น: 武者; โรมาจิ: musha) : คำย่อจากคำว่า บุเงชะ (ญี่ปุ่น: 武芸者; โรมาจิ: bugeisha) ซึ่งแปลตามตัวอักษรว่า มนุษย์ผู้มีศิลปะแห่งสงคราม หรือมนุษย์ผู้มีศิลปะการต่อสู้
- ชิ
(ญี่ปุ่น: 士; โรมาจิ: shi) : มีความหมายในทำนองว่า “สุภาพบุรุษ” คำๆ นี้ถูกใช้สำหรับซามูไรอย่างเช่นในคำว่า บุชิ (ญี่ปุ่น: 武士; โรมาจิ: bushi) ซึ่งแปลว่า นักรบ หรือ ซามูไร เป็นต้น
- สึวะโมะโนะ
(ญี่ปุ่น: 兵; โรมาจิ: Tsuwamono) : คำโบราณที่กล่าวถึงทหาร คนส่วนใหญ่รู้จักคำนี้จากบทกวีไฮกุที่โด่งดังของมะสึโอะ บะโช ถ้าแปลตามตัวอักษร คำนี้มีความหมายว่าคนแข็งแรง
ภาษาญี่ปุ่น (โรมะจิ) | คำอ่าน | คำแปลโดย ลูเชียน สไตรก์ (กวีชาวอเมริกัน) | ความหมายในภาษาไทย |
---|---|---|---|
natsukusa ya tsuwamono domo ga yume no ato Matsuo Bashō | นะสึกุซะ ยะ สึวะโมโนะ โดะโมะ กะ ยุเมะ โนะ อะโตะ" (มะสึโอะ บะโช) | Summer grasses, All that remains Of soldiers’ dreams Matsuo Bashō | เหล่ากอหญ้าฤดูร้อน ทั้งหมดที่ยังคง ความฝันของเหล่าทหาร (มะสึโอะ บะโช) |
ซามูไรในวัฒนธรรมสมัยนิยม
ละครโทรทัศน์
ในทุกวันนี้ (หรือ) ก็ยังคงเป็นรายการหลักที่ฉายในโรงภาพยนตร์และโทรทัศน์ของญี่ปุ่นอยู่ รายการประเภทนี้มักจะมีเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซามูไร รวมไปถึงเค็นจุสึ (วิชาดาบ) ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับเหล่าพ่อค้าและซามูไรคนอื่นๆ ที่ชั่วร้าย
(ญี่ปุ่น: 水戸黄門; โรมาจิ: Mito Komon) เป็นตัวอย่างของแนวจิไดเงกิ ที่โด่งดังเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่น เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางของ ที่ปลอมตัวเป็นพ่อค้าเศรษฐีเก่า พร้อมด้วยซามูไรไร้อาวุธอีกสองคนที่ปลอมตัวเป็นผู้ติดตามของเขา เขาจะต้องพบกับปัญหาในทุกๆ ที่ที่เขาไป และเขาจะต้องเป็นผู้แก้ปัญหาและรวบรวมหลักฐานต่างๆ หลังจากได้หลักฐานครบถ้วน เขาจะให้ซามูไรของเขาเข้าไปปราบซามูไรและพ่อค้าที่เป็นคนร้ายอย่างเลือดเย็น ก่อนที่จะเปิดเผยอัตลักษณ์ที่แท้จริงของเขาออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำในเรื่องนี้คือ เหล่าร้ายที่มิสึกึนิสามารถเข้าไปฆ่าล้างตระกูลได้ มักจะออกมายอมแพ้เสียก่อน เพื่อหวังว่าการลงโทษของเขาจะไม่ลามไปถึงสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ ด้วย
ละครชุดทางโทรทัศน์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับซามูไรอีกเรื่องหนึ่งคือ ละครเรื่องนี้ประกอบไปด้วยตัวละครที่เป็นซามูไรทุกระดับชั้นไล่ตั้งแต่โชกุนลงมาถึงซามูไรระดับล่างที่สุด รวมไปถึงโรนิง ที่ถือได้ว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญของเรื่องนี้ด้วย
ภาพยนตร์
งานภาพยนตร์แนวซามูไรของผู้กำกับอะกิระ คุโระซะวะ ได้สร้างความรุ่งเรืองให้กับงานบันเทิงประเภทนี้อย่างมาก เทคนิคและวิธีการเล่าเรื่องในงานของเขาได้ส่งอิทธิพลไปสู่นักสร้างภาพยนตร์หลาย ๆ คนทั่วโลก ผลงานที่สร้างชื่อของเขาได้แก่
- เดอะ เซเว็น ซามูไร (เจ็ดเซียนซามูไร)]] เรื่องของหมู่บ้านเกษตรกรรมหมู่บ้านหนึ่งที่ได้ว่าจ้างซามูไรพเนจรกลุ่มหนึ่งเพื่อมาปกป้องพวกตนจากโจรป่า
- หนังที่เล่าเรื่องราวของอดีตซามูไรคนหนึ่งที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างกลุ่มอิทธิพลสองกลุ่มที่อยู่ในเมืองเดียวกัน ด้วยการเข้าไปทำงานรับใช้ทั้งสองฝ่าย
- ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับชาวนาผู้โง่เขลาสองคนที่เข้าไปช่วยนายพลผู้เป็นตำนานคนหนึ่งในการอารักขาเจ้าหญิง
ในช่วงนั้น ภาพยนตร์แนวซามูไรและภาพยนตร์สไตล์ตะวันตกต่างก็แบ่งปันบางสิ่งที่คล้ายคลึงกันให้แก่กัน และยังส่งอิทธิพลต่อกันเป็นเวลาหลายปี จะเห็นได้จากผลงานของผู้กำกับคุโระซะวะหลายเรื่องก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานของผู้กำกับชาวอเมริกันที่ชื่อจอห์น ฟอร์ด ในทางกลับกัน ผู้กำกับชาวตะวันตกหลายคนก็นำผลงานของคุโระซะวะไปสร้างใหม่เป็นภาพยนตร์แนวตะวันตกด้วย ตัวอย่างเช่น เดอะ เซเว็น ซามูไร ก็ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง (7 สิงห์แดนเสือ)]] ส่วน โยจิมโบ ก็ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง เป็นต้น
ส่วนเรื่อง เดอะ ฮิดเด็น ฟอร์เทรซ ก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้ผู้กำกับจอร์จ ลูคัส นำเนื้อเรื่องไปดัดแปลงและสร้างเป็นภาพยนตร์อวกาศระดับตำนานอย่าง สตาร์ วอรส์ ขึ้นมา และนอกจากนั้นเขายังได้หยิบยืมเอาลักษณะเฉพาะที่สำคัญหลายๆ อย่างของซามูไรมาใช้เป็นแรงบันดาลใจเบื้องต้นในการสร้างตัวละครอัศวินเจไดด้วย
นอกจากการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ตะวันตกแล้ว ยังมีอนิเมะที่ดัดแปลงมาจาก เดอะ เซเว็น ซามูไร ด้วย โดยใช้ชื่อว่า ซามูไร 7 อนิเมะเรื่องนี้ได้ขยายเนื้อเรื่องออกเป็นตอนต่างๆ หลายตอน
แต่อย่างไรก็ตาม ฐานคติเกี่ยวกับซามูไรที่สื่อออกมาผ่านภาพยนตร์ ในฐานะที่มีความแตกต่างกับอัศวินของยุโรป ได้นำไปสู่ช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างนักรบหรือวีรบุรุษของญี่ปุ่นกับของส่วนอื่นๆ ในโลก เนื่องจากซามูไรนั้น ไม่จำเป็นจะต้องสูงหรือมีกล้ามเป็นมัดเพื่อให้ดูแข็งแรง พวกเขาสามารถที่จะเป็นซามูไรทั้งที่มีความสูงเพียง 150 เซนติเมตร หรืออ่อนแอ หรือว่าพิการก็ได้ เรื่องของขนาดและพลังจึงไม่ใช่ปัจจัยทางด้านความงามที่ยั่วยวนใจชาวญี่ปุ่นเท่าไรนัก ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายที่สุดสามารถพบได้ในเรื่อง () ซามูไรตาบอดผู้มีฝีมือ ซึ่งถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์และภาพยนตร์ทางจอเงินอยู่หลายตอน
ในยุคต่อมา เป็นที่สังเกตได้ว่าภาพยนตร์แนวซามูไร หรือที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของซามูไร เริ่มที่จะปรากฏตัวในวงการภาพยนตร์ของมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดได้แก่
- เดอะ ลาสท์ ซามูไร (มหาบุรุษซามูไร) เป็นภาพยนตร์ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับช่วงเวลาแห่งการสิ้นสลายของชนชั้นซามูไรในญี่ปุ่น เนื้อเรื่องเป็นการผสมรวมระหว่างประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงและเรื่องราวที่ถูกแต่งขึ้น ออกฉายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2546 และได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากผู้ชมในแถบทวีปอเมริกาเหนือ โครงเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้มีพื้นฐานที่แตะมาจากเหตุการณ์กบฏซะสึมะ ในปี พ.ศ. 2420 โดยการนำของไซโง ทะคะโมะริ และเรื่องราวของร้อยเอก (Jules Brunet) ทหารชาวฝรั่งเศสที่ไปร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับ ในสงครามโบะชิง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นถึงวิถีการดำเนินชีวิตและกลยุทธ์ต่าง ๆ ในการทำสงครามของซามูไร โดยมีสื่อกลางคือผู้กองนาธาน อัลเกร็น (แสดงโดยทอม ครูซ) ทหารชาวอเมริกันที่ถูกกลุ่มซามูไรกลุ่มสุดท้ายในญี่ปุ่นจับตัวไปเป็นเชลย
- เป็นเรื่องราวของนักฆ่าผิวดำในสังคมอเมริการ่วมสมัย ผู้ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตำรา (ตำราญี่ปุ่นว่าด้วยหลักปฏิบัติของซามูไร) นำแสดงโดยฟอเรสท์ วิทเทคเกอร์ เพลงประกอบภาพยนตร์ในเรื่องนี้เป็นเพลงแนวฮิพฮ็อพที่ทันสมัย สร้างอารมณ์ที่ขัดแย้งกับความเก่าแก่ของตำราซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเรื่องนี้ได้อย่างมาก
- ของผู้กำกับ ก็เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับซามูไร โดยเฉพาะในด้านของอาวุธที่ซามูไรใช้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนที่ออกมายกย่องเกียรติศักดิ์ของดาบคะตะนะเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ตัวภาพยนตร์เองก็ไม่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของซามูไรจริง ๆ มากเท่าที่ควร แรงบันดาลใจเบื้องต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้จะมาจากอนิเมะหรือการ์ตูนญี่ปุ่นมากกว่า
- เช่นกันกับเรื่อง ต้นทุนต่ำที่เนื้อเรื่องมีการบิดเบือนวัฒนธรรมแท้จริงของซามูไร ทางผู้สร้างได้พยายามทำให้ตัวละครหลักของเรื่องมีภาพของความเป็นทายาทในตระกูลซามูไรอย่างเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตาม ตัวภาพยนตร์ที่แท้จริงกลับไปเหมือนเนื้อเรื่องในการ์ตูนญี่ปุ่นหรือในหนังสือการ์ตูนช่วงปลายยุคคริสต์ศตวรรษที่ 12 มากกว่า
วรรณกรรม
โชกุน ถือเป็นตัวอย่างวรรณกรรมซามูไรที่เป็นที่รู้จักในระดับสากลมากที่สุดชิ้นหนึ่ง ผลงานชิ้นนี้คือนวนิยายเรื่องแรกในงานชุดเอเชียน ซากา ของเจมส์ คลาเวลล์ (แปลเป็นไทยโดย ธนิต ธรรมสุคติ) นวนิยายเรื่องนี้มีท้องเรื่องอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2143 ซึ่งเป็นเวลาที่ญี่ปุ่นถูกปกครองด้วยระบบศักดินา เนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับการรุ่งโรจน์ของโทะกุงะวะ อิเอะยะสึ จนสามารถตั้งคณะการปกครองในระบอบโชกุนของตนเองได้ เรื่องราวทั้งหมดในเรื่องนี้จะถูกเล่าผ่านสายตาของทหารชาวอังกฤษคนหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวละครที่มีพื้นฐานอย่างหลวมๆ มาจาก ชาวตะวันตกที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นซามูไร เนื้อหาส่วนใหญ่ของนวนิยายชิ้นนี้ได้ถูกแต่งขึ้นมาใหม่โดยผู้เขียนเอง
การ์ตูน
นอกจากวรรณกรรม ซามูไรยังได้ปรากฏตัวบนหนังสือการ์ตูนของญี่ปุ่น (มังงะ) และภาพยนตร์การ์ตูน (อนิเมะ) อยู่บ่อยครั้ง โดยการ์ตูนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีเนื้อเรื่องอิงประวัติศาสตร์ และตัวละครหลักก็มักจะเป็นซามูไรหรืออดีตซามูไร (หรือผู้ที่มีลำดับขั้นหรือตำแหน่งที่ต่างไปจากนั้น) ที่มีทักษะวิชาทางการสู้รบสูง โดยตัวอย่างของการ์ตูนญี่ปุ่นแนวนี้ที่ถือว่าโด่งดังที่สุดก็ได้แก่เรื่อง โลน วูล์ฟ แอนด์ คับ และ รุโรนิ เค็นชิง
โลน วูล์ฟ แอนด์ คับ (ซามูไรพ่อลูกอ่อน) เป็นการ์ตูนที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตตัวแทนเพชฌฆาตของโชกุน กับลูกน้อยของเขาอีกหนึ่งคน ที่ต้องกลายมาเป็นนักฆ่ารับจ้าง หลังจากที่ถูกกลุ่มชนชั้นสูงและซามูไรคนอื่น ร่วมกันทรยศ
ส่วน รุโรนิ เค็นชิง (ซามูไรพเนจร) เป็นเรื่องราวของอดีตนักฆ่า ผู้มีส่วนช่วยให้เกิดการสิ้นจนนำไปสู่การเกิดขึ้นของยุคเมจิ เขาต้องมาปกป้องเพื่อนใหม่หลายๆ คน และต้องต่อสู้ขับไล่ศัตรูเก่าของเขาเอง โดยที่จะต้องรักษาคำสาบานที่เขาให้ไว้ก่อนหน้านั้นด้วยว่าเขาจะต้องไม่สังหารชีวิตใครอีก การ์ตูนเรื่องดังกล่าวนี้ยังได้นำเอามาสร้างในรูปแบบของอนิเมะอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีการ์ตูนญี่ปุ่นอีกหลายเรื่องที่ตัวละครหลักมีลักษณะต่างๆ เช่น การดำรงชีวิต การฝึกฝน และการต่อสู้คล้ายกับซามูไร โดยที่ตัวเรื่องหลักก็ไม่ได้ยึดติดอยู่กับเรื่องราวในประวัติศาสตร์สมัยซามูไรเหมือนสองเรื่องข้างต้น เนื้อเรื่องที่ประกอบไปด้วยตัวละครประเภทนี้มักจะดำเนินเรื่องในบริบทเวลาปัจจุบันหรือไม่ก็อนาคต ตัวอย่างที่รู้จักกันดีน่าจะเป็น จากเรื่อง (การ์ตูนชุดที่สร้างออกมาทั้งในรูปแบบของหนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์การ์ตูนทางโทรทัศน์ และภาพยนตร์) และ จากการ์ตูนแนวโรแมนติกคอมเมดีเรื่อง เลิฟฮินะ (บ้านพักอลเวง) เป็นต้น
ตัวละครประเภทนี้ยังมีปรากฏให้เห็นอีกในการ์ตูนเรื่องอื่นๆ เช่นในเรื่อง เบย์เบลด (ศึกลูกข่างมหัศจรรย์) ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันเกี่ยวกับการแข่งขันลูกข่างอันล้ำสมัย ก็มีตัวละครที่ชื่อ "จิน จ้าวพายุ" ที่มีลักษณะผสมกันระหว่างซามูไรและนินจาอยู่ด้วย ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คืออนิเมะแนวผู้ใหญ่ที่ชื่อ การ์ตูนญี่ปุ่นที่ปรากฏโฉมครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 ด้วยเนื้อเรื่องในยุคเอโดะที่นำมาผสมผสานให้เข้ากับวัฒนธรรมข้างถนนสมัยใหม่และเพลงแนวฮิพฮ็อพ ก็มีตัวละครที่ชื่อ จิน ซึ่งเป็นอดีตซามูไรฝีมือฉมังที่ต้องกลายมาเป็นโรนิงหลังจากที่เขาได้สังหารเจ้านายของเขาเอง
ขณะที่ซามูไรกำลังมีชีวิตโลดแล่นอยู่ในการ์ตูนเรื่องต่างๆ ของญี่ปุ่น หนังสือการ์ตูนสัญชาติอเมริกันหลายๆ เรื่องก็ได้หยิบเอาลักษณะเฉพาะของซามูไรไปปรับแต่งใหม่ให้เข้ากับตัวละครของพวกเขาเองเช่นเดียวกัน ที่เห็นได้ชัดก็คือ วูล์ฟเวอรีน หนึ่งในยอดมนุษย์แห่ง ที่ปรากฏตัวครั้งแรกในช่วง ก็มีความพยายามที่จะใช้อุดมการณ์และฐานคติของซามูไรเกี่ยวกับวิธีการในการควบคุมความอารมณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในของเขา นอกจากนั้น ลักษณะของโรนิง หรือซามูไรที่ไร้เจ้านาย ก็ยังถูกนำไปใช้เป็นตัวละครของบางเรื่องด้วย เช่นเรื่อง โรนิน ของ และ ของ
วิดีโอเกม
ในวิดีโอเกม ตัวละครที่เป็นซามูไรมักจะเป็นตัวผู้เล่นที่เป็นพระเอกหรือไม่ก็ศัตรูที่เป็นคอมพิวเตอร์ โดยที่ตัวละครประเภทนี้จะปรากฏตัวบนเกมหลายแนวด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นอาร์พีจี วางแผนกลยุทธ์ แอ็คชัน ผจญภัย หรือต่อสู้แบบสองคน ตัวอย่างเช่น เกมแนววางแผนกลยุทธ์ชื่อดังของอเมริกา, เกมแนวเอ็มเอ็มโออาร์พีจี, และ เกมวางแผนกลยุทธ์ของอังกฤษ ที่ให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับปรัชญาสงครามของซุนวู และภาพการรบในสมรภูมิที่เหมือนจริง
ส่วนของญี่ปุ่น ก็มีเกมที่ซามูไรเป็นส่วนประกอบหลักอยู่หลาย ๆ เกม อย่างเช่น เกมแนวไซไฟธิลเลอร์ที่ชื่อ ก็มีตัวละครตัวหนึ่งชื่อว่า (พี่ชายของ) ที่ผู้สร้างได้นำเอาภาพของซามูไรมาใส่ไว้ด้วย โดยจินจะเป็นตัวละครที่มีความทะยานอยากที่จะเป็นซามูไร เวลาต่อสู้เขาก็จะใช้ดาบเพียงเล่มเดียวเป็นอาวุธ
นอกจากนั้น เกมแนวต่อสู้แบบสองคนของญี่ปุ่นบางเกมก็มีตัวละครที่เป็นซามูไรให้ผู้เล่นได้เลือกใช้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น จากเกม โซดอม จาก และตัวละครแทบทุกตัวจากเกมชุด (ในเกมนี้ ฮาโอมารุ และเก็นจูโร่ เป็นตัวละครที่มีความคล้ายคลึงกับซามูไรแบบดั้งเดิมมากที่สุด)
นอกจากเกมต่าง ๆ ข้างต้นแล้ว ก็ยังมีเกมอย่าง , , , , , เก็นจิ และ ที่มีซามูไรเป็นตัวเอกเช่นกัน
อ้างอิง
- William Wayne Farris, Heavenly Warriors — The Evolution of Japan's Military, 500–1300, Harvard University Press, 1995.
- Kamakura Period (1192-1333) History:Samurai เว็บไซต์ japan-guide.com
- หัวข้อD.The Kamakura Shoguns 2007-05-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-06-06. สืบค้นเมื่อ 2007-05-06.
- Jesse Horowitz, Bushido 2006-09-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
แหล่งข้อมูลอื่น
- มติชน กรุ๊ป[] ข้อมูลเกี่ยวกับซามูไรในคอลัมน์ "รู้ไปโม้ด" โดยน้าชาติ ประชาชื่น
- เซ็งโงกึ ไดเมียว โฮมเพจ เว็บไซต์เกี่ยวกับนักเขียนและนักประวัติศาสตร์ทางด้านซามูไร
- ฮางากึเระ: เดอะ บุค ออฟ เดอะ ซามูไร ออนไลน์ 2006-08-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ซามูไร-อาร์ไควซ์ เจแปนนิส ฮิสทรี เพจ ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ซามูไร
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul samuir khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir samuir yipun 侍 aeplepnphasaithywathhar khawa samuir mitnkaenidcakkhawa saburaxu sungepnkhakriyainphasayipunobran thimikhwamhmaywa rbich chann samuirkkhuxkhnrbichnnexngphaphthaysamuirinchudekraa thayinchwngthswrrsthi 1860 odyprawticudkaenid epnthiechuxknwa rupaebbkhxngehlankrbbnhlngma muxthnu aelathharedinethainchwngstwrrsthi 6nacaepntwbthtnaebbkhxngsamuirdngedim khnathicudkaenidkhxngsamuirsmyihmyngepnpyhathiotethiyngknxyu hlngcakkarsurbinsngkhramnxngeluxdkbfayrachwngsthngkhxngcin aelaxanackrsillakhxngekahli yipunkekhasuyukhaehngkarptirupipthwthukhwraaehng odykarptirupkhrngsakhythisudkhux sungkrathaodyckrphrrdiokhotkuemux kh s 646 karptirupinkhrngnn iderimnaexawthnthrrmkarptibtiaelaethkhnikhkarbrihartang khxngcinmaichkbklumchnchnsungaelarabbrachkarkhxngyipun thung kh s 702 aelapramwlkdhmayithohkthuxkaenidkhun phrxmkbkhasngthiihprachachnmarayngantwepnpracakbthangkarephuxekbkhxmulmasrang thitxmacathuknamaichepntwchiwdsahrbkareknththhar hlngcaknn emuxkarthasamaonprachakresrcsinlngcnthaihruwaprachakrinyipunmikarkracaytwknxyangir ckrphrrdikhmmukidrierimkdhmayihprachakrephschaythiepnphuihy 1 in 3 thung 4 khntxngthukeknthepnthharephuxrbichchati odyphuthicaekhamaepnthharehlanicathukkhxkhwamrwmmuxihsngmxbxawuthkhxngtnaekthangkar aetphwkekhacaidrbkarykewninkaresiyphasiaelakarrbhnathitang epnsingtxbaethn ckrphrrdikhmmu yipun 桓武天皇 ormaci Kanmu Tennō inchwngtnkhxngyukhehxng pramanplaykhriststwrrsthi 8 aelatnkhriststwrrsthi 9 ckrphrrdikhmmu yipun 桓武天皇 ormaci Kanmu Tennō idhathangthaihxanackhxngtnthrngphlngaelaaephkhyayipthwtxnehnuxkhxngekaahnchu aephndinihykhxngyipun aetkrannexng khwamhwngdngklawkerimekidpyha emuxkalngthharthickrphrrdisngipephuxprabkbtklbirsungaerngcungicaelaraebiybwinycntxngaephthphklbma ckrphrrdikhmmucungtxngaekekmihmodykarsthapnataaehnngesxiitochngung yipun 征夷大将軍 ormaci Seiitaishogun aemthphihyphuprabkhnethuxn hruxthieriyksn wa ochngung phasaithyniymthbsphthwa ochkun khunma ephuxihphwkekhaehlaniipphichitklumkbtexmichi epnphlihthnghnwypracybanbnhlngmaaelankaemnthnu yipun 弓道 ormaci Kyudo thimithksafimux txngthukeriykekhamaepnekhruxngmux sakhyinkarkhwakalngkbtthnghlay sungthungaemwankrbehlanicaepnphuthimikarsuksaktam aetinchwngewladngklaw pramankhriststwrrsthi 7 thungkhriststwrrsthi 9 tamsaytakhxngthangkaraelw phwkekhayngthukmxngwaepnchnchnthisungkwakhnethuxnkhunmanidediyw aetinthisud ckrphrrdikhmmukyutikarbychathphkhxngphraxngkhip aelaxanackhxngphraxngkhkxxnaexlngeruxy khnaediywkn klumtrakulthithrngxiththiphlinnkhrekhiywota kidekhakhrxngtaaehnngesnabdi aelabangswnkmixanacepnphupkkhrxnghruxsalaekhwng klumphupkkhrxngehlanimkcaeriykekbphasicakprachachnxyanghnkhnwng ephuxthicasasmkhwammngkhngaelaepnkarkhunkairihkbphwktn cungsngphlsakhyihchawnahlaytxhlaykhnirthidinxyu xtrakarplnsdmphkephimkhun ehlaphupkkhrxngcungaekpyhaodykarrbsmkhrphuthukenrethsinekhtkhnotihmafukfnsilpakartxsuxyangekhmngwd ephuxthicaichphwkekhaepnhnwyrksakhwamplxdphythithrngprasiththiphaph bangkhrngkihipchwyekbphasiaelaybyngkarthangankhxngehlahwkhomyaelaocrpa phwkekhaehlaniidthukeriykwa sabuir saburai hruxphuthithwaytwepnkharbichihaekkxngthph sungphuthiepnsabuirmkcaidepriybkwakhnxun enuxngcakphwkekhacaidrbxanacthangkaremuxngaelamichnchnthisungkhun aetsabuirbangklumkepnephiyngchawnaaelaphnthmitrthicbxawuthkhunpkpxngtnexngcakklumsabuirthimixanacsungkwa aelaphupkkhrxngthickrwrrdisngmaephuxekbphasiaelakhrxbkhrxngthidinkhxngphwkekha sungtxma inchwngyukhehxngtxnklang sabuirklumniexngidnaexalksnaphiesskhxngchudekraaaelaxawuthtang khxngyipunmawangiwepnphunthankhxngkdaehngbuchiod sungepnkdthipramwlrwmhlkcrryatang khxngphwkekha hlngcakkarphanphnkhxng epntnma phuthicamaepnsamuirtangidrbkarkhadhwngwacatxngepnphuthimiwthnthrrmaelaxanxxkekhiynid odyphwkekhacatxngsamarthichchiwitihklmklunipkbkhaklawobranthiwa bung bu eriyw oda swang silpaxksr silpakarthhar withithngsxng hrux khwamklmklunaehngphuknaeladab ihid odycaehncakchuxechphaathiicheriykehlankrbinchwngaerk wa xuruwachi khanithukekhiynkhunmadwytwxksrkhncithimikarphsmrwmrahwanglksnaechphaatwkhxngsilpaxksr yipun 文 ormaci bun trngkbphasacin bun aelasilpakarthhar yipun 武 ormaci bu trngkbphasacin bu ekhadwykn aelamonthsnechnediywknni yngthukklawiwin eheka omaonangatari smyplaykhriststwrrsthi 12 odymikarxangxingiwinkhaklawkhxngtwlakhrthimitxkartaykhxng ithra ona thadaonri nkdab nkkwiphumikarsuksakhnhnungwa ehlaephuxnaelaphwkstrutangkminatachumepiykthiaekhnesux aelaphaknklawwa naesiydayehluxekin thadaonariepnkhunphlphuyingihy mifimuxthngsilpakarichdabaelakarkwi idklawexaiwinhnngsuxkhxngekhathichux wa ehlankrbin thuxidwaepntwaebbsahrbnkrbthimikarsuksainruntx ma aelaxudmkarntang thithukxthibayodynkrbaetlakhnineruxngela kimidaesdngihehnwamnepnsingthiyakthicathatamhruxexuxmthung yingkwann xudmkarnehlaniyngepnthitxngkarxyangmakinsngkhmnkrbchnsung aelayngepnsingthithukaenanawaehmaasmthicanamaichepnrupaebbkhxngmnusytidxawuthchawyipunthukkhn dwyxiththiphlkhxngeheka omaonangatari niexng phaphlksnkhxngnkrbyipuninnganwrrnkrrmtang cungsukngxmxyangetmthi txma wilsnyngidaeplnganekhiynkhxngnkrbbangkhnthimichuxineruxngelaaehngehekani ephuxepntwxyangihkhnthiidxanptibtitntamxikdwy yukhkhamakura khwamefuxngfukhxngsamuir edimthisamuirepnephiyngnkrbrbcangihkbxngkhphrackrphrrdiaelaklumchnchnsung khuenga yipun 公家 ormaci kuge ethann aettxmaxanackhxngphwkekhaidkxtwkhunmaxyangcha cninthisudphwkekhasamarthyudxanackhxngphupkkhrxngchnsungiwid aelakxrangklumkhnathipkkhrxngodysamuirkhunmaaethn phwkekhaidsrangladbkhnkarbngkhbbychathimisunyklangxyuthi otheriyw hruxhwhnakhxngphwkekhakhunma ephuxthakarsasmkalngkhnkbthrphyakrtang aelaphukphnthmitrkbklumxun phuthiepnotheriywcamirayahangechphaainkhwamsmphnththimitxxngkhckrphrrdi aelatxsmachikswnnxykhxnghnunginsamtrakulmiradb trakulfuciwara trakulminaomaota aelatrakulithra indanraebiybkarpkkhrxng tamhlkkaraelw otheriywehlanicathuksngiprbtaaehnngepnphupkkhrxnghruxphuphiphaksasalaekhwngtamcnghwdtang epnewlasipi aetinkhwamepncring emuxphwkekhahmdsmypkkhrxngaelw kmkptiesththicaklbmasuemuxnghlwngxikkhrng aelayngidnathayathkhxngtnmasubtxtaaehnngaethn ephuxihkarthangantxenuxngip aelaihepnphunathphxxkprabkbtthwthngyipun odyechphaainchwngtxnklangaelatxnplaykhxngyukhehxng txma emuxkalngthharaelaxanacthangesrsthkicephimmakkhun klumsamuirphupkkhrxngkklayepnsunyklangxanacihmthangkaremuxng karekhaipmiswnrwminkbtohengng chwngyukhehxngtxnplaykyingthaihxanackhxngphwkekhaaekhngaekrngmakkwaedimxik cninthisud inchwng pi kh s 1160 phwkekhaksamarthyuyngtrakulminaomaota aelatrakulithraihpathaknexngid hlngcakchychnapraktxxkmaxyangednchdtxklumsamuir aemthphithra ona khioyaomari kklayepnphukumxanacsungsudinrachsank sungthuxidwaepnkhrngaerkthichnchnnkrbidkhunkhrxngtaaehnngchnsungkhxngyipun aelasudthay klumsamuirkekhaipkhwbkhumrthbalidxyangetmtw ekidepnkhnarthbalkhxngyipunchudaerkthithukkhrxbngaodysamuir swnxngkhckrphrrdikthukldthxnxanacihmisthanaepnephiyngpramukhkhxngpraethsethann aetimsamarthichxanacbriharbanemuxngidxyangaetkxn xyangirktam trakulithrakyngkhngkhbekhiywknkbtrakulminaomaotaxyuehmuxnedim odyaethnthitrakulithracaichwithiaephkhyayxanacodykaresrimkhwamaekhngaekrngihkbkxngthharkhxngtn phwkekhaklbichwithisngphuhyingintrakulekhaipxphieskkbxngkhckrphrrdi aelaphyayamekhaipichxanacphanthangckrphrrdiephuxpraoychnkhxngtrakul trakulithraaelatrakulminaomaotaekhapathaknxikkhrnginpi kh s 1180 epnkarerimtnsngkhramekmepxyangepnthangkar sungipyutilnginpi kh s 1185 hlngsngkhramsinsudlng minaomaota ona oyariotaoma phuchnainsngkhramkhrngnn idthaihklumsamuirmikhwamehnuxkwaklumchnchnsungmakkhunipxik odyinpi kh s 1190 twekhaidipeyuxnemuxngekhiywota aelain kh s 1192 ekhakklayepnochkuninthisud aelaephuxepnkaraethnthixanacsungmacakemuxngekhiywota twekhacungidcdtngkhnakarpkkhrxngtamrabxbochkuninemuxngkhamakurakhunma eriykwa rthbalochkunkhamakura saehtuthieluxkkxtngthiemuxngkhamakuraepnephraawa emuxngnixyuiklkbaehlngthanxanackhxngtwekhaexng hlngcakchwngewladngklaw klumsamuirphuthrngxanackklayepnnkrbchnchnna phusungmiephiyngchuxethannthidarngxyuphayitsankklumphupkkhrxngchnchnsung hruxrachsank emuxsamuirerimekhaipepnecakhxngekhruxngcrrolngictang khxngklumchnchnsung xyangsilpalaymux bthkwi aelaephlng inthangklbkn sankphupkkhrxngchnchnsungbangsankkekhaipepnecakhxngthrrmeniymtang khxngsamuirbang aetthungaemwackrphrrdihlay phraxngkhcasrangaephnkarxnchwrayaelakdrayasntang xxkmaephuxldbthbathkhxngklumsamuir xanacthiaethcringinkhnannkyngxyuinkamuxkhxngochkunaelasamuirxyudi khriststwrrsthi 14 inchwngkhriststwrrsthi 13 sasnaphuththnikayesnthukephyaephripthwklumsamuir lththinichwykxrangsrangmatrthanaehngpraphvtikrrmkhxngphwkekhakhunma odyechphaaphvtikrrmkarexachnakhwamklwtayaelakarsnghar aetsahrbphukhnklumxun aelw sasnaphuththkraaeshlkkyngkhngidrbkhwamniymxyu phaphwadaenwpxngknhinkhnadihyrxbxawhakatathisrangkhunodysamuirephuxpxngknkarbukrukkhxngkxngthharmxngokl wadodyomaoka chuir exaokaotaba emuxpi ph s 1836 inpi ph s 1817 kh s 1274 kubilkhanaehngckrwrrdimxngokl pkkhrxngcininnamrachwngshywn idsngkalngthharpraman 40 000 nay aelaerux 900 laephuxmatiyipunthiekaakhiwchu thangfayyipuncungidrwbrwmkalngsamuirpraman 10 000 khnephuxetriymtxtankarbukrukkhrngni aettlxdkarbukekhama kxngthharmxngoklthnghmdklbodnocmtiodyphayukhnadihyhlayluk epnphlihfaytngrbplxdphycakkarsuyesiykalngphlkhrngihy cninthisudkxngthharhywnkthukeriykklbckrwrrdiipaelakarbukrukksinsudlng aetkarkrathakhxngmxngoklinkhrngnnthuxidwaepnehtukarnthinacdcasahrbyipun enuxngcakwakxngkalngmxngoklklumniichraebidkhnadelkepnxawuthdwy thaihyipunidruckkbraebidaeladinpunepnkhrngaerk fayyipuntrahnkdiwamikhwamepnipidthikarthukbukrukcaekidkhunxik phwkekhacungtxngsrangaenwpxngknhinkhnadihyrxbxawhakata odyerimlngmuxsrangtngaetpi ph s 1819 kh s 1276 cnthungpi ph s 1820 kh s 1277 aenwpxngknnimikhwamyaw 20 kiolemtrthxdtwiptamaenwchayfng nithuxwaepncudtngrbthiaekhngaerngthicatanmxngokliwid thangfaymxngoklkphyayamaekpyhanidwywithithangkarthut odyerimkrathatngaetpi ph s 1818 kh s 1275 thungpi ph s 1822 kh s 1279 aetphusngsarkhxngmxngoklaetlakhnthiedinthangipyipunlwnaelwthukcbpraharchiwitthngsin epnphlihtxngekidkartxsuthiyingihyxikkhrnghnunginprawtisastryipuninewlatxma inpi ph s 1824 kh s 1281 kxngthhar 140 000 naykberuxxik 4 400 lakhxngrachwngshywn edinthangmathiyipunxikkhrngephuxmathasngkhramkhrngihm thangdanyipunkcdetriymsamuir 40 000 khnephuxpxngkntxnehnuxkhxngekaakhiwchuiw emuxthphmxngokledinthangmathung thharmxngoklyngkhngtxngxyubneruxkhxngphwkekhaephuxetriymtwptibtikarykphlkhunbk aetemuxthungewlaykphlkhunbkcring phwkekhatxngphbkbphayuitfunthiekhapathaekaakhiwchutxnehnuxphxdi tammadwykarphbkbkalngpxngknkhxngyipunthiaenwpxngknbnxawhakataxik thaihthphmxngoklrbkhwamesiyhayaelatxngsuyesiykalngphl phlsudthay thphmxngoklktxngthukeriykklbsuckrwrrdixikkhrng phayufninpi ph s 1817 kh s 1274 aelaphayuitfuninpi ph s 1824 kh s 1281 chwyihkxngkalngsamuirthithahnathipkpxngyipunilphubukrukchawmxngoklklbipid aemwafaytrngkhamcamikalngphlthimakkwaxyangmakktam lmphayuthngsxngniidklayepnthiruckkninchux khami ona khaesa hruxeriykxyangsnwa sungmikhwamhmaytamtwxksrwa lmaehngethpheca hruxthiaeplknxyangngaywa lmphraeca itfunkhamikaesaidsrangkhwamechuxihaekchawyipunwaaephndintang khxngphwkekhaxyuphayitkarpkpxngkhxngethphecaaelasingehnuxthrrmchati yukhmuoramachi stwrrsthi 14 changtidabthichux idphthnaehlkklathimiokhrngsrangsxngchnphsmknrahwangehlkxxnaelaehlkaekhngkhunephuxichinkartidab okhrngsrangniidsrangkhwamkawhnainphlngaelakhunphaphkartdxyangmak sungethkhnikhkarphlitdngklawidnaipsukarsrangdabyipun dabkhatana sungepnthiruckkninthanakhxnghnunginxawuthkhumuxthithrngxanuphaphmakthisudinexechiytawnxxkchwngyukhkxnkarphthnaxutsahkrrm dabhlay elmthisrangkhunmaodyethkhnikhdngklawniidthuksngxxkkhamthaelcintawnxxkip sungcudthiiklthisudthidabedinthangipthungkhuxdinaednxinediy praednineruxngkarsubthxdtaaehnngodythayathepnehtuihkartxsuknephuxaeyngchingtaaehnngodytrakultang epneruxngthrrmda thungaemwacaepnwithikarthikhdtxraebiybkarsubthxdxanacthitraexaiwinkdhmaykhxngyipunkxnstwrrsthi 14 ktam ephuxthicahlikeliyngkarichwithichingxanacdngklaw karbukrukekhamakhxngklumsamuirthixyuinekhtaedntidkncungepneruxngthrrmdathiekidkhunxyubxykhrng aelakarwiwathrahwangsamuirdwyknexngkepnpyhathiekidkhunmatlxdewlasahrbemuxngkhamakuraaelasmykarpkkhrxngkhxngochkunxachikanga yukhesngongaku yukhphawasngkhram epnyukhthisamuirsuyesiywthnthrrmkhxngtnexngihkbklumkhnthiekidinchnchnthangsngkhmxun thibangkhrngidxupolkntwexngwaepnnkrbsamuir odyimidkhanungthungkhwamthuktxngtamkhrrlxngaehngkarepnsamuirhruxim dngnninchwngthiirkhwamkhwbkhumechnni hlkcrrryaaebbbuchiodcungthuknamaichepnpccysakhyinkarkhwbkhumsngkhmsatharna stwrrsthi 15 klyuththaelaethkhonolyikarsngkhramkhxngyipunkawhnaxyangrwderwinchwngstwrrsthi 15 aelastwrrsthi 16 mikarichkxngthharrabthieriykknwa hrux ethaeba subenuxngmacakchudekraaebathiich sungthicringkkhuxnkrbchnthitalngipaelaprachachnthrrmdathithukcdihichxawuthnangayari hxkyaw hrux ngaw canwnmakrwmkbkxngthharmathietriymexaiwtamaephnkarrbxyuaelw thaihcanwnkhnthiekhaiprbichkxngthphephimkhuncakhlkphnklayepnhlkaesnthnthi xawuthpunelkyawidekhamasuyipunepnkhrngaerkinpi ph s 2086 kh s 1543 odychawoprtueksphanthangeruxocrsldkhxngcin inthswrrsni chawyipunthukkhnidchuxwaepnphlemuxngkhxngpraethsyipunxyangetmtw klumkhxngthharrbcanghlay klumkbpunelkyawthithukphlitxxkmacanwnmakcungelnbthbathsakhyinyipunchwngnn emuxsinsudyukhskdina yipunmipunchnidtang pramanhnungaesnkrabxk aelamikxngthharcanwn 100 000 kwakhnthithahnathirwmrbinsmrphumi sungthaethiybkbkxngthharsepnthimikhnadihyaelathrngphlngmakthisudinthwipyuorpaelw phwkekhakmixawuthpunephiyngaekhhnunghmunkrabxk aelakalngthharkmiaekh 30 000 khnethann yukhxasuchiomaomayama inpi ph s 2135 kh s 1592 aelaxikkhrnginpi ph s 2141 kh s 1598 idemiyw othaoyaotami hiedaoyachi tdsinicthicabukcin yipun 唐入り aelaxikthanghnungksngkalngsamuircanwn 160 000 khnipbukekahli odyichkhwamidepriybindankhwamchanayinkarichxawuthpunelkyaw aelakarbriharkxngthphkhxngfayekahlithiaeykwaepnhnthangsuchychna samuirthimichuxesiyngmakthisudinsngkhramkhrngniidaek khaot khioyamasa aela hlngcaknn karepliynaeplngthangsngkhmindanthrphyakrmnusykepnipxyangyudhyun ehmuxnkbrabbobranthilmslayipaelwidklbmamichiwitihmxikkhrng enuxngcaksamuirtxngkarthicakhngkalngthharkhnadihyaelaxngkhkrthiphwktnbriharexaiwinekhtxiththiphlkhxngphwkekhaexng trakulsamuirhlay trakulthidarngxyucnthungstwrrsthi 19 kxxkmaprakaswa phwktnepnsayeluxdkhxnghnunginsitrakulchnnaobran sungidaektrakulminaomaota trakulithra trakulfuciwara aela aetxyangirktam inhlay krni kepneruxngyakthicaphisucnwatntrakulkhxngphwkekhaepnikhrknaen playyukhxasuchiomaomayama oxada onabunanga khuxidemiywthimichuxesiyngkhxngekhtnaongaya khrnghnungekhythukeriykwaaekhwnoxawari aelayngepntwxyangkhxngsamuirthioddedntangcakphuxuninyukhesngongaku ekhaekhamamibthbathaelaidwanghnthangephuxkhwamsaerckhxngekha imkipihlngcakkarrwmyipunxikkhrngphayit khayrthbal hrux bakhufu khnapkkhrxnginrabxbochkun ihm oxada onabunanga idsrangnwtkrrmthangdankarbriharaelaklyuththkarsngkhramexaiwmakmay idaek karichpraoychncakpunelkyawxyanghnk phthnakarphanichyaelaxutsahkrrm aelasrangnwtkrrmihmindankarkhlng chychnakhxngekhathiekidkhunxyangtxenuxngthaihtwekhaekhaicthungkarsinsudlngkhxngkhayrthbalxachikhanga aelakarpldxawuthcakkalngthharkhxngphrainsasnaphuthth sungnaipsukhwamokrthekriywaelakartxsuthiirpraoychnrahwangprachachnthrrmdadwyknepnewlahlaystwrrs ekharuwakarocmtithimacak sthanthiskdisiththi khxngwdchawphuthth ekidcakaerngkddnthimimacakkarkrathakhxngkhunsukaelaaemaetckrphrrdisungphyayamcakhwbkhumkarkrathakhxngphwkekha oxadathungaekkrrminpi ph s 2125 kh s 1582 emuxxaekhaci misuhieda aemthphkhnhnunginsngkdkhxngekha hkhlngekhakbthharkhxngekhadwy hlngcaknn othaoyaotami hiedaoyachi aelaothakungawa xiexayasu phusungkxtng khnakarpkkhrxngochkunothakungawa thitangkepnphutidtamthicngrkphkdikhxngonbunangakidhathangkacdmisuhieda hiedaoyachiepnphuthietibotmacakchawnairchuxesiyng sungerimmacakthharrab itetamacnepnnaythharsuhnunginaemthphthimifimuxkhxngonabunanga swnxiaexayasunnketibotmadwyknkbonabunangatngaetedk odytxnaedk xiexayasuekhyepntwpraknkhxngphukhrxngaekhwnmikhuwamakxn inpi ph s 2125 kh s 1582 hiedaoyachiexachnamisuhiedaidphayinhnungeduxn aelathuxepnphuthisubthxdxanactxcakonabunangaodychxbthrrmcakkaryudthrphysinkhxngmitsuhieda aemthphthngsxngidmxbkhwamsaercthiphanmakhxngonabunangaepnkhxngkhwyinkarrwmyipunekhadwykn phwkekhaidklawkhasakhyexaiwinehtukarnniwa karrwmaephndinkhrngnikehmuxnkbkhawpn oxdathamnkhunma hachibaaetngruprangihmn aelasudthay miephiyngxiexayasuethannthicaepnkhnlimrsmn hachiba khuxchuxtrakulthiothoyotmi hiedoychi ichinkhnathiekhayngepnphutidtamkhxngonbunanga othaoyaotami hiedaoyachi phuepnbutrkhxngtrakulchawnathiyakcn idrbtaaehnngepnesnabdiinpi ph s 2129 ekhaidtrakdhmayihchnchnsamuirmikhwamepnthawraelasamarthtkthxdipsuthayathid swnphuthimiichsamuirnn imsamarthphkphaxawuthtidtwid dwyehtuniexng cungthaihklumsamuirthixupolkntwexngkhunmaepnxntxngsinsudlng hlngcakthiekidkdhmaydngklawkhunma khwamkhlumekhruxrahwangsamuircringkbsamuirplxmkerimldlng chaywyphuihykhxngthuk radbchnthangsngkhm aemaetchawna swnmakaelwcaipkhuntrngtxxngkhkrthangkarthharxyangnxyhnungxngkhkr ephuxrbichxngkhkrnn inkarthasngkhram cungsamarthklawidwa sthankarn mwlchnpathamwlchn kalngcadaenintxipxikstwrrs trakulsamuirthimixanacinchwnghlngkhriststwrrsthi 17 caidrbeluxkihtidtamonabunanga hiedaoyachi aelaxiexayasu sngkhramkhnadihyhlay khrngekidkhuninchwngkarepliynaeplngrabxbkarpkkhrxng samuirthiphayaephaelathuksngharmicanwnmak samuirthirxdklbmahlaytxhlaykhnktxngklayepnorning hruximkklayepnprachachnthrrmda yukhexaoda ochkunothakungawa xiexayasu tlxdsmykarpkkhrxngkhxngtrakulothakungawa thimkcaeriykknwayukhexaoda nbtngaettnkhriststwrrsthi 17 epntnma kepnchwngewlathiimmisngkhrampathukhunxikely inyukhnisamuirhlay khncungsuyesiyhnathithangkarthharipthilanxy epnehtuihphwkekhatxnghnmathanganepnkharachsank kharachkar aelankbriharmakkwathicaepnnkrbxyangekhy emuxsinyukhkhxngothakungawa samuirkklayepnkharachkarchnchnsungrbichphuthiepnidemiyw inyukhnikhxngsamuir dabyawaelasnthisamuirphkphaiwkhukn hruxthieriykwakhatana aelawakisachi idklaymaepntrasylksnthiaesdngthungxanacmakkwacaepnxawuththiichinchiwitpracawn phwkekhayngkhngidxanactamkdhmaythicakhaikhrkidthiimaesdngkhwamekharphxyangehmaasmtxtwekhaxikdwy txmaemuxrthbalklangbngkhbihidemiywtxngldcanwnsamuirinsngkdlng pyhasngkhmthitammakhuxcanwnorningthiephimmakkhun tamhlkkaraelw phnthathiekidkhunrahwangsamuirkbecanaykhxngphwkekha swnihykkhuxidemiyw micanwnephimkhunmakcaksmysusmyexoda inchwngni samuircaihkhwamsakhytxkhasxnkhxngprachykhngcuxaelaemngcuxxyangmak tarakhxngprachythngsxngepnthitxngkarkhxngchnchnsamuirthimikarsuksa tlxdsmyexoda hlngcakkartxsusinsudlng karpramwlhlkbuchiodkekidkhunxyangepnthangkar singsakhykhux hlkbuchiodepneruxngkhxngxudmkhti aetkepnhlkthiyngkhngrupaebbedimidtngaetkhriststwrrsthi 13 cnthungkhriststwrrsthi 19 xudmkarnbuchiodepnxudmkarnkhxngchnchnnkrbthixyuehnuxbribthchnchnthangsngkhm ewla aelaphumisthan hlkbuchiodthukthaihepnthangkarodysamuirhlay khn hlngcakthibanemuxngxyuinkhwamsngb irsngkhram khlayknkbhlk chiwlri Chivalry hlkxswin thithukthaihepnthangkarechnkn hlngcakthixswinsungepnchnchnnkrbinthwipyuorplmslayip hlkkhwampraphvtikhxngsamuiridklayepntwaebbthiepnthichunchxbkhxngprachachninsmyexoda sungepnsmythiennkhwamepnthangkarxyangmak nxkcaknn inchwngewladngklaw samuirhlay khnyngidichewlaswnihyipkbkariltamsingthinasnicxun dwy echn karidepnbnthitphumikhwamruxyangluksung epntn hlkbuchiod aelahlkeknthxun thiepnwithichiwitkhxngsamuir pccubnnikyngkhngmichiwitxyuinsngkhmaebbyipun yukhemci khwamesuxmthxykhxngsamuir inchwngewlani withithangaehngkhwamtayaelaetmipdwyxntray idthukthaihldlngodykar plukihtunkhun xyanghyabkhayinpi ph s 2396 kh s 1853 emuxphleruxctwaaemththiw ephxrri idnaeruxklifcanwnmakcakkxngthpheruxshrthxemrika mathakarkhakbyipun sungepnchatithithukkhrxbngaodynoybayoddediywtwexngxyuchwnghnung inchwngaerk enuxngcakkarkhwbkhumxyangekhmngwdcakochkun cungmiephiyngaetemuxngthabangemuxngethannthisamarththakarkhakbtawntkid karekhamathakarkhainyipunkhxngchatitawntkkhrngnnmiphunthanmacakkhwamkhidthicaaekhngkhnknrahwangklumsasnakhristormnkhathxliknikayfransisknaelaodminiknkbklumxun ephuxkaraelkepliynethkhonolyipunelkyaw sungepnehtuphlhlkthithaihsamuiraebbdngedimtxnglmslayip ptibtikarkhrngsudthaykhxngthphsamuirtntarbekidkhuninpi ph s 2410 kh s 1867 emuxsamuircakaekhwnochchuaelaaekhwnsasumasamarthexachnakxngkalngkhxngochkunthiidrbkarsnbsnuncakkhasngkhxngxngkhckrphrrdiid kxnhnaniidemiywkhxngthngsxngaekhwnidipswamiphkdikbxiexayasuhlngcaksngkhramthungeskingaharasinsudlng ph s 2143 kh s 1600 samuirkhxngaekhwnsasuma inchwngsngkhramobaching thayody aetkmiaehlngkhxmulxunxikthixangwa ptibtikarkhrngsudthaykhxngsamuirekidkhuninpi ph s 2420 kh s 1877 inchwngthiekidkbtsasumain khwamkhdaeyngsungepnthimakhxngptibtikarkhrngnnerimmacakkarlukhuxkhunkxkbtinkhrngthiphanmaephuxthicaexachnaochkunothakungawa ehtukarndngklawkhangtnidnaipsukarptirupkhrngsakhy thieriykwakarptirupsmyemci khnarthbalchudihmthimibthbathinchwngnn idekhamaepliynaeplngsingtang xyangthxnrakthxnokhn odyidtngepahmayipthikarldxanackhxngrabbskdinaaelakaryubeliksthanakhwamepnsamuirlngip sungrwmthnginaekhwnsasumadwy inthisudaelwkarepliynaeplngehlaniidnaipsukarkxkbtthiekidkhunmakxnkahnd odymiaeknnakhux isong thakaomari ckrphrrdiemciidsngihyutisiththikhxngsamuirineruxngkhxngkarepnchnklumediywthisamarthepnkxngkalngthharid ephuxsnbsnunihekidkxngthphthhareknththiepnaebbtawntk aelamikhwamthnsmymakkhun samuiridklayepn chiosku yipun 士族 phusungyngidrbengineduxnepnkhatxbaethnxyu aetsiththiinkarphkphadabkhatanainphunthisatharnaidnn txngthukykelikipphrxm kbsiththiinkarkhaikhrkidthiimihkhwamekharphtxtn inthisud klumkhnthieriyktnexngwasamuirkedinthangmathungcudsinsud hlngcakthiphanewlakwarxypiaehngkhwamsukhthimitxsthanakhxngphwktn xanackhxngphwktn aelakhwamsamarthkhxngphwktninkarkxrangsrangkhnarthbalaehngdinaednyipunid aetxyangirktam kdkhxngrththixxkmacakchnchnthharkyngimidsinsudlngipdwy phayhlngkarptirupsmyemci ephuxepnkaraesdngwayipunmikhwamthnsmy smachikinkhnarthbalemcicungtdsinicthicaedintamrxyethakhxngshrachxanackraelaeyxrmni odyihxyubnthankhtithiwa siththiphiessyxmmikhxphukmd noblesse oblige swnsamuirnn kthukldxanacthangkaremuxngipehmuxnkbkhxngprsesiy emuxkarptirupsmyemciekidkhuninchwngplaystwrrsthi 19 chnchnsamuirklmslayip aelakxngthphpracachatiaebbtawntkkekidkhunaethn thharinkxngthphsmyihmkhxngxngkhphrackrphrrdiaehngpraethsyipunlwnaelwaetepnthharthithukeknthekhamathngsin aetkmisamuir eka hlaykhnthixasaipepnthharih aelaxikhlaykhnkekhaipfukephuxthicaepnecahnathixyuinkxngthph phuthiepnecahnathiinkxngthphni swnihyaelwcamicuderimtnmacaksamuiraethbthngsin thaihphwkekhaekhamathanganphrxmkbaerngcungicaelawinykhnsung prakxbkbkarhmnfukfnthioddednphidthrrmda nkeriynaelkepliynchawyipunhlaytxhlaykhninchwnghlngklwnepnsamuirmakxnechnkn thiepnechnnnimichephraawasamuirethannthungcaepnnkeriynaelkepliynid aetepnephraawa samuirhlay khnxanxxkekhiynidaelamikarsuksathidi nkeriynaelkepliynbangkhnerimtneriynthiorngeriynexkchnkxnephuxoxkasthangkarsuksathisungkhun inkhnaediywkn samuirekaxikhlaykhnkhnmacbpakkaaethnpun aelaidklayepnnkkhawaelankpraphnth aelayngidtngsankhnngsuxphimphkhxngtnexngxikdwy swnxditsamuirkhnxun kekhaiprbichkhnarthbal enuxngcakphwkekhaxanxxkekhiynidaelamikarsuksannexng samuirchawtawntk phaphwadkhxng naythhareruxchawfrngessthithasukephuxochkuninthanakhxngsamuir inchwngsngkhramobaching ph s 2412 chawtangpraethskhnaerkthiidrbekiyrtiihepnsamuir nacaepnthharaelankphcyphychawxngkvsthiminamwa wileliym aexdms ph s 2107 ph s 2163 ochkunothakungawa xiexayasuidmxbdabkhuihaekekhaephuxepntwaethnaehngxanackhxngsamuir phrxmkbmibychaxxkmawa nkedineruxwileliym aexdms idtayipaelw aelasamuir mixura xncing yipun 三浦按針 idthuxkaenidkhunmaaethn nxkcakkaridepnsamuir aexdmsyngidrbtaaehnng sungepntaaehnngthiidrbkhwamekharphxyangsung mihnathiepnkharbichodytrnginsankkhxngochkun nxkcaknn ekhayngidrbthidininehmi yipun 逸見 sungepnthidinthimiekhtaednxyuinemuxngoyaokasukainpccubn epnswnaebngcakthanochkun phrxmkbkhathasbriwarxikswnhnung odymihlkthanpraktincdhmaykhxngekhawa dwychawnaaepdsibhruxekasibkhnniaehla thicamaepnkhathasaelabriwarkhxngkhapheca thrphysmbtiinrupaebbkhxngthidinkhxngekhamikhamakethakb 250 hnwywdrayidthimacakphunnabnthidinkhxngyipun mikhapramanha inthaythisud ekhaidekhiynincdhmaykhxngekhawa phraecaidbndalphrihkhapheca hlngcakthikhaphecatxngphbkbkhwamthukkhrathm enuxkhwamdngklawhmaykhwamwa khwamhayna cakkaredinthang idnaesnthangkhxngekhaihmaphbkbchiwitthidiinyipun nxkcakwileliym aexdms aelw inchwngthiekidsngkhramobaching ph s 2411 kh s 1868 ph s 2412 kh s 1869 kyngmithharchawfrngesshlaykhnthiekhamarwmkbkxngkalngkhxngochkuntxsukbklumidemiywfayitthiehnchxbkbkarptirupsmyemci odyidmikarbnthukiwwa naythhareruxfrngesskhnhnungthichux Eugene Collache idtxsuinsngkhramkhrngniphayitekhruxngaebbkhxngsamuir ekhiyngbaekhiyngihlipkbephuxnrwmrbchawyipunkhnxun dwywthnthrrmsamuirsamuiridphthnawthnthrrmkhxngphwkekhaexnginhlay dan sungwthnthrrmehlaniyngidsngxiththiphltxrupaebbwthnthrrmkhxngpraethsyipunodyrwmxikdwy karsuksa phuthiepnsamuirtangidrbkarkhadhwngwacatxngepnkhnthisamarthxanxxkekhiynid phrxmkbtxngmikhwamruthangdankhnitsastrdwy nxkcaknn yngidrbkhwamkhadhwngwacatxngepnphuthimikhwamsnicinsilpadanxun xyangechn karetnra karelnoka nganwrrnkrrm bthkwi aelacha epntn thungaemwasilpaehlaniimidcaepntxphwkekhaelyktam aetinprawtisastr samuirphuthimichuxesiynghlaykhnkimidmikhunsmbtitamwuthikarsuksathiklawiwkhangtn twxyangechn othaoyaotami hiedaoyachi samuirphuyingihythimiphunephepnchawna kmixupsrrkhsakhyxyutrngthiekhasamarthxanaelaekhiynidaetphasayipunthiichtwxksrhiranganaethann xikphuhnungkhux bukhkhlphuthipkkhrxngexaodaepnkhnaerk kekhyekhiynrabaykhwaminickhxngekhawa ekhalaxayicehluxekinthiidphbwa aemaetprachachnthrrmdayngmikhwamruthangdankarkwimakkwatwekhaexng thaihekharusukxpyscntxngyxmslasmbtiaelataaehnngkhxngekhaipinthisud praephnichuod phaphwadaesdngpraephnikhxngyipunobran thiphuchayekidkhwamsmphnthrkkbphuchaythixxnwykwa phlngankhxng ph s 2293 yipun 衆道 khux praephniaehngsayiyrkthiekidkhunrahwangsamuirphuaekklawichakbsamuirthiyngirprasbkarn thiepriybiddng dxkimaehngcitwiyyankhxngsamuir thiidkxrangsrangphunthanthiaethcringkhxnglththikhwamngamkhxngphuthiepnsamuirkhunma praephninimikhwamkhlaykhlungkbpraephnikhxngkrikobranthichaywyphuihymkcamikhwamsmphnththangephskbedkphuchay sahrbsngkhmsamuir nithuxwaepnpraephnithimiekiyrti epnkarptibtithisakhy aelaepnesnthangsayhlkthicasubthxdkhwamkhid khunkha citwiyyan aelathksaaehngpraephnisamuir cakrunhnungipsuruntx ipid xikchuxhnungkhxngpraephninikhux biod yipun 美道 withiaehngkhwamngam epnpraephnithiechuxwa khwamrkxnhnkaennthisamuirsxngkhnmiihaekknnn epnsingthiekuxbcayingihyethakbkhwamrkaebbediywknthimiihaekidemiyw cakkhxmulinbthbnthukrwmsmychbbhnungidklawiwwa thangeluxkrahwangkhwamrkthimitxsamuirxikkhn kb ecanaykhxngekhaexng samarthklaymaepnpyhathangprchyasahrbsamuirid intaraaelakhumuxsahrbsamuirchbbxun idihkhasxnthiecaacngipthiwithikhxngpraephniechnniwa epnsingthisamuirkhwrcatxngthatamaelaihkhwamekharph hlngcakthiekidkarptirupsmyemciaelakarekhamakhxngaebbaephnkardaeninchiwitkhxngtawntk karhlngihlinkhwamngamkhxngphuchaykthukaethnthiodykhwamhlngihlinephshyingtamaebbyuorpaethn nicungepncudcbkhxngpraephnichuodipinthisud kartngchux chuxetmkhxngsamuir mkcatngkhunmaodykarnaexachuxthixantamtwxksrkhncikhxngphxhruxpukhxngekha marwmkbchuxihmxikhnungchuxthixantamtwxksrkhnciehmuxnkn sungtamthrrmdaaelw samuircaichchuxbangswncakchuxetmthnghmdethann twxyangechn oxada khasusaonasueka sabuora onabunanga yipun 織田上総介三郎信長 kkhuxchuxetmkhxngoxada onabunanga odykhawa oxada kkhuxchuxkhxngtrakulhruxsngkd khawa khasusaonsueka kkhuxchuxtaaehnngrxngkhahlwngpracaaekhwnkhasusa khawa sabuora kkhuxchuxthimimakxnekhaphithiekmpuku phithichlxngkarecriywy aelakhawa onabunanga kkhuxchuxthitngkhunihmtxthiepnphuihy karsmrs karaetngngankhxngsamuircathukcdkhunmaodyphuthiaetngnganaelwaelamiysskdiethakbhruxehnuxwasamuirphuepnecabawethann niepnphithisakhysahrbsamuirthimiysskditakwa aelaepnsingthikhadimidsahrbsamuirthimiysskdisungkwa samuirswnmakmkcaaetngngankbphuhyingthimacaktrakulsamuirehmuxnkn aetsahrbsamuirthimiystalngma karaetngngankbhyingsamychnthuxepneruxngthixnuolmid swneruxngkhxngsinsmrs sinedim fayecasawcaepnphuthinamaihexng ephuxicherimtnchiwitihmkhxngphwkekha kxnkaraetngngan samuircasngkhahruxexksarykewnkarekbphasiipihkbkhrxbkhrwkhxngfayhyingphanthangphusngkhaw ephuxthicakhxxnuyatbidaaelamardaaetngngankbfayhying sungbidamardaswnihykyxmrbkhxesnxdwykhwamyindi phxkhathanadihlaykhnsngluksawkhxngphwkekhaipaetngngankbsamuirephuxcaidhklbhnisinkhxngsamuiraelacaidthaihtaaehnnghnathikhxngtnkawhnakhun thahakwaphrryakhxngsamuirihkaenidbutrchay butrchayphunnksamarththicaepnsamuirid samuirsamarthmiid aetphunhlngchiwitkhxngphuthicamaepnphrryanxycatxngthuktrwcsxbxyangekhmngwdodysamuirradbsungehmuxnthithainkaraetngngancring karlkphatwphrryanxythuxwaepnkarkrathathinalaxay thungaemwakarkrathaechnniinniyayhlay eruxngcaepnsingthiekidkhunidthwipktam samuirsamarthhyakhadcakphrryakhxngekhaiddwyehtuphlhlay xyang aetcatxngidrbkhwamehnchxbcakphumitaaehnngsungkwakxn sunginkhwamepncringkarhyakhxngsamuirekidkhunmanxymak ehtuphlinkarhyaxaccaepnephraawa phrryakhxngekhaimsamarthihbutrchayaekekhaid aetwithikarrbedkchaymaeliyngksamarthichepnaenwthangaethnkarhyaidechnkn samuirsamarthhyaodyichehtuphlswntwthiwaekhaimchxbphrryakhxngekhaid aetodythwipehtuphlnimkcaimykmaxangkn ephraamncasrangkhwamxbxayihaeksamuirradbsungthicdkaraetngnganihid aetaemwaodythwipphuthiepnfayhyakxncaepnfaykhxngsamuir fayhyingksamarthepnfaythierimkarhyakxnidehmuxnkn hlngcakkarhyaaelw faysamuircaidrbenginkhasinsxd sungmiiwpxngknkarhya klbkhunma phrryakhxngsamuirthiimsuxstyaelwptiesthinkhwamphidkhxngethx caidrbxnuyatihthakar karkhwanthxngkhatwtay esppuku khxngphuchay prchya hlkprchyakhxngsasnaphuththnikayesn bwkkbbangswnkhxnglththikhngcux mixiththiphltxwthnthrrmsamuiriddiphx kblththichinot nikayesnidklayepnhlkkhasxnsakhyineruxngkhxngwithikarthithaihcitsngb thankhtikhxngphuththineruxngkarklbchatimaekid knasamuiripsukarlaelikkarthrmanaelakarkhafnxyangirehtuphl thankhtinimixiththiphlmakcnsamuirbangkhnthungkbyxmelikichkhwamrunaerng aelabwchepnphrasngkhhlngcakthitrahnkwakarkhafnimidsngphldixyangir khnathisamuirbangkhntrahnkthungeruxngechnniidtxnthixyuinsmrphumicring cnepnehtuihekhatxngthukkhatay n thinnkmi swnbthbathkhxnglththikhngcuxthimiphltxwthnthrrmsamuirkkhux karennkhwamsakhyinkarrksakhwamsmphnththimitxphupkkhrxngihid sungnikhuxkhwamcngrkphkdithisamuirtxngkarcaaesdngtxecanaykhxngekha buchiodkhux pramwlhlkkarptibti thitidtwsamuirthuk khn hlknierimbngkhbichinsmyexoda odyrthbalochkunothkungawa ephuxphwkekhacaidkhwbkhumehlasamuiridngaykhun aetehtukarnkhxng klumorningthng 47 kthaihekidkarotethiyngknekiywkbpraednkhwamthuktxngkhxnghlkptibtikhxngsamuir aelapraednthiwahlkbuchiodkhwrcaprayuktichidxyangir enuxngcaksamuirsungklayepnorningthng 47 khnniimidihkhwamekharphtxochkunsungepnphupkkhrxngkhxngphwkekha aetthithaechnnikephraakhwamphkdiaelakhwamsuxstythimitxnayekakhxngphwkekhaexng phlsudthay karkrathakhxngphwkekhathuktdsinwaepnkarkrathathiaesdngxxkthungkhwamsuxsty aetimepnkaraesdngthungkhwamcngrkphkditxochkun nicungepnehtuihphwkekhathng 47 khntxngthukkhatkrrmdwykarsanukphidaelasiththiinkarkhwanthxngkhatwtay stri hnathikhxngphuhyinginthanaphrryakhxngsamuirkhux aemban bthbathnisakhymakinyukhskdinakhxngyipun sungepnchwngewlathinkrbphuepnsamimkcaedinthangipdinaednxun hruxipthasngkhramrwmkbsngkdkhxngtnexng phrrya hrux oxkusng aeplwa phuthixyuaetinban caepnphuthicdkarkicthurathukxyangkhxngkhrxbkhrw duaelluk aelabangoxkasyngtxngpxngknbancakkarrukrandwy phrryakhxngchnchnsamuirhlay khntxngfukfnkarichngaw hruxthieriykwa muxediywihid ephuxcaidsamarthpkpxngkhninkhrxbkhrw ban aelaekiyrtiysexaiw lksnaphiessthiimehmuxnikhrkhxngphuthiepnphrryasamuirkhux thxmtw echuxfng khwbkhumtnexng aelacngrkphkdi phrryainxudmkhtikhxngsamuircatxngmithksainkarcdkarkbthrphysin hmncdbnthuk duaelkarengin ihkarsuksaaekluk aelabangthiktxngihkarsuksaaekphurbichdwy aelabarungbidamardayamaekethathngkhxngtnaelakhxngsami sungxaccaxasyxyuitchaykhaediywkn kdkhxngkhngcuxidchwyniyamkhwamsmphnthrahwangbukhkhlaelapramwlrwmhlkcrryakhxngchnchnnkrbineruxngniiwwa phrryacatxngaesdngkhwamekharphxyangsungaeksami txngktyyuaelabuchabidamarda aelatxngduaelexaicisaekluk aetthaihkhwamrktxlukmakcnekinip kcathaihlukepnphuthiexaaetictnexngid dngnn phuepnaemcungtxngfukihlukmiwinykhwbkhuipdwy aemwaphrryakhxngtrakulsamuirthimngkhngcaideswysukhcakthrphysinenginthxngaelataaehnngxnelishruinsngkhm aelayngmisiththihlikeliyngkarthukichaerngnganthangkaydwyktam phwkethxkyngmisthanathangsngkhmthitakwaephschayxyuhlayradb phuhyingcathukhamimihkhxngekiywkbkickrrmthangkaremuxng aelaodymakkcaimidmitaaehnngepnhwhnakhxngkhrxbkhrwdwy emuxkarsuksaerimmikhunkhamakkhuninyukhkhxngothakungawa phuhyingthiidrbkarsuksatngaetedkcungklayepnsingsakhysahrbkhrxbkhrwaelasngkhmodyrwm hlkeknthinkareluxkstrimaaetngngandwycungerimthaynahnkipthikhwamchladaelaradbkarsuksa bwkkbkhwamdungdudicthangkayphaphkhxngphuthicamaepnphrryamakkhun thaihnxkcakcatxngmithksakhxngkarepnphrryaaelaphucdkarkhrxbkhrwthidi phuhyinginyukhnnyngtxngphbkbkhwamthathayinkareriynkarxanphasacin aelayngcatxngmikhwamruinwichathangdanprchyaaelaebuxngtnxikdwy ephraachann cnthungsinsudyukhothakungawa phrryakhxngsamuirekuxbthukkhncungsamarthxanxxkekhiynidhmd xawuth dabkhatana yipun 刀 ormaci katana xawuthhlkkhxngsamuir xawuththisamuirichmixyuhlaychnid aetdabkhatanakimidepnxawuththisakhythisudkhxngsamuir ephraawasamuirimsamarthnakhatanatidtwekhaipinbangsthanthiid wakisachi khux xawuthtidtwsamuirthisakhythisud hlkbuchiodidsxnwacitwiyyankhxngsamuirkkhuxkhatanakhxngphwkekhaaetlakhn aelabangkhrngsamuirkthukcintnakarihtxngphungphakhatanaephuxkartxsudwy aenwkhidniepnaenwkhidthikhdaeyngkbhnaimkhxngyuorp hruxdabkhxngxswinthiswnihyichepnaekhekhruxngmuxinkartxsuethann xyangirktam dabkhatanamkcaimthuknamaichepnxawuthinsmrphumikn cnkrathngyukhkhamakura twdabkhatanaexngkyngimidepnxawuthhlkcnkrathngekidyukhexodakhunma hlngcakthibutrchaykhxngsamuiridthuxkaenidkhun ekhacaidrbdabelmaerkkhxngekhainphithichlxngthieriykwa maomari khatana xyangirktam dabthiihipepnephiyngaekhdabekhruxngrangethann odycahxhumdwyihmykdxkenginhruxthxngephuxthicaihedkxayuimekinhakhwbphkexaiwinkraepastangkhid emuxthungxayusibsampi inphithichlxngthieriykwa ekmbuku yipun 元服 ormaci Gembuku butrchaycaidrbdabcringelmaerkphrxmkbchudekraa chuxinwyphuihy aelaklayepnsamuirinthisud dabkhatanaaelawakisachiemuxichrwmknaelwcaeriykwaidoch aepltamtwxksrwa ihykbelk wakisachi khux dabaehngekiyrtiys khxngsamuir samuircaimyxmihmnhludcakkhangkayodyeddkhad mncatxngtidtwphwkekhaiptxnthiphwkekhaekhabankhnxun aettxngthingxawuthhlkexaiwkhangnxk yamnxnktxngmimnxyuithmxndwy dabsn thnota khux dabsnelmelkthimkcaiskhukbwakisachiinidoch thnotahruximkwakisachiniexngthicathuknamaichinphithikrrmkarkhatwtay hruxthieriykwaesppuku thnuyaw yumi yipun 弓 ormaci Yumi nxkcakdab samuiryngennkarfukthksainkarichthnuyumi thnuyawyipun ephuxsathxnsilpaaehng aepltamtwxksrwa withiaehngthnu xikdwy inchwngyukhesngongaku thnuyngkhngepnxngkhprakxbsakhysahrbthharchawyipun thungaemwainchwngnnphwkekhacaruckkbxawuthpunknaelwktam yumiepnthnuthimiruprangimrbswnkn odyprakxbkhunmacakimiph im aelahnng sungthaepriybethiybkbthnuaebbprakxbkhunehmuxnknaetyudhyunkwakhxngaelw khwamthrngphlngkhxngyumiyngtakwa yumimirayakarocmtithiaemnyaaelamiprasiththiphaphxyuthi 50 emtrhruxnxykwann rayaocmtietmthikhux 100 emtr yumimkcaichknhlng ethadaetha yipun 手盾 ormaci tedate hruxkaaephngimiphkhnadihythiekhluxnthiid swnthnuthimikhnadsnkwa hngkiw mkcaichbnhlngmakn txma karfukfnkaryingthnubnhlngmaidklayepnphithikrrmchinotthichux yipun 流鏑馬 ormaci Yabusame inkhriststwrrsthi 15 hxk idklayepnxawuththiidrbkhwamniymphrxm kb ngaw yarimkcathuknamaichinsmrphumi thisungkarbriharkxngthharedinetharakhathukcanwnmakepnpccythisakhykhwamklahayswnbukhkhl karcuocmkhxngthngthharrabaelathharmacamiprasiththiphaphmakkwaemuxichhxkaethndabkhatana aelaemuxpathakbsamuirthiichdabkhatanaepnxawuth phuthiichhxkkmimkcaidepriybkwaesmx in thisungfaykhxng aephihkbfayhachiba hiedaoyachi txmaruckkninnamothaoyaotami hiedaoyachi phuthimibthbathsakhythithaihekidchychnakhrngnnkkhuxmuxhxkthngecdaehngchisungataeka yipun 賤ヶ岳七本槍 ormaci Shizugatake inchwngkhrunghlngkhxngkhriststwrrsthi 16 punelkyawidedinthangekhamainyipunphanthangphxkhachawoprtueks xawuthchnidihmnithaihkhunsukhlay khnsamarthsrangkxngkalngthimiprasiththiphaphkhunmacakmwlchnchawnaid aettwmnkklayepnthithkethiyngknxyangmakinsmynn khncanwnmakaelehnwa karthimnepnxawuththiichidngayaelamiprasiththiphaphkarsngharsung epnkarhminpraephnixyangirekiyrtiys oxada onabunanga idichpunelkyawcanwnmakin emuxpi ph s 2118 kh s 1575 cnnaipsukarsuysinkhxngtrakulthaekadainthisud hlngcakthichawoprtueksaelaidnapunelkyawaebbbrrcudinpun hruxthieriykknwa ekhamainyipuninkhrngaerk changsrangpunchawyipunkidphlitmnxxkmaexnginprimanmak cnkrathngsinsudstwrrsthi 16 canwnpuninyipunkephimkhunmamakkwapraethsid inthwipyuorp punthnghmdthuksrangkhunmaxyangpranitaelasathxnthungkhwammifimuxkhxngchangthisrangidepnxyangdi emuxmathungsmykarpkkhrxngodyochkunothakungawa aelakarsinsudlngkhxngsngkhramklangemuxng yxdkarphlitpunkldlngxyangrwderwphrxmkbkarxxkkhasnghamimihthuxkhrxngepnecakhxngxawuthpun insmykarpkkhrxngni xawuththimiphunthanmacakhxkidthukelikichipbangswn enuxngcakxawuthehlanimikhwamehmaasmthicanamaichinkartxsurayaprachid thiekidkhunbxy insmyexoda nxy swnkdkhxhamekiywkbpunthiidklawiwaelwkhangtn kmiphlihidochepnxawuthchnidediywethannthisamuirsamarthphkphaid swnxawuthxun thisamuirnamaichepnxawuthkidaek imphlxng krabxngyaw raebidmux ekhruxngyinghinaebbcin mkcaichinkarcuocmtwbukhkhlmakkwaichephuxkarlxmocmti aelapunihyniruktisastrkhxngkhawa samuir aelakhaxun thiekiywkhxngtwxksrkhncikhxngphasayipun khxngkhawa samuir khawa samuir sungthukekhiyndwyxksrcin hruxkhnci mikhwamhmaythiaethcringwa phuthiihkarrbichxyangiklchidaekehlakhunnang hruxphuthimitaaehnngsung inchwngkxnyukhehxng chawyipuneriykkhaniwa saburapi txmakepliynmaeriykwa sabuir cnkrathngyukhexoda thungcaeriykwa samuir ehmuxninpccubn innganwrrnkrrmkhxngyipun chwngtnkhriststwrrsthi 10 thichuxokhakinchu yipun 古今集 ormaci Kokinshu kidmikarxangxingthung samuir iwwa ihkarrbichaekkhunnangkhxngthan thamharmkhxngecanaythan ehlanakhangittnmiyangiona yxmhnakwafn bthklxn 1091 dd khawa buchi hrux buchi yipun 武士 ormaci bushi xanaebbyipuncaxxkwa buchi aepltamtwxksrwa nkrb hrux thhar praktkhunkhrngaerkinchwngtnkhxngprawtisastryipunthieriykwa yipun 続日本記 ormaci Shoku Nihongi ph s 1340 khawa buchi mirakthanmacakphasacin txmaidthuknamaephimiwinphasayipundngedimsahrbkhawa nkrb suwaomaona aela omaonaonafu khawa buchi aelakhawa samuir idklaymaepnkhwamhmayediywkninchwngiklcasinsudstwrrsthi 12 inhnngsuxchux ixdils xxf edxa samuir irtings xxf ecaepnnis wxrriexxrs khxng thiidrwbrwmngansarwcekiywkbrakengakhxngkhawa nkrb inprawtisastryipun idklawiwwa khawa buchi thicringaelwsamarthaeplxxkmaidwa chayphuthimikhwamsamarthinkarrksasntiphaph odyichwithithangwrrnkrrnhruxwithithangkarthharkid aetswnihyaelwmkcaichwithihlngknmakkwa emuxmathungtxntnyukhsmyihmkhxngyipun odyechphaayukhxasuchiomaomayamaaelatnyukhexoda emuxplaykhriststwrrsthi 16 aelatnkhriststwrrsthi 17 khwamhmaykhxngkhawa samuir sungnamaichaethnkhawa sabuir intxnnn kerimepliynaeplngip inchwngyukhsmyaehngkdkhxngsamuir khawa yumiotari yipun 弓取 ormaci Yumitori thicring aelwaeplwa muxthnu idthuknamaichepnchuxtaaehnngxnthrngekiyrtisahrbnkrbthiprasbkhwamsaerc thungaemwainkhnann thksakarichdabcaepnsingthimikhwamsakhymakkwathksakarichthnuktam echuxknwankaemnthnukhxngyipun misaysmphnththiaekhngaerngaelamnkhngkbethphecaaehngsngkhram samuirthiimmikhwamsmphnthkbtrakulhruxidemiyw yipun 大名 ormaci daimyo khnidely cathukeriykwa orning yipun 浪人 ormaci rōnin inphasayipun orning mikhwamhmaywa khnkhlun hruxphuthimixnakhtxyuthikarerrxnxyangircudhmayiptlxdkalehmuxnkbkhluninthael kha nihmaythungsamuirthiimidrbichecanaykhxngekhaxikaelw enuxngcakecanaykhxngekhathungaekkrrm hruxepnephraatwsamuirexngthukenrethsxxkcakklum hruxxaccaepnephraasamuirphunneluxkthicaepnorningexngkid khaichcaykhxngsamuirwdepnkhawthila 1 hruxpraman 180 litr sungepnprimanthiephiyngphxthicaichyngchiphkhnhnungkhnepnewlahnungpi samuirthixyuinkarrbichkhxngcathukeriykwa hnchi nxkcakkhathnghmdthiklawmakhangtn kyngmikhaxun thismphnthkbpraephnisamuirxik sungidaek xuruwachi nkrbthimikhwamsnicinsilpa sungthuknamathaepnsylksntwxksrkhncithixanwa bung bun karsuksathangdankarxksr aela bu bu karsuksadankarthharaelasilpa bueka yipun 武家 ormaci buke xngkhkrthiekiywkhxngkbkarthasngkhram hruxsmachikthixyuinxngkhkrdngklaw omaonaonafu yipun もののふ ormaci mononofu khaobranaeplwankrb mucha yipun 武者 ormaci musha khayxcakkhawa buengcha yipun 武芸者 ormaci bugeisha sungaepltamtwxksrwa mnusyphumisilpaaehngsngkhram hruxmnusyphumisilpakartxsu chi yipun 士 ormaci shi mikhwamhmayinthanxngwa suphaphburus kha nithukichsahrbsamuirxyangechninkhawa buchi yipun 武士 ormaci bushi sungaeplwa nkrb hrux samuir epntn suwaomaona yipun 兵 ormaci Tsuwamono khaobranthiklawthungthhar khnswnihyruckkhanicakbthkwiihkuthiodngdngkhxngmasuoxa baoch thaaepltamtwxksr khanimikhwamhmaywakhnaekhngaerng phasayipun ormaci khaxan khaaeplody luechiyn sitrk kwichawxemrikn khwamhmayinphasaithynatsukusa ya tsuwamono domo ga yume no ato Matsuo Bashō nasukusa ya suwaomona odaoma ka yuema ona xaota masuoxa baoch Summer grasses All that remains Of soldiers dreams Matsuo Bashō ehlakxhyavdurxn thnghmdthiyngkhng khwamfnkhxngehlathhar masuoxa baoch samuirinwthnthrrmsmyniymlakhrothrthsn ifl opsetxrmiota okhmng jpegrupcakopsetxrlakhryipunaenweruxng yipun 水戸黄門 ormaci Mito Komon inthukwnni hrux kyngkhngepnraykarhlkthichayinorngphaphyntraelaothrthsnkhxngyipunxyu raykarpraephthnimkcamienuxeruxngthiekiywkhxngkbsamuir rwmipthungekhncusu wichadab thilukkhunmatxsukbehlaphxkhaaelasamuirkhnxun thichwray yipun 水戸黄門 ormaci Mito Komon epntwxyangkhxngaenwciidengki thiodngdngeruxnghnungkhxngyipun epneruxngrawekiywkbkaredinthangkhxng thiplxmtwepnphxkhaesrsthieka phrxmdwysamuirirxawuthxiksxngkhnthiplxmtwepnphutidtamkhxngekha ekhacatxngphbkbpyhainthuk thithiekhaip aelaekhacatxngepnphuaekpyhaaelarwbrwmhlkthantang hlngcakidhlkthankhrbthwn ekhacaihsamuirkhxngekhaekhaipprabsamuiraelaphxkhathiepnkhnrayxyangeluxdeyn kxnthicaepidephyxtlksnthiaethcringkhxngekhaxxkma singthiekidkhunepnpracaineruxngnikhux ehlaraythimisukunisamarthekhaipkhalangtrakulid mkcaxxkmayxmaephesiykxn ephuxhwngwakarlngothskhxngekhacaimlamipthungsmachikinkhrxbkhrwkhnxun dwy lakhrchudthangothrthsnthimienuxhaekiywkhxngkbsamuirxikeruxnghnungkhux lakhreruxngniprakxbipdwytwlakhrthiepnsamuirthukradbchniltngaetochkunlngmathungsamuirradblangthisud rwmipthungorning thithuxidwaepnswnprakxbsakhykhxngeruxngnidwy phaphyntr nganphaphyntraenwsamuirkhxngphukakbxakira khuorasawa idsrangkhwamrungeruxngihkbnganbnethingpraephthnixyangmak ethkhnikhaelawithikarelaeruxnginngankhxngekhaidsngxiththiphlipsunksrangphaphyntrhlay khnthwolk phlnganthisrangchuxkhxngekhaidaek edxa esewn samuir ecdesiynsamuir eruxngkhxnghmubanekstrkrrmhmubanhnungthiidwacangsamuirphencrklumhnungephuxmapkpxngphwktncakocrpa hnngthielaeruxngrawkhxngxditsamuirkhnhnungthiekhaipmiswnekiywkhxngkbsngkhramrahwangklumxiththiphlsxngklumthixyuinemuxngediywkn dwykarekhaipthanganrbichthngsxngfay phaphyntrthiekiywkbchawnaphuongekhlasxngkhnthiekhaipchwynayphlphuepntanankhnhnunginkarxarkkhaecahying inchwngnn phaphyntraenwsamuiraelaphaphyntrsitltawntktangkaebngpnbangsingthikhlaykhlungknihaekkn aelayngsngxiththiphltxknepnewlahlaypi caehnidcakphlngankhxngphukakbkhuorasawahlayeruxngkidrbaerngbndalicmacakngankhxngphukakbchawxemriknthichuxcxhn fxrd inthangklbkn phukakbchawtawntkhlaykhnknaphlngankhxngkhuorasawaipsrangihmepnphaphyntraenwtawntkdwy twxyangechn edxa esewn samuir kthuknaipsrangepnphaphyntreruxng 7 singhaednesux swn oycimob kthuknaipsrangepnphaphyntreruxng epntn swneruxng edxa hidedn fxrethrs kidklayepnaerngbndalicsakhyihphukakbcxrc lukhs naenuxeruxngipddaeplngaelasrangepnphaphyntrxwkasradbtananxyang star wxrs khunma aelanxkcaknnekhayngidhyibyumexalksnaechphaathisakhyhlay xyangkhxngsamuirmaichepnaerngbndalicebuxngtninkarsrangtwlakhrxswineciddwy nxkcakkarnamasrangepnphaphyntrtawntkaelw yngmixniemathiddaeplngmacak edxa esewn samuir dwy odyichchuxwa samuir 7 xniemaeruxngniidkhyayenuxeruxngxxkepntxntang hlaytxn aetxyangirktam thankhtiekiywkbsamuirthisuxxxkmaphanphaphyntr inthanathimikhwamaetktangkbxswinkhxngyuorp idnaipsuchxngwangkhnadihyrahwangnkrbhruxwirburuskhxngyipunkbkhxngswnxun inolk enuxngcaksamuirnn imcaepncatxngsunghruxmiklamepnmdephuxihduaekhngaerng phwkekhasamarththicaepnsamuirthngthimikhwamsungephiyng 150 esntiemtr hruxxxnaex hruxwaphikarkid eruxngkhxngkhnadaelaphlngcungimichpccythangdankhwamngamthiywywnicchawyipunethairnk twxyangthiehnidngaythisudsamarthphbidineruxng samuirtabxdphumifimux sungthuknaipsrangepnphaphyntrchudthangothrthsnaelaphaphyntrthangcxenginxyuhlaytxn inyukhtxma epnthisngektidwaphaphyntraenwsamuir hruxthiekiywkhxngkbwthnthrrmkhxngsamuir erimthicaprakttwinwngkarphaphyntrkhxngmakkhun twxyangthiehnidchdidaek opsetxrphaphyntreruxng edxa lasth samuir mhaburussamuir edxa lasth samuir mhaburussamuir epnphaphyntrthimieruxngrawekiywkbchwngewlaaehngkarsinslaykhxngchnchnsamuirinyipun enuxeruxngepnkarphsmrwmrahwangprawtisastrthiekidkhuncringaelaeruxngrawthithukaetngkhun xxkchaykhrngaerkinpi ph s 2546 aelaidrbesiyngtxbrbxyangdicakphuchminaethbthwipxemrikaehnux okhrngeruxngkhxngphaphyntreruxngnimiphunthanthiaetamacakehtukarnkbtsasuma inpi ph s 2420 odykarnakhxngisong thakhaomari aelaeruxngrawkhxngrxyexk Jules Brunet thharchawfrngessthiiprwmtxsuekhiyngbaekhiyngihlkb insngkhramobaching phaphyntreruxngniidaesdngihehnthungwithikardaeninchiwitaelaklyuththtang inkarthasngkhramkhxngsamuir odymisuxklangkhuxphukxngnathan xlekrn aesdngodythxm khrus thharchawxemriknthithukklumsamuirklumsudthayinyipuncbtwipepnechly epneruxngrawkhxngnkkhaphiwdainsngkhmxemrikarwmsmy phuthiidrbaerngbndaliccaktara tarayipunwadwyhlkptibtikhxngsamuir naaesdngodyfxersth withethkhekxr ephlngprakxbphaphyntrineruxngniepnephlngaenwhiphhxphthithnsmy srangxarmnthikhdaeyngkbkhwamekaaekkhxngtarasungepnswnprakxbhlkkhxngeruxngniidxyangmak khxngphukakb kepnphaphyntrxikeruxngthimikhwamekiywkhxngkbsamuir odyechphaaindankhxngxawuththisamuirich phaphyntreruxngnieriykidwaepntwaethnthixxkmaykyxngekiyrtiskdikhxngdabkhatanaepnxyangmak aetxyangirktam twphaphyntrexngkimidrbaerngbndalicmacakeruxngrawkhxngsamuircring makethathikhwr aerngbndalicebuxngtnkhxngphaphyntreruxngnicamacakxniemahruxkartunyipunmakkwa echnknkberuxng tnthuntathienuxeruxngmikarbidebuxnwthnthrrmaethcringkhxngsamuir thangphusrangidphyayamthaihtwlakhrhlkkhxngeruxngmiphaphkhxngkhwamepnthayathintrakulsamuirxyangetmthi aetxyangirktam twphaphyntrthiaethcringklbipehmuxnenuxeruxnginkartunyipunhruxinhnngsuxkartunchwngplayyukhkhriststwrrsthi 12 makkwawrrnkrrm ochkun thuxepntwxyangwrrnkrrmsamuirthiepnthiruckinradbsaklmakthisudchinhnung phlnganchinnikhuxnwniyayeruxngaerkinnganchudexechiyn saka khxngecms khlaewll aeplepnithyody thnit thrrmsukhti nwniyayeruxngnimithxngeruxngxyuinchwngpi ph s 2143 sungepnewlathiyipunthukpkkhrxngdwyrabbskdina enuxeruxngekiywkhxngkbkarrungorcnkhxngothakungawa xiexayasu cnsamarthtngkhnakarpkkhrxnginrabxbochkunkhxngtnexngid eruxngrawthnghmdineruxngnicathukelaphansaytakhxngthharchawxngkvskhnhnung sungepntwlakhrthimiphunthanxyanghlwm macak chawtawntkthiidrbkaraetngtngihepnsamuir enuxhaswnihykhxngnwniyaychinniidthukaetngkhunmaihmodyphuekhiynexng kartun nxkcakwrrnkrrm samuiryngidprakttwbnhnngsuxkartunkhxngyipun mngnga aelaphaphyntrkartun xniema xyubxykhrng odykartunehlaniswnihycamienuxeruxngxingprawtisastr aelatwlakhrhlkkmkcaepnsamuirhruxxditsamuir hruxphuthimiladbkhnhruxtaaehnngthitangipcaknn thimithksawichathangkarsurbsung odytwxyangkhxngkartunyipunaenwnithithuxwaodngdngthisudkidaekeruxng oln wulf aexnd khb aela ruorni ekhnching oln wulf aexnd khb samuirphxlukxxn epnkartunthimieruxngrawekiywkbxdittwaethnephchchkhatkhxngochkun kbluknxykhxngekhaxikhnungkhn thitxngklaymaepnnkkharbcang hlngcakthithukklumchnchnsungaelasamuirkhnxun rwmknthrys swn ruorni ekhnching samuirphencr epneruxngrawkhxngxditnkkha phumiswnchwyihekidkarsincnnaipsukarekidkhunkhxngyukhemci ekhatxngmapkpxngephuxnihmhlay khn aelatxngtxsukhbilstruekakhxngekhaexng odythicatxngrksakhasabanthiekhaihiwkxnhnanndwywaekhacatxngimsngharchiwitikhrxik kartuneruxngdngklawniyngidnaexamasranginrupaebbkhxngxniemaxikdwy aetxyangirktam yngmikartunyipunxikhlayeruxngthitwlakhrhlkmilksnatang echn kardarngchiwit karfukfn aelakartxsukhlaykbsamuir odythitweruxnghlkkimidyudtidxyukberuxngrawinprawtisastrsmysamuirehmuxnsxngeruxngkhangtn enuxeruxngthiprakxbipdwytwlakhrpraephthnimkcadaenineruxnginbribthewlapccubnhruximkxnakht twxyangthiruckkndinacaepn cakeruxng kartunchudthisrangxxkmathnginrupaebbkhxnghnngsuxkartun phaphyntrkartunthangothrthsn aelaphaphyntr aela cakkartunaenworaemntikkhxmemdieruxng elifhina banphkxlewng epntn twlakhrpraephthniyngmipraktihehnxikinkartuneruxngxun echnineruxng ebyebld suklukkhangmhscrry sungepneruxngrawthiekidkhuninyukhpccubnekiywkbkaraekhngkhnlukkhangxnlasmy kmitwlakhrthichux cin cawphayu thimilksnaphsmknrahwangsamuiraelanincaxyudwy swnxikeruxnghnungkkhuxxniemaaenwphuihythichux kartunyipunthipraktochmkhrngaerkinpi ph s 2547 dwyenuxeruxnginyukhexodathinamaphsmphsanihekhakbwthnthrrmkhangthnnsmyihmaelaephlngaenwhiphhxph kmitwlakhrthichux cin sungepnxditsamuirfimuxchmngthitxngklaymaepnorninghlngcakthiekhaidsngharecanaykhxngekhaexng khnathisamuirkalngmichiwitoldaelnxyuinkartuneruxngtang khxngyipun hnngsuxkartunsychatixemriknhlay eruxngkidhyibexalksnaechphaakhxngsamuiripprbaetngihmihekhakbtwlakhrkhxngphwkekhaexngechnediywkn thiehnidchdkkhux wulfewxrin hnunginyxdmnusyaehng thiprakttwkhrngaerkinchwng kmikhwamphyayamthicaichxudmkarnaelathankhtikhxngsamuirekiywkbwithikarinkarkhwbkhumkhwamxarmnrunaerngthiekidkhuninkhxngekha nxkcaknn lksnakhxngorning hruxsamuirthiirecanay kyngthuknaipichepntwlakhrkhxngbangeruxngdwy echneruxng ornin khxng aela khxng widioxekm inwidioxekm twlakhrthiepnsamuirmkcaepntwphuelnthiepnphraexkhruximkstruthiepnkhxmphiwetxr odythitwlakhrpraephthnicaprakttwbnekmhlayaenwdwykn imwacaepnxarphici wangaephnklyuthth aexkhchn phcyphy hruxtxsuaebbsxngkhn twxyangechn ekmaenwwangaephnklyuththchuxdngkhxngxemrika ekmaenwexmexmoxxarphici aela ekmwangaephnklyuththkhxngxngkvs thiihphuelnidsmphskbprchyasngkhramkhxngsunwu aelaphaphkarrbinsmrphumithiehmuxncring swnkhxngyipun kmiekmthisamuirepnswnprakxbhlkxyuhlay ekm xyangechn ekmaenwisifthilelxrthichux kmitwlakhrtwhnungchuxwa phichaykhxng thiphusrangidnaexaphaphkhxngsamuirmaisiwdwy odycincaepntwlakhrthimikhwamthayanxyakthicaepnsamuir ewlatxsuekhakcaichdabephiyngelmediywepnxawuth nxkcaknn ekmaenwtxsuaebbsxngkhnkhxngyipunbangekmkmitwlakhrthiepnsamuirihphuelnideluxkichdwyechnkn twxyangechn cakekm osdxm cak aelatwlakhraethbthuktwcakekmchud inekmni haoxmaru aelaekncuor epntwlakhrthimikhwamkhlaykhlungkbsamuiraebbdngedimmakthisud nxkcakekmtang khangtnaelw kyngmiekmxyang eknci aela thimisamuirepntwexkechnknxangxingWilliam Wayne Farris Heavenly Warriors The Evolution of Japan s Military 500 1300 Harvard University Press 1995 Kamakura Period 1192 1333 History Samurai ewbist japan guide com hwkhxD The Kamakura Shoguns 2007 05 15 thi ewyaebkaemchchin khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2007 06 06 subkhnemux 2007 05 06 Jesse Horowitz Bushido 2006 09 04 thi ewyaebkaemchchinaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb samuir mtichn krup lingkesiy khxmulekiywkbsamuirinkhxlmn ruipomd odynachati prachachun esngongku idemiyw ohmephc ewbistekiywkbnkekhiynaelankprawtisastrthangdansamuir hangakuera edxa bukh xxf edxa samuir xxniln 2006 08 29 thi ewyaebkaemchchin samuir xarikhws ecaepnnis histhri ephc khxmulekiywkbprawtisastrsamuir