บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
บทความนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน มีเนื้อหา รูปแบบ หรือลักษณะการนำเสนอที่ |
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า หรือ ให้ คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้เพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช (2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2374 – 5 เมษายน พ.ศ. 2461) ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 และองค์ที่ 13 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ (21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2436 – 5 เมษายน พ.ศ. 2461) เป็นพระโอรสองค์ที่สองในเจ้าอนันตวรฤทธิเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62 และเป็นพระนัดดา (หลานปู่) ใน สมเด็จเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 และเป็นพระเชษฐาต่างเจ้ามารดากับ เจ้ามหาพรหมสุรธาดาฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 64 ชาวเมืองน่านเรียกพระนามอย่างลำลองว่า "พระเจ้าน่าน" และทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเลื่อนพระเกียรติยศขึ้นเป็น "พระเจ้าประเทศราช" องค์ที่ 7 (18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 – 5 เมษายน พ.ศ. 2461) ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระเจ้านครเมืองน่าน | |||||
เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ | |||||
ราชาภิเษก | 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2437 | ||||
ครองราชย์ | 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2437 – 5 เมษายน พ.ศ. 2461 | ||||
รัชกาล | 25 ปี 43 วัน | ||||
พระอิสริยยศ | พระเจ้าประเทศราช | ||||
ก่อนหน้า | เจ้าอนันตวรฤทธิเดช | ||||
ถัดไป | เจ้ามหาพรหมสุรธาดา | ||||
ประสูติ | 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2374 (เจ้าสุริยะ) | ||||
พิราลัย | 5 เมษายน พ.ศ. 2461 (87 ปี) ณ คุ้มหลวงนครน่าน | ||||
พระราชทานเพลิงพระศพ | 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2462 ณ พระเมรุชั่วคราว สุสานหลวงดอนชัย | ||||
อรรคราชเทวี | แม่เจ้ายอดหล้า | ||||
พระชายา | 7 องค์ | ||||
พระราชบุตร | 41 พระองค์ | ||||
| |||||
ราชสกุล | ณ น่าน สายที่ 1 | ||||
ราชวงศ์ | ติ๋นมหาวงศ์ | ||||
พระบิดา | เจ้าอนันตวรฤทธิเดช | ||||
พระมารดา | แม่เจ้าสุนันทาอัครราชเทวี |
พระประวัติ
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช มีพระนามเดิมว่า เจ้าสุริยะ ประสูติเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2374 (ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๓ ปีเถาะ จ.ศ. ๑๑๙๓) เป็นพระโอรสองค์ที่สองในเจ้าอนันตวรฤทธิเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62 ประสูติแต่แม่เจ้าสุนันทาอรรคราชเทวี (พระชายาที่ 1) มีพระเชษฐาพระอนุชาและพระขนิษฐาร่วมพระมารดา 6 พระองค์ ดังนี้
- เจ้ามหาพรหม ภายหลังได้เป็น เจ้าอุปราช นครเมืองน่าน (เจ้าอุปราช,พิราลัย พ.ศ. 2430)
- เจ้าสุริยะ ภายหลังได้เป็น พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช พระเจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 (เจ้าราชวงษ์ พ.ศ. 2398,ว่าที่เจ้าอุปราช พ.ศ. 2431,เจ้านครเมืองน่าน พ.ศ. 2437,พระเจ้านครเมืองน่าน พ.ศ. 2446,พิราลัย พ.ศ. 2461)
- เจ้าสิทธิสาร ภายหลังได้เป็น เจ้าอุปราช นครเมืองน่าน (เจ้าสุริยวงษ์,เจ้าราชวงษ์,เจ้าอุปราช พ.ศ. 2437,พิราลัย พ.ศ. 2442)
- ภายหลังได้เป็น เจ้าราชบุตร นครเมืองน่าน (เจ้าราชบุตร,พิราลัย พ.ศ. 2431)
- เจ้านางหมอกแก้ว ณ น่าน
- เจ้านางคำทิพย์ ณ น่าน
พระอิสริยยศ
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 ทรงได้รับพระราชทานพระอิสริยยศต่าง ๆ ดังนี้
- ในปี พ.ศ. 2398 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรตั้ง เจ้าสุริยะ ขึ้นเป็น เจ้าราชวงษ์ นครเมืองน่าน
- เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2432 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ เจ้าราชวงษ์ (สุริยะ) เจ้าราชวงษ์นครเมืองน่าน ว่าราชการในตำแหน่ง เจ้าอุปราช นครเมืองน่าน
- วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2437) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเลื่อนยศฐานันดรศักดิ์ เจ้าราชวงษ์ (สุริยะ) ว่าที่เจ้าอุปราช นครเมืองน่าน ขึ้นเป็น เจ้านครเมืองน่าน ได้รับการเฉลิมพระนามว่า "เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช กุลเชษฐมหันต์ ไชยนันทบุร มหาราชวงษาธิบดี เจ้านครเมืองน่าน"
- วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้สถาปนาเลื่อนยศฐานันดรศักดิ์ เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้านครเมืองน่าน ขึ้นเป็น พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฎว่า "พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช กุลเชษฐมหันต์ ไชยนันทบุร มหาราชวงษาธิบดี สุจริตจารีราชานุภาวรักษ์ วิบุลยศักดิกิตติไพศาล ภูบาลบพิตร์ สถิตย์ณนันทราชวงษ์ พระเจ้านครเมืองน่าน"
หมายเหตุ : ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครน่านพระองค์แรกและพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์น่านที่ได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศสูงสุดถึง "พระเจ้านครเมืองน่าน" มีพระสถานะเป็น พระเจ้าประเทศราชล้านนา องค์ที่ 7 (องค์สุดท้าย) นอกจากนี้พระองค์ยังทรงได้รับพระราชทานมหามงกุฎจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นับว่าเป็นพระเจ้าประเทศราชล้านนา พระองค์เดียวที่ได้รับพระราชทานพระเกียรติยศนี้
พระยศพลเรือน
- วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2454 ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "มหาอำมาตย์เอก"
เครื่องอิสริยยศ
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 ทรงได้รับพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศต่าง ๆ ดังนี้
- เครื่องประกอบพระอิสริยยศครั้งที่ได้รับสถาปนาขึ้นเป็น "เจ้าผู้ครองนครน่าน" ทรงได้รับพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศ ดังนี้
- พานหมากทองคำ (พร้อมเครื่องใน) 1
- ประคำทองคำ 1
- กระโถนทองคำ 1
- คนโททองคำ
- กระบี่บั้งทองคำ 1
- พระมาลากำมะหยี่เกี้ยวยอดทองคำ 1
- ปืนคาบศิลาคร่ำเงิน 1
- ปืนคาบศิลาตอลาย 2
- หอกตอทองคำ 1
- สัปทน 1
- โต๊ะเงินท้าวช้าง 1 คู่
- เสื้อผ้าต่าง ๆ
- เครื่องประกอบพระอิสริยยศครั้งที่ได้รับสถาปนาขึ้นเป็น "พระเจ้าผู้ครองนครน่าน" ทรงได้รับพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศ ดังนี้
- เสื้อครุย ปักอักษร จ.จ.จ. (ฝ่ายหน้า)
- พระชฎา 1
- สังข์เลี่ยมทองคำ 1
- หีบหมากไม้แดงหุ้มทองคำลงยา 1
- กากระบอกทองคำ 1
- กระบี่ฝักทองคำศีร์ษะนาคลงยา 1
- เสื้อเยียรบับ 2 เสื้อ
- ผ้านุ่งเยียรบับ 1
- ผ้านุ่งเขียนทอง 1
- เจียรบาต 1
พิราลัย
ถึงแก่พิราลัย
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้าผู้ครองนครน่าน ประชวรเป็นพระโรคชรา พระอาการทรงบ้างทรุดบ้างเสมอมา จนถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2461 พระอาการได้กำเริบมากขึ้น แพทย์หลวงและแพทย์ชเลยศักดิประกอบโอสถถวายการรักษาโดยเต็มกำลังพระอาการหาคลายไม่ ครั้นถึงวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2461 (เวลา 4.50 น.) พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ก็ได้เสด็จถึงแก่พิราลัย ณ หอคำหลวงนครน่าน (ปัจจุบันคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน) สิริพระชนมายุได้ 87 ปี 2 เดือน 28 วัน รวมระยะเวลาที่ทรงครองเมืองนครน่าน 25 ปี
พระราชทานเพลิงศพ
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2462 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานนำเครื่องพระราชทานเพลิงศพ ไปพระราชทานเพลิงศพ พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้าผู้ครองนครน่าน ที่วัดจังหวัดน่าน โดยพระราชทาน เงินสลึง 2 ชั่ง ไตร 15 ไตร ผ้าขาว 30 ผับ ร่มกระดาษ 100 คัน รองเท้า 100 คู่ เครื่องประโคมศพ แตรงอน 2 แตรฝรั่ง 2 กลองชนะ 10 จ่าปี่ 1 จ่ากลอง 1 กับภูษาโยงสาย 1 หีบศิลาน่าเพลิง 1 โกศไม้สิบสอง ฐานฝา 1 ฐาน ฐานเครื่องสูง 12 ฐาน ชั้นรองโกศ 2 ชั้น บัวรับผ้าภูษาโยง 2 เสลี่ยงหิ้ว 1
ราชโอรส ราชธิดา
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 มีพระชายา 7 องค์ และพระโอรสพระธิดา รวมทั้งสิ้น 41 พระองค์ (อยู่ในราชสกุล ณ น่าน สายที่ 1) มีรายพระนามตามลำดับ ดังนี้
- พระชายาที่ 1 แม่เจ้ายอดหล้าอรรคราชเทวี ประสูติพระโอรส/พระธิดา 13 พระองค์ ดังนี้
- เจ้าคำบุ ณ น่าน
- เจ้าคำเครื่อง ณ น่าน ภายหลังได้เป็น เสกสมรสกับเจ้านางภูคา ณ น่าน มีธิดา 1 ท่าน ได้แก่
- เจ้านางศรีโสภา ณ น่าน ภายหลังเป็นอัครชายาในเจ้ามหาพรหมสุรธาดาฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 64
- เจ้าน้อยยศ ณ น่าน ภายหลังได้เป็น
- เจ้านางอัมรา ณ น่าน มีโอรส 2 ท่าน ได้แก่
- เจ้าหนานศรีกู้ ณ น่าน
- เจ้าหนานศรีคำ ณ น่าน
- เจ้าบุญรัตน์ ณ น่าน ภายหลังได้เป็น มีธิดา 1 ท่าน ได้แก่
- เจ้านางต่อมแก้ว ณ น่าน
- เจ้าบริยศ ณ น่าน มีโอรส/ธิดา 5 ท่าน ได้แก่
- เจ้านางขันคำ ณ น่าน
- เจ้าน้อยพรม ณ น่าน
- เจ้าน้อยเมืองอินทร์ ณ น่าน
- เจ้าหนานบุญศรี ณ น่าน
- เจ้าน้อยชื่น ณ น่าน
- เจ้านางบัวเขียว ณ น่าน เสกสมรสครั้งแรกกับ พระโอรสองค์ที่ 1 ในเจ้าอนันตวรฤทธิเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62 กับแม่เจ้าปาริกาเทวี (พระชายาที่ 7) มีโอรส/ธิดา 5 ท่าน และเสกสมรสครั้งที่สองกับเจ้าหนานหมวกคำ ณ น่าน พระนัดดา (หลาน) ในเจ้าอนันตวรฤทธิเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62 มีโอรส/ธิดา 3 ท่าน ได้แก่
- เจ้านางจันทประภา ณ น่าน
- ร้อยตำรวจโท เจ้าคำฝั้น ณ น่าน
- เจ้านางคำเฝือ ณ น่าน
- ร้อยตรี เจ้าก้อนแก้ว ณ น่าน
- เจ้านางสุพรรณรัศมี ณ น่าน
- เจ้านางคำหย้น ณ น่าน
- เจ้าน้อยสมเพชร ณ น่าน
- เจ้านางสีวะดี ณ น่าน
- เจ้าสุทธิสาร ณ น่าน ภายหลังได้เป็น เจ้าราชวงศ์ นครเมืองน่าน เสกสมรสกับ เจ้านางบัวเขียว ณ น่าน (พระธิดาองค์ที่ 2 ในเจ้ามหาพรหมสุรธาดาฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 64 กับแม่เจ้าศรีโสภา อัครชายา (ชายาที่ 1) มีธิดา 3 ท่าน ได้แก่
- เจ้านางดาวเรือง ณ น่าน
- เจ้านางเมฆวดี ณ น่าน
- เจ้านางบุญตุ้ม ณ น่าน
- เจ้าจันทวงษ์ ณ น่าน ภายหลังได้เป็น มีโอรส/ธิดา 6 ท่าน ได้แก่
- ร้อยเอก เจ้าวรญาติ (เจ้าน้อยทองคำ ณ น่าน)
- เจ้าคำเครื่อง ณ น่าน
- เจ้านางเหมย ณ น่าน
- เจ้าน้อยถวิล ณ น่าน
- เจ้านางศรีนวล ณ น่าน
- เจ้าน้อยลิ้ง ณ น่าน
- เจ้าบุญรังษี ณ น่าน ภายหลังได้เป็น มีโอรส/ธิดา 8 ท่าน ได้แก่
- เจ้าหนานสาร ณ น่าน
- เจ้าหนานบุญศรี ณ น่าน
- เจ้านางคำเบาะ ณ น่าน
- เจ้าบัวลอย ณ น่าน
- เจ้าหล ณ น่าน
- เจ้านางคำตุ้น ณ น่าน
- เจ้าน้อยตื้อ ณ น่าน
- เจ้านางสร้อยแก้ว ณ น่าน
- เจ้ามหาวงษ์ ณ น่าน ภายหลังได้เป็น มีโอรส/ธิดา 2 ท่าน ได้แก่
- เจ้าน้อยอินต๊ะยศ ณ น่าน
- เจ้านาง ณ น่าน
- เจ้ายอดฟ้า ณ น่าน ภายหลังได้เป็น เจ้าราชดนัย นครเมืองน่าน เสกสมรสกับ เจ้านางสุพรรณวดี เทพวงศ์ ราชธิดาในเจ้าพิริยเทพวงษ์ฯ องค์ที่ 26 มีธิดา 2 ท่าน ได้แก่
- เจ้านางสร้อยฟ้า ณ น่าน
- เจ้านางวิลาวัลย์ ณ น่าน
- เจ้านางสมุท ณ น่าน
- พระชายาที่ 2 แม่เจ้าคำปลิวราชเทวี ประสูติพระธิดา 4 พระองค์
- - ถึงแก่กรรมไปตั้งแต่เยาว์วัยทั้งหมด ไม่ปรากฏพระนาม
- พระชายาที่ 3 แม่เจ้าจอมแฟงราชเทวี ประสูติพระโอรส/พระธิดา 3 พระองค์ ดังนี้
- เจ้านางบัวแว่น ณ น่าน เสกสมรสกับ (พระโอรสองค์ที่ 1 ในเจ้าอนันตวรฤทธิเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62 กับแม่เจ้าสุคันธาเทวี (พระชายาที่ 8) มีโอรส/ธิดา 3 ท่าน ได้แก่
- ว่าที่รองอำมาตย์ตรี เจ้าวรญาติ (เจ้าขงขะวาฬ ณ น่าน)
- เจ้านางมอญดอกไม้ ณ น่าน
- เจ้านางรัศมี ณ น่าน
- เจ้านางแห้ว ณ น่าน
- เจ้าครุธ ณ น่าน
- เจ้านางบัวแว่น ณ น่าน เสกสมรสกับ (พระโอรสองค์ที่ 1 ในเจ้าอนันตวรฤทธิเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62 กับแม่เจ้าสุคันธาเทวี (พระชายาที่ 8) มีโอรส/ธิดา 3 ท่าน ได้แก่
- พระชายาที่ 4 แม่เจ้าคำเกี้ยวเทวี ประสูติพระธิดา 2 พระองค์ ดังนี้
- เจ้านางเกี๋ยงคำ ณ น่าน มีโอรส/ธิดา 4 ท่าน ได้แก่
- เจ้านางบัวนำ ณ น่าน
- เจ้านางอัมภา ณ น่าน
- เจ้านางอัมรา ณ น่าน
- เจ้าน้อยเฉลิม ณ น่าน
- เจ้านางคำอ่าง ณ น่าน มีโอรส/ธิดา 4 ท่าน ได้แก่
- เจ้านางบัวคลี่ ณ น่าน
- เจ้าน้องสิงห์หล ณ น่าน
- เจ้าน้อยสิงห์ทอง ณ น่าน
- เจ้านางขันคำ ณ น่าน
- เจ้านางเกี๋ยงคำ ณ น่าน มีโอรส/ธิดา 4 ท่าน ได้แก่
- พระชายาที่ 5 แม่เจ้ายอดหล้าเทวี ประสูติพระโอรส/พระธิดา 7 พระองค์ ดังนี้
- เจ้านางเทพมาลา ณ น่าน มีธิดา 3 ท่าน ได้แก่
- เจ้านางดวงดารา ณ น่าน
- เจ้านางอัมพร ณ น่าน
- เจ้านางสุนันทา ณ น่าน
- เจ้านางเทพเกสร ณ น่าน เสกสมรสกับ เจ้าอินทร์แปลง เทพวงศ์ ราชโอรสองค์ที่ 7 ในเจ้าพิริยเทพวงษ์ องค์ที่ 26 กับแม่เจ้าบัวไหลราชเทวี (ชายาที่ 2) มีโอรส 2 ท่าน ได้แก่
- เจ้าอินทร์ศร เทพวงศ์
- เจ้าอินทร์ทรงรัศมี เทพวงศ์
- เจ้าอินทแสงสี ณ น่าน
- เจ้านางจันทวดี ณ น่าน
- เจ้านางศรีสุภา ณ น่าน
- เจ้านางดวงมาลา ณ น่าน
- เจ้านางประภาวดี ณ น่าน
- เจ้านางเทพมาลา ณ น่าน มีธิดา 3 ท่าน ได้แก่
- ชายาที่ 6 หม่อมศรีคำ ชายา ประสูติพระโอรส/พระธิดา 5 พระองค์ ดังนี้
- เจ้านางบัวแก้ว ณ น่าน
- เจ้านางศรีพรหมา ณ น่าน ภายหลังได้เป็น หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา หม่อมในหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร มีโอรส 2 ท่าน ได้แก่
- หม่อมราชวงศ์เพ็ญศรี ประดิษฐพงศ์
- หม่อมราชวงศ์อนุพร กฤดากร
- - พระโอรส 3 พระองค์ ถึงแก่กรรมไปตั้งแต่เยาว์วัย
- ชายาที่ 7 หม่อมบัว ชายา ประสูติพระโอรส/พระธิดา 7 พระองค์ ดังนี้
- เจ้านางต่อมแก้ว ณ น่าน
- เจ้าก่ำ ณ น่าน มีโอรส/ธิดา 6 ท่าน ได้แก่
- เจ้าสมบรูณ์ ณ น่าน
- เจ้าสองเมือง ณ น่าน
- เจ้านางจันทร ณ น่าน
- เจ้านางจันทร์หอม ณ น่าน
- เจ้าเกษม ณ น่าน
- เจ้าสนั่น ณ น่าน
- เจ้านางเกียรทอง ณ น่าน มีโอรส 2 ท่าน ได้แก่
- เจ้าอุทัย ณ น่าน
- เจ้าถนอน ณ น่าน
- - พระโอรส พระธิดา ถึงแก่กรรมแต่เยาว์วัย 4 พระองค์
พระกรณียกิจ
ด้านการถวายความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรี
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน ได้เข้าเฝ้าทูลอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 รวมทั้งสิ้น 12 ครั้ง ดังนี้
- ครั้งที่ 1 ในปี พ.ศ. 2416 ครั้งที่ยังดำรงตำแหน่ง เจ้าสุริยวงษ์ นครเมืองน่าน ได้คุมนางระมาดลงมาทูลเกล้าฯ ถวาย ณ กรุงเทพฯ รวมระยะเวลาไปกลับ 4 เดือน
- ครั้งที่ 2 ในวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2433 เจ้าสุริยวงษ์ว่าที่เจ้าราชวงษ์ นครเมืองน่าน ได้นำแสนท้าวพระยาเมืองเชียงแขง ซึ่งมีความยินดีและยอมเป็นขอบขันธสีมาของกรุงเทพฯ แล้วนั้น ลงมาถวายเครื่องราชบรรณาการ ณ กรุงเทพฯ
- คร้งที่ 3 ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2433 ได้เข้าเฝ้ารับพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็น เจ้าราชวงษ์ นครเมืองน่าน
- ครั้งที่ 4 ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2437 ได้เข้าเฝ้าถวายต้นไม้ทอง ต้นไม้เงินและเครื่องราชบรรณาการ และในคราวนั้นก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็น เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้านครเมืองน่าน
- ครั้งที่ 5 ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2437 ได้เข้าเฝ้ารับพระราชทานเครื่องประกอบอิสริยยศ เช่น พานหมากทองคำ, กระบี่บั้งทองคำ, มาลากำมะหยี่เกี๊ยวยอดองคำ, สัปทน ฯลฯ
- ครั้งที่ 6 ในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2440 ได้เข้าเฝ้าถวายต้นไม้ทอง ต้นไม้เงินและเครื่องราชบรรณาการ
- ครั้งที่ 7 ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2440 ได้เข้าเฝ้าทูลพระขวัญ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ
- ครั้งที่ 8 ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2444 ได้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ณ เมืองพิไชย
- ครั้งที่ 9 ในวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2446 ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายต้นไม้ทอง ต้นไม้เงินและเครื่องราชบรรณาการ
- ครั้งที่ 10 ในวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 ได้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ปฐมจุลจอมเกล้า
- ครั้งที่ 11 ในวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 ได้เข้าเฝ้าฯรับพระราชทานเครื่องยศและเลื่อนฐานันดรศักดิ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็น พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน
- ครั้งที่ 12 ในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 เวลาบ่าย 5 โมงเศษ ได้เข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมลา กลับนครเมืองน่าน
ถวายเครื่องราชบรรณาการ
วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2440 เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้านครเมืองน่าน พร้อมด้วยเจ้านายบุตรหลานแสนท้าวพระยา ประกอบด้วย เจ้าราชบุตร (รัตนเรืองรังษี) เจ้าราชบุตรนครเมืองน่าน, เจ้าราชสัมพันธ์วงษ์ (บัวลอง) เจ้าราชสัมพันธ์วงษ์นครเมืองน่าน, เจ้าราชภาคินัย (มหาวงษ์) เจ้าราชภาคินัยนครเมืองน่าน, นายน้อยวงษ์ พระยาเทพเสนา พระยาอินตปัญญา ท้าวแสนนายไพร่ 120 คน รวมเมืองนครน่าน 127 คน เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทองและเครื่องราชบรรณาการ ดังนี้ .. ต้นไม้ทอง 1 ต้น สูง 3 ศอก 16 นิ้ว 9 ชั้น มีก้าน 27 ก้าน ดอก 83 ดอก ใบ 81 ใบ ทองคำหนัก 30 บาท 2 สลึง ต้นไม้เงิน 1 ต้น สูงต่ำมีก้านดอกใบเท่าต้นไม้ทอง เงินหนัก 34 บาท 1 สลึง เครื่องราชบรรณาการของหลวง นรมาต 1 ยอด หนัก 2 ชั่ง ขี้ผึ้งหนัก 2 หาบ ผ้าขาว 100 เพลา
จัดพิธีทูลพระขวัญ
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2440 เวลาบ่าย 4 โมงครึ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ เสด็จออกที่มุขเด็จพระที่นั่ง จักรีมหาปราสาท พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาทเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพร้อมกัน และโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าผู้ครองนครเจ้าบุตรหลานหัวเมืองประเทศราชฝ่ายเหนือเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จัดพิธีทูลพระขวัญตามธรรมเนียมล้านนา แล้วพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้านครเมืองน่าน เจ้าอุปราชผู้รักษาราชการเมืองนครลำปาง เจ้าอุปราชผู้รักษาราชการเมืองนครลำพูน เจ้าราชวงษ์เมืองนครเชียงใหม่ และพระยาพิริยวิไชย เจ้าเมืองแพร่ ถวายด้ายพระขวัญผูกข้อพระหัตถ์ ตามประเพณีลาวเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสแสดงความขอบใจ เจ้านายแลแสนท้าวพระยาลาว ตามสมควร
ด้านบ้านเมือง
- เมื่อปี พ.ศ. 2447 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 โปรดให้สร้างออฟฟิศไปรสนีย์โทรเลขประจำจังหวัดนครน่านหนึ่งหลัง ทำด้วยไม้สักรูปปั้นหยามีน่ามุขหนึ่งด้าน แลซื้อที่ดินที่ตั้งออฟฟิศรวม 2 รายเปนเงิน 1,600 บาท
- เมื่อปี พ.ศ. 2458 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 ได้สร้างสะพานขึ้นที่เมืองนครน่าน 1 สะพาน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลอุทิศแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานชื่อสะพานทั้ง 4 สะพาน ดังนี้
- สะพานข้ามลำน้ำสา พระราชทานนามว่า "นันทสาระวดี"
- สะพานข้ามลำห้วยเย็น พระราชทานนามว่า "นันทคีตาลัย"
- สะพานข้ามลำห้วยไผ่ พระราชทานนามว่า "นัททไวณุวัต"
- สะพานข้ามลำห้วยแก้ว พระราชทานนามว่า "นันทรัตนารม"
ดังหนังสือแจ้งความกระทรวงคมนาคม พแนกกรมทาง ระบุไว้ดังนี้ (สะกดตามต้นฉบับ)
แจ้งความกระทรวงคมนาคม
พแนกกรมทาง
ด้วยกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือที่ ๗๐/๙๔๑๑ ลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์พ.ศ. ๒๔๕๘ นำส่งต้นใบบอกของเค้าสนามหลวงนครน่านมายังกระทรวงคมนาคมความว่า จำเดิมแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราชได้เสด็จสวรรคตแล้ว เจ้านายข้าราชการตลอดจนสมณะอาณาประชาราษฎรในนครน่าน อาการเศร้าโศกโศกาลัยรภกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ได้โปรดเกล้าฯ ได้รับความร่มเย็นเปนศุขเสมอหน้า แลคำนึงถึงการที่จะสำแดงความจงรักภักดีให้ปรากฏ เพื่อเปนการสนองพระเดชพระคุณ จึงมหาอำมาตย์เอก พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช พระเจ้าผู้ครองนคร ๑ อำมาตย์เอก เจ้าอุปราช เสนามหาดไทย ๑ กับอำมาตย์เอก พระยารามราชเดช ปลัดมณฑลประจำนคร ๑ ได้เป็นหัวน่าคิดสร้างสะพานอันเปนถาวรวัตถุแลสาธารณประโยชน์ขึ้น แลได้ช่วยกันออกทุนทรัพย์พร้อมกับข้าราชการและประชาชนชาวนครน่านด้วยความศรัทธา ได้เงินรวมทั้งสิ้นเปนจำนวน ๑๐,๒๐๐ บาท ๖๒ สตางค์ จ้างเหมาช่างที่ชำนาญทำสพานด้วยไม้แดง ไม้ตะเคียน ไม้เต็ง ไม้รัง ตามแบบของคมนาคม ข้ามลำห้วยแลลำน้ำต่างๆ ที่อยู่ในถนนสายจากนครน่านผ่านอำเภอเมืองสา อำเภอศีร์ษะเกษแยกไปอำเภอท่าปลากับจังหวัดแพร่ ซึ่งเปนถนนสำคัญมีมหาชนไปมามิได้ขาดขึ้น ๔ สะพาน คือ
1.) สพานข้ามลำน้ำสา มีขนาดกว้าง ๒ วา ยาว ๓๖ วา ทำเป็นรูปโค้งมีไม้ยืดยัน มีเขื่อนแลปีกกาทำด้วยไม้กระยาเลย สำหรับกันไม้ขอนสักที่ไหลตามสายน้ำ
2.)สพานข้ามลำห้วยเย็น มีขนาดกว้าง ๒ วา ยาว ๘ วา
3.) สพานข้ามลำห้วยไผ่ มีขนาดกว้าง ๒ วา ยาว ๕ วา
4.) สพานข้ามลำห้วยแก้ว มีขนาดกว้าง ๒ วา ยาว ๕ วา
สพานทั้ง ๓ นี้ทำเป็นรูปธรรมดา ได้จัดทำเปนการแล้วเสร็จทั้ง ๔ สพาน แต่เมื่อเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๕๗ นั้นแล้ว ครั้นเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๕๘ ได้กระทำพิธีฉลอง คือ ได้ปลูกปรำประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัตยุบัน ประดับประดาด้วยเครื่องสักการะบูชา อาราธนาพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์รุ่งขึ้นเช้าได้ถวายอาหารบิณฑบาตกับเครื่องไทยทาน แล้วอำมาตย์เอก เจ้าอุปราช เสนามหาดไทย ได้อ่านคำอุทิศขอพระราชทานถวายพระราชกุศลในการที่ได้สร้างสะพานนี้แด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงพระปิยมหาราช กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัตยุบันนี้ นับว่าเปนการเปิดสะพานให้มหาชน สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ ใช้เปนทางสัญจรข้ามไปมาได้สดวกแล้ว บรรดาผู้มีจิตร์ศรัทธาบริจาคทรัพย์ตามบาญชีท้ายแจ้งความ มีความยินดีขอพระราชทานถวายพระราชกุศลและขอรับพระราชทานนามสพานทั้ง ๔ เพื่อเปนความสวัสดีแก่ผู้ที่สัญจรไปมานั้นด้วย
กระทรวงคมนาคมได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงอนุโมทนาในส่วนกุศลที่เนื่องมาจากการสาธารณประโยชน์นี้ด้วยแล้ว และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสพานทั้ง ๔ นั้นว่า
1.) สพานข้ามลำน้ำสา พระราชทานนามว่า "นันทสาระวดี"
2.) สพานข้ามลำห้วยเย็น พระราชทานนามว่า "นันทคีตาลัย"
3.) สพานข้ามลำห้วยไผ่ พระราชทานนามว่า "นัททไวณุวัต"
4.) สพานข้ามลำห้วยแก้ว พระราชทานนามว่า "นันทรัตนารม"
ด้านการปกครอง
- พ.ศ. 2443 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช พระเจ้านครเมืองน่าน “ประกาศเลิกทาส” ดังปรากฎข้อความดังนี้
“ส่วนทาสเชลยนั้นถึงจะเป็นสมบัติของเจ้าผู้ครองนครทั้งหลายอยู่บ้างก็ดี บัดนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานผลประโยชน์ให้กับเจ้าผู้ครองนครเพียงพอแล้ว เพราะฉนั้นเจ้าผู้ครองนครแลพญาท้าวแสนเมืองน่าน จึงพร้อมกันลดค่าตัวทาสเชลยทั้งปวงที่มีอายุกว่า 10 ปี ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม รัตนโกสินทร์ศก 116 ต่อไปเป็นค่าตัวคนละ 20 รูปี ส่วนบุตรทาสเชลยทั้งปวงซึ่งเกิดภายหลังวันที่ 16 ธันวาคม รัตนโกสินทร์ศก 116 สืบไป ขอยกให้เปนไทยพ้นจากการเป็นทาสเชลยสืบไปชั่วบุตรหลาน”
— พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช พระเจ้านครน่าน ประกาศเลิกทาสในนครน่านทั้งปวง สนองพระราชบัญชาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช รัชกาลที่ 5 - กวาดต้อนและชักชวนให้ชุมชนไทลื้อในเมืองต่าง ๆ ของสิบสองปันนา ให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานรกรากอยู่ในจังหวัดน่าน
- ยกเลิกอำนาจโทษประหารทางอาญา
- จัดวางผังเมือง ขยายถนนให้กว้างขวาง สะดวกแก่การสัญจรไปมา
- เมื่อปี พ.ศ. 2440 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ โปรดให้สร้าง กองเรือนจำเมืองนครน่านขึ้น ดังปรากฏข้อความดังนี้ “การที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตั้งศาลต่างประเทศขึ้นที่นครเมืองน่านนั้น เจ้านครเมืองน่าน (พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ) มีความยินดีเปนอันมาก เจ้านครเมืองน่านได้จัดตั้งที่สำหรับขังนักโทษในที่ว่าการศาลต่างประเทศ 1 หลัง ขอพระราชทานทูลเกล้าฯถวายไว้สำหรับราชการสืบไป แลขอให้เจ้านายบุตรหลานมาฝึกหัดในศาลต่างประเทศด้วย”
ด้านการทหาร
- ทรงทำนุบำรุงกิจการทหาร โดยการรวบรวมกำลังพลเข้าสังกัดมูลนาย ฝึกกำลังพลการรบ จัดตั้งยุ้งฉาง สะสมเสบียงอาหาร กระสุนดินดำ
- โดยเมื่อปี พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรียกทัพไปปราบฮ่อที่เมืองหลวงพระบาง ซึ่งพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งที่เจ้าราชวงศ์นครน่าน ได้ทรงนำกำลังไปสมทบกับทัพหลวง
- ครั้นปี พ.ศ. 2445 เกิดขบถเงี้ยวที่เมืองแพร่ โดยพวกขบถจะยกทัพมายึดนครน่าน พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช ได้ทรงยกกำลังทหารไปขัดตาทัพต่อสู้กับขบถเงี้ยว และได้ร่วมกับกองทัพหลวงตามตีจนได้รับชัยชนะ
ด้านการศึกษา
- วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2450 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน ทรงสละทุนทรัพย์ส่วนพระองค์จัดตั้งโรงเรียนสอนหนังสือภาษาไทยเป็นแห่งแรกในนครน่าน ต่อมาในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2456 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานนามว่า “โรงเรียนสุริยานุเคราะห์” ปฐมของโรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคารในปัจจุบัน มี จีนซาง จีนอิ๋ว เปนสล่า 1 หลัง ทำด้วยไม้ตะเคียน รูปปั้นหยา มีหน้ามุข พื้นกระดาน ฝากระดาน หลังคามุงกระเบื้องไม้ยมกั้นเปนห้อง ห้อง 6 ห้อง โดยยาว 9 วา 2 ศอก กว้าง 6 วา มีเพไลยออกหนึ่ง ด้านยาวตามโรงเรียนทาสีขาว โรงเรียนนี้ตั้ที่วัดหลวงกลางเวียง (วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร) สิ้นเงิน 6,100 บาท
ด้านศาสนา
- พ.ศ. 2449 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน โปรดให้สร้างพระวิหาร วัดดอยธาตุเขาน้อย (หรือ วัดพระธาตุเขาน้อย ในปัจจุบัน) 1 หลัง 6 ห้อง ห้องไหนกว้าง 5 ศอก ยาว 8 วา 2 ศอก มีหน้ามุขออก 3 ด้าน ก่อฐานพระประธานไว้กลางพระวิหาร พระวิหารเครื่องไม้สักก่ออิฐโบกปูนหลังคามุงกระเบื้อง ไม้สักประกับแก้วแลปิดทองทำด้วยงดงาม พระสมุห์อิน วัดหัวข่วง เปนสล่า สิ้นเงิน 4,839 บาท
- พ.ศ. 2450 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน โปรดให้สร้างพระวิหารพระพุทธไสยาศน์ที่วัดแช่แห้ง (หรือ วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง ในปัจจุบัน) 1 หลัง ยาว 10 วา 2 ศอก 10 นิ้ว กว้าง 4 วา 2 ศอก 10 นิ้ว แลซ่อมแซมฐานพระพุทธไสยาศน์พระวิหารก่ออิฐถือปูนมุงกระเบื้องไม้ยมเพดานลงรักปิดทอง แลก่อกำแพงแก้วรอบพระวิหาร 4 ด้าน ยาวด้านละ 18 วา 2 ศอก 10 นิ้ว หม่องจ่าปีน ชาติพม่า เปนสล่า สิ้นเงิน 4,000 บาท
- พ.ศ. 2451 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน โปรดให้สร้างกุฎีถวาย พระครูนันทสมณาจารย์ เจ้าคณะจังหวัด 1 หลัง 8 ห้อง ยาว 9 วากับ 2 ศอก กว้าง 6 วา พื้นกระดานฝากระดานไม้ตะเคียน แลไม้สักบ้าง หลังคามุงกระเบื้องไม้สักแลไม้ยม มีเพไลยยาวตามกุฎี 1 ด้าน มีน่ามุขออก 1 ข้าง แลมีเพดานตลอด กั้นฝาเปนห้อง ๆ 8 ห้อง สูงตั้งแต่พื้นดินถึงพื้น 4 ศอก ตั้งแต่พื้นถึงขื่อ 8 ศอก ตั้งแต่ขื่อถึงอกไก่ 10 ศอก ทำเปนรูปปั้นหยา สิ้นเงิน 2,500 บาท
- พ.ศ. 2451 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน โปรดให้สร้างพระเจดีย์แช่แห้งน้อย 1 หลัง และได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์เข้าประดิษฐานในโกษฐทำด้วยทองคำ แล้วเอาประจุโกษฐแก้ว แล้วเอาเข้าบรรจุในหีบกำปั่นใหญ่ แลมีดอกไม้ทองคำทำเปนพวง ๆ มีเครื่องสักการบูชาหลายอย่างหลายประการ บรรจุในกำปั่น แล้วเอาเข้าบรรจุไว้ในพระเจดีย์ดังนี้ ดังแจ้งในจาฤกนั้นแล้ว การก่อสร้างสิ้นเงิน 4,406 บาท 92 สตางค์
- พ.ศ. 2452 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน โปรดให้สร้างพระเจดีย์ในบริเวณพระวิหารพระพุทธไสยาศน์ วัดพระธาตุแช่แห้ง 1 หลัง ทำเป็นรูปพระปรางค์ แลก่อหลูบพระเจดีย์ซึ่งชำรุดอยู่ สิ้นเงิน 1,300 บาท
- พ.ศ. 2453 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน โปรดให้สร้างหอพระไตรปิฎก ในบริเวณวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร 1 หลัง 8 ห้อง ยาว 16 วา 1 ศอก กว้าง 5 วา 2 ศอก สูงตั้งแต่ดินถึงอกไก่ 13 วา หลังคาทำเปนซด ๆ ก่ออิฐทาสี เครื่องบนไม้สัก มุงกระเบื้องไม้สัก ทำอย่างแน่นหนา มีเพดานน่าจั่ว 2 ข้าง แลเพดานทำเปนลวดลายต่าง ๆ ลงรักปิดทอง แลประดับด้วยแก้วสีต่าง ๆ พระสมุหอินทร์ เจ้าอาวาสวัดหัวข่วง กับจีนอิ๋ว จีนซาง เปนสล่า สิ้นเงิน 12,558 บาท
หอไตรหลังนี้มีความพิเศษตรงบริเวณรวงผึ้ง ทำเป็นรูปพระครุฑพ่าห์อันเป็นตราแผ่นดินของสยาม เหนือครุฑมีอักษรย่อภาษาไทยในกรอบสี่เหลี่ยมข้อความว่า “พ.จ.น.พ.ร.ช.ก.ศ.ถ.พ.พ.ธ.จ.ลฯะ” แปลความได้ว่า “พระเจ้าน่านพระราชกุศลถวายพระพุทธเจ้าหลวง” หอไตรแห่งนี้สร้างขึ้นในปีเดียวกับการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดี ตลอดจนถึงความจงรักภักดีระหว่างนครน่านกับอาณาจักรสยามผ่านงานศิลปกรรม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาให้ความเห็นว่าไม่ได้มีการใช้อย่างสม่ำเสมอ เข้าใจว่าบางทีอาจเป็นเพราะต้องการประหยัดเนื้อที่หรือที่จะเขียนไม่พอ ดังนั้นการใช้ตัวย่อที่หอไตรวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหารแห่งนี้ก็คงเกิดจากเหตุผลนี้เช่นกัน
- พ.ศ. 2453 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน โปรดให้สร้างพระอุโบสถวัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง 1 หลัง เครื่องบนไม้สัก หลังคามุงกระเบื้องไม้สัก ก่ออิฐถือปูน จีนเลือด เปนสล่า ข้างในมีเพดานลงรักปิดทอง แลปฏิสังขรณ์พระพุทธปฏิมากรในพระอุโบสถนั้นอีก 3 องค์ ลงรักปิดทองใหม่ สิ้นเงิน 4,000 บาท
- พ.ศ. 2455 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน โปรดให้สร้างพระเจดีย์หลังพระอุโบสถแช่แห้งน้อย 1 หลัง ก่ออิฐถือปูน สิ้นเงิน 800 บาท
- พ.ศ. 2455 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน โปรดให้สร้างพระวิหารวัดสวนหอม ตำบลหัวเวียง 1 หลัง ก่ออิฐถือปูน มีเพดานลงรักปิดทอง น้อยทะ เปนสล่า สิ้นเงิน 4,600 บาท
- พ.ศ. 2455 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน โปรดให้ปฏิสังขรณ์พระวิหารใหญ่วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร 1 หลัง เปลี่ยนเครื่องบนไม้สัก แลต่อน่ามุขออก 1 ห้อง รวมเปน 8 ห้อง ทำตามรูปเดิม เปนแต่น่ามุขแลเปลี่ยนเครื่องบน หลังคามุงกระเบื้องดิน ประดับตกแต่งเสาในพระวิหาร แลเพดานกันน่าจั่วทั้ง 2 ข้าง ทำเปนลวดลายลงรักปิดทอง แลประดับแก้วสีต่าง ๆ กับซ่อมแซมฐานพระประธานแลธรรมาศน์ ลงรักปิดทอง กับปิดทองพระประธานในพระวิหารนี้ แลมีการทำบุญฉลองเปนการใหญ่โตครึกครื้นมาก สิ้นเงิน 12,419 บาท 85 สตางค์ พระสมุห์อินทร์ วัดหัวข่วง เปนสล่า
- พ.ศ. 2457 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน โปรดให้สร้างกุฎีวัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง 2 หลัง เสาก่ออิฐถือปูนเครื่องไม้กระยาเลย หลังคามุงกระเบื้องดิน หนานกัน เปนสล่า สิ้นเงิน 332 บาท 50 สตางค์
- พ.ศ. 2457 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน โปรดให้ซ่อมแซมหัวพญานาคทางขึ้นวัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง ซึ่งแตกหักลงทั้งสองหัว สิ้นเงิน 300 บาท หนานกัน น้อยธะ เปนสล่า
- พ.ศ. 2457 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน โปรดให้สร้างสระน้ำที่วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง หัวถนนที่จะขึ้นไปพระธาตุแช่แห้ง 1 สระ กว้าง 12 วา 4 ด้าน ด้านเท่า ๆ กัน ก่ออิฐถือปูน เพื่อให้สัตว์ได้อาไศรยน้ำ สิ้นเงิน 300 บาท
- พ.ศ. 2461 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน โปรดให้สร้างพระเจดีย์ใหญ่ในวัดสวนตาล เวลานี้ยังไม่สำเร็จ ก่อสำเร็จไปแล้ว ยังแต่ทาสทายแลโบกปูนเท่านั้น พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ได้เสด็จถึงแก่พิราไลยเสียก่อน
- พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน ทรงสละทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ บูรณปฏิสังขรณ์วัดและบูชนียวัตถุเป็นอันมาก และเป็นองค์ประธานในการจัดสร้างคัมภีร์ใบลาน จารึกพระธรรมคำสั่งสอนไว้เป็นจำนวนมาก โปรดให้สร้างหอพระไตรปิฏกหลังใหญ่ที่วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร บูรณะวัดพระบรมธาตุแช่แห้ง เป็นต้น
เหตุการณ์สำคัญในเมืองนครน่าน
เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองนครน่าน ในยุคสมัยที่พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน (พ.ศ. 2436 – พ.ศ. 2461) มีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ดังนี้
1.) นครน่าน เสียดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขง (ประเทศไทยเสียดินแดน ครั้งที่ 11)
ในปี พ.ศ. 2446 เมืองนครน่าน ได้เสียดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง (ประเทศไทยเสียดินแดน ครั้งที่ 11) รวมพื้นที่ 25,500 ตร.กม. ประกอบด้วย เมืองคอบ และ (ซึ่งปัจจุบันคือพื้นที่ แขวงไชยบุรีทั้งหมด รวมถึงพื้นที่บางส่วนในแขวงหลวงน้ำทา, แขวงบ่อแก้ว และแขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว) ให้กับจักรวรรดิฝรั่งเศส
การเสียดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขงในอาณาเขตเมืองนครน่าน ให้กับจักรวรรดิฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2446 โดยในอดีตพื้นที่บริเวณฝั่งขวาของแม่น้ำโขงเป็นเขตอิทธิพลของล้านนา ซึ่งถือกันมาตั้งแต่โบราณว่าเป็นเขตแดนล้านนาจรดกับแม่น้ำโขงโดยมีแม่น้ำโขงเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นอาณาจักรล้านนากับอาณาจักรล้านช้าง (ลาว) หลักการข้างต้นยังปฏิบัติสืบมาถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 25 เพราะมีหลักฐานกล่าวถึง หรือ (เมืองกุฎสาวดี) ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำโขงและอยู่ภายใต้การปกครองของเมืองนครน่าน เมื่อปี พ.ศ. 2415 คนในบังคับของอังกฤษเดินทางเข้ามาค้าขายที่เมืองเงิน ถูกคนร้ายฆ่าตาย แล้วเหตุการณ์ในครั้งนั่น เจ้าหลวงเมืองนครน่าน เป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้กับคนในบังคับของอังกฤษ หัวเมืองชายแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขงที่เป็นเมืองขึ้นกับเมืองนครน่าน ประกอบด้วย (เมืองกุฎสาวดี), เมืองคอบ, , และเมืองหลวงภูคา แม้ว่าทั้ง 5 เมืองนี้จะเป็นเมืองชายขอบของเมืองนครน่าน แต่เจ้าผู้ครองนครน่าน ก็ดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามเมื่อจักรวรรดินิยมมีความต้องการดินแดนในส่วนนี้ก็เข้าแทรกแซงด้วยกำลังที่เหนือกว่า จนกระทั่งได้ไปในที่สุด
- สาเหตุของการเสียดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขงให้แก่จักรวรรดิฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2446 นั้นสืบเนื่องมาจากปัญหา 2 ประการ คือ
- ประการที่ 1 ผลของการตีความในสนธิสัญญาที่ลงนามเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 ซึ่งมีข้อความเกี่ยวกับดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขงในเขตพื้นที่ 25 กิโลเมตร
- ประการที่ 2 สืบเนื่องมาจากปัญหาการแย่งชิงบ่อเกลือ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในบริเวณต้นแม่น้ำน่าน เมืองที่มีบ่อเกลือจำนวนมาก ได้แก่ เมืองเงิน (เมืองกุฎสาวดี) จึงเกิดปัญหาโต้เถียงกันบ่อยที่สุด และเป็นเมืองที่อยู่ในเขตพื้นที่ 25 กิโลเมตร ทางฝั่งขวาของแม่น้ำโขง โดยตั้งอยู่ริมแม่น้ำเงินซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโขง ประกอบกับเป็นเมืองที่มีพืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ ราษฎรส่วนใหญ่มีเชื้อสายไทลื้อ สิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นสิ่งยั่วยุให้ฝรั่งเศสคิดเข้าครอบครองพื้นที่บริเวณส่วนนี้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามราษฎรส่วนใหญ่ในเมืองเงินมีความจงรักภักดีต่อ เจ้าผู้ครองนครน่าน เป็นอย่างมาก จึงเป็นอุปสรรคต่อการเกลี้ยกล่อมของฝรั่งเศสไม่น้อย นอกจากเมืองเงินซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในเขตพื้นที่ 25 กิโลเมตรแล้ว ยังมีเมืองคอบ เมืองเชียงลม และเมืองเชียงฮ่อน ล้วนต้องประสบปัญหาการเข้าแทรกแซงของฝรั่งเศสทั้งสิ้น
- เหตุผลที่ไทยต้องยอมสูญเสียดินแดนดังกล่าวให้แก่ฝรั่งเศสในครั้งนั้น เพราะไทยต้องการยุติปัญหาการแย่งชิงเมืองเงิน ระหว่างเมืองนครน่าน กับเมืองหลวงพระบาง ซึ่งทั้งสองเมืองได้เข้ามาแย่งกันปกครองในพื้นที่จนเกิดการวิวาทถกเถียงกันเสมอ โดยทุกครั้งสยามต้องพยายามอดกลั้นไม่ใช้กำลังโต้ตอบตลอดมา เพราะไม่ปรารถนาประจัญหน้ากับฝรั่งเศส ผู้ที่สนับสนุนการกระทำของเมืองหลวงพระบาง ฉะนั้นเพื่อยุติปัญหาที่ยืดเยื้อสยามจึงต้องยอมยกเมืองเงินและเมืองอื่น ๆ ในเขต 25 กิโลเมตร (พื้นที่ 25,500 ตร.กม.) ให้แก่จักรวรรดิฝรั่งเตามที่ต้องการ ซึ่งเป็นผลให้การคุกคามของจักรวรรดิฝรั่งเศสในหัวเมืองมณฑลพายัพ ด้านทิศตะวันออก ยุติลงด้วย จึงทำให้ฝ่ายสยามเห็นโอกาสที่จะผนวกหัวเมืองประเทศราชล้านนาเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสยาม จึงจัดการปฏิรูปการปกครองภายในมณฑลพายัพทั้งหมดในปี พ.ศ. 2458 นอกจากนั้นการสูญเสียดินแดนดังกล่าว เพื่อแลกกับการยึดครองเมืองจันทบุรีที่จักรวรรดิฝรั่งเศสยึดเอาไว้เป็นประกันซึ่งเป็นเมืองไทยแท้กว่าเมืองประเทศราช
2.) จัดตั้งมณฑลเทศาภิบาล
- ในปี พ.ศ. 2437 จากการที่หัวเมืองประเทศราชล้านนา 5 หัวเมือง ถูกจักรวรรดิอังกฤษและจักรวรรดิฝรั่งเศสขนาบโอบล้อมทั้ง 2 ด้าน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวม 5 หัวเมืองประเทศราชล้านนา ซึ่งประกอบด้วย เมืองนครเชียงใหม่ , เมืองนครลำปาง , เมืองนครน่าน , เมืองนครลำพูน และเมืองนครแพร่ จัดตั้งเป็นมณฑลลาวเฉียง
- ในปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แยก เมืองนครลำปาง , เมืองนครน่าน และเมืองนครแพร่ จัดตั้งเป็นมณฑลมหาราษฎร์ ตั้งสำนักข้าหลวงใหญ่มณฑลที่เมืองนครแพร่
- ในปี พ.ศ. 2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยุบมณฑลมหาราษฎร์ แล้วให้มารวมกับมณฑลพายัพตามเดิม
รับราชการพิเศษ
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน ทรงรับราชการสนองพระเดชพระคุณ ในวาระโอกาศต่าง ๆ ดังนี้
- เมื่อปี พ.ศ. 2395 ได้เป็นหัวหน้าสร้างพลับพลาประทับแรมที่ตำบลนาริน ท้องที่อำเภอเมืองน่าน จังหวัดนครเมืองน่าน รวมเวลาทำจนเสร็จ 1 เดือน แล้วลงไปรับเสด็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ที่อำเภอท่าอิฐ เมืองพิไชย ที่เสด็จขึ้นมาเมืองนครน่าน คราวเสด็จไปราชการทัพเมืองเชียงตุง รวมระยะเวลา 10 วัน
- เมื่อปี พ.ศ. 2396 ได้ตามเสด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ไปราชการทัพเมืองเชียงตุง รวมระยะเวลา 7 เดือนเศษ
- เมื่อปี พ.ศ. 2398 ได้นำตัวพระยาหลวงบังคม พระยาเมืองเชียงรุ้ง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 4 ณ กรุงเทพฯ รวมระยะเวลา 4 เดือนเศษ
- เมื่อปี พ.ศ. 2399 ได้ยกทัพเมืองน่านขึ้นไปกวาดต้อนครอบครัว ชาวไทลื้อ เมืองพง เขตสิบสองปันนา ซึ่งในเวลานั้นอยู่ในการบังคับของฮ่อ ให้เข้ามาอยู่ในเขตของเมืองนครน่าน คราวนั้นได้ครอบครัวชาวไทลื้อ ประมาณ 1,000 คน และทรงโปรดให้ตั้งภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองเชียงม่วน และเมืองเชียงคำ (ปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัดพะเยา) รวมระยะเวลา 5 เดือน
- เมื่อปี พ.ศ. 2406 ได้คุมนางรมาดลงมาทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 4 ณ กรุงเทพฯ รวมระยะเวลา 4 เดือน
- เมื่อปี พ.ศ. 2411 ได้คุมช้างพลายสีปลาดลงมาทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 4 ณ กรุงเทพฯ รวมระยะเวลา 4 เดือน
- เมื่อปี พ.ศ. 2416 ได้คุมนางรมาดลงมาทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 5 ณ กรุงเทพฯ รวมระยะเวลา 4 เดือน
- เมื่อปี พ.ศ. 2430 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไปจัดรวบรวมเสบียงอาหารที่ เมืองเชียงคำ ส่งกองทัพของ นายพลโท เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เมื่อครั้งเป็น ทรงเป็นแม่ทัพ นำกองทัพสยามขึ้นมาปราบฮ่อที่เมืองหลวงพระบาง และได้เข้าร่วมไปในกองทัพด้วย รวมระยะเวลาที่จัดการลำเลียงส่งเสบียงอาหาร 4 เดือน
ราชโอรส ราชธิดา
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 มีพระชายา 7 องค์ และพระโอรสพระธิดา รวมทั้งสิ้น 41 พระองค์ (อยู่ในราชสกุล ณ น่าน สายที่ 1) มีรายพระนามตามลำดับ ดังนี้
- พระชายาที่ 1 แม่เจ้ายอดหล้าอรรคราชเทวี ประสูติพระโอรส/พระธิดา 13 พระองค์ ดังนี้
- เจ้าคำบุ ณ น่าน
- เจ้าคำเครื่อง ณ น่าน ภายหลังได้เป็น เสกสมรสกับเจ้านางภูคา ณ น่าน มีโอรส/ธิดา หนึ่งในนั้นคือ แม่เจ้าศรีโสภา อัครชายาในเจ้ามหาพรหมสุรธาดาฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 64
- เจ้าน้อยยศ ณ น่าน ภายหลังได้เป็น
- เจ้านางอัมรา ณ น่าน
- เจ้าบุญรัตน์ ณ น่าน ภายหลังได้เป็น
- เจ้าบริยศ ณ น่าน
- เจ้านางบัวเขียว ณ น่าน เสกสมรสกับ พระโอรสองค์ที่ 1 ในเจ้าอนันตวรฤทธิเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62 กับแม่เจ้าปาริกาเทวี (พระชายาที่ 7)
- เจ้าสุทธิสาร ณ น่าน ภายหลังได้เป็น เจ้าราชวงศ์ นครเมืองน่าน เสกสมรสกับ เจ้านางบัวเขียว ณ น่าน (พระธิดาองค์ที่ 2 ในเจ้ามหาพรหมสุรธาดาฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 64 กับแม่เจ้าศรีโสภา อัครชายา (ชายาที่ 1)
- เจ้าจันทวงษ์ ณ น่าน ภายหลังได้เป็น
- เจ้าบุญรังษี ณ น่าน ภายหลังได้เป็น
- เจ้ามหาวงษ์ ณ น่าน ภายหลังได้เป็น
- เจ้ายอดฟ้า ณ น่าน ภายหลังได้เป็น เจ้าราชดนัย นครเมืองน่าน เสกสมรสกับ เจ้านางสุพรรณวดี เทพวงศ์ ราชธิดาในเจ้าพิริยเทพวงษ์ฯ องค์ที่ 26
- เจ้านางสมุท ณ น่าน
- พระชายาที่ 2 แม่เจ้าคำปลิวราชเทวี ประสูติพระธิดา 4 พระองค์
- - ถึงแก่กรรมไปตั้งแต่เยาว์วัยทั้งหมด ไม่ปรากฏพระนาม
- พระชายาที่ 3 แม่เจ้าจอมแฟงราชเทวี ประสูติพระโอรส/พระธิดา 3 พระองค์ ดังนี้
- เจ้านางบัวแว่น ณ น่าน เสกสมรสกับ (พระโอรสองค์ที่ 1 ในเจ้าอนันตวรฤทธิเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62 กับแม่เจ้าสุคันธาเทวี (พระชายาที่ 8)
- เจ้านางแห้ว ณ น่าน
- เจ้าครุธ ณ น่าน
- พระชายาที่ 4 แม่เจ้าคำเกี้ยวเทวี ประสูติพระธิดา 2 พระองค์ ดังนี้
- เจ้านางเกี๋ยงคำ ณ น่าน
- เจ้านางคำอ่าง ณ น่าน
- พระชายาที่ 5 แม่เจ้ายอดหล้าเทวี ประสูติพระโอรส/พระธิดา 7 พระองค์ ดังนี้
- เจ้านางเทพมาลา ณ น่าน
- เจ้านางเทพเกสร ณ น่าน เสกสมรสกับ เจ้าอินทร์แปลง เทพวงศ์ ราชโอรสองค์ที่ 7 ในเจ้าพิริยเทพวงษ์ องค์ที่ 26 กับแม่เจ้าบัวไหลราชเทวี (ชายาที่ 2)
- เจ้าอินทแสงสี ณ น่าน
- เจ้านางจันทวดี ณ น่าน
- เจ้านางศรีสุภา ณ น่าน
- เจ้านางดวงมาลา ณ น่าน
- เจ้านางประภาวดี ณ น่าน
- ชายาที่ 6 หม่อมศรีคำ ชายา ประสูติพระโอรส/พระธิดา 5 พระองค์ ดังนี้
- เจ้านางบัวแก้ว ณ น่าน
- เจ้านางศรีพรหมา ณ น่าน ภายหลังได้เป็น หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา หม่อมในหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร
- - พระโอรส 3 พระองค์ ถึงแก่กรรมไปตั้งแต่เยาว์วัย
- ชายาที่ 7 หม่อมบัว ชายา ประสูติพระโอรส/พระธิดา 7 พระองค์ ดังนี้
- เจ้านางต่อมแก้ว ณ น่าน
- เจ้าก่ำ ณ น่าน
- เจ้านางเกียรทอง ณ น่าน
- - ถึงแก่กรรมแต่เยาว์วัย 4 พระองค์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 ทรงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่าง ๆ ดังนี้
เหรียญราชอิสริยาภรณ์
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 ทรงได้รับพระราชทานเหรียญราชอิสริยาภรณ์ต่าง ๆ ดังนี้
- พ.ศ. 2436 – เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)
- พ.ศ. 2436 - เหรียญรัชฎาภิเศกมาลา (ร.ศ.)
- พ.ศ. 2440 - เหรียญประพาสมาลา (ร.ป.ม.)
- พ.ศ. 2446 - เหรียญทวีธาภิเศก (ท.ศ.)
- พ.ศ. 2450 - เหรียญรัชมงคล (ร.ร.ม.)
- พ.ศ. 2451 - เหรียญรัชมังคลาภิเศก (ร.ม.ศ.)
สถานที่อันเนื่องมาจากพระนาม
- โรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคาร จังหวัดน่าน เดิมมีชื่อว่า “ โรงเรียนสุริยานุเคราะห์ ” ด้วยความอุปถัมภ์ของ พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้าผู้ครองนครน่าน
- โรงพยาบาลค่ายสุริยพงษ์
- ค่ายสุริยพงษ์ หรือ
ราชตระกูล
พงศาวลีของพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- นามสกุลคนไทย (ต้นสกุล (ต้นวงศ์), ต้นราชสกุล)
- ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน (ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช), หน้า 10[]
- ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน (ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช), หน้า 10
- ราชกิจจานุเบกษา, เสด็จออกแขกเมืองประเทศราช เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2436
- ราชกิจจานุเบกษา,การตั้งพระเจ้านครเมืองน่าน เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446
- ราชกิจจานุเบกษา,พระบรมราชโองการประกาศตั้งพระเจ้านครเมืองน่าน เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-12-25. สืบค้นเมื่อ 2007-11-20.
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศพระบรมราชโองการ พระราชทานยศแก่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2454
- เครื่องประกอบพระอิสริยยศครั้งที่ได้รับสถาปนาขึ้นเป็น เจ้านครเมืองน่าน เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2347 เล่ม 10 ตอนที่ 49 หน้า 523-525
- เครื่องประกอบพระอิสริยยศครั้งที่ได้รับสถาปนาขึ้นเป็น พระเจ้านครเมืองน่าน เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 เล่ม 20 ตอนที่ 35 หน้า 609-610
- ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวพิลาไลย เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2461
- ราชกิจจานุเบกษา,พระราชทานเพลิงศพ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2461 เล่ม 35 หน้า 3271
- ราชกิจจานุเบกษา,เสด็จออกแขกเมืองลาวประเทศราช เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๐
- สิบสองปันนา ดินแดนบรรพบุรุษคนไทย หรือ?[]
- การใช้อักษรย่อในสมัยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ (พระเจ้าน่าน)
- พระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม เเสงชูโต) เชิญตราขึ้นไปพระราชทาน เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2431
- ราชกิจานุเบกษา, เสด็จออกแขกเมืองประเทศราช เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2436
- ราชกิจจานุเบกษา,พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญดุษฎีมาลา เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2440 2018-02-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2444
- ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2444
แหล่งข้อมูลอื่น
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช
ก่อนหน้า | พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เจ้าอนันตวรฤทธิเดช | เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 และองค์ที่ 13 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ (พ.ศ. 2436 – พ.ศ. 2461) | เจ้ามหาพรหมสุรธาดา |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul phraecasuriyphngsphritedch khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir bthkhwamnithnghmdhruxbangswn mienuxha rupaebb hruxlksnakarnaesnxthiimehmaasmsahrbsaranukrmoprdxphipraypyhadngklawinhnaxphipray hakbthkhwamniekhaknidkbokhrngkarphinxng oprdthakaraecngyayaethn eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir bthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxng phraecasuriyphngsphritedch 2 kumphaphnth ph s 2374 5 emsayn ph s 2461 thrngepnecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 63 aelaxngkhthi 13 aehngrachwngstinmhawngs 21 kumphaphnth ph s 2436 5 emsayn ph s 2461 epnphraoxrsxngkhthisxnginecaxnntwrvththiedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 62 aelaepnphrandda hlanpu in smedcecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 aelaepnphraechsthatangecamardakb ecamhaphrhmsurthada ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 64 chawemuxngnaneriykphranamxyanglalxngwa phraecanan aelathrngepnecaphukhrxngnkhrthiidrbphrakrunaoprdekla sthapnaeluxnphraekiyrtiyskhunepn phraecapraethsrach xngkhthi 7 18 phvscikayn ph s 2446 5 emsayn ph s 2461 inrchsmyrchkalthi 5phraecasuriyphngsphritedchphraecankhremuxngnanecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 63 aehngrachwngstinmhawngsrachaphiesk1 phvscikayn ph s 2437khrxngrachy21 kumphaphnth ph s 2437 5 emsayn ph s 2461rchkal25 pi 43 wnphraxisriyysphraecapraethsrachkxnhnaecaxnntwrvththiedchthdipecamhaphrhmsurthadaprasuti2 kumphaphnth ph s 2374 ecasuriya phiraly5 emsayn ph s 2461 87 pi n khumhlwngnkhrnanphrarachthanephlingphrasph20 kumphaphnth ph s 2462 n phraemruchwkhraw susanhlwngdxnchyxrrkhrachethwiaemecayxdhlaphrachaya7 xngkhphrarachbutr41 phraxngkhphranametmphraecasuriyphngsphritedch kulechsthmhnt ichynnthbur mharachwngsathibdi sucritcarirachanuphawrks wibulyskdikittiiphsal phubalbphitr sthitynnnthrachwngs phraecankhremuxngnanrachskuln nan saythi 1rachwngstinmhawngsphrabidaecaxnntwrvththiedchphramardaaemecasunnthaxkhrrachethwiphraprawti phraecasuriyphngsphritedch miphranamedimwa ecasuriya prasutiemuxwnthi 2 kumphaphnth ph s 2374 khun 1 kha eduxn 3 piethaa c s 1193 epnphraoxrsxngkhthisxnginecaxnntwrvththiedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 62 prasutiaetaemecasunnthaxrrkhrachethwi phrachayathi 1 miphraechsthaphraxnuchaaelaphrakhnistharwmphramarda 6 phraxngkh dngni ecamhaphrhm phayhlngidepn ecaxuprach nkhremuxngnan ecaxuprach phiraly ph s 2430 ecasuriya phayhlngidepn phraecasuriyphngsphritedch phraecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 63 ecarachwngs ph s 2398 wathiecaxuprach ph s 2431 ecankhremuxngnan ph s 2437 phraecankhremuxngnan ph s 2446 phiraly ph s 2461 ecasiththisar phayhlngidepn ecaxuprach nkhremuxngnan ecasuriywngs ecarachwngs ecaxuprach ph s 2437 phiraly ph s 2442 phayhlngidepn ecarachbutr nkhremuxngnan ecarachbutr phiraly ph s 2431 ecananghmxkaekw n nan ecanangkhathiphy n nanphraxisriyys phraecasuriyphngsphritedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 63 thrngidrbphrarachthanphraxisriyystang dngni inpi ph s 2398 thrngphrakrunaoprdekla phrarachthansyyabtrtng ecasuriya khunepn ecarachwngs nkhremuxngnan emuxwnthi 16 tulakhm ph s 2432 thrngphrakrunaoprdekla ih ecarachwngs suriya ecarachwngsnkhremuxngnan warachkarintaaehnng ecaxuprach nkhremuxngnan wnthi 21 kumphaphnth ph s 2437 thrngphrakrunaoprdekla sthapnaeluxnysthanndrskdi ecarachwngs suriya wathiecaxuprach nkhremuxngnan khunepn ecankhremuxngnan idrbkarechlimphranamwa ecasuriyphngsphritedch kulechsthmhnt ichynnthbur mharachwngsathibdi ecankhremuxngnan wnthi 18 phvscikayn ph s 2446 phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw miphrabrmrachoxngkardarssngihsthapnaeluxnysthanndrskdi ecasuriyphngsphritedch ecankhremuxngnan khunepn phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan miphranamtamcarukinphrasuphrrnbdwa phraecasuriyphngsphritedch kulechsthmhnt ichynnthbur mharachwngsathibdi sucritcarirachanuphawrks wibulyskdikittiiphsal phubalbphitr sthitynnnthrachwngs phraecankhremuxngnan hmayehtu thrngepnecaphukhrxngnkhrnanphraxngkhaerkaelaphraxngkhediywinprawtisastrnanthiidrbkarsthapnaphraxisriyyssungsudthung phraecankhremuxngnan miphrasthanaepn phraecapraethsrachlanna xngkhthi 7 xngkhsudthay nxkcakniphraxngkhyngthrngidrbphrarachthanmhamngkudcakphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw nbwaepnphraecapraethsrachlanna phraxngkhediywthiidrbphrarachthanphraekiyrtiysni wikisxrs mingantnchbbekiywkb prakastngphraecankhremuxngnan lngwnthi 18 phvscikayn r s 122 wikisxrs mingantnchbbekiywkb kartngphraecankhremuxngnan phraysphleruxn wnthi 20 singhakhm ph s 2454 idrbphrarachthanbrrdaskdiepn mhaxamatyexk ekhruxngxisriyys phraecasuriyphngsphritedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 63 thrngidrbphrarachthanekhruxngprakxbphraxisriyystang dngni ekhruxngprakxbphraxisriyyskhrngthiidrbsthapnakhunepn ecaphukhrxngnkhrnan thrngidrbphrarachthanekhruxngprakxbphraxisriyys dngniphanhmakthxngkha phrxmekhruxngin 1 prakhathxngkha 1 kraothnthxngkha 1 khnoththxngkha krabibngthxngkha 1 phramalakamahyiekiywyxdthxngkha 1 punkhabsilakhraengin 1 punkhabsilatxlay 2 hxktxthxngkha 1 spthn 1 otaenginthawchang 1 khu esuxphatang ekhruxngprakxbphraxisriyyskhrngthiidrbsthapnakhunepn phraecaphukhrxngnkhrnan thrngidrbphrarachthanekhruxngprakxbphraxisriyys dngniesuxkhruy pkxksr c c c fayhna phrachda 1 sngkheliymthxngkha 1 hibhmakimaednghumthxngkhalngya 1 kakrabxkthxngkha 1 krabifkthxngkhasirsanakhlngya 1 esuxeyiyrbb 2 esux phanungeyiyrbb 1 phanungekhiynthxng 1 eciyrbat 1phiralythungaekphiraly phraecasuriyphngsphritedch phraecaphukhrxngnkhrnan prachwrepnphraorkhchra phraxakarthrngbangthrudbangesmxma cnthungeduxnminakhm ph s 2461 phraxakaridkaeribmakkhun aephthyhlwngaelaaephthychelyskdiprakxboxsththwaykarrksaodyetmkalngphraxakarhakhlayim khrnthungwnthi 5 emsayn ph s 2461 ewla 4 50 n phraecasuriyphngsphritedch kidesdcthungaekphiraly n hxkhahlwngnkhrnan pccubnkhuxphiphithphnthsthanaehngchati nan siriphrachnmayuid 87 pi 2 eduxn 28 wn rwmrayaewlathithrngkhrxngemuxngnkhrnan 25 pi phrarachthanephlingsph wnthi 20 kumphaphnth ph s 2462 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw thrngphrakrunaoprdekla ihecaphnkngannaekhruxngphrarachthanephlingsph ipphrarachthanephlingsph phraecasuriyphngsphritedch phraecaphukhrxngnkhrnan thiwdcnghwdnan odyphrarachthan enginslung 2 chng itr 15 itr phakhaw 30 phb rmkradas 100 khn rxngetha 100 khu ekhruxngpraokhmsph aetrngxn 2 aetrfrng 2 klxngchna 10 capi 1 caklxng 1 kbphusaoyngsay 1 hibsilanaephling 1 oksimsibsxng thanfa 1 than thanekhruxngsung 12 than chnrxngoks 2 chn bwrbphaphusaoyng 2 esliynghiw 1rachoxrs rachthida phraecasuriyphngsphritedch phraecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 63 miphrachaya 7 xngkh aelaphraoxrsphrathida rwmthngsin 41 phraxngkh xyuinrachskul n nan saythi 1 mirayphranamtamladb dngni phrachayathi 1 aemecayxdhlaxrrkhrachethwi prasutiphraoxrs phrathida 13 phraxngkh dngni ecakhabu n nan ecakhaekhruxng n nan phayhlngidepn esksmrskbecanangphukha n nan mithida 1 than idaek ecanangsriospha n nan phayhlngepnxkhrchayainecamhaphrhmsurthada ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 64 ecanxyys n nan phayhlngidepn ecanangxmra n nan mioxrs 2 than idaek ecahnansriku n nan ecahnansrikha n nan ecabuyrtn n nan phayhlngidepn mithida 1 than idaek ecanangtxmaekw n nan ecabriys n nan mioxrs thida 5 than idaek ecanangkhnkha n nan ecanxyphrm n nan ecanxyemuxngxinthr n nan ecahnanbuysri n nan ecanxychun n nan ecanangbwekhiyw n nan esksmrskhrngaerkkb phraoxrsxngkhthi 1 inecaxnntwrvththiedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 62 kbaemecaparikaethwi phrachayathi 7 mioxrs thida 5 than aelaesksmrskhrngthisxngkbecahnanhmwkkha n nan phrandda hlan inecaxnntwrvththiedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 62 mioxrs thida 3 than idaek ecanangcnthprapha n nan rxytarwcoth ecakhafn n nan ecanangkhaefux n nan rxytri ecakxnaekw n nan ecanangsuphrrnrsmi n nan ecanangkhahyn n nan ecanxysmephchr n nan ecanangsiwadi n nan ecasuththisar n nan phayhlngidepn ecarachwngs nkhremuxngnan esksmrskb ecanangbwekhiyw n nan phrathidaxngkhthi 2 inecamhaphrhmsurthada ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 64 kbaemecasriospha xkhrchaya chayathi 1 mithida 3 than idaek ecanangdaweruxng n nan ecanangemkhwdi n nan ecanangbuytum n nan ecacnthwngs n nan phayhlngidepn mioxrs thida 6 than idaek rxyexk ecawryati ecanxythxngkha n nan ecakhaekhruxng n nan ecanangehmy n nan ecanxythwil n nan ecanangsrinwl n nan ecanxyling n nan ecabuyrngsi n nan phayhlngidepn mioxrs thida 8 than idaek ecahnansar n nan ecahnanbuysri n nan ecanangkhaebaa n nan ecabwlxy n nan ecahl n nan ecanangkhatun n nan ecanxytux n nan ecanangsrxyaekw n nan ecamhawngs n nan phayhlngidepn mioxrs thida 2 than idaek ecanxyxintays n nan ecanang n nan ecayxdfa n nan phayhlngidepn ecarachdny nkhremuxngnan esksmrskb ecanangsuphrrnwdi ethphwngs rachthidainecaphiriyethphwngs xngkhthi 26 mithida 2 than idaek ecanangsrxyfa n nan ecanangwilawly n nan ecanangsmuth n nan phrachayathi 2 aemecakhapliwrachethwi prasutiphrathida 4 phraxngkh thungaekkrrmiptngaeteyawwythnghmd impraktphranamphrachayathi 3 aemecacxmaefngrachethwi prasutiphraoxrs phrathida 3 phraxngkh dngni ecanangbwaewn n nan esksmrskb phraoxrsxngkhthi 1 inecaxnntwrvththiedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 62 kbaemecasukhnthaethwi phrachayathi 8 mioxrs thida 3 than idaek wathirxngxamatytri ecawryati ecakhngkhawal n nan ecanangmxydxkim n nan ecanangrsmi n nan ecanangaehw n nan ecakhruth n nan phrachayathi 4 aemecakhaekiywethwi prasutiphrathida 2 phraxngkh dngni ecanangekiyngkha n nan mioxrs thida 4 than idaek ecanangbwna n nan ecanangxmpha n nan ecanangxmra n nan ecanxyechlim n nan ecanangkhaxang n nan mioxrs thida 4 than idaek ecanangbwkhli n nan ecanxngsinghhl n nan ecanxysinghthxng n nan ecanangkhnkha n nan phrachayathi 5 aemecayxdhlaethwi prasutiphraoxrs phrathida 7 phraxngkh dngni ecanangethphmala n nan mithida 3 than idaek ecanangdwngdara n nan ecanangxmphr n nan ecanangsunntha n nan ecanangethpheksr n nan esksmrskb ecaxinthraeplng ethphwngs rachoxrsxngkhthi 7 inecaphiriyethphwngs xngkhthi 26 kbaemecabwihlrachethwi chayathi 2 mioxrs 2 than idaek ecaxinthrsr ethphwngs ecaxinthrthrngrsmi ethphwngs ecaxinthaesngsi n nan ecanangcnthwdi n nan ecanangsrisupha n nan ecanangdwngmala n nan ecanangpraphawdi n nan chayathi 6 hmxmsrikha chaya prasutiphraoxrs phrathida 5 phraxngkh dngni ecanangbwaekw n nan ecanangsriphrhma n nan phayhlngidepn hmxmsriphrhma kvdakr n xyuthya hmxminhmxmecasiththiphr kvdakr mioxrs 2 than idaek hmxmrachwngsephysri pradisthphngs hmxmrachwngsxnuphr kvdakr phraoxrs 3 phraxngkh thungaekkrrmiptngaeteyawwychayathi 7 hmxmbw chaya prasutiphraoxrs phrathida 7 phraxngkh dngni ecanangtxmaekw n nan ecaka n nan mioxrs thida 6 than idaek ecasmbrun n nan ecasxngemuxng n nan ecanangcnthr n nan ecanangcnthrhxm n nan ecaeksm n nan ecasnn n nan ecanangekiyrthxng n nan mioxrs 2 than idaek ecaxuthy n nan ecathnxn n nan phraoxrs phrathida thungaekkrrmaeteyawwy 4 phraxngkhphrakrniykicdankarthwaykhwamcngrkphkditxrachwngsckri phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan idekhaefathulxxngthuliphrabath phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw rchkalthi 5 rwmthngsin 12 khrng dngni khrngthi 1 inpi ph s 2416 khrngthiyngdarngtaaehnng ecasuriywngs nkhremuxngnan idkhumnangramadlngmathulekla thway n krungethph rwmrayaewlaipklb 4 eduxn khrngthi 2 inwnthi 17 mkrakhm ph s 2433 ecasuriywngswathiecarachwngs nkhremuxngnan idnaaesnthawphrayaemuxngechiyngaekhng sungmikhwamyindiaelayxmepnkhxbkhnthsimakhxngkrungethph aelwnn lngmathwayekhruxngrachbrrnakar n krungethph khrngthi 3 inwnthi 14 kumphaphnth ph s 2433 idekhaefarbphrarachthansyyabtreluxnbrrdaskdikhunepn ecarachwngs nkhremuxngnan khrngthi 4 inwnthi 21 kumphaphnth ph s 2437 idekhaefathwaytnimthxng tnimenginaelaekhruxngrachbrrnakar aelainkhrawnnkthrngphrakrunaoprdekla eluxnbrrdaskdikhunepn ecasuriyphngsphritedch ecankhremuxngnan khrngthi 5 inwnthi 8 emsayn ph s 2437 idekhaefarbphrarachthanekhruxngprakxbxisriyys echn phanhmakthxngkha krabibngthxngkha malakamahyiekiywyxdxngkha spthn l khrngthi 6 inwnthi 7 thnwakhm ph s 2440 idekhaefathwaytnimthxng tnimenginaelaekhruxngrachbrrnakar khrngthi 7 inwnthi 24 thnwakhm ph s 2440 idekhaefathulphrakhwy phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw aela smedcphranangecaesawphaphxngsri phrabrmrachininath khrngthi 8 inwnthi 20 tulakhm ph s 2444 idekhaefa rbphrarachthanekhruxngrachxisriyaphrn thutiyculcxmeklawiess n emuxngphiichy khrngthi 9 inwnthi 29 tulakhm ph s 2446 idekhaefa thwaytnimthxng tnimenginaelaekhruxngrachbrrnakar khrngthi 10 inwnthi 16 phvscikayn ph s 2446 idekhaefa rbphrarachthanekhruxngrachxisriyaphrn pthmculcxmekla khrngthi 11 inwnthi 18 phvscikayn ph s 2446 idekhaefarbphrarachthanekhruxngysaelaeluxnthanndrskdi thrngphrakrunaoprdekla eluxnthanndrskdikhunepn phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan khrngthi 12 inwnthi 27 phvscikayn ph s 2446 ewlabay 5 omngess idekhaefa krabthwaybngkhmla klbnkhremuxngnan thwayekhruxngrachbrrnakar wnthi 7 thnwakhm ph s 2440 ecasuriyphngsphritedch ecankhremuxngnan phrxmdwyecanaybutrhlanaesnthawphraya prakxbdwy ecarachbutr rtneruxngrngsi ecarachbutrnkhremuxngnan ecarachsmphnthwngs bwlxng ecarachsmphnthwngsnkhremuxngnan ecarachphakhiny mhawngs ecarachphakhinynkhremuxngnan naynxywngs phrayaethphesna phrayaxintpyya thawaesnnayiphr 120 khn rwmemuxngnkhrnan 127 khn ekhaefathullxxngthuliphrabath thwaytnimengintnimthxngaelaekhruxngrachbrrnakar dngni tnimthxng 1 tn sung 3 sxk 16 niw 9 chn mikan 27 kan dxk 83 dxk ib 81 ib thxngkhahnk 30 bath 2 slung tnimengin 1 tn sungtamikandxkibethatnimthxng enginhnk 34 bath 1 slung ekhruxngrachbrrnakarkhxnghlwng nrmat 1 yxd hnk 2 chng khiphunghnk 2 hab phakhaw 100 ephla cdphithithulphrakhwy wnthi 24 thnwakhm ph s 2440 ewlabay 4 omngkhrung phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwaelasmedcphranangecaesawphaphxngsri phrabrmrachininath esdcxxkthimukhedcphrathinng ckrimhaprasath phrabrmwngsanuwngsaelakhathullaxxngthuliphrabathefathullaxxngthuliphrabathphrxmkn aelaoprdekla ihecaphukhrxngnkhrecabutrhlanhwemuxngpraethsrachfayehnuxekhaefathullaxxngthuliphrabath cdphithithulphrakhwytamthrrmeniymlanna aelwphrarachthanphrabrmrachanuyatih ecasuriyphngsphritedch ecankhremuxngnan ecaxuprachphurksarachkaremuxngnkhrlapang ecaxuprachphurksarachkaremuxngnkhrlaphun ecarachwngsemuxngnkhrechiyngihm aelaphrayaphiriywiichy ecaemuxngaephr thwaydayphrakhwyphukkhxphrahtth tampraephnilawesrcaelw phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw miphrarachdarsaesdngkhwamkhxbic ecanayaelaesnthawphrayalaw tamsmkhwr danbanemuxng emuxpi ph s 2447 phraecasuriyphngsphritedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 63 oprdihsrangxxffisiprsniyothrelkhpracacnghwdnkhrnanhnunghlng thadwyimskruppnhyaminamukhhnungdan aelsuxthidinthitngxxffisrwm 2 rayepnengin 1 600 bath emuxpi ph s 2458 phraecasuriyphngsphritedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 63 idsrangsaphankhunthiemuxngnkhrnan 1 saphan ephuxthwayepnphrarachkuslxuthisaedphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw inkarniphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwthrngphrakrunaoprdeklaphrarachthanchuxsaphanthng 4 saphan dngni saphankhamlanasa phrarachthannamwa nnthsarawdi saphankhamlahwyeyn phrarachthannamwa nnthkhitaly saphankhamlahwyiph phrarachthannamwa nththiwnuwt saphankhamlahwyaekw phrarachthannamwa nnthrtnarm dnghnngsuxaecngkhwamkrathrwngkhmnakhm phaenkkrmthang rabuiwdngni sakdtamtnchbb aecngkhwamkrathrwngkhmnakhm phaenkkrmthang dwykrathrwngmhadithyidmihnngsuxthi 70 9411 lngwnthi 21 kumphaphnthph s 2458 nasngtnibbxkkhxngekhasnamhlwngnkhrnanmayngkrathrwngkhmnakhmkhwamwa caedimaetphrabathsmedcphraprminthrmhaculalngkrn phraculcxmeklaecaxyuhw phrapiymharachidesdcswrrkhtaelw ecanaykharachkartlxdcnsmnaxanapracharasdrinnkhrnan xakaresraoskoskalyrphkthungphramhakrunathikhunthiidoprdekla idrbkhwamrmeynepnsukhesmxhna aelkhanungthungkarthicasaaedngkhwamcngrkphkdiihprakt ephuxepnkarsnxngphraedchphrakhun cungmhaxamatyexk phraecasuriyphngsphritedch phraecaphukhrxngnkhr 1 xamatyexk ecaxuprach esnamhadithy 1 kbxamatyexk phrayaramrachedch pldmnthlpracankhr 1 idepnhwnakhidsrangsaphanxnepnthawrwtthuaelsatharnpraoychnkhun aelidchwyknxxkthunthrphyphrxmkbkharachkaraelaprachachnchawnkhrnandwykhwamsrththa idenginrwmthngsinepncanwn 10 200 bath 62 stangkh cangehmachangthichanaythasphandwyimaedng imtaekhiyn imetng imrng tamaebbkhxngkhmnakhm khamlahwyaellanatang thixyuinthnnsaycaknkhrnanphanxaephxemuxngsa xaephxsirsaeksaeykipxaephxthaplakbcnghwdaephr sungepnthnnsakhymimhachnipmamiidkhadkhun 4 saphan khux 1 sphankhamlanasa mikhnadkwang 2 wa yaw 36 wa thaepnrupokhngmiimyudyn miekhuxnaelpikkathadwyimkrayaely sahrbknimkhxnskthiihltamsayna 2 sphankhamlahwyeyn mikhnadkwang 2 wa yaw 8 wa 3 sphankhamlahwyiph mikhnadkwang 2 wa yaw 5 wa 4 sphankhamlahwyaekw mikhnadkwang 2 wa yaw 5 wa sphanthng 3 nithaepnrupthrrmda idcdthaepnkaraelwesrcthng 4 sphan aetemuxeduxnminakhm phuththskrach 2457 nnaelw khrnemuxwnthi 25 phvsphakhm phuththskrach 2458 idkrathaphithichlxng khux idplukprapradisthanphrabrmrupphrabathsmedcphraphuththecahlwngkbphrabathsmedcphraecaxyuhwrchkalptyubn pradbpradadwyekhruxngskkarabucha xarathnaphrasngkhecriyphraphuththmntrungkhunechaidthwayxaharbinthbatkbekhruxngithythan aelwxamatyexk ecaxuprach esnamhadithy idxankhaxuthiskhxphrarachthanthwayphrarachkuslinkarthiidsrangsaphanniaedphrabathsmedcphraphuththecahlwngphrapiymharach kbphrabathsmedcphraecaxyuhwrchkalptyubnni nbwaepnkarepidsaphanihmhachn stwphahna yanphahna ichepnthangsycrkhamipmaidsdwkaelw brrdaphumicitrsrththabricakhthrphytambaychithayaecngkhwam mikhwamyindikhxphrarachthanthwayphrarachkuslaelakhxrbphrarachthannamsphanthng 4 ephuxepnkhwamswsdiaekphuthisycripmanndwy krathrwngkhmnakhmidnakhwamkrabbngkhmthulphrakrunathrabfalaxxngthuliphrabath thrngxnuomthnainswnkuslthienuxngmacakkarsatharnpraoychnnidwyaelw aelathrngphrakrunaoprdekla phrarachthannamsphanthng 4 nnwa 1 sphankhamlanasa phrarachthannamwa nnthsarawdi 2 sphankhamlahwyeyn phrarachthannamwa nnthkhitaly 3 sphankhamlahwyiph phrarachthannamwa nththiwnuwt 4 sphankhamlahwyaekw phrarachthannamwa nnthrtnarm aecngkhwamma n wnthi 14 mithunayn phuththskrach 2459 dankarpkkhrxng ph s 2443 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan prakaselikthas dngprakdkhxkhwamdngni swnthasechlynnthungcaepnsmbtikhxngecaphukhrxngnkhrthnghlayxyubangkdi bdniidthrngphrakrunaoprdeklaphrarachthanphlpraoychnihkbecaphukhrxngnkhrephiyngphxaelw ephraachnnecaphukhrxngnkhraelphyathawaesnemuxngnan cungphrxmknldkhatwthasechlythngpwngthimixayukwa 10 pi tngaetwnthi 16 thnwakhm rtnoksinthrsk 116 txipepnkhatwkhnla 20 rupi swnbutrthasechlythngpwngsungekidphayhlngwnthi 16 thnwakhm rtnoksinthrsk 116 subip khxykihepnithyphncakkarepnthasechlysubipchwbutrhlan phraecasuriyphngsphritedch phraecankhrnan prakaselikthasinnkhrnanthngpwng snxngphrarachbychainphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw phrapiymharach rchkalthi 5 kwadtxnaelachkchwnihchumchnithluxinemuxngtang khxngsibsxngpnna ihekhamatngthinthanrkrakxyuincnghwdnan ykelikxanacothspraharthangxaya cdwangphngemuxng khyaythnnihkwangkhwang sadwkaekkarsycripma emuxpi ph s 2440 phraecasuriyphngsphritedch oprdihsrang kxngeruxncaemuxngnkhrnankhun dngpraktkhxkhwamdngni karthithrngphrakrunaoprdeklaihtngsaltangpraethskhunthinkhremuxngnannn ecankhremuxngnan phraecasuriyphngsphritedch mikhwamyindiepnxnmak ecankhremuxngnanidcdtngthisahrbkhngnkothsinthiwakarsaltangpraeths 1 hlng khxphrarachthanthuleklathwayiwsahrbrachkarsubip aelkhxihecanaybutrhlanmafukhdinsaltangpraethsdwy dankarthhar thrngthanubarungkickarthhar odykarrwbrwmkalngphlekhasngkdmulnay fukkalngphlkarrb cdtngyungchang sasmesbiyngxahar krasundinda odyemuxpi ph s 2430 phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwoprdekla ihecaphrayasurskdimntriykthphipprabhxthiemuxnghlwngphrabang sungphraecasuriyphngsphritedchemuxkhrngdarngtaaehnngthiecarachwngsnkhrnan idthrngnakalngipsmthbkbthphhlwng khrnpi ph s 2445 ekidkhbthengiywthiemuxngaephr odyphwkkhbthcaykthphmayudnkhrnan phraecasuriyphngsphritedch idthrngykkalngthharipkhdtathphtxsukbkhbthengiyw aelaidrwmkbkxngthphhlwngtamticnidrbchychnadankarsuksa wnthi 20 phvsphakhm ph s 2450 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan thrngslathunthrphyswnphraxngkhcdtngorngeriynsxnhnngsuxphasaithyepnaehngaerkinnkhrnan txmainwnthi 13 tulakhm ph s 2456 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw rchkalthi 6 thrngphrarachthannamwa orngeriynsuriyanuekhraah pthmkhxngorngeriynsriswsdiwithyakharinpccubn mi cinsang cinxiw epnsla 1 hlng thadwyimtaekhiyn ruppnhya mihnamukh phunkradan fakradan hlngkhamungkraebuxngimymknepnhxng hxng 6 hxng odyyaw 9 wa 2 sxk kwang 6 wa miephilyxxkhnung danyawtamorngeriynthasikhaw orngeriynnitthiwdhlwngklangewiyng wdphrathatuchangkhawrwihar sinengin 6 100 bathdansasna ph s 2449 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan oprdihsrangphrawihar wddxythatuekhanxy hrux wdphrathatuekhanxy inpccubn 1 hlng 6 hxng hxngihnkwang 5 sxk yaw 8 wa 2 sxk mihnamukhxxk 3 dan kxthanphraprathaniwklangphrawihar phrawiharekhruxngimskkxxithobkpunhlngkhamungkraebuxng imskprakbaekwaelpidthxngthadwyngdngam phrasmuhxin wdhwkhwng epnsla sinengin 4 839 bath ph s 2450 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan oprdihsrangphrawiharphraphuththisyasnthiwdaechaehng hrux wdphrathatuaechaehng phraxaramhlwng inpccubn 1 hlng yaw 10 wa 2 sxk 10 niw kwang 4 wa 2 sxk 10 niw aelsxmaesmthanphraphuththisyasnphrawiharkxxiththuxpunmungkraebuxngimymephdanlngrkpidthxng aelkxkaaephngaekwrxbphrawihar 4 dan yawdanla 18 wa 2 sxk 10 niw hmxngcapin chatiphma epnsla sinengin 4 000 bath ph s 2451 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan oprdihsrangkudithway phrakhrunnthsmnacary ecakhnacnghwd 1 hlng 8 hxng yaw 9 wakb 2 sxk kwang 6 wa phunkradanfakradanimtaekhiyn aelimskbang hlngkhamungkraebuxngimskaelimym miephilyyawtamkudi 1 dan minamukhxxk 1 khang aelmiephdantlxd knfaepnhxng 8 hxng sungtngaetphundinthungphun 4 sxk tngaetphunthungkhux 8 sxk tngaetkhuxthungxkik 10 sxk thaepnruppnhya sinengin 2 500 bath ph s 2451 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan oprdihsrangphraecdiyaechaehngnxy 1 hlng aelaidxyechiyphrabrmsaririkthatukhxngphraphuththxngkhekhapradisthaninoksththadwythxngkha aelwexapracuoksthaekw aelwexaekhabrrcuinhibkapnihy aelmidxkimthxngkhathaepnphwng miekhruxngskkarbuchahlayxyanghlayprakar brrcuinkapn aelwexaekhabrrcuiwinphraecdiydngni dngaecngincavknnaelw karkxsrangsinengin 4 406 bath 92 stangkh ph s 2452 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan oprdihsrangphraecdiyinbriewnphrawiharphraphuththisyasn wdphrathatuaechaehng 1 hlng thaepnrupphraprangkh aelkxhlubphraecdiysungcharudxyu sinengin 1 300 bath ph s 2453 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan oprdihsranghxphraitrpidk inbriewnwdphrathatuchangkhawrwihar 1 hlng 8 hxng yaw 16 wa 1 sxk kwang 5 wa 2 sxk sungtngaetdinthungxkik 13 wa hlngkhathaepnsd kxxiththasi ekhruxngbnimsk mungkraebuxngimsk thaxyangaennhna miephdannacw 2 khang aelephdanthaepnlwdlaytang lngrkpidthxng aelpradbdwyaekwsitang phrasmuhxinthr ecaxawaswdhwkhwng kbcinxiw cinsang epnsla sinengin 12 558 bathhxitrhlngnimikhwamphiesstrngbriewnrwngphung thaepnrupphrakhruthphahxnepntraaephndinkhxngsyam ehnuxkhruthmixksryxphasaithyinkrxbsiehliymkhxkhwamwa ph c n ph r ch k s th ph ph th c la aeplkhwamidwa phraecananphrarachkuslthwayphraphuththecahlwng hxitraehngnisrangkhuninpiediywkbkarswrrkhtkhxngphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw sathxnihehnthungkhwamsmphnththidi tlxdcnthungkhwamcngrkphkdirahwangnkhrnankbxanackrsyamphanngansilpkrrm sungphuechiywchaydanphasaihkhwamehnwaimidmikarichxyangsmaesmx ekhaicwabangthixacepnephraatxngkarprahydenuxthihruxthicaekhiynimphx dngnnkarichtwyxthihxitrwdphrathatuchangkhawrwiharaehngnikkhngekidcakehtuphlniechnkn ph s 2453 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan oprdihsrangphraxuobsthwdphrathatuaechaehng phraxaramhlwng 1 hlng ekhruxngbnimsk hlngkhamungkraebuxngimsk kxxiththuxpun cineluxd epnsla khanginmiephdanlngrkpidthxng aelptisngkhrnphraphuththptimakrinphraxuobsthnnxik 3 xngkh lngrkpidthxngihm sinengin 4 000 bath ph s 2455 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan oprdihsrangphraecdiyhlngphraxuobsthaechaehngnxy 1 hlng kxxiththuxpun sinengin 800 bath ph s 2455 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan oprdihsrangphrawiharwdswnhxm tablhwewiyng 1 hlng kxxiththuxpun miephdanlngrkpidthxng nxytha epnsla sinengin 4 600 bath ph s 2455 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan oprdihptisngkhrnphrawiharihywdphrathatuchangkhawrwihar 1 hlng epliynekhruxngbnimsk aeltxnamukhxxk 1 hxng rwmepn 8 hxng thatamrupedim epnaetnamukhaelepliynekhruxngbn hlngkhamungkraebuxngdin pradbtkaetngesainphrawihar aelephdanknnacwthng 2 khang thaepnlwdlaylngrkpidthxng aelpradbaekwsitang kbsxmaesmthanphraprathanaelthrrmasn lngrkpidthxng kbpidthxngphraprathaninphrawiharni aelmikarthabuychlxngepnkarihyotkhrukkhrunmak sinengin 12 419 bath 85 stangkh phrasmuhxinthr wdhwkhwng epnsla ph s 2457 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan oprdihsrangkudiwdphrathatuaechaehng phraxaramhlwng 2 hlng esakxxiththuxpunekhruxngimkrayaely hlngkhamungkraebuxngdin hnankn epnsla sinengin 332 bath 50 stangkh ph s 2457 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan oprdihsxmaesmhwphyanakhthangkhunwdphrathatuaechaehng phraxaramhlwng sungaetkhklngthngsxnghw sinengin 300 bath hnankn nxytha epnsla ph s 2457 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan oprdihsrangsranathiwdphrathatuaechaehng phraxaramhlwng hwthnnthicakhunipphrathatuaechaehng 1 sra kwang 12 wa 4 dan danetha kn kxxiththuxpun ephuxihstwidxaisryna sinengin 300 bath ph s 2461 phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan oprdihsrangphraecdiyihyinwdswntal ewlaniyngimsaerc kxsaercipaelw yngaetthasthayaelobkpunethann phraecasuriyphngsphritedch idesdcthungaekphirailyesiykxn phraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan thrngslathunthrphyswnphraxngkh burnptisngkhrnwdaelabuchniywtthuepnxnmak aelaepnxngkhprathaninkarcdsrangkhmphiriblan carukphrathrrmkhasngsxniwepncanwnmak oprdihsranghxphraitrpitkhlngihythiwdphrathatuchangkhawrwihar burnawdphrabrmthatuaechaehng epntnehtukarnsakhyinemuxngnkhrnanehtukarnprawtisastrthisakhykhxngemuxngnkhrnan inyukhsmythiphraecasuriyphngsphritedch thrngepnecaphukhrxngnkhrnan ph s 2436 ph s 2461 miehtukarnprawtisastrthisakhy dngni 1 nkhrnan esiydinaednfngkhwaaemnaokhng praethsithyesiydinaedn khrngthi 11 inpi ph s 2446 emuxngnkhrnan idesiydinaednfngkhwakhxngaemnaokhng praethsithyesiydinaedn khrngthi 11 rwmphunthi 25 500 tr km prakxbdwy emuxngkhxb aela sungpccubnkhuxphunthi aekhwngichyburithnghmd rwmthungphunthibangswninaekhwnghlwngnatha aekhwngbxaekw aelaaekhwnghlwngphrabang spp law ihkbckrwrrdifrngess karesiydinaednfngkhwakhxngaemnaokhnginxanaekhtemuxngnkhrnan ihkbckrwrrdifrngess emuxpi ph s 2446 odyinxditphunthibriewnfngkhwakhxngaemnaokhngepnekhtxiththiphlkhxnglanna sungthuxknmatngaetobranwaepnekhtaednlannacrdkbaemnaokhngodymiaemnaokhngepnphrmaednthrrmchatiknxanackrlannakbxanackrlanchang law hlkkarkhangtnyngptibtisubmathungtnphuththstwrrsthi 25 ephraamihlkthanklawthung hrux emuxngkudsawdi thitngxyurimfngkhwakhxngaemnaokhngaelaxyuphayitkarpkkhrxngkhxngemuxngnkhrnan emuxpi ph s 2415 khninbngkhbkhxngxngkvsedinthangekhamakhakhaythiemuxngengin thukkhnraykhatay aelwehtukarninkhrngnn ecahlwngemuxngnkhrnan epnphuchdichkhaesiyhaythnghmdihkbkhninbngkhbkhxngxngkvs hwemuxngchayaednfngkhwakhxngaemnaokhngthiepnemuxngkhunkbemuxngnkhrnan prakxbdwy emuxngkudsawdi emuxngkhxb aelaemuxnghlwngphukha aemwathng 5 emuxngnicaepnemuxngchaykhxbkhxngemuxngnkhrnan aetecaphukhrxngnkhrnan kduaelexaicisxyangiklchid xyangirktamemuxckrwrrdiniymmikhwamtxngkardinaedninswnnikekhaaethrkaesngdwykalngthiehnuxkwa cnkrathngidipinthisud saehtukhxngkaresiydinaednfngkhwakhxngaemnaokhngihaekckrwrrdifrngess inpi ph s 2446 nnsubenuxngmacakpyha 2 prakar khux prakarthi 1 phlkhxngkartikhwaminsnthisyyathilngnamemuxwnthi 3 tulakhm ph s 2436 sungmikhxkhwamekiywkbdinaednfngkhwakhxngaemnaokhnginekhtphunthi 25 kiolemtr prakarthi 2 subenuxngmacakpyhakaraeyngchingbxeklux sungmixyuepncanwnmak odyechphaainbriewntnaemnanan emuxngthimibxekluxcanwnmak idaek emuxngengin emuxngkudsawdi cungekidpyhaotethiyngknbxythisud aelaepnemuxngthixyuinekhtphunthi 25 kiolemtr thangfngkhwakhxngaemnaokhng odytngxyurimaemnaenginsungihllngsuaemnaokhng prakxbkbepnemuxngthimiphuchphnthuthyyaharxudmsmburn rasdrswnihymiechuxsayithlux singtang dngklawepnsingywyuihfrngesskhidekhakhrxbkhrxngphunthibriewnswnnimakkhun aetxyangirktamrasdrswnihyinemuxngenginmikhwamcngrkphkditx ecaphukhrxngnkhrnan epnxyangmak cungepnxupsrrkhtxkarekliyklxmkhxngfrngessimnxy nxkcakemuxngenginsungepnpyhasakhyinekhtphunthi 25 kiolemtraelw yngmiemuxngkhxb emuxngechiynglm aelaemuxngechiynghxn lwntxngprasbpyhakarekhaaethrkaesngkhxngfrngessthngsinehtuphlthiithytxngyxmsuyesiydinaedndngklawihaekfrngessinkhrngnn ephraaithytxngkaryutipyhakaraeyngchingemuxngengin rahwangemuxngnkhrnan kbemuxnghlwngphrabang sungthngsxngemuxngidekhamaaeyngknpkkhrxnginphunthicnekidkarwiwaththkethiyngknesmx odythukkhrngsyamtxngphyayamxdklnimichkalngottxbtlxdma ephraaimprarthnapracyhnakbfrngess phuthisnbsnunkarkrathakhxngemuxnghlwngphrabang channephuxyutipyhathiyudeyuxsyamcungtxngyxmykemuxngenginaelaemuxngxun inekht 25 kiolemtr phunthi 25 500 tr km ihaekckrwrrdifrngetamthitxngkar sungepnphlihkarkhukkhamkhxngckrwrrdifrngessinhwemuxngmnthlphayph danthistawnxxk yutilngdwy cungthaihfaysyamehnoxkasthicaphnwkhwemuxngpraethsrachlannaekhaepnswnhnungkhxngxanackrsyam cungcdkarptirupkarpkkhrxngphayinmnthlphayphthnghmdinpi ph s 2458 nxkcaknnkarsuyesiydinaedndngklaw ephuxaelkkbkaryudkhrxngemuxngcnthburithickrwrrdifrngessyudexaiwepnpraknsungepnemuxngithyaethkwaemuxngpraethsrach 2 cdtngmnthlethsaphibal inpi ph s 2437 cakkarthihwemuxngpraethsrachlanna 5 hwemuxng thukckrwrrdixngkvsaelackrwrrdifrngesskhnaboxblxmthng 2 dan phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw cungthrngphrakrunaoprdekla ihrwm 5 hwemuxngpraethsrachlanna sungprakxbdwy emuxngnkhrechiyngihm emuxngnkhrlapang emuxngnkhrnan emuxngnkhrlaphun aelaemuxngnkhraephr cdtngepnmnthllawechiyng inpi ph s 2458 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw thrngphrakrunaoprdekla ihaeyk emuxngnkhrlapang emuxngnkhrnan aelaemuxngnkhraephr cdtngepnmnthlmharasdr tngsankkhahlwngihymnthlthiemuxngnkhraephr inpi ph s 2469 phrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw thrngphrakrunaoprdekla ihyubmnthlmharasdr aelwihmarwmkbmnthlphayphtamedimrbrachkarphiessphraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan thrngrbrachkarsnxngphraedchphrakhun inwaraoxkastang dngni emuxpi ph s 2395 idepnhwhnasrangphlbphlaprathbaermthitablnarin thxngthixaephxemuxngnan cnghwdnkhremuxngnan rwmewlathacnesrc 1 eduxn aelwlngiprbesdc phraecabrmwngsethx krmhlwngwngsathirachsnith thixaephxthaxith emuxngphiichy thiesdckhunmaemuxngnkhrnan khrawesdciprachkarthphemuxngechiyngtung rwmrayaewla 10 wn emuxpi ph s 2396 idtamesdcphraecabrmwngsethx krmhlwngwngsathirachsnith iprachkarthphemuxngechiyngtung rwmrayaewla 7 eduxness emuxpi ph s 2398 idnatwphrayahlwngbngkhm phrayaemuxngechiyngrung ekhaefathullaxxngthuliphrabath phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw phramhakstriyithy rchkalthi 4 n krungethph rwmrayaewla 4 eduxness emuxpi ph s 2399 idykthphemuxngnankhunipkwadtxnkhrxbkhrw chawithlux emuxngphng ekhtsibsxngpnna sunginewlannxyuinkarbngkhbkhxnghx ihekhamaxyuinekhtkhxngemuxngnkhrnan khrawnnidkhrxbkhrwchawithlux praman 1 000 khn aelathrngoprdihtngphumilaenaxyuthiemuxngechiyngmwn aelaemuxngechiyngkha pccubnxyuinekhtcnghwdphaeya rwmrayaewla 5 eduxn emuxpi ph s 2406 idkhumnangrmadlngmathulekla thway phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw phramhakstriyithy rchkalthi 4 n krungethph rwmrayaewla 4 eduxn emuxpi ph s 2411 idkhumchangphlaysipladlngmathulekla thway phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw phramhakstriyithy rchkalthi 4 n krungethph rwmrayaewla 4 eduxn emuxpi ph s 2416 idkhumnangrmadlngmathulekla thway phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw phramhakstriyithy rchkalthi 5 n krungethph rwmrayaewla 4 eduxn emuxpi ph s 2430 thrngphrakrunaoprdekla ihipcdrwbrwmesbiyngxaharthi emuxngechiyngkha sngkxngthphkhxng nayphloth ecaphrayasurskdimntri emuxkhrngepn thrngepnaemthph nakxngthphsyamkhunmaprabhxthiemuxnghlwngphrabang aelaidekharwmipinkxngthphdwy rwmrayaewlathicdkarlaeliyngsngesbiyngxahar 4 eduxnrachoxrs rachthida phraecasuriyphngsphritedch phraecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 63 miphrachaya 7 xngkh aelaphraoxrsphrathida rwmthngsin 41 phraxngkh xyuinrachskul n nan saythi 1 mirayphranamtamladb dngni phrachayathi 1 aemecayxdhlaxrrkhrachethwi prasutiphraoxrs phrathida 13 phraxngkh dngni ecakhabu n nan ecakhaekhruxng n nan phayhlngidepn esksmrskbecanangphukha n nan mioxrs thida hnunginnnkhux aemecasriospha xkhrchayainecamhaphrhmsurthada ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 64 ecanxyys n nan phayhlngidepn ecanangxmra n nan ecabuyrtn n nan phayhlngidepn ecabriys n nan ecanangbwekhiyw n nan esksmrskb phraoxrsxngkhthi 1 inecaxnntwrvththiedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 62 kbaemecaparikaethwi phrachayathi 7 ecasuththisar n nan phayhlngidepn ecarachwngs nkhremuxngnan esksmrskb ecanangbwekhiyw n nan phrathidaxngkhthi 2 inecamhaphrhmsurthada ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 64 kbaemecasriospha xkhrchaya chayathi 1 ecacnthwngs n nan phayhlngidepn ecabuyrngsi n nan phayhlngidepn ecamhawngs n nan phayhlngidepn ecayxdfa n nan phayhlngidepn ecarachdny nkhremuxngnan esksmrskb ecanangsuphrrnwdi ethphwngs rachthidainecaphiriyethphwngs xngkhthi 26 ecanangsmuth n nan phrachayathi 2 aemecakhapliwrachethwi prasutiphrathida 4 phraxngkh thungaekkrrmiptngaeteyawwythnghmd impraktphranamphrachayathi 3 aemecacxmaefngrachethwi prasutiphraoxrs phrathida 3 phraxngkh dngni ecanangbwaewn n nan esksmrskb phraoxrsxngkhthi 1 inecaxnntwrvththiedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 62 kbaemecasukhnthaethwi phrachayathi 8 ecanangaehw n nan ecakhruth n nan phrachayathi 4 aemecakhaekiywethwi prasutiphrathida 2 phraxngkh dngni ecanangekiyngkha n nan ecanangkhaxang n nan phrachayathi 5 aemecayxdhlaethwi prasutiphraoxrs phrathida 7 phraxngkh dngni ecanangethphmala n nan ecanangethpheksr n nan esksmrskb ecaxinthraeplng ethphwngs rachoxrsxngkhthi 7 inecaphiriyethphwngs xngkhthi 26 kbaemecabwihlrachethwi chayathi 2 ecaxinthaesngsi n nan ecanangcnthwdi n nan ecanangsrisupha n nan ecanangdwngmala n nan ecanangpraphawdi n nan chayathi 6 hmxmsrikha chaya prasutiphraoxrs phrathida 5 phraxngkh dngni ecanangbwaekw n nan ecanangsriphrhma n nan phayhlngidepn hmxmsriphrhma kvdakr n xyuthya hmxminhmxmecasiththiphr kvdakr phraoxrs 3 phraxngkh thungaekkrrmiptngaeteyawwychayathi 7 hmxmbw chaya prasutiphraoxrs phrathida 7 phraxngkh dngni ecanangtxmaekw n nan ecaka n nan ecanangekiyrthxng n nan thungaekkrrmaeteyawwy 4 phraxngkhekhruxngrachxisriyaphrn phraecasuriyphngsphritedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 63 thrngidrbphrarachthanekhruxngrachxisriyaphrntang dngni ul ul ul ul ul ul section ehriyyrachxisriyaphrn phraecasuriyphngsphritedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 63 thrngidrbphrarachthanehriyyrachxisriyaphrntang dngni ph s 2436 ehriyyckrphrrdimala r c ph ph s 2436 ehriyyrchdaphieskmala r s ph s 2440 ehriyypraphasmala r p m ph s 2446 ehriyythwithaphiesk th s ph s 2450 ehriyyrchmngkhl r r m ph s 2451 ehriyyrchmngkhlaphiesk r m s sthanthixnenuxngmacakphranamorngeriynsriswsdiwithyakhar cnghwdnan edimmichuxwa orngeriynsuriyanuekhraah dwykhwamxupthmphkhxng phraecasuriyphngsphritedch phraecaphukhrxngnkhrnan orngphyabalkhaysuriyphngs khaysuriyphngs hruxrachtrakulphngsawlikhxngphraecasuriyphngsphritedch 16 ecaichyracha 8 ecasuththa 17 ecanangethph 4 ecafahlwngxtthwrpyoy 9 ecanangkrrnika 2 ecaxnntwrvththiedch 10 ecafaaewn ecafaemuxngechiyngaekhng 5 aemecakhnaekwethwi chayathi 4 11 aemecaemuxngechiyngaekhng 1 phraecasuriyphngsphritedch 3 aemecasunnthaxkhrrachethwi chayathi 1 xangxingnamskulkhnithy tnskul tnwngs tnrachskul rachwngspkrn phngsawdaremuxngnan chbbphraecasuriyphngsphritedch hna 10 rabukhxmulthangbrrnanukrmimkhrb rachwngspkrn phngsawdaremuxngnan chbbphraecasuriyphngsphritedch hna 10 rachkiccanuebksa esdcxxkaekhkemuxngpraethsrach emuxwnthi 4 minakhm ph s 2436 rachkiccanuebksa kartngphraecankhremuxngnan emuxwnthi 29 phvscikayn ph s 2446 rachkiccanuebksa phrabrmrachoxngkarprakastngphraecankhremuxngnan emuxwnthi 29 phvscikayn ph s 2446 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2007 12 25 subkhnemux 2007 11 20 rachkiccanuebksa prakasphrabrmrachoxngkar phrarachthanysaekkharachkarkrathrwngmhadithy emuxwnthi 20 singhakhm ph s 2454 ekhruxngprakxbphraxisriyyskhrngthiidrbsthapnakhunepn ecankhremuxngnan emuxwnthi 21 kumphaphnth ph s 2347 elm 10 txnthi 49 hna 523 525 ekhruxngprakxbphraxisriyyskhrngthiidrbsthapnakhunepn phraecankhremuxngnan emuxwnthi 28 phvscikayn ph s 2446 elm 20 txnthi 35 hna 609 610 rachkiccanuebksa khawphilaily emuxwnthi 14 emsayn ph s 2461 rachkiccanuebksa phrarachthanephlingsph wnthi 22 kumphaphnth ph s 2461 elm 35 hna 3271 rachkiccanuebksa esdcxxkaekhkemuxnglawpraethsrach emuxwnthi 1 mkrakhm ph s 2440 sibsxngpnna dinaednbrrphburuskhnithy hrux lingkesiy karichxksryxinsmyphraecasuriyphngsphritedch phraecanan phrayasurskdimntri ecim eesngchuot echiytrakhunipphrarachthan emuxwnthi 12 singhakhm ph s 2431 rachkicanuebksa esdcxxkaekhkemuxngpraethsrach emuxwnthi 4 minakhm ph s 2436 rachkiccanuebksa phrarachthanekhruxngrachxisriyaphrnaelaehriyydusdimala emuxwnthi 8 mkrakhm ph s 2440 2018 02 10 thi ewyaebkaemchchin rachkiccanuebksa phrarachthanekhruxngrachxisriyaphrn emuxwnthi 25 tulakhm ph s 2444 rachkiccanuebksa phrarachthanekhruxngrachxisriyaphrn emuxwnthi 23 tulakhm ph s 2444aehlngkhxmulxunrayphranamecaphukhrxngnkhrnanwikisxrsmingantnchbbsungepnphlngankhxnghruxekiywkhxngkb phraecasuriyphngsphritedch kxnhna phraecasuriyphngsphritedch thdipecaxnntwrvththiedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 63 aelaxngkhthi 13 aehngrachwngstinmhawngs ph s 2436 ph s 2461 ecamhaphrhmsurthada