เจ้านายฝ่ายเหนือ หมายถึง เจ้านายผู้สืบเชื้อสายในราชวงศ์ที่เคยปกครองอาณาจักรหัวเมืองเหนือ ซึ่งเข้ามาสวามิภักดิ์เป็นประเทศราชของกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี ได้แก่ เจ้านายในราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ที่ปกครองนครเชียงใหม่ นครลำปาง และนครลำพูน ราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ที่ปกครองนครน่าน และ ราชวงศ์แสนซ้ายที่ปกครองนครแพร่
ในอดีตเจ้าผู้ครองนครต่างๆ มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการปกครองดินแดนของตน แต่มีหน้าที่ต้องส่งต้นไม้เงินต้นไม้ทองและเครื่องราชบรรณาการ ถวายราชสำนักสยามเพื่อแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น อย่างไรก็ตามราชสำนักสยามได้เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในราชสำนักประเทศราชหลายครั้ง จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงยกเลิกการปกครองแบบประเทศราชเพื่อรวมศูนย์อำนาจการปกครองไว้ที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะ ตำแหน่งเจ้าประเทศราชก็ให้สิ้นสุดเมื่อเจ้าผู้ครองนครนั้นถึงแก่พิราลัย
ปัจจุบันเจ้านายฝ่ายเหนือในทิพย์จักราธิวงศ์ยังคงมีการสืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่น โดยคำว่า "เจ้า" เป็นเพียงการยกย่องอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มคนภาคเหนือเพื่อเป็นการให้เกียรติตามธรรมเนียมล้านนาเท่านั้น ไม่ใช่คำนำหน้าชื่ออย่างเป็นทางการตามกฎหมายเหมือนสมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง ยกเว้นราชบุตรของพันเอก พระเพชรคีรีศรีราชสงคราม (เจ้าแก้วเมืองไท ณ ลำปาง ท.จ.ทุติยจุลจอมเกล้าฝ่ายหน้า) ครอบครัวผู้สืบสกุลพระเจ้าประเทศราชนครลำปางพระราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ในบัตรประชาชนจะมีคำนำหน้าชื่อว่า"เจ้า"เช่น เจ้าศรีรัตน์ ณ ลำปาง ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เจ้านายฝ่ายเหนือปัจจุบันยังมีการรวมกลุ่มดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อปี พ.ศ. 2501 ในนาม มูลนิธินวราชดำริอนุรักษ์ฝ่ายเหนือ
ฐานันดรศักดิ์
บทบาท
มีบทบาทที่ชัดเจนแบ่งออกได้เป็น 2 ช่วง คือ ช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 และช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
บทบาทก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
การปกครองหัวเมืองฝ่ายเหนือ
ราชวงศ์ทิพย์จักร เป็นวงศ์ตระกูลในชนชั้นกษัตริย์ปกครองมาตั้งแต่ยุคของพระยาไชยสงคราม (ทิพย์ช้าง) องค์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน ซึ่งปกครองนครลำปางในฐานะนครรัฐอิสระในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในชั้นพระราชนัดดาหรือเจ้าเจ็ดพระองค์พี่น้อง (เจ้าเจ็ดตน) ได้มีบทบาทสำคัญในการช่วยกองทัพสยามสู้รบกับกองทัพพม่า และช่วยขยายพระราชอาณาเขตทั้งในสมัยกรุงธนบุรีและสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ใน ปี พ.ศ. 2275 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ทรงโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระยากาวิละเป็นพระเจ้ากาวิละ พระเจ้าเชียงใหม่ ปกครอง 57 หัวเมืองฝ่ายเหนือในฐานะประเทศราช ภายหลังการโปรดเกล้าฯ จากราชสำนักสยาม พระเจ้ากาวิละได้โปรดให้จัดพิธีเถลิงถวัลยราชสมบัติเข้าขึ้นครองอาณาจักรล้านนาตามราชประเพณีในราชวงศ์มังราย ในการนี้เจ้าเจ็ดพระองค์พี่น้องได้ทรงร่วมกันวางระบบการปกครองอาณาจักรฝ่ายเหนือ โดยแบ่งหัวเมืองฝ่ายเหนือออกเป็น 4 ระดับ (พ.ศ. 2275 - 2442) ดังนี้
- เมืองนครประเทศราชล้านนา มี 5 หัวเมือง ได้แก่ (1) นครเชียงใหม่ (2) นครลำปาง (3) นครลำพูน (4) นครน่าน (5) นครแพร่
- หัวเมืองขึ้นชั้นที่หนึ่ง มี 8 หัวเมือง ได้แก่ (1) เมืองพะเยา -ขึ้นกับลำปาง (2) เมืองฝาง -ขึ้นกับเชียงใหม่ (3) เมืองเชียงราย -ขึ้นกับเชียงใหม่ (4) เมืองเชียงแสน -ขึ้นกับเชียงใหม่ (5) เมืองเชียงของ -ขึ้นกับน่าน (6) เมืองตาก -ขึ้นกับเชียงใหม่ (7) เมืองงาว -ขึ้นกับลำปาง (8) เมืองปาย -ขึ้นกับเชียงใหม่
- หัวเมืองขึ้นชั้นที่สอง มี 10 หัวเมือง (1) เมืองสอง -ขึ้นกับแพร่ (2) เมืองเถิน -ขึ้นกับเชียงใหม่ (3) เมืองเงิน -ขึ้นกับน่าน (4) เมืองเทิง -ขึ้นกับน่าน (5) เมืองภูคา -ขึ้นกับน่าน (6) เมืองป่าเป้า -ขึ้นกับเชียงใหม่ (7) เมืองสา -ขึ้นกับน่าน (8) เมืองแม่ฮ่องสอน -ขึ้นกับเชียงใหม่ (9) เมืองขุนยวม -ขึ้นกับเชียงใหม่ (10) เมืองเชียงคำ -ขึ้นกับน่าน
- หัวเมืองขึ้นชั้นที่สาม มีเป็นร้อยหัวเมือง เดิมล้านนามี 57 หัวเมือง แต่ได้ขยายเพิ่มขึ้นอีกมาก
เจ้านายเชื้อพระวงศ์เจ้าเจ็ดตนได้แยกย้ายกันเข้าปกครองหัวเมืองประเทศราช ในส่วนเมืองประเทศราชและเมืองบริวารหัวเมืองขึ้นชั้น 1 และ ชั้น 2 ที่โปรดให้เจ้านายราชวงศ์เดิมปกครองหรือตั้งสามัญชนขึ้นปกครองก็มักจะส่งพระธิดาหรือเจ้านายสตรีไปเสกสมรสหรือทูลขอพระธิดาและเจ้านายสตรีฝ่ายนั้นมาผูกสัมพันธ์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติเและผดุงความมั่นคงในราชอาณาจักรฝ่ายเหนือ
ในการปกครองอาณาจักรฝ่ายเหนือในช่วงแรกตอนที่เจ้าเจ็ดพระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ราชสำนักล้านนายังได้รับความเกรงพระทัยจากราชสำนักสยามอยู่มาก เนื่องจากเป็นพระประยูรญาติของสมเด็จพระอนุชาธิราช การตั้งเจ้าฟ้า เจ้าเมือง พระราชทานยศบรรดาศักดิ์ พระยา ท้าว อำมาตย์ เป็นไปตามที่พระเจ้าประเทศราชเห็นควร ไม่มีการเข้าแทรกแซงจากราชสำนักสยามทั้งสิ้น นอกจากบางครั้งราชสำนักล้านนาเห็นควร จะทูลเสนอราชสำนักสยามเพื่อขอให้พระราชทานสัญญาบัตรในกรณีตั้งเมืองใหม่ซึ่งไม่ใช้ข้อบังคับแต่อย่างใด การปกครองล้านนาเป็นไปโดยเอกสิทธิ์ความเป็นพระเจ้าประเทศราชนั้น แต่ต่อมาด้วยความขัดแย้งภายในราชสำนักล้านนาเอง โดยเฉพาะเมื่อมีการผลัดเปลี่ยนเจ้าผู้ครองนครประเทศราชเอง มักขออ้างอาญาสิทธิ์จากราชสำนักสยามเข้ามาเป็นเครื่องชี้ขาด จึงเป็นเหตุหนึ่งให้ราชสำนักล้านนาอ่อนแอลง กอปรกับในช่วงต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าอนุวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นเจ้าประเทศราช คิดการกบฎ ทำให้ราชสำนักสยามเริ่มหวั่นเกรงพระทัยในราชสำนักล้านนา จึงพยายามทรงลดบทบาทของราชสำนักล้านนาลง ได้ทรงให้มีการจารึกราชอาณาเขตสยามขึ้น อย่างไรก็ตาม ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเห็นถึงคุณูปการณ์ของราชวงศ์ฝ่ายเหนือตั้งแต่อดีตกาลจึงทรงโปรดเกล้าฯ ถวายพระเกียรติสูงสุดอีกครั้ง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นช่วงยุคล่าอาณานิคมของประเทศตะวันตก ทุกประเทศรอบสยามล้วนโดนคุกคาม พระองค์จึงทรงมีพระราชดำริให้ปฏิรูปการปกครองสยามขึ้นใหม่ กอปรกับความทราบถึงพระเนตรพระกรรณที่พระนางเจ้าวิคตอเรียแห่งอังกฤษจะมาทูลขอเจ้าดารารัศมีราชธิดาในพระเจ้าเชียงใหม่ไปเป็นพระราชธิดาบุญธรรม เพื่อแทรกแซงอาณาจักรฝ่ายเหนือของสยาม จึงทรงทูลขอเจ้าดารารัศมี พระราชธิดาในพระเจ้าอินทวิชยานนท์ มารับราชการฝ่ายใน เมื่อเจ้าดารารัศมี ได้เข้ามาถวายตัวแล้ว ได้ทรงยกเลิกการปกครองแบบประเทศราช ถือให้สิ้นสุดเมื่อเจ้าประเทศราชพระองค์นั้นถึงพิราลัย กล่าวได้ว่าเจ้านายฝ่ายเหนือและกลุ่มพระประยูรญาติดำรงตนอยู่ในสถานะชนชั้นปกครองตลอดมา จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2442 นครเชียงใหม่ให้รัฐบาลสยามได้เข้ามาบริหารจัดการการปกครองอย่างเต็มรูปแบบ โดยดำเนินนโยบายผนวกดินแดนและปฏิรูปการปกครองเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล เจ้านายฝ่ายเหนือจึงดำรงสถานะเป็นเสมือนข้าราชการที่มีเงินประจำตำแหน่งเท่านั้น เพราะมิเช่นนั้น ล้านนาจะถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของพม่า จากลัทธิจักรวรรดินิยม
ความสัมพันธ์กับราชสำนักสยาม
การที่ไทยในสยามประเทศสามารถรวมกันได้ เพราะอาศรัยพระบรมเดชานุภาพของพระบาทสมเด็จฯพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทราชอนุชาเปนต้นเค้า ก็เปนความจริง แต่สมควรจะยกย่องผู้เปนหัวหน้าของชาวมณฑลพายัพในสมัยนั้นด้วย คือเจ้าเจ็ดตนอันเปนต้นตระกูลวงศ์ของเจ้านายเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปางและเมืองลำพูน กับทั้งเจ้าเมืองน่านที่ได้เปนบรรพบุรุษของเจ้านายในเมืองนั้น ที่ได้สามิภักดิ์แล้วช่วยรบพุ่งข้าศึกเปนกำลังอย่างสำคัญ...จึงทรงพระกรุณาโปรดยกย่องวงศ์สกุลเจ้าเจ็ดตนและสกุลเจ้าเมืองน่านให้มียศเปนเจ้าสืบกันมา ด้วยเปนสกุลคู่พระบารมีของพระบรมราชจักรีวงศ์มาตั้งแต่ปฐมกาล
— พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จมณฑลพายัพ พ.ศ. 2469
สายสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ทิพจักรกับราชวงศ์จักรี มีมาตั้งแต่ครั้งสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เพราะได้ช่วยขยายพระราชอาณาเขต และเจ้าศรีอโนชา พระอัครชายาในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท มีบทบาทสำคัญยิ่งครั้งยังเป็นท่านผู้หญิง ในการช่วยหงายเมือง โดยได้ช่วยพระยาสุริยอภัยปราบพระยาสรรค์ช่วงเกิดความไม่สงบในปลายสมัยกรุงธนบุรี ขณะที่เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และเจ้าพระยาสุรสีห์ฯ ยกทัพไปสู้รบกับเขมรปี พ.ศ. 2324 ในการปราบพระยาสรรค์ เจ้าศรีอโนชาได้เกณฑ์ชาวลาวที่ปากเพรียว สระบุรี เข้าผสมกับกองกำลังของพระยาสุริยอภัยจากนครราชสีมา รวมประมาณ 1,000 คน ยกเข้ามาต่อสู้กับฝ่ายพระยาสรรค์ที่ธนบุรี การปะทะกันครั้งแรกฝ่ายพระยาสุริยอภัยได้เพลี่ยงพล้ำ เจ้าศรีอโนชาจึงบัญชากองทัพเรือชาวมอญเข้าช่วยตีขนาบจนฝ่ายพระยาสรรค์พ่ายแพ้ และในตำนานเจ้าเจ็ดตนเองก็กล่าวถึงบทบาทของเจ้าศรีอโนชาว่า "เจ้าครอกศรีอโนชาหงายเมืองได้ไว้แล้ว ก็ใช้ไปเชิญเอาเจ้าพระยาจักรี พระยาสุรสีห์ 2 องค์พี่น้องเข้ามาผ่านพิภพขึ้นเสวยราชย์ เจ้าพระยาจักรีเป็นพี่กษัตริย์องค์หลวง... พระยาสุรสีห์ คนน้องปรากฏว่า ล้นเกล้าล้นกระหม่อมกรมพระราชวังบวรสถานมงคลวังหน้า"
สายสัมพันธ์ระหว่างสองราชสำนักแน่นแฟ้นอีกครั้ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับเจ้าทิพเกสร ณ เชียงใหม่ มารับราชการฝ่ายในประสูติพระราชโอรส คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นสรรควิไสยนรบดี และที่สำคัญคือการทรงทูลขอเจ้าดารารัศมี พระราชธิดาในพระเจ้าอินทวิชยานนท์ มารับราชการฝ่ายในต่อมาได้ทรงโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น พระราชชายา ซึ่งเจ้าดารารัศมี พระราชชายา ทรงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองราชสำนัก นอกจากนั้นยังมีเจ้านายฝ่ายเหนือและเชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือหลายท่าน ได้สมรสกับเจ้านายเชื้อพระวงศ์และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน จึงทำให้มีเชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือเข้าไปมีบทบาทในราชสำนักสยามและราชการส่วนกลาง มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ
- เจ้าลดาคำ ณ เชียงใหม่ ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน
- เจ้าทิพวัน ณ เชียงใหม่ ในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช
- เจ้าฟองจันทร์ อินทขัติย์ ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ และ
- เจ้าศรี ณ น่าน ในหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร
ความสัมพันธ์ระหว่างล้านนากับสยาม จึงไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศราชกับเจ้าประเทศราชที่ล้านนาถูกบีบบังคับ แต่เป็นความสัมพันธ์เชิงเครือญาติ
การกำหนดศักดินา
แต่เดิมสิทธิ์ในการถือครองทรัพย์สินและแผ่นดินทั้งหมดถืออยู่ในพระราชอำนาจของเจ้าหลวง หรือ เจ้าผู้ครองนคร , พระเจ้าผู้ครองนคร ที่จะพระราชทานให้เจ้านายหรือราษฎรใดก้ได้ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี ราชสำนักสยามได้พยายามเข้ามามีบทบาทเพื่อควบคุมการปกครองหัวเมืองประเทศราชฝ่ายเหนือ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานศักดินาแก่เจ้านายพระยาท้าวแสน หัวเมืองประเทศราช ให้มีกำหนดในกรมศักดิ์สืบไป ดังนี้
- เจ้าหลวง หรือ เจ้าผู้ครองนคร , พระเจ้าผู้ครองนคร แบ่งออกเป็น 3 ชั้น
- พระเจ้าประเทศราช ศักดินา 15,000 ไร่
- เจ้าประเทศราช ศักดินา 10,000 ไร่
- พระยาประเทศราช ศักดินา 8,000 ไร่
- เจ้าอุปราช ศักดินา 5,000 ไร่
- เจ้าราชวงศ์ ศักดินา 3,000 ไร่
- เจ้าบุรีรัตน์ ศักดินา 2,400 ไร่
- เจ้าราชบุตร ศักดินา 2,400 ไร่
- เจ้าราชภาคินัย ศักดินา 2,000 ไร่
- เจ้าราชภาติกวงษ์ ศักดินา 2,000 ไร่
- เจ้าราชสัมพันธวงศ์ ศักดินา 2,000ไร่
- เจ้าสุริยวงศ์ ศักดินา 2,000 ไร่
- เจ้าอุตรการโกศล ศักดินา 1,600 ไร่
- เจ้าไชยสงคราม ศักดินา 1,600 ไร่
- เจ้าทักษิณนิเกตน์ ศักดินา 1,600 ไร่
- เจ้านิเวศอุดร ศักดินา 1,600 ไร่
การพระราชทานนามสกุล
ในปี พ.ศ. 2455 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการตราบัญญัติใช้นามสกุลขึ้น แล้วได้พระราชทานนามสกุลให้กับเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้าผู้ครองนครลำพูน เจ้าผู้ครองนครลำปาง และเจ้าผู้ครองนครน่าน ให้ทายาทผู้สืบสกุลในเจ้าผู้ครองนครใช้นามสกุล ณ เชียงใหม่ ณ ลำพูน ณ ลำปาง และ ณ น่าน ตามลำดับ ส่วนการใช้นามสกุลในพระญาติวงศ์ให้เป็นไปตามดุลยพินิจของเจ้าผู้ครองนครเอง ต่อมาเจ้าผู้ครองนครได้อนุญาตให้ผู้มีเชื้อสายเจ้าในขณะนั้นเกือบทั้งหมดได้ใช้นามสกุลพระราชทานร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการตราบัญญัติให้ใช้นามสกุลมีขึ้นภายหลัง 180 ปี จึงทำให้ปรากฏเชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือโดยเฉพาะเชื้อสายเจ้านายที่ไปปกครองเมืองบริวารใช้นามสกุลนอกเหนือจากพระราชทานอีกหลายนามสกุล
ลำดับการพระราชทานนามสกุลแก่เจ้าผู้ครองนครประเทศราชล้านนา ดังนี้
- ณ ลำภูน - (อักษรโรมัน: na Lambhûn) นามสกุลพระราชทาน ลำดับที่ 866 โดยพระราชทานเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2456 แด่เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 10 แห่งราชวงศ์ทิพจักร และผู้สืบสกุลวงศ์มาจากพระยาคำฟั่น เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 1 และเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์ทิพจักร
- ณ เชียงใหม่ - (อักษรโรมัน: na Chiengmai) นามสกุลพระราชทาน ลำดับที่ 1,161 โดยพระราชทานเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2457 แด่ เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์ทิพจักร และผู้สืบสกุลวงศ์มาจากพระเจ้ากาวิละ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 1 พระยาธรรมลังกา เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 2 และพระยาคำฟั่น เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์ทิพจักร
- ณ น่าน - (อักษรโรมัน: na Nân) นามสกุลพระราชทาน ลำดับที่ 1,162 โดยพระราชทานเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2457 แด่พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ และผู้สืบสกุลวงศ์มาจากพระเจ้าหลวงติ๋นมหาวงศ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 51 และปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์
- ณ ลำปาง - (อักษรโรมัน: na Lampâng) นามสกุลพระราชทาน ลำดับที่ 1,166 โดยพระราชทานเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2457 แด่เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าผู้ครองนครลำปาง องค์ที่ 13 แห่งราชวงศ์ทิพจักร และผู้สืบสกุลวงศ์มาจากพระยาคำโสม เจ้าผู้ครองนครลำปาง องค์ที่ 4 พระเจ้าดวงทิพย์ เจ้าผู้ครองนครลำปาง องค์ที่ 5 และพระยาอุปราชหมูล่า พระยาอุปราชนครลำปาง แห่งราชวงศ์ทิพจักร
บทบาทหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
ด้านการเมือง
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เจ้านายฝ่ายเหนือและเชื้อสายได้มีการปรับเปลี่ยนบทบาทตามสถานการณ์บ้านเมือง หลายท่านได้เข้ามามีบทบาทสำคัญและมีส่วนช่วยเกื้อกูลเครือญาติ อาทิ
- เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช (โอรสในพลตรี เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน)
- พันเอก นายวรการบัญชา (บุญเกิด สุตันตานนท์) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตรักษาการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ช่วงกบฎแมนฮัตตัน (บุตรในเจ้ากาบแก้ว ณ ลำพูน)
- จอมพลประภาส จารุเสถียร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (บุตรในเจ้าบัวตอง ณ ลำปาง)
- ในส่วนของสายนครเชียงใหม่มีเชื้อสายหลายท่านได้เข้าสู่การเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่น ส่งผลให้ตระกูล ณ เชียงใหม่ เป็นตระกูลที่มีบทบาททางการเมืองของไทย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ อาทิเช่น เจ้าบุญเลิศ ณ เชียงใหม่
- ในส่วนของสายนครน่านมีเชื้อสายที่เข้าสู่การเมือง คือ คำรณ ณ ลำพูน อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข อดีตแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ สมรสกับเจ้าสุกัญญา ณ น่าน (ธิดาในเจ้าผู้ครองนครน่าน) ทั้งสองท่านมีบทบาทสำคัญในฐานะอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อาทิเช่น พลเอกจิรพงศ์ วรรณรัตน์ (ณ เชียงใหม่) พลเอกเลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ (เชื้อเจ็ดตน) พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ (ณ ลำพูน)
- ในส่วนของสายเมืองแพร่ได้เชื้อสายหลายท่านที่เข้าสู่การเมืองทั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการเมืองท้องถิ่น อาทิ เจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์ (ราชบุตรในพระวิไชยราชา (หนานขัติ แสนศิริพันธุ์) พระวิไชยราชานครแพร่) คุณหญิงบัวเขียว รังคสิริ (ธิดาในรองอำมาตย์ตรีเผือก (เจ้าเผือก ไชยประวัติ) ดุสิต รังคสิริ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ (บุตรในคุณหญิงบัวเขียว รังคสิริ) ณรงค์ วงศ์วรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของพลเอกสุจินดา คราประยูร และรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวง (บุตรในเจ้าแสน วงศ์วรรณ) อนุสรณ์ วงศ์วรรณ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง (บุตรของณรงค์ วงศ์วรรณ) ประกายพฤกษ์ ศรุตานนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ (บุตรในเจ้าตาวคำ ศรุตานนท์ ราชนัดดาเจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่) โอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (หลานในเจ้าฟอง บรรเลง ราชนัดดาพระยาพิมพิสารราชา เจ้าผู้ครองนครแพร่) ศาสตราจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีการเกษตร (หลานในเจ้ามหาชัย วังซ้าย) เกรน ประชาศรัยสรเดช อดีตนายกเทศมนตรีเมืองแพร่ (บุตรในคุณหญิงทิพย์เกษร เตมียานนท์ ราชนัดดาในเจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่) อนุวัธ วงศ์วรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ และมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ด้านสังคม
เจ้านายฝ่ายเหนือและเชื้อสายได้มาเข้ามีบททางสังคมและทางวัฒนธรรม ในฐานะชนชั้นนำ อาทิ การสืบสานศิลปวัฒนธรรมฝ่ายเหนือในนามของมูลนิธินวราชดำริอนุรักษ์ฝ่ายเหนือ และการเข้าร่วมกิจกรรมกับจังหวัดเชียงใหม่ และองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงงานรัฐพิธี ราชพิธีต่างๆ ด้วย การจัดตั้งกองทุนเจ้าหลวงเชียงใหม่ในการส่งเสริมการศึกษาและการค้นคว้าวิจัย การบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ในเมืองเชียงใหม่ อาทิ การสร้างห้องรักษาผู้ป่วยโรงพยาบาล อุปกรณ์การแพทย์ การบริจาคสิ่งของจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์และหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ และบทบาทในสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่
นอกจากบทบาททางสังคมในเมืองเชียงใหม่ ยังมีบทบาทในสังคมชั้นนำซึ่งมีเจ้านายฝ่ายเหนือและเชื้อสายหลายคนเข้าไปมีบทบาทในวงธุรกิจ และวงสังคมชนชั้นนำในระดับชาติ อาทิ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ท่านผู้หญิงฉัตรสุดา วงศ์ทองศรี หม่อมศรีนวล ณ เชียงใหม่ คุณหญิงระวีพันธุ์ สุจริตกุล เจ้าดารารัตน์ ณ ลำพูน คุณหญิงวิจันทรา บุนนาค คุณหญิงจิราภา สูตะบุตร และเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่
เจ้านายฝ่ายเหนือและเชื้อสายได้รับการยกย่องจากระบบราชการส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการต้อนรับพระราชอาคันตุกะ ตลอดจนการรับเสด็จเพื่อแสดงความจงรักภักดี โดยเฉพาะการผูกข้อพระกรถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพิธีบายศรีทูลพระขวัญ นอกจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ยังทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อเจ้านายฝ่ายเหนือ โปรดให้เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์เมื่อเสด็จแปรพระราชฐาน ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศ รวมทั้งพระราชทานดอกไม้เยี่ยมไข้เมื่อความทราบถึงพระเนตรพระกรรณ ครั้งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2501 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จไปเสวยพระกระยาหารที่คุ้มวงศ์ตวัน ของพลตรี เจ้าราชบุตร (วงษ์ตะวัน ณ เชียงใหม่) และฉายพระรูปร่วมกับเจ้านายฝ่ายเหนือและเชื้อสายเป็นการส่วนพระองค์ ในครานั้นเองทรงรับสั่งว่า “ถึงแม้บ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรให้สามัคคีกัน ให้รวมกลุ่มกันรักษาความดีไว้ ในฐานะทายาทผู้ครองนคร” นับเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งมูลนิธินวราชดำริอนุรักษ์ฝ่ายเหนือ แต่นั้นมา
ด้านเศรษฐกิจ
มีเจ้านายฝ่ายเหนือและเชื้อสายเข้าไปมีบทบาทหลายคนในด้านเศรษฐกิจ อาทิ เจ้าทิพย์สมาตย์ ณ เชียงใหม่ อดีตรองประธานกรรมการ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และ นายรพี สุจริตกุล อดีตประธานกรรมการบริหาร บริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ นาย ประธานบริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด เป็นต้น ในส่วนเมืองเชียงใหม่ เจ้านายฝ่ายเหนือและเชื้อสายได้ริเริ่มธุรกิจในจังหวัดเชียงใหม่หลายประเภท อาทิ ธุรกิจโรงแรมแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ ธุรกิจโรงภาพยนตร์แห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ ของเจ้าไชยสุริวงศ์ ณ เชียงใหม่
รายพระนาม/รายนามเจ้านายฝ่ายเหนือในพระราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ สมาชิกครอบครัวประธานเจ้านายฝ่ายเหนือ/ผู้นำราชตระกูล ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครฯเรียงตามลำดับชั้นยศในสายราชตระกูลฯ(ในสายตรงของผู้นำราชตระกูลเท่านั้น) คือ
รายนามเจ้านายฝ่ายเหนือที่ยังมีชีวิตอยู่ และมีบทบาททางสังคม
ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์
สายสกุลวงศ์ ณ เชียงใหม่
- เจ้าวงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่ บุตรของเจ้าพงษ์อินทร์ ณ เชียงใหม่ (โอรสในพลตรี เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ )
- เจ้าประไพพรรณ สุขุมวาท ธิดาของเจ้าพงษ์อินทร์ ณ เชียงใหม่ และคุณตระการ บุนนาค
- เจ้าไพฑูรย์ศรี ณ เชียงใหม่ ธิดาในเจ้าอินทนนท์ ณ เชียงใหม่ (โอรสในพลตรี เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่) กับเจ้านางสุคันธา (พระธิดาในเจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลง เจ้าฟ้าหลวงเชียงตุงใน)
- คุณหญิงวิจันทรา บุนนาค ธิดาของเจ้าวงศ์จันทร์ คชเสนี (หลานของเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่)
สายสกุลวงศ์ ณ ลำพูน
- พลอากาศตรี เจ้าวัฒนัน ณ ลำพูน บุตรของเจ้าพงศ์ธาดา ณ ลำพูน (โอรสในเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน)
- เจ้าดารารัตน์ ณ ลำพูน ธิดาของเจ้าพัฒนา ณ ลำพูน (หลานของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน) กับเจ้าพงศ์แก้ว ณ ลำพูน (หลานของพลตรี เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่)
- เจ้าสุภัทรา อังกะสิทธิ์ หลานของเจ้ารัฐธาทร ณ ลำพูน (หลานของ เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน)
- เจ้าพัฒน์พงศ์ ณ ลำพูน บุตรของเจ้าพัฒนา ณ ลำพูน กับเจ้าพงศ์แก้ว ณ ลำพูน
- เจ้าศักดิ์ขจร ณ ลำพูน บุตรของเจ้าพัฒนา ณ ลำพูน กับเจ้าพงศ์แก้ว ณ ลำพูน
สายสกุลวงศ์ ณ ลำปาง
- เจ้าไชยแก้ว ณ ลำปาง บุตรของพระเพชรคีรี (เจ้าแก้วเมืองไท ณ ลำปาง) (หลานของ เจ้าหลวงพรหมาภิพงษ์ธาดา เจ้าผู้ครองนครลำปาง)
- เจ้าศรีรัตน์ ณ ลำปาง บุตรของพระเพชรคีรี (เจ้าแก้วเมืองไท ณ ลำปาง)
ราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์
- เจ้าสมปรารถนา ณ น่าน ธิดาในเจ้าโคมทอง ณ น่าน โดยเป็นผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครน่านสืบต่อมารดา และเป็นผู้ครอบครองคุ้มเจ้าราชบุตร (หมอกฟ้า ณ น่าน) ร่วมกับเจ้าวาสนา ภู่วุฒิกุล น้องสาว และสถาพร สุริยา สามี
- เจ้าวาสนา ภู่วุฒิกุล (สกุลเดิม : ณ น่าน) ธิดาในเจ้าโคมทอง ณ น่าน และเป็นผู้ครอบครองคุ้มเจ้าราชบุตร (หมอกฟ้า ณ น่าน) ร่วมกับเจ้าสมปรารถนา ณ น่าน ผู้เป็นพี่สาว และนายสถาพร สุริยา พี่เขย
- เจ้าสร้อยไข่มุก ณ น่าน
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- สัมพันธ์ล้านนา-สยามในนาม “มูลนิธินวราชดำริอนุรักษ์ฝ่ายเหนือ
- ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้ง "มูลนิธินวราชดำริอนุรักษ์ฝ่ายเหนือ"
- เบญจวรรณ บุญโทแสง. พัฒนาการการปรับตัวทางการเมืองของกลุ่มอำนาจท้องถิ่นภายหลังการผนวกดินแดนของสยาม (พ.ศ. 2442-2547): กรณีศึกษาตระกูล ณ เชียงใหม่. 2011-12-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 2550
- ตำแหน่งเจ้าเมืองขึ้น "หัวเมืองขึ้นชั้นที่สอง" ของราชสำนักล้านนา เรียกว่า "พญา" หรือ "อาชญา" ชาวเมืองนิยมเรียกว่า "เจ้าพญา" หรือ "เจ้าหลวง" เช่น พญาขัณฑเสมาบดี -เจ้าเมืองป่าเป้า อาชญามหาวงศ์ -เจ้าเมืองเชียงคำ ส่วนเมืองที่มีชาวไทใหญ่เป็นจำนวนมาก จะเรียกว่า "เจ้าฟ้า" เช่น เมืองแม่ฮ่องสอน เมืองขุนยวม เมืองปาย เช่น พญาเทพบำรุงรัตนาเขตร (เจ้าฟ้าวงศ์)-เจ้าเมืองขุนยวม.-(น.อ.คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์)
- การส่งเจ้านายพระประยูรญาติไปครองยังหัวเมืองประเทศราชและหัวเมืองชั้น 1 และ ชั้น 2 ต่างๆ นั้น เจ้านายเหล่านั้นจะได้รับการเทิดพระเกียรติจากราษฎรว่า "เจ้าหลวง" และชายาก็จะถูกเรียกขานว่า "แม่เจ้า" ส่วนการปกครองนครนั้น มีการตั้งข้าราชการหรือขุนเมืองทั้ง 8 เพื่อช่วยราชการแผ่นดินเหมือนห้วงราชวงศ์มังรายปกครองอาณาจักรล้านนา คือ (1) พญา เช่น พญาจ่าบ้าน พญาเด็กชาย พญาสามล้าน และพญาแสนหลวง (2) อาชญา (3) แสนหลวง (4) แสน (5) ท้าว (6) หาญ (7) หมื่น ดังนั้นคำว่า พระยาหรือพญาที่ถูกพระราชทานไปจากราชสำนักสยาม จึงมีความหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงสำหรับราชสำนักล้านนา.-(น.อ.คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์)
- ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๔๓ น่า ๔๐๗๓ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๙
- สงวน โชติสุขรัตน์ (ปริวรรต). ตำนานเจ้าเจ็ดตน ฉบับสิงฆะ วรรณสัย. เชียงใหม่:สงวนการพิมพ์, 2511, หน้า 35
- พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี และจดหมายเหตุรายวันทัพสมัยกรุงธนบุรี. ใน ประชุมพงศาวดาร เล่ม ๔๐. พระนคร:องค์การค้าคุรุสภา, หน้า 12
- นรินทรเทวี, กรมหลวง. จดหมายเหตุความทรงจำ, กรุงเทพฯ:องค์การค้าคุรุสภา, หน้า 16
- พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ถวายแด่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ซึ่งนับว่าเป็นการถวายพระเกียรตินับเนื่องเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ในพระบรมราชวงศ์จักรี และเป็นพระเจ้าประเทศราชเพียงพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์ที่ได้รับพระราชทานและยกย่องพระเกียรติยศดังกล่าว.-(น.อ.คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์)
- [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2442/016/197.PDF พระราชบัญญัติศักดินาเจ้านาย พระยาท้าวแสนเมืองประเทศราช ประกาศมา ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๑๘
- ราชวงศ์ทิพจักรและราชวงศ์ติ๋นมหาวงษ์ มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ทำให้มีการกระจัดกระจายเชื้อสาย โดยเฉพาะราชวงศ์ทิพจักรนั้น ได้สถาปนาขึ้นในปี 2275 แต่การตราพระราชบัญญัตินามสกุลมีขึ้นในปี 2455 จากการศึกษาค้นคว้าจึงพบว่ามีเชื้อสายหลายท่านขอพระราชทานในคราเดียวกัน และหลายท่านมีความสับสนในการเลือกใช้นามสกุลอยู่บ้าง เพราะ (1) เจ้าหลวงบางพระองค์ขึ้นครองสองนคร (เช่น เจ้าหลวงเศรษฐีคำฝั้น ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูน ก่อนขึ้นครองนครเชียงใหม่) (2) มีการสมรสในหมู่เจ้านายพระประยูรญาติข้ามนครทั้งสามมาอย่างยาวนาน (3) เจ้านายบุตรหลานได้ถูกส่งไปเป็นเจ้าขันห้าใบตามนครอื่น และเป็นเจ้าหลวงปกครองเมืองบริวารต่างๆ เชื้อสายเจ้านายในเมืองบริวารจึงปรากฏใช้นามสกุลต่างออกไปอีกหลายนามสกุล.-(น.อ.คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์)
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศ ห้ามมิให้ผู้ที่ไม่ได้รับพระราชทานนามสกุลใช้ "ณ" นำหน้านามสกุล, เล่ม ๓๒, ตอน ๐ ก, ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘, หน้า ๓๙๕
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศพระราชทานนามสกุล เล่มที่ ๓๐, ตอน ๐ ง, วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๔๕๖, หน้า ๒๑๒๒
- ประกาศพระราชทานนามสกุล ครั้งที่ 14 (ลำดับที่ 1156 ถึงลำดับที่ 1182)ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 31 วันที่ 5 เมษายน 2457 หน้า 10
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศพระราชทานนามสกุล วันที่ 5 เมษายน 2457
- ประกาศพระราชทานนามสกุล ครั้งที่ 14 (ลำดับที่ 1156 ถึงลำดับที่ 1182)ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 31 วันที่ 5 เมษายน 2457 หน้า 10
- [1]
- ต้นตระกูล ณ เชียงใหม่ร่วมจุฬาฯ ทำบุญคล้ายวันประสูติ "พระราชชายาเจ้าดารารัศมี" เสวนา-ฟ้อนเล็บยิ่งใหญ่
- ชาวเชียงใหม่แห่ร่วมถวายดอกไม้จันทน์ “เจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ”[]
- อาลัย เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ เจ้านายฝ่ายเหนือ จัดพิธีศพแบบล้านนา
- หนังสือประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 61 พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลตรีเจ้าราชบุตร (วงษ์ตะวัน ณ เชียงใหม่) ณ เมรุวัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่
- เจ้าไชยสุริวงศ์ในสายตระกูลเจ้าเจ็ดตน
- เจ้านายฝ่ายเหนือ. ทำเนียบส่วนราชการของจังหวัดเชียงใหม่ 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนสืบค้นวันที่ 21 มิถุนายน 2555
- การแบ่งออกเป็นเจ้านายสายเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ นครลำพูน หรือนครลำปาง เป็นเรื่องยากเพราะมีความสัมพันธ์สมรสกันไปมาทั้ง 3 นคร รวมทั้งราชวงศ์มังราย สายนครเชียงตุง ซึ่งมีสายสัมพันธ์เครือญาติแนบแน่นกับราชวงศ์ทิพจักรแต่ครั้งต้นกรุงรัตนโกสินท์.-(น.อ.คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์)
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2013-04-23.
- วิชญดา ทองแดง (7 พฤษภาคม 2552). . วารสารเมืองโบราณ. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-05-22. สืบค้นเมื่อ 29 กันยายน 2558.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help))
- บรรณานุกรม
- คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์, นาวาอากาศเอก. เจ้านายฝ่ายเหนือ. [2] 2021-05-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. ตำนานวังน่า. พระนคร : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2462. [พิมพ์แจกในงานศพนางสุ่น ชาติโอสถ ปีมะแม พ.ศ. 2462]
- ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับ เชียงใหม่ 700 ปี. เชียงใหม่ : ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สถาบันราชภัฏเชียงใหม่, 2538. 496 หน้า. ISBN
- นงเยาว์ กาญจนจารี. ดารารัศมี : พระประวัติพระราชชายา เจ้าดารารัศมี. เชียงใหม่ :สุริวงศ์บุ๊คเซนเตอร์, 2539.
- ประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค), พระยา. พงศาวดารโยนก. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2557. 496 หน้า. ISBN
- ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง. เพ็ชร์ล้านนา. (ครั้งที่ 2) เชียงใหม่ :ผู้จัดการ ศูนย์ภาคเหนือ, 2538.
- มหาอำมาตยาธิบดี (หรุ่น ศรีเพ็ญ), พระยา. พงศาวดารเมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์พระจันทร์, 2505.
- เจ้าวงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่, คณะทายาทสายสกุล ณ เชียงใหม่. เจ้าหลวงเชียงใหม่.
- วรชาติ มีชูบท. เจ้านายฝ่ายเหนือ และตำนานรักมะเมียะ. กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2556. 428 หน้า. ISBN
- เจ้าวรเทวี (ณ ลำพูน) ชลวณิช ที่ระลึกในการบูรณะกู่บรรจุอัฐิเจ้าผู้ครองนครลำพูน ชายา และเจ้านายสกุล ณ ลำพูน ณ เชียงใหม่ ณ สุสานหลวงลำพูน. (ครั้งที่1) :บ.อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จก. (มหาชน), 15 เมษายน 2549
- สมหมาย เปรมจิตต์, สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ตำนานสิบห้าราชวงศ์ (ฉบับสอบชำระ) . เชียงใหม่: มิ่งเมือง, 2540.
- ศักดิ์ รัตนชัย. พงศาวดารสุวรรณหอคำนครลำปาง (ตำนานเจ้าเจ็ดพระองค์กับหอคำมงคล ฉบับสอบทานกับเอกสารสืบค้น สรสว.ลำปาง) .
- เจ้านายฝ่ายเหนือ
- บรรดาศักดิ์ของเจ้านายฝ่ายเหนือและประเด็นน่ารู้บางประการ
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ecanayfayehnux hmaythung ecanayphusubechuxsayinrachwngsthiekhypkkhrxngxanackrhwemuxngehnux sungekhamaswamiphkdiepnpraethsrachkhxngkrungrtnoksinthr inrchsmykhxngphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach phramhakstriyithy rchkalthi 1 aehngrachwngsckri idaek ecanayinrachwngsthiphyckrathiwngsthipkkhrxngnkhrechiyngihm nkhrlapang aelankhrlaphun rachwngstinmhawngsthipkkhrxngnkhrnan aela rachwngsaesnsaythipkkhrxngnkhraephrecanayfayehnux khnaekhaefaphrabathsmedcphraprminthrmhaphumiphlxdulyedch aelasmedcphranangecasirikiti phrabrmrachininath emuxpi ph s 2501 inxditecaphukhrxngnkhrtang mixanacsiththikhadinkarpkkhrxngdinaednkhxngtn aetmihnathitxngsngtnimengintnimthxngaelaekhruxngrachbrrnakar thwayrachsanksyamephuxaesdngkhwamcngrkphkdiethann xyangirktamrachsanksyamiderimekhamamibthbathsakhyinkaraekikhpyhakhwamkhdaeyngphayinrachsankpraethsrachhlaykhrng cnthungrchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw cungthrngykelikkarpkkhrxngaebbpraethsrachephuxrwmsunyxanackarpkkhrxngiwthikrungethph odyechphaa taaehnngecapraethsrachkihsinsudemuxecaphukhrxngnkhrnnthungaekphiraly pccubnecanayfayehnuxinthiphyckrathiwngsyngkhngmikarsubthxdkncakrunsurun odykhawa eca epnephiyngkarykyxngxyangimepnthangkarkhxngklumkhnphakhehnuxephuxepnkarihekiyrtitamthrrmeniymlannaethann imichkhanahnachuxxyangepnthangkartamkdhmayehmuxnsmykxnepliynaeplngkarpkkhrxng ykewnrachbutrkhxngphnexk phraephchrkhirisrirachsngkhram ecaaekwemuxngith n lapang th c thutiyculcxmeklafayhna khrxbkhrwphusubskulphraecapraethsrachnkhrlapangphrarachwngsthiphyckrathiwngsinbtrprachachncamikhanahnachuxwa eca echn ecasrirtn n lapang tamprakasinrachkiccanuebksa ecanayfayehnuxpccubnyngmikarrwmklumdaeninkickrrmtang tamaenwphrarachdarikhxngphrabathsmedcphraprminthrmhaphumiphlxdulyedch emuxpi ph s 2501 innam mulnithinwrachdarixnurksfayehnuxthanndrskdibthbathmibthbaththichdecnaebngxxkidepn 2 chwng khux chwngkxnepliynaeplngkarpkkhrxng ph s 2475 aelachwnghlngepliynaeplngkarpkkhrxng ph s 2475 bthbathkxnkarepliynaeplngkarpkkhrxng 2475 karpkkhrxnghwemuxngfayehnux rachwngsthiphyckr epnwngstrakulinchnchnkstriypkkhrxngmatngaetyukhkhxngphrayaichysngkhram thiphychang xngkhpthmkstriyaehngrachwngsecaecdtn sungpkkhrxngnkhrlapanginthanankhrrthxisrainchwngplaykrungsrixyuthya txmainchnphrarachnddahruxecaecdphraxngkhphinxng ecaecdtn idmibthbathsakhyinkarchwykxngthphsyamsurbkbkxngthphphma aelachwykhyayphrarachxanaekhtthnginsmykrungthnburiaelasmytnkrungrtnoksinthr in pi ph s 2275 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkidthrngoprdekla sthapnaphrayakawilaepnphraecakawila phraecaechiyngihm pkkhrxng 57 hwemuxngfayehnuxinthanapraethsrach phayhlngkaroprdekla cakrachsanksyam phraecakawilaidoprdihcdphithiethlingthwlyrachsmbtiekhakhunkhrxngxanackrlannatamrachpraephniinrachwngsmngray inkarniecaecdphraxngkhphinxngidthrngrwmknwangrabbkarpkkhrxngxanackrfayehnux odyaebnghwemuxngfayehnuxxxkepn 4 radb ph s 2275 2442 dngni emuxngnkhrpraethsrachlanna mi 5 hwemuxng idaek 1 nkhrechiyngihm 2 nkhrlapang 3 nkhrlaphun 4 nkhrnan 5 nkhraephr hwemuxngkhunchnthihnung mi 8 hwemuxng idaek 1 emuxngphaeya khunkblapang 2 emuxngfang khunkbechiyngihm 3 emuxngechiyngray khunkbechiyngihm 4 emuxngechiyngaesn khunkbechiyngihm 5 emuxngechiyngkhxng khunkbnan 6 emuxngtak khunkbechiyngihm 7 emuxngngaw khunkblapang 8 emuxngpay khunkbechiyngihm hwemuxngkhunchnthisxng mi 10 hwemuxng 1 emuxngsxng khunkbaephr 2 emuxngethin khunkbechiyngihm 3 emuxngengin khunkbnan 4 emuxngething khunkbnan 5 emuxngphukha khunkbnan 6 emuxngpaepa khunkbechiyngihm 7 emuxngsa khunkbnan 8 emuxngaemhxngsxn khunkbechiyngihm 9 emuxngkhunywm khunkbechiyngihm 10 emuxngechiyngkha khunkbnan hwemuxngkhunchnthisam miepnrxyhwemuxng edimlannami 57 hwemuxng aetidkhyayephimkhunxikmak ecanayechuxphrawngsecaecdtnidaeykyayknekhapkkhrxnghwemuxngpraethsrach inswnemuxngpraethsrachaelaemuxngbriwarhwemuxngkhunchn 1 aela chn 2 thioprdihecanayrachwngsedimpkkhrxnghruxtngsamychnkhunpkkhrxngkmkcasngphrathidahruxecanaystriipesksmrshruxthulkhxphrathidaaelaecanaystrifaynnmaphuksmphnthephuxsrangkhwamsmphnthchnthekhruxyatieaelaphdungkhwammnkhnginrachxanackrfayehnux inkarpkkhrxngxanackrfayehnuxinchwngaerktxnthiecaecdphraxngkhyngmiphrachnmchiphxyu rachsanklannayngidrbkhwamekrngphrathycakrachsanksyamxyumak enuxngcakepnphraprayuryatikhxngsmedcphraxnuchathirach kartngecafa ecaemuxng phrarachthanysbrrdaskdi phraya thaw xamaty epniptamthiphraecapraethsrachehnkhwr immikarekhaaethrkaesngcakrachsanksyamthngsin nxkcakbangkhrngrachsanklannaehnkhwr cathulesnxrachsanksyamephuxkhxihphrarachthansyyabtrinkrnitngemuxngihmsungimichkhxbngkhbaetxyangid karpkkhrxnglannaepnipodyexksiththikhwamepnphraecapraethsrachnn aettxmadwykhwamkhdaeyngphayinrachsanklannaexng odyechphaaemuxmikarphldepliynecaphukhrxngnkhrpraethsrachexng mkkhxxangxayasiththicakrachsanksyamekhamaepnekhruxngchikhad cungepnehtuhnungihrachsanklannaxxnaexlng kxprkbinchwngtnrchsmyphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw ecaxnuwngs ecaphukhrxngnkhrewiyngcnthn sungepnecapraethsrach khidkarkbd thaihrachsanksyamerimhwnekrngphrathyinrachsanklanna cungphyayamthrngldbthbathkhxngrachsanklannalng idthrngihmikarcarukrachxanaekhtsyamkhun xyangirktam inrchsmyphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw idthrngehnthungkhunupkarnkhxngrachwngsfayehnuxtngaetxditkalcungthrngoprdekla thwayphraekiyrtisungsudxikkhrng inrchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw epnchwngyukhlaxananikhmkhxngpraethstawntk thukpraethsrxbsyamlwnodnkhukkham phraxngkhcungthrngmiphrarachdariihptirupkarpkkhrxngsyamkhunihm kxprkbkhwamthrabthungphraentrphrakrrnthiphranangecawikhtxeriyaehngxngkvscamathulkhxecadararsmirachthidainphraecaechiyngihmipepnphrarachthidabuythrrm ephuxaethrkaesngxanackrfayehnuxkhxngsyam cungthrngthulkhxecadararsmi phrarachthidainphraecaxinthwichyannth marbrachkarfayin emuxecadararsmi idekhamathwaytwaelw idthrngykelikkarpkkhrxngaebbpraethsrach thuxihsinsudemuxecapraethsrachphraxngkhnnthungphiraly klawidwaecanayfayehnuxaelaklumphraprayuryatidarngtnxyuinsthanachnchnpkkhrxngtlxdma cnkrathnginpi ph s 2442 nkhrechiyngihmihrthbalsyamidekhamabriharcdkarkarpkkhrxngxyangetmrupaebb odydaeninnoybayphnwkdinaednaelaptirupkarpkkhrxngepnaebbmnthlethsaphibal ecanayfayehnuxcungdarngsthanaepnesmuxnkharachkarthimienginpracataaehnngethann ephraamiechnnn lannacathukphnwkepnswnhnungkhxngphma caklththickrwrrdiniym khwamsmphnthkbrachsanksyam karthiithyinsyampraethssamarthrwmknid ephraaxasryphrabrmedchanuphaphkhxngphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk aelasmedcphrabwrrachecamhasursinghnathrachxnuchaepntnekha kepnkhwamcring aetsmkhwrcaykyxngphuepnhwhnakhxngchawmnthlphayphinsmynndwy khuxecaecdtnxnepntntrakulwngskhxngecanayemuxngechiyngihm emuxngnkhrlapangaelaemuxnglaphun kbthngecaemuxngnanthiidepnbrrphburuskhxngecanayinemuxngnn thiidsamiphkdiaelwchwyrbphungkhasukepnkalngxyangsakhy cungthrngphrakrunaoprdykyxngwngsskulecaecdtnaelaskulecaemuxngnanihmiysepnecasubknma dwyepnskulkhuphrabarmikhxngphrabrmrachckriwngsmatngaetpthmkal phrarachdarsphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw esdcmnthlphayph ph s 2469 saysmphnthrahwangrachwngsthiphckrkbrachwngsckri mimatngaetkhrngsthapnakrungrtnoksinthrephraaidchwykhyayphrarachxanaekht aelaecasrixoncha phraxkhrchayainsmedcphrabwrrachecamhasursinghnath mibthbathsakhyyingkhrngyngepnthanphuhying inkarchwyhngayemuxng odyidchwyphrayasuriyxphyprabphrayasrrkhchwngekidkhwamimsngbinplaysmykrungthnburi khnathiecaphrayamhakstriysuk aelaecaphrayasursih ykthphipsurbkbekhmrpi ph s 2324 inkarprabphrayasrrkh ecasrixonchaideknthchawlawthipakephriyw sraburi ekhaphsmkbkxngkalngkhxngphrayasuriyxphycaknkhrrachsima rwmpraman 1 000 khn ykekhamatxsukbfayphrayasrrkhthithnburi karpathaknkhrngaerkfayphrayasuriyxphyidephliyngphla ecasrixonchacungbychakxngthpheruxchawmxyekhachwytikhnabcnfayphrayasrrkhphayaeph aelaintananecaecdtnexngkklawthungbthbathkhxngecasrixonchawa ecakhrxksrixonchahngayemuxngidiwaelw kichipechiyexaecaphrayackri phrayasursih 2 xngkhphinxngekhamaphanphiphphkhuneswyrachy ecaphrayackriepnphikstriyxngkhhlwng phrayasursih khnnxngpraktwa lneklalnkrahmxmkrmphrarachwngbwrsthanmngkhlwnghna saysmphnthrahwangsxngrachsankaennaefnxikkhrng emuxphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwthrngrbecathipheksr n echiyngihm marbrachkarfayinprasutiphrarachoxrs khuxphraecabrmwngsethx krmhmunsrrkhwiisynrbdi aelathisakhykhuxkarthrngthulkhxecadararsmi phrarachthidainphraecaxinthwichyannth marbrachkarfayintxmaidthrngoprdekla sthapnakhunepn phrarachchaya sungecadararsmi phrarachchaya thrngmibthbathsakhyxyangyinginkarechuxmkhwamsmphnthrahwangthngsxngrachsank nxkcaknnyngmiecanayfayehnuxaelaechuxsayecanayfayehnuxhlaythan idsmrskbecanayechuxphrawngsaelakharachkarchnphuihyhlaythan cungthaihmiechuxsayecanayfayehnuxekhaipmibthbathinrachsanksyamaelarachkarswnklang maxyangtxenuxng xathi ecaldakha n echiyngihm inphraecabrmwngsethx krmphrakaaephngephchrxkhroythin ecathiphwn n echiyngihm inphrawrwngsethx phraxngkhecabwredch ecafxngcnthr xinthkhtiy inphraecawrwngsethx phraxngkhecaxnusrmngkhlkar aela ecasri n nan inhmxmecasiththiphr kvdakr khwamsmphnthrahwanglannakbsyam cungimichkhwamsmphnthrahwangpraethsrachkbecapraethsrachthilannathukbibbngkhb aetepnkhwamsmphnthechingekhruxyati karkahndskdina aetedimsiththiinkarthuxkhrxngthrphysinaelaaephndinthnghmdthuxxyuinphrarachxanackhxngecahlwng hrux ecaphukhrxngnkhr phraecaphukhrxngnkhr thicaphrarachthanihecanayhruxrasdridkid txmainrchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw phramhakstriyithy rchkalthi 5 aehngrachwngsckri rachsanksyamidphyayamekhamamibthbathephuxkhwbkhumkarpkkhrxnghwemuxngpraethsrachfayehnux cungthrngphrakrunaoprdekla phrarachthanskdinaaekecanayphrayathawaesn hwemuxngpraethsrach ihmikahndinkrmskdisubip dngni ecahlwng hrux ecaphukhrxngnkhr phraecaphukhrxngnkhr aebngxxkepn 3 chn phraecapraethsrach skdina 15 000 ir ecapraethsrach skdina 10 000 ir phrayapraethsrach skdina 8 000 ir ecaxuprach skdina 5 000 ir ecarachwngs skdina 3 000 ir ecaburirtn skdina 2 400 ir ecarachbutr skdina 2 400 ir ecarachphakhiny skdina 2 000 ir ecarachphatikwngs skdina 2 000 ir ecarachsmphnthwngs skdina 2 000ir ecasuriywngs skdina 2 000 ir ecaxutrkaroksl skdina 1 600 ir ecaichysngkhram skdina 1 600 ir ecathksinniektn skdina 1 600 ir ecaniewsxudr skdina 1 600 ir wikisxrs mingantnchbbekiywkb phrarachbyytiskdinaecanayphrayathawaesnemuxngpraethsrach karphrarachthannamskul inpi ph s 2455 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw phramhakstriyithy rchkalthi 6 aehngrachwngsckri thrngphrakrunaoprdekla ihmikartrabyytiichnamskulkhun aelwidphrarachthannamskulihkbecaphukhrxngnkhrechiyngihm ecaphukhrxngnkhrlaphun ecaphukhrxngnkhrlapang aelaecaphukhrxngnkhrnan ihthayathphusubskulinecaphukhrxngnkhrichnamskul n echiyngihm n laphun n lapang aela n nan tamladb swnkarichnamskulinphrayatiwngsihepniptamdulyphinickhxngecaphukhrxngnkhrexng txmaecaphukhrxngnkhridxnuyatihphumiechuxsayecainkhnannekuxbthnghmdidichnamskulphrarachthanrwmkn xyangirktam enuxngcakkartrabyytiihichnamskulmikhunphayhlng 180 pi cungthaihpraktechuxsayecanayfayehnuxodyechphaaechuxsayecanaythiippkkhrxngemuxngbriwarichnamskulnxkehnuxcakphrarachthanxikhlaynamskul ladbkarphrarachthannamskulaekecaphukhrxngnkhrpraethsrachlanna dngni n laphun xksrormn na Lambhun namskulphrarachthan ladbthi 866 odyphrarachthanemuxwnthi 26 thnwakhm ph s 2456 aedecackrkhakhcrskdi ecaphukhrxngnkhrlaphun xngkhthi 10 aehngrachwngsthiphckr aelaphusubskulwngsmacakphrayakhafn ecaphukhrxngnkhrlaphun xngkhthi 1 aelaecaphukhrxngnkhrechiyngihm xngkhthi 3 aehngrachwngsthiphckr n echiyngihm xksrormn na Chiengmai namskulphrarachthan ladbthi 1 161 odyphrarachthanemuxwnthi 5 emsayn ph s 2457 aed ecaaekwnwrth ecaphukhrxngnkhrechiyngihm xngkhthi 9 aehngrachwngsthiphckr aelaphusubskulwngsmacakphraecakawila ecaphukhrxngnkhrechiyngihm xngkhthi 1 phrayathrrmlngka ecaphukhrxngnkhrechiyngihm xngkhthi 2 aelaphrayakhafn ecaphukhrxngnkhrechiyngihm xngkhthi 3 aehngrachwngsthiphckr n nan xksrormn na Nan namskulphrarachthan ladbthi 1 162 odyphrarachthanemuxwnthi 5 emsayn ph s 2457 aedphraecasuriyphngsphritedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 63 aehngrachwngstinmhawngs aelaphusubskulwngsmacakphraecahlwngtinmhawngs ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 51 aelapthmkstriyaehngrachwngstinmhawngs n lapang xksrormn na Lampang namskulphrarachthan ladbthi 1 166 odyphrarachthanemuxwnthi 5 emsayn ph s 2457 aedecabuywathywngsmanit ecaphukhrxngnkhrlapang xngkhthi 13 aehngrachwngsthiphckr aelaphusubskulwngsmacakphrayakhaosm ecaphukhrxngnkhrlapang xngkhthi 4 phraecadwngthiphy ecaphukhrxngnkhrlapang xngkhthi 5 aelaphrayaxuprachhmula phrayaxuprachnkhrlapang aehngrachwngsthiphckrbthbathhlngkarepliynaeplngkarpkkhrxng 2475 dankaremuxng hlngkarepliynaeplngkarpkkhrxng ph s 2475 ecanayfayehnuxaelaechuxsayidmikarprbepliynbthbathtamsthankarnbanemuxng hlaythanidekhamamibthbathsakhyaelamiswnchwyekuxkulekhruxyati xathi ecawrthsn n laphun xditrthmntrichwywakarkrathrwngmhadithy inrthbalkhxnghmxmrachwngsesniy praomch oxrsinphltri ecackrkhakhcrskdi ecaphukhrxngnkhrlaphun phnexk naywrkarbycha buyekid sutntannth xditrthmntriwakarkrathrwngkarkhlng aelaxditrksakarnaykrthmntri inrthbalcxmphl p phibulsngkhram chwngkbdaemnhttn butrinecakabaekw n laphun cxmphlpraphas caruesthiyr xditrxngnaykrthmntriaelarthmntriwakarkrathrwngmhadithy butrinecabwtxng n lapang inswnkhxngsaynkhrechiyngihmmiechuxsayhlaythanidekhasukaremuxngradbchatiaelaradbthxngthin sngphlihtrakul n echiyngihm epntrakulthimibthbaththangkaremuxngkhxngithy odyechphaainphunthicnghwdechiyngihm xathiechn ecabuyelis n echiyngihm inswnkhxngsaynkhrnanmiechuxsaythiekhasukaremuxng khux kharn n laphun xditrthmntrichwywakarkrathrwngsatharnsukh xditaeknnaphrrkhprachathipty smrskbecasukyya n nan thidainecaphukhrxngnkhrnan thngsxngthanmibthbathsakhyinthanaxditsmachiksphaphuaethnrasdr inswnthismachiksphanitibyytiaehngchati xathiechn phlexkcirphngs wrrnrtn n echiyngihm phlexkelisvththi ewchswrrkh echuxecdtn phlxakasexknrngkhskdi sngkhphngs n laphun inswnkhxngsayemuxngaephridechuxsayhlaythanthiekhasukaremuxngthngepnsmachiksphaphuaethnrasdr aelakaremuxngthxngthin xathi ecawngs aesnsiriphnthu rachbutrinphrawiichyracha hnankhti aesnsiriphnthu phrawiichyrachankhraephr khunhyingbwekhiyw rngkhsiri thidainrxngxamatytriephuxk ecaephuxk ichyprawti dusit rngkhsiri xditrthmntrichwywakarkrathrwngxutsahkrrm inrthbalphlexkchatichay chunhawn butrinkhunhyingbwekhiyw rngkhsiri nrngkh wngswrrn xditrxngnaykrthmntri inrthbalkhxngphlexksucinda khraprayur aelarthmntrixikhlaykrathrwng butrinecaaesn wngswrrn xnusrn wngswrrn xditrthmntrihlaykrathrwng butrkhxngnrngkh wngswrrn prakayphvks srutannth xditrthmntrichwywakarkrathrwngphanichy inrthbalphlexkeprm tinsulannth butrinecatawkha srutannth rachnddaecaphiriyethphwngs ecaphukhrxngnkhraephr oxlar ichyprawti xditrxngnaykrthmntri smyrthbalsmchay wngsswsdi hlaninecafxng brrelng rachnddaphrayaphimphisarracha ecaphukhrxngnkhraephr sastracarywiphat buysri wngsay xditxthikarbdisthabnethkhonolyikarekstr hlaninecamhachy wngsay ekrn prachasrysredch xditnaykethsmntriemuxngaephr butrinkhunhyingthiphyeksr etmiyannth rachnddainecaphiriyethphwngs ecaphukhrxngnkhraephr xnuwth wngswrrn naykxngkhkarbriharswncnghwdaephr aelamonphs hwemuxngaekw xthibdikrmxuthyanaehngchati stwpaaelaphnthuphuch dansngkhm ecanayfayehnuxaelaechuxsayidmaekhamibththangsngkhmaelathangwthnthrrm inthanachnchnna xathi karsubsansilpwthnthrrmfayehnuxinnamkhxngmulnithinwrachdarixnurksfayehnux aelakarekharwmkickrrmkbcnghwdechiyngihm aelaxngkhkrtang thngphakhrthaelaexkchn rwmthungnganrthphithi rachphithitang dwy karcdtngkxngthunecahlwngechiyngihminkarsngesrimkarsuksaaelakarkhnkhwawicy karbaephysatharnapraoychninemuxngechiyngihm xathi karsranghxngrksaphupwyorngphyabal xupkrnkaraephthy karbricakhsingkhxngcdaesdnginphiphithphnthaelahxsilpwthnthrrmemuxngechiyngihm aelabthbathinsphawthnthrrmcnghwdechiyngihm nxkcakbthbaththangsngkhminemuxngechiyngihm yngmibthbathinsngkhmchnnasungmiecanayfayehnuxaelaechuxsayhlaykhnekhaipmibthbathinwngthurkic aelawngsngkhmchnchnnainradbchati xathi ecakxaekwprakaykawil n echiyngihm thanphuhyingchtrsuda wngsthxngsri hmxmsrinwl n echiyngihm khunhyingrawiphnthu sucritkul ecadarartn n laphun khunhyingwicnthra bunnakh khunhyingcirapha sutabutr aelaecadwngeduxn n echiyngihm ecanayfayehnuxaelaechuxsayidrbkarykyxngcakrabbrachkarswnklang aelaswnphumiphakh ihmiswnrwminkickrrmtang rwmthungkartxnrbphrarachxakhntuka tlxdcnkarrbesdcephuxaesdngkhwamcngrkphkdi odyechphaakarphukkhxphrakrthwayaedphrabathsmedcphraprminthrmhaphumiphlxdulyedchaelasmedcphranangecasirikiti phrabrmrachininath inphithibaysrithulphrakhwy nxkcaknn phrabathsmedcphraecaxyuhw smedcphranangeca phrabrmrachininath aelaphrabrmwngsanuwngs yngthrngmiphramhakrunathikhuntxecanayfayehnux oprdihekhaefaepnkarswnphraxngkhemuxesdcaeprphrarachthan n phratahnkphuphingkhrachniews rwmthngphrarachthandxkimeyiymikhemuxkhwamthrabthungphraentrphrakrrn khrnghnungemuxpi ph s 2501 phrabathsmedcphraprminthrmhaphumiphlxdulyedchphrxmdwysmedcphranangecasirikiti phrabrmrachininath idesdcipeswyphrakrayaharthikhumwngstwn khxngphltri ecarachbutr wngstawn n echiyngihm aelachayphraruprwmkbecanayfayehnuxaelaechuxsayepnkarswnphraxngkh inkhrannexngthrngrbsngwa thungaembanemuxngcaepliynaeplngipxyangirihsamkhkhikn ihrwmklumknrksakhwamdiiw inthanathayathphukhrxngnkhr nbepncuderimtnkhxngkarkxtngmulnithinwrachdarixnurksfayehnux aetnnma danesrsthkic miecanayfayehnuxaelaechuxsayekhaipmibthbathhlaykhnindanesrsthkic xathi ecathiphysmaty n echiyngihm xditrxngprathankrrmkar thnakharkrungsrixyuthya cakd mhachn aela nayrphi sucritkul xditprathankrrmkarbrihar bristh hlkthrphyksikrithy cakd mhachn aela nay prathanbristh xinedks xinetxrenchnaenl krup cakd epntn inswnemuxngechiyngihm ecanayfayehnuxaelaechuxsayidrierimthurkicincnghwdechiyngihmhlaypraephth xathi thurkicorngaermaehngaerkincnghwdechiyngihm thurkicorngphaphyntraehngaerkincnghwdechiyngihm khxngecaichysuriwngs n echiyngihmrayphranam raynamecanayfayehnuxinphrarachwngsthiphyckrathiwngs smachikkhrxbkhrwprathanecanayfayehnux phunarachtrakul phusubskulecaphukhrxngnkhreriyngtamladbchnysinsayrachtrakul insaytrngkhxngphunarachtrakulethann khuxraynamecanayfayehnuxthiyngmichiwitxyu aelamibthbaththangsngkhm rachwngsthiphyckrathiwngs sayskulwngs n echiyngihm ecawngsskk n echiyngihm butrkhxngecaphngsxinthr n echiyngihm oxrsinphltri ecaaekwnwrth ecaphukhrxngnkhrechiyngihm ecapraiphphrrn sukhumwath thidakhxngecaphngsxinthr n echiyngihm aelakhuntrakar bunnakh ecaiphthurysri n echiyngihm thidainecaxinthnnth n echiyngihm oxrsinphltri ecaaekwnwrth ecaphukhrxngnkhrechiyngihm kbecanangsukhntha phrathidainecafartnakxnaekwxinaethlng ecafahlwngechiyngtungin khunhyingwicnthra bunnakh thidakhxngecawngscnthr khchesni hlankhxngecaaekwnwrth ecaphukhrxngnkhrechiyngihm sayskulwngs n laphun phlxakastri ecawthnn n laphun butrkhxngecaphngsthada n laphun oxrsinecackrkhakhcrskdi ecaphukhrxngnkhrlaphun ecadarartn n laphun thidakhxngecaphthna n laphun hlankhxngecackrkhakhcrskdi ecaphukhrxngnkhrlaphun kbecaphngsaekw n laphun hlankhxngphltri ecaaekwnwrth ecaphukhrxngnkhrechiyngihm ecasuphthra xngkasiththi hlankhxngecarththathr n laphun hlankhxng ecackrkhakhcrskdi ecaphukhrxngnkhrlaphun ecaphthnphngs n laphun butrkhxngecaphthna n laphun kbecaphngsaekw n laphun ecaskdikhcr n laphun butrkhxngecaphthna n laphun kbecaphngsaekw n laphun sayskulwngs n lapang ecaichyaekw n lapang butrkhxngphraephchrkhiri ecaaekwemuxngith n lapang hlankhxng ecahlwngphrhmaphiphngsthada ecaphukhrxngnkhrlapang ecasrirtn n lapang butrkhxngphraephchrkhiri ecaaekwemuxngith n lapang rachwngstinmhawngs ecasmprarthna n nan thidainecaokhmthxng n nan odyepnphusubskulecaphukhrxngnkhrnansubtxmarda aelaepnphukhrxbkhrxngkhumecarachbutr hmxkfa n nan rwmkbecawasna phuwuthikul nxngsaw aelasthaphr suriya sami ecawasna phuwuthikul skuledim n nan thidainecaokhmthxng n nan aelaepnphukhrxbkhrxngkhumecarachbutr hmxkfa n nan rwmkbecasmprarthna n nan phuepnphisaw aelanaysthaphr suriya phiekhy ecasrxyikhmuk n nanxangxingechingxrrthsmphnthlanna syaminnam mulnithinwrachdarixnurksfayehnux prakasnaythaebiynmulnithicnghwdechiyngihm eruxng cdthaebiyncdtng mulnithinwrachdarixnurksfayehnux ebycwrrn buyothaesng phthnakarkarprbtwthangkaremuxngkhxngklumxanacthxngthinphayhlngkarphnwkdinaednkhxngsyam ph s 2442 2547 krnisuksatrakul n echiyngihm 2011 12 04 thi ewyaebkaemchchin withyaniphnthrthsastrmhabnthit mhawithyalyechiyngihm 2550 taaehnngecaemuxngkhun hwemuxngkhunchnthisxng khxngrachsanklanna eriykwa phya hrux xachya chawemuxngniymeriykwa ecaphya hrux ecahlwng echn phyakhnthesmabdi ecaemuxngpaepa xachyamhawngs ecaemuxngechiyngkha swnemuxngthimichawithihyepncanwnmak caeriykwa ecafa echn emuxngaemhxngsxn emuxngkhunywm emuxngpay echn phyaethphbarungrtnaekhtr ecafawngs ecaemuxngkhunywm n x khmphir khmphiryannnth karsngecanayphraprayuryatiipkhrxngynghwemuxngpraethsrachaelahwemuxngchn 1 aela chn 2 tang nn ecanayehlanncaidrbkarethidphraekiyrticakrasdrwa ecahlwng aelachayakcathukeriykkhanwa aemeca swnkarpkkhrxngnkhrnn mikartngkharachkarhruxkhunemuxngthng 8 ephuxchwyrachkaraephndinehmuxnhwngrachwngsmngraypkkhrxngxanackrlanna khux 1 phya echn phyacaban phyaedkchay phyasamlan aelaphyaaesnhlwng 2 xachya 3 aesnhlwng 4 aesn 5 thaw 6 hay 7 hmun dngnnkhawa phrayahruxphyathithukphrarachthanipcakrachsanksyam cungmikhwamhmayaetktangknxyangsinechingsahrbrachsanklanna n x khmphir khmphiryannnth rachkiccanuebksa elm 43 na 4073 wnthi 13 kumphaphnth 2469 sngwn ochtisukhrtn priwrrt tananecaecdtn chbbsingkha wrrnsy echiyngihm sngwnkarphimph 2511 hna 35 phrarachphngsawdarkrungthnburi aelacdhmayehturaywnthphsmykrungthnburi in prachumphngsawdar elm 40 phrankhr xngkhkarkhakhuruspha hna 12 nrinthrethwi krmhlwng cdhmayehtukhwamthrngca krungethph xngkhkarkhakhuruspha hna 16 phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw thrngphrakrunaoprdekla phrarachthanekhruxngkhttiyrachxisriyaphrnxnmiekiyrtikhunrungeruxngyingmhackribrmrachwngs thwayaedphraecaxinthwichyannthsungnbwaepnkarthwayphraekiyrtinbenuxngepnphrabrmwngsanuwngschnphuihyinphrabrmrachwngsckri aelaepnphraecapraethsrachephiyngphraxngkhediywinprawtisastrthiidrbphrarachthanaelaykyxngphraekiyrtiysdngklaw n x khmphir khmphiryannnth http www ratchakitcha soc go th DATA PDF 2442 016 197 PDF phrarachbyytiskdinaecanay phrayathawaesnemuxngpraethsrach prakasma n wnthi 14 krkdakhm rtnoksinthrsk 118 rachwngsthiphckraelarachwngstinmhawngs miprawtikhwamepnmayawnantngaetkhrngkrungsrixyuthya thaihmikarkracdkracayechuxsay odyechphaarachwngsthiphckrnn idsthapnakhuninpi 2275 aetkartraphrarachbyytinamskulmikhuninpi 2455 cakkarsuksakhnkhwacungphbwamiechuxsayhlaythankhxphrarachthaninkhraediywkn aelahlaythanmikhwamsbsninkareluxkichnamskulxyubang ephraa 1 ecahlwngbangphraxngkhkhunkhrxngsxngnkhr echn ecahlwngesrsthikhafn thrngepnecaphukhrxngnkhrlaphun kxnkhunkhrxngnkhrechiyngihm 2 mikarsmrsinhmuecanayphraprayuryatikhamnkhrthngsammaxyangyawnan 3 ecanaybutrhlanidthuksngipepnecakhnhaibtamnkhrxun aelaepnecahlwngpkkhrxngemuxngbriwartang echuxsayecanayinemuxngbriwarcungpraktichnamskultangxxkipxikhlaynamskul n x khmphir khmphiryannnth rachkiccanuebksa prakas hammiihphuthiimidrbphrarachthannamskulich n nahnanamskul elm 32 txn 0 k 19 thnwakhm ph s 2458 hna 395 rachkiccanuebksa prakasphrarachthannamskul elmthi 30 txn 0 ng wnthi 28 thnwakhm 2456 hna 2122 prakasphrarachthannamskul khrngthi 14 ladbthi 1156 thungladbthi 1182 rachkiccanuebksa elm 31 wnthi 5 emsayn 2457 hna 10 rachkiccanuebksa prakasphrarachthannamskul wnthi 5 emsayn 2457 prakasphrarachthannamskul khrngthi 14 ladbthi 1156 thungladbthi 1182 rachkiccanuebksa elm 31 wnthi 5 emsayn 2457 hna 10 1 tntrakul n echiyngihmrwmcula thabuykhlaywnprasuti phrarachchayaecadararsmi eswna fxnelbyingihy chawechiyngihmaehrwmthwaydxkimcnthn ecafaephchrrtn lingkesiy xaly ecadwngeduxn n echiyngihm ecanayfayehnux cdphithisphaebblanna hnngsuxprachumphngsawdar phakhthi 61 phimphepnxnusrninnganphrarachthanephlingsph phltriecarachbutr wngstawn n echiyngihm n emruwdswndxk cnghwdechiyngihm ecaichysuriwngsinsaytrakulecaecdtn ecanayfayehnux thaeniybswnrachkarkhxngcnghwdechiyngihm 2016 03 04 thi ewyaebkaemchchinsubkhnwnthi 21 mithunayn 2555 karaebngxxkepnecanaysayecaphukhrxngnkhrechiyngihm nkhrlaphun hruxnkhrlapang epneruxngyakephraamikhwamsmphnthsmrsknipmathng 3 nkhr rwmthngrachwngsmngray saynkhrechiyngtung sungmisaysmphnthekhruxyatiaenbaennkbrachwngsthiphckraetkhrngtnkrungrtnoksinth n x khmphir khmphiryannnth khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 03 05 subkhnemux 2013 04 23 wichyda thxngaedng 7 phvsphakhm 2552 warsaremuxngobran khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2022 05 22 subkhnemux 29 knyayn 2558 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help brrnanukrmkhmphir khmphiryannnth nawaxakasexk ecanayfayehnux 2 2021 05 14 thi ewyaebkaemchchin darngrachanuphaph smedcphraecabrmwngsethx krmphraya tananwngna phrankhr orngphimphosphnphiphrrththnakr 2462 phimphaeckinngansphnangsun chatioxsth pimaaem ph s 2462 tananphunemuxngechiyngihm chbb echiyngihm 700 pi echiyngihm sunywthnthrrmcnghwdechiyngihm sthabnrachphtechiyngihm 2538 496 hna ISBN 974 8150 62 3 nngeyaw kaycncari dararsmi phraprawtiphrarachchaya ecadararsmi echiyngihm suriwngsbukhesnetxr 2539 prachakickrckr aechm bunnakh phraya phngsawdaroynk nnthburi sripyya 2557 496 hna ISBN 978 616 7146 62 1 prani sirithr n phthlung ephchrlanna khrngthi 2 echiyngihm phucdkar sunyphakhehnux 2538 mhaxamatyathibdi hrun sriephy phraya phngsawdaremuxngnkhrechiyngihm emuxngnkhrlapang emuxnglaphunichy krungethph orngphimphphracnthr 2505 ecawngsskk n echiyngihm khnathayathsayskul n echiyngihm ecahlwngechiyngihm wrchati michubth ecanayfayehnux aelatananrkmaemiya krungethph srangsrrkhbukhs 2556 428 hna ISBN 978 616 220 054 0 ecawrethwi n laphun chlwnich thiralukinkarburnakubrrcuxthiecaphukhrxngnkhrlaphun chaya aelaecanayskul n laphun n echiyngihm n susanhlwnglaphun khrngthi1 b xmrinthrphrintingaexndphblichching ck mhachn 15 emsayn 2549 smhmay eprmcitt sthabnwicysngkhm mhawithyalyechiyngihm tanansibharachwngs chbbsxbchara echiyngihm mingemuxng 2540 skdi rtnchy phngsawdarsuwrrnhxkhankhrlapang tananecaecdphraxngkhkbhxkhamngkhl chbbsxbthankbexksarsubkhn srsw lapang ecanayfayehnux brrdaskdikhxngecanayfayehnuxaelapraednnarubangprakar