รายพระนามกษัตริย์นครรัฐน่าน, เจ้าผู้ครองนครน่าน และ เจ้าผู้ปกครองเมืองน่าน นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 1825 จนถึงปี พ.ศ. 2474
นครน่าน หรือ อาณาจักรน่าน สถาปนาขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 1812 โดยพญาภูคา เจ้าเมืองย่าง มีดำริห์ที่จะสร้างเมืองใหม่ให้พระโอรสขึ้นปกครอง แล้วพญาภูคาได้ทรงเลือกพื้นที่ที่มีชัยภูมิที่ดีแล้วก็โปรดให้สร้างเมืองใหม่ขึ้น เเล้วเสร็จในปี พ.ศ. 1825 พญาภูคา เจ้าเมืองย่าง ผู้เป็นพระบิดาจึงได้ประทานนามเมืองใหม่แห่งนี้ว่า “วรนคร” ซึ่งหมายถึง เมืองที่ดี นับเป็นการเริ่มต้นประวัติศาสตร์ของนครน่าน
นครน่าน หรือ อาณาจักรน่าน มีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานพอๆ กับอาณาจักรสุโขทัย และอาณาจักรล้านนา ปกครองโดยกษัตริย์และเจ้าผู้ครองนครที่สืบสันตติวงศ์และพลัดเปลี่ยนกันขึ้นปกครองรวมทั้งสิ้น 64 พระองค์ และสามารถแบ่งพัฒนาการทางประวัติศาสตร์และความเป็นมาของนครน่าน ออกเป็น 4 ยุคสมัย ดังนี้
- ยุค นครรัฐน่าน มีความสัมพันธ์กับอาณาจักรสุโขทัย
- ยุค เมืองน่าน ภายใต้การปกครองของอาณาจักรล้านนา
- ยุค เมืองน่าน ภายใต้การปกครองของอาณาจักรพม่า
- ยุค นครน่าน ภายใต้การปกครองของอาณาจักรธนบุรีและอาณาจักรรัตนโกสินทร์
กษัตริย์และเจ้าผู้ครอง แห่งนครน่าน | |
---|---|
ราชาธิปไตยในอดีต | |
ตราแผ่นดินเมืองนครน่าน | |
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช พระเจ้านครเมืองน่าน ทรงเป็นพระเจ้าผู้ครองนครน่านพระองค์แรกและพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์น่าน | |
| |
ปฐมกษัตริย์ | • พญาภูคา ปฐมกษัตริย์น่านแห่งราชวงศ์ภูคา • พญาขุนฟอง ปฐมวงศ์กษัตริย์แห่งนครรัฐน่าน |
องค์สุดท้าย | เจ้ามหาพรหมสุรธาดา |
อิสริยยศ | กษัตริย์แห่งนครรัฐน่าน พระเจ้านครเมืองน่าน เจ้านครเมืองน่าน พระยาเมืองน่าน |
สถานพำนัก | หอคำหลวง แห่งนครน่าน |
ผู้แต่งตั้ง | กษัตริย์ล้านนา (พ.ศ. 1993–2101) กษัตริย์พม่า (พ.ศ. 2103–2329) กษัตริย์สยาม (พ.ศ. 2317–2474) |
เริ่มระบอบ | พ.ศ. 1812 |
สิ้นสุดระบอบ | 17 สิงหาคม พ.ศ. 2474 (662 ปี 7 เดือน 17 วัน) |
ผู้อ้างสิทธิ์ | เจ้าสมปรารถนา ณ น่าน |
รายพระนามกษัตริย์น่านแห่งราชวงศ์ภูคา (นครรัฐน่านอิสระ)
ยุคที่ 1 สถาปนาเมืองวรนคร (ปัว) และเมืองน่าน (พ.ศ. 1825 - พ.ศ. 2004 )
เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1825 มีคนไทยกลุ่มหนึ่งในการนำของพระยาภูคา ได้ครอบครองพื้นที่ราบบริเวณตอนบนของจังหวัดน่าน ตั้งศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองย่าง หรือเมืองล่าง (เชื่อกันว่าอยู่บริเวณริมฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำย่างใกล้เทือกเขาดอยภูคา ในเขตบ้านเสี้ยว หมู่ที่ 6 ตำบลยม อำเภอท่าวังผา) เนื่องจากพบร่องรอยชุมชนในสภาพที่เป็นคูน้ำคันดินกำแพงเมืองซ้อนกันอยู่ ต่อมาพระยาภูคามีดำริห์ที่จะได้ขยายอาณาเขตของตนออกไปให้กว้างขวางมากขึ้น จึงได้ส่งพระราชบุตรบุญธรรมสองคนไปสร้างเมืองใหม่ เมืองแรกให้สร้างทางตะวันออกริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง แล้วให้ชื่อเมืองว่า "เมืองจันทบุรี" (หลวงพระบาง) แล้วให้ผู้เป็นพี่ไปครองเมือง เมืองที่สองโปรดให้สร้างทางตะวันตกริมฝั่งแม่น้ำน่า แล้วให้ชื่อเมืองว่า "เมืองวรนคร" (ปัว) แล้วให้เจ้าขุนฟอง ผู้เป็นน้องไปครองเมือง
รายพระนามกษัตริย์น่านแห่งราชวงศ์ภูคา
กษัตริย์น่านแห่งราชวงศ์ภูคา ในยุคนครรัฐน่านอิสระ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 1825 - พ.ศ. 2004 รวมระยะเวลา 179 ปี และมีกษัตริย์น่านแห่งราชวงศ์ภูคาขึ้นปกครองทั้งสิ้น 16 พระองค์ 17 รัชกาล มีรายพระนามตามลำดับ ดังนี้
ลำดับ | รายพระนาม | ครองราชย์ | หมายเหตุ | |||
---|---|---|---|---|---|---|
เริ่ม | สิ้นสุด | รวมเวลา | ||||
สถาปนาเมืองวรนครขึ้นเป็นราชธานีแห่งแรกของนครรัฐน่าน (พ.ศ. 1825 - พ.ศ. 1902) | ||||||
1 | พญาขุนฟอง | พ.ศ. 1825 | พ.ศ. 1845 | 20 ปี | ปฐมกษัตริย์น่าน | |
2 | พญาเก้าเกื่อน | พ.ศ. 1846 | พ.ศ. 1848 | 2 ปี | พระโอรส พญาขุนฟอง | |
3 | พระนางคำปินมหาเทวี | พ.ศ. 1848 | พ.ศ. 1849 | 7 เดือน | พระชายา พญาเก้าเกื่อน | |
- | พระนางวรนครเทวี | พ.ศ. 1850 | พ.ศ. 1866 | 16 ปี | รักษาเมืองวรนคร พระชายา พญางำเมือง | |
4 | พญาผานอง | พ.ศ. 1866 | พ.ศ. 1896 | 30 ปี | พระโอรส พญาเก้าเกื่อน | |
5 | พญาขุนไส | พ.ศ. 1896 | พ.ศ. 1898 | 2 ปี | พระโอรส พญาผานอง | |
6 | พญากานเมือง | พ.ศ. 1898 | พ.ศ. 1902 | 5 ปี | พระเชษฐา พญาขุนไส | |
ย้ายราชธานีจากเมืองวรนครมายังเวียงภูเพียงแช่แห้ง (พ.ศ. 1902) | ||||||
สถาปนาเวียงภูเพียงแช่แห้ง ขึ้นเป็นราชธานีแห่งที่ 2 (พ.ศ. 1092 - พ.ศ. 1911) | ||||||
6 | พญากานเมือง | พ.ศ. 1902 | พ.ศ. 1905 | 4 ปี | พระเชษฐา พญาขุนใส | |
7 | พญาผากอง | พ.ศ. 1905 | พ.ศ. 1911 | 6 ปี | พระโอรส พญากานเมือง | |
ย้ายราชธานีจากเวียงภูเพียงแช่แห้ง มายังเมืองน่าน (พ.ศ. 1911 ) | ||||||
สถปนาเวียงน่าน หรือ นันทบุรี ขึ้นเป็นราชธานีแห่งที่ 3 (พ.ศ. 1911 - พ.ศ. 2362) | ||||||
7 | พญาผากอง | พ.ศ. 1911 | พ.ศ. 1931 | 20 ปี | พระโอรส พญากานเมือง | |
8 | พญาคำตัน | พ.ศ. 1931 | พ.ศ. 1941 | 10 ปี | พระโอรส พญาผากอง | |
9 | พญาศรีจันต๊ะ | พ.ศ. 1941 | พ.ศ. 1942 | 1 ปี | พระโอรส พญาคำตัน | |
- | พระยาเถระ | พ.ศ. 1942 | พ.ศ. 1942 | 6 เดือน | พญาแพร่กบฎ | |
- | พระยาอุ่นเมือง | พ.ศ. 1942 | พ.ศ. 1943 | 1 ปี | อนุชาพญาเถระ | |
10 | พญาหุง | พ.ศ. 1943 | พ.ศ. 1950 | 7 ปี | พระอนุชา พญาศรีจันต๊ะ | |
11 | พญาคัมพูลราช | พ.ศ. 1950 | พ.ศ. 1960 | 10 ปี | พระโอรส พญาหุง | |
12 | พญาพันต้น | พ.ศ. 1960 | พ.ศ. 1968 | 8 ปี | พระโอรส พญาภูเข่ง | |
13 | พญางั่วฬารผาสุม | พ.ศ. 1969 | พ.ศ. 1976 | 7 ปี | พระโอรส พญาพันต้น | |
14 | พญาอินต๊ะแก่นท้าว (1) | พ.ศ. 1976 | พ.ศ. 1977 | 3 เดือน | พระโอรส พญางั่วฬารผาสุม | |
15 | พญาแปง | พ.ศ. 1977 | พ.ศ. 1978 | 1 ปี | พระอนุชา พญาอินต๊เแก่นท้าว | |
16 | พญาอินต๊ะแก่นท้าว (2) | พ.ศ. 1978 | พ.ศ. 1993 | 15 ปี | พระเชษฐา พญาแปง | |
เมืองน่านตกเป็นเมืองประเทศราชของอาณาจักรล้านนา (พ.ศ. 1993) | ||||||
17 | พญาผาแสง | พ.ศ. 1993 | พ.ศ. 2004 | 11 ปี | พระภาติยะ พญาอินต๊ะแก่นท้าว | |
สิ้นสุดการปกครองของกษัตริย์นครรัฐน่านแห่งราชวงศ์ภูคา (พ.ศ. 2004) |
รายพระนามเจ้าผู้ครองเมืองน่าน (ภายใต้การปกครองของล้านนา)
ยุคที่ 2 นครน่าน ภายใต้การปกครองอาณาจักรล้านนา (พ.ศ. 1993 - พ.ศ. 2101 รวมระยะเวลา 108 ปี)
เมื่อพระเจ้าติโลกราช ตีเมืองน่านได้สำเร็จ ในปี พ.ศ. 1993 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของ กษัตริย์น่าน พระองค์ที่ 16แห่งราชวงศ์ภูคา ก็ทรงผนวกเมืองน่านเข้าเป็นประเทศราชของอาณาจักรล้านนา แล้วทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เจ้าผาแสง พระโอรสใน กษัตริย์น่าน องค์ที่ 15 แห่งราชวงศ์ภูคา และทรงเป็นพระภาติยะใน กษัตริย์น่าน องค์ที่ 16 แห่งราชวงศ์ภูคา ขึ้นปกครองเมืองน่านสืบต่อมา
ในระยะแรกเมืองน่านยังมีฐานะเป็นเมืองประเทศราชของอาณาจักรล้านนา แต่หลังจากที่ กษัตริย์น่าน องค์ที่ 17 แห่งราชวงศ์ภูคา ทรงสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2004 เมืองน่านก็ถูกลดฐานะลงเป็นเพียงหัวเมืองในอาณาจักรล้านนา เจ้าผู้ปกครองเมืองน่าน มีฐานะเป็นขุนนาง (หมื่น,ท้าว,พระยา) ที่ขึ้นตรงกับกษัตริย์แห่งเมืองเชียงใหม่จะเป็นผู้คัดเลือกขุนนางให้มาปกครองดูแลเมืองน่านทั้งสิ้น จึงทรงเป็นกษัตริย์น่าน พระองค์ที่ 16 และเป็นพระองค์สุดท้ายที่สืบเชื้อสายกษัตริย์มาจากราชวงศ์ภูคา นับตั้งแต่พระเจ้าขุนคำฟอง ทรงเสด็จขึ้นเสวยราชย์สมบัติเป็นปฐมกษัตริย์น่านแห่งราชวงศ์ภูคา ในปี พ.ศ. 1825
ขุนนางที่พระเจ้าติโลกราช แต่งตั้งให้มาครองเมืองน่าน ก็จะครองอยู่เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 3 - 5 ปี ต่อมาก็ได้อยู่นานขึ้น แต่ไม่เกิน 10 ปี สภาพของเมืองน่านคงเป็นปกติสุขเช่นเดิม
รายพระนามเจ้าผู้ครองเมืองน่าน (ภายใต้การปกครองของล้านนา)
เมืองน่าน (ภายใต้การปกครองของอาณาจักรล้านนา) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 1993 - พ.ศ. 2101 รวมระยะเวลา 108 ปี มีเจ้าผู้ครองเมืองน่าน ในยุคนี้ 16 องค์ มีรายพระนามตามลำดับ ดังต่อไปนี้
ลำดับ | รายพระนาม | ครองราชย์ | หมายเหตุ | ||
---|---|---|---|---|---|
เริ่ม | สิ้นสุด | รวมเวลา | |||
18 | หมื่นสร้อยเชียงของ | พ.ศ. 2005 | พ.ศ. 2009 | 4 ปี | ย้ายไปครองเมืองฝาง |
19 | พ.ศ. 2009 | พ.ศ. 2011 | 2 ปี | พิราลัย ณ เมืองน่าน | |
20 | พ.ศ. 2012 | พ.ศ. 2016 | 4 ปี | พิราลัย ณ เมืองน่าน | |
21 | พ.ศ. 2016 | พ.ศ. 2018 | 2 ปี | ย้ายไปครองเมืองฝาง | |
22 | ท้าวขาก่าน | พ.ศ. 2019 | พ.ศ. 2023 | 4 ปี | ย้ายไปครองเมืองเชียงราย |
23 | ท้าวอ้ายยวม | พ.ศ. 2024 | พ.ศ. 2028 | 4 ปี | พิราลัย ณ เมืองน่าน |
24 | ท้าวเมืองตน | พ.ศ. 2028 | พ.ศ. 2032 | 4 ปี | พิราลัย ณ เมืองน่าน |
25 | พ.ศ. 2032 | พ.ศ. 2032 | 6 เดือน | พิราลัย ณ เมืองน่าน | |
26 | (1) | พ.ศ. 2032 | พ.ศ. 2039 | 7 ปี | ย้ายไปครองเมืองเชียงราย |
27 | หมื่นตีนเชียง | พ.ศ. 2039 | พ.ศ. 2040 | 1 ปี | ย้ายไปครองเมืองเชียงราย |
28 | (2) | พ.ศ. 2040 | พ.ศ. 2050 | 10 ปี | พิราลัย ณ เมืองน่าน |
29 | พ.ศ. 2050 | พ.ศ. 2052 | 2 ปี | ย้ายไปครองเมืองฝาง | |
30 | พ.ศ. 2053 | พ.ศ. 2056 | 3 ปี | ย้ายไปครองเมืองนครลำปาง | |
31 | ท้าวบุญฝาง | พ.ศ. 2056 | พ.ศ. 2058 | 2 ปี | ย้ายไปครองเมืองเทิง |
32 | เจ้าเมืองฝาง | พ.ศ. 2058 | พ.ศ. 2059 | 10 เดือน | ย้ายไปครองเมืองพะเยา |
33 | พระยาคำยอดฟ้า (1) | พ.ศ. 2059 | พ.ศ. 2060 | 3 เดือน | ย้ายไปครองเมืองพะเยา |
34 | พระยาหน่อเชียงแสน | พ.ศ. 2060 | พ.ศ. 2062 | 2 ปี | ย้ายไปครองเมืองพะเยา |
35 | พระยาคำยอดฟ้า (2) | พ.ศ. 2062 | พ.ศ. 2069 | 7 ปี | ย้ายไปครองเมืองเชียงใหม่ |
36 | เจ้าแสนสงคราม | พ.ศ. 2069 | พ.ศ. 2069 | 1 เดือน | ย้ายไปครองเมืองนครลำปาง |
37 | พระยาคำยอดฟ้า (3) | พ.ศ. 2069 | พ.ศ. 2070 | 1 ปี | พิราลัย ณ เมืองเชียงใหม่ |
38 | พระยาพลเทพฦๅไชย | พ.ศ. 2070 | พ.ศ. 2101 | 31 ปี | หนีไปเมืองล้านช้าง |
รายพระนามเจ้าผู้ครองเมืองน่าน (ภายใต้การปกครองของพม่า)
ยุคที่ 3 นครน่าน ภายใต้การปกครองของอาณาจักรพม่าแห่งราชวงศ์อังวะ (พ.ศ. 2103 - พ.ศ. 2329 รวมระยะเวลา 226 ปี )
ในปี พ.ศ. 2096 - พ.ศ. 2101 พระเจ้าบุเรงนอง แห่งกรุงหงสาวดี ได้ยกกองทัพมาตีเมืองเชียงใหม่ และได้เมืองเชียงใหม่เป็นประเทศราชของพม่า ต่อมากองทัพพม่าได้ยกมาตีเมืองน่าน เมืองน่านในขณะนั้นปกครองโดย พระยาพลเทพฤๅชัย เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 38 นำกองทัพเมืองน่านออกต่อสู้กับกองทัพพม่าอย่างสุดกำลัง และไม่สามารถต้านทานกองทัพพม่าได้ จึงได้พาครอบครัว และชาวเมืองน่านบางส่วนหลบหนีไปพึ่งเจ้าเมืองหลวงพระบาง ในปี พ.ศ. 2101 จึงถือเป็นการสิ้นสุดอำนาจของอาณาจักรล้านนา ในแผ่นดินเมืองน่าน
ต่อมา พระเจ้าบุเรงนอง จึงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พระยาหน่อคำเสถียรไชยราชสงคราม มาเป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน แทนในปี พ.ศ. 2103 และได้ใช้เมืองน่านเป็นฐานกำลังในการยกกองทัพพม่าไปปราบปรามอาณาจักรล้านช้างต่อไป
รายพระนามเจ้าผู้ครองนครน่าน (ภายใต้การปกครองของพม่า)
ยุคนครน่าน (ภายใต้การปกครองของพม่า) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2103 - พ.ศ. 2329 รวมระยะเวลา 226 ปี มีเจ้าผู้ครองนครน่าน ในยุคนี้ทั้งหมด 15 องค์ มีรายพระนาม ตามลำดับดังนี้
ลำดับ | รายพระนาม | ครองราชย์ | หมายเหตุ | ||
---|---|---|---|---|---|
เริ่ม | สิ้นสุด | รวมเวลา | |||
39 | พระยาหน่อคำเสถียรไชยสงคราม | พ.ศ. 2103 | พ.ศ. 2134 | 31 ปี | |
40 | พระเจ้าเจตบุตรพรหมินทร์ | พ.ศ. 2134 | พ.ศ. 2140 | 6 ปี | ครั้งที่ 1 |
- | พระยาแขก (รักษาเมืองน่าน) | พ.ศ. 2141 | พ.ศ. 2143 | 2 ปี | |
41 | พระเจ้าเจตบุตรพรหมินทร์ | พ.ศ. 2144 | พ.ศ. 2146 | 2 ปี | ครั้งที่ 2 |
42 | พระเจ้าพลศึกซ้ายไชยสงคราม | พ.ศ. 2146 | พ.ศ. 2158 | 12 ปี | |
43 | พ.ศ. 2158 | พ.ศ. 2168 | 10 ปี | ||
44 | พ.ศ. 2169 | พ.ศ. 2182 | 13 ปี | ||
45 | พ.ศ. 2182 | พ.ศ. 2191 | 9 ปี | ||
46 | พ.ศ. 2192 | พ.ศ. 2205 | 13 ปี | ||
47 | พ.ศ. 2207 | พ.ศ. 2230 | 23 ปี | ||
48 | พ.ศ. 2232 | พ.ศ. 2246 | 14 ปี | ||
- | พระนาซ้าย (น้อยอินทร์) | พ.ศ. 2246 | พ.ศ. 2251 | 5 ปี | ครั้งที่ 1 |
49 | พ.ศ. 2251 | พ.ศ. 2257 | 6 ปี | ||
50 | เจ้าฟ้าเมียวซา | พ.ศ. 2257 | พ.ศ. 2259 | 2 ปี | |
- | พระนาขวา (น้อยอินทร์) | พ.ศ. 2259 | พ.ศ. 2269 | 10 ปี | ครั้งที่ 2 |
สถาปนาราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ ขึ้นปกครองเมืองนครน่าน ในปี พ.ศ 2269 | |||||
51 | พระเจ้าหลวงติ๋นมหาวงศ์ ปฐมวงศ์แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ | พ.ศ. 2269 | พ.ศ. 2294 | 25 ปี | สถาปนา ราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ |
52 | พระเจ้าอริยวงษ์ | พ.ศ. 2297 | พ.ศ. 2311 | 14 ปี | |
53 | พระเจ้านายอ้าย | พ.ศ. 2311 | พ.ศ. 2312 | 7 เดือน | |
54 | พระเจ้ามโนราชา | พ.ศ. 2312 | พ.ศ. 2317 | 5 ปี | |
- | เจ้ามโน | พ.ศ. 2325 | พ.ศ. 2327 | 2 ปี | อ้างสิทธิ์ใน นครน่านที่เมืองเทิง |
- | พระยาอัตถวรปัญโญ | พ.ศ. 2327 | พ.ศ. 2329 | 2 ปี | อ้างสิทธิ์ใน นครน่านที่เมืองเทิง |
รายพระนามเจ้าผู้ครองนครน่าน (ภายใต้การปกครองของอาณาจักรธนบุรีและรัตนโกสินทร์)
ยุคที่ 4 นครน่าน ภายใต้การปกครองของอาณาจักรธนบุรีและอาณาจักรรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2329 - พ.ศ. 2474 รวมระยะเวลา 145 ปี )
ในปี พ.ศ. 2326 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา เจ้าจันทปโชติ ผู้เป็นพระโอรสใน พระเจ้าอริยวงษ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 52 ขึ้นเป็น "เจ้าผู้ครองเมืองน่าน" และได้รับการเฉลิมพระนามว่า พระยามงคลวรยศประเทศราช และโปรดเกล้าฯ ให้กลับขึ้นมาครองเมืองน่านตามเดิม แต่เมืองน่านในขณะนั้นยังรกร้างว่างเปล่าเพราะถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน เจ้ามงคลวรยศ จึงได้ตั้งมั่นอยู่ที่เมืองท่าปลา (อาณาเขตเมืองนครน่านในอดีต)
ในปี พ.ศ. 2327 พระเจ้าปดุง พระมหากษัตริย์พม่า รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์โก้นบอง ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา เจ้าอัตถวรปัญโญ ผู้เป็นพระภาติยะ (หลานน้า)ใน พระเจ้ามงคลวรยศ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 56 ขึ้นเป็น "เจ้าผู้ครองเมืองน่าน" และได้รับการเฉลิมพระนามว่า พระยาอัตถวรปัญโญ โดยตั้งมั่นอยู่ที่เมืองเทิง (อาณาเขตเมืองนครน่านในอดีต)
ในส่วนของ เจ้าสมณะ ผู้เป็นพระอนุชาต่างพระมารดากับ พระเจ้ามงคลวรยศ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 56 ได้ตั้งมั่นอยู่ที่เมืองสา (อำเภอเวียงสา ในปัจจุบัน)
ในปี พ.ศ. 2329 พระเจ้ามงคลวรยศ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 56 ได้สละราชย์สมบัติ และยกเมืองน่านให้ พระยาอัตถวรปัญโญ ผู้เป็นพระภาติยะ (หลานน้า) ขึ้นปกครองสืบต่อไป
ในปี พ.ศ. 2331 พระยาอัตถวรปัญโญ เจ้าเมืองน่าน ได้นำแสนท้าวขุนนางเมืองน่าน เสด็จลงไปเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เพื่อขอเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารเป็นข้าขอบขัณฑสีมาแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในการนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พระยาอัตถวรปัญโญ ขึ้นเป็น "เจ้าผู้ครองนครน่าน" ต่อไปตามเดิม และในครั้งนั้นก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เจ้าสมณะ ผู้เป็นพระมาตุลา (น้าชาย)ใน พระยาอัตถวรปัญโญ เจ้าเมืองน่าน ขึ้นเป็น "พระยาอุปราช เมืองน่าน" หรือที่ราชสำนักนครน่านเรียกว่า พระยามหาอุปราชา เจ้าหอหน้า
ในปี พ.ศ. 2344 เมืองน่าน ได้รับการบูรณะซ่อมแซมโดย สมเด็จเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 ให้กับขึ้นมาเป็นบ้านเมืองได้ดังเดิม เป็นที่เรียบร้อย และให้นามเมืองน่าน (ใหม่) แห่งนี้ว่า เมืองสิริไชยนันทเทพบุรีสะหรีสรีสวัติพระนครเมืองน่านราชธานี เมืองนครน่าน จึงมีสถานะเป็นเมืองประเทศราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2344 เป็นต้นมา
ในปี พ.ศ. 2347 พระยาอัตถวรปัญโญ เจ้าเมืองน่าน มีความชอบในราชการ และทรงมีพระปรีชาสามารถในการปกครองและบริหารบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระอิสริยยศ พระยาอัตถวรปัญโญ เจ้าเมืองน่าน ขึ้นเป็น "สมเด็จเจ้าฟ้าเมืองน่าน" และได้รับการเฉลิมพระนามว่า "สมเด็จเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ สมเด็จเจ้าฟ้าหลวงเมืองน่าน" และทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57
รายพระนามเจ้าผู้ครองนครน่าน (ภายใต้การปกครองของกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์)
นครน่าน (ภายใต้การปกครองของกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์) พ.ศ. 2317 - พ.ศ. 2474 รวมระยะเวลา 157 ปี มีเจ้าผู้ครองนครทั้งสิ้น 10 พระองค์ แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์
รายพระนามเจ้าผู้ครองนครน่าน 10 พระองค์ แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ มีรายพระนามตามลำดับ ดังนี้
ลำดับ | พระรูป | รายพระนาม | ครองราชย์ | ||
---|---|---|---|---|---|
เริ่ม | สิ้นสุด | รวมเวลา | |||
55 (5) | พระยาวิธูร (เจ้าวิธูร) | 25 มีนาคม พ.ศ. 2317 | 31 มีนาคม พ.ศ. 2321 | 4 ปี | |
- | พระยามโนราชา (เจ้ามโน) | พ.ศ. 2321 | พ.ศ. 2323 | 2 ปี | |
56 (6) | พระยามงคลวรยศ (เจ้าจันทปโชติ) | 2 เมษายน พ.ศ. 2326 | 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2329 | 3 ปี | |
57 (7) | เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ (เจ้าน้อยอัตถะ) | 19 สิงหาคม พ.ศ. 2331 | 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2353 | 23 ปี | |
58 (8) | พระยาสุมนเทวราช (เจ้าสมณะ) | 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2354 | 26 มิถุนายน พ.ศ. 2368 | 14 ปี | |
59 (9) | พระยามหายศ (เจ้ามหายศ) | 6 กันยายน พ.ศ. 2368 | 30 มกราคม พ.ศ. 2378 | 10 ปี | |
60 (10) | พระยาอชิตวงษ์ (เจ้าอชิตวงษ์) | 28 มกราคม พ.ศ. 2380 | 11 ตุลาคม พ.ศ. 2380 | 8 เดือน | |
61 (11) | พระยามหาวงษ์ (เจ้ามหาวงษ์) | 23 เมษายน พ.ศ. 2381 | 23 ตุลาคม พ.ศ. 2394 | 13 ปี | |
62 (12) | เจ้าอนันตวรฤทธิเดช (เจ้าอนันตยศ) | 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2395 | 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2435 | 40 ปี | |
63 (13) | พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช (เจ้าสุริยะ) | 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2437 | 5 เมษายน พ.ศ. 2461 | 25 ปี | |
64 (14) | เจ้ามหาพรหมสุรธาดา (เจ้ามหาพรหม) | 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 | 17 สิงหาคม พ.ศ. 2474 | 12 ปี |
หมายเหตุ : ตัวเลขในวงเล็บหมายถึงลำดับรัชกาลที่นับตั้งแต่ พญาหลวงติ๋นมหาวงศ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 51 ผู้สถาปนาราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ ขึ้นปกครองเมืองนครน่าน ในปี พ.ศ 2269
ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครน่าน ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศไทย
อ้างอิง
- บันทึกประวัติศาสตร์-เล่าเรื่องถิ่นเหนือ
- ประวัติศาสตร์ชาติไทย (จังหวัดน่าน)
- หอมรดกไทย (จังหวัดน่าน)
- ประวัติศาสตร์เมืองน่าน (ข้อมูล หออัตลักษณ์นครน่าน)
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
rayphranamkstriynkhrrthnan ecaphukhrxngnkhrnan aela ecaphupkkhrxngemuxngnan nbtngaetpi ph s 1825 cnthungpi ph s 2474 nkhrnan hrux xanackrnan sthapnakhunemuxrawpi ph s 1812 odyphyaphukha ecaemuxngyang midarihthicasrangemuxngihmihphraoxrskhunpkkhrxng aelwphyaphukhaidthrngeluxkphunthithimichyphumithidiaelwkoprdihsrangemuxngihmkhun eelwesrcinpi ph s 1825 phyaphukha ecaemuxngyang phuepnphrabidacungidprathannamemuxngihmaehngniwa wrnkhr sunghmaythung emuxngthidi nbepnkarerimtnprawtisastrkhxngnkhrnan nkhrnan hrux xanackrnan miphthnakarthangprawtisastrthiyawnanphx kbxanackrsuokhthy aelaxanackrlanna pkkhrxngodykstriyaelaecaphukhrxngnkhrthisubsnttiwngsaelaphldepliynknkhunpkkhrxngrwmthngsin 64 phraxngkh aelasamarthaebngphthnakarthangprawtisastraelakhwamepnmakhxngnkhrnan xxkepn 4 yukhsmy dngni yukh nkhrrthnan mikhwamsmphnthkbxanackrsuokhthy yukh emuxngnan phayitkarpkkhrxngkhxngxanackrlanna yukh emuxngnan phayitkarpkkhrxngkhxngxanackrphma yukh nkhrnan phayitkarpkkhrxngkhxngxanackrthnburiaelaxanackrrtnoksinthrkstriyaelaecaphukhrxng aehngnkhrnanrachathipityinxdittraaephndinemuxngnkhrnanphraecasuriyphngsphritedch phraecankhremuxngnan thrngepnphraecaphukhrxngnkhrnanphraxngkhaerkaelaphraxngkhediywinprawtisastrnanpthmkstriy phyaphukha pthmkstriynanaehngrachwngsphukha phyakhunfxng pthmwngskstriyaehngnkhrrthnanxngkhsudthay ecamhaphrhmsurthadaxisriyys kstriyaehngnkhrrthnan phraecankhremuxngnan ecankhremuxngnan phrayaemuxngnansthanphank hxkhahlwng aehngnkhrnanphuaetngtng kstriylanna ph s 1993 2101 kstriyphma ph s 2103 2329 kstriysyam ph s 2317 2474 erimrabxb ph s 1812sinsudrabxb 17 singhakhm ph s 2474 662 pi 7 eduxn 17 wn phuxangsiththi ecasmprarthna n nanrayphranamkstriynanaehngrachwngsphukha nkhrrthnanxisra yukhthi 1 sthapnaemuxngwrnkhr pw aelaemuxngnan ph s 1825 ph s 2004 emuxpramanpi ph s 1825 mikhnithyklumhnunginkarnakhxngphrayaphukha idkhrxbkhrxngphunthirabbriewntxnbnkhxngcnghwdnan tngsunykarpkkhrxngxyuthiemuxngyang hruxemuxnglang echuxknwaxyubriewnrimfngdanitkhxngaemnayangiklethuxkekhadxyphukha inekhtbanesiyw hmuthi 6 tablym xaephxthawngpha enuxngcakphbrxngrxychumchninsphaphthiepnkhunakhndinkaaephngemuxngsxnknxyu txmaphrayaphukhamidarihthicaidkhyayxanaekhtkhxngtnxxkipihkwangkhwangmakkhun cungidsngphrarachbutrbuythrrmsxngkhnipsrangemuxngihm emuxngaerkihsrangthangtawnxxkrimfngsaykhxngaemnaokhng aelwihchuxemuxngwa emuxngcnthburi hlwngphrabang aelwihphuepnphiipkhrxngemuxng emuxngthisxngoprdihsrangthangtawntkrimfngaemnana aelwihchuxemuxngwa emuxngwrnkhr pw aelwihecakhunfxng phuepnnxngipkhrxngemuxng ecahlwngphukha pthmecaphukhrxngnkhrnan aehngrachwngsphukharayphranamkstriynanaehngrachwngsphukha kstriynanaehngrachwngsphukha inyukhnkhrrthnanxisra tngaetpi ph s 1825 ph s 2004 rwmrayaewla 179 pi aelamikstriynanaehngrachwngsphukhakhunpkkhrxngthngsin 16 phraxngkh 17 rchkal mirayphranamtamladb dngni ladb rayphranam khrxngrachy hmayehtuerim sinsud rwmewlasthapnaemuxngwrnkhrkhunepnrachthaniaehngaerkkhxngnkhrrthnan ph s 1825 ph s 1902 1 phyakhunfxng ph s 1825 ph s 1845 20 pi pthmkstriynan2 phyaekaekuxn ph s 1846 ph s 1848 2 pi phraoxrs phyakhunfxng3 phranangkhapinmhaethwi ph s 1848 ph s 1849 7 eduxn phrachaya phyaekaekuxn phranangwrnkhrethwi ph s 1850 ph s 1866 16 pi rksaemuxngwrnkhr phrachaya phyangaemuxng4 phyaphanxng ph s 1866 ph s 1896 30 pi phraoxrs phyaekaekuxn5 phyakhunis ph s 1896 ph s 1898 2 pi phraoxrs phyaphanxng6 phyakanemuxng ph s 1898 ph s 1902 5 pi phraechstha phyakhunisyayrachthanicakemuxngwrnkhrmayngewiyngphuephiyngaechaehng ph s 1902 sthapnaewiyngphuephiyngaechaehng khunepnrachthaniaehngthi 2 ph s 1092 ph s 1911 6 phyakanemuxng ph s 1902 ph s 1905 4 pi phraechstha phyakhunis7 phyaphakxng ph s 1905 ph s 1911 6 pi phraoxrs phyakanemuxngyayrachthanicakewiyngphuephiyngaechaehng mayngemuxngnan ph s 1911 sthpnaewiyngnan hrux nnthburi khunepnrachthaniaehngthi 3 ph s 1911 ph s 2362 7 phyaphakxng ph s 1911 ph s 1931 20 pi phraoxrs phyakanemuxng8 phyakhatn ph s 1931 ph s 1941 10 pi phraoxrs phyaphakxng9 phyasricnta ph s 1941 ph s 1942 1 pi phraoxrs phyakhatn phrayaethra ph s 1942 ph s 1942 6 eduxn phyaaephrkbd phrayaxunemuxng ph s 1942 ph s 1943 1 pi xnuchaphyaethra10 phyahung ph s 1943 ph s 1950 7 pi phraxnucha phyasricnta11 phyakhmphulrach ph s 1950 ph s 1960 10 pi phraoxrs phyahung12 phyaphntn ph s 1960 ph s 1968 8 pi phraoxrs phyaphuekhng13 phyangwlarphasum ph s 1969 ph s 1976 7 pi phraoxrs phyaphntn14 phyaxintaaeknthaw 1 ph s 1976 ph s 1977 3 eduxn phraoxrs phyangwlarphasum15 phyaaepng ph s 1977 ph s 1978 1 pi phraxnucha phyaxinteaeknthaw16 phyaxintaaeknthaw 2 ph s 1978 ph s 1993 15 pi phraechstha phyaaepngemuxngnantkepnemuxngpraethsrachkhxngxanackrlanna ph s 1993 17 phyaphaaesng ph s 1993 ph s 2004 11 pi phraphatiya phyaxintaaeknthawsinsudkarpkkhrxngkhxngkstriynkhrrthnanaehngrachwngsphukha ph s 2004 rayphranamecaphukhrxngemuxngnan phayitkarpkkhrxngkhxnglanna yukhthi 2 nkhrnan phayitkarpkkhrxngxanackrlanna ph s 1993 ph s 2101 rwmrayaewla 108 pi emuxphraecatiolkrach tiemuxngnanidsaerc inpi ph s 1993 sungtrngkbrchsmykhxng kstriynan phraxngkhthi 16aehngrachwngsphukha kthrngphnwkemuxngnanekhaepnpraethsrachkhxngxanackrlanna aelwthrngoprdekla aetngtng ecaphaaesng phraoxrsin kstriynan xngkhthi 15 aehngrachwngsphukha aelathrngepnphraphatiyain kstriynan xngkhthi 16 aehngrachwngsphukha khunpkkhrxngemuxngnansubtxma inrayaaerkemuxngnanyngmithanaepnemuxngpraethsrachkhxngxanackrlanna aethlngcakthi kstriynan xngkhthi 17 aehngrachwngsphukha thrngsinphrachnminpi ph s 2004 emuxngnankthukldthanalngepnephiynghwemuxnginxanackrlanna ecaphupkkhrxngemuxngnan mithanaepnkhunnang hmun thaw phraya thikhuntrngkbkstriyaehngemuxngechiyngihmcaepnphukhdeluxkkhunnangihmapkkhrxngduaelemuxngnanthngsin cungthrngepnkstriynan phraxngkhthi 16 aelaepnphraxngkhsudthaythisubechuxsaykstriymacakrachwngsphukha nbtngaetphraecakhunkhafxng thrngesdckhuneswyrachysmbtiepnpthmkstriynanaehngrachwngsphukha inpi ph s 1825 khunnangthiphraecatiolkrach aetngtngihmakhrxngemuxngnan kcakhrxngxyuephiyngrayaewlasn praman 3 5 pi txmakidxyunankhun aetimekin 10 pi sphaphkhxngemuxngnankhngepnpktisukhechnedim phraecalanthxng phrarxngprathan inphuththlksnapangmarsriwichysilpalanna prathbnngbnthanchukchi srangdwyxiththuxpunlngrkpidthxngsung 8 sxk srangemuxpi ph s 2065 ody phraecakhayxdfa ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 33 epnphraphuththrupthiswyngamxngkhhnungincnghwdnanaelaepnphraphuththrupkhubankhuemuxngmachananrayphranamecaphukhrxngemuxngnan phayitkarpkkhrxngkhxnglanna emuxngnan phayitkarpkkhrxngkhxngxanackrlanna tngaetpi ph s 1993 ph s 2101 rwmrayaewla 108 pi miecaphukhrxngemuxngnan inyukhni 16 xngkh mirayphranamtamladb dngtxipni ladb rayphranam khrxngrachy hmayehtuerim sinsud rwmewla18 hmunsrxyechiyngkhxng ph s 2005 ph s 2009 4 pi yayipkhrxngemuxngfang19 ph s 2009 ph s 2011 2 pi phiraly n emuxngnan20 ph s 2012 ph s 2016 4 pi phiraly n emuxngnan21 ph s 2016 ph s 2018 2 pi yayipkhrxngemuxngfang22 thawkhakan ph s 2019 ph s 2023 4 pi yayipkhrxngemuxngechiyngray23 thawxayywm ph s 2024 ph s 2028 4 pi phiraly n emuxngnan24 thawemuxngtn ph s 2028 ph s 2032 4 pi phiraly n emuxngnan25 ph s 2032 ph s 2032 6 eduxn phiraly n emuxngnan26 1 ph s 2032 ph s 2039 7 pi yayipkhrxngemuxngechiyngray27 hmuntinechiyng ph s 2039 ph s 2040 1 pi yayipkhrxngemuxngechiyngray28 2 ph s 2040 ph s 2050 10 pi phiraly n emuxngnan29 ph s 2050 ph s 2052 2 pi yayipkhrxngemuxngfang30 ph s 2053 ph s 2056 3 pi yayipkhrxngemuxngnkhrlapang31 thawbuyfang ph s 2056 ph s 2058 2 pi yayipkhrxngemuxngething32 ecaemuxngfang ph s 2058 ph s 2059 10 eduxn yayipkhrxngemuxngphaeya33 phrayakhayxdfa 1 ph s 2059 ph s 2060 3 eduxn yayipkhrxngemuxngphaeya34 phrayahnxechiyngaesn ph s 2060 ph s 2062 2 pi yayipkhrxngemuxngphaeya35 phrayakhayxdfa 2 ph s 2062 ph s 2069 7 pi yayipkhrxngemuxngechiyngihm36 ecaaesnsngkhram ph s 2069 ph s 2069 1 eduxn yayipkhrxngemuxngnkhrlapang37 phrayakhayxdfa 3 ph s 2069 ph s 2070 1 pi phiraly n emuxngechiyngihm38 phrayaphlethphliichy ph s 2070 ph s 2101 31 pi hniipemuxnglanchangrayphranamecaphukhrxngemuxngnan phayitkarpkkhrxngkhxngphma yukhthi 3 nkhrnan phayitkarpkkhrxngkhxngxanackrphmaaehngrachwngsxngwa ph s 2103 ph s 2329 rwmrayaewla 226 pi inpi ph s 2096 ph s 2101 phraecabuerngnxng aehngkrunghngsawdi idykkxngthphmatiemuxngechiyngihm aelaidemuxngechiyngihmepnpraethsrachkhxngphma txmakxngthphphmaidykmatiemuxngnan emuxngnaninkhnannpkkhrxngody phrayaphlethphvichy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 38 nakxngthphemuxngnanxxktxsukbkxngthphphmaxyangsudkalng aelaimsamarthtanthankxngthphphmaid cungidphakhrxbkhrw aelachawemuxngnanbangswnhlbhniipphungecaemuxnghlwngphrabang inpi ph s 2101 cungthuxepnkarsinsudxanackhxngxanackrlanna inaephndinemuxngnan txma phraecabuerngnxng cungoprdekla aetngtng phrayahnxkhaesthiyrichyrachsngkhram maepnecaphukhrxngnkhrnan aethninpi ph s 2103 aelaidichemuxngnanepnthankalnginkarykkxngthphphmaipprabpramxanackrlanchangtxip wdphuminthr srangkhunemuxpi ph s 2139 odyphraecaectbutrphrhminthr ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 40 edimmichuxwa wdphrhmminthr sungepnphranamkhxngphraecaectbutr phusrangwd snnisthanwainphayhlngideriykchuxknephiynmaepnchuxwdphuminthrinpccubnrayphranamecaphukhrxngnkhrnan phayitkarpkkhrxngkhxngphma yukhnkhrnan phayitkarpkkhrxngkhxngphma tngaetpi ph s 2103 ph s 2329 rwmrayaewla 226 pi miecaphukhrxngnkhrnan inyukhnithnghmd 15 xngkh mirayphranam tamladbdngni ladb rayphranam khrxngrachy hmayehtuerim sinsud rwmewla39 phrayahnxkhaesthiyrichysngkhram ph s 2103 ph s 2134 31 pi40 phraecaectbutrphrhminthr ph s 2134 ph s 2140 6 pi khrngthi 1 phrayaaekhk rksaemuxngnan ph s 2141 ph s 2143 2 pi41 phraecaectbutrphrhminthr ph s 2144 ph s 2146 2 pi khrngthi 242 phraecaphlsuksayichysngkhram ph s 2146 ph s 2158 12 pi43 ph s 2158 ph s 2168 10 pi44 ph s 2169 ph s 2182 13 pi45 ph s 2182 ph s 2191 9 pi46 ph s 2192 ph s 2205 13 pi47 ph s 2207 ph s 2230 23 pi48 ph s 2232 ph s 2246 14 pi phranasay nxyxinthr ph s 2246 ph s 2251 5 pi khrngthi 149 ph s 2251 ph s 2257 6 pi50 ecafaemiywsa ph s 2257 ph s 2259 2 pi phranakhwa nxyxinthr ph s 2259 ph s 2269 10 pi khrngthi 2sthapnarachwngstinmhawngs khunpkkhrxngemuxngnkhrnan inpi ph s 226951 phraecahlwngtinmhawngs pthmwngsaehngrachwngstinmhawngs ph s 2269 ph s 2294 25 pi sthapna rachwngstinmhawngs52 phraecaxriywngs ph s 2297 ph s 2311 14 pi53 phraecanayxay ph s 2311 ph s 2312 7 eduxn54 phraecamonracha ph s 2312 ph s 2317 5 pi ecamon ph s 2325 ph s 2327 2 pi xangsiththiin nkhrnanthiemuxngething phrayaxtthwrpyoy ph s 2327 ph s 2329 2 pi xangsiththiin nkhrnanthiemuxngethingrayphranamecaphukhrxngnkhrnan phayitkarpkkhrxngkhxngxanackrthnburiaelartnoksinthr yukhthi 4 nkhrnan phayitkarpkkhrxngkhxngxanackrthnburiaelaxanackrrtnoksinthr ph s 2329 ph s 2474 rwmrayaewla 145 pi inpi ph s 2326 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach phramhakstriyithy rchkalthi 1 aehngrachwngsckri idthrngphrakrunaoprdekla sthapna ecacnthpochti phuepnphraoxrsin phraecaxriywngs ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 52 khunepn ecaphukhrxngemuxngnan aelaidrbkarechlimphranamwa phrayamngkhlwryspraethsrach aelaoprdekla ihklbkhunmakhrxngemuxngnantamedim aetemuxngnaninkhnannyngrkrangwangeplaephraathukthingrangmaepnewlanan ecamngkhlwrys cungidtngmnxyuthiemuxngthapla xanaekhtemuxngnkhrnaninxdit inpi ph s 2327 phraecapdung phramhakstriyphma rchkalthi 5 aehngrachwngsoknbxng idthrngphrakrunaoprdekla sthapna ecaxtthwrpyoy phuepnphraphatiya hlanna in phraecamngkhlwrys ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 56 khunepn ecaphukhrxngemuxngnan aelaidrbkarechlimphranamwa phrayaxtthwrpyoy odytngmnxyuthiemuxngething xanaekhtemuxngnkhrnaninxdit inswnkhxng ecasmna phuepnphraxnuchatangphramardakb phraecamngkhlwrys ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 56 idtngmnxyuthiemuxngsa xaephxewiyngsa inpccubn inpi ph s 2329 phraecamngkhlwrys ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 56 idslarachysmbti aelaykemuxngnanih phrayaxtthwrpyoy phuepnphraphatiya hlanna khunpkkhrxngsubtxip inpi ph s 2331 phrayaxtthwrpyoy ecaemuxngnan idnaaesnthawkhunnangemuxngnan esdclngipekhaefathullaxxngthuliphrabath phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach phramhakstriyithy rchkalthi 1 aehngkrungrtnoksinthr ephuxkhxekhamaphungphrabrmophthismpharepnkhakhxbkhnthsimaaehngkrungrtnoksinthr inkarnn phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach cungthrngphrakrunaoprdekla aetngtngih phrayaxtthwrpyoy khunepn ecaphukhrxngnkhrnan txiptamedim aelainkhrngnnkthrngphrakrunaoprdekla aetngtng ecasmna phuepnphramatula nachay in phrayaxtthwrpyoy ecaemuxngnan khunepn phrayaxuprach emuxngnan hruxthirachsanknkhrnaneriykwa phrayamhaxupracha ecahxhna inpi ph s 2344 emuxngnan idrbkarburnasxmaesmody smedcecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 ihkbkhunmaepnbanemuxngiddngedim epnthieriybrxy aelaihnamemuxngnan ihm aehngniwa emuxngsiriichynnthethphburisahrisriswtiphrankhremuxngnanrachthani emuxngnkhrnan cungmisthanaepnemuxngpraethsrachaehngkrungrtnoksinthr nbtngaetpi ph s 2344 epntnma inpi ph s 2347 phrayaxtthwrpyoy ecaemuxngnan mikhwamchxbinrachkar aelathrngmiphraprichasamarthinkarpkkhrxngaelabriharbanemuxngepnxyangying phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach phramhakstriyithy rchkalthi 1 aehngkrungrtnoksinthr cungthrngphrakrunaoprdekla eluxnphraxisriyys phrayaxtthwrpyoy ecaemuxngnan khunepn smedcecafaemuxngnan aelaidrbkarechlimphranamwa smedcecafaxtthwrpyoy smedcecafahlwngemuxngnan aelathrngepnecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 rayphranamecaphukhrxngnkhrnan phayitkarpkkhrxngkhxngkrungthnburiaelakrungrtnoksinthr nkhrnan phayitkarpkkhrxngkhxngkrungthnburiaelakrungrtnoksinthr ph s 2317 ph s 2474 rwmrayaewla 157 pi miecaphukhrxngnkhrthngsin 10 phraxngkh aehngrachwngstinmhawngs rayphranamecaphukhrxngnkhrnan 10 phraxngkh aehngrachwngstinmhawngs mirayphranamtamladb dngni ladb phrarup rayphranam khrxngrachyerim sinsud rwmewla55 5 phrayawithur ecawithur 25 minakhm ph s 2317 31 minakhm ph s 2321 4 pi phrayamonracha ecamon ph s 2321 ph s 2323 2 pi56 6 phrayamngkhlwrys ecacnthpochti 2 emsayn ph s 2326 2 kumphaphnth ph s 2329 3 pi57 7 ecafaxtthwrpyoy ecanxyxttha 19 singhakhm ph s 2331 15 phvscikayn ph s 2353 23 pi58 8 phrayasumnethwrach ecasmna 13 kumphaphnth ph s 2354 26 mithunayn ph s 2368 14 pi59 9 phrayamhays ecamhays 6 knyayn ph s 2368 30 mkrakhm ph s 2378 10 pi60 10 phrayaxchitwngs ecaxchitwngs 28 mkrakhm ph s 2380 11 tulakhm ph s 2380 8 eduxn61 11 phrayamhawngs ecamhawngs 23 emsayn ph s 2381 23 tulakhm ph s 2394 13 pi62 12 ecaxnntwrvththiedch ecaxnntys 14 phvsphakhm ph s 2395 28 phvsphakhm ph s 2435 40 pi63 13 phraecasuriyphngsphritedch ecasuriya 21 kumphaphnth ph s 2437 5 emsayn ph s 2461 25 pi64 14 ecamhaphrhmsurthada ecamhaphrhm 11 phvscikayn ph s 2462 17 singhakhm ph s 2474 12 pi hmayehtu twelkhinwngelbhmaythungladbrchkalthinbtngaet phyahlwngtinmhawngs ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 51 phusthapnarachwngstinmhawngs khunpkkhrxngemuxngnkhrnan inpi ph s 2269phusubskulecaphukhrxngnkhrnan phayhlngepliynaeplngkarpkkhrxnginpraethsithyxangxingbnthukprawtisastr elaeruxngthinehnux prawtisastrchatiithy cnghwdnan hxmrdkithy cnghwdnan prawtisastremuxngnan khxmul hxxtlksnnkhrnan bthkhwamprawtisastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk