สมเด็จเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ หรือ เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 และองค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ มีพระนามเดิมว่า เจ้าน้อยอัตถะ เป็นราชบุตรพระองค์เดียวในพ่อเจ้าสุทธะและแม่เจ้ากรรณิกา และทรงเป็นพระปนัดดาในพระเจ้าหลวงติ๋นมหาวงศ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 51 และปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ ทรงได้ขึ้นปกครองเมืองนครน่านสืบต่อจากเจ้ามงคลวรยศ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 56 ผู้เป็นพระมาตุลา (น้าชาย) และต่อมาในปี พ.ศ. 2347 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลื่อนพระเกียรติยศขึ้นเป็น สมเด็จเจ้าฟ้าเมืองน่าน
สมเด็จเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ | |||||
---|---|---|---|---|---|
เจ้าฟ้าเมืองน่าน | |||||
เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ | |||||
ราชาภิเษก | 19 สิงหาคม พ.ศ. 2331 | ||||
ครองราชย์ | 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2329 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2353 (24 ปี) | ||||
ก่อนหน้า | เจ้ามงคลวรยศ | ||||
ถัดไป | เจ้าสุมนเทวราช | ||||
ประสูติ | ณ เมืองเทิง | ||||
พิราลัย | 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2353 กรุงเทพฯ | ||||
พระมเหสี | แม่เจ้าคำน้อยอรรคราชเทวี | ||||
พระชายา | จำนวน 3 องค์ | ||||
พระราชบุตร | 14 พระองค์ | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ติ๋นมหาวงศ์ | ||||
พระบิดา | พ่อเจ้าสุทธะ | ||||
พระมารดา | แม่เจ้ากรรณิกา |
พระประวัติ
สมเด็จเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ มีพระนามเดิมว่า เจ้าน้อยอัตถะ ประสูติ ณ เมืองเทิง เป็นราชโอรสพระองค์เดียวในพ่อเจ้าสุทธะกับแม่เจ้ากรรณิกา (เจ้านางจากตระกูลไทลื้อ)ทรงเป็นพระนัดดา (หลานปู่/ย่า) ในเจ้าไชยราชากับแม่เจ้านางเทพ เป็นพระภาติยะ (หลานลุง) ในเจ้าอริยวงษ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 52 และเป็นพระปนัดดา(เหลน)ในพญาหลวงติ๋นมหาวงศ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 51 และปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ ทรงได้ขึ้นเสวยราชย์สมบัติเมืองน่านสืบต่อจากพระยามงคลยศประเทศราช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 56 ผู้เป็นพระมาตุลา (น้าชาย) ในปี พ.ศ. 2329
ต่อมาในปี พ.ศ. 2331 เดือน 9 ลง 13 ค่ำ เจ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าเมืองน่าน ได้นำเจ้านายบุตรหลานแสนท้าวขุนนางในราชสำนักเมืองน่านเสด็จลงไปเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ณ กรุงรัตนโกสินทร์ เพื่อขอเป็นข้าขอบขัณฑสีมาเมืองประเทศราช ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเจ้าอัตถวรปัญโญ ขึ้นเป็น เจ้าพระยาอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองเมืองน่าน องค์ที่ 57 (พ.ศ. 2331 - พ.ศ. 2354) ต่อมาในปี พ.ศ. 2347 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระอิสริยยศ เจ้าพระยาอัตถวรปัญโญ เจ้าพระยาน่าน ขึ้นเป็น สมเด็จเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ สมเด็จเจ้าฟ้าเมืองน่าน
พิราลัย
เจ้าฟ้าหลวงอัตถวรปัญโญ ได้สนองพระเดชพระคุณด้วยความจงรักภักดี กระทั่งถึงวันพฤหัสบดี เดือน 9 แรม 13 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก พ.ศ. 2352 เวลา 3 ยาม 7 บาท พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จสวรรคต สิริพระชนมพรรษาได้ 74 พรรษา ต่อมาในปี พ.ศ. 2352 ปีกดซะง้า ไทยใต้ปีมะเมีย โทศก เดือน 12 ขึ้น 10 ค่ำ เจ้าฟ้าหลวงอัตถวรปัญโญ ได้เสด็จลงไปมาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ กรุงรัตนโกสินทร์ แต่ยังไม่ทันถึง เจ้าฟ้าหลวงอัตถวรปัญโญก็เกิดประชวรโรคาพยาธิและถึงแก่พิราลัย เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2352 (นับเป็นปีปัจจุบัน คือ พ.ศ. 2353) ยามใกล้รุ่ง รวมระยะเวลาที่ทรงครองเมืองนครน่าน 25 ปี (ทรงดำรงอิสริยยศ: สมเด็จเจ้าฟ้าเมืองน่าน 5 ปี, เจ้าพระยาน่าน 17 ปี และทรงได้เป็นเจ้าเมืองน่านภายใต้การปกครองของพม่า ที่ตั้งอยู่เมืองเทิง (เขตเมืองน่านในอดีต) 3 ปี รวมระยะเวลา 25 ปี) และได้ถวายเพลิงพระศพเจ้าฟ้าหลวงอัตถวรปัญโญ ณ กรุงรัตนโกสินทร์
พระชายา พระโอรส พระธิดา
สมเด็จเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญมีพระมเหสี พระชายา 4 องค์ และพระโอรส/พระธิดา รวม 14 พระองค์ มีรายพระนามตามลำดับ ดังนี้
- พระชายาที่ 1 แม่เจ้าคำน้อยอรรคราชเทวี ประสูติพระโอรส/พระธิดา 5 องค์ ดังนี้
- เจ้ามหายศ ภายหลังได้เป็น พระยามหายศ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 59
- ถึงแก่กรรมตั้งแต่เยาว์วัย
- เจ้านางประภาวดี
- เจ้านางวิมะลา
- เจ้านางยอดหล้า
- พระชายาที่ 2 แม่เจ้าแว่นราชเทวี ประสูติพระโอรส/พระธิดา 7 องค์ ดังนี้
- เจ้านางศรีวรรณา
- เจ้าถงแก้ว
- เจ้าแสนเมือง
- เจ้าคำฦๅ
- เจ้ามหาวงษ์ ภายหลังได้เป็น เจ้าอุปราชเมืองน่าน
- เจ้าสุริยไฮ้
- เจ้านันทไชย
- พระชายาที่ 3 แม่เจ้าขอดแก้วเทวี
- - ไม่มีประสูติกาล
- พระชายาที่ 4 แม่เจ้าขันแก้วเทวี ประสูติพระโอรส/พระธิดา 2 องค์ ดังนี้
- เจ้าอนันตยศ ภายหลังได้เป็น เจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62
- เจ้านางต่อมคำ
พระกรณียกิจ
ในปี พ.ศ. 2331 หลังจากที่ เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ ได้ลงมาเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เพื่อขอเป็นข้าขอบขัณฑสีมา ก็ได้กราบบังคมทูลลากลับบ้านเมือง ในครั้งนั้นเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ ยังมิได้เข้าไปอยู่ในตัวเมืองน่านเนื่องจากคัวเมืองน่านยังรกร้างอยู่ จึงได้ย้ายไปอาศัยอยู่ตามที่ต่างๆ เช่น บ้านติ๊ดบุญเรือน ที่เมืองแก้ว (อำเภอนาน้อย) และที่เมืองพ้อ (อำเภอเวียงสา)
ด้านบ้านเมือง
- พ.ศ. 2343 นอกจากนี้ยังให้ขุดเหมืองฝายสมุนขึ้น เพื่อชักน้ำจากลำน้ำสมุน ทางด้านทิศตะวันตกของเมืองน่านมาใช้ ที่บริเวณชานเมือง ทำให้เมืองน่านมีน้ำใช้ตลอดปี
- พ.ศ. 2343 - พ.ศ. 2344 ให้มีการบูรณะซ่อมแซมกำแพงเมือง และตัวเมืองน่านขึ้นใหม่ และกลับเข้ามาอยู่ในเมืองน่านเดิม เมื่อปี พ.ศ. 2344
- พ.ศ. 2347 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ ได้นำกำลังของเมืองน่าน ร่วมกับเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง ช่วยเหลือกองทัพจากกรุงเทพฯ เพื่อไปตีเมืองเชียงแสนและขับไล่พม่าให้ออกไปจากแผ่นดินล้านนาได้สำเร็จ
- เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2348 เจ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าเมืองน่าน ได้ยกทัพเมืองน่านขึ้นไปโจมตีหัวเมืองไทลื้อในเขตสิบสองปันนา ทรงยกขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทางเมืองเวียงภูคา (Vieng Phouka) และ (Luang Namtha) เจ้าเมืองเวียงภูคา ยอมจำนนแต่เจ้าเมืองหลวงน้ำทา ได้หลบหนีไปอยู่ที่ (Mengpeng) เจ้าอัตถวรปัญโญ จึงนำทัพเมืองน่านติดตามขึ้นไปจนถึงเมืองพง เจ้าเมืองพงหนีไปอยู่ (Menglun) เมื่อทัพเมืองน่านยกล้ำขึ้นไปเรื่อยๆ เจ้าเมืองพง เจ้าเมืองรำ เจ้าเมืองนูน ต่างหลบหนีเข้าไปอยู่เมืองเชียงรุ่ง เจ้าอัตถวรปัญโญ ทรงยกทัพเข้าตีเมืองเชียงรุ่ง ในเวลานั้นเจ้าหม่อมมหาน้อย เจ้าเมืองเชียงรุ่งอายุเพียงสองชันษา เจ้าหม่อมมหาวังผู้เป็นอาว์สำเร็จราชการแทน เมืองเชียงรุ่งยอมจำนนต่อกองทัพเมืองน่านแต่โดยดีไม่สู้รบ (Kengcheng ปัจจุบันคือเมืองสิงห์) ยอมสวามิภักดิ์ต่อเมืองน่านเช่นกัน เจ้าอัตถวรปัญโญ ได้กวาดต้อนชาวไทลื้อจากหัวเมืองต่างๆ ในเขตสิบสองปันนาลงมาอยู่ในอาณาเขตเมืองน่านเป็นจำนวนถึง 40,000 ถึง 50,000 คน
ด้านศาสนา
1. สร้างพระพุทธรูปทันใจ ณ หัวขัวมุง
ในปี พ.ศ. 2331 ครั้นเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ ได้รับพระราชทานให้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองน่าน เมื่อมาถึงยังเมืองน่านพระองค์จึงได้โปรดให้สร้าง พระพุทธรูปทันใจ ณ บริเวณหัวขัวมุงฝ่ายเหนือ
2. บูรณปฏิสังขรณ์ยอดฉัตรองค์พระธาตุแช่แห้ง
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2332 เจ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 ร่วมกับพระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง ชาวเมือง รวมถึงภิกษุสามเณรในเมืองนครน่าน ได้ทําความสะอาดวัดพระธาตุแช่แห้ง พร้อมกันนั้นได้ทรงโปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ ยอดฉัตรขององค์พระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง อีกด้วย
3. บูรณปฏิสังขรณ์พระประธานในวิหารหลวง วัดพระธาตุแช่แห้ง
ในปี พ.ศ. 2335 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 พร้อมทั้งพระสงฆ์ทั้งปวงมีครูบาวัดพระธาตุแช่แห้งเป็นประธาน ได้เล็งเห็นถึงพระประธานในพระวิหารหลวงเกิดชํารุดทรุดโทรม จึงพากันบูรณปฏิสังขรณ์และลงรักปิดทองใหม่
4. สร้างพระธาตุ วัดนาราบ (ปัจจุบันอยู่ในเขตอําเภอนาน้อย จังหวัดน่าน)
ในปี พ.ศ. 2335 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 ทรงโปรดให้สร้างพระธาตุ ที่วัดนาราบ ขึ้น ในการนั้นได้ทรงบรรจุพระบรมธาตุ 4 องค์ พระอรหันตธาตุ 11 องค์ พระพุทธรูปทองคํา 1 องค์พระพุทธรูปเงิน 1 องค์ สถิตย์ ณ ปราสาทบนเรือสําเภาเงิน พระธาตุองค์นี้เสร็จสมบูรณ์และทําการเฉลิมฉลองในปี พ.ศ. 2336
5. สร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย วัดนาน้อย (ปัจจุบันอยู่ในเขต อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน)
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2336 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 พร้อมด้วยพระบิดา พระมารดา พระอรรคราชา พระโอรส พระธิดา ทรงโปรดให้หมื่นสรีสัพพะช่างและอาจารย์อุ่นเป็นนายช่างหล่อ พระพุทธรูป ณ วัดนาน้อย ปัจจุบันประชาชนทั่วไปขนานนามว่า พระเจ้าทองทิพย์
6. สร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ณ วัดศรีบุญเรือง (ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขต ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน)
เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2336 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพาร ทรงโปรดให้อาจารย์อุ่นเป็นนายช่างปั้นหุ่นเศียรพระพุทธรูป ณ วัดศรีบุญเรือง
7. บูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุแช่แห้งและวิหารพระเจ้าทันใจ
ในปี พ.ศ. 2336 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 ทรงโปรดให้ ซ่อมแซมองค์พระธาตุแช่แห้งและพระวิหารพระเจ้าทันใจที่ถูกต้นสําโรงล้มฟาดใส่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2335
8. สร้างปราสาทหอธรรม ณ
ในปี พ.ศ. 2338 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 ทรงโปรดให้สร้างปราสาทหอธรรมขึ้น ณ เวียงสา มีความสูงตั้งแต่พื้นดินถึงยอดประมาณ 18 เมตร ในการนั้นได้นําพระอรหันตธาตุ 20 องค์ พระพุทธรูปแก้ว 1 องค์ บรรจุในอาคารดังกล่าวด้วย
9. บูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุพลูแช่ ณ เมืองงั่ว (ปัจจุบันอยู่ในเขตอําเภอนาน้อย จังหวัดน่าน)
ในปี พ.ศ. 2338 ได้เกิดเทพสังหรณ์ในเมืองงั่ว () นัยยะว่าเทวดาต้องการให้ทําการบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุพลูแช่ อันชํารุดทรุดโทรม ครั้งนั้นเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 จึงโปรดให้ พระยามงคลวรยศ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 56 ผู้เป็นพระมาตุลา (น้าชาย) นําคณะศรัทธาประชาชนทําการบูรณะ ครั้นเสร็จเสด็จพระองค์จึงเสด็จไปยกฉัตร
10. สร้างหีบพระธรรม วัดบุญยืน อําเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
ในปี พ.ศ. 2338 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 พร้อมทั้งสวาธุเจ้าทิพพาลังการ เป็นประธานในการสร้างหีบพระธรรม ซึ่งหีบใบนี้มีความวิจิตรงดงาม อย่างมาก มีลักษณะเป็นหีบทรงลุ้ง ฝาตัด ฐานปัทม์ สลักภาพนูนต่ำและปั้นรักประดับ แสดงภาพเล่าเรื่องสิริจุฑามณชาดก ซึ่งเป็นหนึ่งใน ปัญญาสชาดก
11. สร้างวัดบุญยืน พระอารามหลวง (ปัจจุบันอยู่ในเขต อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน)
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2341 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 ได้เสด็จประพาสเวียงป้อ (เวียงสา) ทรงเห็นว่าวัดบุญยืน มีความคับแคบไม่อาจขยายให้กว้างขวางได้ ประกอบกับเจ้าอาวาสขณะนั้น คือ พระอธิการนาย (ครูบานาย) และราษฎรได้เห็นพ้องต้องกันด้วย ดังนั้น เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ จึงให้ย้ายวัดมาสร้างใหม่ห่างจากวัดเดิมประมาณ 3 เส้น ทางด้านทิศเหนือบนฝั่งขวาของลำน้ำน่าน เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2329 บริเวณที่ตั้งของวัดนั้น มีป่าไม้สักที่สมบูรณ์ จึงใช้ไม้สักสร้างวิหาร กุฎิสงฆ์ และศาสนวัตถุอื่นๆ เป็นจำนวนมาก และได้พระราชทานนามวัดใหม่แห่งว่า ..วัดป่าสักงาม .. ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2343 ได้โปรดให้หมื่นศรีสรรพช่างก่อสร้างพระวิหาร โดยมีความกว้าง 15 เมตร ยาว 30 เมตร และสร้างพระพุทธรูปปางประทับยืน เป็นพระประธานในวิหาร หันพระพักตร์ไปทางด้านทิศเหนือ มีขนาดความสูง 8 ศอก หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนชื่อวัดป่าสักงาม มาเป็น “วัดบุญยืน” ตามลักษณะพระพุทธธูป ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน
12. บูรณปฏิสังขรณ์ วัดพระธาตุแช่แห้ง
ในปี พ.ศ. 2345 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 ทรงโปรดให้ทําการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระธาตุแช่แห้ง เช่น ขยายกําแพงทางด้านทิศใต้ขององคพระธาตุ สร้างซุ้มประตู และปิดนรูปเทวดาไว้ บริเวณ 4 มุม เป็นต้น
13. สร้างพญานาค ทางขึ้นวัดพระธาตุแช่แห้ง
ในปี พ.ศ. 2349 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 ทรงโปรดให้สร้างขึ้นโดยการนั้นเกณฑ์คนจํานวน 400 คน ก่อสร้างพญานาค 2 ตัว ซึ่งมีความ ยาว 68 วา สูง 4 ศอก หัวพญานาคนั้นสูงจากพื้นดินขึ้นไป 10 ศอก ณ เชิงดอยวัดพระธาตุแช่แห้ง ในปี พ.ศ. 2349 ขึ้นเป็นครั้งแรก การก่อสร้างพญานาคดังกล่าวให้เวลาประมาณ 1 ปีเศษ จึงแล้วเสร็จ และได้เฉลิมฉลองขึ้นในราวเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2450
14. ทูลเกล้าฯ ถวายพระบรมธาตุแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ในปี พ.ศ. 2351 ได้มีการพบไหบรรจุพระบรมธาตุพร้อมด้วยเครื่องบูชา โดยสามเณร 2 รูป รูปหนึ่งชื่อสามเณรอริยะ อีกรูปหนึ่งชื่อสามเณรประหญา ณ บริเวณท่าน้ําบ้านท่าแฝก เมื่อทรงทราบจึงจัดหาเครื่องบูชาเพิ่มเติมแล้ว จึงนําลงมาทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ปัจจุบัน พระบรมธาตุดังกล่าวได้ประดิษฐานอยู่ในองค์ พระพุทธชินราช วโรวาทธรรมจักร อัครปฐมเทศนา นราศภบพิตร” วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ
15. สร้างพระไตรปิฎก (หอธรรม) บริเวณคุ้มหลวง
ในปี พ.ศ. 2371 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 โปรดให้สร้างหอพระไตรปิฎก ขึ้นบริเวณคุ้มหลวงประดับประดาด้วยรูปปั้นกินรี นกยูง และรูปต้นไม้ ภายในอาคารประดับตกแต่งด้วยการลงรักปิดทอง ทั้งนี้ยังโปรดให้รวบรวมคัมภีร์ใบลานจากที่ต่างๆ มาเก็บรักษาไว้ยังหอนี้ด้วย
สถานที่อันเนื่องมาจากพระนาม
ราชตระกูล
พงศาวลีของเจ้าฟ้าหลวงอัตถวรปัญโญ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ ๑๐ เรื่อง ราชวงษปกรณ์ พงษาวดารเมืองน่าน ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช พระเจ้านครน่าน ให้แต่งไว้สำหรับบ้านเมือง หน้าที่ 145
- พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชชกาลที่ ๔ : ๑๔. ตำนานเมืองน่าน
- ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน (ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช)
- ประชุมพงษาวดารภาคที่ 10 เรื่องราชวงษปกรณ์ พงษาวดารเมืองน่าน, หน้า 111
- พระมหากรุณาธิคุณของพระบรมราชจักรีวงศ์ที่มีต่อพสกนิกรชาวน่าน
- ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ 10 เรื่องราชวงษปกรณ์ พงษาวดารเมืองน่าน, หน้า 112
- ข้อมูลวิชาการ หออัตลักษณ์นครน่าน ตอนที่ 4 ด้านศาสนา ความเชื่อ ประเพณีและวัฒนธรรมของนครน่าน
- บรรณานุกรม
- ประชุมพงษาวดารภาคที่ 10 เรื่องราชวงษปกรณ์ พงษาวดารเมืองน่าน. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2461. 210 หน้า.
- ทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา (2477). "พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชชกาลที่ ๔". ห้องสมุดดิจิทัลวชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 15 สิงหาคม 2561.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) [ที่ระลึก ในงานพระราชทานเพลิงศพ คุณหญิงธรรมสารเนติ (อบ บุนนาค)
ก่อนหน้า | เจ้าฟ้าหลวงอัตถวรปัญโญ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระยามงคลยศประเทศราช | เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 และองค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ (พ.ศ. 2331 - พ.ศ. 2353) | พระยาสุมนเทวราช |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
smedcecafaxtthwrpyoy hrux ecafaxtthwrpyoy epnecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 aelaxngkhthi 7 aehngrachwngstinmhawngs miphranamedimwa ecanxyxttha epnrachbutrphraxngkhediywinphxecasuththaaelaaemecakrrnika aelathrngepnphrapnddainphraecahlwngtinmhawngs ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 51 aelapthmkstriyaehngrachwngstinmhawngs thrngidkhunpkkhrxngemuxngnkhrnansubtxcakecamngkhlwrys ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 56 phuepnphramatula nachay aelatxmainpi ph s 2347 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachthrngphrakrunaoprdekla phrarachthaneluxnphraekiyrtiyskhunepn smedcecafaemuxngnansmedcecafaxtthwrpyoyecafaemuxngnanecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 aehngrachwngstinmhawngsrachaphiesk19 singhakhm ph s 2331khrxngrachy2 kumphaphnth ph s 2329 15 phvscikayn ph s 2353 24 pi kxnhnaecamngkhlwrysthdipecasumnethwrachprasutin emuxngethingphiraly15 phvscikayn ph s 2353 krungethphphramehsiaemecakhanxyxrrkhrachethwiphrachayacanwn 3 xngkhphrarachbutr14 phraxngkhphranametmsmedcecafaxtthwrpyoy smedcecafahlwngemuxngnanrachwngstinmhawngsphrabidaphxecasuththaphramardaaemecakrrnikaphraprawtismedcecafaxtthwrpyoy miphranamedimwa ecanxyxttha prasuti n emuxngething epnrachoxrsphraxngkhediywinphxecasuththakbaemecakrrnika ecanangcaktrakulithlux thrngepnphrandda hlanpu ya inecaichyrachakbaemecanangethph epnphraphatiya hlanlung inecaxriywngs ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 52 aelaepnphrapndda ehln inphyahlwngtinmhawngs ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 51 aelapthmkstriyaehngrachwngstinmhawngs thrngidkhuneswyrachysmbtiemuxngnansubtxcakphrayamngkhlyspraethsrach ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 56 phuepnphramatula nachay inpi ph s 2329 txmainpi ph s 2331 eduxn 9 lng 13 kha ecaxtthwrpyoy ecaemuxngnan idnaecanaybutrhlanaesnthawkhunnanginrachsankemuxngnanesdclngipefaphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach n krungrtnoksinthr ephuxkhxepnkhakhxbkhnthsimaemuxngpraethsrach kthrngphrakrunaoprdekla sthapnaecaxtthwrpyoy khunepn ecaphrayaxtthwrpyoy ecaphukhrxngemuxngnan xngkhthi 57 ph s 2331 ph s 2354 txmainpi ph s 2347 thrngphrakrunaoprdekla eluxnphraxisriyys ecaphrayaxtthwrpyoy ecaphrayanan khunepn smedcecafaxtthwrpyoy smedcecafaemuxngnanphiralyecafahlwngxtthwrpyoy idsnxngphraedchphrakhundwykhwamcngrkphkdi krathngthungwnphvhsbdi eduxn 9 aerm 13 kha pimaesng exksk ph s 2352 ewla 3 yam 7 bath phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach esdcswrrkht siriphrachnmphrrsaid 74 phrrsa txmainpi ph s 2352 pikdsanga ithyitpimaemiy othsk eduxn 12 khun 10 kha ecafahlwngxtthwrpyoy idesdclngipmarwmphrarachphithithwayphraephlingphrabrmsph n krungrtnoksinthr aetyngimthnthung ecafahlwngxtthwrpyoykekidprachwrorkhaphyathiaelathungaekphiraly emuxwnthi 23 mkrakhm ph s 2352 nbepnpipccubn khux ph s 2353 yamiklrung rwmrayaewlathithrngkhrxngemuxngnkhrnan 25 pi thrngdarngxisriyys smedcecafaemuxngnan 5 pi ecaphrayanan 17 pi aelathrngidepnecaemuxngnanphayitkarpkkhrxngkhxngphma thitngxyuemuxngething ekhtemuxngnaninxdit 3 pi rwmrayaewla 25 pi aelaidthwayephlingphrasphecafahlwngxtthwrpyoy n krungrtnoksinthrphrachaya phraoxrs phrathidasmedcecafaxtthwrpyoymiphramehsi phrachaya 4 xngkh aelaphraoxrs phrathida rwm 14 phraxngkh mirayphranamtamladb dngni phrachayathi 1 aemecakhanxyxrrkhrachethwi prasutiphraoxrs phrathida 5 xngkh dngni ecamhays phayhlngidepn phrayamhays ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 59 thungaekkrrmtngaeteyawwy ecanangpraphawdi ecanangwimala ecanangyxdhla phrachayathi 2 aemecaaewnrachethwi prasutiphraoxrs phrathida 7 xngkh dngni ecanangsriwrrna ecathngaekw ecaaesnemuxng ecakhali ecamhawngs phayhlngidepn ecaxuprachemuxngnan ecasuriyih ecannthichy phrachayathi 3 aemecakhxdaekwethwi immiprasutikalphrachayathi 4 aemecakhnaekwethwi prasutiphraoxrs phrathida 2 xngkh dngni ecaxnntys phayhlngidepn ecaxnntwrvththiedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 62 ecanangtxmkhaphrakrniykicinpi ph s 2331 hlngcakthi ecafaxtthwrpyoy idlngmaefaphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach ephuxkhxepnkhakhxbkhnthsima kidkrabbngkhmthullaklbbanemuxng inkhrngnnecafaxtthwrpyoy yngmiidekhaipxyuintwemuxngnanenuxngcakkhwemuxngnanyngrkrangxyu cungidyayipxasyxyutamthitang echn bantidbuyeruxn thiemuxngaekw xaephxnanxy aelathiemuxngphx xaephxewiyngsa danbanemuxng ph s 2343 nxkcakniyngihkhudehmuxngfaysmunkhun ephuxchknacaklanasmun thangdanthistawntkkhxngemuxngnanmaich thibriewnchanemuxng thaihemuxngnanminaichtlxdpi ph s 2343 ph s 2344 ihmikarburnasxmaesmkaaephngemuxng aelatwemuxngnankhunihm aelaklbekhamaxyuinemuxngnanedim emuxpi ph s 2344 ph s 2347 ecafaxtthwrpyoy idnakalngkhxngemuxngnan rwmkbemuxngechiyngihm emuxngnkhrlapang chwyehluxkxngthphcakkrungethph ephuxiptiemuxngechiyngaesnaelakhbilphmaihxxkipcakaephndinlannaidsaerc emuxeduxnminakhm ph s 2348 ecaxtthwrpyoy ecaemuxngnan idykthphemuxngnankhunipocmtihwemuxngithluxinekhtsibsxngpnna thrngykkhunipthangthistawnxxkechiyngehnuxipthangemuxngewiyngphukha Vieng Phouka aela Luang Namtha ecaemuxngewiyngphukha yxmcannaetecaemuxnghlwngnatha idhlbhniipxyuthi Mengpeng ecaxtthwrpyoy cungnathphemuxngnantidtamkhunipcnthungemuxngphng ecaemuxngphnghniipxyu Menglun emuxthphemuxngnanyklakhuniperuxy ecaemuxngphng ecaemuxngra ecaemuxngnun tanghlbhniekhaipxyuemuxngechiyngrung ecaxtthwrpyoy thrngykthphekhatiemuxngechiyngrung inewlannecahmxmmhanxy ecaemuxngechiyngrungxayuephiyngsxngchnsa ecahmxmmhawngphuepnxawsaercrachkaraethn emuxngechiyngrungyxmcanntxkxngthphemuxngnanaetodydiimsurb Kengcheng pccubnkhuxemuxngsingh yxmswamiphkditxemuxngnanechnkn ecaxtthwrpyoy idkwadtxnchawithluxcakhwemuxngtang inekhtsibsxngpnnalngmaxyuinxanaekhtemuxngnanepncanwnthung 40 000 thung 50 000 khndansasna 1 srangphraphuththrupthnic n hwkhwmung inpi ph s 2331 khrnecafaxtthwrpyoy idrbphrarachthanihkhunepnecaemuxngnan emuxmathungyngemuxngnanphraxngkhcungidoprdihsrang phraphuththrupthnic n briewnhwkhwmungfayehnux 2 burnptisngkhrnyxdchtrxngkhphrathatuaechaehng emuxwnthi 2 thnwakhm ph s 2332 ecaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 rwmkbphrabrmwngsanuwngs khunnang chawemuxng rwmthungphiksusamenrinemuxngnkhrnan idthakhwamsaxadwdphrathatuaechaehng phrxmknnnidthrngoprdihburnptisngkhrn yxdchtrkhxngxngkhphramhathatuecaphuephiyngaechaehng xikdwy 3 burnptisngkhrnphraprathaninwiharhlwng wdphrathatuaechaehng inpi ph s 2335 ecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 phrxmthngphrasngkhthngpwngmikhrubawdphrathatuaechaehngepnprathan idelngehnthungphraprathaninphrawiharhlwngekidcharudthrudothrm cungphaknburnptisngkhrnaelalngrkpidthxngihm 4 srangphrathatu wdnarab pccubnxyuinekhtxaephxnanxycnghwdnan inpi ph s 2335 ecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 thrngoprdihsrangphrathatu thiwdnarab khun inkarnnidthrngbrrcuphrabrmthatu 4 xngkh phraxrhntthatu 11 xngkh phraphuththrupthxngkha 1 xngkhphraphuththrupengin 1 xngkh sthity n prasathbneruxsaephaengin phrathatuxngkhniesrcsmburnaelathakarechlimchlxnginpi ph s 2336 5 srangphraphuththruppangmarwichy wdnanxy pccubnxyuinekht xaephxnanxy cnghwdnan emuxwnthi 21 singhakhm ph s 2336 ecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 phrxmdwyphrabida phramarda phraxrrkhracha phraoxrs phrathida thrngoprdihhmunsrisphphachangaelaxacaryxunepnnaychanghlx phraphuththrup n wdnanxy pccubnprachachnthwipkhnannamwa phraecathxngthiphy 6 srangphraphuththruppangmarwichy n wdsribuyeruxng pccubntngxyuinekht tablmwngtud xaephxemuxngnan cnghwdnan emuxwnthi 26 knyayn ph s 2336 ecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 phrxmdwyphrabrmwngsanuwngsaelakharachbriphar thrngoprdihxacaryxunepnnaychangpnhunesiyrphraphuththrup n wdsribuyeruxng 7 burnptisngkhrnxngkhphrathatuaechaehngaelawiharphraecathnic inpi ph s 2336 ecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 thrngoprdih sxmaesmxngkhphrathatuaechaehngaelaphrawiharphraecathnicthithuktnsaornglmfadistngaetpi ph s 2335 8 srangprasathhxthrrm n inpi ph s 2338 ecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 thrngoprdihsrangprasathhxthrrmkhun n ewiyngsa mikhwamsungtngaetphundinthungyxdpraman 18 emtr inkarnnidnaphraxrhntthatu 20 xngkh phraphuththrupaekw 1 xngkh brrcuinxakhardngklawdwy 9 burnptisngkhrnphrathatuphluaech n emuxngngw pccubnxyuinekhtxaephxnanxy cnghwdnan inpi ph s 2338 idekidethphsnghrninemuxngngw nyyawaethwdatxngkarihthakarburnptisngkhrnphrathatuphluaech xncharudthrudothrm khrngnnecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 cungoprdih phrayamngkhlwrys ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 56 phuepnphramatula nachay nakhnasrththaprachachnthakarburna khrnesrcesdcphraxngkhcungesdcipykchtr 10 sranghibphrathrrm wdbuyyun xaephxewiyngsacnghwdnan inpi ph s 2338 ecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 phrxmthngswathuecathiphphalngkar epnprathaninkarsranghibphrathrrm sunghibibnimikhwamwicitrngdngam xyangmak milksnaepnhibthrnglung fatd thanpthm slkphaphnuntaaelapnrkpradb aesdngphaphelaeruxngsiricuthamnchadk sungepnhnungin pyyaschadk 11 srangwdbuyyun phraxaramhlwng pccubnxyuinekht xaephxewiyngsa cnghwdnan emuxwnthi 3 phvsphakhm ph s 2341 ecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 idesdcpraphasewiyngpx ewiyngsa thrngehnwawdbuyyun mikhwamkhbaekhbimxackhyayihkwangkhwangid prakxbkbecaxawaskhnann khux phraxthikarnay khrubanay aelarasdridehnphxngtxngkndwy dngnn ecafaxtthwrpyoy cungihyaywdmasrangihmhangcakwdedimpraman 3 esn thangdanthisehnuxbnfngkhwakhxnglananan emuxwnthi 6 kumphaphnth ph s 2329 briewnthitngkhxngwdnn mipaimskthismburn cungichimsksrangwihar kudisngkh aelasasnwtthuxun epncanwnmak aelaidphrarachthannamwdihmaehngwa wdpaskngam txmaemuxpi ph s 2343 idoprdihhmunsrisrrphchangkxsrangphrawihar odymikhwamkwang 15 emtr yaw 30 emtr aelasrangphraphuththruppangprathbyun epnphraprathaninwihar hnphraphktripthangdanthisehnux mikhnadkhwamsung 8 sxk hlngcaknncungepliynchuxwdpaskngam maepn wdbuyyun tamlksnaphraphuthththup tngaetnnepntnma cnthungpccubn 12 burnptisngkhrn wdphrathatuaechaehng inpi ph s 2345 ecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 thrngoprdihthakarburnptisngkhrnwdphrathatuaechaehng echn khyaykaaephngthangdanthisitkhxngxngkhphrathatu srangsumpratu aelapidnrupethwdaiw briewn 4 mum epntn 13 srangphyanakh thangkhunwdphrathatuaechaehng inpi ph s 2349 ecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 thrngoprdihsrangkhunodykarnneknthkhncanwn 400 khn kxsrangphyanakh 2 tw sungmikhwam yaw 68 wa sung 4 sxk hwphyanakhnnsungcakphundinkhunip 10 sxk n echingdxywdphrathatuaechaehng inpi ph s 2349 khunepnkhrngaerk karkxsrangphyanakhdngklawihewlapraman 1 piess cungaelwesrc aelaidechlimchlxngkhuninraweduxn kumphaphnth ph s 2450 14 thulekla thwayphrabrmthatuaedphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach inpi ph s 2351 idmikarphbihbrrcuphrabrmthatuphrxmdwyekhruxngbucha odysamenr 2 rup ruphnungchuxsamenrxriya xikruphnungchuxsamenrprahya n briewnthanabanthaaefk emuxthrngthrabcungcdhaekhruxngbuchaephimetimaelw cungnalngmathulekla thwayphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach rchkalthi 1 pccubn phrabrmthatudngklawidpradisthanxyuinxngkh phraphuththchinrach worwaththrrmckr xkhrpthmethsna nrasphbphitr wdphraechtuphnwimlmngkhlaram krungethph 15 srangphraitrpidk hxthrrm briewnkhumhlwng inpi ph s 2371 ecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 oprdihsranghxphraitrpidk khunbriewnkhumhlwngpradbpradadwyruppnkinri nkyung aelaruptnim phayinxakharpradbtkaetngdwykarlngrkpidthxng thngniyngoprdihrwbrwmkhmphiriblancakthitang maekbrksaiwynghxnidwysthanthixnenuxngmacakphranamthnnecafarachtrakulphngsawlikhxngecafahlwngxtthwrpyoy ecaichyracha ecasuththa phyahlwngtinmhawngs ecanangethph aemecaemuxngechiyngihmethwi ecafaxtthwrpyoy ecanangkrrnika xangxingechingxrrthprachumphngsawdar phakhthi 10 eruxng rachwngspkrn phngsawdaremuxngnan chbbphraecasuriyphngsphritedch phraecankhrnan ihaetngiwsahrbbanemuxng hnathi 145 phrarachphngsawdar krungrtnoksinthr rchchkalthi 4 14 tananemuxngnan rachwngspkrn phngsawdaremuxngnan chbbphraecasuriyphngsphritedch prachumphngsawdarphakhthi 10 eruxngrachwngspkrn phngsawdaremuxngnan hna 111 phramhakrunathikhunkhxngphrabrmrachckriwngsthimitxphsknikrchawnan prachumphngsawdar phakhthi 10 eruxngrachwngspkrn phngsawdaremuxngnan hna 112 khxmulwichakar hxxtlksnnkhrnan txnthi 4 dansasna khwamechux praephniaelawthnthrrmkhxngnkhrnan brrnanukrmprachumphngsawdarphakhthi 10 eruxngrachwngspkrn phngsawdaremuxngnan krungethph orngphimphosphnphiphrrththnakr 2461 210 hna thiphakrwngs kha bunnakh ecaphraya 2477 phrarachphngsawdar krungrtnoksinthr rchchkalthi 4 hxngsmuddicithlwchiryan subkhnemux 15 singhakhm 2561 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help thiraluk innganphrarachthanephlingsph khunhyingthrrmsarenti xb bunnakh kxnhna ecafahlwngxtthwrpyoy thdipphrayamngkhlyspraethsrach ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 57 aelaxngkhthi 7 aehngrachwngstinmhawngs ph s 2331 ph s 2353 phrayasumnethwrachbthkhwamchiwprawtiniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk