พระเมรุมาศ และพระเมรุ คือ สถาปัตยกรรมชั่วคราว หรือสถาปัตยกรรมเฉพาะกิจที่สร้างขึ้น ณ ใจกลางเมือง เพื่อใช้ในพระราชพิธีพระบรมศพหรือพระราชพิธีพระศพโดยเฉพาะ มีลักษณะเป็น "กุฎาคาร หรือ เรือนยอด" คือเรือนซึ่งหลังคาต่อเป็นยอดแหลม โดยในอดีตนิยมสร้างเป็นแบบ ยอดปรางค์ อาจมีหรือไม่มีก็ได้
พระเมรุมาศ | |
---|---|
ข้อมูลทั่วไป | |
สถาปัตยกรรม | ไทย |
พระเมรุมาศ เป็นพระเมรุขนาดสูงใหญ่ ใช้ในพระราชพิธีพระบรมศพ พระมหากษัตริย์ พระอัครมเหสี พระบวรราชเจ้า พระยุพราช สำหรับการตายที่ใช้ราชาศัพท์ว่าสวรรคต ภายในพระเมรุมาศมี “พระเมรุทอง” ลักษณะของพระเมรุมาศที่ปรากฏการสร้างมี 2 รูปแบบคือพระเมรุมาศทรงปราสาท ที่สร้างมาแต่โบราณ มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร และพระเมรุมาศทรงบุษบก ส่วนพระเมรุ เช่นเดียวกับพระเมรุมาศ แต่มีขนาดเล็กลง และไม่มีพระเมรุทองภายใน ใช้สำหรับราชวงศ์ที่ทรงฐานานุศักดิ์ใช้ราชาศัพท์ว่า “ทิวงคต” หรือ “สิ้นพระชนม์”
การออกแบบสถาปัตยกรรมพระเมรุมาศ พระเมรุ ต้องอาศัยการสร้างสรรค์ออกแบบจากผู้รอบรู้เจนจบงานศิลปกรรมของชาติ ช่างที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้จากครูบาอาจารย์ทั้งงานออกแบบรูปลักษณ์ ก่อสร้างอาคาร การคิดลวดลายขึ้นประดิษฐ์ตกแต่งทุกส่วนให้เข้ากับอาคาร โดยมีหลักเกณฑ์ที่คำนึงถึงว่าพระเมรุมาศของพระองค์ใด ที่แสดงลักษณะของพระองค์นั้น
ภายหลังจากการถวายพระเพลิงแล้ว ชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ ของพระเมรุที่ถูกรื้อถอนบางส่วนจะนำไปถวายวัด เพื่อเป็นการกุศลแด่ผู้วายชนม์
ความหมายและคติความเชื่อ
ตามความหมายใน พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง "ภูเขากลางจักรวาล มียอดเป็นที่ตั้งแห่งเมืองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นที่ประทับของพระอินทร์" ซึ่งมีอีกความหมายคือ "เป็นที่เผาศพมีหลังคาเป็นยอด มีรั้วล้อมรอบ สำหรับพระมหากษัตริย์ เรียกว่า พระเมรุมาศ สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์เรียกว่า พระเมรุ และสำหรับสามัญชนเรียกว่า เมรุ" สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงวินิจฉัยในสาส์นสมเด็จ 3 มี.ค. 2476 ไว้ว่า "เมรุ เห็นจะได้ชื่อ (จากการ) ปลูกปราสาทอันสูงใหญ่ท่ามกลางปลูกปราสาทน้อยขึ้นตามมุมทุกทิศ มีโขลนทวาร (โคปุระ) ชักระเบียงเชื่อมถึงกัน ปัก ราชวัติล้อมเป็นชั้นๆ มีลักษณะดุจเขาพระสุเมรุ ตั้งอยู่ท่ามกลางมีสัตบริภัณฑ์ล้อม จึงเรียกว่า พระเมรุ ทีหลังทำย่อลง ไม่มีอะไรล้อม เหลือแต่ยอดแหลมๆ ก็คงเรียกว่า เมรุ"
จากหนังสือ "พระเมรุมาศ พระเมรุ และเมรุสมัยรัตนโกสินทร์" ของ ศ.พล.ร.ต.สมภพ ภิรมย์ อธิบายไว้ว่า ในความเชื่อแบบพราหมณ์ พระมหากษัตริย์ทรงเป็น ซึ่งสถิตบนเขาพระสุเมรุ อันล้อมรอบด้วยเขาสัตบริภัณฑ์ และเมื่อจุติลงมายังมนุษยโลกเป็นสมมติเทพ เมื่อสวรรคตจึงตั้งพระบรมศพบนพระเมรุมาศ หรือพระเมรุ เพื่อเป็นการส่งพระศพ พระวิญญาณกลับสู่เขาสุเมรุดังเดิม นาวาอากาศเอกอาวุธ เงินชูกลิ่น อธิบายความเชื่อเรื่องเขาพระสุเมรุในวารสารอาสาไว้ว่า "เขาพระสุเมรุซึ่งเป็นที่สถิตย์ของเทพยดาทั้งหลาย เมื่อเรามีคติความเชื่อว่า คนที่ตายแล้วจะกลับไปสู่สวรรค์ ... ความเชื่อเรื่องเขาพระสุเมรุมีพูดถึงในไตรภูมิ เป็นเรื่องของภูมิจักรวาลซึ่งเป็นความเชื่อในพุทธศาสนามีลักษณะเป็นที่อยู่ของเทวดา ตีนเขาเป็นป่าหิมพานต์" ทั้งนี้จากความคิดเรื่องนี้จึงได้จำลองพระเมรุมาศ พระเมรุ เป็นเสมือนเขาพระสุเมรุและสัตบริภัณฑ์เพื่อส่งเสด็จสู่ทิพยพิมาน โดยสถานที่ประกอบพิธีเดิมนั้นมักเรียกกันว่า ทุ่งพระเมรุ ซึ่งปัจจุบันคือ ท้องสนามหลวง
ทั้งนี้การจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงสร้างพระเมรุมาศ เป็นราชประเพณีที่แฝงคติการเมืองไว้อย่างชัดเจน กล่าวคือ เป็นการถวายพระเกียรติยศที่พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ถวายแด่พระมหากษัตริย์ที่เสด็จสวรรคตล่วงแล้ว ยังเป็นการประกาศความมั่นคงของบ้านเมือง ด้วยเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแผ่นดินใหม่ โดยแสดงพระบรมเดชานุภาพให้เห็นว่า จะทรงปกครองแผ่นดินให้ผาสุกร่มเย็น
ประเทศไทย
ประวัติ
สมัยสุโขทัย
จากหลักฐานที่ค้นพบเกี่ยวกับการพิธีพระบรมศพที่เก่าแก่ที่สุดอยู่ในคัมภีร์ไตรภูมิกถา หรือไตรภูมิพระร่วง พระราชนิพนธ์ในพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไทย) แห่งกรุงสุโขทัย ที่ทรงประพันธ์ขึ้นราวปี พ.ศ. 1888 ได้พรรณนาเกี่ยวกับการจัดพระศพ
สมัยอยุธยา
ในสมัยอยุธยา พิธีพระบรมศพเป็นพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ของบ้านเมือง มีแบบแผนถือปฏิบัติอย่างมีระเบียบ ความสำคัญของการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงสร้างพระเมรุมาศนั้น เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติยศที่พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ถวายแด่พระมหากษัตริย์ที่สวรรคตล่วงแล้ว โดยพิจารณาพระเดชานุภาพในการสร้างพระเมรุมาศ
สันนิษฐานว่าการสร้างพระเมรุมาศสมัยอยุธยาตอนต้น ๆ น่าจะนำคติการสร้างมาจากปราสาทขอมเป็นแบบแผน มีการปรับปรุงแบบแผนจนมีรูปแบบศิลปะไทยในยุคหลังๆ แสดงงานศิลปกรรมแบบอยุธยาอย่างสมบูรณ์
หลักฐานไม่ปรากฏชัดเจน ในสมัยอยุธยามีการบันทึกการสร้างพระเมรุมาศของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรถแห่งกรุงศรีอยุธยา ว่า “…แต่พระบรมศพสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง และสร้างเมรุมาศสูงเส้นสิบเจ็ดวา ประดับด้วยเมรุทิศ เมรุราย ราชวัติ ฉัตรนาคฉัตรเบญจรงค์เสร็จ ก็อัญเชิญพระบรมศพเสด็จเหนือกฤษฎาธาร” ซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก และยังปรากฏหลักฐานพระเมรุมาศสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตามจดหมายเหตุและพระราชพงศาวดาร ว่ามีความสูงถึงสองเส้น และมีปริมณฑลกว้างใหญ่ไพศาลมาก กล่าวไว้ว่า “พระเมรุมาศ...โดยขนาดใหญ่ ชื่อ 7 วา 2 ศอก โดยลง 2 เส้น 11 วา ศอกคืบ มียอด 5 ภายในพระเมรุทองนั้น ประกอบด้วยเครื่องสรรพโสภณวิจิตรต่างๆ สรรพด้วยพระเมรุทิศพระเมรุราย แลสามสร้าง” ซึ่งมีความสูงกว่าพระเมรุมาศสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ถึง 5 วาเศษ และว่ากันว่าพระเมรุมาศในสมัยอยุธยามีความยิ่งใหญ่มาก ยอดพระเมรุสูงทัดเทียมตึกเจ็ดชั้นสมัยปัจจุบัน
หลักฐานเกี่ยวกับพระเมรุในยุคแรก พบได้จากวัดไชยวัฒนาราม ที่เป็นต้นแบบพระเมรุมาศ สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระปรางค์ ที่เชื่อว่าสมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดให้ลอกแบบมาจากศูนย์กลางของปราสาทนครวัด เป็นต้นแบบที่มาของพระเมรุมาศ ที่มีเจดีย์ทำเป็นเมรุราย และเมรุทิศ รูปแบบการสร้างวัดรวมทั้งการสร้างพระระเบียงรอบนี้ เป็นแนวความคิดจากคติการสร้างเขาพระสุเมรุเป็นแกนกลางของจักรวาล ที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะเขมร สร้างเลียนแบบจำลองเขาพระสุเมรุ ของนครวัด หรือ "วิษณุโลก" ที่เชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
อีกร่องรอยของงานพระเมรุ คือ ลานหน้าจักรวรรดิ (ทุ่งพระเมรุ) พระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์ และพระราชวังโบราณของเมืองกรุงเก่า ที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างพระเมรุมาศที่ตำแหน่งทางใต้พระวิหารพระมงคลบพิตร และมีพระราชพิธีบริเวณสนามหน้าจักรวรรดิโดยอัญเชิญพระศพมาทางชลมารค มีขบวนแห่ไปตั้งพระศพไว้ที่พระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์ และประดิษฐานพระบรมศพ ที่พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ เช่นเดียวกับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และสันนิษฐานว่าลานหน้าพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์ หรือสนามหน้าจักรวรรดิ เป็นถนนที่มีขบวนแห่พระบรมศพจะผ่านพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ ผ่านสนามชัย และพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์ ซึ่งเรียกว่า "ทุ่งพระเมรุ"
ในปลายกรุงศรีอยุธยา ยังมีจดหมายเหตุอีก 2 เรื่อง คือ งานพระบรมศพสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระซึ่งพรรณนาเฉพาะตอนถวายพระเพลิงแห่พระบรมอัฐิและพระอังคาร และเรื่องงานพระเมรุมาศสมเด็จเจ้าฟ้าสุดาวดี กรมหลวงโยธาเทพ ซึ่งในการจัดงานพระเมรุมาศส่วนใหญ่ของกรุงศรีอยุธยาจะมีลักษณะเป็นการปลูกสร้างพระเมรุขนาดใหญ่ มีพระเมรุทองซึ่งเป็นลักษณะแบบบุษบกอยู่ภายใน พระเมรุนิยมทำเป็น 5 ยอด ในเวลาอัญเชิญพระโกศพระบรมศพ จะอัญเชิญไปบนพระมหาพิชัยราชรถ ขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ประกอบดนตรี อาจจะมีนางรำ นางร้องไห้ ระหว่างนั้นจะมีการทิ้งทานต้นกัลปพฤกษ์ เมื่ออัญเชิญขึ้นพระเมรุแล้ว มีการสมโภชอีก 7 วัน ทั้งมหรสพ ดอกไม้เพลิง และนิมนต์พระสงฆ์สดับปกรณ์หนึ่งหมื่นรูป หลังครบ 7 วัน 7 คืน จึงมีการถวายพระเพลิง เก็บพระอัฐิธาตุลงพระบรมโกศ อัญเชิญไปไว้ที่วัดพระศรีสรรเพชญ์
ใน พ.ศ. 2558 มีการค้นพบ ภาพกระบวนเชิญพระบรมศพสมเด็จพระเพทราชา ที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งได้ช่วยเติมเต็มข้อมูลที่ขาดหายไปของงานพระบรมศพในสมัยอยุธยาที่เหลือหลักฐานน้อย
สมัยกรุงธนบุรี
ในสมัยกรุงธนบุรี ไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้จัดงานพระเมรุ งานพระศพชั้นสูงมีเพียงแต่งานพระศพกรมพระเทพามาตย์ พระราชชนนี ในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ซึ่งระบุไว้ว่ามีเพียงการจัดทำพระเมรุพระราชทานเพลิงและแห่พระอังคาร ซึ่งอาจเนื่องมาจากอยู่ในภาวะยามศึกสงคราม
สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น รัชกาลที่ 1 - 4
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ในยุคแรก บ้านเมืองยังคงอยู่ในภาวะศึกสงคราม จึงมิได้สร้างพระเมรุมาศสูงใหญ่เทียบเท่าพระเมรุมาศสมัยกรุงศรีอยุธยา ระหว่างรัชกาลที่ 1 - 4 พระเมรุมาศเริ่มเป็นทรงปราสาท พระเมรุมาศองค์แรกที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์คือ พระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่อถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิถวายพระราชบิดาหลังจากบ้านเมืองสงบศึก โดยทรงอนุสรณ์คำนึงว่า พระราชบิดาสิ้นพระชนม์ในระหว่างภาวะสงครามโดยมิได้ประทับร่วมกัน และเพื่อสนองพระคุณ จึงมีพระราชดำริจะบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย และยังมีการจัดงานพระศพเจ้านายสำคัญหลายพระองค์คือ งานพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ส่วนการพระราชพิธีในงาน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชยึดหลักอย่างประเพณีอย่างครั้งกรุงศรีอยุธยา เพื่อฟื้นฟูประเพณีให้กลับรุ่งเรืองสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชนและเป็นเกียรติยศแก่บ้านเมือง และยังมีการประดิษฐ์สิ่งใหม่ขึ้นคือ การประดิษฐ์เกรินบันไดนาค สำหรับเชิญพระโกศ คิดค้นโดยสมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี
ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น จะยึดหลักการสร้างแบบพระเมรุมาศตามตำราโบราณราชประเพณีครั้งกรุงเก่าทุกประการ คือ ทำเป็นพระเมรุอย่างใหญ่ มีตัวพระเมรุ 2 ชั้นต่างไปอยู่ภายในพระเมรุชั้นนอกที่ทำเป็นพระเมรุยอดปรางค์หรือยอดรูปดอกข้าวโพด ส่วนใหญ่เป็นไปตามแบบแผนมีต่างกันไปในรายละเอียดเรื่องการออกแบบตามฝีมือช่าง สำหรับพระเมรุมาศพระบรมศพรัชกาลที่ 4 ถือได้ว่า เป็นพระเมรุมาศสุดท้ายที่ทำตามแบบโบราณราชประเพณี แต่พระเมรุใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมียอดเรือนเพียง 5 ยอด ตามแบบอยุธยาได้ยุติลง และกลายเป็นว่ารูปแบบ พระเมรุโท ที่เป็นปรางค์ 5 ยอดตามแบบแผนอยุธยา กลับทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ความเป็นพระเมรุเอก สำหรับกษัตริย์ในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
- พ.ศ. 2405
พระเมรุมาศสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี
สมัยรัชกาลที่ 5 - 8
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นต้นมา ลักษณะของพระเมรุมาศเป็นเพียงพระเมรุชั้นเดียว ได้ถอดเอาพระเมรใหญ่ ซึ่งเป็นพระเมรุทรงปรางค์ที่คลุมอยู่ภายนอกออกไป คงไว้เพียงพระเมรุทอง ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า พระเมรุมาศ และในสมัยนั้นประเทศไทยได้ติดต่อกับต่างประเทศ รับวัฒนธรรมจากภายนอก ทั้งชาวไทยปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมบางอย่างให้สอดคล้องตามสมัย การสร้างพระเมรุมาศทรงปราสาท ซึ่งเป็นงานใหญ่โต ทรงเห็นว่าการสร้างแบบเดิมเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินและเป็นที่เดือดร้อนแก่ประชาชนทั่วไป จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงให้มีขนาดเล็กลงและประหยัดขึ้น โดยมีพระราชดำรัสสั่งห้ามความว่า
แต่ก่อนมา ถ้าพระเจ้าแผ่นดินสวรรคตลง ก็ต้องปลูกเมรุใหญ่ซึ่งคนไม่เคยเห็น แล้วจะนึกเดาไม่ถูกว่าใหญ่โตเพียงใด เปลืองทั้งแรงคน เปลืองทั้งพระราชทรัพย์ ถ้าจะทำในเวลานี้ก็ดูไม่สมควรกับการที่เปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง ไม่เป็นเกียรติยืนยาวไปได้เท่าใด ไม่เป็นประโยชน์แก่คนทั้งปวง กลับเป็นความเดือดร้อน ถ้าเป็นการศพของผู้มีพระคุณ หรือผู้มีบรรดาศักดิ์อันควรจะได้เป็นเกียรติยศ ฉันก็ไม่อาจจะลดทอนด้วยเกรงว่าคนจะไม่เข้าใจว่า เพราะฉะนั้นประพฤติไม่ดีอย่างหนึ่งอย่างใด จึงไม่ทำการศพให้สมเกียรติยศซึ่งสมควรจะได้ เมื่อถึงตัวฉันเองแล้ว เห็นว่าไม่มีข้อขัดข้องอันใด เป็นข้อคำที่จะพูดได้ถนัด จึงขอให้ยกเลิกงานพระเมรุใหญ่นั้นเสีย ปลูกแต่ที่เผาพอควร ในท้องสนามหลวง แล้วแต่จะเห็นสมควรกันต่อไป...
อีกทั้งยกเลิกประเพณี ที่ราษฎรทั่วราชอาณาจักรจะต้องโกนหัวไว้ทุกข์ อันเป็นการไม่เหมาะสมต่อยุคสมัยอีกต่อไป จึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกเสีย เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต รัชกาลที่ 6 จึงได้สนองพระราชประสงค์ทุกประการและได้ยึดถือกันเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อมาถึงปัจจุบัน
อันเนื่องจากพระเมรุมาศทรงบุษบกเป็นพระเมรุมาศของพระมหากษัตริย์เท่านั้น สำหรับพระเมรุมาศของพระบรมราชินี และพระบรมวงศ์ชั้นสูงคงสร้างเป็นพระเมรุมาศทรงปราสาทสืบต่อมา แต่ลดรูปแบบ เป็นเครื่องยอดต่าง ๆ เช่น ยอดปรางค์ ยอดมงกุฏ ยอดมณฑป ยอดฉัตร โดยไม่มีพระเมรุภายใน
ในบางกรณีที่เจ้านาย พระราชวงศ์ชั้นสูงและผู้ใหญ่ สิ้นพระชนม์ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน บางพระองค์มีพระอิสริยยศฐานันดรศักดิ์เท่าเทียมกัน อีกทั้งการสร้างพระเมรุมาศ หรือพระเมรุแต่ละครั้งมีขั้นตอน การตระเตรียมยุ่งยากหลายประการ จึงมีการอนุโลมโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบการถวายพระเพลิงบนพระเมรุเดียวกันบ้าง หรือให้สร้างพระเมรุน้อยอยู่ใกล้พระเมรุใหญ่ หรือมีเมรุบริวารอยู่ในปริมณฑล ในงานพระราชพิธีเดียวกัน อาจเรียกงานออกเมรุนี้ว่า เมรุตามเสด็จ
- พ.ศ. 2413
พระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว -
- พ.ศ. 2454
พระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว - พ.ศ. 2463
พระเมรุมาศสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
หลังจากรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นต้นมา การออกแบบจัดสร้างพระเมรุหรือเมรุ นั้นเป็นไปตามฐานันดรกล่าวคือ
ฐานันดรศักดิ์ | สถานที่ | ลักษณะพระเมรุ |
---|---|---|
พระมหากษัตริย์, พระมเหสี และพระยุพราช | พระเมรุท้องสนามหลวง | พระเมรุมาศ |
เจ้าฟ้า | พระเมรุท้องสนามหลวงหรือพระเมรุ วัดเทพศิรินทราวาส | พระเมรุเครื่องยอด |
เจ้านายเชื้อพระวงศ์ (ชั้นพระองค์เจ้า) | พระเมรุ วัดเทพศิรินทราวาส | พระเมรุทรงจตุรมุข |
สมเด็จพระสังฆราช | พระเมรุท้องสนามหลวงหรือพระเมรุ วัดเทพศิรินทราวาส | พระเมรุทรงจตุรมุข |
ขุนนาง | เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส หรือเมรุวัดทั่วไป | เมรุทั่วไป |
- พ.ศ. 2469
พระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว -
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 สถานะของพระราชวงศ์ที่ตกต่ำลง รวมถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในระยะต่อมา ได้ส่งผลกระทบถึงการจัดงานพระบรมศพและพระศพของพระบรมวงศานุวงศ์ในพระราชวงศ์จักรีอย่างชัดเจน ดังปรากฏหลักฐานว่า พระศพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ได้รับการพระราชทานเพลิงพระศพที่วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2475 (ตรงกับ พ.ศ. 2476 ตามปฏิทินปัจจุบัน) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี ได้รับการพระราชทานเพลิงพระศพที่วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2479 (ตรงกับ พ.ศ. 2480 ตามปฏิทินปัจจุบัน) โดยสร้างพระเมรุตามแบบเมรุมาตรฐานของกระทรวงวัง (ภายหลังได้แปรสภาพส่วนราชการเป็นสำนักพระราชวัง) ทั้งที่ตามพระอิสริยยศของพระองค์นั้นควรได้รับการพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง ตามโบราณราชประเพณี หรือพระเมรุของสมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้ากรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ซึ่งใช้ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 แม้งานพระเมรุครั้งนี้จะได้จัดขึ้นที่ท้องสนามหลวงตามพระอิสริยยศ แต่สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งเป็นพระราชชนนี ต้องทรงออกค่าใช้จ่ายในงานพระศพเองทั้งหมดโดยที่รัฐบาลไม่ได้ออกเงินช่วยเหลือ และใช้พระเมรุแบบมาตรฐานของกระทรวงวังเช่นเดียวกับงานสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ สำหรับพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระองค์เสด็จสวรรคตในต่างประเทศ จึงมิได้มีการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพตามโบราณราชประเพณี สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดงานถวายพระเพลิงพระบรมศพอย่างเรียบง่าย ณ สุสานที่ประเทศอังกฤษ โดยมีการเชิญพระบรมศพลงสู่พระหีบ เจ้านายที่เสด็จไปถวายบังคมพระบรมศพที่พระตำหนักทรงเล่าว่าพระบรมศพนั้น ถูกบรรจุอยู่ในหีบบุโนมสีขาวดูสบายกว่าที่จะต้องเชิญลงพระโกศอย่างไทยเรานั่น และตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานก่อนสวรรคตว่า ให้สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 ทรงเล่นดนตรีขณะเวลาที่เจ้าหน้าที่หรือข้าทูลละอองธุลีพระบาทที่ตามเสด็จไปกำลังปฏิบัติการถวายพระเพลิง ให้ทรงเล่นดนตรีที่รัชกาลที่ 7 ทรงโปรด
สมัยรัชกาลที 9 - รัชกาลปัจจุบัน
การสร้างพระเมรุมาศตามแบบโบราณราชประเพณีได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทรสวรรคต แต่การจัดสร้างพระเมรุมาศเพื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระองค์กินเวลายาวนานถึง 3 ปี จากอุปสรรคในการวางแผนกำหนดระยะเวลาการก่อสร้าง ด้วยเหตุว่ากำหนดการเสด็จนิวัติพระนครของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเพื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพต้องเลื่อนไปจากการที่ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในปี พ.ศ. 2491 การก่อสร้างพระเมรุมาศได้สำเร็จลงในปี พ.ศ. 2493 และได้มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพขึ้นในวันที่ 29 มีนาคม ของปีนั้น หลังจากการถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระเมรุมาศองค์นี้เป็นพระเมรุตามเสด็จ สำหรับงานพระราชทานเพลิงพระศพพระบรมวงศานุวงศ์อีก 4 พระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลย โดยเปลี่ยนนพปฎลมหาเศวตฉัตรที่ยอดพระเมรุมาศเป็นพระเบญจปฎลเศวตฉัตร ตามพระอิสริยยศของพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ทรงได้รับพระราชทานเพลิงพระศพ ต่อมาเมื่อสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2498 ก็ได้มีการสร้างพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวงอีกครั้ง เพื่อใช้ในการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2499 พระเมรุมาศองค์นี้ได้สร้างขึ้นใหม่โดยใช้แบบพระเมรุมาศทรงบุษบกจากงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลเป็นพื้นฐานในการออกแบบ หลังจากนั้นการสร้างพระเมรุมาศและพระเมรุที่ท้องสนามหลวงได้ว่างเว้นไปเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากพระบรมวงศานุวงศ์ที่สิ้นพระชนม์ในระยะต่อมาไม่ทรงมีพระอิสริยยศสูงถึงชั้นที่จะสร้างพระเมรุกลางเมือง และได้มีการพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ทั้งสิ้น เช่น
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2500
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงทิพยรัตนกิริฏกุลินี, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา และสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2501
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2503
- พระนางเธอ ลักษมีลาวัณ ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2504
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปลด กิตฺติโสภโณ) ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2505
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอดิสัยสุริยาภา และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิตนฤมล ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2506
- สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อยู่ ญาโณทโย) ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2508
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดรุณวัยวัฒน์ ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2509
- พระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุนทรีนาฏ ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2513
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามาลิศเสาวรส และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (จวน อุฏฺฐายี) ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2514
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2515
- สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณฺณสิริ) ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2516
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสิฐสบสมัย และพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2517
- สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2518
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2519
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรกานตมณี ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2520
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารำไพประภา ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2522
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2524
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษบากร และพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2525
บางพระองค์ก็มีการพระราชทานเพลิงพระศพที่วัดอื่น เช่น
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2502 พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2506 พระราชทานเพลิงพระศพ ณ สุสานเพนเมาต์เครเมเทเรียม
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามยุรฉัตร ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2513 พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ วัดธาตุทอง
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2520 พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร
- พ.ศ. 2493
พระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร, พระเมรุสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลย - พ.ศ. 2499
พระเมรุมาศสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า - พ.ศ. 2528
พระเมรุมาศสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี - พ.ศ. 2539
พระเมรุมาศสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี -
- พ.ศ. 2555
พระเมรุสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
ในปี พ.ศ. 2527 เมื่อสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 เสด็จสวรรคต จึงได้มีการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพขึ้น ณ ท้องสนามหลวงอีกครั้ง โดยพระเมรุมาศออกแบบโดยอาจารย์ประเวศ ลิมปรังษี เป็นทรงปราสาทแบบจัตุรมุข ยอดทรงมณฑปประกอบด้วยพระพรหมพักตร์ ยอดบนสุดประดิษฐานสัปตปฎลเศวตฉัตร มีพระนามาภิไธยย่อ รพ ที่หน้าบันทั้ง 4 ด้าน ตัวอาคารประกอบด้วยชั้นฐานทักษิณ ส่วนหลังคาองค์พระเมรุมาศประกอบมุขทิศ การออกแบบโดยการยึดแบบพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แล้วมาปรับแบบให้เข้ากับพระราชบุคลิกในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ซึ่งมีลักษณะ สง่า นิ่มนวล จับตาจับใจ
ล่วงมาในปี พ.ศ. 2538 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จสวรรคต พระเมรุมาศได้จัดสร้างโดยกรมศิลปากร ณ ท้องสนามหลวง พระเมรุทรงปราสาทจัตุรมุขย่อมุมไม้สิบสองยอดเกี้ยว ยอดสุดปักสัปตปฎลเศวตฉัตร มีพระนามาภิไธยย่อ สว ที่หน้าบันทั้ง 4 ด้าน หลังคามุขซ้อน 3 ชั้น ช่อฟ้าใบระกาเป็นลายซ้อนไม้ ในการก่อสร้างครั้งนั้นสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระวินิจฉัยให้ใช้วัสดุเรซินในการตกแต่งพระเมรุบางส่วนเพื่อความรวดเร็วและลดปริมาณไม้ งบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างพระเมรุ นั้นประมาณ 120 ล้านบาท
เมื่อสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2551 น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น (ยศในขณะนั้น) อดีตอธิบดีกรมศิลปากรเป็นประธานคณะทำงานการออกแบบพระเมรุ การออกแบบได้ยึดเค้าโครงพระเมรุของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี มาเป็นต้นแบบ โดยออกแบบรูปแบบยอดทรงปราสาท ยอดชั้นเชิงกลอน 5 ชั้น ต่อยอดด้วยชั้นบัวคลุ่มจนถึงปลายยอดประดับฉัตร 7 ชั้น มีตราพระนามย่อ กว ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่หน้าบันทั้ง 4 ด้าน โดยยึดแนวความคิดจำลองรูปเขาพระสุเมรุและสะท้อนพระอุปนิสัยและพระจริยวัตรที่นุ่มนวลสง่างามของพระองค์ไว้ในองค์ประกอบพระเมรุ ทางด้านวิศวกรรมนำแนวคิดการออกแบบลิฟต์เป็นทางเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปประกอบพระราชพิธีบนพระเมรุ อันเนื่องจากความชันบันไดไปยังพระเมรุ ถือเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งระบบลิฟต์ งบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างประมาณ 150-200 ล้านบาท
เมื่อสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2554 มีการจัดสร้างพระเมรุในการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ โดยมีพลอากาศตรีอาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากรเป็นประธานคณะทำงานการออกแบบพระเมรุ ในงานก่อสร้างพระเมรุครั้งนี้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีมีพระราชวินิจฉัยให้ยึดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์เป็นต้นแบบ เป็นอาคารทรงปราสาทยอดมณฑป เรียกว่าทรงมณฑปแปลง หลังคาจัตุรมุขซ้อน 2 ชั้น สร้างขึ้นบนฐานชาลาใหญ่ จากฐานชาลาจนถึงยอดฉัตรสูง 35.59 เมตร มุขหน้าทิศตะวันตกเป็นทางเสด็จพระราชดำเนิน มุขด้านทิศเหนือมีสะพานเกรินสำหรับอัญเชิญพระโกศขึ้นประดิษฐานเหนือพระจิตกาธานภายในพระเมรุ มุขหลังด้านทิศตะวันออกเป็นพื้นที่วางเตาเผาพระศพ บริเวณฐานชาลาทุกด้านมีบันไดทางขึ้นลง รายล้อมด้วยรั้วราชวัติ ฉัตร โคม และเทวดาอัญเชิญฉัตรประกอบพระอิสริยยศ เครื่องยอดพระเมรุ เป็นทรงมณฑปมีชั้นเชิงกลอน 5 ชั้นแต่ละชั้นมีซุ้มบันแถลงซ้อน 2 ชั้น มุมหลังคามีนาคปัก ส่วนบนเป็นองค์ระฆังรับบัลลังก์ เหนือบัลลังก์เป็นชุดบัวคลุ่ม 5 ชั้น ปลียอดแบ่งเป็น 2 ส่วน คั่นด้วยลูกแก้ว บนยอดมีเม็ดน้ำค้าง เหนือสุดปักสัปตปฎลเศวตฉัตร หน้าบันทั้ง 4 ด้าน ประดับอักษรพระนาม พร โครงสีของพระเมรุโดยรวมเป็นสีทองและสีชมพู ตามสีวันประสูติ คือวันอังคาร งบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างประมาณ 260 ล้านบาท
- พ.ศ. 2560
พระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2559 กรมศิลปากรได้ออกแบบพระเมรุมาศโดยเป็นทรงบุษบก 9 ยอด ตามโบราณราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์จะใช้พระเมรุมาศทรงบุษบกเท่านั้น ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (เมื่อครั้งดำรงพระราชอิสสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร) โปรดให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์ประธานที่ปรึกษาในการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยพระเมรุมาศออกแบบโดย นายก่อเกียรติ ทองผุด นายช่างศิลปกรรมชำนาญการเป็นผู้ออกแบบหลัก และมีนายสัตวัน ฮ่มซ้าย ผู้อำนวยการสำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร นายธีรชาติ วีรยุทธานนท์ สถาปนิกชำนาญการ เป็นผู้ช่วย เป็นพระเมรุมาศทรงบุษบก สูง 50.49 เมตร (ต่อมาได้ขยายเป็น 53 เมตร) มีชั้นเชิงกลอน 7 ชั้น ผังพื้นที่ใช้งานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 60 เมตร มีบันไดทั้งสี่ด้าน ฐานยกพื้นที่สูง มี 3 ชั้น ชั้นบน ที่มุมทั้งสี่ ประกอบด้วย ซ่างทรงบุษบก ชั้นเชิงกลอนห้าชั้น สำหรับพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ฐานชั้นที่ 2 ประกอบด้วยซุ้มทรงบุษบกรูปแบบเดียวกัน รวมสิ่งก่อสร้างมีเครื่องยอดนับรวมได้ 9 ยอด โดยยอดกลางจะเปรียบเหมือนเป็นเขาพระสุเมรุ และอีก 8 ยอดเป็นเหมือนยอดเขาสัตตบริภัณฑ์ ซึ่งเปรียบเป็นระบบจักรวาล โดยเปรียบพระมหากษัตริย์เป็นเหมือนสมมติเทพ ศิลปกรรมประกอบพระเมรุมาศ ประกอบด้วยงานศิลปกรรมประกอบอาคาร ฉัตร เทวดา สัตว์หิมพานต์ ประติมากรรมประกอบพระเมรุมาศ พร้อมกับมีการขุดสระอโนดาตขึ้นมาจริง ๆ
พระเมรุมาศ พระเมรุและเมรุ
สูงสุดคือ "พระเมรุมาศ" ใช้ในพระราชพิธีพระบรมศพสำหรับการตายที่ใช้ราชาศัพท์ว่าสวรรคต เช่น พระมหากษัตริย์ พระบรมราชินี พระราชชนนี พระบวรราชเจ้า (อุปราชวังหน้า) พระบรมโอรสาธิราช เป็นต้น พระเมรุมาศ พระเมรุ และเมรุ มีฐานานุศักดิ์สูงต่ำดังนี้
พระเมรุมาศ
- พระเมรุมาศ เป็นพระเมรุขนาดสูงใหญ่ ใช้ในพระราชพิธีพระบรมศพ พระมหากษัตริย์ พระอัครมเหสี พระบรมราชินี พระราชชนนี พระบวรราชเจ้า พระยุพราช สำหรับการตายที่ใช้ราชาศัพท์ว่าสวรรคต ภายในพระเมรุมาศมี “พระเมรุทอง” ลักษณะของพระเมรุมาศที่ปรากฏการสร้างมี 2 รูปแบบคือพระเมรุมาศทรงปราสาท ที่สร้างมาแต่โบราณ มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร และพระเมรุมาศทรงบุษบก ที่เริ่มใช้ในพระราชพิธีพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงดำริว่าการพระราชพิธีพระบรมศพอย่างโบราณสิ้นเปลืองแรง พระราชทรัพย์ และได้ใช้รูปแบบของพระเมรุมาศทรงบุษบกต่อมาโดยตลอด แต่พระเมรุมาศของพระอัครมเหสียังคงใช้เป็นพระเมรุมาศทรงปราสาทโดยรวมของพระเมรุมาศจะปิดด้วยกระดาษทองทั้งหลัง มีสีแล่งอยู่เพื่อให้เห็นลายเท่านั้น
- พระเมรุมาศทรงปราสาท มีรูปแบบมาตั้งแต่สมัยอยุธยาใช้สืบต่อมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ระหว่างรัชกาลที่ 1-4 มีลักษณะเดียวกับปราสาท สร้างเรือนบุษบกบัลลังก์ที่เรียกว่าพระเมรุทอง ซ้อนอยู่ภายใน โดยประดิษฐานพระเบญจาจิตกาธานรองรับพระโกศพระบรมศพ สร้างปิดทองล่องชาด พระเมรุมาศทรงปราสาทมี 2 ลักษณะคือ
- พระเมรุมาศทรงปราสาทยอดปรางค์ สร้างยอดเป็นปรางค์ตามลักษณะ ซึ่งมียอดปรางค์แบบไทย 3 แบบคือ ปรางค์ทรงสิขร ทรงงาเนียม และทรงข้าวโพด
- พระเมรุมาศทรงปราสาทยอดมณฑป สร้างยอดเป็นมณฑป เช่น ลักษณะยอดมณฑปพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท และ เป็นต้น
- พระเมรุมาศทรงบุษบก เป็นของพระมหากษัตริย์เริ่มใช้ในสมัยรัชกาลที่ 5 สร้างบนพื้นราบดัดแปลงอาคารปราสาทเป็นเรือนบุษบกบัลลังก์ หรือคือการขยายมาจากพระเมรุทองในปราสาทให้ใหญ่ขึ้น และตั้งเบญจาจิตกาธานรับพระโกศพระบรมศพ สะดวกกับการถวายพระเพลิง พระเมรุมาศทรงบุษบกองค์แรกใช้ในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และยังถือเป็นแบบพระเมรุมาศเฉพาะพระมหากษัตริย์เท่านั้น อนึ่ง พระเมรุมาศทรงบุษบกยังได้อนุโลมให้เป็นรูปแบบในการสร้างพระเมรุมาศ สำหรับถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
- พระเมรุมาศทรงปราสาท มีรูปแบบมาตั้งแต่สมัยอยุธยาใช้สืบต่อมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ระหว่างรัชกาลที่ 1-4 มีลักษณะเดียวกับปราสาท สร้างเรือนบุษบกบัลลังก์ที่เรียกว่าพระเมรุทอง ซ้อนอยู่ภายใน โดยประดิษฐานพระเบญจาจิตกาธานรองรับพระโกศพระบรมศพ สร้างปิดทองล่องชาด พระเมรุมาศทรงปราสาทมี 2 ลักษณะคือ
- พระเมรุทอง คือเมรุทำด้วยทอง ปิดทอง กระดาษทอง หรือทองน้ำตะโก สร้างเป็นอาคารเรือนยอด ทรงบุษบกหรือทรงมณฑป มีความสูงประมาณ 20 เมตร ตั้งอยู่ภายในพระเมรุมาศ โดยใช้เป็นที่ตั้งพระเบญจาทองคำรองรับพระบรมโกศ พระโกศ ภายใต้พระเศวตฉัตร มีปรากฏใช้ครั้งสุดท้ายในงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
อนึ่ง ในปัจจุบันรูปแบบการจัดสร้างพระเมรุมาศ ที่ปิดกระดาษทองทั้งองค์นี้ได้อนุโลมให้ใช้สร้างพระเมรุของพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นเจ้าฟ้า ที่ออกพระเมรุกลางเมืองได้ แต่ยังคงออกเรียกว่า พระเมรุ ตามพระอิสริยยศ เช่น พระเมรุสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
พระเมรุ
- พระเมรุ มีลักษณะเช่นเดียวกับพระเมรุมาศ แต่มีขนาดเล็กลง และไม่มีพระเมรุทองภายใน ใช้สำหรับราชวงศ์ที่ทรงฐานานุศักดิ์ใช้ราชาศัพท์ว่า “ทิวงคต” หรือ “สิ้นพระชนม์” พระเมรุโดยรวมจะใช้สีในการตกแต่ง มีการปิดกระดาษทองเพียงบางส่วนของพระเมรุ แต่พระเมรุเจ้าฟ้าในปัจจุบันอนุโลมให้สร้างตามแบบพระเมรุมาศ กล่าวคือ ปิดกระดาษทองเป็นส่วนใหญ่
- พระเมรุพิมาน เป็นสมมตินามที่หมายถึงอาคารที่สมมติขึ้นว่าเป็นวิมาน สำหรับตั้งพระบรมศพหรือพระศพก่อนการอัญเชิญพระบรมศพหรือพระศพไปถวายพระเพลิงที่พระเมรุขนาดน้อยที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
- พระเมรุบรรพต เป็นพระเมรุที่สร้างบนภูเขาสมมติ จากบันทึกมีใช้เพียง 3 ครั้งคือ ในครั้งสมโภชพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ครั้งที่ 2 ในการพระบรมศพสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ที่ยกพื้นสูง ทำเป็นภูเขาประกอบเชิงเมรุโดยรอบ อนุโลมเป็นพระเมรุบรรพต หลังจากนั้นใช้สมโภชพระศพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ แต่พระราชทานเพลิงในพระเมรุน้อยที่เชิงภูเขา และครั้งที่ 3 ในงานพระศพพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประไพพรรณพิลาส สมัยรัชกาลที่ 5 ปี พ.ศ. 2429 ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์
ส่วนเมรุ อันเป็นองค์ประกอบของพระเมรุ คือ เมรุทิศ ที่เป็นเมรุประจำ 4 ทิศ หรือ 8 ทิศ ทำรอบพระเมรุมาศ 4 ทิศ หากเป็น 8 ทิศ จะสร้างระหว่างเมรุทิศทั้ง 4 ซึ่งเมรุกลางที่อยู่ระหว่างเมรุทิศจะเรียกว่า เมรุประตู ไปโดยปริยาย หรือเมรุที่แทรกระหว่างเมรุทิศ จะเรียกว่า เมรุแทรก ซึ่งอาจเรียกเมรุประตูว่า เมรุแทรกก็ได้ ทั้งนี้แล้วแต่ขนาดความมโหฬารของงานพระราชพิธี ส่วนเมรุแทรกที่เรียงรายกันไป แทรกระหว่างเมรุทิศ จะเรียกว่า เมรุราย และเมรุพระบุพโพ ใช้สำหรับถวายพระเพลิงพระบุพโพ (น้ำเหลือง)
นอกจากนี้คำเรียกของเมรุอย่างอื่น อย่าง เมรุน้อย คือคำเรียกเมรุขนาดเล็ก และเมรุมณฑป เป็นคำเรียกลักษณะเมรุที่มีสถาปัตยกรรมเป็นทรงมณฑป ส่วนคำสามัญทางการช่าง เมรุที่ดาดสีเขียว เหลือง แดง รองพื้นแล้วปิดกระดาษสีทอง ฉลุลวดลายทับ จะเรียกว่า เมรุสี หรือ เมรุแผง
ส่วนเมรุอื่นที่เคยใช้เป็นพระเมรุ อย่างเช่น เมรุปูน เริ่มสร้างครั้งแรกที่วัดสุวรรณาราม ในรัชกาลที่ 1 เพื่อเป็นปฐมงานพระศพชั้นเจ้าฟ้าและพระศพ รวมถึงศพผู้มีบรรดาศักดิ์ มีศักดิ์ศรีเทียบเท่าพระเมรุท้องสนามหลวง (ปัจจุบันไม่เหลือซากให้เห็น) ต่อมาใช้จัดพระราชทานเพลิงศพมากมาย และยังมีเมรุขาว หรือเมรุผ้าขาว มีลักษณะการดาดผ้าขาวให้มีลักษณะเป็นเหมือนอาคารก่ออิฐ ยังมีเมรุขาวที่มีเครื่องยอดเช่น พระเมรุผ้าขาวสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นต้น
สถาปัตยกรรมและศิลปกรรม
การออกแบบสถาปัตยกรรมพระเมรุมาศ พระเมรุ ต้องอาศัยการสร้างสรรค์ออกแบบจากผู้รอบรู้เจนจบงานศิลปกรรมของชาติ ช่างที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้จากครูบาอาจารย์ทั้งงานออกแบบรูปลักษณ์ ก่อสร้างอาคาร การคิดลวดลายขึ้นประดิษฐ์ตกแต่งทุกส่วนให้เข้ากับอาคาร โดยมีหลักเกณฑ์ที่คำนึงถึงว่าพระเมรุมาศของพระองค์ใด ที่แสดงลักษณะของพระองค์นั้น เช่น ความเป็นพระมหากษัตริย์ พระราชินี นักรบ เป็นต้น อีกทั้งการใช้ลวดลายที่สอดคล้องกับสีที่เกี่ยวกับพระองค์เป็นสำคัญ สายช่างสมัยรัตนโกสินทร์ มีอยู่ 3 สายคือ สายพระยาราชสงคราม, สายพระยาจินดารังสรรค์ และ สายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ซึ่งกล่าวกันว่า จะมีศิษย์ผู้สืบงานศิลป์รวมทั้งอาจารย์ผู้เป็นต้นแบบ ในแต่ละสายนั้นเพียงสายละ 3 ช่วงคนเท่านั้น
ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นอย่างสถาปัตยกรรมไทย มีลักษณะเป็น "กุฎาคาร หรือ เรือนยอด" คือเรือนซึ่งหลังคาต่อเป็นยอดแหลม ยึดรูปแบบสถาปัตยกรรมไทย อาจมีรูปทรงปรางค์ ยอดปรางค์ อาจมีพรหมพักตร์หรือไม่มีก็ได้ หรือเป็นรูปปราสาท โดยสมมติอาคารหลังนี้เป็นพระวิมาน บางครั้งก็มีมุขยื่นออกมา เป็นมุขเดี่ยวบ้าง เป็นจัตุรมุขบ้าง
ผังอาคารและอาคารประกอบ
แผนผังของพระเมรุมาศ มีแนวคิดจากผังของเขาพระสุเมรุ ในสมัยโบราณจะปรับพื้นที่พูนดินสร้างเขาให้มีลักษณะ ประดุจเขาพระสุเมรุก่อน แล้วจึงก่อสร้าง อาคารประกอบพระราชพิธี ส่วนประกอบอื่นอย่าง ศาลาและอาคารที่ใช้สอยต่าง ๆ มีความหมายถึงสร้างวังทั้งวังขึ้นบนเขา มีรั้วราชวัติล้อมรอบ ประดับฉัตร ธงทิว รายล้อมด้วยรูปสัตว์ต่าง ๆ เป็นการล้อเลียนธรรมชาติตามคติในเขาพระสุเมรุ และทิวเขาสัตบริภัณฑ์
อาคารหลักคือ พระเมรุมาศ 1 องค์ และอาคารประกอบอย่าง ประดุจโบสถ์ วิหาร มีระเบียงล้อมรอบ ซึ่งเรียกว่าทับเกษตร อันมีความหมายว่า “เขตอันเป็นที่พัก” ตรงส่วนมุมคดของทับเกษตรทั้ง 4 มุมเรียกว่า “ส้างหรือสำสร้าง” เป็นที่ที่สวดอภิธรรมของพระสงฆ์ นอกจากนี้อาคารบริวาร มีราชวัติ ฉัตร ธง รายล้อม หลังส้างหรือสำส้างมีรูปสัตว์รายรอบ ถัดจากนั้นมี เสาดอกไม้ พุ่ม ดอกไม้ไฟ ส่วนพระที่นั่งชั่วคราวที่เรียกว่า พระที่นั่งทรงธรรม จะอยู่ด้านตรงข้ามพระเมรุมาศ สำหรับทรงบำเพ็ญพระราชกุศลก่อนถวายพระเพลิงพระบรมศพ
ในบริเวณส่วนกลางของพระเมรุมาศหรือพระเมรุ จะประดิษฐานพระจิตกาธานซึ่งประดิษฐานพระโกศ พระศพ จะประดับด้วยพระโกศไม้จันทน์ และดอกไม้สดเป็นลวดลายก้าน ดอก ใบ ที่มีฝีมืออันประณีต สำหรับพระมหากษัตริย์-ราชวงศ์-ข้าราชการ ถวายพระเพลิง
ส่วนยอดพระเมรุมาศ สามารถแสดงฐานันดรของพระศพได้จากยอด คือหากเป็นพระเมรุมาศสำหรับพระบรมศพพระมหากษัตริย์ ยอดจะเป็น "พระมหาเศวตฉัตร" หรือหากเป็นพระบรมราชวงศ์ ชั้นฉัตรก็ลดหลั่นลงมา หรืออาจไม่มีฉัตรแต่เป็นยอดก็ได้
โครงสร้าง
การออกแบบมีหลักเกณฑ์ข้อกำหนด เช่น ในส่วนโครงสร้างทุกส่วนต้องแข็งแรงพอรับน้ำหนักประจำและน้ำหนักจรได้อย่างมั่นคงแข็งแรง วิศวกรผู้ออกแบบโครงสร้างปัจจุบัน ออกแบบพระเมรุ อาคารประกอบของพระเมรุคิดน้ำหนักเฉลี่ยโดยทั่วไปอยู่ที่ 300 กิโลกรัม ต่อ ตารางเมตร ส่วนองค์พระเมรุคิดน้ำหนักไว้ที่ 500 กิโลกรัม ต่อ ตารางเมตร และในคราวสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ส่วนรับเตาเผาที่ใช้ในการพระราชทานเพลิงพระศพมีน้ำหนักมากถึง 5 ตัน หรือ 5 พันกิโลกรัม จึงออกแบบเพิ่มน้ำหนักส่วนของพระเมรุเพิ่มขึ้น
แต่เดิมส่วนฐานรากแต่เดิมใช้ไม้ซุงยาว 5-6 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 5-6 นิ้ว ตอกเป็น หนุนเป็นแบบระนาดวางไว้ที่ฐานเพื่อรับน้ำหนักแรงกระทำแนวดิ่ง จนพระเมรุมาศสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเปลี่ยนฐานรากจากไม้เป็นคอนกรีตสำเร็จรูป นำมาตัดเป็น ท่อนๆ ตามขนาดของน้ำหนักที่จะกดลงตรงที่นั้น ๆ ส่วนพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ใช้แผ่นพื้นสำเร็จวางปูเพื่อเป็นฐาน ส่วนเสาแต่เดิมใช้เสาไม้สักเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 เซนติเมตร ยาวประมาณ 40 เมตร เป็นเสาหลัก แต่ปัจจุบันใช้เสาเหล็กผสมไม้ และส่วนประกอบอื่นอย่างลวดลาย ไม้ตัวโครงสร้าง ใช้ไม้และไม้อัด
สำหรับโครงสร้างพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ใช้โครงสร้างแบบชั่วคราว สามารถรื้อถอดไปประกอบติดตั้งใหม่ได้ มีโครงสร้างเป็นไม้เนื้อแข็งและประกอบกันเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้แข็งแรงปลอดภัยเพียงพอในการใช้งาน
การตกแต่ง
การตกแต่ง จะเป็นไปตามแบบแผนของการก่อสร้างตามหลักสถาปัตยกรรม มี 2 ลักษณะคือ ตกแต่งอย่างพระเมรุทอง และตกแต่งอย่างพระเมรุสี โดยการตกแต่งพระเมรุทอง (มักจะใช้กับพระเมรุมาศ ของพระมหากษัตริย์) เช่น การปิดทองล้วนทั้งทองจริงและทองเทียม หรือปิดทองล่องชาด อย่างเช่นทองคำเปลว กระดาษทอง พื้นเมรุสีแดงมีลายทอง หรือจะปิดกระดาษทองย่นมีสายสีแดง ส่วนการตกแต่งเมรุสี หรือ เมรุลงยาราชาวดี จะใช้สีจากวัสดุหลากหลายประเภท อย่าง กระจกสีต่าง ๆ สอดสีด้วยกระดาษสี กระดาษกั่วสี โดยการเลือกสีจะสัมพันธ์กับผู้ที่จะรับการถวายพระเพลิง เช่น เป็นสีประจำวันพระราชสมภพ เป็นต้น
อาคารประดับตกแต่งด้วยหุ่นเทวดา ถือเครื่องสูง เพื่อเป็นการแสดงพระอิสริยยศ บางครั้งประดับด้วยสัตว์หิมพานต์ที่อยู่บนเชิงเขาพระสุเมรุ เช่นเสาหงส์
งานภูมิสถาปัตยกรรม
การออกแบบภูมิทัศน์บริเวณพระเมรุมาศ คำนึงที่พื้นที่ว่างระหว่างอาคารภายในขอบเขตรั้วราชวัติและบริเวณโดยรอบตามประโยชน์ใช้สอย เพื่อเสริมส่งให้พระเมรุมาศและบรรยากาศโดยรอบมีความงดงาม อีกทั้งให้ความหมายในเรื่องคติของแผนภูมิจักรวาลให้สมบูรณ์ โดยจำลองเขาพระสุเมรุ คือบริเวณโดยรอบพระเมรุมาศจะเปรียบเสมือนเขาพระเมรุตั้งอยู่กลางจักรวาล ส่วนที่ว่างปลูกต้นไม้บริเวณฐานเปรียบเหมือนป่าหิมพานต์ที่อยู่เชิงเขาโดยมีลวดลายของเส้นเป็นตัวกำหนด ส่วนบริเวณถัดมาใช้สำหรับเชิญพระโกศเวียนพระเมรุมาศ จะเปรียบเสมือนล้อมรอบเขาพระสุเมรุ
งานออกพระเมรุ
เมื่อถึงกำหนดงานออกพระเมรุ จะอัญเชิญพระบรมศพออกไปถวายพระเพลิง ณ พระเมรุมาศ ซึ่งมีการแห่ไปทั้งทางบกทางน้ำ โดยเชิญพระบรมศพจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ลงมาที่พระยานมาศสามลำคาน แล้วแห่ออกท่าราชวรดิษฐ์ไปลงเรือ พายตามน้ำไปขึ้นที่ท่าเตียน จากนั้นเชิญขึ้นพระยานมาศสามลำคานจากเรือไปจนถึงหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม จึงเชิญขึ้นพระมหาพิชัยราชรถ จัดเป็นริ้วขบวนแห่เข้าพระเมรุที่ท้องสนามหลวง
การแห่กระบวนเป็นไปตามราชประเพณีแต่โบราณ เพื่อเป็นเกียรติยศ สำหรับการแห่ทางน้ำหรือชลมารคในรัชกาลปัจจุบันได้ลดทอนเหลือแต่กระบวนแห่ทางบก โดยแห่จากหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นการเฉพาะสำหรับพระบรมศพและพระศพเกียรติยศจริง ๆ เท่านั้น โดยริ้วขบวนมักประกอบด้วยริ้วขบวน 6 ริ้วได้แก่
- ริ้วขบวนที่ 1 เชิญพระโกศพระยานมาศสามลำคานจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ไปยังพระมหาพิชัยราชรถหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
- ริ้วขบวนที่ 2 เชิญพระโกศโดยพระมหาพิชัยราชรถจากหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามไปยังพระเมรุมาศท้องสนามหลวง
- ริ้วขบวนที่ 3 เชิญพระโกศโดยราชรถปืนใหญ่ สำหรับพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ หรือพระยานมาศสามลำคานสำหรับพระศพเจ้านายชั้นสูง เวียนโดยอุตรวัฏ (เวียนซ้าย) รอบพระเมรุมาศ แล้วเชิญพระโกศประดิษฐานบนพระเมรุมาศ
- ริ้วขบวนที่ 4 ในวันเก็บพระอัฐิ เชิญพระโกศพระอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยาน และพระบรมราชสรีรางคารโดยพระที่นั่งราเชนทรยานน้อยสำหรับพระมหากษัตริย์ สำหรับพระบรมวงศ์ฝ่ายหน้า หรือสำหรับพระบรมวงศ์ฝ่ายใน จากพระเมรุมาศท้องสนามหลวง สู่พระบรมมหาราชวัง
- ริ้วขบวนที่ 5 ในวันเชิญขึ้นประดิษฐานบนพระวิมาน เชิญพระโกศพระอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยานจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขึ้นประดิษฐานที่พระวิมาน บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
- ริ้วขบวนที่ 6 เชิญพระบรมราชสรีรางคารจากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยรถยนต์พระที่นั่งไปบรรจุที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม หรือวัดแห่งอื่นตามแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดให้เป็นสถานที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร
อย่างไรก็ตาม ในริ้วขบวนที่ 3 สำหรับพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และพระศพของพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าที่ทรงรับราชการทหารนั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาใช้ราชรถปืนใหญ่รางเกวียนทรงพระบรมศพหรือพระศพเวียนรอบพระเมรุมาศหรือพระเมรุ โดยเริ่มปรากฏหลักฐานของธรรมเนียมดังกล่าวในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เฉพาะพระบรมศพของพระมหากษัตริย์นั้น ได้เริ่มธรรมเนียมนี้ขึ้นในงานพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามความในพระราชพินัยกรรมของพระองค์เอง ข้อที่ 11 ซึ่งระบุไว้ว่า "ในการแห่พระบรมศพ ตั้งแต่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปถึงวัดพระเชตุพน ให้ใช้พระยานมาศตามประเพณี จากวัดพระเชตุพนไปพระเมรุ ขอให้จัดรถเสียใหม่เป็นรถปืนใหญ่บรรทุกพระบรมศพ เพราะข้าพเจ้าเป็นทหาร อยากจะใคร่เดินทางในระยะที่สุดนี้อย่างทหาร" แต่เมื่อถึงคราวจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระเวชยันตราชรถ (ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ออกนามในหมายกำหนดการว่าพระมหาพิชัยราชรถ) ทรงพระบรมศพ ในริ้วกระบวนเชิญพระโกศทรงพระบรมศพจากหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามไปยังพระเมรุมาศท้องสนามหลวงตามโบราณราชประเพณีเช่นเดิม แต่ทรงอนุโลมให้ใช้ราชรถปืนใหญ่เชิญพระบรมศพเวียนรอบพระเมรุมาศตามที่ระบุไว้ในพระราชพินัยกรรม การจัดริ้วขบวนดังกล่าวนี้ได้สืบทอดเป็นราชประเพณีมาจนถึงปัจจุบัน
อนึ่ง ในคืนก่อนวันออกพระเมรุ จะมีการจัดงานเครื่องสดอย่าง งานแทงหยวกและงานดอกไม้สด เพิ่มเติมในพระเมรุมาศ โดยงานแทงหยวกแต่งจิตกาธาน ด้วยเพราะหยวกฉ่ำน้ำช่วยไม่ให้ไฟโหมไหม้แรงเกินไป ส่วนงานดอกไม้สด ร้อยประดิษฐ์เป็นฉัตรและเครื่องแขวนต่าง ๆ ที่มาจากโบราณ ยังเป็นเครื่องกลบกลิ่น ส่วนในงานกลางคืนของคืนวันออกพระเมรุ จะจัดให้มีมหรสพสมโภชและจัดซุ้มให้ประชาชนมาถวาย
เครื่องสังเค็ด
หมายถึง วัตถุทานที่เจ้าภาพสร้างอุทิศเพื่อใช้ชักบังสุกุลในเวลาปลงศพ โดยในสมัยรัตนโกสินทร์นิยมทำเป็นของใช้สำหรับพระสงฆ์ อาทิ พัดรอง ธรรมมาสน์ เครื่องบริขาร และเครื่องนมัสการ ในงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นงานแรกที่มีการจัดสร้างเครื่องสังเค็ดเพื่อมอบให้แก่ศาสนสถานของศาสนาอื่นด้วย อาทิ ธรรมมาสน์ เพื่อมอบแก่วัดในพระพุทธศาสนา เชิงเทียน เพื่อมอบให้แก่ศาสนสถานของคริสต์ศาสนา และโคมไฟ เพื่อมอบให้แก่ศาสนสถานของมุสลิม หลังจากนั้นก็คงมีแต่การพระราชทานเครื่องสังเค็ดเฉพาะพระพุทธศาสนาเท่านั้น จนเมื่อครั้งงานพระเมรุสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ได้มีการพระราชทานเครื่องสังเค็ดแก่ศาสนสถานของศาสนาทุกศาสนา และโรงเรียนและห้องสมุดด้วย ได้แก่
- เครื่องบูชาวิปัสสนาและพวงแก้วน้ำ พระราชทานเป็นสังเค็ดแก่พระอารามหลวง และพระอารามอันเนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เช่น วัดเสนหา อันเป็นวัดประจำพระราชวังสนามจันทร์ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี วัดแก้วพิจิตร วัดประจำสกุลอภัยวงศ์ และวัดประยุรวงศาวาสราชวรวิหาร วัดที่บรรจุอัฐิของคุณเล็ก บุนนาค พระชนนีของพระนางเจ้าสุวัทนาฯ และสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
- เชิงเทียนประดับอักษรพระนาม เพื่อพระราชทานแก่ศาสนสถานของคริสต์ศาสนา เทวสถานของพราหมณ์ และศาลเจ้าของเต๋า
- โคมไฟประดับอักษรพระนาม เพื่อพระราชทานแก่มัสยิดและสุเหร่าของศาสนาอิสลามและซิกซ์
- ตู้หนังสือ เพื่อพระราชทานแก่มหาวิทยาลัย โรงเรียน และห้องสมุดต่างๆ ที่อยู่ในพระอุปถัมภ์
ของที่ระลึกเนื่องในงานออกพระเมรุ
การจัดทำของที่ระลึกในงานพระเมรุ ทำมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่ออุทิศเป็นบุญกุศลแก่ผู้ล่วงลับ ในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งงานพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ โดยสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรและพระเจ้าเอกทัศ พระราชโอรสทรงร่วมแจกทานเป็นเสื้อผ้าและเงินทอง และสิ่งของเครื่องใช้แก่ประชาชน
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนใหญ่ยังคงจัดทำเครื่องสังเค็ดและถวายพระภิกษุสงฆ์ที่อาราธนาเทศน์หรือพิจารณาผ้าบังสุกุล ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เริ่มจัดทำเหรียญที่ระลึกเป็นเงินพดด้วง มีตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์รูปครุฑ ในงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงการจัดทำเป็นหีบเงินหรือกระเบื้องเคลือบ ในงานพระศพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์
ในงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก นอกจากนี้การพิมพ์หนังสือที่ระลึกก็เป็นที่นิยมเช่นกัน เช่นงานพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 มีการจัดพิมพ์หนังสือที่ระลึกถึง 5 เล่ม สำหรับของที่ระลึกในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์นั้น นอกจากเครื่องสังเค็ดถวายพระสงฆ์แล้ว ยังมีการจัดทำหนังสือ และของที่ระลึกอื่น ๆ ทั้งเข็มที่ระลึก เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก
ชิ้นส่วนหลังการรื้อถอน
ภายหลังจากการถวายพระเพลิงแล้ว ชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ ของพระเมรุที่ถูกรื้อถอนบางส่วนจะนำไปถวายวัด เพื่อเป็นการกุศลแด่ผู้วายชนม์ โดยในสมัยก่อนส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ได้มักจะเป็นตัวไม้ หลัก ๆ เท่านั้น ส่วนสัตว์หิมพานต์สมัยก่อน วัดวาอารามบางวัดจะขอเก็บไว้บ้าง แต่ที่เก็บไว้ก็เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา
เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ สิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นพิเศษ โปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ทำเรือนรูปต่าง ๆ โดยโปรดเกล้าฯให้ใช้สิ่งก่อสร้างเป็นไม้จริง ด้วยมีพระราชประสงค์ว่าครั้นเสร็จการให้รื้อพระเมรุไปสร้างเรือนคนไข้ได้จำนวน 4 หลัง ณ บริเวณวังหลัง ซึ่งต่อมาคือโรงพยาบาลศิริราชในปัจจุบัน
พระเมรุมาศสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หลังเสร็จสิ้นงาน เอาไปสร้างศาลาหลังหนึ่งที่วัดปทุมวนาราม ข้างวังสระปทุม โดยเมื่อเสร็จสิ้นพระราชพิธี ของทั้งหมดจะอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักพระราชวัง โดยส่วนที่นำไปแปรธาตุไปใช้อย่างอื่นเช่น ศาลาต่าง ๆ ทับเกษตร ราชวัติ ส่วนที่เก็บไว้เช่น ส่วนฉัตร กลีบบัว ฉัตรปรุ โครงฉัตรผ้าฉลุทอง
หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อาคารพระเมรุและอาคารประกอบ ถูกรื้อถอนเป็น 3 ส่วน คือส่วนแรก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานให้หน่วยงานต่าง ๆ ส่วนที่ 2 เปิดประมูล และส่วนที่ 3 เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษา เช่นชิ้นส่วน พระโกศจันทน์ รูปปั้นเทวดา สัตว์หิมพานต์
ประเทศกัมพูชา
รูปแบบของสถาปัตยกรรมของพระเมรุมาศหรือพระเมรุยังปรากฏพบในประเทศกัมพูชา
ทั้งสถาปัตยกรรมของพระเมรุมาศและพระราชพิธีศพของราชสำนักกัมพูชาได้มีความคล้ายคลึงกับของไทยเป็นอย่างมาก เช่น กระบวนแห่ที่ประกอบด้วยข้าราชสำนักที่สวมเครื่องแต่งกายแบบโบราณ ราชรถที่ใช้เข้ากระบวนแห่ซึ่งประดิษฐ์เป็นรูปหงส์ สัตว์ในปกรณัมฮินดู ขณะที่องค์พระบรมโกศที่บรรจุพระบรมศพ จะแตกต่างกับของไทยตรงที่เป็นโลงศพยาวสี่เหลี่ยมผืนผ้า แทนที่โกศแบบโถยอดที่มีลักษณะกลมเป็นทรงสูง
โดยพระเมรุมาศของกัมพูชาที่ประกอบพระราชพิธีครั้งล่าสุดตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ใน พ.ศ. 2556
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- เล่าขานงานพระเมรุ : พระเมรุมาศ พระเมรุ เมรุ
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-01-28. สืบค้นเมื่อ 2008-01-23.
- สมาน สุดโต, พระเมรุมาศ พระเมรุ และ เมรุ งานสถาปัตยกรรมไทยชั้นสูง 2008-12-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน posttoday.com
- "พระเมรุมาศ," วารสารอาษา ฉบับเดือนธันวาคม 2550-มกราคม 2551 หน้า 74-81
- เนติ โชติช่วงนิธิ, อัญเชิญพระโกศ ออกพระเมรุ[] สยามรัฐ
- ความเป็นมาและความสำคัญของพระเมรุมาศ-พระเมรุ 2008-12-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน phrameru.net
- ธ เสด็จสู่สวรรค์นิรันดร, หน้า 15
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-06-07. สืบค้นเมื่อ 2008-06-07.
- พระเมรุมาศสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ 2008-12-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน cons-mag.com
- ณัฐพงษ์ บุณยพรหม, "พระเมรุ"ยุคแรก เลียนแบบ"นครวัด" ข่าวสด
- ธ เสด็จสู่สวรรค์นิรันดร, หน้า 18
- "Two Scrolls Depicting Phra Phetracha's Funeral Procession in 1704 and the Riddle of their Creation". so06.tci-thaijo.org. Barend J. Terwiel. สืบค้นเมื่อ 1 November 2021.
{{}}
: CS1 maint: url-status (), หน้า 79 - ธ เสด็จสู่สวรรค์นิรันดร, หน้า 20
- ธ เสด็จสู่สวรรค์นิรันดร, หน้า 21
- ธ เสด็จสู่สวรรค์นิรันดร, หน้า 23
- งานพระเมรุ: ศิลปสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมเกี่ยวเนื่อง ส่วนที่ ๒ : จากอยุธยาสู่รัตนโกสินทร์[]
- พระเมรุมาศ พระเมรุ คติเทวนิยม 2008-01-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน สยามรัฐ
- ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เรื่อง การพระเมรุพระบรมศพ, เล่ม ๒๗ ก, ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๓, หน้า ๔๓
- ประวัติพระเมรุมาศสมัยรัตนโกสินทร์ ประกอบบทสัมภาษณ์ ประเวศ ลิมปรังษี ผู้สรรค์สร้างพระเมรุกลางในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี[] นิตยสาร สารคดี ปีที่ 1 ฉบับที่ 4 พฤษภาคม 2528
- สมภพ ภิรมย์, พลเรือตรี. 2528. พระเมรุมาศ พระเมรุ และเมรุ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
- ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการ ที่ ๑๐/๒๔๗๕ พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ณ พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๕, เล่ม ๔๙, ตอน ๐ง, ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๕, หน้า ๔๐๕๖
- ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ณ พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๕, เล่ม ๔๙, ตอน ๐ง, ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕, หน้า ๔๑๘๒
- ธ เสด็จสู่สวรรค์นิรันดร, หน้า 24
- พระเมรุมาศสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี 2008-12-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน asa.or.th
- ธ เสด็จสู่สวรรค์นิรันดร, หน้า 26
- ธ เสด็จสู่สวรรค์นิรันดร, หน้า 30
- พระเมรุ สถาปัตยกรรมแห่งความภักดี แด่องค์ขัตติยนารี พระพี่นาง 2012-12-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ผู้จัดการออนไลน์ 4 พฤศจิกายน 2551 16:21 น.
- รูปแบบพระเมรุ 2008-11-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน hrh84yrs.org
- พระเมรุ สถาปัตยกรรมแห่งความภักดี แด่องค์ขัตติยนารี พระพี่นาง 2012-12-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ผู้จัดการออนไลน์ 4 พฤศจิกายน 2551 16:21 น.
- การพระเมรุ และพระเมรุในสมเด็จภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
- กรมศิลป์ฯ เปิดแบบ "พระเมรุมาศ" ยึดสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
- พระเมรุมาศ คอลัมน์ รู้ไปโม้ด น้าชาติ ประชาชื่น
- ความหมายของพระเมรุมาศพระเมรุและพระเมรุ[]
- สรุปข่าวภาค 07.00 น. วันอังคารที่ 15 มกราคม 2551 2008-12-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
- พรประไพ เสือเขียว, ประสบการณ์สร้างพระเมรุ ผ่านคำบอกเล่า 'สุวิชญ์ รัศมิภูติ' 2008-12-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน dailynews.co.th
- ปรัชญาการออกแบบพระเมรุมาศ 2008-10-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน phrameru.net
- พระเมรุ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ สถาปัตยกรรมปราสาท ศิลปกรรมไทย
- ห้องสนทนา ; หลักวิศวกรรมสมัยใหม่ในพระเมรุ พระพี่นาง จากปากคำ อารักษ์ สังหิตกุล 2012-12-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ผู้จัดการออนไลน์ 4 พฤศจิกายน 2551 16:57 น.
- พระเมรุ พระเมรุมาศ' สง่างามสมพระเกียรติยศ 2008-12-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน oknation.net
- ความหมายของพระเมรุมาศพระเมรุและพระเมรุ[] เว็บไซต์กระทรวงวัฒนธรรม
- ธ เสด็จสู่สวรรค์นิรันดร, หน้า 12
- ธ เสด็จสู่สวรรค์นิรันดร, หน้า 50
- ธ เสด็จสู่สวรรค์นิรันดร, หน้า 53
- พระราชพินัยกรรม (ฉบับพิสดาร) ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖. sookjai.com
- ธ เสด็จสู่สวรรค์นิรันดร, หน้า 54
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-12-21. สืบค้นเมื่อ 2008-11-15.
- ธ เสด็จสู่สวรรค์นิรันดร, หน้า 55
- “ศิริราช” สถาบันการแพทย์-พยาบาลแห่งแรกของประเทศไทย 2008-12-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน sakulthai.com
- รื้อพระเมรุพระพี่นาง กรมศิลป์ขอพระโกศ 19 พ.ย. 51 - 16:21 thairath.co.th (ต้องสมัครสมาชิก)
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-12-04. สืบค้นเมื่อ 2008-11-18.
- Freeman, Joe; Kunthear, Mom (1 February 2013). "A royal funeral for the ages". Phnom Penh Post. สืบค้นเมื่อ 2 October 2017.
บรรณานุกรม
- อรชร เอกภาพสากล, ธ เสด็จสู่สวรรค์นิรันดร.--กรุงเทพฯ : สยามหอความรู้, 2551
แหล่งข้อมูลอื่น
- พระเมรุ ไทยรัฐ
- ฐานข้อมูลพระเมรุมาศ และองค์ประกอบพระเมรุมาศ 2017-11-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จากกรมศิลปากร
- เล่าขานงานพระเมรุ : พระเมรุมาศ พระเมรุ เมรุ
- เผยของที่ระลึกในงาน “พระเมรุ” สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ 2012-12-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ผู้จัดการออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2551 16:01 น.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phraemrumas aelaphraemru khux sthaptykrrmchwkhraw hruxsthaptykrrmechphaakicthisrangkhun n icklangemuxng ephuxichinphrarachphithiphrabrmsphhruxphrarachphithiphrasphodyechphaa milksnaepn kudakhar hrux eruxnyxd khuxeruxnsunghlngkhatxepnyxdaehlm odyinxditniymsrangepnaebb yxdprangkh xacmihruximmikidphraemrumasphraemrumasphrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitrkhxmulthwipsthaptykrrmithy phraemrumas epnphraemrukhnadsungihy ichinphrarachphithiphrabrmsph phramhakstriy phraxkhrmehsi phrabwrracheca phrayuphrach sahrbkartaythiichrachasphthwaswrrkht phayinphraemrumasmi phraemruthxng lksnakhxngphraemrumasthipraktkarsrangmi 2 rupaebbkhuxphraemrumasthrngprasath thisrangmaaetobran mikhnadihyotmohlar aelaphraemrumasthrngbusbk swnphraemru echnediywkbphraemrumas aetmikhnadelklng aelaimmiphraemruthxngphayin ichsahrbrachwngsthithrngthananuskdiichrachasphthwa thiwngkht hrux sinphrachnm karxxkaebbsthaptykrrmphraemrumas phraemru txngxasykarsrangsrrkhxxkaebbcakphurxbruecncbngansilpkrrmkhxngchati changthiidrbkarthaythxdwichakhwamrucakkhrubaxacarythngnganxxkaebbruplksn kxsrangxakhar karkhidlwdlaykhunpradisthtkaetngthukswnihekhakbxakhar odymihlkeknththikhanungthungwaphraemrumaskhxngphraxngkhid thiaesdnglksnakhxngphraxngkhnn phayhlngcakkarthwayphraephlingaelw chinswnprakxbtang khxngphraemruthithukruxthxnbangswncanaipthwaywd ephuxepnkarkuslaedphuwaychnmkhwamhmayaelakhtikhwamechuxekhaphrasuemruaelasttbriphnth epnphaphekhiyncaksmudphaphitrphumichbbhlwng tamkhwamhmayin phcnanukrmrachbnthitysthan hmaythung phuekhaklangckrwal miyxdepnthitngaehngemuxngswrrkhchndawdungs sungepnthiprathbkhxngphraxinthr sungmixikkhwamhmaykhux epnthiephasphmihlngkhaepnyxd mirwlxmrxb sahrbphramhakstriy eriykwa phraemrumas sahrbphrabrmwngsanuwngseriykwa phraemru aelasahrbsamychneriykwa emru smedcphraecabrmwngsethx ecafakrmphrayanrisranuwdtiwngs thrngwinicchyinsasnsmedc 3 mi kh 2476 iwwa emru ehncaidchux cakkar plukprasathxnsungihythamklangplukprasathnxykhuntammumthukthis miokhlnthwar okhpura chkraebiyngechuxmthungkn pk rachwtilxmepnchn milksnaducekhaphrasuemru tngxyuthamklangmistbriphnthlxm cungeriykwa phraemru thihlngthayxlng immixairlxm ehluxaetyxdaehlm kkhngeriykwa emru cakhnngsux phraemrumas phraemru aelaemrusmyrtnoksinthr khxng s phl r t smphph phirmy xthibayiwwa inkhwamechuxaebbphrahmn phramhakstriythrngepn sungsthitbnekhaphrasuemru xnlxmrxbdwyekhastbriphnth aelaemuxcutilngmayngmnusyolkepnsmmtiethph emuxswrrkhtcungtngphrabrmsphbnphraemrumas hruxphraemru ephuxepnkarsngphrasph phrawiyyanklbsuekhasuemrudngedim nawaxakasexkxawuth enginchuklin xthibaykhwamechuxeruxngekhaphrasuemruinwarsarxasaiwwa ekhaphrasuemrusungepnthisthitykhxngethphydathnghlay emuxeramikhtikhwamechuxwa khnthitayaelwcaklbipsuswrrkh khwamechuxeruxngekhaphrasuemrumiphudthunginitrphumi epneruxngkhxngphumickrwalsungepnkhwamechuxinphuththsasnamilksnaepnthixyukhxngethwda tinekhaepnpahimphant thngnicakkhwamkhideruxngnicungidcalxngphraemrumas phraemru epnesmuxnekhaphrasuemruaelastbriphnthephuxsngesdcsuthiphyphiman odysthanthiprakxbphithiedimnnmkeriykknwa thungphraemru sungpccubnkhux thxngsnamhlwng thngnikarcdphrarachphithithwayphraephlingsrangphraemrumas epnrachpraephnithiaefngkhtikaremuxngiwxyangchdecn klawkhux epnkarthwayphraekiyrtiysthiphramhakstriyphraxngkhihmthwayaedphramhakstriythiesdcswrrkhtlwngaelw yngepnkarprakaskhwammnkhngkhxngbanemuxng dwyehtukarnthiepliynaephndinihm odyaesdngphrabrmedchanuphaphihehnwa cathrngpkkhrxngaephndinihphasukrmeynpraethsithyprawti smysuokhthy cakhlkthanthikhnphbekiywkbkarphithiphrabrmsphthiekaaekthisudxyuinkhmphiritrphumiktha hruxitrphumiphrarwng phrarachniphnthinphramhathrrmrachathi 1 phyaliithy aehngkrungsuokhthy thithrngpraphnthkhunrawpi ph s 1888 idphrrnnaekiywkbkarcdphrasph smyxyuthya emrumasthrngprasathyxdprangkh phayinepnemruthxngtngokssphthsknth insmyxyuthya phithiphrabrmsphepnphithikrrmthiyingihykhxngbanemuxng miaebbaephnthuxptibtixyangmiraebiyb khwamsakhykhxngkarcdphrarachphithithwayphraephlingsrangphraemrumasnn ephuxepnkarthwayphraekiyrtiysthiphramhakstriyphraxngkhihmthwayaedphramhakstriythiswrrkhtlwngaelw odyphicarnaphraedchanuphaphinkarsrangphraemrumas snnisthanwakarsrangphraemrumassmyxyuthyatxntn nacanakhtikarsrangmacakprasathkhxmepnaebbaephn mikarprbprungaebbaephncnmirupaebbsilpaithyinyukhhlng aesdngngansilpkrrmaebbxyuthyaxyangsmburn hlkthanimpraktchdecn insmyxyuthyamikarbnthukkarsrangphraemrumaskhxngsmedcphranerswrmharachinsmyaephndinsmedcphraexkathsrthaehngkrungsrixyuthya wa aetphrabrmsphsmedcphraphuththecahlwng aelasrangemrumassungesnsibecdwa pradbdwyemruthis emruray rachwti chtrnakhchtrebycrngkhesrc kxyechiyphrabrmsphesdcehnuxkvsdathar sungmikhnadihyotmohlarmak aelayngprakthlkthanphraemrumassmedcphranaraynmharach tamcdhmayehtuaelaphrarachphngsawdar wamikhwamsungthungsxngesn aelamiprimnthlkwangihyiphsalmak klawiwwa phraemrumas odykhnadihy chux 7 wa 2 sxk odylng 2 esn 11 wa sxkkhub miyxd 5 phayinphraemruthxngnn prakxbdwyekhruxngsrrphosphnwicitrtang srrphdwyphraemruthisphraemruray aelsamsrang sungmikhwamsungkwaphraemrumassmedcphranerswrmharach thung 5 waess aelawaknwaphraemrumasinsmyxyuthyamikhwamyingihymak yxdphraemrusungthdethiymtukecdchnsmypccubn hlkthanekiywkbphraemruinyukhaerk phbidcakwdichywthnaram thiepntnaebbphraemrumas smysmedcphraecaprasaththxng phraprangkh thiechuxwasmedcphraecaprasaththxngoprdihlxkaebbmacaksunyklangkhxngprasathnkhrwd epntnaebbthimakhxngphraemrumas thimiecdiythaepnemruray aelaemruthis rupaebbkarsrangwdrwmthngkarsrangphraraebiyngrxbni epnaenwkhwamkhidcakkhtikarsrangekhaphrasuemruepnaeknklangkhxngckrwal thiidrbxiththiphlmacaksilpaekhmr srangeliynaebbcalxngekhaphrasuemru khxngnkhrwd hrux wisnuolk thiechuxwaepnsunyklangkhxngckrwal xikrxngrxykhxngnganphraemru khux lanhnackrwrrdi thungphraemru phrathinngckrwrrdiiphchynt aelaphrarachwngobrankhxngemuxngkrungeka thismedcphraecaprasaththxngoprdekla ihkxsrangphraemrumasthitaaehnngthangitphrawiharphramngkhlbphitr aelamiphrarachphithibriewnsnamhnackrwrrdiodyxyechiyphrasphmathangchlmarkh mikhbwnaehiptngphrasphiwthiphrathinngckrwrrdiiphchynt aelapradisthanphrabrmsph thiphrathinngsuriyasnxmrinthr echnediywkbphrathinngdusitmhaprasath inphrabrmmharachwng aehngkrungrtnoksinthr aelasnnisthanwalanhnaphrathinngckrwrrdiiphchynt hruxsnamhnackrwrrdi epnthnnthimikhbwnaehphrabrmsphcaphanphrathinngsuriyasnxmrinthr phansnamchy aelaphrathinngckrwrrdiiphchynt sungeriykwa thungphraemru inplaykrungsrixyuthya yngmicdhmayehtuxik 2 eruxng khux nganphrabrmsphsmedcphrathinngthaysrasungphrrnnaechphaatxnthwayphraephlingaehphrabrmxthiaelaphraxngkhar aelaeruxngnganphraemrumassmedcecafasudawdi krmhlwngoythaethph sunginkarcdnganphraemrumasswnihykhxngkrungsrixyuthyacamilksnaepnkarpluksrangphraemrukhnadihy miphraemruthxngsungepnlksnaaebbbusbkxyuphayin phraemruniymthaepn 5 yxd inewlaxyechiyphraoksphrabrmsph caxyechiyipbnphramhaphichyrachrth khbwnaehxyangyingihyprakxbdntri xaccaminangra nangrxngih rahwangnncamikarthingthantnklpphvks emuxxyechiykhunphraemruaelw mikarsmophchxik 7 wn thngmhrsph dxkimephling aelanimntphrasngkhsdbpkrnhnunghmunrup hlngkhrb 7 wn 7 khun cungmikarthwayphraephling ekbphraxthithatulngphrabrmoks xyechiyipiwthiwdphrasrisrrephchy in ph s 2558 mikarkhnphb phaphkrabwnechiyphrabrmsphsmedcphraephthracha thipraethseyxrmni sungidchwyetimetmkhxmulthikhadhayipkhxngnganphrabrmsphinsmyxyuthyathiehluxhlkthannxy smykrungthnburi insmykrungthnburi imprakthlkthanwaidcdnganphraemru nganphrasphchnsungmiephiyngaetnganphrasphkrmphraethphamaty phrarachchnni insmedcphraecakrungthnburi sungrabuiwwamiephiyngkarcdthaphraemruphrarachthanephlingaelaaehphraxngkhar sungxacenuxngmacakxyuinphawayamsuksngkhram smyrtnoksinthrtxntn rchkalthi 1 4 phraemrumasphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw smykrungrtnoksinthrinyukhaerk banemuxngyngkhngxyuinphawasuksngkhram cungmiidsrangphraemrumassungihyethiybethaphraemrumassmykrungsrixyuthya rahwangrchkalthi 1 4 phraemrumaserimepnthrngprasath phraemrumasxngkhaerkthisranginsmyrtnoksinthrkhux phraemrumasthwayphraephlingphrabrmxthismedcphrapthmbrmmhachnk phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach odyoprdekla ihsrangephuxthwayphraephlingphrabrmxthithwayphrarachbidahlngcakbanemuxngsngbsuk odythrngxnusrnkhanungwa phrarachbidasinphrachnminrahwangphawasngkhramodymiidprathbrwmkn aelaephuxsnxngphrakhun cungmiphrarachdaricabaephyphrarachkuslthway aelayngmikarcdnganphrasphecanaysakhyhlayphraxngkhkhux nganphrasph smedcphraecaphinangethx ecafakrmphraethphsudawdi smedcphraecaphinangethx ecafakrmphrasrisudarks smedcphrabwrrachecamhasursinghnath swnkarphrarachphithiinngan phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachyudhlkxyangpraephnixyangkhrngkrungsrixyuthya ephuxfunfupraephniihklbrungeruxngsrangkhwykalngicihaekprachachnaelaepnekiyrtiysaekbanemuxng aelayngmikarpradisthsingihmkhunkhux karpradisthekrinbnidnakh sahrbechiyphraoks khidkhnodysmedcphrasmphnthwngsethx ecafakrmhlwngphithksmntri insmyrtnoksinthrtxntn cayudhlkkarsrangaebbphraemrumastamtaraobranrachpraephnikhrngkrungekathukprakar khux thaepnphraemruxyangihy mitwphraemru 2 chntangipxyuphayinphraemruchnnxkthithaepnphraemruyxdprangkhhruxyxdrupdxkkhawophd swnihyepniptamaebbaephnmitangknipinraylaexiyderuxngkarxxkaebbtamfimuxchang sahrbphraemrumasphrabrmsphrchkalthi 4 thuxidwa epnphraemrumassudthaythithatamaebbobranrachpraephni aetphraemruihykhxngphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwmiyxderuxnephiyng 5 yxd tamaebbxyuthyaidyutilng aelaklayepnwarupaebb phraemruoth thiepnprangkh 5 yxdtamaebbaephnxyuthya klbthahnathiepnsylksnkhwamepnphraemruexk sahrbkstriyinchwngrtnoksinthrtxntn phraemruklangemuxngthimikarsrangkhuninsmyrchkalthi 4 ph s 2405 phraemrumassmedcphraethphsirinthrabrmrachini smyrchkalthi 5 8 phraemrumasphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw insmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwepntnma lksnakhxngphraemrumasepnephiyngphraemruchnediyw idthxdexaphraemrihy sungepnphraemruthrngprangkhthikhlumxyuphaynxkxxkip khngiwephiyngphraemruthxng sungepnthimakhxngkhawa phraemrumas aelainsmynnpraethsithyidtidtxkbtangpraeths rbwthnthrrmcakphaynxk thngchawithyprbepliynwthnthrrmbangxyangihsxdkhlxngtamsmy karsrangphraemrumasthrngprasath sungepnnganihyot thrngehnwakarsrangaebbedimepnkarsinepluxngngbpramanaephndinaelaepnthieduxdrxnaekprachachnthwip cungidmikarepliynaeplngihmikhnadelklngaelaprahydkhun odymiphrarachdarssnghamkhwamwa aetkxnma thaphraecaaephndinswrrkhtlng ktxngplukemruihysungkhnimekhyehn aelwcanukedaimthukwaihyotephiyngid epluxngthngaerngkhn epluxngthngphrarachthrphy thacathainewlanikduimsmkhwrkbkarthiepliynaeplngkhxngbanemuxng imepnekiyrtiyunyawipidethaid imepnpraoychnaekkhnthngpwng klbepnkhwameduxdrxn thaepnkarsphkhxngphumiphrakhun hruxphumibrrdaskdixnkhwrcaidepnekiyrtiys chnkimxaccaldthxndwyekrngwakhncaimekhaicwa ephraachannpraphvtiimdixyanghnungxyangid cungimthakarsphihsmekiyrtiyssungsmkhwrcaid emuxthungtwchnexngaelw ehnwaimmikhxkhdkhxngxnid epnkhxkhathicaphudidthnd cungkhxihykeliknganphraemruihynnesiy plukaetthiephaphxkhwr inthxngsnamhlwng aelwaetcaehnsmkhwrkntxip xikthngykelikpraephni thirasdrthwrachxanackrcatxngoknhwiwthukkh xnepnkarimehmaasmtxyukhsmyxiktxip cungoprdekla ihykelikesiy emuxphraxngkhesdcswrrkht rchkalthi 6 cungidsnxngphrarachprasngkhthukprakaraelaidyudthuxknepnpraephniptibtisubtxmathungpccubn xnenuxngcakphraemrumasthrngbusbkepnphraemrumaskhxngphramhakstriyethann sahrbphraemrumaskhxngphrabrmrachini aelaphrabrmwngschnsungkhngsrangepnphraemrumasthrngprasathsubtxma aetldrupaebb epnekhruxngyxdtang echn yxdprangkh yxdmngkut yxdmnthp yxdchtr odyimmiphraemruphayin inbangkrnithiecanay phrarachwngschnsungaelaphuihy sinphrachnminewlathiiklekhiyngkn bangphraxngkhmiphraxisriyysthanndrskdiethaethiymkn xikthngkarsrangphraemrumas hruxphraemruaetlakhrngmikhntxn kartraetriymyungyakhlayprakar cungmikarxnuolmoprdekla ihprakxbkarthwayphraephlingbnphraemruediywknbang hruxihsrangphraemrunxyxyuiklphraemruihy hruxmiemrubriwarxyuinprimnthl innganphrarachphithiediywkn xaceriyknganxxkemruniwa emrutamesdc phraemruklangemuxngthimikarsrangkhuninsmyrchkalthi 5 ph s 2413 phraemrumasphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw ph s 2431 phraemrusmedcphraecabrmwngsethx ecafaphahurtmnimy krmphraethphnarirtn smedcphraecabrmwngsethx ecafatriephchrutmtharng smedcphraecabrmwngsethx ecafasirirachkkuthphnth aelaphraxrrkhchayaethx phraxngkhecaesawphakhynarirtn phraemruklangemuxngthimikarsrangkhuninsmyrchkalthi 6 ph s 2454 phraemrumasphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw ph s 2463 phraemrumassmedcphrasriphchrinthrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng hlngcakrchsmyphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwepntnma karxxkaebbcdsrangphraemruhruxemru nnepniptamthanndrklawkhux thanndrskdi sthanthi lksnaphraemruphramhakstriy phramehsi aelaphrayuphrach phraemruthxngsnamhlwng phraemrumasecafa phraemruthxngsnamhlwnghruxphraemru wdethphsirinthrawas phraemruekhruxngyxdecanayechuxphrawngs chnphraxngkheca phraemru wdethphsirinthrawas phraemruthrngcturmukhsmedcphrasngkhrach phraemruthxngsnamhlwnghruxphraemru wdethphsirinthrawas phraemruthrngcturmukhkhunnang emruhlwnghnaphlbphlaxisriyaphrn wdethphsirinthrawas hruxemruwdthwip emruthwipphraemruklangemuxngthimikarsrangkhuninsmyrchkalthi 7 ph s 2469 phraemrumasphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw ph s 2473 phraemrumassmedcphramhitlathiebsr xdulyedchwikrm phrabrmrachchnk phraemruphrawimadaethx phraxngkhecasayswliphirmy krmphrasuththasininat piymharachpdiwrda aelaphraecabrmwngsethx phraxngkhecaaekhikhdwng hlngkarepliynaeplngkarpkkhrxng ph s 2475 sthanakhxngphrarachwngsthitktalng rwmthungsthankarnthangesrsthkickhxngpraethsthiidrbphlkrathbcaksngkhramolkkhrngthi 2 inrayatxma idsngphlkrathbthungkarcdnganphrabrmsphaelaphrasphkhxngphrabrmwngsanuwngsinphrarachwngsckrixyangchdecn dngprakthlkthanwa phrasphsmedcphraecabrmwngsethx ecafakrmhlwnglphburiraemswr idrbkarphrarachthanephlingphrasphthiwdethphsirinthrawas emuxwnthi 12 minakhm ph s 2475 trngkb ph s 2476 tamptithinpccubn aelasmedcphraecabrmwngsethx ecafakrmkhunxuthxngekhtkhttiynari idrbkarphrarachthanephlingphrasphthiwdethphsirinthrawas emuxwnthi 23 mkrakhm ph s 2479 trngkb ph s 2480 tamptithinpccubn odysrangphraemrutamaebbemrumatrthankhxngkrathrwngwng phayhlngidaeprsphaphswnrachkarepnsankphrarachwng thngthitamphraxisriyyskhxngphraxngkhnnkhwridrbkarphrarachthanephlingphrasph n phraemru thxngsnamhlwng tamobranrachpraephni hruxphraemrukhxngsmedcphrarachpituccha ecafakrmhlwngephchrburirachsirinthr sungichinphrarachphithiphrarachthanephlingphrasphemuxwnthi 14 phvsphakhm ph s 2484 aemnganphraemrukhrngnicaidcdkhunthithxngsnamhlwngtamphraxisriyys aetsmedcphrasriswrinthirabrmrachethwi phraphnwssaxyyikaeca sungepnphrarachchnni txngthrngxxkkhaichcayinnganphrasphexngthnghmdodythirthbalimidxxkenginchwyehlux aelaichphraemruaebbmatrthankhxngkrathrwngwngechnediywkbngansmedcphraecabrmwngsethx ecafakrmhlwnglphburiraemswr sahrbphrabrmsphkhxngphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw enuxngcakphraxngkhesdcswrrkhtintangpraeths cungmiidmikarcdphrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphtamobranrachpraephni smedcphranangecaraiphphrrni phrabrmrachini inrchkalthi 7 cungthrngphrakrunaoprdeklaihcdnganthwayphraephlingphrabrmsphxyangeriybngay n susanthipraethsxngkvs odymikarechiyphrabrmsphlngsuphrahib ecanaythiesdcipthwaybngkhmphrabrmsphthiphratahnkthrngelawaphrabrmsphnn thukbrrcuxyuinhibbuonmsikhawdusbaykwathicatxngechiylngphraoksxyangithyerann aelatamphrarachdarskhxngphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhwthiphrarachthankxnswrrkhtwa ihsmedcphranangecaraiphphrrni phrabrmrachini inrchkalthi 7 thrngelndntrikhnaewlathiecahnathihruxkhathullaxxngthuliphrabaththitamesdcipkalngptibtikarthwayphraephling ihthrngelndntrithirchkalthi 7 thrngoprd smyrchkalthi 9 rchkalpccubn karsrangphraemrumastamaebbobranrachpraephniidrbkarfunfukhunmaihmemuxphrabathsmedcphrapremnthrmhaxannthmhidl phraxthmramathibdinthrswrrkht aetkarcdsrangphraemrumasephuxthwayphraephlingphrabrmsphkhxngphraxngkhkinewlayawnanthung 3 pi cakxupsrrkhinkarwangaephnkahndrayaewlakarkxsrang dwyehtuwakahndkaresdcniwtiphrankhrkhxngphrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitrephuxthwayphraephlingphrabrmsphtxngeluxnipcakkarthithrngprasbxubtiehtuthangrthynt n praethsswisesxraelndinpi ph s 2491 karkxsrangphraemrumasidsaerclnginpi ph s 2493 aelaidmiphrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphkhuninwnthi 29 minakhm khxngpinn hlngcakkarthwayphraephlingphrabrmsphaelw thrngphrakrunaoprdekla ihichphraemrumasxngkhniepnphraemrutamesdc sahrbnganphrarachthanephlingphrasphphrabrmwngsanuwngsxik 4 phraxngkhkhux smedcphraecabrmwngsethx ecafabriphtrsukhumphnthu krmphrankhrswrrkhwrphinit smedcphraecabrmwngsethx ecafakrmphrayanrisranuwdtiwngs phraecabrmwngsethx phraxngkhecaphwngsrxysxangkh aelaphraecabrmwngsethx phraxngkhecapraphaphrrnphiily odyepliynnphpdlmhaeswtchtrthiyxdphraemrumasepnphraebycpdleswtchtr tamphraxisriyyskhxngphrabrmwngsanuwngsphuthrngidrbphrarachthanephlingphrasph txmaemuxsmedcphrasriswrinthirabrmrachethwi phraphnwssaxyyikaeca esdcswrrkhtinpi ph s 2498 kidmikarsrangphraemrumas n thxngsnamhlwngxikkhrng ephuxichinkarphrarachphithithwayphraephlingphrabrmsph inwnthi 22 emsayn ph s 2499 phraemrumasxngkhniidsrangkhunihmodyichaebbphraemrumasthrngbusbkcaknganphrabrmsphphrabathsmedcphrapremnthrmhaxannthmhidlepnphunthaninkarxxkaebb hlngcaknnkarsrangphraemrumasaelaphraemruthithxngsnamhlwngidwangewnipepnrayaewlanan enuxngcakphrabrmwngsanuwngsthisinphrachnminrayatxmaimthrngmiphraxisriyyssungthungchnthicasrangphraemruklangemuxng aelaidmikarphrarachthanephlingphrasph n phraemru wdethphsirinthrawasrachwrwihar thngsin echn phraecawrwngsethx phraxngkhecaechlimekhtrmngkhl sungsinphrachnminpi ph s 2500 phraecabrmwngsethx krmhlwngthiphyrtnkiritkulini phraecabrmwngsethx phraxngkhecaxathrthiphynipha aelasmedcphrasngkhracheca krmhlwngwchiryanwngs sungsinphrachnminpi ph s 2501 phrawrwngsethx phraxngkhecawiwthnichy sungsinphrachnminpi ph s 2503 phranangethx lksmilawn sungsinphrachnminpi ph s 2504 phraecabrmwngsethx phraxngkhecapradisthasari aelasmedcphraxriywngsakhtyan pld kit tiosphon sungsinphrachnminpi ph s 2505 phraecabrmwngsethx phraxngkhecaxdisysuriyapha aelaphraecawrwngsethx phraxngkhecapraphawsitnvml sungsinphrachnminpi ph s 2506 smedcphraxriywngsakhtyan xyu yaonthoy sungsinphrachnminpi ph s 2508 phrawrwngsethx phraxngkhecadrunwywthn sungsinphrachnminpi ph s 2509 phrarachwrwngsethx phraxngkhecasunthrinat sungsinphrachnminpi ph s 2513 phrawrwngsethx phraxngkhecamalisesawrs aelasmedcphraxriywngsakhtyan cwn xut thayi sungsinphrachnminpi ph s 2514 phraecabrmwngsethx phraxngkhecaehmwdi sungsinphrachnminpi ph s 2515 smedcphraxriywngsakhtyan pun pun nsiri sungsinphrachnminpi ph s 2516 phraecawrwngsethx phraxngkhecaphisithsbsmy aelaphrawrwngsethx krmhmunphithylaphphvthiyakr sungsinphrachnminpi ph s 2517 smedcphranangecaxinthrskdisci phrawrrachchaya sungsinphrachnminpi ph s 2518 phraecawrwngsethx krmhmunnrathipphngspraphnth sungsinphrachnminpi ph s 2519 phraecawrwngsethx phraxngkhecacnthrkantmni sungsinphrachnminpi ph s 2520 phrawrwngsethx phraxngkhecaraiphprapha sungsinphrachnminpi ph s 2522 phrawrwngsethx phraxngkhecaeprmburchtr sungsinphrachnminpi ph s 2524 phraecabrmwngsethx phraxngkhecawapibusbakr aelaphrawrwngsethx phraxngkhecaxaphssrwngs sungsinphrachnminpi ph s 2525 bangphraxngkhkmikarphrarachthanephlingphrasphthiwdxun echn phraecawrwngsethx krmhmunnkhrswrrkhskdiphinit sungsinphrachnminpi ph s 2502 phrarachthanephlingphrasph n phraemru wdebycmbphitrdusitwnaramrachwrwihar phraecawrwngsethx phraxngkhecaculckrphngs sungsinphrachnminpi ph s 2506 phrarachthanephlingphrasph n susanephnematekhremetheriym phrawrwngsethx phraxngkhecamyurchtr sungsinphrachnminpi ph s 2513 phrarachthanephlingphrasph n phraemru wdthatuthxng phraecawrwngsethx phraxngkhecawiphawdirngsit sungsinphrachnminpi ph s 2520 phrarachthanephlingphrasph n phraemru wdphrasrimhathatuwrmhawiharphraemruklangemuxngthimikarsrangkhuninsmyrchkalthi 9 ph s 2493 phraemrumasphrabathsmedcphrapremnthrmhaxannthmhidl phraxthmramathibdinthr phraemrusmedcphraecabrmwngsethx ecafabriphtrsukhumphnthu krmphrankhrswrrkhwrphinit smedcphraecabrmwngsethx ecafakrmphrayanrisranuwdtiwngs phraecabrmwngsethx phraxngkhecaphwngsrxysxangkh aelaphraecabrmwngsethx phraxngkhecapraphaphrrnphiily ph s 2499phraemrumassmedcphrasriswrinthirabrmrachethwi phraphnwssaxyyikaeca ph s 2528 phraemrumassmedcphranangecaraiphphrrni phrabrmrachini ph s 2539 phraemrumassmedcphrasrinkhrinthrabrmrachchnni ph s 2551 phraemrusmedcphraecaphinangethx ecafaklyaniwthna krmhlwngnrathiwasrachnkhrinthr ph s 2555 phraemrusmedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi inpi ph s 2527 emuxsmedcphranangecaraiphphrrni phrabrmrachini inrchkalthi 7 esdcswrrkht cungidmikarcdphrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphkhun n thxngsnamhlwngxikkhrng odyphraemrumasxxkaebbodyxacarypraews limprngsi epnthrngprasathaebbcturmukh yxdthrngmnthpprakxbdwyphraphrhmphktr yxdbnsudpradisthansptpdleswtchtr miphranamaphiithyyx rph thihnabnthng 4 dan twxakharprakxbdwychnthanthksin swnhlngkhaxngkhphraemrumasprakxbmukhthis karxxkaebbodykaryudaebbphraemrumasthwayphraephlingphrabrmsphsmedcphrasriphchrinthrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng aelwmaprbaebbihekhakbphrarachbukhlikinsmedcphranangecaraiphphrrni sungmilksna snga nimnwl cbtacbic lwngmainpi ph s 2538 smedcphrasrinkhrinthrabrmrachchnniesdcswrrkht phraemrumasidcdsrangodykrmsilpakr n thxngsnamhlwng phraemruthrngprasathcturmukhyxmumimsibsxngyxdekiyw yxdsudpksptpdleswtchtr miphranamaphiithyyx sw thihnabnthng 4 dan hlngkhamukhsxn 3 chn chxfaibrakaepnlaysxnim inkarkxsrangkhrngnnsmedcphraknisthathiracheca krmsmedcphraethphrtnrachsuda syambrmrachkumari idphrarachthanphrawinicchyihichwsduersininkartkaetngphraemrubangswnephuxkhwamrwderwaelaldprimanim ngbpramanthiichinkarkxsrangphraemru nnpraman 120 lanbath emuxsmedcphraecaphinangethx ecafaklyaniwthna krmhlwngnrathiwasrachnkhrinthr sinphrachnminpi ph s 2551 n x xawuth enginchuklin ysinkhnann xditxthibdikrmsilpakrepnprathankhnathangankarxxkaebbphraemru karxxkaebbidyudekhaokhrngphraemrukhxngsmedcphrapitucchaeca sukhumalmarsri phraxkhrrachethwi maepntnaebb odyxxkaebbrupaebbyxdthrngprasath yxdchnechingklxn 5 chn txyxddwychnbwkhlumcnthungplayyxdpradbchtr 7 chn mitraphranamyx kw insmedcphraecaphinangethx ecafaklyaniwthna krmhlwngnrathiwasrachnkhrinthr thihnabnthng 4 dan odyyudaenwkhwamkhidcalxngrupekhaphrasuemruaelasathxnphraxupnisyaelaphracriywtrthinumnwlsngangamkhxngphraxngkhiwinxngkhprakxbphraemru thangdanwiswkrrmnaaenwkhidkarxxkaebbliftepnthangesdcphrarachdaeninkhunipprakxbphrarachphithibnphraemru xnenuxngcakkhwamchnbnidipyngphraemru thuxepnkhrngaerkthitidtngrabblift ngbpramanthiichinkarkxsrangpraman 150 200 lanbath emuxsmedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi sinphrachnminpi ph s 2554 mikarcdsrangphraemruinkarphrarachphithiphrarachthanephlingphrasph odymiphlxakastrixawuth enginchuklin xditxthibdikrmsilpakrepnprathankhnathangankarxxkaebbphraemru inngankxsrangphraemrukhrngnismedcphraknisthathiracheca krmsmedcphraethphrtnrachsuda syambrmrachkumarimiphrarachwinicchyihyudnganphrarachphithiphrarachthanephlingphrasph smedcphraecaphinangethx ecafaklyaniwthna krmhlwngnrathiwasrachnkhrinthrepntnaebb epnxakharthrngprasathyxdmnthp eriykwathrngmnthpaeplng hlngkhacturmukhsxn 2 chn srangkhunbnthanchalaihy cakthanchalacnthungyxdchtrsung 35 59 emtr mukhhnathistawntkepnthangesdcphrarachdaenin mukhdanthisehnuxmisaphanekrinsahrbxyechiyphraokskhunpradisthanehnuxphracitkathanphayinphraemru mukhhlngdanthistawnxxkepnphunthiwangetaephaphrasph briewnthanchalathukdanmibnidthangkhunlng raylxmdwyrwrachwti chtr okhm aelaethwdaxyechiychtrprakxbphraxisriyys ekhruxngyxdphraemru epnthrngmnthpmichnechingklxn 5 chnaetlachnmisumbnaethlngsxn 2 chn mumhlngkhaminakhpk swnbnepnxngkhrakhngrbbllngk ehnuxbllngkepnchudbwkhlum 5 chn pliyxdaebngepn 2 swn khndwylukaekw bnyxdmiemdnakhang ehnuxsudpksptpdleswtchtr hnabnthng 4 dan pradbxksrphranam phr okhrngsikhxngphraemruodyrwmepnsithxngaelasichmphu tamsiwnprasuti khuxwnxngkhar ngbpramanthiichinkarkxsrangpraman 260 lanbath phraemruklangemuxngthimikarsrangkhuninsmyrchkalthi 10 ph s 2560 phraemrumasphrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr emuxphrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitresdcswrrkhtinpi ph s 2559 krmsilpakridxxkaebbphraemrumasodyepnthrngbusbk 9 yxd tamobranrachpraephnithiphramhakstriycaichphraemrumasthrngbusbkethann inkarni phrabathsmedcphrawchireklaecaxyuhw emuxkhrngdarngphrarachxissriyys smedcphrabrmoxrsathirach ecafamhawchiralngkrn syammkudrachkumar oprdihsmedcphraknisthathiracheca krmsmedcphraethphrtnrachsuda syambrmrachkumari epnxngkhprathanthipruksainkarcdsrangphraemrumas odyphraemrumasxxkaebbody naykxekiyrti thxngphud naychangsilpkrrmchanaykarepnphuxxkaebbhlk aelaminaystwn hmsay phuxanwykarsanksthaptykrrm krmsilpakr naythirchati wiryuththannth sthapnikchanaykar epnphuchwy epnphraemrumasthrngbusbk sung 50 49 emtr txmaidkhyayepn 53 emtr michnechingklxn 7 chn phngphunthiichnganepnsiehliymcturs khnadkwangdanla 60 emtr mibnidthngsidan thanykphunthisung mi 3 chn chnbn thimumthngsi prakxbdwy sangthrngbusbk chnechingklxnhachn sahrbphithithrrmswdphraxphithrrm thanchnthi 2 prakxbdwysumthrngbusbkrupaebbediywkn rwmsingkxsrangmiekhruxngyxdnbrwmid 9 yxd odyyxdklangcaepriybehmuxnepnekhaphrasuemru aelaxik 8 yxdepnehmuxnyxdekhasttbriphnth sungepriybepnrabbckrwal odyepriybphramhakstriyepnehmuxnsmmtiethph silpkrrmprakxbphraemrumas prakxbdwyngansilpkrrmprakxbxakhar chtr ethwda stwhimphant pratimakrrmprakxbphraemrumas phrxmkbmikarkhudsraxondatkhunmacring phraemrumas phraemruaelaemrusungsudkhux phraemrumas ichinphrarachphithiphrabrmsphsahrbkartaythiichrachasphthwaswrrkht echn phramhakstriy phrabrmrachini phrarachchnni phrabwrracheca xuprachwnghna phrabrmoxrsathirach epntn phraemrumas phraemru aelaemru mithananuskdisungtadngni phraemrumas phraemrumas epnphraemrukhnadsungihy ichinphrarachphithiphrabrmsph phramhakstriy phraxkhrmehsi phrabrmrachini phrarachchnni phrabwrracheca phrayuphrach sahrbkartaythiichrachasphthwaswrrkht phayinphraemrumasmi phraemruthxng lksnakhxngphraemrumasthipraktkarsrangmi 2 rupaebbkhuxphraemrumasthrngprasath thisrangmaaetobran mikhnadihyotmohlar aelaphraemrumasthrngbusbk thierimichinphrarachphithiphrabrmsphkhxngphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw thithrngdariwakarphrarachphithiphrabrmsphxyangobransinepluxngaerng phrarachthrphy aelaidichrupaebbkhxngphraemrumasthrngbusbktxmaodytlxd aetphraemrumaskhxngphraxkhrmehsiyngkhngichepnphraemrumasthrngprasathodyrwmkhxngphraemrumascapiddwykradasthxngthnghlng misiaelngxyuephuxihehnlayethann phraemrumasthrngprasath mirupaebbmatngaetsmyxyuthyaichsubtxmathungsmyrtnoksinthr rahwangrchkalthi 1 4 milksnaediywkbprasath srangeruxnbusbkbllngkthieriykwaphraemruthxng sxnxyuphayin odypradisthanphraebycacitkathanrxngrbphraoksphrabrmsph srangpidthxnglxngchad phraemrumasthrngprasathmi 2 lksnakhux phraemrumasthrngprasathyxdprangkh srangyxdepnprangkhtamlksna sungmiyxdprangkhaebbithy 3 aebbkhux prangkhthrngsikhr thrngngaeniym aelathrngkhawophd phraemrumasthrngprasathyxdmnthp srangyxdepnmnthp echn lksnayxdmnthpphraphuththbath cnghwdsraburi phrathinngdusitmhaprasath phrathinngckrimhaprasath phrathinngxaphrnphiomkkhprasath aela epntn phraemrumasthrngbusbk epnkhxngphramhakstriyerimichinsmyrchkalthi 5 srangbnphunrabddaeplngxakharprasathepneruxnbusbkbllngk hruxkhuxkarkhyaymacakphraemruthxnginprasathihihykhun aelatngebycacitkathanrbphraoksphrabrmsph sadwkkbkarthwayphraephling phraemrumasthrngbusbkxngkhaerkichinnganthwayphraephlingphrabrmsphphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw aelayngthuxepnaebbphraemrumasechphaaphramhakstriyethann xnung phraemrumasthrngbusbkyngidxnuolmihepnrupaebbinkarsrangphraemrumas sahrbthwayphraephlingphrabrmsphsmedcphrasriswrinthirabrmrachethwi phraphnwssaxyyikaeca phraemruthxng khuxemruthadwythxng pidthxng kradasthxng hruxthxngnataok srangepnxakhareruxnyxd thrngbusbkhruxthrngmnthp mikhwamsungpraman 20 emtr tngxyuphayinphraemrumas odyichepnthitngphraebycathxngkharxngrbphrabrmoks phraoks phayitphraeswtchtr mipraktichkhrngsudthayinnganphrabrmsphphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw xnung inpccubnrupaebbkarcdsrangphraemrumas thipidkradasthxngthngxngkhniidxnuolmihichsrangphraemrukhxngphrabrmwngsanuwngschnecafa thixxkphraemruklangemuxngid aetyngkhngxxkeriykwa phraemru tamphraxisriyys echn phraemrusmedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi aelaphraemrusmedcphraecaphinangethx ecafaklyaniwthna krmhlwngnrathiwasrachnkhrinthr phraemru phraemru milksnaechnediywkbphraemrumas aetmikhnadelklng aelaimmiphraemruthxngphayin ichsahrbrachwngsthithrngthananuskdiichrachasphthwa thiwngkht hrux sinphrachnm phraemruodyrwmcaichsiinkartkaetng mikarpidkradasthxngephiyngbangswnkhxngphraemru aetphraemruecafainpccubnxnuolmihsrangtamaebbphraemrumas klawkhux pidkradasthxngepnswnihy phraemruphiman epnsmmtinamthihmaythungxakharthismmtikhunwaepnwiman sahrbtngphrabrmsphhruxphrasphkxnkarxyechiyphrabrmsphhruxphrasphipthwayphraephlingthiphraemrukhnadnxythixyuimiklknnk phraemrubrrpht epnphraemruthisrangbnphuekhasmmti cakbnthukmiichephiyng 3 khrngkhux inkhrngsmophchphrabrmxthiphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly aelasmedcphrasrisurieynthrabrmrachini khrngthi 2 inkarphrabrmsphsmedcphraethphsirinthrabrmrachini thiykphunsung thaepnphuekhaprakxbechingemruodyrxb xnuolmepnphraemrubrrpht hlngcaknnichsmophchphrasphsmedcphraecabrmwngsethx ecafacnthrmnthl osphnphkhwdi krmhlwngwisuththikrastriy aetphrarachthanephlinginphraemrunxythiechingphuekha aelakhrngthi 3 innganphrasphphraecabrmwngsethx phraxngkhecapraiphphrrnphilas smyrchkalthi 5 pi ph s 2429 thiwdrachbphithsthitmhasimaramemruhlwnghnaphlbphlaxisriyaphrn emruhlwnghnaphlbphlaxisriyaphrn wdethphsirinthrawas ichepnphraemrusahrbphrabrmwngsthimiekiyrtiysrxnglngmacakchnecafa phraxnuwngs smedcphrasngkhracheca smedcphrasngkhrach tlxdcnthungepnemrusahrbsphsamychnphumiekiyrtiysthungchnidrbphrarachthanoksinpccubn swnemru xnepnxngkhprakxbkhxngphraemru khux emruthis thiepnemrupraca 4 this hrux 8 this tharxbphraemrumas 4 this hakepn 8 this casrangrahwangemruthisthng 4 sungemruklangthixyurahwangemruthiscaeriykwa emrupratu ipodypriyay hruxemruthiaethrkrahwangemruthis caeriykwa emruaethrk sungxaceriykemrupratuwa emruaethrkkid thngniaelwaetkhnadkhwammohlarkhxngnganphrarachphithi swnemruaethrkthieriyngrayknip aethrkrahwangemruthis caeriykwa emruray aelaemruphrabuphoph ichsahrbthwayphraephlingphrabuphoph naehluxng nxkcaknikhaeriykkhxngemruxyangxun xyang emrunxy khuxkhaeriykemrukhnadelk aelaemrumnthp epnkhaeriyklksnaemruthimisthaptykrrmepnthrngmnthp swnkhasamythangkarchang emruthidadsiekhiyw ehluxng aedng rxngphunaelwpidkradassithxng chlulwdlaythb caeriykwa emrusi hrux emruaephng swnemruxunthiekhyichepnphraemru xyangechn emrupun erimsrangkhrngaerkthiwdsuwrrnaram inrchkalthi 1 ephuxepnpthmnganphrasphchnecafaaelaphrasph rwmthungsphphumibrrdaskdi miskdisriethiybethaphraemruthxngsnamhlwng pccubnimehluxsakihehn txmaichcdphrarachthanephlingsphmakmay aelayngmiemrukhaw hruxemruphakhaw milksnakardadphakhawihmilksnaepnehmuxnxakharkxxith yngmiemrukhawthimiekhruxngyxdechn phraemruphakhawsmedcphraecabrmwngsethx krmphrayachynathnernthr epntnsthaptykrrmaelasilpkrrmaebbcalxngphraemrumasinkarthwayphraephlingphrabrmsphphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw karxxkaebbsthaptykrrmphraemrumas phraemru txngxasykarsrangsrrkhxxkaebbcakphurxbruecncbngansilpkrrmkhxngchati changthiidrbkarthaythxdwichakhwamrucakkhrubaxacarythngnganxxkaebbruplksn kxsrangxakhar karkhidlwdlaykhunpradisthtkaetngthukswnihekhakbxakhar odymihlkeknththikhanungthungwaphraemrumaskhxngphraxngkhid thiaesdnglksnakhxngphraxngkhnn echn khwamepnphramhakstriy phrarachini nkrb epntn xikthngkarichlwdlaythisxdkhlxngkbsithiekiywkbphraxngkhepnsakhy saychangsmyrtnoksinthr mixyu 3 saykhux sayphrayarachsngkhram sayphrayacindarngsrrkh aela saysmedcphraecabrmwngsethx ecafakrmphrayanrisranuwdtiwngs sungklawknwa camisisyphusubngansilprwmthngxacaryphuepntnaebb inaetlasaynnephiyngsayla 3 chwngkhnethann lksnasthaptykrrmepnxyangsthaptykrrmithy milksnaepn kudakhar hrux eruxnyxd khuxeruxnsunghlngkhatxepnyxdaehlm yudrupaebbsthaptykrrmithy xacmirupthrngprangkh yxdprangkh xacmiphrhmphktrhruximmikid hruxepnrupprasath odysmmtixakharhlngniepnphrawiman bangkhrngkmimukhyunxxkma epnmukhediywbang epncturmukhbang phngxakharaelaxakharprakxb aephnphngkhxngphraemrumas miaenwkhidcakphngkhxngekhaphrasuemru insmyobrancaprbphunthiphundinsrangekhaihmilksna praducekhaphrasuemrukxn aelwcungkxsrang xakharprakxbphrarachphithi swnprakxbxunxyang salaaelaxakharthiichsxytang mikhwamhmaythungsrangwngthngwngkhunbnekha mirwrachwtilxmrxb pradbchtr thngthiw raylxmdwyrupstwtang epnkarlxeliynthrrmchatitamkhtiinekhaphrasuemru aelathiwekhastbriphnth xakharhlkkhux phraemrumas 1 xngkh aelaxakharprakxbxyang praducobsth wihar miraebiynglxmrxb sungeriykwathbekstr xnmikhwamhmaywa ekhtxnepnthiphk trngswnmumkhdkhxngthbekstrthng 4 mumeriykwa sanghruxsasrang epnthithiswdxphithrrmkhxngphrasngkh nxkcaknixakharbriwar mirachwti chtr thng raylxm hlngsanghruxsasangmirupstwrayrxb thdcaknnmi esadxkim phum dxkimif swnphrathinngchwkhrawthieriykwa phrathinngthrngthrrm caxyudantrngkhamphraemrumas sahrbthrngbaephyphrarachkuslkxnthwayphraephlingphrabrmsph inbriewnswnklangkhxngphraemrumashruxphraemru capradisthanphracitkathansungpradisthanphraoks phrasph capradbdwyphraoksimcnthn aeladxkimsdepnlwdlaykan dxk ib thimifimuxxnpranit sahrbphramhakstriy rachwngs kharachkar thwayphraephling swnyxdphraemrumas samarthaesdngthanndrkhxngphrasphidcakyxd khuxhakepnphraemrumassahrbphrabrmsphphramhakstriy yxdcaepn phramhaeswtchtr hruxhakepnphrabrmrachwngs chnchtrkldhlnlngma hruxxacimmichtraetepnyxdkid okhrngsrang okhrngsrangkhxngphraemrumasphrabathsmedcphraprminthrmhaphumiphlxdulyedch thadwyehlkrupphrrnthnghmd karxxkaebbmihlkeknthkhxkahnd echn inswnokhrngsrangthukswntxngaekhngaerngphxrbnahnkpracaaelanahnkcridxyangmnkhngaekhngaerng wiswkrphuxxkaebbokhrngsrangpccubn xxkaebbphraemru xakharprakxbkhxngphraemrukhidnahnkechliyodythwipxyuthi 300 kiolkrm tx tarangemtr swnxngkhphraemrukhidnahnkiwthi 500 kiolkrm tx tarangemtr aelainkhrawsmedcphraecaphinangethx ecafaklyaniwthna krmhlwngnrathiwasrachnkhrinthr swnrbetaephathiichinkarphrarachthanephlingphrasphminahnkmakthung 5 tn hrux 5 phnkiolkrm cungxxkaebbephimnahnkswnkhxngphraemruephimkhun aetedimswnthanrakaetedimichimsungyaw 5 6 emtr esnphasunyklang 5 6 niw txkepn hnunepnaebbranadwangiwthithanephuxrbnahnkaerngkrathaaenwding cnphraemrumassmedcphrasrinkhrinthrabrmrachchnniepliynthanrakcakimepnkhxnkritsaercrup namatdepn thxn tamkhnadkhxngnahnkthicakdlngtrngthinn swnphraemrusmedcphraecaphinangethx ecafaklyaniwthna krmhlwngnrathiwasrachnkhrinthrichaephnphunsaercwangpuephuxepnthan swnesaaetedimichesaimskesnphasunyklang 50 esntiemtr yawpraman 40 emtr epnesahlk aetpccubnichesaehlkphsmim aelaswnprakxbxunxyanglwdlay imtwokhrngsrang ichimaelaimxd sahrbokhrngsrangphraemrusmedcphraecaphinangethx ecafaklyaniwthna krmhlwngnrathiwasrachnkhrinthr ichokhrngsrangaebbchwkhraw samarthruxthxdipprakxbtidtngihmid miokhrngsrangepnimenuxaekhngaelaprakxbknepnswnihy ephuxihaekhngaerngplxdphyephiyngphxinkarichngan kartkaetng hunethwdathuxekhruxngsung pradbrxbphraemrusmedcphraecaphinangethx ecafaklyaniwthna krmhlwngnrathiwasrachnkhrinthr kartkaetng caepniptamaebbaephnkhxngkarkxsrangtamhlksthaptykrrm mi 2 lksnakhux tkaetngxyangphraemruthxng aelatkaetngxyangphraemrusi odykartkaetngphraemruthxng mkcaichkbphraemrumas khxngphramhakstriy echn karpidthxnglwnthngthxngcringaelathxngethiym hruxpidthxnglxngchad xyangechnthxngkhaeplw kradasthxng phunemrusiaedngmilaythxng hruxcapidkradasthxngynmisaysiaedng swnkartkaetngemrusi hrux emrulngyarachawdi caichsicakwsduhlakhlaypraephth xyang kracksitang sxdsidwykradassi kradaskwsi odykareluxksicasmphnthkbphuthicarbkarthwayphraephling echn epnsipracawnphrarachsmphph epntn xakharpradbtkaetngdwyhunethwda thuxekhruxngsung ephuxepnkaraesdngphraxisriyys bangkhrngpradbdwystwhimphantthixyubnechingekhaphrasuemru echnesahngs nganphumisthaptykrrm karxxkaebbphumithsnbriewnphraemrumas khanungthiphunthiwangrahwangxakharphayinkhxbekhtrwrachwtiaelabriewnodyrxbtampraoychnichsxy ephuxesrimsngihphraemrumasaelabrryakasodyrxbmikhwamngdngam xikthngihkhwamhmayineruxngkhtikhxngaephnphumickrwalihsmburn odycalxngekhaphrasuemru khuxbriewnodyrxbphraemrumascaepriybesmuxnekhaphraemrutngxyuklangckrwal swnthiwangpluktnimbriewnthanepriybehmuxnpahimphantthixyuechingekhaodymilwdlaykhxngesnepntwkahnd swnbriewnthdmaichsahrbechiyphraoksewiynphraemrumas caepriybesmuxnlxmrxbekhaphrasuemrunganxxkphraemruriwkrabwnechiyphramhaphichyrachrththrngphraoksphrasphsmedcphraecaphinangethx ecafaklyaniwthna krmhlwngnrathiwasrachnkhrinthr ekhluxnphanhnaphrathinngsuthithswrryprasathriwkrabwnphraxisriyysxyechiyphraxthi smedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi thrngphrathinngraechnthryan miecaphnknganphusamalaprakhxngklangphaph xxkcakphraemru mnthlphithithxngsnamhlwng ephuxekhasuphrabrmmharachwng emuxthungkahndnganxxkphraemru caxyechiyphrabrmsphxxkipthwayphraephling n phraemrumas sungmikaraehipthngthangbkthangna odyechiyphrabrmsphcakphrathinngdusitmhaprasath lngmathiphrayanmassamlakhan aelwaehxxktharachwrdisthiplngerux phaytamnaipkhunthithaetiyn caknnechiykhunphrayanmassamlakhancakeruxipcnthunghnawdphraechtuphnwimlmngkhlaram cungechiykhunphramhaphichyrachrth cdepnriwkhbwnaehekhaphraemruthithxngsnamhlwng karaehkrabwnepniptamrachpraephniaetobran ephuxepnekiyrtiys sahrbkaraehthangnahruxchlmarkhinrchkalpccubnidldthxnehluxaetkrabwnaehthangbk odyaehcakhnawdphraechtuphnwimlmngkhlaram epnkarechphaasahrbphrabrmsphaelaphrasphekiyrtiyscring ethann odyriwkhbwnmkprakxbdwyriwkhbwn 6 riwidaek riwkhbwnthi 1 echiyphraoksphrayanmassamlakhancakphrathinngdusitmhaprasath ipyngphramhaphichyrachrthhnawdphraechtuphnwimlmngkhlaram riwkhbwnthi 2 echiyphraoksodyphramhaphichyrachrthcakhnawdphraechtuphnwimlmngkhlaramipyngphraemrumasthxngsnamhlwng riwkhbwnthi 3 echiyphraoksodyrachrthpunihy sahrbphrabrmsphkhxngphramhakstriy hruxphrayanmassamlakhansahrbphrasphecanaychnsung ewiynodyxutrwt ewiynsay rxbphraemrumas aelwechiyphraokspradisthanbnphraemrumas riwkhbwnthi 4 inwnekbphraxthi echiyphraoksphraxthiodyphrathinngraechnthryan aelaphrabrmrachsrirangkharodyphrathinngraechnthryannxysahrbphramhakstriy sahrbphrabrmwngsfayhna hruxsahrbphrabrmwngsfayin cakphraemrumasthxngsnamhlwng suphrabrmmharachwng riwkhbwnthi 5 inwnechiykhunpradisthanbnphrawiman echiyphraoksphraxthiodyphrathinngraechnthryancakphrathinngdusitmhaprasath khunpradisthanthiphrawiman bnphrathinngckrimhaprasath riwkhbwnthi 6 echiyphrabrmrachsrirangkharcakphrasrirtnecdiy wdphrasrirtnsasdaram odyrthyntphrathinngipbrrcuthiwdrachbphithsthitmhasimaram hruxwdaehngxuntamaetcathrngphrakrunaoprdekla kahndihepnsthanthibrrcuphrabrmrachsrirangkhar xyangirktam inriwkhbwnthi 3 sahrbphrabrmsphkhxngphramhakstriyaelaphrasphkhxngphrabrmwngsanuwngsfayhnathithrngrbrachkarthharnn idmikarepliynaeplngmaichrachrthpunihyrangekwiynthrngphrabrmsphhruxphrasphewiynrxbphraemrumashruxphraemru odyerimprakthlkthankhxngthrrmeniymdngklawinrchsmyphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw echphaaphrabrmsphkhxngphramhakstriynn iderimthrrmeniymnikhuninnganphrabrmsphkhxngphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw tamkhwaminphrarachphinykrrmkhxngphraxngkhexng khxthi 11 sungrabuiwwa inkaraehphrabrmsph tngaetphrathinngdusitmhaprasathipthungwdphraechtuphn ihichphrayanmastampraephni cakwdphraechtuphnipphraemru khxihcdrthesiyihmepnrthpunihybrrthukphrabrmsph ephraakhaphecaepnthhar xyakcaikhredinthanginrayathisudnixyangthhar aetemuxthungkhrawcdphrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphkhxngphraxngkh phrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhwidthrngphrakrunaoprdekla ihichphraewchyntrachrth sungoprdekla ihxxknaminhmaykahndkarwaphramhaphichyrachrth thrngphrabrmsph inriwkrabwnechiyphraoksthrngphrabrmsphcakhnawdphraechtuphnwimlmngkhlaramipyngphraemrumasthxngsnamhlwngtamobranrachpraephniechnedim aetthrngxnuolmihichrachrthpunihyechiyphrabrmsphewiynrxbphraemrumastamthirabuiwinphrarachphinykrrm karcdriwkhbwndngklawniidsubthxdepnrachpraephnimacnthungpccubn xnung inkhunkxnwnxxkphraemru camikarcdnganekhruxngsdxyang nganaethnghywkaelangandxkimsd ephimetiminphraemrumas odynganaethnghywkaetngcitkathan dwyephraahywkchanachwyimihifohmihmaerngekinip swnngandxkimsd rxypradisthepnchtraelaekhruxngaekhwntang thimacakobran yngepnekhruxngklbklin swninnganklangkhunkhxngkhunwnxxkphraemru cacdihmimhrsphsmophchaelacdsumihprachachnmathway ekhruxngsngekhd hmaythung wtthuthanthiecaphaphsrangxuthisephuxichchkbngsukulinewlaplngsph odyinsmyrtnoksinthrniymthaepnkhxngichsahrbphrasngkh xathi phdrxng thrrmmasn ekhruxngbrikhar aelaekhruxngnmskar innganphrabrmsphphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw epnnganaerkthimikarcdsrangekhruxngsngekhdephuxmxbihaeksasnsthankhxngsasnaxundwy xathi thrrmmasn ephuxmxbaekwdinphraphuththsasna echingethiyn ephuxmxbihaeksasnsthankhxngkhristsasna aelaokhmif ephuxmxbihaeksasnsthankhxngmuslim hlngcaknnkkhngmiaetkarphrarachthanekhruxngsngekhdechphaaphraphuththsasnaethann cnemuxkhrngnganphraemrusmedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi idmikarphrarachthanekhruxngsngekhdaeksasnsthankhxngsasnathuksasna aelaorngeriynaelahxngsmuddwy idaek ekhruxngbuchawipssnaaelaphwngaekwna phrarachthanepnsngekhdaekphraxaramhlwng aelaphraxaramxnenuxngdwyphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw echn wdesnha xnepnwdpracaphrarachwngsnamcnthr phranangecasuwthna phrawrrachethwi wdaekwphicitr wdpracaskulxphywngs aelawdprayurwngsawasrachwrwihar wdthibrrcuxthikhxngkhunelk bunnakh phrachnnikhxngphranangecasuwthna aelasmedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi echingethiynpradbxksrphranam ephuxphrarachthanaeksasnsthankhxngkhristsasna ethwsthankhxngphrahmn aelasalecakhxngeta okhmifpradbxksrphranam ephuxphrarachthanaekmsyidaelasuehrakhxngsasnaxislamaelasiks tuhnngsux ephuxphrarachthanaekmhawithyaly orngeriyn aelahxngsmudtang thixyuinphraxupthmphkhxngthiralukenuxnginnganxxkphraemru karcdthakhxngthiralukinnganphraemru thamatngaetsmykrungsrixyuthya ephuxxuthisepnbuykuslaekphulwnglb insmyplaykrungsrixyuthyaemuxkhrngnganphrabrmsphsmedcphraecaxyuhwbrmoks odysmedcphraecaxuthumphraelaphraecaexkths phrarachoxrsthrngrwmaeckthanepnesuxphaaelaenginthxng aelasingkhxngekhruxngichaekprachachn insmykrungrtnoksinthr swnihyyngkhngcdthaekhruxngsngekhdaelathwayphraphiksusngkhthixarathnaethsnhruxphicarnaphabngsukul inrchsmyphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw rchkalthi 3 erimcdthaehriyythiralukepnenginphddwng mitrasylksnpracaphraxngkhrupkhruth innganphrabrmsphphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly rchkalthi 2 txmainrchsmyrchkalthi 5 thrngkarcdthaepnhibenginhruxkraebuxngekhluxb innganphrasph smedcphraecabrmwngsethx ecafasirirachkkuthphnth innganphrabrmsphphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw idmikarcdthaehriyyksapnthiraluk nxkcaknikarphimphhnngsuxthiralukkepnthiniymechnkn echnnganphrabrmsphsmedcphranangecaraiphphrrni phrabrmrachiniinrchkalthi 7 mikarcdphimphhnngsuxthiralukthung 5 elm sahrbkhxngthiralukinnganphrarachphithiphrarachthanephlingphrasphsmedcphraecaphinangethx ecafaklyaniwthna krmhlwngnrathiwasrachnkhrinthrnn nxkcakekhruxngsngekhdthwayphrasngkhaelw yngmikarcdthahnngsux aelakhxngthiralukxun thngekhmthiraluk ehriyyksapnthiralukchinswnhlngkarruxthxnphayhlngcakkarthwayphraephlingaelw chinswnprakxbtang khxngphraemruthithukruxthxnbangswncanaipthwaywd ephuxepnkarkuslaedphuwaychnm odyinsmykxnswnthinamaichpraoychnidmkcaepntwim hlk ethann swnstwhimphantsmykxn wdwaxarambangwdcakhxekbiwbang aetthiekbiwkesuxmslayiptamkalewla emuxkhrngsmedcphraecabrmwngsethx ecafasirirachkkuthphnth sinphrachnm phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw thrngphrakrunaoprdekla ihsrangepnphiess oprdekla ihphrabrmwngsanuwngsthaeruxnruptang odyoprdeklaihichsingkxsrangepnimcring dwymiphrarachprasngkhwakhrnesrckarihruxphraemruipsrangeruxnkhnikhidcanwn 4 hlng n briewnwnghlng sungtxmakhuxorngphyabalsirirachinpccubn phraemrumassmedcphrasrinkhrinthrabrmrachchnni hlngesrcsinngan exaipsrangsalahlnghnungthiwdpthumwnaram khangwngsrapthum odyemuxesrcsinphrarachphithi khxngthnghmdcaxyuinkhwamrbphidchxbkhxngsankphrarachwng odyswnthinaipaeprthatuipichxyangxunechn salatang thbekstr rachwti swnthiekbiwechn swnchtr klibbw chtrpru okhrngchtrphachluthxng hlngcakesrcsinphrarachphithiphrarachthanephlingphrasph smedcphraecaphinangethx ecafaklyaniwthna krmhlwngnrathiwasrachnkhrinthr xakharphraemruaelaxakharprakxb thukruxthxnepn 3 swn khuxswnaerk phrabathsmedcphraprminthrmhaphumiphlxdulyedch phrarachthanihhnwyngantang swnthi 2 epidpramul aelaswnthi 3 ekbiwinphiphithphnthephuxihprachachnidsuksa echnchinswn phraokscnthn ruppnethwda stwhimphantpraethskmphuchaphraemrumaskmphuchaphraemrumasinphrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphphrabathsmedcphranordm sihnu rupaebbkhxngsthaptykrrmkhxngphraemrumashruxphraemruyngpraktphbinpraethskmphucha thngsthaptykrrmkhxngphraemrumasaelaphrarachphithisphkhxngrachsankkmphuchaidmikhwamkhlaykhlungkbkhxngithyepnxyangmak echn krabwnaehthiprakxbdwykharachsankthiswmekhruxngaetngkayaebbobran rachrththiichekhakrabwnaehsungpradisthepnruphngs stwinpkrnmhindu khnathixngkhphrabrmoksthibrrcuphrabrmsph caaetktangkbkhxngithytrngthiepnolngsphyawsiehliymphunpha aethnthioksaebbothyxdthimilksnaklmepnthrngsung odyphraemrumaskhxngkmphuchathiprakxbphrarachphithikhrnglasudtrngkbrchsmyphrabathsmedcphranordm sihnu in ph s 2556duephimphraoksxangxingelakhannganphraemru phraemrumas phraemru emru khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 01 28 subkhnemux 2008 01 23 sman sudot phraemrumas phraemru aela emru ngansthaptykrrmithychnsung 2008 12 04 thi ewyaebkaemchchin posttoday com phraemrumas warsarxasa chbbeduxnthnwakhm 2550 mkrakhm 2551 hna 74 81 enti ochtichwngnithi xyechiyphraoks xxkphraemru lingkesiy syamrth khwamepnmaaelakhwamsakhykhxngphraemrumas phraemru 2008 12 08 thi ewyaebkaemchchin phrameru net th esdcsuswrrkhnirndr hna 15 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 06 07 subkhnemux 2008 06 07 phraemrumassmedcphraecaphinangethx 2008 12 05 thi ewyaebkaemchchin cons mag com nthphngs bunyphrhm phraemru yukhaerk eliynaebb nkhrwd khawsd th esdcsuswrrkhnirndr hna 18 Two Scrolls Depicting Phra Phetracha s Funeral Procession in 1704 and the Riddle of their Creation so06 tci thaijo org Barend J Terwiel subkhnemux 1 November 2021 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint url status lingk hna 79 th esdcsuswrrkhnirndr hna 20 th esdcsuswrrkhnirndr hna 21 th esdcsuswrrkhnirndr hna 23 nganphraemru silpsthaptykrrm prawtisastr aelawthnthrrmekiywenuxng swnthi 2 cakxyuthyasurtnoksinthr lingkesiy phraemrumas phraemru khtiethwniym 2008 01 18 thi ewyaebkaemchchin syamrth rachkiccanuebksa phrabrmrachoxngkar prakas eruxng karphraemruphrabrmsph elm 27 k 11 thnwakhm ph s 2453 hna 43 prawtiphraemrumassmyrtnoksinthr prakxbbthsmphasn praews limprngsi phusrrkhsrangphraemruklanginnganphrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphkhxngsmedcphranangecaraiphphrrni lingkesiy nitysar sarkhdi pithi 1 chbbthi 4 phvsphakhm 2528 smphph phirmy phleruxtri 2528 phraemrumas phraemru aelaemru smykrungrtnoksinthr phimphkhrngthi 2 krungethph xmrinthrphrintingaexndphblichching rachkiccanuebksa hmaykahndkar thi 10 2475 phrarachthanephlingphrasph smedcphraecaphiyaethx ecafakrmhlwnglphburiraemswr n phraemruwdethphsirinthrawas minakhm phuththskrach 2475 elm 49 txn 0ng 26 kumphaphnth ph s 2475 hna 4056 rachkiccanuebksa hmaykahndkarphrarachthanephlingphrasph smedcphraecaphiyaethx ecafakrmhlwnglphburiraemswr n phraemruwdethphsirinthrawas minakhm phuththskrach 2475 elm 49 txn 0ng 5 minakhm ph s 2475 hna 4182 th esdcsuswrrkhnirndr hna 24 phraemrumassmedcphranangecaraiphphrrni 2008 12 04 thi ewyaebkaemchchin asa or th th esdcsuswrrkhnirndr hna 26 th esdcsuswrrkhnirndr hna 30 phraemru sthaptykrrmaehngkhwamphkdi aedxngkhkhttiynari phraphinang 2012 12 21 thi ewyaebkaemchchin phucdkarxxniln 4 phvscikayn 2551 16 21 n rupaebbphraemru 2008 11 18 thi ewyaebkaemchchin hrh84yrs org phraemru sthaptykrrmaehngkhwamphkdi aedxngkhkhttiynari phraphinang 2012 12 21 thi ewyaebkaemchchin phucdkarxxniln 4 phvscikayn 2551 16 21 n karphraemru aelaphraemruinsmedcphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi krmsilp epidaebb phraemrumas yudsmykrungrtnoksinthr phraemrumas khxlmn ruipomd nachati prachachun khwamhmaykhxngphraemrumasphraemruaelaphraemru lingkesiy srupkhawphakh 07 00 n wnxngkharthi 15 mkrakhm 2551 2008 12 04 thi ewyaebkaemchchin sankkhaw krmprachasmphnth phrpraiph esuxekhiyw prasbkarnsrangphraemru phankhabxkela suwichy rsmiphuti 2008 12 05 thi ewyaebkaemchchin dailynews co th prchyakarxxkaebbphraemrumas 2008 10 18 thi ewyaebkaemchchin phrameru net phraemru smedcphraecaphinangethx sthaptykrrmprasath silpkrrmithy hxngsnthna hlkwiswkrrmsmyihminphraemru phraphinang cakpakkha xarks snghitkul 2012 12 21 thi ewyaebkaemchchin phucdkarxxniln 4 phvscikayn 2551 16 57 n phraemru phraemrumas sngangamsmphraekiyrtiys 2008 12 04 thi ewyaebkaemchchin oknation net khwamhmaykhxngphraemrumasphraemruaelaphraemru lingkesiy ewbistkrathrwngwthnthrrm th esdcsuswrrkhnirndr hna 12 th esdcsuswrrkhnirndr hna 50 th esdcsuswrrkhnirndr hna 53 phrarachphinykrrm chbbphisdar khxnglnekla rchkalthi 6 sookjai com th esdcsuswrrkhnirndr hna 54 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2012 12 21 subkhnemux 2008 11 15 th esdcsuswrrkhnirndr hna 55 sirirach sthabnkaraephthy phyabalaehngaerkkhxngpraethsithy 2008 12 05 thi ewyaebkaemchchin sakulthai com ruxphraemruphraphinang krmsilpkhxphraoks 19 ph y 51 16 21 thairath co th txngsmkhrsmachik khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 12 04 subkhnemux 2008 11 18 Freeman Joe Kunthear Mom 1 February 2013 A royal funeral for the ages Phnom Penh Post subkhnemux 2 October 2017 brrnanukrm xrchr exkphaphsakl th esdcsuswrrkhnirndr krungethph syamhxkhwamru 2551aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb phraemrumas phraemru ithyrth thankhxmulphraemrumas aelaxngkhprakxbphraemrumas 2017 11 27 thi ewyaebkaemchchin cakkrmsilpakr elakhannganphraemru phraemrumas phraemru emru ephykhxngthiralukinngan phraemru smedcphraecaphinangethx 2012 12 21 thi ewyaebkaemchchin phucdkarxxniln 12 krkdakhm 2551 16 01 n