ชาวเขมร (เขมร: ជនជាតិខ្មែរ, Chônchéatĕ Khmêr, [cunciət kʰmae]; อังกฤษ: Khmer people) หรือ ชาวกัมพูชา เป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมากที่สุดในประเทศกัมพูชา ชาวเขมรจะใช้ภาษาเขมรในการสื่อสาร ซึ่งเป็นภาษาในกลุ่มภาษามอญ-เขมรอยู่ในตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก ใกล้เคียงกับชาวมอญและชาวเวียดนาม
ជនជាតិខ្មែរ | |
---|---|
ประชากรทั้งหมด | |
ป. 18-19 ล้านคน | |
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ | |
กัมพูชา | 15-16 ล้านคน |
เวียดนาม | คน |
ไทย | 1,146,685 คน |
สหรัฐ | คน |
ฝรั่งเศส | คน (2015) |
เกาหลีใต้ | 49,100 คน |
ออสเตรเลีย | คน (2016) |
มาเลเซีย | 30,113 คน |
แคนาดา | คน |
ญี่ปุ่น | 9,195 คน |
นิวซีแลนด์ | 8,601 คน |
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | 7,600 คน |
ลาว | 7,141 คน |
เยอรมนี | 1,035 คน |
ออสเตรีย | 2,133 คน |
เนเธอร์แลนด์ | 2,000 คน |
สหราชอาณาจักร | มากกว่า 1,000 คน |
สิงคโปร์ | 832 คน |
ภาษา | |
เขมร | |
ศาสนา | |
พุทธเถรวาท, วิญญาณนิยม และศาสนาพื้นเมืองอื่น ๆ | |
กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง | |
, , เขมรเหนือ, และกลุ่มชาติพันธุ์ที่พูดในตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก |
ชาวเขมรส่วนใหญ่เป็นผู้นับถือ และการผสานความเชื่อที่ผสมผสานองค์ประกอบของพุทธศาสนาเถรวาท, ศาสนาฮินดู, ศาสนาผี และความเคารพคนตาย
ชาวเขมรเริ่มมีบทบาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใกล้เคียงกับชาวมอญโดยเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่พูดภาษาในกลุ่มภาษามอญ-เขมรและสร้างจักรวรรดิเขมรขึ้นในอดีต ชาวเขมรยังแบ่งได้เป็นกลุ่มย่อย 3 กลุ่มตามประเทศและภาษาที่ใช้คือชาวเขมรในกัมพูชา พูดภาษาเขมร ชาวเขมรเหนือหรือเขมรสุรินทร์อยู่ในประเทศไทย และพูดภาษาเขมรที่เป็นสำเนียงของตนเองและพูดภาษาไทยด้วย เป็นชาวเขมรที่อยู่ทางภาคใต้ของประเทศเวียดนาม
ชื่อเรียก
ขอม - เขมร (ขะแมร์)
คำว่าเขมรนั้น เป็นคำไทย ซึ่งหมายถึง ขะแมร์ (ชาวเขมร) ซึ่งชาวเขมรเรียกตนเองอย่างชัดเจนว่า ขะแมร์ (เขมร) และเรียกดินแดนของตนว่า กัมพูชา มาตั้งแต่สมัยก่อนยุคอาณาจักรพระนคร โดยหลักฐานที่เรียกชาวเขมรเรียกตนเองว่า เขมร เก่าที่สุด คือ ศิลาจารึก Ka. 64 ซึ่งเป็นศิลาจารึกสมัยก่อนเมืองพระนคร อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 พบที่บ้านเมลบ (เมลุบ) ตำบลโรกา อำเภอเปียเรียง จังหวัดไพรแวง ทางทิศตะวันออกของกรุงพนมเปญ กล่าวถึงชาวเขมรโบราณไว้ว่า “(๑๓) กฺญุม เกฺมร โฆ โต ๒๐. ๒๐. ๗ เทร สิ ๒” คำว่า กฺญุม (เขมร: ខ្ញុំ, อักษรโรมัน: khñuṃ, แปลตรงตัว 'ข้ารับใช้, ทาส (Slave, bondsman)') ในภาษาเขมรโบราณสมัยก่อนพระนครหมายถึง "ข้ารับใช้" เหมือนคำว่า ขฺญุมฺ ส่วนคำว่า เกฺมร (kmer) เมื่อรวมความหมายของคำว่า “กฺญุม เกฺมร” แล้ว แปลว่า “ข้ารับใช้ (ที่เป็น) ชาวเขมร” แสดงว่าชาวกัมพูชาเรียกตัวเองว่า เกฺมร (kmer) มาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นคำว่า เขฺมร (khmer) ในช่วงเขมรสมัยเมืองพระนคร และกลายเป็น แขฺมร ออกเสียงว่า แคฺมร์ (khmaer) ดังที่ปรากฏในภาษาเขมรปัจจุบัน ส่วนบางทฤษฏีสันนิษฐานว่า เกฺมร หมายถึง ทาส เช่น บ่าว ไพร่ ซึ่งอาจตีความได้ว่าเป็นข้ารับใช้ของพระมหากษัตริย์ในยุคอาณาจักรพระนคร
ในสมัยพระนครพบหลักฐานการเรียกกลุ่มชนชาว "เขฺมร" อย่างชัดเจน ปรากฏในศิลาจารึก (ศิลาจารึก K.227 ) สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พุทธศตวรรษที่ 18 ที่ปราสาทบันทายฉมาร์ ตำบลถมอป๊วก เมืองเสียมเรียบ มีข้อความตอนหนึ่งว่า
"...บันทูลให้มีราชพิธี ณ เสด็จนำชาวเขมร (อฺนกเขฺมร) ทั้ง ๔ ผู้ซึ่งได้ทำการรบเพื่อรักษาความมั่นคง มีจำนวน ๗๔ ตำบลไปยังกัมพุชเทศ แล้วประสาทแก่นักสัญชักทั้งสองโอยนาม "อำเตง และสถาปนารูป"
โดยคำว่า เขมร ในดินแดนไทยได้มีหลักฐานปรากฏขึ้นอย่างน้อย ๆ เมื่อ พ.ศ. 1069 (ตรงกับยุคอาณาจักรพระนคร) จากจารึกคำว่า เขมร ใน อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา
อย่างไรก็ตามในเอกสารไทยได้มีการเรียกอาณาจักรพระนคร ว่า อาณาจักรขอม รวมถึงวัฒนธรรมและเรียกชนชาติว่า ขอม โดยได้มีการอ้างว่ามีความแตกต่างกับชนชาติเขมรในปัจจุบัน ซึ่งคำว่า ขอม สันนิษฐานว่าได้เกิดขึ้นในภายหลังคำว่าเขมร ปรากฏในจารึกวัดศรีชุม สุโขทัย 2 แห่ง ระบุชื่อ ขอมสบาดโขลญลำพง ซึ่งคาดว่าสร้างขึ้นราว พ.ศ. 1884-1910 ปลายยุคอาณาจักรพระนครจิตร ภูมิศักดิ์ได้เสนอว่า ขอม ไม่ได้หมายถึงเชื้อชาติ แต่หมายถึงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ที่รับวัฒนธรรมฮินดูจากชมพูทวีปแล้วภายหลังเปลี่ยนเป็นพุทธมหายาน (ต่างกับชนชาติไทย-ลาวที่นับถือผีก่อนเปลี่ยนมารับพุทธเถรวาทจากชมพูทวีป) ใช้อักษรขอมในการจดจารึก ซึ่งคนกลุ่มนี้รวมถึงชนชาติเขมรและรัฐเครือญาติทั้งหมด รวมทั้งละโว้ ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นอโยธยาศรีรามเทพนครด้วย คำว่า "ขอม" ถูกใช้เรียกกลุ่มคนโดยรวม คล้ายกับการใช้คำว่า "แขก" เรียกคนอิสลาม/ซิกข์/ฮินดูโดยรวม โดยไม่แยกว่าเป็นคนอินเดีย มลายู ชวา หรือตะวันออกกลาง
การแผ่กระจาย
กัมพูชา (แผ่นดินแม่)
คนเขมรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกัมพูชาซึ่งเป็นแผ่นดินแม่ ประชากรในกัมพูชาส่วนใหญ่คิดเป็นชาวเขมร 90%
ไทยและเวียดนาม
นอกจากนี้ยังมีประชากรชาวเขมรที่มีอาศัยอยู่ใน ไทยและเวียดนาม ในประเทศไทยมีชาวเขมรมากกว่าหนึ่งล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ใน จังหวัดสุรินทร์, จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดศรีสะเกษ ส่วนชาวเขมรในเวียดนาม (รู้จักกันในชื่อ) คิดเป็นจำนวน 1.1 ล้านคนจากการประมารการข้อมูลการสำรวจของรัฐบาล และคิดเป็น 7 ล้านคนโดยกลุ่มสหพันธ์เขมรกรอม
จังหวัด | ค.ศ. 1990 | ค.ศ. 2000 |
---|---|---|
บุรีรัมย์ | 0.3% | 27.6% |
จันทบุรี | 0.6% | 1.6% |
มหาสารคาม | 0.2% | 0.3% |
ร้อยเอ็ด | 0.4% | 0.5% |
สระแก้ว | — | 1.9% |
ศรีสะเกษ | 30.2% | 26.2% |
สุรินทร์ | 63.4% | 47.2% |
ตราด | 0.4% | 2.1% |
อุบลราชธานี | 0.8% | 0.3% |
ประเทศตะวันตก
เนื่องจาก สงครามกลางเมืองกัมพูชา ชาวเขมรหลายพันคนได้อพยพลี้ภัยไปอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลียและฝรั่งเศส
ประวัติ
การกำเนิดกัมพูชา
ตามตำนานเขมร ผู้ก่อตั้งอาณาจักรกัมพูชา คือ พราหมณ์ นามว่า หรือ โกญธัญญะ และเจ้าหญิงที่เป็นธิดาของพญานาค นามว่า โสมา หรือ เมรา เมื่อทั้งสองได้แต่งงานกันก็ได้กำเนิดนามว่า "ขะแมร์" ชาวเขมรตั้งชื่ออาณาจักรของพวกเขาว่า "กัมพูชา" ตามกษัตริย์แห่งแคว้นหนึ่งในชมพูทวีปใน เผ่ากัมพูชา มีความเชื่อกันโดยนักวิชาการสมัยใหม่ว่าอาจสืบเชื้อสายมาจากในปัจจุบัน แต่ข้อมูลยังเป็นที่ถกเถียงและยังหาข้อสรุปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม กัมพูชาถูกสร้างขึ้นเมื่อพราหมณ์อินเดียโบราณแต่งงานกับเจ้าหญิงโสมา พราหมณ์โกญธัญญะ (สันนิฐานว่ามาจากอินเดีย) ได้เดินทางมายังชายฝั่งของเขมร ธิดาพญานาคผู้ครองดินแดนแถบนี้ได้พายเรือออกมาต้อนรับ แต่พราหมณ์โกญธัญญะเป็นผู้มีเวทมนตร์คาถาได้ยิงธนูวิเศษมาที่เรือธิดาพญานาค ทำให้นางตกพระทัยกลัว แล้วยินยอมแต่งานด้วย ส่วนพญานาคผู้บิดาได้ทรงดื่มน้ำทะเลจนเหือดแห้งเพื่อสร้างอาณาจักรให้ราชบุตรเขยและธิดา และตั้งชื่ออาณาจักรที่สร้างขึ้นว่า "กัมพูชา"
การมีบทบาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ชาวเขมรเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวเขมรได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเวลาเดียวกันกับ ชาวมอญ ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ทางทิศตะวันตกและมีเกี่ยวข้องทางบรรพบุรุษกับชาวเขมร นักโบราณคดี, นักภาษาศาสตร์ส่วนใหญ่ และผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ เช่น เชื่อว่าพวกเขามาถึงไม่ช้ากว่า 2000 ก่อนคริสต์ศักราช (กว่าสี่พันปีมาแล้ว) ในช่วงแรกชาวเขมรเริ่มทำการเกษตรและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพาะปลูกข้าว ภูมิภาคที่ชาวเขมรอาศัยอยู่นี้ยังเป็นหนึ่งในสถานที่แรกในโลกที่เริ่มมีการใช้สำริด ชาวเขมรได้สร้าง จักรวรรดิเขมรในเวลาต่อมา ซึ่งครอบงำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลาหกศตวรรษซึ่งเริ่มต้นใน ค.ศ. 802 และปัจจุบันเป็นกระแสหลักของการเมืองวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของกัมพูชา
ชาวเขมรได้พัฒนาอักษรเขมร ตัวอักษรแรกที่ยังคงใช้อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้เป็นหลักในการสร้างและพัฒนาตัวอักษรไทยและตัวอักษรลาวในภายหลัง ชาวเขมรได้รับการพิจารณาโดยนักโบราณคดีและนักชาติพันธุ์วิทยา ซึ่งได้จัดเป็นชนพื้นเมืองในบริเวณภูมิภาคที่ต่อเนื่องกันของ ภาคอีสานของไทย, ภาคใต้ของลาว, กัมพูชา และ เวียดนามใต้ หรืออาจกล่าวได้ว่าชาวเขมรเคยเป็นชาวลุ่มที่อาศัยอยู่ใกล้กับหนึ่งในแควของแม่น้ำโขง
เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ในยุคต้น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่น ปยู, มอญ, จาม, มลายู และ ชวา ชาวเขมรเป็นชนชาติหนึ่งที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย โดยรับอิทธิพลทางด้าน และของอินเดีย อีกทั้งมีการยืมอิทธิพลทางด้านภาษา อาณาจักรการค้าที่มีประสิทธิภาพครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาณาจักรฟูนัน ก่อตั้งขึ้นในทิศตะวันออกเฉียงใต้กัมพูชาและสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงในศตวรรษแรก อีกทั้งการขุดค้นหลักฐานทางโบราณคดีอย่างกว้างขวางใน ใกล้ชายแดนเวียดนาม มีการขุดค้นพบ ซากอิฐ, คลอง, สุสานและหลุมฝังศพ สืบมาถึงศตวรรษที่สิบห้าก่อนคริสต์ศักราช
ราชอาณาจักรฟูนันถือเป็นแรกเริ่มของราชอาณาจักรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดในเวลาต่อมา ในยุคฟูนาน (ศตวรรษที่ 1 - ศตวรรษที่ 6) ชาวเขมรยังได้รับพระพุทธศาสนา, ศาสนาแนวคิดเรื่อง ลัทธิไศวะและ และวิหารที่ยิ่งใหญ่ราวกับภูเขาสัญลักษณ์ของโลก อาณาจักรเขมรเจนละเกิดขึ้นในศตวรรษที่ห้าและต่อมาก็เอาชนะและยึดครองอาณาจักรฟูนัน อาณาจักรเจนละเป็นรัฐที่อยู่บริเวณที่ราบสูงซึ่งมีเศรษฐกิจพึ่งพาการเกษตรในขณะที่ฟูนันเป็นรัฐที่ลุ่มที่มีเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการค้าทางทะเล
ทั้งสองรัฐนี้แม้กระทั่งหลังการพิชิตโดยอาณาจักรเจนละ ในศตวรรษที่หกก็ยังคงทำสงครามซึ่งกันและกันและอาณาเขตที่เล็กลง ในช่วงยุคเจนละ (ศตวรรษที่ 5-8) ชาวกัมพูชาได้ประดิษฐ์คิดค้น "ตัวเลขศูนย์" ที่เก่าแก่ที่สุดที่โลกรู้จักในจารึกวิหารแห่งหนึ่งของพวกเขา เมื่อกษัตริย์พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ทรงประกาศเอกราชและเอกภาพกัมพูชาในปี ค.ศ. 802 ก็มีความสงบสุขญาติระหว่างทั้งสองดินแดนบนและล่างกัมพูชา
พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 (ค.ศ. 802–ค.ศ. 830) ได้ทรงฟื้นพลังอำนาจของอาณาจักรกัมพูชาและสร้างรากฐานสำหรับอาณาจักรอังกอร์ซึ่งก่อตั้งเมืองหลวงสามแห่ง ได้แก่ , หริหราลัยและมเหนทรบรรพต ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีที่เผยให้เห็นถึงช่วงเวลาของเขา หลังจากชนะสงครามกลางเมืองมายาวนาน จนถึงรัชสมัยพระเจ้าสูรยวรรมันที่ 1 (ครองราชย์ในปี ค.ศ. 1002–ค.ศ. 1050) ได้ทรงแผ่แสนยานุภาพส่งกองทัพของพระองค์ไปทางทิศตะวันออกและปราบปรามอาณาจักรทวารวดีของมอญเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเขมร ดังนั้นจึงทำให้พระองค์ได้ปกครองส่วนใหญ่ของประเทศไทยและลาวในปัจจุบันรวมถึงครึ่งทางตอนเหนือของคาบสมุทรมลายู ในช่วงระหว่างนี้ได้มีการสร้างนครวัดถือเป็นจุดสูงสุดของอารยธรรมเขมร
จักรวรรดิเขมร (ค.ศ.802–ค.ศ.1431)
อาณาจักรพระนคร
อาณาจักรเขมรกลายเป็นจักรวรรดิเขมรและมีวิหารที่ยิ่งใหญ่ของอังกอร์ซึ่งถือเป็นสมบัติทางโบราณคดีที่เต็มไปด้วยหินนูนสีสรรที่แสดงรายละเอียดของวัฒนธรรมรวมถึงเครื่องดนตรีบางอย่างที่ยังคงเป็นอนุสรณ์ของวัฒนธรรมเขมร
หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 (ค.ศ.1113–1150) กัมพูชาผ่านพ้นความโกลาหลจนถึงรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (ค.ศ.1181–1218) ได้ทรงสั่งให้สร้างเมืองหลวงใหม่ พระองค์ถือพระองค์เป็นชาวพุทธและในเวลาหนึ่งศาสนาพุทธกลายเป็นศาสนาที่โดดเด่นในประเทศกัมพูชา อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นศาสนาประจำชาติมันถูกดัดแปลงให้เหมาะสมกับลัทธิเทวะราชาโดยมีพระพุทธเจ้าเป็นราชาแทนพระอิศวรราชาหรือพระนารายณ์ในอดีต
- ชาวเขมรโบราณกำลังทำแกงหมูป่า ภาพแกะสลักอาณาจักรพระนคร
- ภาพแกะสลักตลาดของชาวเขมรโบราณที่ปราสาทบายน
- ภาพแกะสลักสตรีชาวเขมรโบราณใส่สไบ ภาพแกะสลักยุคอาณาจักรพระนคร
- ภาพแกะสลักชาวเขมรโบราณกำลังทำปลาร้า "ปรอฮก"
จักรวรรดิเขมรเริ่มเสื่อมลงจากการรุกรานของอาณาจักรของชาวไทยสยาม อย่างเช่น อาณาจักรสุโขทัย (ค.ศ. 1238) นำโดยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ได้ปลดแอกและขับไล่ขอมสบาดโขลญลำพงและการกำเนิดของอาณาจักรอยุธยา (ค.ศ. 1350) ส่งผลให้เกิดสงครามกับเขมรอย่างแทบไม่หยุดยั้ง และนำไปสู่การล่มสลายของเมืองพระนคร (นครวัด) ในปี ค.ศ. 1431 กล่าวกันว่าชาวเขมรได้ถูกจับเป็นเชลยไปประมาณ 90,000 คน ซึ่งหลายคนน่าจะเป็นนักเต้นและนักดนตรี ช่วงเวลาหลังปี ค.ศ. 1432 เมื่อชาวเขมรสูญเสียสมบัติ วัฒนธรรม บันทึกเอกสารสูญหาย นับเป็นช่วงเวลาแห่งความเสื่อมถอยอย่างรวดเร็ว ทำให้กัมพูชาเข้าสู่ยุคมืดในที่สุด
หลังยุคพระนคร (ค.ศ. 1431–ปัจจุบัน)
ยุคมืดของกัมพูชา
จากการรุกรานของอาณาจักรอยุธยาของชาวไทยสยามอย่างต่อเนื่อง จนที่มั่นสุดท้ายของอาณาจักรเขมร นครธม ถูกสยามนำโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ยึดครอง สิ้นสุดยุคอาณาจักรพระนคร ต่อมาในปี ค.ศ. 1434 พระเจ้าแผ่นดินเขมร พระบรมราชา (เจ้าพระยาญาติ)ได้ทรงย้ายราชธานีหนีภัยสงคราม มาสถาปนากรุงจตุมุข (พนมเปญ) เป็นเมืองหลวง และทรงสถาปนาอาณาจักรเขมรจตุมุขและเมืองพระนคร (นครวัด) ก็ถูกทิ้งร้างไว้ในป่าดงดิบ จนถึงอาณาจักรเขมรละแวกได้ถูกอาณาจักรอยุธยานำโดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตีแตกในสงครามสยาม-กัมพูชา พ.ศ. 2134 เนื่องจากการรุกรานอย่างต่อเนื่องของชาวสยามและชาวเวียดนามทำให้กัมพูชาตกเป็นประเทศราชของทั้งสองอาณาจักรทำให้เกิดความขัดแย้งหรืออานามสยามยุทธขึ้น กัมพูชาย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองอุดงมีชัยในเวลาต่อมา เข้าสู่ยุคอาณาจักรเขมรอุดง หรือ (ยุคอุดง) แต่ยังคงอยู่ภายใต้อาณาจักรสยามหรืออาณาจักรรัตนโกสินทร์ในฐานะประเทศราช
กัมพูชายุคใหม่
กัมพูชาจึงได้ร้องขอความคุ้มครองจากฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1863 ทำให้กัมพูชาหลุดพ้นจากการเป็นประเทศราชของสยามและกลายเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1864 ในช่วงทศวรรษ 1880 กัมพูชาถูกดึงเข้าสู่สหภาพอินโดจีนที่ควบคุมโดยฝรั่งเศสพร้อมกับเวียดนามตอนใต้และลาว เป็นเวลาเกือบหนึ่งศตวรรษที่ฝรั่งเศสแสวงหาประโยชน์ทางการค้าจากกัมพูชา และเรียกร้องอำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจ และชีวิตทางสังคม
-
- สมเด็จพระวรราชินี (แป้น)พร้อมนางกำนัลรับใช้
- สตรีชนชั้นสูงของเขมรในช่วงปี ค.ศ. 1800
- สตรีราชสำนักกัมพูชารัชสมัยพระสีสุวัตถิ์
พระราชอาณาจักรกัมพูชา (สมัยสังคมราษฎรนิยม)
พระนโรดม สีหนุทรงประกาศเอกราชของกัมพูชาในปี ค.ศ. 1949 (ประกาศเอกราชอย่างสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1953) จากฝรั่งเศส พระองค์ทรงก่อตั้งสังคมราษฎรนิยม (“ชุมชนสังคมนิยมของราษฎร”) ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1955 ทรงชนะการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์และทรงเข้าบริหารพระราชอาณาจักรกัมพูชา และในวันที่ 2 มีนาคม ทรงสละราชสมบัติให้แก่พระบิดา คือ พระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต ทรงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและประมุขแห่งรัฐในเวลาต่อมา
ในยุคพระราชอาณาจักรกัมพูชา (สมัยสังคมราษฎรนิยม) เป็นยุคที่กัมพูชาเจริญรุ่งเรืองในทุกๆด้านและชาวกัมพูชาถือเป็นยุคทองยุคหนึ่งของชาวกัมพูชา พระนโรดม สีหนุได้ทรงพัฒนาประเทศกัมพูชาให้ทันสมัยและทรงดำเนินนโยบายชาตินิยมเขมร (เชื้อชาตินิยม) ถือให้เชื้อชาติเขมรเป็นชาติพันธุ์บริสุทธิ์ นำไปสู่การกีดกันชาวไทยสยามและชาวเวียดนาม นอกจากนี้ยังกำหนดพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติควบคู่กันไป
- ข้าราชการเขมรและคณะรัฐบาลในช่วงสังคมราษฎรนิยม
สงครามกลางเมืองถึงปัจจุบัน
ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 สถานการณ์ทางการเมืองในกัมพูชาเริ่มวุ่นวาย พระนโรดม สีหนุทรงปกครองประเทศจนถึงวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1970 เมื่อพระองค์ถูกรัฐประหารล้มล้างระบอบสังสังคมราษฎรนิยมโดยจอมพลลอน นอลซึ่งก่อตั้งสาธารณรัฐเขมรทำให้พระราชอาณาจักรกัมพูชาล่มสลายลง เมื่อวันที่ 17 เมษายน 1975 เขมรแดง ซึ่งภายใต้การนำของพอล พตได้ใช้นโยบาย ขึ้นสู่อำนาจและทำลายล้างประชาชนชาวกัมพูชาไปเกือบหมด ทั้งสุขภาพ ศีลธรรม การศึกษา สภาพแวดล้อมทางกายภาพ และวัฒนธรรมในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กัมพูชา
ในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1979 กองกำลังเวียดนามได้ หลังจากที่ต้องใช้เวลานานมากกว่าสิบปีในการฟื้นฟูประเทศอย่างช้าๆ ด้วยความช่วยเหลือจากภายนอกเพียงเล็กน้อย สหประชาชาติก็ได้เข้ามาแทรกแซงจนทำให้เกิดข้อตกลงสันติภาพปารีสในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2535 และสร้างเงื่อนไขสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2536 ส่งผลให้มีการจัดตั้งรัฐบาลชุดปัจจุบันและการฟื้นฟูอำนาจของพระนโรดม สีหนุเป็นพระมหากษัตริย์อีกครั้งในปี พ.ศ. 2536
วัฒนธรรมและสังคม
วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์เขมรค่อนข้างเป็นเนื้อเดียวกันตลอดช่วงทางภูมิศาสตร์ มีสำเนียงท้องถิ่นอยู่บ้างแต่สามารถเข้าใจร่วมกันได้ ภาษาเขมรนั้นใช้ภาษาสำเนียงกรุงพนมเปญ (ราชธานีพนมเปญ) เป็นภาษากลางและภาษาราชการ มาตรฐานนี้ใช้สำเนียงที่พูดกันทั่ว, ภูมิภาคที่ประกอบด้วยจังหวัดทางตะวันตกเฉียงเหนือและภาคกลาง ภาษาเขมรที่พูดในภูมิภาคนี้เป็นตัวแทนของภาษาพูดของประชากรส่วนใหญ่ สำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์และจดจำได้ทันทีได้พัฒนาขึ้นในกรุงพนมเปญ ซึ่งเนื่องมาจากสถานะของเมืองเป็นเมืองหลวงของประเทศ ภาษาถิ่นอื่นๆ ได้แก่ ภาษาเขมรเหนือ ซึ่งชาวเขมรเรียกว่า "เขมรสุรินทร์" พูดกันมากกว่าล้านคน ซึ่งเป็น "ชาวเขมรเหนือ" หรือ (ชาวเขมรพื้นเมืองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย) และ "เขมรใต้" หรือ "เขมรล่าง" นิยมพูดกันโดยชาวเขมรพื้นเมืองนับล้านคนในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงของเวียดนามซึ่งอยู่ติดกับกัมพูชาและลูกหลานของพวกเขาในต่างแดน ภาษาถิ่นที่ไม่ค่อยมีการศึกษาที่เรียกว่า เขมรตะวันตก หรือเขมรกระดามอม พูดกันโดยประชากรกลุ่มเล็กๆ ที่อยู่บริเวณซึ่งทอดยาวจากกัมพูชาไปจนถึงภาคกลางตะวันออกของประเทศไทย แม้ว่าจะมีการศึกษากันน้อย แต่ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตรงที่รักษาระบบ ไว้ ซึ่งแทบจะหายไปจากภาษาถิ่นอื่นๆ ของเขมรสมัยใหม่
ชาวเขมรสมัยใหม่ระบุอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ของตนอย่างชัดเจนด้วยความเชื่อและการปฏิบัติทางศาสนา ซึ่งผสมผสานหลักคำสอนของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเข้ากับองค์ประกอบของการบูชาวิญญาณบรรพบุรุษพื้นเมือง วิญญาณนิยม และลัทธิไสยศาสตร์
อ้างอิง
- Hattaway, Paul (ed.) (2004), "Khmer", Peoples of the Buddhist World, William Carey Library, p. 133
{{}}
:|first=
มีชื่อเรียกทั่วไป ((help)) - (PDF). National Institute of Statistics. . June 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 13, 2019. สืบค้นเมื่อ 12 August 2019.
- "Report on Results of the 2019 Census". General Statistics Office of Vietnam. สืบค้นเมื่อ 1 May 2020.
- "ASIAN ALONE OR IN COMBINATION WITH ONE OR MORE OTHER RACES, AND WITH ONE OR MORE ASIAN CATEGORIES FOR SELECTED GROUPS". . . 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 14, 2020. สืบค้นเมื่อ 17 September 2015.
- Danaparamita, Aria (21 November 2015). . . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-20. สืบค้นเมื่อ 19 June 2019.
- . stat.data.abs.gov.au. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-11. สืบค้นเมื่อ April 6, 2017.
- "Ethnocultural Portrait of Canada". .[]
- "2006 and 2013 Census: Cambodians- Facts and Figures". .
- "Results of Population and Housing Census 2015" (PDF). Lao Statistics Bureau. สืบค้นเมื่อ 1 May 2020.
- "Ausländeranteil in Deutschland bis 2018". De.statista.com. สืบค้นเมื่อ January 2, 2017.
- CIA FactBook. 2010-12-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Accessed July 14, 2008.
- Faith Traditions in Cambodia 2006-08-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; pg. 8; accessed August 21, 2006
- กรมศิลปากร. (2565). "“เกฺมร” รูปเขียนของคำาว่า “เขมร” ในศิลาจารึกเขมรโบราณสมัยก่อนเมืองพระนคร", . กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม. หน้า 134-135. ISBN
- รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง และศานติ ภักดีคํา. (2559). . บรรยายเนื่องในกิจกรรมเสวนาวิชาการ “คนกับโบราณสถาน” จัดโดย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) และ สํานักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศ วันที่ 18 พ.ย. 2559 ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร กรุงเทพมหานคร. หน้า 4.
- กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม. (2567). คำว่า “เขมร” มาจากไหน เมื่อใดจึงเป็นเขมร-ขแมร์ ?. ศิลปวัฒนธรรมออนไลน์. 20 มีนาคม 2567. สืบค้นเมื่อ 23 พฤษภาคม 2567.
- "ខ្ញុំ", Dictionary of Old Khmer. SEALANG Projects. cited in Phillip Jenner's Dictionary of Pre-Angkorian Khmer and Dictionary of Angkorian Khmer (Pacific Linguistics, 2009).
- เยาวชนไทยกับขแมร์ ร่วมเมิลขแมร์แลไทย ไทยรัฐ สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2558
- จารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษวิทยาสิรินธรฯ
- "Ethnic groups statistics - countries compared". Nationmaster. สืบค้นเมื่อ 2012-09-02.
- . CIA – The World Factbook. Cia.gov. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-02-23. สืบค้นเมื่อ 15 March 2013.
- [1] พฤษภาคม 9, 2006 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- (PDF). Web.nso.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-04. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
- (PDF). Nso.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-04. สืบค้นเมื่อ 10 January 2018.
- "Maha Sarakham" (PDF). Web.nso.go.th. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
- (PDF). Web.nso.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-04. สืบค้นเมื่อ 10 January 2018.
- (PDF). Web.nso.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-04. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
- (PDF). Web.nso.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-11-29. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
- (PDF). Web.nso.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ February 15, 2012. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
- (PDF). Web.nso.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-04. สืบค้นเมื่อ 10 January 2018.
- (PDF). Web.nso.go.t. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-04. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
- D'après l'épigraphie cambodgienne du X° siècle, les rois des "Kambuja" prétendaient descendre d'un ancêtre mythique éponyme, le sage ermite Kambu, et de la nymphe céleste Mera, dont le nom a pu être forgé d'après l'appellation ethnique "khmèr" (George Coedes). [2] 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; See also: Indianised States of Southeast Asia, 1968, p 66, George Coedes.
- Thailand 1969:151, Blanchard 1958:27
- ฮัฟฟ์แมน แฟรงคลิน 1970. ระบบการเขียนและการอ่านเบื้องต้นของกัมพูชา มีนาคม 1, 2021 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเยล ISBN
แหล่งข้อมูลอื่น
- Center For Khmer Studies
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
chawekhmr ekhmr ជនជ ត ខ ម រ Choncheatĕ Khmer cunciet kʰmae xngkvs Khmer people hrux chawkmphucha epnhnunginklumchatiphnthuthiihythisudinexechiytawnxxkechiyngit mimakthisudinpraethskmphucha chawekhmrcaichphasaekhmrinkarsuxsar sungepnphasainklumphasamxy ekhmrxyuintrakulphasaxxsotrexechiytik iklekhiyngkbchawmxyaelachawewiydnamchawekhmr kmphucha ជនជ ត ខ ម រprachakrthnghmdp 18 19 lankhnphumiphakhthimiprachakrxyangminysakhy kmphucha15 16 lankhn ewiydnamkhn ithy1 146 685 khn shrthkhn frngesskhn 2015 ekahliit49 100 khn xxsetreliykhn 2016 maelesiy30 113 khn aekhnadakhn yipun9 195 khn niwsiaelnd8 601 khn shrthxahrbexmierts7 600 khn law7 141 khn eyxrmni1 035 khn xxsetriy2 133 khn enethxraelnd2 000 khn shrachxanackrmakkwa 1 000 khn singkhopr832 khnphasaekhmrsasnaphuththethrwath wiyyanniym aelasasnaphunemuxngxun klumchatiphnthuthiekiywkhxng ekhmrehnux aelaklumchatiphnthuthiphudintrakulphasaxxsotrexechiytik chawekhmrswnihyepnphunbthux aelakarphsankhwamechuxthiphsmphsanxngkhprakxbkhxngphuththsasnaethrwath sasnahindu sasnaphi aelakhwamekharphkhntay chawekhmrerimmibthbathinexechiytawnxxkechiyngitiklekhiyngkbchawmxyodyepnklumchatiphnthuthiphudphasainklumphasamxy ekhmraelasrangckrwrrdiekhmrkhuninxdit chawekhmryngaebngidepnklumyxy 3 klumtampraethsaelaphasathiichkhuxchawekhmrinkmphucha phudphasaekhmr chawekhmrehnuxhruxekhmrsurinthrxyuinpraethsithy aelaphudphasaekhmrthiepnsaeniyngkhxngtnexngaelaphudphasaithydwy epnchawekhmrthixyuthangphakhitkhxngpraethsewiydnamchuxeriykkhxm ekhmr khaaemr khawa ekhmr khmay khaaemr khaemr inphasaekhmr source source hakmipyhainkarelniflni duthiwithiichsux khawaekhmrnn epnkhaithy sunghmaythung khaaemr chawekhmr sungchawekhmreriyktnexngxyangchdecnwa khaaemr ekhmr aelaeriykdinaednkhxngtnwa kmphucha matngaetsmykxnyukhxanackrphrankhr odyhlkthanthieriykchawekhmreriyktnexngwa ekhmr ekathisud khux silacaruk Ka 64 sungepnsilacaruksmykxnemuxngphrankhr xayurawphuththstwrrsthi 12 phbthibanemlb emlub tablorka xaephxepiyeriyng cnghwdiphraewng thangthistawnxxkkhxngkrungphnmepy klawthungchawekhmrobraniwwa 13 k yum ek mr okh ot 20 20 7 ethr si 2 khawa k yum ekhmr ខ ញ xksrormn khnuṃ aepltrngtw kharbich thas Slave bondsman inphasaekhmrobransmykxnphrankhrhmaythung kharbich ehmuxnkhawa kh yum swnkhawa ek mr kmer emuxrwmkhwamhmaykhxngkhawa k yum ek mr aelw aeplwa kharbich thiepn chawekhmr aesdngwachawkmphuchaeriyktwexngwa ek mr kmer matngaetphuththstwrrsthi 12 kxnthicaphthnamaepnkhawa ekh mr khmer inchwngekhmrsmyemuxngphrankhr aelaklayepn aekh mr xxkesiyngwa aekh mr khmaer dngthipraktinphasaekhmrpccubn swnbangthvstisnnisthanwa ek mr hmaythung thas echn baw iphr sungxactikhwamidwaepnkharbichkhxngphramhakstriyinyukhxanackrphrankhr insmyphrankhrphbhlkthankareriykklumchnchaw ekh mr xyangchdecn praktinsilacaruk silacaruk K 227 sranginsmyphraecachywrmnthi 7 phuththstwrrsthi 18 thiprasathbnthaychmar tablthmxpwk emuxngesiymeriyb mikhxkhwamtxnhnungwa bnthulihmirachphithi n esdcnachawekhmr x nkekh mr thng 4 phusungidthakarrbephuxrksakhwammnkhng micanwn 74 tablipyngkmphucheths aelwprasathaeknksychkthngsxngoxynam xaetng aelasthapnarup odykhawa ekhmr indinaednithyidmihlkthanpraktkhunxyangnxy emux ph s 1069 trngkbyukhxanackrphrankhr cakcarukkhawa ekhmr in xaephxpkthngchy cnghwdnkhrrachsima xyangirktaminexksarithyidmikareriykxanackrphrankhr wa xanackrkhxm rwmthungwthnthrrmaelaeriykchnchatiwa khxm odyidmikarxangwamikhwamaetktangkbchnchatiekhmrinpccubn sungkhawa khxm snnisthanwaidekidkhuninphayhlngkhawaekhmr praktincarukwdsrichum suokhthy 2 aehng rabuchux khxmsbadokhlylaphng sungkhadwasrangkhunraw ph s 1884 1910 playyukhxanackrphrankhrcitr phumiskdiidesnxwa khxm imidhmaythungechuxchati aethmaythungklumkhnklumhnung thirbwthnthrrmhinducakchmphuthwipaelwphayhlngepliynepnphuththmhayan tangkbchnchatiithy lawthinbthuxphikxnepliynmarbphuththethrwathcakchmphuthwip ichxksrkhxminkarcdcaruk sungkhnklumnirwmthungchnchatiekhmraelarthekhruxyatithnghmd rwmthnglaow sungtxmaidklaymaepnxoythyasriramethphnkhrdwy khawa khxm thukicheriykklumkhnodyrwm khlaykbkarichkhawa aekhk eriykkhnxislam sikkh hinduodyrwm odyimaeykwaepnkhnxinediy mlayu chwa hruxtawnxxkklangkaraephkracayaephnthikhxngklumchatiphnthuinkmphucha ph s 2515 klumchatiphnthuekhmr xnidaek chawekhmrehnux chawekhmrthinithy chawekhmrklang aela chawekhmrlang ekhmrit inewiydnamkmphucha aephndinaem khnekhmrswnihyxasyxyuinkmphuchasungepnaephndinaem prachakrinkmphuchaswnihykhidepnchawekhmr 90 ithyaelaewiydnam nxkcakniyngmiprachakrchawekhmrthimixasyxyuin ithyaelaewiydnam inpraethsithymichawekhmrmakkwahnunglankhn swnihyxyuin cnghwdsurinthr cnghwdburirmy aelacnghwdsrisaeks swnchawekhmrinewiydnam ruckkninchux khidepncanwn 1 1 lankhncakkarpramarkarkhxmulkarsarwckhxngrthbal aelakhidepn 7 lankhnodyklumshphnthekhmrkrxm canwnprachakrchawekhmrkhidepnrxyla inaetlacnghwdkhxngpraethsithy cnghwd kh s 1990 kh s 2000burirmy 0 3 27 6 cnthburi 0 6 1 6 mhasarkham 0 2 0 3 rxyexd 0 4 0 5 sraaekw 1 9 srisaeks 30 2 26 2 surinthr 63 4 47 2 trad 0 4 2 1 xublrachthani 0 8 0 3 praethstawntk enuxngcak sngkhramklangemuxngkmphucha chawekhmrhlayphnkhnidxphyphliphyipxasyxyuinshrthxemrika aekhnada xxsetreliyaelafrngessprawtikarkaenidkmphucha tananphrathxng nangnakh tamtananekhmr phukxtngxanackrkmphucha khux phrahmn namwa hrux okythyya aelaecahyingthiepnthidakhxngphyanakh namwa osma hrux emra emuxthngsxngidaetngnganknkidkaenidnamwa khaaemr chawekhmrtngchuxxanackrkhxngphwkekhawa kmphucha tamkstriyaehngaekhwnhnunginchmphuthwipin ephakmphucha mikhwamechuxknodynkwichakarsmyihmwaxacsubechuxsaymacakinpccubn aetkhxmulyngepnthithkethiyngaelaynghakhxsrupimid xyangirktam kmphuchathuksrangkhunemuxphrahmnxinediyobranaetngngankbecahyingosma phrahmnokythyya snnithanwamacakxinediy idedinthangmayngchayfngkhxngekhmr thidaphyanakhphukhrxngdinaednaethbniidphayeruxxxkmatxnrb aetphrahmnokythyyaepnphumiewthmntrkhathaidyingthnuwiessmathieruxthidaphyanakh thaihnangtkphrathyklw aelwyinyxmaetngandwy swnphyanakhphubidaidthrngdumnathaelcnehuxdaehngephuxsrangxanackrihrachbutrekhyaelathida aelatngchuxxanackrthisrangkhunwa kmphucha karmibthbathinexechiytawnxxkechiyngit xanaekhtkhxngxanackrfunncaruk chawekhmrepnhnunginklumchatiphnthuthiekaaekthisudinphunthiexechiytawnxxkechiyngit chawekhmriderimekhamamibthbathinexechiytawnxxkechiyngitinewlaediywknkb chawmxy thitngthinthanxyuthangthistawntkaelamiekiywkhxngthangbrrphburuskbchawekhmr nkobrankhdi nkphasasastrswnihy aelaphuechiywchayxun echn echuxwaphwkekhamathungimchakwa 2000 kxnkhristskrach kwasiphnpimaaelw inchwngaerkchawekhmrerimthakarekstraelaodyechphaaxyangyingkarephaaplukkhaw phumiphakhthichawekhmrxasyxyuniyngepnhnunginsthanthiaerkinolkthierimmikarichsarid chawekhmridsrang ckrwrrdiekhmrinewlatxma sungkhrxbngaexechiytawnxxkechiyngitepnewlahkstwrrssungerimtnin kh s 802 aelapccubnepnkraaeshlkkhxngkaremuxngwthnthrrmaelaesrsthkickhxngkmphucha chawekhmridphthnaxksrekhmr twxksraerkthiyngkhngichxyuinexechiytawnxxkechiyngit sungidepnhlkinkarsrangaelaphthnatwxksrithyaelatwxksrlawinphayhlng chawekhmridrbkarphicarnaodynkobrankhdiaelankchatiphnthuwithya sungidcdepnchnphunemuxnginbriewnphumiphakhthitxenuxngknkhxng phakhxisankhxngithy phakhitkhxnglaw kmphucha aela ewiydnamit hruxxacklawidwachawekhmrekhyepnchawlumthixasyxyuiklkbhnunginaekhwkhxngaemnaokhng echnediywkbkhnxun inyukhtn khxngexechiytawnxxkechiyngitechn pyu mxy cam mlayu aela chwa chawekhmrepnchnchatihnungthiidrbxiththiphlcakxinediy odyrbxiththiphlthangdan aelakhxngxinediy xikthngmikaryumxiththiphlthangdanphasa xanackrkarkhathimiprasiththiphaphkhrngaerkinexechiytawnxxkechiyngit xanackrfunn kxtngkhuninthistawnxxkechiyngitkmphuchaaelasamehliympakaemnaokhnginstwrrsaerk xikthngkarkhudkhnhlkthanthangobrankhdixyangkwangkhwangin iklchayaednewiydnam mikarkhudkhnphb sakxith khlxng susanaelahlumfngsph submathungstwrrsthisibhakxnkhristskrach rachxanackrfunnthuxepnaerkerimkhxngrachxanackrinexechiytawnxxkechiyngitthnghmdinewlatxma inyukhfunan stwrrsthi 1 stwrrsthi 6 chawekhmryngidrbphraphuththsasna sasnaaenwkhideruxng lththiiswaaela aelawiharthiyingihyrawkbphuekhasylksnkhxngolk xanackrekhmrecnlaekidkhuninstwrrsthihaaelatxmakexachnaaelayudkhrxngxanackrfunn xanackrecnlaepnrththixyubriewnthirabsungsungmiesrsthkicphungphakarekstrinkhnathifunnepnrththilumthimiesrsthkickhunxyukbkarkhathangthael thngsxngrthniaemkrathnghlngkarphichitodyxanackrecnla instwrrsthihkkyngkhngthasngkhramsungknaelaknaelaxanaekhtthielklng inchwngyukhecnla stwrrsthi 5 8 chawkmphuchaidpradisthkhidkhn twelkhsuny thiekaaekthisudthiolkruckincarukwiharaehnghnungkhxngphwkekha emuxkstriyphraecachywrmnthi 2 thrngprakasexkrachaelaexkphaphkmphuchainpi kh s 802 kmikhwamsngbsukhyatirahwangthngsxngdinaednbnaelalangkmphucha phraecachywrmnthi 2 kh s 802 kh s 830 idthrngfunphlngxanackhxngxanackrkmphuchaaelasrangrakthansahrbxanackrxngkxrsungkxtngemuxnghlwngsamaehng idaek hrihralyaelamehnthrbrrpht sungepnaehlngobrankhdithiephyihehnthungchwngewlakhxngekha hlngcakchnasngkhramklangemuxngmayawnan cnthungrchsmyphraecasurywrrmnthi 1 khrxngrachyinpi kh s 1002 kh s 1050 idthrngaephaesnyanuphaphsngkxngthphkhxngphraxngkhipthangthistawnxxkaelaprabpramxanackrthwarwdikhxngmxyekhaepnswnhnungkhxngxanackrekhmr dngnncungthaihphraxngkhidpkkhrxngswnihykhxngpraethsithyaelalawinpccubnrwmthungkhrungthangtxnehnuxkhxngkhabsmuthrmlayu inchwngrahwangniidmikarsrangnkhrwdthuxepncudsungsudkhxngxarythrrmekhmr ckrwrrdiekhmr kh s 802 kh s 1431 xanackrphrankhr xanaekhtkhxngckrwrrdiekhmr siaedng xanackrekhmrklayepnckrwrrdiekhmraelamiwiharthiyingihykhxngxngkxrsungthuxepnsmbtithangobrankhdithietmipdwyhinnunsisrrthiaesdngraylaexiydkhxngwthnthrrmrwmthungekhruxngdntribangxyangthiyngkhngepnxnusrnkhxngwthnthrrmekhmr hlngcakkarsinphrachnmkhxngphraecachywrmnthi 2 kh s 1113 1150 kmphuchaphanphnkhwamoklahlcnthungrchsmyphraecachywrmnthi 7 kh s 1181 1218 idthrngsngihsrangemuxnghlwngihm phraxngkhthuxphraxngkhepnchawphuththaelainewlahnungsasnaphuththklayepnsasnathioddedninpraethskmphucha xyangirktaminthanathiepnsasnapracachatimnthukddaeplngihehmaasmkblththiethwarachaodymiphraphuththecaepnrachaaethnphraxiswrrachahruxphranarayninxdit chawekhmrobrankalngthaaeknghmupa phaphaekaslkxanackrphrankhr phaphaekaslktladkhxngchawekhmrobranthiprasathbayn phaphaekaslkstrichawekhmrobranissib phaphaekaslkyukhxanackrphrankhr phaphaekaslkchawekhmrobrankalngthaplara prxhk ckrwrrdiekhmrerimesuxmlngcakkarrukrankhxngxanackrkhxngchawithysyam xyangechn xanackrsuokhthy kh s 1238 naodyphxkhunsrixinthrathityidpldaexkaelakhbilkhxmsbadokhlylaphngaelakarkaenidkhxngxanackrxyuthya kh s 1350 sngphlihekidsngkhramkbekhmrxyangaethbimhyudyng aelanaipsukarlmslaykhxngemuxngphrankhr nkhrwd inpi kh s 1431 klawknwachawekhmridthukcbepnechlyippraman 90 000 khn sunghlaykhnnacaepnnketnaelankdntri chwngewlahlngpi kh s 1432 emuxchawekhmrsuyesiysmbti wthnthrrm bnthukexksarsuyhay nbepnchwngewlaaehngkhwamesuxmthxyxyangrwderw thaihkmphuchaekhasuyukhmudinthisud hlngyukhphrankhr kh s 1431 pccubn yukhmudkhxngkmphucha xanackrekhmrinyukhmud siekhiyw idaek xanackrekhmrctumukh xanackrekhmrlaaewkaelaxanackrekhmrxudngecaemuxngekhmrcnghwdophthistwphrxmbriwar inrchsmyphranordm cakkarrukrankhxngxanackrxyuthyakhxngchawithysyamxyangtxenuxng cnthimnsudthaykhxngxanackrekhmr nkhrthm thuksyamnaodysmedcphrabrmrachathirachthi 2 ecasamphraya yudkhrxng sinsudyukhxanackrphrankhr txmainpi kh s 1434 phraecaaephndinekhmr phrabrmracha ecaphrayayati idthrngyayrachthanihniphysngkhram masthapnakrungctumukh phnmepy epnemuxnghlwng aelathrngsthapnaxanackrekhmrctumukhaelaemuxngphrankhr nkhrwd kthukthingrangiwinpadngdib cnthungxanackrekhmrlaaewkidthukxanackrxyuthyanaodysmedcphranerswrmharachtiaetkinsngkhramsyam kmphucha ph s 2134 enuxngcakkarrukranxyangtxenuxngkhxngchawsyamaelachawewiydnamthaihkmphuchatkepnpraethsrachkhxngthngsxngxanackrthaihekidkhwamkhdaeynghruxxanamsyamyuththkhun kmphuchayayemuxnghlwngipyngemuxngxudngmichyinewlatxma ekhasuyukhxanackrekhmrxudng hrux yukhxudng aetyngkhngxyuphayitxanackrsyamhruxxanackrrtnoksinthrinthanapraethsrach kmphuchayukhihm kmphuchacungidrxngkhxkhwamkhumkhrxngcakfrngessinpi kh s 1863 thaihkmphuchahludphncakkarepnpraethsrachkhxngsyamaelaklayepnrthinxarkkhakhxngfrngessinpi kh s 1864 inchwngthswrrs 1880 kmphuchathukdungekhasushphaphxinodcinthikhwbkhumodyfrngessphrxmkbewiydnamtxnitaelalaw epnewlaekuxbhnungstwrrsthifrngessaeswnghapraoychnthangkarkhacakkmphucha aelaeriykrxngxanacthangkaremuxng esrsthkic aelachiwitthangsngkhm khnalaokhnokhl natsilpekhmr rchsmyphrabathsmedcphrasisuwtthiaesdnghnankhrwd smedcphrawrrachini aepn phrxmnangkanlrbich strichnchnsungkhxngekhmrinchwngpi kh s 1800 strirachsankkmphucharchsmyphrasisuwtthi phrarachxanackrkmphucha smysngkhmrasdrniym phranordm sihnu phrabidaaehngchati pramukhaehngrth phramhakstriyaelanaykrthmntriinchwngphrarachxanackrkmphucha smysngkhmrasdrniym phranordm sihnuthrngprakasexkrachkhxngkmphuchainpi kh s 1949 prakasexkrachxyangsmburninpi kh s 1953 cakfrngess phraxngkhthrngkxtngsngkhmrasdrniym chumchnsngkhmniymkhxngrasdr ineduxnmkrakhm kh s 1955 thrngchnakareluxktngineduxnkumphaphnthaelathrngekhabriharphrarachxanackrkmphucha aelainwnthi 2 minakhm thrngslarachsmbtiihaekphrabida khux phrabathsmedcphranordm suramvt thrngdarngtaaehnngnaykrthmntriaelapramukhaehngrthinewlatxma inyukhphrarachxanackrkmphucha smysngkhmrasdrniym epnyukhthikmphuchaecriyrungeruxnginthukdanaelachawkmphuchathuxepnyukhthxngyukhhnungkhxngchawkmphucha phranordm sihnuidthrngphthnapraethskmphuchaihthnsmyaelathrngdaeninnoybaychatiniymekhmr echuxchatiniym thuxihechuxchatiekhmrepnchatiphnthubrisuththi naipsukarkidknchawithysyamaelachawewiydnam nxkcakniyngkahndphraphuththsasnaepnsasnapracachatikhwbkhuknip kharachkarekhmraelakhnarthbalinchwngsngkhmrasdrniym sngkhramklangemuxngthungpccubn inchwngkhrunghlngkhxngstwrrsthi 20 sthankarnthangkaremuxnginkmphuchaerimwunway phranordm sihnuthrngpkkhrxngpraethscnthungwnthi 18 minakhm kh s 1970 emuxphraxngkhthukrthpraharlmlangrabxbsngsngkhmrasdrniymodycxmphllxn nxlsungkxtngsatharnrthekhmrthaihphrarachxanackrkmphuchalmslaylng emuxwnthi 17 emsayn 1975 ekhmraedng sungphayitkarnakhxngphxl phtidichnoybay khunsuxanacaelathalaylangprachachnchawkmphuchaipekuxbhmd thngsukhphaph silthrrm karsuksa sphaphaewdlxmthangkayphaph aelawthnthrrminkarkhalangephaphnthukmphucha inwnthi 7 mkrakhm kh s 1979 kxngkalngewiydnamid hlngcakthitxngichewlananmakkwasibpiinkarfunfupraethsxyangcha dwykhwamchwyehluxcakphaynxkephiyngelknxy shprachachatikidekhamaaethrkaesngcnthaihekidkhxtklngsntiphaphparisinwnthi 23 tulakhm ph s 2535 aelasrangenguxnikhsahrbkareluxktngthwipineduxnphvsphakhm ph s 2536 sngphlihmikarcdtngrthbalchudpccubnaelakarfunfuxanackhxngphranordm sihnuepnphramhakstriyxikkhrnginpi ph s 2536wthnthrrmaelasngkhmchaychawekhmrswmchudpracachatiekhmr ocngkraebn cnghwdkapngspuxchawkmphuchakalngetnaelatiklxngyawin wthnthrrmkhxngklumchatiphnthuekhmrkhxnkhangepnenuxediywkntlxdchwngthangphumisastr misaeniyngthxngthinxyubangaetsamarthekhaicrwmknid phasaekhmrnnichphasasaeniyngkrungphnmepy rachthaniphnmepy epnphasaklangaelaphasarachkar matrthanniichsaeniyngthiphudknthw phumiphakhthiprakxbdwycnghwdthangtawntkechiyngehnuxaelaphakhklang phasaekhmrthiphudinphumiphakhniepntwaethnkhxngphasaphudkhxngprachakrswnihy saeniyngthiepnexklksnaelacdcaidthnthiidphthnakhuninkrungphnmepy sungenuxngmacaksthanakhxngemuxngepnemuxnghlwngkhxngpraeths phasathinxun idaek phasaekhmrehnux sungchawekhmreriykwa ekhmrsurinthr phudknmakkwalankhn sungepn chawekhmrehnux hrux chawekhmrphunemuxnginphakhtawnxxkechiyngehnuxkhxngpraethsithy aela ekhmrit hrux ekhmrlang niymphudknodychawekhmrphunemuxngnblankhninphumiphakhsamehliympakaemnaokhngkhxngewiydnamsungxyutidkbkmphuchaaelalukhlankhxngphwkekhaintangaedn phasathinthiimkhxymikarsuksathieriykwa ekhmrtawntk hruxekhmrkradamxm phudknodyprachakrklumelk thixyubriewnsungthxdyawcakkmphuchaipcnthungphakhklangtawnxxkkhxngpraethsithy aemwacamikarsuksaknnxy aetkmiexklksnechphaatwtrngthirksarabb iw sungaethbcahayipcakphasathinxun khxngekhmrsmyihm chawekhmrsmyihmrabuxtlksnthangchatiphnthukhxngtnxyangchdecndwykhwamechuxaelakarptibtithangsasna sungphsmphsanhlkkhasxnkhxngphraphuththsasnanikayethrwathekhakbxngkhprakxbkhxngkarbuchawiyyanbrrphburusphunemuxng wiyyanniym aelalththiisysastrxangxingHattaway Paul ed 2004 Khmer Peoples of the Buddhist World William Carey Library p 133 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Citation title aemaebb Citation citation a first michuxeriykthwip help PDF National Institute of Statistics June 2019 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux November 13 2019 subkhnemux 12 August 2019 Report on Results of the 2019 Census General Statistics Office of Vietnam subkhnemux 1 May 2020 ASIAN ALONE OR IN COMBINATION WITH ONE OR MORE OTHER RACES AND WITH ONE OR MORE ASIAN CATEGORIES FOR SELECTED GROUPS 2017 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux February 14 2020 subkhnemux 17 September 2015 Danaparamita Aria 21 November 2015 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 06 20 subkhnemux 19 June 2019 stat data abs gov au khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 03 11 subkhnemux April 6 2017 Ethnocultural Portrait of Canada imxyuinaehlngxangxing 2006 and 2013 Census Cambodians Facts and Figures Results of Population and Housing Census 2015 PDF Lao Statistics Bureau subkhnemux 1 May 2020 Auslanderanteil in Deutschland bis 2018 De statista com subkhnemux January 2 2017 CIA FactBook 2010 12 29 thi ewyaebkaemchchin Accessed July 14 2008 Faith Traditions in Cambodia 2006 08 22 thi ewyaebkaemchchin pg 8 accessed August 21 2006 krmsilpakr 2565 ek mr rupekhiynkhxngkhaawa ekhmr insilacarukekhmrobransmykxnemuxngphrankhr krungethph krmsilpakr krathrwngwthnthrrm hna 134 135 ISBN 978 616 283 618 3 rungorcn thrrmrungeruxng aelasanti phkdikha 2559 brryayenuxnginkickrrmeswnawichakar khnkbobransthan cdody sunymanusywithyasirinthr xngkhkarmhachn aela sankfrngessaehngplayburphthis wnthi 18 ph y 2559 n sunymanusywithyasirinthr krungethphmhankhr hna 4 kxngbrrnathikarsilpwthnthrrm 2567 khawa ekhmr macakihn emuxidcungepnekhmr khaemr silpwthnthrrmxxniln 20 minakhm 2567 subkhnemux 23 phvsphakhm 2567 ខ ញ Dictionary of Old Khmer SEALANG Projects cited in Phillip Jenner s Dictionary of Pre Angkorian Khmer and Dictionary of Angkorian Khmer Pacific Linguistics 2009 eyawchnithykbkhaemr rwmemilkhaemraelithy ithyrth subkhnemux 3 phvscikayn 2558 carukinpraethsithy sunymanuswithyasirinthr Ethnic groups statistics countries compared Nationmaster subkhnemux 2012 09 02 CIA The World Factbook Cia gov khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 02 23 subkhnemux 15 March 2013 1 phvsphakhm 9 2006 thi ewyaebkaemchchin PDF Web nso go th khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2019 07 04 subkhnemux 2017 03 08 PDF Nso go th khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2019 07 04 subkhnemux 10 January 2018 Maha Sarakham PDF Web nso go th subkhnemux 2017 03 08 PDF Web nso go th khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2019 07 04 subkhnemux 10 January 2018 PDF Web nso go th khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2019 07 04 subkhnemux 2017 03 08 PDF Web nso go th khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2019 11 29 subkhnemux 2017 03 08 PDF Web nso go th khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux February 15 2012 subkhnemux 2017 03 08 PDF Web nso go th khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2019 07 04 subkhnemux 10 January 2018 PDF Web nso go t khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2019 07 04 subkhnemux 2017 03 08 D apres l epigraphie cambodgienne du X siecle les rois des Kambuja pretendaient descendre d un ancetre mythique eponyme le sage ermite Kambu et de la nymphe celeste Mera dont le nom a pu etre forge d apres l appellation ethnique khmer George Coedes 2 2016 03 04 thi ewyaebkaemchchin See also Indianised States of Southeast Asia 1968 p 66 George Coedes Thailand 1969 151 Blanchard 1958 27 hffaemn aefrngkhlin 1970 rabbkarekhiynaelakarxanebuxngtnkhxngkmphucha minakhm 1 2021 thi ewyaebkaemchchin sankphimphmhawithyalyeyl ISBN 0 300 01314 0aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb chawekhmr Center For Khmer Studies