บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
อาณาจักรเขมรอุดง มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองอุดงมีชัย หรือ อุดงฦาไชย ตั้งแต่ พ.ศ. 2161 ในสมัยนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็น "ยุคมืดของเขมร" เพราะเป็นสมัยที่อาณาจักรเขมรเสื่อมอำนาจมีการแย่งชิงราชสมบัติกันตลอดเวลาแทบทุกรัชกาล เรียกได้ว่ามีกษัตริย์เขมรน้อยพระองค์นักในสมัยนี้ที่จะสวรรคตอย่างสมพระเกียรติ และยังมีการดึงญวนและกรุงศรีอยุธยา (ในเวลาต่อมาธนบุรีและรัตนโกสินทร์) เข้ามาร่วมในศึกแย่งราชสมบัติด้วยทำให้อาณาจักรเขมรต้องตกเป็นประเทศราชของทั้งสองประเทศ
ความรุ่งเรืองในระยะแรก
สมเด็จพระบรมราชาฯ พระศรีสุริโยพรรณ ทรงสละราชสมบัติคืนแก่พระโอรสทั้งสองพระองค์ใน พ.ศ. 2161 พระไชยเชษฐามหาอุปราชขึ้นครองราชสมบัติเป็น สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชฯ และพระอุไทยมหาอุปราชอีกองค์เป็น สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 9 ใน พ.ศ. 2164 สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมแห่งกรุงศรีอยุธยาทรงกรีฑาทัพสยามบุกเข้ามาในเมืองกัมพูชา ด้วยเหตุที่ทางฝ่ายสยามเห็นว่าเมืองกัมพูชากระด้างกระเดื่องไม่ยอมอ่อนน้อมเหมือนในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่กระนั้นสมเด็จพระไชยเชษฐาฯก็ทรงเอาชนะสยามได้ที่พนมจังกาง ใน พ.ศ. 2165 ทัพสยามก็บุกเข้ามาอีกครั้งนำโดยพระศรีศิลป์มหาอุปราช ก็ยกมาอีกแล้วฝ่ายสยามก็ต้องถอยกลับอีก สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชฯ ทรงมีอัครมเหสีเป็นคนญวน คือ สมเด็จพระภัควดีพระบวรกษัตรี เป็นธิดาของเจ้าญวนใต้ (ขณะนั้นญวนแบ่งเป็นฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ ฝ่ายใต้ปกครองโดยขุนนางตระกูลเหงียน) เหงียนฟุกเหงียน (Nguyễn Phúc Nguyên) จึงพระราชทานเมืองไซ่ง่อนให้พวกญวน (เวียดนาม) อพยพเข้ามาอยู่อาศัย เพื่อเป็นการผูกสัมพันธไมตรี
ความขัดแย้งระหว่างพระราชวงศ์สองสาย
สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชฯแห่งนครกัมพูชาสวรรคตใน พ.ศ. 2170 สมเด็จพระศรีธรรมราชาพระโอรสซึ่งผนวชอยู่นั้นได้ราชสมบัติไป แต่พระศรีธรรมราชาประสงค์จะอยู่ในสมณเพศต่อไป จึงให้พระมาตุลาคือ สมเด็จพระบรมราชาฯที่ 9 ดำรงพระยศเป็นพระมหาอุปยุวราชสำเร็จราชการแทนพระศรีธรรมราชา ใน พ.ศ. 2173 (จังหวะที่กรุงสยามกำลังเกิดเหตุจลาจลคราวออกญากลาโหมช่วงชิงราชสมบัติจากสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชและสมเด็จพระอาทิตยวงศ์) พระมหาอุปยุวราชทรงบัญชาการทัพเขมรในการบุกตีเมืองนครราชสีมากวาดต้อนผู้คนมาบ้าง ใน พ.ศ. 2175 พระศรีธรรมราชาทรงลาสิกขาบทกลับสู่ราชสมบัติ ปรากฏว่าเกิดทรงวิวาทกับพระมหาอุปราชจนนำทัพเข้าห้ำหั่นกัน จนพระศรีธรรมราชาสวรรคตในสงคราม พ.ศ. 2177
เมื่อเป็นดั่งนี้แล้ว พระมหาอุปยุวราชจึงทรงยกเอาเจ้าพระยาหนู พระอนุชาต่างพระราชมารดากับพระศรีธรรมราชา (พระโอรสในสมเด็จพระไชยเชษฐาฯกับพระสนม) ขึ้นเป็น สมเด็จพระองค์ทองฯ ในรัชกาลนี้ พ.ศ. 2180 เมืองฮอลันดาส่งราชทูตมาเข้าเฝ้า ทำให้อาณาจักรเขมรได้ติดต่อค้าขายกับฮอลันดา สมเด็จพระองค์ทองฯอยู่ในราชสมบัติถึง พ.ศ. 2182 ก็สวรรคต คราวนี้พระมหาอุปยุวราชโปรดฯให้พระโอรสของพระองค์เองคือ นักนอน ได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระปทุมราชาธิราชที่ 1 แต่อยู่ในราชสมบัติได้เพียง 3 ปี เจ้าพระยาจันทร์ พระโอรสในสมเด็จพระไชยเชษฐาฯกับพระสนมอีกนาง ได้จ้างวารมือสังหารมาลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระปทุมราชาฯและพระมหาอุปยุวราชสวรรคตทั้งสองพระองค์ใน พ.ศ. 2184
เจ้าพระยาจันทร์ ขึ้นครองราชสมเด็จเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 สมเด็จพระรามาธิบดีฯ ทรงรักใคร่ชอบพอกับนางแขกมลายูนางหนึ่งเป็นอย่างมาก และประสงค์จะให้เป็นชายา จึงทรงเข้ารีตศาสนาพระมหะหมัด (ศาสนาอิสลาม) และได้รับพระนามใหม่คือ มูหะหมัด อิบราฮิม (Muhammad Ibrahim) เป็นที่สะทกสะท้านต่อทั้งพระราชวงศ์ พระวงศานุวงศ์ทั้งหลายจึงคิดอ่านหาทางโค่นสมเด็จพระรามาธิบดีฯกษัตริย์นอกพระศาสนานี้ให้จงได้ ใน พ.ศ. 2202 ปรากฏว่า สมเด็จพระภัควดีพระบวรกษัตรี พระพันปีหลวง อัครมเหสีของสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชฯ เป็นธิดาของเจ้าญวนใต้ (ขณะนั้นญวนแบ่งเป็นฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้) ได้ขอให้เจ้าเหงียนฟุกต่าน (Nguyễn Phúc Tần) แห่งญวนใต้ส่งทัพเข้ามาบุกกัมพูชา จับองค์สมเด็จพระรามาธิบดีใส่กรงทองกลับเมืองญวน สวรรคตที่เมืองญวน
แต่ปรากฏว่า นักโส พระโอรสในสมเด็จพระบรมราชาธิราชมหาอุปยุวราชที่ถูกปลงพระชนม์ไปนั้น ได้ถือโอกาสเข้ายึดอำนาจในสถานการณ์บ้านเมืองที่สับสน และขับทัพญวนกลับออกไปได้ในพ.ศ. 2203 ขึ้นครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระบรมราชาฯที่ 10 แต่ก็ทรงถูกสมเด็จพระศรีไชยเชษฐ พระนัดดาและพระราชบุตรเขย (พระโอรสในสมเด็จพระปทุมราชาที่ 1 นักนอน อภิเษกกับพระธิดาในนักโส) ลอบปลงพระชนม์ใน พ.ศ. 2215 สมเด็จพระศรีไชยเชษฐขึ้นครองราชสมบัติเป็น สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชที่ 3
การแทรกแทรงจากญวนฝ่ายใต้และสยาม
สมเด็จพระไชยเชษฐาฯ ทรงตั้งพระรามาธิบดีพระอนุชาเป็นพระมหาอุปราช แต่ในปีเดียวกันนั้นพระรามาธิบดีกลับเสด็จไปเมืองญวน เพื่อขอให้เหงียนฟุกต่านเจ้าญวนใต้ส่งทัพมาบุกกัมพูชาอีกครั้งเพื่อยึดราชบัลลังก์ให้องค์พระรามาธิบดีเอง สมเด็จพระไชยเชษฐาฯจึงทรงแก้เผ็ดโดยการนำพระท้าวกษัตรีชายาของพระรามาธิบดีมาเป็นชายาของพระองค์เอง พระท้าวกษัตรีพิโรธโกรธแค้นจึงให้ทหารแขกจามและมลายูมาลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระไชยเชษฐาฯในพ.ศ. 2216 นักชี พระโอรสในสมเด็จพระบรมราชาฯนักโส จึงเข้าปกครองเขมรเป็นสมเด็จพระแก้วฟ้าฯ แต่ยังไม่ทันจะผ่านพิธีบรมราชาภิเษก พระรามาธิบดีก็ทรงยกทัพญวนเข้ามารบพระแก้วฟ้าฯ พระแก้วฟ้าทรงถอยไปทางตะวันตก ขณะที่พระรามาธิบดียึดได้เขมรฝากตะวันออกใน พ.ศ. 2217 สมเด็จพระรามาธิบดีสวรรคต นักโนน พระโอรสขึ้นมาเป็นผู้นำฝ่ายญวนแทน
ในพ.ศ. 2219 สมเด็จพระแก้วฟ้าสิ้นพระชนม์ พระอนุชาสมเด็จพระศรีไชยเชษฐาฯขึ้นครองราชสมบัติต่อ สมเด็จพระศรีไชยเชษฐาฯได้ขอความช่วยเหลือจากกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจึงทรงส่งทัพมาช่วยนำโดยคอนสแตนติน ฟอลคอน (Constantine Phaulkon) จึงสามารถขับไล่ทัพญวนของนักโนนกลับไปเมืองญวนได้สำเร็จในพ.ศ. 2222 นักโนน มีพระชายาเป็นคนจีน จึงได้ปลุกระดมเอาคนจีนในเมืองญวนนั้นมาเข้าพวกพระองค์แล้วยกมาบุกเมืองกัมพูชาอีกในพ.ศ. 2225 บุกมาถึงเมืองอุดง สมเด็จพระศรีไชยเชษฐาฯเสด็จหนีออกนอกเมืองแลเวเกณฑ์ทัพกลับมาขับไล่นักโนนออกไปได้ในพ.ศ. 2226 เมื่อพ.ศ. 2227 นักโนนยกทัพมาอีกคราวนี้ตั้งอยู่ที่เมืองศรีสุนทร ทั้งสองฝ่ายต่างคุมเชิงกันจนกระทั่งทัพจีนจากศรีสุนทรก็ยกเข้ามาในพ.ศ. 2231 แต่ถูกสมเด็จพระศรีไชยเชษฐาฯตีแตกไป
เมื่อพ.ศ. 2232 เมื่อพ่ายแพ้แล้วนักโนนจึงไปขอเจ้าญวนใต้ให้ส่งทัพมาช่วยอีก ปรากฏว่าก็พ่ายแพ้อีกและต้องเสด็จหนีไปอยู่เวียดนามเป็นการถาวร สมเด็จพระศรีไชยเชษฐาฯประกอบพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อพ.ศ. 2233 เมื่อพ.ศ. 2238 สมเด็จพระศรีไชยเชษฐาฯก็ทรงสละราชสมบัติให้แก่พระอนุชา เป็นสมเด็จพระรามาธิบดีฯที่ 2 ส่วนสมเด็จพระศรีไชยเชษฐาฯก็ทรงออกผนวช สมเด็จพระรามาธิบดีอยู่ในราชสมบัติได้เพียงหนึ่งปีก็สวรรคตในพ.ศ. 2239 สมเด็จพระศรีไชยเชษฐาฯทรงเอาราชสมบัติคืนกลับขึ้นเป็นกษัตริย์เขมร แล้วให้ไปรับตัวนักอิ่ม พระราชบุตรของนักโนนจากเมืองญวนกลับมาตั้งเป็นสมเด็จพระแก้วฟ้า เพื่อขจัดความขัดแย้งในพระราชวงศ์จะได้ไม่ต้องไปพึ่งญวนอีก แล้วให้พระแก้วฟ้าอภิเษกกับพระราชธิดา
ในพ.ศ. 2244 สมเด็จพระศรีไชยเชษฐาฯยกราชสมบัติให้สมเด็จพระแก้วฟ้าแล้วทรงออกผนวช แต่ผ่านไปสามวันสมเด็จพระแก้วฟ้าก็ถวายราชสมบัติคืน คล้ายกับว่าสมเด็จพระศรีไชยเชษฐาฯจะทรงสละราชสมบัติให้ได้ ในพ.ศ. 2245 ก็ทรงสละให้พระศรีธรรมราชาพระราชโอรส ขึ้นเป็นกษัตริย์เขมร แต่พระศรีธรรมราชาครองราชสมบัติอยู๋ได้ 3 ปี ก็ทรงเวนคืนราชสมบัติให้พระบิดาอีกในพ.ศ. 2247 บังเอิญเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อาณาจักรล้านช้างระส่ำระสายแตกเป็นสามอาณาจักร สงครามทำให้ชาวลาวจำนวนมากอพยพลงมาเมืองกัมพูชา พระศรีไชยเชษฐาฯก็โปรดฯให้รับไว้ ในพ.ศ. 2250 ก็มอบราชสมบัติให้พระโอรสอีก พระศรีธณรมราชามีพระราชโองการให้พวกคนลาวอพยพย้ายไปอยู่ที่เกาะราม ปรากฏพวกลาวไม่ยอม ไปเข้าพวกกับพระแก้วฟ้า พระศรีธรรมราชาและพระแก้วฟ้าสองกษัตริย์เขมรจึงทำสงครามกัน ฝ่ายพระแก้วฟ้าขอให้เจ้าญวนใต้ เหงียนฟุกชู (Nguyễn Phúc Chu) รวมทั้งพวกคนป่าชาวเขาทางตะวันออกส่งทัพมาช่วยรบ พระศรีธรรมราชาและนักตน (พระราชนัดดาในสมเด็จพระแก้วฟ้านักชี) สู้ไม่ได้จึงเสด็จหลบหนีไปกรุงศรีอยุธยา ขอพิ่งพระบรมโพธิสมภารสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ
ในพ.ศ. 2259 นักตนหรือพระองค์ทองฯ กราบทูลลาสมเด็จพระเจ้าท้ายสระนำทัพสยามมาตั้งที่เมืองพระตะบองและโพธิสัตว์หมายจะเอาราชสมบัติคืน แต่ทรงสู้ทัพญวนและพวกคนป่าไม่ได้ต้องเสด็จหนีเข้าป่าไป ในพ.ศ. 2260 สมเด็จพระเจ้าท้ายสระจึงโปรดฯให้เจ้าพระยาจักรีนำทัพบกหมื่นนาย พระยาโกษาและพระยาเดโชนำทัพเรือห้าพันนาย ยกมาตีเมืองอุดงและบันทายมาศตามลำดับ ทัพเรือสยามพ่ายแพ้ทัพเรือญวนที่บันทายมาศ แต่บนบกเจ้าพระยาจักรีจากฝ่ายสยาม และพระศรีธรรมราชาและพระองค์ทองฝ่ายเขมรเดินทัพมาถึงเมืองอุดงในพ.ศ. 2261 ทัพญวนในเมืองออกมาต่อสู้แต่แตกพ่าย สมเด็จพระแก้วฟ้าจึงเสด็จออกมาเจรจากับฝายสยาม ขอยอมอ่อนน้อมและจะแต่งต้นไม้เงินต้นไม้ทองเป็นบรรณาการไปให้ นับแต่นั้นมาอาณาจักรเขมรก็ต้องส่งบรรณาการให้กับสยาม และเจ้าพระยาจักรก็นำเจ้าเขมรทั้งสองกลับไปกรุงศรีฯ ให้พระแก้วฟ้าครองราชสมบัติดังเดิม รวมทั้งพระราชทางดินแดนบางส่วนของปากแม่น้ำโขงให้ญวนเป็นการตอบแทน
ถึงพ.ศ. 2265 สมเด็จพระแก้วฟ้าก็มอบราชสมบัติให้พระโอรสพระสัตถา พระสัตถาครองเมืองเขมรมาจนถึงพ.ศ. 2272 ก็มอบราชสมบัติคืนให้พระราชบิดา สมเด็จพระแก้วฟ้าก็ทรงรับไว้แต่แล้วไม่กี่เดือนก็ยกให้พระสัตถาอีก ในพ.ศ. 2273 ลาวอพยพที่เมืองบาพนมเกิดจลาจลยกพวกเข้าปล้นสะดมเมืองไซ่ง่อนที่ญวนอาศัยอยู่ เจ้าญวนใต้เหงียนฟุกจู (Nguyễn Phúc Tru) เป็นโกรธมากเข้าใจว่าทางเมืองกัมพูชาเป็นผู้บงการหรือไม่สามารถควบคุมไพร่ในบังคับได้ จึงยกทัพมา สองกษัตริย์ก็เสด็จหนีไปเมืองสันธุก ปล่อยให้พวกญวนเข้ายึดดินแดนปากแม่น้ำโขงทั้งหมดจนถึงเมืองบันทายมาศ เมื่อพวกญวนกลับไปแล้วจึงนิวัติเมืองอุดงมีชัยในพ.ศ. 2274 นับแต่นั้นมาดินแดนปากแม่น้ำโขงจึงเป็นของเวียดนามมาจนถึงปัจจุบัน ในพ.ศ. 2279 พระแก้วฟ้าเสด็จสวรรคต
ในพ.ศ. 2278 ฝ่ายพระศรีธรรมราชาเจ้าเขมรที่กลับไปอยู่พระนครศรีอยุธยานั้น ได้แต่งตั้งให้พระโอรสที่ตามเสด็จไปด้วยคือ นักอิ่ม เป็นพระศรีธรรมราชาแล้วเดินทางกลับมาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษจากสมเด็จพระสัตถาหวังจะคืนดี แต่พระสัตถาทรงไม่รับ นักอิ่มจึงกลับไปประทับอยู่ที่เมืองนางรอง (นครนายก) ในพ.ศ. 2280 สมเด็จพระสัตถาเกิดทรงระแวงพระมเหสี และพระอนุชาอีกสามพระองค์ ประกอบด้วยพระอุไทยนักโส (พระโอรสของพระองค์ทองนักตน) พระไชยเชษฐานักสงวน และเจ้าพระยาจันทร์ (พระโอรสทั้งสองในพระศรีธรรมราชา) ทั้งหมดประทับอยู่ที่เมืองอุดง จึงทรงย้ายไปประทับที่เมืองพนมเปญ แล้วแต่งทัพมาหมายจะสังหารทั้งสี่พระองค์ข้างต้น ปรากฏว่าทัพของพระอนุชาทั้งสามกลับสามารถล้อมทัพหลวงของพระสัตถาได้ พระสัตถาเสด็จหนีไปเมืองญวน จังหวะเดียวกับที่พระศรีธรรมราชาและพระองค์ทองยกทัพบกและทัพเรือสยามเข้ามา และนักอิ่มก็ยกทัพเข้ามาทำการยึดอำนาจและยึดเมืองอุดงมีชัย หลังจากต้องพลัดพรากจากราชสมบัติไปอยู่กรุงสยามมานานถึง 23 ปี สมเด็จพระศรีธรรมราชาก็ได้ครองราชสมบัติอีกครั้ง พระนามว่าสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชฯ ทรงตั้งพระองค์ทองเป็นพระรามาธิบดีมหาอุปราช
ความพยายามของสยามและญวนในการเข้าครองครองเขมร
เมื่อพ.ศ. 2290 เจ้าเมืองป่าสักผู้หนึ่งชื่อพระยานเรนทร์ เกิดคิดอยากตั้งตนเป็นใหญ่โดยการกำจัดอิทธิพลญวนให้พ้นไปจากเมืองกัมพูชาเสียก่อน จึงนำทัพของตนออกไปรบกับญวน ในปีเดียวกันนั้นพระศรีธรรมราขาไชยเชษฐาฯสวรรคต พระรามาธิบดีมหาอุปราชก็ขึ้นเสวยราชย์ต่อเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ในพ.ศ. 2291 เจ้าญวนใต้เหงียนฟุกคอย (Nguyễn Phúc Khoát) ก็ส่งทัพเข้ามาบุกตีทัพของพระยานเรนทร์แตกกระเจิงไป แล้วพาลเลยเข้ามาตีเอาเมืองต่างๆของกัมพูชาจนสมเด็จพระรามาธิบดีและพระอนุชาทั้งหลายต้องเสด็จหนีมายังกรุงศรีฯอีกครั้ง ฝ่ายญวนตั้งพระสัตถาเจ้าเขมรที่หนีไปเมื่อครั้งก่อนกลับขึ้นมาเป็นกษัตริย์เขมรอีกครั้ง
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงส่งพระยากลาโหมกับพระยาสรรคโลกมาตีทัพญวนแตกพ่ายไปที่เมืองบันทายเพชร พระสัตถาจึงเสด็จหนีกลับไปกับทัพญวนแล้วไม่เสด็จกลับมาอีกเลย เมื่อขับญวนออกไปแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงมีพระบรมราชโองการให้พระศรีไชยเชษฐนักสงวน พระโอรสในพระศรีธรรมราชา กลับมาครองเมืองกัมพูชาเป็นสมเด็จพระไชยเชษฐาฯที่ 5 และทรงแต่งตั้งให้พระยาสวรรคโลกเป็นเจ้าฟ้าทะละหะ แต่ขุนนางเขมรกลับทูลยุยงสมเด็จพระไชยเชษฐาฯว่าเจ้าฟ้าทะละหะที่เป็นคนสยามนั้นคอยคิดก่อการทุรยศ จึงมีรับสั่งให้เข้าจับกุมตัวเจ้าฟ้าทะละเมื่อพ.ศ. 2293 เจ้าฟ้าทะละหะพระยาสวรรคโลกจึงหนีกลับมากรุงศรีอยุธยา เป็นเป็นดังนั้แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศก็ทรงให้พระรามาธิบดีและเจ้าเขมรทุกองค์เสด็จออกไปจากสยามกลับไปประทับที่ชายเขตแดนกัมพูชาในพ.ศ. 2294 เมื่อพ.ศ. 2295 เจ้าฟ้าทะละหะคนใหม่พระเกษตรคิดก่อกบฏต่อสมเด็จพระไชยเชษฐาฯ คิดจะมอบราชสมบัติให้นักองค์ตน พระโอรสของพระอุไทยนักโส จึงไปใช้ให้ฤาษีศีลสวดปลุกระดมผู้คนให้มาเข้าร่วมการกบฏในครั้งนี้ ตั้งตนเป็นเจ้าแล้วยกทัพมาล้อมกรุงอุดงมีชัย สมเด็จพระรามาธิบดีทรงพระพิโรธมากเมื่อทรงทราบเรื่อง จึงทรงใช้คนให้ไปสังหารเจ้าฟ้าทะละหะพระเกษตร ฝ่ายฤาษีศีลสวดทราบว่าเจ้าฟ้าทะละหะถูกสังหารแล้วจึงยกทัพกลับออกมารบกับสมเด็จพระรามาธิบดี แต่สู้ไม่ได้และถูกจับส่งไปเมืองอุดงมีชัย และถูกสมเด็จพระไชยเชษฐาฯลงพระอาญาประหาร และสมเด็จพระไชยเชษฐาฯก็ทรงตั้งพระศรีสุริโยพันธุ์พระอนุชาเป็นพระอุปราช
สมเด็จพระไชยเชษฐาฯสวรรคตพ.ศ. 2298 แต่บรรดาขุนนางและพระสงฆ์ผู้ใหญ่กลับอัญเชิญให้สมเด็จพระรามาธิบดีขึ้นเป็นกษัตริย์ดังเดิมแทนที่จะเป็นพระศรีสุริโยพันธุ์มหาอุปราช พระศรีสุริโยพันธุ์จึงดำริจะตัดสายพระโลหิตฝั่งพระรามาธิบดีโดยการลองปลงพระชนม์นักองค์ตน (พระนัดดาของสมเด็จพระรามาธิบดี องค์ที่เจ้าฟ้าทะละหะคิดจะมอบราชสมบัติให้) แต่นักองค์ตนนั้นทรงหลบหนีมาได้ และไปซ่องสุมกองทัพกลับมาทำสงครามกับราชสำนัก พระศรีสุริโยพันธุ์และพระอนุชาทั้งหลายทรงสู้ไม่ได้และพากันหลบหนีหาที่ซ่อน พระแก้วฟ้าเจ้าพระยาจันทร์ถูกตามพบและสำเร็จโทษ เป็นการกำจัดอำนาจของพระราชวงศ์ฝ่ายพระศรีสุริโยพันธุ์
พระอนุชาติสัตรี พระชายาของพระศรีสุริโยพันธุ์ทรง ส่งคนมาลอบปลงพระชนม์นักองค์ตนหรือพระอุไทย พระอุไทยเสด็จหนีไปจากเมืองอุดงมีชัยเกณฑ์ไพร่พลไว้คอยตั้งรับ ส่วนสมเด็จพระรามาธิบดีเสด็จหนีไปเมืองโพธิสัตว์ ประชวรสวรรคตในพ.ศ. 2300 พระอุไทยนำทัพออกไปรบกับทัพฝ่ายพระอนุชาติสัตรี ทรงเอาชนะได้และจับองค์พระราชวงศ์ฝ่ายพระศรีสุริโยพันธุ์มาสำเร็จโทษเสียสิ้น พระอุไทยนักองค์ตนขึ้นครองราชสมบัติเป็น สมเด็จพระนารายณ์ราชาธิราชฯเมื่อพ.ศ. 2301
รายพระนามกษัตริย์เขมรอุดง
รายพระนามพระมหากษัตริย์กัมพูชา | ||||
พระมหากษัตริย์ | ครองราชย์ | |||
---|---|---|---|---|
รัชกาล | พระรูป | พระนาม | ระหว่าง | หมายเหตุ |
อาณาจักรเขมรอุดง (พ.ศ. 2162 – 2384) | ||||
สถาปนา อุดงมีชัย เป็นเมืองหลวง | ||||
86 | พระไชยเชษฐาที่ 2 (พระชัยเจษฎา) | พ.ศ. 2162 – 2170 (8 ปี) | ย้ายราชธานีมายังกรุงอุดงมีชัย เข้าสู่ยุคอาณาจักรเขมรอุดง | |
87 | พระศรีธรรมราชาที่ 2 (พญาตู) | พ.ศ. 2170 – 2175 (5 ปี) | ||
88 | พระองค์ทองราชา (องค์ทอง) | พ.ศ. 2175 – 2183 (8 ปี) | ||
89 | พระปทุมราชาที่ 1 (องค์นน) | พ.ศ. 2183 – 2185 (2 ปี) | ||
90 | พระรามาธิบดีที่ 1 (พระยาจันทร์) | พ.ศ. 2185 – 2201 (16 ปี) | ||
91 | พระบรมราชาที่ 8 (นักองค์สูร) | พ.ศ. 2202 – 2215 (13 ปี) | ||
92 | พระปทุมราชาที่ 2 (พระศรีชัยเชษฐ์) | พ.ศ. 2215 – 2216 (1 ปี) | ||
93 | พระแก้วฟ้าที่ 2 (นักองค์ชี) | พ.ศ. 2216 – 2220 (4 ปี) | ||
94 (1) | พระไชยเชษฐาที่ 3 (นักองค์สูร) | พ.ศ. 2220 – 2238 (18 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 1 | |
95 | (นักองค์ยง) | พ.ศ. 2238 – 2239 (1 ปี) | ||
94 (2) | พระไชยเชษฐาที่ 3 (นักองค์สูร) | พ.ศ. 2239 – 2243 (4 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 2 | |
96 (1) | (นักองค์อิม) | พ.ศ. 2243 – 2244 (1 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 1 | |
94 (3) | พระไชยเชษฐาที่ 3 (นักองค์สูร) | พ.ศ. 2244 – 2245 (1 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 3 | |
97 (1) | พ.ศ. 2245 – 2247 (2 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 1 | ||
94 (4) | พระไชยเชษฐาที่ 3 (นักองค์สูร) | พ.ศ. 2247 – 2250 (3 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 4 | |
97 (2) | พ.ศ. 2252 – 2258 (6 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 2 | ||
96 (2) | (นักองค์อิม) | พ.ศ. 2258 – 2265 (7 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 2 | |
98 (1) | พระสัตถาที่ 2 (นักองค์ชี) | พ.ศ. 2265 – 2272 (7 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 1 | |
96 (3) | (นักองค์อิ่ม) | พ.ศ. 2272 – 2272 (น้อยกว่า 1 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 3 | |
98 (2) | พระสัตถาที่ 2 (นักองค์ชี) | พ.ศ. 2272 – 2280 (8 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 2 | |
97 (3) | พ.ศ. 2281 – 2293 (12 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 3 | ||
99 | (นักองค์อิ่ม) | พ.ศ. 2293 – 2293 (น้อยกว่า 1 ปี) | ||
100 (1) | พระรามาธิบดีที่ 3 (นักองค์ทอง) | พ.ศ. 2293 – 2294 (1 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 1 | |
98 (3) | พระสัตถาที่ 2 (นักองค์ชี) | พ.ศ. 2294 – 2294 (น้อยกว่า 1 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 3 | |
101 | พระศรีไชยเชษฐ์ (นักองค์สงวน) | พ.ศ. 2294 – 2300 (6 ปี) | ||
100 (2) | พระรามาธิบดีที่ 3 (นักองค์ทอง) | พ.ศ. 2301 – 2303 (2 ปี) | ครองราชย์ครั้งที่ 2 | |
102 | พระนารายน์ราชารามาธิบดี (นักองค์ตน) | พ.ศ. 2303 – 2318 (15 ปี) | ||
อาณาจักรเขมรอุดงได้ตกเป็นประเทศราชของอาณาจักรธนบุรี (หมายเหตุ: สยามในนามอาณาจักรอยุธยาล่มสลายเมื่อ พ.ศ. 2310 และถูกฟื้นฟูขึ้นใหม่ในนามอาณาจักรธนบุรี) | ||||
103 | สมเด็จพระรามราชาธิราช (นักองค์โนน) | พ.ศ. 2318 – 2322 (4 ปี) | ||
104 | สมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดีศรีสุริโยพรรณ (นักองค์เอง) | พ.ศ. 2322 – 2325 (3 ปี) | ||
อาณาจักรเขมรอุดงได้ตกเป็นประเทศราชของอาณาจักรรัตนโกสินทร์ (หมายเหตุ: สยามในนามอาณาจักรธนบุรีสิ้นสภาพจากการสวรรคตของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และมีการสถาปนาอาณาจักรรัตนโกสินทร์ขึ้นแทนที่ใน พ.ศ. 2325) | ||||
เกิดสงครามขึ้นระหว่างอาณาจักรรัตนโกสินทร์ กับราชวงศ์เหงียน เพื่อแย่งชิงอิทธิพลเหนือกัมพูชา นำไปสู่สงครามอานัมสยามยุทธ | ||||
105 | สมเด็จพระอุไทยราชาธิราชรามาธิบดี (นักองค์จัน) | พ.ศ. 2349 – 2377 (28 ปี) | ||
106 | กษัตรีองค์มี (นักองเม็ญ) | พ.ศ. 2349 – 2377 (28 ปี) | พระนางได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามให้พระนางได้สถาปนาเป็นพระเจ้ากรุงกัมพูชาเพื่อถ่วงดุลกับสยามในช่วงอานัมสยามยุทธ | |
107 | สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี (นักองค์ด้วง) | พ.ศ. 2384 – 2403 (19 ปี) | ||
ตำแหน่งว่าง พ.ศ. 2383 – 2384 (1 ปี) |
อ้างอิง
- จดหมายเหตุของโยส เซาเต็น พ่อค้าชาวฮอลันดาในสมัยพระเจ้าทรงธรรม และ พระเจ้าปราสาททอง
- พงศาวดารเขมร
- http://www.royalark.net/Cambodia/camboa4.htm
- De Bèze, Father. 1688 Revolution in Siam.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixactxngkartrwcsxbtnchbb indaniwyakrn rupaebbkarekhiyn kareriyberiyng khunphaph hruxkarsakd khunsamarthchwyphthnabthkhwamidbthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul smyxudng khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir xanackrekhmrxudng misunyklangxyuthiemuxngxudngmichy hrux xudnglaichy tngaet ph s 2161 insmynieriykxikxyanghnungwaepn yukhmudkhxngekhmr ephraaepnsmythixanackrekhmresuxmxanacmikaraeyngchingrachsmbtikntlxdewlaaethbthukrchkal eriykidwamikstriyekhmrnxyphraxngkhnkinsmynithicaswrrkhtxyangsmphraekiyrti aelayngmikardungywnaelakrungsrixyuthya inewlatxmathnburiaelartnoksinthr ekhamarwminsukaeyngrachsmbtidwythaihxanackrekhmrtxngtkepnpraethsrachkhxngthngsxngpraethsrachthuttawntkekhaefasmedcphrahrirksramathibdithikrungxudngmichykhwamrungeruxnginrayaaerksmedcphrabrmracha phrasrisurioyphrrn thrngslarachsmbtikhunaekphraoxrsthngsxngphraxngkhin ph s 2161 phraichyechsthamhaxuprachkhunkhrxngrachsmbtiepn smedcphraichyechsthathirach aelaphraxuithymhaxuprachxikxngkhepn smedcphrabrmrachathirachthi 9 in ph s 2164 smedcphraecathrngthrrmaehngkrungsrixyuthyathrngkrithathphsyambukekhamainemuxngkmphucha dwyehtuthithangfaysyamehnwaemuxngkmphuchakradangkraeduxngimyxmxxnnxmehmuxninrchsmysmedcphranerswrmharach aetkrannsmedcphraichyechsthakthrngexachnasyamidthiphnmcngkang in ph s 2165 thphsyamkbukekhamaxikkhrngnaodyphrasrisilpmhaxuprach kykmaxikaelwfaysyamktxngthxyklbxik smedcphraichyechsthathirach thrngmixkhrmehsiepnkhnywn khux smedcphraphkhwdiphrabwrkstri epnthidakhxngecaywnit khnannywnaebngepnfayehnuxaelafayit fayitpkkhrxngodykhunnangtrakulehngiyn ehngiynfukehngiyn Nguyễn Phuc Nguyen cungphrarachthanemuxngisngxnihphwkywn ewiydnam xphyphekhamaxyuxasy ephuxepnkarphuksmphnthimtrikhwamkhdaeyngrahwangphrarachwngssxngsaysmedcphraichyechsthathirachaehngnkhrkmphuchaswrrkhtin ph s 2170 smedcphrasrithrrmrachaphraoxrssungphnwchxyunnidrachsmbtiip aetphrasrithrrmrachaprasngkhcaxyuinsmnephstxip cungihphramatulakhux smedcphrabrmrachathi 9 darngphraysepnphramhaxupyuwrachsaercrachkaraethnphrasrithrrmracha in ph s 2173 cnghwathikrungsyamkalngekidehtuclaclkhrawxxkyaklaohmchwngchingrachsmbticaksmedcphraichyechsthathirachaelasmedcphraxathitywngs phramhaxupyuwrachthrngbychakarthphekhmrinkarbuktiemuxngnkhrrachsimakwadtxnphukhnmabang in ph s 2175 phrasrithrrmrachathrnglasikkhabthklbsurachsmbti praktwaekidthrngwiwathkbphramhaxuprachcnnathphekhahahnkn cnphrasrithrrmrachaswrrkhtinsngkhram ph s 2177 emuxepndngniaelw phramhaxupyuwrachcungthrngykexaecaphrayahnu phraxnuchatangphrarachmardakbphrasrithrrmracha phraoxrsinsmedcphraichyechsthakbphrasnm khunepn smedcphraxngkhthxng inrchkalni ph s 2180 emuxnghxlndasngrachthutmaekhaefa thaihxanackrekhmridtidtxkhakhaykbhxlnda smedcphraxngkhthxngxyuinrachsmbtithung ph s 2182 kswrrkht khrawniphramhaxupyuwrachoprdihphraoxrskhxngphraxngkhexngkhux nknxn idkhunkhrxngrachsmbtiepnsmedcphrapthumrachathirachthi 1 aetxyuinrachsmbtiidephiyng 3 pi ecaphrayacnthr phraoxrsinsmedcphraichyechsthakbphrasnmxiknang idcangwarmuxsngharmalxbplngphrachnmsmedcphrapthumrachaaelaphramhaxupyuwrachswrrkhtthngsxngphraxngkhin ph s 2184 ecaphrayacnthr khunkhrxngrachsmedcepnsmedcphraramathibdithi 1 smedcphraramathibdi thrngrkikhrchxbphxkbnangaekhkmlayunanghnungepnxyangmak aelaprasngkhcaihepnchaya cungthrngekharitsasnaphramhahmd sasnaxislam aelaidrbphranamihmkhux muhahmd xibrahim Muhammad Ibrahim epnthisathksathantxthngphrarachwngs phrawngsanuwngsthnghlaycungkhidxanhathangokhnsmedcphraramathibdikstriynxkphrasasnaniihcngid in ph s 2202 praktwa smedcphraphkhwdiphrabwrkstri phraphnpihlwng xkhrmehsikhxngsmedcphraichyechsthathirach epnthidakhxngecaywnit khnannywnaebngepnfayehnuxaelafayit idkhxihecaehngiynfuktan Nguyễn Phuc Tần aehngywnitsngthphekhamabukkmphucha cbxngkhsmedcphraramathibdiiskrngthxngklbemuxngywn swrrkhtthiemuxngywn aetpraktwa nkos phraoxrsinsmedcphrabrmrachathirachmhaxupyuwrachthithukplngphrachnmipnn idthuxoxkasekhayudxanacinsthankarnbanemuxngthisbsn aelakhbthphywnklbxxkipidinph s 2203 khunkhrxngrachsmbtiepnsmedcphrabrmrachathi 10 aetkthrngthuksmedcphrasriichyechsth phranddaaelaphrarachbutrekhy phraoxrsinsmedcphrapthumrachathi 1 nknxn xphieskkbphrathidainnkos lxbplngphrachnmin ph s 2215 smedcphrasriichyechsthkhunkhrxngrachsmbtiepn smedcphraichyechsthathirachthi 3karaethrkaethrngcakywnfayitaelasyamsmedcphraichyechstha thrngtngphraramathibdiphraxnuchaepnphramhaxuprach aetinpiediywknnnphraramathibdiklbesdcipemuxngywn ephuxkhxihehngiynfuktanecaywnitsngthphmabukkmphuchaxikkhrngephuxyudrachbllngkihxngkhphraramathibdiexng smedcphraichyechsthacungthrngaekephdodykarnaphrathawkstrichayakhxngphraramathibdimaepnchayakhxngphraxngkhexng phrathawkstriphiorthokrthaekhncungihthharaekhkcamaelamlayumalxbplngphrachnmsmedcphraichyechsthainph s 2216 nkchi phraoxrsinsmedcphrabrmrachankos cungekhapkkhrxngekhmrepnsmedcphraaekwfa aetyngimthncaphanphithibrmrachaphiesk phraramathibdikthrngykthphywnekhamarbphraaekwfa phraaekwfathrngthxyipthangtawntk khnathiphraramathibdiyudidekhmrfaktawnxxkin ph s 2217 smedcphraramathibdiswrrkht nkonn phraoxrskhunmaepnphunafayywnaethn inph s 2219 smedcphraaekwfasinphrachnm phraxnuchasmedcphrasriichyechsthakhunkhrxngrachsmbtitx smedcphrasriichyechsthaidkhxkhwamchwyehluxcakkrungsrixyuthya smedcphranaraynmharachcungthrngsngthphmachwynaodykhxnsaetntin fxlkhxn Constantine Phaulkon cungsamarthkhbilthphywnkhxngnkonnklbipemuxngywnidsaercinph s 2222 nkonn miphrachayaepnkhncin cungidplukradmexakhncininemuxngywnnnmaekhaphwkphraxngkhaelwykmabukemuxngkmphuchaxikinph s 2225 bukmathungemuxngxudng smedcphrasriichyechsthaesdchnixxknxkemuxngaeleweknththphklbmakhbilnkonnxxkipidinph s 2226 emuxph s 2227 nkonnykthphmaxikkhrawnitngxyuthiemuxngsrisunthr thngsxngfaytangkhumechingkncnkrathngthphcincaksrisunthrkykekhamainph s 2231 aetthuksmedcphrasriichyechsthatiaetkip emuxph s 2232 emuxphayaephaelwnkonncungipkhxecaywnitihsngthphmachwyxik praktwakphayaephxikaelatxngesdchniipxyuewiydnamepnkarthawr smedcphrasriichyechsthaprakxbphithibrmrachaphieskemuxph s 2233 emuxph s 2238 smedcphrasriichyechsthakthrngslarachsmbtiihaekphraxnucha epnsmedcphraramathibdithi 2 swnsmedcphrasriichyechsthakthrngxxkphnwch smedcphraramathibdixyuinrachsmbtiidephiynghnungpikswrrkhtinph s 2239 smedcphrasriichyechsthathrngexarachsmbtikhunklbkhunepnkstriyekhmr aelwihiprbtwnkxim phrarachbutrkhxngnkonncakemuxngywnklbmatngepnsmedcphraaekwfa ephuxkhcdkhwamkhdaeynginphrarachwngscaidimtxngipphungywnxik aelwihphraaekwfaxphieskkbphrarachthida inph s 2244 smedcphrasriichyechsthaykrachsmbtiihsmedcphraaekwfaaelwthrngxxkphnwch aetphanipsamwnsmedcphraaekwfakthwayrachsmbtikhun khlaykbwasmedcphrasriichyechsthacathrngslarachsmbtiihid inph s 2245 kthrngslaihphrasrithrrmrachaphrarachoxrs khunepnkstriyekhmr aetphrasrithrrmrachakhrxngrachsmbtixyuid 3 pi kthrngewnkhunrachsmbtiihphrabidaxikinph s 2247 bngexiyepnchwngewlaediywkbthixanackrlanchangrasarasayaetkepnsamxanackr sngkhramthaihchawlawcanwnmakxphyphlngmaemuxngkmphucha phrasriichyechsthakoprdihrbiw inph s 2250 kmxbrachsmbtiihphraoxrsxik phrasrithnrmrachamiphrarachoxngkarihphwkkhnlawxphyphyayipxyuthiekaaram praktphwklawimyxm ipekhaphwkkbphraaekwfa phrasrithrrmrachaaelaphraaekwfasxngkstriyekhmrcungthasngkhramkn fayphraaekwfakhxihecaywnit ehngiynfukchu Nguyễn Phuc Chu rwmthngphwkkhnpachawekhathangtawnxxksngthphmachwyrb phrasrithrrmrachaaelanktn phrarachnddainsmedcphraaekwfankchi suimidcungesdchlbhniipkrungsrixyuthya khxphingphrabrmophthismpharsmedcphraecaxyuhwthaysra inph s 2259 nktnhruxphraxngkhthxng krabthullasmedcphraecathaysranathphsyammatngthiemuxngphratabxngaelaophthistwhmaycaexarachsmbtikhun aetthrngsuthphywnaelaphwkkhnpaimidtxngesdchniekhapaip inph s 2260 smedcphraecathaysracungoprdihecaphrayackrinathphbkhmunnay phrayaoksaaelaphrayaedochnathpheruxhaphnnay ykmatiemuxngxudngaelabnthaymastamladb thpheruxsyamphayaephthpheruxywnthibnthaymas aetbnbkecaphrayackricakfaysyam aelaphrasrithrrmrachaaelaphraxngkhthxngfayekhmredinthphmathungemuxngxudnginph s 2261 thphywninemuxngxxkmatxsuaetaetkphay smedcphraaekwfacungesdcxxkmaecrcakbfaysyam khxyxmxxnnxmaelacaaetngtnimengintnimthxngepnbrrnakaripih nbaetnnmaxanackrekhmrktxngsngbrrnakarihkbsyam aelaecaphrayackrknaecaekhmrthngsxngklbipkrungsri ihphraaekwfakhrxngrachsmbtidngedim rwmthngphrarachthangdinaednbangswnkhxngpakaemnaokhngihywnepnkartxbaethn thungph s 2265 smedcphraaekwfakmxbrachsmbtiihphraoxrsphrasttha phrastthakhrxngemuxngekhmrmacnthungph s 2272 kmxbrachsmbtikhunihphrarachbida smedcphraaekwfakthrngrbiwaetaelwimkieduxnkykihphrastthaxik inph s 2273 lawxphyphthiemuxngbaphnmekidclaclykphwkekhaplnsadmemuxngisngxnthiywnxasyxyu ecaywnitehngiynfukcu Nguyễn Phuc Tru epnokrthmakekhaicwathangemuxngkmphuchaepnphubngkarhruximsamarthkhwbkhumiphrinbngkhbid cungykthphma sxngkstriykesdchniipemuxngsnthuk plxyihphwkywnekhayuddinaednpakaemnaokhngthnghmdcnthungemuxngbnthaymas emuxphwkywnklbipaelwcungniwtiemuxngxudngmichyinph s 2274 nbaetnnmadinaednpakaemnaokhngcungepnkhxngewiydnammacnthungpccubn inph s 2279 phraaekwfaesdcswrrkht inph s 2278 fayphrasrithrrmrachaecaekhmrthiklbipxyuphrankhrsrixyuthyann idaetngtngihphraoxrsthitamesdcipdwykhux nkxim epnphrasrithrrmrachaaelwedinthangklbmaephuxkhxphrarachthanxphyothscaksmedcphrastthahwngcakhundi aetphrastthathrngimrb nkximcungklbipprathbxyuthiemuxngnangrxng nkhrnayk inph s 2280 smedcphrastthaekidthrngraaewngphramehsi aelaphraxnuchaxiksamphraxngkh prakxbdwyphraxuithynkos phraoxrskhxngphraxngkhthxngnktn phraichyechsthanksngwn aelaecaphrayacnthr phraoxrsthngsxnginphrasrithrrmracha thnghmdprathbxyuthiemuxngxudng cungthrngyayipprathbthiemuxngphnmepy aelwaetngthphmahmaycasngharthngsiphraxngkhkhangtn praktwathphkhxngphraxnuchathngsamklbsamarthlxmthphhlwngkhxngphrastthaid phrastthaesdchniipemuxngywn cnghwaediywkbthiphrasrithrrmrachaaelaphraxngkhthxngykthphbkaelathpheruxsyamekhama aelankximkykthphekhamathakaryudxanacaelayudemuxngxudngmichy hlngcaktxngphldphrakcakrachsmbtiipxyukrungsyammananthung 23 pi smedcphrasrithrrmrachakidkhrxngrachsmbtixikkhrng phranamwasmedcphraichyechsthathirach thrngtngphraxngkhthxngepnphraramathibdimhaxuprachkhwamphyayamkhxngsyamaelaywninkarekhakhrxngkhrxngekhmremuxph s 2290 ecaemuxngpaskphuhnungchuxphrayanernthr ekidkhidxyaktngtnepnihyodykarkacdxiththiphlywnihphnipcakemuxngkmphuchaesiykxn cungnathphkhxngtnxxkiprbkbywn inpiediywknnnphrasrithrrmrakhaichyechsthaswrrkht phraramathibdimhaxuprachkkhuneswyrachytxepnsmedcphraramathibdithi 2 inph s 2291 ecaywnitehngiynfukkhxy Nguyễn Phuc Khoat ksngthphekhamabuktithphkhxngphrayanernthraetkkraecingip aelwphalelyekhamatiexaemuxngtangkhxngkmphuchacnsmedcphraramathibdiaelaphraxnuchathnghlaytxngesdchnimayngkrungsrixikkhrng fayywntngphrastthaecaekhmrthihniipemuxkhrngkxnklbkhunmaepnkstriyekhmrxikkhrng smedcphraecaxyuhwbrmoksthrngsngphrayaklaohmkbphrayasrrkholkmatithphywnaetkphayipthiemuxngbnthayephchr phrastthacungesdchniklbipkbthphywnaelwimesdcklbmaxikely emuxkhbywnxxkipaelw smedcphraecaxyuhwbrmokscungmiphrabrmrachoxngkarihphrasriichyechsthnksngwn phraoxrsinphrasrithrrmracha klbmakhrxngemuxngkmphuchaepnsmedcphraichyechsthathi 5 aelathrngaetngtngihphrayaswrrkholkepnecafathalaha aetkhunnangekhmrklbthulyuyngsmedcphraichyechsthawaecafathalahathiepnkhnsyamnnkhxykhidkxkarthurys cungmirbsngihekhacbkumtwecafathalaemuxph s 2293 ecafathalahaphrayaswrrkholkcunghniklbmakrungsrixyuthya epnepndngnaelwsmedcphraecaxyuhwbrmokskthrngihphraramathibdiaelaecaekhmrthukxngkhesdcxxkipcaksyamklbipprathbthichayekhtaednkmphuchainph s 2294 emuxph s 2295 ecafathalahakhnihmphraekstrkhidkxkbttxsmedcphraichyechstha khidcamxbrachsmbtiihnkxngkhtn phraoxrskhxngphraxuithynkos cungipichihvasisilswdplukradmphukhnihmaekharwmkarkbtinkhrngni tngtnepnecaaelwykthphmalxmkrungxudngmichy smedcphraramathibdithrngphraphiorthmakemuxthrngthraberuxng cungthrngichkhnihipsngharecafathalahaphraekstr fayvasisilswdthrabwaecafathalahathuksngharaelwcungykthphklbxxkmarbkbsmedcphraramathibdi aetsuimidaelathukcbsngipemuxngxudngmichy aelathuksmedcphraichyechsthalngphraxayaprahar aelasmedcphraichyechsthakthrngtngphrasrisurioyphnthuphraxnuchaepnphraxuprach smedcphraichyechsthaswrrkhtph s 2298 aetbrrdakhunnangaelaphrasngkhphuihyklbxyechiyihsmedcphraramathibdikhunepnkstriydngedimaethnthicaepnphrasrisurioyphnthumhaxuprach phrasrisurioyphnthucungdaricatdsayphraolhitfngphraramathibdiodykarlxngplngphrachnmnkxngkhtn phranddakhxngsmedcphraramathibdi xngkhthiecafathalahakhidcamxbrachsmbtiih aetnkxngkhtnnnthrnghlbhnimaid aelaipsxngsumkxngthphklbmathasngkhramkbrachsank phrasrisurioyphnthuaelaphraxnuchathnghlaythrngsuimidaelaphaknhlbhnihathisxn phraaekwfaecaphrayacnthrthuktamphbaelasaercoths epnkarkacdxanackhxngphrarachwngsfayphrasrisurioyphnthu phraxnuchatistri phrachayakhxngphrasrisurioyphnthuthrng sngkhnmalxbplngphrachnmnkxngkhtnhruxphraxuithy phraxuithyesdchniipcakemuxngxudngmichyeknthiphrphliwkhxytngrb swnsmedcphraramathibdiesdchniipemuxngophthistw prachwrswrrkhtinph s 2300 phraxuithynathphxxkiprbkbthphfayphraxnuchatistri thrngexachnaidaelacbxngkhphrarachwngsfayphrasrisurioyphnthumasaercothsesiysin phraxuithynkxngkhtnkhunkhrxngrachsmbtiepn smedcphranaraynrachathirachemuxph s 2301rayphranamkstriyekhmrxudngrayphranamphramhakstriykmphuchaphramhakstriy khrxngrachyrchkal phrarup phranam rahwang hmayehtuxanackrekhmrxudng ph s 2162 2384 sthapna xudngmichy epnemuxnghlwng86 phraichyechsthathi 2 phrachyecsda ph s 2162 2170 8 pi yayrachthanimayngkrungxudngmichy ekhasuyukhxanackrekhmrxudng87 phrasrithrrmrachathi 2 phyatu ph s 2170 2175 5 pi 88 phraxngkhthxngracha xngkhthxng ph s 2175 2183 8 pi 89 phrapthumrachathi 1 xngkhnn ph s 2183 2185 2 pi 90 phraramathibdithi 1 phrayacnthr ph s 2185 2201 16 pi 91 phrabrmrachathi 8 nkxngkhsur ph s 2202 2215 13 pi 92 phrapthumrachathi 2 phrasrichyechsth ph s 2215 2216 1 pi 93 phraaekwfathi 2 nkxngkhchi ph s 2216 2220 4 pi 94 1 phraichyechsthathi 3 nkxngkhsur ph s 2220 2238 18 pi khrxngrachykhrngthi 195 nkxngkhyng ph s 2238 2239 1 pi 94 2 phraichyechsthathi 3 nkxngkhsur ph s 2239 2243 4 pi khrxngrachykhrngthi 296 1 nkxngkhxim ph s 2243 2244 1 pi khrxngrachykhrngthi 194 3 phraichyechsthathi 3 nkxngkhsur ph s 2244 2245 1 pi khrxngrachykhrngthi 397 1 ph s 2245 2247 2 pi khrxngrachykhrngthi 194 4 phraichyechsthathi 3 nkxngkhsur ph s 2247 2250 3 pi khrxngrachykhrngthi 497 2 ph s 2252 2258 6 pi khrxngrachykhrngthi 296 2 nkxngkhxim ph s 2258 2265 7 pi khrxngrachykhrngthi 298 1 phrastthathi 2 nkxngkhchi ph s 2265 2272 7 pi khrxngrachykhrngthi 196 3 nkxngkhxim ph s 2272 2272 nxykwa 1 pi khrxngrachykhrngthi 398 2 phrastthathi 2 nkxngkhchi ph s 2272 2280 8 pi khrxngrachykhrngthi 297 3 ph s 2281 2293 12 pi khrxngrachykhrngthi 399 nkxngkhxim ph s 2293 2293 nxykwa 1 pi 100 1 phraramathibdithi 3 nkxngkhthxng ph s 2293 2294 1 pi khrxngrachykhrngthi 198 3 phrastthathi 2 nkxngkhchi ph s 2294 2294 nxykwa 1 pi khrxngrachykhrngthi 3101 phrasriichyechsth nkxngkhsngwn ph s 2294 2300 6 pi 100 2 phraramathibdithi 3 nkxngkhthxng ph s 2301 2303 2 pi khrxngrachykhrngthi 2102 phranaraynracharamathibdi nkxngkhtn ph s 2303 2318 15 pi xanackrekhmrxudngidtkepnpraethsrachkhxngxanackrthnburi hmayehtu syaminnamxanackrxyuthyalmslayemux ph s 2310 aelathukfunfukhunihminnamxanackrthnburi 103 smedcphraramrachathirach nkxngkhonn ph s 2318 2322 4 pi 104 smedcphranaraynramathibdisrisurioyphrrn nkxngkhexng ph s 2322 2325 3 pi xanackrekhmrxudngidtkepnpraethsrachkhxngxanackrrtnoksinthr hmayehtu syaminnamxanackrthnburisinsphaphcakkarswrrkhtkhxngsmedcphraecakrungthnburi aelamikarsthapnaxanackrrtnoksinthrkhunaethnthiin ph s 2325 ekidsngkhramkhunrahwangxanackrrtnoksinthr kbrachwngsehngiyn ephuxaeyngchingxiththiphlehnuxkmphucha naipsusngkhramxanmsyamyuthth105 smedcphraxuithyrachathirachramathibdi nkxngkhcn ph s 2349 2377 28 pi 106 kstrixngkhmi nkxngemy ph s 2349 2377 28 pi phranangidrbkarsnbsnuncakewiydnamihphranangidsthapnaepnphraecakrungkmphuchaephuxthwngdulkbsyaminchwngxanmsyamyuthth107 smedcphrahrirksrammhaxisrathibdi nkxngkhdwng ph s 2384 2403 19 pi taaehnngwang ph s 2383 2384 1 pi xangxingcdhmayehtukhxngoys esaetn phxkhachawhxlndainsmyphraecathrngthrrm aela phraecaprasaththxng phngsawdarekhmr http www royalark net Cambodia camboa4 htm De Beze Father 1688 Revolution in Siam prawtisastrkmphuchakxnhna smyxudng thdipsrisunthr rachthanikmphucha ph s 2161 ph s 2403 phnmepy