สมเด็จพระวรราชินีบรมบพิตร (พ.ศ. 2356 – 27 มิถุนายน พ.ศ. 2438) พระนามเดิม แป้น เป็นพระเทพีในสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี และเป็นพระวรราชมารดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร
สมเด็จพระวรราชินี (แป้น) | |
---|---|
พระวรราชมารดา | |
ประสูติ | พ.ศ. 2356 |
สวรรคต | 27 มิถุนายน พ.ศ. 2438 (81 พรรษา) อุดงฦๅไชย กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส |
คู่อภิเษก | สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี |
พระราชบุตร | พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร พระองค์เจ้าจงกลนี พระองค์เจ้าเกสร |
ราชวงศ์ | ตรอซ็อกผแอม (อภิเษกสมรส) |
พระบิดา | พระยาสุภาธิบดี (โตจ) |
ศาสนา | พุทธ |
พระราชประวัติ
สมเด็จพระวรราชินีบรมบพิตร ประสูติเมื่อปีกุน สัปตศก มีพระนามเดิมว่า แป้น เป็นธิดาคนหนึ่งของพระยาสุภาธิบดี (โตจ) มีพระเชษฐารับราชการในราชสำนักกัมพูชา คนหนึ่งชื่อเหม เป็นมหาดเล็ก อีกคนชื่อเอก เป็นที่ออกญาราชเดชะ พระยาสุภาธิบดีถวายบุตรสาวแก่สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี หรือนักองค์ด้วง ช่วงสยามทำสงครามกับญวนที่เมืองพนมเปญเมื่อ พ.ศ. 2376 เบื้องต้นทรงเข้ารับราชการเป็นบาทบริจาริกาในตำแหน่งพระสนมชั้นแม่นาง ตามเสด็จนักองค์ด้วงเมื่อครั้งประทับอยู่วังเจ้าเขมรในกรุงเทพมหานคร จากการที่พระองค์ตามเสด็จพระสวามีไปกรุงเทพมหานคร ทำให้พระองค์มีความเป็นอยู่อย่างชาวสยาม บางแหล่งข้อมูลระบุว่าครอบครัวของพระองค์เป็นชาวสยาม ต่อมาได้ตามเสด็จไปประทับที่ตำหนักหลวง เมืองมงคลบุรี ช่วง พ.ศ. 2376–2380 (ปัจจุบันคือ จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา)
สมเด็จพระวรราชินีประสูติการพระราชโอรส-ธิดาสามพระองค์ คือ
- พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร (พ.ศ. 2377–2447) พระนามเดิม นักองค์จรอเลิ้ง หรือราชาวดี ต่อมาเสวยราชสมบัติกรุงกัมพูชาสืบพระราชบิดา
- พระองค์เจ้าจงกลนี (พ.ศ. 2382–2445) ต่อมาเป็นพระชายาในพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ พระเชษฐาต่างมารดา
- พระองค์เจ้าเกสร (พ.ศ. 2383–2452)
หลังสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดีขึ้นเสวยราชสมบัติกรุงกัมพูชาแล้ว ทรงตั้งพระนามแก่เจ้านายฝ่ายในและบรรดาศักดิ์บาทบริจาริกาในราชสำนักทั้งหมด ทรงพระกรุณาพระราชทานพระนามแก่นักนางแป้น เป็น พระปิโยพระบรมท้าวธิดา ในตำแหน่งพระเทพี คู่กับนักนางเภา ที่ทรงพระกรุณาพระราชทานพระนามว่า พระปิโยพระบรมอัจฉราอับศร
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร พระโอรสขึ้นเสวยราชสมบัติต่อจากพระสวามี ก็สถาปนาพระนามพระวรราชมารดาขึ้นเป็น พระปิโยพระบรมชาติกระษัตรี ต่อมาเมื่อพระองค์เจ้าวัตถาและทรงก่อการกบฏช่วง พ.ศ. 2404 พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตารเกรงว่าทัพของข้าศึกจะตีอุดงฦๅไชยแตก จึงทรงนำพระปิโยพระบรมชาติกระษัตรี และบาทบริจาริกาที่เป็นหญิงทั้งหมดลงเรือหนีไปเมืองพระตะบอง เหลือแต่สมเด็จพระหริราชรัตไนไกรแก้วฟ้า (พระองค์เจ้าศรีสวัสดิ) กับสมเด็จพระวรราชินี (รศ) และสมเด็จพระราชธิดาอีกสองพระองค์ ยังคงประทับอยู่ในพระราชวังอุดงฦๅไชยเพื่อเฝ้าพระบรมศพสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี
พ.ศ. 2408 พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตารโปรดให้จัดพระราชพิธีอภิเษกพระหิรัญบัตรสมเด็จพระมาตุจฉาและสมเด็จพระมารดาในพระองค์ โดยเฉพาะสมเด็จพระราชมารดานั้น เฉลิมพระนามว่า สมเด็จพระวรราชินี กัมพูชาธิบดี ราชมารดา ศิริสุนทร ธรรมจาริยา เมตตาสัตตะละหฤไทย อโนปมัยบุญญการกุศล มงคลรัตนขัติยประสิทธิ พิพิธมไหสุรสมเหศวร สุชาตชาตา มหากระษัตรีอุดมบพิตร สัมฤทธิทีฆายุวัณณะสุขะพละ
สมเด็จพระวรราชินีบรมบพิตรสวรรคตเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2438 สิริพระชนมายุ 81 พรรษา พระอัฐิถูกบรรจุภายในพระเจดีย์สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี บน อำเภอพญาฦๅ จังหวัดกันดาล เคียงข้างพระสวามี และสมเด็จพระวรราชินี (เภา)
พระราชอำนาจ
พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร พระราชโอรส มีนโยบายต่อต้านสยามและสนับสนุนฝรั่งเศสอย่างแข็งขัน ผิดกับสมเด็จพระวรราชินี (แป้น) ซึ่งเป็นผู้นำของราชสำนักฝ่ายในของกัมพูชาที่ทรงอิทธิพล ทรงแสดงตัวว่าทรงเป็นแกนนำกลุ่มนิยมสยาม และคอยสนับสนุนกลุ่มกบฏ หนึ่งในนั้นคือ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร ที่ประสูติแต่พระแม่นางสุชาติบุปผา ซึ่งบาทบริจาริกานางนี้เป็นนางข้าหลวงเดิมของสมเด็จพระวรราชินีมาก่อน
หลังสมเด็จพระมไหยิกา ขัติยาวงษ์ศิริเสโฐวโรดม เสวยทิวงคต พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตารมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ขุนนางที่ขึ้นตรงต่อสมเด็จพระมไหยิกาไปขึ้นต่อสมเด็จพระวรราชินี (แป้น) ทั้งหมด ขุนนางที่ขึ้นต่อพระองค์สามคนปกครองสามจังหวัด ได้แก่จังหวัดเปร๊ยเวง อันลงราช และมุขกำปูล
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- เขมรสมัยหลังพระนคร, หน้า 71
- ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 227-228
- พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3, หน้า 177
- ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 330
- ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 186
- อภิญญา ตะวันออก (3 กันยายน 2562). "ฤๅเคยมี "เจ้าคุณพระ" ในราชสำนักเขมร?". มติชนสุดสัปดาห์. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - สุภัตรา ภูมิประภาส (17 พฤศจิกายน 2555). "เรื่องจริงไม่อิงนิยายของราชสำนักกัมพูชา (3): บัลลังก์นี้ไม่มีรัชทายาท". ประชาไท. สืบค้นเมื่อ 5 มีนาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - ศานติ ภักดีคำ, รศ. ดร. (3 ตุลาคม 2565). "เปิดความเป็นมาของ "มงคลบุรี" เมืองใหม่สมัยรัชกาลที่ 3 สู่เส้นทางตกเป็นของฝรั่งเศส". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 26 ตุลาคม 2565.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 261
- พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3, หน้า 307
- ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 294
- ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 267-268
- ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 312
- ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 332-333
- เขมรสมัยหลังพระนคร, หน้า 68
- ศิลปะเขมร, หน้า 151
- ไกรฤกษ์ นานา (12 กรกฎาคม 2563). "สายลับเขมร ช่วงวิกฤติ ร.ศ.112 คือใคร? มีบทบาทอย่างไรท่ามกลางความแตกแยกในราชสำนักเขมร". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 22 มกราคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 335
- ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา, หน้า 277
- บรรณานุกรม
- ทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2560. 360 หน้า. ISBN
- เรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์), พันตรี หลวง. ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563. 336 หน้า. ISBN
- รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง และศานติ ภักดีคำ. ศิลปะเขมร. กรุงเทพฯ : มติชน, 2557. 232 หน้า. ISBN
- ศานติ ภักดีคำ. เขมรสมัยหลังพระนคร. กรุงเทพฯ : มติชน, 2556. 224 หน้า. ISBN
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
smedcphrawrrachinibrmbphitr ph s 2356 27 mithunayn ph s 2438 phranamedim aepn epnphraethphiinsmedcphrahrirksrammhaxisrathibdi aelaepnphrawrrachmardainphrabathsmedcphranordm brmramethwawtarsmedcphrawrrachini aepn phrawrrachmardaprasutiph s 2356swrrkht27 mithunayn ph s 2438 81 phrrsa xudngliichy kmphuchainxarkkhakhxngfrngesskhuxphiesksmedcphrahrirksrammhaxisrathibdiphrarachbutrphrabathsmedcphranordm brmramethwawtar phraxngkhecacngklni phraxngkhecaeksrrachwngstrxsxkphaexm xphiesksmrs phrabidaphrayasuphathibdi otc sasnaphuththphrarachprawtismedcphrawrrachinibrmbphitr prasutiemuxpikun sptsk miphranamedimwa aepn epnthidakhnhnungkhxngphrayasuphathibdi otc miphraechstharbrachkarinrachsankkmphucha khnhnungchuxehm epnmhadelk xikkhnchuxexk epnthixxkyarachedcha phrayasuphathibdithwaybutrsawaeksmedcphrahrirksrammhaxisrathibdi hruxnkxngkhdwng chwngsyamthasngkhramkbywnthiemuxngphnmepyemux ph s 2376 ebuxngtnthrngekharbrachkarepnbathbricarikaintaaehnngphrasnmchnaemnang tamesdcnkxngkhdwngemuxkhrngprathbxyuwngecaekhmrinkrungethphmhankhr cakkarthiphraxngkhtamesdcphraswamiipkrungethphmhankhr thaihphraxngkhmikhwamepnxyuxyangchawsyam bangaehlngkhxmulrabuwakhrxbkhrwkhxngphraxngkhepnchawsyam txmaidtamesdcipprathbthitahnkhlwng emuxngmngkhlburi chwng ph s 2376 2380 pccubnkhux cnghwdbnthaymichy praethskmphucha smedcphrawrrachiniprasutikarphrarachoxrs thidasamphraxngkh khux phrabathsmedcphranordm brmramethwawtar ph s 2377 2447 phranamedim nkxngkhcrxeling hruxrachawdi txmaeswyrachsmbtikrungkmphuchasubphrarachbida phraxngkhecacngklni ph s 2382 2445 txmaepnphrachayainphrabathsmedcphrasisuwtthi phraechsthatangmarda phraxngkhecaeksr ph s 2383 2452 hlngsmedcphrahrirksrammhaxisrathibdikhuneswyrachsmbtikrungkmphuchaaelw thrngtngphranamaekecanayfayinaelabrrdaskdibathbricarikainrachsankthnghmd thrngphrakrunaphrarachthanphranamaeknknangaepn epn phrapioyphrabrmthawthida intaaehnngphraethphi khukbnknangepha thithrngphrakrunaphrarachthanphranamwa phrapioyphrabrmxcchraxbsr txmaphrabathsmedcphranordm brmramethwawtar phraoxrskhuneswyrachsmbtitxcakphraswami ksthapnaphranamphrawrrachmardakhunepn phrapioyphrabrmchatikrastri txmaemuxphraxngkhecawtthaaelathrngkxkarkbtchwng ph s 2404 phrabathsmedcphranordm brmramethwawtarekrngwathphkhxngkhasukcatixudngliichyaetk cungthrngnaphrapioyphrabrmchatikrastri aelabathbricarikathiepnhyingthnghmdlngeruxhniipemuxngphratabxng ehluxaetsmedcphrahrirachrtinikraekwfa phraxngkhecasriswsdi kbsmedcphrawrrachini rs aelasmedcphrarachthidaxiksxngphraxngkh yngkhngprathbxyuinphrarachwngxudngliichyephuxefaphrabrmsphsmedcphrahrirksrammhaxisrathibdi ph s 2408 phrabathsmedcphranordm brmramethwawtaroprdihcdphrarachphithixphieskphrahirybtrsmedcphramatucchaaelasmedcphramardainphraxngkh odyechphaasmedcphrarachmardann echlimphranamwa smedcphrawrrachini kmphuchathibdi rachmarda sirisunthr thrrmcariya emttasttalahvithy xonpmybuyykarkusl mngkhlrtnkhtiyprasiththi phiphithmihsursmehswr suchatchata mhakrastrixudmbphitr smvththithikhayuwnnasukhaphla smedcphrawrrachinibrmbphitrswrrkhtemux 27 mithunayn ph s 2438 siriphrachnmayu 81 phrrsa phraxthithukbrrcuphayinphraecdiysmedcphrahrirksrammhaxisrathibdi bn xaephxphyali cnghwdkndal ekhiyngkhangphraswami aelasmedcphrawrrachini epha phrarachxanacphrabathsmedcphranordm brmramethwawtar phrarachoxrs minoybaytxtansyamaelasnbsnunfrngessxyangaekhngkhn phidkbsmedcphrawrrachini aepn sungepnphunakhxngrachsankfayinkhxngkmphuchathithrngxiththiphl thrngaesdngtwwathrngepnaeknnaklumniymsyam aelakhxysnbsnunklumkbt hnunginnnkhux phrarachoxrsinphrabathsmedcphranordm brmramethwawtar thiprasutiaetphraaemnangsuchatibuppha sungbathbricarikanangniepnnangkhahlwngedimkhxngsmedcphrawrrachinimakxn hlngsmedcphramihyika khtiyawngssiriesothwordm eswythiwngkht phrabathsmedcphranordm brmramethwawtarmiphrabrmrachoxngkaroprdekla ihkhunnangthikhuntrngtxsmedcphramihyikaipkhuntxsmedcphrawrrachini aepn thnghmd khunnangthikhuntxphraxngkhsamkhnpkkhrxngsamcnghwd idaekcnghwdepryewng xnlngrach aelamukhkapulxangxingechingxrrthekhmrsmyhlngphrankhr hna 71 rachphngsawdarkrungkmphucha hna 227 228 phrarachphngsawdarkrungrtnoksinthr rchkalthi 3 hna 177 rachphngsawdarkrungkmphucha hna 330 rachphngsawdarkrungkmphucha hna 186 xphiyya tawnxxk 3 knyayn 2562 viekhymi ecakhunphra inrachsankekhmr mtichnsudspdah subkhnemux 16 emsayn 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help suphtra phumipraphas 17 phvscikayn 2555 eruxngcringimxingniyaykhxngrachsankkmphucha 3 bllngkniimmirchthayath prachaith subkhnemux 5 minakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help santi phkdikha rs dr 3 tulakhm 2565 epidkhwamepnmakhxng mngkhlburi emuxngihmsmyrchkalthi 3 suesnthangtkepnkhxngfrngess silpwthnthrrm subkhnemux 26 tulakhm 2565 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help rachphngsawdarkrungkmphucha hna 261 phrarachphngsawdarkrungrtnoksinthr rchkalthi 3 hna 307 rachphngsawdarkrungkmphucha hna 294 rachphngsawdarkrungkmphucha hna 267 268 rachphngsawdarkrungkmphucha hna 312 rachphngsawdarkrungkmphucha hna 332 333 ekhmrsmyhlngphrankhr hna 68 silpaekhmr hna 151 ikrvks nana 12 krkdakhm 2563 saylbekhmr chwngwikvti r s 112 khuxikhr mibthbathxyangirthamklangkhwamaetkaeykinrachsankekhmr silpwthnthrrm subkhnemux 22 mkrakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help rachphngsawdarkrungkmphucha hna 335 rachphngsawdarkrungkmphucha hna 277 brrnanukrmthiphakrwngsmhaoksathibdi kha bunnakh ecaphraya phrarachphngsawdarkrungrtnoksinthr rchkalthi 3 krungethph ithykhwxlitibukhs 2006 2560 360 hna ISBN 978 616 514 575 6 eruxngedchxnnt thxngdi thnrcht phntri hlwng rachphngsawdarkrungkmphucha krungethph ithykhwxlitibukhs 2006 2563 336 hna ISBN 978 616 514 668 5 rungorcn thrrmrungeruxng aelasanti phkdikha silpaekhmr krungethph mtichn 2557 232 hna ISBN 978 974 02 1324 6 santi phkdikha ekhmrsmyhlngphrankhr krungethph mtichn 2556 224 hna ISBN 978 974 02 1147 1