สไบ หรือ ผ้าแถบ เป็นผ้าผืนยาวแคบสำหรับคาดอกสตรีต่างเสื้อ พบได้ในภาคพื้นทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะใน ไทย ลาว กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ในขณะที่บริเวณชายฝั่งสุมาตรากับคาบสมุทรมลายูจะใช้คำนี้กับผู้คลุมไหล่:410 สไบมีที่มาจากส่าหรีอินเดีย ซึ่งคลุมทับไหล่ข้างหนึ่ง:153 ในกลุ่มวัฒนธรรมอื่นนอกจากวัฒนธรรมไทย สไบยังถูกใช้โดยผู้ชายในกิจกรรมทางศาสนา สไบสามารถห่มได้หลายรูปแบบ เช่น คาดหน้าอก พาดเฉวียงบ่าปล่อยชาย ตะเบ็งมาน ผ้าห่ม เพลาะ และสะพายแพร เป็นอาทิ
ในราชสำนักไทย สไบเป็นเครื่องแต่งกายที่ใช้แสดงฐานานุศักดิ์ของเจ้านายฝ่ายใน (เจ้านายผู้หญิง) มาช้านาน โดยมีการบัญญัติการแต่งกายของฝ่ายในไว้มาตั้งแต่อาณาจักรอยุธยา ตั้งแต่พระอัครมเหสี พระราชชายา พระราชธิดา หรือบาทบริจาริกา ล้วนห่มสไบ ต่อมาในยุคหลังมีการสวมเสื้อแขนกระบอกก็จะต้องห่มสไบทับอยู่ด้วยเสมอ โดยการห่มสไบของหญิงฝ่ายในและชาววังจะคู่กับการนุ่งจีบ ส่วนหญิงสามัญชนจะห่มสไบคู่กับนุ่งโจงกระเบน ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชนิยมให้ห่มสไบทับเสื้อแขนกระบอก คู่กับนุ่งโจงกระเบนแทน
ศัพทมูลวิทยา
ในภาษาไทยจะเรียกผ้าชนิดนี้ว่า "ผ้าแถบ" ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ให้ความหมายไว้ว่า "ผ้าผืนยาว ๆ แคบ ๆ ใช้ห่มคาดหน้าอกต่างเสื้อ" มีอีกคำหนึ่งคือ "สไบ" โดยพจนานุกรมฉบับเดียวกันระบุไว้ว่าเป็นคำยืมมาจากภาษาเขมรว่า "ไสฺบ" (ស្បៃ) มีความหมายว่า "ผ้าแถบ ผ้าคาดอกผู้หญิง" ขณะที่สุพัฒน์ เจริญสรรพพืช (2563) อธิบายว่าคำดังกล่าวอาจมีที่มาหรือมีความเกี่ยวข้องกับคำว่า ซาปัย (Sapay) อันเป็นคำในตระกูลภาษาออสโตรนีเซียนดั้งเดิม ซึ่งมีความหมายว่า "การพาดแขวนบนบ่า" หรือ "ราวเชือก" นอกจากนี้ในไทยยังเรียกสไบอีกชื่อว่า ผ้ากะแสง, กระแสง หรือกรรแสง และบัญญัติการห่มผ้าแถบอีกแบบหนึ่งเรียกว่า "ตะเบ็งมาน" หรือ "ตะแบงมาน" แปลว่า "วิธีห่มผ้าแถบแบบหนึ่ง โดยคาดผ้าอ้อมตัวจากด้านหลังไขว้ขึ้นมาด้านหน้า แล้วเอาชายทั้ง ๒ ไขว้ไปผูกที่ต้นคอ"
สไบอีกชนิดหนึ่งสำหรับสตรีชั้นสูงในราชสำนักไทย เรียกว่า "ผ้าสะพัก" หรือ "ผ้าทรงสะพัก" มีลักษณะเป็นผ้าแพรหรือผ้าสไบอย่างหนาใช้คลุมทับสไบหรือเสื้ออีกชั้นหนึ่ง ต่อมาราชสำนักกัมพูชานำไปใช้ เรียกว่า "พระสุภาก" และมีสไบอีกอย่างหนึ่งคือ "ผ้าห่ม" มีวิธีห่มหลากหลาย เช่น ห่มผ้าคล้องไหล่ ห่มผ้าคล้องคอ หรือห่มคลุมซึ่งใช้ในฤดูหนาว มีการต่อผ้าให้หน้ากว้างขึ้นจะเรียกว่า "เพลาะ" ใช้ห่มไหล่กันลมหนาว หรือห่มนอนก็ได้ ส่วนผ้าห่มอย่างสไบ จะเป็นสไบหน้าแคบกลายเป็นผ้าเฉวียงซ้าย
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีการพัฒนาการการห่มสไบเป็นการ "สะพายแพร" คือการนำผ้าแพรจีบขวางเอวมาจีบตามยาวอีกครั้ง จนเหลือผืนแคบ แล้วตรึงให้แน่น สะพายบนบ่าซ้าย รวบชายไว้ที่เอวด้านขวาเพื่อสะดวกแก่การเดินทาง หากเป็นผ้าโปร่งบางไม่จับจีบ จะเรียกว่า "แพรฝรั่ง" และการสะพายแพรถูกยกเลิกไปในรัชกาลถัดมา
การแบ่งกลุ่ม
ชาวกวย
ในอดีตในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง หรืออีสานใต้ของประเทศไทย จะคล้องผ้าสไบและนุ่งโจงกระเบนเป็นเครื่องแต่งกายพื้นเมือง ปัจจุบันชาวกวยจะสวมเครื่องแต่งกายเช่นนี้ในช่วงประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อเท่านั้น
ชาวเขมร
ราชสำนักกัมพูชายุคหลังมีการรับอิทธิพลจากสยามไปค่อนข้างมาก โดยนำวิธีการห่มผ้าทรงสะพักในราชสำนักสยามไปใช้ด้วย เรียกว่า "พระสุภาก" ในรัชสมัยของสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี มีการแต่งตั้งให้ภรรยาของขุนนางจตุสดมภ์และขุนนางที่ถือศักดินา 9,000 ไร่เป็นต้นไป ให้มีบรรดาศักดิ์เป็น "ชุมท้าว" (ជំទាវ, จ็อมเตียว) เทียบท่านผู้หญิงของไทย ทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สตรีเหล่านี้นุ่งผ้าลายมีเชิง และห่มสไบมีสีตามฐานานุศักดิ์
ส่วนผู้ชายชาวไทยเชื้อสายเขมรในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง หรืออีสานใต้ของประเทศไทย จะคล้องผ้าขาวม้ายกขิต เรียกว่า สไบรือเจียร์ คู่กับนุ่งผ้าโสร่งหรือนุ่งผ้าสมปรต ส่วนผู้หญิงจะห่มสไบทอยกดอกลายลูกแก้วคู่กับนุ่งซิ่นซึ่งได้ต้นแบบมาจากผ้าไทย เรียกว่า อันลุยซีม
ในงานแต่งงานของชาวเขมรในปัจจุบัน จะให้เจ้าสาวใส่ชุดนางนาค และเจ้าบ่าวใส่ชุดพระทอง ตามอย่างตำนานท้องถิ่นเรื่อง พระทองนางนาค ซึ่งมีเนื้อหาว่า "นางนาคชื่อทาวดีเป็นลูกนาคราชอาศัยอยู่ใต้บาดาล และพระทองเป็นเจ้าชายจากแดนไกล วันหนึ่งนางนาคแปลงกายเป็นมนุษย์ขึ้นมาเล่นน้ำ เป็นจังหวะที่พระทองเดินทางมาพบจึงเกิดหลงรักนางนาคและแต่งงานกัน บิดานางนาคจึงเนรมิตเมืองขึ้นให้ชื่อว่า ‘กัมพูชา’ ให้แก่พระทองและลูกสาวของตน พระทองจึงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งกัมพูชา ต่อมาพระทองต้องการลงไปเมืองบาดาลแต่เป็นมนุษย์ไม่สามารถเดินทางไปได้ นางนาคจึงให้พระทองจับสไบเพื่อจะสามารถตามไปยังถ้ำใต้บาดาลได้" ด้วยเหตุนี้ในงานแต่ง เจ้าบ่าวจะต้องจับสไบของเจ้าสาวตามความเชื่อดังกล่าวด้วย
ชาวไทย
คนสามัญ
ในสมัยอาณาจักรอยุธยา มีบันทึกเรื่องราวการแต่งกายของชาวสยามในสมัยนั้นโดยซีมง เดอ ลา ลูแบร์ ราชทูตชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีเมื่อ พ.ศ. 2230 ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ความว่า "นอกจากผ้านุ่งแล้ว ผู้หญิงก็ปล่อยล่อนจ้อน ด้วยธรรมเนียมสตรีไม่มีเสื้อครุย (ฝรั่งเรียกเสื้อเชิ้ต) ชั่วแต่คนที่มั่งมีศรีสุขจึ่งจะใช้สะไบห่มอีกผืนหนึ่ง บางที่ห่มคาดนมปัดชายสะไบเฉียงบ่า แต่สตรีที่สุภาพราบเรียบ มักใช้สะไบตะแบงมานพันขนองกลางสะไบ ปัดชายทั้งสองมาสพักอุระ พาดสองบ่าปล่อยชายห้อยเฟื้อยปลิวลงไปข้างหลัง (อย่างผ้าห่มนางละครรำ)" โดยผู้หญิงจะนุ่งผ้านุ่งปล่อยผ้ายาวมาถึงหน้าแข้งคล้ายกระโปรง ปกปิดแต่ส่วนอุจาดด้วยการ "ปกสะเอวและขาลงไปกระทั่งหัวเข่าด้วยท่อนผ้าผืนลาย ๆ ยาวราว 5 แขน" เดินเท้าเปล่า เมื่อเปรียบเทียบกับคนชาติอื่น ๆ ก็แทบจะเหมือนคนเปลือยกาย ส่วนเด็ก ๆ จะเปลือยกายจนถึงอายุ 4-5 ขวบ จึงจะใส่จะปิ้ง เมื่อครั้งออกพระวิสุทธสุนทร (ปาน) เป็นราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีที่ประเทศฝรั่งเศสใน พ.ศ. 2229 ขณะที่ออกพระวิสุทธสุนทรร่วมการประชุมที่สำนักเดอแบร์นี ขณะนั้นมีผู้ร่วมประชุมท่านหนึ่งขอความเห็นออกพระวิสุทธสุนทรเกี่ยวกับการแต่งกายของหญิงตะวันตก ออกพระวิสุทธสุนทรก็ตอบว่า "เครื่องแบบแหม่มนี้เหมาะดีมาก แต่ว่าถ้าแหม่มแต่งอย่างผู้หญิงไทย แล้วจะเพิ่มความสวยงามอีกเป็นกอง" ผู้ร่วมประชุมรายนั้นจึงถามว่าอีกว่า "เออ อย่างนั้นเจียวหรือ ? ก็ผู้หญิงชาวสยามเขาแต่งกันอย่างไร ?" ออกพระวิสุทธสุนทรจึงตอบว่า "หญิงเมืองไทยนั้นหรือท่าน [...] เขาผิดกันกับแหม่มตรงที่ว่าแหม่มนั้นช่างปิดตัวมิดชิด แทบจะไม่แลเห็นผิวเนื้อเลย นอกจากวงหน้านิดหน่อย แต่ผู้หญิงเมืองไทยนั้น หาเป็นเช่นนั้นไม่ แทนที่เขาจะนุ่งห่มปกปิดร่างกายให้มิดชิด ตั้งแต่เท้าขึ้นไปถึงศีรษะนั้น เขาห่มปิดแต่บางส่วนของร่างกายเท่านั้น อีกบางส่วนเขาทิ้งให้ปรากฏเปิดเผย ฉะนี้ลักษณะงดงามของสตรีในเมืองไทยจึงมีภาษีกว่าในเมืองนี้ ถ้าแหม่มจะเอาอย่างนี้บ้างแล้วก็เข้าใจว่าผู้หญิงเมืองฝรั่งนี้จะงามขึ้นอีกเป็นหลายเท่า"
รัตนโกสินทร์ตอนต้น สตรีไทยนุ่งผ้าจีบและห่มสไบ เมื่ออยู่บ้านจะห่มเหน็บแบบผ้าแถบ เมื่อออกจากบ้านจึงเปลี่ยนเป็นสไบเฉียง หากทำงานจะเปลี่ยนเป็นตะแบงมานทั้งแบบปล่อยชายหรือผูกชาย ครั้นเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวก็จะห่มผ้าแพรเพลาะคลุมไหล่ ในกรณีที่เป็นหญิงสมรสแล้วเวลาอยู่บ้านจะไม่ห่มสไบ สตรีที่มีฐานะดีจะนุ่งผ้ายกทอด้วยไหม มีสีสันสวยงาม หากเป็นสตรีที่มีอายุแล้วก็จะห่มผ้าสีเรียบเป็นพื้น โดยเฉพาะผ้าตาดขาวดำ เพราะเป็นสีสุภาพเหมาะกับวัย
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หญิงชาวบ้านทั่วไปยังนุ่งโจงกระเบนและห่มผ้าแถบอยู่กับบ้าน สตรีในราชสำนักเริ่มการสะพายแพรที่พัฒนาการจากการห่มสไบ คือการนำผ้าแพรจีบขวางเอวมาจีบตามยาวอีกครั้ง จนเหลือผืนแคบ แล้วตรึงให้แน่น สะพายบนบ่าซ้าย รวบชายไว้ที่เอวด้านขวาเพื่อสะดวกแก่การเดินทาง และเพื่อเผยให้เห็นเสื้อลูกไม้ซึ่งอยู่ภายใน โดยในงานเขียนของนายแพทย์ ได้กล่าวถึงเครื่องแต่งกายของหญิงสยามในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ว่า
"เครื่องแต่งกายประจำชาติของสตรีในสมัยนั้นมีอยู่เพียงสองชิ้น คือ ผ้านุ่ง เป็นผ้าผืนยาวปกปิดช่วงท้องกับสะโพก ใช้นั่งแบบเดียวกับโธตี (Dhoti) ของอินเดียซึ่งเป็นต้นกำเนิดอย่างไม่ต้องสงสัย กับอีกผืนหนึ่งคือ ผ้าห่ม หรือ ผ้าสไบเฉียง ชิ้นหลังเป็นผ้าคลุมง่าย ๆ ใช้พาดหน้าอกและทำให้อยู่กับที่ด้วยการพับชาย เป็นเครื่องแต่งกายที่เปลี่ยนแปลงไปได้ร้อยแปดพันเก้า เพราะจะแก้ออกเมื่อไรก็ได้ จนลุล่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ การนุ่งห่มแบบนี้ก็ไม่ได้กำหนดไว้เป็นการตายตัว เครื่องแต่งตัวสองชิ้นนี้ใช้กับสตรีไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร..."
แต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สตรียังนุ่งโจงกระเบน ต่อมาได้เปลี่ยนไปนุ่งซิ่นและสวมเสื้ออย่างฝรั่งตามสมัยนิยม การสะพายแพรที่พัฒนาจากการห่มสไบเฉียงถูกยกเลิกไปโดยปริยาย ครั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เครื่องแต่งกายแบบตะวันตกที่จำหน่ายโดยห้างชาวยุโรปในกรุงเทพมหานครก็เริ่มแพร่หลายสู่คนสามัญชนแล้ว
ในรัฐบาลจอมพล แปลก พิบูลสงคราม มีการจัดระเบียบการแต่งกายของประชาชนตามรูปแบบรัฐนิยม ใน พ.ศ. 2484 คือผู้หญิงควรไว้ผมยาว สวมเสื้อชั้นนอกให้สะอาดเรียบร้อย นุ่งยาว รวมทั้งให้สวมหมวก โดยมิให้สตรีเปลือยท่อนบนหรือใช้ผ้าแถบคาดอกในที่สาธารณะ และครั้นเมื่อเลิกใช้กฎหมายดังกล่าวไปแล้ว ประชาชนเลิกสวมหมวก แต่ชนนิยมแต่งกายอย่างตะวันตกไปแล้ว คือผู้ชายนิยมนุ่งกางเกง และผู้หญิงนิยมนุ่งกระโปรง แม้จะมีบางส่วนยังนุ่งโจงกระเบนอยู่บ้าง แต่สตรีก็นิยมนุ่งผ้าถุงมากกว่าโจงกระเบนเพราะราคาถูกกว่า ส่วนผ้าแถบหรือสไบนั้นไม่ใคร่ปรากฏผู้ใช้ในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะตามหัวเมืองใหญ่ ๆ แต่พอหลงเหลือคนห่มผ้าแถบและโจงกระเบนบ้างบางท้องถิ่น
ส่วนชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกสในกรุงเทพมหานคร หญิงจะนุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อเข้ารูป คล้องผ้าคลุมไหล่ซึ่งเป็นผ้าแพรปังลิ้นมาอัดกลีบอย่างสไบ และจะดึงผ้าคลุมไหล่ดังกล่าวมาคลุมศีรษะเมื่อมีการรับศีลในโบสถ์คริสต์ แต่ปัจจุบันไม่มีใครแต่งกายเช่นนี้แล้ว
ราชสำนักไทย
ในราชสำนักไทย ปรากฏหลักฐานการห่มสไบและห่มผ้าสะพักทับอีกทีหนึ่งมาตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา เพราะมีหลักฐานการนุ่งบัญญัติไว้สำหรับการแต่งกายในราชสำนัก มีการประเมินค่าจากลวดลาย เนื้อผ้า กรรมวิธีการผลิต โดยมากเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ และทำมาจากวัสดุมีค่าราคาแพง บ่งบอกถึงฐานานุศักดิ์ของผู้นุ่ง ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับเจ้านายฝ่ายในและสตรีชั้นสูงในสมัยนั้น ซึ่งจะห่มสะพักก็ต่อเมื่อเข้าร่วมในพระราชพิธีสำคัญที่มีการแต่งกายเต็มยศเท่านั้น เพราะเป็นธรรมเนียมที่แสดงถึงความสุภาพต่อธารกำนัลมาแต่โบราณ เจ้านายฝ่ายในและหญิงชาววังจะมีธรรมเนียมว่าจะเป็นสาวเองไม่ได้ แต่จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ดูแลเสียก่อน หลังพระราชพิธีโสกันต์ ผู้ดูแลจะมีรับสั่งให้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นผ้าสะพัก เพราะฉะนั้นการห่มผ้าทรงสะพักจึงเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นสาวของหญิงชาววัง
โดยการห่มสะพักหรือห่มสไบซึ่งทำจากผ้าแพรหรือผ้าไหม มีวิธีการห่มสองรูปแบบคือ
- ผ้าสะพักหรือสไบห่มเฉียง มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ พันรอบอกหนึ่งรอบ แล้วเฉวียงขึ้นบ่าปล่อยชายไว้หลัง แลเห็นรอยต่อระหว่างผ้าห่มกับผ้านุ่ง ใช้สวมในงานพระราชพิธีต่าง ๆ
- ผ้าสะพักหรือสไบแบบสองบ่า ผ้าจะมีลักษณะยาวกว่าสไบห่มเฉียง พันรอบอกหนึ่งรอบ ทับเฉียงไขว้ที่อก แล้วจึงสะพักบนไหล่ทั้งสอง ปล่อยชายไปข้างหลังทั้งสองชาย สำหรับพระภรรยาเจ้าและนางบาทบริจาริกาสวมใส่ในพระราชพิธี โดยพระภรรยาเจ้าจะทรงสะพักที่ทำจากไหมทองทั้งผืน หรืออาจใช้ผ้าตาดหรือผ้ากรองทอง
ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีการห่มสไบให้มีความประณีตซับซ้อนขึ้น กลายเป็นเครื่องแสดงสถานะทางสังคมอย่างหนึ่ง ได้แก่ การห่มสไบสองชั้น เรียกว่า ผ้าทรงสะพัก รวมไปถึงการอัดกลีบสไบให้มีความสวยงาม ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจนถึงพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว สตรีในราชสำนักจะห่มสไบตามโฉลกสีและมงคลฤกษ์ และเริ่มการนุ่งยกห่มตาด โดยมากจะห่มสไบคู่กับนุ่งจีบหน้านาง ส่วนการห่มสไบพร้อมกับนุ่งโจงกระเบนไม่ต้องพระราชนิยม ต่อมาราชสำนักกัมพูชาในยุคหลังจึงนำวิธีการห่มผ้าทรงสะพักไปใช้ด้วย เรียกว่า "พระสุภาก" ต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชนิยมให้สตรีในราชสำนักสวมเสื้อผ้าแพรแขนกระบอกแล้วห่มสไบทับ และมีพระราชนิยมให้นุ่งโจงกระเบนแทนนุ่งจีบ โดยเจ้านายฝ่ายในขณะนั้นจึงมีการดัดแปลงฉลองพระองค์โดยมีการสะพักไว้อยู่ เช่น สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงฉลองพระองค์แขนหมูแฮม และห่มสะพักตาดทับฉลองพระองค์ ส่วนสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงฉลองพระองค์แขนกระบอกห่มด้วยสะพักตาดปัก เป็นต้น
ครั้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีการฟื้นฟูธรรมเนียมการแต่งกายโบราณขึ้นใหม่ โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงประยุกต์การห่มสไบเป็นชุดไทยพระราชนิยมสามแบบ คือ ชุดไทยจักรพรรดิ ชุดไทยจักรี และชุดไทยศิวาลัย
ชาวมลายู
ในประเทศมาเลเซีย เรียกผ้าอย่างเดียวกันนี้ว่า "เซอไบ" (มลายู: Sebai, سباي) ใช้พาดบริเวณลำคอเพื่อปิดไหล่โดยให้ปลายทั้งสองข้างปิดบริเวณหน้าอก ลักษณะคล้ายกับผ้าพันคอ ส่วนชาวไทยเชื้อสายมลายูในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย จะใช้ผ้าปล่อยที่เรียกว่าผ้าชายรามูลักษณะคล้ายผ้าขาวม้า หญิงมุสลิมใช้คลุมศีรษะหรือไหล่ (ทำนองเดียวกับผ้าห่มของไทย) บ้างก็ทำเป็นสไบคล้องคอ ส่วนกลุ่มที่นับถือศาสนาพุทธจะทำเป็นผ้าพาดเฉียงสำหรับไปทำบุญที่วัด
ชาวมอญ
ชาวมอญเรียกสไบว่า "หยาดโด๊ด" (มอญ: ယာတ္ေဍာတ္) ชาวมอญในจังหวัดสมุทรสาครเรียก "หยาดฮะเหริ่มโตะ" (ယာတ္ဓရုီတု္) หรือ "หยาดหมิ่นโตะ" (ယာတ္မိန္တု္) ถือเป็นอัตลักษณ์หนึ่งของคนมอญ ใช้สำหรับพาดไหล่เมื่อเข้าไปยังพุทธศาสนสถาน ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ผ้ามีขนาดกว้างหนึ่งศอก ยาวสี่ศอก ซึ่งชุมชนมอญแต่ละกลุ่มจะมีลวดลายตกแต่งแตกต่างกันออก เช่น ลักษณะการใช้ผ้าซึ่งในประเทศไทยมีอยู่หกรูปแบบ คือ แบบผ้าแพรเรียบ, แบบสไบจีบ, แบบไหมพรมถัก, แบบลูกไม้, แบบผ้าขาวม้า และแบบสไบปัก
วิธีการห่มคือนำผ้ามาพับตามยาวให้ได้สี่ทบให้เหลือเศษหนึ่งส่วนสี่ของความกว้างผืนผ้า จากนั้นให้พาดจากไหล่ซ้ายไปด้านหลัง อ้อมรักแร้ขวา แล้วขึ้นไปพับบนไหล่ซ้าย เอาด้านที่มีลวดลายออก หากไปเที่ยวงานรื่นเริงก็จะคล้องคอหรือพาดตรงบนไหล่ซ้าย โดยการคล้องมี 4 ลักษณะคือ
- คล้องให้ชายทั้งสองห้อยมาข้างหน้า ใช้สำหรับงานรื่นเริงที่ไม่เกี่ยวกับศาสนาพุทธ เช่น ขบวนแห่หางหงส์ธงตะขาบ และสงกรานต์
- แบบสไบเฉียง พาดจากแขนซ้ายอ้อมใต้รักแร้ขวา เอาปลายทับบนไหล่ซ้ายอีกที ใช้สำหรับการทำบุญในศาสนาพุทธ ใช้ได้ทั้งหญิงชาย
- พาดปล่อยชายสองข้าง พาดสไบไว้ด้านหลัง สำหรับผู้ชายในงานรื่นเริง
- พาดไหล่ซ้าย พาดสไบที่ไหล่ซ้ายแล้วทิ้งชายทั้งสองข้าง ใช้สำหรับการร่ายรำ หรือเซ่นสรวง
ชาวไทยวน
ชาวไทยวนเป็นประชากรหลักของอาณาจักรล้านนา ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทยในปัจจุบัน จะเรียกสไบว่า "ผ้าสะหว้ายแล่ง" หรือ "ผ้าเบี่ยงบ้าย" มีลักษณะเป็นผ้าพันหน้าอกและพาดบ่าเฉียง นุ่งซิ่นลายขวางเกือบกรอมเท้า มีผ้าผืนหนึ่งคล้องคอ และเกล้ามวยผมกลางศีรษะแล้วเอาปิ่นปักและยังแต่งกายเช่นนี้เรื่อยมาจนถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชนิยมให้สตรีสวมเสื้อ ชาวไทยวนเมืองเชียงใหม่จึงสวมเสื้อแล้วห่มผ้าสะหว้ายแล่งทับ แต่ยังคงนุ่งซิ่นอย่างโบราณ
ชาวลาว
ชาวลาวเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หลักของประเทศลาว และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เรียกสไบว่า "ผ้าเบี่ยง" (ลาว: ຜ້າບ່ຽງ) หรือ "ผ้าเบี่ยงบ้าย" เช่นเดียวกับชาวไทยวน ใช้สวมใส่หรือใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ใช้ได้ทั้งชายและหญิงในงานพิธีสำคัญ โดยเป็นผ้าสำหรับพาดไหล่หรือห่มพาดเฉียงหรือเฉวียงบ่าอย่างสไบ ถือเป็นเครื่องแต่งกายที่แสดงความสุภาพและความเคารพอย่างสูงของสตรี ปัจจุบันนิยมห่มทับเสื้ออีกชั้นหนึ่ง หรืออาจใช้เป็นผ้ากราบพระด้วย
ผ้าเบี่ยงทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าไหม มีลวดลายทั้งแบบจกและขิด ตกแต่งด้วยลวดลายมงคล หรือสัตว์หิมพานต์ต่าง ๆ
นุ่งผ้าสีมงคลประจำวัน
หญิงชาววังในราชสำนักไทยช่วงต้นรัตนโกสินทร์มีการเลือกสีผ้านุ่งและผ้าห่มให้ตัดกันสวยงาม และอบร่ำให้ผ้ามีกลิ่นหอม โดยถือเป็นคติสีมงคลประจำวัน ดังนี้
- วันจันทร์ นุ่งเหลืองอ่อนห่มน้ำเงินอ่อนหรือบานเย็น, นุ่งน้ำเงินนกพิราบห่มจำปาแดง
- วันอังคาร นุ่งสีปูนหรือม่วงเม็ดมะปรางห่มโศก, นุ่งโศกหรือเขียวอ่อนห่มม่วงอ่อน
- วันพุธ นุ่งสีถั่วหรือสีเหล็กห่มจำปา
- วันพฤหัสบดี นุ่งเขียวใบไม้ห่มแดงเลือดนก หรือ นุ่งแสดห่มเขียวอ่อน
- วันศุกร์ นุ่งน้ำเงินแก่ห่มเหลือง
- วันเสาร์ นุ่งเม็ดมะปรางห่มโศก หรือนุ่งผ้าลายพื้นม่วงห่มโศก
- วันอาทิตย์ แต่งเหมือนวันพฤหัสบดี หรือ นุ่งผ้าลายพื้นสีลิ้นจี่หรือเลือดหมู แล้วห่มโศก
ส่วนใน อธิบายเกี่ยวกับการนุ่งห่มผ้าตามสีมงคลประจำวัน ดังนี้
๏ อนึ่งภูษาผ้าทรงณรงค์รบ | ให้มีครบเครื่องเสร็จทั้งเจ็ดสี | |
วันอาทิตย์สิทธิโชคโฉลกดี | เอาเครื่องสีแดงทรงเป็นมงคล |
เครื่องวันจันทร์นั้นควรสีนวลขาว | จะยืนยาวชันษาสถาพร | |
อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน | เป็นมงคลขัตติยาเข้าราวี |
เครื่องวันพุธสุดดีด้วยสีแสด | กับเหลือบแปดปนประดับสลับสี | |
วันพฤหัสจัดเครื่องเขียวเหลืองดี | วันศุกร์สีเมฆหมอกออกสงคราม |
วันเสาร์ทรงดำจึงล้ำเลิศ | แสนประเสริฐเสี้ยนศึกจะนึกขาม | |
หนึ่งพาชีขี่ขับประดับงาม | ให้ต้องตามสีสันจึงกันภัย ฯ |
ระเบียงภาพ
- หญิงสยามห่มผ้าแถบคาดอก
- นักดนตรีมโหรีเครื่องสี่ห่มสไบ
- เจ้าบ่าวเกาะสไบเจ้าสาวตามคติกัมพูชา
- หญิงไทยห่มสไบและนุ่งซิ่น
- หญิงไทยคาดผ้าแถบและห่มผ้าห่ม
- หญิงบาหลีห่มผ้าอย่างเดียวกับสไบ
- หญิงมอญคาดผ้าแถบ
- เจ้าจอมเอื้อนห่มสไบ
- สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงสไบตามพระราชนิยมรัชกาลที่ 5
- สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงชุดไทยจักรี
- สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงชุดไทยศิวาลัย
- สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงชุดไทยจักรี
อ้างอิง
- Maxwell, Robyn J.; Gittinger, Mattiebelle (2003). Textiles of Southeast Asia: Tradition, Trade and Transformation. Periplus Editions. ISBN .
- "លក្ខណៈពិសេសនៃពណ៌ស្បង់ចីវររបស់ព្រះសង្ឃពុទ្ធសាសនា". Radio Free Asia (ภาษาเขมร). 2015-01-21. สืบค้นเมื่อ 2019-09-07.
- "การห่มผ้าสะพัก". Thai Style Studio 1978. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - ""ผ้ากับชีวิตในราชสำนักฝ่ายใน" ย้อนที่มาการ "นุ่งโจง" และทำไมต้อง "นุ่งห่ม"". ศิลปวัฒนธรรม. 20 มิถุนายน 2562. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "เล่าเรื่องเจ้านายกับชุดไทย ชุดแต่ละสมัยรับอิทธิพลมาจากไหนบ้าง". ศิลปวัฒนธรรม. 30 มีนาคม 2565. สืบค้นเมื่อ 5 พฤษภาคม 2566.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "ประวัติแต่งกายสุภาพ เปลือยอกถึง "เสื้อลูกไม้" และที่มาสมัยร.3 "สวมเสื้อเข้ามาก็ไม่โปรด"". ศิลปวัฒนธรรม. 1 กันยายน 2564. สืบค้นเมื่อ 5 พฤษภาคม 2566.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - สุพัฒน์ เจริญสรรพพืช (29 มิถุนายน 2563). "'สไบ' คำเขมร ที่ (อาจ) ไม่เขมร". Academia. สืบค้นเมื่อ 2 กรกฎาคม 2566.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - . สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ สังกัดสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-07-24. สืบค้นเมื่อ 27 มิถุนายน 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - . ฐานข้อมูลท้องถิ่นจังหวัดเพชรบุรี. 10 พฤศจิกายน 2563. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-02. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - ยรรยงค์ สิกขะฤทธิ์ (2559). การศึกษาเปรียบเทียบราชาศัพท์ในภาษาไทยและภาษาเขมรจากมุมมองข้ามสมัย (PDF). คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. p. 181.
- . สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ สังกัดสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-12-06. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - กองจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร (2525). . กรุงเทพฯ: อมรินทร์การพิมพ์. p. 48. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-09. สืบค้นเมื่อ 2021-06-09.
- กองจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร (2525). . กรุงเทพฯ: อมรินทร์การพิมพ์. p. 58. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-09. สืบค้นเมื่อ 2021-06-09.
- . 2525. p. 33. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-09. สืบค้นเมื่อ 2021-06-09.
- "ผ้าทอพื้นเมืองอีสานในจังหวัดสุรินทร์". คลังเอกสารสาธารณะ. 31 กรกฎาคม 2551. สืบค้นเมื่อ 20 ธันวาคม 2566.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - เรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์), พันตรี หลวง. ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. กรุงเทพฯ : ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006), 2563, หน้า 270
- "พิธีแต่งงานชาวกัมพูชา ความสัมพันธ์กับตำนานเขมรโบราณ "พระทอง-นางนาค"". ศิลปวัฒนธรรม. 31 มกราคม 2564. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "ค้นหลักฐาน "ชุดไทย" สมัยพระนารายณ์ สตรีเปิดหน้าอก หรือแต่งอย่างไร ?". ศิลปวัฒนธรรม. 30 เมษายน 2563. สืบค้นเมื่อ 2 กรกฎาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - มองซิเออร์ เดอ วีเซ (เขียน) เจษฎาจารย์ ฟ. ฮีแลร์ (แปล). จดหมายเหตุโกศาปานไปฝรั่งเศส. นนทบุรี : ศรีปัญญา. 2560, หน้า 51-52
- กองจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร (2525). . กรุงเทพฯ: อมรินทร์การพิมพ์. p. 4-5. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-09. สืบค้นเมื่อ 2021-06-09.
- กองจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร (2525). . กรุงเทพฯ: อมรินทร์การพิมพ์. p. 32. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-09. สืบค้นเมื่อ 2021-06-09.
- "เล่าเรื่องเจ้านายกับชุดไทย แต่ละสมัยรับอิทธิพลจากไหนกันบ้าง". ศิลปวัฒนธรรม. 17 ธันวาคม 2563. สืบค้นเมื่อ 28 มิถุนายน 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - มัลคอล์ม สมิธ (เขียน), พิมาน แจ่มจรัส (แปล). หมอฝรั่งในวังสยาม. กรุงเทพฯ : แสงดาว, 2566, หน้า 137
- "วัฒนธรรมการแต่งกาย". Museum Thailand. สืบค้นเมื่อ 13 มิถุนายน 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "ย้อนดู "การแต่งกาย" สมัยจอมพล ป. รณรงค์ให้นุ่งผ้าถุง ชี้ทั่วโลกกำลังนิยม". ศิลปวัฒนธรรม. 1 ธันวาคม 2563. สืบค้นเมื่อ 13 มิถุนายน 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "บทบาทสตรี และ New Normal ฉบับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม". สารคดี. มิถุนายน 2557. สืบค้นเมื่อ 13 มิถุนายน 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "ผ้าขาว (ผ้าขาวม้า)". ชุมชนวัฒนธรรมไทยเบิ้งบ้านโคกสลุง. สืบค้นเมื่อ 14 มิถุนายน 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "Spirit of Asia : มะละกา และกุฏีจีน สายเลือดลูกผสมโปรตุเกส". ไทยพีบีเอส. 15 เมษายน 2561. สืบค้นเมื่อ 4 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "มรดกแห่งความหลัง ณ ชุมชนกุฎีจีน". ไทยพีบีเอส. 1 กุมภาพันธ์ 2564. สืบค้นเมื่อ 4 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - อนุชา ทีรคานนท์, ดร. (11 สิงหาคม 2563). "ย้อนรอยประวัติศาสตร์การใช้ 'ผ้านุ่งผ้าห่ม' วัฒนธรรมบ่งบอกฐานะแห่งราชสำนักไทยโบราณ". Vogue Thailand. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "ห่มสะพัก : อาภรณ์กินชีวิต". Minimore. 30 กรกฎาคม 2561. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "ธรรมเนียมการเป็นสาวของสตรีชาววัง". ศิลปวัฒนธรรม. 12 มีนาคม 2563. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "Carian Umum - Sebai". prpm.dbp.gov.my (ภาษามาเลย์). สืบค้นเมื่อ 2020-11-15.
- . กระทรวงวัฒนธรรม. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-24. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - องค์ บรรจุน. . องค์การบริหารส่วนตำบลบางขันหมาก. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-02. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - . สถานที่ท่องเที่ยวในบางกระดี่. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-23. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "เอกลักษณ์การแต่งกายของคนเมืองล้านนา". เชียงใหม่นิวส์. 7 เมษายน 2560. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - . ธนาคารแห่งประเทศไทย. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-02. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - . ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-02. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "จากบ้านสู่วัง เรียนรู้ขนบชาววังผ่าน 'สี่แผ่นดิน'". Helena. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "สวัสดิรักษาคำกลอน". วชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 31 พฤษภาคม 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help))
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ สไบ
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
sib hrux phaaethb epnphaphunyawaekhbsahrbkhadxkstritangesux phbidinphakhphunthwipexechiytawnxxkechiyngit odyechphaain ithy law kmphucha maelesiy xinodniesiy inkhnathibriewnchayfngsumatrakbkhabsmuthrmlayucaichkhanikbphukhlumihl 410 sibmithimacaksahrixinediy sungkhlumthbihlkhanghnung 153 inklumwthnthrrmxunnxkcakwthnthrrmithy sibyngthukichodyphuchayinkickrrmthangsasna sibsamarthhmidhlayrupaebb echn khadhnaxk phadechwiyngbaplxychay taebngman phahm ephlaa aelasaphayaephr epnxathihyingithyhmsibthiphiphithphnthbancim thxmpsn inrachsankithy sibepnekhruxngaetngkaythiichaesdngthananuskdikhxngecanayfayin ecanayphuhying machanan odymikarbyytikaraetngkaykhxngfayiniwmatngaetxanackrxyuthya tngaetphraxkhrmehsi phrarachchaya phrarachthida hruxbathbricarika lwnhmsib txmainyukhhlngmikarswmesuxaekhnkrabxkkcatxnghmsibthbxyudwyesmx odykarhmsibkhxnghyingfayinaelachawwngcakhukbkarnungcib swnhyingsamychncahmsibkhukbnungocngkraebn txmainrchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw thrngmiphrarachniymihhmsibthbesuxaekhnkrabxk khukbnungocngkraebnaethnsphthmulwithyaecanayfayinsyamsaphayaephrthiddaeplngcakkarhmsib inphasaithycaeriykphachnidniwa phaaethb inphcnanukrmchbbrachbnthitysthan ph s 2554 ihkhwamhmayiwwa phaphunyaw aekhb ichhmkhadhnaxktangesux mixikkhahnungkhux sib odyphcnanukrmchbbediywknrabuiwwaepnkhayummacakphasaekhmrwa is b ស ប mikhwamhmaywa phaaethb phakhadxkphuhying khnathisuphthn ecriysrrphphuch 2563 xthibaywakhadngklawxacmithimahruxmikhwamekiywkhxngkbkhawa sapy Sapay xnepnkhaintrakulphasaxxsotrniesiyndngedim sungmikhwamhmaywa karphadaekhwnbnba hrux rawechuxk nxkcakniinithyyngeriyksibxikchuxwa phakaaesng kraaesng hruxkrraesng aelabyytikarhmphaaethbxikaebbhnungeriykwa taebngman hrux taaebngman aeplwa withihmphaaethbaebbhnung odykhadphaxxmtwcakdanhlngikhwkhunmadanhna aelwexachaythng 2 ikhwipphukthitnkhx sibxikchnidhnungsahrbstrichnsunginrachsankithy eriykwa phasaphk hrux phathrngsaphk milksnaepnphaaephrhruxphasibxyanghnaichkhlumthbsibhruxesuxxikchnhnung txmarachsankkmphuchanaipich eriykwa phrasuphak aelamisibxikxyanghnungkhux phahm miwithihmhlakhlay echn hmphakhlxngihl hmphakhlxngkhx hruxhmkhlumsungichinvduhnaw mikartxphaihhnakwangkhuncaeriykwa ephlaa ichhmihlknlmhnaw hruxhmnxnkid swnphahmxyangsib caepnsibhnaaekhbklayepnphaechwiyngsay txmainrchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwmikarphthnakarkarhmsibepnkar saphayaephr khuxkarnaphaaephrcibkhwangexwmacibtamyawxikkhrng cnehluxphunaekhb aelwtrungihaenn saphaybnbasay rwbchayiwthiexwdankhwaephuxsadwkaekkaredinthang hakepnphaoprngbangimcbcib caeriykwa aephrfrng aelakarsaphayaephrthukykelikipinrchkalthdmakaraebngklumchawkwy inxditinaethbphakhtawnxxkechiyngehnuxtxnlang hruxxisanitkhxngpraethsithy cakhlxngphasibaelanungocngkraebnepnekhruxngaetngkayphunemuxng pccubnchawkwycaswmekhruxngaetngkayechnniinchwngprakxbphithikrrmtamkhwamechuxethann chawekhmr ehlananghamkhxngsmedcphraaekwfa aetngkaytamkhnbniymxyangsyaminrchkalthi 5 rachsankkmphuchayukhhlngmikarrbxiththiphlcaksyamipkhxnkhangmak odynawithikarhmphathrngsaphkinrachsanksyamipichdwy eriykwa phrasuphak inrchsmykhxngsmedcphrahrirksrammhaxisrathibdi mikaraetngtngihphrryakhxngkhunnangctusdmphaelakhunnangthithuxskdina 9 000 irepntnip ihmibrrdaskdiepn chumthaw ជ ទ វ cxmetiyw ethiybthanphuhyingkhxngithy thngthrngphrakrunaoprdeklaihstriehlaninungphalaymieching aelahmsibmisitamthananuskdi swnphuchaychawithyechuxsayekhmrinaethbphakhtawnxxkechiyngehnuxtxnlang hruxxisanitkhxngpraethsithy cakhlxngphakhawmaykkhit eriykwa sibruxeciyr khukbnungphaosrnghruxnungphasmprt swnphuhyingcahmsibthxykdxklaylukaekwkhukbnungsinsungidtnaebbmacakphaithy eriykwa xnluysim innganaetngngankhxngchawekhmrinpccubn caihecasawischudnangnakh aelaecabawischudphrathxng tamxyangtananthxngthineruxng phrathxngnangnakh sungmienuxhawa nangnakhchuxthawdiepnluknakhrachxasyxyuitbadal aelaphrathxngepnecachaycakaednikl wnhnungnangnakhaeplngkayepnmnusykhunmaelnna epncnghwathiphrathxngedinthangmaphbcungekidhlngrknangnakhaelaaetngngankn bidanangnakhcungenrmitemuxngkhunihchuxwa kmphucha ihaekphrathxngaelaluksawkhxngtn phrathxngcungepnpthmkstriyaehngkmphucha txmaphrathxngtxngkarlngipemuxngbadalaetepnmnusyimsamarthedinthangipid nangnakhcungihphrathxngcbsibephuxcasamarthtamipyngthaitbadalid dwyehtuniinnganaetng ecabawcatxngcbsibkhxngecasawtamkhwamechuxdngklawdwy chawithy khnsamy karhmsibaelanungocngkraebnkhxnghyingsamy insmyxanackrxyuthya mibnthukeruxngrawkaraetngkaykhxngchawsyaminsmynnodysimng edx la luaebr rachthutchawfrngessthiekhamaecriysmphnthimtriemux ph s 2230 trngkbrchsmysmedcphranaraynmharach khwamwa nxkcakphanungaelw phuhyingkplxylxncxn dwythrrmeniymstriimmiesuxkhruy frngeriykesuxechit chwaetkhnthimngmisrisukhcungcaichsaibhmxikphunhnung bangthihmkhadnmpdchaysaibechiyngba aetstrithisuphaphraberiyb mkichsaibtaaebngmanphnkhnxngklangsaib pdchaythngsxngmasphkxura phadsxngbaplxychayhxyefuxypliwlngipkhanghlng xyangphahmnanglakhrra odyphuhyingcanungphanungplxyphayawmathunghnaaekhngkhlaykraoprng pkpidaetswnxucaddwykar pksaexwaelakhalngipkrathnghwekhadwythxnphaphunlay yawraw 5 aekhn edinethaepla emuxepriybethiybkbkhnchatixun kaethbcaehmuxnkhnepluxykay swnedk caepluxykaycnthungxayu 4 5 khwb cungcaiscaping emuxkhrngxxkphrawisuththsunthr pan epnrachthutipecriysmphnthimtrithipraethsfrngessin ph s 2229 khnathixxkphrawisuththsunthrrwmkarprachumthisankedxaebrni khnannmiphurwmprachumthanhnungkhxkhwamehnxxkphrawisuththsunthrekiywkbkaraetngkaykhxnghyingtawntk xxkphrawisuththsunthrktxbwa ekhruxngaebbaehmmniehmaadimak aetwathaaehmmaetngxyangphuhyingithy aelwcaephimkhwamswyngamxikepnkxng phurwmprachumraynncungthamwaxikwa exx xyangnneciywhrux kphuhyingchawsyamekhaaetngknxyangir xxkphrawisuththsunthrcungtxbwa hyingemuxngithynnhruxthan ekhaphidknkbaehmmtrngthiwaaehmmnnchangpidtwmidchid aethbcaimaelehnphiwenuxely nxkcakwnghnanidhnxy aetphuhyingemuxngithynn haepnechnnnim aethnthiekhacanunghmpkpidrangkayihmidchid tngaetethakhunipthungsirsann ekhahmpidaetbangswnkhxngrangkayethann xikbangswnekhathingihpraktepidephy chanilksnangdngamkhxngstriinemuxngithycungmiphasikwainemuxngni thaaehmmcaexaxyangnibangaelwkekhaicwaphuhyingemuxngfrngnicangamkhunxikepnhlayetha rtnoksinthrtxntn striithynungphacibaelahmsib emuxxyubancahmehnbaebbphaaethb emuxxxkcakbancungepliynepnsibechiyng hakthangancaepliynepntaaebngmanthngaebbplxychayhruxphukchay khrnemuxekhasuvduhnawkcahmphaaephrephlaakhlumihl inkrnithiepnhyingsmrsaelwewlaxyubancaimhmsib strithimithanadicanungphaykthxdwyihm misisnswyngam hakepnstrithimixayuaelwkcahmphasieriybepnphun odyechphaaphatadkhawda ephraaepnsisuphaphehmaakbwy rchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw hyingchawbanthwipyngnungocngkraebnaelahmphaaethbxyukbban striinrachsankerimkarsaphayaephrthiphthnakarcakkarhmsib khuxkarnaphaaephrcibkhwangexwmacibtamyawxikkhrng cnehluxphunaekhb aelwtrungihaenn saphaybnbasay rwbchayiwthiexwdankhwaephuxsadwkaekkaredinthang aelaephuxephyihehnesuxlukimsungxyuphayin odyinnganekhiynkhxngnayaephthy idklawthungekhruxngaetngkaykhxnghyingsyaminchwngewladngklawiwwa karhmsibkhxnghyingsamychwngplayrchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw ekhruxngaetngkaypracachatikhxngstriinsmynnmixyuephiyngsxngchin khux phanung epnphaphunyawpkpidchwngthxngkbsaophk ichnngaebbediywkbothti Dhoti khxngxinediysungepntnkaenidxyangimtxngsngsy kbxikphunhnungkhux phahm hrux phasibechiyng chinhlngepnphakhlumngay ichphadhnaxkaelathaihxyukbthidwykarphbchay epnekhruxngaetngkaythiepliynaeplngipidrxyaepdphneka ephraacaaekxxkemuxirkid cnlulwngrchsmykhxngphrabathsmedcphraculcxmekla karnunghmaebbnikimidkahndiwepnkartaytw ekhruxngaetngtwsxngchinniichkbstriimwacaxyuinthanaxair aetrchsmyphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw striyngnungocngkraebn txmaidepliynipnungsinaelaswmesuxxyangfrngtamsmyniym karsaphayaephrthiphthnacakkarhmsibechiyngthukykelikipodypriyay khrninrchsmyphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw ekhruxngaetngkayaebbtawntkthicahnayodyhangchawyuorpinkrungethphmhankhrkerimaephrhlaysukhnsamychnaelw inrthbalcxmphl aeplk phibulsngkhram mikarcdraebiybkaraetngkaykhxngprachachntamrupaebbrthniym in ph s 2484 khuxphuhyingkhwriwphmyaw swmesuxchnnxkihsaxaderiybrxy nungyaw rwmthngihswmhmwk odymiihstriepluxythxnbnhruxichphaaethbkhadxkinthisatharna aelakhrnemuxelikichkdhmaydngklawipaelw prachachnelikswmhmwk aetchnniymaetngkayxyangtawntkipaelw khuxphuchayniymnungkangekng aelaphuhyingniymnungkraoprng aemcamibangswnyngnungocngkraebnxyubang aetstrikniymnungphathungmakkwaocngkraebnephraarakhathukkwa swnphaaethbhruxsibnnimikhrpraktphuichinchiwitpracawnodyechphaatamhwemuxngihy aetphxhlngehluxkhnhmphaaethbaelaocngkraebnbangbangthxngthin swnchawithyechuxsayoprtueksinkrungethphmhankhr hyingcanungocngkraebn swmesuxekharup khlxngphakhlumihlsungepnphaaephrpnglinmaxdklibxyangsib aelacadungphakhlumihldngklawmakhlumsirsaemuxmikarrbsilinobsthkhrist aetpccubnimmiikhraetngkayechnniaelw rachsankithy smedcphrapitucchaeca sukhumalmarsri phraxkhrrachethwi chlxngphraxngkhtamxyangobranrachpraephni inrachsankithy prakthlkthankarhmsibaelahmphasaphkthbxikthihnungmatngaetyukhkrungsrixyuthya ephraamihlkthankarnungbyytiiwsahrbkaraetngkayinrachsank mikarpraeminkhacaklwdlay enuxpha krrmwithikarphlit odymakepnkarnaekhacaktangpraeths aelathamacakwsdumikharakhaaephng bngbxkthungthananuskdikhxngphunung thuxepnthrrmeniymptibtisahrbecanayfayinaelastrichnsunginsmynn sungcahmsaphkktxemuxekharwminphrarachphithisakhythimikaraetngkayetmysethann ephraaepnthrrmeniymthiaesdngthungkhwamsuphaphtxtharkanlmaaetobran ecanayfayinaelahyingchawwngcamithrrmeniymwacaepnsawexngimid aetcatxngidrbxnuyatcakphuduaelesiykxn hlngphrarachphithiosknt phuduaelcamirbsngihepliynekhruxngaetngkayepnphasaphk ephraachannkarhmphathrngsaphkcungepnsylksnkhxngkarepnsawkhxnghyingchawwng odykarhmsaphkhruxhmsibsungthacakphaaephrhruxphaihm miwithikarhmsxngrupaebbkhux phasaphkhruxsibhmechiyng milksnaepnsiehliymphunphahnaaekhb phnrxbxkhnungrxb aelwechwiyngkhunbaplxychayiwhlng aelehnrxytxrahwangphahmkbphanung ichswminnganphrarachphithitang phasaphkhruxsibaebbsxngba phacamilksnayawkwasibhmechiyng phnrxbxkhnungrxb thbechiyngikhwthixk aelwcungsaphkbnihlthngsxng plxychayipkhanghlngthngsxngchay sahrbphraphrryaecaaelanangbathbricarikaswmisinphrarachphithi odyphraphrryaecacathrngsaphkthithacakihmthxngthngphun hruxxacichphatadhruxphakrxngthxng yukhtnkrungrtnoksinthr mikarhmsibihmikhwampranitsbsxnkhun klayepnekhruxngaesdngsthanathangsngkhmxyanghnung idaek karhmsibsxngchn eriykwa phathrngsaphk rwmipthungkarxdklibsibihmikhwamswyngam inrchsmyphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachcnthungphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw striinrachsankcahmsibtamochlksiaelamngkhlvks aelaerimkarnungykhmtad odymakcahmsibkhukbnungcibhnanang swnkarhmsibphrxmkbnungocngkraebnimtxngphrarachniym txmarachsankkmphuchainyukhhlngcungnawithikarhmphathrngsaphkipichdwy eriykwa phrasuphak tnrchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw miphrarachniymihstriinrachsankswmesuxphaaephraekhnkrabxkaelwhmsibthb aelamiphrarachniymihnungocngkraebnaethnnungcib odyecanayfayinkhnanncungmikarddaeplngchlxngphraxngkhodymikarsaphkiwxyu echn smedcphrasriphchrinthrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng thrngchlxngphraxngkhaekhnhmuaehm aelahmsaphktadthbchlxngphraxngkh swnsmedcphrasriswrinthirabrmrachethwi phraphnwssaxyyikaeca thrngchlxngphraxngkhaekhnkrabxkhmdwysaphktadpk epntn khrnrchsmyphrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr mikarfunfuthrrmeniymkaraetngkayobrankhunihm odysmedcphranangecasirikiti phrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng thrngprayuktkarhmsibepnchudithyphrarachniymsamaebb khux chudithyckrphrrdi chudithyckri aelachudithysiwaly chawmlayu inpraethsmaelesiy eriykphaxyangediywknniwa esxib mlayu Sebai سباي ichphadbriewnlakhxephuxpidihlodyihplaythngsxngkhangpidbriewnhnaxk lksnakhlaykbphaphnkhx swnchawithyechuxsaymlayuinsamcnghwdchayaednphakhitkhxngithy caichphaplxythieriykwaphachayramulksnakhlayphakhawma hyingmuslimichkhlumsirsahruxihl thanxngediywkbphahmkhxngithy bangkthaepnsibkhlxngkhx swnklumthinbthuxsasnaphuththcathaepnphaphadechiyngsahrbipthabuythiwd chawmxy hyingmxyinrthmxy praethsphma hmhyadodd chawmxyeriyksibwa hyadodd mxy ယ တ ဍ တ chawmxyincnghwdsmuthrsakhreriyk hyadhaehrimota ယ တ ဓရ တ hrux hyadhminota ယ တ မ န တ thuxepnxtlksnhnungkhxngkhnmxy ichsahrbphadihlemuxekhaipyngphuththsasnsthan ichidthngphuchayaelaphuhying phamikhnadkwanghnungsxk yawsisxk sungchumchnmxyaetlaklumcamilwdlaytkaetngaetktangknxxk echn lksnakarichphasunginpraethsithymixyuhkrupaebb khux aebbphaaephreriyb aebbsibcib aebbihmphrmthk aebblukim aebbphakhawma aelaaebbsibpk withikarhmkhuxnaphamaphbtamyawihidsithbihehluxesshnungswnsikhxngkhwamkwangphunpha caknnihphadcakihlsayipdanhlng xxmrkaerkhwa aelwkhunipphbbnihlsay exadanthimilwdlayxxk hakipethiywnganruneringkcakhlxngkhxhruxphadtrngbnihlsay odykarkhlxngmi 4 lksnakhux khlxngihchaythngsxnghxymakhanghna ichsahrbnganruneringthiimekiywkbsasnaphuthth echn khbwnaehhanghngsthngtakhab aelasngkrant aebbsibechiyng phadcakaekhnsayxxmitrkaerkhwa exaplaythbbnihlsayxikthi ichsahrbkarthabuyinsasnaphuthth ichidthnghyingchay phadplxychaysxngkhang phadsibiwdanhlng sahrbphuchayinnganrunering phadihlsay phadsibthiihlsayaelwthingchaythngsxngkhang ichsahrbkarrayra hruxesnsrwngchawithywn ecadararsmi phrarachchaya chlxngphraxngkhdwyphasahwayaelngaelanungsinxyangstriithywn phrxmdwyecakhunphraprayurwngs hruxecakhuncxmmardaaeph aelasmedcphraecalukethx ecafasuththathiphyrtn krmhlwngsrirtnoksinthr chawithywnepnprachakrhlkkhxngxanackrlanna sungxyuthangtxnehnuxkhxngpraethsithyinpccubn caeriyksibwa phasahwayaelng hrux phaebiyngbay milksnaepnphaphnhnaxkaelaphadbaechiyng nungsinlaykhwangekuxbkrxmetha miphaphunhnungkhlxngkhx aelaeklamwyphmklangsirsaaelwexapinpkaelayngaetngkayechnnieruxymacnthungtnkrungrtnoksinthr txmainrchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwmiphrarachniymihstriswmesux chawithywnemuxngechiyngihmcungswmesuxaelwhmphasahwayaelngthb aetyngkhngnungsinxyangobran chawlaw chawlawepnklumchatiphnthuhlkkhxngpraethslaw aelaphakhtawnxxkechiyngehnuxkhxngpraethsithy eriyksibwa phaebiyng law ຜ າບ ຽງ hrux phaebiyngbay echnediywkbchawithywn ichswmishruxichprakxbphithikrrmthangsasna ichidthngchayaelahyinginnganphithisakhy odyepnphasahrbphadihlhruxhmphadechiynghruxechwiyngbaxyangsib thuxepnekhruxngaetngkaythiaesdngkhwamsuphaphaelakhwamekharphxyangsungkhxngstri pccubnniymhmthbesuxxikchnhnung hruxxacichepnphakrabphradwy phaebiyngthacakphafayhruxphaihm milwdlaythngaebbckaelakhid tkaetngdwylwdlaymngkhl hruxstwhimphanttang nungphasimngkhlpracawnhyingchawwnginrachsankithychwngtnrtnoksinthrmikareluxksiphanungaelaphahmihtdknswyngam aelaxbraihphamiklinhxm odythuxepnkhtisimngkhlpracawn dngni hyingsyamhmsibnanghnungwncnthr nungehluxngxxnhmnaenginxxnhruxbaneyn nungnaenginnkphirabhmcapaaedng wnxngkhar nungsipunhruxmwngemdmapranghmosk nungoskhruxekhiywxxnhmmwngxxn wnphuth nungsithwhruxsiehlkhmcapa wnphvhsbdi nungekhiywibimhmaedngeluxdnk hrux nungaesdhmekhiywxxn wnsukr nungnaenginaekhmehluxng wnesar nungemdmapranghmosk hruxnungphalayphunmwnghmosk wnxathity aetngehmuxnwnphvhsbdi hrux nungphalayphunsilincihruxeluxdhmu aelwhmosk swnin xthibayekiywkbkarnunghmphatamsimngkhlpracawn dngni xnungphusaphathrngnrngkhrb ihmikhrbekhruxngesrcthngecdsiwnxathitysiththiochkhochlkdi exaekhruxngsiaedngthrngepnmngkhlekhruxngwncnthrnnkhwrsinwlkhaw cayunyawchnsasthaphrxngkharmwngchwngngamsikhrampn epnmngkhlkhttiyaekharawiekhruxngwnphuthsuddidwysiaesd kbehluxbaepdpnpradbslbsiwnphvhscdekhruxngekhiywehluxngdi wnsukrsiemkhhmxkxxksngkhramwnesarthrngdacunglaelis aesnpraesrithesiynsukcanukkhamhnungphachikhikhbpradbngam ihtxngtamsisncungknphy raebiyngphaphhyingsyamhmphaaethbkhadxk nkdntrimohriekhruxngsihmsib ecabawekaasibecasawtamkhtikmphucha hyingithyhmsibaelanungsin hyingithykhadphaaethbaelahmphahm hyingbahlihmphaxyangediywkbsib hyingmxykhadphaaethb ecacxmexuxnhmsib smedcphrasriswrinthirabrmrachethwi phraphnwssaxyyikaeca thrngsibtamphrarachniymrchkalthi 5 smedcphranangecasirikiti phrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng thrngchudithyckri smedcphranangecasirikiti phrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng thrngchudithysiwaly smedcphranangecasirikiti phrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng thrngchudithyckrixangxingMaxwell Robyn J Gittinger Mattiebelle 2003 Textiles of Southeast Asia Tradition Trade and Transformation Periplus Editions ISBN 9780794601041 លក ខណ ព ស សន ពណ ស បង ច វររបស ព រ សង ឃព ទ ធស សន Radio Free Asia phasaekhmr 2015 01 21 subkhnemux 2019 09 07 karhmphasaphk Thai Style Studio 1978 subkhnemux 30 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help phakbchiwitinrachsankfayin yxnthimakar nungocng aelathaimtxng nunghm silpwthnthrrm 20 mithunayn 2562 subkhnemux 30 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help elaeruxngecanaykbchudithy chudaetlasmyrbxiththiphlmacakihnbang silpwthnthrrm 30 minakhm 2565 subkhnemux 5 phvsphakhm 2566 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help prawtiaetngkaysuphaph epluxyxkthung esuxlukim aelathimasmyr 3 swmesuxekhamakimoprd silpwthnthrrm 1 knyayn 2564 subkhnemux 5 phvsphakhm 2566 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help suphthn ecriysrrphphuch 29 mithunayn 2563 sib khaekhmr thi xac imekhmr Academia subkhnemux 2 krkdakhm 2566 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help sanknganxuthyankareriynru sngkdsanknganbriharaelaphthnaxngkhkhwamru xngkhkarmhachn khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2020 07 24 subkhnemux 27 mithunayn 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help thankhxmulthxngthincnghwdephchrburi 10 phvscikayn 2563 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 06 02 subkhnemux 30 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help yrryngkh sikkhavththi 2559 karsuksaepriybethiybrachasphthinphasaithyaelaphasaekhmrcakmummxngkhamsmy PDF khnaxksrsastr culalngkrnmhawithyaly p 181 sanknganxuthyankareriynru sngkdsanknganbriharaelaphthnaxngkhkhwamru xngkhkarmhachn khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 12 06 subkhnemux 30 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help kxngcdhmayehtuaehngchati krmsilpakr 2525 krungethph xmrinthrkarphimph p 48 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 06 09 subkhnemux 2021 06 09 kxngcdhmayehtuaehngchati krmsilpakr 2525 krungethph xmrinthrkarphimph p 58 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 06 09 subkhnemux 2021 06 09 2525 p 33 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 06 09 subkhnemux 2021 06 09 phathxphunemuxngxisanincnghwdsurinthr khlngexksarsatharna 31 krkdakhm 2551 subkhnemux 20 thnwakhm 2566 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help eruxngedchxnnt thxngdi thnrcht phntri hlwng rachphngsawdarkrungkmphucha krungethph ithykhwxlitibukhs 2006 2563 hna 270 phithiaetngnganchawkmphucha khwamsmphnthkbtananekhmrobran phrathxng nangnakh silpwthnthrrm 31 mkrakhm 2564 subkhnemux 30 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help khnhlkthan chudithy smyphranarayn striepidhnaxk hruxaetngxyangir silpwthnthrrm 30 emsayn 2563 subkhnemux 2 krkdakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help mxngsiexxr edx wies ekhiyn ecsdacary f hiaelr aepl cdhmayehtuoksapanipfrngess nnthburi sripyya 2560 hna 51 52 kxngcdhmayehtuaehngchati krmsilpakr 2525 krungethph xmrinthrkarphimph p 4 5 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 06 09 subkhnemux 2021 06 09 kxngcdhmayehtuaehngchati krmsilpakr 2525 krungethph xmrinthrkarphimph p 32 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 06 09 subkhnemux 2021 06 09 elaeruxngecanaykbchudithy aetlasmyrbxiththiphlcakihnknbang silpwthnthrrm 17 thnwakhm 2563 subkhnemux 28 mithunayn 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help mlkhxlm smith ekhiyn phiman aecmcrs aepl hmxfrnginwngsyam krungethph aesngdaw 2566 hna 137 wthnthrrmkaraetngkay Museum Thailand subkhnemux 13 mithunayn 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help yxndu karaetngkay smycxmphl p rnrngkhihnungphathung chithwolkkalngniym silpwthnthrrm 1 thnwakhm 2563 subkhnemux 13 mithunayn 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help bthbathstri aela New Normal chbb cxmphl p phibulsngkhram sarkhdi mithunayn 2557 subkhnemux 13 mithunayn 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help phakhaw phakhawma chumchnwthnthrrmithyebingbanokhkslung subkhnemux 14 mithunayn 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help Spirit of Asia malaka aelakuticin sayeluxdlukphsmoprtueks ithyphibiexs 15 emsayn 2561 subkhnemux 4 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help mrdkaehngkhwamhlng n chumchnkudicin ithyphibiexs 1 kumphaphnth 2564 subkhnemux 4 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help xnucha thirkhannth dr 11 singhakhm 2563 yxnrxyprawtisastrkarich phanungphahm wthnthrrmbngbxkthanaaehngrachsankithyobran Vogue Thailand subkhnemux 30 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help hmsaphk xaphrnkinchiwit Minimore 30 krkdakhm 2561 subkhnemux 30 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help thrrmeniymkarepnsawkhxngstrichawwng silpwthnthrrm 12 minakhm 2563 subkhnemux 30 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help Carian Umum Sebai prpm dbp gov my phasamaely subkhnemux 2020 11 15 krathrwngwthnthrrm khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 06 24 subkhnemux 20 mithunayn 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help xngkh brrcun xngkhkarbriharswntablbangkhnhmak khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 06 02 subkhnemux 30 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help sthanthithxngethiywinbangkradi khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2020 10 23 subkhnemux 30 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help exklksnkaraetngkaykhxngkhnemuxnglanna echiyngihmniws 7 emsayn 2560 subkhnemux 30 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help thnakharaehngpraethsithy khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 06 02 subkhnemux 30 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help sunysngesrimsilpachiphrahwangpraeths xngkhkarmhachn khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 06 02 subkhnemux 30 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help cakbansuwng eriynrukhnbchawwngphan siaephndin Helena subkhnemux 30 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help swsdirksakhaklxn wchiryan subkhnemux 31 phvsphakhm 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb sib