พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (18 ตุลาคม พ.ศ. 2347 – 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411) เป็นพระมหากษัตริย์สยาม รัชกาลที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรีและเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 48 ตามประวัติศาสตร์ไทย มีพระนามเดิมว่า "เจ้าฟ้ามงกุฎ" เสด็จพระราชสมภพ ณ พระราชวังเดิม เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ปีชวด ตรงกับวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2347 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 43 และเป็นลำดับที่ 2 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยกับสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช | |||||
พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ฉายโดย จอห์น ทอมสัน | |||||
พระเจ้ากรุงสยาม | |||||
ครองราชย์ | 2 เมษายน พ.ศ. 2394 - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 (17 ปี 182 วัน) | ||||
ราชาภิเษก | 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2394 | ||||
ก่อนหน้า | พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||||
ถัดไป | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||||
พระเจ้าแผ่นดินที่สอง | พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||||
สมุหนายก | |||||
สมุหพระกลาโหม | |||||
พระราชสมภพ | 18 ตุลาคม พ.ศ. 2347 พระราชวังเดิม เมืองธนบุรี อาณาจักรรัตนโกสินทร์ | ||||
สวรรคต | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 (63 พรรษา) พระที่นั่งภาณุมาศจำรูญ พระบรมมหาราชวัง เมืองพระนคร ประเทศสยาม | ||||
ถวายพระเพลิง | พ.ศ. 2413 พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง | ||||
บรรจุพระอัฐิ | พระวิมานทองกลาง บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท | ||||
พระภรรยาเจ้า |
| ||||
สนม | |||||
พระราชบุตร | 84 พระองค์ | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | จักรี | ||||
พระราชบิดา | พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย | ||||
พระราชมารดา | สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี | ||||
ศาสนา | เถรวาท | ||||
ลายพระอภิไธย |
สยามรู้สึกถึงแรงกดดันจากการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงรับเอานวัตกรรมตะวันตกมาและริเริ่มพัฒนาประเทศของพระองค์ให้ทันสมัย ทั้งในด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรม จนทำให้พระองค์ได้รับพระสมัญญานามว่า "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" และพระองค์ยังทรงเป็น 1 ใน 8 สมเด็จพระบูรพกษัตริย์สยามที่ทรงเป็น “มหาราช” ในประเทศไทย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังสถาปนาพระอนุชาของพระองค์ คือ เจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 โดยได้ประกอบพิธีบวรราชาภิเษกในปี พ.ศ. 2394 เป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสว่าพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวควรได้รับการถวายความเคารพเสมอด้วยพระองค์ (ดังที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำกับพระอนุชาคือสมเด็จพระเอกาทศรถ เมื่อ พ.ศ. 2135) ในรัชกาลนี้อำนาจของตระกูลบุนนาคมาถึงจุดสูงสุด กลายเป็นตระกูลขุนนางที่มีอำนาจสูงสุดในสยาม
พระราชประวัติ
ขณะทรงพระเยาว์
พระราชโอรสองค์ที่ 43 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่พระราชสมภพแต่สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ทรงพระราชสมภพเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ปีชวด ฉศก จ.ศ. 1166 ซึ่งตรงกับวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2347 ณ พระราชวังเดิม ซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระราชบิดา เมื่อครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร โดยพระนามก่อนการมีเฉลิมพระนามว่า "ทูลกระหม่อมฟ้าใหญ่"
พระองค์มีพระเชษฐาและพระอนุชาร่วมพระราชมารดา รวมทั้งสิ้น 3 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จเจ้าฟ้าชาย (สิ้นพระชนม์เมื่อประสูติ) สมเด็จฯ เจ้าฟ้ามงกุฎ และสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑามณี (ภายหลังได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว) พระองค์จึงเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าพระองค์แรกที่มีพระชนม์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
เมื่อสมเด็จพระบรมชนกนาถเสด็จขึ้นครองสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 2 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์แล้ว พระองค์ได้เสด็จเข้ามาอยู่ภายในพระบรมมหาราชวัง จนกระทั่ง พ.ศ. 2355 พระองค์มีพระชนมายุได้ 9 พรรษา จึงได้จัดการพระราชพิธีลงสรงเพื่อเฉลิมพระนามเจ้าฟ้าอย่างเป็นทางการ พระราชพิธีในครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมีพระราชดำริว่า พระราชพิธีโสกันต์เจ้าฟ้าได้ทำเป็นอย่างมีแบบแผนอยู่แล้ว แต่การพระราชพิธีลงสรงตั้งพระนามเจ้าฟ้าครั้งกรุงศรีอยุธยายังหาได้ทำเป็นแบบอย่างลงไม่ รวมทั้ง ผู้ใหญ่ที่เคยเห็นพระราชพิธีดังกล่าวก็แก่ชราเกือบจะหมดตัวแล้ว เกรงว่าแบบแผนพระราชพิธีจะสูญไป พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงพิทักษมนตรีและ เป็นผู้อำนวยการพระราชพิธีลงสรงในครั้งนี้เพื่อเป็นแบบแผนของพระราชพิธีลงสรงสำหรับครั้งต่อไป พระราชพิธีในครั้งนี้จึงนับเป็นพระราชพิธีลงสรงครั้งแรกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยทูลกระหม่อมฟ้าใหญ่ได้รับการเฉลิมพระนามตามพระสุพรรณบัฏว่า "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎ สมมุติเทวาวงษ์ พงษ์อิศรกระษัตริย์ ขัติยราชกุมาร" ในปี พ.ศ. 2359 พระองค์มีพระชนมายุครบ 13 พรรษา สมเด็จพระบรมชนกนาถมีพระราชดำรัสจัดให้ตั้งการพระราชพิธีโสกันต์ตามแบบอย่างพระราชพิธีโสกันต์เจ้าฟ้าที่มีมาแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยได้สร้างเขาไกรลาสจำลองไว้บริเวณหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
พระองค์ทรงศึกษาอักษรสยามในสำนัก วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร ตั้งแต่เมื่อครั้งยังประทับ ณ พระราชวังเดิม นอกจากนี้ ยังทรงศึกษาวิชาคชกรรมกับเจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช รวมทั้ง ทรงฝึกการใช้อาวุธต่าง ๆ ด้วย
ผนวช
เมื่อพระองค์มีพระชนมายุครบ 14 พรรษา จึงทรงออกผนวชเป็นสามเณร โดยมีการสมโภชที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย แล้วแห่ไปผนวช ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระอริยวงษญาณ (มี) เป็นพระอุปัชฌาย์และสมเด็จพระญาณสังวร (สุก) เป็นพระอาจารย์ หลังจากนั้นได้เสด็จไปประทับอยู่ ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ผนวชจนออกพรรษาแล้วจึงทรงลาผนวช รวมเป็นระยะเวลาประมาณ 7 เดือน เมื่อพระองค์ทรงพระเจริญวัยขึ้นแล้วพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยโปรดให้พระองค์เสด็จออกไปประทับ ณ พระราชวังเดิม
เมื่อพระองค์มีพระชนมายุ 21 พรรษา จึงจะผนวชเป็นพระภิกษุ แต่ในระหว่างนั้นช้างสำคัญของบ้านเมืองถึง 2 ช้างได้แก่ และเกิดล้มลง รวมทั้งสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพวดี พระขนิษฐาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยสิ้นพระชนม์ ทำให้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยไม่สำราญพระราชหฤทัย จึงไม่ได้จัดพิธีผนวชอย่างใหญ่โต โปรดให้มีเพียงพิธีอย่างย่อเท่านั้น โดยให้ผนวช ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระอริยวงษญาณ (ด่อน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระองค์ได้รับพระนามฉายาว่า "วชิรญาโณ" หรือ "วชิรญาณภิกขุ" แล้วเสด็จไปประทับแรมที่วัดมหาธาตุ 3 วัน หลังจากนั้น จึงเสด็จไปจำพรรษาที่วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเคยประทับอยู่เมื่อผนวช
ในขณะที่ผนวชอยู่นั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ พระองค์ทรงตัดสินพระทัยที่จะดำรงสมณเพศต่อไป ในระหว่างที่ผนวชอยู่นั้นได้เสด็จออกธุดงค์ไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ทำให้ทรงคุ้นเคยกับสภาพความเป็นอยู่ของอาณาประชาราษฏร์อย่างแท้จริง พระองค์ทรงพระราชอุตสาหะวิริยะเรียนภาษาอังกฤษจนทรงเขียนได้ ตรัสได้ ทรงเป็นนักปราชญ์รอบรู้ ทำให้พระองค์ทรงมีความรอบรู้เท่าทันต่อเหตุการณ์ของโลกตะวันตกเป็นอย่างดี พระองค์ทรงผนวชตั้งแต่ปี พ.ศ. 2367 จนถึงลาผนวชเพื่อรับการขึ้นครองราชย์ เป็นเวลารวมที่บวชเป็นภิกษุทั้งสิ้น 27 พรรษา (ขณะนั้นพระชนมายุ 48 พรรษา) หมายเหตุ; เวลาที่ผนวชเป็นสามเณร 7 เดือน
คณะธรรมยุติกนิกาย หลังจากการลาผนวชของพระวชิรญาณเถระยังคงเจริญรุ่งเรืองต่อไป เพราะได้พระมหากษัตริย์เป็นผู้อุปถัมภ์ และมีผู้นำที่เข้มแข็งคือ กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธ์ ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์เป็นผู้ครองบังคับบัญชาคณะธรรมยุติกนิกาย
ครองราชย์
เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2394 พระราชวงศ์และเสนาบดีมีมติเห็นชอบให้ถวายราชสมบัติแก่พระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎ วชิรญาณเถระ จึงได้ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ไปเฝ้าพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎ ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร แต่พระองค์ยังไม่ทรงลาผนวชและตรัสว่าต้องอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ขึ้นครองราชย์ด้วย เนื่องจากพระองค์เห็นว่าเป็นผู้ที่ควบคุมกำลังทหารเป็นอันมากได้
พระองค์ทรงลาผนวชเมื่อวันที่ 6 เมษายน ซึ่งตรงกับวันจักรี และทรงรับการบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชาของปีนั้น และทรงได้รับการเฉลิมพระปรมาภิไธยโดยย่อว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และมีพระนามเต็มตามจารึกในพระสุบรรณบัฏว่า
"พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎสุทธิ สมมุติเทพยพงศวงศาดิศรกษัตริย์ วรขัตติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธิเคราะหณี จักรีบรมนาถ อดิศวราชรามวรังกูร สุจริตมูลสุสาธิตอุกฤษฐวิบูลย บุรพาดูลยกฤษฎาภินิหารสุภาธิการรังสฤษดิ ธัญญลักษณ วิจิตรโสภาคสรรพางค์ มหาชโนตมางคประนตบาทบงกชยุคคล ประสิทธิสรรพสุภผลอุดม บรมสุขุมาลยมหาบุรุษยรัตน ศึกษาพิพัฒนสรรพโกศล สุวิสุทธิวิมลศุภศีลสมาจารย์ เพ็ชรญาณประภาไพโรจน์ อเนกโกฏิสาธุ คุณวิบุลยสันดาน ทิพยเทพวตาร ไพศาลเกียรติคุณอดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์เอกอัครมหาบุรุษ สุตพุทธมหากระวี ตรีปิฎกาทิโกศล วิมลปรีชามหาอุดมบัณฑิต สุนทรวิจิตรปฏิภาณ บริบูรณ์คุณสาร สัสยามาทิโลกยดิลก มหาปริวารนายกอนันต์ มหันตวรฤทธิเดช สรรพพิเศษ สิรินธรมหาชนนิกรสโมสรสมมติ ประสิทธิวรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปดลเศวตฉัตราดิฉัตร สิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเศกาภิษิต สรรพทศทิศวิชิตวิไชย สกลมไหศวรินมหาสยามินทร มเหศวรมหินทร มหาราชาวโรดม บรมนารถชาติอาชาวศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ์ อุกฤษฐศักดิอัครนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤทัย อโนปมัยบุญการสกลไพศาลมหารัษฎาธิเบนทร ปรเมนทรธรรมมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบรมบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว "
พร้อมกันนี้ พระองค์ทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลมีพระราชพิธีบวรราชาภิเษกเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม และทรงรับพระบวรราชโองการ ให้พระเกียรติยศเสมอด้วยพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ 2 โดยได้รับการเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนในฝ่ายสมณศักดิ์นั้น พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นนุชิตชิโนรส โดยทรงตั้งพิธีมหาสมณุตมาภิเษกขึ้นเป็นกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระสังฆราชเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม เป็นต้น
สวรรคต
เมื่อ พ.ศ. 2411 พระองค์ทรงคำนวณว่าจะสามารถเห็นสุริยุปราคาเต็มดวงได้ในประเทศสยาม ณ หมู่บ้านหว้ากอ ตำบลคลองวาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พระองค์จึงโปรดให้ตั้งพลับพลาเพื่อเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่พระองค์ทรงคำนวณก็เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงดังที่ทรงได้คำนวณไว้ พระองค์เสด็จประทับอยู่ที่หว้ากอเป็นระยะเวลาประมาณ 9 วัน จึงเสด็จกลับกรุงเทพมหานคร ภายหลังการเสด็จกลับมายังพระนคร พระองค์เริ่มมีพระอาการประชวรจับไข้และทรงทราบว่าพระอาการประชวรของพระองค์ในครั้งนี้คงจะไม่หาย วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2411 พระองค์มีพระบรมราชโองการให้หา พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทเวศร์วัชรินทร์ ซึ่งเป็นพระราชวงศ์ผู้ใหญ่ที่มีพระชนมายุมากกว่าพระองค์อื่น ๆ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ซึ่งเป็นพระราชวงศ์ผู้ใหญ่ในราชการ และเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) อัครเสนาบดีที่สมุหพระกลาโหม หัวหน้าข้าราชการทั้งปวง เข้าเฝ้าพร้อมกันที่พระแท่นบรรทม โดยพระองค์มีพระบรมราชโองการมอบพระราชกิจในการดูแลพระนครแก่ทั้ง 3 ท่าน
หลังจากนั้น ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสสั่งให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) และเจ้าพระยาภูธราภัย (นุช บุณยรัตพันธุ์) ที่สมุหนายก เข้าเฝ้าฯ และมีพระราชดำรัสว่า
ท่านทั้ง 3 กับพระองค์ได้ทำนุบำรุงประคับประคองกันมา บัดนี้กาละจะถึงพระองค์แล้ว ขอลาท่านทั้งหลายในวันนี้ ขอฝากพระราชโอรสธิดาอย่าให้มีภัยอันตราย หรือเป็นที่กีดขวางในการแผ่นดิน ถ้ามีผิดสิ่งไรเป็นข้อใหญ่ ขอแต่ชีวิตไว้ให้เป็นแต่โทษเนรเทศ ขอให้ท่านทั้ง 3 จงเป็นที่พึ่งแก่พระราชโอรสธิดาต่อไปด้วยเถิด
— พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว '1 ตุลาคม พ.ศ. 2411
พระองค์ตรัสขอให้ผู้ใหญ่ทั้ง 3 ท่านได้ช่วยกันดูแลบ้านเมืองต่อไป ให้ทูลพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่เอาธุระรับฎีกาของราษฎรผู้มีทุกข์ร้อนดังที่พระองค์เคยปฏิบัติมา โดยไม่ทรงเอ่ยว่าจะให้ผู้ใดขึ้นครองราชย์แทนพระองค์ นอกจากนี้ พระองค์รับสั่งว่าเมื่อพระองค์ผนวชอยู่นั้น ทรงออกอุทานวาจาว่าวันใดเป็นวันพระราชสมภพก็อยากสวรรคตในวันนั้น โดยพระองค์พระราชสมภพในวันเพ็ญเดือน 11 ซึ่งเป็นวันมหาปวารณา เมื่อพระองค์จะสวรรคตก็ขอให้สวรรคตท่ามกลางสงฆ์ขณะที่พระสงฆ์กระทำวินัยกรรมมหาปวารณา ในเวลา 20.06 นาฬิกา พระองค์ทรงภาวนาอรหังสัมมาสัมพุทโธแล้วผ่อนอัสสาสะปัสสาสะ (ลมหายใจเข้า-ออก) เป็นครั้งคราว จนกระทั่ง เวลา 21.05 นาฬิกา เสด็จสวรรคต ณ (พระที่นั่งภาณุมาศจำรูญ) ภายในพระบรมมหาราชวัง สิริพระชนมพรรษา 65 พรรษา
พระมเหสี เจ้าจอม พระราชโอรส และ พระราชธิดา
- พระมเหสี เจ้าจอมมารดา และเจ้าจอม .
- พระราชโอรสและพระราชธิดา
พระราชกรณียกิจ
ด้านกฎหมาย
ในรัชสมัยของพระองค์ มีการลดภาษีอากร ลดหย่อนค่านา ยกเลิกการเก็บอากรตลาด เปลี่ยนเป็นเก็บภาษีโรงร้านเรือนแพจากผู้ค้าขายรายใหม่ ประกาศมิให้ตกข้าวแก่ชาวนา ออกพระราชบัญญัติกำหนดใช้ค่าที่ดินให้ราษฎรเมื่อมีการเวนคืน ออกประกาศเตือนราษฎรให้รอบคอบในการทำนิติกรรม ยังมีการออกกฎหมายสำคัญ คือกำหนดลักษณะของผู้ที่จะถูกขายเป็นทาสให้เป็นธรรมยิ่งขึ้น โปรดเกล้า ฯ ให้ยกเลิกกฎหมายเดิมที่ให้ สิทธิบิดา มารดา และสามีในการขายบุตรและภรรยา และตราพระราชบัญญัติใหม่ให้การซื้อขายทาส เป็นไปด้วยความยินยอมของเจ้าตัวที่จะถูกขายเป็นทาสเท่านั้น
ด้านวรรณคดีพุทธศาสนา
พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่ทำนุบำรุงเป็นอย่างดี พระราชนิพนธ์ส่วนใหญ่เป็นประเภทร้อยแก้ว บทพระราชนิพนธ์ที่สำคัญ ได้แก่
- ชุมนุมพระบรมราโชบาย 4 หมวด คือ หมวดวรรณคดี โบราณคดี ธรรมคดี และตำรา
- ตำนานเรื่อง พระแก้วมรกต เรื่องปฐมวงศ์
- ทรงริเริ่มให้มีการค้นคว้าศิลาจารึกในประเทศไทยขึ้นเป็นครั้งแรก คือ จารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหงและจารึกหลักที่ 4 ของพระยาลิไทย
ด้านพระพุทธศาสนา
พระองค์ทรงฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง โดยทรงตั้งธรรมยุตติกาวงศ์ขึ้น เป็นนิกายใหม่ในพระพุทธศาสนา ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยและระเบียบแบบแผน ด้านพระพุทธศาสนา
ด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
ด้วยเหตุที่ทรงสนพระทัยในวิทยาการตะวันตกมาตั้งแต่ก่อนขึ้นครองราชย์ จึงทรงคุ้นเคยกับชาวตะวันตกโดยเฉพาะอังกฤษเป็นอย่างมาก ทั้งยังเกี่ยวข้องกับเสนาบดีสกุลบุนนาคเช่นพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จขึ้นครองราชย์นั้นก็เป็นผู้สนิทสนมและนิยมอังกฤษ เช่นนี้ในรัชสมัยของพระองค์จึงเปิดความสัมพันธ์กับประเทศตะวันตกอย่างกว้างขวาง มีการทำสัญญากับต่างประเทศถึง 10 ประเทศ ทรงยึดนโยบาย "ผ่อนสั้น ผ่อนยาว" มาใช้กับประเทศมหาอำนาจเป็นพระองค์แรกในสมัยรัตนโกสินทร์ อันทำให้ไทยสามารถดำรงเอกราชอยู่ได้จนทุกวันนี้ พระองค์ได้ส่งคณะทูตไทยโดยมีพระยามนตรีสุริยวงศ์เป็นราชทูต เจ้าหมื่นสรรเพ็ชภักดีเป็นอุปทูต หมื่นมณเฑียรพิทักษ์เป็นตรีทูต นำพระราชสาส์นไปถวายสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งอังกฤษนับเป็นความคิดริเริ่มให้มีการเดินทางออกนอกประเทศได้ เนื่องจากแต่เดิมกฎหมายห้ามมิให้ เจ้านาย พระราชวงศ์ ข้าราชการผู้ใหญ่เดินทางออกจากพระนคร เว้นเสียแต่ไปในการสงครามกับกองทัพ
พระองค์โปรดเกล้าให้ชาวต่างประเทศรับราชการเป็นกงสุลไทย เช่น เซอร์ จอห์น เบาริง อัครราชทูตของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งประเทศอังกฤษ เข้ามาทำสนธิสัญญากับประเทศไทยเป็นชาติแรก เมื่อ พ.ศ. 2398 ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาสยามานุกูลกิจ สยามมิตรมหายศ" เป็นกงสุลไทยประจำกรุงลอนดอน
การรุกรานอินโดจีนของฝรั่งเศส
เมื่อราชสำนักเวียดนามตั้งตัวเป็นศัตรูต่อศาสนาคริสต์ ทำให้ฝรั่งเศสมีเหตุผลที่จะใช้กำลังทหารเข้าแทรกแทรงเวียดนามด้วยกำลังอาวุธ ท้ายที่สุดเวียดนามก็เสียภาคใต้แก่ฝรั่งเศสในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2402 รัฐบาลสยามค่อนข้างยินดีที่ฝรั่งเศสทำให้ภัยคุกคามต่อสยามจากเวียดนามกำลังจะหมดไป และปรารถนาที่กระชับไมตรีกับฝรั่งเศสในทันทีที่ฝรั่งเศสเข้าปกครองเวียดนามทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ราชสำนักเวียดนามในกรุงฮานอยได้ส่งราชทูตลับมายังกรุงเทพ เพื่อเสนอยกบางส่วนของไซ่ง่อนให้สยาม แลกกับการที่สยามจะต้องให้เวียดนามเดินทัพผ่านเขมร(ซึ่งเป็นประเทศราชของสยาม)เพื่ออ้อมไปโจมตีฝรั่งเศส แม้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะไม่เห็นด้วย แต่เนื่องจากพวกขุนนางสยามสนับสนุนข้อเสนอดังกล่าวทำให้พระองค์ต้องยอมตาม ดังนั้นสยามจึงยกทัพเข้าประจำชายแดนด้านตะวันออกติดกับเวียดนาม และยื่นคำขาดว่า หากเวียดนามกระทำการใดที่เป็นการรุกรานเขมรแล้ว สยามจะบุกเวียดนามทันที
รัฐบาลฝรั่งเศสมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็น "นโยบายเหยียบเรือสองแคม" ของสยาม คือวางตัวเป็นกลางระหว่างเวียดนามและฝรั่งเศส ส่วนกงสุลฝรั่งเศสก็เรียกร้องต่อรัฐบาลสยามเพื่อขอทำสนธิสัญญากับเขมรโดยตรง เนื่องจากเขมรมีพรมแดนร่วมกับไซ่ง่อนซึ่งอยู่ในบังคับของฝรั่งเศสแล้ว ขณะเดียวกัน สหรัฐและอังกฤษก็พยายามยุแยงให้สยามไม่ไว้วางใจฝรั่งเศส การที่รัฐบาลสยามเอาแน่เอานอนไม่ได้เช่นนี้ ทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสมีความเห็นว่าฝรั่งเศสควรจะแสดงบทบาทเป็นผู้อารักขาอินโดจีนเสียเลย ดังนั้นรัฐบาลฝรั่งเศสจึงมีโทรเลขถึงรัฐบาลสยาม เรียกร้องสิทธิของฝรั่งเศสเหนือเขมรและเรียกร้องขอทำสนธิสัญญาโดยตรงกับเขมร โดยอ้างชัยชนะของตนในเวียดนามใต้ รัฐบาลสยามปฏิเสธในทันที เรียกร้องให้มีการเจรจากันที่กรุงเทพ ในระหว่างนี้สยามได้ชิงตัดหน้าฝรั่งเศสทำสนธิสัญญากับเขมรอย่างลับ ๆ ใน พ.ศ. 2406 มีเนื้อหาระบุว่าเขมรยอมรับอธิปไตยของสยามเหนือเขมร
...ถ้าหากเราพบบ่อทองในประเทศของเราพอที่จะซื้อเรือรบจำนวนร้อย ๆ ลำก็ตาม เราก็คงไม่สามารถจะสู้กับพวกนี้ได้ เพราะเราจะต้องซื้อเรือรบและอาวุธจากประเทศเหล่านี้ พวกนี้จะหยุดขายให้เราเมื่อไหร่ก็ได้ อาวุธชนิดเดียวที่จะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อเราในอนาคตคือวาจาและหัวใจของเราอันกอปรด้วยสติและปัญญา
— มงกุฎ ป.ร.
ในปีพ.ศ. 2410 รัฐบาลสยามทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศส โดยสยามยกดินแดน 123,050 ตร.กม. พร้อมเกาะ 6 เกาะให้เป็นดินแดนในอารักขาของฝรั่งเศส และฝรั่งเศสก็รับรองว่าดินเขมรส่วนใน อันประกอบด้วย พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ เป็นดินแดนในอธิปไตยของสยาม
ด้านการศึกษาศิลปวิทยา
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักดาราศาสตร์ไทย ทรงการคำนวณการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงได้อย่างแม่นยำในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 ล่วงหน้า 2 ปี และได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมเชิญทูตฝรั่งเศสและสิงคโปร์ทอดพระเนตรสุริยุปราคาครั้งนั้น นอกจากนี้ พระปรีชาสามารถของพระองค์ในด้านวิทยาศาสตร์นั้น ยังทำให้พระองค์ได้รับการยกย่องเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสัตววิทยาสมาคมแห่งสหราชาอาณาจักรอีกด้วย วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2525 รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประกาศยกย่องพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็น "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" และอนุมัติให้วันที่ 18 สิงหาคมของทุกปีเป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ทรงใส่พระทัยกวดขันคนไทยให้ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง ทรงสนับสนุนโรงเรียนของหมอสอนศาสนาที่เข้ามาเปิดกิจการในประเทศไทยเพื่อให้คนไทยได้เรียนรู้ภาษา อรรถคดี และวิทยาการของชาติตะวันตก ทรงพระกรุณาส่งข้าราชการระดับบริหารไปศึกษางานที่จำเป็น สำหรับราชการไทย ณ ต่างประเทศ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ จัดตั้งโรงอักษรพิมพการขึ้นในพระบรมมหาราชวัง ผลิตข่าวสารของทางราชการเผยแพร่ให้ราษฎรได้ทราบทั่วถึงกัน ใช้ชื่อว่า ราชกิจจานุเบกษา ซึ่งยังคงพิมพ์มาจนถึงปัจจุบัน
ด้านโหราศาสตร์
นอกจากนี้แล้ว ยังทรงเป็นนักโหราศาสตร์อีกด้วย ทรงแต่งตำราทางโหราศาสตร์ที่เรียกว่า "เศษพระจอมเกล้า" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตำราที่ได้รับการยอมรับว่าแม่นยำ และทรงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติว่าทรงเป็น "พระบิดาแห่งโหราศาสตร์ไทย"
เหตุการณ์สำคัญในสมัย
- พ.ศ. 2394 โปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาสำหรับพระราชวงศ์ เสนาบดี ทหารและทั้งหลายต่างดื่มทั่วทุกคน พระองค์มิได้มีพระราชประสงค์ให้ข้าราชบริพารซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระองค์ฝ่ายเดียว แต่ทรงพระราชดำริว่าจะต้องทรงให้คำมั่นสัญญาต่อประชาชนของพระองค์ด้วยพระองค์จึงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่เสวยน้ำพระพิพัฒน์สัตยา
- พ.ศ. 2395 มีเหตุการณ์สำคัญดังนี้
- โปรดเกล้าฯ ให้ขุนนางสวมเสื้อเวลาเข้าเฝ้า
- ร้อยเอก เข้ามาฝึกทหารแบบยุโรป
- คณะมิชชันนารี สอนภาษาอังกฤษ ในพระบรมมหาราชวัง
- ร้อยเอกโทมัส ยอร์ช น็อกซ์ เข้ามาเป็นครูฝึกทหารวังหน้า
- คณะมิชชันนารีอเมริกา เข้ามาสอนภาษา
- กองทัพไทยไปตีเมืองเชียงตุง
- พ.ศ. 2396 มีเหตุการณ์สำคัญดังนี้
- โปรดเกล้าฯ ให้ใช้ “หมาย” แทนเงินตรา
- ไทยรบพม่าที่เมืองเชียงตุง ( เป็นสงครามครั้งสุดท้ายระหว่าง ไทย - พม่า )
- พ.ศ. 2398 เซอร์ จอห์น เบาริง ขอเข้ามาเจริญพระราชไมตรี ทำสนธิสัญญาใหม่กับอังกฤษ
- พ.ศ. 2399 ทำสนธิสัญญาการทูตกับอเมริกาและฝรั่งเศส
- พ.ศ. 2400 มีเหตุการณ์สำคัญดั่งนี้
- โปรดเกล้าฯ ให้ส่งทูตไปเจริญทางพระราชไมตรีกับประเทศอังกฤษ
- โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทยขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการเป็นบำเหน็จความดีความชอบ
- เริ่มสร้างกำปั่นเรือกลไฟ
- พ.ศ. 2401 โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงพิมพ์หลวงขึ้นในวัง เรียกว่า "โรงราชกิจจานุเบกษา" เพื่อออกราชกิจจานุเบกษาเสนอข่าวราชการเป็นครั้งแรก
- พ.ศ. 2402 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งประพาสพิพิธภัณฑ์ และ พระราชวังนครคีรี
- พ.ศ. 2403 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงกษาปณ์ขึ้นที่หน้าพระคลังมหาสมบัติในพระบรมมหาราชวัง เพื่อผลิตเหรียญเงินราคาต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนแทนเงินอย่างเก่าคือพดด้วง พระราชทานนามว่า "โรงกษาปณ์สิทธิการ" นับเป็นโรงกษาปณ์แห่งแรกในประเทศไทย
- พ.ศ. 2404 มีเหตุการณ์สำคัญดังนี้
- โปรดเกล้าฯ ให้ส่งทูตไปเจริญทางพระราชไมตรีกับประเทศฝรั่งเศส
- แรกมีตำรวจพระนครบาล
- โปรดเกล้าฯ ให้ตัดถนนและขุดคลองให้เป็นทางสัญจรอย่างใหม่ สำหรับชาวไทยและชาวต่างประเทศเหมือนกับประเทศที่เจริญแล้วทางยุโรป เช่น การสร้างถนนเจริญกรุงเป็นสายแรก ถนนบำรุงเมือง ถนนเฟื่องนคร และ ถนนสีลม ส่วนคลองได้แก่ คลองผดุงกรุงเกษม คลองภาษีเจริญ คลองหัวลำโพง คลองมหาสวัสดิ์ และคลองดำเนินสะดวก เป็นต้น
- พ.ศ. 2405 นางแอนนา ลีโอโนเวนส์ เข้ามารับราชการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในพระราชสำนัก
- พ.ศ. 2407 สร้างวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม
- พ.ศ. 2408 พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต
- พ.ศ. 2411 มีเหตุการณ์สำคัญดังนี้
- โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกรมเรือกลไฟ
- ทรงคำนวณว่าจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
- เสด็จสวรรคต
พระบรมราชอิสริยยศและพระเกียรติยศ
ธรรมเนียมพระยศของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | |
---|---|
พระราชลัญจกร | |
ธงประจำพระอิสริยยศ | |
ตราประจำพระองค์ | |
การทูล | ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท |
การแทนตน | ข้าพระพุทธเจ้า |
การขานรับ | พระพุทธเจ้าข้าขอรับ/เพคะ |
พระบรมราชอิสริยยศ
- สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้าพระองค์ใหญ่ (18 ตุลาคม พ.ศ. 2347 - 8 มีนาคม พ.ศ. 2356)
- สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎสมมติเทววงศ์ พงศ์อิศวรกษัตริย์ วรขัตติยราชกุมาร (8 มีนาคม พ.ศ. 2356 - 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367)
- สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามกุฎสมมติวงศ์ พระวชิรญาณมหาเถร (21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 - 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2394)
- พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (15 พฤษภาคม พ.ศ. 2394 - 1 ตุลาคม พ.ศ.2411)
ภายหลังการสวรรคต
- พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2459 - สมัยรัชกาลที่ 7)
- พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (สมัยรัชกาลที่ 7 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2562)
- พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช (18 ตุลาคม พ.ศ. 2562 - ปัจจุบัน)
พระราชลัญจกรประจำพระองค์
พระราชลัญจกรประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัว ได้แก่ พระมหาพิชัยมงกุฎ หนึ่งในเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ ซึ่งการสร้างพระลัญจกรประจำพระองค์นั้น จะใช้แนวคิดมาจากพระบรมนามาภิไธยก่อนทรงราชย์ นั่นคือ "มงกุฎ" นั่นเอง โดยพระราชลัญจกรจะเป็นตรางา ลักษณะกลมรี ซึ่งประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า 2 ชั้น มีฉัตรบริวารตั้งขนาบทั้ง 2 ข้าง ถัดออกไปจะมีพานแว่นฟ้า 2 ชั้น ทางด้านซ้ายวางสมุดตำรา ซึ่งแสดงถึงทรงมีความเชี่ยวชาญทางด้านอักษรศาสตร์และดาราศาสตร์ ส่วนทางด้านขวาวางพระแว่นสุริยกานต์ เพชร ซึ่งมาจากพระฉายาเมื่อพระองค์ผนวชว่า "วชิรญาณ"
พระราชลัญจกรของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ยังได้ใช้เป็นแม่แบบของพระราชลัญจกรของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอีกด้วย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
- พ.ศ. 2404 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ (น.ร.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2404 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
- (เครื่องต้น)
- ดาราไอยราพต (องค์รอง)
เครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
- ฝรั่งเศส : เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ ชั้นประถมาภรณ์ (พ.ศ. 2406)
พระราชสมัญญานาม
- พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย
- พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช
ชั้นยศ
- จอมพล
- จอมพลเรือ
- จอมพลอากาศ
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
มีนักแสดงผู้รับบท พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แก่
- โจว เหวินฟะ จากภาพยนตร์เรื่อง แอนนาแอนด์เดอะคิง (2542)
- วัลลภ เทียนทอง จากภาพยนตร์เรื่อง ทวิภพ (2547)
พงศาวลี
พงศาวลีของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
แผนผัง
ดูเพิ่ม
คลังภาพ
- พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
- ฉลองพระองค์ จัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
- พระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
- พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 4 ณ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 4 ณ พระราชวังสราญรมย์
- พระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 4 ณ
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- อ. วิโรจน์ ไตรเพียร, 9 รัชกาลแห่งราชวงศ์จักรี, สำนักพิมพ์ คลังศึกษา,2543,หน้า 38-50
- พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, หน้า ๔
- หม่อมราชวงศ์แน่งน้อย ศักดิ์ศรี, หน้า ๑๕
- พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, หน้า ๘
- "พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ ตอนที่ ๒ พระราชพิธีปราบดาภิเษก". ห้องสมุดดิจิทัลวชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 12 สิงหาคม 2017.
- พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, หน้า ๙
- หม่อมราชวงศ์แน่งน้อย ศักดิ์ศรี, หน้า ๑๗
- พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เก็บถาวร 2007-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จากเวปไซต์รากฐานไทย ฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนาประเทศ
- จดหมายเหตุ ปลายรัชชกาลที่ 4 และต้นรัชชกาลที่ 5, พระนคร, โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2478
- หม่อมราชวงศ์แน่งน้อย ศักดิ์ศรี, หน้า ๑๖๗
- พระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยสังเขป
- พบหลักฐานใหม่ในปารีส จดหมายคิงมงกุฎถึงนโปเลียน “น่าสงสัย” ไกรฤกษ์ นานา. ศิลปวัฒนธรรม ฉบับ มีนาคม 2547
- เพ็ญศรี ดุ๊ก, ศ.ดร. ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย (สยาม) กับฝรั่งเศส. ราชบัณฑิตยสถาน, กรุงเทพฯ, ๒๕๓๙
- การต่างประเทศกับเอกราชและอธิปไตยของไทย. ราชบัณฑิตยสถาน, กรุงเทพฯ ๒๗๔๒
- ๒๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย.
- "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-15. สืบค้นเมื่อ 2011-06-05.
- ตำราเศษพระจอมเกล้าฯ
- "พระบิดาแห่งโหราศาสตร์ไทยและพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-07. สืบค้นเมื่อ 2016-05-18.
- วิวัฒนาการระบบการชำระเงินของไทย เก็บถาวร 2007-07-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ธนาคารแห่งประเทศไทย
- กรมศิลปากร. สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ (2011). ราชสกุลวงศ์ (PDF). กรุงเทพฯ: สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. p. 28. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2017-02-02. สืบค้นเมื่อ 2014-10-01.
- "พระบรมราชโองการประกาศถวายพระราชสมัญญา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 136 (ตอน 54 ข): หน้า 1. 18 ตุลาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2019.
- สนเทศน่ารู้ : พระราชลัญจกรประจำรัชกาล, สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
- ๒๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย
- ลำดับราชินิกูลบางช้าง. พระนคร: ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิวพร. 2501.
- พงษาวดารราชินิกูลบางช้าง (PDF). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทย สพานยศเส. 2457.
- หนังสือ
- จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ, เทศนาพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เก็บถาวร 2016-03-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, ๒๕๐๕, ๑๖๐ หน้า
- แน่งน้อย ศักดิ์ศรี,หม่อมราชวงศ์, พระอภิเนาว์นิเวศน์ พระราชนิเวศน์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, สำนักพิมพ์มติชน, 2549
- เหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากบันทึกหลักฐานและเหตุการณ์สมัยกรุงเทพ, มานวสาร, ปีที่ ๑๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ ๒๕๓๔ ถึง ปีที่ ๑๕ ฉบับที่ ๓ มีนาคม พ.ศ ๒๕๓๕
แหล่งข้อมูลอื่น
ก่อนหน้า | พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว | พระเจ้ากรุงสยาม (2 เมษายน พ.ศ. 2394 — 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411) | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||
ไม่มี | เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร (พ.ศ. 2379 — พ.ศ. 2394) | สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw 18 tulakhm ph s 2347 1 tulakhm ph s 2411 epnphramhakstriysyam rchkalthi 4 aehngrachwngsckriaelaepnphramhakstriyrchkalthi 48 tamprawtisastrithy miphranamedimwa ecafamngkud esdcphrarachsmphph n phrarachwngedim emuxwnphvhsbdi khun 14 kha eduxn 11 pichwd trngkbwnthi 18 tulakhm ph s 2347 inrchsmyphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach 1 epnphrarachoxrsphraxngkhthi 43 aelaepnladbthi 2 inphrabathsmedcphraphuththelishlanphalykbsmedcphrasrisurieynthrabrmrachiniphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwphrasyamethwmhamkutwithymharachphrabrmchayalksn phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw chayody cxhn thxmsnphraecakrungsyamkhrxngrachy2 emsayn ph s 2394 1 tulakhm ph s 2411 17 pi 182 wn rachaphiesk15 phvsphakhm ph s 2394kxnhnaphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwthdipphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwphraecaaephndinthisxngphrabathsmedcphrapineklaecaxyuhwsmuhnaykduraychux ecaphrayanikrbdinthr ot klyanmitr ecaphrayaphuthraphy nuch bunyrtphnthu smuhphraklaohmduraychux smedcecaphrayabrmmhaprayurwngs dis bunnakh ecaphrayasrisuriywngs chwng bunnakh phrarachsmphph18 tulakhm ph s 2347 phrarachwngedim emuxngthnburi xanackrrtnoksinthrswrrkht1 tulakhm ph s 2411 63 phrrsa phrathinngphanumascaruy phrabrmmharachwng emuxngphrankhr praethssyamthwayphraephlingph s 2413 phraemrumas thxngsnamhlwngbrrcuphraxthiphrawimanthxngklang bnphrathinngckrimhaprasathphraphrryaecasmedcphranangecaosmnswthnawdi smrs ph s 2395 swrrkht ph s 2395 smedcphraethphsirinthrabrmrachini smrs ph s 2396 swrrkht ph s 2404 phrasmphnthwngsethx phraxngkhecaphrrnray smrs ph s 2398 snm77 thanphrarachbutr84 phraxngkhwdpracarchkalwdrachpradisthsthitmhasimaramrachwngsckriphrarachbidaphrabathsmedcphraphuththelishlanphalyphrarachmardasmedcphrasrisurieynthrabrmrachinisasnaethrwathlayphraxphiithy syamrusukthungaerngkddncakkarlaxananikhmkhxngchatitawntk phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwcungthrngrbexanwtkrrmtawntkmaaelarierimphthnapraethskhxngphraxngkhihthnsmy thngindanethkhonolyiaelawthnthrrm cnthaihphraxngkhidrbphrasmyyanamwa phrabidaaehngwithyasastraelaethkhonolyi aelaphraxngkhyngthrngepn 1 in 8 smedcphraburphkstriysyamthithrngepn mharach inpraethsithy phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwyngsthapnaphraxnuchakhxngphraxngkh khux ecafacuthamni krmkhunxisersrngsrrkh epnphramhakstriyphraxngkhthi 2 odyidprakxbphithibwrrachaphieskinpi ph s 2394 epnphrabathsmedcphrapineklaecaxyuhw odyphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwmiphrarachdarswaphrabathsmedcphrapineklaecaxyuhwkhwridrbkarthwaykhwamekharphesmxdwyphraxngkh dngthismedcphranerswrmharachthrngkrathakbphraxnuchakhuxsmedcphraexkathsrth emux ph s 2135 inrchkalnixanackhxngtrakulbunnakhmathungcudsungsud klayepntrakulkhunnangthimixanacsungsudinsyam enuxha 1 phrarachprawti 1 1 khnathrngphraeyaw 1 2 phnwch 1 3 khrxngrachy 1 4 swrrkht 2 phramehsi ecacxm phrarachoxrs aela phrarachthida 3 phrarachkrniykic 3 1 dankdhmay 3 2 danwrrnkhdiphuththsasna 3 3 danphraphuththsasna 3 4 dankhwamsmphnthkbtangpraeths 3 5 karrukranxinodcinkhxngfrngess 3 6 dankarsuksasilpwithya 3 7 danohrasastr 4 ehtukarnsakhyinsmy 5 phrabrmrachxisriyysaelaphraekiyrtiys 5 1 phrabrmrachxisriyys 5 2 phrarachlyckrpracaphraxngkh 5 3 ekhruxngrachxisriyaphrn 5 3 1 ekhruxngrachxisriyaphrnithy 5 3 2 ekhruxngxisriyaphrntangpraeths 5 4 phrarachsmyyanam 6 inwthnthrrmsmyniym 7 phngsawli 8 aephnphng 9 duephim 10 khlngphaph 11 xangxing 12 aehlngkhxmulxunphrarachprawtikhnathrngphraeyaw phrarachoxrsxngkhthi 43 inphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly thiphrarachsmphphaetsmedcphrasrisurieynthrabrmrachini thrngphrarachsmphphemuxwnphvhsbdi khun 14 kha eduxn 11 pichwd chsk c s 1166 sungtrngkbwnthi 18 tulakhm ph s 2347 n phrarachwngedim sungepnthiprathbkhxngsmedcphrarachbida emuxkhrngyngdarngphraxisriyysepnsmedcphraecalukyaethx ecafakrmhlwngxisrsunthr 2 odyphranamkxnkarmiphrarachphithilngsrngechlimphranamwa thulkrahmxmfaihy phraxngkhmiphraechsthaaelaphraxnucharwmphrarachmarda rwmthngsin 3 phraxngkh idaek smedcecafachay sinphrachnmemuxprasuti smedc ecafamngkud aelasmedc ecafacuthamni phayhlngidrbkarsthapnakhunepn phrabathsmedcphrapineklaecaxyuhw phraxngkhcungepnsmedcphraecalukyaethxecafaphraxngkhaerkthimiphrachnminphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly 3 emuxsmedcphrabrmchnknathesdckhunkhrxngsmbtiepnphramhakstriyrchkalthi 2 aehngphrabrmrachckriwngsaelw phraxngkhidesdcekhamaxyuphayinphrabrmmharachwng cnkrathng ph s 2355 phraxngkhmiphrachnmayuid 9 phrrsa cungidcdkarphrarachphithilngsrngephuxechlimphranamecafaxyangepnthangkar phrarachphithiinkhrngniphrabathsmedcphraphuththelishlanphalymiphrarachdariwa phrarachphithioskntecafaidthaepnxyangmiaebbaephnxyuaelw aetkarphrarachphithilngsrngtngphranamecafakhrngkrungsrixyuthyaynghaidthaepnaebbxyanglngim 4 rwmthng phuihythiekhyehnphrarachphithidngklawkaekchraekuxbcahmdtwaelw ekrngwaaebbaephnphrarachphithicasuyip phraxngkhcungthrngphrakrunaoprdekla ihsmedcecafa krmhlwngphithksmntriaelaecaphrayasrithrrmathirach buyrxd bunyrtphnthu epnphuxanwykarphrarachphithilngsrnginkhrngniephuxepnaebbaephnkhxngphrarachphithilngsrngsahrbkhrngtxip phrarachphithiinkhrngnicungnbepnphrarachphithilngsrngkhrngaerkinsmykrungrtnoksinthr odythulkrahmxmfaihyidrbkarechlimphranamtamphrasuphrrnbtwa smedcphraecalukyaethx ecafamngkud smmutiethwawngs phngsxisrkrastriy khtiyrachkumar 5 inpi ph s 2359 phraxngkhmiphrachnmayukhrb 13 phrrsa smedcphrabrmchnknathmiphrarachdarscdihtngkarphrarachphithiosknttamaebbxyangphrarachphithioskntecafathimimaaetrchsmyphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach odyidsrangekhaikrlascalxngiwbriewnhnaphrathinngdusitmhaprasath phraxngkhthrngsuksaxksrsyaminsanksmedcphraphuththokhsacary khun wdomliolkyaramrachwrwihar tngaetemuxkhrngyngprathb n phrarachwngedim nxkcakni yngthrngsuksawichakhchkrrmkbecaphrayasrithrrmathirach rwmthng thrngfukkarichxawuthtang dwy 6 phnwch nbsp phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwkhnathrngsil emuxphraxngkhmiphrachnmayukhrb 14 phrrsa cungthrngxxkphnwchepnsamenr odymikarsmophchthiphrathinngxmrinthrwinicchy aelwaehipphnwch n phraxuobsth wdphrasrirtnsasdaram odymismedcphraxriywngsyan mi epnphraxupchchayaelasmedcphrayansngwr suk epnphraxacary hlngcaknnidesdcipprathbxyu n wdmhathatuyuwrachrngsvsdirachwrmhawihar phnwchcnxxkphrrsaaelwcungthrnglaphnwch rwmepnrayaewlapraman 7 eduxn emuxphraxngkhthrngphraecriywykhunaelwphrabathsmedcphraphuththelishlanphalyoprdihphraxngkhesdcxxkipprathb n phrarachwngedim emuxphraxngkhmiphrachnmayu 21 phrrsa cungcaphnwchepnphraphiksu aetinrahwangnnchangsakhykhxngbanemuxngthung 2 changidaek phrayaeswtixyraaelaphrayaeswtkhchlksnekidlmlng rwmthngsmedcphraecanxngnangethx ecafakrmhlwngethphwdi phrakhnisthainphrabathsmedcphraphuththelishlanphalysinphrachnm thaihphrabathsmedcphraphuththelishlanphalyimsarayphrarachhvthy cungimidcdphithiphnwchxyangihyot oprdihmiephiyngphithixyangyxethann odyihphnwch n wdphrasrirtnsasdaram odymismedcphraxriywngsyan dxn epnphraxupchchay phraxngkhidrbphranamchayawa wchiryaon 7 hrux wchiryanphikkhu 8 aelwesdcipprathbaermthiwdmhathatu 3 wn hlngcaknn cungesdcipcaphrrsathiwdrachathiwasrachwrwihar sungphrabathsmedcphraphuththelishlanphalyekhyprathbxyuemuxphnwch inkhnathiphnwchxyunn phrabathsmedcphraphuththelishlanphalyesdcswrrkht phraecalukyaethx krmhmunecsdabdinthr phrarachoxrsphraxngkhihyinphrabathsmedcphraphuththelishlanphalyesdckhunkhrxngrachysmbti phraxngkhthrngtdsinphrathythicadarngsmnephstxip inrahwangthiphnwchxyunnidesdcxxkthudngkhipynghwemuxngtang thaihthrngkhunekhykbsphaphkhwamepnxyukhxngxanapracharastrxyangaethcring phraxngkhthrngphrarachxutsahawiriyaeriynphasaxngkvscnthrngekhiynid trsid thrngepnnkprachyrxbru thaihphraxngkhthrngmikhwamrxbruethathntxehtukarnkhxngolktawntkepnxyangdi 1 phraxngkhthrngphnwchtngaetpi ph s 2367 cnthunglaphnwchephuxrbkarkhunkhrxngrachy epnewlarwmthibwchepnphiksuthngsin 27 phrrsa khnannphrachnmayu 48 phrrsa hmayehtu ewlathiphnwchepnsamenr 7 eduxn khnathrrmyutiknikay hlngcakkarlaphnwchkhxngphrawchiryanethrayngkhngecriyrungeruxngtxip ephraaidphramhakstriyepnphuxupthmph aelamiphunathiekhmaekhngkhux krmhmunbwrrngsisuriyphnth txmaidrbkarsthapnaepnsmedcphramhasmneca krmphrayapwerswriyalngkrnepnphukhrxngbngkhbbychakhnathrrmyutiknikay khrxngrachy nbsp phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw khnaprathbthinng nbsp wikisxrs mingantnchbbekiywkb emuxngithymiphraecaaephndinsxngphraxngkh ody krmphrayadarngrachanuphaph emuxphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwesdcswrrkhtinwnthi 2 emsayn ph s 2394 phrarachwngsaelaesnabdimimtiehnchxbihthwayrachsmbtiaekphraphiksuecafamngkud wchiryanethra cungidihsmedcecaphrayabrmmhaprayurwngs dis bunnakh ipefaphraphiksuecafamngkud n wdbwrniewsrachwrwihar aetphraxngkhyngimthrnglaphnwchaelatrswatxngxyechiysmedcphraecanxngyaethx ecafacuthamni krmkhunxisersrngsrrkh khunkhrxngrachydwy enuxngcakphraxngkhehnwaepnphuthikhwbkhumkalngthharepnxnmakid phraxngkhthrnglaphnwchemuxwnthi 6 emsayn sungtrngkbwnckri aelathrngrbkarbrmrachaphieskemuxwnthi 15 phvsphakhm sungtrngkbwnwisakhbuchakhxngpinn aelathrngidrbkarechlimphraprmaphiithyodyyxwa phrabathsmedcphrapremnthrmhamngkud phracxmeklaecaxyuhw aelamiphranametmtamcarukinphrasubrrnbtwa phrabathsmedcphrapremnthrmhamngkudsuththi smmutiethphyphngswngsadisrkstriy wrkhttiyrachnikordm caturntbrmmhackrphrrdirachsngkas xuphotsuchatisngsuththiekhraahni ckribrmnath xdiswrachramwrngkur sucritmulsusathitxukvsthwibuly burphadulykvsdaphiniharsuphathikarrngsvsdi thyylksn wicitrosphakhsrrphangkh mhachontmangkhprantbathbngkchyukhkhl prasiththisrrphsuphphlxudm brmsukhumalymhaburusyrtn suksaphiphthnsrrphoksl suwisuththiwimlsuphsilsmacary ephchryanpraphaiphorcn xenkoktisathu khunwibulysndan thiphyethphwtar iphsalekiyrtikhunxdulyphiess srrphethewsranurksexkxkhrmhaburus sutphuththmhakrawi tripidkathioksl wimlprichamhaxudmbnthit sunthrwicitrptiphan briburnkhunsar ssyamathiolkydilk mhapriwarnaykxnnt mhntwrvththiedch srrphphiess sirinthrmhachnnikrsomsrsmmti prasiththiwrysmohdmbrmrachsmbti nphpdleswtchtradichtr sirirtonplksnmhabrmrachaphieskaphisit srrphthsthiswichitwiichy sklmihswrinmhasyaminthr mehswrmhinthr mharachawordm brmnarthchatixachawsry phuththathiitrrtnsrnarks xukvsthskdixkhrnersrathibdi emttakrunasitlhvthy xonpmybuykarskliphsalmharsdathiebnthr premnthrthrrmmikmharachathirach brmnarthbrmbphitr phracxmeklaecaxyuhw nbsp esdcthungwdophthi thayody cxhn thxmsninpi ph s 2408 phrxmknni phraxngkhthrngsthapnasmedcphraecanxngyaethx ecafacuthamni krmkhunxisersrngsrrkh thikrmphrarachwngbwrsthanmngkhlmiphrarachphithibwrrachaphieskemuxwnthi 25 phvsphakhm aelathrngrbphrabwrrachoxngkar ihphraekiyrtiysesmxdwyphraecaaephndinxngkhthi 2 odyidrbkarechlimphraprmaphiithywa phrabathsmedcphrapineklaecaxyuhw swninfaysmnskdinn phraxngkhthrngphrakrunaoprdekla eluxnphraecabrmwngsethx krmhmunnuchitchionrs odythrngtngphithimhasmnutmaphieskkhunepnkrmsmedcphraprmanuchitchionrs thrngsmnskdiepnsmedcphrasngkhrachemuxwnthi 1 singhakhm epntn swrrkht nbsp phramhakstriyrachwngsckri nbsp phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach nbsp phrabathsmedcphraphuththelishlanphaly nbsp phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw nbsp phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw nbsp phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw nbsp phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw nbsp phrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw nbsp phrabathsmedcphrapremnthrmhaxannthmhidl phraxthmramathibdinthr nbsp phrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr nbsp phrabathsmedcphrawchireklaecaxyuhwdkhk nbsp phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw khnaprathbthinng emux ph s 2411 phraxngkhthrngkhanwnwacasamarthehnsuriyuprakhaetmdwngidinpraethssyam n hmubanhwakx tablkhlxngwal cnghwdpracwbkhirikhnth phraxngkhcungoprdihtngphlbphlaephuxesdcphrarachdaeninthxdphraentrsuriyuprakhathitablhwakx sungemuxthungewlathiphraxngkhthrngkhanwnkekidsuriyuprakhaetmdwngdngthithrngidkhanwniw phraxngkhesdcprathbxyuthihwakxepnrayaewlapraman 9 wn cungesdcklbkrungethphmhankhr phayhlngkaresdcklbmayngphrankhr phraxngkherimmiphraxakarprachwrcbikhaelathrngthrabwaphraxakarprachwrkhxngphraxngkhinkhrngnikhngcaimhay wnthi 22 knyayn ph s 2411 phraxngkhmiphrabrmrachoxngkarihha phraecanxngyaethx krmhlwngethewsrwchrinthr sungepnphrarachwngsphuihythimiphrachnmayumakkwaphraxngkhxun phraecanxngyaethx krmhlwngwngsathirachsnith sungepnphrarachwngsphuihyinrachkar aelaecaphrayasrisuriywngs chwng bunnakh xkhresnabdithismuhphraklaohm hwhnakharachkarthngpwng ekhaefaphrxmknthiphraaethnbrrthm odyphraxngkhmiphrabrmrachoxngkarmxbphrarachkicinkarduaelphrankhraekthng 3 than hlngcaknn inwnthi 1 tulakhm ph s 2411 phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwmiphrarachdarssngihphraecanxngyaethx krmhlwngwngsathirachsnith ecaphrayasrisuriywngs chwng bunnakh aelaecaphrayaphuthraphy nuch bunyrtphnthu thismuhnayk ekhaefa aelamiphrarachdarswa 9 thanthng 3 kbphraxngkhidthanubarungprakhbprakhxngknma bdnikalacathungphraxngkhaelw khxlathanthnghlayinwnni khxfakphrarachoxrsthidaxyaihmiphyxntray hruxepnthikidkhwanginkaraephndin thamiphidsingirepnkhxihy khxaetchiwitiwihepnaetothsenreths khxihthanthng 3 cngepnthiphungaekphrarachoxrsthidatxipdwyethid phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw 1 tulakhm ph s 2411 nbsp phraemrumasphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw inpi ph s 2413 phraxngkhtrskhxihphuihythng 3 thanidchwyknduaelbanemuxngtxip ihthulphraecaaephndinxngkhihmexathurarbdikakhxngrasdrphumithukkhrxndngthiphraxngkhekhyptibtima odyimthrngexywacaihphuidkhunkhrxngrachyaethnphraxngkh nxkcakni phraxngkhrbsngwaemuxphraxngkhphnwchxyunn thrngxxkxuthanwacawawnidepnwnphrarachsmphphkxyakswrrkhtinwnnn odyphraxngkhphrarachsmphphinwnephyeduxn 11 sungepnwnmhapwarna emuxphraxngkhcaswrrkhtkkhxihswrrkhtthamklangsngkhkhnathiphrasngkhkrathawinykrrmmhapwarna 10 inewla 20 06 nalika phraxngkhthrngphawnaxrhngsmmasmphuthothaelwphxnxssasapssasa lmhayicekha xxk epnkhrngkhraw cnkrathng ewla 21 05 nalika esdcswrrkht n phrathinngphanumascaruy phayinphrabrmmharachwng siriphrachnmphrrsa 65 phrrsaphramehsi ecacxm phrarachoxrs aela phrarachthidaphramehsi ecacxmmarda aelaecacxm bthkhwamhlk rayphranamaelachuxphrryainphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw phrarachoxrsaelaphrarachthida bthkhwamhlk phrarachsnttiwngsinphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwphrarachkrniykicdankdhmay nbsp smedcecafaculalngkrn khwa yunkhangphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwinekhruxngaebbthharerux inrchsmykhxngphraxngkh mikarldphasixakr ldhyxnkhana ykelikkarekbxakrtlad epliynepnekbphasiorngraneruxnaephcakphukhakhayrayihm prakasmiihtkkhawaekchawna xxkphrarachbyytikahndichkhathidinihrasdremuxmikarewnkhun xxkprakasetuxnrasdrihrxbkhxbinkarthanitikrrm yngmikarxxkkdhmaysakhy khuxkahndlksnakhxngphuthicathukkhayepnthasihepnthrrmyingkhun oprdekla ihykelikkdhmayedimthiih siththibida marda aelasamiinkarkhaybutraelaphrrya aelatraphrarachbyytiihmihkarsuxkhaythas epnipdwykhwamyinyxmkhxngecatwthicathukkhayepnthasethann 11 danwrrnkhdiphuththsasna phraxngkhthrngexaphrathyisthanubarungepnxyangdi phrarachniphnthswnihyepnpraephthrxyaekw bthphrarachniphnththisakhy idaek chumnumphrabrmraochbay 4 hmwd khux hmwdwrrnkhdi obrankhdi thrrmkhdi aelatara tananeruxng phraaekwmrkt eruxngpthmwngs thrngrierimihmikarkhnkhwasilacarukinpraethsithykhunepnkhrngaerk khux carukhlkthi 1 khxngphxkhunramkhaaehngaelacarukhlkthi 4 khxngphrayaliithy danphraphuththsasna phraxngkhthrngfunfuphraphuththsasnaihrungeruxng odythrngtngthrrmyuttikawngskhun epnnikayihminphraphuththsasna thimikhwamekhrngkhrdinphrathrrmwinyaelaraebiybaebbaephn danphraphuththsasna dankhwamsmphnthkbtangpraeths nbsp chbbphasaithykhxng snthisyyamitrphaphaelakarkharahwangrachxanackrsyamkbckrwrrdixngkvs chbbphasaithy lngwnthi 18 emsayn ph s 2398 hruxthieriykwa snthisyyaebawring dwyehtuthithrngsnphrathyinwithyakartawntkmatngaetkxnkhunkhrxngrachy cungthrngkhunekhykbchawtawntkodyechphaaxngkvsepnxyangmak thngyngekiywkhxngkbesnabdiskulbunnakhechnphrayasrisuriywngs chwng bunnakh phukrabbngkhmthulechiyesdckhunkhrxngrachynnkepnphusnithsnmaelaniymxngkvs echnniinrchsmykhxngphraxngkhcungepidkhwamsmphnthkbpraethstawntkxyangkwangkhwang mikarthasyyakbtangpraethsthung 10 praeths thrngyudnoybay phxnsn phxnyaw maichkbpraethsmhaxanacepnphraxngkhaerkinsmyrtnoksinthr xnthaihithysamarthdarngexkrachxyuidcnthukwnni phraxngkhidsngkhnathutithyodymiphrayamntrisuriywngsepnrachthut ecahmunsrrephchphkdiepnxupthut hmunmnethiyrphithksepntrithut naphrarachsasnipthwaysmedcphrarachininathwiktxeriyaehngxngkvsnbepnkhwamkhidrierimihmikaredinthangxxknxkpraethsid enuxngcakaetedimkdhmayhammiih ecanay phrarachwngs kharachkarphuihyedinthangxxkcakphrankhr ewnesiyaetipinkarsngkhramkbkxngthph phraxngkhoprdeklaihchawtangpraethsrbrachkarepnkngsulithy echn esxr cxhn ebaring xkhrrachthutkhxngsmedcphrarachininathwiktxeriyaehngshrachxanackr smedcphrarachininathwiktxeriyaehngpraethsxngkvs ekhamathasnthisyyakbpraethsithyepnchatiaerk emux ph s 2398 idphrarachthanbrrdaskdiepn phrayasyamanukulkic syammitrmhays epnkngsulithypracakrunglxndxn karrukranxinodcinkhxngfrngess emuxrachsankewiydnamtngtwepnstrutxsasnakhrist thaihfrngessmiehtuphlthicaichkalngthharekhaaethrkaethrngewiydnamdwykalngxawuth thaythisudewiydnamkesiyphakhitaekfrngessinwnthi 9 kumphaphnth ph s 2402 rthbalsyamkhxnkhangyindithifrngessthaihphykhukkhamtxsyamcakewiydnamkalngcahmdip aelaprarthnathikrachbimtrikbfrngessinthnthithifrngessekhapkkhrxngewiydnamthnghmd xyangirktam rachsankewiydnaminkrunghanxyidsngrachthutlbmayngkrungethph ephuxesnxykbangswnkhxngisngxnihsyam 12 aelkkbkarthisyamcatxngihewiydnamedinthphphanekhmr sungepnpraethsrachkhxngsyam ephuxxxmipocmtifrngess 12 aemphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwcaimehndwy aetenuxngcakphwkkhunnangsyamsnbsnunkhxesnxdngklawthaihphraxngkhtxngyxmtam dngnnsyamcungykthphekhapracachayaedndantawnxxktidkbewiydnam aelayunkhakhadwa hakewiydnamkrathakaridthiepnkarrukranekhmraelw syamcabukewiydnamthnthi nbsp rachthutsyamekhaefackrphrrdinopeliynthi 3 ph s 2404 rthbalfrngessmxngwakarkrathadngklawepn noybayehyiyberuxsxngaekhm khxngsyam 13 khuxwangtwepnklangrahwangewiydnamaelafrngess swnkngsulfrngesskeriykrxngtxrthbalsyamephuxkhxthasnthisyyakbekhmrodytrng enuxngcakekhmrmiphrmaednrwmkbisngxnsungxyuinbngkhbkhxngfrngessaelw khnaediywkn shrthaelaxngkvskphyayamyuaeyngihsyamimiwwangicfrngess karthirthbalsyamexaaenexanxnimidechnni thaihrthbalfrngessmikhwamehnwafrngesskhwrcaaesdngbthbathepnphuxarkkhaxinodcinesiyely dngnnrthbalfrngesscungmiothrelkhthungrthbalsyam eriykrxngsiththikhxngfrngessehnuxekhmraelaeriykrxngkhxthasnthisyyaodytrngkbekhmr odyxangchychnakhxngtninewiydnamit rthbalsyamptiesthinthnthi eriykrxngihmikarecrcaknthikrungethph 13 inrahwangnisyamidchingtdhnafrngessthasnthisyyakbekhmrxyanglb in ph s 2406 mienuxharabuwaekhmryxmrbxthipitykhxngsyamehnuxekhmr thahakeraphbbxthxnginpraethskhxngeraphxthicasuxeruxrbcanwnrxy laktam erakkhngimsamarthcasukbphwkniid ephraaeracatxngsuxeruxrbaelaxawuthcakpraethsehlani phwknicahyudkhayiheraemuxihrkid xawuthchnidediywthicaepnpraoychnxyangaethcringtxerainxnakhtkhuxwacaaelahwickhxngeraxnkxprdwystiaelapyya 14 mngkud p r inpiph s 2410 rthbalsyamthasnthisyyakbfrngess odysyamykdinaedn 123 050 tr km phrxmekaa 6 ekaaihepndinaedninxarkkhakhxngfrngess aelafrngesskrbrxngwadinekhmrswnin xnprakxbdwy phratabxng esiymrath sriosphn epndinaedninxthipitykhxngsyam dankarsuksasilpwithya nbsp phrabrmruppradisthan n xakharxuthyanwithyasastrphracxmekla cnghwdpracwbkhirikhnth phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwthrngepnnkdarasastrithy thrngkarkhanwnkarekidsuriyuprakhaetmdwngidxyangaemnyainwnthi 18 singhakhm ph s 2411 lwnghna 2 pi 15 aelaidesdcphrarachdaeninphrxmechiythutfrngessaelasingkhoprthxdphraentrsuriyuprakhakhrngnn nxkcakni phraprichasamarthkhxngphraxngkhindanwithyasastrnn yngthaihphraxngkhidrbkarykyxngepnsmachikkittimskdikhxngstwwithyasmakhmaehngshrachaxanackrxikdwy 16 wnthi 14 emsayn ph s 2525 rthbalphlexkeprm tinsulannth prakasykyxngphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwepn phrabidaaehngwithyasastrithy aelaxnumtiihwnthi 18 singhakhmkhxngthukpiepnwnwithyasastraehngchati thrngisphrathykwdkhnkhnithyihichphasaithyihthuktxng thrngsnbsnunorngeriynkhxnghmxsxnsasnathiekhamaepidkickarinpraethsithyephuxihkhnithyideriynruphasa xrrthkhdi aelawithyakarkhxngchatitawntk thrngphrakrunasngkharachkarradbbriharipsuksanganthicaepn sahrbrachkarithy n tangpraeths thrngphrakrunaoprdekla cdtngorngxksrphimphkarkhuninphrabrmmharachwng phlitkhawsarkhxngthangrachkarephyaephrihrasdridthrabthwthungkn ichchuxwa rachkiccanuebksa sungyngkhngphimphmacnthungpccubn danohrasastr nbsp phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwaelakhnadusuriyuprakha thrngprathbxyuklangsala n thipracwbkhirikhnth nxkcakniaelw yngthrngepnnkohrasastrxikdwy thrngaetngtarathangohrasastrthieriykwa essphracxmekla sungepnxikhnungtarathiidrbkaryxmrbwaaemnya 17 aelathrngidrbkarykyxngechidchuekiyrtiwathrngepn phrabidaaehngohrasastrithy 18 ehtukarnsakhyinsmyph s 2394 oprdekla ihmiphrarachphithithuxnaphraphiphthnstyasahrbphrarachwngs esnabdi thharaelaphleruxnthnghlaytangdumnaphraphiphthnstyathwthukkhn phraxngkhmiidmiphrarachprasngkhihkharachbripharsuxstycngrkphkditxphraxngkhfayediyw aetthrngphrarachdariwacatxngthrngihkhamnsyyatxprachachnkhxngphraxngkhdwyphraxngkhcungepnkstriyphraxngkhaerkthieswynaphraphiphthnstya ph s 2395 miehtukarnsakhydngni oprdekla ihkhunnangswmesuxewlaekhaefa rxyexkximepy ekhamafukthharaebbyuorp khnamichchnnari sxnphasaxngkvs inphrabrmmharachwng rxyexkothms yxrch nxks ekhamaepnkhrufukthharwnghna khnamichchnnarixemrika ekhamasxnphasa kxngthphithyiptiemuxngechiyngtung ph s 2396 miehtukarnsakhydngni oprdekla ihich hmay aethnengintra ithyrbphmathiemuxngechiyngtung epnsngkhramkhrngsudthayrahwang ithy phma ph s 2398 esxr cxhn ebaring khxekhamaecriyphrarachimtri thasnthisyyaihmkbxngkvs ph s 2399 thasnthisyyakarthutkbxemrikaaelafrngess ph s 2400 miehtukarnsakhydngni oprdekla ihsngthutipecriythangphrarachimtrikbpraethsxngkvs oprdekla ihsrangekhruxngrachxisriyaphrnithykhunepnkhrngaerk ephuxphrarachthanaekphrabrmwngsanuwngsaelakharachkarepnbaehnckhwamdikhwamchxb erimsrangkapneruxklif ph s 2401 oprdekla ihtngorngphimphhlwngkhuninwng eriykwa orngrachkiccanuebksa ephuxxxkrachkiccanuebksaesnxkhawrachkarepnkhrngaerk ph s 2402 oprdekla ihsrangphrathinngpraphasphiphithphnth aela phrarachwngnkhrkhiri ph s 2403 oprdekla ihsrangorngksapnkhunthihnaphrakhlngmhasmbtiinphrabrmmharachwng ephuxphlitehriyyenginrakhatang ephuxichepnsingaelkepliynaethnenginxyangekakhuxphddwng phrarachthannamwa orngksapnsiththikar 19 nbepnorngksapnaehngaerkinpraethsithy ph s 2404 miehtukarnsakhydngni oprdekla ihsngthutipecriythangphrarachimtrikbpraethsfrngess aerkmitarwcphrankhrbal oprdekla ihtdthnnaelakhudkhlxngihepnthangsycrxyangihm sahrbchawithyaelachawtangpraethsehmuxnkbpraethsthiecriyaelwthangyuorp echn karsrangthnnecriykrungepnsayaerk thnnbarungemuxng thnnefuxngnkhr aela thnnsilm swnkhlxngidaek khlxngphdungkrungeksm khlxngphasiecriy khlxnghwlaophng khlxngmhaswsdi aelakhlxngdaeninsadwk epntn ph s 2405 nangaexnna lioxonewns ekhamarbrachkarepnkhrusxnphasaxngkvsinphrarachsank ph s 2407 srangwdrachpradisthsthitmhasimaram ph s 2408 phrabathsmedcphrapineklaecaxyuhwesdcswrrkht ph s 2411 miehtukarnsakhydngni oprdekla ihtngkrmeruxklif thrngkhanwnwacaekidsuriyuprakhaetmdwngthitablhwakx cnghwdpracwbkhirikhnth esdcswrrkhtphrabrmrachxisriyysaelaphraekiyrtiysthrrmeniymphrayskhxng phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw nbsp phrarachlyckr nbsp thngpracaphraxisriyys nbsp trapracaphraxngkhkarthulitfalaxxngthuliphrabathkaraethntnkhaphraphuththecakarkhanrbphraphuththecakhakhxrb ephkha phrabrmrachxisriyys smedcphraecahlanethx ecafaphraxngkhihy 18 tulakhm ph s 2347 8 minakhm ph s 2356 smedcphraecalukyaethx ecafamngkudsmmtiethwwngs phngsxiswrkstriy wrkhttiyrachkumar 8 minakhm ph s 2356 21 krkdakhm ph s 2367 smedcphraecanxngyaethx ecafamkudsmmtiwngs phrawchiryanmhaethr 21 krkdakhm ph s 2367 15 phvsphakhm ph s 2394 20 phrabathsmedcphrapremnthrmhamngkud phracxmeklaecaxyuhw 15 phvsphakhm ph s 2394 1 tulakhm ph s 2411 phayhlngkarswrrkht phrabathsmedcphraramathibdisrisinthrmhamngkud phracxmeklaecaxyuhw 11 phvscikayn ph s 2459 smyrchkalthi 7 phrabathsmedcphrapremnthrmhamngkud phracxmeklaecaxyuhw smyrchkalthi 7 18 tulakhm ph s 2562 phrabathsmedcphrapremnthrramathibdisrisinthrmhamngkud phracxmeklaecaxyuhw phrasyamethwmhamkutwithymharach 18 tulakhm ph s 2562 pccubn 21 phrarachlyckrpracaphraxngkh nbsp phrarachlyckrpracaphraxngkh phrarachlyckrpracaphraxngkhphrabathsmedcphracxmeklaxyuhw idaek phramhaphichymngkud hnunginekhruxngebycrachkkuthphnth sungkarsrangphralyckrpracaphraxngkhnn caichaenwkhidmacakphrabrmnamaphiithykxnthrngrachy nnkhux mngkud nnexng odyphrarachlyckrcaepntranga lksnaklmri sungpradisthanbnphanaewnfa 2 chn michtrbriwartngkhnabthng 2 khang thdxxkipcamiphanaewnfa 2 chn thangdansaywangsmudtara sungaesdngthungthrngmikhwamechiywchaythangdanxksrsastraeladarasastr swnthangdankhwawangphraaewnsuriykant ephchr sungmacakphrachayaemuxphraxngkhphnwchwa wchiryan phrarachlyckrkhxngphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwnn yngidichepnaemaebbkhxngphrarachlyckrkhxngphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwxikdwy 22 ekhruxngrachxisriyaphrn ekhruxngrachxisriyaphrnithy ph s 2404 nbsp ekhruxngrachxisriyaphrnxnepnobranmngkhlnphrtnrachwraphrn n r fayhna ph s 2404 nbsp ekhruxngrachxisriyaphrnxnepnthiechidchuyingchangephuxk chnthi 1 prathmaphrnchangephuxk p ch daraixyrapht ekhruxngtn daraixyrapht xngkhrxng ekhruxngxisriyaphrntangpraeths nbsp frngess nbsp ekhruxngxisriyaphrnelchiyngdxenxr chnprathmaphrn ph s 2406 phrarachsmyyanam phrabidaaehngwithyasastrithy 23 phrasyamethwmhamkutwithymharach 21 chnys nbsp cxmphl nbsp cxmphlerux nbsp cxmphlxakasinwthnthrrmsmyniymminkaesdngphurbbth phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw idaek ocw ehwinfa cakphaphyntreruxng aexnnaaexndedxakhing 2542 wllph ethiynthxng cakphaphyntreruxng thwiphph 2547 phngsawliphngsawlikhxngphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw 16 28 phrayarachnikul thxngkha 8 14 smedcphrapthmbrmmhachnk 4 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach 9 15 phraxkhrchaya hyk 2 phrabathsmedcphraphuththelishlanphaly 20 phr 24 64 10 thxng 21 chi 25 10 24 63 5 smedcphraxmrinthrabrmrachini 11 smedcphrarupsiriosphakhymhanakhnari 23 thi 24 63 100 1 phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw 12 esrsthichawhkekiynaestn 6 engin aestn 13 nxngsawkhxngthanphuhyingnxy phrryakhxngecaphrayachanaybrirks xu 3 smedcphrasrisurieynthrabrmrachini 28 16 phrayarachnikul thxngkha 14 8 smedcphrapthmbrmmhachnk 7 smedcphraecaphinangethx ecafakrmphrasrisudarks 15 9 phraxkhrchaya hyk aephnphngsmedcphrapthmbrmmhachnk nbsp 1 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach smedcphrabwrrachecamhasursinghnath smedcphraecanxngyaethx ecafakrmhlwngckrecsda nbsp 2 phrabathsmedcphraphuththelishlanphaly smedcphrabwrrachecamhaesnanurks smedcphrabwrrachecamhaskdiphlesph nbsp 3 phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw nbsp 4 phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw phrabathsmedcphrapineklaecaxyuhw smedcphraecabrmwngsethx ecafaxaphrn smedcphraecabrmwngsethx ecafamhamala krmphrayabarabprpks smedcphraecabrmwngsethx ecafapiw smedcphraecabrmwngsethx ecafaosmns nbsp 5 phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw smedcphraecabrmwngsethx ecafacaturntrsmi krmphrackrphrrdiphngs smedcphrarachpitula brmphngsaphimukh ecafaphanurngsiswangwngs krmphrayaphanuphnthuwngswredch smedcphraecabrmwngsethx ecafakrmphrayanrisranuwdtiwngs krmphrarachwngbwrwiichychay smedcphrabrmoxrsathirach ecafamhawchirunhis syammkudrachkumar smedcphraecabrmwngsethx ecafaxisriyalngkrn nbsp 6 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw smedcphraecabrmwngsethx ecafabriphtrsukhumphnthu krmphrankhrswrrkhwrphinit smedcphraecabrmwngsethx ecafatriephchrutmtharng smedcphraecabrmwngsethx ecafasmmtiwngsworthy krmkhunsrithrrmrachtharngvththi smedcphraecabrmwngsethx ecafackrphngsphuwnath krmhlwngphisnuolkprachanath smedcphraecabrmwngsethx ecafayukhlthikhmphr krmhlwnglphburiraemswr smedcphraecabrmwngsethx ecafasirirachkkuthphnth smedcphraxnuchathirach ecafaxsdangkhedchawuth krmhlwngnkhrrachsima smedcphramhitlathiebsr xdulyedchwikrm phrabrmrachchnk smedcphraecabrmwngsethx ecafacuthathuchthradilk krmkhunephchrburnxinthraichy nbsp 7 phrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw nbsp 8 phrabathsmedcphrapremnthrmhaxannthmhidl phraxthmramathibdinthr nbsp 9 phrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr nbsp 10 phrabathsmedcphrawchireklaecaxyuhwduephimrayphranamphramhakstriyithykhlngphaph nbsp phrabrmsathislksnphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw n phrathinngckrimhaprasath phrabrmmharachwng nbsp chlxngphraxngkh cdaesdng n phiphithphnthsthanaehngchatiphrankhr nbsp phrathinngphrabathsmedcphracxmeklacdaesdng n phiphithphnthsthanaehngchatiphrankhr nbsp phrabrmrachanusawriyrchkalthi 4 n thimhawithyalykhxnaekn nbsp phrabrmrachanusawriyrchkalthi 4 n phrarachwngsrayrmy nbsp phrabrmchayalksnrchkalthi 4 n phiphithphnth ehriyyksapnanurksxangxingechingxrrth 1 0 1 1 x wiorcn itrephiyr 9 rchkalaehngrachwngsckri sankphimph khlngsuksa 2543 hna 38 50 phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw hna 4 hmxmrachwngsaenngnxy skdisri hna 15 phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw hna 8 phrarachphngsawdarkrungrtnoksinthr rchkalthi 1 txnthi 2 phrarachphithiprabdaphiesk hxngsmuddicithlwchiryan subkhnemux 12 singhakhm 2017 phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw hna 9 hmxmrachwngsaenngnxy skdisri hna 17 phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw ekbthawr 2007 09 27 thi ewyaebkaemchchin cakewpistrakthanithy thankhxmulephuxkarphthnapraeths cdhmayehtu playrchchkalthi 4 aelatnrchchkalthi 5 phrankhr orngphimphosphnphiphrrththnakr 2478 hmxmrachwngsaenngnxy skdisri hna 167 phrarachprawti aelaphrarachkrniykic khxngphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw odysngekhp 12 0 12 1 phbhlkthanihminparis cdhmaykhingmngkudthungnopeliyn nasngsy ikrvks nana silpwthnthrrm chbb minakhm 2547 13 0 13 1 ephysri duk s dr khwamsmphnthrahwangpraethsithy syam kbfrngess rachbnthitysthan krungethph 2539 kartangpraethskbexkrachaelaxthipitykhxngithy rachbnthitysthan krungethph 2742 200 pi phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw phrabidaaehngwithyasastrithy phrabidaaehngwithyasastrithy khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2012 05 15 subkhnemux 2011 06 05 taraessphracxmekla phrabidaaehngohrasastrithyaelaphrabidaaehngwithyasastrithy khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2017 05 07 subkhnemux 2016 05 18 wiwthnakarrabbkarcharaenginkhxngithy ekbthawr 2007 07 08 thi ewyaebkaemchchin thnakharaehngpraethsithy krmsilpakr sankwrrnkrrmaelaprawtisastr 2011 rachskulwngs PDF krungethph sankwrrnkrrmaelaprawtisastr krmsilpakr p 28 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2017 02 02 subkhnemux 2014 10 01 21 0 21 1 phrabrmrachoxngkarprakasthwayphrarachsmyya phrabathsmedcphrapremnthrramathibdisrisinthrmhamngkud phracxmeklaecaxyuhw phrasyamethwmhamkutwithymharach PDF rachkiccanuebksa elm 136 txn 54 kh hna 1 18 tulakhm 2019 subkhnemux 18 tulakhm 2019 snethsnaru phrarachlyckrpracarchkal sankhxsmudklang mhawithyalyramkhaaehng 200 pi phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw phrabidaaehngwithyasastrithy 24 0 24 1 24 2 ladbrachinikulbangchang phrankhr hanghunswncakd siwphr 2501 phngsawdarrachinikulbangchang PDF krungethph orngphimphithy sphanyses 2457 hnngsux culcxmeklaecaxyuhw phrabathsmedcphra ethsnaphrarachprawtiphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw ekbthawr 2016 03 05 thi ewyaebkaemchchin 2505 160 hna aenngnxy skdisri hmxmrachwngs phraxphienawniewsn phrarachniewsninphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw sankphimphmtichn 2549 ISBN 974 323 641 4 ehtukarnsakhyinrchsmyphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw cakbnthukhlkthanaelaehtukarnsmykrungethph manwsar pithi 14 chbbthi 12 thnwakhm ph s 2534 thung pithi 15 chbbthi 3 minakhm ph s 2535 nbsp sthaniyxypraethsithy nbsp sthaniyxyprawtisastr nbsp sthaniyxyphramhakstriyaelaphrabrmwngsanuwngsaehlngkhxmulxun nbsp wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw kxnhna phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw thdip phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw nbsp nbsp phraecakrungsyam 2 emsayn ph s 2394 1 tulakhm ph s 2411 nbsp phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw immi nbsp ifl thrrmyutinikay gif ecaxawaswdbwrniewswihar ph s 2379 ph s 2394 nbsp smedcphramhasmneca krmphrayapwerswriyalngkrn ekhathungcak https th wikipedia org w index php title phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw amp oldid 11987884