อาณาจักรปตานี หรือเอกสารไทยเรียก ราชอาณาจักรปัตตานี (มลายู: كسلطانن ڤطاني; Kerajaan Patani) หรือ รัฐสุลต่านปตานีดารุสซาลาม (كسلطانن ڤطاني دارالسلام; Kesultanan Patani Darussalam) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศไทย ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลาบางส่วนในปัจจุบัน อาณาจักรปัตตานีถือกำเนิดขึ้นจากการเป็นเผ่าเล็ก ๆ รวมตัวกัน มีประชากรอาศัย 200-250 คน มีชื่อว่า ปีสัง โดยแต่ละปีจะมีตูวอลา (หัวหน้าเผ่าในสมัยนั้น) มาปกครอง และจะสลับทุก ๆ 1 ปี ต่อมามีชนกลุ่มใหญ่เข้ามามีบทบาทในแถบนี้มากขึ้น จนในที่สุด ก็ถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรลังกาสุกะ และเปลี่ยนจากชื่อ ปีสัง มาเป็น บาลูกา ซึ่งมีอายุราว หลังจากนั้นราว 100 ปี ลูกชายกษัตริย์ลังกาสุกะได้เดินทางมาถึงที่นี้และรู้สึกประทับใจ เลยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ปตาอีนิง แล้วก่อตั้งเป็นรัฐใหม่ ชื่อ รัฐปตาอีนิง จนมีพ่อค้ามากมายเข้ามาติดต่อค้าขายทั้งจีน อาหรับ แต่ชาวอาหรับเรียกที่นี้ว่า ฟาตอนี เลยมีคนเรียกดินแดนแห่งนี้แตกต่างกันออกไป เดิมอาณาจักรปัตตานีนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน แต่ในราวพุทธศตวรรษที่ 21 ได้เริ่มเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม โดยบางช่วงอาณาจักรแผ่ขยายครอบคลุมถึงรัฐกลันตันและรัฐตรังกานู ตอนกลางของประเทศมาเลเซีย แต่หลังการสิ้นสุดราชวงศ์ศรีวังสา อาณาจักรปัตตานีก็เริ่มเสื่อมลง จนตกอยู่ในอำนาจของสยามในปี พ.ศ. 2329 และกลายเป็นเมืองขึ้นเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 2445 ก็ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสยาม
ราชอาณาจักรปัตตานี ปตานีดารุสซาลาม كسلطانن ڤطاني Kerajaan Patani รัฐสุลต่านปตานีดารุสซาลาม | |||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
พ.ศ. 2000–พ.ศ. 2445 | |||||||||||
ธงชาติ | |||||||||||
แผนที่ของอาณาจักรปตานี | |||||||||||
แบบจำลองแผนผังเมืองหลวงปตานี | |||||||||||
สถานะ | รัฐสุลต่าน | ||||||||||
เมืองหลวง | ปัตตานี | ||||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษามลายูปัตตานี | ||||||||||
การปกครอง | สมบูรณาญาสิทธิราชย์ | ||||||||||
สุลต่าน/รายา | |||||||||||
• พ.ศ. ??-2073 | รายาศรีวังสา (สุลต่านอิสมาอิล ชาห์) | ||||||||||
• พ.ศ. 2073-2106 | สุลต่านมูซัฟฟาร์ ชาห์ | ||||||||||
• พ.ศ. 2127-2159 | รายาฮีเยา | ||||||||||
• พ.ศ. 2159-2167 | รายาบีรู | ||||||||||
• พ.ศ. 2167-2178 | รายาอูงู | ||||||||||
• พ.ศ. 2178-2231 | รายากูนิง | ||||||||||
ประวัติศาสตร์ | |||||||||||
• สถาปนาอาณาจักร | พ.ศ. 2000 | ||||||||||
• เริ่มราชวงศ์กลันตัน | พ.ศ. 2231 | ||||||||||
• ภายใต้ปกครองของสยาม | พ.ศ. 2329 | ||||||||||
• รวมเข้ากับสยาม/ยกเลิกเจ้าเมืองปัตตานี | พ.ศ. 2445 | ||||||||||
| |||||||||||
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ | เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย และบางส่วนของประเทศมาเลเซีย |
ประวัติศาสตร์
ราชวงศ์ศรีวังสา
เมืองปัตตานีพัฒนาขึ้นมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมฝั่งทะเล เมื่อมีเรือสินค้ามาจอดแวะอยู่บ่อย ๆ เมืองก็ขยายตัวออกไป มีผู้คนมาอาศัยหนาแน่น รายาศรีวังสาจึงย้ายเมืองหลวงจาก "โกตามะห์ลิฆัย" เมืองหลวงเก่ามายังปัตตานี สมัยนั้นการติดต่อกับต่างชาติ โดยเฉพาะอินเดียและคาบสมุทรอาหรับได้ส่งผลสำคัญคือการยอมรับนับถือศาสนาอิสลามโดยตามตำนานกล่าวว่าชาวปาไซทำการรักษาอาการป่วยของรายาอินทิราที่ไม่มีใครสามารถรักษาให้หายได้ พระองค์จึงยินยอมรับนับถือศาสนาอิสลาม และการดัดแปลงอักษรอาหรับเป็นอักษรยาวี นอกจากนี้ยังติดต่อกับอาณาจักรอยุธยาอย่างใกล้ชิด ดังที่ปรากฏในปี พ.ศ. 2106 ว่ากองทัพปัตตานีได้เดินทางมาถึงอยุธยา และได้ก่อความวุ่นวายขึ้น จากเหตุการณ์นี้ทำให้ความสัมพันธ์กับอยุธยาตกต่ำลง ขณะที่เหตุการณ์ภายในก็เต็มไปด้วยการแย่งชิงอำนาจในหมู่เครือญาติเรื่อยมา จนกระทั่งไม่มีผู้สืบทอดอำนาจหลงเหลือ บัลลังก์รายาจึงตกเป็นของสตรีในที่สุด
อาณาจักรปัตตานีในช่วงสมัยรายาฮีเยา (พ.ศ. 2127-2159) ถึงรายากูนิง (พ.ศ. 2178-2231) ซึ่งล้วนเป็นกษัตรีย์ ถือเป็นอาณาจักรของชาวมลายูที่มีความรุ่งเรืองมากที่สุด หลังจากมะละกาตกเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกส ทำให้ปัตตานีกลายเป็นศูนย์กลางการค้าขายและมีความรุ่งเรืองมาก ดังบันทึกของชาวต่างชาติว่า
“พลเมืองปัตตานีมีชายอายุ 16-60 ปี อยู่ถึง 150,000 คน เมืองปัตตานีมีผู้คนหนาแน่น เต็มไปด้วยบ้านเรือน บ้านเรือนราษฎรนับตั้งแต่ประตูราชวังถึงตัวเมืองปลูกสร้างเรียงรายไม่ขาดระยะ หากว่ามีแมวเดินบนหลังคาบ้านหลังแรกไปยังหลังสุดท้าย ก็เดินได้โดยไม่ต้องกระโดดลงบนพื้นดินเลย”
และ “ปัตตานีมีแคว้นต่างๆ อยู่ภายใต้การปกครองถึง 43 แคว้น รวมทั้งตรังกานู และกลันตันด้วย”
ในสมัยรายาฮีเยา การติดต่อค้าขายกับต่างชาติเจริญรุ่งเรืองมาก มีเรือสินค้าเข้ามาเทียบท่าอย่างไม่ขาดสาย และเริ่มการค้ากับฮอลันดา สเปน และอังกฤษเป็นครั้งแรก พระองค์ยังพระราชทานพระขนิษฐาอูงูแก่สุลต่านแคว้นปะหัง เพื่อคานอำนาจกับแคว้นยะโฮร์ ต่อมาในสมัยรายาบีรู ปัตตานีและกลันตันรวมตัวกันเป็นสมาพันธรัฐปัตตานี และทรงพระราชทานพระธิดากูนิง ธิดาของพระขนิษฐาอูงูกับสุลต่านแคว้นปะหัง แก่ออกญาเดชา หรือออกญาศรีราชเดชไชยท้ายน้ำอะไภยพิรียปรากรมภาหุท้ายน้ำ เป็นเจ้ากรมอาสาหกฝ่ายซ้ายและเป็นบุตรเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช
แต่หลังจากรายาบีรูสวรรคตในปี 2167 รายาอูงูซึ่งเสด็จกลับมาจากปะหังก็ตัดสัมพันธ์กับอยุธยา ทรงยุติการส่งบรรณาการแด่อยุธยา จึงเกิดข้อพิพาทครั้งใหญ่ในภูมิภาคคาบสมุทรมลายู ด้วยการที่พระองค์ทรงนำกำลังภายใต้บังคับบัญชาของพระองค์เองยกทัพตีเมืองพัทลุงและนครศรีธรรมราช พระนางยังให้พระธิดากูนิง ที่ครั้งหนึ่งในรัชสมัยรายาบีรูเคยหมั้นหมายกับออกญาเดชาไว้ถูกถอดถอน โดยการให้รายากูนิงอภิเษกสมรสกับสุลต่านแห่งรัฐยะโฮร์แทน และการปฏิบัติการทางทหารในครั้งนี้ของรายาอูงู ราชินีแห่งอาณาจักรปัตตานี สตรีผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในคาบสมุทรมลายู ได้แสดงแสนยานุภาพทางทหารของพระองค์ รวมกับกองกำลังผสมจากต่างชาติภายใต้บังคับบัญชาของ Christoph Carl Fernberger จึงทำให้การสงครามจบลงโดยการลงนามสนธิสัญญาสงบศึกเพื่อยุติข้อพิพาทระหว่างปัตตานีกับอยุธยา พิธีการให้คำสัตยาบันในการลงนามข้อตกลงครั้งนี้ได้จัดขึ้นที่หมู่บ้านเปียนในเขตหัวเมืองจะนะ หรือ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลาในปัจจุบัน. ซึ่งรายละเอียดข้อตกลงในการลงนามสนธิสัญญาครั้งนี้มีด้วยกันห้าประการ ตัวอย่างบางข้อเช่น "ข้อที่สอง - กษัตริย์แห่งสยามจะทรงไม่มีสิทธิเรียกร้องใด ๆ ต่อราชอาณาจักรปัตตานีอีกต่อไป" โดยในข้อนี้จะเป็นการบ่งบอกถึงความเป็นรัฐเอกราชที่มีอำนาจปกครองตนเองเป็นเอกเทศอย่างเป็นรูปธรรม และมีอำนาจอธิปไตยของราชอาณาจักรปัตตานีที่ถูกต้องชัดเจน ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองพยายามทรงส่งกองทัพเข้าโจมตีเมืองปัตตานีในปี พ.ศ. 2177 แต่ไม่อาจเอาชนะได้ เมื่อถึงปี พ.ศ. 2178 รายาอูงูเสด็จสวรรคต.
รัตนโกสินทร์
ในปี พ.ศ. 2329 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงยกทัพตีเมืองปัตตานีไว้ได้ ปัตตานีจึงเป็นประเทศราชของสยามตั้งแต่นั้นมา กองทัพสยามยึดเอาทรัพย์สมบัติและปืนใหญ่ที่หล่อในสมัยรายาบีรูไป 3 กระบอก แต่เหลือมาถึงกรุงเทพเพียง 1 กระบอก คือปืนใหญ่พญาตานี ปัจจุบันอยู่หน้ากระทรวงกลาโหม ความไม่พอใจต่อการปกครองของชาวสยาม ก่อให้เกิดกบฏครั้งใหญ่ 4 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2334 และ พ.ศ. 2351 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงแยกอาณาจักรปัตตานีเป็น 7 หัวเมือง และในปี พ.ศ. 2374 และ พ.ศ. 2381 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตัดสินพระทัยให้ราชวงศ์กลันตันปกครองปัตตานีต่อมา กระทั่งปีพ.ศ. 2445 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเตรียมการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล การปกครองโดยราชวงศ์กลันตันจึงยุติลง และถือเป็นปีสิ้นสุดของอาณาจักรปัตตานี ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของสยามโดยสมบูรณ์ มณฑลปัตตานีก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2449 แต่ถึงปีพ.ศ. 2466 ชาวบ้านจำนวนมากก็ออกมาชุมนุมประท้วงข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงออกพระบรมราโชบายสำหรับมณฑลปัตตานี เมื่อ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2466 ไว้ 6 ข้อเพื่อแก้ไขความไม่เป็นธรรมของเจ้าหน้าที่และข้าราชการ และนำไปสู่การยุบมณฑลปัตตานีเป็น 3 จังหวัด คือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จนถึงทุกวันนี้
แต่ถึงกระนั้นยังคงมีการชุมนุมประท้วงการปกครองจากรัฐบาลอยู่เสมอ เช่น พ.ศ. 2482 จอมพลแปลก พิบูลสงครามได้จัดตั้งสภาวัฒนธรรม บังคับให้ประชาชนสวมหมวก แต่งกายแบบไทย ทำตามวัฒนธรรมไทย ห้ามพูดภาษามลายู ฯลฯ รวมกับการกดขี่จากเจ้าหน้าที่รัฐจนลุกลามไปเป็นกบฏดุซงญอในพ.ศ. 2491 มีผู้เสียชีวิตกว่า 400 คน ตามมาด้วยการชุมนุมยืดเยื้อกว่า 45 วันของชาวจังหวัดปัตตานีนับแสนคนที่หน้ามัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ในปีพ.ศ. 2518 หลังจากการวิสามัญฆาตกรรมชาวบ้าน 5 ศพ นำไปสู่เหตุวุ่นวายที่มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต 12 ราย และการประท้วงของชาวบ้านกว่า 3 หมื่นคน ใน พ.ศ. 2528 เมื่อกระทรวงศึกษาธิการออกคำสั่งให้ประดิษฐานพระพุทธรูปในโรงเรียน และอีก 3 ปีต่อมาก็ออกคำสั่งห้ามคลุมศีรษะ (ฮิญาบ) เข้าสถานศึกษา หรือกรณีมัสยิดกรือเซะ ที่มีผู้เสียชีวิต 107 คน และ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอีกกว่า 84 คน ซึ่งก่อนหน้านั้นได้มีการยักยอกปืนของหลวงเพื่อใช้ก่อความไม่สงบ
ศาสนาอิสลามในปัตตานี
"ปตานีดารุสซาลาม" (فطانى د ارالسلام) มีความหมายว่า "ปตานี นครรัฐแห่งสันติภาพ" ได้เป็นนามเรียกขานภายหลังการเข้ารับอิสลามของสุลต่าน อิสมาอีล ชาห์ ซิลลุลลอฮฺ ฟิลอาลัม (ชื่อเดิมคือ พญาตูนักปาอินทิรามหาวังสา) ในราวปี ค.ศ.1457
ลำดับกษัตริย์และผู้ปกครองอาณาจักรปัตตานี
- ราชวงศ์ศรีวังสา
ลำดับ | รายพระนามผู้ปกครองปัตตานีแห่งราชวงศ์ศรีวังสา | ครองราชย์ | ระยะเวลา |
---|---|---|---|
รัชกาลที่ 1 | สุลต่านอิสมาอิล ชาห์ | พ.ศ. 2043 - พ.ศ. 2073 | 30 ปี |
รัชกาลที่ 2 | สุลต่านมูซัฟฟาร์ ชาห์ | พ.ศ. 2073 - พ.ศ. 2106 | 33 ปี |
รัชกาลที่ 3 | สุลต่านมันซูร์ ชาห์ | พ.ศ. 2106 - พ.ศ. 2115 | 9 ปี |
รัชกาลที่ 4 | สุลต่านปาเตะสยาม | พ.ศ. 2115 - พ.ศ. 2116 | 1 ปี |
รัชกาลที่ 5 | สุลต่านบะห์ดูร์ ชาห์ | พ.ศ. 2116 - พ.ศ. 2127 | 11 ปี |
รัชกาลที่ 6 | รายาฮีเยา | พ.ศ. 2127 - พ.ศ. 2159 | 32 ปี |
รัชกาลที่ 7 | รายาบีรู | พ.ศ. 2159 - พ.ศ. 2167 | 8 ปี |
รัชกาลที่ 8 | รายาอูงู | พ.ศ. 2167 - พ.ศ. 2178 | 11 ปี |
รัชกาลที่ 9 | รายากูนิง | พ.ศ. 2178 - พ.ศ. 2231 | 53 ปี |
- การเปลี่ยนผ่านอำนาจทางการเมืองในช่วงปี พ.ศ. 2184 ดินแดนมลายูขณะนั้นได้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองทั้งภายในและภายนอก ที่เป็นรูปแบบการต่อสู้แย่งชิงความเป็นใหญ่หรือเป็นผู้นำสมาพันธรัฐในคาบสมุทรมลายู โดยเหตุการณ์นี้เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดความวุ่นวายต่างๆและสถานการณ์ที่มีความซับซ้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในบรรดารัฐการค้าแถบคาบสมุทรมลายูอย่างมหาศาล เนื่องจากความพยายามเข้าไปมีบทบาททางการเมืองของกลุ่มขั้วอำนาจเกิดใหม่ในการแข่งขันทางการค้าและด้านแสนยานุภาพทางการทหารครั้งนี้ อย่างเช่น. รัฐซิงโฆรา รัฐเคดาห์ เมืองพัทลุง เป็นต้น
- เมื่อปี พ.ศ.2187 เกิดความโกลาหลภายในราชสำนักปัตตานี -เนื่องจากการแทรกแซงของรัฐอาเจะห์ โดยอาศัยช่องทางผ่านการอภิเษกสมรสครั้งใหม่ระหว่าง รายากูนิง กับ" ยังดีเปอร์ตวนมูดา รายาบาเจา(Yang Dipertuan Muda Raja Bajau) "มกุฏราชกุมารแห่งรัฐยะโฮร์ ซึ่งในเวลาต่อมากลับไปตกหลุมรักนางบำเรอที่ชื่อ" ดังซีรัต(Dang Sirat)" จนหัวปักหัวปำถึงขั้นกล้าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อันเป็นการเหยียบย้ำจิตใจของชาวปัตตานีทั้งแผ่นดิน
- เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2188 ขุนนางปัตตานีที่จงรักภักดีต่อพระราชินี หมดความอดทนกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของมกุฎราชกุมารแห่งยะโฮร์และผู้ติดตามชาวอาเจะห์ จึงได้ลุกขึ้นต่อต้านพวกเขาจนกระทั่งเกิดโศกนาฏกรรมการสังหารหมู่ชาวยะโฮร์และชาวอาเจะห์ ที่หมู่บ้านปาซีร์(Pasir)
- เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2188 รายากูนิง ราชินีแห่งปัตตานีได้ส่งพระราชสาส์นถึงกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นสิ่งที่บงชี้ว่า พระองค์ประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูระบอบราชาธิปไตยแบบเดิม โดยสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ดังกล่าวให้กลับคืนสู่ภาวะปกติได้อีกครั้ง
- ในปี พ.ศ.2203 เกิดข้อพิพาทระหว่าง อาณาจักรปัตตานี กับ รัฐซิงโฆรา สงครามนี้เกิดขึ้นเพื่อชิงความเป็นใหญ่ในน่านน้ำคาบสมุทรมลายู จนเกิดสงครามยุทธนาวีย่อยๆอยู่หลายครั้ง ซึ่งเป็นสงครามที่ยืดเยื้อมานานหลายสิบปี และการสู้รบครั้งใหญ่เกิดขึ้นสามครั้ง ได้แก่ ในปี พ.ศ.2212 , พ.ศ.2214 และ พ.ศ.2217
- ในส่วนความขัดแย้งทางการเมืองภายในปัตตานีขณะนั้น เกิดการก่อกบฏขึ้นภายในราชสำนักโดยกลุ่มคณะรัฐประหารภายใต้การนำของรายากาลี ที่ใช้กำลังทางทหารเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลของรายากูนิง แต่ความพยายามในการรัฐประหารครั้งนี้ประสบความล้มเหลว นอกจากนี้ยังมีข้อมูลตามตำนานมุขปาฐะได้กล่าวกันว่า ในปี พ.ศ. 2192-พ.ศ. 2196 ความขัดแย้งในอาณาจักรปัตตานีเกิดจากการเข้ามามีอิทธิพลของรายาศักตีจากกลันตัน ที่ได้รับการสนับสนุนจากราชสำนักอยุธยาในการโค่นล้มรายากูนิง โดยฉวยโอกาสก่อการกบฏในช่วงที่การเมืองภายในปัตตานีกำลังเผชิญปัญหาวิกฤตจากการแทรกแซงของชาวอาเจะห์และอยุธยา
- สิ้นสุดเชื้อสายราชวงศ์ศรีวังสา. ในช่วงบั้นปลายชีวิตของรายากูนิง ขณะที่พระองค์ทรงครองราชย์หลังจากผ่านพ้นวิกฤติเหล่านั้นได้ไม่นาน รายากูนิงเริ่มมีพระอาการประชวรสาหัสจนเสด็จสวรรคต โดยไม่มีโอรสหรือธิดาที่จะสืบราชสันตติวงศ์ และมิได้มีการสถาปนาตำแหน่งมกุฏราชกุมารเพื่อขึ้นครองราชย์เป็นประมุขแห่งรัฐสืบต่อจากพระองค์. รายากูนิงจึงเป็นประมุของค์สุดท้ายแห่งอาณาจักรปัตตานีที่สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ศรีวังสา และมีการเฉลิมพระนามถวายแด่พระองค์ภายหลังเสด็จสวรรคตว่า" มัรฮูมเบอซาร์ " เนื่องจากพระองค์เคยอภิเษกสมรสกับ ยังดีเปอร์ตวนเบอซาร์ รายาบูจัง(Yang Dipertuan Besar Raja Bujang) ประมุขแห่งรัฐยะโฮร์. หลังจากนั้นเหล่าบรรดาเสนาบดีทั้งปวงมารวมตัวกันประชุมเพื่อหารือเรื่องในการแต่งตั้งประมุของค์ใหม่ จึงได้มีการอันเชิญผู้ที่มีเชื้อสายเจ้าเมืองจากกลันตัน ให้ขึ้นมาเป็นประมุขแห่งอาณาจักรปัตตานีสืบไป
- ราชวงศ์กลันตันที่หนึ่ง.(ประมุขหุ่นเชิด) ประมุขทุกพระองค์ในราชวงศ์กลันตันจะต้องผ่านการรับรองหรือได้รับการแต่งตั้งโดยเหล่าบรรดาเสนาบดีผู้ทรงอิทธิพลในปัตตานี ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์.
ลำดับ | รายพระนามผู้ปกครองปัตตานีแห่งราชวงศ์กลันตัน | ครองราชย์ | ระยะเวลา |
---|---|---|---|
รัชกาลที่ 1 | รายาบากาล | พ.ศ. 2231 - พ.ศ. 2233 | 2 ปี |
รัชกาลที่ 2 | รายามัสกลันตัน | พ.ศ. 2233 - พ.ศ. 2247 | 14 ปี |
รัชกาลที่ 3 | รายามัสจายัม | พ.ศ. 2247 - พ.ศ. 2250 | 3 ปี (ครั้งแรก) |
รัชกาลที่ 4 | รายาเดวี | พ.ศ. 2250 - พ.ศ. 2259 | 9 ปี |
รัชกาลที่ 5 | รายาบึนดังบาดัน | พ.ศ. 2259 - พ.ศ. 2263 | 4 ปี |
รัชกาลที่ 6 | รายาลักษมณาดาจัง | พ.ศ. 2263 - พ.ศ. 2264 | 1 ปี |
รัชกาลที่ 7 | รายามัสจายัม | พ.ศ. 2264 - พ.ศ. 2271 | 7 ปี (ครั้งที่สอง) |
รัชกาลที่ 8 | รายาอาหลงยูนุส | พ.ศ. 2271 - พ.ศ. 2272 | 1 ปี |
รัชกาลที่ 9 | สุลต่านมูฮัมหมัด ดูวา | พ.ศ. 2319 - พ.ศ. 2329 | 10 ปี |
ภายใต้การปกครองของสยาม
ลำดับ | นาม | ปีที่ปกครอง | |
---|---|---|---|
1 | พระยาตานี (รายาบังดังบันดัน หรือเติงกูลามีเด็น) | พ.ศ. 2328-2334 | ภายใต้การปกครองของสยาม |
2 | พระยาตานี (ดาโต๊ะปังกาลัน) | พ.ศ. 2334-2352 | |
3 | พระยาตานี (ขวัญซ้าย) | พ.ศ. 2352-2358 | |
4 | พระยาตานี (พ่าย) | พ.ศ. 2358-2359 | |
5 | พระยาตานี (ตวนสุหลง) | พ.ศ. 2359-2375 | |
6 | พระยาตานี (นิยูโซฟ) | พ.ศ. 2375-2381 | |
7 | พระยาวิชิตภักดีศรีสุรวังษารัตนาณาเขตรประเทศราช (ตนกูปะสา) | พ.ศ. 2381-2399 | |
8 | พระยาวิชิตภักดีศรีสุรวังษารัตนาณาเขตรประเทศราช (เต็งกูปูเตะ) | พ.ศ. 2399-2425 | |
9 | พระยาวิชิตภักดีศรีสุรวังษารัตนาณาเขตรประเทศราช (เต็งกูตีมุง) | พ.ศ. 2425-2433 | |
10 | พระยาวิชิตภักดีศรีสุรวังษารัตนาณาเขตรประเทศราช (เต็งกูสุไลมานซารีฟุดดีน) | พ.ศ. 2433-2442 | |
11 | พระยาวิชิตภักดีศรีสุรวังษารัตนาเขตประเทศราช (เต็งกูอับดุลกอเดร์ กามารุดดีน) | พ.ศ. 2442-2445 |
อ้างอิง
- อารีฟีน บินจิและคณะ. ประวัติศาสตร์และการเมืองในโลกมลายู, 2550, หน้า 63
- "จากลังกาสุกะ มาเป็นเมืองปัตตานี (2)"[] อ้างอิงจาก หนังสือประวัติเมืองลังกาสุกะ - เมืองปัตตานี โดย อนันต์ วัฒนานิกร
- "ราชาอินทิรา" 2013-03-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนหนังสือเรื่อง บุคคลสำคัญของปัตตานี โดย รศ.มัลลิกา คณานุรักษ์ (๒๕๔๕)
- อิบรอฮิม ชุกรี. ประวัติศาสตร์ราชอาณาจักรมลายูปะตานี. เชียงใหม่:ซิลค์เวอร์มบุ๊คส์, 2549
- "การต่อสู้ของรัฐปัตตานี ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน " บันทึกของAlexander Hamilton 2009-09-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน บทความประวัติเมืองปัตตานี-ปัตตานีนครแห่งสันติ
- "รายาฮิเยา" 2012-08-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ปัตตานี
- "ปัตตานีดารุสซาลาม | OK NATION". www.oknation.net (ภาษาอังกฤษ).
- "ปตานีดารุสซาลาม | OK NATION". www.oknation.net (ภาษาอังกฤษ).
- เปิดบันทึก “แฟร์นแบร์เกอร์” ชาวออสเตรียผู้นำทัพปตานี รบชนะอยุธยา silpa-mag.com [1]
- "ความสัมพันธ์ ระหว่างสยามกับปัตตานี (แบบย่อ)"[]จากโอเคเนชั่น โดย จอมมาร 26[]
- "ปัตตานีที่ถูกลืม"Sejarah Kerjaan Patani
- "ศึกษาขบวนการแบ่งแยกดินแดนและการก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย”[] โดยอาจารย์ชิดชนก ราฮมมลา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
- "พระบรมราโชบายเกี่ยวกับมณฑลปัตตานี 2466"[]พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ และสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ กับหัวเมืองปักษ์ใต้ โดยดร.ชัชพล ไชยพร
- "บันทึกความทรงจำของการต่อสู้ที่ถูกลืม : การประท้วงใหญ่ที่ปัตตานีปี 2518" บทความ ฟาตอนีออนไลน์
- "Muslim Separatism: The Moros of Southern Philippines and the Malays of Southern Thailand" Kadir Che Man (W.), Oxford University Press, 1990
- อิบรอฮิม ชุกรี. ประวัติศาสตร์ราชอาณาจักรมลายูปะตานี. เชียงใหม่:ซิลค์เวอร์มบุ๊คส์, 2549
- "มลายู ดินแดนแห่งอารยธรรม"รายพระนามกษัตริย์,ราชินีและเจ้าเมืองที่ปกครองปาตานี
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-11-22. สืบค้นเมื่อ 2010-02-01.
- Hikayat Patani the Story of Patani By A. Teeuw, D. K. Wyatt ,p.11 Internet Archive.
- Vol. 10, No. 3, International Trade and Politics in Southeast Asia 1500-1800 (Dec., 1969), pp. 429-452 JSTOR
- The Muslim Sultans of Singora in the 17th Century ,p.52
- Hikayat Patani the Story of Patani By A. Teeuw, D. K. Wyatt ,p.116 Internet Archive.
- Hikayat Patani the Story of Patani By A. Teeuw, D. K. Wyatt ,p.117 Internet Archive.
- Hikayat Patani the Story of Patani By A. Teeuw, D. K. Wyatt ,p.120 Internet Archive
- Vol. 10, No. 3, International Trade and Politics in Southeast Asia 1500-1800 (Dec., 1969), pp. 444 JSTOR
- Journal of the Siam Society, Vol. 109, Pt. 1, 2021 ,p.54
- Hikayat Patani the Story of Patani By A. Teeuw, D. K. Wyatt ,p.125 Internet Archive.
- The Hikayat Patani: The Kingdom of Patani i n the Malay and Thai Political World vol. 84, no. 2 (301), 2011, p.52 JSTOR
- Hikayat Patani the Story of Patani By A. Teeuw, D. K. Wyatt ,p.127 Internet Archive
- Hikayat Patani the Story of Patani By A. Teeuw, D. K. Wyatt ,p.128 Internet Archive.
- Hikayat Patani the Story of Patani By A. Teeuw, D. K. Wyatt ,p.21 Internet Archive.
- Hikayat Patani the Story of Patani By A. Teeuw, D. K. Wyatt ,p.22 Internet Archive
- Teeuw, Andries; Wyatt, David K. (1970). "Hikayat Patani the Story of Patani". SpringerLink (ภาษาอังกฤษ). doi:10.1007/978-94-015-2598-5.
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xanackrptani hruxexksarithyeriyk rachxanackrpttani mlayu كسلطانن ڤطاني Kerajaan Patani hrux rthsultanptanidarussalam كسلطانن ڤطاني دارالسلام Kesultanan Patani Darussalam tngxyuthangtxnitkhxngpraethsithy inphunthicnghwdpttani yala nrathiwas aelasngkhlabangswninpccubn xanackrpttanithuxkaenidkhuncakkarepnephaelk rwmtwkn miprachakrxasy 200 250 khn michuxwa pisng odyaetlapicamituwxla hwhnaephainsmynn mapkkhrxng aelacaslbthuk 1 pi txmamichnklumihyekhamamibthbathinaethbnimakkhun cninthisud kthukrwmepnswnhnungkhxngxanackrlngkasuka aelaepliyncakchux pisng maepn baluka sungmixayuraw hlngcaknnraw 100 pi lukchaykstriylngkasukaidedinthangmathungthiniaelarusukprathbic elyepliynchuxihmepn ptaxining aelwkxtngepnrthihm chux rthptaxining cnmiphxkhamakmayekhamatidtxkhakhaythngcin xahrb aetchawxahrberiykthiniwa fatxni elymikhneriykdinaednaehngniaetktangknxxkip edimxanackrpttaninbthuxsasnaphuththnikaymhayan aetinrawphuththstwrrsthi 21 iderimepliynipnbthuxsasnaxislam odybangchwngxanackraephkhyaykhrxbkhlumthungrthklntnaelarthtrngkanu txnklangkhxngpraethsmaelesiy aethlngkarsinsudrachwngssriwngsa xanackrpttanikerimesuxmlng cntkxyuinxanackhxngsyaminpi ph s 2329 aelaklayepnemuxngkhuneruxymacnthungpi ph s 2445 kthukrwmekhaepnswnhnungkhxngsyamrachxanackrpttani ptanidarussalam كسلطانن ڤطاني Kerajaan Patani rthsultanptanidarussalamph s 2000 ph s 2445thngchatiaephnthikhxngxanackrptaniaebbcalxngaephnphngemuxnghlwngptanisthanarthsultanemuxnghlwngpttaniphasathwipphasamlayupttanikarpkkhrxngsmburnayasiththirachysultan raya ph s 2073rayasriwngsa sultanxismaxil chah ph s 2073 2106sultanmusffar chah ph s 2127 2159rayahieya ph s 2159 2167rayabiru ph s 2167 2178rayaxungu ph s 2178 2231rayakuningprawtisastr sthapnaxanackrph s 2000 erimrachwngsklntnph s 2231 phayitpkkhrxngkhxngsyamph s 2329 rwmekhakbsyam ykelikecaemuxngpttaniph s 2445kxnhna thdipxanackrlngkasuka xanackrrtnoksinthrpccubnepnswnhnungkhxngepnswnhnungkhxngpraethsithy aelabangswnkhxngpraethsmaelesiyprawtisastrrachwngssriwngsa hikayt pttanikhbwnesdckhxngrayahieya emuxngpttaniphthnakhunmacakhmubanelk rimfngthael emuxmieruxsinkhamacxdaewaxyubxy emuxngkkhyaytwxxkip miphukhnmaxasyhnaaenn rayasriwngsacungyayemuxnghlwngcak oktamahlikhy emuxnghlwngekamayngpttani smynnkartidtxkbtangchati odyechphaaxinediyaelakhabsmuthrxahrbidsngphlsakhykhuxkaryxmrbnbthuxsasnaxislamodytamtananklawwachawpaisthakarrksaxakarpwykhxngrayaxinthirathiimmiikhrsamarthrksaihhayid phraxngkhcungyinyxmrbnbthuxsasnaxislam aelakarddaeplngxksrxahrbepnxksryawi nxkcakniyngtidtxkbxanackrxyuthyaxyangiklchid dngthipraktinpi ph s 2106 wakxngthphpttaniidedinthangmathungxyuthya aelaidkxkhwamwunwaykhun cakehtukarnnithaihkhwamsmphnthkbxyuthyatktalng khnathiehtukarnphayinketmipdwykaraeyngchingxanacinhmuekhruxyatieruxyma cnkrathngimmiphusubthxdxanachlngehlux bllngkrayacungtkepnkhxngstriinthisud xanackrpttaniinchwngsmyrayahieya ph s 2127 2159 thungrayakuning ph s 2178 2231 sunglwnepnkstriy thuxepnxanackrkhxngchawmlayuthimikhwamrungeruxngmakthisud hlngcakmalakatkepnemuxngkhunkhxngoprtueks thaihpttaniklayepnsunyklangkarkhakhayaelamikhwamrungeruxngmak dngbnthukkhxngchawtangchatiwa phlemuxngpttanimichayxayu 16 60 pi xyuthung 150 000 khn emuxngpttanimiphukhnhnaaenn etmipdwybaneruxn baneruxnrasdrnbtngaetpraturachwngthungtwemuxngpluksrangeriyngrayimkhadraya hakwamiaemwedinbnhlngkhabanhlngaerkipynghlngsudthay kedinidodyimtxngkraoddlngbnphundinely aela pttanimiaekhwntang xyuphayitkarpkkhrxngthung 43 aekhwn rwmthngtrngkanu aelaklntndwy insmyrayahieya kartidtxkhakhaykbtangchatiecriyrungeruxngmak mieruxsinkhaekhamaethiybthaxyangimkhadsay aelaerimkarkhakbhxlnda sepn aelaxngkvsepnkhrngaerk phraxngkhyngphrarachthanphrakhnisthaxunguaeksultanaekhwnpahng ephuxkhanxanackbaekhwnyaohr txmainsmyrayabiru pttaniaelaklntnrwmtwknepnsmaphnthrthpttani aelathrngphrarachthanphrathidakuning thidakhxngphrakhnisthaxungukbsultanaekhwnpahng aekxxkyaedcha hruxxxkyasrirachedchichythaynaxaiphyphiriyprakrmphahuthayna epnecakrmxasahkfaysayaelaepnbutrecaemuxngnkhrsrithrrmrach aethlngcakrayabiruswrrkhtinpi 2167 rayaxungusungesdcklbmacakpahngktdsmphnthkbxyuthya thrngyutikarsngbrrnakaraedxyuthya cungekidkhxphiphathkhrngihyinphumiphakhkhabsmuthrmlayu dwykarthiphraxngkhthrngnakalngphayitbngkhbbychakhxngphraxngkhexngykthphtiemuxngphthlungaelankhrsrithrrmrach phranangyngihphrathidakuning thikhrnghnunginrchsmyrayabiruekhyhmnhmaykbxxkyaedchaiwthukthxdthxn odykarihrayakuningxphiesksmrskbsultanaehngrthyaohraethn aelakarptibtikarthangthharinkhrngnikhxngrayaxungu rachiniaehngxanackrpttani striphuthrngxiththiphlmakthisudinkhabsmuthrmlayu idaesdngaesnyanuphaphthangthharkhxngphraxngkh rwmkbkxngkalngphsmcaktangchatiphayitbngkhbbychakhxng Christoph Carl Fernberger cungthaihkarsngkhramcblngodykarlngnamsnthisyyasngbsukephuxyutikhxphiphathrahwangpttanikbxyuthya phithikarihkhastyabninkarlngnamkhxtklngkhrngniidcdkhunthihmubanepiyninekhthwemuxngcana hrux x sabayxy c sngkhlainpccubn sungraylaexiydkhxtklnginkarlngnamsnthisyyakhrngnimidwyknhaprakar twxyangbangkhxechn khxthisxng kstriyaehngsyamcathrngimmisiththieriykrxngid txrachxanackrpttanixiktxip odyinkhxnicaepnkarbngbxkthungkhwamepnrthexkrachthimixanacpkkhrxngtnexngepnexkethsxyangepnrupthrrm aelamixanacxthipitykhxngrachxanackrpttanithithuktxngchdecn txmainrchsmysmedcphraecaprasaththxngphyayamthrngsngkxngthphekhaocmtiemuxngpttaniinpi ph s 2177 aetimxacexachnaid emuxthungpi ph s 2178 rayaxunguesdcswrrkht aephnthixawsyam sarwcody Isaac de Graaff thiaesdngthungtaaehnngkhxngpatani danlangsud rtnoksinthr punihyphyatani chuxedim sripttani sungkxngthphkhxngkrmphrarachwngbwrmhasursinghnath idnamaiwthikrungethph emuxkhrngsyamykthphiptiemuxngpttanisaercin ph s 2329 buhngamas bunga mas hrux tnimengintnimthxng brrnakaraedsyam inpi ph s 2329 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachthrngykthphtiemuxngpttaniiwid pttanicungepnpraethsrachkhxngsyamtngaetnnma kxngthphsyamyudexathrphysmbtiaelapunihythihlxinsmyrayabiruip 3 krabxk aetehluxmathungkrungethphephiyng 1 krabxk khuxpunihyphyatani pccubnxyuhnakrathrwngklaohm khwamimphxictxkarpkkhrxngkhxngchawsyam kxihekidkbtkhrngihy 4 khrng inpi ph s 2334 aela ph s 2351 insmyphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly thrngaeykxanackrpttaniepn 7 hwemuxng aelainpi ph s 2374 aela ph s 2381 insmyphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw thrngtdsinphrathyihrachwngsklntnpkkhrxngpttanitxma krathngpiph s 2445 phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw thrngetriymkarpkkhrxngaebbmnthlethsaphibal karpkkhrxngodyrachwngsklntncungyutilng aelathuxepnpisinsudkhxngxanackrpttani sungklayepnswnhnungkhxngsyamodysmburn mnthlpttanikxtngkhuninpi ph s 2449 aetthungpiph s 2466 chawbancanwnmakkxxkmachumnumprathwngkharachkaraelaecahnathiinthxngthin phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwcungthrngxxkphrabrmraochbaysahrbmnthlpttani emux 2 krkdakhm ph s 2466 iw 6 khxephuxaekikhkhwamimepnthrrmkhxngecahnathiaelakharachkar aelanaipsukaryubmnthlpttaniepn 3 cnghwd khux pttani yala aelanrathiwas cnthungthukwnni aetthungkrannyngkhngmikarchumnumprathwngkarpkkhrxngcakrthbalxyuesmx echn ph s 2482 cxmphlaeplk phibulsngkhramidcdtngsphawthnthrrm bngkhbihprachachnswmhmwk aetngkayaebbithy thatamwthnthrrmithy hamphudphasamlayu l rwmkbkarkdkhicakecahnathirthcnluklamipepnkbtdusngyxinph s 2491 miphuesiychiwitkwa 400 khn tammadwykarchumnumyudeyuxkwa 45 wnkhxngchawcnghwdpttaninbaesnkhnthihnamsyidklangcnghwdpttani inpiph s 2518 hlngcakkarwisamykhatkrrmchawban 5 sph naipsuehtuwunwaythimiphuchumnumesiychiwit 12 ray aelakarprathwngkhxngchawbankwa 3 hmunkhn in ph s 2528 emuxkrathrwngsuksathikarxxkkhasngihpradisthanphraphuththrupinorngeriyn aelaxik 3 pitxmakxxkkhasnghamkhlumsirsa hiyab ekhasthansuksa hruxkrnimsyidkruxesa thimiphuesiychiwit 107 khn aela sungmiphuesiychiwitxikkwa 84 khn sungkxnhnannidmikarykyxkpunkhxnghlwngephuxichkxkhwamimsngbsasnaxislaminpttani ptanidarussalam فطانى د ارالسلام mikhwamhmaywa ptani nkhrrthaehngsntiphaph idepnnameriykkhanphayhlngkarekharbxislamkhxngsultan xismaxil chah sillullxh filxalm chuxedimkhux phyatunkpaxinthiramhawngsa inrawpi kh s 1457ladbkstriyaelaphupkkhrxngxanackrpttanimsyidkruxesa sylksnaehngkhwamrungeruxnginxditkhxngxanackrpttanimnthlpttani ph s 2449 2466rachwngssriwngsaladb rayphranamphupkkhrxngpttaniaehngrachwngssriwngsa khrxngrachy rayaewlarchkalthi 1 sultanxismaxil chah ph s 2043 ph s 2073 30 pirchkalthi 2 sultanmusffar chah ph s 2073 ph s 2106 33 pirchkalthi 3 sultanmnsur chah ph s 2106 ph s 2115 9 pirchkalthi 4 sultanpaetasyam ph s 2115 ph s 2116 1 pirchkalthi 5 sultanbahdur chah ph s 2116 ph s 2127 11 pirchkalthi 6 rayahieya ph s 2127 ph s 2159 32 pirchkalthi 7 rayabiru ph s 2159 ph s 2167 8 pirchkalthi 8 rayaxungu ph s 2167 ph s 2178 11 pirchkalthi 9 rayakuning ph s 2178 ph s 2231 53 pikarepliynphanxanacthangkaremuxnginchwngpi ph s 2184 dinaednmlayukhnannidekidkhwamkhdaeyngthangkaremuxngthngphayinaelaphaynxk thiepnrupaebbkartxsuaeyngchingkhwamepnihyhruxepnphunasmaphnthrthinkhabsmuthrmlayu odyehtukarnnierimthwikhwamrunaerngmakkhuneruxy cnekidkhwamwunwaytangaelasthankarnthimikhwamsbsxn sungsngphlkrathbtxesrsthkicinbrrdarthkarkhaaethbkhabsmuthrmlayuxyangmhasal enuxngcakkhwamphyayamekhaipmibthbaththangkaremuxngkhxngklumkhwxanacekidihminkaraekhngkhnthangkarkhaaeladanaesnyanuphaphthangkarthharkhrngni xyangechn rthsingokhra rthekhdah emuxngphthlung epntnemuxpi ph s 2187 ekidkhwamoklahlphayinrachsankpttani enuxngcakkaraethrkaesngkhxngrthxaecah odyxasychxngthangphankarxphiesksmrskhrngihmrahwang rayakuning kb yngdiepxrtwnmuda rayabaeca Yang Dipertuan Muda Raja Bajau mkutrachkumaraehngrthyaohr sunginewlatxmaklbiptkhlumrknangbaerxthichux dngsirt Dang Sirat cnhwpkhwpathungkhnklahminphrabrmedchanuphaph xnepnkarehyiybyacitickhxngchawpttanithngaephndinemuxeduxnemsayn ph s 2188 khunnangpttanithicngrkphkditxphrarachini hmdkhwamxdthnkbphvtikrrmthiimehmaasmkhxngmkudrachkumaraehngyaohraelaphutidtamchawxaecah cungidlukkhuntxtanphwkekhacnkrathngekidosknatkrrmkarsngharhmuchawyaohraelachawxaecah thihmubanpasir Pasir emuxwnthi 2 singhakhm ph s 2188 rayakuning rachiniaehngpttaniidsngphrarachsasnthungkrungsrixyuthya sungepnsingthibngchiwa phraxngkhprasbkhwamsaercinkarfunfurabxbrachathipityaebbedim odysamarthekhakhwbkhumsthankarndngklawihklbkhunsuphawapktiidxikkhrnginpi ph s 2203 ekidkhxphiphathrahwang xanackrpttani kb rthsingokhra sngkhramniekidkhunephuxchingkhwamepnihyinnannakhabsmuthrmlayu cnekidsngkhramyuththnawiyxyxyuhlaykhrng sungepnsngkhramthiyudeyuxmananhlaysibpi aelakarsurbkhrngihyekidkhunsamkhrng idaek inpi ph s 2212 ph s 2214 aela ph s 2217inswnkhwamkhdaeyngthangkaremuxngphayinpttanikhnann ekidkarkxkbtkhunphayinrachsankodyklumkhnarthpraharphayitkarnakhxngrayakali thiichkalngthangthharekhayudxanaccakrthbalkhxngrayakuning aetkhwamphyayaminkarrthpraharkhrngniprasbkhwamlmehlw nxkcakniyngmikhxmultamtananmukhpathaidklawknwa inpi ph s 2192 ph s 2196 khwamkhdaeynginxanackrpttaniekidcakkarekhamamixiththiphlkhxngrayaskticakklntn thiidrbkarsnbsnuncakrachsankxyuthyainkarokhnlmrayakuning odychwyoxkaskxkarkbtinchwngthikaremuxngphayinpttanikalngephchiypyhawikvtcakkaraethrkaesngkhxngchawxaecahaelaxyuthyasinsudechuxsayrachwngssriwngsa inchwngbnplaychiwitkhxngrayakuning khnathiphraxngkhthrngkhrxngrachyhlngcakphanphnwikvtiehlannidimnan rayakuningerimmiphraxakarprachwrsahscnesdcswrrkht odyimmioxrshruxthidathicasubrachsnttiwngs aelamiidmikarsthapnataaehnngmkutrachkumarephuxkhunkhrxngrachyepnpramukhaehngrthsubtxcakphraxngkh rayakuningcungepnpramukhxngkhsudthayaehngxanackrpttanithisubechuxsaymacakrachwngssriwngsa aelamikarechlimphranamthwayaedphraxngkhphayhlngesdcswrrkhtwa mrhumebxsar enuxngcakphraxngkhekhyxphiesksmrskb yngdiepxrtwnebxsar rayabucng Yang Dipertuan Besar Raja Bujang pramukhaehngrthyaohr hlngcaknnehlabrrdaesnabdithngpwngmarwmtwknprachumephuxharuxeruxnginkaraetngtngpramukhxngkhihm cungidmikarxnechiyphuthimiechuxsayecaemuxngcakklntn ihkhunmaepnpramukhaehngxanackrpttanisubip rachwngsklntnthihnung pramukhhunechid pramukhthukphraxngkhinrachwngsklntncatxngphankarrbrxnghruxidrbkaraetngtngodyehlabrrdaesnabdiphuthrngxiththiphlinpttani sungmitaaehnngepnphusaercrachkaraethnphraxngkh ladb rayphranamphupkkhrxngpttaniaehngrachwngsklntn khrxngrachy rayaewlarchkalthi 1 rayabakal ph s 2231 ph s 2233 2 pirchkalthi 2 rayamsklntn ph s 2233 ph s 2247 14 pirchkalthi 3 rayamscaym ph s 2247 ph s 2250 3 pi khrngaerk rchkalthi 4 rayaedwi ph s 2250 ph s 2259 9 pirchkalthi 5 rayabundngbadn ph s 2259 ph s 2263 4 pirchkalthi 6 rayalksmnadacng ph s 2263 ph s 2264 1 pirchkalthi 7 rayamscaym ph s 2264 ph s 2271 7 pi khrngthisxng rchkalthi 8 rayaxahlngyunus ph s 2271 ph s 2272 1 pirchkalthi 9 sultanmuhmhmd duwa ph s 2319 ph s 2329 10 pi phayitkarpkkhrxngkhxngsyam ladb nam pithipkkhrxng1 phrayatani rayabngdngbndn hruxetingkulamiedn ph s 2328 2334 phayitkarpkkhrxngkhxngsyam2 phrayatani daotapngkaln ph s 2334 23523 phrayatani khwysay ph s 2352 23584 phrayatani phay ph s 2358 23595 phrayatani twnsuhlng ph s 2359 23756 phrayatani niyuosf ph s 2375 23817 phrayawichitphkdisrisurwngsartnanaekhtrpraethsrach tnkupasa ph s 2381 23998 phrayawichitphkdisrisurwngsartnanaekhtrpraethsrach etngkupueta ph s 2399 24259 phrayawichitphkdisrisurwngsartnanaekhtrpraethsrach etngkutimung ph s 2425 243310 phrayawichitphkdisrisurwngsartnanaekhtrpraethsrach etngkusuilmansarifuddin ph s 2433 244211 phrayawichitphkdisrisurwngsartnaekhtpraethsrach etngkuxbdulkxedr kamaruddin ph s 2442 2445xangxingxarifin binciaelakhna prawtisastraelakaremuxnginolkmlayu 2550 hna 63 caklngkasuka maepnemuxngpttani 2 lingkesiy xangxingcak hnngsuxprawtiemuxnglngkasuka emuxngpttani ody xnnt wthnanikr rachaxinthira 2013 03 28 thi ewyaebkaemchchinhnngsuxeruxng bukhkhlsakhykhxngpttani ody rs mllika khnanurks 2545 xibrxhim chukri prawtisastrrachxanackrmlayupatani echiyngihm silkhewxrmbukhs 2549 kartxsukhxngrthpttani tngaetxditcnthungpccubn bnthukkhxngAlexander Hamilton 2009 09 03 thi ewyaebkaemchchin bthkhwamprawtiemuxngpttani pttaninkhraehngsnti rayahieya 2012 08 22 thi ewyaebkaemchchinbukhkhlsakhyinprawtisastrpttani pttanidarussalam OK NATION www oknation net phasaxngkvs ptanidarussalam OK NATION www oknation net phasaxngkvs epidbnthuk aefrnaebrekxr chawxxsetriyphunathphptani rbchnaxyuthya silpa mag com 1 khwamsmphnth rahwangsyamkbpttani aebbyx lingkesiy cakoxekhenchn ody cxmmar 26 lingkesiy pttanithithuklum Sejarah Kerjaan Patani suksakhbwnkaraebngaeykdinaednaelakarkxkarrayincnghwdchayaednphakhitkhxngithy lingkesiy odyxacarychidchnk rahmmla khnamnusysastraelasngkhmsastr mhawithyalysngkhlankhrinthr withyaekhtpttani phrabrmraochbayekiywkbmnthlpttani 2466 lingkesiy phrabathsmedcphramngkudekla aelasmedcecafaephchrrtn kbhwemuxngpksit odydr chchphl ichyphr bnthukkhwamthrngcakhxngkartxsuthithuklum karprathwngihythipttanipi 2518 bthkhwam fatxnixxniln Muslim Separatism The Moros of Southern Philippines and the Malays of Southern Thailand Kadir Che Man W Oxford University Press 1990 xibrxhim chukri prawtisastrrachxanackrmlayupatani echiyngihm silkhewxrmbukhs 2549 mlayu dinaednaehngxarythrrm rayphranamkstriy rachiniaelaecaemuxngthipkkhrxngpatani khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 11 22 subkhnemux 2010 02 01 Hikayat Patani the Story of Patani By A Teeuw D K Wyatt p 11 Internet Archive Vol 10 No 3 International Trade and Politics in Southeast Asia 1500 1800 Dec 1969 pp 429 452 JSTOR The Muslim Sultans of Singora in the 17th Century p 52 Hikayat Patani the Story of Patani By A Teeuw D K Wyatt p 116 Internet Archive Hikayat Patani the Story of Patani By A Teeuw D K Wyatt p 117 Internet Archive Hikayat Patani the Story of Patani By A Teeuw D K Wyatt p 120 Internet Archive Vol 10 No 3 International Trade and Politics in Southeast Asia 1500 1800 Dec 1969 pp 444 JSTOR Journal of the Siam Society Vol 109 Pt 1 2021 p 54 Hikayat Patani the Story of Patani By A Teeuw D K Wyatt p 125 Internet Archive The Hikayat Patani The Kingdom of Patani i n the Malay and Thai Political World vol 84 no 2 301 2011 p 52 JSTOR Hikayat Patani the Story of Patani By A Teeuw D K Wyatt p 127 Internet Archive Hikayat Patani the Story of Patani By A Teeuw D K Wyatt p 128 Internet Archive Hikayat Patani the Story of Patani By A Teeuw D K Wyatt p 21 Internet Archive Hikayat Patani the Story of Patani By A Teeuw D K Wyatt p 22 Internet Archive Teeuw Andries Wyatt David K 1970 Hikayat Patani the Story of Patani SpringerLink phasaxngkvs doi 10 1007 978 94 015 2598 5 duephimptani rachwngssriwngsa rayahieya rayabiru lngkasuka kbtdusngyx khwamimsngbinchayaednphakhitkhxngpraethsithyaehlngkhxmulxun