เอชเอ็มเอชเอส บริแทนนิก (อังกฤษ: HMHS Britannic) มีชื่อเต็มว่า เรือพยาบาลหลวงบริแทนนิก (His Majesty's Hospital Ship Britannic) เป็นเรือพยาบาลสัญชาติอังกฤษ เป็นเรือลำสุดท้ายและมีขนาดใหญ่ที่สุดในของสายการเดินเรือไวต์สตาร์ไลน์ และเป็นเรือลำที่สองของไวต์สตาร์ที่ใช้ชื่อ 'บริแทนนิก' เรือลำนี้เป็นเรือฝาแฝดของอาร์เอ็มเอส โอลิมปิก และอาร์เอ็มเอส ไททานิก โดยถูกสร้างขึ้นเพื่อให้บริการเรือโดยสารข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก แต่ถูกเกณฑ์เข้ามาเป็นเรือพยาบาลก่อนในปี 1915 ต่อจากเรืออาร์เอ็มเอส มอริเทเนีย และอาร์เอ็มเอส แอควิเทเนีย ที่ถูกเกณฑ์มาเป็นเรือพยาบาลก่อนหน้า จนกระทั่งอับปางลงในทะเลอีเจียนในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1916
ประวัติ | |
---|---|
สหราชอาณาจักร | |
เจ้าของ | ไวต์สตาร์ไลน์ |
ผู้ให้บริการ | ราชนาวี |
ท่าเรือจดทะเบียน | ลิเวอร์พูล, อังกฤษ |
Ordered | 1911 |
อู่เรือ | ฮาร์แลนด์แอนด์วูลฟฟ์, เบลฟาสต์, ไอร์แลนด์เหนือ |
Yard number | 433 |
ปล่อยเรือ | 30 พฤศจิกายน 1911 |
เดินเรือแรก | 26 กุมภาพันธ์ 1914 |
สร้างเสร็จ | 12 ธันวาคม 1915 |
บริการ | 23 ธันวาคม 1915 (เรือพยาบาล) |
หยุดให้บริการ | 21 พฤศจิกายน 1916 |
รหัสระบุ |
|
ความเป็นไป | ชนกับทุ่นระเบิดของ SM U-73 และอับปางในวันที่ 21 พฤศจิกายน 1916 ใกล้กับ ในทะเลอีเจียน |
ลักษณะเฉพาะ | |
ชั้น: | |
ขนาด (ตัน): | 48,158 ตันกรอส |
ขนาด (ระวางขับน้ำ): | 53,200 ตัน |
ความยาว: | 882.9 ฟุต (269.1 เมตร) |
ความกว้าง: | 94 ฟุต (28.7 เมตร) |
ความสูง: | 175 ฟุต (53 เมตร) (วัดจากกระดูกงูถึงปลายปล่องไฟ) |
กินน้ำลึก: | 34 ฟุต 7 นิ้ว (10.5 เมตร) |
ความลึก: | 64 ฟุต 6 นิ้ว (19.7 เมตร) |
ดาดฟ้า: | 10 ชั้น; 7 ชั้นสำหรับผู้โดยสาร, 3 ชั้นสำหรับลูกเรือ โดยมี Sun deck, Boat (ชั้น A), Promenade (ชั้น B), C-G, ชั้นท้องเรืออีก 2 ชั้น (เป็นพื้นที่สำหรับหม้อน้ำ, เชื้อเพลิง, เครื่องยนต์, ห้องผนึกน้ำ, ประตูกั้นน้ำ หรือพื้นทีสำหรับเพลาใบจักร เป็นต้น) |
ระบบพลังงาน: |
|
ระบบขับเคลื่อน: | ใบจักร 3 ตัว ทำจากสัมฤทธิ์ โดยใบจักรกลางมีขนาด 16 ฟุต 6 นิ้ว ดุมใบจักรเป็นกรวยครอบ พวงใบจักรมี 4 ใบ ส่วนใบจักรซ้ายและขวามีขนาด 23 ฟุต 6 นิ้ว ไม่มีกรวยครอบที่ดุม พวงใบจักรมี 3 ใบ |
ความเร็ว: |
|
ความจุ: | ผู้โดยสาร 3,309 คน |
เรือบริแทนนิกถูกสร้างก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 1 จะเริ่ม และได้รับการออกแบบให้เป็นเรือที่ปลอดภัยที่สุดในบรรดาเรือทั้งสามลำ โดยมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างระหว่างการก่อสร้างจากบทเรียนที่ได้จากการอับปางของไททานิก เรือถูกเก็บไว้ที่อู่ต่อเรือฮาร์แลนด์แอนด์วูล์ฟในเบลฟาสต์ เป็นเวลาหลายเดือนก่อนที่จะถูกเกณฑ์ไปเป็นเรือพยาบาล และทำหน้าที่ระหว่างสหราชอาณาจักรและดาร์ดะแนลส์ระหว่างปี ค.ศ. 1915–1916
ในเช้าวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1916 เรือชนกับทุ่นระเบิดของกองทัพเรือเยอรมันใกล้กับเกาะเคียของกรีซ และอับปางลงในเวลา 55 นาทีต่อมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 30 คนจากทั้งหมด 1,066 คน ผู้รอดชีวิตได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งนับเป็นเป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดที่อับปางในสงครามโลกครั้งที่ 1
หลังสงคราม ไวต์สตาร์ไลน์ได้รับค่าชดเชยจากการสูญเสียบริแทนนิกด้วยการรับมอบเรือเอสเอส บิสมาร์ก (SS Bismarck) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของค่าปฏิกรรมสงคราม และถูกเปลี่ยนชื่อเป็น (RMS Majestic)
ในปี 1975 ได้มีการค้นพบซากเรือโดย (Jacques Cousteau) ซึ่งนับเป็นซากเรือโดยสารที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่ใต้ทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซากเรือถูกซื้อไปในปี ค.ศ. 1996 และปัจจุบันเป็นเจ้าของโดยไซมอน มิลส์ (Simon Mills) นักประวัติศาสตร์ทางทะเล
การเปลี่ยนแปลงการออกแบบ
เดิมทีขนาดของเรือบริแทนนิกนั้นใกล้เคียงกับเรือแฝดพี่ทั้งสองลำ (โอลิมปิกและไททานิก) แต่ขนาดของเรือถูกปรับเปลี่ยนในขณะที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างหลังจากเหตุการณ์เรือไททานิคอับปาง
ด้วยระวางบรรทุก 48,158 ตัน ทำให้เรือบริแทนนิกมีปริมาณภายในที่เหนือกว่าเรือแฝดพี่ แต่ไม่ได้ทำให้กลายเป็นเรือโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในเวลานั้น เนื่องจากเรือ (SS Vaterland) ของเยอรมนียังคงถือครองตำแหน่งนี้อยู่ด้วยระวางบรรทุกที่สูงกว่าอย่างมาก
(Olympic-class ships) ขับเคลื่อนด้วยระบบผสมระหว่าง (triple-expansion steam engines) จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งขับเคลื่อนใบจักรซ้ายและขวา กับกังหันไอน้ำแรงดันต่ำ (low-pressure steam turbine) ที่ใช้ไอน้ำที่ปล่อยออกมาจากเครื่องยนต์ทั้งสองเพื่อขับเคลื่อนใบจักรกลาง ทำให้เรือมีความเร็วสูงสุด 23 นอต
การปรับการออกแบบหลังไททานิกอับปาง
เรือบริแทนนิกมีเค้าโครงที่คล้ายคลึงกับเรือแฝดพี่ทั้งสองลำ (โอลิมปิกและไททานิก) แต่หลังจากเหตุการณ์เรือไททานิกอับปางและการสอบสวนที่ตามมา ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบหลายอย่างสำหรับเรือบริแทนนิก การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญก่อนเปิดตัวเรือได้แก่:
- เพิ่มความกว้างของเรือบริเวณห้องเครื่องยนต์และเป็น 94 ฟุต (29 เมตร) เพื่อรองรับโครงสร้างแบบ (double hull)
- เพิ่มขนาดของเครื่องยนต์กังหันไอน้ำเป็น 18,000 แรงม้า (13,000 กิโลวัตต์) จากเดิมที่เป็น 16,000 แรงม้า (12,000 กิโลวัตต์) ที่ติดตั้งบนเรือสองลำก่อนหน้า เพื่อชดเชยความกว้างของลำเรือที่เพิ่มขึ้น
- กำแพงกั้นน้ำส่วนกลางได้รับการปรับปรุงให้มีความทนทานมากขึ้น ซึ่งช่วยให้เรือยังสามารถลอยลำอยู่ได้หากมีน้ำท่วมอย่างน้อย 6 ห้อง
- ขยายความสูงของกำแพงกั้นน้ำ 6 ใน 15 แนวให้สูงขึ้นถึงดาดฟ้าชั้น B
การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการติดตั้งเครนแขวนเรือชูชีพขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "" (gantry davits) ซึ่งแต่ละตัวขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและสามารถจุเรือชูชีพได้ 6 ลำซึ่งเก็บไว้บนโครงเหล็ก โดยเรือถูกออกแบบมาให้มีเครน 8 ตัว แต่มีเพียง 5 ตัวเท่านั้นที่ติดตั้งก่อนที่เรือจะเข้าประจำการในสงคราม ส่วนที่เหลือใช้เรือชูชีพที่ปล่อยโดยเครนแบบ (Welin-type davits) ที่ควบคุมด้วยมือเหมือนเดียวกับเรือโอลิมปิกไททานิก
เรือบริแทนนิกมีเรือชูชีพเพิ่มเติมที่สามารถเก็บไว้บนหลังคาของเรือนพักลูกเรือ เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากเครน และเครนโครงเหล็กก็สามารถยกเรือชูชีพไปยังอีกฝั่งของเรือได้ ตราบใดที่ปล่องควันไม่ขวางทาง การออกแบบนี้ช่วยให้สามารถปล่อยเรือชูชีพทั้งหมดได้ แม้ว่าเรือจะเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วจะทำให้ไม่สามารถปล่อยเรือชูชีพได้ที่ด้านตรงข้ามกับที่เอียง เครนบางตัวติดตั้งอยู่ใกล้กับปล่องควัน ทำให้การปล่อยเรือชูชีพที่อยู่ใต้ปล่องควันนั้นยากลำบาก
นอกจากนี้ ลิฟต์ที่เคยหยุดที่ดาดฟ้าชั้น A ในเรือไททานิก ก็ถูกปรับปรุงให้สามารถขึ้นไปถึงดาดฟ้าชั้นเรือชูชีพ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายผู้โดยสารและลูกเรือไปยังเรือชูชีพในกรณีฉุกเฉิน
เรือบริแทนนิกมีเรือชูชีพทั้งหมด 48 ลำ โดยแต่ละลำสามารถจุคนได้อย่างน้อย 75 คน ดังนั้นเรือชูชีพทั้งหมดจึงสามารถจุคนได้อย่างน้อย 3,600 คน ซึ่งสูงกว่าความจุสูงสุดของเรือที่ 3,309 คน
ลักษณะเฉพาะของเรือ
สัดส่วนเรือ
- ความยาว: 882.9 ฟุต (269.1 เมตร)
- ความกว้าง: 94 ฟุต (28.7 เมตร)
- ความสูง: 175 ฟุต (53 เมตร) จากกระดูกงูถึงปลายปล่องไฟ
- ความสูงตัวเรือ: 64 ฟุต 6 นิ้ว (19.7 เมตร)
- กินน้ำลึก: 34 ฟุต 7 นิ้ว (10.5 เมตร)
- น้ำหนัก: 48,158 ตัน
- ระวางขับน้ำ: 53,200 ตัน
ลักษณะทั่วไป
- สี: ปล่องไฟทาสีเหลืองทั้งปล่อง, ตัวเรือและโครงสร้างส่วนบน (superstructure) ทาสีขาว โดยมีแถบสีทองคาดระหว่างตัวเรือกับโครงสร้างบนเรือ สัญลักษณ์กาชาดสีแดง 6 จุด และแถบสีเขียวคาดกลางตลอดความยาวตัวเรือ ท้องเรือใต้แนวน้ำทาสีแดง
- ปล่องไฟ: 4 ปล่อง แต่ละปล่องสูง 62 ฟุต (18.8 เมตร) กว้าง 19 ฟุต (5.7 เมตร) ยาว 24.5 ฟุต (7.4 เมตร) ใช้เส้นเคเบิลตรึงปล่องละ 12 เส้น ทำมุม 3.27 องศาจากแนวตั้งฉาก ติดหวูดไอน้ำทุกปล่อง ใช้ระบายควัน 3 ปล่องแรก ส่วนปล่องสุดท้ายใช้ระบายอากาศและทำให้ดูสมดุล
- เสากระโดงเรือ: 2 ต้น ที่หัวเรือและท้ายเรือ สูงต้นละ 154.1 ฟุต (47 เมตร)
- หัวเรือ: ออกแบบให้มีที่ตัดน้ำแข็งทางหัวเรือ สมอเรือ 2 ตัว เครนยกสมอ 1 ตัว เสากระโดงเรือ 1 ต้น และช่องขนสินค้า
- ท้ายเรือ: หางเสือ 1 ตัว สะพานเทียบเรือ และเครนยกสินค้า 4 ตัว
- วัสดุสร้างเรือ: โครงเรือทำจากเหล็ก โครงสร้างภายในทำจากไม้ เปลือกเรือภายในและภายนอกทำจากเหล็กกล้า พื้นดาดฟ้าเรือปูด้วยไม้สัก ปล่องไฟทำจากเหล็กกล้า เสากระโดงเรือทำจากไม้สนสปรูซ
- ดาดฟ้า: 10 ชั้น; 7 ชั้นสำหรับผู้โดยสาร และ 3 ชั้นสำหรับลูกเรือ โดยมีดาดฟ้าชั้นอาบแดด (Sun deck) ชั้นเรือบด (Boat deck) และทางเดิน (Promenade) (ชั้น A–B) ชั้น C–G และชั้นท้องเรือ 2 ชั้น (สำหรับหม้อน้ำ ถ่านหิน เครื่องยนต์ ห้องกั้นน้ำ ประตูผนึกน้ำ และเพลาใบจักร)
- เครนโครงเหล็ก: 8 ตัว แต่ละตัวจุเรือชูชีพได้ 6 ลำ รวมทั้งหมด 48 ลำ (ติดตั้งจริงเพียง 5 ตัว รวมทั้งหมด 30 ลำ)
- เรือชูชีพ: 48 ลำ แต่ละลำบรรทุกคนได้อย่างน้อย 75 คน ดังนั้นสามารถบรรทุกคนได้อย่างน้อย 3,600 คน ซึ่งเกินความจุสูงสุดของเรือที่ 3,309 คน
- ตำแหน่งห้องวิทยุสื่อสาร: ชั้นเรือบด กราบซ้าย ถัดจากห้องสะพานเดินเรือ
- ตะเกียงส่งสัญญาณ: 2 ดวง ติดตั้งทั้งกราบซ้ายและขวา บริเวณปีกสะพานเดินเรือชั้นเรือบด
- สมอเรือ: 2 ตัว หนักตัวละ 27 ตัน ที่หัวเรือทั้งกราบซ้ายและขวา
- เครนยกสินค้าไฟฟ้า: 6 ตัว; 2 ตัวบนชั้น C ด้านหน้าโครงสร้างส่วนบนเรือใกล้กับช่องสินค้า (Well deck), 2 ตัวบนชั้น B ค่อนไปทางท้ายเรือ, และ2 ตัวบนชั้น C ด้านหลังโครงสร้างส่วนบนเรือใกล้กับช่องสินค้า
- ห้องเก็บสินค้า: 9 ห้อง (ห้องมาตรฐาน 6 ห้อง ห้องแช่แข็ง 2 ห้อง และห้องไปรษณีย์ 1 ห้อง)
- ลิฟต์สินค้า: 2 ตัว (ตัวแรกจากชั้น A ไปชั้น D, ตัวที่สองจากชั้น D ไปชั้น G และลงท้องเรือโดยบันได)
- กำแพงกั้นน้ำ: 15 แนว แบ่งเป็น 16 ห้อง พร้อมประตูประตูผนึกน้ำทำงานด้วยไฟฟ้า
- ความจุผู้โดยสาร: 3,309 คน
- ลูกเรือ: ประมาณ 900 คน
ระบบพลังงาน
- เชื้อเพลิง: ถ่านหิน
- หม้อไอน้ำ: 29 ตัว ติดตั้งในห้องหม้อไอน้ำ 6 ห้อง แบ่งเป็น:
- หม้อไอน้ำแบบเติมถ่านได้ 2 ฝั่ง (double-ended) 24 เตา (6 ช่องเตาต่อหม้อน้ำ 1 ตัว)
- หม้อไอน้ำแบบเติมถ่านได้ฝั่งเดียว (single-ended) 5 เตา (3 ช่องเตาต่อหม้อน้ำ 1 ตัว)
- อัตราสิ้นเปลือง: ถ่านหิน 825 ตัน/วัน
- น้ำจืด 14,000 แกลลอน/วัน
ระบบขับเคลื่อน
- เครื่องยนต์: เครื่องยนต์ไอน้ำแบบขยายตัวสามเท่า (Triple Expansion) 4 สูบ จำนวน 2 เครื่อง ขับเคลื่อนใบจักรซ้ายและขวาโดยตรง ให้กำลัง 32,000 แรงม้า (12,000 กิโลวัตต์) และไอน้ำความดันต่ำที่ผ่านการใช้จากเครื่องยนต์ทั้งสองจะเข้าสู่เครื่องยนต์กังหันไอน้ำความดันต่ำ โดยขับเคลื่อนผ่านชุดเกียร์สู่ใบจักรกลาง ให้กำลัง 18,000 แรงม้า (15,000 กิโลวัตต์) รวม 50,000 แรงม้า (37,000 กิโลวัตต์)
- ใบจักร: 3 ตัว ทำจากสัมฤทธิ์ ใบจักรกลางมีขนาด 16 ฟุต 6 นิ้ว (5 เมตร) ดุมใบจักรเป็นกรวยครอบ พวงใบจักรมี 4 ใบ ส่วนใบจักรซ้ายและขวามีขนาด 23 ฟุต 6 นิ้ว (7.1 เมตร) ดุมใบจักรไม่มีกรวยครอบ พวงใบจักรมี 3 ใบ
- หางเสือ: 1 ตัว หนัก 102.6 ตัน ยึดด้วยพานพับ 6 จุด
ความเร็ว
- ความเร็วสูงสุด: 24 นอต (44 กิโลเมตรต่อชั่วโมง; 28 ไมล์ต่อชั่วโมง)
- ความเร็วบริการ: 21 นอต (39 กิโลเมตรต่อชั่วโมง; 24 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ประวัติ
จุดกำเนิด
ในปี ค.ศ. 1907 เจ. บรูซ อิสเมย์ ผู้จัดการทั่วไปของไวต์สตาร์ไลน์ และ ประธานอู่ต่อเรือฮาร์แลนด์แอนด์วูลฟฟ์ ได้ตัดสินใจสร้างเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ 3 ลำ เพื่อแข่งขันกับเรืออาร์เอ็มเอส ลูซิเทเนีย (RMS Lusitania) และมอริเทเนีย (RMS Mauretania) ของคูนาร์ดไลน์ ไม่ใช่ในด้านความเร็ว แต่เป็นในด้านความหรูหราและความปลอดภัย ชื่อของเรือทั้งสามลำได้รับการตัดสินใจในภายหลังและสะท้อนถึงความตั้งใจของผู้ออกแบบเกี่ยวกับขนาดของพวกมัน ได้แก่: โอลิมปิก ไททานิก และบริแทนนิก
การก่อสร้างเรือโอลิมปิกและไททานิกเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1908 และ 1909 ตามลำดับ ขนาดของเรือทั้งสองนั้นใหญ่โตมากจนจำเป็นต้องสร้าง (Arrol Gantry) เพื่อรองรับขนาดเรือโดยเฉพาะ และขยายขนาดพื้นที่ก่อสร้างเพื่อให้กว้างพอที่จะสร้างเรือสองลำพร้อมกันได้
เรือทั้งสามลำได้รับการออกแบบให้มีความยาว 270 เมตร และมีระวางขับน้ำรวมกว่า 45,000 ตัน แม้ว่าความเร็วที่ออกแบบไว้ประมาณ 22 นอตนั้นจะต่ำกว่าเรือลูซิเทเนีย และมอริเทเนียมาก แต่ก็ยังสามารถข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้ภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์
ข่าวลือการเปลี่ยนชื่อ
แม้ว่าเรื่องนี้ทั้งไวต์สตาร์ไลน์และอู่ต่อเรือฮาร์แลนด์แอนด์วูล์ฟจะปฏิเสธมาตลอด แต่มีบางแหล่งอ้างว่าเดิมทีเรือบริแทนนิกจะถูกตั้งชื่อว่า "ไจแกนติก" (Gigantic) แต่ถูกเปลี่ยนเพื่อไม่ให้แข่งขันกับหรือสร้างการเปรียบเทียบกับชื่อของเรือไททานิก หนึ่งในแหล่งที่มาคือ โปสเตอร์ของเรือที่มีชื่อว่าไจแกนติกอยู่ด้านบน แหล่งข้อมูลอื่น ๆ ได้แก่ หนังสือพิมพ์อเมริกันในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1911 ที่ระบุว่ามีการสั่งซื้อเรือชื่อไจแกนติกโดยไวต์สตาร์ไลน์รวมถึงหนังสือพิมพ์อื่น ๆ จากทั่วโลกทั้งในระหว่างการก่อสร้างและหลังจากการอับปางของไททานิก
ทอม แม็กคลัสกี (Tom McCluskie) ผู้จัดการฝ่ายเก็บเอกสารและนักประวัติศาสตร์ของฮาร์แลนด์แอนด์วูล์ฟ ยืนยันว่าในช่วงที่เขาทำงานอยู่ "ไม่เคยเห็นเอกสารอ้างอิงอย่างเป็นทางการใด ๆ ที่ใช้ชื่อไจแกนติก หรือเสนอให้ใช้ชื่อนี้กับเรือลำที่สามในเรือชั้นโอลิมปิก" มีการเปลี่ยนแปลงที่เขียนด้วยลายมือลงในสมุดบันทึกใบสั่งซื้อ ซึ่งลงวันที่ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1912 แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นเพียงการอ้างถึงความกว้างของเรือที่กำลังก่อสร้างอยู่เท่านั้น ไม่ใช่ชื่อของเรือแต่อย่างใด
การก่อสร้าง
กระดูกงูของเรือบริแทนนิกถูกวางในวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1911 ที่อู่ต่อเรือฮาร์แลนด์แอนด์วูล์ฟ ในเบลฟาสต์ บนแท่นยกลำเดิมที่เคยใช้สร้างเรือโอลิมปิก โดยมีการวางแผนที่จะนำเรือเข้าประจำการในช่วงต้นปี ค.ศ. 1914 เนื่องจากมีการปรับปรุงเพิ่มเติมจากเหตุการณ์เรือไททานิก ทำให้การสร้างเรือบริแทนนิดต้องเสร็จล่าช้าออกไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1914
เรือบริแทนนิกปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1914 มีการกล่าวสุนทรพจน์หลายครั้งต่อหน้าสื่อมวลชน และมีการจัดงานเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่การปล่อยเรือ หลังจากนั้นจึงเริ่มการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ บนเรือ และเข้าอู่แห้งในเดือนกันยายนเพื่อติดตั้งใบจักร
การใช้พื้นที่เดิมของเรือโอลิมปิกช่วยประหยัดเวลาและเงินของอู่ต่อเรือ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องสร้างท่าเรือลำที่สามที่มีขนาดใกล้เคียงกับเรือสองลำก่อนหน้านี้ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1914 ก่อนที่เรือบริแทนนิกจะเริ่มให้บริการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่างนครนิวยอร์กและเซาแทมป์ตัน สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ได้ปะทุขึ้น อู่ต่อเรือทั้งหมดที่มีสัญญากับ (Admiralty) ได้รับสิทธิ์ในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ก่อน ส่งผลให้โครงการเรือพลเรือนทั้งหมดรวมถึงเรือบริแทนนิกถูกชะลอไว้
กองทัพเรือได้ขอเรือจำนวนมากมาใช้เป็นหรือเรือขนส่งทหาร กระทรวงทหารเรือได้จ่ายเงินให้บริษัทต่าง ๆ สำหรับการใช้เรือของพวกเขา แต่ความเสี่ยงที่เรือจะอับปางในการปฏิบัติการทางเรือนั้นสูงมาก เรือโดยสารขนาดใหญ่ในมหาสมุทรไม่ได้ถูกนำไปใช้ในกองทัพเรือในตอนแรกเนื่องจากเรือขนาดเล็กใช้งานง่ายกว่า เรือโอลิมปิกกลับมาที่เบลฟาสต์ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1914 ในขณะที่งานประกอบเรือบริแทนนิกยังคงดำเนินต่อไปอย่างช้า ๆ
แปลงเป็นเรือพยาบาล
เมื่อปฏิบัติการทางเรือขยายไปสู่ ความต้องการเรือขนส่งที่มีระวางบรรทุกเพิ่มขึ้นก็กลายเป็นสิ่งสำคัญ ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1915 เรือบริแทนนิกได้ผ่านการทดสอบเครื่องยนต์ และเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าประจำการในกรณีฉุกเฉินภายในเวลาเพียง 4 สัปดาห์ เดือนเดียวกันนั้นยังเป็นครั้งแรกที่มีการสูญเสียเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ของพลเรือนคือ เรืออาร์เอ็มเอส ลูซิเทเนีย ของคูนาร์ดไลน์ ถูกเรือดำน้ำ ของเยอรมนีปล่อยตอร์ปิโดโจมตีใกล้ชายฝั่งไอร์แลนด์จนอับปาง
เดือนถัดมา กองทัพเรือตัดสินใจใช้เรือโดยสารที่เพิ่งได้รับมาจากการขอเมือเร็ว ๆ นี้มาใช้งานเป็นเรือขนส่งทหารในยุทธการกัลลิโพลี (เรียกอีกอย่างว่าการทัพดาร์ดะเนลส์) เรือลำแรกที่แล่นออกไปคือ อาร์เอ็มเอส มอริเทเนีย และอาร์เอ็มเอส อาควิเทเนีย ของคูนาร์ดไลน์
การยกพลขึ้นบกที่กัลลิโพลีได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นหายนะและจำนวนผู้เสียชีวิตก็มากขึ้น ความต้องการเรือพยาบาลขนาดใหญ่สำหรับการรักษาและการอพยพผู้บาดเจ็บก็เห็นได้ชัด เรืออาควิเทเนียถูกเปลี่ยนเป็นเรือพยาบาลในเดือนสิงหาคม (ตำแหน่งของเรือในฐานะเรือขนส่งทหารถูกแทนที่ด้วยเรือโอลิมปิกในเดือนกันยายน) จากนั้นในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1915 เรือบริแทนนิกก็ถูกเรียกมาใช้งานเป็นเรือพยาบาล หลังจากเทียบท่าอยู่ในเบลฟาสต์[]
เรือถูกทาสีใหม่เป็นสีขาวพร้อมสัญลักษณ์สีแดงขนาดใหญ่และแถบสีเขียวแนวนอน และถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "เอชเอ็มเอชเอส (เรือพยายาลหลวง) บริแทนนิก" และอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของกัปตัน (Charles Alfred Bartlett) ภายในมีการติดตั้งเตียง 3,309 เตียงและห้องผ่าตัดหลายห้อง พื้นที่ส่วนกลางของดาดฟ้าชั้นบนถูกเปลี่ยนเป็นห้องพักสำหรับผู้บาดเจ็บ ห้องโดยสารบนดาดฟ้าชั้น B ถูกใช้เป็นที่พักของแพทย์ ห้องอาหารและห้องรับรองผู้โดยสารชั้นหนึ่งบนดาดฟ้าชั้น D ถูกเปลี่ยนเป็นห้องผ่าตัด สะพานล่างถูกใช้เพื่อรองรับผู้บาดเจ็บเล็กน้อย อุปกรณ์ทางการแพทย์ได้รับการติดตั้งเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1915
ประจำการครั้งแรก
เมื่อเรือบริแทนนิกถูกประกาศว่าพร้อมให้บริการในวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1915 ที่ลิเวอร์พูล เรือก็ได้รับมอบหมายให้เป็นเรือพยาบาลและมีทีมแพทย์ประจำเรือ ประกอบด้วยพยาบาล 101 คน นายทหารสัญญาบัตร 336 คน นายทหารประทวน 52 คน และลูกเรือ 675 คน
วันที่ 23 ธันวาคม เรือออกจากลิเวอร์พูลมุ่งหน้าไปยังท่าเรือ บนเกาะเลมนอสในทะเลอีเจียนเพื่อนำทหารที่ป่วยและบาดเจ็บกลับมา โดยเข้าร่วมกับเรืออีกหลายลำในเส้นทางเดียวกัน รวมทั้งเรือมอริเทเนีย อาควิเทเนีย และโอลิมปิก เรือแวะพักเติมถ่านหินที่เนเปิลส์ก่อนจะเดินทางต่อไป หลังจากกลับมา เรือได้ทำหน้าที่เป็นโรงพยาบาลลอยน้ำนอกเกาะไวต์เป็นเวลา 4 สัปดาห์
การเดินทางครั้งที่ 3 ของเรือบริแทนนิกนั้นเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม – 4 เมษายน ค.ศ. 1916 ในเดือนมกราคมก่อนหน้านั้น ทางการได้สั่งอพยพทหารออกจากพื้นที่ดาร์ดะแนลส์ เมื่อสิ้นสุดการรับราชการทหารเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1916 เรือบริแทนนิกได้เดินทางกลับไปยังเบลฟาสต์เพื่อเข้ารับการปรับปรุงและแปลงสภาพให้เป็นเรือโดยสารข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก รัฐบาลอังกฤษจ่ายเงินชดเชยให้กับไวต์สตาร์ไลน์เป็นจำนวนเงิน 75,000 ปอนด์เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการแปลงสภาพเรือ การแปลงสภาพดำเนินไปเป็นเวลาหลายเดือนก่อนที่จะถูกขัดจังหวะโดยการเรียกเรือกลับเข้าประจำการทหารอีกครั้ง
เรียกกลับ
กองทัพเรือเรียกเรือบริแทนนิกกลับเข้าประจำการในฐานะเรือพยาบาลเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1916 และกลับสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสำหรับการเดินทางครั้งที่ 4 ในวันที่ 24 กันยายนปีเดียวกัน วันที่ 29 กันยายน ระหว่างทางไปเนเปิลส์ เรือเผชิญกับพายุรุนแรงซึ่งเรือสามารถผ่านไปได้โดยไม่ได้รับความเสียหาย เรือเดินทางกลับเซาแทมป์ตันในวันที่ 9 ตุลาคม ถือเป็นเดินทางเป็นครั้งที่ 5 แต่การเดินทางครั้งนี้ก็ถูกขัดขวางด้วยการกักตัวลูกเรือเมื่อเรือมาถึงมูดรอส (ปัจจุบันคือมูโดรส) เนื่องจากลูกเรือมีอาการอาหารเป็นพิษ
ชีวิตบนเรือบริแทนนิกดำเนินไปตามกิจวัตรประจำวัน:
- 06:00 น.: ปลุกผู้ป่วยและทำความสะอาดสถานที่
- 06:30 น.: เสิร์ฟอาหารเช้า
- 07:00 น.: กัปตันตรวจเยี่ยมเรือ
- 12:30 น.: เสิร์ฟอาหารกลางวัน
- 16:30 น.: เสิร์ฟน้ำชา
- ช่วงระหว่างมื้ออาหาร: แพทย์ทำการรักษาผู้ป่วย ผู้ป่วยที่ต้องการเดินเล่นสามารถทำได้
- 20:30 น.: ผู้ป่วยเข้านอน กัปตันตรวจเยี่ยมเรืออีกครั้ง
- บนเรือมีการจัดชั้นเรียนทางการแพทย์เพื่อฝึกอบรมพยาบาล
เดินทางเที่ยวสุดท้าย/อับปาง
หลังจากเสร็จสิ้นการเดินทาง 5 ครั้งไปยังเขตสงครามตะวันออกกลาง และกลับมายังสหราชอาณาจักรเพื่อส่งผู้ป่วยและทหารที่ได้รับบาดเจ็บ เรือบริแทนนิกก็ได้ออกจากเซาแทมป์ตันมุ่งหน้าสู่เลมนอสในเวลา 14:23 น. ของวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1916 นับเป็นการเดินทางครั้งที่ 6 ของเรือไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เรือแล่นผ่านยิบรอลตาร์ในเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 15 พฤศจิกายน และมาถึงเนเปิลส์ในเช้าวันที่ 17 พฤศจิกายน เพื่อหยุดเติมถ่านหินและน้ำตามปกติ ซึ่งถือเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจขั้นแรกของเรือ
เกิดพายุรุนแรงพัดถล่มจนเรือต้องจอดที่เนเปิลส์จนถึงบ่ายวันที่ 19 พฤศจิกายน เมื่อกัปตันบาร์ตเล็ตต์ตัดสินใจใช้ประโยชน์จากช่วงสั้น ๆ ที่สภาพอากาศดีขึ้นและเดินทางต่อไป ทะเลก็กลับมามีคลื่นอีกครั้งเมื่อเรือออกจากท่า พายุสงบลงในเช้าวันรุ่งขึ้นและเรือก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น แล่นผ่านในช่วงรุ่งสางของวันที่ 21 พฤศจิกายน และในตอนเช้า เรือก็แล่นด้วยความเร็วเต็มที่เข้าสู่
ขณะนั้นบนเรือมีผู้โดยสาร 1,066 คน แบ่งเป็นลูกเรือ 673 คน เสนารักษ์ทหารบก (Royal Army Medical Corps; RAMC) 315 คน พยาบาล 77 คน และกัปตัน
เสียงระเบิดบนเรือ
เวลา 08.12 น. ตามเวลายุโรปตะวันออกของวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1916 เรือเอชเอ็มเอชเอส บริแทนนิก ได้รับแรงกระแทกจากระเบิดหลังจากชนกับทุ่นระเบิดและจมลง 55 นาทีต่อมา ต่อมาได้มีการเปิดเผยว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้ถูกวางไว้ในช่องแคบเอา เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 1916 โดยเรือดำน้ำ SM U-73 ภายใต้คำสั่งของร้อยโท
เมื่อเกิดระเบิดขึ้น บรรยากาศในห้องอาหารก็เปลี่ยนไปทันที แพทย์และพยาบาลรีบออกไปประจำจุดของตนเองอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ตอบสนองแบบเดียวกัน เพราะแรงระเบิดบริเวณส่วนท้ายของเรือไม่รุนแรงเท่าส่วนหัว ทำให้หลายคนคิดว่าเรือชนกับเรือลำเล็กกว่า กัปตันบาร์ตเล็ตต์และหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฮูมอยู่บนสะพานเดินเรือในขณะนั้น และสถานการณ์ที่ร้ายแรงก็ปรากฏชัดขึ้นอย่างรวดเร็ว การระเบิดเกิดขึ้นที่ด้าน ระหว่างห้องเก็บของหมายเลข 2 และ 3 แรงระเบิดทำให้ระหว่างห้องเก็บของหมายเลข 1 และเสียหาย ห้องกั้นน้ำ 4 ห้องแรกที่อยู่ด้านหน้าเรือเริ่มเต็มไปด้วยน้ำอย่างรวดเร็ว อุโมงค์ (boiler-man's tunnel) ที่เชื่อมห้องพักของคนต้มน้ำที่หัวเรือกับห้องหม้อไอน้ำหมายเลข 6 ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง และน้ำก็ไหลเข้าห้องหม้อไอน้ำนั้น
กัปตันบาร์ตเล็ตต์สั่งให้ปิดประตูผนึกน้ำ และให้ลูกเรือเตรียมเรือชูชีพ สัญญาณ SOS ถูกส่งออกไปทันที และเรืออื่น ๆ หลายลำในบริเวณนั้นก็ได้รับสัญญาณ รวมถึง (HMS Scourge) และ (HMS Heroic) แต่บริแทนนิกไม่ได้รับสัญญาณตอบกลับใด ๆ โดยที่กัปตันบาร์ตเล็ตต์และเจ้าหน้าที่วิทยุบนเรือไม่ทราบเลยว่าแรงระเบิดครั้งแรกนั้นทำให้สายอากาศที่แขวนอยู่ระหว่างเสากระโดงเรือขาด
ในขณะที่ประตูผนึกน้ำของอุโมงค์คนต้มน้ำเสียหาย ประตูผนึกน้ำระหว่างห้องหม้อไอน้ำหมายเลข 6 และ 5 ก็ไม่สามารถปิดได้อย่างถูกต้อง ทำให้น้ำไหลเข้าไปในห้องหม้อไอน้ำหมายเลข 5 มากขึ้น ขณะนี้เรือบริแทนนิกถึงขีดจำกัดการถูกน้ำท่วมแล้ว โดยเรือสามารถลอยลำอยู่เหนือน้ำได้โดยมีห้องกันน้ำอย่างน้อย 6 ห้องถูกน้ำท่วม มาตรการเหล่านี้ถูกนำมาใช้หลังจากการจมของไททานิก (ไททานิกสามารถลอยลำอยู่น้ำได้ด้วยช่องกันน้ำ 4 ช่องแรกเท่านั้น)
กำแพงกั้นน้ำที่สำคัญถัดไปคือระหว่างห้องหม้อไอน้ำหมายเลข 5 และ 4 ที่ประตูผนึกน้ำยังคงสภาพสมบูรณ์ และน่าจะรับประกันความอยู่รอดของเรือได้ แต่ทว่ามีที่เปิดอยู่ตามชั้นล่างด้านหน้าเรือ ซึ่งเอียงอยู่ใต้ระดับน้ำภายในไม่กี่นาทีหลังเกิดระเบิด เนื่องจากพยาบาลได้เปิดช่องหน้าต่างเหล่านี้ส่วนใหญ่เพื่อระบายอากาศในห้องผู้ป่วย ซึ่งขัดกับคำสั่งที่ได้รับไว้ เมื่อเรือเอียงมากขึ้น น้ำก็ท่วมถึงระดับนี้และเริ่มไหลเข้าด้านหลังจากกำแพงกั้นน้ำระหว่างห้องหม้อไอน้ำหมายเลข 5 และ 4 ด้วยห้องกันน้ำมากกว่า 6 ห้องที่ถูกน้ำท่วม จึงทำให้เรือไม่สามารถลอยลำอยู่เหนือน้ำได้อีกต่อไป
อพยพ
บนสะพานเดินเรือ กัปตันบาร์ตเล็ตต์กำลังพิจารณาความพยายามที่จะช่วยเรือ หลังจากการระเบิดเพียง 2 นาที คนงานในห้องหม้อไอน้ำหมายเลข 5 และ 6 ก็ถูกอพยพ ในเวลาประมาณ 10 นาที บริแทนนิกก็อยู่ในสภาพเดียวกับไททานิกหลังจากชนภูเขาน้ำแข็ง 1 ชั่วโมง เพียง 15 นาทีหลังจากเรือถูกกระแทก ช่องหน้าต่างที่เปิดอยู่บนชั้น E ก็อยู่ใต้น้ำ จากนั้นน้ำก็ไหลเข้าสู่ส่วนท้ายของเรือจากช่องกันน้ำระหว่างห้องหม้อหมายเลข 4 และ 5 ทำให้เรือเอียงไปทางกราบขวาอย่างรวดเร็วเนื่องจากน้ำหนักของน้ำที่ไหลเข้ามาทางกราบขวา
ในขณะที่มองเห็นของกรีซอยู่ทางด้านขวา กัปตันบาร์ตเล็ตต์จึงสั่งให้หันเรือเข้าหาเกาะเพื่อพยายามนำเรือไปเกยตื้น ผลกระทบจากการเอียงไปทางกราบขวาของเรือและน้ำหนักของ ทำให้การพยายามควบคุมเรือด้วยเครื่องยนต์ของตัวเองเป็นไปได้ยาก และระบบบังคับเลี้ยวได้รับความเสียหายจากการระเบิดที่ทำให้ไม่สามารถบังคับเรือด้วยหางเสือได้ กัปตันสั่งให้ขับเคลื่อนใบจักรกราบซ้ายด้วยความเร็วที่สูงกว่ากราบขวา ซึ่งช่วยให้เรือเคลื่อนตัวไปทางเกาะได้ระดับหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็เตรียมพร้อมที่จะอพยพ กัปตันบาร์ตเล็ตต์ได้สั่งให้เตรียมเรือชูชีพ แต่ยังไม่อนุญาตให้ปล่อยลงน้ำ ทุกคนนำสิ่งของมีค่าที่สุดติดตัวไปด้วยก่อนอพยพ บาทหลวงประจำเรือเก็บพระคัมภีร์ของเขาไว้ ผู้ป่วยและพยาบาลจำนวนน้อยบนเรือได้รับการรวมตัวกัน พันตรี (Major Harold Priestley) รวบรวมทหารของเขาจากหน่วยเสนารักษ์ทหารบก (Royal Army Medical Corps) ไปที่ด้านหลังของชั้น A และตรวจสอบห้องโดยสารเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครถูกทิ้งไว้
ขณะที่กัปตันบาร์ตเล็ตต์ยังคงพยายามบังคับเรืออย่างสุดชีวิต เรือก็เอียงเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ลูกเรือคนอื่น ๆ เริ่มกลัวว่าเรือจะเอียงมากเกินไป จึงตัดสินใจปล่อยเรือชูชีพลำแรกลงน้ำโดยไม่รอคำสั่ง บาร์ตเล็ตต์ตัดสินใจหยุดเรือและเครื่องยนต์ ก่อนที่เขาจะทำได้ เรือชูชีพสองลำถูกปล่อยลงน้ำทางฝั่งกราบซ้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ชั้นสาม ฟรานซิส ลอว์ส (Francis Laws) ใบจักรที่ยังคงหมุนอยู่และโผล่ขึ้นมาเพียงบางส่วน ได้ดูดและทำลายเรือชูชีพทั้งสองลำเข้าไป คร่าชีวิตผู้คนไป 30 คน ในที่สุด บาร์ตเล็ตต์ก็สามารถหยุดใบจักรเรือได้ก่อนที่พวกมันจะทำลายเรือชูชีพเพิ่ม
ช่วงเวลาสุดท้าย
เวลา 08:50 น. ผู้โดยสารและลูกเรือส่วนใหญ่ได้อพยพลงเรือชูชีพทั้ง 35 ลำที่ปล่อยลงน้ำเรียบร้อยแล้ว ณ จุดนี้ บาร์ตเล็ตต์สรุปว่าอัตราการจมของเรือลดลง เขาจึงสั่งหยุดการอพยพและสั่งให้สตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้งด้วยความหวังว่าจะยังสามารถนำเรือขึ้นฝั่งได้
เวลา 09:00 น. กัปตันบาร์ตเล็ตต์ได้รับแจ้งว่าอัตราการท่วมเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเรือกำลังแล่นไปข้างหน้า และน้ำท่วมมาถึงชั้น D แล้ว เมื่อตระหนักว่าไม่มีความหวังที่จะไปถึงฝั่งทันเวลา บาร์ตเล็ตต์จึงได้สั่งหยุดเครื่องยนต์เป็นครั้งสุดท้าย และส่งสัญญาณเตือนภัยสองครั้งด้วยเสียงนกหวีด ซึ่งเป็นสัญญาณให้สละเรือ เมื่อน้ำท่วมถึงสะพานเดินเรือ เขาและผู้ช่วยผู้กัปตันไดค์เดินลงไปบนดาดฟ้าและลงไปในน้ำ ว่ายน้ำไปยังเรือชูชีพแบบพับได้ ซึ่งพวกเขายังคงประสานงานปฏิบัติการกู้ภัยต่อไป
เรือเอียงไปทางกราบขวาอย่างช้า ๆ และปล่องควันก็พังลงทีละปล่องขณะที่เรือล่มอย่างรวดเร็ว เมื่อท้ายเรือโผล่พ้นน้ำ หัวเรือก็ก็ได้กระแทกกับพื้นทะเลแล้ว เนื่องจากความยาวของเรือที่มากกว่าความลึกของน้ำ แรงกระแทกจึงทำให้หัวเรือได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ก่อนที่เรือจะจมหายไปใต้คลื่นทั้งหมดในเวลา 09:07 น. ซึ่งเป็นเวลา 55 นาทีหลังจากเกิดระเบิด
(Violet Jessop) ผู้รอดชีวิตจากเรือไททานิกและเป็นหนึ่งในผู้โดยสารบนเรือโอลิมปิกเมื่อครั้งชนกับ บรรยายถึงวินาทีสุดท้ายของเรือบริแทนนิกไว้ดังนี้:
- "หัวเรือค่อย ๆ จมลงเล็กน้อย จากนั้นก็จมต่ำลงอีกและต่ำลงเรื่อย ๆ สิ่งของทั้งหมดบนดาดฟ้าหล่นลงไปในทะเลราวกับของเล่นเด็ก จากนั้นเรือก็พุ่งตัวลงอย่างน่ากลัว ท้ายเรือยกขึ้นสูงหลายร้อยฟุตสู่ท้องฟ้า จนกระทั่งในที่สุด เรือก็หายไปในความลึก เสียงของเรือที่หายไปดังกึกก้องไปทั่วผืนน้ำด้วยความรุนแรงอย่างไม่นึกฝัน...."
เมื่อเรือบริแทนนิกอับปาง เรือลำนี้ก็กลายเป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดที่อับปางในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และเป็นเรือโดยสารที่จมลงใต้ทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ช่วยเหลือผู้รอดชีวิต
เมื่อเปรียบเทียบกับการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตของเรือไททานิก การช่วยเหลือผู้รอดชีวิตของเรือบริแทนนิกนั้นสะดวกกว่าด้วยปัจจัยสามประการ ได้แก่:
- อุณหภูมิที่สูงกว่า: 20 องศาเซลเซียส (68 องศาฟาเรนไฮต์) เทียบกับ –2 องศาเซลเซียส (28 องศาฟาเรนไฮต์) ของไททานิก สภาพอากาศที่อบอุ่นกว่าช่วยป้องกันผู้รอดชีวิตจากภาวะอุณหภูมิต่ำ
- เรือชูชีพที่มีมากกว่า: เรือชูชีพ 35 ลำถูกปล่อยลงน้ำสำเร็จและลอยอยู่ได้ เทียบกับไททานิกที่มีเพียง 20 ลำ จำนวนเรือชูชีพที่มากขึ้นทำให้สามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากขึ้น
- ความช่วยเหลือที่อยู่ใกล้กว่า: ความช่วยเหลือมาถึงภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงหลังจากการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือครั้งแรก เทียบกับ 3 ชั่วโมงครึ่งของไททานิก การมาถึงของความช่วยเหลือที่สั้นลงช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต
ผู้ที่เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุเป็นกลุ่มแรกคือชาวประมงจากเกาะเคีย พวกเขานำ (caïque) ของตนมาช่วยเหลือผู้รอดชีวิตหลายคนขึ้นจากน้ำ เวลา 10:00 น. เรือหลวง (HMS Scourge) ได้พบเห็นเรือชูชีพลำแรกและอีก 10 นาทีต่อมาก็ได้หยุดเรือและช่วยเหลือผู้รอดชีวิต 339 คน เรือกลไฟติดอาวุธ (HMS Heroic) ที่เดินทางมาถึงก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีก็ได้ช่วยเหลือผู้รอดชีวิต 494 คน มีผู้รอดชีวิตประมาณ 150 คนที่ถูกนำไปยังเมืองบนเกาะเคีย ซึ่งแพทย์และพยาบาลที่รอดชีวิตพยายามช่วยเหลือผู้บาดเจ็บโดยการใช้ผ้ากันเปื้อนและชิ้นส่วนของพวงชูชีพทำเป็นผ้าพันแผล และใช้พื้นที่ท่าเรือเล็ก ๆ เป็นห้องผ่าตัดชั่วคราว[]
เรือหลวงสเกิร์จและเฮโรอิกไม่มีพื้นที่บนดาดฟ้าสำหรับผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมอีกแล้ว พวกเขาจึงออกเดินทางไปเมืองไพรีอัส เพื่อแจ้งข่าวการมีชีวิตอยู่ของผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่ในโกริสเซีย (HMS Foxhound) เดินทางมาถึงโกริสเซียในเวลา 11:45 น. หลังจากสำรวจบริเวณโดยรอบแล้ว จึงทอดสมอที่ท่าเรือเล็ก ๆ แห่งนั้นในเวลา 13:00 น. เพื่อให้การช่วยเหลือทางการแพทย์และนำผู้รอดชีวิตที่เหลือขึ้นเรือ และในเวลา 14:00 น. เรือลาดตระเวนเบา (HMS Foresight) ก็มาถึง
เรือหลวงฟ็อกซ์ฮาวด์ออกเดินทางไปยังไพรีอัสในเวลา 14:15 น ส่วนเรือหลวงฟอร์ไซต์ยังคงอยู่เพื่อจัดเตรียมการฝังศพเสนารักษ์ทหารบก จ่าสิบเอกวิลเลียม ชาร์ป (William Sharpe) ที่เกาะเคีย ซึ่งเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ ผู้รอดชีวิตอีก 2 คนเสียชีวิตบนเรือหลวงเฮโรอิก และอีก 1 คนบนโกลิอัท (Goliath) ของฝรั่งเศส ทั้งสามคนได้รับการฝังศพด้วยเกียรติยศทางทหารในสุสานทหารเรือและกงสุลที่ไพรีอัส ผู้เสียชีวิตคนสุดท้ายคือ จี. ฮันนีค็อตต์ (G. Honeycott) ซึ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลรัสเซียในไพรีอัสหลังจากพิธีศพไม่นาน[]
การอับปางของเรือบริแทนนิกมีผู้รอดชีวิต 1,036 คนจากผู้โดยสารทั้งหมด 1,066 คน และมีผู้เสียชีวิต 30 คน แต่มีเพียง 5 คนเท่านั้นที่ได้รับการฝังศพ โดยผู้เสียชีวิตที่เหลือไม่สามารถกู้ศพกลับมาได้ และได้รับเกียรติบนอนุสรณ์สถานในเทสซาโลนีกี (อนุสรณ์สถานมิกรา) และลอนดอน อีก 38 คนได้รับบาดเจ็บ (ลูกเรือ 18 คนและเสนารักษ์ฯ 20 คน) ผู้รอดชีวิตได้รับการดูแลในเรือรบที่ทอดสมออยู่ ณ ท่าเรือไพรีอัส ในขณะที่พยาบาลและเจ้าหน้าที่ได้รับการต้อนรับในโรงแรมที่ ประชาชนชาวกรีซจำนวนมากและเจ้าหน้าที่รัฐเข้าร่วมพิธีศพ ผู้รอดชีวิตถูกส่งกลับบ้านและมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เดินทางกลับถึงสหราชอาณาจักรก่อนวันคริสต์มาส
เรือเดินสมุทร
เรือบริแทนนิกได้รับการออกแบบให้มีความหรูหรามากกว่าเรือพี่ เพื่อแข่งขันกับเรือ และอาร์เอ็มเอส อาควิเทเนีย
มีห้องโดยสารเพียงพอสำหรับผู้โดยสารที่แบ่งออกเป็นสามชั้น ไวต์สตาร์ไลน์คาดการณ์ว่าฐานลูกค้าของตนจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ดังนั้น คุณภาพของชั้นที่สาม (สำหรับผู้อพยพ) จึงลดลงเมื่อเทียบกับเรือพี่ ในขณะที่คุณภาพของชั้นที่สองเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ จำนวนลูกเรือที่วางแผนไว้ยังเพิ่มขึ้นจากประมาณ 860 – 880 คนบนเรือโอลิมปิกและไททานิกเป็น 950 คนบนเรือบริแทนนิก
เรือบริแทนนิกได้ปรับปรุงคุณภาพของห้องโดยสารชั้นหนึ่งให้ดีขึ้น เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มครอบครัวที่มีเด็ก โดยมีการสร้างห้องเล่นสำหรับเด็กบนดาดฟ้าชั้นเรือบด เช่นเดียวกับเรือแฝดทั้งสองลำ สิ่งอำนวยความสะดวกชั้นหนึ่งของเรือบริแทนนิกยังคงมี (Grand staircase) แต่สิ่งอำนวยความสะดวกของบริแทนนิกนั้นหรูหรามากยิ่งขึ้น มีราวบันไดที่ประดับประดา แผ่นผนังตกแต่งอย่างสวยงาม และมีออร์แกน
เรือบริแทนนิกมีการจัดสรรพื้นที่ทั้งหมดของดาดฟ้าชั้น A ให้กับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง โดยมีการติดตั้งห้องโถง ร้านกาแฟริมระเบียง 2 แห่ง ห้องสูบบุหรี่ และห้องอ่านหนังสือ บนดาดฟ้าชั้น B ประกอบด้วยร้านทำผม ไปรษณีย์ และห้องชุดสุดหรูที่ได้รับการออกแบบใหม่ ซึ่งเรียกในผังของผู้สร้างว่าซาลูน สิ่งเพิ่มเติมที่สำคัญที่สุดคือห้องน้ำในตัวเกือบทุกห้องของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในเรือเดินสมุทร ซึ่งบนเรือโอลิมปิกและไททานิก ผู้โดยสารส่วนใหญ่ต้องใช้ห้องน้ำสาธารณะ
สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ถูกติดตั้งไว้ แต่ถูกนำออกในภายหลังเนื่องจากเรือถูกแปลงเป็นเรือพยาบาล และไม่เคยติดตั้งใหม่เพราะเรืออับปางก่อนที่จะเข้าประจำการบริการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ดังนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกที่วางแผนไว้จึงถูกยกเลิก ทำลาย นำกลับไปใช้ซ้ำบนเรือลำอื่น เช่น โอลิมปิกหรือมาเจสติก หรือไม่เคยถูกนำมาใช้เลย ในบรรดาสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ มีเพียงบันไดขนาดใหญ่และห้องเล่นของเด็กเท่านั้นที่ยังคงติดตั้งอยู่ ใต้โดมกระจก มีกำแพงสีขาวอยู่เหนือบันไดชั้นหนึ่งแทนที่จะเป็นนาฬิกาและภาพวาดขนาดใหญ่
ออร์แกน
เรือบริแทนนิกมีแผนที่จะติดตั้งออร์แกนของบริษัท (Welte-Mignon) แต่เนื่องจากสงครามปะทุขึ้น ทำให้ออร์แกนนี้ไม่เคยถูกส่งจากเยอรมนีไปยังเบลฟาสต์ หลังสงคราม ฮาร์แลนด์แอนด์วูล์ฟก็ไม่ได้เรียกร้องให้นำออร์แกนนี้มาติดตั้ง เนื่องจากเรืออับปางก่อนที่เรือจะสามารถเข้าให้บริการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก นอกจากนี้มันยังไม่ได้ถูกติดตั้งบนเรือโอลิมปิก หรือมาเจสติก เนื่องจากไวต์สตาร์ไลน์ไม่ต้องการ เป็นเวลาหมายปีที่เชื่อกันว่าออร์แกนนี้สูญหายไปหรือถูกทำลาย
อย่างไรก็ตาม ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2007 ผู้บูรณะออร์แกนเวิลท์ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ในเมืองซีเวน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ตรวจพบว่าชิ้นส่วนหลัก ๆ ของออร์แกนนั้นมีตราประทับคำว่า "Britanik" โดยช่างสร้างออร์แกนชาวเยอรมัน" ภาพถ่ายของภาพวาดในโฆษณาของบริษัทซึ่งพบในมรดกของเวิลท์ ใน ในไฟรบวร์ค ได้พิสูจน์ว่านี่คือออร์แกนที่สร้างขึ้นสำหรับเรือบริแทนนิก และพบว่าเวิลท์ได้ขายออร์แกนนี้ให้กับเจ้าของเอกชนในเมืองชตุทการ์ท
ต่อมาในปี ค.ศ. 1937 ออร์แกนนี้ถูกย้ายไปยังห้องแสดงคอนเสิร์ตของบริษัทแห่งหนึ่งในเมืองวิปเปอร์เฟิร์ท ซึ่งในที่สุดก็ถูกผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ดนตรีอัตโนมัติสวิสซื้อมาในปี ค.ศ. 1969 ในขณะนั้นพิพิธภัณฑ์ยังไม่ทราบประวัติเดิมของออร์แกน และยังคงดูแลให้ออร์แกนอยู่ในสภาพใช้งานได้ และยังคงใช้สำหรับการแสดงแบบอัตโนมัติและแบบแมนนวล
ซากเรือ
ซากเรือบริแทนนิกอยู่ในพิกัด 37°42′05″N 24°17′02″E / 37.70139°N 24.28389°E ในระดับความลึกประมาณ 400 ฟุต (122 เมตร) ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 1975 โดย (Jacques Cousteau) ซึ่งเป็นผู้สำรวจเรือลำนี้ ในระหว่างการถ่ายทำการสำรวจ เขายังได้จัดการประชุมทางกล้องกับผู้ที่รอดชีวิตจากการอับปางของเรือหลายคน ในปี ค.ศ. 1976 กูสโตเข้าไปในซากเรือกับนักดำน้ำของเขาเป็นครั้งแรก เขาแสดงความคิดเห็นว่าเรือลำนี้น่าจะถูกจมโดยตอร์ปิโดเพียงลูกเดียว โดยอาศัยความเสียหายของแผ่นโลหะของเรือเป็นหลักฐาน
ซากเรือนอนตะแคงอยู่ทางกราบขวา ซึ่งบดบังร่องรอยการชนกับทุ่นระเบิด ใต้ชั้นดาดฟ้าหน้าเรือ (well deck) เป็นรูขนาดใหญ่ ส่วนได้รับความเสียหายอย่างหนักและติดอยู่กับตัวเรือเพียงบางส่วนของชั้น C ห้องพักลูกเรือที่หัวเรือยังคงอยู่ในสภาพดี โดยยังคงมองเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ได้ ส่วนห้องเก็บสินค้าพบว่าว่างเปล่า
เครื่องจักรหัวเรือและเครนขนสินค้าสองตัวบนดาดฟ้าหน้าเรือยังคงสภาพดี เสากระโดงหน้าเรือหักงอและวางอยู่บนพื้นทะเลใกล้กับซากเรือพร้อมกับ (crow's nest) ที่ยังติดอยู่ ระฆังที่คาดว่าสูญหายไปแล้วถูกพบในการดำน้ำในปี 2019 ซึ่งตกลงมาจากเสากระโดงและอยู่ใต้รังกาบนพื้นทราย พบปล่องไฟหมายเลข 1 ห่างจากชั้นดาดฟ้าเรือไม่กี่เมตร ปล่องไฟหมายเลข 2, 3 และ 4 ในกองเศษซากห่างจากท้ายเรือ และพบเศษถ่านหินอยู่ข้างซากเรือ
ในช่วงกลางปี ค.ศ. 1995 ในการสำรวจที่ถ่ายทำโดย NOVA ดร. (Robert Ballard) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในการค้นพบซากเรือไททานิกในปี 1985 และเรือประจัญบานบิสมาร์คในปี 1989 ได้เดินทางไปเยี่ยมชมซากเรือโดยใช้โซนาร์สแกนด้านข้างขั้นสูง ภาพถูกบันทึกจากยานควบคุมระยะไกล แต่ไม่ได้เข้าไปสำรวจภายในซากเรือ บัลลาร์ดพบว่าปล่องไฟของเรือทั้งหมดอยู่ในสภาพดีอย่างน่าประหลาดใจ และความพยายามในการค้นหาทุ่นระเบิดล้มเหลว
ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1996 ซากเรือถูกซื้อโดย (Simon Mills) ซึ่งได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเรือสองเล่มได้แก่ บริแทนนิก – ไททันลำสุดท้าย (Britannic – The Last Titan) และเหยื่อแห่งโชคชะตา (Hostage To Fortune)
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1997 ทีมนานาชาติที่นำโดยเควิน เกอร์ (Kevin Gurr) ได้ใช้เทคนิคการดำน้ำระบบหายใจแบบเปิด (open-circuit trimix) เพื่อสำรวจและบันทึกภาพซากเรือด้วยรูปแบบวิดีโอดิจิทัล DV ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1998 ทีมนักดำน้ำอีกทีมหนึ่งได้เดินทางไปสำรวจซากเรือ โดยใช้ ทีมได้ดำน้ำสำรวจซากเรือเพิ่มเติมและถ่ายภาพมากกว่าที่เคยมีมา รวมถึงวิดีโอของเครื่องสั่งจักร (telegraph) ทั้ง 4 ตัว พังงา (helm) และ (telemotor) บนสะพานเดินเรือ
ในปี ค.ศ. 1999 นักดำน้ำ GUE ที่ชำนาญการดำน้ำในถ้ำและการสำรวจมหาสมุทร เป็นผู้นำในการสำรวจดำน้ำครั้งแรกเพื่อเข้าไปสำรวจภายในซากเรืออย่างละเอียด วิดีโอของการสำรวจครั้งนี้ได้ออกอากาศทางเนชั่นแนลจีโอกราฟิก, บีบีซี, ฮิสทรี และดิสคัฟเวอรี
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2003 คณะสำรวจนำโดยคาร์ล สเปนเซอร์ (Carl Spencer) ได้ดำน้ำลงไปสำรวจซากเรือ นี่เป็นการสำรวจครั้งแรกที่นักดำน้ำทุกคนใช้ (CCR) นักดำน้ำ (Leigh Bishop) ได้นำภาพถ่ายแรก ๆ จากภายในซากเรือกลับมา และคู่หูของเขาริช สตีเวนสัน (Rich Stevenson) พบว่าประตูผนึกน้ำหลายบานเปิดอยู่ มีการสันนิษฐานว่าสาเหตุมาจากการที่ระเบิดทุ่นระเบิดตรงกับช่วงเวลาเปลี่ยนเวรลูกเรือ อีกทางเลือกหนึ่งคือแรงระเบิดอาจทำให้บานประตูเสียรูป ผู้เชี่ยวชาญด้านโซนาร์ บิล สมิธ (Bill Smith) ได้ค้นพบทุ่นระเบิดจำนวนหนึ่งนอกซากเรือ การค้นพบนี้ยืนยันบันทึกของเรือดำน้ำ ของเยอรมนีว่าเรือถูกจมโดยทุ่นระเบิดลูกเดียว และความเสียหายรุนแรงขึ้นเนื่องจากช่องหน้าต่างและประตูผนึกน้ำที่เปิดอยู่ การสำรวจของสเปนเซอร์ได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลกเป็นเวลาหลายปีโดยเนชั่นแนลจีโอกราฟิก และช่อง 5 ของสหราชอาณาจักร
ในปี ค.ศ. 2006 คณะสำรวจที่ได้รับทุนและถ่ายทำโดยช่องฮิสทรีได้รวบรวมนักประดาน้ำที่มีทักษะ 14 คน เพื่อช่วยกันค้นหาว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เรือจมลงอย่างรวดเร็ว หลังจากเตรียมพร้อม ทีมได้ลงดำน้ำสำรวจซากเรือในวันที่ 17 กันยายน แต่การสำรวจต้องหยุดลงชั่วคราวเนื่องจากมีตะกอนลอยขึ้นมาจนทำให้มองไม่เห็น นักประดาน้ำ 2 คนเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากเหตุการณ์นี้ การดำน้ำครั้งสุดท้ายมีเป้าหมายคือห้องหม้อไอน้ำของเรือ แต่พวกเขาพบว่าการถ่ายภาพภายในซากเรือจะเป็นการละเมิดใบอนุญาตที่ออกโดย ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใน
เนื่องจากข้อจำกัดทางภาษา คำร้องขอในนาทีสุดท้ายจึงถูกปฏิเสธโดยกรมโบราณวัตถุใต้น้ำ ภารกิจนี้ไม่สามารถระบุสาเหตุที่ทำให้เรือล่มอย่างรวดเร็วได้ แต่มีการถ่ายทำวิดีโอนานหลายชั่วโมงและบันทึกข้อมูลสำคัญไว้ ภายหลัง กรมโบราณวัตถุใต้น้ำได้ตระหนักถึงความสำคัญของภารกิจนี้ และได้เชิญให้ทีมสำรวจกลับมาเยี่ยมชมซากเรือภายใต้กฎเกณฑ์ที่ไม่เข้มงวดนัก
ในวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 คาร์ล สเปนเซอร์ เสียชีวิตในกรีซเนื่องจากปัญหาด้านอุปกรณ์ขณะถ่ายทำซากเรือให้กับเนชั่นแนลจีโอกราฟิก ซึ่งเป็นครั้งที่สามที่เขาถ่ายภาพซากเรือ
ในปี ค.ศ. 2012 คณะสำรวจนำโดยอเล็กซานเดอร์ โซติริโอ (Alexander Sotiriou) และพอล ลิจเนน (Paul Lijnen) นักดำน้ำที่ใช้เครื่องช่วยหายแบบรีบรีเทอร์ (rebreathers) ได้ลงไปติดตั้งและกู้คืนอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาว่าแบคทีเรียกินเหล็กของเรือบริแทนนิกได้เร็วกว่าเรือไททานิกหรือไม่
ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 2019 ทิม ซาวิลล์ (Tim Saville) นักดำน้ำลึกชาวอังกฤษ เสียชีวิตระหว่างการดำน้ำลึก 393 ฟุต (120 เมตร) บนซากเรือบริแทนนิก
มรดก
เนื่องจากอาชีพของเรือถูกตัดขาดในช่วงสงคราม ไม่เคยให้บริการเชิงพาณิชย์ และมีผู้เสียชีวิตเพียงเล็กน้อย บริแทนนิกจึงไม่โด่งดังเหมือนไททานิก หลังจากถูกลืมเลือนจากสาธารณชนเป็นเวลานาน เรือก็มีชื่อเสียงอีกครั้งเมื่อซากเรือถูกค้นพบ ชื่อของเรือถูกนำกลับมาใช้ใหม่โดยไวต์สตาร์ไลน์ เมื่อนำเรือ (MV Britannic) เข้าประจำการในปี ค.ศ. 1930 เรือลำนั้นเป็นเรือลำสุดท้ายที่ใช้ธงของบริษัท และปลดประจำการในปี ค.ศ. 1960
หลังจากเยอรมนีพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ตามด้วยสนธิสัญญาแวร์ซาย เยอรมนีก็ได้มอบเรือเดินสมุทรบางส่วนของตนเป็นค่าปฏิกรรมสงคราม สองลำในจำนวนนั้นได้มอบให้ไวต์สตาร์ไลน์ ลำแรกคือ บิสมาร์ก โดยเปลี่ยนชื่อเป็น (Majestic) ซึ่งมาแทนที่ยริแทนนิก และลำที่สองคือ (Columbus) โดยเปลี่ยนชื่อเป็น (Homeric)
จอร์จ เพอร์แมน (George Perman) ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจากการอับปางของเรือ เสียชีวิตในปี ค.ศ. 2000 ขณะนั้นเขาอายุเพียง 15 ปี และกำลังทำหน้าที่เป็นลูกเสือคอยช่วยเหลือบนเรือ
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
การอับปางของเรือถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง "" ในปี ค.ศ. 2000 นำแสดงโดย, , และ เป็นเรื่องสมมติ โดยมีสายลับชาวเยอรมันวางแผนทำลายเรือ เนื่องจากเรือกำลังขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างลับ ๆ
สารคดีของบีบีซี 2 เรื่อง โศกนาฏกรรมเรือแฝดไททานิก – หายนะของบริแทนนิก (Titanic's Tragic Twin – the Britannic Disaster) ออกอากาศเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 2016 นำเสนอภาพซากเรือในปัจจุบันและพูดคุยกับญาติของผู้รอดชีวิต
นวนิยายเรื่อง ของ (Alma Katsu) ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2020 มีฉากหลักอยู่บนเรือสองลำ นั่นคือเรือบริแทนนิก และไททานิก ซึ่งเป็นเรือแฝดกันและเนื้อเรื่องมุ่งเน้นไปที่เหตุการณ์อับปางของเรือทั้งสองลำ
เรือลำยักษ์ "ไจแกนติก" ซึ่งเป็นฉากหลักของเกมหนีห้องปี ค.ศ. 2009 "" อ้างอิงถึงเรือบริแทนนิก ซึ่งเป็นเรือแฝดของเรือไททานิกที่แปลงสภาพเป็นเรือพยาบาล
ไปรษณียบัตร
ไปรษณียบัตรของอาร์เอ็มเอส บริแทนนิก | ||||
---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- Lynch (2012), p. 161.
- "HMHS Britannic (1914) Builder Data". MaritimeQuest. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2 กันยายน 2008. สืบค้นเมื่อ 9 สิงหาคม 2008.
- Vladisavljevic, Brana. "Titanic's sister ship Britannic could become a diving attraction in Greece". Lonely Planet. Retrieved 9 October 2021.
- "HMHS Britannic", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2023-07-28, สืบค้นเมื่อ 2023-07-29
- Chirnside 2011, p. 217 .
- Chirnside 2011, p. 231 .
- Chirnside 2011, p. 220 .
- Chirnside 2011, p. 224 .
- Piouffre 2009, p. 307 .
- Bonsall, Thomas E. (1987). "8". Titanic. Baltimore, Maryland: Bookman Publishing. p. 54. ISBN .
- Chirnside 2011, p. 12.
- Piouffre 2009, p. 41
- Chirnside 2011, p. 19.
- Chirnside 2011, p. 14.
- Chirnside 2011, p. 18.
- . ocean-liners.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 ธันวาคม 2005. สืบค้นเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2006.
- Bonner, Kit; Bonner, Carolyn (2003). Great Ship Disasters. MBI Publishing Company. p. 60. ISBN .
- "White Star Line". 20thcenturyliners.com. จากแหล่งเดิมเมื่อ 24 มิถุนายน 2014. สืบค้นเมื่อ 14 กรกฎาคม 2014.
- "24 Apr 1912 – WHITE STAR'S NEXT GREAT LINER. – Trove". Trove.nla.gov.au. 1912-04-24. สืบค้นเมื่อ 2022-02-27.
- "25 Nov 1911 – A MAMMOTH STEAMER. – Trove". Trove.nla.gov.au. 1911-11-25. สืบค้นเมื่อ 2022-02-27.
- The Madison Daily Leader 5 ตุลาคม 2018 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 27 November 1911..Retrieved 4 October 2018
- Las Vegas Optic: "1,000 FOOT SHIP MAY DOCK IN NEW YORK" 5 ตุลาคม 2018 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, 21 November 1911..Retrieved 4 October 2018
- Joshua Milford: What happened to Gigantic? 5 มีนาคม 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Website viewed 9 June 2014
- Mark Chirnside: Gigantic Dossier 3 มีนาคม 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Website viewed 1 May 2012
- Chirnside 2011, p. 216 .
- Chirnside 2011, p. 242 .
- Launch footage 11 พฤษภาคม 2014 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน and "Funnel fitting". 21 มิถุนายน 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน British Pathé. Retrieved 18 February 2013
- Chirnside 2011, p. 238 .
- Chirnside 2011, p. 239 .
- Chirnside 2011, p. 240 .
- Le Goff 1998, p. 50
- Chirnside 2011, p. 241 .
- Chirnside 2011, p. 243 .
- Chirnside 2011, p. 92 .
- Chirnside 2011, p. 94 .
- Chirnside 2011, p. 244 .
- Chirnside 2011, p. 245 .
- Chirnside 2011, p. 246 .
- Chirnside 2011, p. 247 .
- Chirnside 2011, p. 249 .
- Chirnside 2011, p. 250 .
- Chirnside 2011, p. 254 .
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:3
- Chirnside 2011, p. 253.
- "Sinking". Hospital Ship HMHS Britannic. จากต้นฉบับเมื่อ 10 สิงหาคม 2015.
- Chirnside 2011, p. 260.
- Chirnside 2011, p. 259.
- Chirnside 2011, p. 256 .
- Chirnside 2011, p. 261.
- Chirnside 2011, p. 258 .
- Chirnside 2011, p. 257 .
- Chirnside 2011, p. 259 .
- Chirnside 2011, p. 260 .
- Chirnside 2011, p. 261 .
- « Britannic » 6 สิงหาคม 2009 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Titanic-titanic.com. Accessed 12 July 2009.
- Gleick, Elizabeth; Carassava, Anthee (26 October 1998). "Deep Secrets". (South Pacific Edition). No. 43. p. 72.
- "PBS Online – Lost Liners – Britannic". PBS. จากแหล่งเดิมเมื่อ 14 ตุลาคม 2008. สืบค้นเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2008.
- Chirnside 2011, p. 262.
- Lord 2005, p. 149.
- Chirnside 2011, p. 266.
- Lord 2005, p. 103.
- Brewster & Coulter 1998, pp. 45 and 62.
- Chirnside 2011, pp. 261–262 .
- Chirnside 2011, p. 262 .
- "Cemetery Details | CWGC". www.cwgc.org (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-09-26.
- Chirnside 2011, pp. 325–327 .
- "Crew Lists". Hospital Ship HMHS Britannic. จากแหล่งเดิมเมื่อ 15 สิงหาคม 2015.
- Chirnside 2011, p. 264 .
- Chirnside 2011, p. 296 .
- Chirnside 2011, p. 225 .
- , Hospital Ship Britannic on The Internet Archive. Accessed 7 April 2011.
- Chirnside 2011, p. 226 .
- , Hospital Ship Britannic on The Internet Archive. Accessed 7 April 2011.
- Chirnside 2011, p. 227 .
- Christoph E. Hänggi: Die Britannic-Orgel im Museum für Musikautomaten Seewen So. Festschrift zur Einweihung der Welte-Philharmonie-Orgel; Sammlung Heinrich Weiss-Stauffacher. Hrsg.: Museum für Musikautomaten Seewen SO. Seewen: Museum für Musikautomaten, 2007.
- "Sunken Ocean-Liner Britannic's pipe organ found: Rare Welte-Philharmonie Organ Scheduled to Play Again" (PDF). David Rumsey: Organist, Consultant. 23 พฤษภาคม 2011. (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 16 มีนาคม 2012. สืบค้นเมื่อ 15 เมษายน 2012.
- Museum of Music Automatons Seewen: History of the organ Website viewed 20 November 2023
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อMC275
- "Britannic Jacques Cousteau's Search for Titanic's Sister Ship, Britannic Full Documentary". YouTube. 5 กันยายน 2014. จากแหล่งเดิมเมื่อ 17 มกราคม 2017. สืบค้นเมื่อ 12 ธันวาคม 2016.
- The Independent 21 กันยายน 2017 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, obituary:Sheila Macbeth Mitchell; Friday 18 March 1994..Retrieved 29 February 2016
- Chirnside 2011, p. 276 .
- "British Red Cross ship hit by torpedo". The Times. No. 59868. London. 23 November 1976. col F, p. 8.
- Chirnside 2011, p. 277 .
- , Marconigraph on The Internet Archive. Accessed 7 April 2011.
- Chirnside 2011, p. 284 .
- Chirnside 2011, pp. 282–284 .
- Hope, Nicholas (1998). "How We Dived The Britannic" 12 ธันวาคม 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Bubblevision.com. Retrieved 1 January 2011.
- Hope, Nicholas (1998). "HMHS Britannic Video" 12 ธันวาคม 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Bubblevision.com. Retrieved 1 January 2011.
- "HMHS Britannic". Ocean Discovery. จากแหล่งเดิมเมื่อ 13 พฤษภาคม 2008. สืบค้นเมื่อ 14 สิงหาคม 2008.
- , Hospital Ship Britannic on The Internet Archive. Accessed 7 April 2011.
- (ในภาษาฝรั่งเศส) « Plongée par 120 m de fonds » 2 ตุลาคม 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, La Dernière Heure. Accessed 28 July 2009.
- Pidd, Helen (25 พฤษภาคม 2009). "Tributes paid to diver Carl Spencer, killed filming Titanic sister ship". The Guardian. London. จากแหล่งเดิมเมื่อ 8 มีนาคม 2016. สืบค้นเมื่อ 3 พฤษภาคม 2012.
- . divernet.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 ตุลาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2013.
- Rosemary E Lunn A little good comes from Brit wreck diver's death 7 พฤศจิกายน 2019 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน X-Ray Magazine
- Chirnside 2011, p. 274 .
- « White Star Line MV Britannic (III) 1930–1960 The last WSL ship » 20 ธันวาคม 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, « Titanic » and Other White Star Ships. Accessed 28 July 2009.
- Chirnside 2011, p. 107 .
- "Southampton scout survived sinking of First World War hospital ship".
- Rees, Jasper (5 December 2016). "Titanic's Tragic Twin: The Britannic Disaster felt under-researched but the survivor testimony was grimly fascinating – review". เดอะเดลีเทเลกราฟ. ลอนดอน. จากแหล่งเดิมเมื่อ 6 ธันวาคม 2016. สืบค้นเมื่อ 5 สิงหาคม 2023.
- "'The Deep' book review – Voyage of nightmares and memories". เดอะนิวอินเดียนเอ็กซ์เพรส. จากต้นฉบับเมื่อ 17 กรกฎาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 5 สิงหาคม 2023.
- (2009-12-10). (Nintendo DS). . Level/area: Hospital Room.
Seven: 'Chances are, it's the [Gigantic]'
แหล่งข้อมูลอื่น
- ศูนย์รวมรูปภาพของเรือบริแทนนิค (ภาษาอังกฤษ)
- Britannic at PBS Lost Liners
- NOVA Online-Titanic's Lost Sister
- Britannic Foundation 2009-02-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
exchexmexchexs briaethnnik xngkvs HMHS Britannic michuxetmwa eruxphyabalhlwngbriaethnnik His Majesty s Hospital Ship Britannic epneruxphyabalsychatixngkvs epneruxlasudthayaelamikhnadihythisudinkhxngsaykaredineruxiwtstariln aelaepneruxlathisxngkhxngiwtstarthiichchux briaethnnik eruxlaniepneruxfaaefdkhxngxarexmexs oxlimpik aelaxarexmexs iththanik odythuksrangkhunephuxihbrikareruxodysarkhammhasmuthraextaelntik aetthukeknthekhamaepneruxphyabalkxninpi 1915 txcakeruxxarexmexs mxrietheniy aelaxarexmexs aexkhwietheniy thithukeknthmaepneruxphyabalkxnhna cnkrathngxbpanglnginthaelxieciynineduxnphvscikayn kh s 1916exchexmexchexs briaethnnik HMHS Britannic prawtishrachxanackrecakhxngiwtstarilnphuihbrikarrachnawithaeruxcdthaebiynliewxrphul xngkvsOrdered1911xueruxharaelndaexndwulff eblfast ixraelndehnuxYard number433plxyerux30 phvscikayn 1911edineruxaerk26 kumphaphnth 1914srangesrc12 thnwakhm 1915brikar23 thnwakhm 1915 eruxphyabal hyudihbrikar21 phvscikayn 1916rhsrabuhmayelkhthangrachkarxngkvs 137490hmayelkhchaythng G 608 1915 G 618 1916 rhstwxksr JMDKsyyaneriykkhanirsay MUCkhwamepnipchnkbthunraebidkhxng SM U 73 aelaxbpanginwnthi 21 phvscikayn 1916 iklkb inthaelxieciynlksnaechphaachn khnad tn 48 158 tnkrxskhnad rawangkhbna 53 200 tnkhwamyaw 882 9 fut 269 1 emtr khwamkwang 94 fut 28 7 emtr khwamsung 175 fut 53 emtr wdcakkraduknguthungplayplxngif kinnaluk 34 fut 7 niw 10 5 emtr khwamluk 64 fut 6 niw 19 7 emtr dadfa 10 chn 7 chnsahrbphuodysar 3 chnsahrblukerux odymi Sun deck Boat chn A Promenade chn B C G chnthxngeruxxik 2 chn epnphunthisahrbhmxna echuxephling ekhruxngynt hxngphnukna pratuknna hruxphunthisahrbephlaibckr epntn rabbphlngngan hmxixnaaebbplaykhu 24 eta aelaaebbplayediyw 5 eta ekhruxngynt 4 krabxksubixnaaebb Triple Expansion canwn 2 ekhruxng khbekhluxnodytrngkbibckrsay khwa ihkalng 32 000 aerngma 12 000 kW aelaixnakhwamdntathiphankarichcakekhruxngyntthngsxngchudcaekhasuekhruxngyntknghnixnakhwamdnta khbekhluxnphanchudekiyrsuibckrklang ihkalng 18 000 aerngma 15 000 kW ihkalngrwm 50 000 aerngma 37 000 kW rabbkhbekhluxn ibckr 3 tw thacaksmvththi odyibckrklangmikhnad 16 fut 6 niw dumibckrepnkrwykhrxb phwngibckrmi 4 ib swnibckrsayaelakhwamikhnad 23 fut 6 niw immikrwykhrxbthidum phwngibckrmi 3 ibkhwamerw khwamerwbrikar 21 nxt 39 kiolemtrtxchwomng 24 imltxchwomng khwamerwsungsud 24 nxt 44 kiolemtrtxchwomng 28 imltxchwomng khwamcu phuodysar 3 309 khn eruxbriaethnnikthuksrangkxnthisngkhramolkkhrngthi 1 caerim aelaidrbkarxxkaebbihepneruxthiplxdphythisudinbrrdaeruxthngsamla odymikarprbepliynokhrngsrangrahwangkarkxsrangcakbtheriynthiidcakkarxbpangkhxngiththanik eruxthukekbiwthixutxeruxharaelndaexndwulfineblfast epnewlahlayeduxnkxnthicathukeknthipepneruxphyabal aelathahnathirahwangshrachxanackraeladardaaenlsrahwangpi kh s 1915 1916 inechawnthi 21 phvscikayn kh s 1916 eruxchnkbthunraebidkhxngkxngthpheruxeyxrmniklkbekaaekhiykhxngkris aelaxbpanglnginewla 55 nathitxma sngphlihmiphuesiychiwit 30 khncakthnghmd 1 066 khn phurxdchiwitidrbkarchwyehlux sungnbepnepneruxthiihythisudthixbpanginsngkhramolkkhrngthi 1 hlngsngkhram iwtstarilnidrbkhachdechycakkarsuyesiybriaethnnikdwykarrbmxberuxexsexs bismark SS Bismarck sungepnswnhnungkhxngkhaptikrrmsngkhram aelathukepliynchuxepn RMS Majestic inpi 1975 idmikarkhnphbsakeruxody Jacques Cousteau sungnbepnsakeruxodysarthiyngkhngsphaphsmburnxyuitthaelthiihythisudinolk sakeruxthuksuxipinpi kh s 1996 aelapccubnepnecakhxngodyismxn mils Simon Mills nkprawtisastrthangthaelkarepliynaeplngkarxxkaebbedimthikhnadkhxngeruxbriaethnniknniklekhiyngkberuxaefdphithngsxngla oxlimpikaelaiththanik aetkhnadkhxngeruxthukprbepliyninkhnathiyngxyurahwangkarkxsranghlngcakehtukarneruxiththanikhxbpang dwyrawangbrrthuk 48 158 tn thaiheruxbriaethnnikmiprimanphayinthiehnuxkwaeruxaefdphi aetimidthaihklayepneruxodysarthiihythisudinewlann enuxngcakerux SS Vaterland khxngeyxrmniyngkhngthuxkhrxngtaaehnngnixyudwyrawangbrrthukthisungkwaxyangmak Olympic class ships khbekhluxndwyrabbphsmrahwang triple expansion steam engines canwn 2 ekhruxng sungkhbekhluxnibckrsayaelakhwa kbknghnixnaaerngdnta low pressure steam turbine thiichixnathiplxyxxkmacakekhruxngyntthngsxngephuxkhbekhluxnibckrklang thaiheruxmikhwamerwsungsud 23 nxt karprbkarxxkaebbhlngiththanikxbpang aenwkhidkhxngsilpinekiywkbxarexmexs briaethnnik hakepneruxedinsmuthr eruxbriaethnnikmiekhaokhrngthikhlaykhlungkberuxaefdphithngsxngla oxlimpikaelaiththanik aethlngcakehtukarneruxiththanikxbpangaelakarsxbswnthitamma kidmikarepliynaeplngkarxxkaebbhlayxyangsahrberuxbriaethnnik karepliynaeplngthisakhykxnepidtweruxidaek ephimkhwamkwangkhxngeruxbriewnhxngekhruxngyntaelaepn 94 fut 29 emtr ephuxrxngrbokhrngsrangaebb double hull ephimkhnadkhxngekhruxngyntknghnixnaepn 18 000 aerngma 13 000 kiolwtt cakedimthiepn 16 000 aerngma 12 000 kiolwtt thitidtngbneruxsxnglakxnhna ephuxchdechykhwamkwangkhxnglaeruxthiephimkhun kaaephngknnaswnklangidrbkarprbprungihmikhwamthnthanmakkhun sungchwyiheruxyngsamarthlxylaxyuidhakminathwmxyangnxy 6 hxng khyaykhwamsungkhxngkaaephngknna 6 in 15 aenwihsungkhunthungdadfachn B ekhrnokhrngehlkiffabneruxbriaethnnik karepliynaeplngruplksnthiehnidchdecnthisudkhuxkartidtngekhrnaekhwneruxchuchiphkhnadihythieriykwa gantry davits sungaetlatwkhbekhluxndwymxetxriffaaelasamarthcueruxchuchiphid 6 lasungekbiwbnokhrngehlk odyeruxthukxxkaebbmaihmiekhrn 8 tw aetmiephiyng 5 twethannthitidtngkxnthieruxcaekhapracakarinsngkhram swnthiehluxicheruxchuchiphthiplxyodyekhrnaebb Welin type davits thikhwbkhumdwymuxehmuxnediywkberuxoxlimpikiththanik eruxbriaethnnikmieruxchuchiphephimetimthisamarthekbiwbnhlngkhakhxngeruxnphklukerux ephuxihsamarthekhathungidngaycakekhrn aelaekhrnokhrngehlkksamarthykeruxchuchiphipyngxikfngkhxngeruxid trabidthiplxngkhwnimkhwangthang karxxkaebbnichwyihsamarthplxyeruxchuchiphthnghmdid aemwaeruxcaexiyngipdaniddanhnung sungodypktiaelwcathaihimsamarthplxyeruxchuchiphidthidantrngkhamkbthiexiyng ekhrnbangtwtidtngxyuiklkbplxngkhwn thaihkarplxyeruxchuchiphthixyuitplxngkhwnnnyaklabak nxkcakni liftthiekhyhyudthidadfachn A ineruxiththanik kthukprbprungihsamarthkhunipthungdadfachneruxchuchiph sungchwyxanwykhwamsadwkinkarekhluxnyayphuodysaraelalukeruxipyngeruxchuchiphinkrnichukechin eruxbriaethnnikmieruxchuchiphthnghmd 48 la odyaetlalasamarthcukhnidxyangnxy 75 khn dngnneruxchuchiphthnghmdcungsamarthcukhnidxyangnxy 3 600 khn sungsungkwakhwamcusungsudkhxngeruxthi 3 309 khnlksnaechphaakhxngeruxaebbdadfa deck plan bangswnkhxngeruxbriaethnniksdswnerux khwamyaw 882 9 fut 269 1 emtr khwamkwang 94 fut 28 7 emtr khwamsung 175 fut 53 emtr cakkraduknguthungplayplxngif khwamsungtwerux 64 fut 6 niw 19 7 emtr kinnaluk 34 fut 7 niw 10 5 emtr nahnk 48 158 tn rawangkhbna 53 200 tnlksnathwip si plxngifthasiehluxngthngplxng tweruxaelaokhrngsrangswnbn superstructure thasikhaw odymiaethbsithxngkhadrahwangtweruxkbokhrngsrangbnerux sylksnkachadsiaedng 6 cud aelaaethbsiekhiywkhadklangtlxdkhwamyawtwerux thxngeruxitaenwnathasiaedng plxngif 4 plxng aetlaplxngsung 62 fut 18 8 emtr kwang 19 fut 5 7 emtr yaw 24 5 fut 7 4 emtr ichesnekhebiltrungplxngla 12 esn thamum 3 27 xngsacakaenwtngchak tidhwudixnathukplxng ichrabaykhwn 3 plxngaerk swnplxngsudthayichrabayxakasaelathaihdusmdul esakraodngerux 2 tn thihweruxaelathayerux sungtnla 154 1 fut 47 emtr hwerux xxkaebbihmithitdnaaekhngthanghwerux smxerux 2 tw ekhrnyksmx 1 tw esakraodngerux 1 tn aelachxngkhnsinkha thayerux hangesux 1 tw saphanethiyberux aelaekhrnyksinkha 4 tw wsdusrangerux okhrngeruxthacakehlk okhrngsrangphayinthacakim epluxkeruxphayinaelaphaynxkthacakehlkkla phundadfaeruxpudwyimsk plxngifthacakehlkkla esakraodngeruxthacakimsnsprus dadfa 10 chn 7 chnsahrbphuodysar aela 3 chnsahrblukerux odymidadfachnxabaedd Sun deck chneruxbd Boat deck aelathangedin Promenade chn A B chn C G aelachnthxngerux 2 chn sahrbhmxna thanhin ekhruxngynt hxngknna pratuphnukna aelaephlaibckr ekhrnokhrngehlk 8 tw aetlatwcueruxchuchiphid 6 la rwmthnghmd 48 la tidtngcringephiyng 5 tw rwmthnghmd 30 la eruxchuchiph 48 la aetlalabrrthukkhnidxyangnxy 75 khn dngnnsamarthbrrthukkhnidxyangnxy 3 600 khn sungekinkhwamcusungsudkhxngeruxthi 3 309 khn taaehnnghxngwithyusuxsar chneruxbd krabsay thdcakhxngsaphanedinerux taekiyngsngsyyan 2 dwng tidtngthngkrabsayaelakhwa briewnpiksaphanedineruxchneruxbd smxerux 2 tw hnktwla 27 tn thihweruxthngkrabsayaelakhwa ekhrnyksinkhaiffa 6 tw 2 twbnchn C danhnaokhrngsrangswnbneruxiklkbchxngsinkha Well deck 2 twbnchn B khxnipthangthayerux aela2 twbnchn C danhlngokhrngsrangswnbneruxiklkbchxngsinkha hxngekbsinkha 9 hxng hxngmatrthan 6 hxng hxngaechaekhng 2 hxng aelahxngiprsniy 1 hxng liftsinkha 2 tw twaerkcakchn A ipchn D twthisxngcakchn D ipchn G aelalngthxngeruxodybnid kaaephngknna 15 aenw aebngepn 16 hxng phrxmpratupratuphnuknathangandwyiffa khwamcuphuodysar 3 309 khn lukerux praman 900 khnrabbphlngngan knghnixnaaerngdntakhxngeruxbriaethnnikechuxephling thanhin hmxixna 29 tw tidtnginhxnghmxixna 6 hxng aebngepn hmxixnaaebbetimthanid 2 fng double ended 24 eta 6 chxngetatxhmxna 1 tw hmxixnaaebbetimthanidfngediyw single ended 5 eta 3 chxngetatxhmxna 1 tw xtrasinepluxng thanhin 825 tn wn nacud 14 000 aekllxn wnrabbkhbekhluxn ekhruxngynt ekhruxngyntixnaaebbkhyaytwsametha Triple Expansion 4 sub canwn 2 ekhruxng khbekhluxnibckrsayaelakhwaodytrng ihkalng 32 000 aerngma 12 000 kiolwtt aelaixnakhwamdntathiphankarichcakekhruxngyntthngsxngcaekhasuekhruxngyntknghnixnakhwamdnta odykhbekhluxnphanchudekiyrsuibckrklang ihkalng 18 000 aerngma 15 000 kiolwtt rwm 50 000 aerngma 37 000 kiolwtt ibckr 3 tw thacaksmvththi ibckrklangmikhnad 16 fut 6 niw 5 emtr dumibckrepnkrwykhrxb phwngibckrmi 4 ib swnibckrsayaelakhwamikhnad 23 fut 6 niw 7 1 emtr dumibckrimmikrwykhrxb phwngibckrmi 3 ib hangesux 1 tw hnk 102 6 tn yuddwyphanphb 6 cudkhwamerw khwamerwsungsud 24 nxt 44 kiolemtrtxchwomng 28 imltxchwomng khwamerwbrikar 21 nxt 39 kiolemtrtxchwomng 24 imltxchwomng prawticudkaenid aebbcalxngtnaebbkhxngxarexmexs briaethnnik inpi kh s 1914 inpi kh s 1907 ec brus xisemy phucdkarthwipkhxngiwtstariln aela prathanxutxeruxharaelndaexndwulff idtdsinicsrangeruxedinsmuthrkhnadihy 3 la ephuxaekhngkhnkberuxxarexmexs lusietheniy RMS Lusitania aelamxrietheniy RMS Mauretania khxngkhunardiln imichindankhwamerw aetepnindankhwamhruhraaelakhwamplxdphy chuxkhxngeruxthngsamlaidrbkartdsinicinphayhlngaelasathxnthungkhwamtngickhxngphuxxkaebbekiywkbkhnadkhxngphwkmn idaek oxlimpik iththanik aelabriaethnnik karkxsrangeruxoxlimpikaelaiththanikerimkhuninpi kh s 1908 aela 1909 tamladb khnadkhxngeruxthngsxngnnihyotmakcncaepntxngsrang Arrol Gantry ephuxrxngrbkhnaderuxodyechphaa aelakhyaykhnadphunthikxsrangephuxihkwangphxthicasrangeruxsxnglaphrxmknid eruxthngsamlaidrbkarxxkaebbihmikhwamyaw 270 emtr aelamirawangkhbnarwmkwa 45 000 tn aemwakhwamerwthixxkaebbiwpraman 22 nxtnncatakwaeruxlusietheniy aelamxrietheniymak aetkyngsamarthkhammhasmuthraextaelntikidphayinewlahnungspdah khawluxkarepliynchux ekhrnsnamxarorl Arrol Gantry tngtrahnganehnuxtweruxbriaethnnik rawpi kh s 1914 aemwaeruxngnithngiwtstarilnaelaxutxeruxharaelndaexndwulfcaptiesthmatlxd aetmibangaehlngxangwaedimthieruxbriaethnnikcathuktngchuxwa icaekntik Gigantic aetthukepliynephuximihaekhngkhnkbhruxsrangkarepriybethiybkbchuxkhxngeruxiththanik hnunginaehlngthimakhux opsetxrkhxngeruxthimichuxwaicaekntikxyudanbn aehlngkhxmulxun idaek hnngsuxphimphxemriknineduxnphvscikayn kh s 1911 thirabuwamikarsngsuxeruxchuxicaekntikodyiwtstarilnrwmthunghnngsuxphimphxun cakthwolkthnginrahwangkarkxsrangaelahlngcakkarxbpangkhxngiththanik thxm aemkkhlski Tom McCluskie phucdkarfayekbexksaraelankprawtisastrkhxngharaelndaexndwulf yunynwainchwngthiekhathanganxyu imekhyehnexksarxangxingxyangepnthangkarid thiichchuxicaekntik hruxesnxihichchuxnikberuxlathisamineruxchnoxlimpik mikarepliynaeplngthiekhiyndwylaymuxlnginsmudbnthukibsngsux sunglngwnthiineduxnmkrakhm kh s 1912 aetkarepliynaeplngehlaniepnephiyngkarxangthungkhwamkwangkhxngeruxthikalngkxsrangxyuethann imichchuxkhxngeruxaetxyangid karkxsrang hnunginplxngifkhxngeruxbriaethnnikkalngthukkhnsngipyngxutxeruxharaelndaexndwulf kradukngukhxngeruxbriaethnnikthukwanginwnthi 30 phvscikayn kh s 1911 thixutxeruxharaelndaexndwulf ineblfast bnaethnyklaedimthiekhyichsrangeruxoxlimpik odymikarwangaephnthicanaeruxekhapracakarinchwngtnpi kh s 1914 enuxngcakmikarprbprungephimetimcakehtukarneruxiththanik thaihkarsrangeruxbriaethnnidtxngesrclachaxxkipcnthungeduxnkumphaphnth kh s 1914 eruxbriaethnnikplxylngnaemuxwnthi 26 kumphaphnth kh s 1914 mikarklawsunthrphcnhlaykhrngtxhnasuxmwlchn aelamikarcdnganeliyngephuxepnekiyrtiaekkarplxyerux hlngcaknncungerimkartidtngxupkrntang bnerux aelaekhaxuaehngineduxnknyaynephuxtidtngibckr phithiplxyeruxbriaethnniklngna wnthi 26 kumphaphnth kh s 1914 karichphunthiedimkhxngeruxoxlimpikchwyprahydewlaaelaenginkhxngxutxerux enuxngcakimcaepntxngsrangthaeruxlathisamthimikhnadiklekhiyngkberuxsxnglakxnhnani ineduxnsinghakhm kh s 1914 kxnthieruxbriaethnnikcaerimihbrikarkhammhasmuthraextaelntikrahwangnkhrniwyxrkaelaesaaethmptn sngkhramolkkhrngthi 1 kidpathukhun xutxeruxthnghmdthimisyyakb Admiralty idrbsiththiinkarichthrphyakrthimixyukxn sngphlihokhrngkareruxphleruxnthnghmdrwmthungeruxbriaethnnikthukchalxiw kxngthpheruxidkhxeruxcanwnmakmaichepnhruxeruxkhnsngthhar krathrwngthhareruxidcayenginihbristhtang sahrbkaricheruxkhxngphwkekha aetkhwamesiyngthieruxcaxbpanginkarptibtikarthangeruxnnsungmak eruxodysarkhnadihyinmhasmuthrimidthuknaipichinkxngthpheruxintxnaerkenuxngcakeruxkhnadelkichnganngaykwa eruxoxlimpikklbmathieblfastinwnthi 3 phvscikayn kh s 1914 inkhnathinganprakxberuxbriaethnnikyngkhngdaenintxipxyangcha aeplngepneruxphyabal eruxbriaethnnikhlngcakaeplngepneruxphyabalptibtikar raweduxnmkrakhm kh s 1916 emuxptibtikarthangeruxkhyayipsu khwamtxngkareruxkhnsngthimirawangbrrthukephimkhunkklayepnsingsakhy ineduxnphvsphakhm kh s 1915 eruxbriaethnnikidphankarthdsxbekhruxngynt aelaetriymphrxmsahrbkarekhapracakarinkrnichukechinphayinewlaephiyng 4 spdah eduxnediywknnnyngepnkhrngaerkthimikarsuyesiyeruxedinsmuthrkhnadihykhxngphleruxnkhux eruxxarexmexs lusietheniy khxngkhunardiln thukeruxdana khxngeyxrmniplxytxrpiodocmtiiklchayfngixraelndcnxbpang eduxnthdma kxngthpheruxtdsinicicheruxodysarthiephingidrbmacakkarkhxemuxerw nimaichnganepneruxkhnsngthharinyuththkarklliophli eriykxikxyangwakarthphdardaenls eruxlaaerkthiaelnxxkipkhux xarexmexs mxrietheniy aelaxarexmexs xakhwietheniy khxngkhunardiln karykphlkhunbkthiklliophliidphisucnaelwwaepnhaynaaelacanwnphuesiychiwitkmakkhun khwamtxngkareruxphyabalkhnadihysahrbkarrksaaelakarxphyphphubadecbkehnidchd eruxxakhwietheniythukepliynepneruxphyabalineduxnsinghakhm taaehnngkhxngeruxinthanaeruxkhnsngthharthukaethnthidwyeruxoxlimpikineduxnknyayn caknninwnthi 13 phvscikayn kh s 1915 eruxbriaethnnikkthukeriykmaichnganepneruxphyabal hlngcakethiybthaxyuineblfast txngkarxangxing eruxthukthasiihmepnsikhawphrxmsylksnsiaedngkhnadihyaelaaethbsiekhiywaenwnxn aelathukepliynchuxepn exchexmexchexs eruxphyayalhlwng briaethnnik aelaxyuphayitkarbngkhbbychakhxngkptn Charles Alfred Bartlett phayinmikartidtngetiyng 3 309 etiyngaelahxngphatdhlayhxng phunthiswnklangkhxngdadfachnbnthukepliynepnhxngphksahrbphubadecb hxngodysarbndadfachn B thukichepnthiphkkhxngaephthy hxngxaharaelahxngrbrxngphuodysarchnhnungbndadfachn D thukepliynepnhxngphatd saphanlangthukichephuxrxngrbphubadecbelknxy xupkrnthangkaraephthyidrbkartidtngemuxwnthi 12 thnwakhm kh s 1915 pracakarkhrngaerk eruxbriaethnnikphrxmkberuxphyabal kalngrbphubadecbkhuneruxthi emuxeruxbriaethnnikthukprakaswaphrxmihbrikarinwnthi 12 thnwakhm kh s 1915 thiliewxrphul eruxkidrbmxbhmayihepneruxphyabalaelamithimaephthypracaerux prakxbdwyphyabal 101 khn naythharsyyabtr 336 khn naythharprathwn 52 khn aelalukerux 675 khn wnthi 23 thnwakhm eruxxxkcakliewxrphulmunghnaipyngthaerux bnekaaelmnxsinthaelxieciynephuxnathharthipwyaelabadecbklbma odyekharwmkberuxxikhlaylainesnthangediywkn rwmthngeruxmxrietheniy xakhwietheniy aelaoxlimpik eruxaewaphketimthanhinthienepilskxncaedinthangtxip hlngcakklbma eruxidthahnathiepnorngphyaballxynanxkekaaiwtepnewla 4 spdah karedinthangkhrngthi 3 khxngeruxbriaethnniknnerimtntngaetwnthi 20 minakhm 4 emsayn kh s 1916 ineduxnmkrakhmkxnhnann thangkaridsngxphyphthharxxkcakphunthidardaaenls emuxsinsudkarrbrachkarthharemuxwnthi 6 mithunayn kh s 1916 eruxbriaethnnikidedinthangklbipyngeblfastephuxekharbkarprbprungaelaaeplngsphaphihepneruxodysarkhammhasmuthraextaelntik rthbalxngkvscayenginchdechyihkbiwtstarilnepncanwnengin 75 000 pxndephuxchdechykhaichcayinkaraeplngsphapherux karaeplngsphaphdaeninipepnewlahlayeduxnkxnthicathukkhdcnghwaodykareriykeruxklbekhapracakarthharxikkhrng eriykklb eruxbriaethnnikaewaetimthanhinthienepils rawpi kh s 1915 16 kxngthpheruxeriykeruxbriaethnnikklbekhapracakarinthanaeruxphyabalemuxwnthi 26 singhakhm kh s 1916 aelaklbsuthaelemdietxrereniynsahrbkaredinthangkhrngthi 4 inwnthi 24 knyaynpiediywkn wnthi 29 knyayn rahwangthangipenepils eruxephchiykbphayurunaerngsungeruxsamarthphanipidodyimidrbkhwamesiyhay eruxedinthangklbesaaethmptninwnthi 9 tulakhm thuxepnedinthangepnkhrngthi 5 aetkaredinthangkhrngnikthukkhdkhwangdwykarkktwlukeruxemuxeruxmathungmudrxs pccubnkhuxmuodrs enuxngcaklukeruxmixakarxaharepnphis chiwitbneruxbriaethnnikdaeniniptamkicwtrpracawn 06 00 n plukphupwyaelathakhwamsaxadsthanthi 06 30 n esirfxaharecha 07 00 n kptntrwceyiymerux 12 30 n esirfxaharklangwn 16 30 n esirfnacha chwngrahwangmuxxahar aephthythakarrksaphupwy phupwythitxngkaredinelnsamarththaid 20 30 n phupwyekhanxn kptntrwceyiymeruxxikkhrng bneruxmikarcdchneriynthangkaraephthyephuxfukxbrmphyabaledinthangethiywsudthay xbpang thitngkhxnginhmuekaasikhladis inthaelxieciynchxngaekhbrahwangekaamaokhrnisxs khwa aelaekaaekhiy say sungeruxbriaethnnikxbpanglngiklkbekaakhiy cud X hlngcakesrcsinkaredinthang 5 khrngipyngekhtsngkhramtawnxxkklang aelaklbmayngshrachxanackrephuxsngphupwyaelathharthiidrbbadecb eruxbriaethnnikkidxxkcakesaaethmptnmunghnasuelmnxsinewla 14 23 n khxngwnthi 12 phvscikayn kh s 1916 nbepnkaredinthangkhrngthi 6 khxngeruxipyngthaelemdietxrereniyn eruxaelnphanyibrxltarinewlapramanethiyngkhunkhxngwnthi 15 phvscikayn aelamathungenepilsinechawnthi 17 phvscikayn ephuxhyudetimthanhinaelanatampkti sungthuxepnkaresrcsinpharkickhnaerkkhxngerux ekidphayurunaerngphdthlmcneruxtxngcxdthienepilscnthungbaywnthi 19 phvscikayn emuxkptnbarteltttdsinicichpraoychncakchwngsn thisphaphxakasdikhunaelaedinthangtxip thaelkklbmamikhlunxikkhrngemuxeruxxxkcaktha phayusngblnginechawnrungkhunaelaeruxkphanipidxyangrabrun aelnphaninchwngrungsangkhxngwnthi 21 phvscikayn aelaintxnecha eruxkaelndwykhwamerwetmthiekhasu khnannbneruxmiphuodysar 1 066 khn aebngepnlukerux 673 khn esnarksthharbk Royal Army Medical Corps RAMC 315 khn phyabal 77 khn aelakptn esiyngraebidbnerux phadhwkhawhnngsuxphimphedxaniwyxrkithms pracawnthi 23 phvscikayn kh s 1916 rayngankhawkarxbpangkhxngeruxphyabalexchexmexchexs briaethnnik ewla 08 12 n tamewlayuorptawnxxkkhxngwnthi 21 phvscikayn kh s 1916 eruxexchexmexchexs briaethnnik idrbaerngkraaethkcakraebidhlngcakchnkbthunraebidaelacmlng 55 nathitxma txmaidmikarepidephywathunraebidehlanithukwangiwinchxngaekhbexa emuxwnthi 21 tulakhm kh s 1916 odyeruxdana SM U 73 phayitkhasngkhxngrxyoth de emuxekidraebidkhun brryakasinhxngxaharkepliynipthnthi aephthyaelaphyabalribxxkippracacudkhxngtnexngxyangrwderw aetimichthukkhnthitxbsnxngaebbediywkn ephraaaerngraebidbriewnswnthaykhxngeruximrunaerngethaswnhw thaihhlaykhnkhidwaeruxchnkberuxlaelkkwa kptnbartelttaelahwhnaecahnathihumxyubnsaphanedineruxinkhnann aelasthankarnthirayaerngkpraktchdkhunxyangrwderw karraebidekidkhunthidan rahwanghxngekbkhxnghmayelkh 2 aela 3 aerngraebidthaihrahwanghxngekbkhxnghmayelkh 1 aelaesiyhay hxngknna 4 hxngaerkthixyudanhnaeruxerimetmipdwynaxyangrwderw xuomngkh boiler man s tunnel thiechuxmhxngphkkhxngkhntmnathihweruxkbhxnghmxixnahmayelkh 6 idrbkhwamesiyhayxyangrunaerng aelanakihlekhahxnghmxixnann kptnbartelttsngihpidpratuphnukna aelaihlukeruxetriymeruxchuchiph syyan SOS thuksngxxkipthnthi aelaeruxxun hlaylainbriewnnnkidrbsyyan rwmthung HMS Scourge aela HMS Heroic aetbriaethnnikimidrbsyyantxbklbid odythikptnbartelttaelaecahnathiwithyubneruximthrabelywaaerngraebidkhrngaerknnthaihsayxakasthiaekhwnxyurahwangesakraodngeruxkhad inkhnathipratuphnuknakhxngxuomngkhkhntmnaesiyhay pratuphnuknarahwanghxnghmxixnahmayelkh 6 aela 5 kimsamarthpididxyangthuktxng thaihnaihlekhaipinhxnghmxixnahmayelkh 5 makkhun khnanieruxbriaethnnikthungkhidcakdkarthuknathwmaelw odyeruxsamarthlxylaxyuehnuxnaidodymihxngknnaxyangnxy 6 hxngthuknathwm matrkarehlanithuknamaichhlngcakkarcmkhxngiththanik iththaniksamarthlxylaxyunaiddwychxngknna 4 chxngaerkethann kaaephngknnathisakhythdipkhuxrahwanghxnghmxixnahmayelkh 5 aela 4 thipratuphnuknayngkhngsphaphsmburn aelanacarbpraknkhwamxyurxdkhxngeruxid aetthwamithiepidxyutamchnlangdanhnaerux sungexiyngxyuitradbnaphayinimkinathihlngekidraebid enuxngcakphyabalidepidchxnghnatangehlaniswnihyephuxrabayxakasinhxngphupwy sungkhdkbkhasngthiidrbiw emuxeruxexiyngmakkhun nakthwmthungradbniaelaerimihlekhadanhlngcakkaaephngknnarahwanghxnghmxixnahmayelkh 5 aela 4 dwyhxngknnamakkwa 6 hxngthithuknathwm cungthaiheruximsamarthlxylaxyuehnuxnaidxiktxip xphyph bnsaphanedinerux kptnbartelttkalngphicarnakhwamphyayamthicachwyerux hlngcakkarraebidephiyng 2 nathi khnnganinhxnghmxixnahmayelkh 5 aela 6 kthukxphyph inewlapraman 10 nathi briaethnnikkxyuinsphaphediywkbiththanikhlngcakchnphuekhanaaekhng 1 chwomng ephiyng 15 nathihlngcakeruxthukkraaethk chxnghnatangthiepidxyubnchn E kxyuitna caknnnakihlekhasuswnthaykhxngeruxcakchxngknnarahwanghxnghmxhmayelkh 4 aela 5 thaiheruxexiyngipthangkrabkhwaxyangrwderwenuxngcaknahnkkhxngnathiihlekhamathangkrabkhwa inkhnathimxngehnkhxngkrisxyuthangdankhwa kptnbartelttcungsngihhneruxekhahaekaaephuxphyayamnaeruxipekytun phlkrathbcakkarexiyngipthangkrabkhwakhxngeruxaelanahnkkhxng thaihkarphyayamkhwbkhumeruxdwyekhruxngyntkhxngtwexngepnipidyak aelarabbbngkhbeliywidrbkhwamesiyhaycakkarraebidthithaihimsamarthbngkhberuxdwyhangesuxid kptnsngihkhbekhluxnibckrkrabsaydwykhwamerwthisungkwakrabkhwa sungchwyiheruxekhluxntwipthangekaaidradbhnung inkhnaediywkn ecahnathiketriymphrxmthicaxphyph kptnbartelttidsngihetriymeruxchuchiph aetyngimxnuyatihplxylngna thukkhnnasingkhxngmikhathisudtidtwipdwykxnxphyph bathhlwngpracaeruxekbphrakhmphirkhxngekhaiw phupwyaelaphyabalcanwnnxybneruxidrbkarrwmtwkn phntri Major Harold Priestley rwbrwmthharkhxngekhacakhnwyesnarksthharbk Royal Army Medical Corps ipthidanhlngkhxngchn A aelatrwcsxbhxngodysarephuxihaenicwaimmiikhrthukthingiw khnathikptnbartelttyngkhngphyayambngkhberuxxyangsudchiwit eruxkexiyngerimmakkhuneruxy lukeruxkhnxun erimklwwaeruxcaexiyngmakekinip cungtdsinicplxyeruxchuchiphlaaerklngnaodyimrxkhasng barteltttdsinichyuderuxaelaekhruxngynt kxnthiekhacathaid eruxchuchiphsxnglathukplxylngnathangfngkrabsayodyimidrbxnuyatcakecahnathichnsam fransis lxws Francis Laws ibckrthiyngkhnghmunxyuaelaophlkhunmaephiyngbangswn iddudaelathalayeruxchuchiphthngsxnglaekhaip khrachiwitphukhnip 30 khn inthisud bartelttksamarthhyudibckreruxidkxnthiphwkmncathalayeruxchuchiphephim chwngewlasudthay ewla 08 50 n phuodysaraelalukeruxswnihyidxphyphlngeruxchuchiphthng 35 lathiplxylngnaeriybrxyaelw n cudni bartelttsrupwaxtrakarcmkhxngeruxldlng ekhacungsnghyudkarxphyphaelasngihstarthekhruxngyntxikkhrngdwykhwamhwngwacayngsamarthnaeruxkhunfngid ewla 09 00 n kptnbartelttidrbaecngwaxtrakarthwmephimsungkhun enuxngcakeruxkalngaelnipkhanghna aelanathwmmathungchn D aelw emuxtrahnkwaimmikhwamhwngthicaipthungfngthnewla bartelttcungidsnghyudekhruxngyntepnkhrngsudthay aelasngsyyanetuxnphysxngkhrngdwyesiyngnkhwid sungepnsyyanihslaerux emuxnathwmthungsaphanedinerux ekhaaelaphuchwyphukptnidkhedinlngipbndadfaaelalngipinna waynaipyngeruxchuchiphaebbphbid sungphwkekhayngkhngprasannganptibtikarkuphytxip eruxexiyngipthangkrabkhwaxyangcha aelaplxngkhwnkphnglngthilaplxngkhnathieruxlmxyangrwderw emuxthayeruxophlphnna hweruxkkidkraaethkkbphunthaelaelw enuxngcakkhwamyawkhxngeruxthimakkwakhwamlukkhxngna aerngkraaethkcungthaihhweruxidrbkhwamesiyhayxyangrunaerng kxnthieruxcacmhayipitkhlunthnghmdinewla 09 07 n sungepnewla 55 nathihlngcakekidraebid Violet Jessop phurxdchiwitcakeruxiththanikaelaepnhnunginphuodysarbneruxoxlimpikemuxkhrngchnkb brryaythungwinathisudthaykhxngeruxbriaethnnikiwdngni hweruxkhxy cmlngelknxy caknnkcmtalngxikaelatalngeruxy singkhxngthnghmdbndadfahlnlngipinthaelrawkbkhxngelnedk caknneruxkphungtwlngxyangnaklw thayeruxykkhunsunghlayrxyfutsuthxngfa cnkrathnginthisud eruxkhayipinkhwamluk esiyngkhxngeruxthihayipdngkukkxngipthwphunnadwykhwamrunaerngxyangimnukfn emuxeruxbriaethnnikxbpang eruxlanikklayepneruxthiihythisudthixbpanginsngkhramolkkhrngthihnung aelaepneruxodysarthicmlngitthaelthiihythisudinolk chwyehluxphurxdchiwit phurxdchiwitcakeruxbriaethnnikbn emuxepriybethiybkbkarchwyehluxphurxdchiwitkhxngeruxiththanik karchwyehluxphurxdchiwitkhxngeruxbriaethnniknnsadwkkwadwypccysamprakar idaek xunhphumithisungkwa 20 xngsaeslesiys 68 xngsafaerniht ethiybkb 2 xngsaeslesiys 28 xngsafaerniht khxngiththanik sphaphxakasthixbxunkwachwypxngknphurxdchiwitcakphawaxunhphumita eruxchuchiphthimimakkwa eruxchuchiph 35 lathukplxylngnasaercaelalxyxyuid ethiybkbiththanikthimiephiyng 20 la canwneruxchuchiphthimakkhunthaihsamarthchwyehluxphukhnidmakkhun khwamchwyehluxthixyuiklkwa khwamchwyehluxmathungphayinewlaimthung 2 chwomnghlngcakkarsngsyyankhxkhwamchwyehluxkhrngaerk ethiybkb 3 chwomngkhrungkhxngiththanik karmathungkhxngkhwamchwyehluxthisnlngchwyephimoxkasinkarrxdchiwit phuthiedinthangmathungthiekidehtuepnklumaerkkhuxchawpramngcakekaaekhiy phwkekhana caique khxngtnmachwyehluxphurxdchiwithlaykhnkhuncakna ewla 10 00 n eruxhlwng HMS Scourge idphbehneruxchuchiphlaaerkaelaxik 10 nathitxmakidhyuderuxaelachwyehluxphurxdchiwit 339 khn eruxkliftidxawuth HMS Heroic thiedinthangmathungkxnhnaniimkinathikidchwyehluxphurxdchiwit 494 khn miphurxdchiwitpraman 150 khnthithuknaipyngemuxngbnekaaekhiy sungaephthyaelaphyabalthirxdchiwitphyayamchwyehluxphubadecbodykarichphaknepuxnaelachinswnkhxngphwngchuchiphthaepnphaphnaephl aelaichphunthithaeruxelk epnhxngphatdchwkhraw txngkarxangxing eruxhlwngsekircaelaehorxikimmiphunthibndadfasahrbphurxdchiwitephimetimxikaelw phwkekhacungxxkedinthangipemuxngiphrixs ephuxaecngkhawkarmichiwitxyukhxngphurxdchiwitthiehluxxyuinokrisesiy HMS Foxhound edinthangmathungokrisesiyinewla 11 45 n hlngcaksarwcbriewnodyrxbaelw cungthxdsmxthithaeruxelk aehngnninewla 13 00 n ephuxihkarchwyehluxthangkaraephthyaelanaphurxdchiwitthiehluxkhunerux aelainewla 14 00 n eruxladtraewneba HMS Foresight kmathung eruxhlwngfxkshawdxxkedinthangipyngiphrixsinewla 14 15 n swneruxhlwngfxristyngkhngxyuephuxcdetriymkarfngsphesnarksthharbk casibexkwileliym charp William Sharpe thiekaaekhiy sungesiychiwitcakxakarbadecb phurxdchiwitxik 2 khnesiychiwitbneruxhlwngehorxik aelaxik 1 khnbnoklixth Goliath khxngfrngess thngsamkhnidrbkarfngsphdwyekiyrtiysthangthharinsusanthhareruxaelakngsulthiiphrixs phuesiychiwitkhnsudthaykhux ci hnnikhxtt G Honeycott sungesiychiwitthiorngphyabalrsesiyiniphrixshlngcakphithisphimnan txngkarxangxing karxbpangkhxngeruxbriaethnnikmiphurxdchiwit 1 036 khncakphuodysarthnghmd 1 066 khn aelamiphuesiychiwit 30 khn aetmiephiyng 5 khnethannthiidrbkarfngsph odyphuesiychiwitthiehluximsamarthkusphklbmaid aelaidrbekiyrtibnxnusrnsthaninethssaolniki xnusrnsthanmikra aelalxndxn xik 38 khnidrbbadecb lukerux 18 khnaelaesnarks 20 khn phurxdchiwitidrbkarduaelineruxrbthithxdsmxxyu n thaeruxiphrixs inkhnathiphyabalaelaecahnathiidrbkartxnrbinorngaermthi prachachnchawkriscanwnmakaelaecahnathirthekharwmphithisph phurxdchiwitthuksngklbbanaelamiephiyngimkikhnethannthiedinthangklbthungshrachxanackrkxnwnkhristmaseruxedinsmuthrphaphwadothngchnhnungaelabnidkhxngxarexmexs briaethnnik eruxbriaethnnikidrbkarxxkaebbihmikhwamhruhramakkwaeruxphi ephuxaekhngkhnkberux aelaxarexmexs xakhwietheniy mihxngodysarephiyngphxsahrbphuodysarthiaebngxxkepnsamchn iwtstarilnkhadkarnwathanlukkhakhxngtncaepliynaeplngipxyangmak dngnn khunphaphkhxngchnthisam sahrbphuxphyph cungldlngemuxethiybkberuxphi inkhnathikhunphaphkhxngchnthisxngephimkhun nxkcakni canwnlukeruxthiwangaephniwyngephimkhuncakpraman 860 880 khnbneruxoxlimpikaelaiththanikepn 950 khnbneruxbriaethnnik eruxbriaethnnikidprbprungkhunphaphkhxnghxngodysarchnhnungihdikhun ephuxrxngrblukkhaklumkhrxbkhrwthimiedk odymikarsranghxngelnsahrbedkbndadfachneruxbd echnediywkberuxaefdthngsxngla singxanwykhwamsadwkchnhnungkhxngeruxbriaethnnikyngkhngmi Grand staircase aetsingxanwykhwamsadwkkhxngbriaethnniknnhruhramakyingkhun mirawbnidthipradbprada aephnphnngtkaetngxyangswyngam aelamixxraekn eruxbriaethnnikmikarcdsrrphunthithnghmdkhxngdadfachn A ihkbphuodysarchnhnung odymikartidtnghxngothng rankaaefrimraebiyng 2 aehng hxngsubbuhri aelahxngxanhnngsux bndadfachn B prakxbdwyranthaphm iprsniy aelahxngchudsudhruthiidrbkarxxkaebbihm sungeriykinphngkhxngphusrangwasalun singephimetimthisakhythisudkhuxhxngnaintwekuxbthukhxngkhxngphuodysarchnhnung sungthuxepnkhrngaerkineruxedinsmuthr sungbneruxoxlimpikaelaiththanik phuodysarswnihytxngichhxngnasatharna singxanwykhwamsadwkehlanithuktidtngiw aetthuknaxxkinphayhlngenuxngcakeruxthukaeplngepneruxphyabal aelaimekhytidtngihmephraaeruxxbpangkxnthicaekhapracakarbrikarkhammhasmuthraextaelntik dngnnsingxanwykhwamsadwkthiwangaephniwcungthukykelik thalay naklbipichsabneruxlaxun echn oxlimpikhruxmaecstik hruximekhythuknamaichely inbrrdasingxanwykhwamsadwkehlani miephiyngbnidkhnadihyaelahxngelnkhxngedkethannthiyngkhngtidtngxyu itodmkrack mikaaephngsikhawxyuehnuxbnidchnhnungaethnthicaepnnalikaaelaphaphwadkhnadihy xxaeknfilharomnikewilthbneruxbriaethnnikinaekhttalxkkhxngbristhpi kh s 1914xxraekn eruxbriaethnnikmiaephnthicatidtngxxraeknkhxngbristh Welte Mignon aetenuxngcaksngkhrampathukhun thaihxxraeknniimekhythuksngcakeyxrmniipyngeblfast hlngsngkhram haraelndaexndwulfkimideriykrxngihnaxxraeknnimatidtng enuxngcakeruxxbpangkxnthieruxcasamarthekhaihbrikarkhammhasmuthraextaelntik nxkcaknimnyngimidthuktidtngbneruxoxlimpik hruxmaecstik enuxngcakiwtstarilnimtxngkar epnewlahmaypithiechuxknwaxxraeknnisuyhayiphruxthukthalay xyangirktam ineduxnemsayn kh s 2007 phuburnaxxraeknewilthsungpccubnxyuthiinemuxngsiewn praethsswitesxraelnd idtrwcphbwachinswnhlk khxngxxraeknnnmitraprathbkhawa Britanik odychangsrangxxraeknchaweyxrmn phaphthaykhxngphaphwadinokhsnakhxngbristhsungphbinmrdkkhxngewilth in inifrbwrkh idphisucnwanikhuxxxraeknthisrangkhunsahrberuxbriaethnnik aelaphbwaewilthidkhayxxraeknniihkbecakhxngexkchninemuxngchtuthkarth txmainpi kh s 1937 xxraeknnithukyayipynghxngaesdngkhxnesirtkhxngbristhaehnghnunginemuxngwipepxrefirth sunginthisudkthukphukxtngphiphithphnthdntrixtonmtiswissuxmainpi kh s 1969 inkhnannphiphithphnthyngimthrabprawtiedimkhxngxxraekn aelayngkhngduaelihxxraeknxyuinsphaphichnganid aelayngkhngichsahrbkaraesdngaebbxtonmtiaelaaebbaemnnwlsakeruxtaaehnngkhxngsakeruxnxkchayfngkris sakeruxbriaethnnikxyuinphikd 37 42 05 N 24 17 02 E 37 70139 N 24 28389 E 37 70139 24 28389 inradbkhwamlukpraman 400 fut 122 emtr thukkhnphbemuxwnthi 3 thnwakhm kh s 1975 ody Jacques Cousteau sungepnphusarwceruxlani inrahwangkarthaythakarsarwc ekhayngidcdkarprachumthangklxngkbphuthirxdchiwitcakkarxbpangkhxngeruxhlaykhn inpi kh s 1976 kusotekhaipinsakeruxkbnkdanakhxngekhaepnkhrngaerk ekhaaesdngkhwamkhidehnwaeruxlaninacathukcmodytxrpiodephiynglukediyw odyxasykhwamesiyhaykhxngaephnolhakhxngeruxepnhlkthan sakeruxnxntaaekhngxyuthangkrabkhwa sungbdbngrxngrxykarchnkbthunraebid itchndadfahnaerux well deck epnrukhnadihy swnidrbkhwamesiyhayxyanghnkaelatidxyukbtweruxephiyngbangswnkhxngchn C hxngphklukeruxthihweruxyngkhngxyuinsphaphdi odyyngkhngmxngehnraylaexiydtang id swnhxngekbsinkhaphbwawangepla ekhruxngckrhweruxaelaekhrnkhnsinkhasxngtwbndadfahnaeruxyngkhngsphaphdi esakraodnghnaeruxhkngxaelawangxyubnphunthaeliklkbsakeruxphrxmkb crow s nest thiyngtidxyu rakhngthikhadwasuyhayipaelwthukphbinkardanainpi 2019 sungtklngmacakesakraodngaelaxyuitrngkabnphunthray phbplxngifhmayelkh 1 hangcakchndadfaeruximkiemtr plxngifhmayelkh 2 3 aela 4 inkxngesssakhangcakthayerux aelaphbessthanhinxyukhangsakerux inchwngklangpi kh s 1995 inkarsarwcthithaythaody NOVA dr Robert Ballard sungepnthiruckkndithisudinkarkhnphbsakeruxiththanikinpi 1985 aelaeruxpracybanbismarkhinpi 1989 idedinthangipeyiymchmsakeruxodyichosnarsaekndankhangkhnsung phaphthukbnthukcakyankhwbkhumrayaikl aetimidekhaipsarwcphayinsakerux bllardphbwaplxngifkhxngeruxthnghmdxyuinsphaphdixyangnaprahladic aelakhwamphyayaminkarkhnhathunraebidlmehlw ineduxnsinghakhm kh s 1996 sakeruxthuksuxody Simon Mills sungidekhiynhnngsuxekiywkberuxsxngelmidaek briaethnnik iththnlasudthay Britannic The Last Titan aelaehyuxaehngochkhchata Hostage To Fortune ineduxnphvscikayn kh s 1997 thimnanachatithinaodyekhwin ekxr Kevin Gurr idichethkhnikhkardanarabbhayicaebbepid open circuit trimix ephuxsarwcaelabnthukphaphsakeruxdwyrupaebbwidioxdicithl DV thiephingepidtwihm ineduxnknyayn kh s 1998 thimnkdanaxikthimhnungidedinthangipsarwcsakerux odyich thimiddanasarwcsakeruxephimetimaelathayphaphmakkwathiekhymima rwmthungwidioxkhxngekhruxngsngckr telegraph thng 4 tw phngnga helm aela telemotor bnsaphanedinerux inpi kh s 1999 nkdana GUE thichanaykardanainthaaelakarsarwcmhasmuthr epnphunainkarsarwcdanakhrngaerkephuxekhaipsarwcphayinsakeruxxyanglaexiyd widioxkhxngkarsarwckhrngniidxxkxakasthangenchnaenlcioxkrafik bibisi histhri aeladiskhfewxri ineduxnknyayn kh s 2003 khnasarwcnaodykharl sepnesxr Carl Spencer iddanalngipsarwcsakerux niepnkarsarwckhrngaerkthinkdanathukkhnich CCR nkdana Leigh Bishop idnaphaphthayaerk cakphayinsakeruxklbma aelakhuhukhxngekharich stiewnsn Rich Stevenson phbwapratuphnuknahlaybanepidxyu mikarsnnisthanwasaehtumacakkarthiraebidthunraebidtrngkbchwngewlaepliynewrlukerux xikthangeluxkhnungkhuxaerngraebidxacthaihbanpratuesiyrup phuechiywchaydanosnar bil smith Bill Smith idkhnphbthunraebidcanwnhnungnxksakerux karkhnphbniyunynbnthukkhxngeruxdana khxngeyxrmniwaeruxthukcmodythunraebidlukediyw aelakhwamesiyhayrunaerngkhunenuxngcakchxnghnatangaelapratuphnuknathiepidxyu karsarwckhxngsepnesxridrbkarephyaephripthwolkepnewlahlaypiodyenchnaenlcioxkrafik aelachxng 5 khxngshrachxanackr inpi kh s 2006 khnasarwcthiidrbthunaelathaythaodychxnghisthriidrwbrwmnkpradanathimithksa 14 khn ephuxchwyknkhnhawaxairepnsaehtuthithaiheruxcmlngxyangrwderw hlngcaketriymphrxm thimidlngdanasarwcsakeruxinwnthi 17 knyayn aetkarsarwctxnghyudlngchwkhrawenuxngcakmitakxnlxykhunmacnthaihmxngimehn nkpradana 2 khnekuxbexachiwitimrxdcakehtukarnni kardanakhrngsudthaymiepahmaykhuxhxnghmxixnakhxngerux aetphwkekhaphbwakarthayphaphphayinsakeruxcaepnkarlaemidibxnuyatthixxkody sungepnhnwynganphayin enuxngcakkhxcakdthangphasa kharxngkhxinnathisudthaycungthukptiesthodykrmobranwtthuitna pharkicniimsamarthrabusaehtuthithaiheruxlmxyangrwderwid aetmikarthaythawidioxnanhlaychwomngaelabnthukkhxmulsakhyiw phayhlng krmobranwtthuitnaidtrahnkthungkhwamsakhykhxngpharkicni aelaidechiyihthimsarwcklbmaeyiymchmsakeruxphayitkdeknththiimekhmngwdnk inwnthi 24 phvsphakhm kh s 2009 kharl sepnesxr esiychiwitinkrisenuxngcakpyhadanxupkrnkhnathaythasakeruxihkbenchnaenlcioxkrafik sungepnkhrngthisamthiekhathayphaphsakerux inpi kh s 2012 khnasarwcnaodyxelksanedxr ostiriox Alexander Sotiriou aelaphxl licenn Paul Lijnen nkdanathiichekhruxngchwyhayaebbribriethxr rebreathers idlngiptidtngaelakukhunxupkrnwithyasastrthiichephuxwtthuprasngkhdansingaewdlxm ephuxphicarnawaaebkhthieriykinehlkkhxngeruxbriaethnnikiderwkwaeruxiththanikhruxim inwnthi 29 knyayn kh s 2019 thim sawill Tim Saville nkdanalukchawxngkvs esiychiwitrahwangkardanaluk 393 fut 120 emtr bnsakeruxbriaethnnikmrdkenuxngcakxachiphkhxngeruxthuktdkhadinchwngsngkhram imekhyihbrikarechingphanichy aelamiphuesiychiwitephiyngelknxy briaethnnikcungimodngdngehmuxniththanik hlngcakthuklumeluxncaksatharnchnepnewlanan eruxkmichuxesiyngxikkhrngemuxsakeruxthukkhnphb chuxkhxngeruxthuknaklbmaichihmodyiwtstariln emuxnaerux MV Britannic ekhapracakarinpi kh s 1930 eruxlannepneruxlasudthaythiichthngkhxngbristh aelapldpracakarinpi kh s 1960 hlngcakeyxrmniphayaephinsngkhramolkkhrngthi 1 tamdwysnthisyyaaewrsay eyxrmnikidmxberuxedinsmuthrbangswnkhxngtnepnkhaptikrrmsngkhram sxnglaincanwnnnidmxbihiwtstariln laaerkkhux bismark odyepliynchuxepn Majestic sungmaaethnthiyriaethnnik aelalathisxngkhux Columbus odyepliynchuxepn Homeric cxrc ephxraemn George Perman phurxdchiwitkhnsudthaycakkarxbpangkhxngerux esiychiwitinpi kh s 2000 khnannekhaxayuephiyng 15 pi aelakalngthahnathiepnlukesuxkhxychwyehluxbneruxinwthnthrrmsmyniymkarxbpangkhxngeruxthuknamasrangepnphaphyntrothrthsneruxng inpi kh s 2000 naaesdngody aela epneruxngsmmti odymisaylbchaweyxrmnwangaephnthalayerux enuxngcakeruxkalngkhnsngxawuthyuthothpkrnxyanglb sarkhdikhxngbibisi 2 eruxng osknatkrrmeruxaefdiththanik haynakhxngbriaethnnik Titanic s Tragic Twin the Britannic Disaster xxkxakasemuxwnthi 5 thnwakhm kh s 2016 naesnxphaphsakeruxinpccubnaelaphudkhuykbyatikhxngphurxdchiwit nwniyayeruxng khxng Alma Katsu thitiphimphinpi kh s 2020 michakhlkxyubneruxsxngla nnkhuxeruxbriaethnnik aelaiththanik sungepneruxaefdknaelaenuxeruxngmungennipthiehtukarnxbpangkhxngeruxthngsxngla eruxlayks icaekntik sungepnchakhlkkhxngekmhnihxngpi kh s 2009 xangxingthungeruxbriaethnnik sungepneruxaefdkhxngeruxiththanikthiaeplngsphaphepneruxphyabaliprsniybtriprsniybtrkhxngxarexmexs briaethnnikexsexs briaethnnik inxutxeruxkxnphithiplxyexsexs briaethnnik inxutxeruxkxnphithiplxy xarexmexs briaethnnik inthanaeruxodysarthibristhtngicexaiwxarexmexs briaethnnik inthanaeruxodysarthibristhtngicexaiw xangxingLynch 2012 p 161 harv error no target CITEREFLynch2012 HMHS Britannic 1914 Builder Data MaritimeQuest cakaehlngedimemux 2 knyayn 2008 subkhnemux 9 singhakhm 2008 Vladisavljevic Brana Titanic s sister ship Britannic could become a diving attraction in Greece Lonely Planet Retrieved 9 October 2021 HMHS Britannic Wikipedia phasaxngkvs 2023 07 28 subkhnemux 2023 07 29 Chirnside 2011 p 217harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 231harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 220harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 224harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Piouffre 2009 p 307harvnb error no target CITEREFPiouffre2009 Bonsall Thomas E 1987 8 Titanic Baltimore Maryland Bookman Publishing p 54 ISBN 978 0 8317 8774 5 Chirnside 2011 p 12 Piouffre 2009 p 41 Chirnside 2011 p 19 Chirnside 2011 p 14 Chirnside 2011 p 18 ocean liners com khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 19 thnwakhm 2005 subkhnemux 12 kumphaphnth 2006 Bonner Kit Bonner Carolyn 2003 Great Ship Disasters MBI Publishing Company p 60 ISBN 0 7603 1336 9 White Star Line 20thcenturyliners com cakaehlngedimemux 24 mithunayn 2014 subkhnemux 14 krkdakhm 2014 24 Apr 1912 WHITE STAR S NEXT GREAT LINER Trove Trove nla gov au 1912 04 24 subkhnemux 2022 02 27 25 Nov 1911 A MAMMOTH STEAMER Trove Trove nla gov au 1911 11 25 subkhnemux 2022 02 27 The Madison Daily Leader 5 tulakhm 2018 thi ewyaebkaemchchin 27 November 1911 Retrieved 4 October 2018 Las Vegas Optic 1 000 FOOT SHIP MAY DOCK IN NEW YORK 5 tulakhm 2018 thi ewyaebkaemchchin 21 November 1911 Retrieved 4 October 2018 Joshua Milford What happened to Gigantic 5 minakhm 2016 thi ewyaebkaemchchin Website viewed 9 June 2014 Mark Chirnside Gigantic Dossier 3 minakhm 2016 thi ewyaebkaemchchin Website viewed 1 May 2012 Chirnside 2011 p 216harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 242harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Launch footage 11 phvsphakhm 2014 thi ewyaebkaemchchin and Funnel fitting 21 mithunayn 2013 thi ewyaebkaemchchin British Pathe Retrieved 18 February 2013 Chirnside 2011 p 238harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 239harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 240harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Le Goff 1998 p 50harvnb error no target CITEREFLe Goff1998 Chirnside 2011 p 241harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 243harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 92harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 94harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 244harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 245harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 246harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 247harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 249harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 250harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 254harvnb error no target CITEREFChirnside2011 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux 3 Chirnside 2011 p 253 Sinking Hospital Ship HMHS Britannic caktnchbbemux 10 singhakhm 2015 Chirnside 2011 p 260 sfn error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 259 sfn error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 256harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 261 sfn error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 258harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 257harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 259harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 260harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 261harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Britannic 6 singhakhm 2009 thi ewyaebkaemchchin Titanic titanic com Accessed 12 July 2009 Gleick Elizabeth Carassava Anthee 26 October 1998 Deep Secrets South Pacific Edition No 43 p 72 PBS Online Lost Liners Britannic PBS cakaehlngedimemux 14 tulakhm 2008 subkhnemux 9 phvscikayn 2008 Chirnside 2011 p 262 sfn error no target CITEREFChirnside2011 Lord 2005 p 149 sfn error no target CITEREFLord2005 Chirnside 2011 p 266 sfn error no target CITEREFChirnside2011 Lord 2005 p 103 sfn error no target CITEREFLord2005 Brewster amp Coulter 1998 pp 45 and 62 sfn error no target CITEREFBrewsterCoulter1998 Chirnside 2011 pp 261 262harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 262harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Cemetery Details CWGC www cwgc org phasaxngkvs subkhnemux 2021 09 26 Chirnside 2011 pp 325 327harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Crew Lists Hospital Ship HMHS Britannic cakaehlngedimemux 15 singhakhm 2015 Chirnside 2011 p 264harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 296harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 p 225harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Hospital Ship Britannic on The Internet Archive Accessed 7 April 2011 Chirnside 2011 p 226harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Hospital Ship Britannic on The Internet Archive Accessed 7 April 2011 Chirnside 2011 p 227harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Christoph E Hanggi Die Britannic Orgel im Museum fur Musikautomaten Seewen So Festschrift zur Einweihung der Welte Philharmonie Orgel Sammlung Heinrich Weiss Stauffacher Hrsg Museum fur Musikautomaten Seewen SO Seewen Museum fur Musikautomaten 2007 Sunken Ocean Liner Britannic s pipe organ found Rare Welte Philharmonie Organ Scheduled to Play Again PDF David Rumsey Organist Consultant 23 phvsphakhm 2011 PDF cakaehlngedimemux 16 minakhm 2012 subkhnemux 15 emsayn 2012 Museum of Music Automatons Seewen History of the organ Website viewed 20 November 2023 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux MC275 Britannic Jacques Cousteau s Search for Titanic s Sister Ship Britannic Full Documentary YouTube 5 knyayn 2014 cakaehlngedimemux 17 mkrakhm 2017 subkhnemux 12 thnwakhm 2016 The Independent 21 knyayn 2017 thi ewyaebkaemchchin obituary Sheila Macbeth Mitchell Friday 18 March 1994 Retrieved 29 February 2016 Chirnside 2011 p 276harvnb error no target CITEREFChirnside2011 British Red Cross ship hit by torpedo The Times No 59868 London 23 November 1976 col F p 8 Chirnside 2011 p 277harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Marconigraph on The Internet Archive Accessed 7 April 2011 Chirnside 2011 p 284harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Chirnside 2011 pp 282 284harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Hope Nicholas 1998 How We Dived The Britannic 12 thnwakhm 2010 thi ewyaebkaemchchin Bubblevision com Retrieved 1 January 2011 Hope Nicholas 1998 HMHS Britannic Video 12 thnwakhm 2010 thi ewyaebkaemchchin Bubblevision com Retrieved 1 January 2011 HMHS Britannic Ocean Discovery cakaehlngedimemux 13 phvsphakhm 2008 subkhnemux 14 singhakhm 2008 Hospital Ship Britannic on The Internet Archive Accessed 7 April 2011 inphasafrngess Plongee par 120 m de fonds 2 tulakhm 2013 thi ewyaebkaemchchin La Derniere Heure Accessed 28 July 2009 Pidd Helen 25 phvsphakhm 2009 Tributes paid to diver Carl Spencer killed filming Titanic sister ship The Guardian London cakaehlngedimemux 8 minakhm 2016 subkhnemux 3 phvsphakhm 2012 divernet com khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 21 tulakhm 2013 subkhnemux 11 phvscikayn 2013 Rosemary E Lunn A little good comes from Brit wreck diver s death 7 phvscikayn 2019 thi ewyaebkaemchchin X Ray Magazine Chirnside 2011 p 274harvnb error no target CITEREFChirnside2011 White Star Line MV Britannic III 1930 1960 The last WSL ship 20 thnwakhm 2010 thi ewyaebkaemchchin Titanic and Other White Star Ships Accessed 28 July 2009 Chirnside 2011 p 107harvnb error no target CITEREFChirnside2011 Southampton scout survived sinking of First World War hospital ship Rees Jasper 5 December 2016 Titanic s Tragic Twin The Britannic Disaster felt under researched but the survivor testimony was grimly fascinating review edxaedliethelkraf lxndxn cakaehlngedimemux 6 thnwakhm 2016 subkhnemux 5 singhakhm 2023 The Deep book review Voyage of nightmares and memories edxaniwxinediynexksephrs caktnchbbemux 17 krkdakhm 2020 subkhnemux 5 singhakhm 2023 2009 12 10 Nintendo DS Level area Hospital Room Seven Chances are it s the Gigantic aehlngkhxmulxunsunyrwmrupphaphkhxngeruxbriaethnnikh phasaxngkvs Britannic at PBS Lost Liners NOVA Online Titanic s Lost Sister Britannic Foundation 2009 02 01 thi ewyaebkaemchchin