บิสมาร์ค (เยอรมัน: Bismarck) เป็นเรือประจัญบาน และหนึ่งในเรือรบที่มีชื่อเสียงที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สอง บิสมาร์คเป็นเรือลำแรกในเรือประจัญบานชั้นบิสมาร์ค ซึ่งตั้งตามชื่อนายกรัฐมนตรีจักรวรรดิเยอรมันคนแรก ออทโท ฟอน บิสมาร์ค เรือบิสมาร์คมีระวางขับน้ำเต็มที่ถึง 50,000 ตัน และเป็นเรือประจัญบานขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่เข้าประจำการในสมัยนั้น เรือบิสมาร์คครองตำแหน่งเรือประจัญบานใหญ่ที่สุดได้ราวห้าเดือนก็ถูกล้มแชมป์โดยเรือประจัญบานเทียร์พิทซ์ เรือในชั้นเรือเดียวกันซึ่งหนักกว่าบิสมาร์คราว 2,000 ตัน
เรือ บิสมาร์ค ในปี ค.ศ. 1940 | |
ประวัติ | |
---|---|
เยอรมนี | |
ชื่อ | list error: <br /> list () บิสมาร์ค Bismarck |
ตั้งชื่อตาม | ออทโท ฟอน บิสมาร์ค |
Ordered | 16 พฤศจิกายน 1935 |
อู่เรือ | อู่โบลมอุนท์ฟ็อสส์ นครฮัมบวร์ค |
ปล่อยเรือ | 1 กรกฎาคม 1936 |
เดินเรือแรก | 14 กุมภาพันธ์ 1939 |
เข้าประจำการ | 24 สิงหาคม 1940 |
เกียรติยศ | 48°10′N 16°12′W / 48.167°N 16.200°W |
สัญลักษณ์ | |
ลักษณะเฉพาะ | |
ชั้น: | เรือประจัญบานชั้นบิสมาร์ค |
ขนาด (ระวางขับน้ำ): | 41,700 ตัน (มาตรฐาน) 50,900 ตัน (เต็มที่) |
ความยาว: | 251 เมตร (ตลอดลำ) 241.5 เมตร (แนวน้ำ) |
ความกว้าง: | 36 เมตร (แนวน้ำ) |
กินน้ำลึก: | 9.3 เมตร (มาตรฐาน) 10.2 เมตร (เต็มที่) |
ระบบขับเคลื่อน: |
|
ความเร็ว: | 30.1 นอตขณะทำการทดสอบ (มีบทความหนึ่งอ้างถึง 31.1 นอต) |
พิสัยเชื้อเพลิง: | 8,525 ไมล์ทะเลที่ 19 นอต |
อัตราเต็มที่: | 2,092: นายทหาร 103 นาย ลูกเรือ 1,989 นาย |
ยุทโธปกรณ์: |
|
เกราะ: | |
อากาศยาน: | 4×, with 1 double-ended catapult |
บิสมาร์คได้ปฏิบัติการเพียงครั้งเดียวตลอดอายุการใช้งานอันสั้น โดยจมลงในตอนเช้าของวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1941 ระหว่างปฏิบัติการไรน์อือบุง เรือบิสมาร์คและเรือลาดตระเวนหนัก Prinz Eugen พยายามที่จะขัดขวางและทำลายขบวนเรือซึ่งแล่นระหว่างอเมริกาเหนือและสหราชอาณาจักร ขณะที่บิสมาร์คและเรือรบเยอรมันอีกลำหนึ่งกำลังพยายามที่จะแล่นออกไปยังมหาสมุทรแอตแลนติก เรือรบทั้งสองถูกค้นพบโดยราชนาวีอังกฤษ และถูกดึงเข้าสู่ยุทธนาวีช่องแคบเดนมาร์ก ระหว่างการรบเวลาสั้น ๆ เรือหลวงฮูด เรือธงของกองเรือหลวงและความภาคภูมิใจของราชนาวีอังกฤษ ถูกจมลงหลังจากถูกยิงเพียงไม่กี่นาที นายกรัฐมนตรีวินสตัน เชอร์ชิล โกรธแค้นจนออกคำสั่งให้ "จมเรือบิสมาร์ค" ซึ่งกระตุ้นให้ราชนาวีอังกฤษติดตามเรือบิสมาร์คไปอย่างไม่ลดละ
สองวันถัดมา เมื่อเรือบิสมาร์คเกือบจะไปถึงน่านน้ำที่ปลอดภัยแล้ว เครื่องบินปีกสองชั้นของราชนาวีอังกฤษได้ยิงตอร์ปิโดถล่มเรือและทำให้หางเสือเรือขัดข้อง เรือรบหนักของอังกฤษสามารถตามทันบิสมาร์คได้ ในการรบที่เกิดขึ้นตามมาในช่วงเช้าของวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1941 บิสมาร์คถูกโจมตีอย่างหนักเป็นเวลานานเกือบสองชั่วโมงก่อนที่จะจมลงสู่ก้นทะเล การจมของบิสมาร์คได้รับการรายงานบนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์หลายฉบับทั่วโลก
การจัดสร้างและลักษณะเรือ
เรือบิสมาร์คถูกสั่งสร้างภายใต้ชื่อ โครงการทดแทนฮันโนเฟอร์ (Ersatz Hannover) เพื่อทดแทนเรือหลวงฮันโนเฟอร์ (SMS Hannover) ซึ่งจัดสร้างขึ้นก่อนยุคเรือเดรดนอต ในข้อตกลงได้มอบหมายให้อู่ต่อเรือโบลมอุนท์ฟอสส์ (Blohm & Voss) ในเมืองฮัมบวร์คเป็นผู้จัดสร้าง มีการวางกระดูกงูในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1936 ที่ Helgen IX[11] เรือปล่อยลงน้ำในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 ระหว่างพิธีการ โดโรเท ฟอน เลอเวินเฟ็ลด์ (Dorothee von Löwenfeld) หลานสาวนายกรัฐมนตรีบิสมาร์คเป็นผู้ทำพิธีตั้งเรือและปล่อยเรือลงน้ำ และมีอดอล์ฟ ฮิตเลอร์เป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธี งานปรับปรุงและติดตั้งอุปกรณ์ได้ดำเนินงานหลังการปล่อยเรือลงน้ำ ในเวลานั้น หัวเรือเดิมแบบมุมตรงได้ถูกแทนที่ด้วยหัวเรือเอียงลาดแบบแอตแลนติก (Atlantic bow) ซึ่งคล้ายกับเรือประจัญบานชั้นชาร์นฮอสท์ (Scharnhorst) เรือบิสมาร์คเข้าประจำการในครีคส์มารีเนอวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1940 ขณะทำการแล่นเรือทดสอบ มีหน้าที่ควบคุมทะเลบอลติก โดยมีนาวาเอกแอนสท์ ลินเดอมัน (Ernst Lindemann) เป็นผู้บังคับการเรือในขณะเรือเข้าประจำการ
เรือบิสมาร์คมีระวางขับน้ำมาตรฐาน 41,700 ตัน (41,000 ลองตัน) และมีระวางขับน้ำเต็มที่ 50,300 ตัน (49,500 ลองตัน) มีความยาวตลอดลำ 251 เมตร, กว้าง 36 เมตร และกินน้ำลึกสูงสุด 9.9 เมตร (32 ฟุต 6 นิ้ว) เรือบิสมาร์คเป็นเรือประจัญบานเยอรมันที่ใหญ่ที่สุด และมีระวางขับน้ำมากกว่าเรือประจัญบานของชาติอื่นๆ ในยุโรป ยกเว้นเรือ เรือหลวงแวนการ์ด (HMS Vanguard) เรือมีแหล่งกำลังเป็นกังหันไอน้ำโบลมและฟอสส์แบบเปลี่ยนเกียร์ได้ 3 กังกัน และวากเนอร์ (Wagner) ซึ่งใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง 12 หม้อ ให้กำลังถึง 150,170 แรงม้า (shaft horsepower) (111,980 กิโลวัตต์) ให้ความเร็วสูงสุด 30.01 นอต (55.58 กม./ชม.; 34.53 ไมล์/ชม.) ในตอนแล่นทดสอบ มีระยะทำการ 8,870 ไมล์ทะเล (16,430 กม.; 10,210 ไมล์) ที่ความเร็ว 19 kn (35 km/h; 22 mph) เรือบิสมาร์คติดตั้งเรดาร์ค้นหา FuMO 23 สามชุด ติดไว้ด้านหน้าเรือ ท้ายเรือ และยกพื้นที่อยู่ส่วนบนสุดของเสาหน้ากระโดงเรือ
ตามมาตรฐานของเรือ เรือจะมีลูกเรือเป็นนายทหาร 103 นาย และพลทหาร 1,962 นาย ลูกเรือจัดแบ่งเป็น 12 กองร้อย กองร้อยละ 180 ถึง 220 นาย หกกองร้อยแรกรับผิดชอบอาวุธยุทธภัณฑ์ กองร้อยที่ 1 ถึงกองร้อยที่ 4 ดูแลหมู่ปืนหลักและหมู่ปืนรอง กองร้อยที่ห้าและหกรับผิดชอบปืนต่อต้านอากาศยาน กองร้อยที่ 7 ประกอบด้วยผู้ชำนาญเฉพาะทางซึ่งรวมถึงพ่อครัวและช่างไม้ กองร้อยที่ 8 มีหน้าที่ดูแลจัดการอาวุธยุทธภัณฑ์ พนักงานวิทยุ เจ้าหน้าที่ให้สัญญาณ และเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายพลาธิการ ประจำกองร้อยที่ 9 สามกองร้อยสุดท้ายประจำในห้องเครื่องยนต์ เมื่อบิสมาร์คออกจากท่า เรือจะมีลูกเรือมากกว่า 2,200 นาย เพราะจะนับรวมพนักงานกองเรือ ลูกเรือที่มีหน้าที่นำส่งเรือเชลย และนักข่าวสงครามบนเรือด้วย พนักงานห้องเครื่องยนต์ราว 200 นายมาจากเรือลาดตระเวนเบาคาลส์รูเออ (Karlsruhe) ที่สูญเสียไประหว่างปฏิบัติการเวเซอร์อือบุง (Operation Weserübung) ซึ่งเป็นปฏิบัติการการรุกรานนอร์เวย์ของเยอรมัน
เรือบิสมาร์คติดอาวุธปืน SK C/34 ลำกล้อง 38 ซม. แปดกระบอกในป้อมปืนแฝด 4 ป้อม ป้อมปืนติดตั้งแบบซูปเปอร์ไฟร์อิ้ง (super-firing) ป้อมปืนหน้าชื่อ "อันโทน (Anton)" และ "บรูโน (Bruno)" ป้อมหลังชื่อ "เคซาร์ (Caesar)" และ "โดรา (Dora)" อาวุธรองประกอบด้วยปืน L/55 ลำกล้อง 15 ซม. 12 กระบอก ปืน L/65 ลำกล้อง 10.5 ซม. 16 กระบอก ปืน L/83 ลำกล้อง 3.7 ซม. 16 กระบอก และปืนต่อสู้อากาศยาน ลำกล้อง 2 ซม. 12 กระบอก เรือบิสมาร์คยังบรรทุกเครื่องบินทุ่นลอยน้ำลาดตระเวนอาราโด อาแอร์ 196 (Arado Ar 196) โรงเก็บเครื่องบินขนาดใหญ่ และเครื่องดีดแบบหัวท้ายเหมือนกัน (double-ended catapult) เกราะข้างหนา 320 มม. (13 นิ้ว) และปกคลุมโดยเกราะคู่ส่วนบนและเกราะหลักของดาดฟ้าเรือหนา 50 มม. (2.0 นิ้ว) และ 100 ถึง 120 มม. (3.9 ถึง 4.7 นิ้ว) ตามลำดับ ป้อมปืนหลักได้รับการปกป้องด้วยเกราะหนา 360 มม. (14.2 นิ้ว) บริเวณด้านหน้า และหนา 220 มม. (8.7 นิ้ว) บริเวณด้านข้าง
ประวัติการปฏิบัติการ
วันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1940 สามสัปดาห์หลังเข้าประจำการ เรือบิสมาร์คออกจากฮัมบวร์คเพื่อเริ่มแล่นเรือทดสอบในอ่าวคีล (Kiel) เรือซแพร์เบร็คเคอร์ (Sperrbrecher) 13 ได้ทำหน้าที่คุ้มกันเรือเดินทางไปแหลมอาร์โคนา (Cape Arkona) ในวันที่ 28 กันยายน แล้วจึงไปถึงเมืองโกเทินฮาเฟิน (Gotenhafen) เพื่อแล่นเรือทดสอบในอ่าวดันท์ซิช (Gulf of Danzig) โรงไฟฟ้าของเรือได้รับการทดสอบอย่างละเอียด มีการปรับการวัดไมล์ทะเลให้ถูกต้องแม่นยำ และการแล่นเรือความเร็วสูง ขณะที่ความเสถียรและการจัดการกลยุทธ์ที่เริ่มทดสอบ พบว่ามีข้อบกพร่องในการออกแบบ ขณะที่ความพยายามที่จะคัดท้ายเรือด้วยคนเพียงลำพังด้วยการพัฒนาปรับเปลี่ยนการพัฒนาใบจักรเรือ ลูกเรือเรียนรู้ว่าการปฏิบัตินั้นด้วยตัวคนเดียวปฏิบัติยากมาก แม้ว่า สกรูท้ายเรือจะทำงานเต็มกำลังในทิศตรงข้าม แต่ก็เพิ่มความสามารถในการเลี้ยวเพียงเล็กน้อย หมู่ปืนเรือหลักทำการทดสอบยิงครั้งแรกปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจากการทดสอบพบว่าเรือเป็นแท่นปืนใหญ่ที่มีความเสถียรมาก เรือได้แล่นทดสอบจนถึงเดือนธันวาคม บิสมาร์คได้เดินทางกลับไปถึงฮัมบวร์คในวันที่ 9 ธันวาคม สำหรับการปรับเปลี่ยนอีกเล็กน้อยและการติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นให้สมบูรณ์
เรือบิสมาร์คมีแผนเดินทางกลับคีลในวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1941 แต่มีเรือสินค้าอับปางในคลองคีลส่งผลให้ใช้ทางน้ำไม่ได้ สภาพอากาศที่เลวร้ายได้ขัดขวางการกู้ซากเรือที่จมลง เรือบิสมาร์คจึงเดินทางกลับคีลไม่ได้จนกระทั่งเดือนมีนาคม ความล่าช้าสร้างความผิดหวังให้แก่ลินเดอมันเป็นอย่างมาก เขากล่าวว่า "เรือบิสมาร์คติดอยู่ที่ฮัมบวร์คถึงห้าสัปดาห์... เวลาอันมีค่าที่จะล่องเรือในทะเลสูญเสียไปด้วยเหตุที่ไม่ได้ก่อขึ้น และเป็นความล่าช้าอย่างมีนัยยะในการเคลื่อนกำลังในขั้นสุดท้ายด้วยเหตุซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้" ขณะที่รอให้เดินทางไปถึงคีล เรือบิสมาร์คเป็นที่รับรองเรือเอกแอนเดอร์ ฟอร์เชลล์ (Anders Forshell) ผู้ช่วยทูตกองทัพเรือสวีเดนไปยังเบอร์ลิน เขากลับไปยังสวีเดนพร้อมรายละเอียดลักษณะของเรือ และได้เผยความลับนี้กับอังกฤษ โดยทหารที่สนับสนุนอักฤษใน ข้อมูลถูกจัดเตรียมไว้ให้ราชนาวีอังกฤษกับรายละเอียดแรกทั้งหมดของเรือ แม้ว่าจะขาดลักษณะจำเพาะที่สำคัญ ซึ่งประกอบด้วยความเร็วสูงสุด, ระยะทำการ, และระวางขับน้ำ
วันที่ 6 มีนาคม เรือบิสมาร์คได้รับคำสั่งแล่นเรือไปคีล โดยมีเครื่องบินรบเม็สเซอร์ชมิท เบเอ็ฟ 109 จำนวนหลายลำ และเรือสินค้าติดอาวุธจำนวน 2 ลำทำหน้าที่คุ้มกันระหว่างเส้นทาง พร้อม เมื่อเวลา 08:45 น. วันที่ 8 มีนาคม เรือบิสมาร์คได้เกยตื้นที่ชายฝั่งด้านใต้ของคลองคีลเป็นเวลาสั้นๆ แม้ว่าจะหลุดออกมาใต้ภายในหนึ่งชั่วโมง เรือเดินทางถึงคีลในวันถัดมา ลูกเรือได้ทำการกักตุนอาวุธยุทธภัณฑ์ เชื้อเพลิง และเสบียงอื่นๆ และดำเนินการพรางเรือด้วยลายพรางแบบแดซเซิล (dazzle paint) วันที่ 12 มีนาคม เครื่องบินทิ้งระเบิดของอังกฤษได้เข้าโจมตีท่าเรือแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ วันที่ 17 มีนาคม เรือประจัญบานเก่า เรือหลวงชเลซีน (SMS Schlesien) ซึ่งปัจจุบันดัดแปลงเป็นเรือตัดน้ำแข็ง คุ้มกันฝ่าน้ำแข็งไปถึงเมืองโกเทินฮาเฟิน เพื่อฝึกความพร้อมในการรบ
กองบัญชาการใหญ่กองทัพเรือเยอรมัน (OKM) ซึ่งบัญชาการโดยพลเรือเอกเอริช เรเดอร์ มีเป้าหมายที่จะคงภารกิจที่ใช้เรือขนาดหนักโจมตีเส้นทางการค้าของฝ่ายสัมพันธมิตรในมหาสมุทรแอตแลนติกต่อไป เรือประจัญบานชั้นชาร์นฮอสท์ (Scharnhorst) สองลำที่ประจำอยู่ที่เมืองแบร็สต์ (Brest) ประเทศฝรั่งเศส เป็นหัวหอกหลักในการโจมตีในมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งเวลานั้นปฏิบัติการเบอร์ลินเพิ่งจบลง เรือเทียร์พิตส์ซึ่งเรือพี่น้องของเรือบิสบาร์คถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว เรือบิสมาร์คและเรือเทียร์พิตส์เข้าโจมตีเข้าไปในเขตศัตรูจากทะเลบอลติกและนัดพบกับเรือชั้นชาร์นฮอสท์ทั้งสองลำในแอตแลนติก ปฏิบัติการมีแผนเริ่มดำเนินการประมาณวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 1941 ในช่วงเดือนมืดซึ่งจะทำให้ปัจจัยแวดล้อมช่วยอำนวยประโยชน์
การจัดสร้างและติดตั้งอุปกรณ์บนเรือเทียร์พิตส์เสร็จสมบูรณ์ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ อย่างไรก็ตามเรือยังคงไม่ขึ้นระวางจนกระทั่งวันที่ 25 กุมภาพันธ์ และเรือยังไม่พร้อมเข้าทำการรบจนกระทั่งปลายปี ด้วยสถานการณ์ที่ซับซ้อน เรือประจัญบานกไนเซอเนา (Gneisenau) ได้รับความเสียหายจากตอร์ปิโดขณะอยู่ในแบร็สต์และจากระเบิดขณะอยู่ในอู่แห้ง เรือประจัญบานชาร์นฮอสท์ (Scharnhorst) ต้องการยกเครื่องหม้อไอน้ำเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการเบอร์ลิน ระหว่างการยกเครื่อง คนงานพบว่าหม้อไอน้ำมีสภาพเลวร้ายกว่าที่คาด เรือต้องถอนตัวจากแผนการโจมตี การโจมตีของเครื่องบินทิ้งระเบิดที่คลังสรรพาวุธในคีลทำให้เกิดความล่าช้าในการซ่อมแซมเรือลาดตระเวนหนักพลเรือเอกเชียร์ (Scheer) และพลเรือเอกฮิพเพอร์ (Hipper) เรือทั้งสองไม่พร้อมที่จะปฏิบัติการไปจนถึงเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม พลเรือเอกกึนเธอร์ ลึทเจนต์ นายทหารซึ่งได้รับเลือกเป็นผู้นำปฏิบัติการ ปรารถนาถ้ายืดเวลาปฏิบัติการออกไปอีกอย่างน้อยจนกว่าเรือชาร์นฮอสท์หรือเรือเทียร์พิตส์จะพร้อม แต่กองบัญชาการสูงสุดกองทัพเรือตัดสินใจที่จะดำเนินการปฏิบัติการชื่อรหัส ปฏิบัติการไรน์อือบุง ต่อไป ซึ่งกองเรือประกอบด้วยบิสมาร์คและเรือลาดตระเวนหนักพรินซ์ออยเกิน (Prinz Eugen) เท่านั้น
ปฏิบัติการไรน์อือบุง
5 พฤษภาคม ค.ศ. 1941 ฮิตเลอร์และวิลเฮ็ล์ม ไคเทิลพร้อมคณะเข้าเยี่ยมชม บิสมาร์ค และ เทียร์พิทซ์ ที่เมืองโกเทินฮาเฟิน หลังการเยี่ยมชมฮิตเลอร์ได้เข้าประชุมกับลึทเจนต์เพื่อหารือถึงปฏิบัติการ 16 พฤษภาคม ลึทเจนต์รายงานว่า บิสมาร์ค และ พรินซ์ออยเกิน พร้อมเต็มที่สำหรับปฏิบัติการไรน์อือบุง เขาจึงได้รับคำสั่งให้เริ่มปฏิบัติภารกิจในตอนเย็นของวันที่ 19 พฤษภาคม ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปฏิบัติงาน กลุ่มเรือลำเลียงสิบแปดลำจะถูกวางตำแหน่งเพื่อสนับสนุน บิสมาร์ค และ เทียร์พิทซ์ เรืออูสี่ลำถูกวางไว้ตามเส้นทางของขบวนระหว่างแฮลิแฟกซ์และสหราชอาณาจักรเพื่อสอดแนมสำหรับเตรียมการจู่โจม
เมื่อเริ่มปฏิบัติการ บิสมาร์ค มีลูกเรือและทหาร 2,221 นาย ซึ่งรวมถึงพนังงานของพลเรือ 65 คนและลูกเรือที่นำส่งเรือเชลย 80 นาย สำหรับนำส่งเรือที่ถูกจับกุมระหว่างปฏิบัติการ เมื่อเวลา 02:00 วันที่ 19 พฤษภาคม บิสมาร์ค ออกจากโกเทินฮาเฟินไปยังช่องแคบเดนมาร์ก และเมื่อเวลา 11:25 ได้เข้าร่วมขบวนกับ พรินซ์ออยเกิน ซึ่งออกจากแหลมอาร์โคนา (Cape Arkona) เมื่อ 21:18 คืนก่อน เรือทั้งสองได้รับการคุ้มกันโดยเรือพิฆาตสามลำ Z10 Hans Lody Z16 Friedrich Eckoldt และ Z23 และกองเรือกวาดทุ่นระเบิดลุฟท์วัฟเฟอจัดการคุ้มกันทางอากาศระหว่างเดินทางออกจากน่านน้ำเยอรมัน ราวเที่ยงของวันที่ 20 พฤษภาคม ลินเดอมันแจ้งให้ลูกเรือทราบถึงภารกิจผ่านเครื่องกระจายเสียง ในเวลาใกล้เคียง กลุ่มของเครื่องบินลาดตระเวนทางอากาศของสวีเดนจำนวนสิบหรือสิบสองลำพบกองกำลังเยอรมันและได้รายงานการพบกองเรือ ขณะที่ฝ่ายเยอรมันกลับไม่ตรวจพบเครื่องบินของสวีเดน
ชั่วโมงต่อมา กองเรือเยอรมันได้เผชิญหน้ากับเรือลาดตระเวนกอตแลนด์ (HSwMS Gotland) ของสวีเดน เรือกอตแลนด์ได้แล่นหลบหลีกกองเรือเยอรมันเป็นเวลาสองชั่วโมงในคัตเทกัตกอตแลนด์ ส่งรายงานถึงกองบัญชาการกองทัพเรือว่า: "เรือใหญ่สองลำ เรือพิฆาตสามลำ เรือคุ้มกันห้าลำ และเครื่องบิน 10–12 ลำ ผ่านมาร์ชสตรานด์ (Marstrand) เส้นทาง 205°/20'" กองบัญชาการใหญ่กองทัพเรือเยอรมันไม่กังวัลถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจาก กอตแลนด์ แม้ว่าทั้งลึทเจนต์และลินเดอมันเชื่อว่าปฏิบัติการจะไม่เป็นความลับอีกแล้ว ในที่สุดรายงานก็เดินทางไปถึงกัปตันเฮนรี่ เดนแฮม (Henry Denham) ผู้ช่วยทูตกองทัพเรืออังกฤษประจำประเทศสวีเดน ผู้ส่งข้อมูลต่อไปยังกองทัพเรืออังกฤษ
ยุทธนาวีช่องแคบเดนมาร์ก
ในวันที่ 24 พฤษภาคม 1941 เรือทั้ง 2 ลำ ถูกฝั่งอังกฤษตรวจจับได้ ขณะอยู่ในบริเวณสแกนดิเนเวียทำให้อังฤกษส่งเรือรบเรือประจัญบานลำใหม่ เรือหลวงปรินส์ออฟเวลส์ และเรือหลวงฮูดลำเก่า ออกไปดักโจมตีที่ช่องแคบเดนมาร์ก
เวลาประมาณ 05:30 น. ของวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม กองเรือเยอรมันได้เดินทางมาถึงช่องแคบเดนมาร์ก ไฮโดรโฟนของเรือพรินซ์ออยเกินตรวจพบเรือสองลำทางกราบซ้าย เวลา 05:45 น. เรือทั้งคู่ก็ปรากฏในระยะสายตาแต่ทางเยอรมันยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นข้าศึก ฝ่ายอังกฤษประกอบไปด้วยเรือประจัญบานลำใหม่ ปรินส์ออฟเวลส์และเรือหลวงฮูดลำเก่า ภายใต้การบัญชาการของพลเรือตรีลานเซลอต ฮอลแลนด์ (Lancelot Holland) เรือพรินซ์ออฟเวลส์นั้นเพื่อต่อเสร็จเมื่อเร็วๆนี้และยังเพิ่งเริ่มออกทะเล (ขณะเผชิญหน้ากับบิสมาร์คนั้นมีลูกเรือเพียง 100 นายบนเรือและอยู่ในสภาพไม่พร้อม) เรือฮูดเก่านั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเรือลาดตระเวนประจัญบานก่อนที่จะมีการปรับปรุงการป้องกันของเรือให้เป็นเรือประจัญบานแต่ยังคงมีเกราะดาดฟ้าที่ค่อนข้างอ่อนแอ เยอรมันไม่แปลกใจที่ได้พบกับเรือฝ่ายอังกฤษแต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรือหลวงของอังกฤษเลย
เมื่อเวลา 05.49 น. ฮอลแลนด์ได้รับคำสั่งให้ยิงตรงไปที่เรือข้าศึกที่แล่นนำหน้ามา พรินซ์ออยเกิน ด้วยเข้าใจผิดว่าเป็นบิสมาร์ค แต่โชคยังเป็นของอังกฤษ เมื่อผู้บังคับการเรือปรินส์ออฟเวลส์ได้สังเกตเห็นถึงความผิดพลาดและทำการเปลี่ยนเป้าหมาย ฮอลแลนด์ได้รับคำสั่งแก้ไขเป้าหมายแต่คำสั่งนั้นกลับไปไม่ถึงพลปืนของฮูดก่อนที่จะได้ยิงตับแรกออกไป ฮูดได้ยิงกระสุนนัดแรกในยุทธนาวีเมื่อเวลา 05.52 น.ในเวลารุ่งอรุณ และตามติดด้วยพรินซ์ออฟเวลส์ ระยะห่างจากเรือฝ่ายเยอรมันในตอนนั้นประมาณ 12.5 ไมล์ (20.1 กม.) การยิงตับแรกของฮูด กระสุนตกใกล้กับพรินซ์ออยเกิน ทำให้เกิดความเสียหายเล็กน้อยใกล้กับป้อมปืนท้าย
นานกว่า 2 นาทีที่ไม่มีการยิงตอบโต้จากกองเรือเยอรมัน ก่อนที่ผู้บังคับการเรือ ลินเดอมันน์ (Lindemann) จะสั่งให้ยิงตอบโต้ไปยังเรือธงของอังกฤษ ซึ่งก็คือเรือฮูดโดยเยอรมันสามารถระบุบได้เมื่อกองเรือรบอังกฤษได้ทำการเปลี่ยนทิศทางไปยังเรือฮูดเมื่อเวลา 05.55 น. กลยุทธ์นี้จะใช้เมื่อเรือพยายามจัดวางตำแหน่งของตนเองให้อยู่ในโซนคุ้มกัน เมื่ออยู่ในโซนดังกล่าวแล้วเรือจะสามารถยิงมุมสูงได้ (ยิงทำลายดาดฟ้าเรือ) และการยิงตรงของเรือศัตรูจะไม่ค่อยได้ผล แต่เมื่อพิจารณาแล้ว ฮูดก็ยังคงมีจุดอ่อนเล็กน้อยและการควบคุมการยิงของเยอรมันยังเหนือกว่านิดหน่อย นอกจากนี้ยังมีข้อเสียคือ ในระหว่างการแล่นเรือปืนใหญ่ 8 กระบอกจาก 18 กระบอกไม่สามารถยิงสนับสนุนได้
อับปาง
การอับปางของเรือลำนี้เกิดขึ้นหลังการปฏิบัติการไรน์อือบุง นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร วินสตัน เชอร์ชิล ออกคำสั่ง "จมเรือบิสมาร์ค" ซึ่งกระตุ้นให้ราชนาวีอังกฤษติดตามเรือบิสมาร์คไปอย่างไม่ลดละ และในระหว่างที่เรือกำลังกลับจากปฏิบัติการนี้ เวลา 09:02 นาฬิกา เครื่องบินรบอังกฤษได้ระดมยิงตอร์ปิโดจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่เรือเสียชีวิตกันมากมาย และหางเสือเรือทรงตัวไม่ได้ และเรือรบ 4 ลำของอังกฤษ ได้ยิงปืนใหญ่ถล่มเรือ Bismarck จนเรือเสียหายอย่างรุนแรง และในที่สุดเวลา 10:20 am เรือก็อับปางลง พร้อมชีวิตของเจ้าหน้าที่เรือ 2,200 ชีวิต มีเพียง 114 ชีวิตเท่านั้นที่รอดมาได้
ซากอับปาง
การค้นพบ
ซากบิสมาร์คถูกค้นพบในวันที่ 8 มิถุนายน 1989 โดย ดร.โรเบิร์ต บัลลาร์ด (Robert Ballard) นักสมุทรศาสตร์ที่รับผิดชอบในการค้นหาอาร์เอ็มเอส ไททานิก บิสมาร์คถูกพบที่ระดับความลึกประมาณ 4,791 เมตร (15,719 ฟุต) ประมาณ 650 กม. (400 ไมล์) ทางตะวันตกของเมืองแบร็สต์ เรือชนกับภูเขาไฟใต้น้ำที่ดับแล้วที่สูงราว 1,000 เมตร (3,300 ฟุต) เหนือที่ราบก้นสมุทร ก่อให้เกิดแผ่นดินถล่ม 2 กม. (1.2 ไมล์) บิสมาร์คเลื่อนลงจากภูเขาลงมาหยุดสองในสามของความสูง บัลลาร์ดเก็บตำแหน่งของซากเรือไว้เป็นความลับเพื่อป้องกันไม่ให้นักดำน้ำอื่นนำสิ่งของจากเรือไป ซึ่งเขาถือว่าเป็น
จากการสำรวจของบัลลาร์ดไม่พบการทะลุใต้น้ำของป้อมหุ้มเกราะ (citadel) ของเรือ พบแปดรูบนตัวเรือเหนือเส้นน้ำลึก หนึ่งรูที่ด้านกราบขวา และอีกเจ็ดรูที่ด้านกราบซ้าย รูหนึ่งอยู่ที่ดาดฟ้าเรือทางกราบขวาของหัวเรือ มุมและรูปร่างบ่งบอกว่ากระสุนที่สร้างหลุมนั้นถูกยิงจากด้านกราบซ้ายของบิสมาร์คแล้วชนกับสมอเรือกราบขวาจนหลุดหายไป หกรูอยู่ตอนกลางลำเรือ สะเก็ดกระสุนสามชิ้นเจาะเข้าไปที่กราบบนสุด และสร้างรูที่เกราะกราบเรือ นอกจากนี้ ท้านเรือปรากฏรูขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัด ขนานไปกับแท่นส่งเครื่องบินบนดาดฟ้าเรือ บันทึกของยานดำน้ำไม่บนสิ่งที่แสดงว่ากระสุนทะลุผ่านเกราะหลักและเกราะข้าง พบที่เกราะดาดฟ้าเรือเท่านั้น รอยบุบขนาดใหญ่แสดงให้เห็นว่ากระสุนขนาด 14 นิ้วจำนวนมากถูกยิงโดยเรือคิงจอร์จ V กระเด้งออกมาไม่สามารถเจาะเกราะกราบเรือเข้าไปได้ นักประวัติศาสตร์ทหารเรือวิลเลียม การ์ซคี (William Garzke) และโรเบิร์ต ดับบลิน (Robert Dulin) กล่าวว่าเรือประจัญบานของอังกฤษยิงในระยะใกล้มาก การยิงวิถีราบทำให้ยากต่อการเจาะทะลุเป้าหมายที่ค่อนข้างแคบอย่างเกราะกราบเรือเหนือเส้นน้ำลึก การยิงกระสุนระยะใกล้ทำให้เกิดการสะท้อนกลับขึ้นไปที่ด้านบนของดาดฟ้าเรือหรือระเบิดบนน้ำ
บัลลาร์ดตั้งข้อสังเกตว่าเขาไม่พบหลักฐานของการระเบิดจากภายในที่เกิดขึ้นเมื่อน้ำเข้าลำเรือไม่เต็มลำขณะจม ทำให้น้ำที่อยู่รอบๆซึ่งมีแรงดันมากกว่าอากาศในตัวเรือจะบดขยี้เรือ บัลลาร์ดชี้ให้เห็นว่าตัวเรือนั้นอยู่ในสภาพที่ดี นี่แสดงให้เห็นว่าห้องเรือของบิสมาร์คถูกน้ำท่วมเมื่อเรืออับปาง ซึ่งสนับสนุนทฤษฎีเรือถูกจมโดยการเจาะรูใต้ท้องเรือ บัลลาร์ดกล่าวเสริมว่า "เราพบตัวเรือที่มีทั้งลำและไม่มีความเสียหายเนื่องจากการเลื่อนไถลและการกระแทก พวกเขาสรุปว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดการจมคือการจมโดยการเจาะรูใต้ท้องเรือ จากการก่อวินาศกรรมที่ห้องเครื่องยนต์โดยลูกเรือจากคำกล่าวอ้างของผู้รอดชีวิตชาวเยอรมัน
ท้ายเรือทั้งหมดสูญหาย ไม่พบว่าอยู่ใกล้กับซากเรือหลัก และยังไม่ได้ถูกค้นพบ สันนิษฐานว่าไม่ได้เกิดจากการกระแทกกับพื้นทะเล คาดว่าหลุดออกจากการถูกยิงโดยตอร์ปิโด ทำให้เกิดคำถามถึงความเป็นไปได้ของความล้มเหลวทางโครงสร้างเรือ พื้นที่ท้ายเรือถูกยิงหลายครั้งจนเสียหายจากตอร์ปิโด เมื่อรวมกับความจริงที่ว่าท้ายเรือจมลงก่อน และไม่มีโครงสร้างรองรับที่จะยึดเอาไว้ท้ายเรือจึงหลุดออก ในปี 1942 พรินซ์ออยเกินก็ถูกตอร์ปิโดยิงที่ท้ายเรือจนเสียหาย เหตุนี้นี้ทำให้เกิดการเสริมความแข็งแกร่งของโครงสร้างท้ายเรือของเรือหลวงเยอรมันทั้งหมด
อ้างอิง
- Jackson 2002, p. 24
- "Bismarck Technical Data and Battleship Comparison; retrieved 14 November 2009
- "Channel 4 - Hood v Bismarck - History - The Battles". Pbs.org. สืบค้นเมื่อ 2011-04-02.
- von Mullenheim-Rechberg, B., Battleship Bismarck, a survivor's story; new improved edition. Annapolis: United States Naval Institute Press (1990). , pp. 246-76
- "The Final Battle (A desperate fight against impossible odds)"; retrieved 27 November 2009
- Los Angeles Times, front page “BATTLE RAGING IN ATLANTIC – Bismarck Torpedoed, Crete Defences Crack” – 26 May 1941.
- New York Times, front page “The Hood Avenged – Nazi Ship is Sent Down West of Brest After 1,750 Mile Chase” – 28 May 1941.
- Sydney Morning Herald, front page “Bismarck Sunk” – 28 May 1941.
- Winnipeg Free Press, front page “NAVY SINKS BISMARCK – British Get Revenge For Hood Destruction” – 27 May 1941.
- Gröner, p. 33.
- Campbell, "Germany 1906–1922", p. 43.
- Gaack & Carr, p. 10.
- Williamson, pp. 21–22.
- Gröner, p. 35.
- Williamson, p. 22.
- Garzke & Dulin, p. 203.
- Gardiner & Chesneau, pp. 16, 224.
- Williamson, p. 43.
- von Müllenheim-Rechberg, pp. 29–30.
- Gaack & Carr, p. 26.
- Garzke & Dulin, p. 210.
- von Müllenheim-Rechberg, p. 38.
- von Müllenheim-Rechberg, p. 39.
- von Müllenheim-Rechberg, pp. 44–45.
- Bercuson & Herwig, p. 39.
- Bercuson & Herwig, pp. 39–40.
- Bercuson & Herwig, p. 40.
- Bercuson & Herwig, p. 41.
- Garzke & Dulin, pp. 210–211.
- Garzke & Dulin, p. 211.
- Bercuson & Herwig, p. 43.
- Bercuson & Herwig, pp. 44–45.
- von Müllenheim-Rechberg, p. 71.
- von Müllenheim-Rechberg, p. 74.
- Bercuson & Herwig, pp. 55–56.
- Bercuson & Herwig, p. 63.
- von Müllenheim-Rechberg, p. 76.
- Garzke & Dulin 1985, p. 214.
- Bercuson & Herwig, p. 64.
- Bercuson & Herwig, p. 65.
- Bercuson & Herwig, pp. 66–67.
- Chesenau 2002, p. 156
- "The Pursuit of Bismarck & the Sinking of H.M.S. Hood, Part 2 - The Battle of the Denmark Strait; retrieved 14 November 2009
- Ballard, Bismarck, pp. 216, 221.
- Ballard, Bismarck, p. 194.
- Ballard, Bismarck, p. 214.
- Ballard, Bismarck, p. 191.
- Jackson, p. 85.
- Garzke & Dulin 1994.
- Ballard, Bismarck, pp. 214–215.
- Jackson, p. 88.
- Ballard, Bismarck, p. 215.
- Ballard, Bismarck, pp. 177–178.
เชิงอรรถ
- มีขนาดเท่ากับ 2,240 ปอนด์ (1,016 กก.)
- เป็นการติดตั้งป้อมปืนสองป้อมในแถวเดียวกัน โดยให้ป้อมที่สองอยู่สูงกว่า (super) ป้อมปืนแรก เพื่อให้สามารถทำการยิงไปที่เป้าหมายส่วนเดียวกันได้หรือยิงไปด้านหน้าหรือด้านหลังของเรือได้ทั้งสองป้อม
- SK แทน schiffskanone (ปืนเรือ), C/34 แทน Constructionjahr (ปีผลิต) 1934, และ L/52 หมายถึงความยาวของปืนภายใต้เงือนไขของลำกล้อง หมายความว่าปืนยาว 52 เท่าของเส้นผ่าศูนย์กลางภายในลำกล้อง
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ชื่อ "FOOTNOTECampbell, "Naval Weapons of World War II"219" ซึ่งนิยามใน <references>
ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
บรรณานุกรม
- (1990). Bismarck: Germany's Greatest Battleship Gives Up its Secrets. Toronto, ON: Madison Publishing. ISBN .
- Ballard, Robert D. (2008). Archaeological Oceanography. Princeton, NJ: Princeton University Press. ISBN .
- Bercuson, David J.; Herwig, Holger H. (2003). The Destruction of the Bismarck. New York, NY: The Overlook Press. ISBN .
- Campbell, John (1985). Naval Weapons of World War II. London: Conway Maritime Press. ISBN .
- Campbell, John (1987). "Germany 1906–1922". ใน Sturton, Ian (บ.ก.). Conway's All the World's Battleships: 1906 to the Present. London: Conway Maritime Press. pp. 28–49. ISBN .
- Gaack, Malte; Carr, Ward (2011). Schlachtschiff Bismarck—Das wahre Gesicht eines Schiffes—Teil 3 (ภาษาเยอรมัน). Norderstedt, Germany: BoD – Books on Demand GmbH. ISBN .
- Gardiner, Robert; Chesneau, Roger, บ.ก. (1980). Conway's All the World's Fighting Ships, 1922–1946. Annapolis, Maryland: Naval Institute Press. ISBN . OCLC 18121784.
- Garzke, William H.; Dulin, Robert O. (1985). Battleships: Axis and Neutral Battleships in World War II. Annapolis, MD: Naval Institute Press. ISBN .
- Gröner, Erich (1990). German Warships: 1815–1945. Annapolis, MD: Naval Institute Press. ISBN .
- Grützner, Jens (2010). Kapitän zur See Ernst Lindemann: Der Bismarck-Kommandant – Eine Biographie (ภาษาเยอรมัน). Zweibrücken, DE: VDM Heinz Nickel. ISBN .
- Jackson, Robert (2002). The Bismarck. London: Weapons of War. ISBN .
- Kennedy, Ludovic (1991). Pursuit: The Sinking of the Bismarck. London: Fontana. ISBN .
- McGowen, Tom (1999). Sink the Bismarck: Germany's Super-Battleship of World War II. Brookfield, CT: Twenty-First Century Books. ISBN .
- Miller, Nathan (1997). War at Sea: A Naval History of World War II. New York, NY: Oxford University Press. ISBN .
- Niemi, Robert (2006). History in the Media: Film and Television. Santa Barbara, CA: ABC-CLIO. ISBN .
- Polmar, Norman; Cavas, Christopher P. (2009). Navy's Most Wanted. Washington, DC: Potomac Books. ISBN .
- von Müllenheim-Rechberg, Burkhard (1980). Battleship Bismarck, A Survivor's Story. Annapolis, MD: Naval Institute Press. ISBN .
- Williamson, Gordon (2003). German Battleships 1939–45. Oxford, England: Osprey Publishing. ISBN .
- Die Wehrmachtberichte 1939–1945 Band 1, 1. September 1939 bis 31. Dezember 1941 (ภาษาเยอรมัน). München: Deutscher Taschenbuch Verlag GmbH & Co. KG. 1985. ISBN .
- Zetterling, Niklas; Tamelander, Michael (2009). Bismarck: The Final Days of Germany's Greatest Battleship. Drexel Hill, PA: Casemate. ISBN .
แหล่งข้อมูลอื่น
- Broad, William J. (3 December 2002). "Visiting Bismarck, Explorers Revise Its Story". New York Times. สืบค้นเมื่อ 16 June 2011.
- Jurens, Bill; Garzke, William H.; Dulin, Robert O.; Roberts, John; Fiske, Richard (2002). . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-28. สืบค้นเมื่อ 31 October 2012.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha bismarkh eyxrmn Bismarck epneruxpracyban aelahnungineruxrbthimichuxesiyngthisudinsngkhramolkkhrngthisxng bismarkhepneruxlaaerkineruxpracybanchnbismarkh sungtngtamchuxnaykrthmntrickrwrrdieyxrmnkhnaerk xxthoth fxn bismarkh eruxbismarkhmirawangkhbnaetmthithung 50 000 tn aelaepneruxpracybankhnadihythisudinolkthiekhapracakarinsmynn eruxbismarkhkhrxngtaaehnngeruxpracybanihythisudidrawhaeduxnkthuklmaechmpodyeruxpracybanethiyrphiths eruxinchneruxediywknsunghnkkwabismarkhraw 2 000 tnerux bismarkh inpi kh s 1940prawtieyxrmnichuxlist error lt br gt list bismarkh Bismarcktngchuxtamxxthoth fxn bismarkhOrdered16 phvscikayn 1935xueruxxuoblmxunthfxss nkhrhmbwrkhplxyerux1 krkdakhm 1936edineruxaerk14 kumphaphnth 1939ekhapracakar24 singhakhm 1940ekiyrtiys48 10 N 16 12 W 48 167 N 16 200 W 48 167 16 200sylksnlksnaechphaachn eruxpracybanchnbismarkhkhnad rawangkhbna 41 700 tn matrthan 50 900 tn etmthi khwamyaw 251 emtr tlxdla 241 5 emtr aenwna khwamkwang 36 emtr aenwna kinnaluk 9 3 emtr matrthan 10 2 emtr etmthi rabbkhbekhluxn 3 Blohm amp Voss geared turbines 150 170 aerngma 3 three blade propellers esnphasunyklang 4 7 emtrkhwamerw 30 1 nxtkhnathakarthdsxb mibthkhwamhnungxangthung 31 1 nxt phisyechuxephling 8 525 imlthaelthi 19 nxtxtraetmthi 2 092 naythhar 103 nay lukerux 1 989 nayyuthothpkrn 8 4 2 12 150 mm L55 SK C 28 6 2 16 105 mm L65 SK C 37 SK C 33 8 2 16 37 mm L83 SK C 30 12 20 mm L65 MG C 30 8 20 mm L65 MG C 32 8 4 ekraa kraberux 145 320 mm dadfa 110 120 mm phnngerux 220 mm pxmpun 130 360 mm ekraathanpxm 342 mm hxbngkhbkar 360 mm xakasyan 4 with 1 double ended catapult bismarkhidptibtikarephiyngkhrngediywtlxdxayukarichnganxnsn odycmlngintxnechakhxngwnthi 27 phvsphakhm kh s 1941 rahwangptibtikarirnxuxbung eruxbismarkhaelaeruxladtraewnhnk Prinz Eugen phyayamthicakhdkhwangaelathalaykhbwneruxsungaelnrahwangxemrikaehnuxaelashrachxanackr khnathibismarkhaelaeruxrbeyxrmnxiklahnungkalngphyayamthicaaelnxxkipyngmhasmuthraextaelntik eruxrbthngsxngthukkhnphbodyrachnawixngkvs aelathukdungekhasuyuththnawichxngaekhbednmark rahwangkarrbewlasn eruxhlwnghud eruxthngkhxngkxngeruxhlwngaelakhwamphakhphumiickhxngrachnawixngkvs thukcmlnghlngcakthukyingephiyngimkinathi naykrthmntriwinstn echxrchil okrthaekhncnxxkkhasngih cmeruxbismarkh sungkratunihrachnawixngkvstidtameruxbismarkhipxyangimldla sxngwnthdma emuxeruxbismarkhekuxbcaipthungnannathiplxdphyaelw ekhruxngbinpiksxngchnkhxngrachnawixngkvsidyingtxrpiodthlmeruxaelathaihhangesuxeruxkhdkhxng eruxrbhnkkhxngxngkvssamarthtamthnbismarkhid inkarrbthiekidkhuntammainchwngechakhxngwnthi 27 phvsphakhm kh s 1941 bismarkhthukocmtixyanghnkepnewlananekuxbsxngchwomngkxnthicacmlngsuknthael karcmkhxngbismarkhidrbkarraynganbnhnaaerkkhxnghnngsuxphimphhlaychbbthwolkkarcdsrangaelalksnaeruxeruxbismarkhthuksngsrangphayitchux okhrngkarthdaethnhnonefxr Ersatz Hannover ephuxthdaethneruxhlwnghnonefxr SMS Hannover sungcdsrangkhunkxnyukheruxedrdnxt inkhxtklngidmxbhmayihxutxeruxoblmxunthfxss Blohm amp Voss inemuxnghmbwrkhepnphucdsrang mikarwangkraduknguinwnthi 1 krkdakhm kh s 1936 thi Helgen IX 11 eruxplxylngnainwnthi 14 kumphaphnth kh s 1939 rahwangphithikar odoreth fxn elxewinefld Dorothee von Lowenfeld hlansawnaykrthmntribismarkhepnphuthaphithitngeruxaelaplxyeruxlngna aelamixdxlf hitelxrepnphuklawsunthrphcninphithi nganprbprungaelatidtngxupkrniddaeninnganhlngkarplxyeruxlngna inewlann hweruxedimaebbmumtrngidthukaethnthidwyhweruxexiyngladaebbaextaelntik Atlantic bow sungkhlaykberuxpracybanchncharnhxsth Scharnhorst eruxbismarkhekhapracakarinkhrikhsmarienxwnthi 24 singhakhm kh s 1940 khnathakaraelneruxthdsxb mihnathikhwbkhumthaelbxltik odyminawaexkaexnsth linedxmn Ernst Lindemann epnphubngkhbkareruxinkhnaeruxekhapracakar aebb 3 mitikhxngeruxbismarkh tamlksnathipraktrahwangptibtikarirnxuxbung Operation Rheinubung eruxbismarkhmirawangkhbnamatrthan 41 700 tn 41 000 lxngtn aelamirawangkhbnaetmthi 50 300 tn 49 500 lxngtn mikhwamyawtlxdla 251 emtr kwang 36 emtr aelakinnaluksungsud 9 9 emtr 32 fut 6 niw eruxbismarkhepneruxpracybaneyxrmnthiihythisud aelamirawangkhbnamakkwaeruxpracybankhxngchatixun inyuorp ykewnerux eruxhlwngaewnkard HMS Vanguard eruxmiaehlngkalngepnknghnixnaoblmaelafxssaebbepliynekiyrid 3 kngkn aelawakenxr Wagner sungichnamnepnechuxephling 12 hmx ihkalngthung 150 170 aerngma shaft horsepower 111 980 kiolwtt ihkhwamerwsungsud 30 01 nxt 55 58 km chm 34 53 iml chm intxnaelnthdsxb mirayathakar 8 870 imlthael 16 430 km 10 210 iml thikhwamerw 19 kn 35 km h 22 mph eruxbismarkhtidtngerdarkhnha FuMO 23 samchud tidiwdanhnaerux thayerux aelaykphunthixyuswnbnsudkhxngesahnakraodngerux tammatrthankhxngerux eruxcamilukeruxepnnaythhar 103 nay aelaphlthhar 1 962 nay lukeruxcdaebngepn 12 kxngrxy kxngrxyla 180 thung 220 nay hkkxngrxyaerkrbphidchxbxawuthyuththphnth kxngrxythi 1 thungkxngrxythi 4 duaelhmupunhlkaelahmupunrxng kxngrxythihaaelahkrbphidchxbpuntxtanxakasyan kxngrxythi 7 prakxbdwyphuchanayechphaathangsungrwmthungphxkhrwaelachangim kxngrxythi 8 mihnathiduaelcdkarxawuthyuththphnth phnknganwithyu ecahnathiihsyyan aelaecahnathithharfayphlathikar pracakxngrxythi 9 samkxngrxysudthaypracainhxngekhruxngynt emuxbismarkhxxkcaktha eruxcamilukeruxmakkwa 2 200 nay ephraacanbrwmphnkngankxngerux lukeruxthimihnathinasngeruxechly aelankkhawsngkhrambneruxdwy phnknganhxngekhruxngyntraw 200 naymacakeruxladtraewnebakhalsruexx Karlsruhe thisuyesiyiprahwangptibtikarewesxrxuxbung Operation Weserubung sungepnptibtikarkarrukrannxrewykhxngeyxrmn eruxbismarkhtidxawuthpun SK C 34 laklxng 38 sm aepdkrabxkinpxmpunaefd 4 pxm pxmpuntidtngaebbsupepxrifrxing super firing pxmpunhnachux xnothn Anton aela bruon Bruno pxmhlngchux ekhsar Caesar aela odra Dora xawuthrxngprakxbdwypun L 55 laklxng 15 sm 12 krabxk pun L 65 laklxng 10 5 sm 16 krabxk pun L 83 laklxng 3 7 sm 16 krabxk aelapuntxsuxakasyan laklxng 2 sm 12 krabxk eruxbismarkhyngbrrthukekhruxngbinthunlxynaladtraewnxaraod xaaexr 196 Arado Ar 196 orngekbekhruxngbinkhnadihy aelaekhruxngdidaebbhwthayehmuxnkn double ended catapult ekraakhanghna 320 mm 13 niw aelapkkhlumodyekraakhuswnbnaelaekraahlkkhxngdadfaeruxhna 50 mm 2 0 niw aela 100 thung 120 mm 3 9 thung 4 7 niw tamladb pxmpunhlkidrbkarpkpxngdwyekraahna 360 mm 14 2 niw briewndanhna aelahna 220 mm 8 7 niw briewndankhangprawtikarptibtikareruxpracybanbismarkhinxuinhmbwrkh wnthi 15 knyayn kh s 1940 samspdahhlngekhapracakar eruxbismarkhxxkcakhmbwrkhephuxerimaelneruxthdsxbinxawkhil Kiel eruxsaephrebrkhekhxr Sperrbrecher 13 idthahnathikhumkneruxedinthangipaehlmxarokhna Cape Arkona inwnthi 28 knyayn aelwcungipthungemuxngokethinhaefin Gotenhafen ephuxaelneruxthdsxbinxawdnthsich Gulf of Danzig orngiffakhxngeruxidrbkarthdsxbxyanglaexiyd mikarprbkarwdimlthaelihthuktxngaemnya aelakaraelneruxkhwamerwsung khnathikhwamesthiyraelakarcdkarklyuthththierimthdsxb phbwamikhxbkphrxnginkarxxkaebb khnathikhwamphyayamthicakhdthayeruxdwykhnephiynglaphngdwykarphthnaprbepliynkarphthnaibckrerux lukeruxeriynruwakarptibtinndwytwkhnediywptibtiyakmak aemwa skruthayeruxcathanganetmkalnginthistrngkham aetkephimkhwamsamarthinkareliywephiyngelknxy hmupuneruxhlkthakarthdsxbyingkhrngaerkplayeduxnphvscikayn sungcakkarthdsxbphbwaeruxepnaethnpunihythimikhwamesthiyrmak eruxidaelnthdsxbcnthungeduxnthnwakhm bismarkhidedinthangklbipthunghmbwrkhinwnthi 9 thnwakhm sahrbkarprbepliynxikelknxyaelakartidtngxupkrnthicaepnihsmburn eruxbismarkhmiaephnedinthangklbkhilinwnthi 24 mkrakhm kh s 1941 aetmieruxsinkhaxbpanginkhlxngkhilsngphlihichthangnaimid sphaphxakasthielwrayidkhdkhwangkarkusakeruxthicmlng eruxbismarkhcungedinthangklbkhilimidcnkrathngeduxnminakhm khwamlachasrangkhwamphidhwngihaeklinedxmnepnxyangmak ekhaklawwa eruxbismarkhtidxyuthihmbwrkhthunghaspdah ewlaxnmikhathicalxngeruxinthaelsuyesiyipdwyehtuthiimidkxkhun aelaepnkhwamlachaxyangminyyainkarekhluxnkalnginkhnsudthaydwyehtusungimsamarthhlikeliyngid khnathirxihedinthangipthungkhil eruxbismarkhepnthirbrxngeruxexkaexnedxr fxrechll Anders Forshell phuchwythutkxngthpheruxswiednipyngebxrlin ekhaklbipyngswiednphrxmraylaexiydlksnakhxngerux aelaidephykhwamlbnikbxngkvs odythharthisnbsnunxkvsin khxmulthukcdetriymiwihrachnawixngkvskbraylaexiydaerkthnghmdkhxngerux aemwacakhadlksnacaephaathisakhy sungprakxbdwykhwamerwsungsud rayathakar aelarawangkhbna eruxbismarkhkhnaaelnthdsxb sungcaehnwayngimmiklxngwdrayaenuxngcakyngimidthakartidtng wnthi 6 minakhm eruxbismarkhidrbkhasngaelneruxipkhil odymiekhruxngbinrbemsesxrchmith ebexf 109 canwnhlayla aelaeruxsinkhatidxawuthcanwn 2 lathahnathikhumknrahwangesnthang phrxm emuxewla 08 45 n wnthi 8 minakhm eruxbismarkhidekytunthichayfngdanitkhxngkhlxngkhilepnewlasn aemwacahludxxkmaitphayinhnungchwomng eruxedinthangthungkhilinwnthdma lukeruxidthakarkktunxawuthyuththphnth echuxephling aelaesbiyngxun aeladaeninkarphrangeruxdwylayphrangaebbaedsesil dazzle paint wnthi 12 minakhm ekhruxngbinthingraebidkhxngxngkvsidekhaocmtithaeruxaetimprasbphlsaerc wnthi 17 minakhm eruxpracybaneka eruxhlwngchelsin SMS Schlesien sungpccubnddaeplngepneruxtdnaaekhng khumknfanaaekhngipthungemuxngokethinhaefin ephuxfukkhwamphrxminkarrb kxngbychakarihykxngthpheruxeyxrmn OKM sungbychakarodyphleruxexkexrich eredxr miepahmaythicakhngpharkicthiicheruxkhnadhnkocmtiesnthangkarkhakhxngfaysmphnthmitrinmhasmuthraextaelntiktxip eruxpracybanchncharnhxsth Scharnhorst sxnglathipracaxyuthiemuxngaebrst Brest praethsfrngess epnhwhxkhlkinkarocmtiinmhasmuthraextaelntik sungewlannptibtikarebxrlinephingcblng eruxethiyrphitssungeruxphinxngkhxngeruxbisbarkhthuksrangkhunxyangrwderw eruxbismarkhaelaeruxethiyrphitsekhaocmtiekhaipinekhtstrucakthaelbxltikaelandphbkberuxchncharnhxsththngsxnglainaextaelntik ptibtikarmiaephnerimdaeninkarpramanwnthi 25 emsayn kh s 1941 inchwngeduxnmudsungcathaihpccyaewdlxmchwyxanwypraoychn karcdsrangaelatidtngxupkrnbneruxethiyrphitsesrcsmburnlachakwathikhadkarn xyangirktameruxyngkhngimkhunrawangcnkrathngwnthi 25 kumphaphnth aelaeruxyngimphrxmekhathakarrbcnkrathngplaypi dwysthankarnthisbsxn eruxpracybankinesxena Gneisenau idrbkhwamesiyhaycaktxrpiodkhnaxyuinaebrstaelacakraebidkhnaxyuinxuaehng eruxpracybancharnhxsth Scharnhorst txngkarykekhruxnghmxixnaephuxsnbsnunptibtikarebxrlin rahwangkarykekhruxng khnnganphbwahmxixnamisphaphelwraykwathikhad eruxtxngthxntwcakaephnkarocmti karocmtikhxngekhruxngbinthingraebidthikhlngsrrphawuthinkhilthaihekidkhwamlachainkarsxmaesmeruxladtraewnhnkphleruxexkechiyr Scheer aelaphleruxexkhiphephxr Hipper eruxthngsxngimphrxmthicaptibtikaripcnthungeduxnkrkdakhmhruxsinghakhm phleruxexkkunethxr luthecnt naythharsungidrbeluxkepnphunaptibtikar prarthnathayudewlaptibtikarxxkipxikxyangnxycnkwaeruxcharnhxsthhruxeruxethiyrphitscaphrxm aetkxngbychakarsungsudkxngthpheruxtdsinicthicadaeninkarptibtikarchuxrhs ptibtikarirnxuxbung txip sungkxngeruxprakxbdwybismarkhaelaeruxladtraewnhnkphrinsxxyekin Prinz Eugen ethann ptibtikarirnxuxbung bismarkh thayphaphcak phrinsxxyekin inthaelbxltikkhnaerimptibtikarirnxuxbung 5 phvsphakhm kh s 1941 hitelxraelawilehlm ikhethilphrxmkhnaekhaeyiymchm bismarkh aela ethiyrphiths thiemuxngokethinhaefin hlngkareyiymchmhitelxridekhaprachumkbluthecntephuxharuxthungptibtikar 16 phvsphakhm luthecntraynganwa bismarkh aela phrinsxxyekin phrxmetmthisahrbptibtikarirnxuxbung ekhacungidrbkhasngiherimptibtipharkicintxneynkhxngwnthi 19 phvsphakhm inthanaepnswnhnungkhxngaephnkarptibtingan klumeruxlaeliyngsibaepdlacathukwangtaaehnngephuxsnbsnun bismarkh aela ethiyrphiths eruxxusilathukwangiwtamesnthangkhxngkhbwnrahwangaehliaefksaelashrachxanackrephuxsxdaenmsahrbetriymkarcuocm emuxerimptibtikar bismarkh milukeruxaelathhar 2 221 nay sungrwmthungphnngngankhxngphlerux 65 khnaelalukeruxthinasngeruxechly 80 nay sahrbnasngeruxthithukcbkumrahwangptibtikar emuxewla 02 00 wnthi 19 phvsphakhm bismarkh xxkcakokethinhaefinipyngchxngaekhbednmark aelaemuxewla 11 25 idekharwmkhbwnkb phrinsxxyekin sungxxkcakaehlmxarokhna Cape Arkona emux 21 18 khunkxn eruxthngsxngidrbkarkhumknodyeruxphikhatsamla Z10 Hans Lody Z16 Friedrich Eckoldt aela Z23 aelakxngeruxkwadthunraebidlufthwfefxcdkarkhumknthangxakasrahwangedinthangxxkcaknannaeyxrmn rawethiyngkhxngwnthi 20 phvsphakhm linedxmnaecngihlukeruxthrabthungpharkicphanekhruxngkracayesiyng inewlaiklekhiyng klumkhxngekhruxngbinladtraewnthangxakaskhxngswiedncanwnsibhruxsibsxnglaphbkxngkalngeyxrmnaelaidrayngankarphbkxngerux khnathifayeyxrmnklbimtrwcphbekhruxngbinkhxngswiedn chwomngtxma kxngeruxeyxrmnidephchiyhnakberuxladtraewnkxtaelnd HSwMS Gotland khxngswiedn eruxkxtaelndidaelnhlbhlikkxngeruxeyxrmnepnewlasxngchwomnginkhtethktkxtaelnd sngraynganthungkxngbychakarkxngthpheruxwa eruxihysxngla eruxphikhatsamla eruxkhumknhala aelaekhruxngbin 10 12 la phanmarchstrand Marstrand esnthang 205 20 kxngbychakarihykxngthpheruxeyxrmnimkngwlthungkhwamesiyngdankhwamplxdphycak kxtaelnd aemwathngluthecntaelalinedxmnechuxwaptibtikarcaimepnkhwamlbxikaelw inthisudrayngankedinthangipthungkptnehnri ednaehm Henry Denham phuchwythutkxngthpheruxxngkvspracapraethsswiedn phusngkhxmultxipyngkxngthpheruxxngkvs yuththnawichxngaekhbednmark phapheruxbismarkhhlngcmeruxhlwnghud inyuththnawichxngaekhbednmark inwnthi 24 phvsphakhm 1941 eruxthng 2 la thukfngxngkvstrwccbid khnaxyuinbriewnsaekndienewiythaihxngvkssngeruxrberuxpracybanlaihm eruxhlwngprinsxxfewls aelaeruxhlwnghudlaeka xxkipdkocmtithichxngaekhbednmark ewlapraman 05 30 n khxngwnesarthi 24 phvsphakhm kxngeruxeyxrmnidedinthangmathungchxngaekhbednmark ihodrofnkhxngeruxphrinsxxyekintrwcphberuxsxnglathangkrabsay ewla 05 45 n eruxthngkhukpraktinrayasaytaaetthangeyxrmnyngimsamarthrabuidwaepnkhasuk fayxngkvsprakxbipdwyeruxpracybanlaihm prinsxxfewlsaelaeruxhlwnghudlaeka phayitkarbychakarkhxngphleruxtrilaneslxt hxlaelnd Lancelot Holland eruxphrinsxxfewlsnnephuxtxesrcemuxerwniaelayngephingerimxxkthael khnaephchiyhnakbbismarkhnnmilukeruxephiyng 100 naybneruxaelaxyuinsphaphimphrxm eruxhudekannthuksrangkhunephuxepneruxladtraewnpracybankxnthicamikarprbprungkarpxngknkhxngeruxihepneruxpracybanaetyngkhngmiekraadadfathikhxnkhangxxnaex eyxrmnimaeplkicthiidphbkberuxfayxngkvsaetkhidimthungwacaepneruxhlwngkhxngxngkvsely emuxewla 05 49 n hxlaelndidrbkhasngihyingtrngipthieruxkhasukthiaelnnahnama phrinsxxyekin dwyekhaicphidwaepnbismarkh aetochkhyngepnkhxngxngkvs emuxphubngkhbkareruxprinsxxfewlsidsngektehnthungkhwamphidphladaelathakarepliynepahmay hxlaelndidrbkhasngaekikhepahmayaetkhasngnnklbipimthungphlpunkhxnghudkxnthicaidyingtbaerkxxkip hudidyingkrasunndaerkinyuththnawiemuxewla 05 52 n inewlarungxrun aelatamtiddwyphrinsxxfewls rayahangcakeruxfayeyxrmnintxnnnpraman 12 5 iml 20 1 km karyingtbaerkkhxnghud krasuntkiklkbphrinsxxyekin thaihekidkhwamesiyhayelknxyiklkbpxmpunthay nankwa 2 nathithiimmikaryingtxbotcakkxngeruxeyxrmn kxnthiphubngkhbkarerux linedxmnn Lindemann casngihyingtxbotipyngeruxthngkhxngxngkvs sungkkhuxeruxhudodyeyxrmnsamarthrabubidemuxkxngeruxrbxngkvsidthakarepliynthisthangipyngeruxhudemuxewla 05 55 n klyuththnicaichemuxeruxphyayamcdwangtaaehnngkhxngtnexngihxyuinosnkhumkn emuxxyuinosndngklawaelweruxcasamarthyingmumsungid yingthalaydadfaerux aelakaryingtrngkhxngeruxstrucaimkhxyidphl aetemuxphicarnaaelw hudkyngkhngmicudxxnelknxyaelakarkhwbkhumkaryingkhxngeyxrmnyngehnuxkwanidhnxy nxkcakniyngmikhxesiykhux inrahwangkaraelneruxpunihy 8 krabxkcak 18 krabxkimsamarthyingsnbsnunid xbpang karxbpangkhxngeruxlaniekidkhunhlngkarptibtikarirnxuxbung naykrthmntrishrachxanackr winstn echxrchil xxkkhasng cmeruxbismarkh sungkratunihrachnawixngkvstidtameruxbismarkhipxyangimldla aelainrahwangthieruxkalngklbcakptibtikarni ewla 09 02 nalika ekhruxngbinrbxngkvsidradmyingtxrpiodcanwnmak thaihecahnathieruxesiychiwitknmakmay aelahangesuxeruxthrngtwimid aelaeruxrb 4 lakhxngxngkvs idyingpunihythlmerux Bismarck cneruxesiyhayxyangrunaerng aelainthisudewla 10 20 am eruxkxbpanglng phrxmchiwitkhxngecahnathierux 2 200 chiwit miephiyng 114 chiwitethannthirxdmaidsakxbpangkarkhnphb sakbismarkhthukkhnphbinwnthi 8 mithunayn 1989 ody dr orebirt bllard Robert Ballard nksmuthrsastrthirbphidchxbinkarkhnhaxarexmexs iththanik bismarkhthukphbthiradbkhwamlukpraman 4 791 emtr 15 719 fut praman 650 km 400 iml thangtawntkkhxngemuxngaebrst eruxchnkbphuekhaifitnathidbaelwthisungraw 1 000 emtr 3 300 fut ehnuxthirabknsmuthr kxihekidaephndinthlm 2 km 1 2 iml bismarkheluxnlngcakphuekhalngmahyudsxnginsamkhxngkhwamsung bllardekbtaaehnngkhxngsakeruxiwepnkhwamlbephuxpxngknimihnkdanaxunnasingkhxngcakeruxip sungekhathuxwaepn cakkarsarwckhxngbllardimphbkarthaluitnakhxngpxmhumekraa citadel khxngerux phbaepdrubntweruxehnuxesnnaluk hnungruthidankrabkhwa aelaxikecdruthidankrabsay ruhnungxyuthidadfaeruxthangkrabkhwakhxnghwerux mumaelaruprangbngbxkwakrasunthisranghlumnnthukyingcakdankrabsaykhxngbismarkhaelwchnkbsmxeruxkrabkhwacnhludhayip hkruxyutxnklanglaerux saekdkrasunsamchinecaaekhaipthikrabbnsud aelasrangruthiekraakraberux nxkcakni thaneruxpraktrukhnadihymxngehnidchd khnanipkbaethnsngekhruxngbinbndadfaerux bnthukkhxngyandanaimbnsingthiaesdngwakrasunthaluphanekraahlkaelaekraakhang phbthiekraadadfaeruxethann rxybubkhnadihyaesdngihehnwakrasunkhnad 14 niwcanwnmakthukyingodyeruxkhingcxrc V kraedngxxkmaimsamarthecaaekraakraberuxekhaipid nkprawtisastrthhareruxwileliym karskhi William Garzke aelaorebirt dbblin Robert Dulin klawwaeruxpracybankhxngxngkvsyinginrayaiklmak karyingwithirabthaihyaktxkarecaathaluepahmaythikhxnkhangaekhbxyangekraakraberuxehnuxesnnaluk karyingkrasunrayaiklthaihekidkarsathxnklbkhunipthidanbnkhxngdadfaeruxhruxraebidbnna bllardtngkhxsngektwaekhaimphbhlkthankhxngkarraebidcakphayinthiekidkhunemuxnaekhalaeruximetmlakhnacm thaihnathixyurxbsungmiaerngdnmakkwaxakasintweruxcabdkhyierux bllardchiihehnwatweruxnnxyuinsphaphthidi niaesdngihehnwahxngeruxkhxngbismarkhthuknathwmemuxeruxxbpang sungsnbsnunthvsdieruxthukcmodykarecaaruitthxngerux bllardklawesrimwa eraphbtweruxthimithnglaaelaimmikhwamesiyhayenuxngcakkareluxnithlaelakarkraaethk phwkekhasrupwasaehtuthithaihekidkarcmkhuxkarcmodykarecaaruitthxngerux cakkarkxwinaskrrmthihxngekhruxngyntodylukeruxcakkhaklawxangkhxngphurxdchiwitchaweyxrmn thayeruxthnghmdsuyhay imphbwaxyuiklkbsakeruxhlk aelayngimidthukkhnphb snnisthanwaimidekidcakkarkraaethkkbphunthael khadwahludxxkcakkarthukyingodytxrpiod thaihekidkhathamthungkhwamepnipidkhxngkhwamlmehlwthangokhrngsrangerux phunthithayeruxthukyinghlaykhrngcnesiyhaycaktxrpiod emuxrwmkbkhwamcringthiwathayeruxcmlngkxn aelaimmiokhrngsrangrxngrbthicayudexaiwthayeruxcunghludxxk inpi 1942 phrinsxxyekinkthuktxrpiodyingthithayeruxcnesiyhay ehtuninithaihekidkaresrimkhwamaekhngaekrngkhxngokhrngsrangthayeruxkhxngeruxhlwngeyxrmnthnghmdxangxingJackson 2002 p 24 Bismarck Technical Data and Battleship Comparison retrieved 14 November 2009 Channel 4 Hood v Bismarck History The Battles Pbs org subkhnemux 2011 04 02 von Mullenheim Rechberg B Battleship Bismarck a survivor s story new improved edition Annapolis United States Naval Institute Press 1990 ISBN 978 0870210969 pp 246 76 The Final Battle A desperate fight against impossible odds retrieved 27 November 2009 Los Angeles Times front page BATTLE RAGING IN ATLANTIC Bismarck Torpedoed Crete Defences Crack 26 May 1941 New York Times front page The Hood Avenged Nazi Ship is Sent Down West of Brest After 1 750 Mile Chase 28 May 1941 Sydney Morning Herald front page Bismarck Sunk 28 May 1941 Winnipeg Free Press front page NAVY SINKS BISMARCK British Get Revenge For Hood Destruction 27 May 1941 Groner p 33 Campbell Germany 1906 1922 p 43 Gaack amp Carr p 10 Williamson pp 21 22 Groner p 35 Williamson p 22 Garzke amp Dulin p 203 Gardiner amp Chesneau pp 16 224 Williamson p 43 von Mullenheim Rechberg pp 29 30 Gaack amp Carr p 26 Garzke amp Dulin p 210 von Mullenheim Rechberg p 38 von Mullenheim Rechberg p 39 von Mullenheim Rechberg pp 44 45 Bercuson amp Herwig p 39 Bercuson amp Herwig pp 39 40 Bercuson amp Herwig p 40 Bercuson amp Herwig p 41 Garzke amp Dulin pp 210 211 Garzke amp Dulin p 211 Bercuson amp Herwig p 43 Bercuson amp Herwig pp 44 45 von Mullenheim Rechberg p 71 von Mullenheim Rechberg p 74 Bercuson amp Herwig pp 55 56 Bercuson amp Herwig p 63 von Mullenheim Rechberg p 76 Garzke amp Dulin 1985 p 214 sfn error no target CITEREFGarzke amp Dulin 1985 Bercuson amp Herwig p 64 Bercuson amp Herwig p 65 Bercuson amp Herwig pp 66 67 Chesenau 2002 p 156 The Pursuit of Bismarck amp the Sinking of H M S Hood Part 2 The Battle of the Denmark Strait retrieved 14 November 2009 Ballard Bismarck pp 216 221 sfn error no target CITEREFBallard Bismarck Ballard Bismarck p 194 sfn error no target CITEREFBallard Bismarck Ballard Bismarck p 214 sfn error no target CITEREFBallard Bismarck Ballard Bismarck p 191 sfn error no target CITEREFBallard Bismarck Jackson p 85 Garzke amp Dulin 1994 sfn error no target CITEREFGarzke amp Dulin 1994 Ballard Bismarck pp 214 215 sfn error no target CITEREFBallard Bismarck Jackson p 88 Ballard Bismarck p 215 sfn error no target CITEREFBallard Bismarck Ballard Bismarck pp 177 178 sfn error no target CITEREFBallard Bismarck wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb eruxpracybanbismarkh echingxrrth mikhnadethakb 2 240 pxnd 1 016 kk epnkartidtngpxmpunsxngpxminaethwediywkn odyihpxmthisxngxyusungkwa super pxmpunaerk ephuxihsamarththakaryingipthiepahmayswnediywknidhruxyingipdanhnahruxdanhlngkhxngeruxidthngsxngpxm SK aethn schiffskanone punerux C 34 aethn Constructionjahr piphlit 1934 aela L 52 hmaythungkhwamyawkhxngpunphayitenguxnikhkhxnglaklxng hmaykhwamwapunyaw 52 ethakhxngesnphasunyklangphayinlaklxng xangxingphidphlad payrabu lt ref gt chux FOOTNOTECampbell Naval Weapons of World War II 219 sungniyamin lt references gt imthukichinkhxkhwamkxnhnabrrnanukrm 1990 Bismarck Germany s Greatest Battleship Gives Up its Secrets Toronto ON Madison Publishing ISBN 978 0 7858 2205 9 Ballard Robert D 2008 Archaeological Oceanography Princeton NJ Princeton University Press ISBN 9780691129402 Bercuson David J Herwig Holger H 2003 The Destruction of the Bismarck New York NY The Overlook Press ISBN 978 1 58567 397 1 Campbell John 1985 Naval Weapons of World War II London Conway Maritime Press ISBN 978 0 87021 459 2 Campbell John 1987 Germany 1906 1922 in Sturton Ian b k Conway s All the World s Battleships 1906 to the Present London Conway Maritime Press pp 28 49 ISBN 978 0 85177 448 0 Gaack Malte Carr Ward 2011 Schlachtschiff Bismarck Das wahre Gesicht eines Schiffes Teil 3 phasaeyxrmn Norderstedt Germany BoD Books on Demand GmbH ISBN 978 3 8448 0179 8 Gardiner Robert Chesneau Roger b k 1980 Conway s All the World s Fighting Ships 1922 1946 Annapolis Maryland Naval Institute Press ISBN 978 0 87021 913 9 OCLC 18121784 Garzke William H Dulin Robert O 1985 Battleships Axis and Neutral Battleships in World War II Annapolis MD Naval Institute Press ISBN 978 0 87021 101 0 Groner Erich 1990 German Warships 1815 1945 Annapolis MD Naval Institute Press ISBN 978 0 87021 790 6 Grutzner Jens 2010 Kapitan zur See Ernst Lindemann Der Bismarck Kommandant Eine Biographie phasaeyxrmn Zweibrucken DE VDM Heinz Nickel ISBN 978 3 86619 047 4 Jackson Robert 2002 The Bismarck London Weapons of War ISBN 978 1 86227 173 9 Kennedy Ludovic 1991 Pursuit The Sinking of the Bismarck London Fontana ISBN 978 0 00 634014 0 McGowen Tom 1999 Sink the Bismarck Germany s Super Battleship of World War II Brookfield CT Twenty First Century Books ISBN 0761315101 Miller Nathan 1997 War at Sea A Naval History of World War II New York NY Oxford University Press ISBN 978 0 19 511038 8 Niemi Robert 2006 History in the Media Film and Television Santa Barbara CA ABC CLIO ISBN 978 1 57607 952 2 Polmar Norman Cavas Christopher P 2009 Navy s Most Wanted Washington DC Potomac Books ISBN 978 1 59797 226 0 von Mullenheim Rechberg Burkhard 1980 Battleship Bismarck A Survivor s Story Annapolis MD Naval Institute Press ISBN 978 0 87021 096 9 Williamson Gordon 2003 German Battleships 1939 45 Oxford England Osprey Publishing ISBN 978 1 84176 498 6 Die Wehrmachtberichte 1939 1945 Band 1 1 September 1939 bis 31 Dezember 1941 phasaeyxrmn Munchen Deutscher Taschenbuch Verlag GmbH amp Co KG 1985 ISBN 978 3 423 05944 2 Zetterling Niklas Tamelander Michael 2009 Bismarck The Final Days of Germany s Greatest Battleship Drexel Hill PA Casemate ISBN 978 1 935149 04 0 aehlngkhxmulxunBroad William J 3 December 2002 Visiting Bismarck Explorers Revise Its Story New York Times subkhnemux 16 June 2011 Jurens Bill Garzke William H Dulin Robert O Roberts John Fiske Richard 2002 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 07 28 subkhnemux 31 October 2012 bthkhwamthhar hruxkarthharniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk