บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
อาณาจักรล้านช้าง (ลาว: ອານາຈັກລ້ານຊ້າງ) เป็นอาณาจักรของชนชาติลาวซึ่งตั้งอยู่ในแถบลุ่มแม่น้ำโขง มีอาณาเขตอยู่ในบริเวณประเทศลาวทั้งหมด ตลอดจนพื้นที่บางส่วนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย โดยมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งการเมืองการปกครอง ด้านศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนพระพุทธศาสนา ที่มีพัฒนาการเคียงคู่มาพร้อมกันอาณาจักรอื่น ๆ ใกล้เคียง ทั้งล้านนา สยาม พม่า และเขมร
อาณาจักรล้านช้าง ອານາຈັກລ້ານຊ້າງ | |||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
พ.ศ. 1896–พ.ศ. 2250 | |||||||||||||||||
แผนที่อาณาจักรล้านช้างประมาณ พ.ศ. 1943 (สีเขียวเข้ม) | |||||||||||||||||
เมืองหลวง | หลวงพระบาง (1896-2103) เวียงจันทน์ (2103-2250) | ||||||||||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาลาว | ||||||||||||||||
ศาสนา | พุทธเถรวาท | ||||||||||||||||
การปกครอง | สมบูรณาญาสิทธิราชย์ | ||||||||||||||||
พระมหากษัตริย์ | |||||||||||||||||
• 1896–1915 | พระเจ้าฟ้างุ้ม | ||||||||||||||||
• 1914–1959 | พระเจ้าสามแสนไท | ||||||||||||||||
• 2091–2114 | สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช | ||||||||||||||||
• 2180–2237 | พระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช | ||||||||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สมัยกลางถึงสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา | ||||||||||||||||
• สถาปนาโดยพระเจ้าฟ้างุ้ม | พ.ศ. 1896 | ||||||||||||||||
• แบ่งอาณาจักร | พ.ศ. 2250 | ||||||||||||||||
สกุลเงิน | , | ||||||||||||||||
|
อาณาจักรแห่งนี้ได้สถาปนาขึ้นอย่างเป็นปึกแผ่นมั่งคงอย่างแท้จริงใน พ.ศ. 1896 สมัยพระเจ้าฟ้างุ้ม มีความรุ่งเรืองสลับกับความร่วงโรยต่อมาหลายสมัย ซึ่งยุคที่นับได้ว่าเป็นยุคทองของอาณาจักรล้านช้างคือรัชสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช (พ.ศ. 2091- 2114) และรัชสมัยพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช (พ.ศ. 2181 - 2238) หลังจากนั้นอาณาจักรลาวก็เสื่อมอำนาจลงและแตกแยกเป็น 3 ราชอาณาจักร และใน พ.ศ. 2321 ทั้ง 3 อาณาจักรก็ได้สูญเสียเอกราชแก่ราชอาณาจักรสยามในที่สุด
การสถาปนา
นักประวัติศาสตร์ลาวเชื่อว่า ชาวลาวเดิมตั้งถิ่นฐานอยู่ระหว่างแม่น้ำฮวงโหกับแม่น้ำแยงซีเกียงแถบมณฑลเสฉวนในประเทศจีนปัจจุบัน ต่อมาได้ถูกจีนรุกรานจึงได้อพยพมาทางตอนใต้ของเสฉวนจนถึงยูนนาน ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าหนองแสหรืออาณาจักรน่านเจ้าโดยได้มีความเจริญรุ่งเรืองและดำรงเอกราชมากว่าร้อยปี (ปัจจุบันมีการพิสูจน์ว่าอาณาจักรน่านเจ้าเป็นอาณาจักรของชนชาติต้าหลี่ ไม่ใช่ของชนชาติไท-ลาว) จนถึงสมัยของขุนบรมราชาธิราชพระองค์ได้ทรงสถาปนาเมืองใหม่ที่นาน้อยอ้อยหนู โดยให้ชื่อว่า "เมืองแถน" หรือ "เมืองกาหลง" (มหาสิลา วีระวงส์ เชื่อว่าคือเมืองแถงหรือเดียนเบียนฟูในดินแดนสิบสองจุไท ประเทศเวียดนามปัจจุบัน
ในพงศาวดารล้านช้างกล่าวว่า ขุนบรมได้ทรงแผ่ขยายอาณาจักรออกไป โดยทรงส่งโอรส 7 องค์ไปปกครองเมืองต่าง ๆ ซึ่งเชื่อว่าอยู่ในภูมิภาคอินโดจีนปัจจุบันดังนี้
- ขุนลอ ปกครองเมืองเซ่าหรือเมืองชวา (อ่านว่า เมืองซัวหรือเมืองซวา - ต่อมาเรียกว่าหลวงพระบาง)
- ท้าวผาล้าน ปกครองเมืองหอแต (, สิบสองปันนา)
- ท้าวจุลง ปกครองเมืองโกดแท้แผนปม (ปัจจุบันคือเวียดนาม)
- ท้าวคำผง ปกครองเมืองเชียงใหม่
- ท้าวอิน ปกครองเมืองลานเพียศรีอยุธยา (ละโว้)
- ท้าวกม ปกครองเมืองมอน (, หงสาวดี)
- ปกครองเมืองพวน (เชียงขวาง – เชื่อกันว่าคือท้าวเจืองที่ปรากฏในวรรณกรรณเรื่อง “”)
ขุนลอผู้ทรงสร้างเมืองชวานี้ถือกันว่าทรงเป็นปฐมกษัตริย์ของชาวลาวทั้งปวง ในปี พ.ศ. 1300 โดยประมาณ พระองค์ได้ทรงตั้งให้เมืองชวาเป็นราชธานีของอาณาจักรล้านช้าง พระราชทานนามราชธานีแห่งนี้ใหม่ว่า “เมืองเชียงทอง” พระองค์ได้ทรงขับไล่ชนชาติขอมซึ่งเป็นผู้มีอำนาจอยู่เดิมในบริเวณดังกล่าวสำเร็จ ทำให้อาณาจักรล้านช้างมีความมั่นคงต่อมายาวนาน และมีกษัตริย์ปกครองต่อมาอีกหลายชั่วคน
การรวมชาติ
ในปลายพุทธศตวรรษที่ 19 อาณาจักรล้านช้างก็ได้มีกษัตริย์องค์สำคัญซึ่งชาวลาวยกย่องพระองค์ในฐานะ “พระบิดาของชาติลาว” ได้แก่ พระเจ้าฟ้างุ้มมหาราช (พ.ศ. 1896 - พ.ศ. 1916, พระนามเต็มคือ “พระเจ้าฟ้างุ้มแหล่งหล้าธรณี”) เนื่องจากพระองค์มีบทบาทในการรวบรวมแผ่นดินลาวให้เป็นปึกแผ่น ทั้งยังทรงวางรากฐานของพระพุทธศาสนาในลาวและทรงยกย่องให้เป็นศาสนาหลักของอาณาจักร
พระยาฟ้างุ้มเป็นพระราชโอรสของท้าวผีฟ้า และเป็นพระราชนัดดาของพระยาสุวรรณคำผง โดยในรัชสมัยของพระยาคำผง ท้าวผีฟ้า ซึ่งเป็นพระบิดาของพระยาฟ้างุ้มได้ถูกเนรเทศ จึงเสด็จหนีไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารของกษัตริย์เขมร ในเวลาต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระยาสุวรรณคำผง อันเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรเขมรเริ่มเสื่อมอำนาจ ในขณะเดียวกันที่อาณาจักรสุโขทัยเข้มแข็งขึ้น ฝ่ายเขมรจึงต้องการคานอำนาจของสุโขทัย จึงได้สนับสนุนให้พระยาฟ้างุ้มซึ่งเสด็จติดตามพระราชบิดาไปประทับที่อาณาจักรเขมรนั้น นำกำลังเข้าแย่งชิงอำนาจจากซึ่งเป็นพระปิตุลา (อา) ผู้ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระยาสุวรรณคำผง พระยาฟ้างุ้มสามารถเอาชนะพระยาฟ้าคำเฮียวได้ จึงเสด็จขึ้นครองราชย์และสถาปนาอาณาจักรล้านช้างขึ้นอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้เจ้าฟ้างุ้มยังได้ขยายอิทธิพลไปยังดินแดนต่างๆ อาทิ ล้านนา ตีได้เมืองเชียงแสนและเชียงใหม่เป็นเมืองส่วยบังคับส่งส่วยทุกปีซึ่งขึ้นตรงต่อเมืองหลวงพระบาง มีการยอมอ่อนน้อมและส่งบรรณาการจากเมืองเชียงรุ่ง,เชียงตุง,แสนหวี,อยุธยา,ไดเวียด เป็นต้น เนื่องด้วยเกรงกลัวอิทธิพลของเจ้ากรุงล้านช้าง กล่าวได้ว่าในยุคพระเจ้าฟ้างุ้มมหาราช ล้านช้างมีแสนยานุภาพแผ่อิทธิพลเหนือแว่นแคว้นอื่นๆได้หลายหัวเมืองใหญ่ๆและเป็นยุคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักร์ล้านช้างอีกด้วย
ในรัชสมัยของพระยาฟ้างุ้ม แม้พระองค์จะได้สร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงและยิ่งใหญ่ให้กับอาณาจักรล้านช้าง ต่อมาในปี พ.ศ. 1899 เกิดปัญหาภายในหลวงพระบางส่งผลทำให้เจ้าฟ้างุ้มถูกเนรเทศออกจากเมืองหลวงพระบางและขุนนางได้อัญเชิญพระยาอุ่นเฮือนพระราชโอรสขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระราชบิดา ส่วนพระยาฟ้างุ้มได้เสด็จมาประทับอยู่ ณ เมืองน่านกระทั่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 1916
ในรัชสมัยของ (พ.ศ. 1899 – 1916) และอีกสองรัชสมัยต่อมา คือในรัชสมัยของพระเจ้าสามแสนไทยไตรภูวนาถ (พ.ศ. 1916 – 1959) และพระยาล้านคำแดง (พ.ศ. 1959 – 1971) เป็นช่วงที่อาณาจักรล้านช้างปลอดจากการรุกรานจากภายนอก เนื่องด้วยการเสื่อมอำนาจลงของอาณาจักรเขมรเป็นสำคัญ อีกทั้งฝ่ายสุโขทัยที่เข้มแข็งขึ้นก็มุ่งอยู่กับการปราบปรามอำนาจของเขมรที่เคยมีเหนือดินแดนตน ทางอาณาจักรจามปาซึ่งเพิ่งพ่ายแพ้ต่อจักรวรรดิมองโกลก็ยังไม่เข้มแข็ง การแข่งขันกันสร้างเสริมความมั่นคงของสุโขทัยและล้านนาอันเป็นอาณาจักรที่ได้รับการสถาปนาขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้อาณาจักรล้านช้างก็ต้องพยายามเสริมสร้างความมั่นคงของตนด้วย โดยได้มีการจัดทำบัญชีไพร่พลและปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ ซึ่งด้วยทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ ก็ทำให้อาณาจักรล้านช้างมีความมั่นคงเป็นอย่างมาก
ความอ่อนแอภายใน
หลังพระยาล้านคำแดงเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 1971 แล้ว อาณาจักรล้านช้างกลับตกอยู่ในสภาพระส่ำระสาย เพราะอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินอย่างแท้จริงได้ตกอยู่ในมือของพระนางมหาเทวีอามพัน (หรือนางแก้วพิมพา) ซึ่งเป็นพระขนิษฐาของพระยาล้านคำแดง พระองค์ได้ทรงใช้อำนาจที่ทรงมีอยู่แต่งตั้งกษัตริย์ขึ้นปกครองราชอาณาจักรตามอำเภอใจ หากไม่พอใจพระเจ้าแผ่นดินองค์ไหนก็ปลดออกจากตำแหน่งหรือลอบปลงพระชนม์เสีย กษัตริย์ล้านช้างในช่วงนี้จึงไม่มีองค์ใดอยู่ในราชสมบัติได้นานนัก ส่วนมากทรงครองราชย์อยู่ได้ไม่ถึงปี สร้างความปั่นป่วนแก่ราชสำนักและยังความเสียหายต่อการบริหารราชการแผ่นดินเป็นอย่างยิ่ง ในปี พ.ศ. 1981 บรรดาขุนนางทั้งหลายจึงปรีกษากันว่าจะเอาพระนางมหาเทวีไว้ไม่ได้จึงพร้อมในกันจับตัวพระนางสำเร็จโทษ แล้วเชิญพระราชโอรสของพระยาล้านคำแดงขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าไชยจักรพรรดิแผ่นแผ้ว อาณาจักรล้านช้างจึงกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง เป็นการยุติความยุ่งเหยิงซึ่งกินเวลานานถึงสิบกว่าปี
พ.ศ. 2023 จักรวรรดิเวียดนามซึ่งเริ่มมีกำลังกล้าแข็งจึงได้ทียกทัพเข้ามารุกรานและสามารถยึดครองเมืองเชียงทองอันเป็นเมืองหลวงไว้ได้ พระเจ้าไชยจักรพรรดิแผ่นแผ้วต้องเสด็จหนีไปประทับอยู่ ณ เมือง แล้วมอบพระราชสมบัติให้กับพระเจ้าสุวรรณบัลลังก์ ซึ่งเป็นพระราชโอรส พระเจ้าสุวรรณบัลลังก์ทรงนำไพร่พลขับไล่ชาวเวียดนามออกไปได้ จากนั้นจึงทรงเวนพระราชสมบัติถวายแก่พระราชบิดา พระเจ้าไชยจักรพรรดิแผ่นแผ้วจึงเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นครั้งที่สอง กระทั่งเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2022 พระเจ้าสุวรรณบัลลังก์จึงได้เสด็จขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระราชบิดาอีกครั้ง จวบจนเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2029 พระอนุชาได้เสด็จขึ้นครองราชย์และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2039 โดยได้มอบพระราชสมบัติให้แก่เจ้าชมพูพระราชโอรส แต่เจ้าชมพูครองราชย์อยู่ได้ห้าปีก็ถูกบรรดาขุนนางร่วมกันก่อกบฏแล้วจับสำเร็จโทษเสีย จากนั้นก็อัญเชิญพระเจ้าวิชุลราช พระราชโอรสของพระเจ้าไชยจักรพรรดิแผ่นแผ้ว เสด็จขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2044 พระองค์โดยโปรดให้สร้างวัดวิชุลราชแล้วอัญเชิญพระบางมาประดิษฐาน ดังนั้นเมืองเชียงทองจึงถูกเรียกว่าหลวงพระบางนับแต่นั้นมา
สายสัมพันธ์ระหว่างล้านช้างกับล้านนา
ในรัชสมัยของพระเจ้าโพธิสารราช (พ.ศ. 2063 - พ.ศ. 2090) พระโพธิสารราชเจ้าขึ้นครองราชย์และรวบรวมแผ่นดินให้เกิดความเป็นปึกแผ่นประกาศยกเลิกไม่ให้ประชาชนนับถือผีสางให้มายึดมั่นในพระพุทธศาสนา ทรงสร้างวัดวาอารามต่างๆ มากมาย ให้การช่วยเหลือเวียดนามและเจริญสัมพันธไมตรีกับล้านนา (เชียงใหม่) ต่อมาเมื่อถึงปี พ.ศ. 2091 พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระโพธิสารราชเจ้าซึ่งประสูติกับพระมเหสีที่มีพระนามว่า “พระนางยอดคำทิพย์” (หรือเจ้านางหลวงคำผาย:พระธิดาในกษัตริย์ล้านนา) ได้ทรงขึ้นครองราชย์ทรงมีพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ในรัชสมัยของพระองค์เกิดศึกพม่ายกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่ พระองค์ทรงเล็งเห็นว่า กรุงสีสัตนาคนหุตล้านช้างร่มขาวหลวงพระบาง แห่งนี้ชัยภูมิไม่เหมาะสมที่จะตั้งเป็นเมืองหลวงอีกต่อไปเพราะอยู่ใกล้กับศัตรู เมื่อพวกพม่าตีเมืองเชียงใหม่ได้แล้วต่อไปภายภาคหน้าก็อาจยกทัพมารุกรานลาวล้านช้างก็เป็นได้ พระองค์จึงทรงย้ายเมืองหลวงจาก หลวงพระบาง มาสร้างเมืองนครเวียงจันทน์ และสถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่โดยพระราชทานนามว่า กรุงศรีสัตตนาคะนะหุตล้านช้างร่มขาวเวียงจันทน์ นับได้ว่าเป็นรัชสมัยแห่งความรุ่งเรืองในด้านศิลปะและวรรณกรรมต่าง ๆ ในด้านพระพุทธศาสนา พระองค์ก็ได้ทรงประกาศห้ามให้มีการบูชาผีต่างๆ และทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วยความเลื่อมใสอย่างยิ่ง โดยมีการรับอิทธิพลด้านพุทธศาสนามาจากอาณาจักรล้านนาซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับล้านช้างในเวลานั้นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการใช้อักษรธรรมล้านนาเป็นเครื่องมือศึกษาพระพุทธศาสนา (อักษรดังกล่าวนี้ได้พัฒนาเป็นอักษรธรรมล้านช้างในเวลาต่อมา)
การที่ล้านช้างมีความสัมพันธ์กับล้านนาอย่างใกล้ชิดก็ด้วยเหตุผลด้านการเมืองเป็นหลัก กล่าวคือ ในขณะนั้นอาณาจักรล้านนาได้อ่อนแอลงจากการทำสงครามกับอาณาจักรอยุธยาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ภัยธรรมชาติ และความล้มเหลวในการรุกรานเมืองเชียงตุง เปิดช่องให้อาณาจักรข้างเคียงอย่างล้านช้าง ตองอู และอยุธยาสร้างอิทธิพลแทรกแซงภายในอาณาจักร โดยล้านช้างได้เข้าเกี่ยวดองกับล้านนาผ่านการเสกสมรสของเจ้านายในเครือญาติของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้พระเจ้ากรุงล้านช้างได้เข้าไปมีอิทธิพลเหนือหัวเมืองล้านนาทุกหัวเมืองซึ่งเจ้าเมืองแต่ละหัวเมืองได้ยอมอ่อนน้อมและอยู่ภายใต้อำนาจ จึงกล่าวได้ว่า ล้านนาเป็นรัฐในอารักขาของล้านช้างในยุคพระเจ้าโพธิสารราช
ต่อมาเมื่อพระเมืองเกษเกล้าแห่งล้านนาเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2088 อาณาจักรล้านนาก็เกิดความวุ่นวายจากการสรรหาผู้เหมาะสมที่จะเสด็จขึ้นครองราชย์ เหล่าขุนนางแห่งล้านนาจึงได้อัญเชิญพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช พระราชโอรสของพระเจ้าโพธิสารและเจ้าหญิงเชื้อสายล้านนา ให้เสวยราชสมบัติปกครองอาณาจักรล้านนาในปี พ.ศ. 2089 เพื่ออาศัยอิทธิพลของอาณาจักรล้านช้างคานอำนาจกับอาณาจักรตองอูที่นับวันจะกล้าแข็งขึ้นเรื่อย ๆ จึงกล่าวได้ว่าล้านช้างเข้ามามีอิทธิพลต่อล้านนาเป็นอย่างมากในยุคนี้ ซึ่งพระเจ้าโพธิศาลราชเป็นจักรพรรดิที่อยู่เบื้องหลังของการรวมล้านนาเข้าไว้กับล้านช้างโดยให้บุตรชายได้ปกครองเมืองเชียงใหม่ส่วนตนครองเมืองหลวงพระบางต่อไป ซึ่งเมืองหลวงพระบางในช่วงนี้มีอำนาจเหนือแคว้นล้านนาทุกหัวเมือง
ต่อมาในปี พ.ศ. 2091 พระเจ้าโพธิสารราชทรงตกช้างระหว่างเสด็จประพาสคล้องช้างป่าและเสด็จสวรรคต เจ้าศรีวรวงษาราชกุมาร (เจ้ามหาอุปราชศรีวรวงษา) และ (เจ้าท่าเรือ) ผู้เป็นพระราชโอรสองค์รองต่างพยายามจะขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ ขุนนางล้านช้างจึงเชิญพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเสด็จกลับมานครหลวงพระบางเพื่อรับเถลิงถวัลยราชสมบัติระงับเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น โดยพระองค์ยังได้เชิญพระแก้วมรกตและพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของล้านนามาสถิต ณ นครหลวงพระบางด้วย ขุนนางแห่งล้านนาจึงถวายราชสมบัติกษัตริย์ล้านนาให้แก่พระเมกุฏิ เจ้านายล้านนาเชื้อสายราชวงศ์มังรายจากเมืองนายขึ้นปกครองแทน
ความรุ่งเรืองและภัยคุกคามจากอาณาจักรตองอู
รัชกาลพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชมหาราช นับได้ว่าเป็นสมัยหนึ่งของประวัติศาสตร์ลาวที่มีความรุ่งเรืองมากท่ามกลางวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นรอบด้าน ชาวลาวล้วนนับถือพระองค์ว่าทรงเป็นมหาราชและทรงเป็นวีรกษัตริย์พระองค์สำคัญในประวัติศาสตร์ลาว พระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ที่สำคัญไว้หลายประการ โดยเฉพาะด้านพระพุทธศาสนาซึ่งได้รับการทำนุบำรุงอย่างกว้างขวาง โปรดให้มีการสร้างและบูรณะปูชนียสถานในพระพุทธศาสนาหลายแห่ง เช่น ทรงสร้างหอพระแก้วเพื่อประดิษฐานพระแก้วมรกตอันได้ทรงอัญเชิญมาจากอาณาจักรล้านนา และทรงสร้างพระเจดีย์โลกจุฬามณี (พระธาตุหลวง) ที่นครเวียงจันทน์ ทรงสถาปนาพระธาตุศรีสองรักร่วมกับอาณาจักรอยุธยาที่เมืองด่านซ้าย ทรงปฏิสังขรณ์พระธาตุพนมที่เมืองนคร (นครพนม) เป็นต้น
ในระยะเวลานี้เองที่อาณาจักรตองอูในรัชสมัยพระเจ้าบุเรงนองมีกำลังที่เข้มแข็งและทรงอิทธิพลอย่างมาก และพยายามจะขยายอาณาจักรมาทางทิศตะวันออก พระองค์จึงโปรดให้มีการย้ายราชธานีจากหลวงพระบางมาอยู่ที่นครเวียงจันทน์เพื่อหลีกเลี่ยงอำนาจอาณาจักรตองอูในปี พ.ศ. 2103 และพระราชทานนามราชธานีแห่งใหม่นี้ว่า "พระนครจันทบุรีศรีสัตนาคนหุตอุตตมราชธานี" ทั้งยังทรงสร้างสัมพันธไมตรีกับสมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยาเพื่อเป็นกำลังในการต่อต้านพม่าซึ่งเป็นศัตรูร่วมกัน
ในปี พ.ศ. 2107 ทัพพม่าได้ติดตามจับกุมขุนนางล้านนาเชียงใหม่มาถึงเวียงจันทน์ และสามารถตีกรุงเวียงจันทน์ได้ในขณะที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชไม่ได้ประทับอยู่ในพระนคร พร้อมทั้งกวาดต้อนชาวเมืองและเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงกลับไปยังพม่าเป็นจำนวนมาก รวมถึงเจ้ามหาอุปราชศรีวรวงษา พระราชอนุชาของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช แล้วจึงถอยทัพกลับไป พระองค์ทรงคุมแค้นอยู่มาก เมื่อฝ่ายอยุธยาขอความช่วยเหลือให้ช่วยรบพม่าในช่วงปี พ.ศ. 2110 – 2112 พระองค์จึงทรงส่งกองทัพไปช่วยเหลืออยุธยาแต่ไม่สำเร็จเนื่องจากถูกฝ่ายพม่าและพระมหาธรรมราชาเมืองพิษณุโลกซ้อนกลจนแตกพ่าย หลังอาณาจักรตองอูพิชิตกรุงศรีอยุธยาได้แล้วพระเจ้าบุเรงนองจึงทรงส่งกองทัพมาปราบปรามล้านช้างแต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากพระเจ้าไชยเชษฐาได้ทรงนำกองทัพและชาวเมืองหลบภัยในป่าและคอยลอบโจมตีกองทัพพม่าอยู่เนือง ๆ จนกองทัพพม่าต้องถอนกำลังกลับไป
ลุถึงปี พ.ศ. 2114 พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้เสด็จออกปราบกบฏ ณ เมืองรามรักโองการ (เชื่อกันว่าอยู่ในพื้นที่แขวงอัตตะปือในปัจจุบัน) แล้วสูญหายไปในศึกนั้น ในเวลานั้นพระองค์มีพระราชโอรสพระองค์เดียวคือพระหน่อแก้วกุมาร ซึ่งประสูติจากบาทบริจาริกาผู้เป็นธิดาของพระยาแสนสุรินทร์ลือชัย และเพิ่งประสูติได้ไม่นาน
ความวุ่นวายในการสืบราชสมบัติ
หลังการหายสาบสูญพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ในกรุงเวียงจันทน์ก็เกิดสงครามกลางเมืองจากการแก่งแย่งตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระหน่อแก้วกุมารระหว่างเสนาบดีผู้ใหญ่ 2 คน คือ พระยาแสนสุรินทร์ลือชัย อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายผู้มีสถานะเป็นพระอัยกาของพระราชกุมาร กับพระยาจันทสีหราช อัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา ที่สุดแล้วพระยาแสนสุรินทร์ลือชัยเป็นฝ่ายชนะ จึงสถาปนาตนเองเป็นพระสุมังคละอัยโกโพธิสัตว์ราชา เป็นผู้ว่าราชการแผ่นดินแทนพระหน่อแก้วกุมารผู้ทรงพระเยาว์ คนทั่วไปเรียกว่า “พระเจ้าปู่หลาน”
พ.ศ. 2118 ฝ่ายพม่าได้ยกทัพมาตีเมืองเวียงจันทน์ได้ จึงคุมตัวพระยาแสนสุรินทร์ลือชัยกลับหงสาวดี แล้วแต่งตั้งให้เจ้ามหาอุปราชศรีวรวงษา พระอนุชาของสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชซึ่งถูกคุมตัวไปหงสาวดีตั้งแต่ครั้งที่พม่าตีเมืองเวียงจันทน์ครั้งแรก ขึ้นปกครองเมือง พระนามว่า พระเจ้าศรีวรวงษาธิราช
พ.ศ. 2123 ได้เกิดกบฏขึ้นที่เมืองเวียงจันทน์ พระเจ้าศรีวรวงษาธิราชสู้ไม่ได้จึงเสด็จหนีแต่ได้สิ้นพระชนม์ระหว่างการเดินทาง เมื่อพม่าได้ยกทัพมาปราบกบฏได้ จึงแต่งตั้งให้พระยาแสนสุรินทร์ลือชัยขึ้นปกครองเมืองอีกครั้ง กระทั่งถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2125 จากนั้น พระยานครน้อย บุตรของพระยาแสนสุรินทร์ลือชัยได้ขึ้นปกครองเมืองสืบต่อจากบิดา แต่ไม่ได้รับความนิยมจากชาวเมืองจึงถูกขุนนางร่วมกันปลดออกจากราชสมบัติ นับแต่นั้นเมืองเวียงจันทน์ก็อยู่ในสภาพไร้ผู้ปกครองถึงแปดปี ขุนนางทั้งหลายจึงได้แต่งตั้งให้คณะสงฆ์เดินทางไปเข้าเฝ้าพระเจ้าบุเรงนองเพื่อทูลขอตัวพระหน่อแก้วกุมารมาครองเมือง พระหน่อแก้วจึงได้ขึ้นครองเมืองเวียงจันทน์อีกครั้งในปีพ.ศ. 2134
พ.ศ. 2139 พระหน่อแก้วกุมารสวรรคต ทำให้ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของพระหน่อแก้วกุมาร ได้รับการอัญเชิญให้ปกครองเมืองเวียงจันทน์
พ.ศ. 2164 พระวรวงศาธรรมิกราชเกิดข้อขัดแย้งกับพระอุปยุวราช พระราชโอรส จนถึงขั้นเข้าต่อสู้กัน พระวรวงศาธรรมิกราชเสด็จสวรรคตในการต่อสู้ พระอุปยุวราชจึงเสด็จขึ้นครองราชย์ แต่ทรงครองราชย์ได้เพียงปีกว่าก็เสด็จสวรรคต ประชาชนก็ได้ร่วมกันอัญเชิญอันเป็นขุนนางผู้ใหญ่ดำรงตำแหน่งพระยานครขึ้นเป็นกษัตริย์ มีพระนามว่า ทรงครองราชย์ได้สี่ปีก็เสด็จสวรรคต ประชาชนจึงร่วมกันอัญเชิญพระหม่อมแก้ว พระโอรสในพระวรวงศาธรรมิกราช เสด็จขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2170 เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต พระยาอุปยุวราช พระราชโอรสได้เสด็จขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระราชบิดา เมื่อพระอุปยุวราชเสด็จสวรรคต พระโอรสทั้งสองพระองค์ คือ และ ได้ร่วมกันปกครองบ้านเมือง กระทั่งท้าววิชัยเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2179
ความรุ่งเรืองครั้งสุดท้าย
พระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช (พ.ศ. 2181- พ.ศ. 2238) เป็นยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองอีกยุคหนึ่ง เนื่องด้วยพระองค์มีวิธีการปกครองบ้านเมืองหลักแหลมและเป็นธรรม ทำให้ล้านช้างมีความมั่นคงและสงบร่มเย็นกว่าครึ่งศตวรรษ ทั้งความรุ่งเรื่องทางสถาปัตยกรรม อักษรศาสตร์ ศิลปะแขนงต่างๆ ตลอดจนการค้าขายกับต่างชาติ ในยุคนี้ท่านได้มีการทำศึกสงครามครั้งใหญ่กับอาณาจักร์อยุธยาอยู่หลายครั้ง และสุดท้ายล้านช้างเป็นฝ่ายชนะ ส่งผลให้อยุธยาสูญเสียเสบียงและกำลังพลไปอย่างมหาศาลกับการทำสงครามพ่ายแพ้ต่อล้านช้างซึ่งส่งผลให้อยุธยาบอบช้ำอย่างหนักไม่สามารถขยายอิทธิพลไปยังหัวเมืองอื่นๆได้อีก อีกทั้งยังสูญเสียประเทศราชภายใต้อำนาจบางแห่งอีกด้วย นอกจากนี้ท่านยังนำทัพล้านช้างได้ไปตีเมืองพวนและกวาดต้อนไทพวนเข้ามาไว้ในเวียงจันทน์เป็นจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
พระองค์ทรงเป็นผู้ที่มีความยุติธรรม จากรณีที่พระราชโอรสของพระองค์ได้กระทำความผิดลักลอบเป็นชู้กับภริยาของขุนนางผู้หนึ่ง พระองค์ก็ลงโทษตามอาญาถึงขั้นประหารชีวิตโดยมิได้ใส่ใจว่าเป็นพระโอรส ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงอยู่ในสภาพที่ไร้รัชทายาท และเมื่อพระองค์สวรรคตโดยไร้รัชทายาท ประชาชนจึงได้อัญเชิญซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่ก็ครองราชย์อยู่ได้หกปี เจ้านันทราชแห่งมรุกขนคร ก็ยกทัพเข้ามาชิงเมืองเวียงจันทน์ไว้ได้ เจ้านันทราชจึงได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้างใน พ.ศ. 2238
ยุคแห่งความแตกแยก
กำเนิดล้านช้างสามอาณาจักร
เมื่อสิ้นรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ราชอาณาจักรล้านช้างเกิดภาวะระส่ำระสายอย่างหนัก จากการแก่งแย่งอำนาจของบรรดาเชื้อพระวงศ์ จนทำให้ราชอาณาจักรแตกแยกออกเป็น 3 ราชอาณาจักรเอกราช ได้แก่
อาณาจักรนี้คืออาณาจักรที่สืบทอดจากอาณาจักรล้านช้างศรีสัตนาคนหุตเดิม มีอาณาปกครองดินแดนลาวภาคกลางในปัจจุบัน มีพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 เป็นปฐมกษัตริย์ พระไชยเชษฐาองค์นี้ทรงเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ลี้ภัยการเมืองไปอยู่ที่จักรวรรดิเวียดนาม ซึ่งมีราชธานีในขณะนั้นอยู่ที่เมืองเว้ คนทั้งหลายจึงขนานพระนามอีกอย่างว่าพระไชยองค์เว้หรือพระไชยองค์เวียด พระองค์ได้นำกำลังจากเวียดนามเข้ายึดกรุงเวียงจันทน์จับเจ้านันทราชสำเร็จโทษ แล้วราชาภิเษกพระองค์เองเป็นกษัตริย์ในปี พ.ศ. 2241 จากนั้นจึงทรงตั้งท้าวลองเป็นเจ้าอุปราชครองเมืองหลวงพระบางแต่ไม่ได้รับการยอมรับจากชาวลาวทั้งมวล เพราะพระองค์มีความใกล้ชิดกับจักรวรรดิเวียดนาม
ในปี พ.ศ. 2250 เจ้ากิ่งกิสราชกับเจ้าองค์คำ พระราชนัดดาของพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ที่หนีไปประทับที่ (อยู่ในแขวงไชยบุรีในปัจจุบัน) ได้ยกทัพเข้ามาชิงเมืองหลวงพระบาง จับสำเร็จโทษ และเตรียมจะยกทัพเข้าตีกรุงเวียงจันทน์ พระไชยองค์เว้จึงมีพระราชสาส์นไปยังสมเด็จพระเพทราชาแห่งกรุงศรีอยุธยาเพื่อขอความช่วยเหลือ ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาจึงไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายให้ยุติการรบและปกปันเขตแดนต่อกัน ทำให้หลวงพระบางกลายเป็นอาณาจักรเอกราชไม่ขึ้นกับเวียงจันทน์มานับแต่นั้น ในยุคนี้จึงนับได้ว่าเป็นยุคที่ลาวแตกแยกเป็น 2 อาณาจักร คือ อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์และอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง ซึ่งเวียงจันทน์ก็เองไม่ไว้ใจและหาทางทำลายฝ่ายหลวงพระบางอยู่ตลอด
อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบางถือกำเนิดจากความแตกแยกระหว่างเวียงจันทน์และหลวงพระบางในปี พ.ศ. 2250 ดังได้กล่าวมาแล้ว มีอาณาปกครองดินแดนลาวภาคเหนือในปัจจุบัน มีเป็นปฐมกษัตริย์ (พ.ศ. 2249 - 2256) และมีเชื้อสายกษัตริย์สืบราชสมบัติต่อมาจนกระทั่งประเทศลาวเป็นเอกราชจากฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2492 และเป็นกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรลาวต่อมาจนถึงปี พ.ศ. 2518 ในยุคแรกอาณาจักรนี้เกิดการแย่งชิงอำนาจภายในของตนเองเป็นระยะ และมีการจะขอกำลังจากรัฐที่ใหญ่กว่าอย่างพม่ามาช่วยเหลือเสมอ แน่นอนว่าฝ่ายหลวงพระบางก็ไม่ไว้ใจและหาทางทำลายฝ่ายเวียงจันทน์เช่นกัน
อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์มีกำเนิดมาจากการอพยพหลบภัยการเมืองของเจ้านางสุมังคละและประชาชนส่วนหนึ่งภายใต้การนำของเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็ก พระเถระผู้ใหญ่ในรัชสมัยพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช มูลเหตุมาจากผู้เป็นเสนาบดีได้ชิงราชสมบัติขึ้นครองอาณาจักรหลังพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราชเสด็จสวรรคต และคิดจะเอาเจ้านางสุมังคละ พระราชนัดดาของพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช (ซึ่งทรงเป็นหม้ายและกำลังทรงครรภ์) เป็นมเหสี แต่นางไม่ยอม จึงหนีไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็ก เจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็กจึงพาญาติโยมของตนประมาณ 3,000 คนและเจ้านางสุมังคละหนีออกจากเวียงจันทน์ทางใต้ไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านงิ้วพันลำโสมสนุก ณ ที่นั้นเจ้านางสุมังคละได้ประสูติพระโอรสนามว่า เจ้าหน่อกษัตริย์
ต่อมานางแพงเจ้าเมืองจำปาศักดิ์ชาวพื้นเมืองได้อาราธนาเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็กมาปกครองบ้านเมือง เจ้าราชครูหลวงปกครองบ้านเมืองได้ระยะหนึ่งก็เกิดปัญหาการปกครองในบางประการซึ่งเอาหลักทางธรรมมาตัดสินและยุติปัญหาไม่ได้ ท่านจึงให้คนไปเชิญเจ้าหน่อกษัตริย์ซึ่งเจริญพระชนม์มากพอที่จะปกครองบ้านเมืองได้แล้ว มาทำพิธีราชาภิเษกเป็นกษัตริย์ปกครองนครจำปาศักดิ์ในปี พ.ศ. 2257 ทรงพระนามว่า พระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร อาณาจักรล้านช้างแห่งที่ 3 คือ อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ จึงถือกำเนิดขึ้นในปีนี้ พระองค์ได้ประกาศอาณาเขตแยกออกจากเวียงจันทน์ ปกครองดินแดนลาวภาคใต้ตั้งแต่เขตเมืองนครพนม เมืองคำม่วน ลงไปจนถึงเมืองเชียงแตง เมืองมโนไพรต่อแดนเขมร ส่วนทางด้านตะวันตกอาณาเขตไปไกลจนถึงเมืองท่งหรือเมืองสุวรรณภูมิ เชื้อสายของกษัตริย์แห่งอาณาจักรนี้ได้ปกครองจำปาศักดิ์ต่อมาทั้งในฐานะกษัตริย์ เจ้าผู้ครองนคร และผู้ว่าราชการเมือง จนกระทั่งแผ่นดินลาวรวมเป็นหนึ่งในปี พ.ศ. 2489 แต่ยังคงมีบทบาททางการเมืองในลาวยุคพระราชอาณาจักรมาตลอดจนถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2518
การสูญเสียเอกราชแก่สยาม
เมื่ออาณาจักรล้านช้างแตกเป็น 3 อาณาจักร แต่ละอาณาจักรต่างตั้งตนเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกันและไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะกับหลวงพระบางและเวียงจันทน์แล้ว ทั้งสองอาณาจักรนี้ล้วนถือว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูเลยทีเดียว ต่างก็จ้องหาทางทำลายล้างต่อกันด้วยการอาศัยกำลังทหารพม่าที่มีอำนาจในล้านนาอยู่ตลอด
มูลเหตุแรกที่สำคัญหรือจุดเริ่มต้นที่ทำให้สยามหรืออาณาจักรธนบุรีเริ่มหันมาสนใจที่จะขยายอำนาจ อิทธิพล เข้ายึดครองและแทรกเแซงอาณาจักรลาวล้านช้างทั้ง 3 อาณาจักร จุดเริ่มต้นเกิดมาจากความขัดแย้งระหว่างจำปาศักดิ์กับสยามมีมายาวนานตั้งแต่ยุคสมัยอาณาจักรอยุธยา ในปี พ.ศ. 2308 นครจำปาศักดิ์สูญเสียเมืองหน้าด่านสำคัญอย่าง ปัจจุบันคือ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นเมืองของพระญาติวงศ์สำคัญของสมเด็จพระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ พระองค์แรก อย่างเจ้าแก้วมงคล ผู้สืบเชื้อสายแห่งราชวงศ์ล้านช้างเวียงจันทน์ ผู้เป็นปฐม บรรพชนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งของเจ้าเมืองทั่วภาคอีสาน ได้ครองเมืองท่งศรีภูมิตั้งแต่ปีพ.ศ. 2256 เป็นเมืองเจ้าประเทศราชขึ้นกับอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ ต่อมาในปีพ.ศ. 2308 พระนัดดาของเจ้าแก้วมงคล พระนามว่า เจ้าเซียง ได้พยายามแย่งชิงเอาเมืองท่งจากเจ้าอาว์ นามว่า เจ้าสุทนต์มณี (เจ้าเมืองท่งศรีภูมิท่านที่3 และเป็นเจ้าเมืองร้อยเอ็ดท่านแรก) จึงได้นำเครื่องราชบรรณาการไปถวายแด่ สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ แห่งอาณาจักรอยุธยา พระเจ้าแผ่นดินอยุธยาจึงโปรดเกล้าส่งกำลังพลไปช่วยเจ้าเซียง จนสามารถยึดเมืองท่งศรีภูมิจากเจ้าอาว์ได้เป็นผลสำเร็จ จึงส่งผลให้เมืองท่งศรีภูมิถูกตัดขาดจากอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ไปขึ้นกับอาณาจักรอยุธยามานับตั้งแต่บัดนั้น ซึ่งต่อมาเป็นปัจจัยสำคัญต่อความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรกรุงธนบุรีและอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์และเมืองขึ้นของนครจำปาศักดิ์กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรธนบุรีในเวลาต่อมา เนื่องด้วยความขัดแย้งที่มีมาอย่างช้านาน ร่วม 10 กว่าปี จึงก่อให้เกิดสงครามครั้งแรกระหว่างกรุงธนบุรีกับอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ขึ้น การตีเมืองจำปาศักดิ์ในปี พ.ศ. 2319 สาเหตุเนื่องจากพระยานางรอง เกิดขัดใจกับ เจ้าเมืองนครราชสีมา จึงคิดกบฏต่อไทย ไปขอขึ้นกับ เจ้าโอ เมืองจำปาศักดิ์ และเนื่องด้วยทางเมืองจำปาศักดิ์ เคยสูญเสียเมืองหน้าด่านที่สำคัญอย่างเมืองท่งศรีภูมิให้แก่อยุธยา ไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน และมีความไม่พอใจหรือคับแค้นใจเป็นทุนเดิมที่ทางอาณาจักรอยุธยาหรือสยามมีการแทรกแซงอำนาจแย่งเมืองท่งให้ไปขึ้นกับอาณาจักรของตน ทำให้อำนาจของอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์มีความอ่อนแอลงไปอย่างมาก เพื่อต้องการฟื้นฟูอำนาจที่เสียไปและต้องการเมืองขึ้นใหม่เพื่อทดแทนเมืองหน้าด่านที่เคยเป็นป้อมปราการสำคัญที่ใช้ยันกับอาณาจักรอยุธยาและล้านช้างเวียงจันทน์ เมื่อครั้งในอดีต ทางเมืองจำปาศักดิ์จึงให้การยอมรับและให้การสนับสนุนช่วยเหลือพระยานางรองอย่างเต็มที่ สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ เจ้าพระยาจักรีไปปราบ เจ้าเมืองนางรองถูกจับประหารชีวิต ทำให้เมืองจำปาศักดิ์ เมืองอัตตะปือ และ ดินแดนตอนใต้ของประเทศลาวตกลงมาเป็นของไทย แล้วเกลี้ยกล่อมเมืองต่างๆใกล้เคียงให้สวามิภักดิ์ ได้แก่ เขมรป่าดง ตะลุง สุรินทร์ สังขะ และเมืองขุขันธ์ หลังจากจบศึก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงพระกรณาโปรดเกล้าฯให้ เจ้าพระยาจักรี เป็น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก พิลึกมหึมา ทุกนัคราระเดช นเรศวรราชสุริยวงศ์ดำรงตำแหน่งสมุหนายก นับเป็นการพระราชทานยศสูงที่สุดเท่าที่เคยมี และเนื่องด้วยสงครามครั้งนี้เป็นสงครามครั้งแรกที่เกิดขึ้นกันระหว่างอาณาจักรธนบุรีกับอาณาจักร์ของชาวลาวล้านช้าง จึงเป็นสาเหตุที่แท้จริงหรือสาเหตุเริ่มต้นที่ทำให้สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงเริ่มหันเหและให้ความสนใจที่จะขยายอิทธิพลเข้าไปยึดครองอาณาจักรลาวล้านช้างทั้ง3และหัวเมืองขึ้นอื่นๆอีกมากมาย จากกรณีกบฎพระยานางรอง ทำให้มองเห็นว่าอำนาจของกรุงธนบุรียังอ่อนแออยู่มาก ดังนั้นพระเจ้ากรุงธนบุรี จึงส่งพระยาพรหม พระยากรมท่า ได้ขึ้นมาจัดราชการที่เมืองทุ่ง ในปี พ.ศ. 2318 และรวบร่วมกำลังพล เพื่อวางแผนเตรียมขยายอาณาเขตของกรุงธนบุรีเข้าไปในเขตเมืองจำปาศักดิ์และเมืองเวียงจันทน์ คือการตั้งเมืองร้อยเอ็ด มีพระขัติยะวงษา (ท้าวทนต์) เป็นเจ้าเมืองคนแรก ตามคำขอเรียนเมือง ยกบ้านกุ่มฮ้างขึ้นเป็นเมืองร้อยเอ็ด และมีการแบ่งอาณาเขตระหว่างเมืองท่งศรีภูมิกับเมืองร้อยเอ็ดอย่างชัดเจน จากกรณีนี้ทำให้เข้าใจได้ว่า พระเจ้ากรุงธนบุรีกำลังใช้เมืองร้อยเอ็ด เมืองท่ง(สุวรรณภูมิ) เป็นหมากสำคัญในการเดินเกมส์ทางการเมือง และใช้กรณีพิพาทกันระหว่างพระวอพระตากับเจ้าสิริบุญสารเป็นปัจจัยเสริมเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการขยายอิทธิพลเข้าไปยึดครองอาณาจักรล้านช้างทั้ง 3 ได้แก่ อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ อาณาจักรหลวงพระบาง
มูลเหตุต่อเนื่องจากมูลเหตุแรกที่ทำให้อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ ล้านช้างหลวงพระบางเสียเอกราชให้แก่สยามมาจากความขัดแย้งภายในของอาณาจักรล้านช้าง ระหว่างพระเจ้าศิริบุญสารกษัตริย์เวียงจันทน์กับพระวอ พระตา สองขุนนางผู้ใหญ่ ทั้งสองคนนี้เป็นพี่น้องกัน (บางแห่งว่าพระวอเป็นพี่ พระตาเป็นน้อง บางแห่งว่ากลับกัน บางแห่งว่าทั้งสองคนเป็นคนเดียวกันก็มี) มีเชื้อสายเจ้าอุปราชนอง นัดดาแสนทิพย์นาบัว ซึ่งได้รับความการแต่งตั้งจากกษัตริย์เวียงจันทน์ให้ตั้งถิ่นฐานที่เมืองหนองบัวลุ่มภูซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านขึ้นกับนครหลวงเวียงจันทน์ ทั้งสองเคยได้ช่วยเหลือให้พระเจ้าศิริบุญสารได้เสวยราชสมบัติในเวียงจันทน์มาก่อน ต่อมาในปี พ.ศ. 2313 พระตาทวงบุญคุณที่เคยช่วยพระเจ้าศิริบุญสารได้ดำรงตำแหน่งกษัตริย์นครเวียงจันทน์ โดยการขอให้ทรงยกตำแหน่งเจ้าอุปราชให้แก่ตน แต่พระเจ้าศิริบุญสารทรงปฏิเสธที่จะยกตำแหน่งเจ้าอุปราชให้พระตา พระวอพระตา ไม่พอใจพระเจ้าศิริบุญสารเป็นอย่างมาก จึงกลับมาตั้งมั่น แข็งเมืองหรือขบถต่อนครหลวงเวียงจันทน์ และพร้อมเตรียมสู้รบอยู่ที่เมืองหนองบัวลุ่มภู (สาเหตุที่ขัดแย้งกันยังมีต่างออกไปอีกตามหลักฐานแต่ละแห่ง)
พระเจ้าศิริบุญสารทรงส่งกองทัพมาปราบถึงสามครั้ง กองทัพฝ่ายพระวอพระตาก็ชนะทุกครั้ง แต่เมื่อรบนานไปฝ่ายหนองบัวลุ่มภูเห็นว่าจะแพ้เพราะกำลังรบลดลงแน่นอนจึงได้ขอความช่วยเหลือจากกองทัพพม่า ทว่ากองทัพพม่ากลับให้ความช่วยเหลือแก่ฝ่ายเวียงจันทน์เพราะฝ่ายเวียงจันทน์ส่งคนไปขอความช่วยเหลือตัดหน้าฝ่ายหนองบัวลุ่มภู ในการรบครั้งต่อมาฝ่ายหนองบัวลุ่มภูจึงแพ้ พระตาตายในที่รบ พระวอจึงนำไพร่พลและเชื้อสายที่รอดตายหนีไปพึ่งแห่งอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ โดยไปตั้งมั่นอยู่ที่บ้านเวียงดอนกองขึ้นกับอาณาจักร์ล้านช้างจำปาศักดิ์ ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีของไทยในปัจจุบัน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2319 พระวอเกิดความขัดแย้งกับพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมารจากเรื่องการสร้างกำแพงเมืองกับการสร้างหอคำ (เรือนหลวง) และความหวาดระแวงของพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมาร เนื่องด้วยสาเหตุ คือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2308 เป็นต้นมา เมืองทุ่ง(สุวรรณภูมิ) ขาดจากอำนาจของเมืองจำปาศักดิ์ ขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยา และเมืองทุ่งร่วมมือกับกรุงศรีอยุธยาเเละกรุงธนบุรีให้เขตปลอดภัยกับกลุ่มพระวอที่แตกทัพมา ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่ากรุงธนบุรีจะขยายอำนาจมาถึงเมืองจำปาศักดิ์ โดยใช้เมืองทุ่งและกลุ่มพระวอเป็นเครื่องมือทางการเมือง พระวอจึงได้พาไพร่พลมาตั้งมั่นที่บ้านดอนมดแดงและทำหนังสือขอเป็นขอบขัณฑสีมาของกรุงสยามในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งพระองค์ก็ได้รับไว้ ฝ่ายเวียงจันทน์เห็นว่าถ้าส่งกำลังไปปราบพระวอแล้วฝ่ายจำปาศักดิ์จะไม่ให้ความช่วยเหลือพระวอที่ขึ้นอยู่ภายใต้อาณัติของกษัตริย์นครจำปาศักดิ์ อย่างแน่นอนจึงทรงส่งกองทัพมาจับเจ้าพระวอฆ่าที่บ้านดอนมดแดงเสีย ท้าวคำผง ท้าวทิดพรหม และท้าวก่ำ บุตรหลานของพระวอและพระตาซึ่งตีฝ่าวงล้อมออกมาได้จึงแจ้งเรื่องกราบทูลไปยังกรุงธนบุรีผ่านทางเมืองนครราชสีมา
สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงพระพิโรธมากที่ฝ่ายเวียงจันทน์ส่งกองทัพมาฆ่าผู้ที่อยู่ในขอบขัณฑสีมา เมืองขึ้นของพระองค์ กอปรกับพระองค์เองก็ไม่ทรงไว้ใจฝ่ายเวียงจันทน์ที่มีท่าทีฝักใฝ่อาณาจักรพม่าซึ่งยังคงคุกคามฝ่ายสยามอยู่ตลอด ในปี พ.ศ. 2321 พระองค์จึงทรงส่งกองทัพภายใต้การนำของสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกและเจ้าพระยาสุรสีห์ขึ้นไปตีอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ โดยไล่ตีมาทางใต้ผ่านทางอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ก่อน ฝ่ายจำปาศักดิ์เห็นว่าจะสู้กองทัพไทยไม่ได้จึงยอมอ่อนน้อมโดยดี จากนั้นจึงยกทัพขึ้นเหนือตีหัวเมืองหน้าด่านของเวียงจันทน์เรื่อยมา จนสามารถหักเอาเมืองเวียงจันทน์ได้สำเร็จ ฝ่ายสยามจึงกวาดต้อนทรัพย์สิน ผู้คน ขุนนาง เชื้อพระวงศ์ และกุมตัวพระเจ้าศิริบุญสารลงมายังกรุงธนบุรี ด้านอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบางซึ่งเป็นอริกับเวียงจันทน์มาตลอดก็ได้ให้ความช่วยเหลือฝ่ายสยามในสงครามครั้งนี้อย่างเต็มที่ แต่พอสิ้นศึกก็ถูกฝ่ายสยามบังคับให้ยอมอ่อนน้อมเป็นเมืองขึ้นด้วยเช่นกัน อาณาจักรล้านช้างทั้งสามแห่งจึงตกเป็นประเทศราชของสยามทั้งหมดในปี พ.ศ. 2321 นี้เอง แม้ต่อมาภายในสยามก็เกิดการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์สู่ราชวงศ์จักรีและย้ายราชธานีมายังกรุงรัตนโกสินทร์ในปี พ.ศ. 2325 ก็ตาม แต่ภาวะความเป็นประเทศราชของทั้งสามอาณาจักรก็มิได้เปลี่ยนแปลง
การปกครองของสยาม
ภายหลังที่สูญเสียเอกราชให้แก่อาณาจักรสยาม พระเจ้าแผ่นดินสยามจึงให้โอรสของพระเจ้าศิริบุญสาร เสด็จขึ้นครองราชย์แทน แล้วแต่งตั้งเป็นอุปราช ส่วนเจ้าอนุวงศ์และเจ้าพรหมวงศ์ให้ลงไปเป็นตัวประกันที่กรุงธนบุรี แต่ต่อมาก็เกิดข้อพิพาทฟ้องร้องกันกับเจ้าอนุรุทธแห่งนครหลวงพระบางหลายครั้ง จนครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2336 เจ้านันทเสนถูกกล่าวหาว่าสมคบกับเจ้าเมืองนครพนมและเวียดนามจะก่อการกบฏ จึงถูกเรียกตัวลงไปสอบสวนที่กรุงเทพฯ พระองค์ต่อสู้คดีอยู่ 2 ปี ก็เสด็จสวรรคต
พระอนุชาของเจ้านันทเสนได้ครองราชย์สืบต่อ และครองเมืองมาถึงปี พ.ศ. 2346 ก็ถึงแก่พิราลัย ทำให้เจ้าอนุวงศ์ พระราชโอรสองค์ที่ 3 ของพระเจ้าศิริบุญสารได้ขึ้นครองราชสมบัติในนครเวียงจันทน์ พระองค์เป็นผู้มีความสามารถในหลายด้าน โดยได้เคยยกทัพไปช่วยฝ่ายสยามรบกับพม่าจนได้รับชัยชนะหลายครั้ง ตลอดจนได้ทรงจัดแจงสร้างบ้านแปลงเมืองให้เจริญรุ่งเรืองในหลายด้าน ทั้งในทางพระพุทธศานาและทางทหาร ทั้งได้ยึดครองจำปาศักดิ์จากความดีความชอบที่ ผู้เป็นโอรสทำการปราบกบฏอ้ายสา
เมื่อมีอำนาจเข้มแข็งขึ้นแล้วเจ้าอนุวงศ์จึงทรงมีความต้องการที่จะขยายอำนาจออกไปอีก โดยมุ่งหมายจะยึดครองดินแดนสยาม ในครั้งนั้นทรงมีดำริว่าจะยกทัพไปยึดกรุงเทพฯเสีย เพื่อให้คนสยามมาอยู่ในอำนาจ แต่เมื่อได้รับการทัดทานจากขุนนางว่าสยามเป็นประเทศใหญ่ ไม่สามารถปกครองได้ทั่วถึง เจ้าอนุวงศ์จึงว่าถ้าหากปกครองคนสยามได้ไม่หมดก็จะ "ทำลายกรุงเทพฯให้สิ้นซาก" กวาดทรัพย์สินและผู้คนมาเวียงจัน เพื่อไม่ให้คนสยามมีกำลังตั้งตนได้อีก เจ้าอนุวงศ์ได้บุกเข้าตีถึงจังหวัดนครราชสีมา แต่เสียทีให้กับ ท้าวสุรนารี ประกอบกับอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบางยังคงจงรักภักดีต่อกรุงเทพฯ จึงส่งกำลังมาช่วยทัพสยามตีทัพเจ้าอนุวงศ์จนพ่ายแพ้ เจ้าอนุวงศ์ถูกจับตัวส่งลงไปที่กรุงเทพฯ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และเสด็จสวรรคตในพ.ศ. 2371
เมื่อกองทัพอาณาจักรสยามตีนครเวียงจันทน์ครั้งที่ 2 ในรัชกาลของเจ้าอนุวงศ์นี้ ฝ่ายสยาม (รัชกาลที่ 3) ได้สั่งให้ "ทำลายนครเวียงจันทน์ให้สิ้นซาก" และกวาดต้อนทรัพย์สินและผู้คนมากรุงเทพฯ อีกทั้งให้ล้มเลิกอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์เสีย มิให้มีเมืองและเจ้าครองนครอีกต่อไป นครเวียงจันทน์ที่จึงถูกทำลายกลายเป็นเมืองร้าง ในปี พ.ศ. 2371
เมื่อสูญเสียเอกราชใน พ.ศ. 2321 ในสมัยเจ้าสุริยวงศ์ พระองค์จึงถูกคุมตัวลงไปที่กรุงธนบุรี ภายหลังจึงถูกส่งคืนมาเป็นเจ้านครหลวงพระบาง และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2334 บรรดาเสนาอำมาตย์จึงทูลเชิญเจ้าอนุรุทธ พระอนุชาของเจ้าสุริยวงศ์ขึ้นครองราชย์ เมื่อแห่งเวียงจันทน์ยกทัพมาตีหลวงพระบางได้ เจ้าอนุรุทธจึงถูกส่งลงไปขังที่กรุงเทพฯอยู่ 4 ปี จึงได้เสด็จกลับมาขึ้นครองราชย์ตามเดิม และเสด็จสวรรคตใน พ.ศ. 2339 เจ้ามันธาตุราช โอรสของเจ้าอนุรุทธะจึงได้ขึ้นครองเมืองแทนใน พ.ศ. 2360 ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จสวรรคต เจ้ามันธาตุราชจึงได้เสด็จลงไปกรุงเทพฯ เพื่ออุปสมบทต่อหน้าพระบรมศพแล้วจึงเสด็จกลับมาครองครองราชย์ตามเดิม โดยในปี พ.ศ. 2370 เกิดเหตุการณ์กบฏเจ้าอนุวงศ์ เจ้ามันธาตุราชจึงได้ส่งกำลังพลไปช่วยกองทัพสยามตีเวียงจันทน์
เมื่อเจ้ามันธาตุราชสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2379 ทางกรุงเทพฯจึงตั้งให้เจ้าสุกเสริม โอรสของเจ้ามันตุราชขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินหลวงพระบางใน พ.ศ. 2381 และสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. 2393 ราชโอรสองค์ที่ 2 ของเจ้ามันธาตุราชได้ครองราชสืบแทนและครองราชย์อยู่ 20 ปี จึงสวรรคตใน พ.ศ. 2414 ทำให้โอรสของเจ้ามันตุราช ได้ครองราชสมบัติสืบต่อ ในรัชสมัยนี้เจ้าอุ่นคำนี้ได้เกิดกบฏฮ่อขึ้นทำให้พระองค์หนีไปอยู่ที่เมืองปากลาย รัฐบาลสยามในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้จึงได้ส่งกองทัพมาปราบ พร้อมทั้งปลดเจ้าอุ่นคำออกจากบัลลังก์ แล้วตั้งโอรสของเจ้าอุ่นคำขึ้นครองราชย์แทน ในพ.ศ. 2432
เจ้าคำสุกได้ ได้ขึ้นครองราชย์จนถึง พ.ศ. 2436 เกิดกรณีพิพาทสยาม-ฝรั่งเศส รัฐบาลสยามได้ยอมยกดินแดนทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงทั้งหมดให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส เจ้าคำสุกจึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินหลวงพระบางภายใต้การอารักขาของฝรั่งเศส จนถึง พ.ศ. 2448 จึงสิ้นพระชนม์
ภายหลังจากที่จำปาศักดิ์แยกเป็นอิสระจากเวียงจันทน์เมื่อ พ.ศ. 2257 โดยมีเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร ผู้เป็นหลานของพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2321 ในสมัยของ นครจำปาศักดิ์ก็ต้องเสียเอกราชให้แก่สยาม ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2334 ได้เกิดกบฏขึ้นในนครจำปาศักดิ์ทำให้เจ้าไชยกุมารต้องเสด็จหนีแล้วไปสวรรคตในป่า แต่ท้าวฝ่ายหน้าแห่งบ้านสิงห์ท่า (เมืองยโสธร) กับ เจ้าเมืองอุบล ผู้เป็นพระเชษฐา ได้ยกกองกำลังไปปราบกบฏและตีเอาเมืองจำปาศักดิ์คืนมาได้ ทำให้ท้าวฝ่ายหน้าได้รับแต่งตั้งจากสยามให้เป็นขุนนาง ตำแหน่งยศพระประเทศราชผู้ครองนครจำปาศักดิ์มีนามว่า พระวิไชยราชขัตติยวงศา
เมื่อพระวิไชยราชขัตติยวงศาถึงแก่กรรมใน พ.ศ. 2350 ฝ่ายอาณาจักรสยามจึงได้แต่งตั้ง โอรสของ ขึ้นเป็นเจ้าเมืองแทน แต่ก็ถึงแก่พิราลัย หลังรับสุพรรณบัตรเจ้าเมืองได้เพียง 3 วัน ฝ่ายสยามจึงได้แต่งตั้งให้เจ้าหมาน้อย โอรสของอุปราชสุริโย เป็นเจ้านครจำปาศักดิ์ ต่อมาเกิดขึ้นในเมือง ทำให้เจ้าหมาน้อยถูกส่งตัวลงไปยังกรุงเทพฯ และได้ถึงแก่กรรมที่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2370 โอรสของเจ้าอนุวงศ์ ที่มีความชอบจากการปราบกบฏอ้ายสา จึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้านครจำปาศักดิ์ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์กบฏเจ้าอนุวงศ์ขึ้น เจ้าราชบุตรโย้จึงถูกจับตัวส่งให้แก่ทางกรุงเทพฯ เจ้าฮุยจึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้านครจำปาศักดิ์ใน พ.ศ. 2371
เมื่อถึงแก่พิราลัยใน พ.ศ. 2384 ผู้เป็นอุปราชจึงได้ครองเมืองสืบแทน จนถึงแก่พิราลัยด้วยอหิวาตกโรคใน พ.ศ. 2396 ทางฝ่ายสยามจึงได้แต่งตั้ง ผู้เป็นโอรสของเจ้าฮุย ขึ้นเป็นเจ้านครจำปาศักดิ์ มีนามว่า จนถึง พ.ศ. 2402 ก็ถึงแก่กรรม ผู้เป็นอนุชาจึงได้เป็นเจ้านครจำปาศักดิ์สืบแทน มีพระนามว่า พระองค์ได้ส่งบุตรชายทั้ง 3 ไปยังกรุงเทพฯจนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ทั้งสามคนได้แก่ เจ้าราชดนัย (หยุย) เจ้าศักดิ์ประสิทธิ์ (เจ้าเบง) และเจ้าศักดิ์ประเสริฐ (เจ้าอุย)
เมื่อเกิดกรณีพิพาทสยาม-ฝรั่งเศส ฝ่ายอาณาจักรสยามได้ยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2446 เมื่อ ถึงแก่พิราลัย เจ้าราชดนัย (หยุย) ก็ได้รับแต่งตั้งจากฝรั่งเศสให้เป็นผู้ว่าการนครจำปาศักดิ์ ดังนั้นอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์จึงมีฐานะเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- Simms (1999), p. ix-xiii.
- Stuart-Fox (1998), p. 143–146.
- Wyatt, David K., Thailand: A Short History, New Haven (Yale University Press), 2003.
- ศิลา วีระวงศ์, มหา (เรียบเรียง), พงศาวดานลาว, (เวียงจันทน์: สำนักงาน ส.ธรรมภักดี, ๒๔๙๖), หน้า ๓๘-๔๒.
- "พระวอ พระตา ในประวัติศาสตร์ไทย – ลาว". silpa-mag.com. 2022-08-04.
- สิลา วีระวง, พระราชปวัตของสมเด็ดพระเจ้าอะนุวงส์ กะสัดองสุดท้ายแห่งพระราชวงส์เวียงจัน. เวียงจัน, 2512.
บรรณานุกรม
- Askew, Marc; Long, Colin; Logan, William (2007). Vientiane: Transformations of a Lao Landscape. Routledge. ISBN .
- Bunce, Fredrick (2004). Buddhist Textiles of Laos: Lan Na the Isan. D.K. Print World. ISBN .
- Bush, Austin; Elliot, Mark; Ray, Nick (2011). Laos. Lonely Planet. ISBN .
- Coe, Michael D. (2003). Angkor and Khmer Civilization. Thames & Hudson. ISBN .
- Dupuy, R. Ernest; Dupuy, Trevor N. (1993). The Harper Encyclopedia of Military History: From 3500 B.C. to the Present (Fourth ed.). New York: HarperCollins Publishers, Inc. ISBN .
- Evans, Grant (2009). The Last Century of Lao Royalty. Silkworm Books. ISBN .
- Evans, Grant; Osborne, Milton (2003). A Short History of Laos: The Land in Between. Allen & Unwin. ISBN .
- Gaspardone, Émile (1971). "L'inscription du Ma-Nhai". Bulletin de la Société des Études Indochinoises. 46 (1): 71–84.
- Golomb, Louis (1976). "The Origin, Spread and Persistence of Glutinous Rice as a Staple Crop in Mainland Southeast Asia". Journal of Southeast Asian Studies. 7 (1): 1–15. doi:10.1017/s0022463400010237.
- Gorman, Chester (1976). "Ban Chiang: A mosaic of impressions from the first two years". Expedition. 18 (4): 14–26.
- Higham, Charles (1996). The Bronze Age of Southeast Asia. Cambridge World Archeology. ISBN .
- Holt, John (2009). Spirits of the Place: Buddhism and Lao Religious Culture. University of Hawaii Press. ISBN .
- Ivarsson, Soren (2008). Creating Laos: The Making of a Lao Space Between Indochina and Siam, 1860–1945. Nordic Institute of Asian Studies. ISBN .
- Kiernan, Ben (2019). Việt Nam: a history from earliest time to the present. . ISBN .
- Kohn, George Childs (1999). Dictionary of Wars (Revised ed.). New York: Facts On File, Inc. ISBN .
- McDaniel, Justin (2008). Gathering Leaves and Lifting Words: Histories of Buddhist Monastic Education in Laos and Thailand. University of Washington Press. ISBN .
- Ngaosyvathn, Mayoury; Pheuiphanh Ngaosyvathn (1998). Paths to Conflagration: Fifty Years of Diplomacy and Warfare in Laos, Thailand, and Vietnam. Southeast Asia Program Publications. ISBN .
- Ngaosyvathn, Mayoury; Pheuiphanh Ngaosyvathn (2009). The Enduring Sacred Landscape of the Naga. Mekong Press. ISBN .
- Osborne, Milton (2001). The Mekong: Turbulent Past, Uncertain Future. Grove Press. ISBN .
- Savada, Andrea Matles, บ.ก. (1995). Laos: a country study (3rd ed.). Washington, D.C.: , Library of Congress. ISBN . OCLC 32394600. บทความนี้รวมเอาเนื้อความจากแหล่งอ้างอิงนี้ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ
{{}}
: CS1 maint: postscript () - Simms, Peter and Sanda (1999). The Kingdoms of Laos: Six Hundred Years of History. Curzon Press. ISBN .
- Solheim, Wilhelm (1973). "Northern Thailand, Southeast Asia and World Prehistory". Asian Perspectives. 13: 145–162.
- Stuart-Fox, Martin (1993). "Who was Maha Thevi?". Siam Society Journal. 81.
- Stuart-Fox, Martin (1998). The Lao Kingdom of Lan Xang: Rise and Decline. White Lotus Press. ISBN .
- Stuart-Fox, Martin (2003). A Short History of China and Southeast Asia: Trade, Tribute and Influence. Allen & Unwin. ISBN .
- Stuart-Fox, Martin (2006). Naga Cities of the Mekong: A Guide to the Temples, Legends, and History of Laos. Media Masters. ISBN .
- Stuart-Fox, Martin (2008). Historical Dictionary of Laos. The Scarecrow Press, Inc. ISBN .
- Tossa, Wajupp; Nattavong, Kongdeuane; MacDonald, Margaret Read (2008). Lao Folktales. Libraries Unlimited. ISBN .
- Turton, Andrew, บ.ก. (2000). Civility and Savagery: Social Identity in Tai States. Routledge. ISBN .
- Viravong, Sila (1964). History of Laos (trans.). New York: Paragon Book. pp. 50–51. ISBN .
- Wyatt, David K. (1963). "Siam and Laos, 1767–1827". Journal of Southeast Asian History. 4 (2): 13–32. doi:10.1017/S0217781100002787.
- Wyatt, David K. (2003). Thailand: A Short History. Yale University Press. ISBN .
- Wyatt, David K.; Wichienkeeo, Aroonrut, บ.ก. (1995). The Chiang Mai Chronicle. Silkworm Books. ISBN .
- สิลา วีระวงส์. พงศาวดารลาว. เวียงจันทน์: กระทรวงศึกษาธิการ, 2500.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul xanackrlanchang khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir xanackrlanchang law ອານາຈ ກລ ານຊ າງ epnxanackrkhxngchnchatilawsungtngxyuinaethblumaemnaokhng mixanaekhtxyuinbriewnpraethslawthnghmd tlxdcnphunthibangswnthangphakhtawnxxkechiyngehnuxkhxngithy odymikhwamecriyrungeruxngthngkaremuxngkarpkkhrxng dansilpwthnthrrm tlxdcnphraphuththsasna thimiphthnakarekhiyngkhumaphrxmknxanackrxun iklekhiyng thnglanna syam phma aelaekhmrxanackrlanchang ອານາຈ ກລ ານຊ າງph s 1896 ph s 2250aephnthixanackrlanchangpraman ph s 1943 siekhiywekhm emuxnghlwnghlwngphrabang 1896 2103 ewiyngcnthn 2103 2250 phasathwipphasalawsasnaphuththethrwathkarpkkhrxngsmburnayasiththirachyphramhakstriy 1896 1915phraecafangum 1914 1959phraecasamaesnith 2091 2114smedcphraichyechsthathirach 2180 2237phraecasuriywngsathrrmikrachyukhprawtisastrsmyklangthungsmyfunfusilpwithya sthapnaodyphraecafangumph s 1896 aebngxanackrph s 2250skulengin kxnhna thdipxanackrnanecaxanackrphrankhr xanackrlanchanghlwngphrabangxanackrlanchangewiyngcnthnxanackrlanchangcapaskdiemuxngphwn xanackraehngniidsthapnakhunxyangepnpukaephnmngkhngxyangaethcringin ph s 1896 smyphraecafangum mikhwamrungeruxngslbkbkhwamrwngorytxmahlaysmy sungyukhthinbidwaepnyukhthxngkhxngxanackrlanchangkhuxrchsmykhxngphraecaichyechsthathirach ph s 2091 2114 aelarchsmyphraecasuriywngsathrrmikrach ph s 2181 2238 hlngcaknnxanackrlawkesuxmxanaclngaelaaetkaeykepn 3 rachxanackr aelain ph s 2321 thng 3 xanackrkidsuyesiyexkrachaekrachxanackrsyaminthisudkarsthapnankprawtisastrlawechuxwa chawlawedimtngthinthanxyurahwangaemnahwngohkbaemnaaeyngsiekiyngaethbmnthleschwninpraethscinpccubn txmaidthukcinrukrancungidxphyphmathangtxnitkhxngeschwncnthungyunnan sungeriykxikxyanghnungwahnxngaeshruxxanackrnanecaodyidmikhwamecriyrungeruxngaeladarngexkrachmakwarxypi pccubnmikarphisucnwaxanackrnanecaepnxanackrkhxngchnchatitahli imichkhxngchnchatiith law cnthungsmykhxngkhunbrmrachathirachphraxngkhidthrngsthapnaemuxngihmthinanxyxxyhnu odyihchuxwa emuxngaethn hrux emuxngkahlng mhasila wirawngs echuxwakhuxemuxngaethnghruxediynebiynfuindinaednsibsxngcuith praethsewiydnampccubn inphngsawdarlanchangklawwa khunbrmidthrngaephkhyayxanackrxxkip odythrngsngoxrs 7 xngkhippkkhrxngemuxngtang sungechuxwaxyuinphumiphakhxinodcinpccubndngni khunlx pkkhrxngemuxngesahruxemuxngchwa xanwa emuxngswhruxemuxngswa txmaeriykwahlwngphrabang thawphalan pkkhrxngemuxnghxaet sibsxngpnna thawculng pkkhrxngemuxngokdaethaephnpm pccubnkhuxewiydnam thawkhaphng pkkhrxngemuxngechiyngihm thawxin pkkhrxngemuxnglanephiysrixyuthya laow thawkm pkkhrxngemuxngmxn hngsawdi pkkhrxngemuxngphwn echiyngkhwang echuxknwakhuxthawecuxngthipraktinwrrnkrrneruxng khunlxphuthrngsrangemuxngchwanithuxknwathrngepnpthmkstriykhxngchawlawthngpwng inpi ph s 1300 odypraman phraxngkhidthrngtngihemuxngchwaepnrachthanikhxngxanackrlanchang phrarachthannamrachthaniaehngniihmwa emuxngechiyngthxng phraxngkhidthrngkhbilchnchatikhxmsungepnphumixanacxyuediminbriewndngklawsaerc thaihxanackrlanchangmikhwammnkhngtxmayawnan aelamikstriypkkhrxngtxmaxikhlaychwkhnkarrwmchatiinplayphuththstwrrsthi 19 xanackrlanchangkidmikstriyxngkhsakhysungchawlawykyxngphraxngkhinthana phrabidakhxngchatilaw idaek phraecafangummharach ph s 1896 ph s 1916 phranametmkhux phraecafangumaehlnghlathrni enuxngcakphraxngkhmibthbathinkarrwbrwmaephndinlawihepnpukaephn thngyngthrngwangrakthankhxngphraphuththsasnainlawaelathrngykyxngihepnsasnahlkkhxngxanackr phrayafangumepnphrarachoxrskhxngthawphifa aelaepnphrarachnddakhxngphrayasuwrrnkhaphng odyinrchsmykhxngphrayakhaphng thawphifa sungepnphrabidakhxngphrayafangumidthukenreths cungesdchniipphungphrabrmophthismpharkhxngkstriyekhmr inewlatxmaemuxsinrchsmykhxngphrayasuwrrnkhaphng xnepnchwngewlathixanackrekhmrerimesuxmxanac inkhnaediywknthixanackrsuokhthyekhmaekhngkhun fayekhmrcungtxngkarkhanxanackhxngsuokhthy cungidsnbsnunihphrayafangumsungesdctidtamphrarachbidaipprathbthixanackrekhmrnn nakalngekhaaeyngchingxanaccaksungepnphrapitula xa phukhunkhrxngrachysubtxcakphrayasuwrrnkhaphng phrayafangumsamarthexachnaphrayafakhaehiywid cungesdckhunkhrxngrachyaelasthapnaxanackrlanchangkhunxyangepnthangkar nxkcakniecafangumyngidkhyayxiththiphlipyngdinaedntang xathi lanna tiidemuxngechiyngaesnaelaechiyngihmepnemuxngswybngkhbsngswythukpisungkhuntrngtxemuxnghlwngphrabang mikaryxmxxnnxmaelasngbrrnakarcakemuxngechiyngrung echiyngtung aesnhwi xyuthya idewiyd epntn enuxngdwyekrngklwxiththiphlkhxngecakrunglanchang klawidwainyukhphraecafangummharach lanchangmiaesnyanuphaphaephxiththiphlehnuxaewnaekhwnxunidhlayhwemuxngihyaelaepnyukhthiyingihythisudkhxngxanackrlanchangxikdwy inrchsmykhxngphrayafangum aemphraxngkhcaidsrangkhwamepnpukaephnmnkhngaelayingihyihkbxanackrlanchang txmainpi ph s 1899 ekidpyhaphayinhlwngphrabangsngphlthaihecafangumthukenrethsxxkcakemuxnghlwngphrabangaelakhunnangidxyechiyphrayaxunehuxnphrarachoxrskhunkhrxngrachysubtxcakphrarachbida swnphrayafangumidesdcmaprathbxyu n emuxngnankrathngsinphrachnminpi ph s 1916 inrchsmykhxng ph s 1899 1916 aelaxiksxngrchsmytxma khuxinrchsmykhxngphraecasamaesnithyitrphuwnath ph s 1916 1959 aelaphrayalankhaaedng ph s 1959 1971 epnchwngthixanackrlanchangplxdcakkarrukrancakphaynxk enuxngdwykaresuxmxanaclngkhxngxanackrekhmrepnsakhy xikthngfaysuokhthythiekhmaekhngkhunkmungxyukbkarprabpramxanackhxngekhmrthiekhymiehnuxdinaedntn thangxanackrcampasungephingphayaephtxckrwrrdimxngoklkyngimekhmaekhng karaekhngkhnknsrangesrimkhwammnkhngkhxngsuokhthyaelalannaxnepnxanackrthiidrbkarsthapnakhuninchwngewlaediywkn thaihxanackrlanchangktxngphyayamesrimsrangkhwammnkhngkhxngtndwy odyidmikarcdthabychiiphrphlaelaptiruprabbrachkarkhrngihy sungdwythrphyakrxnxudmsmburn kthaihxanackrlanchangmikhwammnkhngepnxyangmakkhwamxxnaexphayinwdwichul sranginsmyphraecawichulrach hlngphrayalankhaaedngesdcswrrkhtinpi ph s 1971 aelw xanackrlanchangklbtkxyuinsphaphrasarasay ephraaxanackarbriharrachkaraephndinxyangaethcringidtkxyuinmuxkhxngphranangmhaethwixamphn hruxnangaekwphimpha sungepnphrakhnisthakhxngphrayalankhaaedng phraxngkhidthrngichxanacthithrngmixyuaetngtngkstriykhunpkkhrxngrachxanackrtamxaephxic hakimphxicphraecaaephndinxngkhihnkpldxxkcaktaaehnnghruxlxbplngphrachnmesiy kstriylanchanginchwngnicungimmixngkhidxyuinrachsmbtiidnannk swnmakthrngkhrxngrachyxyuidimthungpi srangkhwampnpwnaekrachsankaelayngkhwamesiyhaytxkarbriharrachkaraephndinepnxyangying inpi ph s 1981 brrdakhunnangthnghlaycungpriksaknwacaexaphranangmhaethwiiwimidcungphrxminkncbtwphranangsaercoths aelwechiyphrarachoxrskhxngphrayalankhaaedngkhuneswyrachsmbtiepnphraecaichyckrphrrdiaephnaephw xanackrlanchangcungklbkhunsukhwamsngbxikkhrng epnkaryutikhwamyungehyingsungkinewlananthungsibkwapi ph s 2023 ckrwrrdiewiydnamsungerimmikalngklaaekhngcungidthiykthphekhamarukranaelasamarthyudkhrxngemuxngechiyngthxngxnepnemuxnghlwngiwid phraecaichyckrphrrdiaephnaephwtxngesdchniipprathbxyu n emuxng aelwmxbphrarachsmbtiihkbphraecasuwrrnbllngk sungepnphrarachoxrs phraecasuwrrnbllngkthrngnaiphrphlkhbilchawewiydnamxxkipid caknncungthrngewnphrarachsmbtithwayaekphrarachbida phraecaichyckrphrrdiaephnaephwcungesdckhunkhrxngrachyepnkhrngthisxng krathngesdcswrrkhtinpi ph s 2022 phraecasuwrrnbllngkcungidesdckhunkhrxngrachysubtxcakphrarachbidaxikkhrng cwbcnesdcswrrkhtinpi ph s 2029 phraxnuchaidesdckhunkhrxngrachyaelaesdcswrrkhtinpi ph s 2039 odyidmxbphrarachsmbtiihaekecachmphuphrarachoxrs aetecachmphukhrxngrachyxyuidhapikthukbrrdakhunnangrwmknkxkbtaelwcbsaercothsesiy caknnkxyechiyphraecawichulrach phrarachoxrskhxngphraecaichyckrphrrdiaephnaephw esdckhunkhrxngrachyinpi ph s 2044 phraxngkhodyoprdihsrangwdwichulrachaelwxyechiyphrabangmapradisthan dngnnemuxngechiyngthxngcungthukeriykwahlwngphrabangnbaetnnmasaysmphnthrahwanglanchangkblannainrchsmykhxngphraecaophthisarrach ph s 2063 ph s 2090 phraophthisarrachecakhunkhrxngrachyaelarwbrwmaephndinihekidkhwamepnpukaephnprakasykelikimihprachachnnbthuxphisangihmayudmninphraphuththsasna thrngsrangwdwaxaramtang makmay ihkarchwyehluxewiydnamaelaecriysmphnthimtrikblanna echiyngihm txmaemuxthungpi ph s 2091 phrarachoxrsxngkhihykhxngphraophthisarrachecasungprasutikbphramehsithimiphranamwa phranangyxdkhathiphy hruxecananghlwngkhaphay phrathidainkstriylanna idthrngkhunkhrxngrachythrngmiphranamwa smedcphraecaichyechsthathirach inrchsmykhxngphraxngkhekidsukphmaykthphmatiemuxngechiyngihm phraxngkhthrngelngehnwa krungsistnakhnhutlanchangrmkhawhlwngphrabang aehngnichyphumiimehmaasmthicatngepnemuxnghlwngxiktxipephraaxyuiklkbstru emuxphwkphmatiemuxngechiyngihmidaelwtxipphayphakhhnakxacykthphmarukranlawlanchangkepnid phraxngkhcungthrngyayemuxnghlwngcak hlwngphrabang masrangemuxngnkhrewiyngcnthn aelasthapnakhunepnemuxnghlwngaehngihmodyphrarachthannamwa krungsristtnakhanahutlanchangrmkhawewiyngcnthn nbidwaepnrchsmyaehngkhwamrungeruxngindansilpaaelawrrnkrrmtang indanphraphuththsasna phraxngkhkidthrngprakashamihmikarbuchaphitang aelathrngthanubarungphraphuththsasnadwykhwameluxmisxyangying odymikarrbxiththiphldanphuththsasnamacakxanackrlannasungmikhwamsmphnththiiklchidkblanchanginewlannxyangying odyechphaakarichxksrthrrmlannaepnekhruxngmuxsuksaphraphuththsasna xksrdngklawniidphthnaepnxksrthrrmlanchanginewlatxma karthilanchangmikhwamsmphnthkblannaxyangiklchidkdwyehtuphldankaremuxngepnhlk klawkhux inkhnannxanackrlannaidxxnaexlngcakkarthasngkhramkbxanackrxyuthyaxyangtxenuxngaelayawnan phythrrmchati aelakhwamlmehlwinkarrukranemuxngechiyngtung epidchxngihxanackrkhangekhiyngxyanglanchang txngxu aelaxyuthyasrangxiththiphlaethrkaesngphayinxanackr odylanchangidekhaekiywdxngkblannaphankaresksmrskhxngecanayinekhruxyatikhxngthngsxngfay nxkcakniphraecakrunglanchangidekhaipmixiththiphlehnuxhwemuxnglannathukhwemuxngsungecaemuxngaetlahwemuxngidyxmxxnnxmaelaxyuphayitxanac cungklawidwa lannaepnrthinxarkkhakhxnglanchanginyukhphraecaophthisarrach txmaemuxphraemuxngekseklaaehnglannaesdcswrrkhtinpi ph s 2088 xanackrlannakekidkhwamwunwaycakkarsrrhaphuehmaasmthicaesdckhunkhrxngrachy ehlakhunnangaehnglannacungidxyechiyphraecaichyechsthathirach phrarachoxrskhxngphraecaophthisaraelaecahyingechuxsaylanna iheswyrachsmbtipkkhrxngxanackrlannainpi ph s 2089 ephuxxasyxiththiphlkhxngxanackrlanchangkhanxanackbxanackrtxngxuthinbwncaklaaekhngkhuneruxy cungklawidwalanchangekhamamixiththiphltxlannaepnxyangmakinyukhni sungphraecaophthisalrachepnckrphrrdithixyuebuxnghlngkhxngkarrwmlannaekhaiwkblanchangodyihbutrchayidpkkhrxngemuxngechiyngihmswntnkhrxngemuxnghlwngphrabangtxip sungemuxnghlwngphrabanginchwngnimixanacehnuxaekhwnlannathukhwemuxng txmainpi ph s 2091 phraecaophthisarrachthrngtkchangrahwangesdcpraphaskhlxngchangpaaelaesdcswrrkht ecasriwrwngsarachkumar ecamhaxuprachsriwrwngsa aela ecathaerux phuepnphrarachoxrsxngkhrxngtangphyayamcakhunkhrxngrachysmbtiepnkstriyxngkhihm khunnanglanchangcungechiyphraecaichyechsthathirachesdcklbmankhrhlwngphrabangephuxrbethlingthwlyrachsmbtirangbehtuwunwaythicaekidkhun odyphraxngkhyngidechiyphraaekwmrktaelaphraphuththsihingkh sungepnphrakhubankhuemuxngkhxnglannamasthit n nkhrhlwngphrabangdwy khunnangaehnglannacungthwayrachsmbtikstriylannaihaekphraemkuti ecanaylannaechuxsayrachwngsmngraycakemuxngnaykhunpkkhrxngaethnkhwamrungeruxngaelaphykhukkhamcakxanackrtxngxuphraecaichyechsthathirach phusthapnakrungewiyngcnthn rchkalphraecaichyechsthathirachmharach nbidwaepnsmyhnungkhxngprawtisastrlawthimikhwamrungeruxngmakthamklangwikvtkarnthiekidkhunrxbdan chawlawlwnnbthuxphraxngkhwathrngepnmharachaelathrngepnwirkstriyphraxngkhsakhyinprawtisastrlaw phraxngkhidthrngprakxbphrarachkrniykictang thisakhyiwhlayprakar odyechphaadanphraphuththsasnasungidrbkarthanubarungxyangkwangkhwang oprdihmikarsrangaelaburnapuchniysthaninphraphuththsasnahlayaehng echn thrngsranghxphraaekwephuxpradisthanphraaekwmrktxnidthrngxyechiymacakxanackrlanna aelathrngsrangphraecdiyolkculamni phrathatuhlwng thinkhrewiyngcnthn thrngsthapnaphrathatusrisxngrkrwmkbxanackrxyuthyathiemuxngdansay thrngptisngkhrnphrathatuphnmthiemuxngnkhr nkhrphnm epntn inrayaewlaniexngthixanackrtxngxuinrchsmyphraecabuerngnxngmikalngthiekhmaekhngaelathrngxiththiphlxyangmak aelaphyayamcakhyayxanackrmathangthistawnxxk phraxngkhcungoprdihmikaryayrachthanicakhlwngphrabangmaxyuthinkhrewiyngcnthnephuxhlikeliyngxanacxanackrtxngxuinpi ph s 2103 aelaphrarachthannamrachthaniaehngihmniwa phrankhrcnthburisristnakhnhutxuttmrachthani thngyngthrngsrangsmphnthimtrikbsmedcphramhackrphrrdiaehngkrungsrixyuthyaephuxepnkalnginkartxtanphmasungepnstrurwmkn inpi ph s 2107 thphphmaidtidtamcbkumkhunnanglannaechiyngihmmathungewiyngcnthn aelasamarthtikrungewiyngcnthnidinkhnathiphraecaichyechsthathirachimidprathbxyuinphrankhr phrxmthngkwadtxnchawemuxngaelaechuxphrawngschnsungklbipyngphmaepncanwnmak rwmthungecamhaxuprachsriwrwngsa phrarachxnuchakhxngphraecaichyechsthathirach aelwcungthxythphklbip phraxngkhthrngkhumaekhnxyumak emuxfayxyuthyakhxkhwamchwyehluxihchwyrbphmainchwngpi ph s 2110 2112 phraxngkhcungthrngsngkxngthphipchwyehluxxyuthyaaetimsaercenuxngcakthukfayphmaaelaphramhathrrmrachaemuxngphisnuolksxnklcnaetkphay hlngxanackrtxngxuphichitkrungsrixyuthyaidaelwphraecabuerngnxngcungthrngsngkxngthphmaprabpramlanchangaetimsaerc enuxngcakphraecaichyechsthaidthrngnakxngthphaelachawemuxnghlbphyinpaaelakhxylxbocmtikxngthphphmaxyuenuxng cnkxngthphphmatxngthxnkalngklbip luthungpi ph s 2114 phraecaichyechsthathirachidesdcxxkprabkbt n emuxngramrkoxngkar echuxknwaxyuinphunthiaekhwngxttapuxinpccubn aelwsuyhayipinsuknn inewlannphraxngkhmiphrarachoxrsphraxngkhediywkhuxphrahnxaekwkumar sungprasuticakbathbricarikaphuepnthidakhxngphrayaaesnsurinthrluxchy aelaephingprasutiidimnankhwamwunwayinkarsubrachsmbtiwdechiyngthxng sthaptykrrmlanchang smysmedcphraichyechsthathirach hlngkarhaysabsuyphraecaichyechsthathirach inkrungewiyngcnthnkekidsngkhramklangemuxngcakkaraekngaeyngtaaehnngphusaercrachkaraephndinaethnphrahnxaekwkumarrahwangesnabdiphuihy 2 khn khux phrayaaesnsurinthrluxchy xkhrmhaesnabdifaysayphumisthanaepnphraxykakhxngphrarachkumar kbphrayacnthsihrach xkhrmhaesnabdifaykhwa thisudaelwphrayaaesnsurinthrluxchyepnfaychna cungsthapnatnexngepnphrasumngkhlaxyokophthistwracha epnphuwarachkaraephndinaethnphrahnxaekwkumarphuthrngphraeyaw khnthwiperiykwa phraecapuhlan ph s 2118 fayphmaidykthphmatiemuxngewiyngcnthnid cungkhumtwphrayaaesnsurinthrluxchyklbhngsawdi aelwaetngtngihecamhaxuprachsriwrwngsa phraxnuchakhxngsmedcphraichyechsthathirachsungthukkhumtwiphngsawditngaetkhrngthiphmatiemuxngewiyngcnthnkhrngaerk khunpkkhrxngemuxng phranamwa phraecasriwrwngsathirach ph s 2123 idekidkbtkhunthiemuxngewiyngcnthn phraecasriwrwngsathirachsuimidcungesdchniaetidsinphrachnmrahwangkaredinthang emuxphmaidykthphmaprabkbtid cungaetngtngihphrayaaesnsurinthrluxchykhunpkkhrxngemuxngxikkhrng krathngthungaekphiralyinpi ph s 2125 caknn phrayankhrnxy butrkhxngphrayaaesnsurinthrluxchyidkhunpkkhrxngemuxngsubtxcakbida aetimidrbkhwamniymcakchawemuxngcungthukkhunnangrwmknpldxxkcakrachsmbti nbaetnnemuxngewiyngcnthnkxyuinsphaphirphupkkhrxngthungaepdpi khunnangthnghlaycungidaetngtngihkhnasngkhedinthangipekhaefaphraecabuerngnxngephuxthulkhxtwphrahnxaekwkumarmakhrxngemuxng phrahnxaekwcungidkhunkhrxngemuxngewiyngcnthnxikkhrnginpiph s 2134 ph s 2139 phrahnxaekwkumarswrrkht thaihsungepnlukphiluknxngkhxngphrahnxaekwkumar idrbkarxyechiyihpkkhrxngemuxngewiyngcnthn ph s 2164 phrawrwngsathrrmikrachekidkhxkhdaeyngkbphraxupyuwrach phrarachoxrs cnthungkhnekhatxsukn phrawrwngsathrrmikrachesdcswrrkhtinkartxsu phraxupyuwrachcungesdckhunkhrxngrachy aetthrngkhrxngrachyidephiyngpikwakesdcswrrkht prachachnkidrwmknxyechiyxnepnkhunnangphuihydarngtaaehnngphrayankhrkhunepnkstriy miphranamwa thrngkhrxngrachyidsipikesdcswrrkht prachachncungrwmknxyechiyphrahmxmaekw phraoxrsinphrawrwngsathrrmikrach esdckhunkhrxngrachyinpi ph s 2170 emuxphraxngkhesdcswrrkht phrayaxupyuwrach phrarachoxrsidesdckhunkhrxngrachysubtxcakphrarachbida emuxphraxupyuwrachesdcswrrkht phraoxrsthngsxngphraxngkh khux aela idrwmknpkkhrxngbanemuxng krathngthawwichyesdcswrrkhtinpi ph s 2179khwamrungeruxngkhrngsudthayphraecasuriywngsathrrmikrach ph s 2181 ph s 2238 epnyukhaehngkhwamecriyrungeruxngxikyukhhnung enuxngdwyphraxngkhmiwithikarpkkhrxngbanemuxnghlkaehlmaelaepnthrrm thaihlanchangmikhwammnkhngaelasngbrmeynkwakhrungstwrrs thngkhwamrungeruxngthangsthaptykrrm xksrsastr silpaaekhnngtang tlxdcnkarkhakhaykbtangchati inyukhnithanidmikarthasuksngkhramkhrngihykbxanackrxyuthyaxyuhlaykhrng aelasudthaylanchangepnfaychna sngphlihxyuthyasuyesiyesbiyngaelakalngphlipxyangmhasalkbkarthasngkhramphayaephtxlanchangsungsngphlihxyuthyabxbchaxyanghnkimsamarthkhyayxiththiphlipynghwemuxngxunidxik xikthngyngsuyesiypraethsrachphayitxanacbangaehngxikdwy nxkcaknithanyngnathphlanchangidiptiemuxngphwnaelakwadtxnithphwnekhamaiwinewiyngcnthnepncanwnmakthisudethathiekhymima phraxngkhthrngepnphuthimikhwamyutithrrm cakrnithiphrarachoxrskhxngphraxngkhidkrathakhwamphidlklxbepnchukbphriyakhxngkhunnangphuhnung phraxngkhklngothstamxayathungkhnpraharchiwitodymiidisicwaepnphraoxrs dwyehtuniphraxngkhcungxyuinsphaphthiirrchthayath aelaemuxphraxngkhswrrkhtodyirrchthayath prachachncungidxyechiysungepnkhunnangphuihyihkhunepnkstriy aetkkhrxngrachyxyuidhkpi ecannthrachaehngmrukkhnkhr kykthphekhamachingemuxngewiyngcnthniwid ecannthrachcungidkhunkhrxngrachyepnkstriyaehngxanackrlanchangin ph s 2238yukhaehngkhwamaetkaeykkaenidlanchangsamxanackr emuxsinrchsmykhxngphraecasuriywngsathrrmikrach rachxanackrlanchangekidphawarasarasayxyanghnk cakkaraekngaeyngxanackhxngbrrdaechuxphrawngs cnthaihrachxanackraetkaeykxxkepn 3 rachxanackrexkrach idaek wdsisaekdhruxwdaesn sranginsmyecaxnuwngsaehngxanackrlanchangewiyngcnthn1 xanackrlanchangewiyngcnthn xanackrnikhuxxanackrthisubthxdcakxanackrlanchangsristnakhnhutedim mixanapkkhrxngdinaednlawphakhklanginpccubn miphraecaichyechsthathirachthi 2 epnpthmkstriy phraichyechsthaxngkhnithrngepnechuxphrawngsthiliphykaremuxngipxyuthickrwrrdiewiydnam sungmirachthaniinkhnannxyuthiemuxngew khnthnghlaycungkhnanphranamxikxyangwaphraichyxngkhewhruxphraichyxngkhewiyd phraxngkhidnakalngcakewiydnamekhayudkrungewiyngcnthncbecannthrachsaercoths aelwrachaphieskphraxngkhexngepnkstriyinpi ph s 2241 caknncungthrngtngthawlxngepnecaxuprachkhrxngemuxnghlwngphrabangaetimidrbkaryxmrbcakchawlawthngmwl ephraaphraxngkhmikhwamiklchidkbckrwrrdiewiydnam inpi ph s 2250 ecakingkisrachkbecaxngkhkha phrarachnddakhxngphraecasuriywngsathrrmikrach thihniipprathbthi xyuinaekhwngichyburiinpccubn idykthphekhamachingemuxnghlwngphrabang cbsaercoths aelaetriymcaykthphekhatikrungewiyngcnthn phraichyxngkhewcungmiphrarachsasnipyngsmedcphraephthrachaaehngkrungsrixyuthyaephuxkhxkhwamchwyehlux faykrungsrixyuthyacungiklekliythngsxngfayihyutikarrbaelapkpnekhtaedntxkn thaihhlwngphrabangklayepnxanackrexkrachimkhunkbewiyngcnthnmanbaetnn inyukhnicungnbidwaepnyukhthilawaetkaeykepn 2 xanackr khux xanackrlanchangewiyngcnthnaelaxanackrlanchanghlwngphrabang sungewiyngcnthnkexngimiwicaelahathangthalayfayhlwngphrabangxyutlxd traaephndinphrarachxanackrlaw epntrapracarachwngslanchanghruxrachwngskhunlx sungsubechuxsaythangphupkkhrxngxanackrlanchanghlwngphrabang2 xanackrlanchanghlwngphrabang xanackrlanchanghlwngphrabangthuxkaenidcakkhwamaetkaeykrahwangewiyngcnthnaelahlwngphrabanginpi ph s 2250 dngidklawmaaelw mixanapkkhrxngdinaednlawphakhehnuxinpccubn miepnpthmkstriy ph s 2249 2256 aelamiechuxsaykstriysubrachsmbtitxmacnkrathngpraethslawepnexkrachcakfrngessinpi ph s 2492 aelaepnkstriyaehngrachxanackrlawtxmacnthungpi ph s 2518 inyukhaerkxanackrniekidkaraeyngchingxanacphayinkhxngtnexngepnraya aelamikarcakhxkalngcakrththiihykwaxyangphmamachwyehluxesmx aennxnwafayhlwngphrabangkimiwicaelahathangthalayfayewiyngcnthnechnkn 3 xanackrlanchangcapaskdi xanackrlanchangcapaskdimikaenidmacakkarxphyphhlbphykaremuxngkhxngecanangsumngkhlaaelaprachachnswnhnungphayitkarnakhxngecarachkhruhlwngophnsaemk phraethraphuihyinrchsmyphraecasuriywngsathrrmikrach mulehtumacakphuepnesnabdiidchingrachsmbtikhunkhrxngxanackrhlngphraecasuriywngsathrrmikrachesdcswrrkht aelakhidcaexaecanangsumngkhla phrarachnddakhxngphraecasuriywngsathrrmikrach sungthrngepnhmayaelakalngthrngkhrrph epnmehsi aetnangimyxm cunghniipkhxkhwamchwyehluxcakecarachkhruhlwngophnsaemk ecarachkhruhlwngophnsaemkcungphayatioymkhxngtnpraman 3 000 khnaelaecanangsumngkhlahnixxkcakewiyngcnthnthangitipsxntwxyuthibanngiwphnlaosmsnuk n thinnecanangsumngkhlaidprasutiphraoxrsnamwa ecahnxkstriy txmanangaephngecaemuxngcapaskdichawphunemuxngidxarathnaecarachkhruhlwngophnsaemkmapkkhrxngbanemuxng ecarachkhruhlwngpkkhrxngbanemuxngidrayahnungkekidpyhakarpkkhrxnginbangprakarsungexahlkthangthrrmmatdsinaelayutipyhaimid thancungihkhnipechiyecahnxkstriysungecriyphrachnmmakphxthicapkkhrxngbanemuxngidaelw mathaphithirachaphieskepnkstriypkkhrxngnkhrcapaskdiinpi ph s 2257 thrngphranamwa phraecasrxysrismuthrphuththangkur xanackrlanchangaehngthi 3 khux xanackrlanchangcapaskdi cungthuxkaenidkhuninpini phraxngkhidprakasxanaekhtaeykxxkcakewiyngcnthn pkkhrxngdinaednlawphakhittngaetekhtemuxngnkhrphnm emuxngkhamwn lngipcnthungemuxngechiyngaetng emuxngmoniphrtxaednekhmr swnthangdantawntkxanaekhtipiklcnthungemuxngthnghruxemuxngsuwrrnphumi echuxsaykhxngkstriyaehngxanackrniidpkkhrxngcapaskditxmathnginthanakstriy ecaphukhrxngnkhr aelaphuwarachkaremuxng cnkrathngaephndinlawrwmepnhnunginpi ph s 2489 aetyngkhngmibthbaththangkaremuxnginlawyukhphrarachxanackrmatlxdcnthungkarepliynaeplngkarpkkhrxnginpi ph s 2518 karsuyesiyexkrachaeksyam emuxxanackrlanchangaetkepn 3 xanackr aetlaxanackrtangtngtnepnxisraimkhuntxknaelaimiwicsungknaelakn odyechphaakbhlwngphrabangaelaewiyngcnthnaelw thngsxngxanackrnilwnthuxwaxikfayepnstruelythiediyw tangkcxnghathangthalaylangtxkndwykarxasykalngthharphmathimixanacinlannaxyutlxd xnusawriythawesiyng ecaphukhrxngemuxngthngsriphumikhnthi 4 phranddaecaaekwmngkhl phuthiepnsaehtusakhythithaih ecaox ecaxin ihkarsnbsnunkbdphrayanangrxng xnepncuderimtnthiaethcringthithaihekidsngkhramrahwangxanackrthnburikblawepnkhrngaerk mulehtuaerkthisakhyhruxcuderimtnthithaihsyamhruxxanackrthnburierimhnmasnicthicakhyayxanac xiththiphl ekhayudkhrxngaelaaethrkeaesngxanackrlawlanchangthng 3 xanackr cuderimtnekidmacakkhwamkhdaeyngrahwangcapaskdikbsyammimayawnantngaetyukhsmyxanackrxyuthya inpi ph s 2308 nkhrcapaskdisuyesiyemuxnghnadansakhyxyang pccubnkhux xaephxsuwrrnphumi cnghwdrxyexd sungepnemuxngkhxngphrayatiwngssakhykhxngsmedcphraecasrxysrismuthrphuththangkur kstriyaehngxanackrlanchangcapaskdi phraxngkhaerk xyangecaaekwmngkhl phusubechuxsayaehngrachwngslanchangewiyngcnthn phuepnpthm brrphchnklumihyklumhnungkhxngecaemuxngthwphakhxisan idkhrxngemuxngthngsriphumitngaetpiph s 2256 epnemuxngecapraethsrachkhunkbxanackrlanchangcapaskdi txmainpiph s 2308 phranddakhxngecaaekwmngkhl phranamwa ecaesiyng idphyayamaeyngchingexaemuxngthngcakecaxaw namwa ecasuthntmni ecaemuxngthngsriphumithanthi3 aelaepnecaemuxngrxyexdthanaerk cungidnaekhruxngrachbrrnakaripthwayaed smedcphrathinngsuriyasnxmrinthr aehngxanackrxyuthya phraecaaephndinxyuthyacungoprdeklasngkalngphlipchwyecaesiyng cnsamarthyudemuxngthngsriphumicakecaxawidepnphlsaerc cungsngphlihemuxngthngsriphumithuktdkhadcakxanackrlanchangcapaskdiipkhunkbxanackrxyuthyamanbtngaetbdnn sungtxmaepnpccysakhytxkhwamkhdaeyngrahwangxanackrkrungthnburiaelaxanackrlanchangcapaskdi cnepnsaehtuthithaihxanackrlanchangcapaskdiaelaemuxngkhunkhxngnkhrcapaskdiklayepnswnhnungkhxngxanackrthnburiinewlatxma enuxngdwykhwamkhdaeyngthimimaxyangchanan rwm 10 kwapi cungkxihekidsngkhramkhrngaerkrahwangkrungthnburikbxanackrlanchangcapaskdikhun kartiemuxngcapaskdiinpi ph s 2319 saehtuenuxngcakphrayanangrxng ekidkhdickb ecaemuxngnkhrrachsima cungkhidkbttxithy ipkhxkhunkb ecaox emuxngcapaskdi aelaenuxngdwythangemuxngcapaskdi ekhysuyesiyemuxnghnadanthisakhyxyangemuxngthngsriphumiihaekxyuthya ipemux 10 kwapikxn aelamikhwamimphxichruxkhbaekhnicepnthunedimthithangxanackrxyuthyahruxsyammikaraethrkaesngxanacaeyngemuxngthngihipkhunkbxanackrkhxngtn thaihxanackhxngxanackrlanchangcapaskdimikhwamxxnaexlngipxyangmak ephuxtxngkarfunfuxanacthiesiyipaelatxngkaremuxngkhunihmephuxthdaethnemuxnghnadanthiekhyepnpxmprakarsakhythiichynkbxanackrxyuthyaaelalanchangewiyngcnthn emuxkhrnginxdit thangemuxngcapaskdicungihkaryxmrbaelaihkarsnbsnunchwyehluxphrayanangrxngxyangetmthi smedcphraecataksincungthrngphrakrunaoprdeklaih ecaphrayackriipprab ecaemuxngnangrxngthukcbpraharchiwit thaihemuxngcapaskdi emuxngxttapux aela dinaedntxnitkhxngpraethslawtklngmaepnkhxngithy aelwekliyklxmemuxngtangiklekhiyngihswamiphkdi idaek ekhmrpadng talung surinthr sngkha aelaemuxngkhukhnth hlngcakcbsuk smedcphraecataksinmharachthrngphrakrnaoprdeklaih ecaphrayackri epn smedcecaphrayamhakstriysuk philukmhuma thuknkhraraedch nerswrrachsuriywngsdarngtaaehnngsmuhnayk nbepnkarphrarachthanyssungthisudethathiekhymi aelaenuxngdwysngkhramkhrngniepnsngkhramkhrngaerkthiekidkhunknrahwangxanackrthnburikbxanackrkhxngchawlawlanchang cungepnsaehtuthiaethcringhruxsaehtuerimtnthithaihsmedcphraecataksinthrngerimhnehaelaihkhwamsnicthicakhyayxiththiphlekhaipyudkhrxngxanackrlawlanchangthng3aelahwemuxngkhunxunxikmakmay cakkrnikbdphrayanangrxng thaihmxngehnwaxanackhxngkrungthnburiyngxxnaexxyumak dngnnphraecakrungthnburi cungsngphrayaphrhm phrayakrmtha idkhunmacdrachkarthiemuxngthung inpi ph s 2318 aelarwbrwmkalngphl ephuxwangaephnetriymkhyayxanaekhtkhxngkrungthnburiekhaipinekhtemuxngcapaskdiaelaemuxngewiyngcnthn khuxkartngemuxngrxyexd miphrakhtiyawngsa thawthnt epnecaemuxngkhnaerk tamkhakhxeriynemuxng ykbankumhangkhunepnemuxngrxyexd aelamikaraebngxanaekhtrahwangemuxngthngsriphumikbemuxngrxyexdxyangchdecn cakkrninithaihekhaicidwa phraecakrungthnburikalngichemuxngrxyexd emuxngthng suwrrnphumi epnhmaksakhyinkaredinekmsthangkaremuxng aelaichkrniphiphathknrahwangphrawxphratakbecasiribuysarepnpccyesrimephuxichepnkhxxanginkarkhyayxiththiphlekhaipyudkhrxngxanackrlanchangthng 3 idaek xanackrlanchangcapaskdi xanackrlanchangewiyngcnthn xanackrhlwngphrabang mulehtutxenuxngcakmulehtuaerkthithaihxanackrlanchangewiyngcnthn lanchanghlwngphrabangesiyexkrachihaeksyammacakkhwamkhdaeyngphayinkhxngxanackrlanchang rahwangphraecasiribuysarkstriyewiyngcnthnkbphrawx phrata sxngkhunnangphuihy thngsxngkhnniepnphinxngkn bangaehngwaphrawxepnphi phrataepnnxng bangaehngwaklbkn bangaehngwathngsxngkhnepnkhnediywknkmi miechuxsayecaxuprachnxng nddaaesnthiphynabw sungidrbkhwamkaraetngtngcakkstriyewiyngcnthnihtngthinthanthiemuxnghnxngbwlumphusungepnemuxnghnadankhunkbnkhrhlwngewiyngcnthn thngsxngekhyidchwyehluxihphraecasiribuysarideswyrachsmbtiinewiyngcnthnmakxn txmainpi ph s 2313 phratathwngbuykhunthiekhychwyphraecasiribuysariddarngtaaehnngkstriynkhrewiyngcnthn odykarkhxihthrngyktaaehnngecaxuprachihaektn aetphraecasiribuysarthrngptiesththicayktaaehnngecaxuprachihphrata phrawxphrata imphxicphraecasiribuysarepnxyangmak cungklbmatngmn aekhngemuxnghruxkhbthtxnkhrhlwngewiyngcnthn aelaphrxmetriymsurbxyuthiemuxnghnxngbwlumphu saehtuthikhdaeyngknyngmitangxxkipxiktamhlkthanaetlaaehng phraecasiribuysarthrngsngkxngthphmaprabthungsamkhrng kxngthphfayphrawxphratakchnathukkhrng aetemuxrbnanipfayhnxngbwlumphuehnwacaaephephraakalngrbldlngaennxncungidkhxkhwamchwyehluxcakkxngthphphma thwakxngthphphmaklbihkhwamchwyehluxaekfayewiyngcnthnephraafayewiyngcnthnsngkhnipkhxkhwamchwyehluxtdhnafayhnxngbwlumphu inkarrbkhrngtxmafayhnxngbwlumphucungaeph phratatayinthirb phrawxcungnaiphrphlaelaechuxsaythirxdtayhniipphungaehngxanackrlanchangcapaskdi odyiptngmnxyuthibanewiyngdxnkxngkhunkbxanackrlanchangcapaskdi sungxyuinekhtphunthicnghwdxublrachthanikhxngithyinpccubn txmainpi ph s 2319 phrawxekidkhwamkhdaeyngkbphraecaxngkhhlwngichykumarcakeruxngkarsrangkaaephngemuxngkbkarsranghxkha eruxnhlwng aelakhwamhwadraaewngkhxngphraecaxngkhhlwngichykumar enuxngdwysaehtu khuxtngaetpi ph s 2308 epntnma emuxngthung suwrrnphumi khadcakxanackhxngemuxngcapaskdi khuntrngtxkrungsrixyuthya aelaemuxngthungrwmmuxkbkrungsrixyuthyaeelakrungthnburiihekhtplxdphykbklumphrawxthiaetkthphma dngnnxacepnipidwakrungthnburicakhyayxanacmathungemuxngcapaskdi odyichemuxngthungaelaklumphrawxepnekhruxngmuxthangkaremuxng phrawxcungidphaiphrphlmatngmnthibandxnmdaedngaelathahnngsuxkhxepnkhxbkhnthsimakhxngkrungsyaminrchsmysmedcphraecataksinmharach sungphraxngkhkidrbiw fayewiyngcnthnehnwathasngkalngipprabphrawxaelwfaycapaskdicaimihkhwamchwyehluxphrawxthikhunxyuphayitxantikhxngkstriynkhrcapaskdi xyangaennxncungthrngsngkxngthphmacbecaphrawxkhathibandxnmdaedngesiy thawkhaphng thawthidphrhm aelathawka butrhlankhxngphrawxaelaphratasungtifawnglxmxxkmaidcungaecngeruxngkrabthulipyngkrungthnburiphanthangemuxngnkhrrachsima smedcphraecataksinthrngphraphiorthmakthifayewiyngcnthnsngkxngthphmakhaphuthixyuinkhxbkhnthsima emuxngkhunkhxngphraxngkh kxprkbphraxngkhexngkimthrngiwicfayewiyngcnthnthimithathifkifxanackrphmasungyngkhngkhukkhamfaysyamxyutlxd inpi ph s 2321 phraxngkhcungthrngsngkxngthphphayitkarnakhxngsmedcecaphrayamhakstriysukaelaecaphrayasursihkhuniptixanackrlanchangewiyngcnthn odyiltimathangitphanthangxanackrlanchangcapaskdikxn faycapaskdiehnwacasukxngthphithyimidcungyxmxxnnxmodydi caknncungykthphkhunehnuxtihwemuxnghnadankhxngewiyngcnthneruxyma cnsamarthhkexaemuxngewiyngcnthnidsaerc faysyamcungkwadtxnthrphysin phukhn khunnang echuxphrawngs aelakumtwphraecasiribuysarlngmayngkrungthnburi danxanackrlanchanghlwngphrabangsungepnxrikbewiyngcnthnmatlxdkidihkhwamchwyehluxfaysyaminsngkhramkhrngnixyangetmthi aetphxsinsukkthukfaysyambngkhbihyxmxxnnxmepnemuxngkhundwyechnkn xanackrlanchangthngsamaehngcungtkepnpraethsrachkhxngsyamthnghmdinpi ph s 2321 niexng aemtxmaphayinsyamkekidkarepliynaeplngrachwngssurachwngsckriaelayayrachthanimayngkrungrtnoksinthrinpi ph s 2325 ktam aetphawakhwamepnpraethsrachkhxngthngsamxanackrkmiidepliynaeplngkarpkkhrxngkhxngsyamxanackrlanchangewiyngcnthn phayhlngthisuyesiyexkrachihaekxanackrsyam phraecaaephndinsyamcungihoxrskhxngphraecasiribuysar esdckhunkhrxngrachyaethn aelwaetngtngepnxuprach swnecaxnuwngsaelaecaphrhmwngsihlngipepntwpraknthikrungthnburi aettxmakekidkhxphiphathfxngrxngknkbecaxnuruththaehngnkhrhlwngphrabanghlaykhrng cnkhrngsudthayinpi ph s 2336 ecannthesnthukklawhawasmkhbkbecaemuxngnkhrphnmaelaewiydnamcakxkarkbt cungthukeriyktwlngipsxbswnthikrungethph phraxngkhtxsukhdixyu 2 pi kesdcswrrkht phraxnuchakhxngecannthesnidkhrxngrachysubtx aelakhrxngemuxngmathungpi ph s 2346 kthungaekphiraly thaihecaxnuwngs phrarachoxrsxngkhthi 3 khxngphraecasiribuysaridkhunkhrxngrachsmbtiinnkhrewiyngcnthn phraxngkhepnphumikhwamsamarthinhlaydan odyidekhyykthphipchwyfaysyamrbkbphmacnidrbchychnahlaykhrng tlxdcnidthrngcdaecngsrangbanaeplngemuxngihecriyrungeruxnginhlaydan thnginthangphraphuththsanaaelathangthhar thngidyudkhrxngcapaskdicakkhwamdikhwamchxbthi phuepnoxrsthakarprabkbtxaysa emuxmixanacekhmaekhngkhunaelwecaxnuwngscungthrngmikhwamtxngkarthicakhyayxanacxxkipxik odymunghmaycayudkhrxngdinaednsyam inkhrngnnthrngmidariwacaykthphipyudkrungethphesiy ephuxihkhnsyammaxyuinxanac aetemuxidrbkarthdthancakkhunnangwasyamepnpraethsihy imsamarthpkkhrxngidthwthung ecaxnuwngscungwathahakpkkhrxngkhnsyamidimhmdkca thalaykrungethphihsinsak kwadthrphysinaelaphukhnmaewiyngcn ephuximihkhnsyammikalngtngtnidxik ecaxnuwngsidbukekhatithungcnghwdnkhrrachsima aetesiythiihkb thawsurnari prakxbkbxanackrlanchanghlwngphrabangyngkhngcngrkphkditxkrungethph cungsngkalngmachwythphsyamtithphecaxnuwngscnphayaeph ecaxnuwngsthukcbtwsnglngipthikrungethph phrxmdwyphrabrmwngsanuwngs aelaesdcswrrkhtinph s 2371 emuxkxngthphxanackrsyamtinkhrewiyngcnthnkhrngthi 2 inrchkalkhxngecaxnuwngsni faysyam rchkalthi 3 idsngih thalaynkhrewiyngcnthnihsinsak aelakwadtxnthrphysinaelaphukhnmakrungethph xikthngihlmelikxanackrlanchangewiyngcnthnesiy miihmiemuxngaelaecakhrxngnkhrxiktxip nkhrewiyngcnthnthicungthukthalayklayepnemuxngrang inpi ph s 2371 xanackrlanchanghlwngphrabang emuxsuyesiyexkrachin ph s 2321 insmyecasuriywngs phraxngkhcungthukkhumtwlngipthikrungthnburi phayhlngcungthuksngkhunmaepnecankhrhlwngphrabang aelaesdcswrrkhtinpi ph s 2334 brrdaesnaxamatycungthulechiyecaxnuruthth phraxnuchakhxngecasuriywngskhunkhrxngrachy emuxaehngewiyngcnthnykthphmatihlwngphrabangid ecaxnuruththcungthuksnglngipkhngthikrungethphxyu 4 pi cungidesdcklbmakhunkhrxngrachytamedim aelaesdcswrrkhtin ph s 2339 ecamnthaturach oxrskhxngecaxnuruththacungidkhunkhrxngemuxngaethnin ph s 2360 txmaemuxphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly esdcswrrkht ecamnthaturachcungidesdclngipkrungethph ephuxxupsmbthtxhnaphrabrmsphaelwcungesdcklbmakhrxngkhrxngrachytamedim odyinpi ph s 2370 ekidehtukarnkbtecaxnuwngs ecamnthaturachcungidsngkalngphlipchwykxngthphsyamtiewiyngcnthn emuxecamnthaturachsinphrachnminpi ph s 2379 thangkrungethphcungtngihecasukesrim oxrskhxngecamnturachkhunepnphraecaaephndinhlwngphrabangin ph s 2381 aelasinphrachnmin ph s 2393 rachoxrsxngkhthi 2 khxngecamnthaturachidkhrxngrachsubaethnaelakhrxngrachyxyu 20 pi cungswrrkhtin ph s 2414 thaihoxrskhxngecamnturach idkhrxngrachsmbtisubtx inrchsmyniecaxunkhaniidekidkbthxkhunthaihphraxngkhhniipxyuthiemuxngpaklay rthbalsyaminsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwidcungidsngkxngthphmaprab phrxmthngpldecaxunkhaxxkcakbllngk aelwtngoxrskhxngecaxunkhakhunkhrxngrachyaethn inph s 2432 ecakhasukid idkhunkhrxngrachycnthung ph s 2436 ekidkrniphiphathsyam frngess rthbalsyamidyxmykdinaednthangfngsayaemnaokhngthnghmdihaekrthbalfrngess ecakhasukcungepnphraecaaephndinhlwngphrabangphayitkarxarkkhakhxngfrngess cnthung ph s 2448 cungsinphrachnm xanackrlanchangcapaskdi phayhlngcakthicapaskdiaeykepnxisracakewiyngcnthnemux ph s 2257 odymiecasrxysrismuthrphuththangkur phuepnhlankhxngphraecasuriywngsathrrmikrach epnphraecaaephndin txmaemux ph s 2321 insmykhxng nkhrcapaskdiktxngesiyexkrachihaeksyam txmaemux ph s 2334 idekidkbtkhuninnkhrcapaskdithaihecaichykumartxngesdchniaelwipswrrkhtinpa aetthawfayhnaaehngbansinghtha emuxngyosthr kb ecaemuxngxubl phuepnphraechstha idykkxngkalngipprabkbtaelatiexaemuxngcapaskdikhunmaid thaihthawfayhnaidrbaetngtngcaksyamihepnkhunnang taaehnngysphrapraethsrachphukhrxngnkhrcapaskdiminamwa phrawiichyrachkhttiywngsa emuxphrawiichyrachkhttiywngsathungaekkrrmin ph s 2350 fayxanackrsyamcungidaetngtng oxrskhxng khunepnecaemuxngaethn aetkthungaekphiraly hlngrbsuphrrnbtrecaemuxngidephiyng 3 wn faysyamcungidaetngtngihecahmanxy oxrskhxngxuprachsurioy epnecankhrcapaskdi txmaekidkhuninemuxng thaihecahmanxythuksngtwlngipyngkrungethph aelaidthungaekkrrmthikrungethph inpi ph s 2370 oxrskhxngecaxnuwngs thimikhwamchxbcakkarprabkbtxaysa cungidrbaetngtngepnecankhrcapaskdi aetemuxekidehtukarnkbtecaxnuwngskhun ecarachbutroycungthukcbtwsngihaekthangkrungethph ecahuycungidrbaetngtngepnecankhrcapaskdiin ph s 2371 emuxthungaekphiralyin ph s 2384 phuepnxuprachcungidkhrxngemuxngsubaethn cnthungaekphiralydwyxhiwatkorkhin ph s 2396 thangfaysyamcungidaetngtng phuepnoxrskhxngecahuy khunepnecankhrcapaskdi minamwa cnthung ph s 2402 kthungaekkrrm phuepnxnuchacungidepnecankhrcapaskdisubaethn miphranamwa phraxngkhidsngbutrchaythng 3 ipyngkrungethphcnidrbphrarachthanbrrdaskdithngsamkhnidaek ecarachdny hyuy ecaskdiprasiththi ecaebng aelaecaskdipraesrith ecaxuy emuxekidkrniphiphathsyam frngess fayxanackrsyamidykdinaednfngsayaemnaokhngihaekfrngessinpi ph s 2446 emux thungaekphiraly ecarachdny hyuy kidrbaetngtngcakfrngessihepnphuwakarnkhrcapaskdi dngnnxanackrlanchangcapaskdicungmithanaepnxananikhmkhxngfrngessduephimladbkstriylaw thrrmeniymkarpkkhrxngkhxngxanackrlanchang praethslaw xanackrlannaxangxingSimms 1999 p ix xiii Stuart Fox 1998 p 143 146 Wyatt David K Thailand A Short History New Haven Yale University Press 2003 ISBN 0 300 08475 7 sila wirawngs mha eriyberiyng phngsawdanlaw ewiyngcnthn sankngan s thrrmphkdi 2496 hna 38 42 phrawx phrata inprawtisastrithy law silpa mag com 2022 08 04 sila wirawng phrarachpwtkhxngsmeddphraecaxanuwngs kasdxngsudthayaehngphrarachwngsewiyngcn ewiyngcn 2512 brrnanukrmAskew Marc Long Colin Logan William 2007 Vientiane Transformations of a Lao Landscape Routledge ISBN 978 0 415 33141 8 Bunce Fredrick 2004 Buddhist Textiles of Laos Lan Na the Isan D K Print World ISBN 978 81 246 0250 8 Bush Austin Elliot Mark Ray Nick 2011 Laos Lonely Planet ISBN 978 1 74179 153 2 Coe Michael D 2003 Angkor and Khmer Civilization Thames amp Hudson ISBN 978 0 500 02117 0 Dupuy R Ernest Dupuy Trevor N 1993 The Harper Encyclopedia of Military History From 3500 B C to the Present Fourth ed New York HarperCollins Publishers Inc ISBN 0 06 270056 1 Evans Grant 2009 The Last Century of Lao Royalty Silkworm Books ISBN 978 616 215 008 1 Evans Grant Osborne Milton 2003 A Short History of Laos The Land in Between Allen amp Unwin ISBN 978 1 86448 997 2 Gaspardone Emile 1971 L inscription du Ma Nhai Bulletin de la Societe des Etudes Indochinoises 46 1 71 84 Golomb Louis 1976 The Origin Spread and Persistence of Glutinous Rice as a Staple Crop in Mainland Southeast Asia Journal of Southeast Asian Studies 7 1 1 15 doi 10 1017 s0022463400010237 Gorman Chester 1976 Ban Chiang A mosaic of impressions from the first two years Expedition 18 4 14 26 Higham Charles 1996 The Bronze Age of Southeast Asia Cambridge World Archeology ISBN 978 0 521 56505 9 Holt John 2009 Spirits of the Place Buddhism and Lao Religious Culture University of Hawaii Press ISBN 978 0 8248 3327 5 Ivarsson Soren 2008 Creating Laos The Making of a Lao Space Between Indochina and Siam 1860 1945 Nordic Institute of Asian Studies ISBN 978 87 7694 023 2 Kiernan Ben 2019 Việt Nam a history from earliest time to the present ISBN 9780190053796 Kohn George Childs 1999 Dictionary of Wars Revised ed New York Facts On File Inc ISBN 0 8160 3928 3 McDaniel Justin 2008 Gathering Leaves and Lifting Words Histories of Buddhist Monastic Education in Laos and Thailand University of Washington Press ISBN 978 0 295 98849 8 Ngaosyvathn Mayoury Pheuiphanh Ngaosyvathn 1998 Paths to Conflagration Fifty Years of Diplomacy and Warfare in Laos Thailand and Vietnam Southeast Asia Program Publications ISBN 978 0 87727 723 1 Ngaosyvathn Mayoury Pheuiphanh Ngaosyvathn 2009 The Enduring Sacred Landscape of the Naga Mekong Press ISBN 978 974 303 160 1 Osborne Milton 2001 The Mekong Turbulent Past Uncertain Future Grove Press ISBN 978 0 8021 3802 6 Savada Andrea Matles b k 1995 Laos a country study 3rd ed Washington D C Library of Congress ISBN 0 8444 0832 8 OCLC 32394600 bthkhwamnirwmexaenuxkhwamcakaehlngxangxingni sungepnsatharnsmbti a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite encyclopedia title aemaebb Cite encyclopedia cite encyclopedia a CS1 maint postscript lingk Simms Peter and Sanda 1999 The Kingdoms of Laos Six Hundred Years of History Curzon Press ISBN 978 0 7007 1531 2 Solheim Wilhelm 1973 Northern Thailand Southeast Asia and World Prehistory Asian Perspectives 13 145 162 Stuart Fox Martin 1993 Who was Maha Thevi Siam Society Journal 81 Stuart Fox Martin 1998 The Lao Kingdom of Lan Xang Rise and Decline White Lotus Press ISBN 978 974 8434 33 9 Stuart Fox Martin 2003 A Short History of China and Southeast Asia Trade Tribute and Influence Allen amp Unwin ISBN 978 1 86448 954 5 Stuart Fox Martin 2006 Naga Cities of the Mekong A Guide to the Temples Legends and History of Laos Media Masters ISBN 978 981 05 5923 6 Stuart Fox Martin 2008 Historical Dictionary of Laos The Scarecrow Press Inc ISBN 978 0 8108 5624 0 Tossa Wajupp Nattavong Kongdeuane MacDonald Margaret Read 2008 Lao Folktales Libraries Unlimited ISBN 978 1 59158 345 5 Turton Andrew b k 2000 Civility and Savagery Social Identity in Tai States Routledge ISBN 978 0 7007 1173 4 Viravong Sila 1964 History of Laos trans New York Paragon Book pp 50 51 ISBN 978 0 685 41963 2 Wyatt David K 1963 Siam and Laos 1767 1827 Journal of Southeast Asian History 4 2 13 32 doi 10 1017 S0217781100002787 Wyatt David K 2003 Thailand A Short History Yale University Press ISBN 978 0 300 08475 7 Wyatt David K Wichienkeeo Aroonrut b k 1995 The Chiang Mai Chronicle Silkworm Books ISBN 978 974 7100 62 4 sila wirawngs phngsawdarlaw ewiyngcnthn krathrwngsuksathikar 2500