พรมแดนของประเทศฮังการีในปัจจุบัน (หลัง ค.ศ. 1946) มีความคล้ายคลึงกับ (ที่ราบพันโนเนีย) ในยุโรปกลาง ในช่วงยุคเหล็ก พื้นที่ตั้งอยู่ที่ทางแยกระหว่างพื้นที่ทางวัฒนธรรมของชนเผ่าเซลติก (เช่น Scordisci, Boii และ Veneti) (เช่น Dalmatae, Histri และ Liburni) และกลุ่มชนเจอร์มานิก (เช่น Lugii, Gepids และ Marcomanni)
ชื่อ "พันโนเนียน" มาจากพันโนเนีย จังหวัดหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน เฉพาะส่วนตะวันตกของดินแดน (ที่เรียกว่า) ของฮังการีสมัยใหม่เท่านั้นที่เป็นส่วนหนึ่งของพันโนเนีย การควบคุมของโรมันสิ้นสุดลงด้วยการรุกรานของชาวฮันใน ค.ศ. 370–410 และพันโนเนียเป็นส่วนหนึ่งของในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 6 ซึ่งประสบความสำเร็จโดย (คริสต์ศตวรรษที่ 6 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 9) ชาวฮังการีเข้ายึดครองแอ่งคาร์เพเทียนในลักษณะที่วางแผนไว้ล่วงหน้า โดยมีการย้ายเข้ามาเป็นเวลานานระหว่าง ค.ศ. 862–895
อาณาจักรชาวคริสต์แห่งฮังการีก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1000 ภายใต้พระเจ้าอิชต์วานซึ่งปกครองโดย ตลอดสามศตวรรษต่อมา ใน อาณาจักรขยายไปถึงชายฝั่งทะเลเอเดรียติกและเข้าร่วมเป็นกับในรัชสมัยของใน ค.ศ. 1102 ในรัชสมัยของ ฮังการีโดยพวกมองโกลภายใต้การนำของ ใน ค.ศ. 1241 ชาวฮังการีที่มีจำนวนมากกว่าพ่ายแพ้อย่างเด็ดขาดในโดยกองทัพมองโกล ในการรุกรานครั้งนี้ ชาวฮังการีกว่า 500,000 คนถูกสังหารหมู่และทั้งอาณาจักรเหลือแต่เถ้าถ่าน เชื้อสายทางบิดาของราชวงศ์อาร์ปาดที่ปกครองสิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1301 และกษัตริย์องค์ต่อ ๆ มาของฮังการีทั้งหมด (ยกเว้น) เป็นผู้สืบเชื้อสายทางสายเลือดของราชวงศ์อาร์ปาด ฮังการีเผชิญกับความรุนแรงของสงครามออตโตมันในยุโรปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 จุดสูงสุดของการต่อสู้นี้เกิดขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแมทเธียส คอร์วินุส (ครองราชย์ตั้งแต่ ค.ศ. 1458–1490) สงครามออตโตมัน-ฮังการีสิ้นสุดลงด้วยการสูญเสียดินแดนและการแบ่งอาณาจักรอย่างมีนัยสำคัญหลังจากยุทธการที่โมฮาชใน ค.ศ. 1526
การป้องกันการขยายตัวของออตโตมันเปลี่ยนไปที่ และอาณาจักรฮังการีที่เหลืออยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค ดินแดนที่สูญเสียไปได้รับการฟื้นฟูด้วยการยุติ ดังนั้นดินแดนฮังการีทั้งหมดจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบอบราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค หลังจากการลุกฮือของพวกชาตินิยมใน ค.ศ. 1848 การประนีประนอมของออสเตรีย-ฮังการีใน ค.ศ. 1867 ได้ยกระดับสถานะของฮังการีโดยการสร้างระบอบกษัตริย์ร่วมกัน Archiregnum Hungaricum มีขนาดใหญ่กว่าฮังการีในปัจจุบันมาก ตามใน ค.ศ. 1868 ซึ่งได้ตัดสินสถานะทางการเมืองของภายใน
หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ฝ่ายมหาอำนาจกลางบังคับให้ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์คล่มสลาย สนธิสัญญาแซ็ง-แฌร์แม็ง-อ็อง-แลและทรียานงแยกดินแดนร้อยละ 72 ของราชอาณาจักรฮังการี ซึ่งยกให้แก่เชโกสโลวาเกีย ราชอาณาจักรโรมาเนีย ราชอาณาจักรแห่งชาวเซิร์บ โครแอต และสโลวีน สาธารณรัฐออสเตรียที่ 1 สาธารณรัฐโปแลนด์ที่ 2 และราชอาณาจักรอิตาลี หลังจากนั้นก็มีการประกาศสาธารณรัฐประชาชนที่มีอายุสั้น ตามมาด้วยราชอาณาจักรฮังการีที่ได้รับการฟื้นฟูแต่ปกครองโดยมิกโลช โฮร์ตี ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เขาเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการในระบอบกษัตริย์ของฮังการีของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 พระมหากษัตริย์อัครทูตแห่งฮังการี ซึ่งถูกจองจำในช่วงเดือนสุดท้ายที่ ระหว่าง ค.ศ. 1938 ถึง ค.ศ. 1941 ฮังการีได้ดินแดนบางส่วนที่เสียไปกลับคืนมา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ฮังการีอยู่ภายใต้การยึดครองของเยอรมนีใน ค.ศ. 1944 จากนั้นอยู่ภายใต้การยึดครองของสหภาพโซเวียตจนกระทั่งสงครามสิ้นสุด หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สาธารณรัฐฮังการีที่ 2 ได้จัดตั้งขึ้นภายในพรมแดนปัจจุบันของฮังการีในฐานะสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชน ซึ่งมีอายุตั้งแต่ ค.ศ. 1949 จนถึงใน ค.ศ. 1989 สาธารณรัฐฮังการีที่ 3 ก่อตั้งขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ. 1949 โดยมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งประกาศใช้ใน ค.ศ. 2011 ฮังการีเข้าร่วมสหภาพยุโรปใน ค.ศ. 2004
ประวัติศาสตร์ช่วงต้น
มีการค้นพบมนุษย์โบราณสายพันธุ์ (Homo heidelbergensis) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษร่วมกันของมนุษย์นีแอนเดอร์ทาลและมนุษย์ยุคปัจจุบัน จากฟอสซิลมนุษย์โบราณ "ชอมู (Samu)" ซึ่งค้นพบที่เมืองเวร์แตสเซอเลิช (Vértesszőlős) ประเทศฮังการี ซึ่งมีอายุกว่า 3 แสนปี และร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์โบราณกว่า 5 แสนปีก่อน ส่วนมนุษย์ปัจจุบัน (Homo sapiens) ค้นพบหลักฐานการอยู่อาศัยที่เก่าแก่ที่สุดเมื่อ 3 หมื่นปีก่อน และมีการค้นพบว่ามีการเกิดขึ้นของวัฒนธรรมยุคหินใหม่เมื่อ 8 พันปีก่อน เรียกว่า "วัฒนธรรมยุคหินใหม่สตาร์เชโว่-เกอเริช-คริช (Starčevo–Körös–Criș culture)" ยุคสำริดเริ่มขึ้นเมื่อ 5 พันปีก่อนด้วยวัฒนธรรมยุคสำริดวูเชโดล (Vučedol culture)
ยุคเหล็กได้เริ่มขึ้นเมื่อ 800 ปีก่อนคริสตกาลด้วยการค้นพบวัตถุโบราณทราโก-คิมเมเรียน (Thraco-Cimmerian) ซึ่งสื่อให้เห็นถึงการทับซ้อนกันของอิทธิพลวัฒนธรรมโนโวเชร์คาสค์ (Novocherkassk culture วัฒนธรรมซึ่งเป็นรากฐานของชาวไซเทีย) และวัฒนธรรมฮาลสตัทท์ (Hallstatt culture รากฐานของชาวเคลต์) ชาวฮาลสตัทท์ยึดครองตอนเหนือของเขตทรานส์ดานูเบียตะวันตก ชาวพันโนเนีย (สันนิษฐานว่าเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์ชนเผ่าอิลลีร์ Illyrian) กระจายอยู่ทั่วที่ราบพันโนเนียโดยทั่วไป ชาวเคลต์สกอร์ดิสกิ (Scordisci) ตั้งรกรากในปี 279 ก่อนค.ศ. ในทรานส์ดานูเบียทางใต้ และส่วนตะวันออกเฉียงเหนือของที่ราบพันโนเนียได้มีการตั้งรกรากโดยชาวโบยอิ (ฺBoii) เมื่อประมาณ 200 ก่อน ค.ศ.
จักรวรรดิโรมันได้ทำการพิชิตดินแดนทางตะวันตกของแม่น้ำดานูบ ระหว่าง 35 ถึง 9 ปีก่อนคริสตกาล โดยตั้งแต่ 9 ปีก่อนคริสตกาลจนถึงปลายศตวรรษที่ 4 แคว้นพันโนเนีย (Pannonia) ทางตะวันตกของที่ราบพันโนเนีย มีสถานะเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน โดยมีการตั้งเมืองขึ้นในที่ราบพันโนเนียหลายเมือง เช่น เมืองซาวาเรีย (Savaria ปัจจุบันคือ เมืองโซมบ็อตแฮย์ Szombathely ทางตะวันตกของฮังการี) และเมืองอาควินคุม (Aquincum ปัจจุบันคือ เมืองโอบูดอ Óbuda ฝั่งตะวันตกตอนเหนือในอาณาเขตของกรุงบูดาเปสต์)
หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกจากปัญหาภายในและการรุกรานของอนารยชน ในคริสต์ศตวรรษที่ 5 มีชนเผ่าจากยุโรปตะวันออกจำนวนมากเข้ามาในยุโรปกลางโดยเริ่มต้นด้วยกลุ่มชาวฮัน ได้ทำการโจมตียึดครองยุโรปตะวันออก ตั้งเป็นอาณาจักรฮันนิก ผู้ปกครองที่มีอำนาจที่สุดของอาณาจักรฮันนิก คือ อัตติลาเดอะฮัน (ค.ศ. 434–453) ซึ่งต่อมาได้มีการสลายตัวไป หลังจากการสลายตัวของอาณาจักรฮันนิก ชาวเกปิดส์ (Gepids) ซึ่งเป็นชนเผ่าเยอรมันดั้งเดิมทางตะวันออกซึ่งถูกพวกฮันส์ยึดครองได้ก่อตั้งอาณาจักรของตนเองขึ้นในที่ราบพันโนเนีย กลุ่มอื่น ๆ ที่มาถึงแอ่งคาร์เพเทียนในช่วงการอพยพ ได้แก่ ชาวก็อธ แวนดัล ลอมบาร์ด และ ชาวสลาฟ ในช่วงทศวรรษที่ 560 ชาวอาวาร์ได้ก่อตั้งจักรวรรดิข่านอาวาร์ ซึ่งเป็นรัฐที่รักษาอำนาจสูงสุดในภูมิภาคนี้มานานกว่าสองศตวรรษ ชาวแฟรงค์ภายใต้กษัตริย์ชาร์เลอมาญเอาชนะเผ่าอาวาร์ลงได้ในสมรภูมิรบ ช่วงทศวรรษที่ 790 ทำให้เผ่าอาวาร์ถอนตัวออกจากยุโรปกลาง ในช่วงกลางศตวรรษที่ 9 อาณาเขตของทะเลสาบบอลอโตนได้รับการจัดตั้งขึ้นเป็น อาณาจักรชายแดนพันโนเนียของอาณาจักรแฟรงค์ (Frankish March of Pannonia) ส่วนด้านตะวันออกของแม่น้ำดานูบถูกยึดครองโดยจักรวรรดิบัลแกเรียแห่งแรก โดยพวกบัลแกเรียเข้ายึดการปกครองของชนเผ่าสลาฟในท้องถิ่นและเผ่าอาวาร์ที่หลงเหลืออยู่
ยุคกลางและยุคใหม่ช่วงต้น
การบุกทวีปยุโรป และการพิชิตที่ราบพันโนเนียของชาวฮังการี ค.ศ. 895−972
ชาวฮังการี หรือ ชาวม็อจยอร์ ที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้การนำของหัวหน้าเผ่า นามว่า อาร์พาด ผู้สืบเชื้อสายตามประเพณีของอัตติลาเดอะฮัน ได้ทำการพิชิตที่ราบพันโนเนีย (Honfoglalás ฮงโฟ้กลอลาช) ตั้งรกรากอยู่ในที่ราบพันโนเนีย เริ่มตั้งแต่ปี 895 ตามทฤษฎี Finno-Ugrian เผ่าฮังการีมีต้นกำเนิดมาจากประชากรที่พูดภาษาอูราลิกโบราณซึ่งเดิมเคยอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าระหว่างแม่น้ำโวลก้าและเทือกเขาอูราล ในแถบไซบีเรีย (ปัจจุบันอยู่ในประเทศรัสเซีย) ในรูปแบบสหพันธ์ชนเผ่าที่เป็นปึกแผ่น ประเทศฮังการีก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 895 ประมาณ 50 ปีหลังจากการแบ่งจักรวรรดิแคโรลิงเกียนตามสนธิสัญญาแวร์ดุนในปี ค.ศ. 843 ก่อนการรวมอาณาจักรแองโกล - แซกซอน ในขั้นต้นราชรัฐฮังการี (หรือที่เรียกว่า "Western Tourkia" ในแหล่งข้อมูลกรีกยุคกลาง) เป็นรัฐที่สร้างขึ้นโดยเผ่าเร่ร่อน มีการปกครองที่มีประสิทธิภาพและมีอำนาจทางทหารที่สูง ทำให้ชาวฮังการีประสบความสำเร็จในการรบอย่างดุเดือดโดยชาวฮังการีทำการบุกเมืองในยุโรปตั้งแต่กรุงคอนสแตนติโนเปิลทางตะวันออก ไปจนถึง แถบคาบสมุตรสเปนในปัจจุบัน ชาวฮังการีเอาชนะกองทัพจักรวรรดิแฟรงกิชตะวันออกที่สำคัญไม่น้อยกว่าสามกองทัพ ระหว่างปี ค.ศ. 907 ถึง 910 แต่ก็ได้หยุดการรุกรานเกือบทั้งหมด หลังความพ่ายแพ้ของกองทัพฮังการีในสมรภูมิเลชเฟลด์ในปี ค.ศ. 955 และทำการตั้งถิ่นฐานในที่ราบพันโนเนีย ล้อมรอบไปด้วยภูเขาคาร์เพเทียในแอ่งคาร์เพเทียน
ยุคของราชวงศ์อาร์พาด ค.ศ. 972−1308
พระเจ้าอิชต์วานที่ 1 แห่งฮังการี หรือ กษัตริย์เซนต์สตีเฟน กษัตริย์องค์แรกของฮังการี เปลี่ยนให้เผ่าฮังการีมานับถือศาสนาคริสต์
ปี ค.ศ. 972 เป็นปีที่แกรนด์พรินซ์ (ฮังการี: fejedelem) เกซาแห่งราชวงศ์อาร์พาด เริ่มเปลี่ยนศาสนาของเผ่าฮังการีให้เข้ากับยุโรปตะวันตกที่นับถือศาสนาคริสต์ เซนต์สตีเฟน (พระเจ้าอิชต์วานที่ 1 แห่งฮังการี) บุตรชายคนแรกของเขากลายเป็นกษัตริย์องค์แรกของฮังการี หลังเอาชนะโคปปาญ (Koppány) ลุงผู้นับถือลัทธิเพเกินฮังการีของเขาซึ่งอ้างสิทธิ์ในบัลลังก์ด้วย ภายใต้พระเจ้าอิชต์วานที่ 1 แห่งฮังการี ประเทศฮังการีได้รับการยอมรับว่าเป็นอาณาจักรคริสเตียน หลังเข้าพบกับสมเด็จพระสันตะปาปาซิลเวสเตอร์ที่ 2 พระเจ้าอิชต์วานที่ 1 แห่งฮังการีได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูง (ซึ่งอาจรวมถึง มงกุฎเซนต์สตีเฟน ซึ่งปัจจุบันเก็บไว้ในรัฐสภาฮังการี) จากพระสันตปาปา ใน ค.ศ. 1006 พระเจ้าอิชต์วานที่ 1 แห่งฮังการีได้รวมอำนาจและเริ่มการปฏิรูปอย่างกว้างขวางเพื่อเปลี่ยนฮังการีให้เป็นรัฐศักดินาแบบตะวันตก ประเทศฮังการีเปลี่ยนมาใช้ภาษาละติน และ จนถึงปลายปี ค.ศ. 1844 ภาษาละตินยังคงเป็นภาษาราชการของฮังการี ในช่วงเวลานี้ฮังการีเริ่มกลายเป็นอาณาจักรที่มีอำนาจ
ลาสโล่ที่ 1 ขยายพรมแดนของฮังการีไปจนสุดเขตทรานซิลเวเนียและบุกโครเอเชียในปี ค.ศ. 1091 โดยการบุกโครเอเชียสิ้นสุดลงในสมรภูมิภูเขากะวอซด์ (Battle of Gvozd Mountain) ในปี ค.ศ. 1097 และเป็นสหภาพส่วนบุคคลของโครเอเชียและฮังการีในปี 1102 ซึ่งปกครองโดย กษัตริย์คาลมาน แห่งฮังการี (หรือ คาลมานผู้รักการอ่าน) กษัตริย์ที่ทรงอำนาจและมั่งคั่งที่สุดของราชวงศ์อาร์พาด คือ เบลอที่ 3 ซึ่งใช้จ่ายด้วยแร่เงินบริสุทธิ์ 23 ตันต่อปี ซึ่งมากกว่าการใช้จ่ายของกษัตริย์ฝรั่งเศส (ประมาณ 17 ตัน) และเป็นสองเท่าของรายวงศ์อังกฤษ
กษัตริย์ออนดราชที่ 2 ได้ออกตราสาร Diploma Andreanum ซึ่งรับรองสิทธิพิเศษของเขตอยู่อาศัยของนิคมชาวเยอรมันแซ็กซันในเขตทรานซิลเวเนีย ถือเป็นกฎหมายเอกราชฉบับแรกของโลก และเป็นผู้นำสงครามครูเสดครั้งที่ห้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในปี ค.ศ. 1217 โดยตั้งกองทัพหลวงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สงครามครูเสด ตราสารกระทิงทอง ปี ค.ศ. 1222 ของเขาเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกในภาคพื้นทวีปยุโรป ซึ่งทำให้เหล่าขุนนางเริ่มแสดงความคับข้องใจแก่แอนดรูว์ที่ 2 ซึ่งเป็นรากฐานที่นำไปสู่สถาบันรัฐสภา (parlamentum publicum)
ในปี ค. ศ. 1241–1242 อาณาจักรได้รับความเสียหายครั้งใหญ่จากการรุกรานของชาวมองโกล (โกลเดนฮอร์ด) มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากร 2 ล้านคนในฮังการีในขณะนั้นเสียชีวิตจากการรุกราน กษัตริย์เบลอที่ 4 ปล่อยให้ชาวคูมัน (Cuman) และชาวยาสสิก (Jassic) เข้ามาในประเทศซึ่งกำลังหลบหนีชาวมองโกล และต่อมาชนชาติเหล่านี้ก็ได้ถูกกลืนเข้าไปเป็นประชากรฮังการี โดยหลังจากมองโกลล่าถอย กษัตริย์เบลอได้สั่งให้สร้างปราสาทหินและป้อมปราการหลายร้อยแห่งเพื่อป้องกันการรุกรานของชาวมองโกลครั้งที่สองที่อาจเกิดขึ้นได้ ชาวมองโกลกลับมาที่ฮังการีในปี ค.ศ. 1285 แต่ระบบปราสาทหินที่สร้างขึ้นใหม่และยุทธวิธีใหม่ (โดยใช้อัศวินติดอาวุธในสัดส่วนที่สูงกว่า) หยุดยั้งพวกมองโลกไว้ได้ ทำให้กองทัพมองโกลที่รุกรานพ่ายแพ้ ใกล้กับเมืองแป็ชต์ (ปัจจุบันคือบูดาเปสต์ฝั่งขวา) โดยกองทัพของราชวงศ์ลาดิสลัสที่ 4 แห่งฮังการี การรุกรานในภายหลังทัพมองโกลถูกขับไล่อย่างรวดเร็ว ชาวมองโกลสูญเสียกำลังรุกรานไปมาก และไม่สามารถผนวกฮังการีไว้ในดินแดนของจักรวรรดิมองโกล
เมืองหลวงหลักของราชวงศ์อาร์พาดมีอยู่ 2 แห่ง คือ แอสแตร์โกม (Esztergom) และ เซแก็ชแฟเฮร์วาร์ (Székesfehérvár)
ยุคของราชวงศ์อ็องฌูและฮุนยอดิ ค.ศ. 1308−1526
หลังจากผู้ปกครองคนสุดท้ายของราชวงศ์อาร์พาดเสียชีวิตในปี 1301 การต่อสู้แย่งชิงอำนาจทำให้ประเทศอ่อนแอลงเป็นหลายปี ในที่สุดราชวงศ์อ็องฌู ซึ่งเป็นญาติของราชวงศ์อาร์พาดก็ได้รับอำนาจตลอดทั้งศตวรรษที่ 14 กษัตริย์ชาร์ลส์ โรแบรต์ (Charles Robert) กษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์อ็องฌู ได้รวมศูนย์อำนาจ ในรัชสมัยลูกชายของเขา หลุยส์ที่ 1 แห่งฮังการีประเทศฮังการีมีเขตแดนที่กว้างที่ใหญ่ที่สุด เลยไปถึงเขตประเทศโปแลนด์ ตะวันออกของประเทศออสเตรีย และบางส่วนของแคว้นโบฮีเมียในปัจจุบัน มีรัฐบริวารหลายร้อยรัฐอยู่ใต้ราชอำนาจของประเทศฮังการี หนึ่งในเมืองศูนย์กลางที่สำคัญที่สุดของกษัตริย์ราชวงศ์อ็องฌู (ถัดจากเมืองเซแก็ชแฟเฮร์วาร์และเมืองบูดา) คือเมืองวิแชกราด ในศตวรรษที่ 15 ราชอาณาจักรฮังการีเป็นมหาอำนาจที่สำคัญในยุโรป ในช่วงรัชสมัยของจักรพรรดิซีกิสมุนท์แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
ในรัชสมัยของกษัตริย์แมทเธียส คอร์วินุส (Matthias Corvinus) ประเทศฮังการีได้มีพัฒนาการทางวัฒนธรรมที่เจริญที่สุด ศูนย์กลางหลักของประเทศกลายเป็นเมืองบูดาพร้อมด้วยราชสำนักยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่มีชื่อเสียงของกษัตริย์แมเธียส กษัตริย์แมทเธียส คอร์วินุสได้ปกป้องพรมแดนด้านตะวันออกจากจักรวรรดิออตโตมัน และได้โจมตีดินแตนทางด้านตะวันตก ไกลจนถึงแคว้นโบฮีเมีย และ กรุงเวียนนา รวมถึงป้องกันการรุกรานจากพวกเติร์กในทางตะวันออกได้ หลังกษัตริย์แมเธียส คอร์นิวุส สวรรคตโดยไร้ซึ่งทายาทผู้ชอบธรรม บังลังก์แห่งฮังการีได้รับการสืบทอดโดย พระเจ้าววาดือสวัฟที่ 2 ยากีลโลแห่งโปแลนด์ กษัตริย์แห่งราชวงศ์ยากีลโล (ค.ศ. 1490-1516) ซึ่งทำให้ราชสำนักฮังการีเกิดความอ่อนแอ และ เกิดความสั่นคลอนทางอำนาจภายในราชอาณาจักร ทำให้ท้ายสุดประเทศฮังการีเกิดทั้งหมด ได้ตกไปอยู่ในการครอบครองของจักรวรรดิออตโตมัน หลังจากสงครามออตโตมัน ที่ฮังการีกับออตโตมันได้ทำการรบมานานกว่า 150 ปี
ในยุคนี้ เมืองหลวงของราชอาณาจักรฮังการี คือ บูดอ แตแมชวาร์ วิแชกราด และ เวียนนา (ภายใต้การยึดครองของกษัตริย์แมทเธียส คอร์วินุสเป็นระยะเวลาชั่วคราว)
ยุคสงครามออตโตมัน (ค.ศ. 1526−1699)
ในตอนต้นของคริสต์ทศวรรษ 1520 จักรวรรดิออตโตมานได้โจมตีป้อมปราการชายแดนฮังการีทางตอนใต้อย่างต่อเนื่อง หลังจากสงครามกับชาวฮังการีและรัฐอื่น ๆ ราว 150 ปี การล่มสลายของเมืองนานโดร์แฟเฮร์วาร์ (Nándorfehérvár) (หรือ กรุงเบลเกรด ประเทศเซอร์เบียในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นประตูสำคัญทางใต้ของอาณาจักรฮังการีในยุคกลาง เป็นปัจจัยใหญ่ที่ทำให้ทัพจักรวรรดิออตโตมันเคลื่อนทัพสู่ที่ราบพันโนเนียได้ การโจมตีเมืองนานโดร์แฟเฮร์วาร์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1521 ตามมาด้วยการโจมตีพื้นที่ด้านในของประเทศ จักรวรรดิออตโตมันได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดเหนือกองทัพฮังการีในยุทธการที่โมฮาช ในปี ค.ศ. 1526 ซึ่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 2 แห่งฮังการี สิ้นพระชนม์ขณะหลบหนี ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายทางการเมืองนั้น ขุนนางฮังการีที่แตกแยกได้เลือกกษัตริย์สองพระองค์ให้ปกครองราชอาณาจักรฮังการีพร้อมกัน คือ พระเจ้ายาโนชที่ 1 แห่งฮังการี (John Zápolya) และ จักรพรรดิแฟร์ดีนันท์ที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Ferdinand I) แห่งราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค
ทัพของจักรวรรดิออตโตมันทำการโจมตีจักรวรรดิโรมันอันศักดิสิทธ์อย่างต่อเนื่อง โดยทำการปิดล้อมกรุงเวียนนาในปี ค.ศ. 1529 แต่ไม่สามารถยึดได้สำเร็จ หลังการยึดครองกรุงบูดาโดยชาวเติร์กในปี ค.ศ. 1541 ฮังการีได้ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนและยังคงอยู่จนถึงสิ้นศตวรรษที่ 17 ทางตะวันตกเฉียงเหนือถูกผนวกโดยราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค ซึ่งปกครองในฐานะกษัตริย์แห่งฮังการี เรียกส่วนนี้ว่า ราชอาณาจักรฮังการี (เมืองหลวงอยู่ที่กรุงบราติสลาวา ประเทศสโลวาเกีย) แผ่นดินส่วนตะวันออกของราชอาณาจักรกลายเป็นเอกราชในฐานะราชรัฐทรานซิลเวเนีย ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมัน (และต่อมาโดยราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค) พื้นที่ศูนย์กลางที่เหลืออยู่รวมถึงเมืองหลวงบูดาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ปาชาลิกแห่งบูดา (Pashalik of Buda) เป็นพื้นที่ใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมัน ทหารออตโตมัน 17,000-19,000 คน ประจำการอยู่ในป้อมปราการออตโตมันในดินแดนของฮังการี โดยเป็นชาวเติร์กออร์โธดอกซ์และชาวมุสลิมบอลข่านสลาฟ มากกว่าชาวตุรกี นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่จากกลุ่มชนสลาฟออร์ธอด็อกซ์ใต้ที่ทำหน้าที่เป็น ทหารราบอาคินยิ (akinji) และกองกำลังอื่น ๆ ที่มีไว้สำหรับการปล้นสะดมในดินแดนของฮังการีในปัจจุบัน ในปี ค.ศ. 1686 กองทัพของโฮลีลีก (Holy League) ซึ่งมีทหารกว่า 74,000 คนจากชาติต่าง ๆ ได้ยึดคืนกรุงบูดาจากออตโตมันเติร์ก หลังจากความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับของออตโตมานในอีกไม่กี่ปีต่อมา ราชอาณาจักรฮังการีทั้งหมดก็ถูกปลดออกจากการปกครองของออตโตมันในปี ค.ศ. 1718 การบุกเข้าไปในฮังการีครั้งสุดท้ายโดยข้าราชบริพารชาวเติร์กตาตาร์จากไครเมียเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1717
หลังพ้นจากการครอบครองของจักรวรรดิออตโตมัน จักรวรรดิออสเตรียของราชวงศ์ฮาร์พบวร์ก ได้ทำการยึดครอง และ ปกครองอาณาเขตทั้งหมดของราชอาณาจักรฮังการี ราชวงศ์ฮาร์พบวร์กได้ทำการปฏิรูปศาสนาและการปกครองในอาณาเขตราชอาณาจักรฮังการี ในศตวรรษที่ 17 ทำให้อาณาจักรส่วนใหญ่หันมานับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก แทนที่นิกายโปรแตสแตนท์ องค์ประกอบทางชาติพันธุ์ของฮังการีได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยพื้นฐานอันเป็นผลมาจากสงครามที่ยืดเยื้อกับจักรวรรดิออตโตมัน พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศได้รับความเสียหาย การเติบโตของประชากรถูกทำให้ชงัก และเมืองขนาดเล็กจำนวนมาก ถูกทำลายราบคาบ รัฐบาลออสเตรียภายใต้จักรวรรดิออสเตรีย ได้ทำการตั้งถิ่นฐานชาวเซิร์บและชาวสลาฟอื่น ๆ ไว้ทางตอนใต้ที่ประชากรถูกกำจัดเกือบหมด และ ตั้งรกรากชาวเยอรมัน (เรียกว่า ดานูบสวาเบียน) ในหลายพื้นที่ แต่ชาวฮังการีไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งถิ่นฐานหรือตั้งถิ่นฐานใหม่ทางตอนใต้ของที่ราบฮังการีใหญ่ คงไว้เฉพาะตอนกลางและตอนเหนือเท่านั้น
ยุคใหม่
ฮังการีภายใต้จักรวรรดิออสเตรีย (ค.ศ. 1669−ค.ศ. 1867)
สงครามอิสรภาพของราโกตซี (ค.ศ. 1703−ค.ศ. 1711)
ระหว่างปี 1703 ถึงปี 1711 ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออสเตรีย มีการลุกฮือครั้งใหญ่ที่นำโดยเจ้าชายราโกตซี แฟแร็นตส์ที่ 2 ซึ่งหลังจากการอ่อนกำลังลงของราชวงศ์ฮาพส์บวร์ก จากการต่อสู้ภายใน (สงครามสืบราชบัลลังก์สเปน) ทำให้ในปี ค.ศ. 1707 ณ สภาไดเอตแห่งโอโน็ต (Diet of Ónod) ราโกตซีได้เข้ามามีอำนาจชั่วคราวในฐานะเจ้าชายปกครองฮังการีในช่วงสงคราม แต่ปฏิเสธการขึ้นเป็นกษัตริย์ฮังการี และกลายเป็นสงครามเพื่อปลดแอกจากราชวงศ์ฮาร์พบวร์ก เรียกว่า สงครามอิสรภาพของราโกตซี โดยมีการรวมตัวเป็นกองทัพต่อต้านราชวงศ์ฮาพส์บวร์กโดยชาวฮังการี เรียกว่า กองทัพคุรุตซ์ (Kuruc) แม้ว่ากองทัพคุรุตซ์จะเข้ายึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศได้ แต่แพ้การสู้รบหลักที่แทร็นเชน (Trencsén) (ปัจจุบันคือเมือนเตรนซีน ประเทศสโลวาเกีย) ซึ่งส่งผลให้ใน ค.ศ. 1708 กองกำลังคุรุตซ์ ได้ทำการจำนน เนื่องจากการความพ่ายแพ้ต่อออสเตรียและขวัญกำลังใจที่ตกต่ำ
ยุคปฏิรูป (ค.ศ. 1825−ค.ศ. 1848)
ในช่วงระหว่างและหลังจากสงครามนโปเลียน สภาไดเอ็ทของฮังการีไม่ได้มีการจัดประชุมกันมาหลายทศวรรษ ในช่วงทศวรรษที่ 1820 จักรพรรดิแห่งออสเตรียถูกบังคับให้จัดประชุมสภาไดเอ็ท ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคปฏิรูป (1825–1848, ฮังการี: reformkor) เคานต์ อิชต์วาน เซแช็นยี (Count István Széchenyi) หนึ่งในรัฐบุรุษที่โดดเด่นที่สุดของประเทศฮังการี ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับปรุงฮังการีให้ทันสมัย การรณรงค์ของเขานั้นทำให้เกิดการบูรณะรัฐสภาฮังการีขี้นใหม่ในปี ค.ศ. 1825 ในช่วงเวลานี้ได้มีการกำเนิดพรรคเสรีนิยมเกิดขึ้นและมุ่งเน้นไปที่นโยบายเพื่อพวกชนชั้นล่าง นายลอโย็ช โค็ชชูต (Lajos Kossuth) นักเขียนข่าวที่มีชื่อเสียงในเวลานั้น กลายเป็นผู้นำของสภาล่างในรัฐสภา การเปลี่ยนแปลงมุ่งเน้นไปที่ความทันสมัย แม้ว่าราชวงศ์ฮาพส์บวร์กจะทำการขัดขวางกฎหมายเสรีนิยมที่สำคัญทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสิทธิพลเมือง การเมือง และ การปฏิรูปเศรษฐกิจ อีกทั้งยังมีการคุมขังนักปฏิรูปหลายคน เช่น ลอโย็ช โค็ชชูต (Lajos Kossuth) และ มิฮาย ตานชิช (Mihály Táncsics) โดยทางการ เนื่องจากการพยายามปฏิรูประบอบการเมืองการปกครองใหม่ จนสุดท้ายพวกออสเตรียต้องยอมให้อำนาจครึ่งหนึ่งกับชาวฮังการี กลายเป็น จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ประเทศมหาอำนาจในยุโรปกลาง มีเมืองหลวง คือ กรุงเวียนนา และ กรุงบูดาเปสต์ และมีพระมหากษัตริย์ร่วมกัน คือ จักรพรรดิฟรันทซ์ โยเซ็ฟที่ 1 แห่งออสเตรีย
การปฏิวัติฮังการี (ค.ศ. 1848)
การเปลี่ยนแปลงจักรวรรดิสู่การกำเนิดของจักรวรรดิออสเตรียฮังการี
หลังจากเกิดเหตุการณ์การเจรจาต่อรองระหว่างออสเตรียและฮังการีเมื่อปี ค.ศ. 1867 ซึ่งดำเนินการการรวมชาติการเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ และเป็นการสานต่อโครงสร้างของการปกครองที่คงตัวตั้งแต่เมื่อยังคงเป็นจักรวรรดิออสเตรีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1804 ถึง ค.ศ. 1867 เพื่อปกป้องและขยายอำนาจของจักรวรรดิ ซึ่งรวมไปถึงคาบสมุทรอิตาลี (ซึ่งนำไปสู่สงครามออสเตรีย-ซาร์ดีเนียเมื่อปีค.ศ. 1859) ท่ามกลางรัฐต่างๆของสมาพันธรัฐเยอรมัน ซึ่งถูกแทนที่โดยปรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจสูงสุดในกลุ่มประเทศเยอรมัน อันนำไปสู่สงครามออสเตรีย-ปรัสเซีย เมื่อปีค.ศ. 1866 ทำให้ประเทศหลายประเทศต้องมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง รวมทั้งประเทศฮังการี ซึ่งมีการชุมนุมประท้วงที่ไม่พอใจการปกครองของออสเตรีย รวมทั้งการรวมเชื้อชาติต่างๆของจักรวรรดิออสเตรีย ชาวฮังการีไม่พอใจต่อการปราบปรามจลาจลของออสเตรีย ซึ่งมีจักรวรรดิรัสเซียสนับสนุนอีกแรง ซึ่งนำไปสู่การปฏิวัติฮังการี ค.ศ. 1848 อย่างไรก็ตาม ความไม่พอใจของฮังการีต่อการปกครองของทางออสเตรียได้เกิดขึ้นเป็นเวลาหลายปี
ส่วนทางด้านออสเตรียซึ่งสนับสนุนระบอบกษัตริย์หรือจักรพรรดิอย่างเต็มที่ จักรพรรดิฟรันซ์ โยเซฟ ทรงริเริ่มที่จะเจรจากับฮังการี โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้นำปฏิวัติของชาวฮังการี ให้มั่นใจและรับรองต่อระบอบการปกครองของพระองค์ โดยในที่สุด ชาวฮังการีก็ยอมรับพระองค์เป็นประมุขในฐานะสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งฮังการี โดยฮังการีได้ก่อตั้งรัฐสภาเป็นของตนเอง ณ กรุงบูดาเปสต์ เพื่อที่จะได้ออกกฎหมายเป็นของตนเองในนามของ ดินแดนแห่งมงกุฏนักบุญสตีเฟน
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี (ค.ศ. 1867−ค.ศ. 1918)
สงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ. 1914−ค.ศ. 1918)
สนธิสัญญาทรียานง (ค.ศ. 1920) และการเสียดินแดนของราชอาณาจักรฮังการี
สนธิสัญญาทรียานง (ฝรั่งเศส: Traité de Trianon; ฮังการี: Trianoni békeszerződés; อังกฤษ: Treaty of Trianon) เป็นหนึ่งในห้าสนธิสัญญาสันติภาพสำคัญ ที่เตรียมไว้ในการประชุมสันติภาพปารีสและลงนามในพระราชวังกร็องทรียานง (Grand Trianon Palace) ในเมืองแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1920 ระหว่างชาติฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง กับราชอาณาจักรฮังการี หลังเป็นหนึ่งในรัฐผู้สืบทอดของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี หลังการแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี โดยมีเนื้อหาในการทำให้อาณาจักรฮังการีกลายเป็นราชอาณาจักรฮังการี และแบ่งแยกดินแดนเดิมของอาณาจักรฮังการีแก่ประเทศเพื่อนบ้าน
สนธิสัญญาทรียานงร่างขึ้นจากคำร้องขอสงบศึกของ อดีตจักรพรรดิและรัฐบาลขุนนางจักรวรรดิออสเตรีย- ฮังการี หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรและผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องได้ยอมรับคำขอสงบศึกของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 โดยฝ่ายสัมพันธมิตรได้กำหนดให้ฮังการีเป็นรัฐอิสระและกำหนดเขตแดนเสียใหม่ การแบ่งดินแดนทำให้ประเทศฮังการีกลายเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีพื้นที่ 93,073 ตารางกิโลเมตร (35,936 ตารางไมล์) เป็นปริมาณเพียง 28% จากพื้นที่เดิมของฮังการีเมื่อยังเป็นจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งเคยมีพื้นที่อยู่ 325,411 ตารางกิโลเมตร (125,642 ตารางไมล์) มีประชากร 7.6 ล้านคน ซึ่งนับเป็นเพียง 36% ของจำนวนประชากรในฮังการีก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ที่มีประชากรอยู่ 20.9 ล้านคน พื้นที่ที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจัดสรรให้กับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด ส่วนใหญ่ประชากรไม่ใช่ชาวฮังการี แต่ 31% ของชาวฮังการี (3.3 ล้านคน) ถูกทิ้งไว้นอกเขตแดนของประเทศฮังการี ห้าในสิบเมืองที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรก่อนสงครามตกไปอยู่ในการครอบครองของประเทศอื่น ๆ เช่น เมืองโปโจญ (Pozsony: ปัจจุบันคือ กรุงบราติสลาวา, เมืองหลวงของประเทศสโลวาเกีย), เมืองโคโลจวาร์ (Kolozsvár: ปัจจุบันคือ เมืองคลูช-นาโปกา, ประเทศโรมาเนีย), เมืองซาเกร็บ (Zágráb: ปัจจุบันคือ กรุงซาเกร็บ, ประเทศโครเอเชีย), เมืองน็อจวาร็อด (Nagyvárad, ปัจจุบันคือ เมืองออราเดีย, ประเทศโรมาเนีย) เป็นต้น สนธิสัญญาทรียานงจำกัดขนาดกองทัพของฮังการีให้มีทหารเพียง 35,000 คน และกองทัพเรือออสเตรีย-ฮังการีถูกยุบลงไป
ประเทศที่ได้ครองดินแดนของอาณาจักรฮังการีที่เสียไป ประกอบด้วยราชอาณาจักรโรมาเนีย, สาธารณรัฐเชโกสโลวัก, ราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย และสาธารณรัฐออสเตรีย หนึ่งในองค์ประกอบหลักของสนธิสัญญาคือแนวคิด "การตัดสินใจโดยประชาชน" เป็นความพยายามที่จะทำให้คนที่ไม่ใช่ชาวฮังการี มีรัฐชาติและความเป็นเอกราชของตนเอง นอกจากนี้ฮังการีจะต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามให้กับประเทศเพื่อนบ้านด้วย สนธิสัญญาดังกล่าวถูกกำหนดโดยฝ่ายสัมพันธมิตรมากกว่าการเจรจาร่วมกับชาวฮังการี และชาวฮังการีไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับเงื่อนไขสนธิสัญญา คณะผู้แทนชาวฮังการีได้ลงนามในสนธิสัญญาทรียานง (พร้อมกับการเขียนประท้วงสนธิสัญญาแนบร่วม) เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1920 ที่พระราชวังกร็องทรียานง ในเมืองแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส สนธิสัญญาดังกล่าวได้รับการจดทะเบียนในชุดสนธิสัญญาของสันนิบาตชาติเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1921 อาณาเขตของประเทศสาธารณรัฐฮังการีในปัจจุบันมียังมีขนาดคงเดิมตามสนธิสัญญาทรียานง มีการแก้ไขเล็กน้อยจนถึงปี ค.ศ. 1924 เกี่ยวกับชายแดนฮังการีและออสเตรีย (รัฐบูร์เกนลันด์) รวมไปถึงหมู่บ้านสามแห่งที่กลายเป็นดินแดนของประเทศเชโกสโลวาเกียในปี ค.ศ. 1947 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
สนธิสัญญาทรียานง เป็นเหตุการณ์สูญเสียทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของประเทศฮังการี เป็นสาเหตุที่ทำให้มีชนกลุ่มน้อยฮังการีกระจัดกระจายอยู่ทั่ว 7 ประเทศที่ได้ดินแดนไปในฮังการี วันที่ 4 มิถุนายน ของทุก ๆ ปี คือ วันรวมเป็นหนึ่งแห่งชาติ (A nemzeti összetartózás napja) เพื่อชาวฮังการีที่อยู่ทั่วโลก ให้มารวมกันอีกครั้ง หลังการถูกแยกกันจากสนธิสัญญาทรียานง
ระหว่างสงครามโลก (ค.ศ. 1918−ค.ศ. 1938)
หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง วิเตซ มิกโลช โฮร์ตี แห่งน็อจบาญอ (ฮังการี: nagybányai Horthy Miklós) พลเรือเอกชาวฮังการี ที่ได้กลายเป็นผู้สำเร็จราชการแห่งราชอาณาจักรฮังการี ซึ่งมิกโลช โฮร์ตี ได้ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแห่งอาณาจักรฮังการีในสมัยระหว่างสงคราม และเกือบตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1920 ถึง 15 ตุลาคม ค.ศ. 1944 เขาได้ถูกขนามนามว่า "ฮิสเซอรีนไฮเนส ผู้สำเร็จราชการแห่งอาณาจักรฮังการี"(ฮังการี: Ő Főméltósága a Magyar Királyság Kormányzója) เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพเรือออสเตรีย-ฮังการีในช่วงท้ายปีของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาได้รับการเลื่อนยศตำแหน่งเป็นพลเรือโทและผู้บัญชาการกองเรือ เมื่อพลเรือเอกก่อนหน้านี้ได้ถูกขับออกจากตำแหน่งโดยจักรพรรดิคาร์ลที่ได้ให้การสนับสนุนการก่อกบฏ ในปี ค.ศ. 1919 ตามมาด้วยส่วนหนึ่งของการปฏิวัติและการเข้าแทรกแซงจากภายนอกในฮังการี ตั้งแต่โรมาเนีย เชโกสโลวาเกีย และยูโกสลาเวีย โฮร์ตีได้เดินทางกลับบูดาเปสต์พร้อมกับกองทัพแห่งชาติและต่อมาก็ได้รับเชิญให้เป็นผู้สำเร็จราชการจากรัฐสภาฮังการี โฮร์ตีได้นำรัฐบาลชาติอนุรักษนิยมตลอดช่วงสมัยระหว่างสงคราม และได้ประกาศให้พรรคคอมมิวนิสต์ฮังการีและพรรคแอร์โรว์ครอสส์ เป็นพรรคการเมืองผิดกฎหมาย และดำเนินนโยบายต่างประเทศที่มุ่งเน้นการเรียกร้องดินแดนที่เสียไปในสนธิสัญญาทรียานงคืน เขาเป็นผู้ทำให้ความพยายามคืนสู่บัลลังก์ของ สมเด็จพระเจ้าคาร์ลที่ 4 ทั้งสองครั้งในปี ค.ศ. 1921 ต้องล้มเหลว รัฐบาลฮังการีตกอยู่ใต้ภัยคุกคามจากฝ่ายสัมพันธมิตรที่อาจจะประกาศสงครามถ้าหากมีการฟื้นฟูราชวงศ์ฮาพส์บวร์คขึ้นมา สมเด็จพระเจ้าคาร์ลที่ 4 จึงทรงถูกพาออกไปจากฮังการีโดยเรือรบของสหราชอาณาจักรในสถานะผู้ลี้ภัย
สงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1938−ค.ศ. 1944)
ในปลายปี ค.ศ. 1930 นโยบายต่างประเทศของโฮร์ตี ทำให้เขาต้องกลายเป็นพันธมิตรอย่างไม่เต็มใจกับเยอรมนีในการต่อกรกับสหภาพโซเวียต ด้วยการสนับสนุนอย่างเดียดฉันท์ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ โฮร์ตีนั้นสามารถกู้คืนดินแดนบางส่วนที่ถูกเอาไปจากพวกเขาโดยฝ่ายสัมพันธมิตร เช่น สโลวาเกียตอนใต้ ราชอาณาจักรยูโกสลาเวียบางส่วน เขตทรานซิลเวียเนียบางส่วน และ เขตทรานสคาลเพเทียของสหภาพโซเวียต ภายใต้การนำของโฮร์ตี, ฮังการีได้ให้การสนับสนุนผู้ลี้ภัยชาวโปแลนด์ในปี ค.ศ. 1939 และได้มีส่วนร่วมในบทบาทการสนับสนุน (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับแนวหน้า) ในช่วงที่เยอรมันเข้ารุกรานสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1941 และเยอรมันเข้ารุกรานยูโกสลาเวียในปีเดียวกัน ได้ครอบครองและผนวกรวมเข้ากับดินแดนของชาวฮังการีในอดีตซึ่งได้ถูกมอบให้กับราชณาจักรยูโกสลาเวีย โดยฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง อย่างไรก็ตามด้วยความไม่เต็มใจของโฮร์ตีที่จะมีส่วนร่วมในความพยายามทำสงครามของเยอรมันและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในฮังการี รวมทั้งได้ปฏิเสธที่จะส่งมอบชาวยิวเชื้อสายฮังการีมากกว่า 600,000 คนจาก 825,000 คนให้แก่เจ้าหน้าที่เยอรมัน ควบคู่ไปกับความพยายามหลายครั้งในการจัดการข้อตกลงอย่างลับ ๆ กับฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากได้เห็นชัดเจนว่า ฝ่ายอักษะจะพ่ายแพ้สงคราม จนท้ายที่สุดก็ทำให้เยอรมันต้องส่งกองทัพเข้าไปรุกรานและเข้าควบคุมประเทศฮังการีในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1944 ในปฏิบัติการมาร์กาเรต ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1944 โฮร์ตีได้แถลงการณ์ว่าฮังการีนั้นได้ประกาศสงบศึกกับฝ่ายสัมพันธมิตรและถอนตัวออกจากฝ่ายอักษะแล้ว เขาได้ถูกบังคับให้ลาออกและถูกจับกุมโดยนาซีเยอรมนีและถูกพาตัวไปยังแคว้นบาวาเรีย
คอมมิวนิสต์ฮังการี (ค.ศ. 1945−ค.ศ. 1989)
หลังจากความพ่ายแพ้ของนาซีเยอรมนี ประเทศฮังการีกลายเป็น ผู้นำโซเวียตได้เลือก นายมาตยาช ราโกชิ (Mátyás Rákosi) ให้เป็นผู้นำในการเปลี่ยนระบบของประเทศฮังการีให้เป็นแบบคอมมิวนิสต์แบบโซเวียต ราโกชิได้ปกครองฮังการีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1949 ถึง ค.ศ. 1956 นโยบายของรัฐบาลในด้านการทหาร, การทำอุตสาหกรรม, การรวมกลุ่ม และ การชดเชยจากสงครามทำให้คุณภาพชีวิตในประเทศฮังการีลดลงอย่างรุนแรง ในการเลียนแบบตำรวจลับ KGB ของโจเซฟ สตาลิน รัฐบาลของราโกชิได้จัดตั้งตำรวจลับ ÁVH เพื่อบังคับใช้ระบอบการปกครองใหม่ โดยได้ทำการกวาดล้างเจ้าหน้าที่และปัญญาชนประมาณ 350,000 คน ซึ่งถูกจำคุกหรือประหารชีวิตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1948 ถึง 1956 นักคิดอิสระ, นักประชาธิปไตย และ บุคคลสำคัญในสมัยผู้สำเร็จราชการมิกโลช โฮร์ตีหลายคนถูกจับอย่างลับ ๆ และถูกวิสามัญฆาตกรรมในค่ายกักกันแรงงานกูลากทั้งในและต่างประเทศ ชาวฮังการีราว 600,000 คนถูกเนรเทศไปยังค่ายแรงงานโซเวียตซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 200,000 คน
หลังจากการเสียชีวิตของสตาลินในปี ค.ศ. 1953 สหภาพโซเวียตได้ดำเนินโครงการกดขี่ประชาชนแบบราโคซีหลายแบบ ซึ่งนำไปสู่การปลดมาตยาช ราโกชิ ออกจากตำแหน่ง และนายอิมแร น็อจย์ (Imre Nagy) ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน ในช่วงนี้ได้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองมากขึ้นจากนักศึกษาและปัญญาชน อิมแร น็อจย์สัญญาว่าจะเปิดการค้าเสรีและการเปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ในขณะที่นายราโกชิคัดค้านทั้งสองอย่างจริงจัง ในที่สุดราโกชิก็สามารถทำลายชื่อเสียงของอิมเร น็อจย์ และแทนที่เขาด้วยนายแอร์เนอ แกเรอ (Ernő Gerő) ที่แข็งกร้าวกว่า ประเทศฮังการีเข้าร่วมสนธิสัญญาวอร์ซอ ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1955 เนื่องจากความไม่พอใจของสังคมต่อระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ที่เพิ่มขึ้นในรัฐบริวารของโซเวียตรัสเซีย หลังจากการยิงผู้ประท้วงอย่างสันติโดยกองกำลังทหารโซเวียตและตำรวจลับ ได้มีการชุมนุมทั่วประเทศเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 1956 ผู้ประท้วงพากันรวมตัวทั่วท้องถนนในกรุงบูดาเปสต์และเริ่มการปฏิวัติรัฐบาล เรียกว่า การปฏิวัติฮังการี ค.ศ. 1956 เพื่อที่จะระงับความวุ่นวาย นายอิมแร น็อจย์ได้กลับมาดำรงตำแหน่งในฐานะนายกรัฐมนตรี และสัญญาว่าจะมีการเลือกตั้งโดยเสรีและนำฮังการีออกจากสนธิสัญญาวอร์ซอ
อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงยังคงดำเนินต่อไปในขณะที่กองกำลังปฏิวัติลุกขึ้นต่อสู้กับกองทัพโซเวียตและตำรวจลับ ÁVH กองกำลังประชาชนติดอาวุธประมาณ 3,000 คน ได้ต่อสู้กับรถถังโซเวียตโดยใช้ค็อกเทลโมโลตอฟและปืนพก แม้ว่าโซเวียตจะมีกองกำลังที่แข็งแกร่งกว่ามาก แต่กองทัพโซเวียตก็ประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก และเมื่อถึงวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1956 กองทัพโซเวียตส่วนใหญ่ได้ถอนกำลังจากกรุงบูดาเปสต์ไปรักษาการณ์ในชนบท ในช่วงเวลาหนึ่งผู้นำโซเวียตไม่แน่ใจว่าจะตอบสนองต่อการต่อต้านในฮังการีอย่างไร แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเข้าแทรกแซงเพื่อป้องกันไม่ให้อำนาจของสหภาพโซเวียตในยุโรปตะวันออกสั่นคลอน ในวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1956 มีการเสริมกำลังทหารมากกว่า 150,000 นายและรถถัง 2,500 คันเข้าประเทศฮังการีจากสหภาพโซเวียต ชาวฮังการีเกือบ 20,000 คนถูกสังหารในการต่อต้านการแทรกแซง ขณะที่อีก 21,600 คนถูกจำคุกหลังจากนั้นด้วยเหตุผลทางการเมือง ประมาณ 13,000 คนถูกคุมขัง และ 230 คนถูกนำตัวไปประหารชีวิต นายอิมแร น็อจย์ถูกตัดสินทางการเมืองอย่างลับๆ โดยถูกตัดสินว่ามีความผิด และถูกตัดสินประหารชีวิต เขาถูกประหารชีวิตโดยการแขวนคอในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1958 เนื่องจากพรมแดนของประเทศฮังการีถูกเปิดออกเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ผู้คนเกือบ 250,000 คนได้หนีออกจากประเทศ ก่อนที่การปฏิวัติของอิมแร น็อจย์จะถูกระงับลง
หลังช่วงเวลาแห่งการยึดครองทางทหารของโซเวียตไม่นานนัก นายยาโนช กาดาร์ (János Kádár) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิมแร น็อจย์ ได้รับเลือกจากผู้นำโซเวียตให้เป็นหัวหน้ารัฐบาลใหม่และเป็นประธานพรรคสังคมนิยมแรงงาน (MSzMP) ที่ปกครองใหม่ กาดาร์ทำให้สถานการณ์เป็นปกติอย่างรวดเร็ว ในปี ค.ศ. 1963 รัฐบาลได้ให้นิรโทษกรรมทั่วไปและปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังส่วนใหญ่การลุกฮือใน ค.ศ. 1956 กาดาร์ประกาศแนวนโยบายใหม่ตามที่ประชาชนไม่ถูกบังคับให้แสดงความภักดีต่อพรรคอีกต่อไปหากพวกเขายอมรับระบอบสังคมนิยมโดยปริยายว่าเป็นความจริงของชีวิต ในสุนทรพจน์หลายครั้งเขาอธิบายว่า "คนที่ไม่ต่อต้านเราอยู่กับเรา" ยาโนช กาดาร์นำเสนอลำดับความสำคัญของการวางแผนใหม่ในระบบเศรษฐกิจ เช่น การอนุญาตให้เกษตรกรมีที่ดินส่วนตัวจำนวนมากภายใต้ระบบฟาร์มรวม (háztájigazdálkodás ฮาซตายิกอสดาลโกดาช) มาตรฐานการครองชีพในฮังการีสูงขึ้นเนื่องจากสินค้าอุปโภคบริโภคและการผลิตอาหารมีความสำคัญเหนือกว่าการผลิตยุทโธปกรณ์ทางทหาร ซึ่งมีอัตราลดลงเหลือหนึ่งในสิบเมื่อเทียบกับก่อนการปฏิวัติใน ค.ศ. 1956
ในปี ค.ศ. 1968 กลไกเศรษฐกิจใหม่ (NEM) ได้นำองค์ประกอบของตลาดเสรีเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม จากทศวรรษที่ 1960 ถึงปลายทศวรรษที่ 1980 ประเทศฮังการีมักถูกเรียกว่าเป็น "ค่ายทหารที่มีความสุขที่สุด" ในกลุ่มยุโรปตะวันออก ในช่วงหลังสงครามเย็น GDP ต่อหัวของฮังการีเป็นอันดับสี่รองจากเยอรมนีตะวันออก เชโกสโลวาเกีย และ สหภาพโซเวียต อันเป็นผลมาจากมาตรฐานการครองชีพที่ค่อนข้างสูงนี้ เศรษฐกิจที่เปิดเสรีมากขึ้น การกดขี่จากภาครัฐที่น้อยลง และสิทธิในการเดินทางที่ถูกจำกัดน้อยลง ฮังการีจึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในประเทศคอมมิวนิสต์ที่มีความเป็นเสรีนิยมที่สุดในช่วงคอมมิวนิสต์ อย่างไรก็ตามในช่วงทศวรรษที่ 1980 มาตรฐานการครองชีพลดลงอย่างมากอีกครั้งเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ซึ่งประเทศคอมมิวนิสต์ไม่สามารถที่จะแก้ไขวิกฤตได้ เมื่อกาดาร์เสียชีวิตในปี 1989 สหภาพโซเวียตประสบกับภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจอย่างมาก (ซึ่งนำไปสู่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1991) และนักปฏิรูปรุ่นใหม่เห็นว่าการเปิดประเทศให้เสรีจะเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งการเคลื่อนไหวทางการเมืองนี้ จะเป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงของประเทศฮังการีเข้าสู่การเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยในที่สุด
หลังการล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์จนถึงปัจจุบัน (ค.ศ. 1989−ปัจจุบัน)
ใน ค.ศ. 1989 มีเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงระบบการเมือง (ฮังการี: rendszerváltás) เนื่องจากการร่วมสลายของระบอบคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตและกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก โดยมีการก่อตั้งสาธารณรัฐฮังการีที่ 3 (Harmadik Magyar Köztársaság) ขึ้นมา ในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 1989 แทนที่สาธารณรัฐประชาชนฮังการี ซึ่งมีระบบการปกครองเป็นแบบคอมมิวนิสต์ และในปีถัดมา ค.ศ. 1990 ประเทศฮังการีได้มีการจัดตั้งรัฐสภา, รัฐบาล และ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐขึ้น ถึงแม้จะมีการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจหลังการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองดีขึ้นมา หลังจากนั้น ก็ได้มีการจัดตั้งสถาบันอื่น ๆ ที่สำคัญในประเทศต่อมาในภายหลัง หลังปี ค.ศ. 1990
ในช่วงทศวรรศที่ 1990 ประเทศฮังการีมีความพยายามสร้างร่วมมือกับประเทศยุโรปตะวันตก ประเทศฮังการีกลายเป็นสมาชิกนาโต้ในปี ค.ศ. 1999 และหลังจากการเป็นสมาชิกนาโต้ 2 สัปดาห์ ก็ได้มีส่วนร่วมในสงครามกลางเมืองยูโกสลาเวีย โดยมีประเทศเซอร์เบียและมอนเตเนโกรเป็นคู่กรณี ทหารฮังการีมีส่วนร่วมในปฏิบัติการของนาโต้ในอัฟกานิสถานเกือบตั้งแต่แรกเริ่ม โดยเป็นหน่วยงานด้านการแพทย์ หลังจากนั้น ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 มีการส่งหน่วยทหารฮังการีเข้าไปรบในประเทศอัฟกานิสถาน โดยงานของกองกำลังฮังการีในอัฟการนิสถานนั้น ส่วนใหญ่ประกอบด้วยหน่วยงานลาดตระเวนคุ้มกันและหน่วยงานสังคมสงเคราะห์
ฮังการีเข้าร่วมสหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2007 และเป็นสมาชิกพื้นที่เชงเก้นของสหภาพยุโรป ซึ่งทำให้การควบคุมพรมแดนถาวรที่พรมแดนฮังการี - ออสเตรีย, ฮังการี - สโลวีเนีย และฮังการี - สโลวัก ถูกยกเลิก แต่สกุลเงินอย่างเป็นทางการของประเทศยังคงเป็นเงินสกุลฮังกาเรียนโฟรินต์ ไม่ได้ใช้เงินยูโร
ชื่ออย่างเป็นทางการของประเทศเปลี่ยนจากสาธารณรัฐฮังการี เป็นประเทศฮังการี (Magyarország) ตามกฎหมายพื้นฐานฉบับใหม่ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2012
ฮังการีในวิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัยยุโรป (ค.ศ. 2015)
ประเทศฮังการีได้ประสบกับวิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัยยุโรป ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 ถึง 2019 แต่มีจุดวิกฤตในปี ค.ศ. 2015 เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการย้านถิ่นฐานของมนุษย์ที่มีจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 จากการที่ผู้ลี้ภัยและผู้ย้ายถิ่นทางเศรษฐกิจได้ทำการอพยพจำนวนมากจากพื้นที่ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ ทวีปแอฟริกา และคาบสมุทรบอลข่านตะวันตก หลั่งไหลสู่สหภาพยุโรปข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ โดยผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่มาจากประเทศซีเรีย อัฟกานิสถานและเอริเตรีย ซึ่งประเทศฮังการีซึ่งเป็นประเทศหน้าด่านระหว่างสหภาพยุโรปและบอลข่านก็ได้ทำหน้าที่เป็นประเทศแรกที่ทำการรับรองผู้อพยพก่อนเดินทางต่อไปยังประเทศยุโรปตะวันตก อาทิ ประเทศเยอรมนี แต่ฮังการีคือหนึ่งในประเทศที่ไม่ยอมรับการรับผู้อพยพ และเกิดนโยบายกั้นรั้วพรมแดนด้านใต้ของประเทศที่ติดกับประเทศเซอร์เบีย นโยบายที่นำโดยนายวิกโตร์ โอร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการีจากพรรค FIDESZ
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 2015 รัฐบาลฮังการีได้ประกาศการก่อสร้างรั้วสูง 4 เมตร ยาว 175 กิโลเมตร ตามแนวชายแดนทางใต้ของประเทศเซอร์เบีย โดยได้ทำการสร้างเสร็จสิ้นในขั้นตอนที่หนึ่งเมื่อปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2015 ตามข้อมูลของกระทรวงกลาโหมฮังการี รั้วประกอบด้วยลวดมีดโกนของนาโต้สามเส้นยาว 175 กิโลเมตร และรั้วอีกชั้นหนึ่งเป็นรั้วลวดหนามสูงประมาณ 4 เมตร โดยรั้วชั้นที่สองได้ทำการสร้างเสร็จในปลายปี ค.ศ. 2015 นายยาโนช ลาซาร์ (János Lázár) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอธิบายว่า "ฮังการีถูกปิดล้อมจากผู้ค้ามนุษย์" และประกาศว่ารัฐบาลจะ "ปกป้องพรมแดนที่ขยาย [ของพวกเขา] นี้ด้วยกำลัง" ประเทศฮังการีได้ทำการจัดกำลังตำรวจ 9,000 นายเพื่อกันผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารจากการเข้าประเทศฮังการี โดยคณะกรรมาธิการยุโรปเตือนสมาชิกประเทศฮังการีเกี่ยวกับขั้นตอนที่ขัดต่อพันธกรณีของสหภาพยุโรปและเรียกร้องให้สมาชิกอย่างฮังการีหาวิธีอื่นในการรับมือกับการอพยพเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2015 นายวิกโตร์ โอร์บานได้ปกป้องการจัดการของประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ผู้อพยพภายใน แม้ว่าจะมีความวุ่นวายเนื่องจากการประท้วงของผู้อพยพโดยการอดอาหาร (hunger strike) หน้าสถานีรถไฟหลักระหว่างประเทศของบูดาเปสต์ (สถานีรถไฟตะวันออก: Keleti pályaudvar) พร้อมกับวิจารณ์การจัดการของประเทศเยอรมนีและสหภาพยุโรปโดยรวมที่ไม่ห้ามผู้อพยพเข้าสู่ยุโรป ในวันเดียวกันนั้นตำรวจฮังการีอนุญาตให้ผู้อพยพขึ้นรถไฟในบูดาเปสต์มุ่งหน้าไปทางตะวันตกก่อนจะหยุดที่เมืองบิชแก (Bicske) โดยตำรวจพยายามขนส่งผู้อพยพไปยังค่ายทะเบียนที่เมืองบิชแก เพื่อลงข้อมูลของผู้อพยพก่อนที่จะเดินทางต่อด้วยรถไฟอีกขบวนหนึ่งไปยังกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย แต่ผู้อพยพปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือและประท้วงขัดขืนโดยการอยู่ในรถไฟซึ่งไม่ได้เดินทางไปยังกรุงเวียนนาต่อไป
และเมื่อวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 2015 ผู้อพยพประมาณหนึ่งพันคนที่สถานีรถไฟตะวันออก (Keleti Pályaudvar) ออกเดินทางโดยการเดินเท้าไปยังออสเตรียและเยอรมนี ในคืนวันเดียวกันรัฐบาลฮังการีตัดสินใจส่งรถประจำทางเพื่อขนส่งผู้อพยพผิดกฎหมายไปยังเมืองแฮ็จแย็ชฮอโลม (Hegyeshalom) ที่ติดกับชายแดนประเทศออสเตรีย
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2015 มีรายงานว่าตำรวจฮังการีได้ปิดกั้นเส้นทางจากเซอร์เบียและจัดการจุดเข้าออกประจำที่มีเจ้าหน้าที่ทหารและเฮลิคอปเตอร์อย่างเข้มงวด พวกเขาปิดผนึกพรมแดนด้วยลวดมีดโกนและกักขังผู้อพยพข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย ด้วยการขู่ว่าจะถูกจับกุมและถูกตั้งข้อหาทางอาญา เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2015 ฮังการีได้ปิดผนึกพรมแดนกับเซอร์เบีย ผู้อพยพหลายร้อยคนพังรั้วกั้นระหว่างฮังการีและเซอร์เบียสองครั้งในวันพุธที่ 16 กันยายน 2015 และโยนเศษคอนกรีตและขวดน้ำข้ามรั้ว ตำรวจฮังการีตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตาและปืนใหญ่น้ำที่จุดผ่านแดนโฮร์โกช 2 (Horgoš 2) โดยรัฐบาลเซอร์เบีย ณ กรุงเบลเกรดประท้วงการกระทำเหล่านี้ของประเทศฮังการี ผู้ลี้ภัยชาวอิรักวัย 20 ปีถูกตัดสินให้เนรเทศและถูกห้ามเข้าประเทศฮังการีเป็นเวลา 1 ปีรวมถึงค่าธรรมเนียมศาล 80 ยูโรตามกฎหมายใหม่ที่บังคับใช้เมื่อไม่กี่วันก่อน เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2015 ประเทศฮังการีเริ่มสร้างรั้วอีกแห่งตามแนวชายแดนกับโครเอเชียซึ่งเป็นชาติสมาชิกสหภาพยุโรป แต่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเขตเชงเก้น ภายในสองสัปดาห์ผู้ลี้ภัยหลายหมื่นคนข้ามจากโครเอเชียไปยังฮังการีซึ่งส่วนใหญ่ไปชายแดนออสเตรีย
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2015 ฮังการีประกาศว่าจะปิดพรมแดนสีเขียวกับโครเอเชียสำหรับผู้อพยพ และตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมเป็นต้นไป ผู้อพยพหลายพันคนเปลี่ยนจุดหมายไปยังประเทศสโลวีเนียแทน และเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2016 ฮังการีได้ประกาศภาวะฉุกเฉินสำหรับทั้งประเทศและส่งทหาร 1,500 นายไปยังพรมแดนทางใต้ ในเดือนสิงหาคม 2016 ภาวะฉุกเฉินได้ขยายไปถึงเดือนมีนาคม 2018 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นับตั้งแต่ ปลายปี ค.ศ. 2015 จวบจนปัจจุบัน ประเทศฮังการีไม่ได้ประสบกับปัญหาที่ตามมาจากวิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัยยุโรปอีกเลย
ประเทศฮังการีและโรคโควิด-19 (ค.ศ. 2020−ปัจจุบัน)
ประเทศฮังการีเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 (SARS-CoV-2) ในวิกฤตการณ์การระบาดทั่วของโควิด-19 โดยมีเคสแรกเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2020 และวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 2020 ได้มีการตรวจพบไวรัสโควิด-19 ในทุก ๆ เทศมณฑลของประเทศฮังการี จนถึงปัจจุบัน (วันที่ 2 กุมภาพันธุ์ ค.ศ. 2021) มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 360,000 คน และเสียชีวิต 12,656 คน ซึ่งส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสภาพเศรษฐกิจของประเทศฮังการีทั้งประเทศ
จำนวนเคสที่ตรวจพบทั้งหมด | 369,288 |
---|---|
จำนวนผู้ที่กำลังรักษาตัวอยู่ | 87,829 |
จำนวนผู้ที่หายแล้ว | 268,803 |
จำนวนผู้เสียชีวิต | 12,656 |
จำนวนคนที่โดนกักตัวอยู่ | 18,030 |
จำนวนประชากรที่ตรวจเชื้อแล้ว | 3,176,944 |
ล่าสุด : Feb 2, 2022 8:49 CET |
อ้างอิง
- Inalcik Halil: "The Ottoman Empire"
- "" (PDF). Archived from the original (PDF) on 4 February 2011. Retrieved 20 September 2009.
- The United States ended the war with the U.S.–Hungarian Peace Treaty (1921)
- Craig, G. A. (1966). Europe since 1914. New York: Holt, Rinehart and Winston.
- Lichtheim, G. (1974). Europe in the Twentieth Century. New York: Praeger.
- "MILITARY ARRANGEMENTS WITH HUNGARY" (PDF). Library of Congress. US Congress. Retrieved 5 May 2020.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-03. สืบค้นเมื่อ 2021-02-03.
- Macartney, C. A. (1937). Hungary and her successors: The Treaty of Trianon and Its Consequences 1919–1937. Oxford University Press.
- Macartney, C. A. (1937). Hungary and her successors: The Treaty of Trianon and Its Consequences 1919–1937. Oxford University Press.
- https://en.wikipedia.org/wiki/Austro-Hungarian_Navy
- Martin P. van den Heuvel,Jan Geert Siccama: The Disintegration of Yugoslavia, Yearbook of European Studies, 1992 [1]
- "Trianon, Treaty of". The Columbia Encyclopedia. 2009.
- League of Nations Treaty Series, vol. 6, p. 188.
- Botlik, József (June 2008). "AZ ŐRVIDÉKI (BURGENLANDI) MAGYARSÁG SORSA 2020-09-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน". vasiszemle.hu. VASI SZEMLE.
- http://adatbank.sk/lexikon/pozsonyi-hidfo/
- "วิเตซ" (Vitéz) หมายถึงระดับชั้นอัศวินระดับหนึ่งที่มิกโลช โฮร์ตี ตั้งขึ้น; "วิเตซ" มีความหมายตามตัวอักษรว่า "อัศวิน" หรือ "กล้าหาญ"
- John Laughland: A History of Political Trials: From Charles I to Saddam Hussein, Peter Lang Ltd, 2008 [1]
- von Papen, Franz, Memoirs, London, 1952, pps:541-23, 546.
- "Az egész országban jelen van a koronavírus". index.hu. 2020-03-18. สืบค้นเมื่อ 2020-03-18.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phrmaednkhxngpraethshngkariinpccubn hlng kh s 1946 mikhwamkhlaykhlungkb thirabphnoneniy inyuorpklang inchwngyukhehlk phunthitngxyuthithangaeykrahwangphunthithangwthnthrrmkhxngchnephaesltik echn Scordisci Boii aela Veneti echn Dalmatae Histri aela Liburni aelaklumchnecxrmanik echn Lugii Gepids aela Marcomanni chux phnoneniyn macakphnoneniy cnghwdhnungkhxngckrwrrdiormn echphaaswntawntkkhxngdinaedn thieriykwa khxnghngkarismyihmethannthiepnswnhnungkhxngphnoneniy karkhwbkhumkhxngormnsinsudlngdwykarrukrankhxngchawhnin kh s 370 410 aelaphnoneniyepnswnhnungkhxnginchwngplaykhriststwrrsthi 5 thungklangkhriststwrrsthi 6 sungprasbkhwamsaercody khriststwrrsthi 6 thungkhriststwrrsthi 9 chawhngkariekhayudkhrxngaexngkharephethiyninlksnathiwangaephniwlwnghna odymikaryayekhamaepnewlananrahwang kh s 862 895 xanackrchawkhristaehnghngkarikxtngkhunin kh s 1000 phayitphraecaxichtwansungpkkhrxngody tlxdsamstwrrstxma in xanackrkhyayipthungchayfngthaelexedriytikaelaekharwmepnkbinrchsmykhxngin kh s 1102 inrchsmykhxng hngkariodyphwkmxngoklphayitkarnakhxng in kh s 1241 chawhngkarithimicanwnmakkwaphayaephxyangeddkhadinodykxngthphmxngokl inkarrukrankhrngni chawhngkarikwa 500 000 khnthuksngharhmuaelathngxanackrehluxaetethathan echuxsaythangbidakhxngrachwngsxarpadthipkkhrxngsinsudlngin kh s 1301 aelakstriyxngkhtx makhxnghngkarithnghmd ykewn epnphusubechuxsaythangsayeluxdkhxngrachwngsxarpad hngkariephchiykbkhwamrunaerngkhxngsngkhramxxtotmninyuorpinchwngkhriststwrrsthi 15 cudsungsudkhxngkartxsuniekidkhuninrchsmykhxngphraecaaemthethiys khxrwinus khrxngrachytngaet kh s 1458 1490 sngkhramxxtotmn hngkarisinsudlngdwykarsuyesiydinaednaelakaraebngxanackrxyangminysakhyhlngcakyuththkarthiomhachin kh s 1526 karpxngknkarkhyaytwkhxngxxtotmnepliynipthi aelaxanackrhngkarithiehluxxyuphayitkarpkkhrxngkhxngckrphrrdiaehngrachwngshaphsbwrkh dinaednthisuyesiyipidrbkarfunfudwykaryuti dngnndinaednhngkarithnghmdcungklayepnswnhnungkhxngrabxbrachathipityhaphsbwrkh hlngcakkarlukhuxkhxngphwkchatiniymin kh s 1848 karpranipranxmkhxngxxsetriy hngkariin kh s 1867 idykradbsthanakhxnghngkariodykarsrangrabxbkstriyrwmkn Archiregnum Hungaricum mikhnadihykwahngkariinpccubnmak tamin kh s 1868 sungidtdsinsthanathangkaremuxngkhxngphayin hlngsngkhramolkkhrngthihnung faymhaxanacklangbngkhbihrachathipityhaphsbwrkhlmslay snthisyyaaesng aechraemng xxng aelaelathriyanngaeykdinaednrxyla 72 khxngrachxanackrhngkari sungykihaekechoksolwaekiy rachxanackrormaeniy rachxanackraehngchawesirb okhraext aelasolwin satharnrthxxsetriythi 1 satharnrthopaelndthi 2 aelarachxanackrxitali hlngcaknnkmikarprakassatharnrthprachachnthimixayusn tammadwyrachxanackrhngkarithiidrbkarfunfuaetpkkhrxngodymikolch ohrti phusaercrachkaraethnphraxngkh ekhaepntwaethnxyangepnthangkarinrabxbkstriykhxnghngkarikhxngphraecacharlsthi 4 phramhakstriyxkhrthutaehnghngkari sungthukcxngcainchwngeduxnsudthaythi rahwang kh s 1938 thung kh s 1941 hngkariiddinaednbangswnthiesiyipklbkhunma inchwngsngkhramolkkhrngthisxng hngkarixyuphayitkaryudkhrxngkhxngeyxrmniin kh s 1944 caknnxyuphayitkaryudkhrxngkhxngshphaphosewiytcnkrathngsngkhramsinsud hlngsngkhramolkkhrngthisxng satharnrthhngkarithi 2 idcdtngkhunphayinphrmaednpccubnkhxnghngkariinthanasatharnrthsngkhmniymprachachn sungmixayutngaet kh s 1949 cnthungin kh s 1989 satharnrthhngkarithi 3 kxtngkhunphayitrththrrmnuychbbaekikhephimetim kh s 1949 odymirththrrmnuychbbihmsungprakasichin kh s 2011 hngkariekharwmshphaphyuorpin kh s 2004prawtisastrchwngtnmikarkhnphbmnusyobransayphnthu Homo heidelbergensis sungepnbrrphburusrwmknkhxngmnusyniaexnedxrthalaelamnusyyukhpccubn cakfxssilmnusyobran chxmu Samu sungkhnphbthiemuxngewraetsesxelich Vertesszolos praethshngkari sungmixayukwa 3 aesnpi aelarxngrxykarxyuxasykhxngmnusyobrankwa 5 aesnpikxn swnmnusypccubn Homo sapiens khnphbhlkthankarxyuxasythiekaaekthisudemux 3 hmunpikxn aelamikarkhnphbwamikarekidkhunkhxngwthnthrrmyukhhinihmemux 8 phnpikxn eriykwa wthnthrrmyukhhinihmstarechow ekxerich khrich Starcevo Koros Criș culture yukhsariderimkhunemux 5 phnpikxndwywthnthrrmyukhsaridwuechodl Vucedol culture yukhehlkiderimkhunemux 800 pikxnkhristkaldwykarkhnphbwtthuobranthraok khimemeriyn Thraco Cimmerian sungsuxihehnthungkarthbsxnknkhxngxiththiphlwthnthrrmonowechrkhaskh Novocherkassk culture wthnthrrmsungepnrakthankhxngchawisethiy aelawthnthrrmhalstthth Hallstatt culture rakthankhxngchawekhlt chawhalstththyudkhrxngtxnehnuxkhxngekhtthransdanuebiytawntk chawphnoneniy snnisthanwaepnswnhnungkhxngshphnthchnephaxillir Illyrian kracayxyuthwthirabphnoneniyodythwip chawekhltskxrdiski Scordisci tngrkrakinpi 279 kxnkh s inthransdanuebiythangit aelaswntawnxxkechiyngehnuxkhxngthirabphnoneniyidmikartngrkrakodychawobyxi Boii emuxpraman 200 kxn kh s ckrwrrdiormnidthakarphichitdinaednthangtawntkkhxngaemnadanub rahwang 35 thung 9 pikxnkhristkal odytngaet 9 pikxnkhristkalcnthungplaystwrrsthi 4 aekhwnphnoneniy Pannonia thangtawntkkhxngthirabphnoneniy misthanaepnswnhnungkhxngckrwrrdiormn odymikartngemuxngkhuninthirabphnoneniyhlayemuxng echn emuxngsawaeriy Savaria pccubnkhux emuxngosmbxtaehy Szombathely thangtawntkkhxnghngkari aelaemuxngxakhwinkhum Aquincum pccubnkhux emuxngoxbudx obuda fngtawntktxnehnuxinxanaekhtkhxngkrungbudaepst hlngcakkarlmslaykhxngckrwrrdiormntawntkcakpyhaphayinaelakarrukrankhxngxnarychn inkhriststwrrsthi 5 michnephacakyuorptawnxxkcanwnmakekhamainyuorpklangodyerimtndwyklumchawhn idthakarocmtiyudkhrxngyuorptawnxxk tngepnxanackrhnnik phupkkhrxngthimixanacthisudkhxngxanackrhnnik khux xttilaedxahn kh s 434 453 sungtxmaidmikarslaytwip hlngcakkarslaytwkhxngxanackrhnnik chawekpids Gepids sungepnchnephaeyxrmndngedimthangtawnxxksungthukphwkhnsyudkhrxngidkxtngxanackrkhxngtnexngkhuninthirabphnoneniy klumxun thimathungaexngkharephethiyninchwngkarxphyph idaek chawkxth aewndl lxmbard aela chawslaf inchwngthswrrsthi 560 chawxawaridkxtngckrwrrdikhanxawar sungepnrththirksaxanacsungsudinphumiphakhnimanankwasxngstwrrs chawaefrngkhphayitkstriycharelxmayexachnaephaxawarlngidinsmrphumirb chwngthswrrsthi 790 thaihephaxawarthxntwxxkcakyuorpklang inchwngklangstwrrsthi 9 xanaekhtkhxngthaelsabbxlxotnidrbkarcdtngkhunepn xanackrchayaednphnoneniykhxngxanackraefrngkh Frankish March of Pannonia swndantawnxxkkhxngaemnadanubthukyudkhrxngodyckrwrrdiblaekeriyaehngaerk odyphwkblaekeriyekhayudkarpkkhrxngkhxngchnephaslafinthxngthinaelaephaxawarthihlngehluxxyuyukhklangaelayukhihmchwngtnkarbukthwipyuorp aelakarphichitthirabphnoneniykhxngchawhngkari kh s 895 972 esnthangkarocmtiemuxnginthwipyuorp aela karphichitthirabphnoneniy odyhwhnaephaxarphad chawhngkari hrux chawmxcyxr thirwmepnhnungediyw phayitkarnakhxnghwhnaepha namwa xarphad phusubechuxsaytampraephnikhxngxttilaedxahn idthakarphichitthirabphnoneniy Honfoglalas hngofklxlach tngrkrakxyuinthirabphnoneniy erimtngaetpi 895 tamthvsdi Finno Ugrian ephahngkarimitnkaenidmacakprachakrthiphudphasaxuralikobransungedimekhyxasyxyuinphunthiparahwangaemnaowlkaaelaethuxkekhaxural inaethbisbieriy pccubnxyuinpraethsrsesiy inrupaebbshphnthchnephathiepnpukaephn praethshngkarikxtngkhuninpi kh s 895 praman 50 pihlngcakkaraebngckrwrrdiaekhorlingekiyntamsnthisyyaaewrduninpi kh s 843 kxnkarrwmxanackraexngokl aesksxn inkhntnrachrthhngkari hruxthieriykwa Western Tourkia inaehlngkhxmulkrikyukhklang epnrththisrangkhunodyephaerrxn mikarpkkhrxngthimiprasiththiphaphaelamixanacthangthharthisung thaihchawhngkariprasbkhwamsaercinkarrbxyangdueduxdodychawhngkarithakarbukemuxnginyuorptngaetkrungkhxnsaetntionepilthangtawnxxk ipcnthung aethbkhabsmutrsepninpccubn chawhngkariexachnakxngthphckrwrrdiaefrngkichtawnxxkthisakhyimnxykwasamkxngthph rahwangpi kh s 907 thung 910 aetkidhyudkarrukranekuxbthnghmd hlngkhwamphayaephkhxngkxngthphhngkariinsmrphumielchefldinpi kh s 955 aelathakartngthinthaninthirabphnoneniy lxmrxbipdwyphuekhakharephethiyinaexngkharephethiyn yukhkhxngrachwngsxarphad kh s 972 1308 phraecaxichtwanthi 1 aehnghngkari hrux kstriyesntstiefn kstriyxngkhaerkkhxnghngkari epliynihephahngkarimanbthuxsasnakhrist pi kh s 972 epnpithiaekrndphrins hngkari fejedelem eksaaehngrachwngsxarphad erimepliynsasnakhxngephahngkariihekhakbyuorptawntkthinbthuxsasnakhrist esntstiefn phraecaxichtwanthi 1 aehnghngkari butrchaykhnaerkkhxngekhaklayepnkstriyxngkhaerkkhxnghngkari hlngexachnaokhppay Koppany lungphunbthuxlththiephekinhngkarikhxngekhasungxangsiththiinbllngkdwy phayitphraecaxichtwanthi 1 aehnghngkari praethshngkariidrbkaryxmrbwaepnxanackrkhrisetiyn hlngekhaphbkbsmedcphrasntapapasilewsetxrthi 2 phraecaxichtwanthi 1 aehnghngkariidrbekhruxngrachxisriyaphrnchnsung sungxacrwmthung mngkudesntstiefn sungpccubnekbiwinrthsphahngkari cakphrasntpapa in kh s 1006 phraecaxichtwanthi 1 aehnghngkariidrwmxanacaelaerimkarptirupxyangkwangkhwangephuxepliynhngkariihepnrthskdinaaebbtawntk praethshngkariepliynmaichphasalatin aela cnthungplaypi kh s 1844 phasalatinyngkhngepnphasarachkarkhxnghngkari inchwngewlanihngkarierimklayepnxanackrthimixanac lasolthi 1 khyayphrmaednkhxnghngkariipcnsudekhtthransileweniyaelabukokhrexechiyinpi kh s 1091 odykarbukokhrexechiysinsudlnginsmrphumiphuekhakawxsd Battle of Gvozd Mountain inpi kh s 1097 aelaepnshphaphswnbukhkhlkhxngokhrexechiyaelahngkariinpi 1102 sungpkkhrxngody kstriykhalman aehnghngkari hrux khalmanphurkkarxan kstriythithrngxanacaelamngkhngthisudkhxngrachwngsxarphad khux eblxthi 3 sungichcaydwyaerenginbrisuththi 23 tntxpi sungmakkwakarichcaykhxngkstriyfrngess praman 17 tn aelaepnsxngethakhxngraywngsxngkvs kstriyxxndrachthi 2 idxxktrasar Diploma Andreanum sungrbrxngsiththiphiesskhxngekhtxyuxasykhxngnikhmchaweyxrmnaesksninekhtthransileweniy thuxepnkdhmayexkrachchbbaerkkhxngolk aelaepnphunasngkhramkhruesdkhrngthihaipyngdinaednskdisiththiinpi kh s 1217 odytngkxngthphhlwngthiihythisudinprawtisastrsngkhramkhruesd trasarkrathingthxng pi kh s 1222 khxngekhaepnrththrrmnuychbbaerkinphakhphunthwipyuorp sungthaihehlakhunnangerimaesdngkhwamkhbkhxngicaekaexndruwthi 2 sungepnrakthanthinaipsusthabnrthspha parlamentum publicum karpidlxmemuxngaexsetxrokm pi kh s 1241 odyoklednhxrd inpi kh s 1241 1242 xanackridrbkhwamesiyhaykhrngihycakkarrukrankhxngchawmxngokl oklednhxrd makkwakhrunghnungkhxngprachakr 2 lankhninhngkariinkhnannesiychiwitcakkarrukran kstriyeblxthi 4 plxyihchawkhumn Cuman aelachawyassik Jassic ekhamainpraethssungkalnghlbhnichawmxngokl aelatxmachnchatiehlanikidthukklunekhaipepnprachakrhngkari odyhlngcakmxngokllathxy kstriyeblxidsngihsrangprasathhinaelapxmprakarhlayrxyaehngephuxpxngknkarrukrankhxngchawmxngoklkhrngthisxngthixacekidkhunid chawmxngoklklbmathihngkariinpi kh s 1285 aetrabbprasathhinthisrangkhunihmaelayuththwithiihm odyichxswintidxawuthinsdswnthisungkwa hyudyngphwkmxngolkiwid thaihkxngthphmxngoklthirukranphayaeph iklkbemuxngaepcht pccubnkhuxbudaepstfngkhwa odykxngthphkhxngrachwngsladislsthi 4 aehnghngkari karrukraninphayhlngthphmxngoklthukkhbilxyangrwderw chawmxngoklsuyesiykalngrukranipmak aelaimsamarthphnwkhngkariiwindinaednkhxngckrwrrdimxngokl emuxnghlwnghlkkhxngrachwngsxarphadmixyu 2 aehng khux aexsaetrokm Esztergom aela esaekchaefehrwar Szekesfehervar yukhkhxngrachwngsxxngchuaelahunyxdi kh s 1308 1526 hlngcakphupkkhrxngkhnsudthaykhxngrachwngsxarphadesiychiwitinpi 1301 kartxsuaeyngchingxanacthaihpraethsxxnaexlngepnhlaypi inthisudrachwngsxxngchu sungepnyatikhxngrachwngsxarphadkidrbxanactlxdthngstwrrsthi 14 kstriycharls oraebrt Charles Robert kstriyxngkhaerkkhxngrachwngsxxngchu idrwmsunyxanac inrchsmylukchaykhxngekha hluysthi 1 aehnghngkaripraethshngkarimiekhtaednthikwangthiihythisud elyipthungekhtpraethsopaelnd tawnxxkkhxngpraethsxxsetriy aelabangswnkhxngaekhwnobhiemiyinpccubn mirthbriwarhlayrxyrthxyuitrachxanackhxngpraethshngkari hnunginemuxngsunyklangthisakhythisudkhxngkstriyrachwngsxxngchu thdcakemuxngesaekchaefehrwaraelaemuxngbuda khuxemuxngwiaechkrad instwrrsthi 15 rachxanackrhngkariepnmhaxanacthisakhyinyuorp inchwngrchsmykhxngckrphrrdisikismunthaehngckrwrrdiormnxnskdisiththi aephnthikaryudkhrxngin sngkhramkhxngkstriyaemethiys khxrniwus aehnghngkari kh s 1458 1490 inrchsmykhxngkstriyaemthethiys khxrwinus Matthias Corvinus praethshngkariidmiphthnakarthangwthnthrrmthiecriythisud sunyklanghlkkhxngpraethsklayepnemuxngbudaphrxmdwyrachsankyukhfunfusilpwithyathimichuxesiyngkhxngkstriyaemethiys kstriyaemthethiys khxrwinusidpkpxngphrmaedndantawnxxkcakckrwrrdixxtotmn aelaidocmtidinaetnthangdantawntk iklcnthungaekhwnobhiemiy aela krungewiynna rwmthungpxngknkarrukrancakphwketirkinthangtawnxxkid hlngkstriyaemethiys khxrniwus swrrkhtodyirsungthayathphuchxbthrrm bnglngkaehnghngkariidrbkarsubthxdody phraecawwaduxswfthi 2 yakilolaehngopaelnd kstriyaehngrachwngsyakilol kh s 1490 1516 sungthaihrachsankhngkariekidkhwamxxnaex aela ekidkhwamsnkhlxnthangxanacphayinrachxanackr thaihthaysudpraethshngkariekidthnghmd idtkipxyuinkarkhrxbkhrxngkhxngckrwrrdixxtotmn hlngcaksngkhramxxtotmn thihngkarikbxxtotmnidthakarrbmanankwa 150 pi inyukhni emuxnghlwngkhxngrachxanackrhngkari khux budx aetaemchwar wiaechkrad aela ewiynna phayitkaryudkhrxngkhxngkstriyaemthethiys khxrwinusepnrayaewlachwkhraw yukhsngkhramxxtotmn kh s 1526 1699 intxntnkhxngkhristthswrrs 1520 ckrwrrdixxtotmanidocmtipxmprakarchayaednhngkarithangtxnitxyangtxenuxng hlngcaksngkhramkbchawhngkariaelarthxun raw 150 pi karlmslaykhxngemuxngnanodraefehrwar Nandorfehervar hrux krungeblekrd praethsesxrebiyinpccubn sungepnpratusakhythangitkhxngxanackrhngkariinyukhklang epnpccyihythithaihthphckrwrrdixxtotmnekhluxnthphsuthirabphnoneniyid karocmtiemuxngnanodraefehrwar ekidkhunemuxwnthi 29 singhakhm kh s 1521 tammadwykarocmtiphunthidaninkhxngpraeths ckrwrrdixxtotmnidrbchychnaxyangeddkhadehnuxkxngthphhngkariinyuththkarthiomhach inpi kh s 1526 sungphraecahluysthi 2 aehnghngkari sinphrachnmkhnahlbhni thamklangkhwamsbsnwunwaythangkaremuxngnn khunnanghngkarithiaetkaeykideluxkkstriysxngphraxngkhihpkkhrxngrachxanackrhngkariphrxmkn khux phraecayaonchthi 1 aehnghngkari John Zapolya aela ckrphrrdiaefrdinnththi 1 aehngckrwrrdiormnxnskdisiththi Ferdinand I aehngrachwngshaphsbwrkh msyidpacha kasim inemuxngepch praethshngkari sranginkhriststwrrsthi 16 17 inchwngkarphichitrachxanackrhngkarikhxngckrwrrdixxtotmn thphkhxngckrwrrdixxtotmnthakarocmtickrwrrdiormnxnskdisiththxyangtxenuxng odythakarpidlxmkrungewiynnainpi kh s 1529 aetimsamarthyudidsaerc hlngkaryudkhrxngkrungbudaodychawetirkinpi kh s 1541 hngkariidthukaebngxxkepnsamswnaelayngkhngxyucnthungsinstwrrsthi 17 thangtawntkechiyngehnuxthukphnwkodyrachwngshaphsbwrkh sungpkkhrxnginthanakstriyaehnghngkari eriykswnniwa rachxanackrhngkari emuxnghlwngxyuthikrungbratislawa praethssolwaekiy aephndinswntawnxxkkhxngrachxanackrklayepnexkrachinthanarachrththransileweniy phayitkarpkkhrxngkhxngckrwrrdixxtotmn aelatxmaodyrachwngshaphsbwrkh phunthisunyklangthiehluxxyurwmthungemuxnghlwngbudaepnthiruckkninchux pachalikaehngbuda Pashalik of Buda epnphunthiitkarpkkhrxngkhxngckrwrrdixxtotmn thharxxtotmn 17 000 19 000 khn pracakarxyuinpxmprakarxxtotmnindinaednkhxnghngkari odyepnchawetirkxxrothdxksaelachawmuslimbxlkhanslaf makkwachawturki nxkcaknnyngmiecahnathicakklumchnslafxxrthxdxksitthithahnathiepn thharrabxakhinyi akinji aelakxngkalngxun thimiiwsahrbkarplnsadmindinaednkhxnghngkariinpccubn inpi kh s 1686 kxngthphkhxngohlilik Holy League sungmithharkwa 74 000 khncakchatitang idyudkhunkrungbudacakxxtotmnetirk hlngcakkhwamphayaephxyangyxyybkhxngxxtotmaninxikimkipitxma rachxanackrhngkarithnghmdkthukpldxxkcakkarpkkhrxngkhxngxxtotmninpi kh s 1718 karbukekhaipinhngkarikhrngsudthayodykharachbripharchawetirktatarcakikhremiyekidkhuninpi kh s 1717 hlngphncakkarkhrxbkhrxngkhxngckrwrrdixxtotmn ckrwrrdixxsetriykhxngrachwngsharphbwrk idthakaryudkhrxng aela pkkhrxngxanaekhtthnghmdkhxngrachxanackrhngkari rachwngsharphbwrkidthakarptirupsasnaaelakarpkkhrxnginxanaekhtrachxanackrhngkari instwrrsthi 17 thaihxanackrswnihyhnmanbthuxsasnakhristnikayormnkhathxlik aethnthinikayopraetsaetnth xngkhprakxbthangchatiphnthukhxnghngkariidrbkarepliynaeplngodyphunthanxnepnphlmacaksngkhramthiyudeyuxkbckrwrrdixxtotmn phunthiswnihykhxngpraethsidrbkhwamesiyhay karetibotkhxngprachakrthukthaihchngk aelaemuxngkhnadelkcanwnmak thukthalayrabkhab rthbalxxsetriyphayitckrwrrdixxsetriy idthakartngthinthanchawesirbaelachawslafxun iwthangtxnitthiprachakrthukkacdekuxbhmd aela tngrkrakchaweyxrmn eriykwa danubswaebiyn inhlayphunthi aetchawhngkariimidrbxnuyatihtngthinthanhruxtngthinthanihmthangtxnitkhxngthirabhngkariihy khngiwechphaatxnklangaelatxnehnuxethannyukhihmhngkariphayitckrwrrdixxsetriy kh s 1669 kh s 1867 sngkhramxisrphaphkhxngraoktsi kh s 1703 kh s 1711 phaphwadkhxngcxrc fillip ruekindas aesdngkartxsubnhlngmakhxngkxngthphkhuruskhxnghngkari aela kxngthphthharmackrwrrdixxsetriy rahwangpi 1703 thungpi 1711 phayitkarpkkhrxngkhxngckrwrrdixxsetriy mikarlukhuxkhrngihythinaodyecachayraoktsi aefaerntsthi 2 sunghlngcakkarxxnkalnglngkhxngrachwngshaphsbwrk cakkartxsuphayin sngkhramsubrachbllngksepn thaihinpi kh s 1707 n sphaidextaehngoxont Diet of onod raoktsiidekhamamixanacchwkhrawinthanaecachaypkkhrxnghngkariinchwngsngkhram aetptiesthkarkhunepnkstriyhngkari aelaklayepnsngkhramephuxpldaexkcakrachwngsharphbwrk eriykwa sngkhramxisrphaphkhxngraoktsi odymikarrwmtwepnkxngthphtxtanrachwngshaphsbwrkodychawhngkari eriykwa kxngthphkhuruts Kuruc aemwakxngthphkhurutscaekhayudkhrxngphunthiswnihykhxngpraethsid aetaephkarsurbhlkthiaethrnechn Trencsen pccubnkhuxemuxnetrnsin praethssolwaekiy sungsngphlihin kh s 1708 kxngkalngkhuruts idthakarcann enuxngcakkarkhwamphayaephtxxxsetriyaelakhwykalngicthitkta yukhptirup kh s 1825 kh s 1848 inchwngrahwangaelahlngcaksngkhramnopeliyn sphaidexthkhxnghngkariimidmikarcdprachumknmahlaythswrrs inchwngthswrrsthi 1820 ckrphrrdiaehngxxsetriythukbngkhbihcdprachumsphaidexth sungepncuderimtnkhxngyukhptirup 1825 1848 hngkari reformkor ekhant xichtwan esaechnyi Count Istvan Szechenyi hnunginrthburusthioddednthisudkhxngpraethshngkari trahnkthungkhwamcaepnerngdwninkarprbprunghngkariihthnsmy karrnrngkhkhxngekhannthaihekidkarburnarthsphahngkarikhinihminpi kh s 1825 inchwngewlaniidmikarkaenidphrrkhesriniymekidkhunaelamungennipthinoybayephuxphwkchnchnlang naylxoych okhchchut Lajos Kossuth nkekhiynkhawthimichuxesiynginewlann klayepnphunakhxngsphalanginrthspha karepliynaeplngmungennipthikhwamthnsmy aemwarachwngshaphsbwrkcathakarkhdkhwangkdhmayesriniymthisakhythnghmdthiekiywkhxngkbsiththiphlemuxng karemuxng aela karptirupesrsthkic xikthngyngmikarkhumkhngnkptiruphlaykhn echn lxoych okhchchut Lajos Kossuth aela mihay tanchich Mihaly Tancsics odythangkar enuxngcakkarphyayamptiruprabxbkaremuxngkarpkkhrxngihm cnsudthayphwkxxsetriytxngyxmihxanackhrunghnungkbchawhngkari klayepn ckrwrrdixxsetriy hngkari praethsmhaxanacinyuorpklang miemuxnghlwng khux krungewiynna aela krungbudaepst aelamiphramhakstriyrwmkn khux ckrphrrdifrnths oyesfthi 1 aehngxxsetriy karptiwtihngkari kh s 1848 karepliynaeplngckrwrrdisukarkaenidkhxngckrwrrdixxsetriyhngkari hlngcakekidehtukarnkarecrcatxrxngrahwangxxsetriyaelahngkariemuxpi kh s 1867 sungdaeninkarkarrwmchatikarepnckrwrrdithiyingihy aelaepnkarsantxokhrngsrangkhxngkarpkkhrxngthikhngtwtngaetemuxyngkhngepnckrwrrdixxsetriy tngaetpi kh s 1804 thung kh s 1867 ephuxpkpxngaelakhyayxanackhxngckrwrrdi sungrwmipthungkhabsmuthrxitali sungnaipsusngkhramxxsetriy sardieniyemuxpikh s 1859 thamklangrthtangkhxngsmaphnthrtheyxrmn sungthukaethnthiodyprsesiy sungepnpraethsmhaxanacsungsudinklumpraethseyxrmn xnnaipsusngkhramxxsetriy prsesiy emuxpikh s 1866 thaihpraethshlaypraethstxngmikarepliynaeplngkarpkkhrxng rwmthngpraethshngkari sungmikarchumnumprathwngthiimphxickarpkkhrxngkhxngxxsetriy rwmthngkarrwmechuxchatitangkhxngckrwrrdixxsetriy chawhngkariimphxictxkarprabpramclaclkhxngxxsetriy sungmickrwrrdirsesiysnbsnunxikaerng sungnaipsukarptiwtihngkari kh s 1848 xyangirktam khwamimphxickhxnghngkaritxkarpkkhrxngkhxngthangxxsetriyidekidkhunepnewlahlaypi swnthangdanxxsetriysungsnbsnunrabxbkstriyhruxckrphrrdixyangetmthi ckrphrrdifrns oyesf thrngrierimthicaecrcakbhngkari odyechphaakbklumphunaptiwtikhxngchawhngkari ihmnicaelarbrxngtxrabxbkarpkkhrxngkhxngphraxngkh odyinthisud chawhngkarikyxmrbphraxngkhepnpramukhinthanasmedcphrarachathibdiaehnghngkari odyhngkariidkxtngrthsphaepnkhxngtnexng n krungbudaepst ephuxthicaidxxkkdhmayepnkhxngtnexnginnamkhxng dinaednaehngmngkutnkbuystiefn ckrwrrdixxsetriy hngkari kh s 1867 kh s 1918 aephnthiekhtpkkhrxng 18 aehngkhxngckrwrrdixxsetriy hngkari ckrwrrdixxsetriy 1 obhiemiy Bohemia 2 buokhwina Bukovina 3 kharinethiy Carinthia 4 kharnioxla Carniola 5 dlemechiy Dalmatia 6 klliesiy Galicia 7 khusethinlnd Kustenland 8 xxsetriylang Lower Austria 9 omraewiy Moravia 10 chalsburk Salzburg 11 sielesiy Silesia 12 stieriy Styria 13 ithorl Tyrol 14 xxsetriybn Upper Austria 15 owrarlaebrk Vorarlberg rachxanackrhngkari 16 hngkari Hungary 17 okhrexechiy slaoweniy Croatia Slavonia dinaednpkkhrxngrwmkn 18 bxseniyaelaehxresokwina Bosnia and Herzegovina sngkhramolkkhrngthi 1 kh s 1914 kh s 1918 snthisyyathriyanng kh s 1920 aelakaresiydinaednkhxngrachxanackrhngkari khwamaetktangrahwangphrmaednedimkbphrmaednihmkhxngxanackrhngkariinckrwrrdixxsetriy hngkari aelarachxanackrhngkarixisra hlngkaresiydinaedntamsnthisyyathriyanng caksamaonprachakrechuxchatikhxngrachxanackrhngkari pi kh s 1910 siekhiywaethnphunthirachxanackrhngkari aelasiethaaethnphunthiekhtpkkhrxngtnexngokhrexechiy slaoweniy autonomous region of Croatia Slavonia snthisyyathriyanng frngess Traite de Trianon hngkari Trianoni bekeszerzodes xngkvs Treaty of Trianon epnhnunginhasnthisyyasntiphaphsakhy thietriymiwinkarprachumsntiphaphparisaelalngnaminphrarachwngkrxngthriyanng Grand Trianon Palace inemuxngaewrsay praethsfrngess emuxwnthi 4 mithunayn kh s 1920 rahwangchatifaysmphnthmitrinsngkhramolkkhrngthihnung kbrachxanackrhngkari hlngepnhnunginrthphusubthxdkhxngckrwrrdixxsetriy hngkari hlngkaraephsngkhramolkkhrngthi 1 khxngckrwrrdixxsetriy hngkari odymienuxhainkarthaihxanackrhngkariklayepnrachxanackrhngkari aelaaebngaeykdinaednedimkhxngxanackrhngkariaekpraethsephuxnban phulngnaminsnthisyya 2 khncakckrwrrdixxsetriy hngkari nayxaokcht aebnard Agost Benard aelanayxlefrd drachech lasar Alfred Drasche Lazar inwnthi 4 mithunayn kh s 1920 n phrarachwngkrxngthriyanng emuxngaewrsay praethsfrngess snthisyyathriyanngrangkhuncakkharxngkhxsngbsukkhxng xditckrphrrdiaelarthbalkhunnangckrwrrdixxsetriy hngkari hwhnafayphnthmitraelaphumixanacekiywkhxngidyxmrbkhakhxsngbsukkhxngckrwrrdixxsetriy hngkari inwnthi 3 phvscikayn kh s 1918 odyfaysmphnthmitridkahndihhngkariepnrthxisraaelakahndekhtaednesiyihm karaebngdinaednthaihpraethshngkariklayepnpraethsthiimmithangxxksuthael miphunthi 93 073 tarangkiolemtr 35 936 tarangiml epnprimanephiyng 28 cakphunthiedimkhxnghngkariemuxyngepnckrwrrdixxsetriy hngkari sungekhymiphunthixyu 325 411 tarangkiolemtr 125 642 tarangiml miprachakr 7 6 lankhn sungnbepnephiyng 36 khxngcanwnprachakrinhngkarikxnsngkhramolkkhrngthihnung thimiprachakrxyu 20 9 lankhn phunthithifaysmphnthmitrcdsrrihkbpraethsephuxnbanthnghmd swnihyprachakrimichchawhngkari aet 31 khxngchawhngkari 3 3 lankhn thukthingiwnxkekhtaednkhxngpraethshngkari hainsibemuxngthiihythisudinxanackrkxnsngkhramtkipxyuinkarkhrxbkhrxngkhxngpraethsxun echn emuxngopocy Pozsony pccubnkhux krungbratislawa emuxnghlwngkhxngpraethssolwaekiy emuxngokholcwar Kolozsvar pccubnkhux emuxngkhluch naopka praethsormaeniy emuxngsaekrb Zagrab pccubnkhux krungsaekrb praethsokhrexechiy emuxngnxcwarxd Nagyvarad pccubnkhux emuxngxxraediy praethsormaeniy epntn snthisyyathriyanngcakdkhnadkxngthphkhxnghngkariihmithharephiyng 35 000 khn aelakxngthpheruxxxsetriy hngkarithukyublngip xnusrnsthankaresiydinaedncaksnthisyyathriyanng inemuxngebekchchxbx praethshngkari praethsthiidkhrxngdinaednkhxngxanackrhngkarithiesiyip prakxbdwyrachxanackrormaeniy satharnrthechoksolwk rachxanackryuokslaewiy aelasatharnrthxxsetriy hnunginxngkhprakxbhlkkhxngsnthisyyakhuxaenwkhid kartdsinicodyprachachn epnkhwamphyayamthicathaihkhnthiimichchawhngkari mirthchatiaelakhwamepnexkrachkhxngtnexng nxkcaknihngkaricatxngcaykhaptikrrmsngkhramihkbpraethsephuxnbandwy snthisyyadngklawthukkahndodyfaysmphnthmitrmakkwakarecrcarwmkbchawhngkari aelachawhngkariimmithangeluxknxkcaktxngyxmrbenguxnikhsnthisyya khnaphuaethnchawhngkariidlngnaminsnthisyyathriyanng phrxmkbkarekhiynprathwngsnthisyyaaenbrwm emuxwnthi 4 mithunayn kh s 1920 thiphrarachwngkrxngthriyanng inemuxngaewrsay praethsfrngess snthisyyadngklawidrbkarcdthaebiyninchudsnthisyyakhxngsnnibatchatiemuxwnthi 24 singhakhm kh s 1921 xanaekhtkhxngpraethssatharnrthhngkariinpccubnmiyngmikhnadkhngedimtamsnthisyyathriyanng mikaraekikhelknxycnthungpi kh s 1924 ekiywkbchayaednhngkariaelaxxsetriy rthbureknlnd rwmipthunghmubansamaehngthiklayepndinaednkhxngpraethsechoksolwaekiyinpi kh s 1947 hlngsngkhramolkkhrngthi 2 snthisyyathriyanng epnehtukarnsuyesiythangprawtisastrthisakhythisudkhxngpraethshngkari epnsaehtuthithaihmichnklumnxyhngkarikracdkracayxyuthw 7 praethsthiiddinaednipinhngkari wnthi 4 mithunayn khxngthuk pi khux wnrwmepnhnungaehngchati A nemzeti osszetartozas napja ephuxchawhngkarithixyuthwolk ihmarwmknxikkhrng hlngkarthukaeykkncaksnthisyyathriyanng rahwangsngkhramolk kh s 1918 kh s 1938 hlngsngkhramolkkhrngthihnung wiets mikolch ohrti aehngnxcbayx hngkari nagybanyai Horthy Miklos phleruxexkchawhngkari thiidklayepnphusaercrachkaraehngrachxanackrhngkari sungmikolch ohrti idthahnathiepnphusaercrachkaraehngxanackrhngkariinsmyrahwangsngkhram aelaekuxbtlxdchwngsngkhramolkkhrngthisxng tngaetwnthi 1 minakhm kh s 1920 thung 15 tulakhm kh s 1944 ekhaidthukkhnamnamwa hisesxrinihens phusaercrachkaraehngxanackrhngkari hngkari O Fomeltosaga a Magyar Kiralysag Kormanyzoja epnphubychakarthharsungsudaehngkxngthpheruxxxsetriy hngkariinchwngthaypikhxngsngkhramolkkhrngthihnung ekhaidrbkareluxnystaaehnngepnphleruxothaelaphubychakarkxngerux emuxphleruxexkkxnhnaniidthukkhbxxkcaktaaehnngodyckrphrrdikharlthiidihkarsnbsnunkarkxkbt inpi kh s 1919 tammadwyswnhnungkhxngkarptiwtiaelakarekhaaethrkaesngcakphaynxkinhngkari tngaetormaeniy echoksolwaekiy aelayuokslaewiy ohrtiidedinthangklbbudaepstphrxmkbkxngthphaehngchatiaelatxmakidrbechiyihepnphusaercrachkarcakrthsphahngkari ohrtiidnarthbalchatixnurksniymtlxdchwngsmyrahwangsngkhram aelaidprakasihphrrkhkhxmmiwnisthngkariaelaphrrkhaexrorwkhrxss epnphrrkhkaremuxngphidkdhmay aeladaeninnoybaytangpraethsthimungennkareriykrxngdinaednthiesiyipinsnthisyyathriyanngkhun ekhaepnphuthaihkhwamphyayamkhunsubllngkkhxng smedcphraecakharlthi 4 thngsxngkhrnginpi kh s 1921 txnglmehlw rthbalhngkaritkxyuitphykhukkhamcakfaysmphnthmitrthixaccaprakassngkhramthahakmikarfunfurachwngshaphsbwrkhkhunma smedcphraecakharlthi 4 cungthrngthukphaxxkipcakhngkariodyeruxrbkhxngshrachxanackrinsthanaphuliphy sngkhramolkkhrngthi 2 kh s 1938 kh s 1944 inplaypi kh s 1930 noybaytangpraethskhxngohrti thaihekhatxngklayepnphnthmitrxyangimetmickbeyxrmniinkartxkrkbshphaphosewiyt dwykarsnbsnunxyangediydchnthkhxngxdxlf hitelxr ohrtinnsamarthkukhundinaednbangswnthithukexaipcakphwkekhaodyfaysmphnthmitr echn solwaekiytxnit rachxanackryuokslaewiybangswn ekhtthransilewiyeniybangswn aela ekhtthranskhalephethiykhxngshphaphosewiyt phayitkarnakhxngohrti hngkariidihkarsnbsnunphuliphychawopaelndinpi kh s 1939 aelaidmiswnrwminbthbathkarsnbsnun epnfaytrngkhamkbaenwhna inchwngthieyxrmnekharukranshphaphosewiytinpi kh s 1941 aelaeyxrmnekharukranyuokslaewiyinpiediywkn idkhrxbkhrxngaelaphnwkrwmekhakbdinaednkhxngchawhngkariinxditsungidthukmxbihkbrachnackryuokslaewiy odyfaysmphnthmitrinchwnghlngsngkhramolkkhrngthihnung xyangirktamdwykhwamimetmickhxngohrtithicamiswnrwminkhwamphyayamthasngkhramkhxngeyxrmnaelakarkhalangephaphnthuchawyiwinhngkari rwmthngidptiesththicasngmxbchawyiwechuxsayhngkarimakkwa 600 000 khncak 825 000 khnihaekecahnathieyxrmn khwbkhuipkbkhwamphyayamhlaykhrnginkarcdkarkhxtklngxyanglb kbfaysmphnthmitrinsngkhramolkkhrngthisxng hlngcakidehnchdecnwa fayxksacaphayaephsngkhram cnthaythisudkthaiheyxrmntxngsngkxngthphekhaiprukranaelaekhakhwbkhumpraethshngkariineduxnminakhm kh s 1944 inptibtikarmarkaert ineduxntulakhm kh s 1944 ohrtiidaethlngkarnwahngkarinnidprakassngbsukkbfaysmphnthmitraelathxntwxxkcakfayxksaaelw ekhaidthukbngkhbihlaxxkaelathukcbkumodynasieyxrmniaelathukphatwipyngaekhwnbawaeriy khxmmiwnisthngkari kh s 1945 kh s 1989 hlngcakkhwamphayaephkhxngnasieyxrmni praethshngkariklayepnrthbriwarkhxngshphaphosewiyt phunaosewiytideluxk naymatyach raokchi Matyas Rakosi ihepnphunainkarepliynrabbkhxngpraethshngkariihepnaebbkhxmmiwnistaebbosewiyt raokchiidpkkhrxnghngkaritngaetpi kh s 1949 thung kh s 1956 noybaykhxngrthbalindankarthhar karthaxutsahkrrm karrwmklum aela karchdechycaksngkhramthaihkhunphaphchiwitinpraethshngkarildlngxyangrunaerng inkareliynaebbtarwclb KGB khxngocesf stalin rthbalkhxngraokchiidcdtngtarwclb AVH ephuxbngkhbichrabxbkarpkkhrxngihm odyidthakarkwadlangecahnathiaelapyyachnpraman 350 000 khn sungthukcakhukhruxpraharchiwittngaetpi kh s 1948 thung 1956 nkkhidxisra nkprachathipity aela bukhkhlsakhyinsmyphusaercrachkarmikolch ohrtihlaykhnthukcbxyanglb aelathukwisamykhatkrrminkhaykkknaerngngankulakthnginaelatangpraeths chawhngkariraw 600 000 khnthukenrethsipyngkhayaerngnganosewiytsungmiphuesiychiwitxyangnxy 200 000 khn hlngcakkaresiychiwitkhxngstalininpi kh s 1953 shphaphosewiytiddaeninokhrngkarkdkhiprachachnaebbraokhsihlayaebb sungnaipsukarpldmatyach raokchi xxkcaktaaehnng aelanayximaer nxcy Imre Nagy kawkhunsutaaehnngnaykrthmntriaethn inchwngniidmikarekhluxnihwthangkaremuxngmakkhuncaknksuksaaelapyyachn ximaer nxcysyyawacaepidkarkhaesriaelakarepidkwanginkaraesdngkhwamkhidehnthangkaremuxng inkhnathinayraokchikhdkhanthngsxngxyangcringcng inthisudraokchiksamarththalaychuxesiyngkhxngximer nxcy aelaaethnthiekhadwynayaexrenx aekerx Erno Gero thiaekhngkrawkwa praethshngkariekharwmsnthisyyawxrsx ineduxnphvsphakhm kh s 1955 enuxngcakkhwamimphxickhxngsngkhmtxrabxbkarpkkhrxngaebbkhxmmiwnistthiephimkhuninrthbriwarkhxngosewiytrsesiy hlngcakkaryingphuprathwngxyangsntiodykxngkalngthharosewiytaelatarwclb idmikarchumnumthwpraethsemuxwnthi 23 tulakhm kh s 1956 phuprathwngphaknrwmtwthwthxngthnninkrungbudaepstaelaerimkarptiwtirthbal eriykwa karptiwtihngkari kh s 1956 ephuxthicarangbkhwamwunway nayximaer nxcyidklbmadarngtaaehnnginthananaykrthmntri aelasyyawacamikareluxktngodyesriaelanahngkarixxkcaksnthisyyawxrsx rththngosewiytthithukthalayodykxngkalngpldaexkhngkariineduxntulakhm pi kh s 1956 thay n ctursmxrits cikomnd krungbudaepst xyangirktam khwamrunaerngyngkhngdaenintxipinkhnathikxngkalngptiwtilukkhuntxsukbkxngthphosewiytaelatarwclb AVH kxngkalngprachachntidxawuthpraman 3 000 khn idtxsukbrththngosewiytodyichkhxkethlomoltxfaelapunphk aemwaosewiytcamikxngkalngthiaekhngaekrngkwamak aetkxngthphosewiytkprasbkbkhwamsuyesiyxyanghnk aelaemuxthungwnthi 30 tulakhm kh s 1956 kxngthphosewiytswnihyidthxnkalngcakkrungbudaepstiprksakarninchnbth inchwngewlahnungphunaosewiytimaenicwacatxbsnxngtxkartxtaninhngkarixyangir aetinthisudktdsinicthicaekhaaethrkaesngephuxpxngknimihxanackhxngshphaphosewiytinyuorptawnxxksnkhlxn inwnthi 4 phvscikayn kh s 1956 mikaresrimkalngthharmakkwa 150 000 nayaelarththng 2 500 khnekhapraethshngkaricakshphaphosewiyt chawhngkariekuxb 20 000 khnthuksngharinkartxtankaraethrkaesng khnathixik 21 600 khnthukcakhukhlngcaknndwyehtuphlthangkaremuxng praman 13 000 khnthukkhumkhng aela 230 khnthuknatwippraharchiwit nayximaer nxcythuktdsinthangkaremuxngxyanglb odythuktdsinwamikhwamphid aelathuktdsinpraharchiwit ekhathukpraharchiwitodykaraekhwnkhxineduxnmithunayn kh s 1958 enuxngcakphrmaednkhxngpraethshngkarithukepidxxkepnrayaewlasn phukhnekuxb 250 000 khnidhnixxkcakpraeths kxnthikarptiwtikhxngximaer nxcycathukrangblng yaonch kadar Janos Kadar elkhathikarphrrkhaerngngansngkhmniymhngkari rahwang kh s 1956 1988 thayinpi kh s 1962 hlngchwngewlaaehngkaryudkhrxngthangthharkhxngosewiytimnannk nayyaonch kadar Janos Kadar xditrthmntriwakarkrathrwngkartangpraethskhxngximaer nxcy idrbeluxkcakphunaosewiytihepnhwhnarthbalihmaelaepnprathanphrrkhsngkhmniymaerngngan MSzMP thipkkhrxngihm kadarthaihsthankarnepnpktixyangrwderw inpi kh s 1963 rthbalidihnirothskrrmthwipaelaplxytwphuthithukkhumkhngswnihykarlukhuxin kh s 1956 kadarprakasaenwnoybayihmtamthiprachachnimthukbngkhbihaesdngkhwamphkditxphrrkhxiktxiphakphwkekhayxmrbrabxbsngkhmniymodypriyaywaepnkhwamcringkhxngchiwit insunthrphcnhlaykhrngekhaxthibaywa khnthiimtxtaneraxyukbera yaonch kadarnaesnxladbkhwamsakhykhxngkarwangaephnihminrabbesrsthkic echn karxnuyatihekstrkrmithidinswntwcanwnmakphayitrabbfarmrwm haztajigazdalkodas hastayikxsdalokdach matrthankarkhrxngchiphinhngkarisungkhunenuxngcaksinkhaxupophkhbriophkhaelakarphlitxaharmikhwamsakhyehnuxkwakarphlityuthothpkrnthangthhar sungmixtraldlngehluxhnunginsibemuxethiybkbkxnkarptiwtiin kh s 1956 inpi kh s 1968 klikesrsthkicihm NEM idnaxngkhprakxbkhxngtladesriekhasurabbesrsthkicaebbsngkhmniym cakthswrrsthi 1960 thungplaythswrrsthi 1980 praethshngkarimkthukeriykwaepn khaythharthimikhwamsukhthisud inklumyuorptawnxxk inchwnghlngsngkhrameyn GDP txhwkhxnghngkariepnxndbsirxngcakeyxrmnitawnxxk echoksolwaekiy aela shphaphosewiyt xnepnphlmacakmatrthankarkhrxngchiphthikhxnkhangsungni esrsthkicthiepidesrimakkhun karkdkhicakphakhrththinxylng aelasiththiinkaredinthangthithukcakdnxylng hngkaricungthukmxngwaepnhnunginpraethskhxmmiwnistthimikhwamepnesriniymthisudinchwngkhxmmiwnist xyangirktaminchwngthswrrsthi 1980 matrthankarkhrxngchiphldlngxyangmakxikkhrngenuxngcakphawaesrsthkicthdthxythwolk sungpraethskhxmmiwnistimsamarththicaaekikhwikvtid emuxkadaresiychiwitinpi 1989 shphaphosewiytprasbkbphawatktathangesrsthkicxyangmak sungnaipsukarlmslaykhxngshphaphosewiytinpi kh s 1991 aelankptiruprunihmehnwakarepidpraethsihesricaepnkaraekpyhaesrsthkicaelasngkhm sungkarekhluxnihwthangkaremuxngni caepnsaehtuhlkkhxngkarepliynaeplngkhxngpraethshngkariekhasukarepnsatharnrthprachathipityinthisud hlngkarlmslaykhxngrabxbkhxmmiwnistcnthungpccubn kh s 1989 pccubn in kh s 1989 miehtukarnkarepliynaeplngrabbkaremuxng hngkari rendszervaltas enuxngcakkarrwmslaykhxngrabxbkhxmmiwnistinshphaphosewiytaelaklumpraethsyuorptawnxxk odymikarkxtngsatharnrthhngkarithi 3 Harmadik Magyar Koztarsasag khunma inwnthi 23 tulakhm kh s 1989 aethnthisatharnrthprachachnhngkari sungmirabbkarpkkhrxngepnaebbkhxmmiwnist aelainpithdma kh s 1990 praethshngkariidmikarcdtngrthspha rthbal aela prathanathibdisatharnrthkhun thungaemcamikarcdtngrthbalprachathipitykhunma aetkimidthaihesrsthkichlngkarepliynaeplngrabbkaremuxngdikhunma hlngcaknn kidmikarcdtngsthabnxun thisakhyinpraethstxmainphayhlng hlngpi kh s 1990 inchwngthswrrsthi 1990 praethshngkarimikhwamphyayamsrangrwmmuxkbpraethsyuorptawntk praethshngkariklayepnsmachiknaotinpi kh s 1999 aelahlngcakkarepnsmachiknaot 2 spdah kidmiswnrwminsngkhramklangemuxngyuokslaewiy odymipraethsesxrebiyaelamxnetenokrepnkhukrni thharhngkarimiswnrwminptibtikarkhxngnaotinxfkanisthanekuxbtngaetaerkerim odyepnhnwyngandankaraephthy hlngcaknn tngaetpi kh s 2003 mikarsnghnwythharhngkariekhaiprbinpraethsxfkanisthan odyngankhxngkxngkalnghngkariinxfkarnisthannn swnihyprakxbdwyhnwynganladtraewnkhumknaelahnwyngansngkhmsngekhraah hngkariekharwmshphaphyuorp emuxwnthi 21 thnwakhm kh s 2007 aelaepnsmachikphunthiechngeknkhxngshphaphyuorp sungthaihkarkhwbkhumphrmaednthawrthiphrmaednhngkari xxsetriy hngkari solwieniy aelahngkari solwk thukykelik aetskulenginxyangepnthangkarkhxngpraethsyngkhngepnenginskulhngkaeriynofrint imidichenginyuor chuxxyangepnthangkarkhxngpraethsepliyncaksatharnrthhngkari epnpraethshngkari Magyarorszag tamkdhmayphunthanchbbihmsungmiphlbngkhbichemuxwnthi 1 mkrakhm kh s 2012 hngkariinwikvtkarnphuliphyyuorp kh s 2015 aephnthiwikvtkarnphuliphyyuorp kh s 2015 praethshngkariidprasbkbwikvtkarnphuliphyyuorp tngaetpi kh s 2014 thung 2019 aetmicudwikvtinpi kh s 2015 ehtukarnkhrngniepnkaryanthinthankhxngmnusythimicanwnmakthisudnbtngaetsngkhramolkkhrngthi 2 cakkarthiphuliphyaelaphuyaythinthangesrsthkicidthakarxphyphcanwnmakcakphunthitawnxxkklang exechiyit thwipaexfrika aelakhabsmuthrbxlkhantawntk hlngihlsushphaphyuorpkhamthaelemdietxrereniynaelayuorptawnxxkechiyngit odyphuliphyswnihymacakpraethssieriy xfkanisthanaelaexrietriy sungpraethshngkarisungepnpraethshnadanrahwangshphaphyuorpaelabxlkhankidthahnathiepnpraethsaerkthithakarrbrxngphuxphyphkxnedinthangtxipyngpraethsyuorptawntk xathi praethseyxrmni aethngkarikhuxhnunginpraethsthiimyxmrbkarrbphuxphyph aelaekidnoybayknrwphrmaedndanitkhxngpraethsthitidkbpraethsesxrebiy noybaythinaodynaywikotr oxrban naykrthmntrihngkaricakphrrkh FIDESZ emuxwnthi 17 mithunayn kh s 2015 rthbalhngkariidprakaskarkxsrangrwsung 4 emtr yaw 175 kiolemtr tamaenwchayaednthangitkhxngpraethsesxrebiy odyidthakarsrangesrcsininkhntxnthihnungemuxplayeduxnsinghakhm kh s 2015 tamkhxmulkhxngkrathrwngklaohmhngkari rwprakxbdwylwdmidoknkhxngnaotsamesnyaw 175 kiolemtr aelarwxikchnhnungepnrwlwdhnamsungpraman 4 emtr odyrwchnthisxngidthakarsrangesrcinplaypi kh s 2015 nayyaonch lasar Janos Lazar rthmntripracasanknaykrthmntrixthibaywa hngkarithukpidlxmcakphukhamnusy aelaprakaswarthbalca pkpxngphrmaednthikhyay khxngphwkekha nidwykalng praethshngkariidthakarcdkalngtarwc 9 000 nayephuxknphuxphyphthiimmiexksarcakkarekhapraethshngkari odykhnakrrmathikaryuorpetuxnsmachikpraethshngkariekiywkbkhntxnthikhdtxphnthkrnikhxngshphaphyuorpaelaeriykrxngihsmachikxyanghngkarihawithixuninkarrbmuxkbkarxphyphekhamaxyangphidkdhmay phuxphyphchawtawnxxkklangthakarprathwngrthbalhngkaridwykarxdxaharhnasthanirthiftawnxxk Keleti palyaudvar sthanirthifrahwangpraethshlkpracakrungbudaepst inwnthi 3 knyayn kh s 2015 emuxwnthi 3 knyayn kh s 2015 naywikotr oxrbanidpkpxngkarcdkarkhxngpraethsekiywkbsthankarnphuxphyphphayin aemwacamikhwamwunwayenuxngcakkarprathwngkhxngphuxphyphodykarxdxahar hunger strike hnasthanirthifhlkrahwangpraethskhxngbudaepst sthanirthiftawnxxk Keleti palyaudvar phrxmkbwicarnkarcdkarkhxngpraethseyxrmniaelashphaphyuorpodyrwmthiimhamphuxphyphekhasuyuorp inwnediywknnntarwchngkarixnuyatihphuxphyphkhunrthifinbudaepstmunghnaipthangtawntkkxncahyudthiemuxngbichaek Bicske odytarwcphyayamkhnsngphuxphyphipyngkhaythaebiynthiemuxngbichaek ephuxlngkhxmulkhxngphuxphyphkxnthicaedinthangtxdwyrthifxikkhbwnhnungipyngkrungewiynna praethsxxsetriy aetphuxphyphptiesththicaihkhwamrwmmuxaelaprathwngkhdkhunodykarxyuinrthifsungimidedinthangipyngkrungewiynnatxip aelaemuxwnthi 4 knyayn kh s 2015 phuxphyphpramanhnungphnkhnthisthanirthiftawnxxk Keleti Palyaudvar xxkedinthangodykaredinethaipyngxxsetriyaelaeyxrmni inkhunwnediywknrthbalhngkaritdsinicsngrthpracathangephuxkhnsngphuxphyphphidkdhmayipyngemuxngaehcaeychhxolm Hegyeshalom thitidkbchayaednpraethsxxsetriy emuxwnthi 14 knyayn 2015 miraynganwatarwchngkariidpidknesnthangcakesxrebiyaelacdkarcudekhaxxkpracathimiecahnathithharaelaehlikhxpetxrxyangekhmngwd phwkekhapidphnukphrmaedndwylwdmidoknaelakkkhngphuxphyphkhamphrmaednxyangphidkdhmay dwykarkhuwacathukcbkumaelathuktngkhxhathangxaya emuxwnthi 15 knyayn 2015 hngkariidpidphnukphrmaednkbesxrebiy phuxphyphhlayrxykhnphngrwknrahwanghngkariaelaesxrebiysxngkhrnginwnphuththi 16 knyayn 2015 aelaoynesskhxnkritaelakhwdnakhamrw tarwchngkaritxbotdwyaeksnataaelapunihynathicudphanaednohrokch 2 Horgos 2 odyrthbalesxrebiy n krungeblekrdprathwngkarkrathaehlanikhxngpraethshngkari phuliphychawxirkwy 20 pithuktdsinihenrethsaelathukhamekhapraethshngkariepnewla 1 pirwmthungkhathrrmeniymsal 80 yuortamkdhmayihmthibngkhbichemuximkiwnkxn emuxwnthi 18 knyayn 2015 praethshngkarierimsrangrwxikaehngtamaenwchayaednkbokhrexechiysungepnchatismachikshphaphyuorp aetimidepnswnhnungkhxngekhtechngekn phayinsxngspdahphuliphyhlayhmunkhnkhamcakokhrexechiyipynghngkarisungswnihyipchayaednxxsetriy emuxwnthi 16 tulakhm 2015 hngkariprakaswacapidphrmaednsiekhiywkbokhrexechiysahrbphuxphyph aelatngaetwnthi 17 tulakhmepntnip phuxphyphhlayphnkhnepliyncudhmayipyngpraethssolwieniyaethn aelaemuxwnthi 9 minakhm 2016 hngkariidprakasphawachukechinsahrbthngpraethsaelasngthhar 1 500 nayipyngphrmaednthangit ineduxnsinghakhm 2016 phawachukechinidkhyayipthungeduxnminakhm 2018 sungepnsaehtuhlkthithaihnbtngaet playpi kh s 2015 cwbcnpccubn praethshngkariimidprasbkbpyhathitammacakwikvtkarnphuliphyyuorpxikely praethshngkariaelaorkhokhwid 19 kh s 2020 pccubn khnkhbrthifishnakakxnamykhnakalngthangan thayemuxeduxnthnwakhm kh s 2020 karishnakakxnamybnkhnsngsatharna echn rthrang aela rthif epnmatrkarthibngkhbichtngaeteduxnphvsphakhm kh s 2020 cnthungpccubn kumphaphnth kh s 2021 praethshngkariepnxikhnungpraethsthiidrbphlkrathbcakorkhrabadokhwid 19 SARS CoV 2 inwikvtkarnkarrabadthwkhxngokhwid 19 odymiekhsaerkemuxwnthi 4 minakhm kh s 2020 aelawnthi 18 minakhm kh s 2020 idmikartrwcphbiwrsokhwid 19 inthuk ethsmnthlkhxngpraethshngkari cnthungpccubn wnthi 2 kumphaphnthu kh s 2021 miphutidechuxaelwkwa 360 000 khn aelaesiychiwit 12 656 khn sungsngphlkrathbthngtxsukhphaphkay sukhphaphcit aelasphaphesrsthkickhxngpraethshngkarithngpraeths canwnekhsthitrwcphbthnghmd 369 288canwnphuthikalngrksatwxyu 87 829canwnphuthihayaelw 268 803canwnphuesiychiwit 12 656canwnkhnthiodnkktwxyu 18 030canwnprachakrthitrwcechuxaelw 3 176 944lasud Feb 2 2022 8 49 CETxangxingInalcik Halil The Ottoman Empire PDF Archived from the original PDF on 4 February 2011 Retrieved 20 September 2009 The United States ended the war with the U S Hungarian Peace Treaty 1921 Craig G A 1966 Europe since 1914 New York Holt Rinehart and Winston Lichtheim G 1974 Europe in the Twentieth Century New York Praeger MILITARY ARRANGEMENTS WITH HUNGARY PDF Library of Congress US Congress Retrieved 5 May 2020 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2022 01 03 subkhnemux 2021 02 03 Macartney C A 1937 Hungary and her successors The Treaty of Trianon and Its Consequences 1919 1937 Oxford University Press Macartney C A 1937 Hungary and her successors The Treaty of Trianon and Its Consequences 1919 1937 Oxford University Press https en wikipedia org wiki Austro Hungarian Navy Martin P van den Heuvel Jan Geert Siccama The Disintegration of Yugoslavia Yearbook of European Studies 1992 1 Trianon Treaty of The Columbia Encyclopedia 2009 League of Nations Treaty Series vol 6 p 188 Botlik Jozsef June 2008 AZ ORVIDEKI BURGENLANDI MAGYARSAG SORSA 2020 09 19 thi ewyaebkaemchchin vasiszemle hu VASI SZEMLE http adatbank sk lexikon pozsonyi hidfo wiets Vitez hmaythungradbchnxswinradbhnungthimikolch ohrti tngkhun wiets mikhwamhmaytamtwxksrwa xswin hrux klahay John Laughland A History of Political Trials From Charles I to Saddam Hussein Peter Lang Ltd 2008 1 von Papen Franz Memoirs London 1952 pps 541 23 546 Az egesz orszagban jelen van a koronavirus index hu 2020 03 18 subkhnemux 2020 03 18