แนวรบด้านตะวันออกเป็นหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่สอง มีอักษะประเทศในทวีปยุโรป และคู่สงครามร่วมฟินแลนด์ฝ่ายหนึ่ง กับสหภาพโซเวียต โปแลนด์และชาติสัมพันธมิตรจำนวนหนึ่งอีกฝ่ายหนึ่งเป็นคู่สงคราม เขตสงครามนี้กินอาณาบริเวณยุโรปตะวันออก บางส่วนของยุโรปเหนือและยุโรปใต้ สู้รบกันระหว่างวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1941 ถึง 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 เขตสงครามดังกล่าวมีเรียกหลายชื่อแตกต่างกันไปตามประเทศ ชื่อที่โดดเด่น เช่น "มหาสงครามของผู้รักชาติ" (รัสเซีย: Великая Отечественная война, : Velikaya Otechestvennaya voyna) ในอดีตสหภาพโซเวียต; แนวรบด้านตะวันออก (เยอรมัน: die Ostfront)การทัพตะวันออก (เยอรมัน: der Ostfeldzug) หรือ การทัพรัสเซีย (เยอรมัน: der Rußlandfeldzug) ในเยอรมนี
แนวรบด้านตะวันออก | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามโลกครั้งที่สอง | |||||||||
เรียงตามเข็มนาฬิกาจากบนซ้าย: รถถังที-34 ของโซเวียตระหว่างยุทธการที่เบอร์ลิน; รถถังทีเกอร์ 1 ของเยอรมนีระหว่างยุทธการที่คูสค์; เครื่องบินดำทิ้งระเบิดสตูกาของเยอรมนีบนแนวรบด้านตะวันออก ฤดูหนาว ค.ศ. 1943–1944; การฆ่าชาวยิวโดยไอน์ซัทซกุรพเพนของเยอรมนีในยูเครน; วิลเฮล์ม ไคเทิลลงนามตราสารยอมจำนนของเยอรมนี; กำลังโซเวียตในยุทธการที่สตาลินกราด | |||||||||
| |||||||||
คู่สงคราม | |||||||||
สนับสนุนทางเรือและอากาศ:
| |||||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||||
| |||||||||
กำลัง | |||||||||
1941
| 1941
| ||||||||
ความสูญเสีย | |||||||||
เสียชีวิตประมาณ 5.1 ล้านคน ถูกจับเป็นเชลย 4.5 ล้านคน | เสียชีวิตประมาณ 8.7 ถึง 10 ล้านคน ถูกจับเป็นเชลย 4.1 ถึง 5.7 ล้านคน | ||||||||
พลเรือนเสียชีวิต: 18–24 ล้านคน |
การยุทธ์บนแนวรบด้านตะวันออกประกอบกันเป็นการเผชิญหน้าทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ มีลักษณะของความรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน การทำลายไม่เลือกหน้า การเนรเทศขนานใหญ่ ตลอดจนการสูญเสียชีวิตมหาศาลอันเนื่องมาจากการสู้รบ ความอดอยาก การทอดทิ้ง โรคระบาด และการสังหารหมู่ แนวรบด้านตะวันออก อันเป็นแหล่งค่ายมรณะ การเดินขบวนแห่งความตาย (death march) เกตโต และโพกรมแทบทั้งหมด ถือเป็นศูนย์กลางของฮอโลคอสต์ จากตัวเลขประเมินผู้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่สอง 70 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตราว 30 ล้านคนในแนวรบด้านตะวันออก[III] ซึ่งเป็นพลเรือนเสียมาก แนวรบด้านตะวันออกมีส่วนสำคัญในการกำหนดผลของสงครามโลกครั้งที่สอง และถือเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งอันนำไปสู่ความปราชัยของเยอรมนี สงครามนี้ลงเอยด้วยการล่มสลายของนาซีเยอรมนี นานเกือบครึ่งศตวรรษ และการก้าวขึ้นเป็นรัฐอภิมหาอำนาจทางทหารและอุตสาหกรรมของสหภาพโซเวียต
เบื้องหลัง
แม้เยอรมนีกับสหภาพโซเวียตจะชังในอุดมการณ์ของอีกฝ่าย แต่ทั้งสองต่างไม่ชอบผลของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งด้วยกัน สหภาพโซเวียตเสียดินแดนผืนใหญ่ในยุโรปตะวันออกไป อันเป็นผลมาจากสนธิสัญญาเบรสท์-ลีตอฟสก์ ซึ่งได้ยกให้ตามข้อเรียกร้องของเยอรมนีและยอมยกโปแลนด์ ลิทัวเนีย เอสโตเนีย ลัตเวียและฟินแลนด์ ฯลฯ ให้แก่ "ฝ่ายมหาอำนาจกลาง" ต่อมา เมื่อเยอรมนียอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตรบ้าง ดินแดนเหล่านี้ถูกปลดปล่อยภายใต้เงื่อนไขของการประชุมสันติภาพปารีส ค.ศ. 1919 แต่ขณะนั้นรัสเซียอยู่ในภาวะสงครามกลางเมือง ฝ่ายสัมพันธมิตรไม่รับรองรัฐบาลบอลเชวิค และสหภาพโซเวียตยังไม่ถูกก่อตั้งขึ้นจนอีก 4 ปีให้หลัง ฉะนั้นจึงไม่มีผู้แทนรัสเซียเข้าร่วมประชุม
สนธิสัญญาโมโลตอฟ-ริบเบนทรอพ ซึ่งมีการลงนามเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1939 เป็นระหว่างนาซีเยอรมนีกับสหภาพโซเวียต ซึ่งมีพิธีสารลับที่มุ่งย้อนยุโรปกลางคืนสู่สถานะเดิมก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยการแบ่งดินแดนระหว่างเยอรมนีกับสหภาพโซเวียต ฟินแลนด์ เอสโตเนีย ลัตเวียและลิทัวเนียจะกลับไปอยู่ในการควบคุมของโซเวียต ขณะที่โปแลนด์และโรมาเนียจะถูกแบ่งระหว่างทั้งสอง
ตามข้อมูลของแอนดรูว์ นากอร์สกี (Andrew Nagorski) (2007; The Greatest Battle) อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ได้ประกาศเจตนารมณ์ในการบุกครองสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1939 ต่อคาร์ล ยาคอบ บูร์คฮาร์ดท์ ข้าหลวงสันนิบาตชาติ โดยกล่าวว่า "ทุกอย่างที่ผมทำมุ่งต่อต้านพวกรัสเซีย ถ้าทางตะวันตกโง่และตาบอดเกินกว่าจะฉวยสิ่งนี้ เช่นนั้นผมจะถูกบังคับให้หันไปทำความตกลงกับพวกรัสเซีย เอาชนะตะวันตก และจากนั้นหลังประเทศเหล่านั้นแพ้แล้ว ค่อยหันกำลังของผมทั้งหมดต่อสหภาพโซเวียต ผมต้องการยูเครนเพื่อที่เขาจะทำให้เราอดอยากไม่ได้ เหมือนที่เคยเกิดในสงครามครั้งที่แล้ว"
เยอรมนีกับสหภาพโซเวียตบุกครองและแบ่งโปแลนด์ใน ค.ศ. 1939 เดือนพฤศจิกายนปีนั้น หลังฟินแลนด์ปฏิเสธเงื่อนไขสนธิสัญญาความร่วมมือร่วมกันของโซเวียต สหภาพโซเวียตจึงรุกรานฟินแลนด์ในสงครามที่ต่อมาได้ชื่อว่า สงครามฤดูหนาว ซึ่งเป็นความขัดแย้งอันขมขื่นที่ลงเอยด้วยชัยชนะเพียงบางส่วนของโซเวียต เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 สหภาพโซเวียตยึดครองและผนวกรัฐบอลติกทั้งสามอย่างมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่ละเมิดอนุสัญญาเฮกปี 1899 และ 1907 อนุสัญญาและสนธิสัญญาทวิภาคีที่สหภาพโซเวียตลงนามกับรัฐบอลติกจำนวนมาก และรัฐตะวันตกส่วนมากไม่เคยรับรอง สนธิสัญญาโมโลตอฟ-ริบเบนทรอพให้หลักประกันอย่างเห็นได้ชัดแก่โซเวียตในการยึดครองทั้งรัฐบอลติกและภูมิภาคทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของโรมาเนีย (บูโควินาเหนือและเบสซาราเบีย) แม้ฮิตเลอร์จะประกาศการบุกครองสหภาพโซเวีตย โดยอ้างการผนวกดินแดนบอลติกและโรมาเนียของโซเวียตว่าละเมิดความเข้าใจต่อสนธิสัญญาฯ ของเยอรมนี ดินแดนโรมาเนียที่ถูกผนวกนั้นถูกแบ่งระหว่างสาธารณรัฐโซเวียตยูเครนและมอลโดวา
อุดมการณ์
อุดมการณ์ของเยอรมนี
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์โต้เถียงใน ไมน์คัมพฟ์ อัตชีวประวัติของตน ถึงความจำเป็นของแนวคิดเลเบนซเราม์ (เยอรมัน: Lebensraum) ซึ่งเป็นการเข้ายึดดินแดนใหม่เพื่อการตั้งถิ่นฐานของชาวเยอรมันทางตะวันออกของเยอรมนี เขาดำริการตั้งถิ่นฐานชาวเยอรมันในที่นั้นเป็นชนชาติปกครอง (master race) ขณะที่กำจัดหรือเนรเทศผู้อยู่อาศัยส่วนมากไปยังไซบีเรียและใช้ที่เหลือเป็นแรงงานทาส สำหรับพวกนาซีที่ยึดมั่นในหลักการ (ดังเช่นฮิมม์เลอร์) สงครามกับสหภาพโซเวียตเป็นการต่อสู้ของนาซีต่อคอมมิวนิสต์ และเชื้อชาติอารยันต่ออุนแทร์เมนซเชน (ต่ำกว่ามนุษย์)สลาฟ ฮิตเลอร์เอ่ยถึงโดยใช้คำพิเศษว่า "สงครามแห่งการทำลายล้าง" ในแผนการชื่อ "เจเนรัลพลันโอสท์" (Generalplan Ost) ประชากรยุโรปกลางและสหภาพโซเวียตที่ถูกยึดครองจะถูกเนรเทศไปยังไซบีเรียตะวันตกบางส่วน บางส่วนตกเป็นทาส และถูกกำจัดทิ้งไปในที่สุด ชาวเยอรมันหรือ "ผู้ที่แผลงเป็นเยอรมัน" (Germanized) จะตั้งนิคมในดินแดนที่พิชิตได้ นอกจากนี้ พวกนาซียังมุ่งกวาดล้างประชากรชาวยิวขนาดใหญ่ในยุโรปกลางและตะวันออก เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนาซีที่มุ่งกำจัดชาวยิวทุกคนในยุโรป
หลังความสำเร็จขั้นต้นของเยอรมนีที่ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์มองว่าสหภาพโซเวียตอ่อนแอทางทหารและสุกงอมแก่การพิชิตทันทีทันใด วันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1941 เขาประกาศว่า "เราทำแค่เตะที่ประตู และอาคารที่ผุพังทั้งหลังก็จะถล่มลงมา" ดังนั้น เยอรมนีคาดหวังบลิทซครีกช่วงสั้น ๆ อีกครั้งหนึ่ง และไม่มีการเตรียมการจริงจังต่อการสงครามยืดเยื้อ อย่างไรก็ดี หลังชัยชนะอย่างเด็ดขาดของโซเวียตที่ยุทธการสตาลินกราดและสถานการณ์ทางทหารอันเลวร้ายมากของเยอรมนีอันเป็นผล ฮิตเลอร์และโฆษณาชวนเชื่อนาซีประกาศว่า สงครามเป็นการป้องกันอารยธรรมตะวันตกต่อการถูกทำลายโดย "ฝูงบอลเชวิก" (Bolshevik horde) ใหญ่โตที่กำลังหลั่งไหลเข้าสู่ยุโรป
อุดมการณ์ของโซเวียต
ระบอบโซเวียต ซึ่งมีโจเซฟ สตาลินเป็นผู้นำ วางแผนการขยายอุดมการณ์ลัทธิมากซ์-เลนิน และให้ความช่วยเหลือแก่ความคืบหน้าของการปฏิวัติโลก ในความเป็นจริง สตาลินได้ยึดหลักการสังคมนิยมประเทศเดียว (Socialism in one country) และใช้หลักการนั้นสร้างความชอบธรรมแก่ช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 นาซีเยอรมนี ซึ่งวางตัวเป็นรัฐที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์มาอย่างต่อเนื่อง และได้ยืนยันฐานะอย่างเป็นทางการด้วยการลงนามในกติกาสัญญาต่อต้านโคมินเทิร์นกับญี่ปุ่น และอิตาลี นับเป็นขั้วตรงข้ามทางอุดมการณ์โดยตรงกับสหภาพโซเวียต ความตึงเครียดจากอุดมการณ์ได้เปลี่ยนไปเป็นสงครามตัวแทนระหว่างนาซีเยอรมนีและสหภาพโซเวียต เมื่อ ใน ค.ศ. 1936 เยอรมนีและฟาสซิสต์อิตาลีเข้าแทรกแซงสงครามกลางเมืองสเปน โดยสนับสนุนฝ่ายชาตินิยมสเปน ขณะที่ฝ่ายโซเวียตสนับสนุนสาธารณรัฐสเปนที่สอง ซึ่งนำโดยพวกสังคมนิยมและคอมมิวนิสต์อย่างโดดเด่น
เหตุการณ์อันชลุสส์ออสเตรียของเยอรมนี ใน ค.ศ. 1938 และการตัดเชโกสโลวาเกียแสดงถึงความเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างระบบความมั่นคงร่วมในทวีปยุโรป ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับการสนับสนุนจากมักซิม ลิตวินอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศโซเวียต ความล้มเหลวดังกล่าว ตลอดจนความไร้ความสามารถของผู้นำอังกฤษและฝรั่งเศสที่จะลงนามพันธมิตรทางการเมืองและทางทหารเพื่อต่อต้านเยอรมนีเต็มขั้นกับสหภาพโซเวียต นำไปสู่สนธิสัญญาโมโลตอฟ-ริบเบนทรอพระหว่างสหภาพโซเวียตกับเยอรมนีช่วงปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1939 การลงนามดังกล่าวนี้นำไปสู่การพลิกผันการโฆษณาชวนเชื่อของโซเวียต นาซีไม่ถูกพรรณนาว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตอีกต่อไป และสื่อสหภาพโซเวียตนำเสนอว่าเยอรมนีเป็นกลาง และกล่าวโทษโปแลนด์ สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสว่าเป็นผู้ก่อสงคราม อย่างไรก็ดี หลังเยอรมนีบุกตี ฐานะของรัฐบาลโซเวียตก็เปลี่ยนมาเป็นต่อต้านนาซีเต็มตัว
การตัดสินใจทำสงคราม
เป็นช่วงเวลาเกือบสองปีที่แนวชายแดนเยอรมนี-โซเวียตคงความสงบอยู่ ขณะที่เยอรมนีรุกรานเดนมาร์ก นอร์เวย์ ฝรั่งเศส กลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำและคาบสมุทรบอลข่าน ฮิตเลอร์มีความตั้งใจที่จะฉีกสนธิสัญญาไม่รุกรานและโจมตีสหภาพโซเวียต ความพยายามของฮิตเลอร์กลายเป็นรูปเป็นร่างเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิของปี 1940 ฮิตเลอร์เชื่อว่าสหภาพโซเวียตจะต้องยอมจำนนอย่างง่ายดายหลังจากต้องเผชิญกับการโหมกระหน่ำบุกของกองทัพเยอรมัน และสงครามน่าจะยุติลงก่อนที่ฤดูหนาวอันทารุณในสหภาพโซเวียตจะมาถึง
บางคนมีความเห็นว่าโจเซฟ สตาลินมีความกลัวที่จะทำสงครามกับเยอรมนี หรือไม่คาดว่าเยอรมนีจะทำสงครามสองด้าน และไม่ต้องการรบกวนฮิตเลอร์ บางคนบอกว่าสตาลินต้องการให้เยอรมนีทำสงครามกับประเทศทุนนิยมอื่น อีกแง่มุมหนึ่งก็คือ สตาลินเชื่อว่าสงครามจะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1942 เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมเสร็จสิ้นแล้ว และไม่เชื่อว่าสงครามจะเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าเยอรมนีจะรวบรวมกองทัพขนาดใหญ่ไว้ในโปแลนด์ตะวันออก และใช้เครื่องบินสำรวจเหนือแนวชายแดนหลายรอบ แต่สตาลินละเลยสัญญาณดังกล่าว รวมไปถึงหน่วยสืบราชการลับด้วยเช่นกัน ไม่กี่คืนก่อนหน้าการรุกรานจะเริ่มต้น ทหารโซเวียตได้รับคำสั่งที่ลงนามโดยจอมพล และพลเอกเกออร์กี จูคอฟ ตามคำสั่งของสตาลินว่า "ห้ามตอบโต้การกระทำใด ๆ" และ "ห้ามลงมือต่อข้าศึกโดยปราศจากคำสั่งโดยตรง" การโจมตีสหภาพโซเวียตของเยอรมนีทำให้นายพลระดับสูงของโซเวียตพากันแปลกใจ แม้ว่าสตาลินจะได้รับรายงานของหน่วยข่าวกรองเตือนว่าจะมีการรุกรานก็ตาม
ลำดับเหตุการณ์
ปฏิบัติการบาร์บารอสซา: ฤดูร้อน 1941
ปฏิบัติการบาร์บารอสซาเริ่มต้นขึ้นก่อนรุ่งอรุณของวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1941 เล็กน้อย ฝ่ายเยอรมันทำลายเครือข่ายสายโทรเลขในมณฑลทหารบกทางชายแดนด้านตะวันตกของสหภาพโซเวียตทั้งหมด เพื่อทำลายการติดต่อสื่อสารของโซเวียต เวลา 3.15 น. ของวันนั้น 99 กองพล จากทั้งหมด 190 กองพลของเยอรมนี รวมถึงกองพลแพนเซอร์ 14 กองพล และกองพลยานยนต์ 10 กองพล เคลื่อนย้ายเข้าวางกำลังต่อสหภาพโซเวียตจากทะเลบอลติกถึงทะเลดำ นอกจากนี้ยังมี 10 กองพลของโรมาเนีย 9 กองพลน้อยของโรมาเนียและ 4 กองพลน้อยของฮังการีเข้าสมทบ
เพื่อสถาปนาความเป็นเจ้าอากาศ ลุฟท์วัฟเฟอเริ่มการเข้าตีฉับพลันต่อสนามบินโซเวียต และทำลายกองสนามบินกองทัพอากาศโซเวียตที่เคลื่อนเข้าวางกำลังส่วนหน้าซึ่งประกอบด้วยอากาศยานที่ล้าสมัยส่วนใหญ่เป็นอันมากก่อนที่นักบินจะทันนำเครื่องขึ้นจากพื้นดิน เป็นเวลากว่าเดือนที่การรุกสามทางหยุดไม่อยู่ เมื่อกำลังแพนเซอร์โอบล้อมกองทหารโซเวียตนับแสนในวงล้อมขนาดใหญ่ซึ่งถูกลดทอนโดยกองทัพทหารราบที่เคลื่อนที่ได้ช้ากว่า ขณะที่แพนเซอร์ยังรักษาการรุก ตามหลักนิยมบลิทซครีก
วัตถุประสงค์ของกองทัพกลุ่มเหนือ คือ เลนินกราด ผ่านรัฐบอลติก ประกอบด้วยกองทัพที่ 16 ที่ 18 และกลุ่มแพนเซอร์ที่ 4 รูปขบวนนี้เคลื่อนที่ผ่านลิทัวเนีย ลัตเวีย เอสโตเนีย และเขตปสคอฟและนอฟโกรอดของรัสเซีย ในลิทัวเนีย ลัตเวียและเอสโตเนีย พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากผู้ก่อการกำเริบทอ้งถิ่น โดย "ปลดปล่อย" ลิทัวเนียเกือบทั้งประเทศ ลัตเวียตอนเหนือและเอสโตเนียตอนใต้ก่อนที่กองกำลังเยอรมันจะมาถึง
สองกลุ่มแพนเซอร์ ของกองทัพกลุ่มกลาง ได้แก่ กลุ่มแพนเซอร์ที่ 2 และที่ 3 เคลื่อนที่ไปทางเหนือและใต้ของเบรสท์-ลีตอฟสก์ และมาบรรจบกันทางตะวันออกของมินสค์ ตามด้วยกองทัพที่ 2 ที่ 4 และที่ 9 กำลังแพนเซอร์ผสมถึงแม่น้ำเบเรสินาในหกวัน ซึ่งอยู่ห่างจากแนวเริ่มต้น 650 กิโลเมตร วัตถุประสงค์ต่อไป คือ ข้ามแม่น้ำนีเปอร์ ซึ่งประสบความสำเร็จในวันที่ 11 กรกฎาคม จากนั้น เป้าหมายต่อไป คือ สโมเลนสก์ ซึ่งแตกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม แต่การต้านทานอย่างดุเดือดของโซเวียตในพื้นที่สโมเลนสก์ และความล่าช้าของเวร์มัคท์ในการรุกทางเหนือและทางใต้บีบให้ฮิตเลอร์หยุดการผลักดันตรงกลางที่กรุงมอสโกและหันกลุ่มแพนเซอร์ที่ 3 ไปทางเหนือ ที่สำคัญ กลุ่มแพนเซอร์ที่ 2 ของกูเดเรียนถูกสั่งให้เคลื่อนไปทางใต้ในกลยุทธ์คีมยักษ์ร่วมกับกองทัพกลุ่มใต้ที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่ยูเครน กองพลทหารราบของกองทัพกลุ่มกลางแทบไม่เหลือการสนับสนุนจากยานเกราะในการดำเนินการรุกคืบที่ล่าช้าไปยังกรุงมอสโก
การตัดสินใจนี้ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ภาวะผู้นำอย่างรุนแรง ผู้บังคับบัญชาสนามของเยอรมนีสนับสนุนการรุกไปยังกรุงมอสโกทันทีทันใด แต่ฮิตเลอร์ปฏิเสธพวกเขา โดยอ้างความสำคัญของทรัพยากรเกษตรกรรม เหมืองแร่และอุตสาหกรรมของยูเครน เช่นเดียวกับการระดมกำลังเพิ่มเติมของโซเวียตในพื้นที่โกเมลระหว่างปีกด้านใต้ของกองทัพกลุ่มกลางและปีกด้านเหนือของกองทัพกลุ่มใต้ที่ถูกหน่วงไว้ การตัดสินใจนี้ ที่ได้ชื่อว่า "ช่วงหยุดฤดูร้อน" ของฮิตเลอร์ เชื่อกันว่ามีผลกระทบร้ายแรงต่อผลของยุทธการมอสโก โดยยอมเสียความเร็วในการรุกคืบไปยังกรุงมอสโกไปโอบล้อมกองทหารโซเวียตขนาดใหญ่รอบเคียฟ
กองทัพกลุ่มใต้ ร่วมกับกลุ่มแพนเซอร์ที่ 1 กองทัพที่ 6 ที่ 11 และที่ 17 ได้รับมอบหมายให้เคลื่อนที่ผ่านกาลีเซียเข้าสู่ยูเครน อย่างไรก็ดี ความคืบหน้าของพวกเขาค่อนข้างช้า และได้รับความสูญเสียอย่างหนักในยุทธการรถถังใหญ่ ด้วยฉนวนมุ่งสู่เคียฟถูกเข้าครองเมื่อถึงกลางเดือนกรกฎาคม กองทัพที่ 11 ด้วยความช่วยเหลือจากกองทัพโรมาเนีย 2 กองทัพ สู้รบผ่านเบสซาราเบียมุ่งสู่โอเดสซา กลุ่มแพนเซอร์ที่ 1 เบนจากเคียฟช่วงหนึ่ง โดยรุกเข้าสู่หัวโค้งนีเปอร์ (มณฑลนีโปรเปตรอฟสก์ตะวันตก) เมื่อกลุ่มแพนเซอร์ที่ 1 เชื่อมกับส่วนใต้ของกองทัพกลุ่มใต้ที่อูมัน กลุ่มฯ ก็จับเชลยโซเวียตได้ราว 100,000 นายในวงล้อมขนาดใหญ่ กองพลยานเกราะของกองทัพกลุ่มใต้ที่กำลังรุกคืบพบกับกลุ่มแพนเซอร์ที่ 2 ของกูเดเรียนใกล้กับโลฮ์วึตซาในกลางเดือนกันยายน โดยตัดกองทหารกองทัพแดงจำนวนมากในกระเป๋าทางตะวันออกของเคียฟ เชลยโซเวียต 400,000 คนถูกจับเมื่อเคียฟยอมจำนนในวันที่ 19 กันยายน
ระหว่างที่กองทัพโซเวียตร่นถอยอยู่หลังแนวแม่น้ำนีเปอร์และแม่น้ำดวีนา สตัฟกาของโซเวียตมุ่งความสนใจไปกับการอพยพอุตสาหกรรมในภูมิภาคทางตะวันตกให้ได้มากที่สุด โรงงานถูกรื้อและบรรจุลงในรถไฟขนสินค้า และตั้งขึ้นใหม่ในพื้นที่ห่างไกลกว่าในเทือกเขาอูราล คอเคซัส เอเชียกลางและไซบีเรียตะวันออกเฉียงใต้ พลเรือนส่วนมากถูกทิ้งให้หนีมาทางตะวันออกเอง เพราะมีเพียงกรรมกรอุตสาหกรรมเท่านั้นที่จะถูกอพยพพร้อมอุปกรณ์ และประชากรจำนวนมากถูกทิ้งไว้เบื้องหลังกับความเมตตาของกองกำลังฝ่ายบุกครอง
โจเซฟ สตาลินสั่งการให้กองทัพแดงที่กำลังร่นถอยริเริ่มนโยบาย scorched earth เพื่อไม่ให้เยอรมนีและพันธมิตรได้เสบียงพื้นฐานขณะที่พวกเขาเคลื่อนมาทางตะวันออก เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งนั้น กองพันทำลายถูกตั้งขึ้นในพื้นที่แนวหน้า มีอำนาจประหารชีวิตบุคคลต้องสงสัยอย่างรวบรัด กองพันทำลายเผาหมู่บ้าน โรงเรียนและอาคารสาธารณะ ส่วนหนึ่งของนโยบายนี้ ผู้ตรวจการกิจการภายในประชาชน (People's Commissariat for Internal Affairs - NKVD) สังหารหมู่นักโทษ โดยมีนักโทษต่อต้านโซเวียตหลายพันคนถูกประหารชีวิต
มอสโกและรอสตอฟ : ฤดูใบไม้ร่วง 1941
จากนั้น ฮิตเลอร์ตัดสินใจกลับมารุกสู่กรุงมอสโกต่อ โดยได้มีการจัดกลุ่มแพนเซอร์เป็นกองทัพแพนเซอร์เพื่อการณ์นี้ ในปฏิบัติการไต้ฝุ่น ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน กองทัพแพนเซอร์ที่ 2 เร่งรุดตามถนนลาดยางตั้งแต่โอริออล (ถูกยึดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม) ไปจนถึงแม่น้ำโอกาที่ปลัฟซโคเย ขณะที่กองทัพแพนเซอร์ที่ 4 (ถูกโอนจากกองทัพกลุ่มเหนือมายังกองทัพกลุ่มกลาง) และกองทัพแพนเซอร์ที่ 3 ล้อมกำลังโซเวียตในวงล้อมขนาดใหญ่สองวงที่เวียซมาและเบรียนสก์ กองทัพกลุ่มเหนือตั้งอยู่หน้าเลนินกราดและพยายามตัดเส้นทางรถไฟเชื่อมที่มกา (Mga) ไปทางตะวันออก นับเป็นจุดเริ่มต้นของการล้อมเลนินกราดนาน 900 วัน เหนือขึ้นไป กำลังผสมเยอรมัน-ฟินแลนด์เริ่มต้นบุกไปยังมูร์มันสก์ แต่ไม่อาจบุกไปได้เกินกว่าแม่น้ำซาปัดนายา ลิตซา ที่ซึ่งหยุดตั้งมั่นไว้
กองทัพกลุ่มใต้ผลักลงใต้จากแม่น้ำนีเปอร์ไปยังฝั่งทะเลอะซอฟ ทั้งยังเคลื่อนทัพผ่านฮาร์คอฟ คูสค์ และสตาลิโน กองทัพที่ 11 เคลื่อนเข้าสู่ไครเมียและเข้ายึดทั้งคาบสมุทรได้เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง (ยกเว้น ซึ่งสามารถต้านทานได้ถึงวันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 1942) วันที่ 21 พฤศจิกายน ฝ่ายเยอรมันยึดรอสตอฟ ประตูสู่คอเคซัส อย่างไรก็ดี แนวรบเยอรมันยังยืดยาวเกินไป และโซเวียตฝ่ายตั้งรับตีโต้ตอบหัวหอกของกองทัพแพนเซอร์ที่ 1 จากทางเหนือ บีบให้กองทัพแพนเซอร์ที่ 1 ต้องถอนตัวออกจากนครและถอยไปหลังแม่น้ำมีอุส (Mius) นับเป็นการร่นถอยสำคัญครั้งแรกของเยอรมนีในสงคราม
ขณะที่ฤดูหนาวใกล้เข้ามา ฝ่ายเยอรมันเริ่มต้นบุกครั้งสุดท้ายซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน เมื่อฝ่ายเยอรมันพยายามโอบล้อมกรุงมอสโก วันที่ 27 พฤศจิกายน กองทัพแพนเซอร์ที่ 4 บุกไปถึงรัศมี 30 กิโลเมตรจากเครมลิน เมื่อบุกไปถึงจุดพักสุดท้ายของแนวมอสโกที่ฮิมคี ขณะเดียวกันนั้น กองทัพแพนเซอร์ที่ 2 แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ ก็ไม่อาจยึดตูลา นครโซเวียตแห่งสุดท้ายที่ขวางทางบุกสู่กรุงมอสโกได้ หลังการประชุมซึ่งจัดที่ออร์ชา ระหว่างพลเอก ฟรันซ์ ฮัลแดร์ หัวห้าเสนาธิการทหารบก และหัวหน้ากลุ่มกองทัพและกองทัพทั้งสาม ได้ตัดสินใจผลักดันไปยังกรุงมอสโก ซึ่งจอมพล เฟดอร์ ฟอน บอค หัวหน้ากองทัพกลุ่มกลาง ให้เหตุผลว่า จะเป็นการดีกว่าแก่พวกเขาที่จะเสี่ยงดวงในสมรภูมิแทนที่จะคอยให้ข้าศึกรวบรวมกำลังมากขึ้น
อย่างไรก็ดี เมื่อถึงวันที่ 6 ธันวาคม เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เวร์มัคท์อ่อนแอเกินกว่าจะยึดกรุงมอสโกได้ และการเข้าตีถูกหยุดพักไว้ จากนั้น จอมพลชาโปชนิคอฟเริ่มการตีโต้ตอบของเขา โดยใช้กองหนุนที่เพิ่งระดมมาใหม่ ๆ เช่นเดียวกับกองพลตะวันออกไกลที่ได้รับการฝึกอย่างดีที่เพิ่งย้ายมาจากทางตะวันออก หลังญี่ปุ่นรับประกันจะวางตนเป็นกลาง
การตีโต้ตอบของโซเวียต : ฤดูหนาว 1941
ช่วงฤดูใบไม้ร่วง สตาลินได้ย้ายเอากองกำลังโซเวียตใหม่และมีอาวุธอย่างดีจากไซบีเรียและภาคตะวันออกไกลมายังกรุงมอสโก วันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1941 กำลังเพิ่มเติมเหล่านี้เข้าตีแนวรบเยอรมันรอบกรุงมอสโก โดยได้รับการสนับสนุนจากรถถังที-34 และเครื่องยิงจรวดใหม่ กำลังโซเวียตใหม่นี้เตรียมพร้อมรับมือกับการสงครามฤดูหนาวดีกว่าข้าศึก และโซเวียตยังมีกองพันสกีอยู่หลายกองพัน ฝ่ายเยอรมันที่เหนื่อยล้าและหนาวจนแข็งถูกขับออกจากกรุงมอสโกเมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1942
โซเวียตเข้าตีอีกหนในปลายเดือนมกราคม โดยพุ่งเป้าไปยังรอยต่อระหว่างกองทัพกลุ่มเหนือและกลุ่มกลางระหว่างทะเลสาบเซลีเกียร์กับรซเฮฟ (Rzhev) และขับช่องว่างระหว่างสองกลุ่มกองทัพเยอรมัน ประกอบกับการรุกจากคาลูกาไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงมอสโก มีการตั้งใจให้การรุกทั้งสองบรรจบกันที่สโมเลนสก์ แต่ฝ่ายเยอรมันชุมนุมพลและสามารถแยกการเข้าตีทั้งสองสายออกจากกัน จึงยังสามารถรักษาแนวยื่นออกไป (salient) ที่รซเฮฟไว้ได้ การส่งพลร่มโซเวียตลงสู่โดโรโกบุชที่เยอรมนียึดครองอยู่นั้น ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และพลร่มที่รอดชีวิตเหล่านั้นจำต้องหลบหนีไปยังดินแดนที่พลพรรคยึดครองอยู่และกำลังก่อตัวขึ้นหลังแนวรบเยอรมัน ทางเหนือ ฝ่ายโซเวียตล้อมที่ตั้งทหารเยอรมันในเดเมียนสก์ ซึ่งต้านทานโดยมีการส่งกำลังบำรุงทางอากาศได้นานถึงสี่เดือน และจัดวางกำลังอยู่หน้าโฮล์ม เวลิช และเวลีคี ลูคี
ในทางใต้ กองทัพแดงข้ามแม่น้ำโดเนตส์ที่อีซูย์ม และสถาปนาแนวรบยื่นเข้าไปในแนวรบเยอรมันได้กว่า 100 กิโลเมตร เจตนาเพื่อตรึงกองทัพเยอรมันกับทะเลอะซอฟ แต่เมื่อเริ่มพ้นฤดูหนาว ฝ่ายเยอรมันสามารถตีโต้ตอบและตัดกำลังโซเวียตที่ถลำเข้ามาลึกเกินได้ในยุทธการฮาร์คอฟครั้งที่สอง
ดอน วอลกาและคอเคซัส : ฤดูร้อน 1942
แม้จะมีการวางแผนเข้ากรุงตีมอสโกอีกหน แต่เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1942 การรุกกลับเปิดฉากไปอีกทางหนึ่ง กองทัพกลุ่มใต้เป็นฝ่ายริเริ่ม ยึดแนวรบด้วยยุทธการโวโรเนช จากนั้น ตามด้วยแม่น้ำดอนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ แผนการใหญ่ คือ ยึดแม่น้ำดอนและวอลกาก่อน แล้วค่อยเคลื่อนเข้าคอเคซัสมุ่งสู่ทุ่งน้ำมัน แต่การพิจารณาทางปฏิบัติการและความโอหังของฮิตเลอร์ทำให้เขาสั่งการให้ดำเนินตามวัตถุประสงค์ทั้งสองพร้อมกัน รอสตอฟถูกยึดคืนได้เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เมื่อกองทัพแพนเซอร์ที่ 1 เข้าร่วม และจากนั้น กลุ่มดังกล่าวเคลื่อนลงไปทางใต้มุ่งสู่ไมคอป ส่วนหนึ่งของแผนการนี้ มีการดำเนินปฏิบัติการชามิล แผนการซึ่งกลุ่มบรันเดนบูร์เกอร์คอมมันโดแต่งกายเป็นกองทหาร NKVD ของโซเวียต เพื่อบ่อนทำลายการป้องกันไมคอป และให้กองทัพแพนเซอร์ที่ 1 เข้าสู่เมืองน้ำมันแห่งนี้โดยมีการต่อต้านเพียงเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน กองทัพที่ 6 กำลังมุ่งหน้าสู่สตาลินกราด ซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพแพนเซอร์ที่ 4 เป็นเวลานาน เพราะถูกเปลี่ยนให้ไปช่วยกองทัพแพนเซอร์ที่ 1 ข้ามแม่น้ำดอน เมื่อกองทัพแพนเซอร์ที่ 4 เข้าร่วมการรุกสตาลินกราดอีกครั้ง การต้านทานของโซเวียต อันประกอบด้วยกองทัพที่ 62 ภายใต้การบังคับบัญชาของวาซีลี ชุยคอฟ ก็ได้เหนียวแน่นแล้ว การข้ามแม่น้ำดอนทำให้กำลังเยอรมันไปถึงแม่น้ำวอลกาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม แต่อีกสามเดือนถัดมา เวร์มัคท์จะต้องสู้รบในยุทธการสตาลินกราดแบบถนนต่อถนน
ส่วนทางใต้ กองทัพแพนเซอร์ที่ 1 ไปถึงตีนเขาคอเคซัสและแม่น้ำมัลคา เมื่อถึงปลายเดือนสิงหาคม กองทหารภูเขาของโรมาเนียเข้าร่วมกับหัวหอกคอเคซัส ขณะที่กองทัพที่ 3 และ 4 ของโรมาเนียมีการวางกำลังใหม่ หลังภารกิจกวาดล้างชายฝั่งอะซอฟสัมฤทธิ์ผล โดยเข้าประจำที่อยู่ด้านใดด้านหนึ่งของสตาลินกราดเพื่อให้กองกำลังเยอรมันสู้รบอย่างเหมาะสม ความเป็นปรปักษ์ที่ดำเนินอยู่ระหว่างพันธมิตรอักษะโรมาเนียและฮังการีเหนือทรานซิลเวเนีย ทำให้กองทัพโรมาเนียในคุ้งดอนถูกแยกจากกองทัพฮังการีที่ 2 โดยกองทัพอิตาลีที่ 8 ดังนั้น พันธมิตรทั้งหมดของฮิตเลอร์จึงเข้ามามีส่วน รวมทั้งกองกำลังที่เผื่อไว้ของสโลวาเกียกับกองทัพแพนเซอร์ที่ 1 และกรมของโครเอเชียที่ขึ้นสมทบกองทัพที่ 6
การรุกเข้าสู่คอเคซัสถูกหน่วง โดยฝ่ายเยอรมันไม่สามารถสู้รบผ่านมัลโกเบคไปยังกรอซนีอันเป็นจุดหมายหลักได้ จึงได้เปลี่ยนทิศทางการบุกให้เข้าสู่กรอซนีจากทางใต้ โดยข้ามแม่น้ำมัลคาเมื่อปลายเดือนตุลาคมและเข้าสู่นอร์ทออสเซเตีย ในสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน บริเวณชานเมืองออร์ดโฮนีคิดเซ หัวหอกของกองพลแพนเซอร์ที่ 13 ถูกตัดออก และกำลังแพนเซอร์จำต้องร่นถอย การรุกเข้าสู่รัสเซียก็สิ้นสุดลง
สตาลินกราด : ฤดูหนาว 1942
ขณะที่กองทัพที่ 6 และกองทัพแพนเซอร์ที่ 4 กำลังบุกไปยังสตาลินกราดอยู่นั้น กองทัพโซเวียตได้มารวมพลกันอยู่ด้านใดด้านหนึ่งของนคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขตหัวสะพานดอนซึ่งกองทัพโรมาเนียไม่ได้ลดทอน และกองทัพโซเวียตได้โจมตีมาจากหัวสะพานเหล่านี้เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1942 ในปฏิบัติการยูเรนัส สองแนวรบโซเวียตเจาะผ่านแนวรบโรมาเนียและมาบรรจบกันที่คาลัชเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ซึ่งดักกำลังอักษะ 300,000 นายไว้เบื้องหลัง การรุกที่เกิดขึ้นพร้อมกันในเขตรซเฮฟ ที่มีชื่อว่า ปฏิบัติการมาร์ส นั้น ควรจะรุกไปถึงสโมเลนสก์ แต่ล้มเหลว ด้วยความสามารถทางยุทธวิธีของเยอรมนี
ฝ่ายเยอรมนีเร่งส่งกองทหารไปยังรัสเซียด้วยความพยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือสตาลินกราด หากการบุกต้องเลื่อนออกไปจนวันที่ 12 ธันวาคม ซึ่งจนถึงขณะนั้น กองทัพที่ 6 ในสตาลินกราดกำลังอดอยากและอ่อนแอเกินกว่าจะตีฝ่าออกมาบรรจบกับกำลังที่ส่งมาช่วย ปฏิบัติการพายุฤดูหนาว ด้วยกองพลแพนเซอร์ที่ถูกย้ายมาสามกองพล ซึ่งเร่งรุดเคลื่อนที่จากโคเทลนีโคโวมุ่งสู่แม่น้ำอัคไซ แต่ถูกหยุดขณะอยู่ห่างจากจุดหมาย 65 กิโลเมตร เพื่อเบนความพยายามช่วยเหลือ ฝ่ายโซเวียตตัดสินใจขยี้ฝ่ายอิตาลีและขัดขวางความพยายามสับเปลี่ยนกำลังหากทำได้ ปฏิบัติการนั้นเริ่มเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ในปฏิบัติการดังกล่าว ฝ่ายโซเวียตสามารถทำลายอากาศยานจำนวนมากที่ส่งกำลังบรรเทาไปยังสตาลินกราด ขอบเขตการรุกของโซเวียตที่ค่อนข้างจำกัด แม้ในท้ายที่สุดจะยังพุ่งเป้าไปยังรอสตอฟ ยังให้เวลาฮิตเลอร์มองเห็นเหตุผลและดึงกองทัพกลุ่มเอออกจากคอเคซัสและกลับจากแม่น้ำดอน
31 มกราคม ค.ศ. 1943 ทหารผู้รอดชีวิต 90,000 นาย จากทั้งหมด 300,000 นายของกองทัพที่ 6 ยอมจำนน ถึงขณะนั้น กองทัพฮังการีที่ 2 ก็ถูกกวาดล้างไปแล้วเช่นกัน ฝ่ายโซเวียตรุกจากแม่น้ำดอนไปทางตะวันตกของสตาลินกราดได้ไกล 500 กิโลเมตร โดยเคลื่อนผ่านผ่านคูสค์ (ยึดคืนได้เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1943) และฮาร์คอฟ (ยึดคืนได้เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1943) เพื่อรักษาที่ตั้งทางใต้ ฝ่ายเยอรมันจึงตัดสินใจสละแนวยื่นที่รซเฮฟในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้มีกองทหารเพียงพอที่จะตอบโต้อย่างฉับพลันได้สำเร็จในยูเครนตะวันออก การรุกโต้ตอบของมันสไทน์ ซึ่งได้รับการเสริมกำลังจากเหล่าแพนเซอร์เอสเอสที่มีรถถังทีเกอร์ เปิดฉากเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1943 และสู้รบไปตามทางจากโปลตาวาเข้าไปในฮาร์คอฟในสัปดาห์ที่สามของเดือนมีนาคม เมื่อหิมะที่ละลายในฤดูใบไม้ผลิขัดขวาง ทำให้แนวรบโซเวียตเกิดรอยนูนซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่คูสค์
คูสค์ : ฤดูร้อน 1943
หลังความพยายายามยึดสตาลินกราดล้มเหลว ฮิตเลอร์มอบอำนาจการวางแผนในฤดูการทัพที่จะมาถึงแก่กองบัญชาการทหารสูงสุด และให้กูเดเรียนมีบทบาทเด่นตามเดิม โดยคราวนี้เป็นจเรกำลังแพนเซอร์ การถกเถียงในหมู่เสนาธิการเกิดการแบ่งขั้ว แม้แต่ฮิตเลอร์เองก็กังวลเกี่ยวกับความพยายามใด ๆ ในการบีบแนวยื่นที่คูสค์ เขาทราบว่า ในช่วงหกเดือน ที่ตั้งของโซเวียตที่คูสค์มีการเสริมกำลังอย่างหนาแน่นด้วยปืนต่อสู้รถถัง กับดักรถถัง ทุ่นระเบิด สนามเพลาะ รังปืนกล ปืนใหญ่และปืนครก อย่างไรก็ดี หากสามารถเปิดการรุกบลิทซครีกครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายได้ครั้งหนึ่ง เช่นนั้น ฝ่ายโซเวียตจะเบาบางลง และจะได้หันความสนใจไปยังภัยคุกคามจากฝ่ายสัมพันธมิตรในแนวรบด้านตะวันตก การรุกจะมาจากแนวยื่นที่โอริออลทางเหนือของคูสค์ และจากเบลโกรอดทางใต้ ปีกทั้งสองจะมาบรรจบกันบริเวณพื้นที่ทางตะวันออกของคูสค์ และหากสำเร็จจะสามารถฟื้นฟูแนวรบของกลุ่มกองทัพใต้ ณ จุดเดียวกับที่เคยยึดครองในช่วงฤดูหนาว ค.ศ. 1941-1942
แม้ฝ่ายเยอรมันจะทราบว่า กำลังพลสนับสนุนของกองทัพแดงเคยหมดลงในช่วงฤดูร้อน ค.ศ. 1941 และ 1942 ฝ่ายโซเวียตยังมีการจัดหากำลังพลเพิ่ม โดยการเกณฑ์ทหารจากพื้นที่ซึ่งยึดคืนได้
ด้วยแรงกดดันจากบรรดานายพล ฮิตเลอร์จึงตกลงเข้าตีที่คูสค์ โดยทราบเพียงเล็กน้อยว่า ข่าวกรองของอับเวร์ต่อที่ตั้งของโซเวียตนั้นถูกบ่อนทำลายโดยการให้ข้อมูลผิด ๆ ของสตัฟกาและการทัพต่อต้านข่าวกรอง ซึ่งดำเนินโดยแหวนสายลับลูซีในสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อฝ่ายเยอรมันเริ่มปฏิบัติการ หลังจากหยุดพักไปหลายเดือนเพื่อรอรถถังและยุทโธปกรณ์ใหม่ ๆ ขณะนั้นฝ่ายโซเวียตก็ได้เสริมกำลังแนวยื่นที่คูสค์ด้วยกำลังยิงต่อสู้รถถังมากกว่าที่เคยรวมอยู่ที่เดียวทั้งก่อนและนับแต่นั้น
ทางเหนือ กองทัพที่ 9 ของเยอรมนีทั้งหมดถูกวางกำลังใหม่จากแนวยื่นรซเฮฟไปยังแนวยื่นที่โอริออล และเคลื่อนจากมาโลอาร์ฮันเกลสก์ไปยังคูสค์ แต่กองกำลังนี้ไม่ผ่านกระทั่งวัตถุประสงค์แรกที่ออลโฮวัตคา ที่อยู่ห่างจากจุดเริ่มต้นการรุกเพียง 8 กิโลเมตร กองทัพที่ 9 เสียหัวหอกไปกับสนามทุ่นระเบิดของโซเวียต จากนั้น การบุกถูกเปลี่ยนทิศทางไปยังโปนืยรี ทางตะวันตกของออลโฮวัตคา แต่กองทัพที่ 9 ไม่สามารถเจาะผ่านที่นี่เช่นกัน และต้องเปลี่ยนไปตั้งรับแทน ฝ่ายโซเวียตโจมตีกลับ วันที่ 12 กรกฎาคม กองทัพแดงสู้รบผ่านแนวแบ่งเขตระหว่างกองพลที่ 211 และที่ 293 ริมแม่น้ำจิซดรา และมุ่งสู่คาราเชฟ ที่อยู่หลังพวกตนและหลังโอริออล
การรุกทางใต้ ซึ่งมีกองทัพแพนเซอร์ที่ 4 เป็นหัวหอก นำโดย พลเอกฮอท โดยมีเหล่ารถถังสามเหล่าสร้างความคืบหน้า เหล่าแพนเซอร์เอสเอสที่ 2 และกองพลกรอสส์ดอยท์ชลันด์ พันเซอร์เกรนาดีร์รุกไปตามแม่น้ำด้านหนึ่งของโดเนตส์บนตรงฉนวนแคบ ๆ ซึ่งต้องผ่านสนามทุ่นระเบิดและเหนือที่สูงเมื่อเทียบกันมุ่งสู่โอโบยัน การต้านทานอย่างดุเดือดทำให้ต้องเปลี่ยนทิศทางการบุกจากทางตะวันออกเป็นตะวันตกของแนวรบ แต่รถถังยังรุกไป 25 กิโลเมตรก่อนเผชิญกับกำลังหนุนของกองทัพรถถังป้องกัน (Guards Tank Army) ที่ 5 ของโซเวียต นอกโปรโฮรอฟกา ยุทธการดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม โดยมีรถถังราวหนึ่งพันคันอยู่ในการยุทธ์ หลังสงคราม นักประวัติศาสตร์โซเวียตยึดว่า ยุทธการใกล้กับโปรโฮรอฟกา เป็นยุทธการรถถังใหญ่ที่สุดตลอดกาล การรบปะทะที่โปรโฮรอฟกาเป็นความสำเร็จในการตั้งรับของโซเวียต แม้ต้องสูญเสียไปมากก็ตาม กองทัพรถถังป้องกันที่ 5 ของโซเวียต ซึ่งมีรถถังเบาและกลางราว 800 คัน เข้าตีเหล่าแพนเซอร์เอสเอสที่ 2 การสูญเสียรถถังของทั้งสองฝ่ายเป็นที่มาของการถกเถียงตั้งแต่นั้นมา แม้กองทัพรถถังป้องกันที่ 5 จะมิได้บรรลุวัตถุประสงค์ แต่การบุกของเยอรมนีก็หยุดลง
เมื่อวันนั้นสิ้นสุดลง ทั้งสองฝ่ายสู้รบจนคุมเชิงกัน หากแม้จะคุมเชิงกันอยู่ในทางเหนือ มันสไทน์ยังตั้งใจเข้าตีต่อไปด้วยกองทัพแพนเซอร์ที่ 4 แต่ฝ่ายโซเวียตสามารถตั้งรับการเข้าตีดังกล่าว และการรุกทางยุทธศาสตร์ของเยอรมนี ที่ชื่อว่า ปฏิบัติการซิทาเดล ก็หยุดลง ด้วยความประทับใจต่อปฏิบัติการตีโต้ตอบที่บรรลุผลทางใต้ กองทัพแดงจึงเริ่มปฏิบัติการการรุกอย่างรุนแรงในแนวยื่นโอริออลทางเหนือ และสามารถเจาะผ่านปีกของกองทัพที่ 9 ของเยอรมนีได้ ฮิตเลอร์ที่เป็นกังวลกับการยกพลขึ้นบกในซิซิลีของฝ่ายสัมพันธมิตรเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม จึงตัดสินใจหยุดการรุก แม้กองทัพที่ 9 ของเยอรมนีจะได้พื้นที่อย่างรวดเร็วในทางเหนือก็ตาม การรุกทางยุทธศาสตร์ครั้งสุดท้ายของเยอรมนีในสหภาพโซเวียตยุติลงด้วยการตั้งรับต่อการตีโต้ตอบใหญ่ของโซเวียตซึ่งกินเวลาถึงเดือนสิงหาคม การรุกที่คูสค์เป็นการรุกขนาดเดียวกับเมื่อครั้ง ค.ศ. 1940 และ 1941 ครั้งสุดท้ายที่เวร์มัคท์สามารถปฏิบัติได้ และการรุกในภายหลังล้วนแสดงเพียงเงาของอดีตอำนาจการรุกของเวร์มัคท์เท่านั้น
ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 1943–44
ฝ่ายโซเวียตรุกต่อไปยังแนวยื่นที่โอริออลของเยอรมนี การเบี่ยงเบนกองพลกรอสส์ดอยท์ชลันด์ที่มียุทธโธปกรณ์อย่างดีจากเบลโกรอดไปยังคาราเชฟก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ และมีการตัดสินใจทางยุทธศาสตร์ให้สละโอริออล (ซึ่งถูกกองทัพแดงยึดคืนได้เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 1943) และร่นถอยไปยังแนวฮาเกนที่อยู่หน้าเบรียนสค์ทางใต้ ฝ่ายโซเวียตทะลวงผ่านที่ตั้งเบลโกรอดของกองทัพกลุ่มใต้ และมุ่งหน้าสู่ฮาร์คอฟอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างยุทธการอันเข้มข้นตลอดปลายเดือนกรกฎาคม เข้าสู่เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1943 แม้รถถังทีเกอร์จะทำลายรถถังโซเวียตในด้านหนึ่ง แต่ไม่ช้าก็ถูกโอบล้อมในอีกด้านหนึ่งทางตะวันตก ขณะที่ฝ่ายโซเวียตเคลื่อนลงมายังเปสล (Psel) และฮาร์คอฟจะต้องถูกอพยพเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม
กำลังเยอรมันริมแม่น้ำมีอุส ซึ่งขณะนี้ประกอบด้วยกองทัพแพนเซอร์ที่ 1 และกองทัพที่ 6 ที่สถาปนาขึ้นใหม่ อ่อนแอเกินกว่าจะขับการเข้าตีของโซเวียตบนแนวรบของตนได้ เมื่อถึงเดือนสิงหาคม และเมื่อฝ่ายโซเวียตตีกองทัพทั้งสอง ก็จำต้องร่นถอยผ่านนิคมอุตสาหกรรมดอนบาส (Donbass) ไปจนถึงนีเปอร์ สูญเสียทรัพยากรทางอุตสาหกรรมและพื้นที่เกษตรกรรมครึ่งหนึ่งที่เยอรมนีบุกครองสหภาพโซเวียตเพื่อใช้ประโยชน์ ถึงขณะนี้ ฮิตเลอร์ตกลงให้มีการร่นถอยใหญ่ไปยังแนวนีเปอร์ ซึ่งแนวดังกล่าวตั้งใจจะให้เป็นโอสท์วัลล์ ซึ่งเป็นแนวป้องกันคล้ายคลึงกับแนวซีกฟรีด ป้อมสนามตามชายแดนตะวันตกของเยอรมนี ปัญหาหลักของฝ่ายเยอรมัน คือ การป้องกันเหล่านี้ยังไม่ถูกสร้างขึ้น และเมื่อกองทัพกลุ่มใต้ได้ถอนตัวจากยูเครนตะวันออกและเริ่มร่นถอยข้ามแม่น้ำนีเปอร์ช่วงเดือนกันยายน ฝ่ายโซเวียตก็ไล่หลังมาอย่างกระชั้นแล้ว ทหารหน่วยเล็ก ๆ พายเรือข้ามแม่น้ำกว้าง 3 กิโลเมตรอย่างทรหด และสถาปนาขึ้น ความพยายามครั้งที่สองของฝ่ายโซเวียตที่จะยึดพื้นที่โดยใช้พลร่ม มีขึ้นที่คาเนฟเมื่อวันที่ 24 กันยายน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไร้โชคเช่นเดียวกับที่โดโรโกบุชเมื่อสิบแปดเดือนก่อน และพลร่มก็ถูกขับไล่ไปในเวลาอันสั้น แต่ก็หลังจากที่กำลังกองทัพแดงที่หนุนเข้ามาได้ใช้การกำบังที่พลร่มเหล่านี้เตรียมไว้ข้ามแม่น้ำนีเปอร์และครองสนามเพลาะอย่างปลอดภัย เมื่อเข้าสู่เดือนตุลาคม ฝ่ายเยอรมันพบว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะยื้อแนวนีเปอร์เมื่อหัวสะพานของโซเวียตเติบโตขึ้น และเมืองสำคัญตามแม่น้ำนีเปอร์เริ่มแตก เริ่มจากซาโปโรเจียตามมาด้วยเนโปรเปตรอฟสก์ ในที่สุด ต้นเดือนพฤศจิกายน ฝ่ายโซเวียตฝ่าออกจากหัวสะพานทั้งสองฝั่งของเคียฟและยึดเมืองหลวงของยูเครน ซึ่งขณะนั้นเป็นนครใหญ่ที่สุดอันดับสามในสหภาพโซเวียต ไว้ได้
ห่างจากเคียฟไปทางตะวันตกแปดสิบไมล์ กองทัพแพนเซอร์ที่ 4 ซึ่งยังเชื่อว่ากองทัพแดงเป็นกองกำลังที่อ่อนแรง สามารถโต้ตอบฉับพลันที่จึยโตมีร์เป็นผลสำเร็จเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน บั่นทอนหัวสะพานของโซเวียตโดยการโจมตีจากด้านข้างอย่างห้าวหาญที่ดำเนินโดยเหล่าแพนเซอร์เอสเอสตามแม่น้ำเตเตเรฟ ยุทธการนี้ยังให้กองทัพกลุ่มใต้ยึดโครอสเตนคืน ตลอดจนมีเวลาหยุดพักบ้าง อย่างไรก็ดี ในวันคริสต์มาสอีฟ การล่าถอยเริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อแนวรบยูเครนที่หนึ่ง (เปลี่ยนชื่อจากแนวรบโวโรเนช) เข้าตีพวกเขา ณ จุดเดียวกัน การเคลื่อนของโซเวียตดำเนินต่อตามเส้นทางรถไฟกระทั่งถึงพรมแดนโปแลนด์-โซเวียตครั้ง ค.ศ. 1939 เมื่อวันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 1944 ทางใต้ แนวรบยูเครนที่สอง (เดิมชื่อแนวรบสเต็ปป์) ข้ามแม่น้ำนีเปอร์ที่เครเมนชุกและบุกต่อไปทางตะวันตก ในสัปดาห์ที่สองของเดือน แนวรบยูเครนที่สองเลี้ยวไปทางเหนือ บรรจบกับกำลังรถถังของวาตูติน ซึ่งได้แกว่งลงใต้จากการตีฝ่าเข้าสู่โปแลนด์และล้อมกองพลเยอรมนีสิบกองพลที่คอร์ซุน-เชฟเชนคอฟสกี ทางตะวันตกของเชียร์คัสซี การยืนกรานให้รักษาแนวนีเปอร์ของฮิตเลอร์ แม้อาจเผชิญกับโอกาสความพ่ายแพ้หายนะนั้น ยิ่งเลวร้ายลงไปอีกเมื่อเขาเชื่อมั่นว่า วงล้อมเชียร์คัสซีจะสามารถตีฝ่าออกมาได้ และรุกไปยังเคียฟได้ด้วย แต่มันสไทน์กังวลมากกว่าถึงการสามารถรุกไปยังขอบวงล้อม และขอให้กำลังที่ถูกล้อมตีฝ่าออกมา จนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ขั้นแรกเสร็จสิ้น โดยแพนเซอร์กับวงล้อมเชียร์คัสซีถูกคั่นด้วยแม่น้ำกนีลอย ตีคิชเท่านั้น ภายใต้กระสุนปืนใหญ่และรถถังโซเวียตที่ไล่ติดตามมา กองทหารเยอรมันที่ถูกล้อม ซึ่งมีกองพลแพนเซอร์เอสเอสที่ 5 วีคิงรวมอยู่ด้วย ตีข้ามแม่น้ำจนรอดปลอดภัย แม้จะเสียกำลังพลไปครึ่งหนึ่งและยุทโธปกรณ์ทั้งหมดก็ตาม พวกเขาสันนิษฐานว่าพวกโซเวียตจะไม่เข้าตีอีกย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ แต่ในวันที่ 3 มีนาคม แนวรบโซเวียตยูเครนเปลี่ยนไปรุก เมื่อโดดเดี่ยวไครเมียด้วยการแยกคอคอดเปเรคอปแล้ว กำลังของมาลีนอฟสคีก็รุกข้ามปลักโคลนไปยังพรมแดนโรมาเนีย โดยไม่หยุดริมแม่น้ำปรุต (Prut)
ความเคลื่อนไหวสุดท้ายหนึ่งในทางใต้ยุติฤดูการทัพ ค.ศ. 1943–44 ซึ่งรวมการรุกกว่า 500 ไมล์ ในเดือนมีนาคม 20 กองพลของเยอรมนี แห่งกองทัพแพนเซอร์ที่ 1 ภายใต้การบังคับบัญชาของพลเอกฮันส์-วาเลนทิน ฮูเบอ ถูกโอบล้อมในวงล้อมฮูเบอ ใกล้กับคาเมเนตส์-โปดอลสคียี (Kamenets-Podolskiy) หลังการสู้รบอย่างดุเดือดสองสัปดาห์ กองทัพแพนเซอร์ที่ 1 สามารถหลบหนีออกจากวงล้อมได้ โดยประสบความสูญเสียเพียงเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น เมื่อถึงจุดนี้ ฮิตเลอร์สั่งปลดนายพลที่โดดเด่นหลายคน รวมทั้งมันสไทน์ ในเดือนเมษายน กองทัพแดงยึดโอเดสซาคืนได้ ตามด้วยการทัพของแนวรบยูเครนที่ 4 ในการฟื้นฟูการควบคุมเหนือไครเมีย ซึ่งสิ้นสุดลงด้วยการยึดซาวัสโตปอลในวันที่ 10 พฤษภาคม
ตามแนวรบของกองทัพกลุ่มเหนือ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1943 กองกำลังนี้ถูกผลักดันมาจากแนวฮาเกนอย่างช้า ๆ โดยยึดดินแดนได้ค่อนข้างเล็กน้อย แต่การเสียเบรียนสก์และสโมเลนสก์ที่สำคัญกว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ทำให้เวร์มัคท์เสียหลักสำคัญของระบบการป้องกันของเยอรมนีทั้งระบบ กองทัพที่ 4 ที่ 9 และกองทัพแพนเซอร์ที่ 3 ยังยึดพื้นที่อยู่ฝั่งตะวันออกของนีเปอร์บน คอยขัดขวางความพยายามของโซเวียตที่จะไปถึงวีเตบสค์ บนแนวรบของกองทัพกลุ่มเหนือ มีการสู้รบเพียงเล็กน้อยกระทั่งเดือนมกราคม ค.ศ. 1944 เมื่อแนวรบวอลฮอฟและแนวรบบอลติกที่สองโจมตีอย่างไม่คาดฝัน ในการทัพสายฟ้า ฝ่ายเยอรมันถูกผลักดันจากเลนินกราด และนอฟโกรอดถูกกองกำลังโซเวียตยึดคืน เมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ กองทัพแดงถึงพรมแดนเอสโตเนียหลังการบุก 75 ไมล์ ทะเลบอลติกเหมือนจะเป็นเส้นทางเร็วที่สุดที่จะนำการสู้รบไปถึงแผ่นดินเยอรมนีในปรัสเซียตะวันออกและยึดควบคุมฟินแลนด์สำหรับสตาลิน การรุกของแนวรบเลนินกราดสู่ทาลลินน์ เมืองท่าบอลติกที่สำคัญ ถูกหยุดในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1944 กลุ่มกองทัพ "นาร์วา" ของเยอรมนี ซึ่งรวมทหารเกณฑ์เอสโตเนีย คอยปองกันการสถาปนาเอกราชใหม่ของเอสโตเนีย
ฤดูร้อน 1944
นักวางแผนของเวร์มัคท์เชื่อว่า ฝ่ายโซเวียตจะเข้าตีอีกครั้งในทางใต้ ที่ซึ่งแนวรบอยู่ห่างจากลวีฟ 50 ไมล์ และเป็นเส้นทางที่ตรงสู่กรุงเบอร์ลินที่สุด ฉะนั้น จึงมีการดึงกำลังจากกองทัพกลุ่มกลาง ที่ซึ่งแนวรบยื่นลึกเข้าไปในสหภาพโซเวียต ฝ่ายเยอรมันได้ย้ายบางหน่วยไปยังฝรั่งเศสเพื่อต่อต้านการบุกครองนอร์ม็องดีเมื่อสองสัปดาห์ก่อน การรุกเบลารุส (ชื่อรหัสว่า ปฏิบัติการบากราติออน) ซึ่งเริ่มเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1944 เป็นการเข้าตีขนานใหญ่ของโซเวียต ประกอบด้วยสี่กลุ่มกองทัพของโซเวียต รวมกว่า 120 กองพล ซึ่งบดขยี้เข้าไปในแนวรบบาง ๆ ที่เยอรมนีถือครองอยู่ ฝ่ายโซเวียตพุ่งเป้าการเข้าตีขนานใหญ่ไปยังกองทัพกลุ่มกลาง มิใช่กองทัพกลุ่มเหนือยูเครนซึ่งฝ่ายเยอรมันคาดการณ์ไว้เดิม ทหารโซเวียตกว่า 2.3 ล้านนายเข้าร่วมรบต่อกองทัพกลุ่มกลางของเยอรมนี ที่มีกำลังพลไม่ถึง 800,000 นาย ณ เวลาแห่งการเข้าตี ฝ่ายโซเวียตได้เปรียบทั้งด้านกำลังพลและยุทธโธปกรณ์อย่างขาดลอย กองทัพแดงมีอัตราส่วนรถถังต่อข้าศึกถึงสิบต่อหนึ่ง และอากาศยานถึงเจ็ดต่อหนึ่ง กรุงมินสค์ เมืองหลวงของเบลารุส ถูกยึดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ดักทหารเยอรมันราว 100,000 นาย สิบวันให้หลัง กองทัพแดงไปถึงพรมแดนโปแลนด์ก่อนสงคราม บาราติออนเป็นหนึ่งในปฏิบัติการทางทหารเดี่ยว ๆ ที่ใหญ่ที่สุดในสงคราม ไม่ว่าจะวัดด้วยเกณฑ์ใดก็ตาม เมื่อถึงปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 ฝ่ายเยอรมันมีทหารเสียชีวิต บาดเจ็บ สูญหายและเจ็บป่วยประมาณ 400,000 นาย ซึ่งในจำนวนนี้ถูกจับเป็นเชลย 160,000 นาย และรถถัง 2,000 คัน ตลอดจนยานพาหนะอื่น 57,000 คันถูกยึด ในปฏิบัติการดังกล่าว กองทัพแดงมีทหารเสียชีวิตและสูญหายราว 180,000 นาย (รวมทั้งสิ้น 765,815 นาย ทั้งการบาดเจ็บและป่วย และชาวโปแลนด์ 5,073 นาย) เช่นเดียวกับปืนใหญ่และรถปืนใหญ่อัตตาจร 2,957 คัน การรุกที่เอสโตเนียเป็นเหตุให้ทหารโซเวียตสูญเสียกำลังพลอีก 480,000 นาย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 100,000 นาย
การรุกลวอฟ–ซานโดเมียร์ซข้างเคียงเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1944 และตีกำลังเยอรมันในยูเครนตะวันตกพ่ายอย่างรวดเร็ว ลวีฟถูกโซเวียตยึดครองอีกครั้งเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม เป็นครั้งแรกตั้งแต่พันธมิตรนาซี-โซเวียตในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 และการร่วมบุกครองโปแลนด์ ครั้งนี้ นครถูกยึดคืนโดยแนวรบยูเครนที่ 1 ได้ค่อนข้างง่าย ความหวังของชาวยูเครนที่จะได้รับเอกราชถูกทำลายท่ามกลางกำลังที่ท้วมท้นของโซเวียต เช่นเดียวกับรัฐบอลติก กองทัพผู้ก่อการกำเริบยูเครน UPA จะยังทำสงครามกองโจรต่อโซเวียตต่อไปถึงคริสต์ทศวรรษ 1950 ฝ่ายโซเวียตรุกต่อไปทางใต้เข้าสู่โรมาเนีย และ หลังรัฐประหารต่อรัฐบาลฝักใฝ่อักษะของโรมาเนีย เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม กองทัพแดงก็ยึดกรุงบูคาเรสต์ได้เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ในกรุงมอสโก เมื่อวันที่ 12 กันยายน โรมาเนียและสหภาพโซเวียตลงนามสงบศึกด้วยเงื่อนไขที่แท้จริงแล้วโซเวียตบังคับ การยอมจำนนของโรมาเนียทำให้เกิดช่องในแนวรบด้านตะวันออกทางใต้ของเยอรมนี ซึ่งเป็นเหตุให้สูญเสียบอลข่านทั้งหมดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความคืบหน้าอย่างรวดเร็วของปฏิบัติการบากราติออนคุกคามที่จะตัดขาดและโดดเดี่ยวกองทัพกลุ่มเหนือของเยอรมนีที่กำลังต้านทานการรุกของโซเวียตสู่ทาลลินน์อย่างขมขื่น ในการเข้าตีอย่างดุร้ายที่เขา Sinimäed ประเทศเอสโตเนีย แนวรบเลนินกราดของโซเวียตไม่สามารถตีผ่านการป้องกันของหน่วยสมทบ "นาร์วา" ที่เล็กกว่าและมีการจัดการป้องกันอย่างดีในภูมิประเทศที่ไม่เหมาะแก่ปฏิบัติการขนาดใหญ่
บนคอคอดคาเรเลียน ฝ่ายโซเวียตเปิดฉากการเข้าตีขนานใหญ่ต่อแนวรบฟินแลนด์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 1944 (ประสานกับการบุกครองนอร์ม็องดีของฝ่ายสัมพันธมิตร) สามกองทัพถูกส่งไปรบกับฟินแลนด์ ซึ่งมีรูปขบวนปืนเล็กองครักษ์ (guards rifle) ที่มีประสบการณ์รวมอยู่ด้วยจำนวนมาก การเข้าตีเจาะแนวตั้งรับของฟินแลนด์ได้ที่ Valkeasaari เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน และกองกำลังฟินแลนด์ร่นถอยไปยังแนวป้องกันอันดับรอง แนววีที การเข้าตีของโซเวียตได้รับการสนับสนุนจากการระดมยิงของปืนใหญ่หนัก การทิ้งระเบิดทางอากาศและกองกำลังยานเกราะ แนววีทีถูกเจาะเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน และหลังการตีโต้ตอบที่ล้มเหลวใน Kuuterselkä โดยกองพลยานเกราะฟินแลนด์ การป้องกันของฟินแลนด์จำต้องถูกดึงกลับไปยังแนววีเคที หลังการสู้รบอย่างหนักในยุทธการ Tali-Ihantala และ Ilomantsi ในที่สุดกำลังฟินแลนด์ก็สามารถหยุดการเข้าตีของโซเวียตได้
ในโปแลนด์ เมื่อกองทัพแดงมาถึง กองทัพป้องกันชาติโปแลนด์ (AK) เปิดฉากปฏิบัติการเทมเพสต์ ระหว่างการก่อการกำเริบโปแลนด์ กองทัพแดงหยุดที่แม่น้ำวิสตูลา ไม่สามารถหรือไม่มีเจตนาจะเข้ามาช่วยเหลือการต่อต้านของโปแลนด์ได้ ความพยายามของกองทัพโปแลนด์ที่ 1 ที่คอมมิวนิสต์ควบคุม ที่จะปลดปล่อยนครไม่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพแดงและถูกกำราบในเดือนตุลาคมโดยได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ในสโลวาเกีย การก่อการกำเริบแห่งชาติสโลวาเกียเริ่มขึ้นด้วยการต่อสู้ด้วยอาวุธระหว่างกำลังเวร์มัคท์ของเยอรมนีกับกองกำลังกบฏสโลวาเกียตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ค.ศ. 1944
ฤดูใบไม้ร่วง 1944
เมื่อวันที่ 8 กันยายน ปี ค.ศ. 1944 กองทัพแดงได้โจมตีที่ดักลา พาสบริเวณชายแดนระหว่างสโลวาเกีย-โปแลนด์.สองเดือนต่อมา,กองทัพโซเวียตได้รับชัยชนะและเคลื่อนทัพเข้าสู่สโลวาเกีย.จำนวนความเสียหายทั้งหมดสูงมาก:ทหารกองทัพแดงเสียชีวิตไป 2 หมื่นนาย,รวมทั้งเยอรมันหลายพันนาย,ชาวสโลวักและชาวเช็ก.
ภายใต้จากการผลักดันของโซเวียตรุกทะเลบอลติก,กองทัพกลุ่มตอนเหนือได้ถอนตัวออกจากการสู้รบที่ซาเรมา,คูร์แลนด์และ Memel.
มกราคม–เมษายน 1945
สหภาพโซเวียตเข้าสู่กรุงวอร์ซอในที่สุด เมื่อวันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1945 หลังถูกทำลายและละทิ้งโดยเยอรมนี เป็นเวลาสามวันบนแนวรบกว้างซึ่งประกอบด้วยสี่แนวรบกองทัพ กองทัพแดงเริ่มการรุกข้ามแม่น้ำนาแรฟและจากกรุงวอร์ซอ ฝ่ายโซเวียตมีจำนวนเหนือกว่าฝ่ายเยอรมนีโดยเฉลี่ย คือ กำลังพลประมาณห้าถึงหกต่อหนึ่ง ปืนใหญ่หกต่อหนึ่ง รถถังหกต่อหนึ่ง และปืนใหญ่อัตตาจรสี่ต่อหนึ่ง หลังผ่านไปสี่วัน กองทัพแดงเริ่มเคลื่อนที่ได้สามสิบถึงสี่สิบกิโลเมตรต่อวัน ยึดรัฐบอลติก ดันซิก ปรัสเซียตะวันออก พอซนาน และสถาปนาแนวรบห่างจากกรุงเบอร์ลินไปทางตะวันออกหกสิบกิโลเมตรตามแม่น้ำโอเดอร์ ระหว่างห้วงการรุกวิสตูลา-โอเอร์เต็ม ๆ (23 วัน) กองกำลังกองทัพแดงมีกำลังพลสูญเสียทั้งสิ้น 194,191 นาย (เสียชีวิต บาดเจ็บและสูญหาย) และเสียรถถังและรถปืนใหญ่อัตตาจร 1,267 คัน
วันที่ 25 มราคม ค.ศ. 1945 ฮิตเลอร์เปลี่ยนชื่อสามกลุ่มกองทัพ กองทัพกลุ่มเหนือเป็นกองทัพกลุ่มคูร์ลันด์ กองทัพกลุ่มกลางเป็นกองทัพกลุ่มเหนือ และกองทัพกลุ่มอาเป็นกองทัพกลุ่มกลาง กองทัพกลุ่มเหนือ (หรือกองทัพกลุ่มกลางเดิม) ถูกขับไปอยู่ในวงล้อมขนาดเล็กกว่าเดิมรอบเคอนิชส์แบร์คในปรัสเซียตะวันออก
การตีโต้ตอบที่จำกัด (มีชื่อรหัสว่า ปฏิบัติการอายัน) โดยกองทัพกลุ่มวิสตูลาที่เพิ่งตั้งใหม่ ภายใต้การบังคับบัญชาของไรช์ซฟือแรร์-เอสเอส ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์ ล้มเหลวเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และฝ่ายโซเวียตขับเข้าสู่โพเมราเนียและกวาดล้างฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโอเดอร์ ทางใต้ ความพยายามสามหนของเยอรมนีในการแก้ไขบูดาเปสต์ที่ถูกล้อมล้มเหลวและนครนั้นเสียให้แก่โซเวียตเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ วันที่ 6 มีนาคม เยอรมนีตีโต้ตอบอีกครั้ง ฮิตเลอร์ยืนกรานภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ในการยึดแม่น้ำดานูบคืน วันที 16 มีนาคม การเข้าตีล้มเหลวและกองทัพแดงตีโต้ตอบในวันเดียวกัน วันที่ 30 มีนาคม โซเวียตเข้าสู่ออสเตรียและยึดกรุงเวียนนาได้เมื่อวันที่ 13 เมษายน
OKW อ้าง ความสูญเสียของเยอรมนีที่ ทหารเสียชีวิต 77,000 นาย บาดเจ็บ 334,000 นาย และสูญหาย 292,000 นาย รวมทั้งสิ้น 703,000 นาย บนแนวรบด้านตะวันออกระหว่างเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1945
วันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 1945 เคอนิชส์แบร์คในปรัสเซียตะวันออกเสียแก่กองทัพแดงในที่สุด แม้ส่วนที่เหลือยู่ที่กระจัดกระจายของกองทัพกลุ่มกลางยังต่อต้านที่สันดอนจะงอยวิสตูลาและคาบสมุทรเฮลกระท่งสิ้นสุดสงครามในยุโรป ปฏิบัติการปรัสเซียตะวันออก แม้มักถูกบดบังด้วยปฏิบัติการวิสตูลา-โอเดอร์และยุทธการเบอร์ลินในภายหลัง อันที่จริงแล้วเป็นหนึ่งในปฏิบัติการใหญ่ที่สุดและนองเลือดที่สุดโดยกองทัพแดงตลอดสงคราม ระหว่างปฏิบัติการดังกล่าว (13 มกราคม - 25 เมษายน) กองทัพแดงมีกำลังพลสูญเสีย 584,788 นาย และเสียรถถังและรถปืนใหญ่อัตตาจร 3,525 คัน
การเสียเคอนิชส์แบร์คทำให้สตัฟกาปล่อยให้แนวรบเบลารุสที่ 2 ของพลเอกคอนสตันติน โรคอสซอฟสกีเคลื่อนที่มาทางตะวันตกถึงฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโอเอร์ ระหว่างสองสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน ฝ่ายโซเวียตจัดการวางกำลังใหม่แนวรบอย่างเร็วที่สุดในสงคราม พลเอกเกออร์กี จูคอฟรวมกำลังแนวรบเบลารุสที่ 1 ของเขา ซึ่งถูกวางกำลังตามแม่น้ำโอเดอร์จากแฟรงก์เฟิร์ตทางใต้ไปจนถึงบอลติก เข้าไปในพื้นที่หน้าที่สูงซีโลว์ ขณะที่กองทัพแดงกำลังวางกำลังใหม่ ช่องว่างซึ่งเหลืออยู่ในแนวรบและส่วนที่เหลือของกองทัพที่ 2 ของเยอรมนีซึ่งถูกปิดกันในวงล้อมใกล้ดันซิก จัดการหลบหนีข้ามแม่น้ำโอเดอร์ได้ ทางใต้ พลเอกอีวาน โคเนฟย้ายส่วนใหญ่ของแนวรบยูเครนที่ 1 ออกจากอัปเปอร์ซีเลเซียตะวันตกเฉียงเหนือไปยังแม่น้ำนีสเซอ แนวรบโซเวียตสามแนวรบรวมกันมีกำลัง 2.5 ล้านนาย (รวมทั้งทหาร 78,556 นายแห่งกองทัพโปแลนด์ที่ 1) รถถัง 6,250 คัน อากาศยาน 7,500 ลำ ปืนใหญ่และปืนครก 41,600 กระบอก เครื่องปล่อยจรวดคัทยูชาติดตั้งบนรถบรรทุก 3,255 คัน และยานยนต์ 95,383 คัน
ยุติสงคราม : เมษายน–พฤษภาคม 1945
สิ่งที่โซเวียตยังเหลือต้องทำ คือ เปิดฉากการรุกเพื่อยึดเยอรมนีตอนกลาง (ซึ่งจะมาเป็นเยอรมนีตะวันออกหลังสงคราม) การรุกของโซเวียตมีวัตถุประสงค์สองข้อ เพราะความแคลงใจของสตาลินเกี่ยวกับเจตนาของสัมพันธมิตรตะวันตกที่จะส่งมอบดินแดนที่ตนยึดครองในเขตยึดครองโซเวียตหลังสงคราม การรุกจึงจะเป็นแนวรบกว้างและจะเคลื่อนที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ไปทางตะวันตก เพื่อพบกับสัมพันธมิตรตะวันตกให้เลยไปทางตะวันตกที่สุด แต่วัตถุประสงค์ข้อที่สำคัญกว่า คือ ยึดกรุงเบอร์ลิน ทั้งสองวัตถุประสงค์นี้เติมเต็มซึ่งกันเพราะการครอบครองดินแดนจะไม่สามารถพิชิตได้โดยเร็วหากกรุงเบอร์ลินไม่ถูกยึด อีกการพิจารณาหนึ่ง คือ กรุงเบอร์ลินมีเครื่องมือทางยุทธศาสตร์ รวมทั้งอดอล์ฟ ฮิตเลอร์และโครงการระเบิดอะตอมของเยอรมนี
การรุกเพื่อยึดเยอรมนีตอนกลางและกรุงเบอร์ลินเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน ด้วยการโจมตีแนวรบเยอรมนีตรงแม่น้ำโอเดอร์และนีซเซ หลังการสู้รบอย่างหนักหลายวัน แนวรบเบลารุสที่ 1 และแนวรบยูเครนที่ 1 เปิดช่องผ่านแนวรบเยอรมนีและกระจัดกระจายทั่วเยอรมนีตอนกลาง จนถึงวันที่ 24 เมษายน ส่วนต่าง ๆ ของแนวรบเบลารุสที่ 1 และแนวรบยูเครนที่ 1 สำเร็จการล้อมกรุงเบอร์ลินและยุทธการเบอร์ลินเข้าสู่ขั้นสุดท้าย วันที่ 25 เมษายน แนวรบเบลารุสที่ 2 เจาะผ่านแนวของกองทัพแพนเซอร์ที่ 3 ของเยอรมนีทางใต้ของสเทททิน ตอนนี้จึงมีอิสระในการเคลื่อนที่ไปทางตะวันตกมุ่งสู้กลุ่มกองทัพที่ 21 ของอังกฤษ และทางเหนือสู่ท่าบอลติกสทรัลซุนด์ กองพลปืนเล็กยาวองครักษ์ที่ 58 ของกองทัพองครักษ์ที่ 5 ติดต่อกับกองพลทหารราบที่ 69 ของกองทัพที่ 1 ใกล้กับทอร์เกา ประเทศเยอรมนี ใกล้กับแม่น้ำเอลเบอ
วันที่ 29 และ 30 เมษายน เมื่อกำลังโซเวียตสู้รบเข้าไปยังใจกลางกรุงเบอร์ลิน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์สมรสกับเอวา เบราน์ และจากนั้นทำอัตวินิบาตกรรมโดยทานไซยาไนด์และยิงตัวตาย เฮลมุท ไวด์ลิง ผู้บัญชาการการป้องกันกรุงเบอร์ลิน ยอมจำนนนครแก่โซเวียตเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ทั้งหมด ปฏิบัติการเบอร์ลิน (16 เมษายน – 2 พฤษภาคม) กองทัพแดงเสียกำลังพล 361,367 นาย (เสียชีวิต สูญหาย บาดเจ็บและป่วย) และรถถังและรถปืนใหญ่อัตตาจร 1,997 คัน ความสูญเสียของเยอรมนีในสงครามยังเป็นไปไม่ได้ที่จะค้นความจริงอย่างน่าเชื่อถือ
เมื่อเวลา 2.41 น. ของวันที่ 7 พฤษภาคม 1945 ที่กองบัญชาการทหารสูงสุดกำลังรบนอกประเทศฝ่ายสัมพันธมิตร (SHAEF) เสนาธิการเยอรมนี พลเอก อัลเฟรด โยลด์ ลงนามในตราสารยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขแก่กำลังเยอรมนีทั้งหมดแก่ฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งมีวลีว่า "ทุกกำลังภายใต้การควบคุมของเยอรมนีจะยุติปฏิบัติการที่ยังดำเนินอยู่เมื่อเวลา 23.01 น. ตามเวลายุโรปกลางของวันที่ 8 พฤษภาคม 1945" ไม่นานก่อนเที่ยงคืนของวันรุ่งขึ้น จอมพล วิลเฮล์ม ไคเทล ย้ำการลงนามในกรุงเบอร์ลินที่กองบัญชาการของจูคอฟ เป็นการยุติสงครามในทวีปยุโรป
กองทัพกลุ่มกลางของเยอรมนีปฏิเสธที่จะยอมจำนนในขั้นต้นและยังสู้รบต่อไปในเชโกสโลวาเกียกระทั่งวันที่ 11 พฤษภาคม
ผลลัพธ์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ความสูญเสีย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ดูเพิ่ม
เชิงอรรถ
I. ^ โดยรวมแล้ว ชาติพันธมิตรของเยอรมนีได้ให้ความสนับสนุนทางด้านกำลังคนและยุทโธกรณ์จำนวนมากแก่ทหารในแนวหน้า นอกจากนี้ยังได้มีการเกณฑ์ทหารมาจากต่างประเทศอีก โดยหน่วยทหารที่มีชื่อเสียงได้แก่ กองพลสีน้ำเงินของสเปน
II. ^ กองทัพโปแลนด์ทางตะวันออกและรัฐใต้ดินโปแลนด์สู้ร่วมกับกองทัพแดง (นับตั้งแต่ ค.ศ. 1943) จากสหภาพโซเวียตจนถึงเบอร์ลิน สหภาพโซเวียตยังได้เกณฑ์หน่วยทหารต่างชาติ (เชโกสโลวาเกีย โรมาเนียและรัฐบอลติกสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรยังได้ให้ความช่วยเหลือบางส่วนแก่สหภาพโซเวียต และยังได้รับความช่วยเหลือทางทหารเล็กน้อยจากเชโกสโลวาเกีย
III. ^ ตามข้อมูลของ จี. ไอ. คริโวเชเยฟ ในแนวรบด้านตะวันออก ประเทศฝ่ายอักษะและคู่สงครามร่วมของเยอรมนีสูญเสียทหาร 1,468,145 นาย (เสียชีวิตหรือสูญหาย 668,163 นาย) เฉพาะเยอรมนีประเทศเดียวสูญเสียทหารไป 7,181,000 นาย (เสียชีวิตหรือสูญหาย 3,604,800 นาย) และมีเชลยศึกเสียชีวิตไป 579,900 คนในการควบคุมของโซเวียต ดังนั้น จำนวนทหารที่เสียชีวิตและสูญหายในแนวรบด้านตะวันออก (ค.ศ. 1941-1945) ของฝ่ายอักษะจึงอยู่ที่ 4.8 ล้านนาย กว่าครึ่งของการสูญเสียชีวิตทหารทั้งหมดของฝ่ายอักษะในสงครามโลกครั้งที่สอง (รวมทั้งเขตสงครามเอเชียแปซิฟิก) ฝ่ายสหภาพโซเวียตสูญเสียทหารไป 10.5 ล้านนาย (รวมทั้งเชลยศึกในการควบคุมของเยอรมนี ตามข้อมูลของวาดิม เอียร์ลิคมัน) จำนวนทหารเสียชีวิตของทั้งสองฝ่ายรวมกันราว 15 ล้านนาย มากกว่าเขตสงครามอื่น ๆ ในสงครามโลกครั้งที่สองมาก ในแหล่งข้อมูลเดียวกัน จำนวนพลเรือนโซเวียตที่เสียชีวิตในพรมแดนหลังสงครามอยู่ที่ 15.7 ล้านคน จำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตในประเทศยุโรปกลางอื่นและความสูญเสียพลเรือนเยอรมันไม่รวมอยู่ด้วย
อ้างอิง
- Beevor, Stalingrad. Penguin 2001 p183
- Toomas Alatalu. Tuva. A State Reawakens. Soviet Studies, Vol. 44, No. 5 (1992), pp. 881-895.
- Die Ostfront 1941–1945 (เยอรมัน)
- Der Rußlandfeldzug (เยอรมัน)
- 2. Weltkrieg (เยอรมัน)
- Bellamy 2007, p. xix
- Mälksoo, Lauri (2003). Illegal Annexation and State Continuity: The Case of the Incorporation of the Baltic States by the USSR. Leiden, Boston: Brill. ISBN .
- Robert Gellately. Reviewed work (s) : Vom Generalplan Ost zum Generalsiedlungsplan by Czeslaw Madajczyk. Der "Generalplan Ost." Hauptlinien der nationalsozialistischen Planungs- und Vernichtungspolitik by Mechtild Rössler ; Sabine Schleiermacher. Central European History, Vol. 29, No. 2 (1996), pp. 270–274
- John Connelly. Nazis and Slavs: From Racial Theory to Racist Practice, Central European History, Vol. 32, No. 1 (1999), pp. 1–33
- Jonathan Steinberg. The Third Reich Reflected: German Civil Administration in the Occupied Soviet Union, 1941-4. The English Historical Review, Vol. 110, No. 437 (June 1995), pp. 620–651
- "The Wannsee Conference Protocol". source: John Mendelsohn, ed., _The Holocaust: Selected Documents in Eighteen Volumes._ Vol. 11: The Wannsee Protocol. Literature of the Holocaust, university of pennsylvania. สืบค้นเมื่อ 2009-01-05.
- Gerlach, Christian (1998). "The Wannsee Conference, the Fate of German Jews, and Hitler's Decision in Principle to Exterminate All European Jews". The Journal of Modern History. 70 (4): 759–812. doi:10.1086/235167.
- Powell, Elwin Humphreys. The Design Of Discord' p. 192
- Gerhard Weinberg: The Foreign Policy of Hitler's Germany Diplomatic Revolution in Europe 1933–36, Chicago: University of Chicago Press, 1970, pages 346.
- Jurado, Carlos Caballero and Ramiro Bujeiro, The Condor Legion: German Troops in the Spanish Civil War, Osprey Publishing, 2006, , page 5–6
- Robert Melvin Spector. World Without Civilization: Mass Murder and the Holocaust, History, and Analysis, pg. 257
- Michael Lind. Vietnam, the necessary war: a reinterpretation of America's most disastrous military conflict. Simon and Schuster, 2002. , 9780684870274, p. 59
- Bolloten, Burnett (1991). The Spanish Civil War: revolution and counterrevolution. University of North Carolina Press. p. 483. ISBN .
- Max Beloff. Soviet Foreign Policy, 1929–41: Some Notes. Soviet Studies, Vol. 2, No. 2 (October 1950), pp. 123–137
- Albert Resis. The Fall of Litvinov: Harbinger of the German-Soviet Non-Aggression Pact. Europe-Asia Studies, Vol. 52, No. 1 (January 2000), pp. 33-56
- Teddy J. Uldricks. Stalin and Nazi Germany, Slavic Review, Vol. 36, No. 4 (December 1977), pp. 599-603
- Michael Jabara Carley. End of the 'Low, Dishonest Decade': Failure of the Anglo–Franco–Soviet Alliance in 1939. Europe-Asia Studies, Vol. 45, No. 2 (1993), pp. 303–341
- Derek Watson. Molotov's Apprenticeship in Foreign Policy: The Triple Alliance Negotiations in 1939. Europe-Asia Studies, Vol. 52, No. 4 (June 2000), pp. 695-722
- Zhukov, Georgy (1972). Vospominaniya i razmyshleniya. Moscow: Agenstvo pechati Novosti.
- Zhilin, P.A. (ed.) (1973). Velikaya Otechestvennaya voyna. Moscow: Izdatelstvo politicheskoi literatury.
{{}}
:|first=
มีชื่อเรียกทั่วไป ((help)) - Shirer (1990), p.852
- Tartu in the 1941 Summer War 2011-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. By Major Riho Rõngelep and Brigadier General Michael Hesselholt Clemmesen (2003). Baltic Defence Review 9
- Peeter Kaasik; Mika Raudvassar (2006). "Estonia from June to October, 1941: Forest Brothers and Summer War". ใน Toomas Hiio; Meelis Maripuu; Indrek Paavle (บ.ก.). Estonia 1940–1945: Reports of the . Tallinn. pp. 495–517.
- Alan F. Wilt. Hitler's Late Summer Pause in 1941. Military Affairs, Vol. 45, No. 4 (December 1981), pp. 187–191
- Russel H. S. Stolfi. Barbarossa Revisited: A Critical Reappraisal of the Opening Stages of the Russo-German. Campaign (June–December 1941). The Journal of Modern History, Vol. 54, No. 1 (March 1982), pp. 27–46)
- Indrek Paavle; Peeter Kaasik (2006). "Destruction battalions in Estonia in 1941". ใน Toomas Hiio; Meelis Maripuu; Indrek Paavle (บ.ก.). Estonia 1940–1945: Reports of the Estonian International Commission for the Investigation of Crimes Against Humanity. Tallinn. pp. 469–493.
- . Lenin, Stalin, and Hitler: The Age of Social Catastrophe. , 2007 p. 391
- Shirer (1990), p.925–926
- Shirer (1990), p.927–928
- David M. Glantz (2002). The Battle for Leningrad: 1941–1944. Lawrence: University Press of Kansas. ISBN .
- Estonia. Sept.21 Bulletin of International News by Royal Institute of International Affairs Information Dept.
- . Estonian Ministry of Foreign Affairs. 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-08-21. สืบค้นเมื่อ 2012-06-23.
- G. I. Krivosheev. Soviet Casualties and Combat Losses. Greenhill 1997
- Mart Laar (2006). Sinimäed 1944: II maailmasõja lahingud Kirde-Eestis (Sinimäed Hills 1944: Battles of World War II in Northeast Estonia) (ภาษาเอสโตเนีย). Tallinn: Varrak.
- Ian Baxter (2009). Battle in the Baltics 1944–1945: the fighting for Latvia, Lithuania and Estonia: a photographic history. Solihull, West Midlands: Helion & Company Ltd.
- Estonian State Commission on Examination of Policies of Repression (2005). (PDF). Estonian Encyclopedia Publishers. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-01-14. สืบค้นเมื่อ 2013-01-01.
- Toomas Hiio (1999). Combat in Estonia in 1944. In: Toomas Hiio, Meelis Maripuu, Indrek Paavle (Eds.). Estonia 1940–1945: Reports of the Estonian International Commission for the Investigation of Crimes Against Humanity. Tallinn.
- Hastings, Max, Armageddon: The Battle for Germany 1944–1945, Vintage Books USA
- Ziemke, Berlin, see References page 71
- Beevor, Berlin, Page 138
- Beevor, Berlin, pp. 217–233
- Ziemke , Berlin, page 81-111
- Beevor, Berlin, pp. 259–357, 380–381
- Khrivosheev 1997, pp. 219, 220 .
- Ziemke, occupation, CHAPTER XV:The Victory Sealed Page 258 last paragraph
- Ziemke, Berlin, p. 134
- Romuald J. Misiunas, Rein Taagepera. The Baltic States: Years of Dependence. 1940–1990. Hurst&Company, London, U.K. 1993
- Soviet Casualties and Combat Losses. Greenhill 1997
- Poteri narodonaseleniia v XX veke : spravochnik. Moscow 2004.
บรรณานุกรม
- Antony Beevor. Berlin: The Downfall 1945, Penguin Books, 2002,
- Ziemke, Earl F. Battle For Berlin: End Of The Third Reich, NY:Ballantine Books, London:Macdomald & Co, 1969.
- Ziemke, Earl F. "The U.S. Army in the occupation of Germany 1944-1946" Center of Military History, United States Army, Washington, D. C., 1990, Library of Congress Catalog Card Number 75-619027
- CHAPTER XV: The Victory Sealed: Surrender at Reims
หนังสืออ่านเพิ่มเติม
- Anderson, Dunkan, et al. The Eastern Front: Barbarossa, Stalingrad, Kursk and Berlin (Campaigns of World War II)[]. London: Amber Books Ltd., 2001. .
- Antony Beevor, Artemis Cooper. Stalingrad: The Fateful Siege: 1942-1943. New York: Penguin Books Ltd., 1998. .
- Beevor, Antony. Berlin: The Downfall 1945. New York: Penguin Books Ltd., 2004. .
- Erickson, John. The Road to Stalingrad. New York: Orion Publishing Group, Ltd., 2007. .
- Erickson, John. The Road to Berlin. New York: Orion Publishing Group, Ltd., 2007. .
- Erickson, John, and David Dilks. Barbarossa, the Axis and the Allies. Edinburgh: Edinburgh University Press, 1995. .
- David Glantz, Jonathan M. House. When Titans Clashed: How the Red Army stopped Hitler. Lawrence, Kansas: University Press of Kansas, Reprint edition, 1998. .
- Glantz, David, The Soviet‐German War 1941–45 2011-06-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน: Myths and Realities: A Survey Essay.
- Heinz Guderian. Panzer Leader, Da Capo Press Reissue edition. New York: Da Capo Press, 2001. .
- Max Hastings. Armageddon: The Battle for Germany, 1944-1945, Vintage Books USA, 2005.
- David Irving. Hitler's War, Reissue edition. Avon Books, 1990. .
- Basil Liddell Hart. History of the Second World War. United States of America: De Capo Press, 1999. .
- Lubbeck, William and David B. Hurt. At Leningrad's Gates: The Story of a Soldier with Army Group North, Philadelphia: Casemate, 2006. .
- Müller, Rolf-Dieter and Gerd R. Ueberschär. Hitler's War in the East, 1941-1945: A Critical Assessment. Berghahn Books, 1997. .
- Richard Overy. Russia's War: A History of the Soviet Effort: 1941-1945, New Edition. New York: Penguin Books Ltd., 1998. .
- Seaton, Albert. The Russo-German War, 1941-1945, Reprint edition. Presidio Press, 1993. .
- F. W. Winterbotham. The Ultra Secret, New Edition. Orion Publishing Group Ltd., 2000. .
แหล่งข้อมูลอื่น
- Prof Richard Overy writes a summary about the eastern front for the BBC
- Rarities of the USSR photochronicles. Great Patriotic War 1941-1945 Borodulin Collection. Excellent set of war photos
- Russian veterans of World War II memories (In English and Russian) 2007-01-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- OnWar maps of the Eastern Front 2004-06-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Memories of Leutnant d.R. Wilhelm Radkovsky 1940-1945 Experiences as a German soldier on the Eastern and Western Front
- Pobediteli: Eastern Front flash animation (photos, video, interviews, memorials. Written from a Russian perspective)
- Feldgrau.com 2012-07-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน The German Armed Forces 1919-1945
- Information about the Eastern front up to September 1943 2007-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- RKKA in World War II 2011-03-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
aenwrbdantawnxxkepnhnunginsngkhramolkkhrngthisxng mixksapraethsinthwipyuorp aelakhusngkhramrwmfinaelndfayhnung kbshphaphosewiyt opaelndaelachatismphnthmitrcanwnhnungxikfayhnungepnkhusngkhram ekhtsngkhramnikinxanabriewnyuorptawnxxk bangswnkhxngyuorpehnuxaelayuorpit surbknrahwangwnthi 22 mithunayn kh s 1941 thung 9 phvsphakhm kh s 1945 ekhtsngkhramdngklawmieriykhlaychuxaetktangkniptampraeths chuxthioddedn echn mhasngkhramkhxngphurkchati rsesiy Velikaya Otechestvennaya vojna Velikaya Otechestvennaya voyna inxditshphaphosewiyt aenwrbdantawnxxk eyxrmn die Ostfront karthphtawnxxk eyxrmn der Ostfeldzug hrux karthphrsesiy eyxrmn der Russlandfeldzug ineyxrmniaenwrbdantawnxxkswnhnungkhxng sngkhramolkkhrngthisxngeriyngtamekhmnalikacakbnsay rththngthi 34 khxngosewiytrahwangyuththkarthiebxrlin rththngthiekxr 1 khxngeyxrmnirahwangyuththkarthikhuskh ekhruxngbindathingraebidstukakhxngeyxrmnibnaenwrbdantawnxxk vduhnaw kh s 1943 1944 karkhachawyiwodyixnsthskurphephnkhxngeyxrmniinyuekhrn wilehlm ikhethillngnamtrasaryxmcannkhxngeyxrmni kalngosewiytinyuththkarthistalinkradwnthi22 mithunayn kh s 1941 1941 06 22 9 phvsphakhm kh s 1945 1945 05 09 3 pi 10 eduxn 2 spdah 2 wn sthanthithwipyuorpthangtawnxxkkhxngeyxrmni idaek yuorpklang yuorptawnxxkaelayuorpehnux inrayahlngmiyuorpit khabsmuthrbxlkhan aelapraethseyxrmnikbxxsetriyphlshphaphosewiytidrbchychnasungepnswnhnungkhxngchychnakhxngfaysmphnthmitrkhxngsngkhramolkkhrngthisxnginthwipyuorpdinaedn epliynaeplngshphaphosewiytidekhayudkhrxngyuorpklang tawnxxk aela aelakxtngrthbalhunechidphayitrabxbkhxmmiwnistthiosewiytsnbsnuninpraethstang idaek blaekeriy echoksolwaekiy hngkari opaelnd ormaeniy aelaeyxrmnitawnxxk karkxtngshphnthsatharnrthsngkhmniymyuokslaewiy karaebngaeykpraethseyxrmni karepliynaeplngchayaednkhxngopaelndkhusngkhramfayxksa eyxrmni I ormaeniy thungpi 1944 hngkari xitali thungpi 1943 blaekeriy thungpi 1944 rthhunechidfayxksa rthexkrachokhrexechiy satharnrthsolwkthi 1 khusngkhramrwm finaelnd thungpi 1944 faysmphnthmitr shphaphosewiyt II echoksolwaekiy tngaetpi 1943 yuokslaewiy tngaetpi 1944 tuwa tngaetpi 1944 xditfayxksahruxkhusngkhramrwm ormaeniy tngaetpi 1944 blaekeriy tngaetpi 1944 finaelnd tngaetpi 1944 snbsnunthangeruxaelaxakas shrth shrachxanackrfrngessesri 1943 45 aekhnada xxsetreliy niwsiaelndphubngkhbbychaaelaphunaxdxlf hitelxr wlethxr fxn ebrakhithch frns hledxr aexrnsth buch ihns kuederiyn exwlth fxn ikhlsth kunethxr fxn khluekx hns ekxxrk fxn friedxburk wilehlm rithethxr fxn elph wilehlm listh exrich fxn mnchitn wlethxr omedil fridrich ephalus ekird fxn rundchethdth aehrmn ekxring efdxr fxn bxkh eflikhs chitenxr aefrdinnth echxrenxr wlethxr fxn irechxena ehlmuth iwdling ihnrich himelxr ebniot musoslini ocwnni emses exiyn xnotenskhu kharl kustaf exmil mnenxrehm mikolch ohrti kustaf yani aefaernts salxchi yxesf tisx xanet paewlichocesf stalin ekxxrki cukhxf obris chapxchnikhxf wasili chuykhxf ordixxn malinxfski khirill emertskhxf khxnstntin orkhxssxfski fioxdxr txlbukhin niokhil watutin khliemnt oworchilxf xaelkhesy xnotnxf yxsip brxs tiot miihthi 1kalng19413 767 000 khn19433 933 000 khn19451 960 000 khn19412 680 000 khn19436 724 000 khn19456 410 000 khnkhwamsuyesiyesiychiwitpraman 5 1 lankhn thukcbepnechly 4 5 lankhnesiychiwitpraman 8 7 thung 10 lankhn thukcbepnechly 4 1 thung 5 7 lankhnphleruxnesiychiwit 18 24 lankhn karyuththbnaenwrbdantawnxxkprakxbknepnkarephchiyhnathangthharkhrngihythisudinprawtisastr milksnakhxngkhwamrunaerngxyangimekhymimakxn karthalayimeluxkhna karenrethskhnanihy tlxdcnkarsuyesiychiwitmhasalxnenuxngmacakkarsurb khwamxdxyak karthxdthing orkhrabad aelakarsngharhmu aenwrbdantawnxxk xnepnaehlngkhaymrna karedinkhbwnaehngkhwamtay death march ektot aelaophkrmaethbthnghmd thuxepnsunyklangkhxnghxolkhxst caktwelkhpraeminphuesiychiwitinsngkhramolkkhrngthisxng 70 lankhn miphuesiychiwitraw 30 lankhninaenwrbdantawnxxk III sungepnphleruxnesiymak aenwrbdantawnxxkmiswnsakhyinkarkahndphlkhxngsngkhramolkkhrngthisxng aelathuxepnsaehtusakhyprakarhnungxnnaipsukhwamprachykhxngeyxrmni sngkhramnilngexydwykarlmslaykhxngnasieyxrmni nanekuxbkhrungstwrrs aelakarkawkhunepnrthxphimhaxanacthangthharaelaxutsahkrrmkhxngshphaphosewiytebuxnghlngaemeyxrmnikbshphaphosewiytcachnginxudmkarnkhxngxikfay aetthngsxngtangimchxbphlkhxngsngkhramolkkhrngthihnungdwykn shphaphosewiytesiydinaednphunihyinyuorptawnxxkip xnepnphlmacaksnthisyyaebrsth litxfsk sungidykihtamkhxeriykrxngkhxngeyxrmniaelayxmykopaelnd lithweniy exsoteniy ltewiyaelafinaelnd l ihaek faymhaxanacklang txma emuxeyxrmniyxmcanntxfaysmphnthmitrbang dinaednehlanithukpldplxyphayitenguxnikhkhxngkarprachumsntiphaphparis kh s 1919 aetkhnannrsesiyxyuinphawasngkhramklangemuxng faysmphnthmitrimrbrxngrthbalbxlechwikh aelashphaphosewiytyngimthukkxtngkhuncnxik 4 piihhlng channcungimmiphuaethnrsesiyekharwmprachum snthisyyaomoltxf ribebnthrxph sungmikarlngnamemuxeduxnsinghakhm kh s 1939 epnrahwangnasieyxrmnikbshphaphosewiyt sungmiphithisarlbthimungyxnyuorpklangkhunsusthanaedimkxnsngkhramolkkhrngthihnung odykaraebngdinaednrahwangeyxrmnikbshphaphosewiyt finaelnd exsoteniy ltewiyaelalithweniycaklbipxyuinkarkhwbkhumkhxngosewiyt khnathiopaelndaelaormaeniycathukaebngrahwangthngsxng tamkhxmulkhxngaexndruw nakxrski Andrew Nagorski 2007 The Greatest Battle xdxlf hitelxridprakasectnarmninkarbukkhrxngshphaphosewiytemuxwnthi 11 singhakhm kh s 1939 txkharl yakhxb burkhhardth khahlwngsnnibatchati odyklawwa thukxyangthiphmthamungtxtanphwkrsesiy thathangtawntkongaelatabxdekinkwacachwysingni echnnnphmcathukbngkhbihhnipthakhwamtklngkbphwkrsesiy exachnatawntk aelacaknnhlngpraethsehlannaephaelw khxyhnkalngkhxngphmthnghmdtxshphaphosewiyt phmtxngkaryuekhrnephuxthiekhacathaiheraxdxyakimid ehmuxnthiekhyekidinsngkhramkhrngthiaelw eyxrmnikbshphaphosewiytbukkhrxngaelaaebngopaelndin kh s 1939 eduxnphvscikaynpinn hlngfinaelndptiesthenguxnikhsnthisyyakhwamrwmmuxrwmknkhxngosewiyt shphaphosewiytcungrukranfinaelndinsngkhramthitxmaidchuxwa sngkhramvduhnaw sungepnkhwamkhdaeyngxnkhmkhunthilngexydwychychnaephiyngbangswnkhxngosewiyt eduxnmithunayn kh s 1940 shphaphosewiytyudkhrxngaelaphnwkrthbxltikthngsamxyangmichxbdwykdhmay sungepnphvtikarnthilaemidxnusyyaehkpi 1899 aela 1907 xnusyyaaelasnthisyyathwiphakhithishphaphosewiytlngnamkbrthbxltikcanwnmak aelarthtawntkswnmakimekhyrbrxng snthisyyaomoltxf ribebnthrxphihhlkpraknxyangehnidchdaekosewiytinkaryudkhrxngthngrthbxltikaelaphumiphakhthangehnuxaelatawnxxkechiyngehnuxkhxngormaeniy buokhwinaehnuxaelaebssaraebiy aemhitelxrcaprakaskarbukkhrxngshphaphosewity odyxangkarphnwkdinaednbxltikaelaormaeniykhxngosewiytwalaemidkhwamekhaictxsnthisyya khxngeyxrmni dinaednormaeniythithukphnwknnthukaebngrahwangsatharnrthosewiytyuekhrnaelamxlodwaxudmkarnxudmkarnkhxngeyxrmni xdxlf hitelxrotethiyngin imnkhmphf xtchiwprawtikhxngtn thungkhwamcaepnkhxngaenwkhidelebnseram eyxrmn Lebensraum sungepnkarekhayuddinaednihmephuxkartngthinthankhxngchaweyxrmnthangtawnxxkkhxngeyxrmni ekhadarikartngthinthanchaweyxrmninthinnepnchnchatipkkhrxng master race khnathikacdhruxenrethsphuxyuxasyswnmakipyngisbieriyaelaichthiehluxepnaerngnganthas sahrbphwknasithiyudmninhlkkar dngechnhimmelxr sngkhramkbshphaphosewiytepnkartxsukhxngnasitxkhxmmiwnist aelaechuxchatixaryntxxunaethremnsechn takwamnusy slaf hitelxrexythungodyichkhaphiesswa sngkhramaehngkarthalaylang inaephnkarchux ecenrlphlnoxsth Generalplan Ost prachakryuorpklangaelashphaphosewiytthithukyudkhrxngcathukenrethsipyngisbieriytawntkbangswn bangswntkepnthas aelathukkacdthingipinthisud chaweyxrmnhrux phuthiaephlngepneyxrmn Germanized catngnikhmindinaednthiphichitid nxkcakni phwknasiyngmungkwadlangprachakrchawyiwkhnadihyinyuorpklangaelatawnxxk epnswnhnungkhxngokhrngkarnasithimungkacdchawyiwthukkhninyuorp hlngkhwamsaerckhntnkhxngeyxrmnithi xdxlf hitelxrmxngwashphaphosewiytxxnaexthangthharaelasukngxmaekkarphichitthnthithnid wnthi 3 tulakhm kh s 1941 ekhaprakaswa erathaaekhetathipratu aelaxakharthiphuphngthnghlngkcathlmlngma dngnn eyxrmnikhadhwngblithskhrikchwngsn xikkhrnghnung aelaimmikaretriymkarcringcngtxkarsngkhramyudeyux xyangirkdi hlngchychnaxyangeddkhadkhxngosewiytthiyuththkarstalinkradaelasthankarnthangthharxnelwraymakkhxngeyxrmnixnepnphl hitelxraelaokhsnachwnechuxnasiprakaswa sngkhramepnkarpxngknxarythrrmtawntktxkarthukthalayody fungbxlechwik Bolshevik horde ihyotthikalnghlngihlekhasuyuorp xudmkarnkhxngosewiyt rabxbosewiyt sungmiocesf stalinepnphuna wangaephnkarkhyayxudmkarnlththimaks elnin aelaihkhwamchwyehluxaekkhwamkhubhnakhxngkarptiwtiolk inkhwamepncring stalinidyudhlkkarsngkhmniympraethsediyw Socialism in one country aelaichhlkkarnnsrangkhwamchxbthrrmaekchwngkhristthswrrs 1930 nasieyxrmni sungwangtwepnrththitxtankhxmmiwnistmaxyangtxenuxng aelaidyunynthanaxyangepnthangkardwykarlngnaminktikasyyatxtanokhminethirnkbyipun aelaxitali nbepnkhwtrngkhamthangxudmkarnodytrngkbshphaphosewiyt khwamtungekhriydcakxudmkarnidepliynipepnsngkhramtwaethnrahwangnasieyxrmniaelashphaphosewiyt emux in kh s 1936 eyxrmniaelafassistxitaliekhaaethrkaesngsngkhramklangemuxngsepn odysnbsnunfaychatiniymsepn khnathifayosewiytsnbsnunsatharnrthsepnthisxng sungnaodyphwksngkhmniymaelakhxmmiwnistxyangoddedn ehtukarnxnchlussxxsetriykhxngeyxrmni in kh s 1938 aelakartdechoksolwaekiyaesdngthungkhwamepnipimidthicasrangrabbkhwammnkhngrwminthwipyuorp sungepnnoybaythiidrbkarsnbsnuncakmksim litwinxf rthmntritangpraethsosewiyt khwamlmehlwdngklaw tlxdcnkhwamirkhwamsamarthkhxngphunaxngkvsaelafrngessthicalngnamphnthmitrthangkaremuxngaelathangthharephuxtxtaneyxrmnietmkhnkbshphaphosewiyt naipsusnthisyyaomoltxf ribebnthrxphrahwangshphaphosewiytkbeyxrmnichwngplayeduxnsinghakhm kh s 1939 karlngnamdngklawninaipsukarphlikphnkarokhsnachwnechuxkhxngosewiyt nasiimthukphrrnnawaepnstrukhuxakhatxiktxip aelasuxshphaphosewiytnaesnxwaeyxrmniepnklang aelaklawothsopaelnd shrachxanackraelafrngesswaepnphukxsngkhram xyangirkdi hlngeyxrmnibukti thanakhxngrthbalosewiytkepliynmaepntxtannasietmtwkartdsinicthasngkhramepnchwngewlaekuxbsxngpithiaenwchayaedneyxrmni osewiytkhngkhwamsngbxyu khnathieyxrmnirukranednmark nxrewy frngess klumpraethsaephndintaaelakhabsmuthrbxlkhan hitelxrmikhwamtngicthicachiksnthisyyaimrukranaelaocmtishphaphosewiyt khwamphyayamkhxnghitelxrklayepnrupepnrangemuxthungvduibimphlikhxngpi 1940 hitelxrechuxwashphaphosewiytcatxngyxmcannxyangngaydayhlngcaktxngephchiykbkarohmkrahnabukkhxngkxngthpheyxrmn aelasngkhramnacayutilngkxnthivduhnawxntharuninshphaphosewiytcamathung bangkhnmikhwamehnwaocesf stalinmikhwamklwthicathasngkhramkbeyxrmni hruximkhadwaeyxrmnicathasngkhramsxngdan aelaimtxngkarrbkwnhitelxr bangkhnbxkwastalintxngkariheyxrmnithasngkhramkbpraethsthunniymxun xikaengmumhnungkkhux stalinechuxwasngkhramcaekidkhuninpi kh s 1942 emuxthukxyangetriymphrxmesrcsinaelw aelaimechuxwasngkhramcaekidkhunkxnhnannxyangaennxn thungaemwaeyxrmnicarwbrwmkxngthphkhnadihyiwinopaelndtawnxxk aelaichekhruxngbinsarwcehnuxaenwchayaednhlayrxb aetstalinlaelysyyandngklaw rwmipthunghnwysubrachkarlbdwyechnkn imkikhunkxnhnakarrukrancaerimtn thharosewiytidrbkhasngthilngnamodycxmphl aelaphlexkekxxrki cukhxf tamkhasngkhxngstalinwa hamtxbotkarkrathaid aela hamlngmuxtxkhasukodyprascakkhasngodytrng karocmtishphaphosewiytkhxngeyxrmnithaihnayphlradbsungkhxngosewiytphaknaeplkic aemwastalincaidrbrayngankhxnghnwykhawkrxngetuxnwacamikarrukranktamladbehtukarnptibtikarbarbarxssa vdurxn 1941 ptibtikarbarbarxssatngaetwnthi 21 mithunayn kh s 1941 thungwnthi 5 thnwakhm kh s 1941 thungwnthi 9 krkdakhm 1941 thungwnthi 1 knyayn 1941 thungwnthi 9 knyayn 1941 thungwnthi 5 thnwakhm 1941 ptibtikarbarbarxssaerimtnkhunkxnrungxrunkhxngwnthi 22 mithunayn kh s 1941 elknxy fayeyxrmnthalayekhruxkhaysayothrelkhinmnthlthharbkthangchayaedndantawntkkhxngshphaphosewiytthnghmd ephuxthalaykartidtxsuxsarkhxngosewiyt ewla 3 15 n khxngwnnn 99 kxngphl cakthnghmd 190 kxngphlkhxngeyxrmni rwmthungkxngphlaephnesxr 14 kxngphl aelakxngphlyanynt 10 kxngphl ekhluxnyayekhawangkalngtxshphaphosewiytcakthaelbxltikthungthaelda nxkcakniyngmi 10 kxngphlkhxngormaeniy 9 kxngphlnxykhxngormaeniyaela 4 kxngphlnxykhxnghngkariekhasmthb ephuxsthapnakhwamepnecaxakas lufthwfefxerimkarekhatichbphlntxsnambinosewiyt aelathalaykxngsnambinkxngthphxakasosewiytthiekhluxnekhawangkalngswnhnasungprakxbdwyxakasyanthilasmyswnihyepnxnmakkxnthinkbincathnnaekhruxngkhuncakphundin epnewlakwaeduxnthikarruksamthanghyudimxyu emuxkalngaephnesxroxblxmkxngthharosewiytnbaesninwnglxmkhnadihysungthukldthxnodykxngthphthharrabthiekhluxnthiidchakwa khnathiaephnesxryngrksakarruk tamhlkniymblithskhrik wtthuprasngkhkhxngkxngthphklumehnux khux elninkrad phanrthbxltik prakxbdwykxngthphthi 16 thi 18 aelaklumaephnesxrthi 4 rupkhbwnniekhluxnthiphanlithweniy ltewiy exsoteniy aelaekhtpskhxfaelanxfokrxdkhxngrsesiy inlithweniy ltewiyaelaexsoteniy phwkekhaidrbkarsnbsnuncakphukxkarkaeribthxngthin ody pldplxy lithweniyekuxbthngpraeths ltewiytxnehnuxaelaexsoteniytxnitkxnthikxngkalngeyxrmncamathung sxngklumaephnesxr khxngkxngthphklumklang idaek klumaephnesxrthi 2 aelathi 3 ekhluxnthiipthangehnuxaelaitkhxngebrsth litxfsk aelamabrrcbknthangtawnxxkkhxngminskh tamdwykxngthphthi 2 thi 4 aelathi 9 kalngaephnesxrphsmthungaemnaebersinainhkwn sungxyuhangcakaenwerimtn 650 kiolemtr wtthuprasngkhtxip khux khamaemnaniepxr sungprasbkhwamsaercinwnthi 11 krkdakhm caknn epahmaytxip khux somelnsk sungaetkemuxwnthi 16 krkdakhm aetkartanthanxyangdueduxdkhxngosewiytinphunthisomelnsk aelakhwamlachakhxngewrmkhthinkarrukthangehnuxaelathangitbibihhitelxrhyudkarphlkdntrngklangthikrungmxsokaelahnklumaephnesxrthi 3 ipthangehnux thisakhy klumaephnesxrthi 2 khxngkuederiynthuksngihekhluxnipthangitinklyuththkhimyksrwmkbkxngthphklumitthikalngekhluxnekhasuyuekhrn kxngphlthharrabkhxngkxngthphklumklangaethbimehluxkarsnbsnuncakyanekraainkardaeninkarrukkhubthilachaipyngkrungmxsok kartdsinicnikxihekidwikvtkarnphawaphunaxyangrunaerng phubngkhbbychasnamkhxngeyxrmnisnbsnunkarrukipyngkrungmxsokthnthithnid aethitelxrptiesthphwkekha odyxangkhwamsakhykhxngthrphyakrekstrkrrm ehmuxngaeraelaxutsahkrrmkhxngyuekhrn echnediywkbkarradmkalngephimetimkhxngosewiytinphunthiokemlrahwangpikdanitkhxngkxngthphklumklangaelapikdanehnuxkhxngkxngthphklumitthithukhnwngiw kartdsinicni thiidchuxwa chwnghyudvdurxn khxnghitelxr echuxknwamiphlkrathbrayaerngtxphlkhxngyuththkarmxsok odyyxmesiykhwamerwinkarrukkhubipyngkrungmxsokipoxblxmkxngthharosewiytkhnadihyrxbekhiyf aephnthiaenwrbtawntkechiyngit yuekhrn wnthi 22 mithunayn kh s 1941 kxngthphklumit rwmkbklumaephnesxrthi 1 kxngthphthi 6 thi 11 aelathi 17 idrbmxbhmayihekhluxnthiphankaliesiyekhasuyuekhrn xyangirkdi khwamkhubhnakhxngphwkekhakhxnkhangcha aelaidrbkhwamsuyesiyxyanghnkinyuththkarrththngihy dwychnwnmungsuekhiyfthukekhakhrxngemuxthungklangeduxnkrkdakhm kxngthphthi 11 dwykhwamchwyehluxcakkxngthphormaeniy 2 kxngthph surbphanebssaraebiymungsuoxedssa klumaephnesxrthi 1 ebncakekhiyfchwnghnung odyrukekhasuhwokhngniepxr mnthlniopreptrxfsktawntk emuxklumaephnesxrthi 1 echuxmkbswnitkhxngkxngthphklumitthixumn klum kcbechlyosewiytidraw 100 000 nayinwnglxmkhnadihy kxngphlyanekraakhxngkxngthphklumitthikalngrukkhubphbkbklumaephnesxrthi 2 khxngkuederiyniklkbolhwutsainklangeduxnknyayn odytdkxngthharkxngthphaedngcanwnmakinkraepathangtawnxxkkhxngekhiyf echlyosewiyt 400 000 khnthukcbemuxekhiyfyxmcanninwnthi 19 knyayn rahwangthikxngthphosewiytrnthxyxyuhlngaenwaemnaniepxraelaaemnadwina stfkakhxngosewiytmungkhwamsnicipkbkarxphyphxutsahkrrminphumiphakhthangtawntkihidmakthisud orngnganthukruxaelabrrculnginrthifkhnsinkha aelatngkhunihminphunthihangiklkwainethuxkekhaxural khxekhss exechiyklangaelaisbieriytawnxxkechiyngit phleruxnswnmakthukthingihhnimathangtawnxxkexng ephraamiephiyngkrrmkrxutsahkrrmethannthicathukxphyphphrxmxupkrn aelaprachakrcanwnmakthukthingiwebuxnghlngkbkhwamemttakhxngkxngkalngfaybukkhrxng ocesf stalinsngkarihkxngthphaedngthikalngrnthxyrierimnoybay scorched earth ephuximiheyxrmniaelaphnthmitridesbiyngphunthankhnathiphwkekhaekhluxnmathangtawnxxk ephuxptibtitamkhasngnn kxngphnthalaythuktngkhuninphunthiaenwhna mixanacpraharchiwitbukhkhltxngsngsyxyangrwbrd kxngphnthalayephahmuban orngeriynaelaxakharsatharna swnhnungkhxngnoybayni phutrwckarkickarphayinprachachn People s Commissariat for Internal Affairs NKVD sngharhmunkoths odyminkothstxtanosewiythlayphnkhnthukpraharchiwit mxsokaelarxstxf vduibimrwng 1941 caknn hitelxrtdsinicklbmaruksukrungmxsoktx odyidmikarcdklumaephnesxrepnkxngthphaephnesxrephuxkarnni inptibtikaritfun sungerimtngaetwnthi 30 knyayn kxngthphaephnesxrthi 2 erngrudtamthnnladyangtngaetoxrixxl thukyudemuxwnthi 5 tulakhm ipcnthungaemnaoxkathiplfsokhey khnathikxngthphaephnesxrthi 4 thukoxncakkxngthphklumehnuxmayngkxngthphklumklang aelakxngthphaephnesxrthi 3 lxmkalngosewiytinwnglxmkhnadihysxngwngthiewiysmaaelaebriynsk kxngthphklumehnuxtngxyuhnaelninkradaelaphyayamtdesnthangrthifechuxmthimka Mga ipthangtawnxxk nbepncuderimtnkhxngkarlxmelninkradnan 900 wn ehnuxkhunip kalngphsmeyxrmn finaelnderimtnbukipyngmurmnsk aetimxacbukipidekinkwaaemnasapdnaya litsa thisunghyudtngmniw kxngthphklumitphlklngitcakaemnaniepxripyngfngthaelxasxf thngyngekhluxnthphphanharkhxf khuskh aelastalion kxngthphthi 11 ekhluxnekhasuikhremiyaelaekhayudthngkhabsmuthridemuxthungvduibimrwng ykewn sungsamarthtanthanidthungwnthi 3 krkdakhm kh s 1942 wnthi 21 phvscikayn fayeyxrmnyudrxstxf pratusukhxekhss xyangirkdi aenwrbeyxrmnyngyudyawekinip aelaosewiytfaytngrbtiottxbhwhxkkhxngkxngthphaephnesxrthi 1 cakthangehnux bibihkxngthphaephnesxrthi 1 txngthxntwxxkcaknkhraelathxyiphlngaemnamixus Mius nbepnkarrnthxysakhykhrngaerkkhxngeyxrmniinsngkhram phlpunihyosewiytkhnaptibtihnathi n oxedssa kh s 1941 khnathivduhnawiklekhama fayeyxrmnerimtnbukkhrngsudthaysungepidchakkhunemuxwnthi 15 phvscikayn emuxfayeyxrmnphyayamoxblxmkrungmxsok wnthi 27 phvscikayn kxngthphaephnesxrthi 4 bukipthungrsmi 30 kiolemtrcakekhrmlin emuxbukipthungcudphksudthaykhxngaenwmxsokthihimkhi khnaediywknnn kxngthphaephnesxrthi 2 aemcaphyayamxyangetmthi kimxacyudtula nkhrosewiytaehngsudthaythikhwangthangbuksukrungmxsokid hlngkarprachumsungcdthixxrcha rahwangphlexk frns hlaedr hwhaesnathikarthharbk aelahwhnaklumkxngthphaelakxngthphthngsam idtdsinicphlkdnipyngkrungmxsok sungcxmphl efdxr fxn bxkh hwhnakxngthphklumklang ihehtuphlwa caepnkardikwaaekphwkekhathicaesiyngdwnginsmrphumiaethnthicakhxyihkhasukrwbrwmkalngmakkhun xyangirkdi emuxthungwnthi 6 thnwakhm epnthipracksaelwwa ewrmkhthxxnaexekinkwacayudkrungmxsokid aelakarekhatithukhyudphkiw caknn cxmphlchaopchnikhxferimkartiottxbkhxngekha odyichkxnghnunthiephingradmmaihm echnediywkbkxngphltawnxxkiklthiidrbkarfukxyangdithiephingyaymacakthangtawnxxk hlngyipunrbprakncawangtnepnklang kartiottxbkhxngosewiyt vduhnaw 1941 kartiottxbkhxngosewiytinvduhnaw 5 thnwakhm kh s 1941 thung 7 phvsphakhm kh s 1942 dinaednthiosewiytyudkhun dinaednthieyxrmnidephim chwngvduibimrwng stalinidyayexakxngkalngosewiytihmaelamixawuthxyangdicakisbieriyaelaphakhtawnxxkiklmayngkrungmxsok wnthi 5 thnwakhm kh s 1941 kalngephimetimehlaniekhatiaenwrbeyxrmnrxbkrungmxsok odyidrbkarsnbsnuncakrththngthi 34 aelaekhruxngyingcrwdihm kalngosewiytihmnietriymphrxmrbmuxkbkarsngkhramvduhnawdikwakhasuk aelaosewiytyngmikxngphnskixyuhlaykxngphn fayeyxrmnthiehnuxylaaelahnawcnaekhngthukkhbxxkcakkrungmxsokemuxwnthi 7 mkrakhm kh s 1942 osewiytekhatixikhninplayeduxnmkrakhm odyphungepaipyngrxytxrahwangkxngthphklumehnuxaelaklumklangrahwangthaelsabesliekiyrkbrsehf Rzhev aelakhbchxngwangrahwangsxngklumkxngthpheyxrmn prakxbkbkarrukcakkhalukaipthangtawntkechiyngitkhxngkrungmxsok mikartngicihkarrukthngsxngbrrcbknthisomelnsk aetfayeyxrmnchumnumphlaelasamarthaeykkarekhatithngsxngsayxxkcakkn cungyngsamarthrksaaenwyunxxkip salient thirsehfiwid karsngphlrmosewiytlngsuodorokbuchthieyxrmniyudkhrxngxyunn lmehlwxyangsineching aelaphlrmthirxdchiwitehlanncatxnghlbhniipyngdinaednthiphlphrrkhyudkhrxngxyuaelakalngkxtwkhunhlngaenwrbeyxrmn thangehnux fayosewiytlxmthitngthhareyxrmninedemiynsk sungtanthanodymikarsngkalngbarungthangxakasidnanthungsieduxn aelacdwangkalngxyuhnaohlm ewlich aelaewlikhi lukhi inthangit kxngthphaedngkhamaemnaodentsthixisuym aelasthapnaaenwrbyunekhaipinaenwrbeyxrmnidkwa 100 kiolemtr ectnaephuxtrungkxngthpheyxrmnkbthaelxasxf aetemuxerimphnvduhnaw fayeyxrmnsamarthtiottxbaelatdkalngosewiytthithlaekhamalukekinidinyuththkarharkhxfkhrngthisxng dxn wxlkaaelakhxekhss vdurxn 1942 ptibtikarsinaengin karrukkhxngeyxrmnitngaetwnthi 7 phvsphakhm thung 18 phvscikayn kh s 1942 thungwnthi 7 krkdakhm kh s 1942 thungwnthi 22 krkdakhm 1942 thungwnthi 1 singhakhm 1942 thungwnthi 18 phvscikayn kh s 1942 aemcamikarwangaephnekhakrungtimxsokxikhn aetemuxwnthi 28 mithunayn kh s 1942 karrukklbepidchakipxikthanghnung kxngthphklumitepnfayrierim yudaenwrbdwyyuththkaroworench caknn tamdwyaemnadxnipthangtawnxxkechiyngit aephnkarihy khux yudaemnadxnaelawxlkakxn aelwkhxyekhluxnekhakhxekhssmungsuthungnamn aetkarphicarnathangptibtikaraelakhwamoxhngkhxnghitelxrthaihekhasngkarihdaenintamwtthuprasngkhthngsxngphrxmkn rxstxfthukyudkhunidemuxwnthi 24 krkdakhm emuxkxngthphaephnesxrthi 1 ekharwm aelacaknn klumdngklawekhluxnlngipthangitmungsuimkhxp swnhnungkhxngaephnkarni mikardaeninptibtikarchamil aephnkarsungklumbrnednburekxrkhxmmnodaetngkayepnkxngthhar NKVD khxngosewiyt ephuxbxnthalaykarpxngknimkhxp aelaihkxngthphaephnesxrthi 1 ekhasuemuxngnamnaehngniodymikartxtanephiyngelknxy thharrabeyxrmnaelarthpunihyxttacrsthuek 3 rahwangkarruksustalinkrad eduxnknyayn kh s 1942 khnaediywkn kxngthphthi 6 kalngmunghnasustalinkrad sungimidrbkarsnbsnuncakkxngthphaephnesxrthi 4 epnewlanan ephraathukepliynihipchwykxngthphaephnesxrthi 1 khamaemnadxn emuxkxngthphaephnesxrthi 4 ekharwmkarrukstalinkradxikkhrng kartanthankhxngosewiyt xnprakxbdwykxngthphthi 62 phayitkarbngkhbbychakhxngwasili chuykhxf kidehniywaennaelw karkhamaemnadxnthaihkalngeyxrmnipthungaemnawxlkaemuxwnthi 23 singhakhm aetxiksameduxnthdma ewrmkhthcatxngsurbinyuththkarstalinkradaebbthnntxthnn swnthangit kxngthphaephnesxrthi 1 ipthungtinekhakhxekhssaelaaemnamlkha emuxthungplayeduxnsinghakhm kxngthharphuekhakhxngormaeniyekharwmkbhwhxkkhxekhss khnathikxngthphthi 3 aela 4 khxngormaeniymikarwangkalngihm hlngpharkickwadlangchayfngxasxfsmvththiphl odyekhapracathixyudaniddanhnungkhxngstalinkradephuxihkxngkalngeyxrmnsurbxyangehmaasm khwamepnprpksthidaeninxyurahwangphnthmitrxksaormaeniyaelahngkariehnuxthransileweniy thaihkxngthphormaeniyinkhungdxnthukaeykcakkxngthphhngkarithi 2 odykxngthphxitalithi 8 dngnn phnthmitrthnghmdkhxnghitelxrcungekhamamiswn rwmthngkxngkalngthiephuxiwkhxngsolwaekiykbkxngthphaephnesxrthi 1 aelakrmkhxngokhrexechiythikhunsmthbkxngthphthi 6 karrukekhasukhxekhssthukhnwng odyfayeyxrmnimsamarthsurbphanmlokebkhipyngkrxsnixnepncudhmayhlkid cungidepliynthisthangkarbukihekhasukrxsnicakthangit odykhamaemnamlkhaemuxplayeduxntulakhmaelaekhasunxrthxxsesetiy inspdahaerkkhxngeduxnphvscikayn briewnchanemuxngxxrdohnikhides hwhxkkhxngkxngphlaephnesxrthi 13 thuktdxxk aelakalngaephnesxrcatxngrnthxy karrukekhasursesiyksinsudlng stalinkrad vduhnaw 1942 ptibtikaryuerns aesthethirn aelamars kxngthphosewiyttiottxbinaenwrbdantawnxxk tngaetwnthi 18 phvscikayn kh s 1942 thungeduxnminakhm kh s 1943 thungwnthi 12 thnwakhm 1942 thungwnthi 18 kumphaphnth 1943 thungeduxnminakhm 1943 khnathikxngthphthi 6 aelakxngthphaephnesxrthi 4 kalngbukipyngstalinkradxyunn kxngthphosewiytidmarwmphlknxyudaniddanhnungkhxngnkhr odyechphaaxyangying ekhthwsaphandxnsungkxngthphormaeniyimidldthxn aelakxngthphosewiytidocmtimacakhwsaphanehlaniemuxwnthi 19 phvscikayn kh s 1942 inptibtikaryuerns sxngaenwrbosewiytecaaphanaenwrbormaeniyaelamabrrcbknthikhalchemuxwnthi 23 phvscikayn sungdkkalngxksa 300 000 nayiwebuxnghlng karrukthiekidkhunphrxmkninekhtrsehf thimichuxwa ptibtikarmars nn khwrcarukipthungsomelnsk aetlmehlw dwykhwamsamarththangyuththwithikhxngeyxrmni fayeyxrmnierngsngkxngthharipyngrsesiydwykhwamphyayamxyangyingthicachwyehluxstalinkrad hakkarbuktxngeluxnxxkipcnwnthi 12 thnwakhm sungcnthungkhnann kxngthphthi 6 instalinkradkalngxdxyakaelaxxnaexekinkwacatifaxxkmabrrcbkbkalngthisngmachwy ptibtikarphayuvduhnaw dwykxngphlaephnesxrthithukyaymasamkxngphl sungerngrudekhluxnthicakokhethlniokhowmungsuaemnaxkhis aetthukhyudkhnaxyuhangcakcudhmay 65 kiolemtr ephuxebnkhwamphyayamchwyehlux fayosewiyttdsinickhyifayxitaliaelakhdkhwangkhwamphyayamsbepliynkalnghakthaid ptibtikarnnerimemuxwnthi 16 thnwakhm inptibtikardngklaw fayosewiytsamarththalayxakasyancanwnmakthisngkalngbrrethaipyngstalinkrad khxbekhtkarrukkhxngosewiytthikhxnkhangcakd aeminthaythisudcayngphungepaipyngrxstxf yngihewlahitelxrmxngehnehtuphlaeladungkxngthphklumexxxkcakkhxekhssaelaklbcakaemnadxn 31 mkrakhm kh s 1943 thharphurxdchiwit 90 000 nay cakthnghmd 300 000 naykhxngkxngthphthi 6 yxmcann thungkhnann kxngthphhngkarithi 2 kthukkwadlangipaelwechnkn fayosewiytrukcakaemnadxnipthangtawntkkhxngstalinkradidikl 500 kiolemtr odyekhluxnphanphankhuskh yudkhunidemuxwnthi 8 kumphaphnth kh s 1943 aelaharkhxf yudkhunidemuxwnthi 16 kumphaphnth kh s 1943 ephuxrksathitngthangit fayeyxrmncungtdsinicslaaenwyunthirsehfineduxnkumphaphnth thaihmikxngthharephiyngphxthicatxbotxyangchbphlnidsaercinyuekhrntawnxxk karrukottxbkhxngmnsithn sungidrbkaresrimkalngcakehlaaephnesxrexsexsthimirththngthiekxr epidchakemuxwnthi 20 kumphaphnth kh s 1943 aelasurbiptamthangcakopltawaekhaipinharkhxfinspdahthisamkhxngeduxnminakhm emuxhimathilalayinvduibimphlikhdkhwang thaihaenwrbosewiytekidrxynunsungmisunyklangxyuthikhuskh khuskh vdurxn 1943 karrukkhxngeyxrmnithiharkhxfaelakhuskh 19 kumphaphnth thung 1 singhakhm kh s 1943 thungwnthi 18 minakhm 1943 thungwnthi 1 singhakhm 1943 hlngkhwamphyayayamyudstalinkradlmehlw hitelxrmxbxanackarwangaephninvdukarthphthicamathungaekkxngbychakarthharsungsud aelaihkuederiynmibthbathedntamedim odykhrawniepncerkalngaephnesxr karthkethiynginhmuesnathikarekidkaraebngkhw aemaethitelxrexngkkngwlekiywkbkhwamphyayamid inkarbibaenwyunthikhuskh ekhathrabwa inchwnghkeduxn thitngkhxngosewiytthikhuskhmikaresrimkalngxyanghnaaenndwypuntxsurththng kbdkrththng thunraebid snamephlaa rngpunkl punihyaelapunkhrk xyangirkdi haksamarthepidkarrukblithskhrikkhrngihykhrngsudthayidkhrnghnung echnnn fayosewiytcaebabanglng aelacaidhnkhwamsnicipyngphykhukkhamcakfaysmphnthmitrinaenwrbdantawntk karrukcamacakaenwyunthioxrixxlthangehnuxkhxngkhuskh aelacakeblokrxdthangit pikthngsxngcamabrrcbknbriewnphunthithangtawnxxkkhxngkhuskh aelahaksaerccasamarthfunfuaenwrbkhxngklumkxngthphit n cudediywkbthiekhyyudkhrxnginchwngvduhnaw kh s 1941 1942 aemfayeyxrmncathrabwa kalngphlsnbsnunkhxngkxngthphaedngekhyhmdlnginchwngvdurxn kh s 1941 aela 1942 fayosewiytyngmikarcdhakalngphlephim odykareknththharcakphunthisungyudkhunid dwyaerngkddncakbrrdanayphl hitelxrcungtklngekhatithikhuskh odythrabephiyngelknxywa khawkrxngkhxngxbewrtxthitngkhxngosewiytnnthukbxnthalayodykarihkhxmulphid khxngstfkaaelakarthphtxtankhawkrxng sungdaeninodyaehwnsaylblusiinswitesxraelnd emuxfayeyxrmnerimptibtikar hlngcakhyudphkiphlayeduxnephuxrxrththngaelayuthothpkrnihm khnannfayosewiytkidesrimkalngaenwyunthikhuskhdwykalngyingtxsurththngmakkwathiekhyrwmxyuthiediywthngkxnaelanbaetnn thngsxngfaysngrththngrwmekuxbaepdphnkhninyuththkarkhuskh nbepnyuththkarrththngihythisudtlxdkal thangehnux kxngthphthi 9 khxngeyxrmnithnghmdthukwangkalngihmcakaenwyunrsehfipyngaenwyunthioxrixxl aelaekhluxncakmaolxarhneklskipyngkhuskh aetkxngkalngniimphankrathngwtthuprasngkhaerkthixxlohwtkha thixyuhangcakcuderimtnkarrukephiyng 8 kiolemtr kxngthphthi 9 esiyhwhxkipkbsnamthunraebidkhxngosewiyt caknn karbukthukepliynthisthangipyngopnuyri thangtawntkkhxngxxlohwtkha aetkxngthphthi 9 imsamarthecaaphanthiniechnkn aelatxngepliyniptngrbaethn fayosewiytocmtiklb wnthi 12 krkdakhm kxngthphaedngsurbphanaenwaebngekhtrahwangkxngphlthi 211 aelathi 293 rimaemnacisdra aelamungsukharaechf thixyuhlngphwktnaelahlngoxrixxl karrukthangit sungmikxngthphaephnesxrthi 4 epnhwhxk naody phlexkhxth odymiehlarththngsamehlasrangkhwamkhubhna ehlaaephnesxrexsexsthi 2 aelakxngphlkrxssdxythchlnd phnesxrekrnadirrukiptamaemnadanhnungkhxngodentsbntrngchnwnaekhb sungtxngphansnamthunraebidaelaehnuxthisungemuxethiybknmungsuoxobyn kartanthanxyangdueduxdthaihtxngepliynthisthangkarbukcakthangtawnxxkepntawntkkhxngaenwrb aetrththngyngrukip 25 kiolemtrkxnephchiykbkalnghnunkhxngkxngthphrththngpxngkn Guards Tank Army thi 5 khxngosewiyt nxkoprohrxfka yuththkardngklawekidkhunemuxwnthi 12 krkdakhm odymirththngrawhnungphnkhnxyuinkaryuthth hlngsngkhram nkprawtisastrosewiytyudwa yuththkariklkboprohrxfka epnyuththkarrththngihythisudtlxdkal karrbpathathioprohrxfkaepnkhwamsaercinkartngrbkhxngosewiyt aemtxngsuyesiyipmakktam kxngthphrththngpxngknthi 5 khxngosewiyt sungmirththngebaaelaklangraw 800 khn ekhatiehlaaephnesxrexsexsthi 2 karsuyesiyrththngkhxngthngsxngfayepnthimakhxngkarthkethiyngtngaetnnma aemkxngthphrththngpxngknthi 5 camiidbrrluwtthuprasngkh aetkarbukkhxngeyxrmnikhyudlng emuxwnnnsinsudlng thngsxngfaysurbcnkhumechingkn hakaemcakhumechingknxyuinthangehnux mnsithnyngtngicekhatitxipdwykxngthphaephnesxrthi 4 aetfayosewiytsamarthtngrbkarekhatidngklaw aelakarrukthangyuththsastrkhxngeyxrmni thichuxwa ptibtikarsithaedl khyudlng dwykhwamprathbictxptibtikartiottxbthibrrluphlthangit kxngthphaedngcungerimptibtikarkarrukxyangrunaernginaenwyunoxrixxlthangehnux aelasamarthecaaphanpikkhxngkxngthphthi 9 khxngeyxrmniid hitelxrthiepnkngwlkbkarykphlkhunbkinsisilikhxngfaysmphnthmitremuxwnthi 10 krkdakhm cungtdsinichyudkarruk aemkxngthphthi 9 khxngeyxrmnicaidphunthixyangrwderwinthangehnuxktam karrukthangyuththsastrkhrngsudthaykhxngeyxrmniinshphaphosewiytyutilngdwykartngrbtxkartiottxbihykhxngosewiytsungkinewlathungeduxnsinghakhm karrukthikhuskhepnkarrukkhnadediywkbemuxkhrng kh s 1940 aela 1941 khrngsudthaythiewrmkhthsamarthptibtiid aelakarrukinphayhlnglwnaesdngephiyngengakhxngxditxanackarrukkhxngewrmkhthethann vduibimrwngaelavduhnaw 1943 44 fayosewiytruktxipyngaenwyunthioxrixxlkhxngeyxrmni karebiyngebnkxngphlkrxssdxythchlndthimiyuththothpkrnxyangdicakeblokrxdipyngkharaechfkimxachyudyngid aelamikartdsinicthangyuththsastrihslaoxrixxl sungthukkxngthphaedngyudkhunidemuxwnthi 5 singhakhm kh s 1943 aelarnthxyipyngaenwhaeknthixyuhnaebriynskhthangit fayosewiytthalwngphanthitngeblokrxdkhxngkxngthphklumit aelamunghnasuharkhxfxikkhrnghnung rahwangyuththkarxnekhmkhntlxdplayeduxnkrkdakhm ekhasueduxnsinghakhm kh s 1943 aemrththngthiekxrcathalayrththngosewiytindanhnung aetimchakthukoxblxminxikdanhnungthangtawntk khnathifayosewiytekhluxnlngmayngepsl Psel aelaharkhxfcatxngthukxphyphepnkhrngsudthayemuxwnthi 22 singhakhm thharosewiytkhamaemnaniepxrodyichaephpradisth kalngeyxrmnrimaemnamixus sungkhnaniprakxbdwykxngthphaephnesxrthi 1 aelakxngthphthi 6 thisthapnakhunihm xxnaexekinkwacakhbkarekhatikhxngosewiytbnaenwrbkhxngtnid emuxthungeduxnsinghakhm aelaemuxfayosewiyttikxngthphthngsxng kcatxngrnthxyphannikhmxutsahkrrmdxnbas Donbass ipcnthungniepxr suyesiythrphyakrthangxutsahkrrmaelaphunthiekstrkrrmkhrunghnungthieyxrmnibukkhrxngshphaphosewiytephuxichpraoychn thungkhnani hitelxrtklngihmikarrnthxyihyipyngaenwniepxr sungaenwdngklawtngiccaihepnoxsthwll sungepnaenwpxngknkhlaykhlungkbaenwsikfrid pxmsnamtamchayaedntawntkkhxngeyxrmni pyhahlkkhxngfayeyxrmn khux karpxngknehlaniyngimthuksrangkhun aelaemuxkxngthphklumitidthxntwcakyuekhrntawnxxkaelaerimrnthxykhamaemnaniepxrchwngeduxnknyayn fayosewiytkilhlngmaxyangkrachnaelw thharhnwyelk phayeruxkhamaemnakwang 3 kiolemtrxyangthrhd aelasthapnakhun khwamphyayamkhrngthisxngkhxngfayosewiytthicayudphunthiodyichphlrm mikhunthikhaenfemuxwnthi 24 knyayn sungphisucnaelwwairochkhechnediywkbthiodorokbuchemuxsibaepdeduxnkxn aelaphlrmkthukkhbilipinewlaxnsn aetkhlngcakthikalngkxngthphaedngthihnunekhamaidichkarkabngthiphlrmehlanietriymiwkhamaemnaniepxraelakhrxngsnamephlaaxyangplxdphy emuxekhasueduxntulakhm fayeyxrmnphbwa epnipimidthicayuxaenwniepxremuxhwsaphankhxngosewiytetibotkhun aelaemuxngsakhytamaemnaniepxrerimaetk erimcaksaoporeciytammadwyenopreptrxfsk inthisud tneduxnphvscikayn fayosewiytfaxxkcakhwsaphanthngsxngfngkhxngekhiyfaelayudemuxnghlwngkhxngyuekhrn sungkhnannepnnkhrihythisudxndbsaminshphaphosewiyt iwid kxngphlaephnesxrthi 1 khnathuksngipchwyaekikhwnglxmkhxrchun echiyrkhssi tneduxnkumphaphnth kh s 1944 hangcakekhiyfipthangtawntkaepdsibiml kxngthphaephnesxrthi 4 sungyngechuxwakxngthphaedngepnkxngkalngthixxnaerng samarthottxbchbphlnthicuyotmirepnphlsaercemuxklangeduxnphvscikayn bnthxnhwsaphankhxngosewiytodykarocmticakdankhangxyanghawhaythidaeninodyehlaaephnesxrexsexstamaemnaeteterf yuththkarniyngihkxngthphklumityudokhrxsetnkhun tlxdcnmiewlahyudphkbang xyangirkdi inwnkhristmasxif karlathxyerimkhunxikkhrngemuxaenwrbyuekhrnthihnung epliynchuxcakaenwrboworench ekhatiphwkekha n cudediywkn karekhluxnkhxngosewiytdaenintxtamesnthangrthifkrathngthungphrmaednopaelnd osewiytkhrng kh s 1939 emuxwnthi 3 mkrakhm kh s 1944 thangit aenwrbyuekhrnthisxng edimchuxaenwrbsetpp khamaemnaniepxrthiekhremnchukaelabuktxipthangtawntk inspdahthisxngkhxngeduxn aenwrbyuekhrnthisxngeliywipthangehnux brrcbkbkalngrththngkhxngwatutin sungidaekwnglngitcakkartifaekhasuopaelndaelalxmkxngphleyxrmnisibkxngphlthikhxrsun echfechnkhxfski thangtawntkkhxngechiyrkhssi karyunkranihrksaaenwniepxrkhxnghitelxr aemxacephchiykboxkaskhwamphayaephhaynann yingelwraylngipxikemuxekhaechuxmnwa wnglxmechiyrkhssicasamarthtifaxxkmaid aelarukipyngekhiyfiddwy aetmnsithnkngwlmakkwathungkarsamarthrukipyngkhxbwnglxm aelakhxihkalngthithuklxmtifaxxkma cnthungwnthi 16 kumphaphnth khnaerkesrcsin odyaephnesxrkbwnglxmechiyrkhssithukkhndwyaemnaknilxy tikhichethann phayitkrasunpunihyaelarththngosewiytthiiltidtamma kxngthhareyxrmnthithuklxm sungmikxngphlaephnesxrexsexsthi 5 wikhingrwmxyudwy tikhamaemnacnrxdplxdphy aemcaesiykalngphlipkhrunghnungaelayuthothpkrnthnghmdktam phwkekhasnnisthanwaphwkosewiytcaimekhatixikyangekhavduibimphli aetinwnthi 3 minakhm aenwrbosewiytyuekhrnepliynipruk emuxoddediywikhremiydwykaraeykkhxkhxdeperkhxpaelw kalngkhxngmalinxfskhikrukkhamplkokhlnipyngphrmaednormaeniy odyimhyudrimaemnaprut Prut karrukkhxngosewiyttngaetwnthi 1 singhakhm kh s 1943 thung 31 thnwakhm kh s 1944 thung 1 thnwakhm 1943 thung 30 emsayn 1944 thung 19 singhakhm 1944 thung 31 thnwakhm 1944 khwamekhluxnihwsudthayhnunginthangityutivdukarthph kh s 1943 44 sungrwmkarrukkwa 500 iml ineduxnminakhm 20 kxngphlkhxngeyxrmni aehngkxngthphaephnesxrthi 1 phayitkarbngkhbbychakhxngphlexkhns waelnthin huebx thukoxblxminwnglxmhuebx iklkbkhaements opdxlskhiyi Kamenets Podolskiy hlngkarsurbxyangdueduxdsxngspdah kxngthphaephnesxrthi 1 samarthhlbhnixxkcakwnglxmid odyprasbkhwamsuyesiyephiyngelknxythungpanklangethann emuxthungcudni hitelxrsngpldnayphlthioddednhlaykhn rwmthngmnsithn ineduxnemsayn kxngthphaedngyudoxedssakhunid tamdwykarthphkhxngaenwrbyuekhrnthi 4 inkarfunfukarkhwbkhumehnuxikhremiy sungsinsudlngdwykaryudsawsotpxlinwnthi 10 phvsphakhm tamaenwrbkhxngkxngthphklumehnux ineduxnsinghakhm kh s 1943 kxngkalngnithukphlkdnmacakaenwhaeknxyangcha odyyuddinaednidkhxnkhangelknxy aetkaresiyebriynskaelasomelnskthisakhykwa emuxwnthi 25 thnwakhm thaihewrmkhthesiyhlksakhykhxngrabbkarpxngknkhxngeyxrmnithngrabb kxngthphthi 4 thi 9 aelakxngthphaephnesxrthi 3 yngyudphunthixyufngtawnxxkkhxngniepxrbn khxykhdkhwangkhwamphyayamkhxngosewiytthicaipthungwietbskh bnaenwrbkhxngkxngthphklumehnux mikarsurbephiyngelknxykrathngeduxnmkrakhm kh s 1944 emuxaenwrbwxlhxfaelaaenwrbbxltikthisxngocmtixyangimkhadfn inkarthphsayfa fayeyxrmnthukphlkdncakelninkrad aelanxfokrxdthukkxngkalngosewiytyudkhun emuxthungeduxnkumphaphnth kxngthphaedngthungphrmaednexsoteniyhlngkarbuk 75 iml thaelbxltikehmuxncaepnesnthangerwthisudthicanakarsurbipthungaephndineyxrmniinprsesiytawnxxkaelayudkhwbkhumfinaelndsahrbstalin karrukkhxngaenwrbelninkradsuthallinn emuxngthabxltikthisakhy thukhyudineduxnkumphaphnth kh s 1944 klumkxngthph narwa khxngeyxrmni sungrwmthhareknthexsoteniy khxypxngknkarsthapnaexkrachihmkhxngexsoteniy vdurxn 1944 nkwangaephnkhxngewrmkhthechuxwa fayosewiytcaekhatixikkhrnginthangit thisungaenwrbxyuhangcaklwif 50 iml aelaepnesnthangthitrngsukrungebxrlinthisud chann cungmikardungkalngcakkxngthphklumklang thisungaenwrbyunlukekhaipinshphaphosewiyt fayeyxrmnidyaybanghnwyipyngfrngessephuxtxtankarbukkhrxngnxrmxngdiemuxsxngspdahkxn karrukeblarus chuxrhswa ptibtikarbakratixxn sungerimemuxwnthi 22 mithunayn kh s 1944 epnkarekhatikhnanihykhxngosewiyt prakxbdwysiklumkxngthphkhxngosewiyt rwmkwa 120 kxngphl sungbdkhyiekhaipinaenwrbbang thieyxrmnithuxkhrxngxyu fayosewiytphungepakarekhatikhnanihyipyngkxngthphklumklang miichkxngthphklumehnuxyuekhrnsungfayeyxrmnkhadkarniwedim thharosewiytkwa 2 3 lannayekharwmrbtxkxngthphklumklangkhxngeyxrmni thimikalngphlimthung 800 000 nay n ewlaaehngkarekhati fayosewiytidepriybthngdankalngphlaelayuththothpkrnxyangkhadlxy kxngthphaedngmixtraswnrththngtxkhasukthungsibtxhnung aelaxakasyanthungecdtxhnung krungminskh emuxnghlwngkhxngeblarus thukyudemuxwnthi 3 krkdakhm dkthhareyxrmnraw 100 000 nay sibwnihhlng kxngthphaedngipthungphrmaednopaelndkxnsngkhram baratixxnepnhnunginptibtikarthangthharediyw thiihythisudinsngkhram imwacawddwyeknthidktam emuxthungplayeduxnsinghakhm kh s 1944 fayeyxrmnmithharesiychiwit badecb suyhayaelaecbpwypraman 400 000 nay sungincanwnnithukcbepnechly 160 000 nay aelarththng 2 000 khn tlxdcnyanphahnaxun 57 000 khnthukyud inptibtikardngklaw kxngthphaedngmithharesiychiwitaelasuyhayraw 180 000 nay rwmthngsin 765 815 nay thngkarbadecbaelapwy aelachawopaelnd 5 073 nay echnediywkbpunihyaelarthpunihyxttacr 2 957 khn karrukthiexsoteniyepnehtuihthharosewiytsuyesiykalngphlxik 480 000 nay incanwnniesiychiwit 100 000 nay karruklwxf sanodemiyrskhangekhiyngerimkhunemuxwnthi 17 krkdakhm kh s 1944 aelatikalngeyxrmninyuekhrntawntkphayxyangrwderw lwifthukosewiytyudkhrxngxikkhrngemuxwnthi 26 krkdakhm epnkhrngaerktngaetphnthmitrnasi osewiytineduxnknyayn kh s 1939 aelakarrwmbukkhrxngopaelnd khrngni nkhrthukyudkhunodyaenwrbyuekhrnthi 1 idkhxnkhangngay khwamhwngkhxngchawyuekhrnthicaidrbexkrachthukthalaythamklangkalngthithwmthnkhxngosewiyt echnediywkbrthbxltik kxngthphphukxkarkaeribyuekhrn UPA cayngthasngkhramkxngocrtxosewiyttxipthungkhristthswrrs 1950 fayosewiytruktxipthangitekhasuormaeniy aela hlngrthprahartxrthbalfkifxksakhxngormaeniy emuxwnthi 23 singhakhm kxngthphaedngkyudkrungbukhaerstidemuxwnthi 31 singhakhm inkrungmxsok emuxwnthi 12 knyayn ormaeniyaelashphaphosewiytlngnamsngbsukdwyenguxnikhthiaethcringaelwosewiytbngkhb karyxmcannkhxngormaeniythaihekidchxnginaenwrbdantawnxxkthangitkhxngeyxrmni sungepnehtuihsuyesiybxlkhanthnghmdxyanghlikeliyngimid khwamkhubhnaxyangrwderwkhxngptibtikarbakratixxnkhukkhamthicatdkhadaelaoddediywkxngthphklumehnuxkhxngeyxrmnithikalngtanthankarrukkhxngosewiytsuthallinnxyangkhmkhun inkarekhatixyangduraythiekha Sinimaed praethsexsoteniy aenwrbelninkradkhxngosewiytimsamarthtiphankarpxngknkhxnghnwysmthb narwa thielkkwaaelamikarcdkarpxngknxyangdiinphumipraethsthiimehmaaaekptibtikarkhnadihy bnkhxkhxdkhaereliyn fayosewiytepidchakkarekhatikhnanihytxaenwrbfinaelndemuxwnthi 9 mithunayn kh s 1944 prasankbkarbukkhrxngnxrmxngdikhxngfaysmphnthmitr samkxngthphthuksngiprbkbfinaelnd sungmirupkhbwnpunelkxngkhrks guards rifle thimiprasbkarnrwmxyudwycanwnmak karekhatiecaaaenwtngrbkhxngfinaelndidthi Valkeasaari emuxwnthi 10 mithunayn aelakxngkalngfinaelndrnthxyipyngaenwpxngknxndbrxng aenwwithi karekhatikhxngosewiytidrbkarsnbsnuncakkarradmyingkhxngpunihyhnk karthingraebidthangxakasaelakxngkalngyanekraa aenwwithithukecaaemuxwnthi 14 mithunayn aelahlngkartiottxbthilmehlwin Kuuterselka odykxngphlyanekraafinaelnd karpxngknkhxngfinaelndcatxngthukdungklbipyngaenwwiekhthi hlngkarsurbxyanghnkinyuththkar Tali Ihantala aela Ilomantsi inthisudkalngfinaelndksamarthhyudkarekhatikhxngosewiytid inopaelnd emuxkxngthphaedngmathung kxngthphpxngknchatiopaelnd AK epidchakptibtikarethmephst rahwangkarkxkarkaeribopaelnd kxngthphaednghyudthiaemnawistula imsamarthhruximmiectnacaekhamachwyehluxkartxtankhxngopaelndid khwamphyayamkhxngkxngthphopaelndthi 1 thikhxmmiwnistkhwbkhum thicapldplxynkhrimidrbkarsnbsnuncakkxngthphaedngaelathukkarabineduxntulakhmodyidrbkhwamsuyesiyxyanghnk insolwaekiy karkxkarkaeribaehngchatisolwaekiyerimkhundwykartxsudwyxawuthrahwangkalngewrmkhthkhxngeyxrmnikbkxngkalngkbtsolwaekiytngaeteduxnsinghakhmthungtulakhm kh s 1944 vduibimrwng 1944 emuxwnthi 8 knyayn pi kh s 1944 kxngthphaedngidocmtithidkla phasbriewnchayaednrahwangsolwaekiy opaelnd sxngeduxntxma kxngthphosewiytidrbchychnaaelaekhluxnthphekhasusolwaekiy canwnkhwamesiyhaythnghmdsungmak thharkxngthphaedngesiychiwitip 2 hmunnay rwmthngeyxrmnhlayphnnay chawsolwkaelachawechk phayitcakkarphlkdnkhxngosewiytrukthaelbxltik kxngthphklumtxnehnuxidthxntwxxkcakkarsurbthisaerma khuraelndaela Memel mkrakhm emsayn 1945 karrukkhxngosewiyttngaetwnthi 1 mkrakhm 1945 thung 11 phvsphakhm 1945 thung 30 minakhm 1945 thung 11 phvsphakhm 1945 shphaphosewiytekhasukrungwxrsxinthisud emuxwnthi 17 mkrakhm kh s 1945 hlngthukthalayaelalathingodyeyxrmni epnewlasamwnbnaenwrbkwangsungprakxbdwysiaenwrbkxngthph kxngthphaedngerimkarrukkhamaemnanaaerfaelacakkrungwxrsx fayosewiytmicanwnehnuxkwafayeyxrmniodyechliy khux kalngphlpramanhathunghktxhnung punihyhktxhnung rththnghktxhnung aelapunihyxttacrsitxhnung hlngphanipsiwn kxngthphaedngerimekhluxnthiidsamsibthungsisibkiolemtrtxwn yudrthbxltik dnsik prsesiytawnxxk phxsnan aelasthapnaaenwrbhangcakkrungebxrlinipthangtawnxxkhksibkiolemtrtamaemnaoxedxr rahwanghwngkarrukwistula oxexretm 23 wn kxngkalngkxngthphaedngmikalngphlsuyesiythngsin 194 191 nay esiychiwit badecbaelasuyhay aelaesiyrththngaelarthpunihyxttacr 1 267 khn wnthi 25 mrakhm kh s 1945 hitelxrepliynchuxsamklumkxngthph kxngthphklumehnuxepnkxngthphklumkhurlnd kxngthphklumklangepnkxngthphklumehnux aelakxngthphklumxaepnkxngthphklumklang kxngthphklumehnux hruxkxngthphklumklangedim thukkhbipxyuinwnglxmkhnadelkkwaedimrxbekhxnichsaebrkhinprsesiytawnxxk kartiottxbthicakd michuxrhswa ptibtikarxayn odykxngthphklumwistulathiephingtngihm phayitkarbngkhbbychakhxngirchsfuxaerr exsexs ihnrich himmelxr lmehlwemuxwnthi 24 kumphaphnth aelafayosewiytkhbekhasuophemraeniyaelakwadlangfngtawnxxkkhxngaemnaoxedxr thangit khwamphyayamsamhnkhxngeyxrmniinkaraekikhbudaepstthithuklxmlmehlwaelankhrnnesiyihaekosewiytemuxwnthi 13 kumphaphnth wnthi 6 minakhm eyxrmnitiottxbxikkhrng hitelxryunkranpharkicthiepnipimidinkaryudaemnadanubkhun wnthi 16 minakhm karekhatilmehlwaelakxngthphaedngtiottxbinwnediywkn wnthi 30 minakhm osewiytekhasuxxsetriyaelayudkrungewiynnaidemuxwnthi 13 emsayn OKW xang khwamsuyesiykhxngeyxrmnithi thharesiychiwit 77 000 nay badecb 334 000 nay aelasuyhay 292 000 nay rwmthngsin 703 000 nay bnaenwrbdantawnxxkrahwangeduxnmkrakhmaelakumphaphnth kh s 1945 wnthi 9 emsayn kh s 1945 ekhxnichsaebrkhinprsesiytawnxxkesiyaekkxngthphaednginthisud aemswnthiehluxyuthikracdkracaykhxngkxngthphklumklangyngtxtanthisndxncangxywistulaaelakhabsmuthrehlkrathngsinsudsngkhraminyuorp ptibtikarprsesiytawnxxk aemmkthukbdbngdwyptibtikarwistula oxedxraelayuththkarebxrlininphayhlng xnthicringaelwepnhnunginptibtikarihythisudaelanxngeluxdthisudodykxngthphaedngtlxdsngkhram rahwangptibtikardngklaw 13 mkrakhm 25 emsayn kxngthphaedngmikalngphlsuyesiy 584 788 nay aelaesiyrththngaelarthpunihyxttacr 3 525 khn karesiyekhxnichsaebrkhthaihstfkaplxyihaenwrbeblarusthi 2 khxngphlexkkhxnstntin orkhxssxfskiekhluxnthimathangtawntkthungfngtawnxxkkhxngaemnaoxexr rahwangsxngspdahaerkkhxngeduxnemsayn fayosewiytcdkarwangkalngihmaenwrbxyangerwthisudinsngkhram phlexkekxxrki cukhxfrwmkalngaenwrbeblarusthi 1 khxngekha sungthukwangkalngtamaemnaoxedxrcakaefrngkefirtthangitipcnthungbxltik ekhaipinphunthihnathisungsiolw khnathikxngthphaedngkalngwangkalngihm chxngwangsungehluxxyuinaenwrbaelaswnthiehluxkhxngkxngthphthi 2 khxngeyxrmnisungthukpidkninwnglxmikldnsik cdkarhlbhnikhamaemnaoxedxrid thangit phlexkxiwan okhenfyayswnihykhxngaenwrbyuekhrnthi 1 xxkcakxpepxrsielesiytawntkechiyngehnuxipyngaemnanisesx aenwrbosewiytsamaenwrbrwmknmikalng 2 5 lannay rwmthngthhar 78 556 nayaehngkxngthphopaelndthi 1 rththng 6 250 khn xakasyan 7 500 la punihyaelapunkhrk 41 600 krabxk ekhruxngplxycrwdkhthyuchatidtngbnrthbrrthuk 3 255 khn aelayanynt 95 383 khn yutisngkhram emsayn phvsphakhm 1945 singthiosewiytyngehluxtxngtha khux epidchakkarrukephuxyudeyxrmnitxnklang sungcamaepneyxrmnitawnxxkhlngsngkhram karrukkhxngosewiytmiwtthuprasngkhsxngkhx ephraakhwamaekhlngickhxngstalinekiywkbectnakhxngsmphnthmitrtawntkthicasngmxbdinaednthitnyudkhrxnginekhtyudkhrxngosewiythlngsngkhram karrukcungcaepnaenwrbkwangaelacaekhluxnthiiherwthisudethathiepnipidipthangtawntk ephuxphbkbsmphnthmitrtawntkihelyipthangtawntkthisud aetwtthuprasngkhkhxthisakhykwa khux yudkrungebxrlin thngsxngwtthuprasngkhnietimetmsungknephraakarkhrxbkhrxngdinaedncaimsamarthphichitidodyerwhakkrungebxrlinimthukyud xikkarphicarnahnung khux krungebxrlinmiekhruxngmuxthangyuththsastr rwmthngxdxlf hitelxraelaokhrngkarraebidxatxmkhxngeyxrmni karrukephuxyudeyxrmnitxnklangaelakrungebxrlinerimtngaetwnthi 16 emsayn dwykarocmtiaenwrbeyxrmnitrngaemnaoxedxraelanises hlngkarsurbxyanghnkhlaywn aenwrbeblarusthi 1 aelaaenwrbyuekhrnthi 1 epidchxngphanaenwrbeyxrmniaelakracdkracaythweyxrmnitxnklang cnthungwnthi 24 emsayn swntang khxngaenwrbeblarusthi 1 aelaaenwrbyuekhrnthi 1 saerckarlxmkrungebxrlinaelayuththkarebxrlinekhasukhnsudthay wnthi 25 emsayn aenwrbeblarusthi 2 ecaaphanaenwkhxngkxngthphaephnesxrthi 3 khxngeyxrmnithangitkhxngsethththin txnnicungmixisrainkarekhluxnthiipthangtawntkmungsuklumkxngthphthi 21 khxngxngkvs aelathangehnuxsuthabxltiksthrlsund kxngphlpunelkyawxngkhrksthi 58 khxngkxngthphxngkhrksthi 5 tidtxkbkxngphlthharrabthi 69 khxngkxngthphthi 1 iklkbthxreka praethseyxrmni iklkbaemnaexlebx wnthi 29 aela 30 emsayn emuxkalngosewiytsurbekhaipyngicklangkrungebxrlin xdxlf hitelxrsmrskbexwa ebran aelacaknnthaxtwinibatkrrmodythanisyaindaelayingtwtay ehlmuth iwdling phubychakarkarpxngknkrungebxrlin yxmcannnkhraekosewiytemuxwnthi 2 phvsphakhm thnghmd ptibtikarebxrlin 16 emsayn 2 phvsphakhm kxngthphaedngesiykalngphl 361 367 nay esiychiwit suyhay badecbaelapwy aelarththngaelarthpunihyxttacr 1 997 khn khwamsuyesiykhxngeyxrmniinsngkhramyngepnipimidthicakhnkhwamcringxyangnaechuxthux emuxewla 2 41 n khxngwnthi 7 phvsphakhm 1945 thikxngbychakarthharsungsudkalngrbnxkpraethsfaysmphnthmitr SHAEF esnathikareyxrmni phlexk xlefrd oyld lngnamintrasaryxmcannxyangimmienguxnikhaekkalngeyxrmnithnghmdaekfaysmphnthmitr sungmiwliwa thukkalngphayitkarkhwbkhumkhxngeyxrmnicayutiptibtikarthiyngdaeninxyuemuxewla 23 01 n tamewlayuorpklangkhxngwnthi 8 phvsphakhm 1945 imnankxnethiyngkhunkhxngwnrungkhun cxmphl wilehlm ikhethl yakarlngnaminkrungebxrlinthikxngbychakarkhxngcukhxf epnkaryutisngkhraminthwipyuorp kxngthphklumklangkhxngeyxrmniptiesththicayxmcanninkhntnaelayngsurbtxipinechoksolwaekiykrathngwnthi 11 phvsphakhmphllphthswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidkhwamsuyesiyswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidduephimwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb aenwrbdantawnxxk sngkhramolkkhrngthisxng echingxrrthI odyrwmaelw chatiphnthmitrkhxngeyxrmniidihkhwamsnbsnunthangdankalngkhnaelayuthothkrncanwnmakaekthharinaenwhna nxkcakniyngidmikareknththharmacaktangpraethsxik odyhnwythharthimichuxesiyngidaek kxngphlsinaenginkhxngsepn II kxngthphopaelndthangtawnxxkaelarthitdinopaelndsurwmkbkxngthphaedng nbtngaet kh s 1943 cakshphaphosewiytcnthungebxrlin shphaphosewiytyngideknthhnwythhartangchati echoksolwaekiy ormaeniyaelarthbxltikshrthxemrikaaelashrachxanackryngidihkhwamchwyehluxbangswnaekshphaphosewiyt aelayngidrbkhwamchwyehluxthangthharelknxycakechoksolwaekiy III tamkhxmulkhxng ci ix khriowecheyf inaenwrbdantawnxxk praethsfayxksaaelakhusngkhramrwmkhxngeyxrmnisuyesiythhar 1 468 145 nay esiychiwithruxsuyhay 668 163 nay echphaaeyxrmnipraethsediywsuyesiythharip 7 181 000 nay esiychiwithruxsuyhay 3 604 800 nay aelamiechlysukesiychiwitip 579 900 khninkarkhwbkhumkhxngosewiyt dngnn canwnthharthiesiychiwitaelasuyhayinaenwrbdantawnxxk kh s 1941 1945 khxngfayxksacungxyuthi 4 8 lannay kwakhrungkhxngkarsuyesiychiwitthharthnghmdkhxngfayxksainsngkhramolkkhrngthisxng rwmthngekhtsngkhramexechiyaepsifik fayshphaphosewiytsuyesiythharip 10 5 lannay rwmthngechlysukinkarkhwbkhumkhxngeyxrmni tamkhxmulkhxngwadim exiyrlikhmn canwnthharesiychiwitkhxngthngsxngfayrwmknraw 15 lannay makkwaekhtsngkhramxun insngkhramolkkhrngthisxngmak inaehlngkhxmulediywkn canwnphleruxnosewiytthiesiychiwitinphrmaednhlngsngkhramxyuthi 15 7 lankhn canwnphleruxnthiesiychiwitinpraethsyuorpklangxunaelakhwamsuyesiyphleruxneyxrmnimrwmxyudwyxangxingBeevor Stalingrad Penguin 2001 ISBN 0 14 100131 3 p183 Toomas Alatalu Tuva A State Reawakens Soviet Studies Vol 44 No 5 1992 pp 881 895 Die Ostfront 1941 1945 eyxrmn Der Russlandfeldzug eyxrmn 2 Weltkrieg eyxrmn Bellamy 2007 p xixharvnb error no target CITEREFBellamy2007 Malksoo Lauri 2003 Illegal Annexation and State Continuity The Case of the Incorporation of the Baltic States by the USSR Leiden Boston Brill ISBN 9041121773 Robert Gellately Reviewed work s Vom Generalplan Ost zum Generalsiedlungsplan by Czeslaw Madajczyk Der Generalplan Ost Hauptlinien der nationalsozialistischen Planungs und Vernichtungspolitik by Mechtild Rossler Sabine Schleiermacher Central European History Vol 29 No 2 1996 pp 270 274 John Connelly Nazis and Slavs From Racial Theory to Racist Practice Central European History Vol 32 No 1 1999 pp 1 33 Jonathan Steinberg The Third Reich Reflected German Civil Administration in the Occupied Soviet Union 1941 4 The English Historical Review Vol 110 No 437 June 1995 pp 620 651 The Wannsee Conference Protocol source John Mendelsohn ed The Holocaust Selected Documents in Eighteen Volumes Vol 11 The Wannsee Protocol Literature of the Holocaust university of pennsylvania subkhnemux 2009 01 05 Gerlach Christian 1998 The Wannsee Conference the Fate of German Jews and Hitler s Decision in Principle to Exterminate All European Jews The Journal of Modern History 70 4 759 812 doi 10 1086 235167 Powell Elwin Humphreys The Design Of Discord p 192 Gerhard Weinberg The Foreign Policy of Hitler s Germany Diplomatic Revolution in Europe 1933 36 Chicago University of Chicago Press 1970 pages 346 Jurado Carlos Caballero and Ramiro Bujeiro The Condor Legion German Troops in the Spanish Civil War Osprey Publishing 2006 ISBN 1841768995 page 5 6 Robert Melvin Spector World Without Civilization Mass Murder and the Holocaust History and Analysis pg 257 Michael Lind Vietnam the necessary war a reinterpretation of America s most disastrous military conflict Simon and Schuster 2002 ISBN 0684870274 9780684870274 p 59 Bolloten Burnett 1991 The Spanish Civil War revolution and counterrevolution University of North Carolina Press p 483 ISBN 0807819069 Max Beloff Soviet Foreign Policy 1929 41 Some Notes Soviet Studies Vol 2 No 2 October 1950 pp 123 137 Albert Resis The Fall of Litvinov Harbinger of the German Soviet Non Aggression Pact Europe Asia Studies Vol 52 No 1 January 2000 pp 33 56 Teddy J Uldricks Stalin and Nazi Germany Slavic Review Vol 36 No 4 December 1977 pp 599 603 Michael Jabara Carley End of the Low Dishonest Decade Failure of the Anglo Franco Soviet Alliance in 1939 Europe Asia Studies Vol 45 No 2 1993 pp 303 341 Derek Watson Molotov s Apprenticeship in Foreign Policy The Triple Alliance Negotiations in 1939 Europe Asia Studies Vol 52 No 4 June 2000 pp 695 722 Zhukov Georgy 1972 Vospominaniya i razmyshleniya Moscow Agenstvo pechati Novosti Zhilin P A ed 1973 Velikaya Otechestvennaya voyna Moscow Izdatelstvo politicheskoi literatury a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a first michuxeriykthwip help Shirer 1990 p 852 Tartu in the 1941 Summer War 2011 09 27 thi ewyaebkaemchchin By Major Riho Rongelep and Brigadier General Michael Hesselholt Clemmesen 2003 Baltic Defence Review 9 Peeter Kaasik Mika Raudvassar 2006 Estonia from June to October 1941 Forest Brothers and Summer War in Toomas Hiio Meelis Maripuu Indrek Paavle b k Estonia 1940 1945 Reports of the Tallinn pp 495 517 Alan F Wilt Hitler s Late Summer Pause in 1941 Military Affairs Vol 45 No 4 December 1981 pp 187 191 Russel H S Stolfi Barbarossa Revisited A Critical Reappraisal of the Opening Stages of the Russo German Campaign June December 1941 The Journal of Modern History Vol 54 No 1 March 1982 pp 27 46 Indrek Paavle Peeter Kaasik 2006 Destruction battalions in Estonia in 1941 in Toomas Hiio Meelis Maripuu Indrek Paavle b k Estonia 1940 1945 Reports of the Estonian International Commission for the Investigation of Crimes Against Humanity Tallinn pp 469 493 Lenin Stalin and Hitler The Age of Social Catastrophe 2007 ISBN 1400040051 p 391 Shirer 1990 p 925 926 Shirer 1990 p 927 928 David M Glantz 2002 The Battle for Leningrad 1941 1944 Lawrence University Press of Kansas ISBN 978 0 7006 1208 6 Estonia Sept 21 Bulletin of International News by Royal Institute of International Affairs Information Dept Estonian Ministry of Foreign Affairs 2006 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2009 08 21 subkhnemux 2012 06 23 G I Krivosheev Soviet Casualties and Combat Losses Greenhill 1997 ISBN 1 85367 280 7 Mart Laar 2006 Sinimaed 1944 II maailmasoja lahingud Kirde Eestis Sinimaed Hills 1944 Battles of World War II in Northeast Estonia phasaexsoteniy Tallinn Varrak Ian Baxter 2009 Battle in the Baltics 1944 1945 the fighting for Latvia Lithuania and Estonia a photographic history Solihull West Midlands Helion amp Company Ltd Estonian State Commission on Examination of Policies of Repression 2005 PDF Estonian Encyclopedia Publishers khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2013 01 14 subkhnemux 2013 01 01 Toomas Hiio 1999 Combat in Estonia in 1944 In Toomas Hiio Meelis Maripuu Indrek Paavle Eds Estonia 1940 1945 Reports of the Estonian International Commission for the Investigation of Crimes Against Humanity Tallinn Hastings Max Armageddon The Battle for Germany 1944 1945 Vintage Books USA Ziemke Berlin see References page 71 Beevor Berlin Page 138 Beevor Berlin pp 217 233 Ziemke Berlin page 81 111 Beevor Berlin pp 259 357 380 381 Khrivosheev 1997 pp 219 220harvnb error no target CITEREFKhrivosheev1997 Ziemke occupation CHAPTER XV The Victory Sealed Page 258 last paragraph Ziemke Berlin p 134 Romuald J Misiunas Rein Taagepera The Baltic States Years of Dependence 1940 1990 Hurst amp Company London U K 1993 Soviet Casualties and Combat Losses Greenhill 1997 ISBN 1 85367 280 7 Poteri narodonaseleniia v XX veke spravochnik Moscow 2004 ISBN 5 93165 107 1brrnanukrmAntony Beevor Berlin The Downfall 1945 Penguin Books 2002 ISBN 0 670 88695 5 Ziemke Earl F Battle For Berlin End Of The Third Reich NY Ballantine Books London Macdomald amp Co 1969 Ziemke Earl F The U S Army in the occupation of Germany 1944 1946 Center of Military History United States Army Washington D C 1990 Library of Congress Catalog Card Number 75 619027 CHAPTER XV The Victory Sealed Surrender at ReimshnngsuxxanephimetimAnderson Dunkan et al The Eastern Front Barbarossa Stalingrad Kursk and Berlin Campaigns of World War II lingkesiy London Amber Books Ltd 2001 ISBN 0 7603 0923 X Antony Beevor Artemis Cooper Stalingrad The Fateful Siege 1942 1943 New York Penguin Books Ltd 1998 ISBN 0140284583 Beevor Antony Berlin The Downfall 1945 New York Penguin Books Ltd 2004 ISBN 0141017473 Erickson John The Road to Stalingrad New York Orion Publishing Group Ltd 2007 ISBN 0304365416 Erickson John The Road to Berlin New York Orion Publishing Group Ltd 2007 ISBN 978 0304365401 Erickson John and David Dilks Barbarossa the Axis and the Allies Edinburgh Edinburgh University Press 1995 ISBN 0748605045 David Glantz Jonathan M House When Titans Clashed How the Red Army stopped Hitler Lawrence Kansas University Press of Kansas Reprint edition 1998 ISBN 0700608990 Glantz David The Soviet German War 1941 45 2011 06 17 thi ewyaebkaemchchin Myths and Realities A Survey Essay Heinz Guderian Panzer Leader Da Capo Press Reissue edition New York Da Capo Press 2001 ISBN 0 306 81101 4 Max Hastings Armageddon The Battle for Germany 1944 1945 Vintage Books USA 2005 ISBN 0375714227 David Irving Hitler s War Reissue edition Avon Books 1990 ISBN 0380758067 Basil Liddell Hart History of the Second World War United States of America De Capo Press 1999 ISBN 0306809125 Lubbeck William and David B Hurt At Leningrad s Gates The Story of a Soldier with Army Group North Philadelphia Casemate 2006 ISBN 1 932033 55 6 Muller Rolf Dieter and Gerd R Ueberschar Hitler s War in the East 1941 1945 A Critical Assessment Berghahn Books 1997 ISBN 1 57181 068 4 Richard Overy Russia s War A History of the Soviet Effort 1941 1945 New Edition New York Penguin Books Ltd 1998 ISBN 0140271694 Seaton Albert The Russo German War 1941 1945 Reprint edition Presidio Press 1993 ISBN 0891414916 F W Winterbotham The Ultra Secret New Edition Orion Publishing Group Ltd 2000 ISBN 0752837516 aehlngkhxmulxunProf Richard Overy writes a summary about the eastern front for the BBC Rarities of the USSR photochronicles Great Patriotic War 1941 1945 Borodulin Collection Excellent set of war photos Russian veterans of World War II memories In English and Russian 2007 01 02 thi ewyaebkaemchchin OnWar maps of the Eastern Front 2004 06 05 thi ewyaebkaemchchin Memories of Leutnant d R Wilhelm Radkovsky 1940 1945 Experiences as a German soldier on the Eastern and Western Front Pobediteli Eastern Front flash animation photos video interviews memorials Written from a Russian perspective Feldgrau com 2012 07 16 thi ewyaebkaemchchin The German Armed Forces 1919 1945 Information about the Eastern front up to September 1943 2007 09 29 thi ewyaebkaemchchin RKKA in World War II 2011 03 16 thi ewyaebkaemchchin