กรดน้ำส้ม หรือ กรดแอซีติก (อังกฤษ: acetic acid) หรือมีชื่อตามระบบว่า กรดเอทาโนอิก เป็นสารประกอบอินทรีย์ในสถานะของเหลวไร้สี มีสูตรเคมีว่า CH3COOH (บ้างเขียนเป็น CH3CO2H หรือ C2H4O2) น้ำส้มสายชูมีกรดแอซีติกตั้งแต่ 4% ต่อปริมาตรขึ้นไป ทำให้กรดแอซีติกเป็นส่วนประกอบหลักของน้ำส้มสายชูนอกจากน้ำ กรดแอซีติกยังมีรสเปรี้ยวและกลิ่นฉุนเฉพาะตัว นอกจากน้ำส้มสายชูในครัวเรือนแล้ว ยังมีการผลิตกรดแอซีติกเป็นสารตั้งต้นของพอลีไวนิลแอซีเตด และเซลลูโลสแอซีเตด จัดเป็นกรดอ่อนเนื่องจากแตกตัวบางส่วนในสารละลาย แต่กรดแอซีติกเข้มข้นมีฤทธิ์กัดกร่อนและสามารถระคายเคืองผิวหนังได้
| |||
| |||
ชื่อ | |||
---|---|---|---|
กรดแอซีติก | |||
ชื่ออื่น น้ำส้มสายชู (เมื่อเจือจาง); ไฮโดรเจนแอซิเตต (Hydrogen acetate; HAc); กรดมีเทนคาร์บอกซิลิก (Methanecarboxylic acid) | |||
เลขทะเบียน | |||
| |||
3D model () |
| ||
3DMet |
| ||
ตัวย่อ | AcOH | ||
506007 | |||
| |||
| |||
เคมสไปเดอร์ |
| ||
ดรักแบงก์ |
| ||
100.000.528 | |||
| |||
เลขอี | E260 | ||
1380 | |||
| |||
| |||
MeSH | Acetic+acid | ||
ผับเคม CID |
| ||
| |||
| |||
UN number | 2789 | ||
(EPA) |
| ||
| |||
| |||
คุณสมบัติ | |||
C2H4O2 | |||
มวลโมเลกุล | 60.052 g·mol−1 | ||
ลักษณะทางกายภาพ | ของเหลวไร้สี | ||
กลิ่น | เหมือนน้ำส้มสายชู | ||
ความหนาแน่น | 1.049 g cm−3 (เหลว); 1.27 g cm−3 (แข็ง) | ||
จุดหลอมเหลว | 16–17 องศาเซลเซียส; 61–62 องศาฟาเรนไฮต์; 289–290 เคลวิน | ||
จุดเดือด | 118–119 องศาเซลเซียส; 244–246 องศาฟาเรนไฮต์; 391–392 เคลวิน | ||
เข้ากันได้ | |||
-0.28 | |||
ความดันไอ | 11.6 mmHg (20 °C) | ||
4.756 | |||
เบส | แอซิเตต | ||
(χ) | -31.54·10−6 cm3/mol | ||
ดัชนีหักเหแสง (nD) | 1.371 (VD = 18.19) | ||
ความหนืด | 1.22 mPa s | ||
1.74 D | |||
อุณหเคมี | |||
ความจุความร้อน (C) | 123.1 J K−1 mol−1 | ||
(S⦵298) | 158.0 J K−1 mol−1 | ||
(ΔfH⦵298) | -483.88–483.16 kJ mol−1 | ||
(ΔcH⦵298) | -875.50–874.82 kJ mol−1 | ||
เภสัชวิทยา | |||
(WHO) S02AA10 | |||
ความอันตราย | |||
: | |||
อันตราย | |||
H226, H314 | |||
P280, P305+P351+P338, P310 | |||
NFPA 704 (fire diamond) | |||
40 องศาเซลเซียส (104 องศาฟาเรนไฮต์; 313 เคลวิน) | |||
427 องศาเซลเซียส (801 องศาฟาเรนไฮต์; 700 เคลวิน) | |||
4–16% | |||
ปริมาณหรือความเข้มข้น (LD, LC): | |||
LD50 () | 3.31 g kg−1, oral (rat) | ||
LC50 () | 5620 ppm (mouse, 1 hr) 16000 ppm (rat, 4 hr) | ||
(US health exposure limits): | |||
(Permissible) | TWA 10 ppm (25 mg/m3) | ||
(Recommended) | TWA 10 ppm (25 mg/m3) ST 15 ppm (37 mg/m3) | ||
(Immediate danger) | 50 ppm | ||
สารประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องกัน | |||
กรดคาร์บอกซิลิกที่เกี่ยวข้อง | กรดฟอร์มิก | ||
สารประกอบที่เกี่ยวข้อง | เอทานอล | ||
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa อ้างอิงกล่องข้อมูล |
กรดแอซีติกเป็นกรดคาร์บ็อกซิลิกที่เรียบง่ายที่สุดเป็นอันดับสอง (รองจากกรดฟอร์มิก) ประกอบด้วยหมู่เมทิลต่อกับหมู่คาร์บ็อกซิล กรดแอซีติกเป็นสารเคมีสำคัญและสารเคมีอุตสาหกรรม ซึ่งใช้เป็นหลักในการผลิตเซลลูโลสแอซีเตดสำหรับภาพยนตร์ภาพถ่าย พอลีไวนิลแอซีเตดสำหรับกาวทาไม้ และใยและเส้นใยสังเคราะห์ ในครัวเรือน กรดแอซีติกเจือจางใช้เป็นสารขจัดตะกรัน
การตั้งชื่อ
นักเคมีและสหภาพเคมีบริสุทธิ์และเคมีประยุกต์ระหว่างประเทศ (IUPAC) นิยมใช้ชื่อสามัญ "กรดแอซีติก" ขณะที่ชื่อตามระบบคือ "กรดเอทาโนอิก" ชื่อกรดแอซีติกมีรากศัพท์มาจากคำภาษาลาติน acetum แปลว่าน้ำส้มสายชู
กรดแกลเชียลแอซีติก เป็นชื่อสำหรับกรดแอซีติกที่ (anhydrous) โดยชื่อนี้ (ซึ่งความหมายคล้ายกับคำภาษาเยอรมัน Eisessig แปลว่าน้ำแข็งน้ำส้มสายชู) มาจากโครงสร้างผลึกที่มีลักษณะคล้ายน้ำแข็ง ซึ่งก่อตัวเมื่อต่ำกว่าอุณภูมิห้องเล็กน้อยที่ 16.6 องศาเซลเซียส (61.9 องศาฟาเรนไฮต์) (น้ำ 0.1% ทำให้จุดหลอมเหลวชองสารลดลง 0.2 °C)
เครื่องหมายสามัญของกรดแอซีติกคือ AcOH โดยที่ Ac เป็นสัญลักษณ์แทน (acetyl group) CH
3−C(=O)− ในขณะที่มีคู่เบสเป็นแอซิเตตไอออน CH
3COO− และแทนโดย AcO− (ในที่นี้ Ac ไม่ใช่สัญลักษณ์ของธาตุแอกทิเนียม) โครงสร้างเคมีของกรดแอซีติกมักเขียนดังนี้ CH
3–C(O)OH CH
3−C(=O)OH CH
3COOH และ CH
3CO
2Hเมื่อกล่าวถึง มักใช้สัญลักษณ์ HAc โดยที่ Ac แทนเป็นแอซิเตตไอออน แอซิเตตคือไอออนที่เกิดจากการที่กรดแอซีติกเสีย H+
ชื่อแอซิเตตอาจเป็นเกลือที่มีแอนไอออนหรือเอสเทอร์ของกรดแอซีติก
คุณสมบัติ
ความเป็นกรด
ไฮโดรเจนอตอมใน (−COOH) ในกรดคาร์บอกซิลิกเช่น กรดแอซีติก สามารถแยกตัวออกจากโมเลกุลด้วยวิธีไอออไนเซชัน (ionization):
- CH3CO2H ⇌ CH3CO2− + H+
กรดแอซีติกมีความเป็นกรดเพราะสามารถแตกตัวในน้ำและให้โปรตอน (H+) กรดแอซีติกเป็นกรดอ่อนที่สามารถให้โปรตอนได้เพียงตัวเดียว (monoprotic acid) กรดแอซีติกในสารละลายมี = 4.76 (ค่าคงที่การแตกตัวของกรด)คู่เบสของกรดนี้คือแอซิเตตไอออน (CH3COO−) สารละลายที่มีความเข้มข้น 1.0 M (เทียบเท่ากับความเข้มข้นของน้ำส้มสายชูทั่วไป) มี pH =2.4 ซึ่งบ่งบอกว่ามีเพียงแค่ 0.4% โมเลกุลของกรดแอซีติกที่แตกตัว แต่ทว่าถ้าสารละลายมีความเข้มข้นที่ต่ำมาก (< 10−6 M) ค่าการแตกตัวของโมเลกุลกรดแอซีติกเพิ่มขึ้นมากกว่า 90%
โครงสร้างสาร
โมเลกุลของแข็งของกรดแอซีติกก่อตัวเป็นห่วงโซ่ โดยที่โมเลกุลแต่ล่ะอันต่อกันด้วยพันธะไฮโดรเจน โมเลกุลแก๊สกรดแอซีติกจะเชื่อมและสร้างโครงสร้างเมื่อมีอุณภูมิถึง 120 องศาเซลเซียส (248 องศาฟาเรนไฮต์) โครงสร้างไดเมอร์ของกรดแอซีติกเกิดขึ้นในสถานะของเหลวเช่นกันเมื่อสารละลายมีความเข้มข้นของกรดน้อยและตัวทำละลายที่ไม่สร้างพันธะไฮโดรเจน เกิดขึ้นในกรดแอซีติกบริสุทธิ์เล็กน้อยแต่โครงสร้างมักจะถูกรบกวนโดยตัวทำละลายที่สร้างพันธะไฮโดรเจน เอนทาลปีการแยกตัวของโครงสร้างไดเมอร์มีค่าประมาณ 65.0–66.0 kJ/mol เอนโทรปีการแยกตัวมีค่าประมาณ 154–157 J mol−1 K−1 กรดคาร์บอกซิลิกชนิดอื่นมีพฤติกรรมการสร้างพันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลคล้ายคลึงกับกรดแอซีติก
คุณสมบัติของตัวทำละลาย
กรดแอซิติกในสถานะของเหลวเป็นตัวทำละลายที่ละลายในน้ำได้ดี (เนื่องจากมีขั้ว) และสามารถให้โปรตอนได้ เช่นเดียวกับเอทานอลและน้ำ เนื่องจากกรดแอซิติกมีค่าคงที่ไดอิเล็กทริก (dielectric constant) ในระดับปานกลางเท่ากับ 6.2 ทำให้กรดแอซิติกสามารถละลายได้ทั้งในสารที่มีขั้วเช่น เกลืออนินทรีย์และน้ำตาล และสารที่ไม่มีขั้วเช่น น้ำมัน สารละลายที่ได้จากการผสมของกรดแอซิติกและตัวทำละลายที่มีขั้วและไม่มีเช่น น้ำ คลอโรฟอร์ม และเฮกเซน เป็นสารเนื้อเดียว แต่ทว่าเมื่อผสมกรดแอซิติกกับตัวทำลายที่มีความเป็นด่างสูงเช่น (octane) สารละลายที่ได้จะเป็นสารเนื้อผสม นอกจากนี้ความสามารถในการสร้างสารเนื้อเดียวเมื่อผสมกรดแอซิติกกับตัวทำละลายจะน้อยลงเมื่อตัวทำละลายมีโครงแอลเคนที่ยาว คุณสมบัติตัวทำละลายและการทำให้เป็นเนื้อเดียวของกรดแอซิติกสร้างประโยชน์ให้กับทางอุตสาหกรรมทางเคมีเช่น การนำกรดแอซิติกเป็นตัวทำละลายในการผลิต (Dimethyl terephthalate)
ชีวเคมี
ณ pH ในร่างกาย กรดแอซิติกมักที่จะแยกตัวเป็นโปรตอนและแอซิเตตอย่างสมบูรณ์ ซึ่งได้มากจากกรดแอซิติกเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ แอซิติลโคเอนไซม์ เอ มีความสำคัญในการย่อยสลายอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและไขมัน กรดแอซิติกไม่เหมือนกับกรดคาร์บอกซิลิกที่มีโมเลกุลที่ยาว (กรดไขมัน) ตรงที่ว่ากรดแอซิติกไม่มีอยู่ในไตรกลีเซอไรด์ตามธรรมชาติ แต่ทว่าไตรกลีเซอไรด์ เป็นไตรกลีเซอไรด์เทียมที่มักจะถูกใช้เป็นสารเจือปนอาหาร ประทิ่น และยาทา แบคที่เรียโดยเฉพาะ (Acetobacter) และเชื้อจุลินทรีย์ สามารถผลิตและหลั่งกรดแอซิติกได้ แบคทีเรียเหล่านี้มักจะถูกพบเจอทั่วโลกในอาหาร น้ำ และ ดิน นอกจากนี้กรดแอวิติกสามารถถูกผลิตโดยผลไม้และอาหารอื่น ๆ เมื่อเสีย กรดแอซิติกยังเป็นวัถุดิบสำคัญในการผลิตของมนุษย์และอื่น ๆ โดยกรดแอซิติกมีหน้าที่เป็นยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
การผลิต
การผลิตกรดน้ำส้มในอุตสาหกรรมใช้ทั้งการสังเคราะห์โดยตรงและการหมักโดยแบคทีเรีย ร้อยละ 75 ของกรดแอซิติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมเคมีมาจากปฏิกิริยาคาร์บอนิลเลชันของเมทานอล อีกเพียงร้อยละ 10 มาจากกระบวนการทางชีววิทยา แต่ส่วนนี้มีความสำคัญเนื่องจากกฎหมายควบคุมอาหารในบางสถานที่ บังคับให้น้ำส้มสายชูในอาหารต้องมาจากธรรมชาติ กระบวนการอื่นประกอบด้วยไอโซเมอไรเซชันเมทิลฟอร์เมท การแปลงซินแก๊สเป็นกรดน้ำส้ม และปฏิกิริยาอ็อกซิเดชันสถานะแก๊สของเอทีลีนและเอทานอล บ่อยครั้งกรดน้ำส้มเป็นผลิตภัณฑ์ข้างเคียงของปฏิกิริยาต่าง ๆ คือ ระหว่างการสังเคราะห์กรดอะครีลิกแคทาลิติกซึ่งไม่เป็นเนื้อเดียวกัน หรือการผลิตกรดแลกติกด้วยการหมัก ในปี 2003–2005 การผลิตกรดน้ำส้มบริสุทธิ์ทั่วโลกรวมมีการประเมินไว้ที่ 5 ล้านตันต่อปี ในจำนวนนี้ราวกึ่งหนึ่งมีการผลิตในสหรัฐ การผลิตของยุโรปอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี และการผลิตของญี่ปุ่นอยู่ที่ 0.7 ล้านตันต่อปี มีการรีไซเคิลอีก 1.5 ล้านตันต่อปี ทำให้ตลาดโลกรวมมีปริมาณ 6.5 ล้านตันต่อปี นับแต่นั้นการผลิตทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 10.7 ล้านตันต่อปี (ในปี 2010) และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ดีมีการทำนายว่าการผลิตดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นในอัตราช้าลง ผู้ผลิตกรดน้ำส้มบริสุทธิ์รายใหญ่สุดของโลก ได้แก่ Celanese และ BP Chemicals
คาร์บอนิลเลชันของเมทานอล
กรดแอซิติกส่วนใหญ่มาจากการทำปฏิกิริยาคาร์บอนิลเลชันของเมทานอล โดยเมทานอลทำปฏิกิริยากับคาร์บอนมอนอกไซด์เกิดเป็นกรดแอซิติกตามสมการ
กระบวนการนี้มีไอโอโดมีเทนเป็นสารตัวกลาง และเกิดขึ้นในสามขั้นตอน จำเป็นต้องใช้คาร์บอนิลโลหะสำหรับปฏิกิริยาคาร์บอนิเลชัน (ขั้นที่ 2)
- CH3OH + HI → CH3I + H2O
- CH3I + CO → CH3COI
- CH3COI + H2O → CH3COOH + HI
มีกระบวนการที่เกี่ยวข้องกันสองกระบวนการสำหรับปฏิกิริยาคาร์บอนิเลชันของเมทานอล ได้แก่ กระบวนการมอนซานโตที่มีโรเดียมเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา และกระบวนการคาติวาที่มีอิริเดียมเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา กระบวนการคาติวานี้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพมากกว่า และเริ่มใช้กันแพร่หลายมากกว่ากระบวนการมอนซานโตแล้ว มีการใช้น้ำเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในกระบวนการทั้งสอง แต่กระบวนการคาติวาใช้น้ำน้อยกว่า ดังนั้นปฏิกิริยาการเลื่อนน้ำ-แก๊สจะถูกระงับ และเกิดผลิตภัณฑ์ข้างเคียงน้อยกว่า
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสภาพกระบวนการ แอซิติกแอนไฮไดรด์อาจถูกผลิตขึ้นจากสถานที่ผลิตเดียวกันโดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาโรเดียม
อ็อกซิเดชันของอะเซตัลดีไฮด์
ก่อนมีการใช้กระบวนการมอนซานโตในเชิงพาณิชย์ กรดน้ำส้มส่วนใหญ่ผลิตขึ้นจากปฏิกิริยาอ็อกซิเดชันของอะเซตัลดีไฮด์ ปัจจุบันกระบวนการนี้ยังเป็นวิธีการผลิตที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับที่ 2 แม้ปกติจะไม่สามารถแข่งขันกับปฏิกิริยาคาร์บอนิเลชันของเมทานอลได้ อะเซตัลดีไฮด์นี้สามารถผลิตได้จากปฏิกิริยาไฮเดรชันของอะเซทีลีน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันมากที่สุดในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20
องค์ประกอบแนฟทาเบาถูกอ็อกซิไดซ์อย่างรวดเร็วโดยอ็อกซิเจนหรืออากาศเกิดเป็นเปอร์อ็อกไซด์ ซึ่งย่อยสลายเป็นกรดน้ำส้ม ดังสมการเคมีที่แสดงด้วยบิวเทน
- 2 C4H10 + 5 O2 → 4 CH3CO2H + 2 H2O
ปฏิกิริยาอ็อกซิเดชันดังกล่าวต้องใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาโลหะ เช่น เกลือแนฟทีเนตของแมงกานีส โคอลต์และโครเมียม
ตรงแบบจะมีการดำเนินปฏิกิริยาที่อุณหภูมิและความดันที่ออกแบบมาให้มีอุณหภูมิสูงสุดที่เป็นไปได้ ขณะที่ยังให้บิวเทนมีสถานะของเหลว สภาพปฏิกิริยาตรงแบบคือ อุณหภูมิ 150 °C และความดัน 55 บรรยากาศ อาจมีผลิตภัณฑ์ข้างเคียงเกิดขึ้นได้ เช่น บิวทาโนน เอทิลแอซิเตด กรดฟอร์มิกและกรดโพรไพโอนิก ผลิตภัณฑ์ข้างเคียงเหล่านี้ยังสามารถขายได้ราคาดี และอาจมีการปรับเปลี่ยนสภาวะของปฏิกิริยาเพื่อให้ผลิตสารเหล่านี้มากขึ้นได้ตามต้องการ อย่างไรก็ดี หากต้องการแยกกรดน้ำส้มจากผลิตภัณฑ์ข้างเคีคยงเหล่านี้จะทำให้กระบวนการมีต้นทุนสูงขึ้น
ภายใต้สภาวะที่คล้ายกันและใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาอย่างเดียวกันกับที่ใช้ในปฏิกิริยาอ็อกซิเดชันของบิวเทน อ็อกซิเจนในอากาศสามารถอ็อกซิไดซ์อะเซตัลดีไฮด์เพื่อผลิตกรดน้ำส้มได้
- 2 CH3CHO + O2 → 2 CH3CO2H
ปฏิกิริยานี้เมื่อใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาสมัยใหม่สามารถมีอัตราผลิตกรดน้ำส้มกว่าร้อยละ 95 ผลิตภัณฑ์ข้างเคียงที่สำคัญ คือ เอทิลแอซิเตด กรดฟอร์มิกและฟอร์มัลดีไฮด์ ทั้งหมดมีจุดหลอมเหลวต่ำกว่ากรดน้ำส้มและสามารถแยกได้อย่างรวดเร็วโดยการกลั่น
ออกซิเดชันของเอทีลีน
อะเซตัลดีไฮด์อาจเตรียมได้จากเอทีลีนด้วยกระบวนการวักเคอร์ แล้วจึงอ็อกซิไดซ์ตามปฏิกิริยาข้างต้น
ในสมัยหลัง บริษัทเคมี โชวะเด็งโกะ ซึ่งเปิดโรงอ็อกซิเดชันเอทีลีนในจังหวัดโออิตะของญี่ปุ่นในปี 1997 เป็นผู้ขายการแปลงเอทีลีนเป็นกรดน้ำส้มโดยใช้ขั้นตอนเดียวและมีราคาถูกกว่า กระบวนการดังกล่าวมีตัวเร่งปฏิกิริยาโลหะพัลเลเดียม เพิ่มเติมจากกรดเฮเทอโรพอลี เช่น กรดซิลิโกทังสติก กระบวนการคล้ายกันยังใช้ตัวเร่งปฏฺิกิริยาโลหะเดียวกันกับกรดซิลิโกทังสติกและซิลิกา
- C2H4 + O2 → CH3CO2H
คาดกันว่าปฏิกิริยานี้แข่งขันได้กับปฏิกิริยาคาร์บอนิเลชันของเมทานอลสำหรับโรงผลิตขนาดเล็กกว่า (1–2.5 แสนตันต่อปี) ขึ้นกับราคาเอทีลีนในท้องถิ่นนั้น ๆ วิธีการนี้จะอาศัยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอ็อกซิเดชันเร่งปฏิกิริยาด้วยแสงเจาะจงแบบใหม่สำหรับอ็อกซิเดชันของเอทีลีนและอีเทนแบบเลือกเป็นกรดน้ำส้ม กระบวนการอ็อกซิเดชันแบบเลือกนี้ต่างจากตัวเร่งปฏิกิริยาอ็อกซิเดชันแบบเดิมตรงที่ใช้แสงยูวีเพื่อผลิตกรดน้ำส้มที่อุณหภูมิและความดันโดยรอบ
การหมักแบบใช้อ็อกซิเจน
ในประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ของมนุษย์ใช้แบคทีเรียในสกุล Acetobacter ผลิตกรดน้ำส้ม ในรูปของน้ำส้มสายชู เมื่อมีอ็อกซิเจนเพียงพอ แบคทีเรียเหล่านี้สามารถผลิตน้ำส้มสายชูได้ได้จากอาหารที่มีแอลกอฮอลหลายอย่าง อาหารที่ใช้เลี้ยงแบคทีเรียกันทั่วไป ได้แก่ ไซเดอร์แอปเปิล ไวน์ และธัญพืช มอลต์ ข้าวหรือมันฝรั่งบดหมัก ปฏิกิริยาเคมีรวมที่เกิดขึ้นจากแบคทีเรียดังกล่าว คือ
- C2H5OH + O2 → CH3COOH + H2O
เมื่อใส่ Acetobacter ลงในสารละลายแอลกอฮอลเจือจาง แล้วเก็บรักษาไว้ในที่อบอุ่นและอากาศถ่ายเท จะเกิดน้ำส้มสายชูเมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่เดือน วิธีการผลิตน้ำส้มสายชูระดับอุตสาหกรรมจะเร่งกระบวนการนี้โดยการเพิ่มปริมาณอ็อกซิเจนให้แก่แบคทีเรีย
น้ำส้มสายชูที่เกิดจากการหมักในยุคแรก ๆ อาจเกิดขึ้นหลังข้อผิดพลาดในกระบวนการผลิตไวน์ ถ้ามีการหมักน้ำผลไม้คั้นใหม่หรือไวน์ใหม่ (must) ที่อุณหภูมิสูงเกิดไป แบคทีเรีย Acetobacter จะเพิ่มจำนวนมากกว่ายีสต์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในองุ่น เมื่อมีอุปสงค์สำหรับน้ำส้มสายชูมากขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการประกอบอาหาร การแพทย์ และการสุขาภิบาล ผู้ผลิตไวน์จึงรู้จักใช้สารอินทรีย์อื่นในการผลิตน้ำส้มสายชูในฤดูร้อนก่อนองุ่นสุกและพร้อมแปรรูปเป็นไวน์ ทว่าวิธีการนี้ใช้เวลานาน และไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป เพราะไม่เข้าใจกระบวนการ
กระบวนการผลิตน้ำส้มสายชูเชิงการค้าสมัยใหม่แรก ๆ คือ "วิธีเร็ว" หรือ "วิธีเยอรมัน" ซึ่งริเริ่มขึ้นในปี 1823 ในกระบวนการนี้ การหมักจะเกิดขึ้นในหอคอยที่อัดแน่นด้วยแผ่นไม้หรือถ่าน อาหารที่มีแอลกอฮอลจะถูกเทลงมาจากยอดหอคอย และเปิดให้อากาศเข้าได้จากด้านล่างด้วยการพาตามธรรมชาติหรือบังคับ กระบวนการนี้มีปริมาณอากาศเพิ่มขึ้นช่วยย่นเวลาการเตรียมน้ำส้มสายชูจากหลายเดือนลงเหลือหลายสัปดาห์
ปัจจุบันน้ำส้มสายชูส่วนใหญ่ผลิตในการเพาะเลี้ยงในถังใต้น้ำ ซึ่งมีการอธิบายครั้งแรกในปี 1949 โดย Otto Hromatka และ Heinrich Ebner ในวิธีการนี้จะมีการหมักแอลกอฮอลในถังที่มีการคนหรือกวนอยู่ตอลดเวลา และมีการใส่อ็อกซิเจนโดยอัดอากาศผ่านสารละลาย การใช้วิธีการสมัยใหม่นี้ทำให้น้ำส้มสายชูที่มีกรดน้ำส้ม 15% สามารถผลิตได้ในเวลา 24 ชั่วโมงในกระบวนการครั้งหนึ่ง หรืออาจถึง 20% ในกระบวนการ 60 ชั่วโมง
การหมักโดยไม่ใช้ออกซิเจน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การใช้งาน
ไวนิลแอซีเตตโมโนเมอร์
กรดแอซิติกถูกใช้ในการผลิต (vinyl acetate monomer) ในปี 2008 การผลิตสารชนิดนี้ถูกคาดการว่าบริโภคกรดแอซิติกจำนวนหนึ่งส่วนสามของการผลิตกรดแอซิติกของโลก ปฏิกิริยานี้เริ่มจากการนำสารในสถานะแก๊ส เอทิลีน ออกซิเจน และกรดแอซีติก มาผ่านด้วยตัวเร่งปฏิกิริยาแพลเลเดียม The reaction consists of ethylene and acetic acid with oxygen over a palladium catalyst, conducted in the gas phase.
- 2 H3C−COOH + 2 C2H4 + O2 → 2 H3C−CO−O−CH=CH2 + 2 H2O
ไวนิล แอซีเตดสามารถรวมตัวเป็นลูกโซ่และกลายเป็นหรือพอลิเมอร์อื่น ๆ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตสีและกาว
การผลิตเอสเตอร์
เอสเทอร์หลักของกรดแอซิติกเช่น (ethyl acetate) (n-butyl acetate) (isobutyl acetate) (propyl acetate) ถูกใช้เป็นตัวทำละลายสำหรับหมึก สี และน้ำยาเคลือบ โดยทั่วไปแอซิติกเอสเทอร์เหล่านี้จะถูกผลิตด้วยปฏิกิริยาเร่งระหว่างกรดแอซิติกและแอลกอฮอล์:
- H3C−COOH + HO−R → H3C−CO−O−R + H2O, (R = หมู่แอลคิล () ทั่วไป)
แต่ทว่าเอสเทอร์ส่วนมากถูกผลิตด้วย โดยใช้ (acetaldehyde) นอกจากนี้เอสเทอร์แอซิเตตถูกใช้เป็นตัวทำละลายสำหรับ (nitrocellulose) สีพ่นอะคริลิคแลคเกอร์ น้ำยาล้างเคลือบผิวไม้ และสีทาไม้ (glycol monoethers) ถูกผลิตโดยใช้เอทิลีนออกไซด์ (ethylene oxide) หรือ (propylene oxide) กับแอลกอฮอล์ และเพื่อมาทำปฏิกิริยากับกรดแอซิติก สามผลิตภัณฑ์หลักจากปฏิกิริยานี้คือ เอทิลีนไกลคอลโมโนเอทิลอีเธอร์แอซิเตต (glycol monoethyl ether acetate, EEA) เอทิลีนไกลคอลโมโนบิวทิลอีเธอร์แอซิเตต (thylene glycol monobutyl ether acetate, EBA) และโพรไพลีนไกลคอลโมโนเมททิลอีเธอร์แอซิเตต (propylene glycol monomethyl ether, PMA, หรือ PGMEA เป็นชื่อที่นิยมใช้ในกระบวนการผลิตสารกึ่งตัวนำ โดยมีสารนี้เป็นตัวทำละลาย) ร้อยละ 15 ถึง 20 ของกรดแอซิเตกทั้งหมดถูกใช้เพื่อการผลิตสารนี้ อีเธอร์แอซิเตต เช่น EEA ถูกพบว่ามีผลอันตรายต่อการสืบพันธุ์ของมนุษย์
แอซิติกแอนไฮดรายด์
(acetic anhydride) เกิดจากการควบแน่นของสองโมเลกุลของกรดแอซิติก เนื่องจากสารชนิดนี้มีการใช้งานที่หลากหลาย ร้อยละ 25 ถึง 30 ของกรดแอซิติกทั้งหมดถูกใช้เพื่อการผลิตสารชนิดนี้ โดยขั้นตอนในการผลิตแอซิติกแอนไฮดรายด์มีการดึงโมเลกุลน้ำออกจากกรดแอซิติกในอุณภูมิ 700- ถึง 750 °C เพื่อให้โมเลกุลมีโครงสร้างเป็น (ketene) หลังจากนั้นคีทีนจะทำปฏิกิริยากรดแอซิติกเพื่อผลิตแอนไฮดรายด์:
- CH3CO2H → CH2=C=O + H2O
- CH3CO2H + CH2=C=O → (CH3CO)2O
แอซิติกแอนไฮดรายด์สามารถทำหน้าที่เป็นสารเพิ่มกลุ่มแอเซทิล (acetylation agent) เพราะฉะนั้นแล้วแอซิติกแอนไฮดรายด์ถูกใช้ในการผลิต (cellulose acetate) ซึ่งเป็นเส้นใยสังเคราะห์ที่ใช้สำหรับผลิตแผ่นถ่ายรูป แอซิติกแอนไฮดรายด์ยังถูกใช้สำหรับผลิตเฮโรอีนและสารประกอบอื่น ๆ
การใช้เป็นตัวทำละลาย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ประโยชน์ทางการแพทย์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อาหาร
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ปฏิกิริยาทางเคมี
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สารอินทรีย์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กรดแอซิติกสามารถทำปฏิกิริยาทั่วไปของกรดคาร์บอกซิลิก เมื่อทำปฏิกิริยากับสารละลายเบสทั่วไปจะให้เกลือแอซิเตตกับน้ำ (เช่น CH3COOH + NaOH → CH3COONa + H2O) หากใช้เบสที่แก่มาก (เช่นพวกออร์กาโนลิเทียม) อาจเกิดการเสียโปรตอนที่ตำแหน่งอัลฟาคาร์บอนด้วย (เช่น CH3COOH + 2CH3Li → LiCH2COOLi + 2CH4) การทำปฏิกิริยารีดักชันกรดแอซิติกให้แอเซตาลดีไฮด์และเอทานอลตามลำดับ กรดแอซิติกสามารถเกิดเป็นอนุพันธ์กรดคาร์บอกซิลิก เช่นแอซิติลคลอไรด์และแอซิติกแอนไฮดรายด์ รวมถึงการเกิดเอสเทอร์กับเอไมด์ เมื่อกรดแอซิติกถูกให้ความร้อนสูงกว่า 440 °C จะสลายตัวให้คาร์บอนไดออกไซด์กับมีเทน หรือคีทีนกับน้ำ:
CH3COOH → CH4 + CO2
CH3COOH → CH2=C=O + H2O
ปฏิกิริยาทางเคมีกับสารอนินทรีย์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กรดแอซิติกมีฤทธิ์กัดกร่อนพอประมาณต่อโลหะ เช่นแมกนีเซียม สังกะสี และเหล็ก เกิดเป็นแก๊สไฮโดรเจนกับเกลือแอซิเตต:
Mg + 2 CH3COOH → (CH3COO)2Mg + H2
สำหรับโลหะอะลูมิเนียม สามารถสร้างชั้นของอะลูมิเนียมออกไซด์ซึ่งทนกรดเคลือบผิวเอาไว้ ในการขนส่งกรดแอซิติกจึงมักบรรจุในภาชนะอะลูมิเนียม
เกลือแอซิเตตสามารถเตรียมได้อีกวิธี โดยการทำปฏิกิริยาระหว่างกรดแอซิติกกับเบสที่เหมาะสม เช่นปฏิกิริยาระหว่างน้ำส้มสายชูกับผงฟู:
NaHCO3 + CH3COOH → CH3COONa + CO2 + H2O
เกลือแอซิเตตทดสอบได้โดยการทำปฏิกิริยากับสารละลายไอเอิร์น(III)คลอไรด์ ให้สารเชิงซ้อนสีแดงเข้ม ซึ่งจะจางหายไปเมื่อทำให้สารละลายเป็นกรด อีกวิธีการทดสอบที่ว่องไวกว่า คือการใช้แลนทานัมไนเตรต ไอโอดีน และแอมโมเนีย ซึ่งจะให้สารละลายสีฟ้า นอกจากนี้การให้ความร้อนแก่เกลือแอซิเตตกับอาร์เซนิกไตรออกไซด์จะให้ ซึ่งมีกลิ่นเหม็น
สารอนุพันธ์อื่น
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เกลือแอซิเตตที่มีความสำคัญทางพาณิชย์เช่น
- โซเดียมแอซิเตต ใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเป็นสารกันบูด (E262)
- คอปเปอร์(I)แอซิเตต ใช้เป็นผงสีและสารฆ่าเชื้อรา
- อะลูมิเนียมแอซิเตต และไอเอิร์น(II)แอซิเตต ใช้เป็นมอร์แดนต์
- แพลเลเดียม(II)แอซิเตต ใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในเคมีอินทรีย์ เช่น ปฏิกิริยาเฮค
กรดแอซิติกที่ถูกเติมแฮโลเจนที่มีความสำคัญทางพาณิชย์เช่น
- กรดคลอโรแอซิติก ใช้ในการสังเคราะห์สีย้อมคราม
- กรดโบรโมแอซิติก นำไปทำปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชันได้เอทิลโบรโมแอซิเตต ซึ่งเป็นรีเอเจนต์
- กรดไตรฟลูออโรแอซิติก เป็นรีเอเจนต์ในเคมีอินทรีย์
กรดแอซิติกประมาณร้อยละ 5 - 10 ของกำลังผลิตทั่วโลกใช้ในการสังเคราะห์อนุพันธ์เหล่านี้
ประวัติศาตร์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
มวลสารระหว่างดาว
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ดูเพิ่ม
- , หมู่ CH3-CO
- แอซิเตต
อ้างอิง
- Scientific literature reviews on generally recognised as safe (GRAS) food ingredients. National Technical Information Service. 1974. p. 1.
- "Chemistry", volume 5, Encyclopædia Britannica, 1961, page 374
- Nomenclature of Organic Chemistry : IUPAC Recommendations and Preferred Names 2013 (Blue Book). Cambridge: The . 2014. p. 745. doi:10.1039/9781849733069-00648. ISBN .
- "acetic acid_msds".
- Lange's Handbook of Chemistry, 10th ed.
- NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards. "#0002". (NIOSH).
- "Acetic acid". Immediately Dangerous to Life and Health Concentrations (IDLH). (NIOSH).
- พจนานุกรมศัพท์วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี, สสวท. (สืบค้น "acetic")
- IUPAC Provisional Recommendations 2004 Chapter P-12.1; page 4
- Armarego, W.L.F.; Chai, Christina (2009). Purification of Laboratory Chemicals, 6th edition. Butterworth-Heinemann. ISBN .
- Cooper, Caroline (9 August 2010). Organic Chemist's Desk Reference (2 ed.). CRC Press. pp. 102–104. ISBN .
- DeSousa, Luís R. (1995). Common Medical Abbreviations. Cengage Learning. p. 97. ISBN .
- Hendrickson, James B.; Cram, Donald J.; Hammond, George S. (1970). Organic Chemistry (3 ed.). Tokyo: McGraw Hill Kogakusha. p. 135.
- Goldberg, R.; Kishore, N.; Lennen, R. (2002). (PDF). Journal of Physical and Chemical Reference Data. 31 (2): 231–370. Bibcode:2002JPCRD..31..231G. doi:10.1063/1.1416902. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 6 October 2008.
- [H3O+] = 10−2.4 = 0.4%
- Jones, R. E.; Templeton, D.H. (1958). "The crystal structure of acetic acid". Acta Crystallographica. 11 (7): 484–487. doi:10.1107/S0365110X58001341.
- Briggs, James M.; Toan B. Nguyen; William L. Jorgensen (1991). "Monte Carlo simulations of liquid acetic acid and methyl acetate with the OPLS potential functions". Journal of Physical Chemistry. 95 (8): 3315–3322. doi:10.1021/j100161a065.
- Togeas, James B. (2005). "Acetic Acid Vapor: 2. A Statistical Mechanical Critique of Vapor Density Experiments". Journal of Physical Chemistry A. 109 (24): 5438–5444. Bibcode:2005JPCA..109.5438T. doi:10.1021/jp058004j. PMID 16839071.
- McMurry, John (2000). Organic Chemistry (5 ed.). Brooks/Cole. p. 818. ISBN .
- Zieborak, K.; Olszewski, K. (1958). Bulletin de l'Academie Polonaise des Sciences-Serie des Sciences Chimiques Geologiques et Geographiques. 6 (2): 3315–3322.
{{}}
: CS1 maint: untitled periodical () - Cheung, Hosea; Tanke, Robin S.; Torrence, G. Paul, "Acetic Acid", , Weinheim: Wiley-VCH, doi:10.1002/14356007.a01_045.pub2
- Fiume, M. Z.; Cosmetic Ingredients Review Expert Panel (June 2003). "Final report on the safety assessment of triacetin". International Journal of Toxicology. 22 (Suppl 2): 1–10. doi:10.1080/747398359. PMID 14555416.
- Buckingham, J., บ.ก. (1996). Dictionary of Organic Compounds. Vol. 1 (6th ed.). London: Chapman & Hall. ISBN .
- Cheung, Hosea; Tanke, Robin S.; Torrence, G. Paul, "Acetic Acid", , Weinheim: Wiley-VCH, doi:10.1002/14356007.a01_045.pub2
- Yoneda, N.; Kusano, S.; Yasui, M.; Pujado, P.; Wilcher, S. (2001). "Recent advances in processes and catalysts for the production of acetic acid". Applied Catalysis A: General. 221 (1–2): 253–265. doi:10.1016/S0926-860X(01)00800-6.
- Roscher, Günter, "VInyl Esters", , Weinheim: Wiley-VCH, doi:10.1002/14356007.a27_419
- Malveda, Michael; Funada, Chiyo (2003). . Chemicals Economic Handbook. SRI International. p. 602.5000. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 October 2011.
- Held, Heimo; Rengstl, Alfred; Mayer, Dieter, "Acetic Anhydride and Mixed Fatty Acid Anhydrides", , Weinheim: Wiley-VCH, doi:10.1002/14356007.a01_065
- Charlot, G.; Murray, R. G. (1954). Qualitative Inorganic Analysis (4 ed.). CUP Archive. p. 110.
- Neelakantam, K.; Row, L Ramachangra (1940). "The Lanthanum Nitrate Test for Acetatein Inorganic Qualitative Analysis" (PDF). สืบค้นเมื่อ 5 June 2013.
- Brantley, L. R.; Cromwell, T. M.; Mead, J. F. (1947). "Detection of acetate ion by the reaction with arsenious oxide to form cacodyl oxide". Journal of Chemical Education. 24 (7): 353. Bibcode:1947JChEd..24..353B. doi:10.1021/ed024p353. ISSN 0021-9584.
- Malveda, Michael; Funada, Chiyo (2003). . Chemicals Economic Handbook. SRI International. p. 602.5000. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 October 2011.
แหล่งข้อมูลอื่น
- International Chemical Safety Card 0363
- National Pollutant Inventory – Acetic acid fact sheet
- NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards
- Method for sampling and analysis
- 29 CFR 1910.1000, Table Z-1 (US Permissible exposure limits)
- ChemSub Online: Acetic acid
- Calculation of vapor pressure, liquid density, dynamic liquid viscosity, surface tension of acetic acid
- Acetic acid bound to proteins in the
- Process Flow sheet of Acetic acid Production by the
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
krdnasm hrux krdaexsitik xngkvs acetic acid hruxmichuxtamrabbwa krdexthaonxik epnsarprakxbxinthriyinsthanakhxngehlwirsi misutrekhmiwa CH3COOH bangekhiynepn CH3CO2H hrux C2H4O2 nasmsaychumikrdaexsitiktngaet 4 txprimatrkhunip thaihkrdaexsitikepnswnprakxbhlkkhxngnasmsaychunxkcakna krdaexsitikyngmirsepriywaelaklinchunechphaatw nxkcaknasmsaychuinkhrweruxnaelw yngmikarphlitkrdaexsitikepnsartngtnkhxngphxliiwnilaexsietd aelaeslluolsaexsietd cdepnkrdxxnenuxngcakaetktwbangswninsarlalay aetkrdaexsitikekhmkhnmivththikdkrxnaelasamarthrakhayekhuxngphiwhnngidkrdnasm Skeletal formula of acetic acid Spacefill model of acetic acidSkeletal formula of acetic acid with all explicit hydrogens added Ball and stick model of acetic acidchuxkrdaexsitikchuxxun nasmsaychu emuxecuxcang ihodrecnaexsiett Hydrogen acetate HAc krdmiethnkharbxksilik Methanecarboxylic acid elkhthaebiynelkhthaebiyn CAS 64 19 7 Y3D model rupphaphaebbottxb3DMet B00009twyx AcOH506007CHEBI 15366 YChEMBL539 Yekhmsipedxr 171 Ydrkaebngk DB03166 Y100 000 528200 580 7elkhxi E26013801058D00010 NMeSH Acetic acidphbekhm CID 176AF1225000Q40Q9N063P YUN number 2789 EPA DTXSID901022438 DTXSID5024394 DTXSID901022438InChI 1S C2H4O2 c1 2 3 4 h1H3 H 3 4 YKey QTBSBXVTEAMEQO UHFFFAOYSA N YCC O Okhunsmbtisutrekhmi C 2H 4O 2mwlomelkul 60 052 g mol 1lksnathangkayphaph khxngehlwirsiklin ehmuxnnasmsaychukhwamhnaaenn 1 049 g cm 3 ehlw 1 27 g cm 3 aekhng cudhlxmehlw 16 17 xngsaeslesiys 61 62 xngsafaerniht 289 290 ekhlwincudeduxd 118 119 xngsaeslesiys 244 246 xngsafaerniht 391 392 ekhlwinlalayinna ekhaknid 0 28khwamdnix 11 6 mmHg 20 C 4 756ebs aexsiett x 31 54 10 6 cm3 moldchnihkehaesng nD 1 371 VD 18 19 khwamhnud 1 22 mPa s1 74 Dxunhekhmikhwamcukhwamrxn C 123 1 J K 1 mol 1 S 298 158 0 J K 1 mol 1 DfH 298 483 88 483 16 kJ mol 1 DcH 298 875 50 874 82 kJ mol 1ephschwithyaATC code WHO S02AA10khwamxntray xntrayH226 H314P280 P305 P351 P338 P310NFPA 704 fire diamond 32040 xngsaeslesiys 104 xngsafaerniht 313 ekhlwin 427 xngsaeslesiys 801 xngsafaerniht 700 ekhlwin 4 16 primanhruxkhwamekhmkhn LD LC LD50 3 31 g kg 1 oral rat LC50 5620 ppm mouse 1 hr 16000 ppm rat 4 hr US health exposure limits Permissible TWA 10 ppm 25 mg m3 Recommended TWA 10 ppm 25 mg m3 ST 15 ppm 37 mg m3 Immediate danger 50 ppmsarprakxbxunthiekiywkhxngknkrdkharbxksilikthiekiywkhxng krdfxrmiksarprakxbthiekiywkhxng exthanxlhakmiidrabuepnxun khxmulkhangtnnikhuxkhxmulsar n phawamatrthanthi 25 C 100 kPa xangxingklxngkhxmul krdaexsitikepnkrdkharbxksilikthieriybngaythisudepnxndbsxng rxngcakkrdfxrmik prakxbdwyhmuemthiltxkbhmukharbxksil krdaexsitikepnsarekhmisakhyaelasarekhmixutsahkrrm sungichepnhlkinkarphliteslluolsaexsietdsahrbphaphyntrphaphthay phxliiwnilaexsietdsahrbkawthaim aelaiyaelaesniysngekhraah inkhrweruxn krdaexsitikecuxcangichepnsarkhcdtakrnkartngchuxnkekhmiaelashphaphekhmibrisuththiaelaekhmiprayuktrahwangpraeths IUPAC niymichchuxsamy krdaexsitik khnathichuxtamrabbkhux krdexthaonxik chuxkrdaexsitikmiraksphthmacakkhaphasalatin acetum aeplwanasmsaychu krdaeklechiylaexsitik epnchuxsahrbkrdaexsitikthi anhydrous odychuxni sungkhwamhmaykhlaykbkhaphasaeyxrmn Eisessig aeplwanaaekhngnasmsaychu macakokhrngsrangphlukthimilksnakhlaynaaekhng sungkxtwemuxtakwaxunphumihxngelknxythi 16 6 xngsaeslesiys 61 9 xngsafaerniht na 0 1 thaihcudhlxmehlwchxngsarldlng 0 2 C ekhruxnghmaysamykhxngkrdaexsitikkhux AcOH odythi Ac epnsylksnaethn acetyl group CH3 C O inkhnathimikhuebsepnaexsiettixxxn CH3 COO aelaaethnody AcO inthini Ac imichsylksnkhxngthatuaexkthieniym okhrngsrangekhmikhxngkrdaexsitikmkekhiyndngni CH3 C O OH CH3 C O OH CH3 COOH aela CH3 CO2 H emuxklawthung mkichsylksn HAc odythi Ac aethnepnaexsiettixxxn aexsiettkhuxixxxnthiekidcakkarthikrdaexsitikesiy H chuxaexsiettxacepnekluxthimiaexnixxxnhruxexsethxrkhxngkrdaexsitikkhunsmbtikhwamepnkrd ihodrecnxtxmin COOH inkrdkharbxksilikechn krdaexsitik samarthaeyktwxxkcakomelkuldwywithiixxxineschn ionization CH3CO2H CH3CO2 H krdaexsitikmikhwamepnkrdephraasamarthaetktwinnaaelaihoprtxn H krdaexsitikepnkrdxxnthisamarthihoprtxnidephiyngtwediyw monoprotic acid krdaexsitikinsarlalaymi 4 76 khakhngthikaraetktwkhxngkrd khuebskhxngkrdnikhuxaexsiettixxxn CH3COO sarlalaythimikhwamekhmkhn 1 0 M ethiybethakbkhwamekhmkhnkhxngnasmsaychuthwip mi pH 2 4 sungbngbxkwamiephiyngaekh 0 4 omelkulkhxngkrdaexsitikthiaetktw aetthwathasarlalaymikhwamekhmkhnthitamak lt 10 6 M khakaraetktwkhxngomelkulkrdaexsitikephimkhunmakkwa 90 iskhlikidemxr cyclic dimer khxngkrdaexsitik esnpra siekhiyw aethnphnthaihodrecnokhrngsrangsar omelkulkhxngaekhngkhxngkrdaexsitikkxtwepnhwngos odythiomelkulaetlaxntxkndwyphnthaihodrecn omelkulaekskrdaexsitikcaechuxmaelasrangokhrngsrangemuxmixunphumithung 120 xngsaeslesiys 248 xngsafaerniht okhrngsrangidemxrkhxngkrdaexsitikekidkhuninsthanakhxngehlwechnknemuxsarlalaymikhwamekhmkhnkhxngkrdnxyaelatwthalalaythiimsrangphnthaihodrecn ekidkhuninkrdaexsitikbrisuththielknxyaetokhrngsrangmkcathukrbkwnodytwthalalaythisrangphnthaihodrecn exnthalpikaraeyktwkhxngokhrngsrangidemxrmikhapraman 65 0 66 0 kJ mol exnothrpikaraeyktwmikhapraman 154 157 J mol 1 K 1 krdkharbxksilikchnidxunmiphvtikrrmkarsrangphnthaihodrecnrahwangomelkulkhlaykhlungkbkrdaexsitik khunsmbtikhxngtwthalalay krdaexsitikinsthanakhxngehlwepntwthalalaythilalayinnaiddi enuxngcakmikhw aelasamarthihoprtxnid echnediywkbexthanxlaelana enuxngcakkrdaexsitikmikhakhngthiidxielkthrik dielectric constant inradbpanklangethakb 6 2 thaihkrdaexsitiksamarthlalayidthnginsarthimikhwechn ekluxxninthriyaelanatal aelasarthiimmikhwechn namn sarlalaythiidcakkarphsmkhxngkrdaexsitikaelatwthalalaythimikhwaelaimmiechn na khlxorfxrm aelaehkesn epnsarenuxediyw aetthwaemuxphsmkrdaexsitikkbtwthalaythimikhwamepndangsungechn octane sarlalaythiidcaepnsarenuxphsm nxkcaknikhwamsamarthinkarsrangsarenuxediywemuxphsmkrdaexsitikkbtwthalalaycanxylngemuxtwthalalaymiokhrngaexlekhnthiyaw khunsmbtitwthalalayaelakarthaihepnenuxediywkhxngkrdaexsitiksrangpraoychnihkbthangxutsahkrrmthangekhmiechn karnakrdaexsitikepntwthalalayinkarphlit Dimethyl terephthalate chiwekhmi n pH inrangkay krdaexsitikmkthicaaeyktwepnoprtxnaelaaexsiettxyangsmburn sungidmakcakkrdaexsitikepnphunthansakhysahrbsingmichiwitthukrupaebb aexsitilokhexnism ex mikhwamsakhyinkaryxyslayxaharcaphwkkharobihedrtaelaikhmn krdaexsitikimehmuxnkbkrdkharbxksilikthimiomelkulthiyaw krdikhmn trngthiwakrdaexsitikimmixyuinitrkliesxirdtamthrrmchati aetthwaitrkliesxird epnitrkliesxirdethiymthimkcathukichepnsarecuxpnxahar prathin aelayatha aebkhthieriyodyechphaa Acetobacter aelaechuxculinthriy samarthphlitaelahlngkrdaexsitikid aebkhthieriyehlanimkcathukphbecxthwolkinxahar na aela din nxkcaknikrdaexwitiksamarththukphlitodyphlimaelaxaharxun emuxesiy krdaexsitikyngepnwthudibsakhyinkarphlitkhxngmnusyaelaxun odykrdaexsitikmihnathiepnyaptichiwnaephuxchwyybyngkarecriyetibotkhxngaebkhthieriykarphlitkarphlitkrdnasminxutsahkrrmichthngkarsngekhraahodytrngaelakarhmkodyaebkhthieriy rxyla 75 khxngkrdaexsitikthiichinxutsahkrrmekhmimacakptikiriyakharbxnilelchnkhxngemthanxl xikephiyngrxyla 10 macakkrabwnkarthangchiwwithya aetswnnimikhwamsakhyenuxngcakkdhmaykhwbkhumxaharinbangsthanthi bngkhbihnasmsaychuinxahartxngmacakthrrmchati krabwnkarxunprakxbdwyixosemxireschnemthilfxremth karaeplngsinaeksepnkrdnasm aelaptikiriyaxxksiedchnsthanaaekskhxngexthilinaelaexthanxl bxykhrngkrdnasmepnphlitphnthkhangekhiyngkhxngptikiriyatang khux rahwangkarsngekhraahkrdxakhrilikaekhthalitiksungimepnenuxediywkn hruxkarphlitkrdaelktikdwykarhmk inpi 2003 2005 karphlitkrdnasmbrisuththithwolkrwmmikarpraeminiwthi 5 lantntxpi incanwnnirawkunghnungmikarphlitinshrth karphlitkhxngyuorpxyuthipraman 1 lantntxpi aelakarphlitkhxngyipunxyuthi 0 7 lantntxpi mikarriisekhilxik 1 5 lantntxpi thaihtladolkrwmmipriman 6 5 lantntxpi nbaetnnkarphlitthwolkephimkhunepn 10 7 lantntxpi inpi 2010 aelaephimkhuneruxy xyangirkdimikarthanaywakarphlitdngklawcaephimkhuninxtrachalng phuphlitkrdnasmbrisuththirayihysudkhxngolk idaek Celanese aela BP Chemicals kharbxnilelchnkhxngemthanxl krdaexsitikswnihymacakkarthaptikiriyakharbxnilelchnkhxngemthanxl odyemthanxlthaptikiriyakbkharbxnmxnxkisdekidepnkrdaexsitiktamsmkar krabwnkarnimiixoxodmiethnepnsartwklang aelaekidkhuninsamkhntxn caepntxngichkharbxnilolhasahrbptikiriyakharbxnielchn khnthi 2 CH3OH HI CH3I H2O CH3I CO CH3COI CH3COI H2O CH3COOH HI mikrabwnkarthiekiywkhxngknsxngkrabwnkarsahrbptikiriyakharbxnielchnkhxngemthanxl idaek krabwnkarmxnsanotthimiorediymepntwerngptikiriya aelakrabwnkarkhatiwathimixiriediymepntwerngptikiriya krabwnkarkhatiwaniepnmitrtxsingaewdlxmaelamiprasiththiphaphmakkwa aelaerimichknaephrhlaymakkwakrabwnkarmxnsanotaelw mikarichnaepntwerngptikiriyainkrabwnkarthngsxng aetkrabwnkarkhatiwaichnanxykwa dngnnptikiriyakareluxnna aekscathukrangb aelaekidphlitphnthkhangekhiyngnxykwa emuxmikarepliynaeplngsphaphkrabwnkar aexsitikaexnihidrdxacthukphlitkhuncaksthanthiphlitediywknodyichtwerngptikiriyaorediym xxksiedchnkhxngxaestldiihd kxnmikarichkrabwnkarmxnsanotinechingphanichy krdnasmswnihyphlitkhuncakptikiriyaxxksiedchnkhxngxaestldiihd pccubnkrabwnkarniyngepnwithikarphlitthisakhythisudepnxndbthi 2 aempkticaimsamarthaekhngkhnkbptikiriyakharbxnielchnkhxngemthanxlid xaestldiihdnisamarthphlitidcakptikiriyaihedrchnkhxngxaesthilin sungepnethkhonolyithiichknmakthisudinchwngtnkhriststwrrsthi 20 xngkhprakxbaenfthaebathukxxksiidsxyangrwderwodyxxksiecnhruxxakasekidepnepxrxxkisd sungyxyslayepnkrdnasm dngsmkarekhmithiaesdngdwybiwethn 2 C4H10 5 O2 4 CH3CO2H 2 H2O ptikiriyaxxksiedchndngklawtxngichtwerngptikiriyaolha echn ekluxaenfthientkhxngaemngkanis okhxltaelaokhremiym trngaebbcamikardaeninptikiriyathixunhphumiaelakhwamdnthixxkaebbmaihmixunhphumisungsudthiepnipid khnathiyngihbiwethnmisthanakhxngehlw sphaphptikiriyatrngaebbkhux xunhphumi 150 C aelakhwamdn 55 brryakas xacmiphlitphnthkhangekhiyngekidkhunid echn biwthaonn exthilaexsietd krdfxrmikaelakrdophriphoxnik phlitphnthkhangekhiyngehlaniyngsamarthkhayidrakhadi aelaxacmikarprbepliynsphawakhxngptikiriyaephuxihphlitsarehlanimakkhunidtamtxngkar xyangirkdi haktxngkaraeykkrdnasmcakphlitphnthkhangekhikhyngehlanicathaihkrabwnkarmitnthunsungkhun phayitsphawathikhlayknaelaichtwerngptikiriyaxyangediywknkbthiichinptikiriyaxxksiedchnkhxngbiwethn xxksiecninxakassamarthxxksiidsxaestldiihdephuxphlitkrdnasmid 2 CH3CHO O2 2 CH3CO2H ptikiriyaniemuxichtwerngptikiriyasmyihmsamarthmixtraphlitkrdnasmkwarxyla 95 phlitphnthkhangekhiyngthisakhy khux exthilaexsietd krdfxrmikaelafxrmldiihd thnghmdmicudhlxmehlwtakwakrdnasmaelasamarthaeykidxyangrwderwodykarkln xxksiedchnkhxngexthilin xaestldiihdxacetriymidcakexthilindwykrabwnkarwkekhxr aelwcungxxksiidstamptikiriyakhangtn insmyhlng bristhekhmi ochwaedngoka sungepidorngxxksiedchnexthilinincnghwdoxxitakhxngyipuninpi 1997 epnphukhaykaraeplngexthilinepnkrdnasmodyichkhntxnediywaelamirakhathukkwa krabwnkardngklawmitwerngptikiriyaolhaphlelediym ephimetimcakkrdehethxorphxli echn krdsiliokthngstik krabwnkarkhlayknyngichtwerngpt ikiriyaolhaediywknkbkrdsiliokthngstikaelasilika C2H4 O2 CH3CO2H khadknwaptikiriyaniaekhngkhnidkbptikiriyakharbxnielchnkhxngemthanxlsahrborngphlitkhnadelkkwa 1 2 5 aesntntxpi khunkbrakhaexthilininthxngthinnn withikarnicaxasykarichpraoychncakethkhonolyixxksiedchnerngptikiriyadwyaesngecaacngaebbihmsahrbxxksiedchnkhxngexthilinaelaxiethnaebbeluxkepnkrdnasm krabwnkarxxksiedchnaebbeluxknitangcaktwerngptikiriyaxxksiedchnaebbedimtrngthiichaesngyuwiephuxphlitkrdnasmthixunhphumiaelakhwamdnodyrxb karhmkaebbichxxksiecn inprawtisastrswnihykhxngmnusyichaebkhthieriyinskul Acetobacter phlitkrdnasm inrupkhxngnasmsaychu emuxmixxksiecnephiyngphx aebkhthieriyehlanisamarthphlitnasmsaychuididcakxaharthimiaexlkxhxlhlayxyang xaharthiicheliyngaebkhthieriyknthwip idaek isedxraexpepil iwn aelathyphuch mxlt khawhruxmnfrngbdhmk ptikiriyaekhmirwmthiekidkhuncakaebkhthieriydngklaw khux C2H5OH O2 CH3COOH H2O emuxis Acetobacter lnginsarlalayaexlkxhxlecuxcang aelwekbrksaiwinthixbxunaelaxakasthayeth caekidnasmsaychuemuxewlaphanipimkieduxn withikarphlitnasmsaychuradbxutsahkrrmcaerngkrabwnkarniodykarephimprimanxxksiecnihaekaebkhthieriy nasmsaychuthiekidcakkarhmkinyukhaerk xacekidkhunhlngkhxphidphladinkrabwnkarphlitiwn thamikarhmknaphlimkhnihmhruxiwnihm must thixunhphumisungekidip aebkhthieriy Acetobacter caephimcanwnmakkwayistthiekidkhuntamthrrmchatiinxngun emuxmixupsngkhsahrbnasmsaychumakkhunephuxwtthuprasngkhinkarprakxbxahar karaephthy aelakarsukhaphibal phuphlitiwncungruckichsarxinthriyxuninkarphlitnasmsaychuinvdurxnkxnxngunsukaelaphrxmaeprrupepniwn thwawithikarniichewlanan aelaimprasbkhwamsaercesmxip ephraaimekhaickrabwnkar krabwnkarphlitnasmsaychuechingkarkhasmyihmaerk khux withierw hrux withieyxrmn sungrierimkhuninpi 1823 inkrabwnkarni karhmkcaekidkhuninhxkhxythixdaenndwyaephnimhruxthan xaharthimiaexlkxhxlcathukethlngmacakyxdhxkhxy aelaepidihxakasekhaidcakdanlangdwykarphatamthrrmchatihruxbngkhb krabwnkarnimiprimanxakasephimkhunchwyynewlakaretriymnasmsaychucakhlayeduxnlngehluxhlayspdah pccubnnasmsaychuswnihyphlitinkarephaaeliynginthngitna sungmikarxthibaykhrngaerkinpi 1949 ody Otto Hromatka aela Heinrich Ebner inwithikarnicamikarhmkaexlkxhxlinthngthimikarkhnhruxkwnxyutxldewla aelamikarisxxksiecnodyxdxakasphansarlalay karichwithikarsmyihmnithaihnasmsaychuthimikrdnasm 15 samarthphlitidinewla 24 chwomnginkrabwnkarkhrnghnung hruxxacthung 20 inkrabwnkar 60 chwomng karhmkodyimichxxksiecn swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidkarichnganiwnilaexsiettomonemxr krdaexsitikthukichinkarphlit vinyl acetate monomer inpi 2008 karphlitsarchnidnithukkhadkarwabriophkhkrdaexsitikcanwnhnungswnsamkhxngkarphlitkrdaexsitikkhxngolk ptikiriyanierimcakkarnasarinsthanaaeks exthilin xxksiecn aelakrdaexsitik maphandwytwerngptikiriyaaephlelediym The reaction consists of ethylene and acetic acid with oxygen over a palladium catalyst conducted in the gas phase 2 H3C COOH 2 C2H4 O2 2 H3C CO O CH CH2 2 H2O iwnil aexsietdsamarthrwmtwepnlukosaelaklayepnhruxphxliemxrxun sungepnwtthudibinkarphlitsiaelakaw karphlitexsetxr exsethxrhlkkhxngkrdaexsitikechn ethyl acetate n butyl acetate isobutyl acetate propyl acetate thukichepntwthalalaysahrbhmuk si aelanayaekhluxb odythwipaexsitikexsethxrehlanicathukphlitdwyptikiriyaerngrahwangkrdaexsitikaelaaexlkxhxl H3C COOH HO R H3C CO O R H2O R hmuaexlkhil thwip aetthwaexsethxrswnmakthukphlitdwy odyich acetaldehyde nxkcakniexsethxraexsiettthukichepntwthalalaysahrb nitrocellulose siphnxakhrilikhaelkhekxr nayalangekhluxbphiwim aelasithaim glycol monoethers thukphlitodyichexthilinxxkisd ethylene oxide hrux propylene oxide kbaexlkxhxl aelaephuxmathaptikiriyakbkrdaexsitik samphlitphnthhlkcakptikiriyanikhux exthiliniklkhxlomonexthilxiethxraexsiett glycol monoethyl ether acetate EEA exthiliniklkhxlomonbiwthilxiethxraexsiett thylene glycol monobutyl ether acetate EBA aelaophriphliniklkhxlomonemththilxiethxraexsiett propylene glycol monomethyl ether PMA hrux PGMEA epnchuxthiniymichinkrabwnkarphlitsarkungtwna odymisarniepntwthalalay rxyla 15 thung 20 khxngkrdaexsietkthnghmdthukichephuxkarphlitsarni xiethxraexsiett echn EEA thukphbwamiphlxntraytxkarsubphnthukhxngmnusy aexsitikaexnihdrayd acetic anhydride ekidcakkarkhwbaennkhxngsxngomelkulkhxngkrdaexsitik enuxngcaksarchnidnimikarichnganthihlakhlay rxyla 25 thung 30 khxngkrdaexsitikthnghmdthukichephuxkarphlitsarchnidni odykhntxninkarphlitaexsitikaexnihdraydmikardungomelkulnaxxkcakkrdaexsitikinxunphumi 700 thung 750 C ephuxihomelkulmiokhrngsrangepn ketene hlngcaknnkhithincathaptikiriyakrdaexsitikephuxphlitaexnihdrayd CH3CO2H CH2 C O H2O CH3CO2H CH2 C O CH3CO 2O aexsitikaexnihdraydsamarththahnathiepnsarephimklumaexesthil acetylation agent ephraachannaelwaexsitikaexnihdraydthukichinkarphlit cellulose acetate sungepnesniysngekhraahthiichsahrbphlitaephnthayrup aexsitikaexnihdraydyngthukichsahrbphlitehorxinaelasarprakxbxun karichepntwthalalay swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidpraoychnthangkaraephthy swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidxahar swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidptikiriyathangekhmiswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidsarxinthriy swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniid krdaexsitiksamarththaptikiriyathwipkhxngkrdkharbxksilik emuxthaptikiriyakbsarlalayebsthwipcaihekluxaexsiettkbna echn CH3COOH NaOH CH3COONa H2O hakichebsthiaekmak echnphwkxxrkaonliethiym xacekidkaresiyoprtxnthitaaehnngxlfakharbxndwy echn CH3COOH 2CH3Li LiCH2COOLi 2CH4 karthaptikiriyaridkchnkrdaexsitikihaexestaldiihdaelaexthanxltamladb krdaexsitiksamarthekidepnxnuphnthkrdkharbxksilik echnaexsitilkhlxirdaelaaexsitikaexnihdrayd rwmthungkarekidexsethxrkbeximd emuxkrdaexsitikthukihkhwamrxnsungkwa 440 C caslaytwihkharbxnidxxkisdkbmiethn hruxkhithinkbna CH3COOH CH4 CO2 CH3COOH CH2 C O H2O ptikiriyathangekhmikbsarxninthriy swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniid krdaexsitikmivththikdkrxnphxpramantxolha echnaemkniesiym sngkasi aelaehlk ekidepnaeksihodrecnkbekluxaexsiett Mg 2 CH3COOH CH3COO 2Mg H2 sahrbolhaxalumieniym samarthsrangchnkhxngxalumieniymxxkisdsungthnkrdekhluxbphiwexaiw inkarkhnsngkrdaexsitikcungmkbrrcuinphachnaxalumieniym ekluxaexsiettsamarthetriymidxikwithi odykarthaptikiriyarahwangkrdaexsitikkbebsthiehmaasm echnptikiriyarahwangnasmsaychukbphngfu NaHCO3 CH3COOH CH3COONa CO2 H2O ekluxaexsiettthdsxbidodykarthaptikiriyakbsarlalayixexirn III khlxird ihsarechingsxnsiaedngekhm sungcacanghayipemuxthaihsarlalayepnkrd xikwithikarthdsxbthiwxngiwkwa khuxkarichaelnthanminetrt ixoxdin aelaaexmomeniy sungcaihsarlalaysifa nxkcaknikarihkhwamrxnaekekluxaexsiettkbxaresnikitrxxkisdcaih sungmiklinehmn sarxnuphnthxun swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniid ekluxaexsiettthimikhwamsakhythangphanichyechn osediymaexsiett ichinxutsahkrrmsingthxaelaepnsarknbud E262 khxpepxr I aexsiett ichepnphngsiaelasarkhaechuxra xalumieniymaexsiett aelaixexirn II aexsiett ichepnmxraednt aephlelediym II aexsiett ichepntwerngptikiriyainekhmixinthriy echn ptikiriyaehkh krdaexsitikthithuketimaeholecnthimikhwamsakhythangphanichyechn krdkhlxoraexsitik ichinkarsngekhraahsiyxmkhram krdobromaexsitik naipthaptikiriyaexsethxrifiekhchnidexthilobromaexsiett sungepnriexecnt krditrfluxxoraexsitik epnriexecntinekhmixinthriy krdaexsitikpramanrxyla 5 10 khxngkalngphlitthwolkichinkarsngekhraahxnuphnthehlaniprawtisatrswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidmwlsarrahwangdaw swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidphlkrathbtxsukhphaphaelakhwamplxdphyswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidduephim hmu CH3 CO aexsiettxangxingScientific literature reviews on generally recognised as safe GRAS food ingredients National Technical Information Service 1974 p 1 Chemistry volume 5 Encyclopaedia Britannica 1961 page 374 Nomenclature of Organic Chemistry IUPAC Recommendations and Preferred Names 2013 Blue Book Cambridge The 2014 p 745 doi 10 1039 9781849733069 00648 ISBN 978 0 85404 182 4 acetic acid msds Lange s Handbook of Chemistry 10th ed NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards 0002 NIOSH Acetic acid Immediately Dangerous to Life and Health Concentrations IDLH NIOSH phcnanukrmsphthwithyasastr khnitsastr aelaethkhonolyi sswth subkhn acetic IUPAC Provisional Recommendations 2004 Chapter P 12 1 page 4 Armarego W L F Chai Christina 2009 Purification of Laboratory Chemicals 6th edition Butterworth Heinemann ISBN 978 1 85617 567 8 Cooper Caroline 9 August 2010 Organic Chemist s Desk Reference 2 ed CRC Press pp 102 104 ISBN 978 1 4398 1166 5 DeSousa Luis R 1995 Common Medical Abbreviations Cengage Learning p 97 ISBN 978 0 8273 6643 5 Hendrickson James B Cram Donald J Hammond George S 1970 Organic Chemistry 3 ed Tokyo McGraw Hill Kogakusha p 135 Goldberg R Kishore N Lennen R 2002 PDF Journal of Physical and Chemical Reference Data 31 2 231 370 Bibcode 2002JPCRD 31 231G doi 10 1063 1 1416902 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 6 October 2008 H3O 10 2 4 0 4 Jones R E Templeton D H 1958 The crystal structure of acetic acid Acta Crystallographica 11 7 484 487 doi 10 1107 S0365110X58001341 Briggs James M Toan B Nguyen William L Jorgensen 1991 Monte Carlo simulations of liquid acetic acid and methyl acetate with the OPLS potential functions Journal of Physical Chemistry 95 8 3315 3322 doi 10 1021 j100161a065 Togeas James B 2005 Acetic Acid Vapor 2 A Statistical Mechanical Critique of Vapor Density Experiments Journal of Physical Chemistry A 109 24 5438 5444 Bibcode 2005JPCA 109 5438T doi 10 1021 jp058004j PMID 16839071 McMurry John 2000 Organic Chemistry 5 ed Brooks Cole p 818 ISBN 978 0 534 37366 5 Zieborak K Olszewski K 1958 Bulletin de l Academie Polonaise des Sciences Serie des Sciences Chimiques Geologiques et Geographiques 6 2 3315 3322 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint untitled periodical Cheung Hosea Tanke Robin S Torrence G Paul Acetic Acid Weinheim Wiley VCH doi 10 1002 14356007 a01 045 pub2 Fiume M Z Cosmetic Ingredients Review Expert Panel June 2003 Final report on the safety assessment of triacetin International Journal of Toxicology 22 Suppl 2 1 10 doi 10 1080 747398359 PMID 14555416 Buckingham J b k 1996 Dictionary of Organic Compounds Vol 1 6th ed London Chapman amp Hall ISBN 978 0 412 54090 5 Cheung Hosea Tanke Robin S Torrence G Paul Acetic Acid Weinheim Wiley VCH doi 10 1002 14356007 a01 045 pub2 Yoneda N Kusano S Yasui M Pujado P Wilcher S 2001 Recent advances in processes and catalysts for the production of acetic acid Applied Catalysis A General 221 1 2 253 265 doi 10 1016 S0926 860X 01 00800 6 Roscher Gunter VInyl Esters Weinheim Wiley VCH doi 10 1002 14356007 a27 419 Malveda Michael Funada Chiyo 2003 Chemicals Economic Handbook SRI International p 602 5000 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 14 October 2011 Held Heimo Rengstl Alfred Mayer Dieter Acetic Anhydride and Mixed Fatty Acid Anhydrides Weinheim Wiley VCH doi 10 1002 14356007 a01 065 Charlot G Murray R G 1954 Qualitative Inorganic Analysis 4 ed CUP Archive p 110 Neelakantam K Row L Ramachangra 1940 The Lanthanum Nitrate Test for Acetatein Inorganic Qualitative Analysis PDF subkhnemux 5 June 2013 Brantley L R Cromwell T M Mead J F 1947 Detection of acetate ion by the reaction with arsenious oxide to form cacodyl oxide Journal of Chemical Education 24 7 353 Bibcode 1947JChEd 24 353B doi 10 1021 ed024p353 ISSN 0021 9584 Malveda Michael Funada Chiyo 2003 Chemicals Economic Handbook SRI International p 602 5000 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 14 October 2011 aehlngkhxmulxunwikiphcnanukrm mikhwamhmaykhxngkhawa acetic wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb krdnasm International Chemical Safety Card 0363 National Pollutant Inventory Acetic acid fact sheet NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards Method for sampling and analysis 29 CFR 1910 1000 Table Z 1 US Permissible exposure limits ChemSub Online Acetic acid Calculation of vapor pressure liquid density dynamic liquid viscosity surface tension of acetic acid Acetic acid bound to proteins in the Process Flow sheet of Acetic acid Production by the bthkhwamekhminiyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk